ตอนที่ 12 หน้า 4 มีการเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ตรงตามบทโทรทัศน์ทางช่อง 7 สี ตัวหนังสือสีแดงคือเรื่องราวที่เพิ่มเติมใหม่
มาหยารัศมี ตอนที่ 12
เจิมขับรถที่มีชุติมานอนสลบไม่ได้สติมาตามทาง จู่ๆ เสียงมือถือชุติมาดังขึ้น เจิมหักรถจอดข้างทางคว้ากระเป๋ามาเปิดดู เห็นมือถือสองเครื่องในนั้น
“พกมือถือทำไมสองเครื่องวะ? เครื่องหนึ่งก็เก๊า เก่า กระจอก” แล้วหยิบเครื่องที่ดังออกมาดูเห็นเป็นชื่อแม้นเทพ เจิมยิ้มหยัน “สายไปแล้วว๊อยยย..ไอ้แม้นเทพ!”
เจิมโยนมือถือทิ้งไม่ยอมรับสาย
“ทำไมชุไม่รับสาย?”
แม้นเทพประหลาดใจมาก ขณะลงจากรถ ก้าวเดินเข้าไปในแฟลต
ด้านสุดใจยังอยู่ในอาการอกสั่นขวัญแขวน รู้สึกตกใจกลัวมากๆ นึกเรื่องที่ชุติมาเล่า ว่าแม่ไม่ยอมรับว่าเป็นลูก ก็ฉุกคิดไปถึงจอมวายร้ายจันทรา
“หรือว่า แม่ของหนูชุจะคือคุณจันทรา แล้วคุณจันทราจะรู้ว่าหนูชุอยู่กับเรา เลยส่งผู้ชายคนนั้นมาตามเก็บเรา”
ด้วยความกลัวสุดขีด สุดใจวิ่งหนีเตลิดออกไปอีกทาง ไม่ยอมกลับเข้าห้อง
โดยที่ด้านหลังอีกมุม แม้นเทพเดินเข้ามา คลาดกับสุดใจหวุดหวิด
แม้นเทพขึ้นมาเคาะประตูห้องสุดใจ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นห้องล็อกกุญแจสายยูเอาไว้ แม้นเทพหน้าเคร่ง รู้สึกกังวลใจขึ้นมา
“ก็ไม่มีคนอยู่...ก็นัดกันไว้...แล้วชุไปไหน??”
จันทราคุยโทรศัพท์อยู่กับที่โทร.มารายงาน
“พี่เจิมเอาตัวชุติมามาได้แล้วใช่มั้ย? ดีมาก พามันไปอยู่บ้านนอกเลย แล้วอย่าปล่อยให้มันหนีกลับมา จนกว่าฉันจะสั่ง” จันทราวางสาย “นังลูกบ้า ขนาดหนีออกจากบ้าน ก็ยังทำให้ฉันเหนื่อยใจ มันน่าเอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่เด็กจริงๆ”
เพ็ญประกายเดินเข้ามาได้ยินปลายประโยค “เอาขี้เถ้ายัดปากใครตั้งแต่เด็กคะคุณแม่?”
“ก็ชุติมาน่ะสิ...” จันทราบอก
“อ้าว! ไหนคุณแม่เคยบอกว่า เพิ่งได้เจอกับพี่ชุตอนพาเข้ามาอยู่ที่นี่ แล้วจะเอาขี้เถ้าไปยัดปากพี่ชุตั้งแต่เด็กได้ยังไงคะ?” เพ็ญประกายสงสัยขึ้นมา
ยิ่งกังวลสารพัดเรื่องอยู่ มาเจอลูกสาวซักไซ้อีก จันทราชักรำคาญ “โอ๊ย!จะซักอะไรนักหนาเพ็ญประกาย มันเป็นสำนวน รู้จักมั้ยมันเป็นสำนวน”
“ก็คุณแม่พูดจาชวนสงสัย” เพ็ญประกายย้อน มองแม่เขม็งด้วยความสงสัย
จันทราชี้หน้าดุ เสคุยเรื่องธิติรัตน์ “อย่ามามองแม่อย่างนี้นะ เดี๋ยวแม่ได้ตบตาหลุด..ก่อนที่จะยุ่งเรื่องคนอื่นจัดการเรื่องตัวเองก่อนเถอะ เรื่องแต่งงานคุณชายว่ายังไง?”
“เฉไฉตลอด” เพ็ญประกายบ่นออกมา
“เฉไฉดีนัก..งั้นแกก็ให้ข่าวเลยแล้วกัน...คุณชายจะได้ไม่กล้าตุกติก”
ไม่นานหลังจากนั้นนั้นธิติรัตน์นั่งทำงานอยู่ออฟฟิศด้วยท่าทางสุดเซ็ง ก่อนจะรับโทรศัพท์เพ็ญประกายแบบเหนื่อยใจ “ถ้าคุณมาหยาสบายใจที่จะบอกกับนักข่าว ผมก็ตามใจครับ”
เพ็ญประกายหน้าเจื่อน “มาหยาก็ไม่ได้อยากแสดงตัวหรอกนะคะ...แต่เรื่องที่น่ายินดีอย่างนี้ มาหยาคิดว่าควรให้คนที่รักทุกคนได้ทราบ ซึ่งการบอกนักข่าว มาหยาคิดว่า ข่าวจะได้กระจายไปทั่ว อีกอย่าง งานของคุณชายก็ต้องเกี่ยวพันกับนักข่าวอยู่แล้ว”
ธิติรัตน์หงุดหงิดและรำคาญมากขึ้นจึงรีบตัดบท “ได้ครับ...คุณมาหยาจะทำยังไง ก็ตามใจ
ธิติรัตน์วางสาย เพ็ญประกายกำโทรศัพท์แน่น รู้ดีว่า ธิติรัตน์ ไม่เต็มใจนั่นเอง
“ถึงคุณชายจะไม่เต็มใจ แต่เพ็ญเต็มใจที่จะทำค่ะ”
วันต่อมาสรรชัยและดุจแข สองคนนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ คนละห้อง แต่อ่านเจอข่าว ทั้งจากเน็ตและสื่ออื่นๆ ที่ประโคมข่าว
สรรชัยแปลกใจ “คุณชายจะแต่งงานกับมาหยารัศมี
ส่วนดุจแข ทำหน้ายี้ใส่
“คุณชายจะแต่งงานกับยัยเพ็ญประกาย!”
ดุจแขพ่นลมหายใจออกดังฟู่
ขณะที่ธิติรัตน์ทำงานอยู่ที่บริษัท ดุจแขเดินหน้าบึ้งเปิดประตูผลัวะเข้าไปโดยมีเลขาตามมาห้ามหน้าซีด
“อย่าค่ะคุณดุจแข”
“ไม่เป็นไร” ธิติรัตน์พยักหน้าให้เลขาออกไป แล้วถามดุจแขอย่างมีอารมณ์แล้ว “มันเรื่องอะไรอีกแขถึงได้มาทำกิริยาแบบนี้ในออฟฟิศผม”
“แขต้องถามมากกว่าว่าคุณชายเป็นอะไร? ถึงได้แถลงข่าวจะแต่งงานกับยัยบ้านั่น”
ธิติรัตน์ทั้งเซ็ง ทั้งหน่ายขี้เกียจจะต่อความ “บ้าไหน?”
“จะบ้าไหน? ก็ยัยเพ็ญประกายไง คุณชายก็รู้ว่าหล่อนไม่ได้เป็นมาหยารัศมีตัวจริง แล้วยังจะไปทู่ซี้แต่งงานกับมันทำไม?”
ธิติรัตน์นึกรู้ทันที “ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับคุณ...เรื่องราวระหว่างเราหมดเวลาหึงหวงกันแล้ว”
“ใครบอกว่าแขหึงคุณชาย?”
ธิติรัตน์มองหน้าดุแข สองคนสบตากัน ดุจแขพูดเสียงจริงจัง
“ที่แขมานี่เพราะแขเป็นห่วง การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะคะ ฮึ! ขนาดคนเคยรักอย่างแข คุณชายยังไม่ให้โอกาส แล้วนี่คุณชายไม่เคยรักยัยแอ๊บแตก ยัยดัดจริตนั่น คุณชายจะเอาชีวิตไปลงนรกกับเค้าทำไม?” ดุจแขเยาะแกมเหน็บปิดท้าย
“ผมทำหน้าที่ของลูกที่ดี และผมจะทำหน้าที่ของคนรัก ที่ดีได้”
คนรักในที่นี้ของธิติรัตน์หมายถึงเดือนแรมนั่นเอง เขาตระหนักอยู่คนเดียว คนอื่นไม่เข้าใจ ดุจแขย้อนทันที
“แล้วคิดเหรอว่าท่านพ่อของคุณชายจะมีความสุข ที่คุณชายจะแต่งงานกับมาหยารัศมีตัวปลอม”
ธิติรัตน์นิ่งคิดอยู่อย่างนั้น ดุจแขพูดต่อ
“ถ้าคุณชายทำแสดงว่าคุณชายบ้า บ้าที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวด แรมเจ็บปวด คนที่เกี่ยวข้องกับคุณชายทุกคนต้องเจ็บปวด”
ธิติรัตน์เสียงเครียดขึ้นมา “ก่อนที่จะมีความสุข ก็ต้องผ่านความเจ็บปวดทั้งนั้นล่ะ แต่ครั้งนี้ผมคิดว่ามันคุ้ม”
“Oh My God นอกจากคุณชายจะ 3 วันดี 4 วันเหวี่ยงแล้ว คุณชายยังซาดิสต์อีก ชอบทรมาน ชอบความเจ็บปวด..โอเค้ ถ้าคุณชายยังตกลงจะแต่งงานกับยัยแอ๊บแตกเพ็ญ แขจะจัดการเอง” ดุจแขเดินหน้าตั้งออกไปด้วยความโกรธจัด
สีหน้าธิติรัตน์ทั้งเครียด ทั้งกลุ้ม
ดุจแขขับรถทะยานแทบจะเป็นบินพุ่งมาที่บ้านเมิน จอดรถก้าวลงเดินเข้าบ้าน วางมาดราวกับนางพญาเข้าไป เพราะรู้ดีว่าเพ็ญประกายไม่มีอะไรจะสู้ตัวเองได้ เพ็ญประกายมองอย่างหวาดหวั่น
“มาทำไม?”
“มาหาเรื่อง??” ดุจแขมองจิก ก่อนจะเดินวนมองรอบตัว “ถ้าเธอไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณชายหน้าเธอเสียโฉมแน่”
ไม่พูดเปล่า แต่ดุจแขเปิดกระเป๋าหยิบมีดขึ้นมา เพ็ญประกายผงะ ดุจแขสืบเท้าเข้าไปหาพูด
เสียงเหี้ยม “ว่าไง?”
“ทำไมฉันต้องกลัวแก คุณแม่..แป้นๆๆๆๆ คุณแม่ แป้นๆ ช่วยด้วยๆๆ”
เพ็ญประกายแหกปากตะโกนก้อง
จันทรากำลังนอนแช่น้ำในอ่างขัดผิวอย่างสบายอารมณ์ ห้องล็อกสนิทไมได้
ยินเสียง เช่นเดียวกับที่แป้นเปิดเพลงแดนซ์เสียงดังลั่นห้อง ทั้งเต้นทั้งร้องอย่างเมามัน
เพ็ญประกายชักผวาเมื่อไม่เห็นมีใครออกมา ดุจแขหัวเราะ ย่างสามขุมเข้าไปหาช้าๆ พูดเหยียดเย้ย
“โถๆๆๆ กลัวจนหน้าซีดตัวสั่น”
“ฉันจะแจ้งตำรวจ แกมาบุกรุก แกได้เข้าคุกแน่”
“ฉันกล้ามาหาเรื่องแบบนี้ จ้างให้ฉันก็ไม่กลัว”
ดุจแขปราดเข้าไป กระชากแขนเพ็ญประกายสุดแรง
“ว่าไง บอกฉันมา เธอจะเลิกยุ่งกับคุณชายหรือเปล่า?”
“ไม่...” เพ็ญประกายเสียงกร้าว
ดุจแขถามคาดคั้น “ไม่ใช่มั้ย?”
ดุจแขจิกหัวเพ็ญ ทำท่าจะเอามีดมาจ่อคอ เพ็ญประกายปรายตามองที่โต๊ะคว้าหนังสือมา
ฟาดใส่ดุจแขแบบไม่ยั้ง ดุจแขไม่ทันระวังร้องลั่น
“โอ๊ย”
มีดในมือของดุจแขกระเด็นหล่นลงพื้น เพ็ญประกายคว้ามีดขึ้นมากำแน่นในมือ
“ถึงคราวฉันบ้าง”
เพ็ญประกายเงื้อมมีดแทงดุจแข ดุจแขร้องลั่น แต่ท่อนแขนดุจแขไม่มีเลือดซักหยด
เพ็ญประกายชะงัก “มีดปลอม แกเอามีดปลอมมาขู่ฉัน” มองจ้องหน้าดุจแขอย่างโกรธจัด “แกกล้ามากนังดุจแข”
เพ็ญประกายโถมเข้าไปตบใบหน้าดุจแขฉาดใหญ่ ดุจแขไม่ยอม ตบสวนคืน สองสาวแลกตบกันสนั่นไม่มีใครยอมใคร
เดือนแรมเดินมาตามทางระหว่างสองบ้านได้ยินเสียงเหมือนคนตบตีกันอยู่ แถมเสียงดังเอะอะโวยวาย
“พี่เพ็ญ”
เดือนแรมวิ่งตรงไปยังบ้านพ่อทันที
-
เดือนแรมวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง เห็นดุจแขเสียท่าร้องโอดโอยอยู่ โดยมีเพ็ญประกายกัดท่อนแขนจมเขี้ยวไม่ปล่อย ตั้งหน้ากัดๆๆๆ ขย้ำๆๆ
“โอ๊ยเจ็บ!!ปล่อยฉันนะนังหมาบ้า ปล่อย”
เพ็ญประกายพูดอู้อี้ “ไม่!” กัดขย้ำแขนต่อ
เดือนแรมตั้งสติได้ วิ่งเข้าไปห้าม “หยุดค่ะพี่เพ็ญ..คุณดุจแข หยุด”
เดือนแรมพยายามดึงเพ็ญออกจากดุจแข แต่ดุจแขก็เอามืออีกข้างกระชากผมเพ็ญประกายดึงออก แต่เพ็ญประกายไม่ยอมปล่อย ยอมถูกกระชากผม กัดงับแขนอยู่อย่างนั้น
เดือนแรมหันรีหันขวางวิ่งออกไป
สองสาวฟ้อนเล็บตบกันนัว ทั้งขย้ำแขน กระชาก ดึง ทึ้งผมกันต่อ ไม่มีใครยอมใคร เดือนแรมวิ่งกลับเข้ามาพร้อมถังใส่น้ำในมือ สาดโครมเข้าที่ร่างของสองคน สองสาวสำลักน้ำ ยอมปล่อยกัน หันมามองเดือนแรมอย่างเอาเรื่อง
“นังแรม!!
เพ็ญประกายลุกขึ้นได้ก่อน เดือนแรมวิ่งหนีออกไป ขณะที่ดุจแขคว้ากระเป๋าถือที่หล่นฟาดใส่เพ็ญประกายเต็มแรง จนเซและล้มลง จากนั้นดุขแขก็วิ่งตามเดือนแรมไป
ดุจแขตัวเปียกมะล่อกมะแลกวิ่งตามเดือนแรม
“หยุด แรม!” ดุจแขตะโกนสั่ง
“แรมไม่ได้อะไรกับคุณนะคะ แรมแค่มาห้าม ไม่อยากให้ทะเลาะกัน”
“ที่พวกฉันทะเลาะกันก็เพราะเธอ”
“แรมไปเกี่ยวอะไรด้วย?”
“เธอนี่มัน...” ดุจแขทำหน้าขัดเคืองใจ “น่าตบยิ่งกว่านังเพ็ญซะอีก” มองจ้องหน้าเดือนแรมเขม็ง “คุณชายรักเธอ แต่เธอกลับปล่อยให้เค้าไปแต่งกับนังนั่น หัวจิตหัวใจเธอทำด้วยอะไรแรม? ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่มีทางยอมเด็ดขาด”
เดือนแรมเสียงเครือ “แรมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคุณชายไม่ได้เลือกแรม และแรมก็ไม่เคยมีสิทธิ์ในตัวคุณชาย”
ดุจแขมองแรมอย่างเหนื่อยหน่าย “เธอกำลังด่าฉันทางอ้อม
เดือนแรมตกใจ “แรมด่าอะไรคุณดุจแข?”
“คุณชายไม่ได้เลือกฉัน และนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ฉันก็ยังบ้าที่เข้ามาวุ่นวาย แต่ฉันทนไม่ได้...”
“ทนไม่ได้ ที่จะเห็นคุณชายแต่งงานกับคนอื่น” เดือนแรมพูดต่อให้
“ถ้าเป็นเธอฉันยอม เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอทำให้ฉันเห็นว่าเธอเป็นคนดี และที่สำคัญคุณชายรักเธอ แต่กับยัยเพ็ญประกาย...ฉันไม่ยอม” ดุจแขสะบัดหน้าเดินหนีไป
เดือนแรมตอบเบาๆ “แรมต้องยอมค่ะ เพราะพี่เพ็ญ คือพี่สาวของแรม!!”
จันทราเดินตัวปลิวสบายใจ ลงมาจากบนบ้าน เจอเพ็ญประกายนั่งร้องไห้เป็นเผาเต่า เนื้อตัวเขียวช้ำ แต่ยังมีแก่ใจส่องกระจก นั่งหวีผม แต่งหน้า
จันทราตกตะลึง “เป็นอะไรลูก?”
“นังดุจแขค่ะ มันบุกเข้ามาหาเรื่อง ตบตีเพ็ญ” เพ็ญประกายบอก
“นังดุจแข! อะไร ขัดตัวแป๊บเดียวเป็นเรื่อง มันกล้ามากที่มาทำกับลูกแม่อย่างนี้ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”
จันทราโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คว้ามือถือเพ็ญประกายขึ้นมา กดโทร.ออก อย่างอารมณ์เสีย
ต่อจากตอนที่แล้ว
ธิติรัตน์ยังนั่งเซ็งไม่หาย หลังจากที่เจอดุจแขมาอาละวาดเรื่องเดือนแรมเมื่อตอนสาย จู่ๆ เสียงมือถือดังขึ้น
ธิติรัตน์มองเบอร์แล้วเซ็งสุดขีดลากเสียงยาว “อะไรกันอีก...?” แล้วกดรับสาย “ครับ”
จันทราแว้ดขึ้นมา “ดิฉันไม่ยอมนะคะคุณชาย”
ธิติรัตน์งง “ยอมอะไรครับ?”
“ก็คุณดุจแขสิคะ...มาตบตีมาหยารัศมีถึงบ้าน” จันทราพูดเสียงขุ่น
ธิติรัตน์ตกใจ “แขไปตบตีคุณมาหยารัศมี”
“ไม่ใช่แค่ตบค่ะ ทั้งด่าทอสารพัด คำพูดบางคำก็ไม่รู้ขุดมาจากไหน? หยาบคาย ต่ำ ฟังไม่ได้ มาหยารัศมีเป็นลมแล้วเป็นลมอีก นี่ก็ยังร้องไห้ไม่หยุด” หันมาหวานใส่ลูกสาวที่นั่งหัวกระเซิงอยู่ “มาหยาคุณชายอยากคุยด้วยมาคุยกับคุณชายหน่อยนะลูก” ยื่นมือถือให้
เพ็ญประกายบีบน้ำตาพูดพร่ำ ฟังฟังไม่รู้เรื่อง “คุณชายขา....มาหยา เสียใจจังเลยค่ะ มาหยาไม่เข้าใจ แค่เราสองคนจะแต่งงาน ทำไมคุณดุจแขต้องมาด่าว่าตบตีมาหยาด้วย” ร้องไห้สะอึกสะอื้นยกใหญ่ “มาหยาไม่เข้าใจ”
จันทราแย่งมือถือมาพูดเอง “คุณชายต้องจัดการให้มาหยานะคะ”
จันทรากดวางสายแล้วยักคิ้วให้เพ็ญประกาย
ธิติรัตน์กุมขมับ หยิบมือถือขึ้นมาใหม่ แล้วกดโทร.ออกทันที
ดุจแขกลับมาที่บริษัทแล้ว กำลังนั่งทายาที่ข้อมือ ท่อนแขนของตัวเองที่ถูกเพ็ญประกายงับอยู่
“แกนี่มันหมาบ้าชัดๆ เพ็ญประกาย กัดไม่เลือกเลยจริงๆ” เสียงมือถือดัง ดุจแขกดรับ “คะคุณชาย”
ธิติรัตน์หน้านิ่วคิ้วขมวดขณะพูด “คุณจันทราเค้าโทร.มาด่าผม ว่าคุณไปหาเรื่องลูกสาวเค้า”
“แล้วเค้าได้บอกมั้ยล่ะคะว่าลูกสาวเค้ากัดแขจนช้ำไปหมดแล้ว ถ้าคุณชายจะโทร.มาด่า แขว่าคุณชายรีบมารับแขไปหาหมอดีกว่าค่ะ หลังจากนั้นค่อยพายัยเพ็ญไปส่งสถานเสาวภา เพราะดูแล้วหล่อนต้องเป็นหมาบ้าแน่ๆ”
ธิติรัตน์ฟังแล้วเหนื่อยใจมาก “ก็แล้วคุณจะไปยุ่งกับเค้าทำไม?”
“ก็แขบอกแล้วไง ถ้าคุณชายไม่จัดการ แขจะจัดการเอง ...แล้วที่แขทำไม่ใช่เพื่อแขนะคะ แต่เพื่อความรักของแรมกับคุณชาย แขไม่อยากได้คนแอ๊บแตกอย่างยัยเพ็ญมาเป็นเพื่อนสะใภ้ค่ะ” วางสายหน้านิ่ว
ธิติรัตน์ระอาใจเหลือจะทนแล้ว
ธิติรัตน์เดินออกมาจากห้องบอกเลขา
“วันนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ มีอะไรโน้ตไว้ก็พอ ไม่ต้องตาม”
“ค่ะ” เลขาค่ะ
พอธิติรัตน์เดินพ้นไปไม่ทันไร พนักงานก็ตั้งวงเมาท์มอยกันทันควัน
“ท่าทางคุณชายแย่ๆ นะเธอ”
เลขาสงสารสุดขีด “นั่นน่ะสิอย่าให้มีอะไรเล้ย แค่นี้ก็ดูเหมือนหัวจิตหัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว”
พนักงานมองตามธิติรัตน์ด้วยความเป็นห่วง
ธิติรัตน์กำลังจะเดินออกนอกบริษัทในอาการเซ็งหนัก จู่ๆ สรรชัยปราดเข้ามาผลักไหล่อย่างแรง ธิติรัตน์ไม่ทันรู้ตัวจึงเซ ล้มลงไป สรรชัยดึงธิติรัตน์ขึ้นมา
“ขอโทษ ผมขอซัดซักทีเถอะคุณชาย”
สรรชัยชกเปรี้ยงเข้าที่ใบหน้าธิติรัตน์โดนอย่างจัง ธิติรัตน์ล้มลงอีกรอบ มองจ้องหน้าสรรชัยอย่างงวยงง
ธิติรัตน์ยันกายลุกขึ้นมาถามเสียงขุ่น ไม่พอใจ “ชกผมทำไม?”
“อยากรู้ใช่มั้ย? นี่ของผม” สรรชัยซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้าอีกหมัด “และนี่ของแรม” ตามอีกหมัดติดๆกัน
ธิติรัตน์ล้มลง คราวนี้สรรชัยขยับตามไปกระชากธิติรัตน์ขึ้นมา พูดเสียงกร้าว
“ผมทำเพื่อน้องของผม”
ธิติรัตน์เยาะ “แน่ใจเหรอว่าน้อง?”
“คุณนี่มันวอนจริงๆ” สรรชัยง้างหมัดจะชกหน้าธิติรัตน์อีก “หมัดผมมันคงไม่หนักพอที่จะทำให้คุณมีสติ”
ว่าแล้วสรรชัยก็ชกตูมเข้าหน้าธิติรัตน์แรงกว่าเดิม คราวนี้ธิติรัตน์ล้มลง เห็นดาวเลยทีเดียว ส่ายหัวมึนเต็มที่แล้วสรรชัยกระชากธิติรัตน์ขึ้นมา ตะเบ็งเสียงโกรธ
“สู้ผมสิ..สู้ผม เพราะคุณชายไม่เคยต่อสู้ แม้กระทั่งความรักของตัวเอง คุณชายก็ไม่เคยต่อสู้ เพื่อจะได้มา”
ธิติรัตน์นิ่ง สะท้อนใจ ในคำพูดของสรรชัยทุกวาจา สรรชัยทรุดตัวลงนั่งจ้องหน้าธิติรัตน์เขม็ง
“แรมเป็นผู้หญิงที่ดี..ดีมากๆ ถ้าคุณชายได้เจอผู้หญิงที่ดีกว่า ผมจะไม่โกรธแทนแรมเลย แต่นี่...คุณชายไปคว้า คนที่...” ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากพูดถึง “และคุณชายก็ยังไม่ได้รักเค้าเลย หัวใจของแรมจะเจ็บจะปวดขนาดไหน ถ้าเป็นผม...ได้เจอผู้หญิงที่เค้ารักผมมากขนาดนี้ ผมจะรักษาเค้าไว้ด้วยชีวิต แต่นี่คุณชายผลักไสแรม ทั้งๆที่คุณชายก็รู้ว่าแรมรักคุณชาย..หัวใจของคุณชายทำด้วยอะไร?”
สรรชัยตะบันหน้าธิติรัตน์อีกหมัด ธิติรัตน์ร่วงลงไปกองกับพื้น หน้าเศร้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก
สรรชัยมองดูอย่างหมั่นไส้ กระชากตัวธิติรัตน์ขึ้นมาอีก “ตอบผมมา หัวใจคุณชายทำด้วยอะไร?”
“ทำด้วยก้อนเนื้อก้อนเดียวกับแรม แรมเจ็บ...ผมเจ็บยิ่งกว่า”
สรรชัยฟังแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นอีก “ ฮึ! คุณชายก็มีแต่คำพูด ที่ทำให้แรมปลื้มใจ หลงใหล แต่ความจริง คุณชายไม่เคยทำอะไรเลย” สรรชัยเยาะหยัน “เค้าเรียกว่าดีแต่พูด นับตั้งแต่วันนี้ผมจะดูแลแรมเอง” แล้วก็เดินกลับออกไป
ธิติรัตน์กระชากไหล่สรรชัยหันกลับมา แล้วซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้าสุดแรงเกิด สรรชัยเซแซดๆ
“ผมขอแค่หมัดเดียวให้คุณ” ธิติรัตน์กำมือแน่น “จำเอาไว้ มือนี้ทำทุกอย่างเพื่อคนที่ผมรัก ผมมีชีวิตและหัวใจให้แรม!!”
สรรชัยมองธิติรัตน์อย่างไม่เข้าใจ สองคนสบตา ประสานสายตาสู้กันแบบแมนๆ อยู่ครู่ใหญ่
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป
ตอนที่ 12 หน้า 4 มีการเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ตรงตามบทโทรทัศน์ทางช่อง 7 สี ตัวหนังสือสีแดงคือเรื่องราวที่เพิ่มเติมใหม่
มาหยารัศมี ตอนที่ 12 (ต่อ)
คืนนั้นสรรชัยแวะมาหาเดือนแรมที่บ้านมะลิ สองคนคุยกันอยู่ที่หน้าบ้าน เดือนแรมถามสรรชัยอย่างตกใจ
“อะไรนะคะ? พี่สรรชัยบุกไปต่อยคุณชาย?”
“พี่ไม่ได้ตั้งใจหรอก ตอนแรกแค่อยากไปคุยด้วยเฉยๆ แต่เห็นหน้าคุณชายแล้วหมั่นไส้ ที่คุณชายทำให้แรมต้องเจ็บ”
“คุณชายมีเหตุผล” เดือนแรมเชื่อใจ
สรรชัยเยาะเอา “เหตุผลบ้องตื้นน่ะสิ”
“คุณชายอาจจะไม่ได้รักแรมมากพอ”
“พี่ว่า...คุณชายรักแรม”
เพ็ญประกายที่ย่องมาแอบฟังได้ยิน ตาวาวโกรธ
“พี่สรรชัยอาจจะเข้าใจผิด”
“ไม่หรอก...ผู้ชายด้วยกันดูกันออก พี่เลยยิ่งโกรธ ที่คุณชายรักแรมขนาดนี้ แต่กลับทำให้แรมเจ็บปวด”
เพ็ญประกายทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ จนน้ำตาไหลริน สรรชัยพูดต่อ
“แต่แรมอย่าเพิ่งเสียใจไปนะ พี่ไปเตือนสติวันนี้ คุณชายอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
เดือนแรมน้ำตาไหลไม่พูดอะไร ขณะที่เพ็ญประกายกำมือแน่น
สรรชัยกลับไปแล้ว เดือนแรมเดินจะเดินเข้าบ้าน ป้ามะลิ เพ็ญประกายเดินตามหลังมาสีหน้าโกรธจัดเหวี่ยงเต็มที่
“ต่อให้คุณชายเปลี่ยนใจ ฉันก็จะไม่ล้มเลิกงานแต่ง ยังไงเจ้าสาวของคุณชายก็ต้องเป็นฉัน”
เดือนแรมหันมารับทราบหน้านิ่งเฉย “ค่ะ”
เพ็ญประกายเห็นท่าทีก็ยิ่งโกรธ “ไม่ต้องมาทำพูดดีเลย ทั้งที่ใจจริงแล้ว เธอพยายามแย่งคุณชายไปจากฉันตลอดเวลา”
“แรมเปล่า”
เพ็ญประกายฉุนจัดเดินเข้ามาผลักเดือนแรมด้วยความหมั่นไส้ “เปล่า...เธอคงคิดว่าฉันไม่รู้สินะ ว่าเธอวางแผนกับไอ้สรรชัยจะแย่งคุณชายไปจากฉัน”
แม้นเทพเดินเข้ามา ได้ยินที่เพ็ญประกายด่าเต็มสองหู
“ทำเป็นหน้าซื่อไร้เดียงสา น่าสงสาร แต่ความจริง มารยาสารพัด แต่อย่าหวังเลยนะ ว่าฉันจะยอมแพ้เธอ” ผลักไหล่เดือนแรมแล้วเดินหนีไป
เดือนแรมทำหน้าเหนื่อยใจ แม้นเทพเดินเข้าไปมา
“พี่ต้อม”
“ไม่ต้องพูดอะไร พี่เข้าใจแรม”
เดือนแรมเดินเรื่อยเปื่อยออกมาทางหน้าบ้าน มองดวงจันทร์กลมโตบนท้องฟ้าอย่างเบื่อๆ
พลางคิดในใจ “เฮ้อ! มีคุณชายเข้ามาในชีวิต ตกลงเรามีความสุขหรือความทุกข์กันแน่แรม?”
ป้าคนเดิมที่เจอกับธิติรัตน์เมื่อหลายคืนเดินเข้ามา มองหน้าเดือนแรม ร้องทัก
“อ้าว! หนูคนสวย มารอแฟนเหรอ?”
“แฟน? ใครคะ?” เดือนแรมงง
“อ้าว!!ก็แฟนหนูไง ผู้ชายคนที่ตัวสูงๆ ขาวๆ หล่อๆขับรถยนต์หรูๆ เค้ามาแอบมองหนูทู้กวันเลย” ป้าบอก
เดือนแรมแรมตกใจปนดีใจ “มาแอบมองหนูทุกวัน”
“ใช่! นี่ล่ะน้าหนูน่ะ งอนจนเกินงาม ดูซิ!!วันนี้เค้าไม่มาง้อเลย นี่วันหลังถ้าเค้ามาง้อ รีบๆดีซะนะ เพราะถ้าเค้าเลิกง้อหนูจะเสียใจ” เดินยิ้มจากไป
“คุณชายมาหาเราทุกวัน”
เดือนแรมถามตัวเองอย่างงงๆ แต่เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
หัวใจเหี่ยวแห้งอยู่ ฟูฟ่องขึ้นมาทันที ก่อนจะหุบเหี่ยวลงไปอีก
“อย่าดีใจแรม..คุณชายเป็นของพี่เพ็ญ”
มะลิรู้เรื่องเพ็ญประกายจากแม้นเทพในเช้าวันต่อมา หญิงชราอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“อะไรนะ เพ็ญน่ะหรือทะเลาะกับแรม? เป็นไปได้อย่างไร?”
“เพ็ญเปลี่ยนไปจนผมนึกไม่ถึง ว่าเพ็ญจะเป็นไปได้ขนาดนี้”
มะลิส่ายหน้าไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ “ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อเป็นมาหยารัศมี ก็เปลี่ยนไปเลยเหรอ? จันทราคงจะเป็นคนเสี้ยมน่ะ เอางี้...ถ้ามีโอกาส ต้อมพาเพ็ญมาหาแม่ด้วยแล้วกัน แม่จะคุยกับเพ็ญเอง”
“ครับคุณแม่”
บ่ายวันเดียวกันขณะที่สรรชัยนั่งทำงานอยู่ ดุจแขเข้ามายืนกอดอกมองจ้องสรรชัย
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าคุณจะกล้าทำเพื่อแรมขนาดนี้?”
“คุณก็น่าจะรู้...ที่ผ่านมา..มากกว่านี้ ผมก็ทำเพื่อคุณได้”
ดุจแขฟังแล้วหน้าหมอง ยิ้มหม่น “มันก็จริงค่ะ....” แล้วขยับเดินมาที่ด้านหลังของสรรชัยเอามือกอดคอเอาไว้ บอกเสียงหวาน “แต่แขเห็นแต่ภาคอ่อนโยนของคุณนี่คะ..ยังไม่เคยเห็นภาคบู๊บุ๋น..แบบผู้หญิงข้าใครอย่าแตะของคุณ แหม…มันเท่ชะมัดเลย”
“คุณรู้มั้ย...เวลาถ้าเรารู้สึกว่าเค้าดี เค้าเท่ ทุกสิ่งที่เค้าทำมันดีอย่างสุดๆ มันหมายความว่าอะไร?” สรรชัยถาม
“อะไรคะ?”
“คุณกำลังหลงรักคนคนนั้น” สรรชัยแกะมือดุจแขออก ลุกเดินมาดูงานที่มุมอื่น
ดุจแขยิ้มพราย “ก็แล้วถ้ามันจริงล่ะ”
สรรชัยตอบทันที “ก็จะบอกว่าเสียใจด้วย เพราะสำหรับเราทุกอย่างมันจบไปหมดแล้ว”
“จบแล้วก็เริ่มใหม่ได้...” ดุจแขพูดอย่างถือดีเดินมาใกล้ๆ ถ้าจะเริ่ม...คุณก็รู้...ถ้าแขอยากได้จริงๆ แขก็ไม่ปล่อย”
สรรชัยด่าเข้าให้ “โรคจิต”
“เราสองคนก็พอกันแหละน่า แต่พูดแล้วของขึ้น.. ยัยเพ็ญประกายเป็นผู้หญิงที่น่าตบที่สุดในโลกเลยจริงๆ”
อยู่ๆ สรรชัยก็หัวเราะขึ้นมา ดุจแขฉงนจนต้องถาม
“หัวเราะอะไรคะ?”
“คุณก็ทำเพื่อคุณชายไม่แพ้ผมเหมือนกันไง...??!!”
ดุจแขหัวเราะบ้าง “ฉันก็ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกัน ว่าฉันจะบ้าได้ขนาดนั้น รู้แต่ฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นคุณชายลงเอยกับยัยแอ๊บแตกนั่น...นี่ฉันก็หวังบ้างว่าสิ่งที่เราสองคนทำ คุณชายจะเปลี่ยนใจ”
ธิติรัตน์พร้อมกับศรัณย์ และวีระกำลังคุมการถ่ายทำโฆษณาอยู่ เห็นภาพทีมงานเบื้องหลังอยู่ไกลๆ สักพักใหญ่ๆ วีระก็ตะโกนบอกทีมงาน
“พักกองทานข้าวก่อนแล้วกัน แล้วค่อยมาต่อ”
“ครับ” ทีมงานรับคำ ทยอยเดินออกไป
วีระมองธิติรัตน์ “ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ?หน้าปูดหน้าบวม”
“ฉันเป็นคน คงไม่ไปฟัดกับหมา” ธิติรัตน์ทำปากดี
“อย่าบอกนะว่าไปโดนใครเค้าต่อยมา” ศรัณย์สงสัย
ธิติรัตน์บอกหน้าเครียด “ฉันโดนคนต่อยมาจริงๆ”
วีระของขึ้นด้วยอารมณ์ห่วงเพื่อน โวยวาย “มันเป็นใคร ฉันจะไปจัดการให้”
“โอ้โห!ตัวเท่าเห็บหมา ยังจะมาซ่าอีก” ศรัณย์เหน็บ
“ตัวเล็กแต่ใจใหญ่โว้ย ใครมาทำเพื่อนฉัน ฉันไม่ยอม บอกมานายชายมันเป็นใคร?”
ธิติรัตน์บอกหน้าเฉยนิ่ง “สรรชัย”
“คุณสรรชัย” สองคนตะลึงอุทานออกมาพร้อมกัน รู้ดีว่าสรรชัยไม่ใช่นักเลง
“แต่อย่าไปทำอะไรเค้าเลย เป็นหมัดที่เค้าสั่งสอนให้ฉันมีสติ ต้องขอบคุณเค้าซะด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็ทำให้ฉันรู้ว่า ฉันควรจะทำยังไงต่อไป” ธิติรัตน์บอก
ระหว่างดุจแขเดินเข้ามาทันได้ยินพอดี ย้อนถามยิ้มๆ
“แล้วคุณชายจะทำยังไงคะ?”
ธิติรัตน์เปิดประตูเข้าห้อง บอกกวนๆ
“อันดับแรก จับคุณไปถ่วงน้ำ คนอะไรทำตัวยังกับสัมภเวสี โผล่มากวนใจผมได้ตลอดเวลา”
ดุจแขหัวเราะขำ “ขนาดนั้นเชียว
“ใช่”
“คนที่ว่าแขเป็นสัมภเวสีมีสองคน...คุณชายกับแรม”
ธิติรัตน์ได้ยินชื่อเดือนแรมก็อึ้งไปอึดใจ ดุจแขว่าต่อ
“แขมานี่เพราะหวังดีจริงๆค่ะ....คุณชายรู้มั้ย...ผู้หญิงเวลาอกหักน่ะน่ากลัวเปล่า..” รีบออกตัว
“แขไม่ได้บอกว่าแรมจะมาอาละวาดอะไรหรอกนะคะ....แขเพียงจะบอกว่า ช่วงเวลานี้หัวใจของแรมน่าจะอ่อนไหวมากที่สุด และต้องการคนดูแลมากที่สุด....คุณชายทนได้หรือคะ? ถ้าจะมีคนมาดูแลแรมแทนคุณชาย”
ธิติรัตน์นั่งนิ่ง แต่กำมือแน่น ไม่ได้โมโหแต่พยายามข่มความรู้สึก
“ดูท่าทางคุณชายก็รู้..ว่าคุณชายรักแรมมาก แล้วทำไมคุณชายยอมให้แรมเจ็บปวดล่ะคะ? ขนาดสรรชัย เค้ายังลุกมาต่อสู้เพื่อแรมเลย แต่นี่คุณชายอยู่เฉยๆจะให้แรมรู้สึกยังไง?”
ธิติรัตน์นิ่งอีก ดุจแขพูดต่อ
“แขไม่ห่วงว่าแรมจะไปรักสรรชัยหรอกนะคะ...แต่ที่แขห่วงก็คือถ้าแรมคิดว่าคุณชายไม่รักแรมแล้ว แรมจะเปลี่ยนไป.ผู้หญิงเวลาตัดใจ มันน่ากลัวคะคุณชาย”
ดุจแขเดินออกไปทันที ธิติรัตน์นั่งอึ้ง คิดในใจ
“ฉันไม่ยอมให้เธอตัดใจจากฉันหรอกแรม...ฉันรักเธอ”
ธิติรัตน์เดินตรงไปที่รถ ดุจแขแอบมองอยู่ยิ้มออกมา
“ขอให้จุดหมายของคุณชายคือแรมเถอะ”
ธิติรัตน์ขึ้นรถขับออกไป ดุจแขรีบขึ้นรถตัวเองขับตามออกไปติดๆ
โปรดติดตามอ่านต่อนต่อไป
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
ธิติรัตน์ตัดสินใจแอบเข้ามาในบริเวณบ้านเมินตอนกลางวันแสกๆ ชายหนุ่มลัดเลาะตรงไปยังบ้านมะลิ แต่แล้วต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นจันทรากับเพ็ญประกายเดินออกมา เพ็ญประกายพูดเสียงละห้อย ใจเสียมากๆ
“เพ็ญกลัวจริงๆค่ะคุณแม่...กลัวว่าคุณชายจะไม่ยอมแต่งงานกับเพ็ญ”
จันทรารีบพูดปลอบลูกสาว “ไม่ต้องกลัวลูก..หนูคือมาหยารัศมี”
“แต่...” เพ็ญประกายอิดออด
จันทราสวนคำออกมา “ไม่มีแต่..หนูคือมาหยารัศมี อย่าคิดมาก...ถ้าหนูไม่สบายใจก็กินยาแล้วก็นอนซะ ตื่นขึ้นมาหนูจะได้ดีขึ้น..แม่ไปธุระ เดี๋ยวจะรีบกลับมา” จันทราจะเดินไป
ธิติรัตน์โล่งใจ แต่แล้วก็ต้องหน้าเสียอีก เมื่อเพ็ญประกายคว้ามือจันทราไว้
“คุณแม่อย่าไปไหนเลยนะคะ..วันนี้เพ็ญรู้สึกใจคอไม่ดีชอบกล กลัว..กลัว”
“หนูคงคิดมากเรื่องคุณชายน่ะลูก ไม่มีอะไรหรอก...เข้าบ้าน เดี๋ยวแม่มา”
คราวนี้จันทราเดินไป เพ็ญประกายยืนนิ่ง ธิติรัตน์ลุ้นจัดว่า เมื่อไหร่เพ็ญประกายจะไปสักที
แล้วเพ็ญประกายทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งแถวนั้น ธิติรัตน์เซ็งสุด บ่นพึมพำกับตัวเอง
“แล้วจะเข้าไปได้ยังไงเนี่ย?” ธิติรัตน์คิดบางอย่างออกหยิบมือถือขึ้นมา
เสียงมือถือดังแว่วมาจากในบ้าน เพ็ญประกายยังนั่งเฉยปากบ่น
“ใครโทร.มาเนี่ย? ช่าง...ไม่ใช่คุณชายหรอก...” แล้วนั่งทอดอารมณ์ต่อ
ธิติรัตน์หน้ามุ่ยทำท่าปวดกะโหลก กดมือถืออีก
“เฮ้อ ใครกัน โทร.มาอยู่ได้” ในที่สุดเพ็ญประกายก็จำต้องเดินเข้าไปข้างใน
ธิติรัตน์ถอนหายใจรีบย่องผ่านบ้านเมินไปยังบ้านมะลิทันที
บริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างบ้านเมินกับบ้านมะลิ ธิติรัตน์เดินมาเร็วๆ เหลียวหลังมองอย่างระวังเป็นระยะ จังหวะที่จะเลี้ยว เดือนแรมเดินมาพอดี สองคนชนกันอย่างจัง โดยไม่เห็นว่าใครเป็นใคร เดือนแรมล้มลง ธิติรัตน์ตะลึงทั้งดีใจทั้งตกใจ
“แรม”
“คุณชาย” เดือนแรมเองก็ตกใจมาก
ธิติรัตน์รีบเข้าไปประคอง “เจ็บมากมั้ย?”
“ไม่ค่ะ” เดือนแรมลุกขึ้น แต่รู้สึกเจ็บแปล๊บ “โอ๊ย!” จะล้มลงอีก
ธิติรัตน์รีบคว้าร่างเอาไว้ “ขาเธอยังเจ็บอยู่นี่”
“เปล่าค่ะ หายแล้ว”
“แต่คงยังไม่หายดี เธอเดินเองไม่ได้หรอก” ธิติรัตน์ไม่ยอมปล่อย
“แรมเดินเองได้ค่ะ”
“อย่าดื้อสิ”
“คุณชายคะ...” สายตาเดือนแรมบอกเป็นเชิงบอกว่าไม่เหมาะ
ธิติรัตน์อ่านสายตานั้นออก พูดเน้นนำ “ฉันตั้งใจมาหาเธอ”
สองคนมองหน้ากัน
แป้นมาเห็นพอดดิบพอดี ทำหน้าตกใจ แล้ววิ่งผละไป
เพ็ญประกายเดินมาหยิบมือถือในบ้าน หน้าจอเห็นเป็นเบอร์ธิติรัตน์เพ็ญประกายยิ้มกว้างดีใจมาก
“คุณชายโทร.มา”
แป้นวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น “คุณมาหยาคะคุณมาหยา..คุณชาย”
เพ็ญประกายดีใจจนเนื้อเต้น “คุณชายมาหาฉันใช่มั้ย?”
“ไม่ค่ะ...คุณชายแอบมาหานังแรมค่ะ.คุณ โอ๊ย!!แป้นไม่อยากจะพูดมันอายปาก นังแรมมันยั่วยวนคุณชายสารพัด ทั้งกอดทั้งหอม ทั้งฟัดทั้งเหวี่ยง แป้นเห็นแล้วหมั่นไส๊ หมั่นไส้ อยากจะกระโจนเข้าไปตบมันให้กลิ้งเป็นลูกบอลแทนคุณมาหยาจริงๆเลยคะ” แป้นจัดเต็มตามสันดาน
“ไม่ต้องถึงมือแกหรอก ฉันนี่แหละจะไปตบมันเอง”
เพ็ญประกายเดินออกไปที่บ้านมะลิทันที แป้นหน้าระรื่นวิ่งตามไป
ธิติรัตน์ประคองเดือนแรมมานั่งที่เก้าอี้ข้างสนามหญ้า ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเดือนแรม จับข้อเท้า
เดือนแรมตกใจ “อย่าค่ะคุณชาย”
ธิติรัตน์ไม่ยอมปล่อยถามอย่างอาทร เอามือคลึงดู “ยังเจ็บอยู่มั้ย? ถ้าเจ็บอยู่ ฉันจะพาเธอไปหาหมอ เพราะแผลเก่าอาจอักเสบ”
เดือนแรมบอก “เปล่าค่ะ ไม่เจ็บ” เจ็บแต่รีบดึงเท้าออก
ธิติรัตน์จับรั้งข้อเท้าเอาไว้ “เธอยังเจ็บอยู่”
ขณะนั้นเองป้าที่ธิติรัตน์เจอตอนมาแอบดูเดือนแรม ก็เดินเข้ามาพร้อมถ้วยแกงในมือ
“อ้าว!” สองคนหันมา ป้ายิ้มพลางถาม “ดีกันแล้วเหรอลูก?”
ธิติรัตน์อมยิ้มจำป้าได้ลุกขึ้นบอกหน้าบาน “ดีกันแล้วครับ”
เดือนแรมปฏิเสธพัลวัน “เปล่าค่ะ หนูไม่ได้” ตั้งใจจะบอกว่าไม่ได้โกรธ ทำไมถึงจะต้องดี
แต่ป้าเข้าใจไปอีกอย่าง “เค้าอุตส่าห์คุกเข่าอ้อนวอน อย่างอนนักหนูเอ๊ย”
ธิติรัตน์ยิ้มขำ ในขณะที่เดือนแรมเขิน ป้าหันมาบอกธิติรัตน์
“มันต้องอย่างนี้สิ ดักลอบต้องหมั่นกู้ เจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยว...ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก เราเป็นผู้ชายง้อเข้าไว้ ไม่เสียหายหรอก”
ธิติรัตน์ยิ้มขำ ขอบคุณ “ครับคุณป้า”
เดือนแรมทั้งอายทั้งเขิน “คุณป้าคะ...”
“ไม่ต้องเขิน หนูก็เหมือนกัน อย่าขี้งอนนัก แฟนมาง้อหนูต้องรีบดี นี่อะไรปล่อยให้แฟนมาชะเง้อคอมองหาตั้งหลายวัน” ป้าเลยหลุดปากออกมาจนหมด
ธิติรัตน์ตกใจปนเขิน “ปะ..เปล่านะครับคุณป้า”
“เปล่ายังไงก็ป้าเห็นคุณตลอด ยังคุยกันอยู่เลย”
สองคนมองหน้ากันอายม้วน ป้าบอกอีก
“คนรักกันชอบกันน่ะลูกเอ๊ย...อย่าหาเรื่องทะเลาะกัน เสียเวลาชีวิตเปล่าๆหนักนิดเอาหน่อยก็อภัยให้กัน นะลูกนะ...เอ้า! มัวแต่เมาท์ แกงจะเย็นหมดแล้ว แม่พิมอยู่ไหนล่ะ?”
เดือนแรมบอก “ป้าพิมอยู่ในบ้านค่ะ”
ป้าร้องตะโกนพลางเดินไป “แม่พิมๆ ฉันเอาแกงบอนมาให้จ้า”
ธิติรัตน์ยื่นมือให้เดือนแรมจับ “มะ...ฉันจะพาเธอไปหาหมอ”
เดือนแรมลังเล ธิติรัตน์บอกอีก “เร็วสิ ฉันจะพาเธอไปหาหมอ”
เดือนแรมมองดูมือธิติรัตน์สลับกับดูหน้า ธิติรัตน์ยิ้มเยื้อน เดือนแรมจะยื่นมือออกไป แต่แล้วเพ็ญประกายเดินเข้ามาหน้าบึ้งจัดเหวี่ยงเต็มที่ “คุณชายคะ”
เดือนแรมตะลึง “พี่เพ็ญ”
เพ็ญประกายบอกน้ำเสียงเข้ม “ฉันมาหยารัศมี!”
ปรี๊ดสุดขีดแล้ว เพ็ญประกายยืนเกร็งอารมณ์เกรี้ยวกราดไม่ได้ดั่งใจ แต่พยายามข่มอารมณ์ไว้ หันมาบอกธิติรัตน์
“ทำไมคุณชายทำกับมาหยาแบบนี้”
“ผมทำแรมหกล้ม ผมก็ต้องดูแลแรม” ธิติรัตน์ บอกท่าทีนิ่งเฉย
“ดูแลกันแบบแทบอุ้มน่ะหรือคะ? คุณชายทำอย่างนี้นี้มันหยามหน้ามาหยาไม่ให้เกียรติว่ามาหยา ถึงแรมจะให้ท่า หรือจะยอมเป็นน้อย โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรี แต่คุณชายก็ไม่ควรทำเหมือนอยากเป็นพญาเทครัว” เพ็ญประกายสวมวิญญาณนางร้ายเต็มคราบ
“ผมไม่เคยมีความคิดแบบนั้น ที่สำคัญแรมก็ไม่เคยทำอะไรที่เป็นการให้ท่า ซ้ำแรมยังทำให้ผมเห็นว่าแรมทะนงในศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง มากกว่าการจะยื้อแย่งชิงผู้ชาย”
เพ็ญประกายเยาะ “ถ้าคุณชายเห็นว่าแรมดีขนาดนั้น...ก็ไปแต่งกับมันเลย”
แต่ถูกธิติรัตน์ตอกหน้า “ความจริงแล้ว ผมอยากแต่งงานกับแรม แต่ที่ผมต้องแต่งกับคุณมาหยารัศมี ก็เพราะประสงค์ของท่านพ่อ”
เพ็ญประกายปรี๊ดสุดขีดแล้ว แทบอยากจะกรี๊ดใส่ แต่กดข่มเอาไว้ “ถ้าคุณชายรักแรมแต่ต้องแต่งงานกับมาหยา จะรับประกันได้ยังไงว่าต่อไปคุณชายกับแรมจะไม่เป็นชู้กัน
“ผมกับแรมไม่มีทางจะทำอะไรเสียหายอย่างนั้นเด็ดขาด”
“มาหยาเชื่อคุณชาย แต่ไม่เชื่อคนอย่างแรม เพราะมาหยารู้จักแรมดี” เพ็ญประกายหันมาทางบ่าวสอพลอ “นังแป้น”
“ขา...” แป้นถลาเข้ามารอรับคำสั่ง
เพ็ญประกายสั่งเสียงเข้ม “ไปตามแรมมา”
“ตามมาทำไม?” ธิติรัตน์สงสัย
“มาหยาจะให้แรมสาบานว่าจะว่าจะไม่ข้องเกี่ยวและไม่มาแย่งคุณชายไปจากมาหยา” หันไปทางแป้น “ไปตามแรมมาเร็ว ยืนเซ่ออะไรอีก”
“ค่ะๆ” แป้นวิ่งจู๊ดออกไป
ธิติรัตน์มองเพ็ญประกายแบบไม่ชอบใจเลย
เดือนแรมกำลังจะเดินเข้าบ้าน ป้าเดินออกมา
“อ้าว! แฟนกลับแล้วเหรอหนู?”
เดือนแรมได้อมยิ้มป้าพูดต่อ
“แฟนหนู ทั้งหล่อทั้งใจดี ท่าทางเค้ารักหนูมากด้วย อย่างอนมากนะลูกนะ”
ป้าเดินไป เดือนแรมอมยิ้มเขิน แป้นเดินมาจากอีกทางมาเห็นก็หมั่นไส้
“ยิ้มแก้มแตกเชียวนะนังแรม”
เดือนแรมมองจ้องหน้าไม่ยอมแล้ว “นังกับใคร?”
“ก็แกน่ะสิ”
เดือนแรมเดินเข้ามาหาแป้น เสียงกร้าว “ฉันให้โอกาสเธอพูดใหม่อีกครั้งหนึ่ง นังกับใคร?”
“ก็แกน่ะสิ นังแรม จะทำไม?” แป้นลอยหน้าลอยตา “นังแรม นังแรม นังแรม”
เดือนแรมตบหน้าแป้นสุดแรงเกิด แรงขนาดแป้นหน้าหัน แต่รีบแป้นหันขวับมาสู้ เดือนแรมตบอีก และคราวนี้กระชากผมแป้น
“ฉันยอมคนอื่นเพราะฉันมีเหตุผลของฉัน แต่ฉันไม่จำเป็นต้องยอมเธอ อย่าจิกหัวเรียกฉันอย่างนี้อีกไม่งั้น” เดือนแรมเงื้อมือขึ้นสุดแขน
แป้นรีบยกมือไหว้ปลกๆ “อย่า..อย่าทำแป้นเลย แป้นกลัว”
“ดี!เพราะฉันก็ไม่อยากเสียแรงตบเธอ เสื่อม!” เดือนแรมปล่อยมือจะเดินเข้าบ้าน
แป้นยังเรียกจิกหัวอีก “นังแรม” เดือนแรมหันกลับมามองตาขวาง แป้นรีบเปลี่ยน “คุณแรม คุณมาหยารัศมีให้ไปหาค่ะ”
เดือนแรมทำหน้าเหนื่อยใจ
ธิติรัตน์กับเพ็ญประกายยืนอยู่กันคนละมุม แต่ละคนหน้าบึ้ง แป้นนำเดือนแรมเดินเข้าไป
“พี่มาหยามีอะไรให้แรมรับใช้คะ?”
เพ็ญประกายเหน็บ “แรมเป็นน้องสาวพี่...พี่จะให้แรมรับใช้ได้ยังไง? แค่อยากให้แรมสาบาน”
เดือนแรมงง “สาบานอะไรคะ?”
“แรมจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณชายธิติรัตน์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม”
“ทำไมแรมต้องสาบานอย่างนั้นด้วยคะ?”
“ก็พี่ระแวง กลัวว่าแรมกับคุณชายจะทำร้ายจิตใจพี่”
“แล้วคุณมาหยารัศมีไม่คิดบ้างเหรอครับ ว่าการสิ่งที่คุณกำลังทำ มันเป็นการทำร้ายจิตใจของผมกับแรม ผมบอกได้เลย ต่อให้ผมแต่งงานผมก็จะไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับแรม” ธิติรัตน์สุดจะทนไหว
เพ็ญประกายตื่นตะลึง “คุณชาย!”
“ถ้าจะทำให้พี่มาหยาสบายใจ แรมสาบานก็ได้ค่ะ” เดือนแรมบอกอย่างรำคาญใจ
เพ็ญประกายรีบบอก “สาบานมา”
“แรมจะไม่มีทางทำผิดประเพณี โดยเฉพาะศีลข้อสามอย่างแน่นอน”
“แน่ใจ” เพ็ญประกายคาดคั้น
“มั่นใจที่สุดค่ะ ไม่ว่าจะกับพี่มาหยารัศมีหรือกับใครก็ตาม แรมจะไม่ทำผิดศีลข้อสามแน่นอน”
เพ็ญประกายหรี่ตาร้ายคลี่ยิ้ม เดินเข้ามากอดเดือนแรม “ได้ยินอย่างนี้พี่ก็สบายใจแล้ว แรมนี่สมกับเป็นน้องรักของพี่จริงๆ....คุณชายอย่าเพิ่งกลับนะคะ อยู่ทานอาหารกลางวันด้วยกันก่อนฝีมือของแรม” น้ำเสียงตั้งใจเหน็บ “เหมือนแม่ครัวมืออาชีพเลยล่ะค่ะ”
เพ็ญประกายพาเดือนแรมเดินออกไป ธิติรัตน์มองตามอย่างกลุ้มปนกังวล พูดกับตัวเองเบาๆ
“คุณจะทำอะไรแรมอีกเพ็ญประกาย”
อ่านต่อหน้า 3 เวลา 17.00 น.
ตอนที่ 12 หน้า 4 มีการเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ตรงตามบทโทรทัศน์ทางช่อง 7 สี ตัวหนังสือสีแดงคือเรื่องราวที่เพิ่มเติมใหม่
มาหยารัศมี ตอนที่ 12 (ต่อ)
เพ็ญประกายจ้องหน้าเดือนแรมเขม็ง ในขณะที่เดือนแรมเตรียมของเพื่อจะทำอาหาร
“คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อน้ำหน้าคนอย่างแก ต่อให้แกสาบาน อมพระมาทั้งวัดฉันก็ไม่เชื่อ”
เดือนแรมทำหน้าทั้งเบื่อทั้งรำคาญ “ตกลงพี่เพ็ญจะเอายังไงคะ?”
เพ็ญประกายไม่ตอบ มองมีดในมือแรมที่กำลังหั่นผัก
“แกเห็นมีดในมือแกใช่มั้ย?”
เดือนแรมลดสายตามองไปที่มีด เพ็ญประกายยื่นมือตนมาจับมือเดือนแรมที่จับมีดอยู่ขึ้นมา
“ฉันเอามาเฉาะหน้าแกแน่ ถ้าแกยังยุ่งกับคุณชาย นังเดือนแรม!”
สีหน้าเดือนแรมสุดแสนจะลำบากใจ
ด้วยความเป็นห่วงเดือนแรม ธิติรัตน์จะเข้าไปในบ้านเมิน เจอแป้นขวาง
“คุณชายจะไปไหนคะ?”
“ในครัว” ธิติรัตน์บอก
“ในครัวทั้งเหม็นทั้งร้อน อย่าเข้าไปเลยค่ะ รออยู่ที่นี่ดีกว่านะคะ” แป้นขยับมาขวางไว้อีก
“ก็ฉันจะเข้าไป” ธิติรัตน์จะเข้าไป
“คุณชายขา..อย่าเข้าไปเลยนะคะ เดี๋ยวแป้นถูกดุ” แป้นขอร้อง
ดุจแขเดินเข้ามา “อย่าเข้าไปเลยค่ะคุณชาย” ดุจแขเดินไปกระซิบ “หน้าที่ของคุณชายมีอย่างเดียวคือ พาแรมออกไปจากที่นี่” พูดเสียงดังเหมือนเดิม “เรื่องอื่นเดี๋ยวแขจัดการเอง” จะเดินเข้าไป แป้นจะมาขวางเจอขู่ “ถ้าขวางฉัน เธอรู้ใช่มั้ยว่าเธอจะเจออะไร?”
ดุจแขเดินผ่านแป้นเข้าไป แป้นยืนตัวแข็ง ก่อนจะทำท่าอยากตาย
“ตายๆๆ นังแป้นตายแน่ๆ” แป้นรีบตามเข้าไป
เพ็ญประกายยังกำมือเดือนแรมที่ถือมีด จ่อเข้าไปตรงหน้าเดือนแรม
เดือนแรมไม่ได้กลัว เพียงแต่ไม่อยากมีเรื่องเท่านั้น “ปล่อยค่ะพี่เพ็ญ แรมไม่อยากมีเรื่อง เพราะถ้าจะมีเรื่องจริงๆ พี่เพ็ญสู้แรมไม่ได้หรอก”
“นี่แกด่าฉันเหรอนังแรม แกขู่ฉันเหรอ? แน่จริงก็เอาสิ...มีเรื่องกันเลย แกจะได้รู้ว่าแกกับฉันใครจะชนะ”
เพ็ญประกายกำมือเดือนแรม จะผลักมีดเข้าหาหน้าเดือนแรมอย่างแรง เดือนแรมสู้สุดชีวิตและผลักออก
เดือนแรมบอกเสียงเข้ม “อย่าพี่เพ็ญ”
“ไม่ต้องมาทำปากดี แน่จริงแกสู้ฉันเลยนังแรม สู้!!”
ระหว่างนั้นดุจแขเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์รู้สึกตกใจมาก รีบก้าวพรวดเดินไปข้างหลังเพ็ญประกายกระชากผมอย่างแรงและเหวี่ยงจนร่างเพ็ญประกายกระเด็นไปติดฝา มีดหล่นร่วงจากมือเดือนแรม
สองคนหันมามอง อุทานออกมาพร้อมๆ กัน “คุณดุจแข” / “นังดุจแข”
ดุจแขหัวเราะน้อยๆกับเพ็ญประกาย
“ถ้าเธอเป็นผู้พิทักษ์สโนไวท์ ฉันก็จะเป็นผู้พิทักษ์แรม”
เดือนแรมมองอย่างงงวย ดุจแขรีบบอก
“ที่ฉันทำอย่างนี้ เพราะคุณชายรักเธอ” แล้วหันมาทางเพ็ญประกาย “แต่กับเธอ คนอย่างเธอมันต้องเจอกับฉัน นังแอ๊บ!!”
ดุจแขกระโจนเข้าหาเพ็ญประกาย อีกฝ่ายต้องถอยหลังกรูด เดือนแรมตกใจร้องห้าม
“อย่าค่ะอย่ามีเรื่องกัน”
ดุจแขตวาด “อย่ามายุ่ง ออกไปเดี๋ยวนี้เดือนแรม ไม่งั้นเธอถูกลูกหลงแน่” บอกเดือนแรม “ออกไป”
เดือนแรมรีบวิ่งออกไป เพ็ญประกายกรี๊ด
“อ๊าย...พวกแกรวมหัวกันแกล้งฉัน อย่าคิดนะว่าฉันจะยอม”
เพ็ญประกายเลือดขึ้นหน้าแล้ว ผลักดุจแขอย่างแรง จนดุจแขเซล้ม เพ็ญประกายจะตามเดือนแรมออกไป ดุจแขลุกขึ้นตามติด ผ่านหน้าแป้น แป้นเจอของจริงหลับตาปี๋ท่าทางกลัวมาก
เดือนแรมวิ่งออกมา เจอธิติรัตน์ยืนอยู่
“คุณชายคะช่วยด้วยค่ะ พี่เพ็ญกับพี่ดุจแขมีเรื่องกัน”
ธิติรัตน์ไม่ทันได้ตอบ เพ็ญประกายวิ่งออกมา โดยมีดุจแขตามหลังมาติดๆ
“คุณชายรีบพาแรมไปเร็ว ทางนี้แขจัดการเอง”
เพ็ญประกายเสียงกร้าวเข้ม “อย่าไปไหนนะ ฉันบอกไม่ให้ไป”
ธิติรัตน์คว้ามือเดือนแรม “คุณไม่มีสิทธิ์ห้ามใคร เพ็ญประกาย ไปแรม” พาเดือนแรมเดินออกไปลิบแล้ว
เพ็ญประกายตะลึงกรีดร้องขึ้น “ฉันไม่ยอมๆๆๆ” ทำท่าจะตามไป แต่หายใจหอบๆ ขัดๆ เพราะความเครียดพุ่งสูง และกำลังจะชัก
ดุจแขมองพูดเหยียดหยัน “ชอบเรียกร้องความสนใจนักใช่มั้ย?” ตามมากระชากผม “เหลือฉันอยู่คนเดียวนี่แหละที่สนใจเธอ มานี่!!เธอมานี่”
ว่าแล้วดุจแขกระชากผมเพ็ญประกาย ลากตัวกลับเข้าไปในครัว
ดุจแขจิกลากผมเพ็ญประกายไปที่ซิงค์ล้างจาน กดหัวลงไป และเปิดก๊อกน้ำตรงอ่าง
“ไม่ต้องชักตายหรอก จมน้ำตายดีกว่า..” น้ำเสียงเหน็บกร้าว “มาหยารัศมี”
ดุจแขกดหัวเพ็ญประกายลง จนเพ็ญประกายสำลักน้ำ เริ่มหายใจไม่ออก และพยายามดิ้นรนเอาหัวออก
“ยะ..อย่า”
“อ๋อ! ไม่อยากจมน้ำตาย แต่อยากชัก งั้นชักซี้...ชักเลย เธอชักให้ฉันดูเลย ชักซี้ๆๆๆ”
เพ็ญประกายโรยแรงเต็มที หมดแรงสู้ เริ่มจะชัก ดุจแขมองด้วยความตกใจ รู้ว่าชักจริง
“เฮ้ย! มันไม่ได้แกล้งนี่หว่า...”
ดุจแขปล่อยมือ เพ็ญประกายล้มลง นอนชักอยู่กับพื้น ดุจแขช็อค ตกใจวิ่งเตลิดหนีออกไป
แป้นที่มองอยู่วิ่งเข้ามา “คุณเพ็ญคะ...คุณเพ็ญ”
ฟลุคหลงนัดจันทราที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และในเวลานั้นฟลุคหลงยื่นซองยาให้จันทรา เป็นซองใหญ่ ปริมาณมากเอาการ
“ดีมาก....” จันทรายิ้ม พลางเปิดกระเป๋าเงินหยิบเงินส่งให้ “อ่ะ..ส่วนที่เหลือของแก แล้วฉันให้แกพิเศษเพิ่มอีก”
“ขอบคุณค่ะ งั้นฉันกลับก่อนนะคะ”
ฟลุคหลงเดินออกไปพร้อมเงิน ก่อนหันมามองจันทรา
ฟลุคหลงพูดในใจ “นี่ถ้าคุณจันทรารู้ว่าฉันเอาวิตามินมาให้ ต้องฆ่าฉันแน่ๆเลยหนีไปให้สุดหล้าฟ้าเขียวเลยนังฟลุคฟลง”
คิดได้ดังนั้นฟลุคหลงก็รีบเดินหนีไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนจันทรามองยาในยิ้มร้ายออกมา พูดอยู่ในใจ
“คุณเมินยังเสร็จฉันแล้ว นับประสาอะไรกับคุณชายเสร็จฉันแน่ๆ”
ระหว่างนั้นเสียงมือถือดัง จันทรารีบกดรับ เสียงแป้นละล่ำละลักมาในสาย
“คุณนายคะคุณนาย
“พูดเป็นหมาหอบแดดไปได้นังแป้น มีอะไร?” จันทราตวาด
แป้นบอกเสียงตื่น “คุณเพ็ญ...คุณเพ็ญชักค่ะ”
จันทราตกใจมาก “เพ็ญชัก”
สรรชัยถามดุจแข ขณะที่อีกฝ่ายกำลังเอาผ้าขนหนูเช็ดผมอย่างตกใจ
“คุณเพ็ญถึงขนาดชักเลยเหรอ?”
ดุจแขหน้าจ๋อย “ ฮื่อ!”
“โธ่เอ๊ย! ผมรึอุตส่าห์กลับมาจากที่ทำงานเพราะเป็นห่วง กลัวว่าคุณจะเป็นอะไรที่ไหนได้ เฮ้อ!แล้วทำไมคุณทำกับเค้าขนาดนั้น?” สรรชัยหลุดปาก
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากไปช่วยแรมกับคุณชาย ว่าแต่ตะกี้คุณว่าอะไรนะ? ห่วงฉัน?”
สรรชัยเริ่มรู้สึกตัว “ก็...ตอนคุณโทร.ไปบอกเห็นเสียงคุณตกอกตกใจ ก็..ถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไร ผมจะกลับไปทำงาน” รีบเดินออกไป
ดุจแขเห็นท่าทางของสรรชัยก็อมยิ้ม แกล้งร้องลั่น “โอ๊ย”
สรรชัยเหลียวขวับ หันกลับมา วิ่งมาหาดุจแขทันที “เป็นไรคุณ?”
“เป็นบ้า...อยากรู้ว่าคุณยังห่วงฉันรึเปล่า? ขอบคุณมากนะที่ยังห่วงกันอยู่”
สรรชัยยิ้ม เขินนิดๆ “ก็แค่...คนอยู่บ้านเดียวกัน”
สรรชัยเดินออกไป ดุจแขยิ้มออกมา ก่อนที่จะนิ่วหน้า ยกมือกุมหน้าอก รู้สึกเจ็บมาก หายใจไม่ออก
“นี่เราเป็นอะไร?”
ธิติรัตน์และเดือนแรมเดินเข้าไปภายในวัดแห่งนั้น
“ไหว้พระกันดีกว่านะแรม จะได้สบายใจ” ธิติรัตน์บอก
“ค่ะคุณชาย”
สองคนเดินเข้าไปในโบสถ์ กราบไหว้พระประธาน สองคนมองจ้องที่ใบหน้าองค์พระแน่วนิ่ง อธิษฐานจิต ด้วยความสุขสงบ
พอเสร็จก็พากันออกมาทำบุญ ใส่เงินในกล่องรับบริจาคภายในวัด สองคนทำบุญวันเกิดตามพระพุทธรูปประจำวันเกิดของตัวเอง
ครู่ต่อมาธิติรัตน์พาเดือนแรมเดินมาที่สระปลาภายในบริเวณวัด สองคนก็ให้อาหารปลา จังหวะหนึ่งเดือนแรมปรารภขึ้นมา
“แรมไม่สบายใจเลยค่ะ ที่เรื่องทุกอย่างต้องวุ่นวายเพราะแรม”
“ฉันไม่เคยเห็นว่าเธอทำอะไรที่มันวุ่นวาย มีแต่คนอื่นเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของเธอต่างหาก”
“แล้วคุณชายคิดว่าแรมควรทำอย่างไร?”
“ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เป็นคนดี อดทนเหมือนเดิม เชื่อมั่นในตัวฉัน ฉันจะเป็นคนแก้ปัญหาตรงนี้เอง”
ระหว่างนั้นคู่รักหนุ่มหล่อสาวสวยเดินเคียงกันมาให้อาหารปลา สองคนคุยกันหวานซึ้ง
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าปัญหาของเราที่มีมากมายจะผ่านมาได้” หญิงสาวเอ่ยขึ้น
“เพราะความรัก ความมั่นคง ที่เรามีให้แก่กัน” หนุ่มหล่อบอก
“ขอบคุณนะคะที่ฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างเพื่อฉัน
“ผมเชื่อในบุพเพสันนิวาส คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน”
ธิติรัตน์กับเดือนแรมหันมามองหน้ากัน สองคนมองสบตานิ่ง ไม่มีคำพูดแต่มีความหวัง
อยู่ในนั้น
ธิติรัตน์เดินมาส่งเดือนแรมที่หน้าบ้านมะลิ เดือนแรมบอกขอบคุณ
“ขอบคุณคุณชายมากค่ะที่มาส่ง แต่ความจริงคุณชายส่งแรมที่หน้าบ้านก็ได้”
“ไม่ได้...เดี๋ยวเธอจะถูกใครเค้ารังแกอีก”
เดือนแรมยิ้มบางๆ ธิติรัตน์จับมือเดือนแรมขึ้นมากุมไว้แน่น
“อดทนนะแรม ฉันเชื่อเรื่องบุบเพสันนิวาส คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน”
เดือนแรมมองจ้องหน้าธิติรัตน์ อย่างฉงน ธิติรัตน์ไม่เคยพูดคำว่ารัก ทำไมมาพูดอย่างนี้
ธิติรัตน์จับมือเดือนแรมแน่นเข้าไปอีก บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันรักเธอ”
เดือนแรมทั้งตกใจและปลื้ม “คุณชาย”
“ฉันจะทำทุกอย่างให้เราได้อยู่ด้วยกัน” ธิติรัตน์โน้มหน้าจูบเดือนแรมที่หน้าผากอย่างนุ่มนวลดึงรั้งร่างเข้ามากอด
เดือนแรมเคลิ้มไปสักครู่ก่อนรู่สึกตัว ดันตัวออก “ไม่ได้ค่ะ คุณชายต้องทำตามประสงค์ของท่านพ่อ คือแต่งงานกับมาหยารัศมี และที่สำคัญ แรมไม่อยากให้พี่เพ็ญเสียใจ” พูดจบก็ผละเข้าบ้านไป
“แรม...แรม” ทว่าเดือนแรมไม่ยอมหัน ธิติรัตน์หน้าเศร้าลง
เดือนแรมปิดประตูห้องลงอย่างเหนื่อยล้า ยืนหันหลังแนบประตู ร้องไห้ออกมา
“แรมขอยอมเจ็บคนเดียว แรมจะไม่ทำให้..ใครหลายคน ต้องเจ็บเพราะแรม”
ธิติรัตน์เดินมายังบริเวณห้องเดือนแรม มองขึ้นไปที่หน้าต่าง ธิติรัตน์เห็นเดือนแรมเดินมานั่งร้องไห้ที่เตียงนอน ธิติรัตน์มองดูด้วยความสงสาร พูดในใจ
“ยิ่งนานวันฉันก็ยิ่งรักเธอ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอร้องไห้ เธอโดดเดี่ยว แรม!”
ส่วนเพ็ญประกายนอนหมดแรงอยู่บนเตียง มีแป้นคอยเฝ้า จันทราถามเป็นห่วงตกอกตกใจ
“เป็นยังไงบ้างลูก?”
เพ็ญประกายร้องไห้เจ็บปวดหัวใจจริงๆ “เพ็ญไม่เป็นไรแล้วค่ะคุณแม่ แต่เพ็ญเจ็บใจเจ็บที่ทั้งคุณชาย ดุจแข รวมหัวกันมาแกล้งเพ็ญ รวมทั้งแรมอีก”
จันทราโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “พวกมันกล้ามากที่มาเป็นศัตรูกับแม่...” ตาลุกวาว “คุณชายก็เหมือนกันรู้จักจันทราน้อยไปซะแล้ว ไม่ต้องห่วงนะเพ็ญแม่จะเอาคืนพวกมันเป็นร้อยเป็นพันเท่า โดยเฉพาะนังดุจแข มันได้ตายศพไม่สวยแน่ ที่กล้ามาทำกับลูกเพ็ญแบบนี้”
เพ็ญประกายร้องไห้ สะอื้นจนตัวโยน “คุณแม่จัดการให้เด็ดขาดเลยนะคะ เพ็ญทั้งโกรธและแค้นมัน”
“แน่นอนลูก นังดุจแขมันจะไม่กล้ามาสะเออะเรื่องของลูกอีกเลย นังแรมอีกคนที่มันเป็นตัวต้นเหตุเรื่องวุ่นวายทั้งหมด พวกมันเจอดีแน่ๆ”
จันทราออกมาคุยโทรศัพท์ที่นอกบ้าน ปลายสายเป็นบ้านเจิมที่ต่างจังหวัด ซึ่งเวลานี้ชุติมานอนแน่นิ่งไม่ได้สติ เจิมมองอย่างเป็นห่วง ขยับเข้าไปเขย่าตัวปลุก
“ชุๆ ทำไมไม่รู้สึกตัวซะทีวะ ชุๆ” เสียงมือถือดัง เจิมสะดุ้ง กดรับ “ว่าไง
“ชุเป็นยังไงมั่ง?”
เจิมโกหก “ก็กำลังอาบน้ำอยู่ แกมีอะไร?”
“ฉันมีเรื่องจะให้พี่จัดการ....”
เจิมมองชุติมาอย่างเป็นห่วง “ฉันจะจัดการได้ยังไง? ฉันต้องเฝ้านังชุอยู่”
“งั้น....พี่ส่งลูกน้องพี่มาให้ฉันก็ได้ เอาคนที่มันเก่งๆ โหดๆ ใจดำๆ แล้วก็ปากหนักๆ ส่งมา”
“แกจะเอาไปทำอะไรอีกวะ?”
“ช่างฉัน ส่งมาแล้วกัน”
“เออ..แล้วฉันจะส่งไป” น้ำเสียงเจิมดูกลัวจันทราอยู่หน่อยๆ “แล้วชุติมาล่ะ แกจะให้ฉันทำยังไงต่อไป”
“ล่ามโซ่มันไป แล้วพี่ก็คุมมันดีๆ อย่าให้มันหนีมาสร้างเรื่องวุ่นวายให้ฉันอีก”
จันทราวางสาย สีหน้าเจิมเป็นกังวล มองร่างชุติมาที่นอนไม่ได้สติอยู่
“สงสัยยาสลบจะหนักมือไปหน่อย อย่าเป็นไรนะชุ...ลุงไม่ได้ตั้งใจ” เจิมกังวลขึ้นมา
เช้าวันต่อมาแม้นเทพพยายามติดต่อชุติมา โดยไม่รู้ว่าโทรศัพท์ชุติมาแบตหมดไปแล้ว
“ชุติมาทำอะไรอยู่ ?” แม้นเทพกดแล้วกดอีก ในที่สุดกดอีกครั้งแล้วฝากข้อความเสียงไว้ “ชุ..ชุอยู่ที่ไหน? พี่ติดต่อชุไม่ได้เลย พี่เป็นห่วงมาก โทร.กลับพี่ด้วย”
แม้นเทพวางสาย ท่าทางเป็นกังวล บอกตัวเอง
“ไปหาที่แฟลตดูดีกว่า
ไม่นานหลังจากนั้นแม้นเทพอยู่ในชุดนายทหาร กำลังเดินตรงเข้าไปที่ใต้ถุนแฟลต แต่กลับไม่เห็นมีรถเข็นร้านส้มตำของสุดใจ
แม้นเทพหน้าเสีย ถามชาวแฟลตที่อยู่แถวนั้น “ป้าวันดีไม่มาขายส้มตำหรือครับวันนี้?”
“ก็หลายวันแล้วนะ ไม่รู้เป็นอะไร ปกติแกไม่เคยหยุดเลย ยิ่งมีหนูชุมาอยู่ด้วย แกยิ่งขยัน”
“ไม่สบายหรือเปล่าก็ไม่รู้...ลองไปดูที่ห้องแกแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ”
แม้นเทพเดินผละไป
แม้นเทพตรงไปหาที่ห้อง หน้าห้องถูกล็อกด้วยสายยูเหมือนเดิม
“ตกลง ไปไหนกัน?”
แม้นเทพกังวลมาก ก่อนจะควักนามบัตรออกมาเขียน
“ชุ...ติดต่อกลับพี่ด้วย พี่เป็นห่วง”
แม้นเทพเหน็บนามบัตรไว้ที่ประตูแล้วเดินออกไป
แม้นเทพเดินคอตกกลับลงไปชั้นล่างของแฟลต ส่วนอีกทางสุดใจเดินมา บริเวณหน้าแฟลตเพื่อนบ้านเห็นก็รีบร้องบอก
“วันดี..ตะกี้มีคนมาหา นายทหารหน้าคมๆ สูงๆ หล่อยังกับพระเอก”
“เหรอ” สุดใจดีใจ
“เออ...ฉันบอกให้เค้าไปตามแกที่ห้องน่ะ”
“ขอบใจมากนะ”
สุดใจรีบเดินไปทางบันไดขึ้นแฟลตอย่างดีใจมีความหวังขึ้นมา
นามบัตรแม้นเทพหล่นอยู่หน้าห้องสุดใจ แม่บ้านเดินมากวาดพื้นทำความสะอาด เห็นนามบัตรหล่นก็บ่นอุบ
“เกลียดนักพวกมักง่าย ทิ้งขยะไม่เป็นที่เนี่ย”
แม่บ้านกวาดนามบัตรใส่ที่ตัก เดินกวาดไปยังห้องต่อไป สุดใจวิ่งเข้ามาที่หน้าห้อง ไม่เห็นแม้นเทพแล้ว
“อ้าว! กลับไปซะแล้ว โอ๊ย!แล้วจะติดต่อเค้ายังไงเนี่ย? เฮ้อ! ชุติมาป่านนี้จะเป็นยังไงเนี่ย?”
สุดใจกังวลใจอย่างหนัก
ชุติมารู้สึกตัวขึ้น แต่ยังอยู่ในอาการสโลสเล ทั้งมึนทั้งงง สติยังมาไม่เต็มร้อย ยังเห็นโลกหมุนๆ หลังคาบ้านแปลกตา
“นี่เราอยู่ที่ไหนเนี่ย?”
เจิมต้มบะหมี่อยู่ ได้ยินเสียงจึงหันมา อย่างดีใจ “รู้สึกตัวแล้วเหรอชุ? มา..กินบะหมี่กัน กำลังร้อนๆ”
ชุติมามองงงๆ “ลุง.....” ก่อนจะนึกได้ “ลุงพาฉันมาที่นี่ทำไม?”
“ก็แม่แกบอก” เจิมบอก
ชุติมารู้สึกตกใจ “แม่น่ะเหรอให้พาฉันมานี่”
“เออ” เจิมเดินเข้ามาใกล้ พร้อมชามบะหมี่
ชุติมาสงสัย “ทำไม?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่ได้ถาม แม่แกบอกให้พามา ฉันก็ทำ” เจิมบอก
ชุติมาฉุนกึก “จ้างให้ฉันก็ไม่อยู่” ผลักเจิมแล้ววิ่งออกไป บะหมี่ร้อนๆ หกรถถูกตัวเจิม
“โอ๊ยย!! นังนี่” คว้าตัวเอาไว้ “เฮ้ย!!จะไม่ไหน แม่แกบอกให้อยู่ที่นี่”
ชุติมาดิ้นเป็นการใหญ่ “ก็บอกแล้วไง ว่าไม่อยู่” ดิ้นพล่าน
เจิมจับชุติมาล็อกไว้ “แกนี่..ฉันอุตส่าห์ไม่ล่ามโซ่แกไว้อย่างที่แม่แกบอก ยังจะฤทธิ์เยอะอีก มานี่” ลากจะพาไปที่เตียง อีกมือคว้าโซ่
“ไม่เอ๊า!!” ชุติมาร้องลั่นแล้วผลักเจิมเต็มแรง จนเจิมล้มลงแล้ววิ่งหนีออกมา
“หยุดนะนังชุ หยุด!!” เจิมวิ่งตามทั้งที่ปวดแสบปวดร้อนถูกบะหมี่ลวก
ชุติมาวิ่งหนีเจิมมาตามทาง แหกปากร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยๆๆๆๆ”
เจิมวิ่งตาม “หยุดนังชุหยุด!!” เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ตามมากระชากไว้ได้ในที่สุด
ชุติมาร้องอีก “ปล่อยชุ ปล่อย”
“ไม่ปล่อย ยังไงฉันก็ไม่ให้แกไป” คว้าตัวไว้ “มานี่”
“ไม่....ปล่อยชุ” ชุติมาดิ้นรนขัดขืนอีก
“อยู่เฉยๆ มากับลุงดีๆ อย่าทำให้ลุงวุ่นวาย” เจิมลากไป
ชุติมายื้อตัว ออกปากเถียง “ลุงจับฉันไว้นั่นแหละ ฉันจะทำให้ลุงวุ่นวาย”
เจิมลากไปอีก พยายามพูดดีๆ ด้วย “บ๊ะ!นังนี่ ก็ฉันทำตามคำสั่งแม่แก อยู่เฉยๆ ให้ลุงได้เงินใช้ดีกว่า ยิ่งไม่มีกินอยู่ บะหมี่ของลุงแกก็ทำหกหมดแล้ว ถ้าพูดง่ายๆ แม่แกให้เงินมา ลุงจะแบ่งแกด้วยก็ได้ ป่ะ”
เจิมลากชุติมาไป ชุติมาทั้งดิ้นทั้งร้อง แต่ยังไงก็ถูกลากไปอยู่ดี ในขณะที่อาทิตย์ตกดินลับฟ้าไปพอดี
ค่ำนั้นเจิมล่ามโซ่ชุติมาเอาไว้ได้ ชุติมาดิ้นแค่ไหนก็ไม่สู้แรงชาย แต่ก็ทำเอาเจิมเหนื่อยไปไม่น้อย
“เห็นมั้ย ทำให้ฉันต้องล่ามแกเหมือนหมา อยู่ดีๆ ไม่ชอบนังนี่”
“ถูกจับมาอย่างนี้ใครจะชอบล่ะ” ชุติมาย้อนอย่างมีอารมณ์
“ชอบไม่ชอบก็ต้องชอบ นี่! ถ้าแกดื้อมากๆ ฉันอดใจไม่ไหว ระวังเถอะจะโดน” เงื้อมือขู่ “อยู่ดีๆ อย่าทำให้ฉันอารมณ์เสีย” เจิมเดินออกไป
“ฝันไปเหอะจ้างให้ฉันก็ไม่ยอม” ชุติมาดิ้นรนหาทางออก แต่ไปไหนไม่ได้ เพราะถูกโซ่ล่ามไว้
กลางดึกคืนนั้น พระจันทร์คืนข้างแรมมืดหม่นและดูน่ากลัว เจิมนอนหลับอยู่ ชุติมาสบโอกาสค่อยๆ คลานเข้าไปใกล้ๆ ล้วงเอากุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงเจิมอย่างลุ้นระทึก จังหวะนั้นเองเจิมพลิกตัวเกือบทับมือชุติมา
ชุติมารีบชักมือออก รอจนกระทั่งแน่ใจว่าเจิมหลับแน่แล้ว ชุติมาจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบกุญแจของเจิม คราวนี้เจิมรู้สึกตัวเอามือตะปบมือของชุติมาเอาไว้ทัน
“นังชุ!!” เจิมตวัดหลังมือตบเต็มแรง
ชุติมาร้องลั่น “โอ๊ยย!”
“แกนี่มันจริงๆ เลย” เงื้อมือขึ้นอีกตั้งท่าจะตบ
ชุติมาผวาตัวร้องลั่น “อย่านะลุง” กลัวสุดชีวิต
“ไปนอน แล้วอย่าทำให้ฉันอารมณ์เสียอีก ไม่งั้น โดน” เจิมตวาด
ชุติมาถอยไปอยู่มุมเดิม มองโซ่ที่ล่ามเท้าตัวเอง โกรธที่สุด เจิมมองตาขวางชี้หน้าชุติมา น่ากลัวมาก
รุ่งเช้าแม้นเทพสะดุ้งตื่น ลุกพรวดขึ้นเหงื่อท่วมหน้า
“อย่าเป็นอะไรนะชุติมา?”
แม้นเทพลุกเดินจากเตียงทันที
อ่านต่อหน้า 4
ตอนที่ 12 หน้า 4 มีการเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ตรงตามบทโทรทัศน์ทางช่อง 7 สี ตัวหนังสือสีแดงคือเรื่องราวที่เพิ่มเติมใหม่
มาหยารัศมี ตอนที่ 12 (ต่อ)
รุ่งเช้า แม้นเทพแต่งตัวเรียบร้อยแล้วอยู่ในชุดลำลอง จะเดินออกจากบ้านไป มะลินั่งอยู่ในห้องโถงท่าทางไม่สู้ดี เพราะยังเจ็บ และปวดบริเวณแผลที่ถูกตีไม่หาย ทักขึ้น
“จะไปไหนแต่เช้าลูก?”
“ไปหาเพื่อนน่ะครับ”
“ถ้าไม่มีธุระด่วน พาแม่ไปหาหมอก่อนได้มั้ย แม่ปวดๆ” หญิงชราจับหัว “ยังไงไม่รู้”
“บริเวณที่ถูกตีนะค่ะคุณต้อม” พิมบอก
แม้นเทพฟังแล้วเป็นห่วงมากๆ “งั้นรีบไปเลยครับคุณแม่”
แม้นเทพประคองมะลิออกไป มีพิมตามไปด้วย
เวลาเดียวกันชุติมาได้แต่นั่งหงุดหงิดงุ่นง่าน จะเดินไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ เพราะถูกล่ามโซ่เอาไว้
“โอ๊ย!!แม่นะแม่ จะจับฉันมาขังทำไมแม่??” ชุติมานิ่วหน้า ก่อนนึกได้ “มือถือ”
ชุติมารีบคว้ากระเป๋าตัวเองเปิดออกหามือถือ เห็นมือถือสองเครื่องอยู่ครบ ชุติมาถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหยิบของตัวเองออกมา จะโทร. แต่ก็ต้องจ๋อย
“ทำไมแบตต้องหมดตอนนี้ด้วย..แล้วจะโทร.บอกใครได้เนี่ย?” ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล “พี่ต้อมต้องว่าเราเป็นคนไม่ดี ผิดนัดแน่ๆ เลย โอ๊ย! จะหนีไปได้ยังไงเนี่ย?”
ชุติมามืดแปดด้านสุดแสนจะกลุ้มและกังวลหนัก
ทางด้านสุดใจ อยู่ในห้องที่แฟลต นั่งเครียดมองดูคลิปในโทรศัพท์ ตอนชุติมาถูกเจิมจับตัวไป
สุดใจคิดอยู่ในใจอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษนะชุ....ถ้าน้าแจ้งตำรวจ เรื่องราวมันต้องพัวพันมาถึงน้าแน่....น้าไม่อยากเดือดร้อน” มองไปที่ประตู “เวรกรรมอะไรด้วยนะ ถึงได้คลาดกับคุณต้อมทุกที” มองจ้องดูรูปในมือถืออีก พลางคิดในใจ “เค้าเป็นญาติกัน คงไม่ทำอะไรกันรุนแรงหรอก”
สุดใจสับสนนั่งมองรูปชุติมาและเจิมในมือถืออยู่อย่างนั้น
เจิมเดินเข้ามาพร้อมห่อข้าว “เอ้า! กินข้าวซะ”
“ถ้าลุงไม่ปล่อยฉัน ฉันก็ไม่กิน”
“ไม่กินก็เรื่องของแก” เจิมนั่งลง กินข้าวหน้าตาเฉย
“ลุง!!ปล่อยฉันไปเถอะนะ จะจับฉันไว้ทำไม?” ชุติมาใช้ลูกอ้อน
“ก็บอกแล้วไง ว่าแม่แกบอกให้จับ”
“แล้วแม่จับฉันทำไมล่ะ?”
เจิมหงุดหงิดที่ชุติมาเซ้าซี้ไม่เลิกรา “ไม่รู้โว้ย....”
“นี่! ลุงไม่คิดจะถามอะไรแม่หน่อยเหรอ?”
“ไม่..ฉันสนแค่เงินอย่างเดียว”
ชุติมาคิดแผนในใจ “งั้นยืมมือถือหน่อยสิ จะโทร.หาแม่”
เจิมไม่เชื่อใจ หัวเราะใส่หน้า “ฉันให้ยืม แกก็โทร.หาคนอื่นสิวะ”
“ลุง!!” ชุติมาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“หุบปาก..ฉันไม่ยึดมือถือแกไว้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว มีปัญญาก็ใช้มือถือแกโทร.เองแล้วกัน” เจิมหัวเราะเยาะ
ชุติมาได้แต่มองค้อนเจิมปะหลับปะเหลือก
จารุณีแวะมาหาดุจแขที่บ้าน ถามเรื่องคืบหน้าระหว่างเพ็ญประกายกับคุณชายธิติรัตน์ สองสาวเม้าท์กันอยู่ในห้องรับแขกในบ้าน
“ตกลงเรื่องคุณชายกับยัยเพ็ญประกาย เป็นยังไง?”
“จะเป็นยังไง? ตอนนี้คุณชายก็ยังต้องแต่งกับยัยนั่นอยู่น่ะสิ คนอะไรหน้าด้าน รู้ทั้งรู้ว่าคุณชายไม่ได้รัก และตัวเองก็ไม่ใช่มาหยารัศมียังจะดันทุรังจับคุณชายอีก คุณชายก็อีกคน เล่นบ้าๆอะไรก็ไม่รู้”
“ฉันว่าคุณชายเป็นคนฉลาด ยังไงคุณชายก็ไม่ยอมแต่งหรอก ไม่งั้นจะถ่วงเวลาเอาไว้ทำไม?”
ดุจแขหันมามองหน้าจารุณี จารุณียิ้มแล้วพูดต่อ
“ว่าแต่...เธอแน่ใจเหรอ ว่าที่ทำทั้งหมด เธอไม่ได้มีความหวังในตัวคุณชาย”
“แน่ใจ! ฉันทนไม่ได้ถ้าคุณชายจะต้องลงเอยกับยัยแอ๊บแตก ที่สำคัญ...ฉันไม่อยากให้แรมเสียใจ เพราะถ้าแรมเสียใจ สรรชัยก็ต้องเสียใจ”
“ทำไมสรรชัยต้องเสียใจ?” จารุณีงง
ระหว่างนั้นสรรชัยเดินเข้ามา ดุจแขกับจารุณียังไม่เห็น ดุจแขตอบออกไป
“ก็สรรชัยเค้ารักแรมไง...ถ้าแรมมีความสุข สรรชัยก็จะมีความสุข”
สรรชัยชักสีหน้าและพูดออกมาทันที “ขอบคุณมากที่ทำเพื่อผมขนาดนั้น แต่ไม่จำเป็น” จากนั้นก็เดินออกไป
ดุจแขหน้าหงิก ที่ถูกเหน็บทั้งที่หวังดีจากใจจริง “นี่! พอจะทำดีด้วยก็หาเรื่อง หยุดเดี๋ยวนี้นะหยุด มาคุยกับฉันก่อน สรรชัย” รีบตามออกไป เพราะนิสัยเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเดิม
จารุณีอมยิ้มขำ “พ่อแง่แม่งอน มันชักจะยังไงแล้วนะคู่นี้ หรือจะกลับมากินน้ำพริกถ้วยเก่ากันอีก”
จารุณีมองตาม ส่ายหัวยิ้มกริ่มอย่างขำๆ
สรรชัยเดินออกมาข้างนอก ดุจแขเดินตามจนทัน
“ทำไม? ฉันจะทำดีเพื่อคุณไม่ได้ ทำไม?”
“ก็อย่างที่บอก คุณไม่จำเป็นต้องทำเพื่อผม เพราะผมไม่ได้รักแรม...อย่างที่คุณคิด”
“แล้วคุณรักใคร?”
“ผมไม่จำเป็นต้องบอก รู้ไว้แค่...”
ดุจแขมองจ้องหน้าสรรชัยเขม็งคอยฟัง สรรชัยพูดต่อ
“ผมมีแต่ความปรารถนาดีให้กับแรม เพราะแรมเป็นน้องสาวของผม แต่ยังไงผมก็ขอบคุณคุณอยู่ดี ถ้าแรมจะได้ลงเอยกับคุณชาย ไม่ใช่เพ็ญประกาย”
เวลาเดียวกันนั้นเพ็ญประกายกดโทร.หาคุณชายกระหน่ำ แต่โทร.ยังไงก็โทร.ไม่ติดซักที เป็นสัญญาณสายไม่ว่าง
“คุณชายต้องบล็อกเบอร์เพ็ญแน่ๆ เลยค่ะคุณแม่ โทร.ยังไงก็โทร.ไม่ติด”
จันทราโกรธมาก บอกเสียงกร้าวเข้ม “มันคิดว่ามันเป็นใคร ถึงมาทำกับลูกแม่อย่างนี้...”
เพ็ญประกายพร่ำเพ้อระบดระบายอย่างน้อยใจ “คุณชายไม่รัก ไม่สนใจเพ็ญเลย เพ็ญเหนื่อยเพ็ญไม่อยากยุ่งอะไรกับเค้าแล้ว”
จันทราแว้ดขึ้นมา “ไม่ได้! ลูกจะยอมแพ้ไม่ได้ จำเอาไว้ คุณชายมีทุกอย่างที่เราต้องการทั้งชาติตระกูล เกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง และที่สำคัญ...ถ้าลูกยอม ก็หมายถึงลูกแพ้นังแรม ไม่ใช่แค่ลูกคนเดียว แต่รวมทั้งแม่ด้วย...”
เพ็ญประกายย้อนถามเสียงอ่อย “แล้วแม่จะให้เพ็ญทำไง? คุณชายเค้าไม่ยอมรับ เค้ารังเกียจเพ็ญทุกอย่าง”
“ก็ช่างเค้าสิไม่ต้องสนใจเพราะทันทีที่คุณชายแต่งงานกับลูกลูกจะได้ทุกอย่าง”
จันทราแค้นจัด ตาเป็นประกาบวาววาบ เพ็ญประกายมีทีท่าเหนื่อย หนักใจ จันทรายุอีก
“อย่าทำหน้าอย่างนี้ เพราะมันเป็นหน้าของคนแพ้ ลูกแม่ต้องยิ้ม มั่นใจ หยิ่งทะนง เพ็ญประกายของแม่ต้องเป็นคนชนะ”
จันทราทำหน้ายิ้มไปด้วย เพ็ญประกายฝืนทำหน้าระรื่นอย่างแม่ จันทรายิ้มพอใจ
ธิติรัตน์ ศรัณย์ และวีระ สามคนนั่งคุยงานกันอยู่ที่บริษัท
“ช่วงนี้ไม่เห็นหน้าเจ๊กอไก่ รู้สึกเหงาๆ หูไปนะ” วีระเอ่ยขึ้น
ศรัณย์มองจ้องหน้าธิติรัตน์ พูดเย้าๆ “ไม่เห็นหน้าเจ๊กอไก่เหงาหู แต่ใครบางคนไม่เห็นหน้าน้องแรมเหงาใจ”
ธิติรัตน์เงยหน้ามามองเพื่อนตาขวาง ศรัณย์กับวีระมองหน้ากันอมยิ้ม
“ตกลงจะไม่คุยงานกันต่อแล้วใช่มั้ย?”
“ก็สรุปจบแล้วนี่หว่า...นายมีเรื่องอะไรจะคุยอีกมั้ยล่ะ?” ศรัณย์ว่า
“ฉันอยากหานักสืบ” ธิติรัตน์เอ่ยขึ้น
ศรัณย์งง “เฮ้ย!เอามาทำไม? โปรเจ็คไหนวะ?”
วีระเองก็งงไม่ต่างกัน “นั่นสิ โปรเจ็คท์ไหน ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง?”
“โปรเจ็คท์ใหญ่ของฉันเอง” น้ำเสียงธิติรัตน์มุ่งมั่นมาก
วีระกับศรัณย์มองหน้ากัน
ค่ำวันนั้นธิติรัตน์แวะมาที่คลินิกหมอเกรียง และกำลังยืนคุยอยู่กับธิดา ขณะรอหมอเกรียงที่ข้างทางหน้าคลินิก
“ดีแล้วล่ะที่คุณชายจ้างนักสืบ อย่างน้อยเราจะได้รู้ประวัติว่าคุณจันทรามีความเป็นมาเป็นยังไง? ดีไม่ดี..อาจจะรู้เกี่ยวกับแม่ของแรม” ธิดาว่า
“นั่นล่ะครับสิ่งที่ผมหวัง...เพราะถ้าจะหวังจากคุณเมิน คงไม่ได้...ถ้าเราพอรู้จักคุณจันทราบ้าง อาจจะอนุมานอะไรได้ถูก”
“พี่บอกพี่หมอให้แล้ว เดี๋ยวคงรู้ ว่าจะหานักสืบมือดีๆได้ที่ไหน? แน่ะ!พี่หมอมาแล้ว”
หมอเกรียงเดินออกมาจากคลินิก ท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส
“ขอโทษนะปล่อยให้รอซะนาน อากาศร้อน คนป่วยเยอะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดากำลังคุยกับคุณชาย เรื่องนักสืบ พี่หมอตามเรื่องถึงไหนแล้วคะ?”
“เพื่อนพี่บอก กำลังตามตัวให้ คนนี้เก่งมาก ให้ตามอะไรไม่มีพลาด ถ้าได้ตัวเมื่อไหร่ พี่จะส่งข่าวให้คุณชายรู้ทันที”
“ขอบคุณมากครับพี่หมอ..ผมอยากรู้เรื่องคุณจันทรา ผมอยากจะช่วยแรม”
สีหน้าและแววตาของธิติรัตน์มีแต่ความห่วงใยในตัวเดือนแรม
ค่ำวันเดียวกันพอเดือนแรมซึ่งแต่งตัวสวย เพราะเพิ่งจะกลับมาจากทำงานเดินเข้าบ้าน ก็เจอเพ็ญประกายเดินมาขวางมองหน้าหาเรื่อง
“แต่งตัวสวยขนาดนี้ คงไปกับคุณชายมาสินะ” เพ็ญประกายเหน็บแนมอย่างอิจฉา
“แรมไปทำงานมาค่ะ”
เพ็ญประกายมองเหยียดไม่เชื่อ “รู้มั้ยเดือนแรม ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ฉันก็ไม่เชื่อ เพราะคำพูดของเธอมันเชื่อไม่ได้ เธอบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคุณชาย แต่เธอก็ยังหาเรื่องไปไหนมาไหนกับเค้าตลอด”
“แรมไปทำงาน” เดือนแรมเหนื่อยใจ ยืนยันคำเดิม
“งานของเธอมีแต่กับคุณชายรึไง? เธอจงใจแกล้งฉัน เธอจงใจยั่วคุณชาย”
ระหว่างนั้นแม้นเทพโผล่มาพอดี “หยุดเดี๋ยวนี้นะเพ็ญ”
สองคนหันมามองอุทานพร้อมกัน “พี่ต้อม”
“แรมกลับบ้านไป” แม้นเทพบอก
“ค่ะ” เดือนแรมเดินไป
แม้นเทพหันมาทางเพ็ญประกาย พูดด้วยดีๆ “เพ็ญพี่ขอ...เลิกต่อว่าแรมเรื่องคุณชายเถอะนะ”
“ทำไมคะ? พี่ต้อมก็เห็น ว่าแรมชอบให้ท่าคุณชาย” เพ็ญประกายย้อน
“เพ็ญ พูดจาอะไรไม่น่าฟังเลย อีกอย่าง แรมก็น้องของเพ็ญ ทำไมมองน้องในแง่ร้ายขนาดนั้น”
“เพราะแรมจงใจทำร้ายเพ็ญ”
แม้นเทพถอนหายใจ “พี่ยังยืนยันว่าแรมเป็นน้องของเพ็ญ และแรมยังคงรักเพ็ญเหมือนเดิม....คุณแม่มีเรื่องจะคุยกับเพ็ญนะ ท่านอยากให้เพ็ญไปหา”
เพ็ญประกายหน้าหงิก แม้นเทพพูดต่อ
“ถ้าเพ็ญยังเคารพท่านอยู่ และเห็นว่าเรายังเป็นพี่น้องกัน พี่หวังว่าเพ็ญคงจะไป”
เพ็ญประกายกลับขึ้นห้องนอนกระสับกระส่ายว้าวุ่นใจ เพราะไม่อยากไปพบมะลิ
“ถ้าไป...เราต้องถูกคุณป้าดุแน่ๆ ใครๆ ก็เข้าข้างแต่แรม”
แต่เสียงจริงจรังของแม้นเทพดังก้องในหัว
“ถ้าเพ็ญยังเคารพท่านอยู่ และเห็นว่าเรายังเป็นพี่น้องกัน พี่หวังว่าเพ็ญคงจะไป”
เพ็ญประกายถอนหายใจเฮือกใหญ่ หนักใจไม่อยากไป เพราะรู้ว่าต้องถูกมะลิเทศน์อีก ยังไงก็คงต้องไป
รุ่งเช้าแม้นเทพเดินนำเพ็ญประกายเดินเข้ามาหามะลิ เพ็ญประกายถามหน้าบึ้ง แต่น้ำเสียงยังเกรงใจมะลิอยู่
“พี่ต้อมบอกว่าคุณป้าให้มาหา...คุณป้ามีธุระอะไรกับหนูคะ”
“ธุระปะปังน่ะคงไม่มีหรอก....แต่ได้ยินมาว่า หมู่นี้แม่เพ็ญ เอ๊ยมาหยารัศมีอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่?”
เพ็ญประกายหน้างอ ถูกเรียกว่าเพ็ญ มะลิจับกิริยาก็นึกขึ้นได้
“โทษทีป้าไม่ชิน.....ไหน..ลองบอกป้ามาซิ แม่เพ็ญ..มันมีเรื่องอะไรถึงทำให้แม่เพ็ญที่นิสัยดีน่ารักของป้าเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้”
มะลิจดสายมองจ้องหน้าเพ็ญประกาย คอยฟัง เหมือนผู้ใหญ่ใจดีมีเมตตา
อ่านต่อ ตอนที่ 13