xs
xsm
sm
md
lg

แววมยุรา ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แววมยุรา ตอนที่ 12 
สยุมภูว์กำลังอธิบายให้แววฟังถึงเรื่องที่ผ่านมา
“ผมดีใจที่คุณเข้าใจว่าทำไมผมต้องโกหกคุณมาตลอด”
“ค่ะ..คุณสยุมภูว์”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนับจากนี้...ผมก็ไม่เสียดายแล้ว” สยุมภูว์บอก
“ไม่ค่ะ..คุณสยุมภูว์ ยังไงเราต้องออกไปด้วยกัน” แววพูด
แววจะขยับเก้าอี้เข้าไปประชิดสยุมภูว์ ลูกน้องของศักดาเห็นก็ขยับเข้ามา แต่ศักดาเข้ามาเห็นก่อน
“ปล่อยผู้หญิงไป..หมดหน้าที่ของคุณแล้ว คุณทำหน้าที่เหยื่อล่อได้ดีมาก เดี๋ยวลูกน้องผมจะพาคุณกลับไปส่งที่บ้าน” ศักดาพูดเสียงดัง
ลูกน้องของศักดาเข้าไปแก้มัดให้แวว
“หมายความว่าไง..คุณสยุมภูว์เขาให้สิ่งที่แกต้องการไปแล้ว..แกต้องปล่อยคุณสยุมภูว์ด้วยสิ” แววโวยวาย
“ผมฟังคำสั่งเจ้านายผมคนเดียว” ศักดาบอก
ลูกน้องของศักดาแก้มัดให้แววเสร็จ แววฉวยโอกาสดิ้นหลุดออกไปแล้วพยายามแก้มัดให้สยุมภูว์ ลูกน้องของศักดาเข้าไปลากแววออกมา แววพยายามดิ้นรนขัดขืน
ศักดาสั่งลูกน้อง “พาไปส่งที่บ้าน”
“ไม่..ฉันไม่ไป..พวกแกมันใจคอโหดร้าย” แววโวยวาย
ลูกน้องศักดาพยายามลากแววออกไป แต่แววไม่ยอมไปง่ายๆ
“ปล่อยฉัน..ฉันไม่ไป”
ศักดาโมโหจึงเล็งปืนไปที่ขาสยุมภูว์
แววตะโกน “อย่าทำอะไรเขานะ ฉันขอร้อง”
ศักดาไม่ฟังเสียง เขาลั่นไกยิงขาสยุมภูว์ต่อหน้าแวว
สยุมภูว์ร้องลั่น “โอ๊ย...!”
แววตกตะลึง “คุณสยุมภูว์”
แววจะเข้าไปหาสยุมภูว์ แต่ลูกน้องศักดาดึงตัวเธอไว้
ศักดาพูดกับแวว “ไม่อยากให้เห็นผมยิงหัวมันต่อหน้าคุณก็รีบไปซะ..ก่อนที่ผมจะโมโหมากกว่านี้”
แววมองสยุมภูว์ที่เจ็บปวดสุดๆ
“คุณสยุมภูว์...แววขอโทษ แววช่วยอะไรคุณไม่ได้” แววบอก
ศักดาส่งสัญญาณให้ลูกน้องเอาตัวแววออกไป ลูกน้องคนหนึ่งเอาผ้าคลุมหัวแววไว้ แล้วช่วยกันลากตัวแววออกไปทันที

นิติภูมิดูภาพเหตุการณ์ทั้งหมดจากกล้องอยู่ก็ยิ่งแค้นใจ
“อาลัยอาวรณ์กันมากนักใช่มั้ย”
นิติภูมิมีสายตาเคียดแค้นชิงชัง

มาลตีมีสีหน้าเป็นกังวล วัณณรีเห็นหน้าแม่ก็เข้าไปปลอบ
“แม่..วัณว่าแม่นอนก่อนเถอะ”
มาลตีส่ายหน้า “แม่นอนไม่หลับหรอก...ไม่รู้ว่าแววมันจะเป็นตายร้ายดียังไงแล้ว”
“คุณนิติธรเขาก็โทรมาบอกแล้วว่ารู้แล้วว่าพวกนั้นมันพาพี่แววไปไหน ยังไงตำรวจเขาก็ต้องช่วยพี่แววกลับมาได้ แม่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ”
“แม่จะเลิกเป็นห่วงก็ต่อเมื่อแววกลับมาให้แม่เห็นตัวเป็นๆเท่านั้นยัยวัณ”
โรสยกน้ำร้อนเข้ามาพร้อมยาหอม
“ยาหอมมาแล้วค่ะคุณมาลตี ทานสักนิดนะคะ จะได้ไม่เป็นลมซ้ำแล้วซ้ำอีก”
“เอาไปเก็บเหอะ ฉันกินอะไรไม่ลงแล้ว” มาลตีบอก
โรสมองหน้าวัณณรีเหมือนจะถามความเห็น
“วางไว้ตรงนั้นล่ะ..ฉันอาจจะต้องเป็นคนกินเองก็ได้” วัณณรีพูด

รถตู้เข้ามาจอดเทียบที่หน้าโกดัง ลูกน้องของศักดากรูลงมาจากรถแล้วดึงตัวแววขึ้นรถไป โดยที่แววพยายามดิ้นรนขัดขืน
“แกอย่าทำอะไรคุณสยุมภูว์นะ..เขาไปทำอะไรให้พวกแก”
ลูกน้องศักดาบอกคนขับรถตู้ “พากลับไปส่งที่บ้าน”
ลูกน้องศักดาปิดประตูรถแล้วรถก็เคลื่อนออกไป

ศักดายืมคุมสยุมภูว์อยู่ในโกดัง สักพักนิติภูมิก็เดินมาข้างหลังสยุมภูว์
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะพาแววไปส่งให้ถึงที่..ด้วยความปลอดภัย” นิติภูมิเอ่ยออกมา
สยุมภูว์ได้ยินเสียงนิติภูมิแล้วก็จำได้ “ฉันคิดแล้วว่ามันต้องเป็นฝีมือนาย”
“ฉลาดดีนี่..แต่น่าเสียดายนะที่แกจะใช้ความฉลาดของแกได้อีกแค่ไม่กี่นาที”
“ฉันไปทำอะไรให้นายเจ็บแค้นใจ นายถึงต้องจองล้างจองผลาญอย่างนี้” สยุมภูว์ถาม
“ก็ไอ้ความเป็นสยุมภูว์ ทศพลของแกไงที่ทำให้ฉันเจ็บแค้นใจ สยุมภูว์ ทศพลที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน ความรักของพ่อที่ควรจะมีต่อแม่และฉันที่ถูกยกไปให้แก ให้ครอบครัวแก แล้วมาวันนี้แกก็จะแย่งคนที่ฉันรักไปอีก”
“นายเข้าใจผิดนะ นิติภูมิ”
“แกกล้าพูดว่าเข้าใจผิดเพราะว่าแกไม่ได้โดนแย่งทุกอย่างไปเหมือนที่ฉันโดน แกสมควรตายแล้วไอ้สยุมภูว์”
นิติภูมิหยิบล็อคเก็ตรูปแม่ของเขามาเปิดดู เขาหันด้านหน้าล็อคเก็ตไปทางสยุมภูว์คล้ายต้องการให้แม่เป็นพยานกับการล้างแค้นของเขา
“แม่ฉันตายเพราะพ่อมัวแต่เอาเวลาไปดูแลแก แกจำได้ใช่มั้ย”...

ภาพในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง สยุมภูว์ในวัยเด็กนอนอยู่บนเตียงครอบหน้ากากอ็อกซิเจน เขาหันมามองนิติภูมิวัยเด็กที่ใส่ชุดดำยืนอยู่ข้างเตียง

ที่เหตุการณ์ปัจจุบัน สยุมภูว์ยิ้มให้นิติภูมิอย่างไม่กลัว
“นายแค้นฉันมาตั้งแต่วันนั้น”
“ไม่มีทางที่ฉันจะลืมมันได้หรอกสยุมภูว์”
“ถึงฉันจะขอโทษนายยังไง นายก็คงไม่รับคำขอโทษของฉันสินะ”
“คำขอโทษของนายทำให้แม่ฉันฟื้นขึ้นมาได้มั้ยล่ะ มีวิธีเดียวเท่านั้นที่แกสามารถจะลบล้างความผิดที่แกกับพ่อแกทำไว้กับฉันได้” นิติภูมิบอก
พูดจบนิติภูมิก็หยิบปืนขึ้นมาเล็งไปที่สยุมภูว์

เพิ่มพงษ์เข้ามาในโกดังแล้วมองหาสยุมภูว์แล้วเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยของสยุมภูว์ เพิ่มพงษ์หน้าตื่น
“คุณสยุมภูว์ !”
เพิ่มพงษ์มองหาที่มาของเสียง แล้วก็รีบตามหาสยุมภูว์ทันที

วัณณรีนั่งรอแววสีหน้าเป็นกังวล ส่วนมาลตีนอนเหยียดยาวบนโซฟา โรสนั่งพิงโซฟาหลับอยู่ข้างๆ สักพักก็ได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านแวว วัณณรีรีบเปิดประตูออกไปดูพอดีกับที่รถตู้ขับออกไปแล้ว
วัณณรีดีใจ “พี่แวว !”
วัณณรีเห็นแววอยู่ที่หน้าบ้าน เธอรีบวิ่งไปหาขณะที่แววทรุดตัวลงที่พื้นด้วยความเหน็ดเหนื่อย มาลตีกับโรสได้ยินเสียงวัณณรีก็สะดุ้งตื่น
มาลตีดีใจ “ยัยแวว..ยัยแววกลับมาแล้วเหรอ”
มาลตีจะออกไปหาแวว แต่วัณณรีพยุงแววเข้ามาในบ้านพอดี มาลตีกับโรสช่วยกันจัดที่ทางให้แวว
“ยัยแวว เป็นยังไงมั่ง..โรสไปหาน้ำมาให้ลูกฉันหน่อย” มาลตีสั่ง
โรสออกไปตามคำสั่ง
“พี่แวว..พวกนั้นมันไม่ได้ทำอะไรพี่แววใช่มั้ย” วัณณรีถาม
แววส่ายหน้า “มันใช้พี่ไปเป็นเหยื่อให้คุณสยุมภูว์ออกไปหามัน”
“แล้วทำไมต้องเป็นแกล่ะยัยแวว” มาลตีสงสัย
“พวกนั้นคิดว่าคุณสยุมภูว์ชอบแววค่ะแม่” แววตอบ
วัณณรี มาลตี และโรสมองหน้ากัน
“เจ้านายแก..ชอบแกงั้นเหรอ..” มาลตีถามย้ำ
แววพยักหน้ารับ
“แล้วพี่รักคุณสยุมภูว์หรือเปล่า” วัณณรีถาม
แววนิ่งไป ทั้งสามรอฟังคำตอบ
“คุณวัณ คุณมาลตีคะ..คุณแววคงเหนื่อยจะตอบอะไรตอนนี้มั้งคะ คุณแววเพิ่งจะโดนลักพาตัวไปนะคะ” โรสบอก
“เออ...นั่นสินะ..แต่เรื่องนี้มันก็สำคัญนะนังโรส” มาลตีย้ำ
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทั้งสี่มองหน้ากันอย่างหวาดๆ
“พวกนั้นมันจะตามมาจับใครไปอีกหรือเปล่าคะเนี่ย” โรสหวั่นใจ
เสียงตบประตูดังขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าไปเปิด
“ยัยวัณ..ปืนแกล่ะ..ไปเอาปืนมา เร็วๆ” มาลตีสั่ง
วัณณรีรีบไปเอาปืนมาถือป้องกันตัว สามสาวถอยกรูดไปที่มุมห้อง วัณณรีถือปืนเล็งไปที่ประตู แล้วค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอหันไปมองคนอื่นๆ ขอความเห็นว่าจะเปิดประตูดีหรือไม่ ทั้งสามพยักหน้า วัณณรีดึงประตูออกขณะเดียวกับที่แจ๊คพุ่งเข้ามาในบ้าน ในสภาพล้มกลิ้งลงกับพื้นต่อหน้าสามสาว
ทั้งสามกรี้ดแตกแต่ก็หลับหูหลับตาเข้ามาช่วยรุมตีแจ๊คเพราะคิดว่าเป็นคนร้าย
แจ๊คโวยวาย “โอ๊ย..ทุบแจ็คทำไมเนี่ย แจ๊คอุตส่าห์ตามมาช่วยดูแลคุณแววนะ”
โรสได้ยินเสียงแจ๊คก็ลืมตาดูเห็นว่าแจ๊คกำลังน่วม
“ว้าย..หยุดก่อนค่ะ..ทุกคน..” โรสบอก
แววกับมาลตีชะงักเมื่อได้ยินโรสพูด ทั้งสองดูแจ๊คที่ถูกทุบจนน่วมให้ชัดๆ
“นายแจ๊ค !!!”
“แกมาทำอะไรดึกๆดื่นๆที่นี่ ฉันนึกว่าแกเป็นไอ้พวกนั้น”มาลตีถาม
“โห..ทีหลังก็ดูหน้าดูตากันก่อนได้มั้ยอ่ะ แจ๊คเจ็บตัวฟรีนะเนี่ย”
“ลีลานักนะ ตกลงจะบอกได้ยังว่ามาทำไม” แววถามย้ำ
“ก็น้าเพิ่มให้แจ๊คตามมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้พี่แววไง” แจ๊คบอก
โรสบ่น “โห..ไม่ตามมาพรุ่งนี้เลยล่ะ..จะมาช่วยอะไรได้เนี่ย”
“เดี๋ยวก่อน..คุณเพิ่มพงษ์รู้เรื่องนี้..นี่..แปลว่าคุณเพิ่มพงษ์อยู่ที่โกดังนั่น” แววพูดขึ้น
“ครับ..น้าเพิ่มเข้าไปตามคุณสยุมภูว์ที่นั่น” แจ๊คบอก
แววมีสีหน้าเป็นกังวล “หวังว่าคุณสยุมภูว์จะไม่เป็นไรนะ”
โรสเห็นสายตาของแววที่เป็นห่วงสยุมภูว์ก็ทักขึ้น
“เป็นห่วงเป็นใยอย่างนี้..คุณวัณคงได้คำตอบแล้วนะคะว่าคุณแววน่ะชอบหรือไม่ชอบคุณสยุมภูว์”
โรสหันไปพยักเพยิดกับวัณณรีอย่างรู้กัน

สยุมภูว์ยังถูกถูกจับมัดอยู่ที่เก้าอี้ เขาสีหน้าแสดงความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด นิติภูมิเข้าไปดูผลงานตัวเองก็เห็นว่ามีเลือดไหลนองจากรอยกระสุนที่ท้องของสยุมภูว์ นิติภูมิยิ้มอย่างมีความสุข
“ฉันยังไม่ให้แกตายง่ายๆหรอกไอ้สยุมภูว์ ฉันจะให้แกค่อยๆลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานให้ถึงที่สุด ถึงแม้ความทรมานที่แกได้รับมันไม่ได้ครึ่งหนึ่งเท่าที่ฉันเจอมาตลอดชีวิตก็เถอะ”
สยุมภูว์เจ็บจนพูดไม่ออก นิติภูมิยิ้มสะใจ
“แต่ไม่ต้องห่วงนะ..วันนี้แกได้ตายจริงๆแน่” นิติภูมิพูดกับศักดา “เฝ้ามันไว้ดีๆนะ ขอพักสักแป๊บนึง ดูภาพสะเทือนใจอย่างนี้แล้วมันเครียด ได้ไวน์เย็นๆสักแก้วแล้วค่อยมาจัดการแก ฉันคงมีความสุขที่สุด”
“แกฆ่าฉันเลยดีกว่า ไอ้นิติภูมิ” สยุมภูว์บอก
“ไม่ต้องมาท้าฉัน”
พูดจบนิติภูมิก็ยิ้มแล้วเดินหายไปทางด้านหลังโกดัง เหลือศักดายืนเฝ้าสยุมภูว์เพียงคนเดียว

นิติธรขับรถมาจอดที่หน้าโกดังด้วยสีหน้าที่ไม่มั่นใจว่าตามเพิ่มพงษ์จะมาถูก จนกระทั่งเห็นรถของเพิ่มพงษ์
“รถคุณเพิ่มพงษ์..!”
นิติธรตัดสินใจลงมาจากรถแล้วมองเข้าไปในโกดังผ่านประตูที่เปิดแง้มอยู่

เพิ่มพงษ์ตามหาสยุมภูว์จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่มุมหนึ่ง เขาแอบเห็นว่าศักดายืนเฝ้าสยุมภูว์อยู่ตามลำพัง
“ไอ้หน้าโหด..แล้วเจ้านายมันล่ะ”
เพิ่มพงษ์พูดพร้อมกับโผล่หน้าออกไปดูจังหวะเดียวกับที่ศักดาหันไปเห็น
“ใครน่ะ!!” ศักดาตกใจ
เพิ่มพงษ์หยิบปืนขึ้นมาแล้วเปิดฉากยิงศักดาก่อนเพื่อจะเข้าไปช่วยสยุมภูว์แต่ถูกศักดายิงสวนกลับมาจนต้องหลบเข้าที่ซ่อน

นิติธรที่กำลังหาตามหานิติภูมิได้ยินเสียงดวลปืน
“คุณสยุมภูว์ !!”
นิติธรรีบเดินตามหาตามเสียงปืนด้วยสีหน้าเป็นกังวล

นิติภูมิที่อยู่ที่หน้าจอมอร์นิเตอร์กำลังจิบไวน์ เขาเห็นศักดากำลังล่อเพิ่มพงษ์ออกไปอีกทาง
“ไอ้เพิ่มพงษ์ !”
นิติภูมิหยิบปืนออกไปเตรียมจัดการกับสยุมภูว์ โดยไม่ทันเห็นว่าที่หน้าจอมอนิเตอร์แสดงภาพนิติธรกำลังเข้ามาในโกดังเช่นกัน

นิติภูมิลงมาเห็นว่าทางสะดวกจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อจัดการกับสยุมภูว์
“ฉันอยากจะให้แกทรมานมากกว่านี้นะไอ้สยุมภูว์ แต่ลูกน้องแกมาทำให้เสียบรรยากาศฉันเลยต้องจัดการแกเสียก่อน”
สยุมภูว์ยิ้มให้นิติภูมิอย่างไม่กลัว
“แกไปทำหน้าหยิ่งจองหองอย่างนี้ในนรกกับพ่อแกเถอะ ไอ้สยุมภูว์”
นิติภูมิเห็นถังแก๊สที่วางอยู่ใกล้ๆ จึงหยิบมันขึ้นมาฟาดไปที่หน้าสยุมภูว์จนลงไปนอนสลบอยู่ที่พื้น นิติภูมิเห็นสยุมภูว์นอนนิ่งก็ยิ้มสะใจ ก่อนที่เขาจะหยิบปืนขึ้นมาเล็งไปที่สยุมภูว์ สยุมภูว์พยายามลืมตาก็เห็นลางๆ ว่านิติภูมิกำลังเล็งปืนมาที่เขา
“แกกับฉัน..จบกันสักทีนะไอ้สยุมภูว์” นิติภูมิพูด
ทันใดนั้น นิติธรที่ตามเสียงการดวลปืนมาเห็นสยุมภูว์นอนอยู่ที่พื้น
“คุณสยุมภูว์!”
นิติภูมิตกใจที่เห็นนิติธร นิติธรเห็นว่านิติภูมิถือปืนอยู่ก็ตกใจเช่นกัน
“ภูมิ..แกจะทำอะไร”
นิติภูมิทำอะไรไม่ถูก เขารู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่าทำผิด จังหวะที่กำลังตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไปนั้นเองศักดาก็ล่อเพิ่มพงษ์เดินตรงมาทางเขาพอดี นิติภูมิตัดสินใจเปลี่ยนเป้าไปยิงศักดาจนล้มลง สยุมภูว์พยายามจะลืมตาแต่ก็ยังลืมไม่ได้เต็มที่
สยุมภูว์เห็นลางๆ ว่าศักดานอนตายตาเบิกโพลงมาทางเขา ก่อนที่ภาพนั้นจะดับมืดลง เพิ่มพงษ์ที่ตามศักดามาเห็นศักดาโดนนิติภูมิยิงร่วงไปต่อหน้าก็ยิ่งงง ศักดานอนฟุบอยู่ที่พื้นโดยหน้าหันไปทางสยุมภูว์
นิติภูมิเดินมาดูร่างไร้ลมหายใจของศักดาแล้วเอ่ยขึ้น
“มันตายแล้วล่ะพ่อ”
เพิ่มพงษ์มองนิติภูมิอย่างไม่ไว้ใจ
เพิ่มพงษ์เอ่ยถาม “คุณฆ่าเขาทำไม”
นิติภูมิตอบด้วยสีหน้าเย็นชา “มันจะฆ่าสยุมภูว์เจ้านายคุณไง คุณเพิ่มพงษ์”
เพิ่มพงษ์มองหน้านิติภูมิอย่างไม่เชื่อในคำพูดของเขา
“งั้นเหรอครับ..”
นิติภูมิดูศพของศักดาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เพิ่มพงษ์กับนิติธรแยกออกไปช่วยสยุมภูว์
“ผมเรียกรถพยาบาลให้นะครับ คุณสยุมภูว์ ทำใจดีๆไว้นะครับ” นิติธรบอก
นิติภูมิหันไปดูนิติธรที่กำลังดูแลสยุมภูว์ด้วยความเจ็บปวดใจ แล้วเขาก็เดินออกมา

อ่านต่อหน้าที่ 2




แววมยุรา ตอนที่ 12 (ต่อ)
นิติภูมิยืนอยู่ที่หน้าโกดัง นิติธรออกมาโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล
“ครับ..ขอบคุณครับ..รีบมาให้เร็วที่สุดเลยนะครับ”
นิติธรวางหูโทรศัพท์ก่อนจะหันมาเจอนิติภูมิ
“แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเจ้าภูมิ”
นิติภูมิตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ผมตามสยุมภูว์มา”
นิติธรสงสัย “อะไรนะ”
“พ่อฟังไม่ผิดหรอก ผมตามสยุมภูว์ไปที่บ้านแววด้วย”
“แกตามคุณสยุมภูว์ไปที่นั่นทำไม”
“ผมอยากรู้ว่าแววจะบอกรักเขาหรือเปล่า”
“แกชอบหนูแววเหรอ”
นิติภูมิพยักหน้า “แต่ผมเตรียมใจไว้แล้วว่าแววคงไม่สนใจผม พอผมรู้ว่าแววถูกจับมาที่นี่ผมก็เลยตามสยุมภูว์มาจนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น”
“แกรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ใช่ไหม”
“ครับพ่อ..”
“ดีมาก..งั้นแกก็คุยกับตำรวจแล้วกัน พ่อว่าข้อมูลของแกคงจะช่วยตามตัวคนบงการเรื่องนี้ได้แน่ๆ”
“ครับ..พ่อ”
นิติภูมิยิ่งรู้สึกเจ็บใจแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้

แววที่อาบน้ำและเปลี่ยนชุดแล้วยังนั่งรอฟังข่าวจากเพิ่มพงษ์อยู่ที่บ้าน วัณณรียกแก้วน้ำมาเสิร์ฟ
“ใจคอจะไม่หลับไม่นอนเลยใช่ไหมคืนนี้” วัณณรีเอ่ยถาม
“ใครจะหลับลง..พี่ใจคอไม่ค่อยดีเลยน่ะ วัณไปพักเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ”
“วัณก็หลับไม่ลงหรอก ถ้ายังไม่รู้เรื่องของพี่กับคุณสยุมภูว์ว่ามันเป็นไงมาไงกันแน่ไปสปาร์คกันตั้งแต่เมื่อไร”
แววมีท่าทีลังเล “ก่อนจะเล่าเรื่องนั้น พี่ว่ามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่วัณต้องรู้เกี่ยวกับคุณสยุมภูว์”
วัณณรีมีสีหน้าที่อยากรู้ว่าแววจะเล่าอะไรให้เธอฟัง

โรสเดินมาส่งแจ๊คที่ริมรั้วบ้าน
“อะไรนะ..!! นายจักร น้าเพิ่ม พี่แจ๊คปลอมเป็นสายลับตามจับเรื่องยาเสพติดเหรอ” โรสตกใจ
“ก็ใช่น่ะสิ...พี่แจ๊คนะต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปในงานเพื่อตามจับคนร้ายด้วย”
“แล้วจับได้มั้ยอ่ะ”
“ก็พอดีมีเรื่องคุณแววเสียก่อน ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แน่ๆ”
โรสปลาบปลื้ม “ตายแล้ว..แมนมากๆ ต่อไปนี้โรสก็เรียกพี่แจ๊คธรรมดาๆไมได้แล้วสิ”
“จุ๊ๆๆๆ..อย่าเอ็ดไปนะ เดี๋ยวไอ้พวกค้ายาไหวตัวทันแล้วพี่จะจับใครได้ล่ะ..เราน่ะรู้กันอยู่ในใจสองคนก็พอ”
“หูย..พูดอย่างนี้เขาเขินนะ”
“ตัวเองเขิน..เค้าก็เขินเหมือนกั๊น”
“โรสไม่เคยรู้สึกอบอุ่นใจอย่างนี้มาก่อนเลย อยู่ๆก็มีสายลับมาอยู่ข้างบ้านตั้ง 3คน”
โรสทำหน้าเคลิบเคลิ้ม แจ๊คพลอยเคลิ้มตามไปด้วย

รถพยาบาลแล่นมาจอดที่หน้าตึก เจ้าหน้าที่พยาบาลขนเตียงที่สยุมภูว์นอนลงจากรถ แล้วรีบเข็นตรงเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินทันที นิติธรกับเพิ่มพงษ์เดินตามรถเข็นเข้ามาจนไปหยุดที่หน้าห้อง ทั้งสองสีหน้าเป็นกังวล
“คุณเพิ่มพงษ์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ตอนนี้เจ้าภูมิกำลังให้ปากคำตำรวจอยู่ เราคงตามตัวคนบงการเรื่องนี้ได้ไม่ยาก” นิติธรบอก
“งั้นหรือครับ..ผมขอให้มันง่ายอย่างนั้นก็แล้วกัน คุณคงลืมเรื่องผมโดนวางระเบิดรถไปแล้วมังครับ จนป่านนี้เราก็ยังจับตัวคนบงการไม่ได้”
“ถ้าคุณคิดว่าเป็นคนร้ายคนเดียวกัน อย่างน้อยมันก็ตายไปแล้ว มันคงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว”
เพิ่มพงษ์เห็นนิติภูมิที่กำลังเดินตรงมาหาทั้งสอง “ก็ไม่แน่หรอกครับ”
นิติภูมิเดินเข้ามาเอ่ยถาม “คุณสยุมภูว์เป็นยังไงบ้างครับ”
“หมอกำลังดูอาการอยู่..ตำรวจเขาว่ายังไงบ้าง” นิติธรถามกลับ
“ตำรวจรอให้แววมาให้ปากคำเรื่องนี้เพิ่มเติม แล้วพยานอีกคนที่ตำรวจรออยู่ก็คือ..”
นิติภูมิมองไปทางห้องฉุกเฉินแทนคำตอบ เพิ่มพงษ์มองตามเข้าไป ทั้งสามเห็นว่าหมอกำลังช่วยชีวิตสยุมภูว์อยู่

สยุมภูว์นอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องไอซียูโดยมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตระโยงระยาง หมอและพยาบาล เตรียมเครื่องมือสำหรับการผ่าตัด หมอเปิดไฟผ่าตัดสว่างวาบขึ้นมาเพื่อทำการผ่าตัด

เวลาผ่านไป สยุมภูว์นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาในสภาพที่เหมือนยังงงๆว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
เสียงสีหราชเอ่ยถามขึ้น “ตื่นแล้วเหรอ”
สยุมภูว์หันไปมองแล้วทำหน้าสงสัย “คุณเป็นใคร”
สีหราชยิ้มให้สยุมภูว์
“อาการหนักไม่ใช่เล่นนะเนี่ย” สีหราชบอก
“อาการหนักเหรอ” สยุมภูว์มองไปรอบๆ “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เรื่องมันยาวน่ะ..” สีหราชบอก แต่สยุมภูว์ยังสงสัยไม่หาย “แกจำพ่อไม่ได้จริงๆเหรอ”
สยุมภูว์งง “พ่อ..?”
“ใช่..สีหราช ทศพล พ่อของแก..” สีหราชชี้ไปที่สยุมภูว์ “ส่วนแก สยุมภูว์ ทศพล”
สยุมภูว์มองตัวเอง “สยุมภูว์ ทศพล”
สีหราชยิ้ม “เจ้านั่นมันฟาดแกแรงเอาเรื่องนะ ทำเอาแกความจำเสื่อมเลย”
สยุมภูว์งงหนัก “คุณพูดถึงใคร”
สยุมภูว์พยายามนึก
ภาพเหตุการณ์ที่โกดังย้อนกลับมาอีกครั้ง...
สยุมภูว์ยิ้มให้นิติภูมิอย่างไม่กลัว
“แกไปทำหน้าหยิ่งจองหองอย่างนี้ในนรกกับพ่อแกเถอะ ไอ้สยุมภูว์” นิติภูมิพูด
นิติภูมิเห็นถังแก๊สที่วางอยู่ใกล้ๆ เขาหยิบมันขึ้นมาฟาดไปที่หน้าสยุมภูว์จนสลบลงไปนอนกับพื้น นิติภูมิเห็นสยุมภูว์นอนนิ่งก็ยิ้มสะใจแล้วเขาก็หยิบปืนขึ้นมาเล็งไปที่สยุมภูว์
“แกกับฉัน..จบกันสักทีนะไอ้สยุมภูว์”

เครื่องตรวจคลื่นหัวใจแสดงผลว่าหัวใจของสยุมภูว์เริ่มทำงานช้าลง พยาบาลหันไปเห็น
“คุณหมอคะ..”
หมอหันไปดูที่เครื่องจับสัญญาณการเต้นของหัวใจแล้วส่ายหน้าเหมือนเจองานหนัก สัญญาณเตือนว่าหัวใจของสยุมภูว์ทำงานช้าลงจนเข้าขั้นวิกฤติ

เสียงสัญญาณเครื่องตรวจชีพจรยังดังลั่น สีหราชได้ยิน เขามองสยุมภูว์ที่แสดงอาการปวดศีรษะด้วยความเป็นห่วง
“พ่อต้องไปแล้วนะ” สีหราชบอก
สยุมภูว์เอ่ยถาม “จะไปไหนครับ”
“แกก็รู้แล้วนี่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแก หมดหน้าที่พ่อแล้ว ส่วนแกก็กลับไปที่ทำหน้าที่ของแกต่อ”
“ผมต้องกลับไปทำอะไรหรือครับ”
“ไปดูแลทศพลกรุ๊ป บริษัทของเรา..พ่อเชื่อว่าพ่อไว้ใจแกได้”
สีหราชมองหน้าสยุมภูว์ด้วยสายตาแสดงความมั่นใจในตัวลูกชาย
“ทศพลกรุ๊ป” สยุมภูว์พยายามทวนความจำ
สยุมภูว์จะเอ่ยถามสีหราช แต่สีหราชได้แต่ยิ้มให้ แล้วเดินออกไปจากห้องเหมือนคนปกติ สยุมภูว์จะลุกตามไปแต่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อน

คนที่เปิดประตูห้องเข้ามาก็คือแววกับนิติธร ส่วนสยุมภูว์ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยมีเพิ่มพงษ์คอยดูแล แววกับนิติธรเดินเข้ามาดูอาการ
“คุณสยุมภูว์เป็นยังไงบ้างคะ” แววเอ่ยถาม
“เรื่องแผลที่ถูกยิงไม่น่าเป็นห่วงแล้วครับ แต่สมองได้รับการกระทบกระเทือน หมอบอกว่าขอดูอาการตอนที่คุณสยุมภูว์ฟื้นอีกครั้ง..แล้วเรื่องคดีล่ะครับ” เพิ่มพงษ์ถามกลับ
“แววให้การกับตำรวจเรียบร้อยแล้วค่ะ..แต่คงใช้เวลากว่าจะตามสืบสวนไปถึงคนบงการเพราะไม่รู้ว่าคุณสยุมภูว์จะพร้อมให้ปากคำเมื่อไร”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ คุณเพิ่มพงษ์ ผมจะตามเรื่องนี้เองจนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้ เพราะผมก็อยากรู้เหมือนว่าทำไมมันต้องทำอะไรรุนแรงแบบนี้ด้วย” นิติธรบอก
เพิ่มพงษ์ยิ้มอย่างรู้ทัน “ผมก็อยากรู้ครับ เราคงได้แต่หวังว่าไอ้คนบงการมันจะไม่ทำลายหลักฐานสำคัญไปเสียก่อนที่ตำรวจจะสาวไปถึงตัวนะครับ”
นิติธรมองเพิ่มพงษ์ด้วยความสงสัยเพราะไม่รู้ว่าเพิ่มพงษ์ต้องการสื่ออะไร

เช้าวันใหม่ รถของนิติภูมิแล่นมาจอดที่หน้าโกดังร้าง เขามองไปรอบๆพอเห็นว่าปลอดคนจึงเดินเข้าไปในโกดัง
นิติภูมิเปิดประตูเข้ามาในห้องเก็บอุปกรณ์ เขาเห็นว่าอุปกรณ์ทุกอย่างยังไม่ถูกแตะจึงรีบเก็บกล่องข้อมูลใส่ไว้ในกระเป๋า เขาเปิดฮาร์ดดิสค์ดูภาพวงจรปิดที่บันทึกไว้ในวันนั้นก่อนจะถอดฮาร์ดดิสค์ออกมาด้วย
นิติภูมิขนของทั้งหมดมาใส่รถ ก่อนจะรีบขับรถออกมาจากโกดัง

นิติภูมิขับรถมาจอดที่สะพานแห่งหนึ่งที่ไม่มีรถวิ่งพลุกพล่าน เขาขนฮาร์ดิสค์ลงมาจากรถแล้วโยนทิ้งลงแม่น้ำแล้วขับรถออกไปจากสะพานนั้นทันที

นิติธรกำลังคุยอยู่กับตำรวจที่คฤหาสน์ทศพล
“ตอนนี้ยังมีของสำคัญอีกชิ้นหนึ่งครับที่เรายังตามหาไม่เจอ” นิติธรบอก
“คุณหมายถึงกล่องเก็บข้อมูลสำคัญที่ถูกคนร้ายขโมยไปใช่มั้ยครับ” ตำรวจถาม
“ใช่ครับ...ผมคิดว่าคนร้ายต้องการข้อมูลไปขายต่อแน่ๆ..แล้วถ้าเมื่อไรที่ข้อมูลนี้ถูกฝ่ายตรงข้ามของเราซื้อไป ทศพลกรุ๊ปจะต้องเสียหายแน่ๆครับ”
“จากการให้ปากคำของคุณแววและคุณนิติภูมิ ประกอบกับที่การค้นหาหลักฐานอย่างละเอียดแล้ว เราไม่พบกล่องเก็บข้อมูลที่ว่าเลยครับ”
“หรือว่าคนร้ายส่งมอบของชิ้นนั้นให้คนบงการไปแล้ว” นิติธรสงสัย
“ทางเราก็คิดอย่างนั้นครับ..ผมคิดว่าอีกไม่นาน ต้องมีการประกาศซื้อขายของชิ้นนี้ในตลาดมืดแน่ๆ เราก็เลยส่งสายเข้าไปตามอยู่”
นิติธรพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเป็นกังวล

นิติธรเดินออกมาส่งตำรวจที่โถงทางเข้า
“คดีคืบหน้ายังไงผมจะรีบแจ้งให้ทราบนะครับ” ตำรวจบอก
“ขอบคุณมากนะครับ”
ทันใดนั้น นิติภูมิก็ถือกระเป๋าเดินเข้ามา เขาเห็นนิติธรอยู่กับตำรวจก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะทำตัวเป็นปกติไม่ให้ผิดสังเกต ตำรวจเดินสวนออกไป
นิติภูมิถามนิติธร “ตำรวจมาตามเรื่องอะไรอีกหรือครับ”
“เรื่องกล่องเก็บข้อมูลที่ถูกขโมยไปไงล่ะ” นิติธรบอก
นิติภูมิพยักหน้ารับ “แล้วได้ความว่าไงล่ะครับ”
“ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย”
นิติธรมีสีหน้าเป็นกังวลก่อนจะเดินเข้าออฟฟิศไป นิติภูมิเดินแยกไปที่ห้องของตัวเอง

ภายในห้องนอนของนิติภูมิ นิติภูมิเปิดกระเป๋าแล้วหยิบกล่องเก็บข้อมูลออกมาไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วล็อคไว้ เขายิ้มออกมา
“ถ้าหาเจอก็ให้มันรู้กันไป”
นิติภูมิหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เขาเลื่อนไปจนเห็นชื่อศักดาในลิสต์ แล้วนิติภูมิก็ลบชื่อศักดาออก
“น่าเสียดายนะไอ้ศักดา แกน่าจะอยู่ดูจุดจบของไอ้สยุมภูว์ด้วยตาของแกเอง” นิติภูมิวางโทรศัพท์ลง “ฉันคงต้องลงมือด้วยตัวเองสินะ”
นิติภูมิมองไปที่ขวดยาเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ บนฉลากข้างขวดเขียนว่าโซเดียมไซยาไนต์
“ฉันจะไม่รอให้แกฟื้นมาแฉฉันหรอก ไอ้สยุมภูว์”

ชลธิชากำลังทำงานอยู่ในร้านกาแฟ เริงใจเข้ามาแต่เห็นว่าแป้งร่ำอยู่ในร้านด้วยก็เลยโมโหเดินออกไปจากร้าน ชลธิชาเห็นก็เดินออกไปตามเริงใจ
“เริง..เธอจะไปไหน”
“จะให้ฉันอยู่ทำอะไร เธอมีผู้ช่วยคนใหม่แล้วนี่...จะถอนฉันออกจากหุ้นส่วนร้านเลยไหมล่ะ จะได้ไม่ต้องให้เธอมาให้เธอเห็นหน้าอีก” เริงใจตัดพ้อ
“เธออย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้มั้ย”
“แต่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับฉัน” เริงใจบอก
แป้งร่ำที่ยืนอยู่ในร้านเห็นทั้งสองทะเลาะกันก็ยิ้มออกมา สักพักเธอก็ถือกระเป๋าเดินออกมาจากร้าน
“คุณธิชา คุณเริงคะ แป้งขอตัวก่อนนะคะ”
“เธอเลือกเอานะธิชา..ถ้าอยากให้ฉันกลับมา...ที่นี่ก็ต้องไม่มีแม่นี่” เริงใจยื่นคำขาด
“เริง..คุณแป้งเป็นเพื่อนฉัน” ชลธิชาบอก
เริงใจยิ่งโกรธ “ฉันถือว่าเธอเลือกแล้วนะธิชา”
เริงใจจะเดินออกไป ชลธิชาเดินตามไปห้าม
“แป้งไม่มาที่นี่ก็ได้ค่ะ..ถ้าทำให้คุณสองคนต้องทะเลาะกัน ขอบคุณนะคะคุณธิชาที่คุยกับแป้ง “ แป้งร่ำพูดกับเริงใจ “แป้งไม่รู้ว่าแป้งทำอะไรให้คุณโกรธนะคะ แต่แป้งหวังว่าวันหนึ่งคุณจะเข้าใจแป้ง”
“คงไม่มีวันนั้นหรอก เพราะฉันจะเป็นคนฉีกหน้ากากเธอเอง” เริงใจสวน
“หยุดเถอะเริง” ชลธิชาปราม
“แป้งขอตัวนะคะคุณธิชา คุณเริง”
แป้งร่ำเดินออกไปแบบเศร้าๆ
“เธอทำอะไรลงไปน่ะเริง”
ชลธิชาเดินกลับเข้าไปในร้านอย่างหงุดหงิด เริงใจมองชลธิชาอย่างไม่ใส่ใจ
แป้งร่ำที่เดินมาถึงมุมหนึ่งไม่ไกลจากร้านกาแฟหันกลับไปมองแล้วยิ้มสะใจ
“ชักจะสนุกขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ”

สยุมภูว์ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล เพิ่มพงษ์นั่งหาวหวอด ขณะที่แววหันไปเห็นพอดีจึงพูดขึ้น
“คุณเพิ่มพงษ์คะ..แววว่าคุณเพิ่มพงษ์ไปนอนพักก่อนก็ได้ค่ะ แววจะดูแลคุณสยุมภูว์เอง”
“ขอบคุณนะครับ คุณแวว..เมื่อคืนก็วุ่นทั้งคืนเลยลืมไปเลยว่าต้องนอน สงสัยว่าร่างกายจะประท้วงเอาเสียแล้ว”
“ตามสบายเลยนะคะ..” แววบอก
“ถ้ามีอะไรจะเรียกใช้...ก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ไปเคาะเรียกที่ห้องได้เลย ผมเปิดห้องพักอยู่ข้างๆห้องนี่เอง..ผมขอตัวก่อนนะครับ”
เพิ่มพงษ์เดินออกไป ทิ้งให้แววอยู่ดูแลสยุมภูว์ตามลำพัง
แววมองสยุมภูว์อย่างเห็นใจ “ใครกันนะที่ทำร้ายคุณขนาดนี้”
แววนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต...
สยุมภูว์ช่วยแววที่ถูกแก๊งค์แพนด้าลักพาตัวไป สยุมภูว์ดึงแววเข้าไปกอด
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น แววก็น้ำตาจะไหล
“เพราะแวว..คุณถึงต้องเจ็บตัวอย่างนี้...คุณสยุมภูว์คะ..ตื่นขึ้นมาเถอะค่ะ..แววอยากขอโทษคุณเหลือเกิน”
สยุมภูว์ยังนอนนิ่งไม่ได้สติ แววปาดน้ำตา เธอก้มลงไปจะกอดเขา แต่เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นพอดี

เริงใจหลบออกมาคุยโทรศัพท์กับแววที่หน้าร้านกาแฟ
“เธอเป็นยังไงบ้างแวว” เริงใจถาม
แววเช็ดน้ำตา “ฉันสบายดีเริง”
เริงใจจับสังเกตน้ำเสียงของเพื่อนได้ “เธอร้องไห้เหรอแวว เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ฉันไม่เป็นไร..แค่รู้สึกแย่กับเรื่องเมื่อคืนนิดหน่อย”
“ทำใจดีๆนะแวว...บ่ายนี้มีเวลาฉันจะไปคุยด้วย”
“ชวนธิชามาด้วยนะ ช่วงนี้ฉันคงไม่มีเวลาไปที่ร้านเธอแน่ๆ”
“อืมม์..ฉันว่าฉันไปคนเดียวดีกว่า”
แววสงสัย “ทำไมล่ะ..เธอสองคนมีเรื่องอะไรกันอีก”
“ก็แค่ความเห็นไม่ลงรอยกันนิดหน่อย..เรื่องยัยแป้งร่ำน่ะ”
“เกี่ยวกับเอกด้วยหรือเปล่า” แววถาม
“แน่นอนล่ะ..แต่เรื่องมันยาว ฉันว่าบ่ายนี้เราค่อยคุยกันดีกว่า”
เริงใจหันไปมองชลธิชาที่เปิดประตูออกมาหน้าร้าน เธอจึงรีบตัดบท
“คุยตอนนี้คงไม่สะดวก ฉันเบื่อจะฟังคนแก้ต่างให้แม่นั่น แค่นี้ก่อนนะแวว”
เริงใจวางสายแล้วจะเดินกลับเข้าไปในร้าน
“เธอคุยกับแววเหรอเริง..แววเป็นไงบ้างน่ะ” ชลธิชาถาม
“สนใจด้วยเหรอ..ฉันนึกว่าเธอสนใจแต่เพื่อนใหม่จนลืมไปว่ามีเพื่อนอย่างแววอย่างฉัน”
“เริง..ฉันถามดีดีนะ”
“แล้วฉันพูดไม่ดีตรงไหนเหรอ ธิชา”
เริงใจไม่สนใจจะต่อปากต่อคำจึงรีบเดินเข้าร้านไป ชลธิชามองตามสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ

ที่บ้านของเอกรินทร์ เอกรินทร์เตรียมตัวจะออกไปทำงาน ไลลาแต่งตัวสวยเดินลงมาจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน
“เป็นไงยะ..ทำใจได้หรือยังที่คุณสยุมภูว์ประกาศจองยัยเลขานั่นกลางงานเมื่อคืนนี้” ไลลาถาม
เอกรินทร์สวน “ถามตัวเองก่อนดีมั้ยครับ”
“ทำไมฉันจะต้องทำใจด้วย..ฉันมั่นใจว่าจะทำให้คุณสยุมภูว์หันมามองฉันได้ ยิ่งรู้ว่าเขาไม่ใช่คนทำสวนกระจอกๆ มันก็ยิ่งทำให้ฉันมีแรงพิชิตใจเขาให้ได้เร็วที่สุด”
“เธอก็มั่นใจมาอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนี่ครับ แต่ไม่เห็นว่าเขาจะเปลี่ยนใจเลย”
“ฉันเชื่อว่ายังไงมันก็ต้องมีวันของฉันบ้างล่ะ..ฉันไม่ยอมถอดใจง่ายๆหรอก”
ไลลาเดินออกไปโดยไม่สนใจเอกรินทร์

ไลลาเข้ามาที่ร้านทำผมเจ้าประจำ เธอเห็นว่าแป้งร่ำกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ฆ่าเวลารอช่างอยู่
“ตั้งแต่กลับไปรีเทิร์นกับน้องชายฉัน..ท่าทางมีความสุขจริงๆนะยัยแป้ง” ไลลาแซว
“ฉันก็ต้องขอบคุณคุณเอกที่ยังให้โอกาสฉันแก้ตัว” แป้งร่ำบอก
“ก็อย่าทำพลาดซ้ำสองอีกก็แล้วกัน”
“แน่นอน..คราวนี้ฉันไม่ปล่อยให้พลาดอีกแน่ๆ..ว่าแต่เธอเถอะไลลา เธอไปเยี่ยมคุณสยุมภูว์บ้างหรือยัง”
“เยี่ยม..? คุณสยุมภูว์เป็นอะไร” ไลลาถาม
“เธอไม่รู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้”
“แค่รู้ว่านายจักรกับคุณสยุมภูว์คือคนๆเดียวกันฉันก็ตกใจจะแย่แล้ว..อย่าบอกนะว่ามีเรื่องอะไรเซอร์ไพร้ซ์กว่านี้อีก”
แป้งร่ำยื่นหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านอยู่ให้ไลลาดู
“งั้นก็อ่านดูสิ..” แป้งร่ำบอก
ไลลาอ่านหนังสือพิมพ์ที่แป้งร่ำส่งให้ หน้าหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวสยุมภูว์ “ทายาทเศรษฐีพันล้านเจ็บหนัก” ไลลารีบพลิกไปอ่านรายละเอียดทันที
ไลลามีสีหน้าตกใจสุดๆ “คุณสยุมภูว์ของฉัน !!”
“ฉันว่าเธอรีบไปแสดงตัวให้คุณสยุมภูว์เขาประทับใจเถอะ โอกาสดีๆอย่างนี้มันไม่ได้มาบ่อยๆ”
“จริงของเธอยัยแป้ง..ฉันไปก่อนนะ”
ไลลารีบออกไปจากร้านทำผมทันที

แววดูแลสยุมภูว์อยู่คนเดียวในห้องพัก สักพักนิติภูมิก็เดินเข้ามา เขาเห็นว่าแววดูแลสยุมภูว์อยู่ก็ทำสีหน้าชิงชัง แววหันมาเห็นเข้าจึงเอ่ยทัก
“คุณนิติภูมิ...มาเยี่ยมคุณสยุมภูว์หรือคะ”
“คุณแววห่วงแต่คนอื่นนะครับ น่าจะเป็นห่วงตัวเองบ้าง” นิติภูมิบอก
“แววไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ เทียบไม่ได้กับสิ่งคุณสยุมภูว์เจอเลย คนพวกนั้นมันโหดร้ายมากนะคะ”
นิติภูมิอึ้งไปแต่พยายามไม่แสดงพิรุธให้แววเห็น ขณะเดียวกันก็เจ็บใจที่เห็นว่าแววเป็นห่วงสยุมภูว์มากขนาดนี้
“แววดูแลคุณสยุมภูว์คนเดียวหรือครับ” นิติภูมิเอ่ยถาม
“ค่ะ...แววรับอาสาคุณเพิ่มพงษ์มาดูแลคุณสยุมภูว์เอง”
“แต่นี่ก็เที่ยงแล้วนะครับ ไม่รู้ว่าคุณแววหิวข้าวแล้วหรือยัง”
“ตายแล้ว...แววลืมไปเลยนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมเฝ้าแทนให้นะครับ คุณแววจะได้ลงไปกินข้าว”
แววนิ่งคิดเหมือนลังเล นิติภูมิลุ้นว่าแววจะยอมหรือไม่
“หรือว่าคุณแววจะให้ผมไปซื้อให้มั้ยครับ” นิติภูมิถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ..แววไม่รบกวนดีกว่า..คุณนิติภูมิจะทานด้วยกันมั้ยคะ แววจะซื้อเผื่อ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาเรียบร้อยแล้ว”
“งั้น..แววฝากด้วยนะคะ..เสร็จแล้วแววจะรีบกลับมา”
แววเตรียมตัวจะออกไป นิติภูมิมองตามจนเห็นว่าแววออกไปจากห้อง นิติภูมิยิ้มร้าย ก่อนจะหยิบขวดยาพิษที่เตรียมไว้ออกมา
“ฉันจะไม่ปล่อยให้โอกาสผ่านไปง่ายๆอีกแล้ว”
นิติภูมิมองสยุมภูว์ที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง

แววรีบเดินออกไปจากโรงพยาบาล ขณะเดียวกับที่ไลลาเดินสวนมาพร้อมช่อดอกไม้ แววไม่เห็นไลลา แต่ไลลาเห็นแวว
“แค่ถูกเจ้านายประกาศขอความรัก ถึงกับต้องทำตัวผยอง มองไม่เห็นหัวคนอื่นเลยนะคะ คุณเลขา” ไลลาแขวะ
แววเพิ่งหันมาเห็นไลลา “คุณไลลา..ขอโทษค่ะ พอดีแววกำลังจะรีบไปทานข้าวเลยไม่ทันเห็นว่าคุณเดินมาทางนี้”
“ฉันจะพยายามเชื่อนะ..นี่เธอคงเก็บเสื้อผ้าย้ายมาเฝ้าคุณสยุมภูว์ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยล่ะสิ”
แววสวนกลับ “ก็ถ้าแววจะทำอย่างนั้น...มันก็คงไม่เห็นจะแปลกอะไรมั้งคะ”
“งั้นเหรอ..เธออย่ามั่นใจให้มากนักเลย คนระดับคุณสยุมภูว์เนี่ยเขาจะรักใครสักกี่คนก็ได้..แต่ถ้าเธอมั่นใจว่าจะผูกมัดเขาได้ล่ะก็..เราคงต้องวัดกันสักหน่อย”
“ถ้าคุณสนุกที่จะทำอย่างนั้น ก็ตามใจเถอะค่ะ แต่แววไม่..ขอให้คุณสยุมภูว์เขาสนุกกับคุณด้วยก็แล้วกัน”
แววพูดจบก็เดินออกไปอย่างไม่สนใจไลลา ไลลามองตามยิ้มๆอย่างไม่กลัว แล้วเดินตรงไปยังลิฟท์ที่จะขึ้นไปยังห้องพักของสยุมภูว์
อ่านต่อหน้าที่ 3




แววมยุรา ตอนที่ 12 (ต่อ)

นิติภูมิดูดยาพิษใส่เข็มฉีดยาจนหมดขวด เขามองไปที่สยุมภูว์ซึ่งกำลังนอนหลับสนิทและไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนปองร้าย
“แกจะได้หลับไปตลอดแน่ๆ” นิติภูมิพูดกับตัวเอง
นิติภูมิเอาเข็มฉีดยาไปจิ้มที่สายน้ำเกลือและเตรียมจะกดให้ยาพิษไหลเข้าไปผสมกับน้ำเกลือ แต่สยุมภูว์กระแอมออกมา นิติภูมิตกใจหันไปมองทันทีเพราะคิดว่าสยุมภูว์ฟื้นแล้ว แต่สยุมภูว์ยังนอนนิ่ง นิติภูมิก็จะฉีดยาพิษเข้าสายน้ำเกลือต่อ สยุมภูว์ก็กระแอมดังขึ้นจนตัวโยนแล้วกระเด้งขึ้นมานั่งแต่นิติภูมิไม่สนใจ
เสียงของสยุมภูว์ถามขึ้น “จะทำอะไรน่ะ”
นิติภูมิสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงสยุมภูว์ เขาผละออกไปอยู่ห่างๆ สยุมภูว์มองนิติภูมิและพยายามนึกว่านิติภูมิเป็นใคร นิติภูมิเห็นท่าทางของสยุมภูว์ดูแปลก ๆ ไป
“คุณเป็นใคร” สยุมภูว์ถาม
นิติภูมิประหลาดใจกับท่าทางของสยุมภูว์
“อะไรนะ ?”
“ผมถามว่าคุณเป็นใคร”
ไม่ทันที่นิติภูมิจะตอบอะไร ไลลาก็เปิดห้องเดินเข้ามา ไลลาเห็นว่าสยุมภูว์ฟื้นแล้วก็รีบเข้าไปดูแล
“คุณจักร..เอ๊ย...คุณสยุมภูว์ ฟื้นแล้วหรือคะเนี่ย”
“แล้วตกลงว่าผมคือจักรหรือสยุมภูว์” สยุมภูว์ถาม
“ตายแล้ว..ฟื้นขึ้นมาก็เล่นมุกเลยหรือคะ” ไลลาชี้มาที่ตัวเอง “แล้วนี่ล่ะคะนางฟ้าหรือว่าไลลา”“คุณพูดอะไรผมปวดหัวไปหมดแล้ว” สยุมภูว์ถาม
สยุมภูว์ปวดหัวอย่างหนัก ไลลาหน้าเสียเพราะเริ่มรู้ว่าสยุมภูว์ไม่ได้ล้อเล่น
“คุณสยุมภูว์...เป็นอะไรไปคะ..เดี๋ยวไลลาไปตามหมอให้ดีกว่านะคะ”
สยุมภูว์ล้มตัวลงไปนอน ไลลารีบออกไปตามหมอ นิติภูมิเห็นอาการของสยุมภูว์แล้วก็ทำหน้าสงสัย

หมอให้ดูฟิล์มเอกซเรย์รูปสมองของสยุมภูว์
“จากผลเอ็กซเรย์ จะเห็นว่าบริเวณสมองส่วนนอกได้รับการกระทบเทือนเป็นบริเวณกว้าง ทำให้คนไข้มีอาการสมองเสื่อม เป็นสาเหตุให้คนไข้มีอาการสูญเสียความทรงจำระยะยาวถึงขั้นที่จำตัวเองและคนรอบข้างไม่ได้ครับ” หมออธิบาย
“ความจำเสื่อม...แล้วมีวิธีรักษามั้นครับ” เพิ่มพงษ์ถามต่อ
“ในกรณีคุณสยุมภูว์ คงต้องรักษาด้วยการใช้ยา แล้วก็ต้องมีการติดตามอย่างอาการอย่างใกล้ชิดครับ”
เพิ่มพงษ์ถอนใจอย่างเป็นกังวล

นิติธรคุยโทรศัพท์กับเพิ่มพงษ์อยู่ในห้องทำงานของเขา
“แล้วเมื่อไรคุณสยุมภูว์จะกลับมาดูแลทศพลกรุ๊ปได้ล่ะครับ” นิติธรถาม
“ไม่มีใครทราบหรอกครับ แม้แต่หมอก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าคุณสยุมภูว์จะกลับมาเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ตอนนี้ทำได้แต่คอยติดตามอาการเท่านั้น” เพิ่มพงษ์บอก
“แต่ถ้าไม่มีโปรเจ็คท์สำคัญที่คุณสยุมภูว์ต้องเข้ามาร่วมตัดสินใจกับหุ้นส่วน ของบริษัท ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วงนะครับคุณเพิ่มพงษ์...งานอื่นๆนอกเหนือจากนี้ ผมพอจะดูแลได้”
“งั้นระหว่างนี้คุณดูแลงานส่วนนั้นไปก่อนแล้วกันนะครับ”
“ครับ..ผมหวังว่าคุณสยุมภูว์จะย้ายกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์เร็วๆนี้นะครับ”
“ผมก็หวังอย่างนั้นล่ะครับ”
นิติธรมีสีหน้าเป็นกังวล

เพิ่มพงษ์วางสายจากนิติธรแล้วหันไปมองสยุมภูว์ที่นอนพักอยู่
“คุณสยุมภูว์ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องงานนะครับ คุณนิติธรจะเป็คนดูแลงานให้ก่อน” เพิ่มพงษ์พูดกับสยุมภูว์
สยุมภูว์ทำหน้าสงสัย “นิติธร ?”
“คุณนิติธรเป็นคนเก่าคนแก่ของทศพลกรุ๊ปครับ ทำงานเป็นมือขวาของคุณสีหราช มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งทศพลกรุ๊ปใหม่ๆ”
สยุมภูว์นิ่งคิด “สีหราช..”
สยุมภูว์นึกย้อนไปถึงความฝันที่เหมือนจริงมากของเขา...

สีหราชยังทำหน้าสงสัยไม่หาย “แกจำพ่อไม่ได้จริงๆเหรอ”
สยุมภูว์ทวนคำ “พ่อ..?”
“ใช่..สีหราช ทศพล พ่อของแก..” สีหราชชี้ไปที่สยุมภูว์ “ส่วนแก สยุมภูว์ ทศพล”
สยุมภูว์มองที่ตัวเอง “สยุมภูว์ ทศพล”...

สยุมภูว์พยายามคิดอะไรต่อ
“แกก็รู้แล้วนี่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแก หมดหน้าที่พ่อแล้ว ส่วนแกก็กลับไปที่ทำหน้าที่ของแกต่อ” สีหราชบอก
“ผมต้องกลับไปทำอะไรหรือครับ” สยุมภูว์ถาม
“ไปดูแลทศพลกรุ๊ป บริษัทของเรา..พ่อเชื่อว่าพ่อไว้ใจแกได้”
สีหราชมองหน้าสยุมภูว์ด้วยสายตาแสดงความมั่นใจในตัวลูกชาย...

ที่เหตุการณ์ปัจจุบัน สยุมภูว์เริ่มปวดหัวอีกครั้ง แววเห็นอาการของสยุมภูว์ก็รีบเข้าไปดูแล ไลลาเห็นก็ทำหน้าหมั่นไส้
“ขอโทษครับคุณสยุมภูว์ ผมไม่น่าพูดเรื่องงานตอนนี้เลย” เพิ่มพงษ์บอก
“ไม่เป็นไร ถึงผมไม่รู้ว่าจะต้องกลับไปทำอะไร แต่ผมก็จะกลับไป” สยุมภูว์พูด
ไลลารีบแย่งซีนแวว “โถ..อย่าเพิ่งใจร้อนเลยนะคะ ไลลาอยากให้คุณหายดีก่อนนะคะ แล้วค่อยกลับไปทำงาน”
“แต่ผมจะกลับไป ผมสัญญากับเขาแล้วว่าผมจะกลับมาดูแล...ทศพลกรุ๊ป” สยุมภูว์ยืนยัน
เพิ่มพงษ์สงสัย “คุณสยุมภูว์สัญญากับใครหรือครับ”
“เขาบอกว่าเขาชื่อสีหราช เป็นพ่อของผม เขามาหาผมที่นี่”
“แต่คุณสีหราชจากเราไปนานแล้วครับ” เพิ่มพงษ์บอก
สยุมภูว์ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อคำพูดของเพิ่มพงษ์
“แล้วสิ่งที่ผมเห็นคืออะไร”
“คนตายไปแล้วจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้ยังไงล่ะคะ คุณสยุมภูว์ นอกจากว่าจะเป็น..”
พูดจบไลลาก็มองไปรอบๆ แล้วทำหน้าสยองเหมือนเห็นผี
“ถ้าคุณสยุมภูว์เจออีกก็ไม่ต้องบอกให้มาหาไลลานะคะ ไลลากลัว คนตายไปแล้วจะเป็นใครไลลาก็กลัวทั้งนั้นล่ะค่ะ ไลลาน่ะเป็นคนขวัญอ่อน”
เพิ่มพงษ์เริ่มหมั่นไส้ “โถ...ให้ผมหาคนมาช่วยปลอบไหมครับ..ผมว่าให้คุณสยุมภูว์พักเสียหน่อยมั้ยครับ คุณยิ่งเล่า คุณสยุมภูวส์จะยิ่งปวดหัว”
“จะไล่ก็ไล่ให้เนียนหน่อยเถอะค่ะ..คุณเพิ่มพงษ์คงอยากจะชงให้คุณเลขาปรนนิบัติพัดวีคุณสยุมภูว์เต็มทีแล้วสินะคะ...” ไลลาตัดพ้อ “ไลลาน่ะคนนอก ถึงจะเป็นห่วงคุณสยุมภูว์มากแค่ไหนก็คงไม่มีสิทธิ์เหมือน...” ไลลามองไปที่แวว “ลูกน้องบางคน...”
เพิ่มพงษ์ทำเป็นไม่ใส่ใจไลลา ไลลาเก็บกระเป๋าแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่ก็หันกลับมามองแล้วพูดอีกครั้ง
“ไลลาหวังว่าจะมีโอกาสได้ดูแลคุณสยุมภูว์อย่างใกล้ชิดสักครั้งนะคะ”
ไลลาส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ก่อนจะเดินออกไป เพิ่มพงษ์มองตามจนเห็นว่าไลลาออกไปจากห้อง
เพิ่มพงษ์หันมาพูดกับแวว “เฮ้อ..ผมจะทำยังไงกับพวกหวังดีประสงค์ร้ายอย่างคุณคนนี้ดีเนี่ย”
แววยิ้มให้อย่างไม่มีความคิดเห็นแล้วก็มองสยุมภูว์ด้วยความสงสาร จังหวะเดียวกับที่สยุมภูว์มองหน้าเธอ ทำให้ทั้งสองประสานสายตากัน
สยุมภูว์เอ่ยถาม “คุณคือ...”
“แววค่ะ...แวว มยุรา เป็น...” แววนิ่งไปสักพัก “..เลขาของคุณ”
สยุมภูว์มองหน้าแววเหมือนพยายามจะรื้อฟื้นความทรงจำ

ประตูห้องประชุมของทศพลกรุ๊ปเปิดออกพร้อมกับที่คนที่อยู่ในห้องทยอยเดินออกมา ส่วนนิติธรและนิติภูมิกำลังเก็บของเตรียมออกไปจากห้องหลังจากประชุมเสร็จ
“เจ้านายพ่อทิ้งงานไว้ให้อย่างนี้ ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็บอกเลยนะครับ” นิติภูมิบอกพ่อ
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่รอให้แกออกปากก่อนด้วย”
“ก็ผมเห็นพ่อชอบลุยงานเดี่ยวๆ คิดว่าพ่อคงลืมไปแล้วที่ตั้งผมมาเป็นผู้ช่วย”
“แกคงคิดว่าฉันเป็นตาแก่ขี้หลงขี้ลืมล่ะสินะเจ้าภูมิ”
นิติภูมิยิ้ม “ก็ดีแล้วล่ะครับที่พ่อไม่ลืมอะไรง่ายๆ เผื่อว่าผมอยากจะรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ มาคุยด้วย จะได้ไม่ต้องย้อนอดีตกันนาน”
“คนเราก็ไม่ควรจะจมอยู่กับอดีตจนเกินไปนะ เจ้าภูมิ โดยเฉพาะเรื่องที่มันทำให้เราเจ็บปวด เลือกจำแต่เรื่องที่ทำให้เรามีความสุขเราก็สุข ถ้าคิดวนซ้ำซากแต่เรื่องแย่ๆ ใจเรามันก็มีแต่ทุกข์ เหมือนแผลเรื้อรังรักษาไม่หาย”
“แย่จังนะครับ ที่ผมคิดไม่ได้อย่างพ่อ ไม่อย่างนั้นผมคงมีความสุขไปนานแล้ว” นิติภูมิประชด
“แกอยากจะทุกข์นั่นมันก็ชีวิตแก..แกโตแล้วคงรู้ว่าจะเลือกอะไรให้ตัวเอง ฉันก็แค่แนะนำตามประสาคนแก่” นิติธรเก็บของจนเสร็จ “มีอะไรจะคุยกับฉันอีกมั้ย”
นิติภูมิไม่ตอบอะไร นิติธรไม่สนใจแล้วเดินออกไปจากห้องประชุม นิติภูมิมองตามด้วยความสงสัย
“พ่อยังสงสัยเรื่องคืนนั้นอยู่หรือเปล่า” นิติภูมิพูดกับตัวเอง
นิติภูมินึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น...

นิติธรตามเสียงการดวลปืนมาจนเห็นนิติภูมิกับสยุมภูว์
“คุณสยุมภูว์!!”
นิติภูมิตกใจที่เห็นนิติธร ส่วนนิติธรเห็นว่านิติภูมิถือปืนอยู่ก็ตกใจ
“ภูมิ..แกจะทำอะไร”
นิติภูมิทำอะไรไม่ถูก เพราะเขารู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่าทำผิด...

นิติภูมินึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นเขาก็ยิ่งมีสีหน้าเป็นกังวล

แววเตรียมยาให้สยุมภูว์ตามที่พยาบาลจัดไว้ให้ หลังจากที่สยุมภูว์กินข้าวกลางวันเสร็จ เขามองหน้าแววโดยยังไม่ยอมกินยา
“อยากทานของหวานหรือผลไม้ก่อนมั้ยคะ” แววถาม
สยุมภูว์ส่ายหน้า “ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
“ค่ะ..อยากรู้เรื่องอะไรคะ”
“ก่อนหน้านี้ ผมเป็นเจ้านายแบบไหนในสายตาคุณ”
“คุณสยุมภูว์อยากรู้จริงๆหรือคะ” แววถาม สยุมภูว์พยักหน้า “ทานยาก่อนดีมั้ยคะ”
“คุณกำลังสั่งเจ้านายคุณอยู่นะ”
“ไม่ได้สั่งค่ะ..แค่ขอความร่วมมือ”
สยุมภูว์ยอมกินยา เสร็จแล้วเขาก็หันมาพูดต่อ “ว่ามาสิ...”
“คุณเป็นเจ้านายที่ลึกลับค่ะ” แววบอก
สยุมภูว์งง “ลึกลับ?”
“ตั้งแต่วันแรกที่คุณรับแววเข้ามาทำงาน แววเพิ่งจะรู้ว่าคุณคือเจ้านายแววไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะเกิดเรื่องที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้..ทั้งที่ความจริงเรารู้จักกันมานานกว่านั้น”
“แปลว่าอะไร..ผมงงไปหมดแล้ว”
“คุณปลอมตัวเป็นหลานชายเจ้าของร้านต้นไม้ชื่อจักร มาเป็นเพื่อนบ้านแววค่ะ”
“ทำไมผมต้องปลอมตัวด้วยล่ะ”
“คุณบอกแววว่ามีคนจะทำร้ายคุณ แล้วก็กลัวว่าใครที่มาอยู่ใกล้ๆคุณจะพลอยโดนทำร้ายไปด้วย แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมาคุณก็ยอมบอกทุกคนว่าคุณคือใครในงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ทศพล”
“แล้วทำไมผมถึงยอมเปิดเผยตัวเอง”
“เอ่อ...แววก็ไม่ทราบจริงๆค่ะ..ว่าทำไม...”
สยุมภูว์พยายามนึกหาเหตุผล เขามองหน้าแววเหมือนต้องการให้แววช่วยรื้อฟื้นความจำ
สยุมภูว์รู้สึกหงุดหงิดตัวเอง “แย่จริงๆ ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย”
แววเศร้าไปกับสยุมภูว์ด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาอย่างไร

แจ๊คลากกล่องเก็บอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ออกมาจากห้องทำงานลับ โดยมีเพิ่มพงษ์เดินตามออกมาแล้วล็อคกุญแจ
“นี่แปลว่าเราจะไม่กลับมาที่นี่แล้วเหรอ น้าเพิ่ม” แจ๊คถาม
“ก็ไม่มีอะไรที่เราต้องปิดบังใครแล้วนี่หว่า จะปล่อยให้หยากไย่ขึ้นทำไม” เพิ่มพงษ์บอก
“งั้นก็ไม่มีอะไรให้แจ๊คเล่นแล้วสิ”
“แค่ปิดห้อง..แต่ไม่ได้ปิดร้านนะว้อย ต่อไปเอ็งก็มีหน้าที่ดูแลร้านนี้เพราะข้าต้องไปดูแลคุณสยุมภูว์ที่คฤหาสน์ทศพล”
“ไม่เห็นยุติธรรมเลย น้าเพิ่มไปเสวยสุขอยู่ที่คฤหาสน์แต่แจ๊คยังต้องมาขนดินขนปุ๋ยอยู่ที่นี่ อย่าลืมนะว่าแจ๊คน่ะมีความดีความชอบอะไรบ้าง ถ้าคืนนั้นไม่ได้แจ๊ค น้าเพิ่มก็ไม่รู้หรอกว่ามีคนเข้าไปขโมยของในห้องคุณนิติธร”
“อ๋อ..นี่คิดจะลำเลิกบุญคุณเหรอ ไอ้แจ๊ค” เพิ่มพงษ์ถาม
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ..อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้วน่ะ”
“งั้นก็ตามใจเอ็ง ข้ายกร้านให้เอ็งดูแลแต่เอ็งไม่เอา อยากตามไปให้ข้าโขกสับก็เรื่องของเอ็ง” เพิ่มพงษ์บอก แจ๊คยิ้มกว้างที่ตื๊อสำเร็จ เพิ่มพงษ์ดุ “ไม่ต้องมายิ้ม..เดี๋ยวโดนจัดหนักชุดใหญ่แน่ ขนของขึ้นรถไป เดี๋ยวจะได้ไปเก็บของที่บ้านต่อ”
แจ๊คทำหน้าบูดแต่ก็ยอมทำตามแบบเซ็งๆ เพิ่มพงษ์รู้สึกหมั่นไส้แจ๊คขึ้นมา

ที่ร้านกาแฟของชลธิชา พนักงานเอากาแฟมาเสิร์ฟให้เอกรินทร์และแป้งร่ำ
“นี่คุณเริงยังใจแข็ง ไม่ยอมรับคุณเป็นเพื่อนอีกหรือครับเนี่ย” เอกรินทร์ถาม
“ค่ะ..แป้งก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณเริงอคติกับแป้งขนาดนั้น”
“ให้ผมไปพูดให้มั้ยครับ เผื่อว่าคุณเริงจะใจอ่อนบ้าง”
แป้งร่ำรีบห้าม “อย่าเลยค่ะ..แป้งอยากจะเอาชนะใจคุณเริงด้วยตัวเองมากกว่า อีกอย่างถ้าคุณเอกไปพูด คุณเริงก็อาจจะเข้าใจผิดไปอีกว่าคุณเอกอยู่ข้างเริงแล้วพาลโกรธคุณเอกไปอีกคน”
เอกรินทร์คิดตาม “ก็ได้ครับ ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น”
“แป้งคงไม่ได้แวะไปที่ร้านกาแฟพักใหญ่เลยค่ะ รอให้คุณเริงใจเย็นแล้วค่อยกลับเข้าไปใหม่..” แป้งร่ำเสียงอ่อย “ช่วงนี้แป้งคงต้องไปไหนต่อไหนคนเดียวสักพัก”
เอกรินทร์เริ่มสงสาร “ถ้าวันไหนคุณไม่มีใครคุยด้วย จะโทรหาผมก็ได้นะครับ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณเอก..ถ้าเย็นนี้คุณเอกว่างเราไปทานมื้อเย็นกันมั้ยคะ”
เอกรินทร์นิ่งคิดก่อนจะพยักหน้ารับ แป้งร่ำยิ้มอย่างดีใจ เอกรินทร์มีท่าทีเหมือนจะลืมเรื่องเก่าที่แป้งร่ำเคยทำไว้กับเขาไปสนิท

เริงใจเข้ามาเยี่ยมสยุมภูว์ที่นอนพักอยู่ แววสงสัยที่ไม่เห็นชลธิชามาด้วย
“เธอยังไม่หายโกรธธิชาเหรอ เริง” แววถาม
“อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้เลย..เธอไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม” เริงใจถามกลับ
“ฉันสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“ถ้าเป็นฉันคงสติเสียทำอะไรไม่ถูกแน่ๆเลยแวว โชคดีนะที่รอดมาได้”
“เพราะคุณสยุมภูว์ต่างหากที่ยอมเสี่ยงชีวิตไปช่วยฉัน ทั้งที่รู้ว่ามันจะเป็นอันตรายกับเขาแค่ไหน”
“เขารักเธอขนาดนั้น เธอก็คงมีคำตอบให้เขาแล้วสินะ” เริงใจถาม
“มันคงไม่สำคัญแล้วล่ะ...เพราะเขาคงจำไม่ได้แล้วว่าเขารู้สึกยังไงกับฉัน”
“มันก็เป็นหน้าที่ของเธอนะแววที่จะทำให้เขาจำได้ว่าเคยรู้สึกยังไงกับเธอ”
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญเท่ากับเรื่องบริษัทของเขาหรอก แค่เขากลับมาทำงานได้ฉันก็ดีใจแล้ว”
สยุมภูว์เพิ่งจะลืมตาตื่นขึ้นมา แต่สองสาวยังไม่เห็น ไลลาเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะประตู เริงใจเห็นไลลาก็ถึงกับของขึ้น
“เธอเชิญแม่นี่มาเหรอแวว” เริงใจถามอย่างฉุนๆ
ไลลารีบตอบ “ไลลาจะมาเยี่ยมแฟนคงไม่ต้องเชิญมั้งคะ”
“คงเป็นได้แค่ในฝันนั่นแหละ” เริงใจสวน
ไลลาได้ยินก็หันมาทำตาโตใส่
“เก็บคำนั้นไว้ใช้สำหรับตัวเองเถ้อะ..ยังไงน้องชายฉันก็ไม่มีวันหันไปหาเธอกับเพื่อนเธอหรอก ไม่รู้นะว่าตอนนี้นายเอกกับไลลาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว..ฝันค้างกลางวันแสกๆต่อไปนะ”
เริงใจโมโหจะเข้าไปหาเรื่องไลลา แต่แววดึงไว้
แววปราม “เริง..อย่ามีเรื่องกันเลย..ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ”
เริงใจทำหน้าขัดใจ
“ฉันไปดีกว่า แวว..อยู่แถวนี้เดี๋ยวจะมีคนไข้แอดมิดห้อง ICU อีกคน” เริงใจบอก
“คนนั้นคงไม่ใช่ฉันแน่” ไลลาพูด “เธอไม่ต้องหวงคุณสยุมภูว์แทนเพื่อนเธอหรอกนะ..ในเมื่อคุณสยุมภูว์ความจำเสื่อม ฉันก็ถือว่าเรามีโอกาสเท่ากัน..งานนี้ใครดีใครได้”
“ช่วยหาเหตุผลที่จะฉกของของคนอื่นให้เนียนกว่านี้หน่อยดีมั้ยคะคุณไลลา แบบนี้แถวบ้านดิฉันเรียกว่าหน้าด้านหน้าทน” เริงใจสวน
ไลลาโมโหจะรุกเข้าไปหาเรื่องเริงใจ แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นว่าสยุมภูว์ลุกขึ้นมานั่งมองเธอ
ไลลารีบเปลี่ยนท่าทีทันที “คุณสยุมภูว์ ตื่นแล้วเหรอคะ”
ไลลารีบเข้าไปปรนนิบัติสยุมภูว์ทันที แววกับเริงใจมองหน้ากันอย่างเหลือเชื่อกับท่าทีของไลลา สยุมภูว์มองมาที่แววเหมือนอยากจะคุยด้วย แววได้แต่ยิ้มให้แต่เธอก็ปล่อยให้ไลลาดูแลสยุมภูว์ไป
 
อ่านต่อหน้าที่ 4




แววมยุรา ตอนที่ 12 (ต่อ)
เลขาฯ ถือกระดาษชุดหนึ่งมาให้นิติธรที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่
“คุณนิติธรคะ..หมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ตรวจเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบใจมากนะ...วางไว้ตรงนั้นล่ะ”
“แปลกนะคะ..ในลิสต์นี้มีเบอร์โทรศัพท์ของคุณนิติภูมิด้วย” เลขาฯ บอก
นิติธรเงยหน้ามามองลิสต์นั้นด้วยความสนใจทันที
“งั้นเหรอ” นิติธรยิ้มให้เลขา “คุณไปทำงานเถอะ”
เลขาเดินออกไป นิติธรหยิบลิสต์หมายเลขโทรศัพท์นั้นมาดูด้วยสีหน้าเป็นกังวล เขาเห็นหมายเลขโทรศัพท์ของนิติภูมิที่ถูกเน้นไว้ แล้วนิติธรก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต...

นิติธรรับโทรศัพท์จากตำรวจ
“เราเก็บซิมโทรศัพท์จากที่เกิดเหตุได้น่ะครับ” ตำรวจบอก “มีบางเลขหมายที่เราอยากให้คุณนิติธรช่วยตรวจสอบเผื่อว่าคุณจะรู้จักกับเจ้าของ เราจะได้เรียกมาพุดคุยด้วย”
“ได้ครับ..ผมจะรับจัดการให้ทันทีเลย” นิติธรรับคำ...

นิติธรนิ่งนึกถึงเหตุการณ์นั้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เบอร์โทรศัพท์ของแก..ไปอยู่ในซิมเบอร์นี้ได้ยังไง”
นิติธรดูที่ลิสต์เบอร์โทรศัพท์อีกครั้ง

แววลงมาส่งเริงใจที่บริเวณโถงทางเข้าโรงพยาบาล
“ความจริงเธอไม่ต้องมาส่งฉันก็ได้นะ แวว..ปล่อยให้แม่นั่นอยู่กับคุณสยุมภูว์ตามลำพังอย่างนั้น เดี๋ยวก็โดนแย่งซีนพอดี” เริงใจบอก
“แต่มันก็จริงอย่างที่คุณไลลาพูดนะ เรื่องระหว่างฉันกับคุณสยุมภูว์หายไปพร้อมกับความทรงจำของเขา ตอนนี้ฉันก็เป็นได้แค่ลูกน้องคนหนึ่งของเขาเท่านั้น” แววยอมรับ
“แต่อย่างน้อยฉันก็เชื่อว่าคุณสยุมภูว์คงไม่ลืมเพื่อนบ้านอย่างเธอง่ายๆหรอกนะ”
แววยิ้มให้ “ขอบใจเธอมากนะที่เอาใจช่วยฉันน่ะ”
เริงใจส่งสายตาเอาใจช่วยแววแล้วเดินออกไป แววจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักฟื้น แต่เมื่อคิดว่าจะขึ้นไปแล้วต้องเจอไลลา เธอก็ลังเล
“จะขึ้นไปตอนนี้ดีมั้ยเนี่ย”

ที่ริมรั้วบ้านแวว โรสตกใจเมื่อแจ๊คบอกข่าวสำคัญแก่เธอ
“อะไรนะ..พี่แจ๊คจะย้ายไปอยู่ที่อื่นเหรอ ไม่นะ..พี่แจ๊คไปแล้วใครจะดูแลโรสล่ะ” โรสถาม
“แล้วจะให้พี่แจ๊คทำยังไง พี่แจ๊คก็ไม่ได้อยากจะไปหรอกนะ แต่มันเป็นคำสั่งจากหน่วยเหนือ ถ้าพี่แจ๊คไม่ไปก็โดนไล่ออกน่ะสิ”
“แล้วพี่จะไปเมื่อไร” โรสถาม
“ก็คงจะเร็วๆนี้ล่ะ..นี่พี่แจ๊คก็กลับมาเก็บของรอไว้ก่อน คำสั่งมาเมื่อไรก็คงต้องไป”
มาลตีโผล่หน้ามาดูแจ๊คกับโรสที่กำลังคุยกัน
“ไปทำอะไรผลุบๆโผล่ๆตรงนั้น นังโรส” มาลตีถาม
โรสพูดกับแจ๊ค “อุ้ย..โรสต้องไปแล้วล่ะพี่แจ๊ค ไม่รู้ว่าคุณนายมาลตีจะเรียกใช้อะไร”
“แล้วคืนนี้ล่ะ ถ้าอย่างนั้น คืนนี้เรามาคุยกันต่อนะ” แจ๊คบอก
“บ้าสิ” โรสเขิน
“กี่โมงดีอ่ะ”
“บ้าได้อีกอ่ะ” โรสเขินหนัก “พี่แจ๊คก็มารอแล้วกัน”
“ก็ได้..ดึกแค่ไหนพี่แจ๊คก็จะรอนะจ้ะ..จุ้บ..จุ้บ”
โรสไปหามาลตี แจ๊คมองตามด้วยสีหน้าเคลิ้มฝัน
“ฟ้าดินเป็นใจแล้วล่ะเว้ย..ไอ้แจ๊ค”

สยุมภูว์ปัดแก้วน้ำที่ไลลาจะเอามาเสิร์ฟออกอย่างไม่ใยดี
“พอเถอะ...” สยุมภูว์บอก
“อะไรกันคะ” ไลลาชักสีหน้า “กับเลขาคุณ..คุณไม่เห็นปฏิเสธสักคำ”
“คุณอยากจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”
ไลลาออดอ้อน “คุณสยุมภูว์ไล่ไลลาอย่างไม่ใยดีอย่างนี้ ไลลาน้อยใจนะคะ ดูซิไลลาแคนเซิ่ลทั้งงานเดินแบบ ถ่ายแบบมาเพื่อดูแลคุณโดยเฉพาะเลยนะคะ แต่คุณกลับทำเหมือนไลลาไม่ใช่แฟนคุณ”
สยุมภูว์งง “คุณเป็นแฟนผม?”
ไลลารีบสวมรอย “ก็ใช่สิคะ” ไลลาเน้น “ไลลาเป็นแฟนคุณ”
สยุมภูว์มองไลลา พยายามนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
“ไลลาอดน้อยใจไม่ได้นะคะ ที่คุณสนใจเลขาคุณยิ่งกว่าแฟนตัวเอง”
แววเคาะประตูขัดจังหวะ เมื่อเห็นว่าแววเดินเข้ามาในห้องไลลาก็ทำหน้าไม่พอใจ
“เห็นมั้ยว่าแฟนเขากำลังจู๋จี๋กัน ฉันว่าเธอกลับไปได้แล้วล่ะ คืนนี้ฉันจะดูแลคุณสยุมภูว์เอง” ไลลาบอก
แววได้ยินก็สะอึกไป “เอ่อ...แต่ว่า..”
เพิ่มพงษ์เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับรูปภาพของสยุมภูว์ที่แววเป็นคนวาดให้ตอนอยู่ที่เชียงใหม่
“ได้ยินแว่วๆว่าใครจะเฝ้าคุณสยุมภูว์หรือครับ” เพิ่มพงษ์ถาม
“คุณไลลาเธออาสาจะดูแลให้น่ะค่ะ” แววบอก
“อย่าเลยครับคุณไลลา...คุณสยุมภูว์คงไม่สะดวกที่จะให้สาวๆ เอ่อ..พาเข้าห้องน้ำมังครับ”
ไลลาอมยิ้ม “ไลลาจะได้ทำให้หายเขินไงคะ จริงมั้ยคะคุณสยุมภูว์”
“ก็ได้ครับ..แต่เชิญห้องข้างๆนะครับคุณไลลา” เพิ่มพงษ์บอก
“แล้วจะให้คุณสยุมภูว์อยู่ห้องนี้คนเดียวได้ไงคะ” ไลลาถาม
“ไม่ได้อยู่คนเดียวครับ แต่ผมจะอยู่ด้วย หรือว่าคุณไลลาอยากจะนอนเป็นเพื่อนผม” เพิ่มพงษ์ถามกลับ
ไลลาชักสีหน้าหงุดหงิดเมื่อทำอะไรไม่ได้ดังใจ ไลลาเตรียมตัวจะออกไป แล้วเธอก็พูดกับแวว
“เอาเถอะ..อย่างน้อยก็ไม่ใช่เธอ”
ไลลาเดินออกไป เพิ่มพงษ์มองตามแบบเซ็งๆ ก่อนจะหยิบของที่เตรียมมาให้สยุมภูว์ดู
“ผมมีอะไรมาให้ดูด้วยครับ คุณสยุมภูว์”
เพิ่มพงษ์พลิกรูปวาดให้สยุมภูว์ดู สยุมภูว์เห็นรูปตัวเองเขาก็มีสีหน้าประหลาดใจ แววยิ้มดีใจที่เห็นรูปนั้นอีกครั้ง

มาลตีสีหน้าประหลาดใจเมื่อฟังโรสเล่าเรื่องแจ๊ค
มาลตีถามเสียงสูง “ไอ้แจ๊คเนี่ยนะ...หน่วยปฏิบัติการลับพิเศษ”
“ก็ใช่สิคะ โรสก็เพิ่งรู้เหมือนกัน จริงๆแล้วหนุ่มๆสามคนที่อยู่บ้านนั้นน่ะเป็นสายลับจับยาเสพติดค่ะ แต่น่าเสียดายนะคะที่สามคนนั้นเขาจะย้ายไปที่อื่นแล้ว จะไปที่ไหนก็ไม่บอก...คงกลัวความลับแตก”
“แต่ฉันว่ามีเรื่องสำคัญกว่านั้นที่หล่อนต้องรู้นะ” มาลตีบอก
“อย่าบอกนะคะว่าคุณมาลตีก็คือสายลับปลอมตัวมาเหมือนกัน” โรสถาม
“นังโรส..แกจะฟังหรือไม่ฟัง..เดี๋ยวก็ปล่อยให้ไอ้แจ๊คมันหลอกต่อไปเลยนี่”
“พี่แจ๊ค” โรสสงสัย “พี่แจ๊คหลอกอะไรโรสคะ คุณมาลตี”
โรสตั้งใจฟังมาลตีทันที

แป้งร่ำนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต...

“แล้วคุณเอกล่ะค่ะ..มองใครไว้บ้างหรือเปล่า...” แป้งร่ำถามเอกรินทร์
“ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตดีกว่าครับ” เอกรินทร์ตอบ
“ค่ะ...แป้งก็ว่าอย่างนั้น”
แป้งร่ำแอบผิดหวังแต่ก็พยายามข่มความรู้สึก เอกรินทร์เห็นสีหน้าแป้งก็เข้าใจแต่ไม่พูดอะไรออกมา
“คุณเอกกลัวจะผิดหวังอีกหรือคะ” แป้งร่ำถาม
“ครับ...ผมไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอะไรเลย” เอกรินทร์บอก
“ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกค่ะคุณเอกรินทร์ เราก็มีด้านที่อ่อนแอกันทั้งนั้น”
แป้งร่ำมองเอกรินทร์อย่างเข้าใจ เอกรินทร์ยิ้มให้แป้งร่ำ...

แป้งร่ำนึกถึงการสนทนานั้นเธอก็ยิ้มกับตัวเอง สักพักเอกรินทร์ก็เดินเข้ามาหา
“คิดอะไรอยู่หรือครับ ท่าทางจะมีความสุขเชียว” เอกรินทร์เอ่ยถาม
“ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ” แป้งร่ำตอบ
“ขอโทษนะครับที่มาช้า พอดีมีงานติดพันนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ..แป้งว่าจะโทรไปชวนธิชา แต่คุณธิชาเธอต้องอยู่ดูแลร้าน น่าเสียดายนะคะ”
พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ เอกรินทร์ทำหน้างงๆ
“แป้งกลัวว่าคุณเอกจะต้องมารอ ก็เลยสั่งอาหารเตรียมไว้ก่อน ไม่รู้ว่าคุณเอกจะถูกใจหรือเปล่านะคะ”
“งั้นก็ลองชิมเลยนะครับ”
เอกรินทร์ตักอาหารมาชิมแล้วก็มีสีหน้าถูกใจ แป้งร่ำหน้าบาน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูมีความสุข

สยุมภูว์ยืนดูภาพวาดสีน้ำมันที่เพิ่มพงษ์เพิ่งเอามาติดให้ที่ห้อง
“คุณสยุมภูว์แขวนภาพนี้ไว้ในห้องนอนที่บ้านเช่าของเราครับ” เพิ่มพงษ์บอก
สยุมภูว์สงสัย “บ้านเช่าหรือครับ”
“ใช่ครับ บ้านเช่าที่อยู่ติดกับบ้านคุณแวว ที่ที่คุณพบคุณแววเป็นครั้งแรก แล้วผมก็ขอให้คุณโกหกว่าคุณคือหลานของผมชื่อจักร คุณก็เลยต้องเป็นทั้งสยุมภูว์ เจ้านายของแวว และเป็นนายจักรเพื่อนบ้านของแววในคนเดียวกัน”
สยุมภูว์ดูรูป “ตอนนั้นผมคงมีความสุขมากนะครับ”
“ก็คงไม่แพ้คุณแววหรอกครับ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“เดาเอาครับ แต่ถ้าคุณแน่ใจ พรุ่งนี้คุณก็อย่าลืมถามก็แล้วกัน ป่านนี้คงจะถึงบ้านแล้วมั้งครับ”
สยุมภูว์พยักหน้ารับแล้วหันกลับไปดูรูปตัวเอง

แววรื้อภาพวาดสีน้ำมันรูปดอกแววมยุราสีสันสดใสออกมาวางเตรียมจะห่อ วัณณรีเคาะประตูแล้วก็เดินเข้ามาหา วัณณรีเห็นรูปวาดวางอยู่เต็มพื้นห้องก็ถามพี่สาว
“พี่จะเอารูปพวกนี้ไปทำอะไรน่ะ”
“ว่าจะเอาไปแขวนที่ห้องคนไข้น่ะ” แววบอก
วัณณรียิ้มอย่างรู้ทัน “วัณว่าคนไข้ของพี่ คงอยากเห็นหน้าพี่มากกว่ามั้ง”
แววส่ายหน้า “ตอนนี้พี่ก็เป็นได้แค่เลขาเท่านั้นล่ะ”
“นายจักร...เอ้อ..ไม่ใช่สิ..เจ้านายพี่ยังจำไม่ได้หรือว่าเขาเคยขอความรักพี่”
แววเศร้าลง “ยังหรอก..แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรด้วย”
วัณณรีได้แต่ยิ้มปลอบใจแวว แล้วก็ช่วยแววห่อภาพเขียนเหล่านั้น

แจ๊ควิ่งเอาตัวรอดมาจากหลังบ้านของแววแล้วมาพักหอบด้วยความเหนื่อยที่ริมรั้ว สักพักโรสก็วิ่งตามหลังมา ในมือทั้งสองข้างของเธอมีสากสองอันมาด้วย แจ๊ครีบกระโดดข้ามรั้วหนีเข้าไปตั้งหลักในเขตบ้านตัวเอง
“อยู่ฝั่งโน้นแล้วคิดว่าจะรอดหรือไง ไอ้แจ๊ค” โรสตะโกนถาม
“โห..ให้กียรติกันมากเลยนะจาก”พี่” เป็น”ไอ้” เนี่ย”
“ไม่เรียกไอ้อย่างอื่นก็ดีแค่ไหนแล้ว ไอ้แจ๊คบ้า ไอ้คนขี้โกหก คิดจะหลอกฟันฉันฟรีๆหรือ ฝันไปเหอะ”
“แจ๊คก็ไม่ใช่ผู้ชายใจง่ายหรอก คิดจะมาฟันกันฟรีก็ฝันไปเหอะ”
โรสหมั่นไส้สุดขีดจึงเขวี้ยงสากข้ามรั้วไปหาแจ๊ค แจ๊คหลบทันแล้วโผล่ขึ้นมาทำหน้าล้อเลียนโรส
“เอาไปอีกดอกแล้วกันนะไอ้แจ๊ค”
โรสเขวี้ยงสากอีกอันข้ามรั้วไป คราวนี้โดนหัวแจ๊คจังๆ จนแจ๊คหงายหลัง
“โอ๊ย...!” แจ๊คร้องลั่น
“สมน้ำหน้า...!! คราวนี้สาก คราวหน้าแกเจอครกแน่”
โรสเดินกลับเข้าบ้านไปบ่นไป
“ผู้หญิงสวยๆอย่างฉันไม่คู่ควรกับผู้ชายอย่างแกหรอก”
แจ๊คค่อยๆโผล่หัวพ้นรั้วขึ้นมาพร้อมสากในมือ
“โธ่เอ๊ย..สากอันเดียว ทำอะไรแจ๊คไม่ได้หรอก” แจ๊คคุยโว
เลือดค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากหัวแจ๊คเป็นทางยาว แจ๊คเอามือไปแตะแล้วเอามาดูเห็นว่าเป็นเลือด
“เลือด !”
แจ๊คเห็นเลือดแล้วเป็นลมจึงหงายท้องลงไปอีกครั้ง

นิติภูมิกลับมาที่คฤหาสน์ นิติธรยังคงนั่งทำงานอยู่ นิติธรเงยหน้าขึ้นมาเห็นนิติภูมิ
“แกออกไปไหนมาเจ้าภูมิ” นิติธรถาม
“พ่อซักอย่างกับผมเป็นเด็กๆเลยนะครับ” นิติภูมิบอก
นิติภูมิไม่สนใจจะตอบคำถามนิติธร เขาเดินหนีขึ้นบ้านไปทันที
“เดี๋ยวก่อน !!! ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
นิติภูมิชะงักแล้วเดินกลับมานั่งที่โซฟา นิติธรมองหน้านิติภูมิแล้วยื่นกระดาษลิสต์หมายเลขโทรศัพท์ให้ลูกชายดู
นิติภูมิมองแล้วยิ้มแต่ไม่หยิบขึ้นมาดู “งานใหม่ของผมหรือครับ”
“แกโทรศัพท์ไปที่เบอร์นี้เรื่องอะไร” นิติธรถาม
นิติภูมิหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู เขาเห็นหัวกระดาษระบุเบอร์โทรของศักดาและเบอร์โทรศัพท์ของเขาที่ถูกเน้นด้วยปากกาเน้นข้อความ
นิติภูมิแกล้งไม่รู้ทำเป็นไม่รู้ “แล้วนี่มันเบอร์ของใครล่ะครับ”
“ฉันก็ไม่รู้..แต่ตำรวจได้ซิมโทรศัพท์เบอร์นี้ในที่เกิดเหตุ แล้วมันมีเบอร์แกอยู่ด้วย แกจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง”
“เบอร์นี้..ผมไม่คุ้นเลย”
นิติภูมิหยิบโทรศัพท์มากดเซิร์จหาเบอร์ในลิสต์คอนแท็คต่อหน้านิติธร แล้วโชว์ให้นิติธรดู
“ไม่มีนี่ครับ” นิติภูมิบอก
นิติธรเห็นว่าไม่มีเบอร์ในโทรศัพท์ของนิติภูมิอยู่ในลิสต์ “งั้นก็คงมีอะไรผิดพลาดล่ะสิ แกไปนอนเถอะ พ่อจะทำงานต่อ”
นิติภูมิขึ้นห้องไป นิติธรทำงานต่อแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ เขาจึงหยิบลิสต์นั้นมาดูอีกครั้ง

จบตอนที่ 12
ติดตามอ่านแววมยุราตอนต่อไป พรุ่งนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น