แววมยุรา ตอนที่ 13
นิติภูมิยังไม่เดินเข้าไปในห้อง เขาเดินย้อนกลับลงมาโดยไม่ให้นิติธรู้ นิติภูมิเห็นว่านิติธรหยิบกระดาษลิสต์รายชื่อโทรศัพท์ขึ้นมาดู นิติภูมิยืนดูด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ
“คิดจะจับให้ได้คาหนังคาเขาหรือครับพ่อ” นิติภูมิยิ้มเยาะ
นิติภูมิไม่สนใจแล้วเขาก็เดินขึ้นห้องไป
แววเอารูปวาดดอกแววมยุรามาวางไว้ที่มุมหนึ่งในห้องพัก
สยุมภูว์เห็นก็เอ่ยถาม “คุณวาดเองเหรอ”
“ค่ะ..แววอยากจะทำให้ห้องนี้มีชีวิตชีวา ดูสบายตาสักหน่อยน่ะค่ะ ไม่รู้จะช่วยได้หรือเปล่า”
“คุณรู้จักชื่อดอกไม้นั่นหรือเปล่า”
แววมองสยุมภูว์ “คุณเคยบอกว่า..มันคือดอกแววมยุราค่ะ”
“ผมบอกคุณ...งั้นเหรอ?” สยุมภูว์ถาม
“ใช่ค่ะ..ตอนนั้นคุณคือนายจักรเพื่อนข้างบ้านของแวว”
สยุมภูว์มองไปที่รูปวาดของตัวเองที่เพิ่มพงษ์แขวนไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง
“คุณมีความสุขที่ได้วาดรูปใช่มั้ย”
“ค่ะ..”
“ผมหมายถึงรูปที่คุณวาดให้นายจักร รูปนั้น”
แววนิ่งคิดพร้อมกับมองหน้าสยุมภูว์แล้วยิ้มออกมา
“เป็นเพราะว่านายจักรทำให้แววมีความสุขค่ะ แววถึงมีความสุขที่ได้วาดรูปนั้น”
สยุมภูว์พยักหน้ารับเมื่อได้คำตอบจากแวว ทั้งสองประสานสายตากันอย่างลึกซึ้ง ไลลาถือช่อดอกไม้เข้ามาในห้อง เธอเห็นแววอยู่กับสยุมภูว์เพียงลำพังก็ทำหน้าเย็นชาใส่แววแต่ยิ้มประจบประแจงสยุมภูว์
“ไลลาซื้อดอกไม้มาด้วยนะคะ...มีดอกไม้ในห้องคุณจะได้สดชื่น สบายใจ...” ไลลาพูดกับแวว “คุณเลขาคะ รบกวนด้วยนะคะ”
ไลลายื่นช่อดอกไม้ให้แวว แววรับไปแบบงงๆ แล้วก็เอาไปจัดใส่แจกันในห้องน้ำ ไลลาหันมาเห็นรูปวาดดอกไม้ที่แววเอามาตั้งไว้ ไลลาจึงหยิบรูปมาดู
“ใครเอามาตั้งไว้คะเนี่ย เลขาคุณน่ะสินะ..เกะกะจัง”
ไลลาหยิบรูปนั้นโยนทิ้งถังขยะอย่างไม่ใยดี โดยไม่รู้ว่าสยุมภูว์มองแบบโกรธๆ อยู่
สยุมภูว์ถามทันที “ทิ้งทำไม”
“คุณสยุมภูว์จะเก็บไว้ทำไมล่ะคะ มันก็แค่รูปวาด ไลลาว่าดูดอกไม้สวยๆที่ไลลาซื้อมาดีกว่านะคะ สดชื่นกว่าเยอะ”
แววเอาดอกไม้ที่จัดแล้วออกมาวางที่โต๊ะ แล้วจึงเห็นว่ารูปของตัวเองอยู่ในถังขยะ
“ทีหลังอย่าเอาอะไรทีมันไร้รสนิยมอย่างนั้นมาไว้ในห้องนี้อีกนะ” ไลลาว่า
แววไม่ตอบโต้ เธอจะก้มลงไปหยิบรูปที่ถูกทิ้งอยู่ในถังขยะ
“ไม่ต้องหรอกแวว !” สยุมภูว์บอก
“เห็นมั้ยว่าคุณสยุมภูว์ไม่ต้องการรูปของเธอ” ไลลารีบเสริม
สยุมภูว์พูดกับไลลา “คุณเป็นคนทิ้ง ก็เก็บขึ้นมาด้วย”
ไลลาอึ้ง “อะไรนะคะ!!! คุณสยุมภูว์พูดเล่นใช่มั้ยคะเนี่ย”
“ผมไม่ได้สั่งให้คุณโยนมันทิ้ง”
“แต่ว่า..”
สยุมภูว์พูดด้วยความเฉียบขาด “เก็บขึ้นมาวางที่เดิม”
ไลลาหน้าเจื่อน เธอจำเป็นต้องหยิบรูปนั้นขึ้นมาวางที่เดิมตามคำสั่งของสยุมภูว์ เมื่อหันไปเห็นแววเธอก็ยิ่งรู้สึกเสียหน้า
“ไม่ต้องทำหน้าเยาะเย้ยฉันหรอก ยังไงคุณสยุมภูว์ก็ชอบดอกไม้ของฉันมากกว่า” ไลลาพูดกับสยุมภูว์ “ไลลาจะซื้อดอกไม้มาเปลี่ยนให้ทุกวันเลยนะคะ”
“ไม่จำเป็นหรอก...คุณไปทำงานของคุณเถอะ อย่ามาเสียเวลากับผมเลย ผมมีเลขาดูแลแล้ว” สยุมภูว์ตัดบท
“นี่..คุณสยุมภูว์กล้าไล่ไลลาเหรอคะ ไลลาเป็น...”
“ผมลืมไปแล้วว่าคุณเคยเป็นแฟนผม ขอโทษด้วยนะ” สยุมภูว์บอก
“คุณสยุมภูว์ !”
ไลลามองสยุมภูว์ด้วยสายตาตัดพ้อ เธอพูดไม่ออกที่ถูกฉีกหน้าต่อหน้าแวว แล้วไลลาก็เดินฟึดฟัดออกไป
เช้าวันใหม่ นิติภูมิเดินเข้ามาในบริษัทและกำลังจะเดินเข้าห้อง นิติธรเดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมกับตำรวจ 2-3 คน นิติภูมิทำหน้าสงสัยแล้วก็เดินเลี่ยงเข้าห้องทำงานไป
นิติภูมิเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เรื่องไอ้สยุมภูว์แน่ๆ”
นิติภูมิมีสีหน้าอยากรู้
นิติธรกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องด้วยท่าทางคิดหนัก เขานึกย้อนกลับไปในอดีต...
ภาพเหตุการณ์ในอดีตตอนที่นิติธรคุยกับตำรวจย้อนกลับมาอีกครั้ง
“ทีมงานผมกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อหาตัวคนบงการอยู่ครับ เพราะคำให้การของคุณแววเรื่องนายศักดา ทำให้เรามั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำคนเดียว” ตำรวจรายงาน
“เบอร์โทรศัพท์ที่คุณให้ผมนั่นคือเบอร์จากโทรศัพท์ของนายศักดาหรือครับ” นิติธรถาม
“เรื่องนี้ยังคลุมเคลือครับ ซิมนั้นไม่ได้ลงทะเบียน แต่ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่านั่นเป็นซิมโทรศัพท์ของนายศักดา อะไรต่ออะไรก็คงง่ายขึ้น”
“หมายความว่าคนบงการมันยังคงลอยนวล”
“ใช่ครับ นายศักดาทำงานเป็นมืออาชีพมากเพราะเขาตัดทุกช่องทางที่เราจะสืบไปถึงคนอื่นได้ ถ้าคุณนิติธรได้หลักฐานอย่างอื่นก็แจ้งให้ทางเราทราบด้วยนะครับ”
ตำรวจส่งนามบัตรให้ นิติธรรับมาเก็บไว้...
นิติธรยังคิดมากเรื่องนิติภูมิอยู่
“หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่คิดนะ”
นิติธรมีสีหน้าเป็นกังวล ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นิติธรกดรับสาย
“คุณนิติธรคะ คุณเพิ่มพงษ์ต้องการเรียนสายด้วยค่ะ” เลขาฯ บอก
“โอนสายมาเลย”
นิติธรกดรับโทรศัพท์
“สวัสดีครับคุณนิติธร” เพิ่มพงษ์ทัก
“ครับคุณเพิ่มพงษ์”
“ผมมีอะไรบางอย่างที่อยากให้คุณดูครับ..ไม่รู้ว่าคุณอยากดูหรือเปล่า”
นิติธรสงสัย “อะไรหรือครับคุณเพิ่มพงษ์”
ไลลาเดินเข้ามาในร้านทำผมพร้อมกับบ่นไปด้วย
“กลับไปคราวนี้คุณจะต้องตะลึงกับความเป๊ะของไลลา คุณสยุมภูว์..ดูสิว่าจะทำใจแข็งได้นานขนาดไหน”
พนักงานในร้านเข้ามาต้อนรับอย่างเป็นกันเองแล้วเดินนำไลลาไปสระผม แต่ก่อนจะถึงเตียงสระ แป้งร่ำก็เดินสวนออกมาหลังจากทำผมเสร็จ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไลลา”
“แก๊งค์เพื่อนใหม่เธอไม่มาด้วยเหรอ..เอ๊ะ...หรือว่าโดนทิ้งอีกล่ะ” ไลลาแขวะ
“เธออยากเจอคุณธิชากับคุณเริงก็ไปที่ร้านสิ สองคนนั้นต้องอยู่ดูร้าน คงไม่ว่างจะไปไหนต่อไหนหรอก” แป้งร่ำบอก
“โถ...งั้นก็คงเหงาแย่สินะ ต้องไปไหนต่อไหนคนเดียวอย่างนี้”
“ก็ไม่เชิงหรอกนะ..นั่นไง เพื่อนฉันแวะมารับพอดี”
แป้งร่ำพยักเพยิดไปที่หน้าร้าน ไลลาหันไปมองจึงเห็นว่าเอกรินทร์ยืนรออยู่
ไลลาเห็นเอกรินทร์ก็ทำตาโต แป้งร่ำยิ้มให้
“ฉันไปก่อนนะ..เดี๋ยวญาติเธอจะรอ”
พูดจบแป้งร่ำก็ออกไปจากร้าน ทิ้งให้ไลลายืนตะลึงอยู่คนเดียว
ภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของนิติธรเป็นคลิปที่นิติภูมิคุยกับศักดาในร้านกาแฟที่เชียงใหม่ นิติธรถึงกับตกตะลึง สักพักนิติภูมิก็เดินเข้ามาในห้อง แต่นิติธรยังไม่ปิดคลิปนั้น
“ผมเห็นตำรวจแวะมาที่นี่..เรื่องนายสยุมภูว์ใช่มั้ยครับ” นิติภูมิเอ่ยถาม
นิติธรพยายามข่มอารมณ์ “ใช่..”
“ตำรวจว่ายังไงบ้างครับ”
“เขามาขอความร่วมมือ เผื่อว่าทางเรามีหลักฐานที่จะโยงไปถึงคนบงการฆ่าคุณสยุมภูว์ได้”
นิติธรมีสีหน้าอึดอัด สายตาของเขาไม่ได้อยู่ที่นิติภูมิที่กำลังคุยกับเขาอยู่ นิติภูมิเริ่มแปลกใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับพ่อ”
นิติธรลังเลคิดว่าจะถามในสิ่งที่เขาเห็นในคลิปที่กำลังเล่นอยู่ดีหรือไม่
“ทำไมแกก็ถึงอยากรู้เรื่องนี้ล่ะ เจ้าภูมิ” นิติธรถามขึ้น
นิติภูมิรีบกลบเกลื่อน “ก็..ไม่เห็นแปลกนี่ครับ ผมแค่อยากรู้เรื่องเจ้านายผมบ้าง”
“ไม่ใช่เรื่องอื่นเหรอ”
นิติภูมิเน้น “แค่อยากรู้เท่านั้นครับ”
นิติภูมิยิ้มให้แล้วเดินออกไปเมื่อได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้ นิติธรมองตามแล้วหยิบนามบัตรของตำรวจขึ้นมาพลิกดูอย่างไม่แน่ใจว่าจะติดต่อกลับไปดีหรือไม่ ในที่สุดเขากลับวางนามบัตรไว้บนโต๊ะ
นิติธรดูที่คลิปที่เล่นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ จังหวะเดียวกับที่เห็นหน้าของนิติภูมิพอดี
“หลักฐานชัดแจ้งอย่างนี้ แกจะให้พ่อทำยังไง เจ้าภูมิ”
นิติธรยิ่งคิดไม่ตก
หมอเพิ่งตรวจอาการของสยุมภูว์เสร็จ แล้วหมอก็บอกสยุมภูว์ เพิ่มพงษ์ และแววที่อยู่ในห้องพักฟื้นนั้น
“หมออยากให้คนไข้อยู่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวันนะครับ ให้แน่ใจว่าไม่มีอาการข้างเคียงแน่ๆเสียก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน”
“อย่างนั้นก็ได้ครับหมอ...แล้วเรื่องความทรงจำล่ะครับ” เพิ่มพงษ์ถาม
“เรื่องนั้นคงต้องใช้เวลาครับ แต่หมอเชื่อว่าการกลับไปอยู่ในบรรยากาศที่คุ้นเคยจะช่วยกระตุ้นเรื่องความทรงจำให้กลับมาได้บ้าง...หมอขอตัวนะครับ”
หมอเดินออกไป เพิ่มพงษ์ยิ้มให้สยุมภูว์
“จะได้กลับบ้านสักทีนะครับคุณสยุมภูว์”
“บ้าน..เหรอ..”สยุมภูว์เปรยออกมา
“ครับ..เราจะกลับไปที่คฤหาสน์ทศพลกันเสียที” เพิ่มพงษ์บอก
ประตูห้องทำงานของนิติธรถูกเปิดเข้ามาแล้วล็อคไว้โดยนิติภูมิ เขามองมาที่โต๊ะทำงาน
“จะได้รู้สักทีว่ามันมีอะไรกันแน่..ทำลับๆล่อๆไปได้” นิติภูมิพูดกับตัวเอง
นิติภูมิไปที่คอมพิวเตอร์ของนิติธรแล้วเปิดเครื่องทันที เขาเห็นโฟลเดอร์ต่างๆ บนหน้าจอ นิติภูมิไล่เปิดดูแต่ไม่เจอสิ่งที่เขาระแวง
“เป็นไปไม่ได้..มันต้องมีสิ่งที่พ่อไม่อยากให้เรารู้แน่ๆ”
นิติภูมิผิดหวังที่ไม่เจอสิ่งที่ต้องการ
เวลาต่อมา นิติธรกำลังนั่งดูคลิปที่นิติภูมินัดพบกับศักดาอีกครั้ง เหมือนต้องการให้แน่ใจว่าเป็นนิติภูมิจริงๆ แล้วเสียงโทรศัพท์ของนิติธรก็ดังขึ้น นิติธรกดรับโทรศัพท์
“คุณนิติธรดูคลิปแล้วใช่มั้ยครับ” เพิ่มพงษ์ถาม
“ผมไม่นึกเลยว่าเจ้าภูมิ จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับนายศักดานั่น” นิติธรบอก
“เขาอาจจะไม่เกี่ยวอะไรกันก็ได้นะครับ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน”
“หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ มันคงไม่ยากเกินจะคาดเดาหรอกครับ”
“ในฐานะพ่อ ผมรู้ว่าคุณโกรธนะครับคุณนิติธร แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณเก็บเรื่องนี้เป็นความลับก่อน ถ้าคุณพูดอะไรไปทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานชัดๆมันจะเป็นการใส่ร้ายเขา รอให้โอกาสเหมาะกว่านี้ดีกว่าครับ” เพิ่มพงษ์บอก
“แค่นี้ผมก็ไม่อยากจะมองหน้ามันแล้ว” นิติธรเห็นว่านิติภูมิเดินเข้ามาในบ้าน “แค่นี้ก่อนนะครับคุณเพิ่มพงษ์” นิติธรรีบวางสาย
นิติภูมิเดินผ่านนิติธรไปโดยไม่สนใจจะหยุดคุยกับพ่อของเขา นิติธรมองตามแล้วซบหน้ากับมือตัวเอง
“ฉันเลี้ยงแกไม่ดีเอง เจ้าภูมิ…ฉันผิดเอง”
เช้าวันใหม่ ที่โรงพยาบาล ไลลาคุยกับนางพยาบาลที่ห้องก็ทำหน้าประหลาดใจ
“คุณสยุมภูว์กลับไปพักที่บ้านแล้วค่ะ” พยาบาลย้ำ
ไลลาผิดหวัง “โธ่เอ๊ย...จะกลับก็ไม่บอก...” ไลลานิ่งคิดสักพัก “แต่อย่าหวังว่าไลลาจะยอมแพ้นะคะคุณสยุมภูว์”
ไลลารีบเดินออกไปทันที
รถของสยุมภูว์แล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ นิติธรที่รอรับอยู่เปิดประตูให้สยุมภูว์ลงมาจากรถ สยุมภูว์ก้าวลงมาที่หน้าบ้าน เขามองไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นเคย เพิ่มพงษ์เดินมาข้างๆ
“ที่นี่ล่ะครับ คฤหาสน์ทศพล บ้านของคุณสยุมภูว์” เพิ่มพงษ์บอก
ประตูบ้านถูกเปิดออก สยุมภูว์เดินกระเผลกเข้าไป เพิ่มพงษ์จะช่วยพยุง แต่สยุมภูว์ยกมือห้าม สยุมภูว์ก้าวเข้ามาในคฤหาสน์อย่างช้าๆ เขามองไปรอบๆ อย่างพยายามทบทวนความทรงจำ แต่ไม่มีท่าทีว่าจะจำได้
รูปของสีหราชติดอยู่ที่ผนัง สยุมภูว์เดินมาหยุดที่หน้ารูปนั้น แล้วทำหน้าคุ้นๆ
ภาพในความฝันตอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ย้อนกลับมา...
สีหราชยังสงสัยไม่หาย “แกจำพ่อไม่ได้จริงๆเหรอ”
สยุมภูว์ทวนคำ “พ่อ..?”
“ใช่..สีหราช ทศพล พ่อของแก..” สีหราชชี้ไปที่สยุมภูว์ “ส่วนแก สยุมภูว์ ทศพล”
สยุมภูว์มองที่ตัวเอง “สยุมภูว์ ทศพล”...
นิติธรกับเพิ่มพงษ์เดินตามมายืนข้างๆ
“นี่ละครับ คุณสีหราช ทศพล พ่อของคุณ..จำท่านได้มั้ยครับ คุณสยุมภูว์” เพิ่มพงษ์ถาม
สยุมภูว์นิ่งคิดไม่ตอบอะไรก่อนจะพยักหน้ารับ
“จำได้..เขามาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล” สยุมภูว์บอก
เพิ่มพงษ์ยิ้มออก “ผมมีอะไรบางอย่างที่จะทำให้คุณสยุมภูว์มั่นใจยิ่งกว่านี้ครับ ตามผมมาสิครับคุณสยุมภูว์”
สยุมภูว์มองเพิ่มพงษ์ด้วยความสงสัยเพราะอยากรู้คำตอบ
อ่านต่อหน้าที่ 2
แววมยุรา ตอนที่ 13 (ต่อ)
ณ คฤหาสน์ทศพล เพิ่มพงษ์พาสยุมภูว์มาที่หน้าห้องๆหนึ่งตั้งแต่เช้า
“นี่เป็นห้องทำงานของคุณสีหราชครับ นับตั้งแต่คุณสีหราชจากไป ห้องนี้ก็ถูกปิดตาย รอคุณสยุมภูว์กลับมาใช้งานอีกครั้งเท่านั้น”
เพิ่มพงษ์พูดแล้วไขกุญแจเปิดเข้าห้องไป เพิ่มพงษ์เดินเข้าไปเปิดม่านหน้าต่าง แสงที่สาดเข้ามาทำให้เห็นสภาพห้องที่ถูกดูแลอย่างดี โต๊ะทำงานของสีหราชและชุดโซฟารับแขกอยู่ภายในห้อง
สยุมภูว์มองไปรอบๆห้องอย่างไม่คุ้นเคย ส่วนเพิ่มพงษ์พยายามมองหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะไปหยุดที่เครื่องฉายหนังเก่าที่วางอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
“เจ้านี่ล่ะครับที่ผมหาอยู่” เพิ่มพงษ์บอก
สยุมภูว์เดินเข้ามาดูแล้วก็ทำหน้าแปลกใจเพราะไม่รู้สึกคุ้นเคย
เพิ่มพงษ์เอ่ยชวน “เรามาดูหนังกันดีกว่าครับ”
เพิ่มพงษ์หยิบกล่องฟิล์มแปดมิลล์ออกมา สยุมภูว์มองที่กล่องฟิล์มนั้นเหมือนไม่เคยเห็นมันมาก่อน
โทรศัพท์มือถือของนิติภูมิมีสัญญาณแจ้งว่าข้อความเข้า นิติภูมิหยิบขึ้นมากดอ่านข้อความดู
“ตกลงซื้อ..”
นิติภูมินึกย้อนกลับไปในอดีต...
นิติภูมิหลบออกมาคุยโทรศัพท์ที่มุมหนึ่งภายในคฤหาสน์
“แกเลิกพยายามได้แล้วเพราะมีแต่ไอ้สยุมภูว์กับมิสเตอร์เหลียงเท่านั้นที่รู้พาสเวิร์ดที่จะเปิดข้อมูลพวกนั้นได้”
ศักดาพูดตอบกลับมา “แล้วคุณนิติภูมิจะให้ผมทำยังไงกับของนี่ล่ะครับ”....
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต นิติภูมิก็ยิ้มออก
“มันรู้พาสเวิร์ดแล้วหรือไง ถึงอยากได้ไอ้นี่ไป”
นิติภูมิลังเลสักพักก่อนจะกดข้อความตอบกลับไป นิติภูมิกดข้อความ “DEAL” เขาเลื่อนลิ้นชักออกมา กล่องเก็บข้อมูลซุกซ่อนอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน เขาหยิบขึ้นมาดู
“ของของแก..มันจะกลับมาทำลายตัวแกเองแล้ว ไอ้สยุมภูว์” นิติภูมิยิ้มร้าย
นิติธรรับโทรศัพท์จากตำรวจ
“สายในตลาดมืดของเราติดต่อคนที่จะปล่อยของได้แล้วครับคุณนิติธร” ตำรวจบอก
นิติธรนิ่งไปสักพัก “ครับ..แล้วทราบมั้ยครับว่าเป็นใคร”
“เราคงจะทราบตอนนัดส่งของครับ”
“มันเกี่ยวข้องกับเรื่องลอบทำร้ายคุณสยุมภูว์ด้วยหรือเปล่าครับ” นิติธรถาม
“เรากำลังตรวจสอบอยู่ครับ ที่เรายังไม่อยากยืนยันเพราะคนร้ายเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ทุกครั้งที่ติดต่อซื้อขายกัน เราเลยตามจากหมายเลขโทรศัพท์ไม่ได้” ตำรวจบอก
นิติธรเริ่มร้อนรน “แปลว่าคุณทราบแล้วว่าใครเป็นคนบงการหรือครับ”
“เรียกเขาว่าผู้ต้องสงสัยดีกว่าครับ”
“บอกได้ไหมครับว่าเป็นใคร” นิติธรถามอย่างอยากรู้
นิติธรรอฟังคำตอบด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
ภาพบนจอที่อยู่ในห้องสีหราชเป็นการ์ตูนสำหรับเด็กขาว-ดำ ที่ไม่มีเสียง เพิ่มพงษ์ดูไปหัวเราะไปอย่างลืมตัว ต่างจากสยุมภูว์ที่ดูด้วยท่าทางไม่สนุก
“การ์ตูนเนี่ยนะ..ที่จะทำให้ผมมั่นใจว่าคนที่ผมได้พบคือพ่อของผม” สยุมภูว์ถาม
เพิ่มพงษ์รู้สึกเก้อ “ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกันครับว่าคุณเหลียงจะส่งของขวัญมาให้คุณสยุมภูว์ช้าไปตั้งยี่สิบกว่าปี แต่ผมยืนยันนะครับว่าตอนเด็กๆ คุณสยุมภูว์ชอบการ์ตูนเรื่องนี้มาก แถมยังต้องให้คุณสีหราชพากย์ให้ฟังทุกครั้งอีกด้วย”
สยุมภูว์ดูหนังที่กำลังฉายอีกครั้ง เขาพยายามนึกภาพบรรยากาศนั้น ขณะที่เพิ่มพงษ์ยังดูไปขำไป
“ปิดเถอะ..มันไม่ช่วยอะไรหรอก” สยุมภูว์บอก
สยุมภูว์เดินออกไป เพิ่มพงษ์ปิดสวิทช์เครื่องฉายโดยที่ฟิล์มยังค้างอยู่ที่ตัวเครื่อง
แววมองไปที่สวนตรงแปลงดอกไม้หน้าบ้านเธอที่ตอนนี้ไม่มีต้นแววมยุราเหมือนที่เคยแล้ว
แววนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนที่เธอคุยกับสยุมภูว์ที่เธอคิดว่าเป็นจักร...
“ก็เนี่ยแหละ ต้นแววมยุรา” สยุมภูว์บอก
“ห๊ะ? แววมยุรา” แววชื่นชมที่ดอกไม้ แล้วหันมายิ้มให้ “ชื่อเหมือนฉันเลย”
“ทั้งชื่อทั้งนามสกุลเลยหละ”
“นั่นสิ บังเอิญจังเลยนะ”
“บังเอิญอะไร ฉันตั้งใจจัดให้เธอโดยเฉพาะตะหาก เฮ่อ..แต่เธอดันไม่รู้จักซะนี่” สยุมภูว์เซ็ง
“ก็รู้จักแล้วนี่ไง” แววยกมือทักทายต้นไม้ “หวัดดี แววมยุรา ฉันชื่อแวว มยุราจ้ะ” แววหันมาหัวเราะกับสยุมภูว์ “นี่ไง ทำความรู้จักกันแล้ว”
แววกับสยุมภูว์หัวเราะสดใสแล้วยิ้มให้กันอย่างเปิดใจยอมรับกันมากขึ้น...
แววนั่งมองแปลงดอกไม้ที่ว่างเปล่าหน้าบ้านของเธอ
เสียงมาลตีดังขึ้น “แม่เพิ่งจะให้โรสมันรื้อแปลงดอกไม้เมื่อวานนี้เอง เห็นมันแห้งเหี่ยวแล้วก็ไม่สบายหูสบายตา”
แววหันไปเห็นมาลตี “รื้อออกไปก็ดีแล้วล่ะแม่ คงไม่มีใครมาชื่นชมมันแล้วล่ะ”
“แกคิดถึงคนปลูกอยู่ล่ะสิ”
แววปากแข็ง “เปล่า”
“หรือคนที่มาคอยรดน้ำดูแลให้”
แววทำเสียงสูง “แม่...”
“แกไม่ต้องมาทำเสียงอย่างนั้นกับฉัน ฉันรู้น่าว่าแกคิดถึงคนบ้านนั้น” มาลตีพยักเพยิดไปทางบ้านจักร “นี่..จะจักรหรือสยุมภูว์มันก็คนคนเดียวกัน..เขาไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหนสักหน่อย ยังไงแกก็ต้องเจอเขาทุกวันอยู่แล้ว”
“ในฐานะสยุมภูว์น่ะใช่..แต่ไม่ใช่สำหรับนายจักร..นายจักรคงตายไปจากความทรงจำของคุณสยุมภูว์แล้วล่ะ” แววบอก
“มันก็ไม่แน่หรอกนะ แกไม่เคยดูข่าวหรือไง ที่คนนอนไม่ได้สติมาเป็นสิบๆปี ยังฟื้นขึ้นมาได้แล้วก็จำทุกอย่างได้..แกก็อย่าเพิ่งหมดหวังเลย”
“แม่จะให้แววรอสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้เหรอแม่”
“แต่แกก็ไม่ได้อยากจะมีใครใหม่นี่นา..ใช่มั้ย” มาลตีถามลูกสาว
มาลตียิ้มแบบรู้ทันแวว แววยิ้มอย่างเข้าใจ เธอมองไปที่แปลงดอกไม้ที่ว่างเปล่านั้นแล้วก็อดถอนใจออกมาไม่ได้
เริงใจเสียบหูฟังฟังเพลงพร้อมกับทำงานของตัวเองอยู่ในร้านกาแฟโดยไม่สนใจชลธิชา ชลธิชาเห็นอาการของเริงใจก็รู้ว่าเริงใจน้อยใจ
“เริง..ตกลงว่าเราจะไม่คุยกันใช่มั้ย” ชลธิชาถาม
เริงใจทำเป็นไม่สนใจ สักพักแป้งร่ำก็เปิดประตูเข้าร้านมา แป้งร่ำเห็นเริงใจก็ทำท่าจะเดินออกจากร้านแต่ชลธิชาเห็นเข้าจึงส่งเสียงเรียก
“คุณแป้ง..เข้ามาเถอะค่ะ”
“จะดีหรือคะ คุณธิชา” แป้งร่ำถาม
“เริงเขามีโลกส่วนตัวแล้ว คงไม่สนใจเราหรอกค่ะ”
เริงใจมองชลธิชาแบบเคืองๆ เมื่อเห็นว่าแป้งร่ำเข้ามาตามคำเชิญของชลธิชา ชลธิชาพาแป้งร่ำออกไปคุยเพียงลำพัง เริงใจทำเป็นไม่สนใจแต่แอบหรี่เสียงเพลงเพราะอยากรู้ว่าสองคนคุยอะไรกัน
“คุณแป้งพร้อมจะบอกคุณเอกเรื่องนั้นหรือยังคะ” ชลธิชาถาม
“คงอีกไม่นานหรอกค่ะ เรื่องสำคัญแบบนี้แป้งต้องบอกคุณธิชาอยู่แล้วเพราะตอนนี้แป้งไม่มีใครที่สนิทใจมากเท่าคุณธิชาแล้ว”
“เราคุยกันได้ทุกเรื่องนะคะคุณแป้ง ธิชายินดีรับฟังค่ะ”
แป้งร่ำตีหน้าเศร้า “ความจริงแป้งก็รู้สึกผิดนะคะที่ฉวยโอกาสกับคุณเอก ถ้าคุณเอกรู้ความจริงแล้วจะปฏิเสธแป้ง มันก็เป็นสิ่งที่แป้งสมควรจะได้รับแล้ว..แค่คุณเอกคุยกับแป้งอีกแป้งก็ดีใจแย่แล้วค่ะ”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิคะ..เราเป็นผู้หญิงยังไงก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ธิชาก็เชื่อนะคะว่าคุณเอกเป็นคนรับผิดชอบมากพอที่จะไม่พูดอย่างนั้น”
เริงใจพูดเสียงดัง “เฮ้อ...นางเอ๊ก..นางเอก..หลงมาจากละครเรื่องอะไรคะเนี่ย”
ชลธิชาพูดกับเริงใจ “เริง..เธอไม่เห็นใจคุณแป้งก็อย่ามาพูดประชดอย่างนี้”
“เอ้า..ชั้นชื่นชมก็หาว่าฉันประชด ชั้นด่าก็หาว่าฉันอคติ ฉันแตะเพื่อนเธอไม่ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย” เริงใจถาม
“เริง..เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่เกิดกับตัวเอง เธอก็คงไม่รู้สึกหรอก” ชลธิชาบอก
“อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับเพื่อนเธอเล้ย..เพราะฉันไม่คิดจะฉวยโอกาสกับผู้ชายที่เมาหมดสติหรอก..แล้วถ้าคุณเอกเขาไม่ยอมรับขึ้นมาจริงๆ ฉันจะไม่เห็นใจหรอกนะ..แต่จะสมน้ำหน้าให้ด้วย”
“เริง...ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนอย่างนี้” ชลธิชาพูด
“คุณธิชา..คุณเริงอย่าทะเลาะกันเพราะแป้งเลยค่ะ”
เริงใจตบมือให้แป้งร่ำ “เก่งนะ..ที่ทำให้เราทะเลาะกันเพราะเรื่องโกหกของเธอได้”
“อย่าไปสนใจเลยค่ะคุณแป้ง เพื่อนธิชาน่ะเกินเยียวยาแล้ว”
เริงใจพูดกับชลธิชา “งั้นก็รู้ไว้ซะเลยนะธิชา ฉันไม่ใช่คนดีแต่ฉันไม่เคยคิดจะโกหกเธอ”
เริงใจเดินออกไปจากร้าน ชลธิชามองตามอย่างผิดหวังในตัวเริงใจ
แป้งร่ำทำเป็นปลอบใจ “ไม่เป็นไรนะคะคุณธิชา”
ชลธิชายิ้มรับแล้วเดินหนีไป แป้งร่ำแอบยิ้มสะใจที่ทำให้ทั้งสองทะเลาะกันได้
ไลลาเดินเข้ามาในคฤหาสน์ ขณะที่สยุมภูว์เดินออกมาจากห้องสีหราชพอดี ไลลาเห็นก็รีบตรงเข้าไปตัดพ้อ
“คุณสยุมภูว์คะ..ออกจากโรงพยาบาลไม่บอกไม่กล่าวเลยนะคะ”
“ทำไมต้องบอกคุณด้วย” สยุมภูว์ถามกลับ
“ไลลาเป็นแฟนคุณนะคะ”
เพิ่มพงษ์โผล่หน้ามายิ้มให้ไลลา
“เอ...คุณสยุมภูว์ไปรวบรัดตัดตอนคุณไลลาตอนไหนไม่ทราบครับเนี่ย ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย”
“ไม่รู้ก็รู้ไว้สิคะ..แล้วก็ไม่ต้องมาถามซ้ำซากอีกนะคะ ไลลาเบื๊อเบื่อ”
“ผมว่ารอให้คุณสยุมภูว์หายดีกลับมาจำได้ร้อยเปอร์เซนต์ก่อนดีมั้ยครับ ถ้าคุณไลลามาอ้างเอาตอนนี้ สาวๆที่ไหนก็คงอ้างได้เหมือนกัน อย่างนี้เจ้านายผมเสียหายนะครับ” เพิ่มพงษ์บอก
“ไม่รู้ล่ะ..ยังไงไลลาก็มาก่อน คนอื่นไม่มีสิทธิ์”
สยุมภูว์ส่ายหน้าไม่ใส่ใจแล้วเดินหนีไป
“เดินหนีอีกแล้วนะคะ” ไลลาโวย
เพิ่มพงษ์พูดเสียงเข้ม “คุณสยุมภูว์เพิ่งจะกลับมา ขอเวลาให้คุณสยุมภูว์เดินดูรอบๆบ้านตามลำพังสักพักได้มั้ยครับ ถ้าคุณอยากจะรอ ผมรบกวนที่ห้องรับแขกนะครับ”
ไลลาเห็นว่าเพิ่มพงษ์เอาจริงเลยจำต้องยอม เพิ่มพงษ์รีบตามสยุมภูว์ออกไป ไลลาได้แต่เจ็บใจแล้วยอมเดินไปทางห้องรับแขก
โรสยื่นซองจดหมายซองหนึ่งให้แวว ในขณะที่แววเตรียมตัวจะออกไปทำงาน
“ของคุณแววค่ะ”
แววรับมาโดยไม่ได้ดูว่ามาจากไหน เธอยัดซองจดหมายใส่กระเป๋าด้วยท่าทางรีบๆ มาลตีเดินตามแววออกมา
“มัวแต่ดูต้นไม้ดอกไม้เสียเพลิน แกไปทำงานสายอย่างนี้โดนเจ้านายด่าแน่” มาลตีว่า
โรสงง “อ้าว..ไหนบอกว่าคุณสยุมภูว์ชอบคุณแววไม่ใช่หรือคะ”
“นั่นมันก่อนความจำเสื่อมย่ะ” มาลตีบอก
แววหน้าเสียไปเล็กน้อย
“อุ้ย..แม่ขอโทษ..มันเผลอน่ะ”
แววส่ายหน้าแล้วยิ้ม “แววไปนะแม่”
แววรีบออกจากบ้านไป มาลตีมองตามด้วยความรู้สึกทั้งรู้สึกผิดทั้งเสียดายแทนแวว
“จะได้ลูกเขยมหาเศรษฐีอยู่ร่อมร่อแล้วเชียว สงสัยจะไม่มีวาสนาจริงๆลูกแม่”
สยมภูว์เดินออกมาที่มุมหนึ่งในคฤหาสน์ทศพล เขาพยายามจะทำความคุ้นเคยกับคฤหาสน์ ขณะเดียวกันนิติภูมิก็เดินพ้นมุมอาคารมา ทั้งสองมาพบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ สยุมภูว์จ้องนิติภูมิเขม็ง
“คุณนิติภูมิ” สยุมภูว์ทัก
“จำผมได้ด้วยหรือครับ” นิติภูมิถาม
“ก็คงจะจำได้ตอนที่คุณไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลล่ะครับ ไม่ใช่ตอนอื่น” เพิ่มพงษ์แทรก
“ตอนอื่น..หมายถึงเมื่อไรหรือครับ” นิติภูมิถามอีก
“ก็ตอนที่คุณช่วยคุณสยุมภูว์ไม่ให้โดนนายศักดายิงไงครับ..เสียดายที่คุณสยุมภูว์ความจำเสื่อมไปเสียก่อน เพราะถ้าเจ้านายผมจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น คงจะขอบคุณคุณไปจนตายล่ะครับ” เพิ่มพงษ์บอก
“เรื่องเล็กน้อยแค่นั้น อย่าถือเป็นบุญคุณเลย..จริงมั้ยครับคุณสยุมภูว์”
สยุมภูว์มองนิติภูมิด้วยสายตาว่างเปล่า นิติภูมิซ่อนความพอใจเอาไว้ลึกๆ
“ดีนะครับที่คุณสยุมภูว์กลับมา” นิติภูมิเอ่ยขึ้น “คฤหาสน์ทศพลจะได้กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนตอนที่คุณพ่อของคุณยังอยู่ที่นี่ ขอตัวนะครับ”
นิติภูมิเดินจากมาไม่ไกลแล้วเขาก็ยิ้มสะใจก่อนจะบอกกับตัวเอง “แต่สภาพแกตอนนี้ มันก็ไม่ต่างจากศพเดินได้เท่าไรหรอกไอ้สยุมภูว์”
ไลลานั่งรอสยุมภูว์อยู่ในห้องรับแขก สักพักแววก็เดินเข้ามา ไลลาที่นั่งหันหลังให้ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็คิดว่าเป็นสยุมภูว์จึงพูดขึ้น
“คุณสยุมภูว์..กลับมาแล้วเหรอคะ ปล่อยให้ไลลารอตั้งนาน” ไลลาหันไปเห็นแวว “ใครเชิญให้เธอมาที่นี่”
“เรียกว่าเชิญคงไม่ถูกมั้งคะคุณไลลา เพราะแววต้องมาทำงานที่นี่ตามคำสั่งของคุณเพิ่มพงษ์” แววบอก
ไลลาได้ยินเข้าก็ชักสีหน้า
“คุณไลลามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” แววถาม
“ฉันมาดูแลคุณสยุมภูว์ ไม่รู้ว่าเรียกธุระได้หรือเปล่า”
แววแปลกใจ “เอ..แต่ไม่เห็นคุณเพิ่มพงษ์บอกนี่คะว่าจะจ้างใครให้มาดูแลคุณสยุมภูว์ คุณไลลาเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“เธอไม่ต้องมากันซีนฉันหรอกนะ หล่อนเป็นแค่เลขา ก็ไปจัดการเรื่องงานเรื่องการของเธอไป อย่ามาทำตัวเป็นเจ้าของคุณสยุมภูว์เลย มันเกินหน้าที่”
“งั้นขอให้แววทำตามหน้าที่นะคะ” แววหยิบสมุดโน๊ตออกมาดู “เอ..แววไม่เห็นว่าคุณไลลานัดคุณสยุมภูว์ไว้ล่วงหน้านี่คะ”
“ทำไมจะต้องนัดด้วย...ฉันเป็นแฟนคุณสยุมภูว์”
“อันนี้คุณสยุมภูว์ก็ไม่ได้แจ้งให้แววทราบเหมือนกัน ว่าจะอนุญาตให้แฟนเข้าพบได้ตลอดเวลาหรือเปล่า ถ้ายังไม่ได้แจ้ง แววคงอนุญาตไม่ได้”
ไลลาฉุน “เธอย้อนฉันเหรอ”
“เปล่าค่ะ...แววทำหน้าที่เลขาอย่างที่คุณไลลาบอกไงคะ”
“นังแวว !”
ไลลาจะปรี่เข้าไปหาแววแต่นิติธรเข้ามาเห็นพอดี
“คุณไลลา...มาตั้งแต่เมื่อไรครับเนี่ย” นิติธรถาม
ไลลาดุนิติธร “คุณดูแลลูกน้องคุณยังไง ให้มาต่อปากต่อคำกับไลลา”
“เรื่องอะไรหรือครับ”
“ถามแม่เลขาตัวดีของคุณดูสิคะ”
“แววแค่แจ้งให้คุณไลลาทราบว่าควรจะมีการนัดล่วงหน้าก่อนเข้าพบคุณสยุมภูว์น่ะค่ะ แต่คุณไลลาเธออ้างว่าเป็นแฟนคุณสยุมภูว์ แววก็เลยสงสัยเพราะคุณสยุมภูว์ไม่เคยแจ้งว่าคุณไลลาเป็นแฟนคุณสยุมภูว์มาก่อน”
“เอ..เรื่องนั้นผมก็ไม่ทราบนะครับ” นิติธรพูดกับไลลา “คุณสยุมภูว์ก็ไม่เคยบอกผมเหมือนกันว่ามีใครเป็นคนพิเศษที่สามารถเข้าพบได้ตลอดเวลา..เอาอย่างนี้ได้มั้ยครับ...ขอให้ผมได้ถามคุณสยุมภูว์ให้แน่ใจก่อน แล้วผมจะให้แววรีบแจ้งคุณทันที”
ไลลายิ่งเดือด “คุณสองคนรวมหัวกันแกล้งไลลา ไลลาจะฟ้องคุณสยุมภูว์ให้ไล่คุณออก”
แววสวนทันที “เมื่อไรล่ะค่ะ แววจะได้ลงในสมุดนัดให้”
ไลลากรี้ดลั่นบ้านที่ทำอะไรทั้งสองคนไม่ได้ก่อนจะเดินสะบัดออกไป แววกับนิติธรมองตามขำๆ
“คุณไลลานี่ช่างตื๊อจริงๆนะครับ ตามตั้งแต่ตอนอยู่โรงพยาบาลแล้ว ยังตามมาถึงบ้านอีก”
“แววว่าคุณไลลาคงไม่เลิกตามตื๊อง่ายๆหรอกค่ะ จนกว่าจะได้เป็นแฟนคุณสยุมภูว์สมใจเธอ”
“งั้นก็งานหนักหน่อยนะหนูแวว” นิติธรเปลี่ยนเรื่อง “เดี๋ยวผมจะพาไปห้องทำงานคุณสยุมภูว์นะ”
แววเดินตามนิติธรออกไป
นิติธรพาแววเดินเข้ามาในห้องทำงานของสีหราชที่ดัดแปลงเป็นห้องทำงานของสยุมภูว์ บนผนังด้านหนึ่งมีรูปของสยมภูว์ที่แววเป็นคนวาดแขวนอยู่
“นี่โต๊ะทำงานของหนู” นิติธรบอก
“ค่ะ คุณนิติธร”
“เรื่องข้าวปลาอาหาร ผมบอกทางแม่บ้านให้เตรียมไว้แล้ว”
“แล้วคุณนิติธรล่ะคะ”แววถาม
“ผมอาจจะต้องไปๆกลับๆระหว่างที่นี่กับที่ออฟฟิศจนกว่าคุณสยุมภูว์จะหายดี..ถึงวันนั้นผมจะได้ขอรีไทร์ตัวเองสักที” นิติธรบอก
“แววว่าคุณสยุมภูว์คงไม่ยอมง่ายๆหรอกมั้งคะ”
“แต่ผมว่ามันหมดเวลาของผมแล้วล่ะครับ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ”
นิติธรยิ้มให้แววแล้วขอตัวเดินออกไป แววมองไปรอบๆห้อง เธอเห็นโต๊ะของสยุมภูว์ที่ยังว่างเปล่าและรูปของสยุมภูว์ที่แวววาดให้ติอยู่ที่หลังโต๊ะทำงานของเขา
ฎแล้ววันที่คุณกลับมา คุณจะลืมแววเพื่อนบ้านของคุณไปแล้วหรือเปล่านะ”
นิติธรออกมาจากห้องทำงานของสยุมภูว์ เขาเห็นนิติภูมิที่เดินเข้าคฤหาสน์มาพอดี
“ผมว่า..พ่อกับผมควรจะหาที่อยู่ใหม่ได้แล้วนะครับ เพราะเจ้าของบ้านตัวจริงเขากลับมาแล้ว” นิติภูมิบอก
“คุณเพิ่มพงษ์ขอให้พ่ออยู่ที่นี่จนกว่าคุณสยุมภูว์จะหายดีเสียก่อน” นิติธรตอบนิ่งๆ
“ถ้าอย่างนั้นผมก็คงต้องไปคนเดียว..ผมเบื่อที่จะมาอาศัยเขาอยู่อย่างนี้เต็มทีแล้ว พ่อไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือไง”
“แกไม่ได้อึดอัดเพราะเรื่องอื่นเหรอ” นิติธรถาม
“เรื่องอื่น..พ่อหมายถึงอะไร”
นิติธรมีสีหน้าอัดอั้นใจเพราะไม่รู้จะพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้มาดีหรือไม่
นิติภูมิเห็นก็เอ่ยขึ้น “พ่อกำลังทำให้ผมอึดอัด รู้มั้ย”
“แล้วแกคิดว่าพ่อไม่รู้สึกหรือไง”
“พ่อก็พูดมาสิ..พ่ออึดอัดใจเรื่องอะไร มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากหรือไงถึงพูดไม่ได้”
“แกอยากให้พ่อพูด..แล้วถ้าพ่อขอให้แกพูดในสิ่งที่พ่ออยากรู้ แกจะกล้าพูดไหม”
นิติภูมิจ้องหน้านิติธรแต่ไม่ตอบอะไร
อ่านต่อหน้าที่ 3
แววมยุรา ตอนที่ 13 (ต่อ)
เอกรินทร์นั่งตรงข้ามกับเริงใจอยู่ที่ออฟฟิศของเขา
หลังจากฟังเรื่องจากเริงใจ เอกรินทร์ก็ทำหน้าประหลาดใจ “อะไรนะครับ..แป้งท้องกับผม”
“ค่ะ..คุณเอก..คุณฟังไม่ผิดหรอก”
เอกรินทร์ยังตกใจไม่หาย
“เริงไม่ได้พูดเล่นค่ะ คุณแป้งของคุณน่ะสารภาพกับยัยธิชาเอง แล้วก็อ้างว่าที่ต้องปิดเรื่องนี้ไม่ให้คุณรู้เพราะรู้สึกผิดที่รวบรัดปฏิบัติภารกิจตอนที่คุณเอกเมาวันนั้น”
เอกรินทร์รู้สึกผิดหวัง “แป้งจะทำอย่างนั้นทำไม ทั้งที่ผมไม่ได้ติดใจเรื่องนั้นแล้ว”
“เขาคงมั่นใจว่าจะโกหกใครต่อใครไปได้ตลอดมั้งคะ เริงว่าไอ้เรื่องท้องหรือไม่ท้องเนี่ยพิสูจน์ไม่ยากหรอกค่ะ แต่ที่ยากกว่าคือการทำให้เขายอมรับว่าเขาโกหก”
เอกรินทร์ยังลังเล เริงใจลุกออกไปพร้อมกับพูดกับเขา
“เริงขอตัวนะคะ..เอาเรื่องไร้สาระมารบกวนคุณเอกนานแล้ว”
เริงใจยิ้มให้เอกรินทร์ แต่เอกรินทร์ยังยังอึ้งไม่หาย
ในห้องทำงานของสยุมภูว์ แววหยิบซองจดหมายที่โรสยื่นให้เมื่อเช้าออกมาดู เธอเห็นชื่อตงตงแล้วก็ยิ้มออกมา
“ตงตง..ส่งอะไรมาให้พี่นะ”
แววแกะซองออกจึงเห็นว่าเป็นสมุดบันทึกรายงานการดูแลต้นไม้ แววพลิกสมุดบันทึกดูแต่ละหน้า
เธอเห็นรูปวาดฝีมือตงตงเป็นรูปต้นไม้ที่สยุมภูว์เคยให้แววดูแล แววพลิกดูทีละหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข
นิติภูมิมีสีหน้าคิดหนัก เขากำลังจะเดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง
“พ่อรู้อะไรมา..แล้วไม่บอกเราหรือเปล่านะ” นิติภูมิพูดกับตัวเอง
นิติภูมิเดินผ่านห้องทำงานของสยุมภูว์ เขาเห็นว่าประตูเปิดแง้มอยู่ นิติภูมิมองเข้าไปเห็นว่าแววอยู่ภายในห้องคนเดียว เขาจึงเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดเข้าไป
“ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ”
“ไม่ยุ่งค่ะ..คุณนิติภูมิ...มีธุระอะไรกับคุณสยุมภูว์หรือเปล่าคะ”
แวววางสมุดบันทึกคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะเพื่อคุยกับนิติภูมิ
“ผมจะมาชวนคุณไปทานข้าวข้างนอกครับ”
“นี่เที่ยงแล้วหรือคะเนี่ย..ไม่ทราบว่าทางแม่บ้านเตรียมไว้ให้หรือยังนะคะ”
“คุณแววยังจะได้อยู่ทานมื้อกลางวันที่นี่อีกหลายมื้อล่ะครับเพราะฉะนั้นวันนี้ออกไปทานข้าวกับผมก่อนดีกว่า”
แววคิดสักพัก “ก็ได้ค่ะ รีบทานจะได้รีบกลับ..เดี๋ยวคุณสยุมภูว์จะตำหนิเอา”
นิติภูมิพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเย็นชาเพราะซ่อนความชิงชังเมื่อได้ยินชื่อสยุมภูว์ ขณะที่แววกำลังเก็บของบนโต๊ะ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณนิติภูมิ” แววบอก
นิติภูมิเปิดประตูห้องให้แวว แววเดินออกไปโดยไม่รู้ว่าตัวเองเหวี่ยงกระเป๋าไปโดนสมุดบันทึกของตงตงตกลงที่พื้นห้อง
เริงใจเดินเข้ามาในร้านกาแฟแต่มองไม่เห็นแป้งร่ำ เริงใจจึงถามชลธิชา
“เพื่อนรักคนใหม่ของเธอกลับไปแล้วเหรอ”
“แป้งรอให้เธอกลับมาปรับความเข้าใจตั้งนาน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะกลับมา เขาก็เลยขอตัวไปก่อน แต่คิดไปคิดมาฉันว่าแป้งคิดถูกแล้วที่ไม่อยู่รอเพราะมันคงเสียเวลาเปล่า” ชลธิชาบอก
“เดี๋ยวเธอก็คงรู้ว่าใครทำใครเสียเวลาเปล่า”
“เริง..เธอไม่รู้สึกผิดเลยหรือไงที่พูดกับคุณแป้งแรงๆอย่างนั้น” ชลธิชาถาม
“ยังไงฉันก็ไม่มีคำขอโทษให้แม่นั่น ส่วนเธอก็เตรียมคำขอโทษให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”
ชลธิชาสงสัย “อะไร เธอพูดอะไรของเธอ”
“ก็หมายความตามที่พูดนั่นล่ะ” เริงใจบอก “ ไม่ต้องตีความให้ยาก ฉันไม่ได้ซับซ้อนเหมือนเพื่อนเธอหรอก แล้วตกลงว่าเขาบอกเธอหรือเปล่าว่าไปไหน”
“คุณเอกเขาโทรชวนออกไปกินข้าวกลางวันน่ะ...แป้งเขาก็ชวนฉันแต่ฉันต้องอบขนมเลยไปไม่ได้”
เริงใจยิ้ม “งั้นเหรอ”
ชลธิชาสงสัยว่าเริงใจปิดบังอะไรเธออยู่
เอกรินทร์นั่งรอแป้งร่ำอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แป้งร่ำเดินเข้ามาในร้าน เธอเห็นเอกรินทร์ก็รีบตรงมาที่โต๊ะอาหาร
“โทษทีนะคะที่ให้รอ คงหิวแย่แล้วสิคะเนี่ย”
“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่นัดคุณแป้งกระทันหันอย่างนี้” เอกรินทร์บอก
“มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าคะ” แป้งร่ำถาม
เอกรินทร์นิ่งไปสักพัก แป้งร่ำรอคำตอบ แล้วเอกรินทร์ก็พูดออกมา
“ไม่มีหรอกครับ อยู่ๆก็นึกอยากทานอาหารร้านนี้ เลยอยากมาทานซ้ำ”
แป้งร่ำยิ้มรับ แต่เธอก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เอกรินทร์ยิ้มให้โดยพยายามไม่แสดงออกว่ากำลังจะจับผิดแป้งร่ำอยู่
ในห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์ทศพล เพิ่มพงษ์จัดยาให้สยุมภูว์ที่เพิ่งกินข้าวเสร็จ สยุมภูว์มองยานั้นเหมือนไม่อยากกิน
“คุณคิดว่ายานี่มันทำให้สมองผมกลับมาเหมือนเดิมได้เหรอ” สยุมภูว์ถาม
“คุณสยุมภูว์ครับ ถ้าไม่เชื่อผม..ก็ขอให้เชื่อหมอเถอะครับ เราทุกคนที่อยากให้คุณสยุมภูว์กลับมาเป็นเหมือนเดิมเร็วที่สุดนะครับ” เพิ่มพงษ์บอก
สยุมภูว์มองยาที่เพิ่มพงษ์เตรียมไว้แล้วลุกออกไปจากโต๊ะอย่างไม่ใยดี เพิ่มพงษ์กุลีกุจอจะตามไป
สยุมภูว์หันมาพูดเสียงเข้ม “ไม่ต้องตามมา”
เพิ่มพงษ์ชะงัก สยุมภูว์เดินกลับไปที่ห้องเพียงลำพัง
เพิ่มพงษ์บ่นกับตัวเอง “กินยายากเย็นเหมือนตอนเด็กๆไม่มีผิด”
นิติธรจะลุกออกไปด้วยแต่เพิ่มพงษ์ทักไว้
“คุณนิติธรครับ..ผมว่าเราน่าจะคุยเรื่องลูกชายคุณกันหน่อยมั้ยครับ”
นิติธรรู้สึกอึดอัด “คุณกำลังจะพูดถึงเรื่องคลิปที่คุณส่งมาให้ผม ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เจ้าภูมิเปิดปากเรื่องนี้ไม่ได้”
“ผมเข้าใจครับคุณนิติธร ถ้าผมเป็นคุณ ผมก็คงต้องใช้เวลาทำใจที่จะยอมรับว่าลูกของเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องสกปรกอย่างนี้...แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจกว่านั้นครับ”
“เรื่องที่ตำรวจจะล่อซื้อข้อมูลสำคัญจากพ่อค้าตลาดมืดใช่มั้ยครับ”
“ครับ..คุณจะทำยังไงครับ ถ้ารู้ว่าพ่อค้าคนนั้นอาจจะเป็นลูกชายของคุณ” เพิ่มพงษ์ถาม
นิติธรถึงกับตกตะลึงไป
พนักงานร้านเอาบัตรเครดิตมาคืนให้นิติภูมิที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับแวว
“ขอบคุณนะคะคุณนิติภูมิ..มื้อหน้าแววขอเป็นเจ้ามือนะคะ”
“แปลว่าผมต้องให้คุณชวนออกมาหรือเปล่าครับ” นิติภูมิถาม
“แววไม่เบี้ยวหรอกค่ะ”
“ไม่ได้กลัวจะเบี้ยวครับ แต่คิดว่าคุณแววคงไม่อยากออกมาทานข้าวข้างนอก”
“แววเกรงใจคุณสยุมภูว์น่ะค่ะ ถึงแววจะช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าคุณเพิ่มพงษ์หรือคุณนิติธรพ่อของคุณ แต่แววก็ควรจะอยู่ให้คุณสยุมภูว์เรียกใช้ได้ตลอดเวลา”
นิติภูมิยิ้มกลบเกลื่อน “มันคงไม่ใช่แค่การทำตามหน้าที่ใช่มั้ยครับ” นิติภูมิเห็นแววนิ่งไป เขาจึงพูดต่อ “ไม่เป็นไรหรอกครับถ้าคุณจะบอกว่าคุณเป็นห่วงคุณสยุมภูว์ในฐานะคนรัก”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ...ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว แล้วก็อาจจะไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมก็ได้”
“คุณคงโกรธแค้นแทนคุณสยุมภูว์มากสินะ”
“แววไม่โกรธค่ะ แต่คิดว่าสิ่งที่เขาทำมันโหดร้ายเกินมนุษย์เหลือเกิน แววยังจำได้ว่าคุณสยุมภูว์เจ็บมากแค่ไหนที่ถูกยิง แววคงไม่มีวันอภัยให้ตัวเอง..ถ้าคุณสยุมภูว์เป็นอะไรมากไปกว่านี้เพราะแวว”
แววน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอซับน้ำตาโดยไม่รู้ว่านิติภูมิที่มองอยู่เจ็บใจยิ่งกว่า
แป้งร่ำตามเอกรินทร์เข้ามาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“คุณเอกพาแป้งมาที่นี่ทำไมคะ จะชวนแป้งมาเยี่ยมใครที่นี่หรือเปล่า” แป้งร่ำยังงงๆ
เอกรินทร์พูดจริงจัง “คุณแป้งอย่าโกรธผมนะครับ ถ้าผมจะขอให้คุณแป้งไปพบหมอเพื่อตรวจว่าคุณตั้งท้องจริงๆ”
แป้งร่ำตกตะลึงและทำอะไรไม่ถูก
แป้งร่ำพูดตะกุกตะกัก “คุณรู้เรื่องนี้ ใครบอกคุณคะ”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกครับ”
แป้งร่ำจะเดินหนีไป แต่ชลธิชากับเริงใจปรากฏตัวขึ้นมาดักไว้
“คุณธิชา เริง...” แป้งร่ำตัดพ้อ “ทำไมคุณสองคนต้องทำกับแป้งอย่างนี้ด้วย”
“เพื่อพิสูจน์ความจริงไง ถ้าเธอท้องจริง เธอก็ไม่ควรจะเดินหนี ในเมื่อคุณเอกให้โอกาสเธอแล้ว เธอก็ควรจะรับมันไว้” เริงใจบอก
“จริงอย่างที่เริงพูดนะคะ คุณแป้ง..ไม่ว่าคุณจะท้องหรือไม่ท้องเราจะได้หายคลางแคลงใจกันทุกฝ่าย” ชลธิชาเสริม
“อย่าให้ผมต้องทนอึดอัดเลยครับคุณแป้ง”
แป้งร่ำมองทุกคนที่กำลังคาดคั้นเธอ เธอทำอะไรไม่ถูกนอกจากร้องไห้อย่างน่าสงสาร ชลธิชาเข้าไปช่วยปลอบใจ เริงใจกับเอกรินทร์มองหน้ากัน
เริงใจพูดกับเอกรินทร์ “แล้วเราจะได้รู้มั้ยคะเนี่ย คุณเอก”
สยุมภูว์เข้ามาในห้องทำงานของสีหราชโดยไม่เห็นว่าสมุดบันทึกของตงตงตกอยู่ที่พื้น เขาเตะสมุดจนกระเด็นไปทางหนึ่งโดยไม่รู้ตัวทำให้สมุดบันทึกพลิกเปิดออก
สยุมภูว์เห็นก็สงสัย เลยเดินไปเก็บขึ้นมาดู เขานั่งพลิกสมุดบันทึกดูตั้งแต่หน้าแรกที่ตงตงวาดรูปต้นไม้จากต้นไม้ไร้ใบกลายเป็นต้นไม้ที่มีใบเต็มต้น
สยุมภูว์ทำหน้าสงสัยเพราะไม่รู้ว่าตงตงจะสื่อความอะไร แต่เขาก็พลิกสมุดดูไปเรื่อยๆ ด้วยความเพลิดเพลิน
นิติภูมิขับรถออกจากร้านอาหาร สักพักก็มีรถอีกคันแล่นตามไปโดยที่นิติภูมิไม่ได้สงสัยว่ามีรถขับตามรถเขาอยู่
“โทษทีนะคะที่ทำให้เสียบรรยากาศ แววอ่อนไหวกับเรื่องคุณสยุมภูว์มากไปหน่อย” แววที่นั่งข้างๆ เอ่ยขึ้น
นิติภูมิเสียใจแต่ก็ข่มความรู้สึก “แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าคุณรักเขามากแค่ไหน”
“ถึงเขาจะไม่มีทางเหมือนเดิม แต่แววก็จะรอค่ะ..อย่างน้อยก็เพื่อจะขอโทษที่ทำให้เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะแวว”
นิติภูมิได้ยินก็ยิ่งเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แววเห็นว่านิติภูมินิ่งไปก็สงสัย
“คุณนิติภูมิเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
นิติภูมิรีบแก้ตัว “ผมคงทานเยอะมากไปหน่อย เลยไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร”
นิติภูมิตอบโดยไม่มองหน้าแววเพราะกลัวว่าแววจะจับความรู้สึกของเขาได้
เริงใจนั่งรอชลธิชาเข้ามาขอโทษอยู่ที่โต๊ะในร้านกาแฟแต่ชลธิชายังทำใจไม่ได้ เริงใจเห็นชลธิชากล้าๆกลัวๆก็ยิ่งได้ที
“เธอไม่มาขอโทษฉันวันนี้ ฉันก็จะมาให้เธอเห็นหน้าทุกวัน จนกว่าฉันจะได้คำขอโทษจากเธอ” เริงใจข่ม
“ฉันขอทำใจก่อนไม่ได้หรือไง เพิ่งจะรู้ว่าถูกหลอก แล้วเธอยังจะมาซ้ำเติมฉันอีก” ชลธิชาตัดพ้อ
“แล้วที่ใส่ฉันไม่ยั้งก่อนนี้ล่ะ..ฉันน่ะไม่โวยวายสักคำ มาขอโทษฉันซะดีๆ ฉันน่ะโกรธง่ายหายเร็วเพราะฉะนั้นอย่าให้โกรธนานๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นมหากาพย์”
ชลธิชาทำใจก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆเริงใจแล้วทำท่าง้องอน
“ขอโทษก็ได้..ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไม่เห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อนอีกแล้ว พอใจหรือยัง”
“ยัง!!”
ชลธิชาโวยวาย “แล้วจะให้ฉันทำไง ขอโทษแล้วก็แล้วกันดิ”
“แต่ฉันไม่ยกโทษให้ จนกว่า...”
เริงใจส่งสัญญาณให้พนักงานที่เคาน์เตอร์เปิดเพลง ชลธิชาทำหน้างงๆ
“จะให้ฉันทำอะไร” ชลธิชาถาม
“เต้นให้ฉันดู...ไม่ตลก ไม่ยกโทษให้”
“บ้าเหรอ..อายลูกค้า”
“จะเต้น..ไม่เต้น” เริงใจถามย้ำ
ชลธิชาทำท่าไม่ยอม เริงใจส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นเต้นก่อนแล้วดึงให้ชลธิชาลุกขึ้นมาเต้นพร้อมกัน แล้วทั้งสองก็เต้นไปหัวเราะไปอย่างมีความสุข
แววกำลังจะเข้าไปในห้องทำงานของสยุมภูว์ แต่เพิ่มพงษ์เรียกไว้
“คุณแวว..รอเดี๋ยวครับ”
เพิ่มพงษ์ยื่นถาดที่มีแก้วน้ำและจานใส่ยาให้แวว
“ช่วยกล่อมให้คุณสยุมภูว์ทานยาหน่อยได้มั้ยครับ”
แววรับถาดมา “ได้ค่ะ”
“พยายามหน่อยนะครับ คุณสยุมภูว์เป็นคนทานยายากมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
แววรับคำ “ค่ะ”
แววรับถาดมาแล้วเดินเข้าไปในห้อง
แววเข้ามาเห็นว่าสยุมภูว์กำลังนั่งเปิดสมุดบันทึกของตงตงอยู่ สยุมภูว์เงยหน้าขึ้นมาเห็นแวว
สยุมภูว์เอ่ยถาม “นี่..ของคุณหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ”
สยุมภูว์พลิกหน้าที่ตงตงวาดรูปสยุมภูว์เป็นลายเส้นง่ายๆ ให้แววดู
“นี่รูปผมหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ..ตงตงฝีมือดีขึ้นมากเลยนะคะเนี่ย ขนาดคุณเองยังรู้ว่าเขาวาดรูปคุณ” แววบอก
“ตงตง..ใครกัน ? แล้วต้นไม้นี่ล่ะ” สยุมภูว์ถามต่อ
“คุณอยากให้แววเล่าเรื่องในสมุดนี้ให้ฟังหรือเปล่าคะ”
แววกำลังจะบอกแต่เธอคิดอะไรบางอย่างออกจึงเลื่อนถาดยาให้สยุมภูว์
“ทานยาก่อนนะคะ”
“ไม่ต้องมาต่อรอง” สยุมภูว์ว่า
“งั้นก็ไม่เล่าค่ะ”
สยุมภูว์มองหน้าแววด้วยสายตาดุ แววไม่สนใจ เธอจะลุกออกไปที่โต๊ะทำงาน สยุมภูว์จึงหยิบยามากิน แววรอให้สยุมภูว์กินยาหมด แล้วจึงมายกถาดออกไป
“ขอบคุณมากค่ะ...ที่ให้ความร่วมมือ”
“ก็ว่ามาสิ..ตงตงเป็นใคร” สยุมภูว์ถาม
“ตอนนั้นคุณ แวว ตงตงอยู่ที่ไร่ทศพลที่เชียงใหม่ค่ะ”
สยุมภูว์พยายามนึก “ไร่ทศพล”
แววพลิกหน้าสมุดบันทึกทีละหน้าด้วยสีหน้าท่าทางที่มีความสุขเมื่อได้เล่าเรื่องที่ไร่ทศพล สยุมภูว์ฟังอย่างสนใจ สยุมภูว์มองแววคล้ายต้องการจะถามอะไรบางอย่าง แววเห็นก็หยุดเล่าแล้วถามออกมา
“เบื่อแล้วหรือเปล่าคะ”
สยุมภูว์ส่ายหน้า แววยิ้มก่อนจะเปิดสมุดบันทึกไปที่หน้าสุดท้ายที่มีรูปต้นไม้ใต้นใหญ่ มีดอกไม้อยู่บนต้น แววมีสีหน้าสงสัยก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“คุณดีใจเรื่องอะไร” สยุมภูว์ถาม
“ต้นไม้ต้นนี้..ในที่สุดมันก็ออกดอกอีกครั้งจนได้” แววบอก
สยุมภูว์สีหน้าสงสัย แต่แววยังไม่อธิบายอะไรต่อ
เอกรินทร์นั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาอยู่เพียงคนเดียวที่บ้านของเขา...
แป้งร่ำวิ่งหนีออกมาจากโรงพยาบาล เอกรินทร์วิ่งตามมาตะโกนเรียกให้แป้งร่ำหยุด แป้งร่ำไม่ยอมหยุด เอกรินทร์เลยเร่งฝีเท้าตามมาดักไว้ เริงใจกับชลธิชาเดินตามออกมาดูห่างๆ
“คุณแป้ง..คุยกันให้รู้เรื่องก่อน” เอกรินทร์บอก
แป้งร่ำเมินหน้าหนี “คุณเอก..ปล่อยให้แป้งไปตามทางเถอะค่ะ แค่นี้แป้งก็อายแย่แล้ว”
“พูดออกมาได้..ทีตอนโกหกล่ะไม่อายนะยะ” เริงใจแขวะ
“พอเถอะ..ฟังเหตุผลคุณแป้งเขาหน่อย” ชลธิชาปรามเริงใจ
“เหตุผลของคนโกหกมันก็แค่คำโกหกอีกคำเท่านั้นแหละ แม่นั่นน่ะคงโกหกตัวเองจนแยกไม่ออกแล้วว่าอะไรจริงหรือไม่จริง” เริงใจว่า
“เริง..แค่นี้คุณแป้งเขาก็ทั้งเจ็บทั้งอายแล้ว”
“สมน้ำหน้า” เริงใจต่อว่า
แป้งร่ำพูดกับเริงใจและชลธิชา “เอาเลยค่ะ..จะด่าแป้งยังไงก็ได้ให้สาสมกับที่แป้งโกหกพวกคุณมานาน”
“แต่ฉันว่าด่ายังไงเธอก็ไม่รู้สึกหรอก”
“พอเถอะครับคุณเริง ผมอยากฟังคำอธิบายจากคุณแป้ง” เอกรินทร์บอก
เอกรินทร์มองแป้งร่ำด้วยสายตาจริงจังเพราะต้องการคำตอบ แป้งร่ำก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาแต่ในที่สุดก็สารภาพออกมา
“แป้งอยากครอบครองคุณเพราะอยากจะเอาชนะ คุณธิชา คุณเริงค่ะ”
“แล้วเธอก็เกือบจะทำให้เราสองคนแตกคอกันด้วยรู้มั้ย” เริงใจเสริม
“แต่ถึงตอนนี้แป้งก็ได้รู้แล้วว่า..แป้งทำไม่สำเร็จ คุณสองคนทำให้แป้งรู้จักความเป็นเพื่อนที่แท้จริง”
เริงใจสวน “พูดดีก็เป็นนะ หล่อนเนี่ย”
“คุณเอกค่ะ...แป้งขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่แป้งทำลงไป ยกโทษให้แป้งด้วยนะคะ”
แป้งร่ำมองเอกรินทร์ด้วยสายตาสำนึกผิด...
เอกรินทร์ยังคงนั่งคิดถึงเหตุการณ์นั้นอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง
“ผมเริ่มจะใจอ่อนกับคุณแล้วเชียว คุณแป้ง”
เอกรินทร์แสดงสีหน้าคิดไม่ตก
นิติภูมินั่งเปลี่ยนซิมใส่มือถือโทรศัพท์เครื่องหนึ่งอยู่ในรถของเขาที่จอดอยู่ในลานจอดรถ ก่อนจะส่งข้อความยืนยันว่าพร้อมส่งของกลับไป ข้อความเขียนว่า “ลานจอดรถชั้น 7 “ห้าง...” บล็อก “...” กระเป๋าสีน้ำตาล หกโมงเย็น”
สัญญาณแจ้งว่าส่งข้อความเรียบร้อย นิติภูมิปิดมือถือ เขาเอาซิมออกจากเครื่องแล้วหักทิ้ง แล้วรถของนิติภูมิก็ขับรถออกไป กระเป๋าสีน้ำตาลวางหลบอยู่ที่เสาลานจอดรถตามที่เขาส่งข้อความไปหาผู้ที่ติดต่อซื้อ
เจ้าหน้าที่ที่ซ่อนตัวอยู่ออกมาหยิบกระเป๋าไปแล้วโทรศัพท์ติดต่อใครบางคน
นิติภูมิขับรถลงมาจอดเทียบที่รถอีกคัน เขาใส่หมวกปิดหน้าพร้อมทั้งสวมแจ๊คแก็ต นิติภูมิรีบลงจากรถไปขึ้นรถอีกคันแล้วขับออกจากลานจอดรถสวนกับตำรวจที่กำลังตรงวิ่งตรงไปที่รถที่จอดอยู่ของเขา
นิติภูมิมองไปที่กระจกมองหลังก็เห็นว่าตำรวจกำลังตรงไปที่รถคันนั้น
“พวกแกตามฉันไม่ทันหรอก” นิติภูมิยิ้มอย่างใจเย็น
รถนิติภูมิขับออกไปจากห้าง
จบตอนที่ 13
ติดตามอ่านแววมยุรา ตอนอวสานพรุ่งนี้