xs
xsm
sm
md
lg

พริกกับเกลือ ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พริกกับเกลือ ตอนที่ 2

ค่ำนั้น...ศยามเดินออกมาจากศูนย์บริการ มองซ้าย มองขวาอย่างคนไร้ที่ไป ไม่รู้จะไปทางไหนดี ก่อนจะตัดสินใจเดินไปทางหนึ่ง...ศยามเดินมา ใจลอยคิดเรื่องที่เศกถูกใส่ร้ายไปตามถนนเปลี่ยว เขาก็รู้สึกว่ามีคนเดินตามมาด้านหลังจึงรีบเดินเร็วขึ้น

ทันใดนั้นมีมือมาคว้าที่ไหล่ ด้วยสัญชาติญาณการป้องกันตัว ศยามเงื้อหมัด หันไปข้างหลัง เตรียมชก แช่มคือคนที่มาคว้าไหล่ศยาม ยกแขนป้องกันตัวเอง
“เฮ้ย !อย่า!”
ศยามห็นเป็นแช่มก็โล่งใจ
“อ้าว...พี่แช่ม!”
“ฉันเรียกแกแล้ว แต่แกไม่ได้ยิน ใจลอยไปไหนวะ”
ศยามอึ้งเปลี่ยนเรื่อง
“ตามผมมาทำไม”

รถเจตนาเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้าน แช่มเปิดประตูให้เจตนาลงจากรถ ส่วนศยามเปิดประตูข้างคนขับลงมา ศยามเข้าไปไหว้ขอบคุณเจตนา
“ขอบพระคุณท่านมากครับที่อนุญาตให้ผมพักที่นี่”
“เธอไม่มีที่ไป ก็พักที่นี่ไปก่อน ไม่ต้องเกรงใจ...แต่แน่ใจนะว่าจะพักห้องคนสวน ฉันจัดห้องที่ดีกว่านั้นให้ได้”
“แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้วครับ ผมขอรบกวนท่านไม่นานหรอกครับ ถ้าผมรู้ว่า...” ชายหนุ่มอึ้งไป เกือบหลุดพูดเหตุผลของการอยู่ที่นี่ว่าเป็นเพราะเศกถูกเทวัญใส่ร้าย
“ถ้าผมรับเงินเดือนเดือนแรกแล้วผมจะขยับขยายครับ”
“ตามใจ ขาดเหลืออะไร บอกป้าเพ็ญนะ”
“ครับ”
เจตนาเดินออกไป แช่มเปรยออกมา
“ท่านให้แกอยู่ที่นี่ ช่างไม่กลัวอะไรบ้างเลย”
ศยามชะงัก
“ผมไม่ใช่โจร ไม่ต้องกลัวผมหรอก”
“ไม่ได้หมายถึงแก แต่หมายถึง...คุณหนูจี๊ดต่างหาก”

จิตรวรรณคุยมือถือกับเทวัญอยู่หน้าบ้าน
“พ่อสบประมาทจี๊ดขนาดนี้ จี๊ดต้องพิสูจน์ให้พ่อเห็นค่ะ รวมถึงคนไร้หลักแหล่งคนนั้นด้วย มันกล้ามาดูถูกจี๊ด มันจะต้องเจอดี”
ทันใดนั้น เสียงออดห้องของเทวัญดังเข้ามาในสาย จิตรวรรณได้ยินก็แปลกใจ
“ใครมาคะ ดึกป่านนี้แล้ว”
“อ๋อ ลูกน้องที่บริษัท เอาแผนการตลาดครึ่งปีหลังมาให้พี่อนุมัติน่ะ งานเร่งก็ยังงี้แหละ”
“พี่เทวัญอ่ะ ดึกดื่นขนาดนี้ยังทำงานอีก”
“พี่ก็ทำเพื่อจี๊ดนั่นแหละ ฝันดีนะคะ”
จิตรวรรณยิ้ม
“ค่ะ ฝันดี”
เทวัญวางสาย เดินไปเปิดประตู เป็นเชอรี่ สาวสวยพริตตี้ยืนยิ้มแฉ่งอยู่
“พี่นึกว่าเชอรี่จะไม่มาซะแล้ว”เทวัญเข้าไปโอบทันที
จิตรวรรณวางสาย พอดีกับที่ศยามเดินออกมา พอศยามเห็นจิตรวรรณ ก็ผงะ รีบกลับหลังหันหลบหลังพุ่มไม้ทันที แต่จิตรวรรณสังเกตเห็นแว่บๆ รีบเรียกเอาไว้
“ใครอยู่ตรงนั้น ออกมา!”
ศยามยืนนิ่ง เซ็ง ไม่อยากออกไปเจอ
“ฉันบอกให้ออกมา! ไม่ออกใช่มั้ย”
จิตรวรรณมองซ้ายมองขวา เห็นกรรไกรตัดหญ้าวางอยู่บนชั้นวางของตกแต่งสวน เธอคว้ากรรไกรตัดหญ้ามา แล้วงับกรรไกร ฉับๆๆขู่ ศยามกลัวถูกงับหัว ตัดสินใจพุ่งออกไป จับข้อมือของหญิงสาวไว้ แล้วบิดข้อมือ จิตรวรรณเจ็บ ปล่อยกรรไกรตัดหญ้า
“โอ๊ย!”
“เดี๋ยวผมก็หัวหลุดหรอกคุณ”
จิตรวรรณเห็นเป็นศยามก็ตกใจ
“ไอ้สิบแปดมงกุฎ แกมาอยู่ที่นี่อีกได้ยังไง หรือ...แกแค้นฉัน คิดจะกลับมาแก้แค้น ช่วย...”
จิตรวรรณจะร้อง ศยามรีบรวบตัวหญิงสาวเอาไว้ ทางด้านหลัง แล้วใช้มือปิดปาก หญิงสาวพยายามดิ้น
“คุณนี่มันฟังใครไม่เป็นจริงๆ อยู่เฉยๆ! เดี๋ยวก็โดนจริงๆหรอก”
จิตรวรรณชะงัก ชักกลัวชายหนุ่มที่มีท่าทีแข็งกร้าว...
“แล้วฟัง! พ่อคุณเห็นผมไม่มีที่ไป เลยให้มาพักที่นี่ชั่วคราว”
จิตรวรรณตกใจ กระทืบเท้าเขาอย่างแรง
“โอ๊ย!”
หญิงสาวสะบัดจนหลุดออกจากชายหนุ่ม
“ได้ยังไง! ฉันไม่ยอมให้คนอย่างนายอยู่ร่วมชายคาบ้านฉันแน่”
“แต่คุณพ่อคุณให้อยู่”
“แต่ฉันไม่ยอม!”
“ไปบอกพ่อคุณสิ”
“บอกไปเขาก็ไม่ฟังฉัน”
“งั้นก็ช่วยไม่ได้”
ศยามเดินเลี่ยงออกไปเลย...หญิงสาวมองตามไปอย่างเจ็บใจมากที่ทำอะไรไม่ได้
“อย่าคิดนะว่าฉันจะทำอะไรนายไม่ได้”

ภายในบ้าน...วันดีเข้ามาต่อว่าเจตนาเมื่อรู้ว่าเขาให้ศยามมาพักอยู่ด้วย
“ถ้าเกิดมันคิดจะฆ่าปาดคอชิงทรัพย์กันยกบ้าน คุณจะทำยังไง”
“ถ้ามันจะเป็นอย่างนั้น...ก็ถือว่าเป็นเวรกรรมของเรา”
“แปลว่า คุณไม่สนใจความคิดเห็นของฉัน”
“ใช่...ข้อนี้ ผมไม่ยอม นายดิ่งช่วยชีวิตผม เขากำลังลำบาก แต่ที่สำคัญ...ผมแน่ใจว่าเขาเป็นคนดี...ผมต้องช่วยเขา”
“ตอนนี้คุณไม่เห็นหัวฉันแล้วใช่มั้ย ฉันพูดหรือคิดอะไร มันไม่สำคัญแล้วใช่มั้ย หา!”
เจตนาเบื่อหน่าย
“ขอร้อง...คุณวันดี ผมเหนื่อย ผมไม่อยากทะเลาะ ผมเบื่อ”
เจตนาเดินหนี วันดีโกรธจัด
“เบื่อก็ไปเลย มานอนเตียงเดียวกันอีกทำไม ไปเลย ไป”
เจตนาจ้องหน้าวันดี สุดจะทน จิตรวรรณเดินมาจะเคาะประตูถามพ่อเรื่องของศยาม เจตนากระชากประตูออกมาอย่างแรงพอดี หน้าตาเคร่งเครียด วันดีตะโกนร้องไห้ ไล่สามีอยู่ในห้อง
“ออกไปเลย จะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาเห็นหน้ากัน ไป”
จิตรวรรณอึ้ง เจตนามองหน้าลูกสาว
“คุณพ่อจะไปไหน จี๊ดต้องคุยกับพ่อเรื่องอีตาสิบแปดมงกุฎคนนั่น”
“แม่กับลูก พอกันเลย”
เจตนาเดินฟึดฟัดออกไป จิตรวรรณเห็นวันดีร้องไห้ฟูมฟายก็เข้าไปกอดแม่เอาไว้
“คุณแม่...”
“คนใจร้าย...ไม่เคยแคร์กันเลย ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ แน่จริง ไปให้พ้นๆเลยสิ”

ศยามยืนอยู่หน้าห้องพัก มองไปที่ตึกใหญ่ อึ้งๆ ป้าเพ็ญกับสำรวยที่ช่วยกันจัดที่นอน ในห้องพักให้ศยาม ทั้งสองคนนิ่งอึ้งไปเหมือนกัน ป้าเพ็ญและสำรวยถอนหายใจขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่สำรวยจะพูดขึ้น
“พ่อแม่ทะเลาะกันตลอดเวแบบนี้ มิน่าคุณหนูจี๊ดถึงได้ขี้วีนขี้เหวี่ยง จริงมั้ยป้า”
ป้าเพ็ญดุสำรวยที่พูดเรื่องเจ้านายต่อหน้าคนแปลกหน้าอย่างศยาม
“นังสำรวย...ทำงานไปเร็วๆ คุณเขาเพลียแล้ว”
สำรวยปรายตามองศยาม แอบปลื้ม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“อุ๊บ...สำรวยขอโทษนะคะที่ปล่อยให้สุภาพบุรุษสุดหล่อรอนาน”
ป้าเพ็ญเขกหัว
“ล้นแล้วนะนังสำรวย”
ศยามหันมา ยิ้มๆ ป้าเพ็ญรีบบอก
“อย่าถือเลยนะคะ นังคนนี้เจอผู้ชายเป็นระริกระรี้ทุกที คุณผู้ชายให้เสื้อผ้าเก่าของท่านมา” ป้าเพ็ญยกกองเสื้อเชิ้ตกางเกงมาวางให้ “น่าจะใส่ได้เนอะ”
ศยามยกมือไหว้
“ขอบพระคุณมากครับป้าเพ็ญ”
ป้าเพ็ญไหว้ตอบ
“ไปขอบคุณคุณผู้ชายเถอะ”
“เอาๆๆ ป้าออกไปได้แล้ว พี่ดิ่งจะได้พักผ่อน” สำรวยไล่ป้าเพ็ญ ส่วนตัวเองประคองดิ่งลงนั่งที่เตียงร่วมกัน “สำรวยนวดให้นะ”
“นังสำรวย!”
ป้าเพ็ญจิกสำรวยให้เดินออกไป สำรวยยิ้มอายๆให้กับชายหนุ่ม...ศยามอยู่เพียงลำพังในห้องพักที่เรียบง่าย มีเพียง เตียงเดี่ยว ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเก้าอี้ 1 ชุด ชายหนุ่มเดินไปนั่งที่เตียง มองไปรอบๆห้อง รู้สึกเจ็บปวดเมื่อต้องอยู่คนเดียว

มารศรีดึงรูปของศยามที่อยู่ในมือพนักงานโรงแรมกลับมา
“แน่ใจนะว่าวันงานเปิดตัวรถของบริษัทโมเดิร์นคาร์ ไม่เห็นและไม่มีแขกชื่อศยาม คนนี้มาพักที่นี่”
“แน่ใจค่ะ”
มารศรีหงุดหงิด หัวเสีย ตัดสินใจเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ทันที ไม่ขอบคุณใดๆ

ศุวิมลที่ไปสืบเรื่องดิ่ง กลับมารายงานให้เศกฟัง
“เพื่อนพี่ดิ่งทุกคนไม่มีใครรู้เลยค่ะว่าพี่ดิ่งอยู่ที่ไหน จะว่าเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดเรื่องไม่ดี ก็ต้องมีข่าวคราวมาบ้างแล้ว...”
“ทำไม พ่อไม่เข้าใจ จู่ๆมันถึงได้...”
เศกพูดไม่ออก ทรุดนั่ง หมดแรงรู้สึกจุกในคอด้วยความเสียใจ มารศรีเพิ่งเดินกลับเข้ามา ชะงัก แอบดูจากมุมหนึ่ง...หน้าเครียด
“เกิดอะไรขึ้นกับมัน....มันถึงทำลายความหวังของพ่อ พ่อรอให้มันเรียนจบแล้วกลับมาช่วยพ่อบริหารลักซ์ชัวรี่คาร์...แต่มัน...”
“พี่ดิ่งไม่เคยเป็นคนแบบนี้...พี่ดิ่งรักคุณพ่อมาก การทำให้คุณพ่อเสียใจเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่พี่ดิ่งจะทำ”
“แล้วพ่อไปทำอะไรให้มัน หา ยัยศุ”
ศุวิมลก้มหน้านิ่ง ตอบไม่ได้...
“จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม...พ่อต้องการคำอธิบาย และถ้าเจ้าดิ่งมันไม่มาให้พ่อเห็นหน้าภายในสามวัน พ่อจะถือว่า มันไม่ใช่ลูกพ่อ มันจะไม่ได้อะไรจากพ่อเลยแม้ซักสลึงเดียว!”
ศุวิมลตกใจ
“คุณพ่อ!”
เศกทั้งเสียใจทั้งเจ็บใจและแค้นใจที่ศยามหายไป...มารศรีครุ่นคิดแผนการอะไรบางอย่าง เธอเดินแยกออกมา
“ฉันลงทุนไปตั้งเยอะ ฉันต้องได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ฉันไม่ยอมให้คุณกลับบ้านมาเจอพ่อแน่...ดิ่ง...ฉันต้องหาคุณให้เจอ”
มารศรีมุ่งมั่นกับสิ่งที่ตัวเองตั้งใจ

เช้าวันใหม่... ยอดชายพาศยามมาฝากฝังกับลุงแปลง หัวหน้าช่าง ศยามยกมือไหว้
“ท่านประธานรับคุณดิ่งมาเป็นช่างตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ แต่พอดีเป็นวันหยุดของลุง ผมเลยให้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆไปก่อน...” ยอดชายหันไปหาศยาม “ลุงแปลงเป็นหัวหน้าช่างที่นี่ ลุงแปลงใจดี คุณดิ่งทำงานสบายใจได้”
ลุงแปลงยิ้มแย้มต้อนรับ
“ดีเลยครับ เพิ่งจะมีช่างลาออกไป กำลังขาดคนเลย”
แต๋ว ธุรการประจำศูนย์ซ่อมเดินถือชุดช่างเข้ามาให้
“ชุดช่างประจำบริษัทค่ะ”
แต๋วสบตายิ้มให้ชายหนุ่ม ศยามยิ้มตอบแล้วแต๋วก็ออกไป ยอดชายแนะนำ
“คนนี้ชื่อแต๋ว เป็นธุรการที่นี่ครับ...ตามสบายนะ มีอะไรก็ถามลุงแปลงได้เลย”
ศยามยิ้มรับ
“ขอบคุณครับ คุณยอด”
“ไปๆ เดี๋ยวลุงพาไปดูงาน”
ศยามกำลังจะตามลุงแปลงไป แต่ต้องผงะ เพราะจิตรวรรณเดินเริ่ดเชิ่ดเข้ามายืนตรงหน้า ลุงแปลงชะงัก
“คุณจี๊ด”
จิตรวรรณมองศยามหัวจรดเท้า
“ทุกคนฟังให้ดี ฉันเกลียดขี้หน้านายคนนี้ และจะทำทุกทางให้มันออกไปจากบริษัท...ใครไม่อยากมีปัญหา คิดให้ดีว่า จะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกับฉัน”
จิตรวรรณเดินเริ่ดเชิ่ดออกไป ลุงแปลง แต๋วสยองๆ ก่อนที่แต๋วจะหันมาถาม
“คุณดิ่งไปทำอะไรกับคุณจี๊ดไว้คะเนี่ย”
ศยามมองตามอย่างหนักใจ

จิตรวรรณเดินมาถึงหน้าห้องทำงานเจตนา เห็นรัตนานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหน้าห้อง จิตรวรรณหมั่นไส้สุดๆ หญิงสาวจงใจเดินไปหยุดที่หน้าโต๊ะ แล้วเคาะมือเรียกความสนใจ รัตนาเงยหน้าขึ้นมา
“คุณจี๊ด...”
“ลุกขึ้น”
“อะไรนะคะ”
“ฉันจะมาทำงานที่นี่ และจะนั่งตรงนี้ ในตำแหน่งเลขาของพ่อฉัน”
ทันใดนั้นเสียงเจตนาก็ดังเข้ามา
“ใครอนุญาต”
จิตรวรรณ รัตนาชะงักหันไป เจตนายืนหน้าเครียดอยู่
“พ่ออยากให้จี๊ดมาทำงานไม่ใช่เหรอ นี่ไง จี๊ดมาแล้ว”
“ฉันดีใจที่แกคิดได้ แต่แกไม่มีสิทธิ์มาไล่คนของพ่อ”
“พ่อจะให้จี๊ดทำงานหรือเปล่าล่ะ”
“ถ้าแกอยากทำ...โน่น ไปนั่งตรงโน้น” เจตนาชี้ไปที่โต๊ะทำงานอีกตัวหนึ่งอยู่หลังโต๊ะรัตนา “แกเป็นได้แค่เด็กฝึกงานเท่านั้น ฉันจะให้แกเป็นผู้ช่วยของรัตนา เรียนรู้งานเลขาทุกอย่าง”
จิตรวรรณไม่ยอม
“ไม่ ถ้าจี๊ดไม่ได้เป็นเลขาฯ จี๊ดไม่ทำ”
“ฉันก็ไม่คาดหวังว่าแกจะจริงจังอยู่แล้ว” เจตนาผิดหวัง “ฉันไม่รู้ว่าแกไปเจอใครหรือเจออะไรมา ถึงอยากจะมาทำงาน...แต่ไม่ใช่เพราะพ่อแน่ๆ และไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร แกก็ยังเป็นแก ไม่มีวันเปลี่ยน”
จิตรวรรณอึ้ง
“คุณพ่อ!”
เจตนาเมินลูกสาวหันมาหารัตนา
“คุณรัตนา วันนี้นายดิ่งมาทำงานแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะท่าน คุณยอดชายพาคุณดิ่งไปที่ฝ่ายช่างแล้วค่ะ”
จิตรวรรณได้ยินชื่อศยาม เกิดอาการฮึด ไม่ยอมแพ้
“จี๊ดจะทำ!”
เจตนากับรัตนางง แปลกใจ จิตรวรรณเดินไปที่โต๊ะด้านหลัง
“เป็นผู้ช่วยก็ผู้ช่วย จะให้ทำอะไรว่ามาเลย”
เจตนาสั่งงานทันที
“งั้นก็เตรียมเอกสารประชุมด้วย”
เจตนาเข้าห้องไป จิตรวรรณทั้งอายทั้งโกรธ รัตนาเดินไปหยิบเอกสารมาให้
“นี่ค่ะ...ต้องถ่ายเอกสาร ยี่สิบชุด”
จิตรวรรณฮึดฮัดมากที่ต้องมาทำงานถ่ายเอกสาร และที่สำคัญต้องถูกรัตนาสอนงาน หน้าตา วีนแตก
“เตรียมตัวหางานใหม่ไว้ด้วยนะ...รัตนา” จิตวรรณคว้าเอกสารมา จิกๆ “ไหนล่ะ เครื่องถ่ายเอกสารน่ะ!”

จิตรวรรณยืนมองเครื่องถ่ายเอกสาร เซ็งๆ...
“ใช้ไงล่ะ! ไม่เคยใช้รุ่นนี้”
รัตนาวางเอกสารบนถาด แล้วปิดฝา แล้วกดปุ่มเลือกฟังก์ชั่นต่างๆ
“อย่างนี้ค่ะ...วางแล้วปิด...จากนั้นก็กดปุ่มเลือกจำนวนที่ต้องการแล้วกดปุ่มสตาร์ท...แค่นี้เองค่ะ”
จิตรวรรณวีนไม่เลิก
“ไม่ต้องมาสอน”
รัตนาแปลกใจ
“คะ...คุณจี๊ด”
“ไม่ต้องมาสอน ไม่ต้องมาตีหน้าเป็นคนดี...ยังไงเธอก็เป็นเมียน้อยพ่อฉัน”
รัตนาตกใจ
“คุณจี๊ด รัตนาไม่ใช่...”
“ใช่ไม่ใช่ เดี๋ยวก็รู้ ฉันจะจับตาดูเธอแทนคุณแม่ตลอดเวลา อย่าเผลอแล้วกัน”
ใจดีกับเงาะเดินเข้ามา เห็นจิตรวรรณกำลังเหวี่ยงใส่รัตนา ใจดีเข้าไปห้าม
“จี๊ด เสียงดังอะไรกัน”

ใจดีจับจิตรวรรณมานั่งที่มุมหนึ่ง เงาะตามเข้ามา
“พวกแกเข้าข้างนังเมียน้อยเหรอ”
ใจดีเซ็งมาก
“จี๊ด...ฉันพูดจนปากจะฉีกถึงหู พี่รัตนาไม่ได้เป็นคนอย่างที่แกคิดเลย”
เงาะสอดขึ้น
“แต่แหม...ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ คิดดูสิ พี่รัตนาโดนทั้งยัยจี๊ดทั้งคุณวันดีราวีขนาดนี้ แต่ก็ยังทนทำงาน ไม่ลาออก มันก็ต้อง...”
ใจดีขัดคอ
“หยุดเลยเงาะ อะไรที่ไม่รู้ ก็ไม่ต้องเดา ให้ครอบครัวเขามีปัญหากันเปล่าๆ”
เงาะเถียง
“ฉันก็แค่อยากให้เพื่อนไม่ประมาท ฉันหวังดีนะ”
จิตรวรรณเข้าใจ
“เออ ฉันรู้ ว่าพวกแกหวังดี”
“แล้วเก็บเอาไปคิดบ้างหรือเปล่า”
“ไม่”
“จี๊ด แกมาทำงานที่นี่ก็ดีแล้ว แกช่วยเปิดหูเปิดตารับความจริงหน่อยนะ แล้วแกจะได้รู้ว่าพี่รัตนาเป็นคนยังไงกันแน่ จะได้เลิกอคติซะที”
จิตรวรรณอึ้ง...ครุ่นคิด แต่ยังไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนพูด รู้สึกเครียด พะอืดพะอม โรคกระเพาะกำเริบ ใจดีตกใจ
“เป็นอะไรจี๊ด”
“ปวดท้อง” จิตรวรรณกุมท้องไว้...

ศยามตามลุงแปลงที่แนะนำส่วนต่างๆมา ชายหนุ่มท่าทางตั้งใจ สนอกสนใจ แต๋วที่เดินตามหลังมา แอบมองแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อย แต่แล้วแต๋วก็สะดุดกล่องเครื่องมือที่วางไว้
“ว้าย!”
แต๋วเสียหลักถลา ศยามหันกลับมาคว้าตัวเอาไว้ทัน ไม่ปล่อยให้ล้ม แต๋วเผลอสบตาชายหนุ่มแล้วเขิน หน้าแดง รีบผละออก โพ กับ ด้วง ช่างที่ทำงานอยู่ใกล้ๆมองมา...โพที่หมายตาแต๋วอยู่ รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าศยาม

ศยามเดินถือกล่องอุปกรณ์กำลังจะเอาไปให้ลุงแปลง แต่อยู่ๆต้องชะงัก เพราะโพและด้วงเข้ามายืนขวางหน้า ศยามจะเดินหลบ แต่โพกับด้วงก็ก้าวมาขวาง
“ขอทางหน่อยครับ”
โพและด้วงไม่หลบ ยังจ้องหน้า ศยามถามงงๆ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
อยู่ๆโพกระชากคอเสื้อศยามขึ้นมา
“อยู่แผนกเดียวกัน อย่าหาเรื่องบาดหมางใจกันจะดีกว่า”
ศยามไม่เข้าใจ
“หมายถึง เรื่องอะไรครับ”
“เรื่องแต๋วไง...ห้ามยุ่งกับแต๋ว!เด็กฉัน”
เทวัญเข้ามา
“มีเรื่องอะไรกัน”
ด้วงชะงัก
“คุณเทวัญ...คือ...”
“พวกแกไม่ต้องอธิบาย” เทวัญหันไปมองศยามเหยียดๆ “ไอ้เด็กเส้น อย่ากร่างให้มาก คิดจะทำงานที่นี่ ก็หัดเคารพธรรมเนียมของคนที่นี่บ้าง”
ศยามไม่กลัว
“ถ้าเป็นกฎระเบียบบริษัทผมเคารพครับ แต่ถ้าเป็นกฎหมู่ ผมคงยอมรับไม่ได้”
เทวัญโกรธ
“ไอ้ดิ่ง”
ลุงแปลงเข้ามา
“คุณเทวัญครับ ถ้านายดิ่งมันทำอะไรให้คุณไม่พอใจ บอกลุงมาได้เลยครับ ลุงเป็นคนดูแลมัน ลุงจะลงโทษมันให้เอง”
ด้วงแทรกทันที
“มันปีนเกลียวใส่คุณเทวัญ ที่เป็นว่าที่ลูกเขยของคุณเจตนา”
ลุงแปลงหันไปมองเทวัญ
“มันปีนเกลียวยังไงครับ”
ด้วงอึกอัก
“ก็...”
เทวัญตัดบท
“พอแล้ว! ลุงแปลง เตือนๆเด็กลุงให้รู้จักที่ต่ำที่สูงหน่อยแล้วกัน”
เทวัญจ้องศยามอาฆาต แล้วหันเดินออกไป ลุงแปลงหันมาตวาดด้วงกับโพ
“ส่วนพวกแก...อย่าให้รู้นะว่าหาเรื่องใคร คราวนี้แกถูกไล่ออกแน่ ไปทำงาน”
โพหันมองศยามด้วยสายตาเอาเรื่อง ก่อนจะออกไปกับด้วง ลุงแปลงหันมาหาศยาม
“วันแรกก็เจอรับน้องเลยนะพ่อหนุ่ม”
ศยามยิ้มรับ
“เออ พูดน้อยๆน่ะดี ปัญหาก็น้อย”
“ครับ”
ศยามรู้สึกถึงความยุ่งยากใจที่กำลังจะตามมา

โพกับด้วงเดินแยกมาอีกมุมของศูนย์บริการ
“ยอมไม่ได้นะพี่โพ มันมาจีบเด็กพี่”
“มันยังไม่เกิดขึ้น”
โพเดินแยกไปทำงาน ด้วงขัดใจที่ปั่นหัวโพไม่ขึ้น กำลังจะหันไปอีกทาง เทวัญเข้ามาหาด้วง
“ไอ้ด้วง ฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ”
“เรื่องอะไรอีกครับ”
“เรื่องไอ้ดิ่ง ฉันอยากให้แกช่วยฉันทำอะไรนิดหน่อย แกสนใจมั้ย”
ด้วงตาโต สนใจ พร้อมจะเล่นงานศยาม

จิตรวรรณนอนอ่อนเพลียอยู่ในห้องพยาบาลของ ออฟฟิศ ใจดีคอยดูแล
“เฮ้อ มาทำงานวันแรก ยังไม่ทันทำอะไรเลย ก็เครียดจนลงกระเพาะอีกแล้ว”
เงาะเบ้หน้า
“อะไรจะบอบบาง เซ้นสิทีฟขนาดนี้คะแม่คุณหนู...ทำแบบนี้สินะ พี่เทวัญถึงได้ติดกับเธอ”
อยู่ๆยอดชายวิ่งพรวดพราดเข้ามา ด้วยความห่วงใยจิตรวรรณ
“จี๊ด...เป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นหรือยัง”
ใจดีหันไปเม้าท์กับเงาะ
“รู้สึกจะไม่ได้มีแต่คุณเทวัญแล้วล่ะที่ติดกับ”
เงาะเหน็บแนม
“คุณยอดชายขา คุณหนูจี๊ดรับประทานยาเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณไม่ต้องห่วงออกนอกหน้าจะได้มั้ยคะ”
เทวัญเข้ามา
“จี๊ด...จี๊ดเป็นยังไงบ้าง พี่ได้ยินพนักงานพูดกันว่าจี๊ดมาวันแรกก็ลมจับแล้ว...เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรจี๊ด บอกพี่มา”
“แค่โรคเก่ากำเริบค่ะพี่เทวัญ ไม่มีอะไรหรอก”
ยอดชายจำต้องผละถอยออกมา ได้แต่ยืนมองห่างๆ เช่นเดียวกับเงาะ
“ฉันไปทำงานก่อนดีกว่า”
เงาะเดินออกไป ไม่อยากเห็นภาพบาดตา ใจดีหันไปชวนยอดชาย
“ยอดชาย...เราก็ไปกันเถอะ ปล่อยคนเป็นแฟนกันดูแลกัน...ไปๆๆๆ”
ใจดีลากยอดชายออกไป จิตรวรรณพยายามจะลุกจากเตียง แต่เทวัญห้ามเอาไว้
“จี๊ดจะลุกไปไหน”
“จี๊ดจะไปทำงานค่ะ”
“นอนพักเถอะ วันนี้จี๊ดทำงานไม่ไหวแล้วล่ะ”
“ไหวค่ะ จี๊ดทำได้”
“ไม่เอา อย่าดื้อสิจ๊ะ ถ้ากลัวคุณพ่อดุ เดี๋ยวพี่จะไปคุยกับท่านให้เอง”
“ไม่ได้กลัวคุณพ่อดุ แต่จี๊ด...”
“กลัวแพ้คำสบประมาทไอ้ดิ่งเหรอ...จี๊ด อย่าเอาคำพูดของคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาคิดสิ อย่าให้มันมามีอิทธิพลกับจี๊ดถึงขนาดนี้เลย ไม่คุ้มกันหรอก จี๊ดไม่สบาย”
จิตรวรรณอึ้ง
“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจี๊ดขอนอนพักแป๊บ แล้วจะกลับบ้าน”
“จ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
เสียงมือถือเทวัญดังขึ้น เขามองดูชื่อที่หน้าจอเป็นชื่อ เชอรี่...เทวัญรีบหันมาบอก
“ลูกน้องโทรตามแล้ว พี่ออกไปรับสายเด็กมันหน่อยนะ นอนซะนะ”
“ค่ะ”
เทวัญห่มผ้าให้แล้วออกไป ปิดผ้าม่านเอาไว้ ยิ้มให้เจ้าหน้าที่ประจำห้องพยาบาลก่อนออกไป
จิตรวรรณนอนหลับตาลง

พริกกับเกลือ ตอนที่ 2 (ต่อ)

โพกำลังซ่อมรถ ด้วงมากระซิบบางอย่าง โพปาเครื่องมือลงพื้นทันทีด้วยความฉุน แล้วออกไป
ด้วงยิ้มที่โพยุขึ้น แล้วรีบตามไป ยอดชายเห็นโพกับด้วงเดินไปทางหนึ่ง รู้สึกผิดปกติ
ศยามเอาอะไหล่เก่ามาเก็บ หันหลังจะเดินออก โพเข้ามายืนจ้องศยามเอาเรื่อง ศยามชะงัก รู้ว่ากำลังจะมีเรื่องแน่ๆ
“เล่นมันเลยพี่ เตือนแล้วไม่ฟัง ยังจะไปยุ่งกับเด็กพี่ ฉันเห็นกับตา”
ศยามมองด้วงที่กุเรื่องอย่างไม่พอใจ
“ผมไม่รู้เรื่อง!”
โพต่อยหน้าศยามทันที ศยามเซไปกองกับอะไหล่เครื่องยนต์เก่าอย่างมึนๆ โพย่างเข้าหา กระชากคอเสื้อศยามขึ้นมา จะซ้ำ ทันใดนั้นเสียงยอดชายดังขึ้น
“หยุดนะ!”
โพชะงัก ยอดชายเข้ามากับลุงแปลง ยอดชายถามเสียงเข้ม
“มีเรื่องอะไรกัน!”
ลุงแปลงกวาดสายตามองทั้งสอง
“ฉันบอกพวกแกแล้วใช่มั้ย ถ้ามีเรื่องอีก ฉันจะไล่ออก”
ศยามตกใจรีบบอก
“เราไม่ได้มีเรื่องกันครับ”
โพกับด้วงชะงัก แปลกใจที่ศยามปฏิเสธ ยอดชายกับลุงแปลงหันมองศยามอย่างไม่เข้าใจ

ทั้งหมดอยู่ในห้องทำงานของยอดชาย ศยามสารภาพกับยอดชายและลุงแปลง โพกับด้วงยืนอยู่ใกล้ๆ
“ผมเอาอะไหล่เก่ามาเก็บ...ถูกของบนฉันหล่นลงใส่หัว...โพเขาเข้ามาช่วยเอาไว้”
ยอดชายสบตากับลุงแปลง ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ลุงแปลงถามอย่างไม่เชื่อ
“ไอ้โพไอ้ด้วงเนี่ยเหรอ ช่วยเรา”
โพรีบแย้ง
“อ้าว...ลุง พูดเหมือนพวกผม...”
ลุงแปลงขัดขึ้น
“เป็นอันธพาล ใช่...พวกแกเป็นแบบนั้น ฉันถึงไม่เชื่อสิ่งที่นายดิ่งพูด”
“เชื่อผมเถอะครับ”
ศยามสบตายอดชายและลุงแปลงอย่างมั่นใจ ยอดชาย และลุงแปลงถอนใจ ก่อนที่ยอดชายจะตัดบท
“เอา ๆๆๆไม่ได้มีเรื่องกันก็ไม่ได้มีเรื่อง จะได้ไม่ต้องไล่ใครออก ก็ดี ช่างยิ่งหายากๆอยู่”
ด้วงไม่พอใจที่แผนไม่สำเร็จ

เมื่อทุกคนพากันออกจากห้องไป ยอดชายเดินตามออกมาจากห้อง เขาตบไหล่ศยามเบาๆ
“ผมว่าคุณไปให้พยาบาลที่นี่หาอะไรประคบปากหน่อยดีกว่านะ...ท่าทางของที่หล่นใส่กระแทกหน้า น่าจะหนักเอาการ”
“ก็...พอมึนๆครับ”
“จะปกป้องคนไม่ดีทำไม ผมไม่เข้าใจ”
ศยามนิ่ง ไม่ตอบ ยิ้มๆ
“อ่ะ ๆๆไม่เซ้าซี้แล้ว คุณคงมีเหตุผลของคุณ แล้วเจอกัน”
“ขอบคุณที่เข้าใจครับ”
ยอดชายเดินออกไป ศยามเดินออกไปอีกทาง รู้สึกเจ็บที่ปากเหมือนกัน

เทวัญเดินคุยมือถือมาด้านนอก
“พี่กำลังจะเข้าประชุม คุยตอนนี้ไม่สะดวกนะคะเชอรี่...คิดถึงสิคะ พี่คิดถึงเชอรี่ที่สุดเลย...จ๊ะ แล้วเจอกันคืนนี้ บายค่ะ”
เทวัญวางสาย แต่พอหันกลับมาอีกด้าน ต้องผงะเหมือนเห็นผี เพราะเชอรี่ยืนอยู่
“เชอรี่!”
“เซอร์ไพร้ส์!”
“เชอรี่มาทำไม เรานัดกันคืนนี้แล้วไง” เทวัญมองซ้ายขวา กลัวมีใครมาเห็น “กลับไปก่อนนะๆๆ”
“เชอรี่แวะมาหาไม่ได้เหรอ ก็เชอรี่คิดถึงพี่เท...”
เทวัญเห็นเงาะเดินตรงมาแต่ไกล รีบดึงตัวเชอรี่ที่ยังพูดไม่ทันจบ หลบมุมทันที เงาะเห็นหลังเทวัญไวๆ รีบเดินเข้าไปหา เชอรี่งงๆ
“มีอะไรคะ หลบใคร”
“เชอรี่ เจ้านายพี่ซีเรียสมากเรื่องพาคนนอกเข้ามาในบริษัท อย่าหาเรื่องให้พี่ลำบากเลยนะคะ...กลับไปนะ”
“เชอรี่ไม่กลับ จนกว่าเชอรี่จะได้อย่างที่ต้องการ”
“อะไร จะเอาอะไร”
เชอรี่ทำแก้มป่อง เทวัญสุดเซ็ง จำใจจุ๊ฟๆไป แล้วรีบผลักไสเชอรี่หลบ
“คืนนี้เจอกันค่ะ”
เชอรี่ออกไป พอดีกับเงาะโผล่มา
“พี่เทวัญ!”
เงาะไม่ทันเห็นเชอรี่ เทวัญทำหน้าไม่ให้มีพิรุธ
“มีอะไรหรือเปล่าเงาะ”

เงาะกับเทวัญเดินคุยกันมาอีกด้าน

“จี๊ดเป็นยังไงบ้างคะ พี่เทวัญ”
“ก็...นอนพักอยู่ เดี๋ยวพี่จะพากลับบ้านแล้วล่ะ”
“จี๊ดมาทำงานที่เดียวกับพี่เทวัญแบบนี้ ก็ดีนะคะ จะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น”
“ก็ดี...แต่บางทีพี่ก็อึดอัด จี๊ดไม่ปล่อยพี่เลย”
เงาะชะงัก สบตา เทวัญยิ้มเศร้าให้
“พี่เทวัญคิดมากไปหรือเปล่าคะ”
“พี่นี่แย่จัง เฮ้อ...สงสัยจะเครียดมากไปหน่อย ไปทำงานเถอะจ๊ะ”
“ค่ะ...”
เงาะเดินเลยไป หันมาพูดกับเทวัญ
“แต่เงาะยินดีนะคะ ถ้าพี่เทวัญเครียดไม่สบายใจ แล้วอยากหาเพื่อนคุย”
เทวัญ ยิ้มรับ
“ขอบใจจ๊ะ”
เงาะหัวใจพองโตเมื่อเจอรอยยิ้มอันแสนหวานของชายหนุ่มก่อนจะเดินออกไป เทวัญยิ้มกริ่ม เดินต่อไป ผ่านศยามที่ยืนเอาตัวแนบผนังอีกมุม โดยมองไม่เห็น

จิตรวรรณนอนหลับอยู่ ศยามเปิดประตูเข้ามา มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นใคร เห็นม่านปิดกั้นส่วนที่เป็นเตียงนอนอยู่ ศยามมองป้ายที่อยู่บนโต๊ะเขียนว่า พัก ชายหนุ่มตัดสินใจนั่งรอ จิตรวรรณรู้สึกตัวตื่น หิวน้ำคิดว่าเจ้าหน้าที่ยังอยู่
“พี่คะ...ขอน้ำให้จี๊ดหน่อยได้มั้ยคะ”
ศยามสะดุ้ง หันมองไปที่หลังม่าน
“พี่คะ อยู่หรือเปล่าคะ”
ศยามขยับเก้าอี้ให้เกิดเสียง...จิตรวรรณเบาใจ ชายหนุ่มหันมองหาน้ำดื่มเห็นตู้เย็น เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วรินน้ำใส่แก้วเดินไปที่ม่าน ตัดสินใจยื่นแก้วน้ำเข้าไปให้หญิงสาวแต่ไม่โผล่หน้าเข้าไป จิตรวรรณเห็นมือคนยื่นแก้วน้ำให้ ค่อยๆลุกขึ้น เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำ
“ขอบคุณค่ะ”
จิตรวรรณเห็นแขนเต็มไปด้วยขนแขนและความล่ำสันก็ตกใจ
“แขนผู้ชาย...”
จิตรวรรณกระชากผ้าม่านออก เห็นศยามเต็มๆ
“ไอ้สิบแปดมงกุฎ”
“สิบแปดมงกุฎที่ไหนจะมีน้ำใจเอาน้ำให้”
“แกใส่ยาพิษ!”
ศยามถอนใจ
“เอ้อ คิดไปได้ คิดเป็นแต่เรื่องไร้สาระหรือไง”
จิตรวรรณเอาน้ำสาดใส่หน้าศยาม
“ไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน!”
ศยามอึ้ง ค่อยๆเอามือลูบน้ำออกจากหน้า มองจิตรวรรณอย่างเหลืออด
“มากไปแล้วนะ”
จิตรวรรณกลัว รีบลุกขึ้นจากเตียง จะลง เซ ล้ม ศยามรีบประคองเอาไว้ เสียหลักทั้งคู่ ล้มกันลงบนเตียง ชายหนุ่มล้มทับหญิงสาว ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมาก ทั้งศยามและจิตรวรรณอึ้งกันไป เสียงลูกบิดเปิดประตูดัง ศยามและจิตรวรรณตกใจ เพราะตัวเองกำลังทับกันอยู่บนเตียง ชายหนุ่มรีบดึงม่านปิดทันที จิตรวรรณจะร้อง ศยามปิดปากแล้วกระซิบที่ข้างหู
“อยากให้คนอื่นเห็นว่าเราประกบกันอยู่บนเตียงหรือไง”
จิตรวรรณเงียบทันที เจ้าหน้าที่พยาบาลเปิดประตูเข้ามา จิตรวรรณรู้สึกหนัก พยายามดันตัวเขาให้พ้นออกจากตัว ชายหนุ่มเลื่อนไปนอนข้างๆเตียงแคบมาก ทำให้เขาต้องกอดเธอไว้เพราะกลัวตก จิตรวรรณอึดอัด รังเกียจ อยากจะร้องแต่ก็ไม่กล้า ยิ่งถูกเขากอด เธอทั้งจิก ทั้งข่วน ศยามเจ็บแต่ไม่กล้าร้อง แต่ก็ปล่อยไม่ได้ พยายามจะไม่ให้จิตรวรรณหยิก เจ้าหน้าที่หันมามองที่ม่าน เห็นม่านขยุกขยิกมีการเคลื่อนไหว
“คุณจี๊ดคะ ตื่นแล้วเหรอคะ”
จิตรวรรณ สะดุ้ง รีบตอบเจ้าหน้าที่
“เอ่อ ตื่นแล้วค่ะพี่”
“จะลุกมั้ยคะ ไหวมั้ย ดิฉันช่วย”
จิตรวรรณกับศยามตกใจ กลัวเจ้าหน้าที่เห็น เจ้าหน้าที่เดินเข้าใกล้ม่านเข้าไปทุกทีๆ จิตรวรรณยิ่งหยิก ตีศยามพัลวัน พยายามผลัก จนเขาตกเตียงลงไปกองบนพื้นดังพลั่ก เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่เปิดม่านออกพอดี เจ้าหน้าที่เห็นจิตรวรรณนอนตะแคงยิ้มเผล่อยู่
“พี่คะ...ช่วยตามพี่เทวัญให้หน่อยได้มั้ยคะ บอกว่าจี๊ดจะกลับบ้านแล้ว”
“ได้ค่ะ”
เจ้าหน้าที่เดินไปที่โทรศัพท์ จะโทรหาเทวัญ จิตรวรรณรีบบอก
“เอ่อ รู้สึกว่าจะไม่อยู่ที่โต๊ะนะคะ”
“งั้นดิฉันจะโทรเข้ามือถือแล้วกันนะคะ”
“มือถือก็ไม่ได้เอาติดตัวไปค่ะ”
เจ้าหน้าที่แปลกใจ ทำไมจิตรวรรณรู้ดี แต่ไม่ติดใจอะไร
“งั้น...ดิฉันไปตามเองค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เจ้าหน้าที่เปิดประตูออกไป พอปิดประตูปุ๊บ จิตรวรรณรีบโวยใส่ศยามที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นอีกข้าง
“ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
ศยามลุกขึ้นมานั่งรอที่เก้าอี้ ไม่ได้ออกไป จิตรวรรณฉุนๆ
“นายไม่ไป ฉันไปเอง”
จิตรวรรณลุกจากเตียงอย่างเร่งร้อน เดินผ่านเขาไป
“เดินดีๆ ล้มคราวนี้ไม่ช่วยแล้วนะ”
หญิงสาวหันมามองหน้าชายหนุ่มเจ็บใจ มองเห็นตามแขนของเขาที่มีแผลโดนเธอจิก เลือดซึมเต็มไปหมด จิตรวรรณก็หน้าเสีย ศยามเห็นจิตรวรรณมองที่แขนของตัวเองก็ประชด
“แต่ท่าทางอยากจะให้กอดบนเตียงอีกรอบ ใช่มั้ย”
“ไอ้บ้า! โรคจิต อี๋!”

จิตรวรรณเดินโกรธออกไป ศยามมองตามยิ้มๆ ก่อนจะรู้สึกแสบไปหมดทั้งแขน

เทวัญประคองจิตรวรรณมาที่รถของเขา ยอดชายตามมาส่งด้วยความเป็นห่วง

“ไปหาหมอก่อนดีกว่ามั้ยจี๊ด หน้าซีดจัง ยังปวดอยู่หรือเปล่า”
เทวัยหันมองยอดชายอย่างไม่พอใจ จิตรวรรณ หันมาบอกยอดชาย
“นิดหน่อย แต่จี๊ดมียาอยู่แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยากกลับบ้านแล้ว”
เทวัญยิ้มรับ
“จ๊ะ เดี๋ยวพี่จะรีบพาน้องจี๊ดกลับบ้าน”
ยอดชายยังคงห่วงใย
“ไม่ต้องรีบมากก็ได้ครับ อันตราย ขับช้าๆดีกว่า”
เทวัญไม่พอใจ
“ผมคิดเองได้นะคุณยอด ว่าควรจะขับรถพาคู่หมั้นกลับยังไงให้ปลอดภัย”
ยอดชายอึ้ง ค่อยๆถอยออกมา จิตรวรรณเห็นท่าไม่ดี
“ไปกันเถอะค่ะพี่เทวัญ ไปนะยอด ไม่ต้องห่วง ฉันโอเค”
“โอเค”
เทวัญออกคำสั่งกับยอดชาย
“ขับรถน้องจี๊ดไปเก็บที่บ้านด้วยนะ”
เทวัญโยนกุญแจให้ ยอดชายรับมา จิตรวรรณรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่เทวัญข่มเพื่อน
“รบกวนหน่อยนะยอด ให้คนอื่นก็ได้ ยอดไม่ต้องขับเองหรอก เกรงใจ”
เทวัญอึ้ง รู้ว่าจิตรวรรณไม่พอใจตัวเอง จิตรวรรณขึ้นรถไป เทวัญปิดประตูให้จงใจเดินกระแทกยอดชายผ่านไป ยอดชายไม่พอใจ แต่พยายามเก็บอาการ เขามองเทวัญขับรถออกไป นึกเป็นห่วงจิตรวรรณ

จิตรวรรณโบกมือลาเทวัญหน้าบ้าน
“แน่ใจนะน้องจี๊ด ว่าเดินเข้าไปเองได้”
“ค่ะ ไม่อยากเสียเวลา จี๊ดดีขึ้นมากแล้วล่ะ พี่เทวัญไปทำงานต่อเถอะค่ะ”
“โอเคจ๊ะ งั้นพี่ไปนะ”
เทวัญขับรถออกไป จิตรวรรณรอจนลับไป เธอจึงเดินไปที่ประตู อาการป่วยหน้าซีด หายไปทันที
“มันต้องมีหลักฐานอะไรสักอย่างสิที่จะยืนยันว่านายเป็นใคร”
จิตรวรรณค่อยๆมองเข้าไปในบ้าน ไม่เห็นมีใคร หญิงสาวหยิบกุญแจประตูเล็กขึ้นมาไขเข้าไปเบาๆ

ยอดชายเดินเข้ามาในศูนย์บริการ เห็นศยามกำลังจะไปทำงานอยู่
“คุณดิ่ง!”
“ครับ”
“ทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอครับ”
“ครับ”
ยอดชายสังเกตเห็นแขนศยามมีรอยเล็บเจ็บเนื้อ
“รู้สึกว่า...จะได้แผลเพิ่มมาอีกนะ เอ๊ะ รอยอะไร”
“อ๋อ...โดนมดกัดครับ ผมคันมาก เกาแรงไปหน่อย”
“เอ...เหรอ...”
ศยามตัดบท
“คุณยอดมีอะไรใช้ผมเหรอครับ”
“อย่าเรียกว่าใช้เลย...ช่วยขับรถยัยจี๊ดกลับบ้านให้หน่อยนะ เจ้าของเขามีเจ้าชายขับไปส่งที่บ้านแล้ว”
“ไว้ใจผมเหรอครับ”
“เฮ้ย คุณ ผมดูคนออก ใครเป็นยังไง...อ่ะ กุญแจ กวนหน่อยนะ ผมไม่อยากเจอหน้าคนบางคน กลัวอดใจไม่ไหว แย็บซ้ายออกไปจะยุ่ง”
ศยามยิ้มขำ ยอดชายเดินออกไป


จิตรวรรณเดินหลบมา เห็นสำรวยแบกตะกร้าผ้าจะไปรีดเดินมา หญิงสาวรีบหลบ สำรวยเดินผ่านไป จิตรวรรณย่องไปต่อ...ป้าเพ็ญเอากุญแจพวงใหญ่มาแขวนเอาไว้ที่เก็บกุญแจต่างๆของบ้านพอป้าเพ็ญเดินออกไปมือของจิตรวรรณก็เอื้อมมาปลดเอาพวงกุญแจออกไป
จิตรวรรณหยิบกุญแจที่มี ติดเอาไว้ว่าห้องพักคนสวนมาไขห้องพักของศยาม พลางมองซ้าย มองขวากลัวคนเห็น สำรวยร้องเพลงลั่นมาแต่ไกล จิตรวรรณตกใจ ถอนกุญแจออก วิ่งไปหลบตามหลืบแถวๆนั้น สำรวยหิ้วตะกร้าผ้าซักผ่านไป หญิงสาวล่งใจ แต่สำรวยหยุดเดิน ย้อนกลับมาที่หน้าห้องศยาม แล้วส่งจูบให้ประตู
“เจอกันเย็นนี้นะคะ สุดหล่อของรวย...”
สำรวยยิ้มเขินออกไป จิตรวรรณยิ้มแหยะๆ พอเห็นสำรวยเดินออกไป เธอก็ลุกขึ้นมารีบไขประตูห้อง เปิดเข้าไป

มารศรีเปิดประตูห้องอาหารหรูเข้ามามองหาที่นั่งว่าง หมอเวทย์กำลังจะเดินออก เห็นมารศรี จำได้ รีบทัก
“คุณมารศรี”
มารศรีชะงัก
“อ้อ...คุณหมอเวทย์ สวัสดีค่ะ”
“คุณเศกไม่ได้มาด้วยเหรอครับ”
“ท่านยังทำงานอยู่ค่ะ ดิฉันมาคนเดียว”
“ผมกำลังมีเรื่องอยากจะถามคุณเศกเกี่ยวกับลูกชายคนโตที่อยู่เมืองนอกพอดี”
มารศรีสนใจขึ้นมาทันที
“มีอะไรเหรอคะ”
“คือ ผมเพิ่งไปเจอผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าเหมือนลูกชายท่านมาก”
มารศรีตกใจ แต่นิ่งฟังหมอเวทย์เล่าเรื่อง
“ที่บ้านของคุณเจตนาครับ เขาช่วยชีวิตคุณเจตนาเอาไว้จากการถูกลอบยิง”
“เหรอคะ...แต่เอ...ไม่น่าจะเป็นไปได้นะคะ คุณศยามเขายังเรียนที่เยอรมันอยู่เลย”
“คงเป็นแค่คนหน้าเหมือน จริงๆผมก็แค่คลับคล้ายคลับคลา เพราะไม่ได้เจอคุณศยามนานมากแล้ว”
“ค่ะ...เรื่องธรรมดาค่ะ ขอบคุณนะคะที่เล่าสู่กันฟัง เย็นนี้ดิฉันจะไปเล่าให้คุณเศกฟังเองค่ะ ว่าคุณหมอปล่อยไก่”
หมอเวทย์ขำ
“ฮ่ะๆๆๆ นั่นสิครับ ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
มารศรียกมือไหว้ หมอเวทย์รับไหว้แล้วออกไป มารศรียิ้มพราว ก่อนจะแปลกใจ
“ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่บ้านคู่แข่งของพ่อตัวเองนะ...

จิตรวรรณรื้อค้นตู้เสื้อผ้า โต๊ะ เตียงของศยามวุ่นวาย เพื่อหาหลักฐานที่จะใช้ระบุตัวตนของเขาให้ได้...ศยามขับรถของจิตรวรรณมาจอดที่หน้าบ้าน ลงไปกดกริ่งที่ประตูรั้ว ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา
“ไม่อยากเจอก็ต้องเจอ...เฮ้อ”
สำรวยมาเปิดประตูบ้าน มองอย่างแปลกใจ...
“อ้าว...พี่ดิ่ง...ขับรถคุณจี๊ดมา แล้วคุณจี๊ดล่ะจ๊ะ”
“ก็กลับมาแล้วนี่ ตั้งนานแล้วด้วย”
“เฮ้ย...”สำรวยแปลกใจ

จิตรวรรณยืนเท้าสะเอว เหนื่อย ถอดใจ หาสิ่งที่ต้องการไม่เจอ ทันใดนั้นเสียงสำรวยดังเข้ามา
“ป้าเพ็ญ!เห็นคุณจี๊ดมั้ย”
จิตรวรรณสะดุ้ง ตัวแข็ง

ศยามยื่นกุญแจรถจิตรวรรณให้ป้าเพ็ญ
“อาจจะไปแวะที่ไหนกับคุณเทวัญก็ได้มั้งคะ”
“ครับ งั้น...ผมกลับไปทำงานต่อนะ”
ศยามจะเดินออกไป...พลันสายตาเหลือบไปเห็นประตูห้องตัวเองที่ปิดไม่สนิทอยู่เขามองอย่างแปลกใจ...แล้วก็คิดถึงจิตรวรรณ

“ยัยคุณหนูนิสัยเสีย...”

จิตรวรรณยืนนิ่งอยู่ข้างประตูในห้องศยาม ก่อนจะเห็นว่าตัวเองปิดประตูไม่สนิท เธอเจ็บใจตัวเอง...ศยามเดินมามองประตูห้อง ป้าเพ็ญกับสำรวยเข้ามา

“มีอะไรเหรอคะคุณ” ป้าเพ็ญถามอย่างแปลกใจ
ศยามจงใจพูดเสียงดัง
“ผมรู้แล้วล่ะว่าคุณหนูจี๊ดของป้าอยู่ไหน”
ป้าเพ็ญและสำรวยประหลาดใจ ศยามเดินไปเคาะประตูห้อง จิตรวรรณที่ยืนนิ่งอยู่ในห้องสะดุ้งเฮือก
“จะออกมาดีๆ หรือจะให้เข้าไปรับครับ คุณหนูจี๊ด”
นิ่งเงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ป้าเพ็ญหันมาบอกศยาม
“คุณหนูจี๊ดไม่มีนิสัยละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวคนอื่นหรอกนะคะคุณ ป้าว่าคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ”
จิตรวรรณผลักประตูห้องออกมาทันทีอย่างแรง จนป้าเพ็ญและสำรวยตกใจ
“เขาเข้าใจถูกแล้วค่ะป้าเพ็ญ...ฉันอยู่ข้างในห้องนาย มีอะไรมั้ย”
จิตรวรรณมองศยามอย่างท้าทาย ป้าเพ็ญและสำรวยคาดไม่ถึง ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างเอือมระอา วันดีเดินเข้ามามองอย่างแปลกใจ
“มีอะไรกัน...ลูกจี๊ด...”
จิตรวรรณมองหน้าศยาม
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะค้นห้องนาย เพราะฉันเป็นเจ้าของบ้าน นายมันแค่คนอาศัย ทำไม กลัวว่าฉันจะเจออะไรไม่ชอบมาพากลหรือไง ถึงได้ไม่พอใจ”
“ที่ไม่พอใจ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะคุณไม่มีมารยาท”
จิตรวรรณโกรธ
“บ้านฉัน จะทำไม”
วันดีปรามลูกสาว
“จี๊ด...พอเถอะลูก อย่าเอาทองไปลู่กระเบื้อง ทีหลังไม่ต้องไปยุ่ง ถ้ามันเกิดทำอะไรเราขึ้นมา จะแย่นะ”
จิตรวรรณนิ่ง ศยามรู้สึกชาที่ใบหน้าเพราะถูกดูถูก
“ผมคิดอยู่เสมอว่าผมอาศัยบ้านคุณอยู่ และผมก็อยู่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ต้องกลัวหรอกครับว่าผมจะทำร้ายพวกคุณ...เมื่อถึงเวลาของผม ผมก็จะไป ขอตัวกลับไปทำงานครับ”
ศยามจะออกไป วันดีเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน...”
ศยามชะงัก หันมา
“ครับ”
“คุณเจตนาให้เธออาศัย ฉันขัดไม่ได้ เพราะถือเป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่ฉันก็ไม่สบายใจนัก ถ้าจะเห็นเธอใช้ไฟใช้น้ำบ้านฉันฟรีๆ ไปจนถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
ศยามอึ้ง จิตรวรรณยิ้มสะใจ

ศยามเดินออกมานอกประตูบ้าน จิตรวรรณเดินมาสมน้ำหน้า
“อย่าลืมนะ รีบกลับมารดน้ำดูแลต้นไม้และทำหน้าที่คนสวนทั้งหมด ซึ่งจะเป็นงานของนายแลกกับที่ซุกกะลาหัว”
ศยามหันมามองหญิงสาวนิ่งๆ จิตรวรรณมองศยามอย่างท้าทาย
“ฉันจะโขกสับ อาละวาดให้นายอยู่ไม่เป็นสุข ถ้านายยังทนอยู่ได้...แสดงว่านายต้องมีแผนทำอะไรสักอย่างที่นี่ ถึงต้องอยู่”
“เอาเวลาระแวงผม ไประวังคนใกล้ตัวเถอะ”
“พูดเรื่องอะไร!”
“บอกไปก็คงเท่านั้น...เพราะคุณมันสวย...แต่โง่ แถมเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำงานวันแรกก็หาเรื่องอู้มาทำเรื่องไร้สาระ...เกินจะเยียวยาจริงๆ”
ศยามเดินออกไปทันที จิตรวรรณโกรธจนพูดไม่ออก เพราะถูกด่าเป็นชุด
“ไอ้...! บ้า! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้...”
ศยามไม่หันกลับ เดินต่อไป จิตรวรรณหงุดหงิดเต็มกำลัง

มารศรีขับรถมาหาบ้านเจตนา มองซ้ายมองขวา แล้วดูในที่อยู่ที่จดเอาไว้
“หมู่บ้านนี้ไม่ผิดแน่...ซอย...”
มารศรีมองหาซอยตามที่อยู่ ศยามเดินดุ่มๆมาในซอยหนึ่ง อารมณ์เสีย ก่อนจะเห็นว่าเชือกรองเท้าของตัวเองหลุด เขาก้มลงผูกเชือก รถมารศรีขับเลี้ยวมาพอดี ผ่านศยามไป โดยที่เธอเห็นเขาในสภาพนั่งยองๆก้มหน้าผูกเชือกรองเท้า มองไม่เห็นหน้า รถมารศรีเคลื่อนตัวผ่านไป ศยามลุกขึ้น ออกเดินต่อไป

มารศรีขับรถมาจอดหน้าบ้านจิตรวรรณ พลางมองบ้านเลขที่ ซึ่งตรงกับที่อยู่ที่จดในกระดาษ
“หลังนี้...ใช่แล้ว...บ้านนายเจตนา”
มารศรีถอยรถให้พ้นจากแนวรั้ว เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต เธอลงมาจากรถ แอบมองเข้าไปบ้าน ไม่เห็นใคร หญิงสาวหยิบมือถือขึ้นมา มองเบอร์ในกระดาษที่จดที่อยู่ แล้วกดตามนั้น

ในบ้าน...วันดีสำทับกับป้าเพ็ญ
“อย่าเอาเรื่องวันนี้ไปบอกคุณผู้ชาย ไม่งั้นยัยจี๊ดได้ถูกดุอีก”
“ค่ะ”
“เป็นพ่อประสาอะไรก็ไม่รู้ เห็นคนอื่นดีกว่าลูกตัวเองได้ตลอดเวลา กดดันจนลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา”
จิตรวรรณเดินลงมาจากชั้นบน ในชุดจะไปออกไปเที่ยวบำบัดอารมณ์
“ไหนบอกว่าป่วย...แล้วจะออกไปไหนล่ะลูก”
“ก็ไปบำบัดอาการป่วยสิคะคุณแม่”
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ป้าเพ็ญไปรับสาย จิตรวรรณลงนั่งสวมรองเท้า
“สวัสดีค่ะ บ้านคุณเจตนาค่ะ”
มารศรีคุยมือถืออยู่หน้าบ้าน ดัดเสียง
“สวัสดีค่ะ ขอสาย เอ่อ...คุณศยาม”
“คุณคงโทรผิดแล้วล่ะค่ะ...ไม่มีนะคะ”
มารศรีไม่ยอมแพ้ รีบพูดใหม่
“แล้วคุณดิ่งล่ะคะ”
ป้าเพ็ญแปลกใจ
“คุณดิ่งเหรอคะ คุณดิ่งไปทำงานค่ะ”
จิตรวรรณหูผึ่ง เดินลิ่วไปแย่งโทรศัพท์มาจากป้าเพ็ญทันที
“เป็นอะไรกับนายนั่น แล้วเอาเบอร์ที่นี่มาจากไหน นายนั่นบอกหรือไง”
มารศรีอึกอัก
“เอ่อ...”
“ฉันถามว่าเป็นอะไรกับนายนั่น ช่วยมาเอาตัวเขากลับไปเลยนะ เพราะที่นี่มีแต่คนรังเกียจ แล้วหัดใช้สมองคิดหน่อยนะ นายนั่นเป็นแค่คนอาศัย อย่าสะเออะโทรเข้ามาหา อยากเจออยากคุยก็ไปหาทางกันเอาเอง...”
จิตวรรณทำท่าจะร่ายยาว มารศรีรีบวางสายทันที จิตรวรรณ โกรธ
“วางหูใส่เหรอ ไม่มีมารยาท”
มารศรีหงุดหงิด
“อ๊าย...นังบ้า ปากจัด...แสดงว่าบ้านนี้ไม่มีใครรู้ว่าดิ่งเป็นลูกชายคุณเศก แต่ดิ่งต้องรู้จักสิว่าบ้านนี้เป็นใคร...ดิ่งจะทำอะไรกันแน่”

มารศรีรีบขึ้นรถขับออกไป

พริกกับเกลือ ตอนที่ 2 (ต่อ)

วันดีเข้ามาถามจิตรวรรณที่หงุดหงิดอยู่

“ใครกันลูก”
“ไม่รู้ค่ะ ถามหานายนั่น กล้าให้เบอร์โทรศัพท์บ้านเรากับคนอื่นได้ไง ไม่มีความเกรงใจ โอ๊ย นี่จี๊ดต้องทนรับสภาพว่ามีนายนั่นอยู่ในชีวิตอีกนานแค่ไหนนะ”
จิตรวรรณเดินออกไปทันที วันดี ป้าเพ็ญมองตาม ถอนใจกับอารมณ์รุนแรงของหญิงสาว

จิตรวรรณเดินออกมา หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเทวัญ แล้วรอสาย
“ฮัลโหล...พี่เทวัญอยู่ไหนคะ”
“พี่มาคุยงานกับบริษัทออกาไนเซอร์ข้างนอกจ๊ะ มีอะไรด่วนหรือเปล่าจ๊ะ กำลังประชุมกันอยู่”
เชอรี่เข้ามาควงแขนเทวัญ ในมือเชอรี่ถือถุงช้อปปิ้งเต็มมือ
“โอเค...เจอกันจ๊ะ”
เทวัญกดวางสาย เซ็งๆ หันไปบอกเชอรี่
“เชอรี่กลับเองได้มั้ย ดึกๆพี่โทรหา”
“แฟนตามตัวล่ะสิ”
“อย่างอนน่า”
เทวัญหันมาเจ้าชู้กับเชอรี่ เงาะเดินมาจากมุมหนึ่ง เห็นเข้าพอดี เงาะตกใจ รีบหลบ แต่แอบดูต่อ
“ก็ได้...แล้วโทรหาเชอรี่นะ”
“โอเค”
เชอรี่หอมแก้มเทวัญแล้วเดินไปทางหนึ่ง เทวัญหยิบมือถือขึ้นมาจะโทรหาจิตรวรรณ เงาะรีบเข้าไปหาทันที
“เงาะคงตาไม่ฝาด ว่าผู้หญิงคนที่พี่เพิ่งจะสวีทด้วยเมื่อกี้ ไม่ใช่จี๊ดเพื่อนเงาะ”
เทวัญตกใจ
“เงาะ...มาได้ยังไง”
“เงาะมาคุยงานที่นี่ค่ะ แล้วพี่ล่ะคะ...”
เทวัญพยายามคิดหาทางแก้ตัวทันที

เทวัญตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จกับเงาะ
“พี่ยอมรับว่าพี่...นอกใจจี๊ด”
เงาะอึ้ง
“เพราะพี่...อึดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเวลาที่อยู่กับจี๊ด”
“แต่เห็นพี่กับจี๊ดรักกันดี อีกไม่กี่ปีก็จะแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่เหรอคะ”
“จี๊ดต่างหากที่อยากแต่ง แต่พี่...ไม่แน่ใจ”
“อะไรนะคะ”
เงาะหัวใจแอบพองโต เทวัญตีหน้าเศร้า
“เงาะก็รู้นิสัยจี๊ด เอาแต่ใจตัวเอง ชอบออกคำสั่ง ไม่ฟังเหตุผล ซึ่งพี่ก็ต้องยอมไม่มีผู้ชายคนไหนรู้สึกภาคภูมิใจนักหรอกที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ พี่ต้องการอยู่กับคนที่เห็นว่าพี่มีค่า”
“แล้วทำไมพี่ไม่เลิกกับจี๊ดซะล่ะคะ”
“พี่เลิกไม่ได้ เพราะจี๊ดเคยขู่ว่า...เขาจะฆ่าตัวตาย”
เงาะตกใจมาก
“อะไรนะคะ”
เทวัญแอบอมยิ้มสมใจ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเงาะที่ตกหลุมพราง เงาะมองเทวัญอย่างเห็นใจ เทวัญตีหน้าเศร้า
“ตอนนี้...ความรู้สึกที่พี่มีต่อจี๊ด มันไม่ใช่ความรัก มันคือความสงสารเท่านั้น พี่รอแค่ ถ้าพี่เจอรักแท้จากใครสักคน พี่คงกล้าหาญพอจะบอกเลิกจี๊ดทันที”
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้ ใช่หรือยังคะ”
“ไม่ใช่...วันนี้พี่นัดเขามาเพื่อบอกเลิก...เพราะพี่คิดว่าพี่เจอคนที่ใช่แล้ว”
เทวัญตั้งใจสบตาเงาะ หญิงสาวเริ่มหวั่นไหว เทวัญแอบยิ้มกริ่ม

ศยามล้างมือ หลังจากเสร็จงาน เตรียมตัวกลับบ้าน โพ เดินเข้ามาล้างมือๆข้างๆศยาม
“ทำไมแกไม่พูดความจริง ว่าฉันต่อยแกเพราะแกไปยุ่งกับแต๋ว”
“คงไม่ยุติธรรมถ้านายต้องถูกไล่ออก...เพราะนายเข้าใจฉันผิด”
“อะไรนะ”
“ฉันไม่ได้ยุ่งกับแต๋ว!”
ศยามจ้องโพจริงจัง จนโพอดรู้สึกไม่ได้ว่า ศยามจริงใจ ไม่ได้โกหก ด้วงเดินเข้ามา ศยามรีบชิ่งออกไป
“พี่เชื่อมันหรือจะเชื่อฉัน”
โพตวาด
“เงียบน่าไอ้ด้วง”
โพมองหน้าด้วง...ค้นหาความจริงใจในหน้าของด้วง แต่โพก็คิดไม่ออกว่าด้วงจะเสแสร้งไปทำไม โพหงุดหงิดเดินออกไป ด้วงเซ็งที่แผนไม่เป็นไปตามคาด ด้วงล้วงมือถือออกมา กดเบอร์ โทรหาใครบางคน แล้วเดินออกไป

เทวัญเดินมา อย่างโล่งใจสักครู่เสียงมือถือดังขึ้น เทวัญเห็นหน้าจอมือถือขึ้นชื่อ นายด้วง เขากดรับสาย
“ได้ข่าวว่ามันยังไม่ถูกไล่ออก...ยังไม่หยุด...ทำต่อไป” เทวัญกดวางสาย “ดวงแข็งนักนะ ไอ้ศยาม”
เทวัญไม่พอใจที่แผนทำให้ศยามเดือดร้อน ไม่เป็นไปตามที่วางไว้

ศยามซ่อมรถอยู่ เจตนา เข้ามายืนใกล้ๆ ศยามเงยหน้ามอง เห็นเป็นเจตนาก็ผละจากงานที่ทำ
“เอารถยัยจี๊ดไปคืนมาเหรอ”
“ครับ”
“ฉันรู้ว่าเป็นเพราะนาย...ยัยจี๊ดถึงได้ขอมาทำงาน”
ศยามนิ่ง
“ถึงจะได้ทำได้ไม่เท่าไหร่ ก็ป่วย...การเมือง รู้มั้ย ตอนนี้ออกไปเที่ยวแล้ว”
ศยามแค่นยิ้ม
“แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี...” เจตนาพิจารณาศยาม “ฉันชักจะไม่เชื่อว่านายเป็นแค่ช่างซ่อมรถธรรมดาๆซะแล้วสิ”
“ผมก็แค่...คนบ้านนอก พูดไปตามเรื่องตามราว แต่มันบังเอิญไปทำให้ลูกสาวท่านเกิดแรงฮึดก็ได้มั้งครับ”
เจตนายิ้ม ไม่ตอบ
“ยังไงก็ขอบใจ เอ้อ...นายแปลงบอกฉัน...นายฝีมือดีนี่ คงจะดีถ้านายจะทำงานที่นี่ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลับต่างจังหวัด ว่าไง สนใจมั้ย”
“ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นหรอกครับ แต่วันนี้ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
“นั่นสินะ”
เจตนายิ้มให้รู้สึกว่าศยามมีอะไรปิดบังมากกว่าที่เห็น เจตนาตบไหล่ให้กำลังใจแล้วออกไป ศยามหันมาทำงานต่อ ยอดชายเดินมาหา
“ผมมีอะไรให้คุณทำ ห้ามปฏิเสธ เพราะผมเป็นหัวหน้างานคุณ”

ศยามแปลกใจ เดาไม่ถูกว่ายอดชายจะให้ไปทำอะไร

ค่ำนั้น...ใจดียืนยิ้มแห้งหน้าร้าน เมื่อเห็นยอดชายเดินมากับศยาม

“ยอดเอ้ย หาเรื่องระเบิดร้านแล้วไง”
ใจดีเดินรี่ไปหายอดชายและศยาม ใจดีแสร้งยิ้มมาก
“ว้าว คุณดิ่ง...” ใจดีหันมองยอดตาเขียว แต่ยังยิ้ม “ยอด...พาฉันไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิ”
“ไม่มีขาหรือไง”
“ตอนนี้เป็นโรคแข้งขาอ่อนแรงกะทันหัน ไปเร็ว จะให้ราดตรงนี้หรือไง”
ใจดีลากยอดชายไปเลย ศยามมองตามแปลกๆใจ ยืนรออยู่หน้าร้าน...ใจดีดึงยอดชายมามุมหนึ่งใกล้ๆร้านแล้วตีแขน
“แกจะบ้าเหรอ ชวนคุณดิ่งมากินข้าวด้วยทำไม”
“อ้าว ไม่ดีเหรอ ก็คิดว่าแกชอบ”
“ฉันนะชอบ แต่ยัยจี๊ดเอาแกตายแน่”
“เฮ้ย ที่สาธารณะ จี๊ดไม่กล้าทำอะไรหรอก...เอาน่า สันติภาพจะไม่เกิดถ้าไม่มีใครกล้าหาญลุกขึ้นมาตั้งโต๊ะเจรจา”
“แกแน่ใจเหรอว่าจี๊ดจะยอมเจรจาด้วย”
“เพื่อนรักออกตัวแรงรับประกันว่าคุณดิ่งไม่ใช่คนเลวร้ายถึงขนาดนี้ ก็ต้องยอมกันบ้าง”
ยอดชายยิ้มมั่นใจ แต่ใจดีหวาดหวั่น

ศยามยืนรออยู่หน้าร้าน จิตรวรรณเดินเข้ามา พอเห็นหน้าเขา หญิงสาวก็หน้าตึงทันที ศยามเห็นจิตรวรรณ ก็อึ้ง ไม่คิดว่าจะเจอ
“นาย!”
ศยามหันหนี
“มาได้ไง! มาทำไม ใครอนุญาตให้มา”
ยอดชายและใจดีเข้ามา ยอดชายรีบบอก
“ฉันชวนคุณดิ่งมาเอง”
“ฉันชวนคนที่เป็นเพื่อนฉัน ไม่ใช่คนนอก”
ศยามรู้สึกหน้าชา
“ใจเย็นจี๊ด แกอย่าอคติสิ คุณดิ่งเขา...”
ศยามรีบตัดบท คุยกับยอด
“ไม่เป็นไรครับคุณยอด ผมไม่คิดว่าจะมาเจอคุณจี๊ด ไม่งั้นคงไม่มา ขอโทษนะครับ”
ศยามจะเดินไป ยอดชายเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนสิคุณดิ่ง...”
ศยามไม่ฟัง เดินไป จิตรวรรณตะโกนไล่หลัง
“ไปให้พ้นๆเลย ทีหลังก็อย่าได้สะเออะมาอีกนะ”
ใจดีปรามเพื่อน
“จี๊ดพอเหอะ...อายเขา”
จิตรวรรณหันไปมองรอบๆ พนักงานร้านและแขก พากันมองมาเป็นตาเดียว
“ก็มันหงุดหงิดนี่ ทีหลังใครชวนนายนั่นให้มาลอยหน้าตีเสมออีกล่ะก็...เลิกคบ”
จิตรวรรณเดินเข้าร้านไป ใจดี ยอดชายถอนหายใจพร้อมกัน ใจดีหันไปวีนยอด
“ไง โต๊ะเจรจาสันติภาพของแก...ล้มตั้งแต่ยังไม่ตั้งเลย”
ยอดชายเซ็ง แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ

ศยามเดินดุ่ยๆ มา ศุวิมลเดินมากับเพื่อน เห็นศยามไวๆ ศุวิมลคุ้นหน้าหยุดเดิน จ้องมองไปที่ศยามที่เดินลับไป ศุวิมลตกใจ แน่ใจว่าใช่พี่ชายแน่ๆ
“พี่ดิ่ง!”
เพื่อนหันมาถาม
“มีอะไรเหรอศุ...”
“เดี๋ยวเรามานะ”
ศุวิมลรีบตามศยามไป

ศยามเดินมาแล้วเลี้ยวมุมตึก ศุวิมลเดินตามมามองไม่เห็นตัดสินใจ วิ่งตรงไป คนละทางกับศยาม...ศุวิมลเดินมา ไม่เห็นศยามแล้ว
“พี่ดิ่ง...พี่ดิ่งแน่ๆ ทำไม พี่ดิ่งมาอยู่แถวนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ศุวิมลไม่เข้าใจ

จิตรวรรณนั่งหน้ายังตึง พลางพลิกดูเมนู ยอดชาย ใจดีนั่งฝั่งตรงข้าม ทุกคนเงียบกันไปหมด จิตรวรรณทำลายความเงียบขึ้นมา

“อยากเป็นเพื่อนฉันหรืออยากเป็นศัตรู”
ยอดชายกับใจดีร้องขึ้นพร้อมกัน
“จี๊ด”
“แต่ฉันยังอยากเป็นเพื่อนกับพวกแกอยู่ เพราะฉะนั้น อย่าทำแบบนี้อีก”
ยอดชายพยายามแย้ง
“แต่จี๊ดกำลังจะตัดโอกาสการมีเพื่อนดีๆเพิ่มอีกคนนึงนะ”
“มีเธอสามคนที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแล้วไง พอแล้ว ฉันไม่โลภ”
ยอดชายกับใจดีถอนหายใจ ยอมจำนนไปก่อน
จิตรวรรณมองไปที่ประตูร้าน
“เงาะยังไม่มาอีกเหรอ”
ใจดีบอก
“บอกว่าจะมาช้านิดนึง...ติดคุยงานเครียด”
จิตรวรรณนึกได้
“คงมาไล่ๆกับเจ้ามือเลี้ยงฉลองการทำงานวันแรกของฉันแหละ”
ใจดีหันมาถามอย่างไม่มั่นใจในตัวเพื่อน
“แล้วจะทำแค่วันเดียวด้วยหรือเปล่า”
“บ้าสิ...ยังไม่รู้แพ้ชนะเลย”
ยอดชายกับใจดี มองจิตรวรรณอย่างสงสัย
“บริษัทพ่อฉันนะ ทำเล่นๆได้ไง คอยดูโหมดจริงจังของฉันก็แล้วกัน แล้วจะแปลกใจ”
“แค่นี้ก็เกือบทำตกเก้าอี้แล้ว...จี๊ดมาทำงาน”
“ตีหลังหักเลย สั่งอาหารได้แล้ว...พี่เทวัญชอบทานเนื้อ มีเมนูอะไรบ้างคะ”
พนักงานเสนอเมนูเนื้อ จิตรวรรณตั้งใจฟัง ตั้งใจเลือก ยอดชายมองจิตรวรรณ ใจแป้ว ลุกขึ้น
“ไปห้องน้ำก่อนนะ”
ยอดชายรีบออกไป ใจดีมองตาม เข้าใจความรู้สึกเพื่อนดี

ศยามเดินมาหยุดพัก สงบสติอารมณ์ รถของเทวัญมาจอด ไฟหน้ารถปิดลง เทวัญมากับเงาะ เขาคว้ามือเงาะขึ้นมาจับ เงาะเอียงอาย
“พี่สัญญา พี่จะรีบบอกเลิกจี๊ดให้เร็วที่สุด...แล้วเราสองคนจะได้คบกันอย่างเปิดเผย พี่รอวันนี้มานานมากเลยรู้มั้ย”
“วันอะไรคะ”
“วันที่พี่ไม่ต้องอยู่อย่างทรมานใจเพราะแอบรักเงาะข้างเดียวอีกต่อไปแล้ว”
“เงาะก็เหมือนกันค่ะ เงาะรักพี่เทวัญมากนะคะ รักมานานแล้ว แต่เงาะก็เจียมตัวเพราะ...เงาะไม่มีอะไรสู้จี๊ดได้เลย”
“ได้สิ...เพราะพี่รักเงาะ ไม่ได้รักจี๊ด สัญญากับพี่นะ ว่าจะเก็บเรื่องของเราเป็นความลับไว้ก่อน จนกว่าจะถึงเวลา”
“เงาะเป็นของพี่เทวัญแล้ว เงาะจะเชื่อพี่เทวัญทุกอย่าง”
เทวัญบรรจงจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน เงาะโผเข้ากอดเชื่อสนิทใจ เทวัญยิ้มเหยียด โดยที่หญิงสาวไม่เห็น
“เรารีบลงไปกันเถอะ เงาะเข้าไปก่อน เดี๋ยวพี่จะเข้าไปทีหลัง”
เทวัญเปิดประตูรถลงไป เงาะตั้งใจทำตุ้มหูตัวเองหล่นลงที่พื้นรถ แล้วรีบลงจากรถไป ศยามจะเดินต่อไป เห็นเงาะลงมาจากรถ ซึ่งเทวัญเดินอ้อมมาหาเงาะพอดี เงาะหอมแก้มเขาแล้วรีบเดินเข้าไปด้านในบริเวณร้านอาหาร ศยามตกใจกับภาพที่เห็น...เทวัญรอจนเงาะเดินไปไกล แล้วจึงออกเดินไป ศยามรู้สึกสงสารจิตรวรรณขึ้นมาทันที

ยอดชายเดินมาสงบสติอารมณ์ เพราะรู้สึกหึง
“ป่านนี้แล้วยังไม่ชินอีกหรือไง เขารักกัน เรามันเป็นได้แค่เพื่อน เพื่อน เพื่อน! โอเค...กลับไปหาเพื่อน”
ยอดชายหันหลังจะเดินกลับ ชนเข้ากับเพื่อนศุวิมลที่ถือแก้วน้ำดื่มเดินตามหาศุวิมลมา ทำให้น้ำกระฉอกรดเป้ากางเกงยอดชาย เพื่อนศุวิมลหน้าเสีย
“ขอโทษค่ะคุณ”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร”
เพื่อนศุวิมลรีบเดินออกไป...ยอดชายมองกางเกงตัวเอง เซ็งๆ
“เฮ้อ...วันนี้ไม่ใช่วันของเราจริงๆ”
ยอดชายหยิบผ้าเช็ดหน้าก้มลงซับกางเกง ศุวิมลเดินเข้ามาทางด้านหลังเห็นท่าทางของยอดชายกำลังก้มๆเงยๆเป้ากางเกง ดูคล้ายคนวิตถารกำลังทำอุจาด ศุวิมลตกใจ ยอดชายหันหน้ามามองพอดี ศุวิมลจำได้
“นาย...ไอ้โรคจิต...อีกแล้ว...แก!”
ศุวิมลเอากระเป๋าถือไล่ตียอดชาย แต่ก็ไม่กล้าหันหน้าไปดู
“อุจาด อุบาทว์ ไป๊ คราวก่อนก็แอบดูนักศึกษา คราวนี้...ทุเรศกว่าอีก อี๊ ช่วยด้วยค่า”
ยอดชายหน้าตื่น ปัดป้องเป็นพัลวัน
“เดี๋ยวก่อนคุณ โอ๊ย พอ พอก่อน โอ๊ย!”
“โรคจิตขั้นรุนแรง ชอบโชว์ในที่สาธารณะ นายต้องเข้ารับการรักษา ช่วยด้วย ใครก็ได้ ช่วยมาจับที เร็ว!”
“ผมโชว์อะไร! ไม่ได้โชว์ ดูเด่ะ!”
ยอดชายหันหน้ามา ศุวิมลเอามือปิดตา
“ว้าย!”
“บอกให้ดู!”
“ไม่ดู!”
ศุวิมลชะงัก...ก่อนจะนึกขึ้นได้
“ถ้าเราไม่ดู มันจะคิดว่าเรากลัว แล้วจะยิ่งได้ใจ”
“ดูให้เต็มตาเลย ว่าผมชอบโชว์ใช่มั้ย”
“ดูก็ได้!”
ศุวิมลตัดใจ เปิดตาดู ปรากฏว่าทุกอย่างเรียบร้อย มีแต่เป้ากางเกงที่เปียกน้ำ
“หือ”
“ไหน โชว์อะไร...ผมเช็ดกางเกงผม มันเปียก เพราะมีคนทำน้ำหกใส่ผม เห็นยัง”
“เห็นแล้ว!”
“บ้าเปล่าเนี่ย...ชอบคิดเองเออเอง”
“ผู้ชายหยาบคาย”
“ก็ยังดีกว่าผู้หญิงจิตหยาบ ชอบมองคนอื่นในแง่ร้าย”

ศุวิมลมองยอดชายอย่างไม่พอใจ ไม่มีใครยอมใคร...แล้วทั้งคู่ก็สะบัดหน้าหนีเดินออกไปคนละทาง

จิตรวรรณป้อนอาหารให้เทวัญอย่างเอาใจ

“อร่อยมั้ยคะ ของชอบพี่เทวัญ”
“อร่อยมากจ๊ะ จี๊ดรู้ใจพี่เสมอ”
เงาะที่นั่งใกล้เทวัญ ลอบมองอย่างไม่พอใจ...แต่พยายามเก็บอาการ ในขณะที่ยอดชายตักกินๆ อย่างไม่สนใจ ใจดีหันไปถาม
“หิวมากหรือไงแก กินไม่เงยหน้าเลย”
ยอดชายพูดห้วนๆ
“รีบอิ่ม รีบกลับ”
จิตรวรรณหน้าเหวอ
“อ้าว...ทำไมล่ะยอด พี่เทวัญชวนไปต่อนะ”
“ลืมไปแล้วหรือไงว่าพรุ่งนี้ต้องทำงานนะจี๊ด รีบนอนดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ไหว”
จิตรวรรณนึกได้
“นั่นสิ ลืมไป...ว่าฉันต้องไปทำงาน”
เทวัญลอบไม่พอใจยอดชาย จิตรวรรณหันมายิ้มแย้มบอกเทวัญ
“งั้นไว้วันหลังนะคะพี่เทวัญ ไม่งอนนะ”
“จะงอนทำไมล่ะจ๊ะ พี่ตามใจน้องจี๊ดอยู่แล้ว”
ยอดชายแอบเบือนหน้า หมั่นไส้เทวัญ เงาะอมยิ้มพราว...คิดทำอะไรบางอย่าง หญิงสาวค่อยๆถอดรองเท้า แล้วใช้เท้าไปสัมผัสขาของเทวัญที่ใต้โต๊ะ เทวัญชะงัก แอบยิ้ม แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ ในขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารของตัวเอง ไม่มีใครสนใจใคร...ใจดีทำกระเป๋าถือตัวเองหล่น รีบก้มลงไปเก็บ พอดีเหลือบไปเห็นเท้าของเงาะกำลังนัวเนียอยู่กับขาของเทวัญ...ใจดีตกใจ รีบผุดลุกขึ้นมา ช็อก มองหน้าเงาะและเทวัญทั้งสองคน...แต่ก็ยังทำตัวปกติ
“ยอด...ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย”
ใจดีขยิบตาส่งสัญญาณให้ยอดชาย
“อ๋อ แข้งขาอ่อนแรง...”
ยอดชายลุกตามใจดีออกไป จิตรวรรณหันมาเอาใจเงาะ
”เงาะ ทานเยอะๆนะแก อ่ะนี่...ของโปรดของแก”
“ขอบใจนะ...แต่ฉันตอนนี้ฉันหันมาชอบทานอะไรๆเหมือนแกแล้วล่ะจี๊ด”
“เหรอ...งั้นทานเลย มา แบ่งกัน”
จิตรวรรณไม่รู้ตัวว่าเงาะมีความหมายใต้ประโยค...รีบแบ่งอาหารจานโปรดของตัวเองให้เพื่อน เงาะยิ้มพรายสบตากับเทวัญที่นั่งยิ้มกริ่ม ไม่รู้ไม่ชี้อยู่

ใจดีคุยกับยอดชายที่มุมหนึ่ง ยอดชายตกใจมาก
“จริงเหรอ ใจดี”
“จริง ฉันตาไม่ฝาด ฉันเห็น ยัยเงาะกับพี่เทวัญ...เฮ้อ...เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอ่ะยอด”
“สงสาร จี๊ด...”
“ใช่ น่าสงสารจี๊ด และอยากจะตบเพื่อนมาก ทำงี้ได้ไง ไม่ไหวล่ะ ฉันจะไปบอกจี๊ด”
“เดี๋ยวก่อน ใจดี...ใจเย็นๆ...เรามาช่วยกันหาทางออกสวยๆให้กับเรื่องนี้ดีกว่า ยังไงเงาะก็เพื่อน ถ้าจี๊ดรู้ตอนนี้ เสียเพื่อนแน่...”
ยอดชายและใจดีกลุ้มใจแทนจิตรวรรณ

ศยามนั่งซึมอยู่ที่สวน คิดถึงภาพที่เทวัญจู่จี๋กับเงาะ
“คนเรา รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ”
รถของจิตรวรรณเข้ามาจอด หญิงสาวลงมาจากรถ ศยามรีบลุก จะเดินหนี จิตรวรรณเห็นก็เรียกไว้
“เดี๋ยว!”
ศยามชะงัก จิตรวรรณเดินฉับๆมาหา
“ช่วยบอกญาติโกโหติกาของนายด้วยนะว่าไม่ต้องโทรเข้าบ้านนี้อีก ไม่สะดวกรับสาย ให้”
ศยามแปลกใจ
“ญาติ”
“ก็ให้เบอร์บ้านนี้กับใครไปล่ะ”
ศยามงงๆ
“ผมไม่...”
“ฉันไม่เสียเวลาฟังนายหรอก มองก็ไม่ได้อยากจะมอง”
จิตรวรรณหันเดินกลับเข้าไปในบ้าน ศยามแปลกใจมาก

“มีคนโทรหา ใคร...รู้ได้ยังไง”

พริกกับเกลือ ตอนที่ 2 (ต่อ)

เศกนั่งซึม คิดถึงศยามด้วยความปวดร้าวใจ มารศรีเดินเข้ามาหา วางเครื่องดื่มให้ พยายามเอาใจ

“ดื่มเครื่องดื่มร้อนๆหน่อยนะคะ กลับมาจากทำงาน คุณไม่แตะอะไรเลยนะคะ”
“ผมกินไม่ลง”
“ศรีเกลียดคุณดิ่งค่ะ”
“คุณศรี!”
“ก็ศรีเกลียดเขาที่ทำร้ายจิตใจคุณ ศรีมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกแบบนี้นะคะ”
เศกโอบมารศรีเข้ามากอด
“ขอบคุณมาก”
“ศรีเข้าใจค่ะ ว่าคุณกำลังเสียใจ แต่คุณต้องดูแลตัวเองด้วย ศรีเป็นห่วงคุณมาก ศรีรักคุณนะคะ”
เศกยิ้มพอใจกับคำพูดของเมียรัก ศุวิมลเดินเข้ามาพอดี รีบมาหาพ่ออย่างตื่นเต้น
“คุณพ่อคะ”
“มีอะไรลูก ได้ข่าวเจ้าดิ่งแล้วใช่มั้ย”
“เมื่อตอนหัวค่ำ หนูไปธุระกับเพื่อน หนูคิดว่า หนูเห็นพี่ดิ่งค่ะ”
เศกชะงัก
“เห็นเจ้าดิ่ง!”
มารศรีตกใจ เครียดขึ้นมาทันที
“แล้วทำไมเขาไม่คิดจะกลับบ้านมาหาพ่อหาน้อง ใจร้าย...”
ศุวิมลไม่พอใจมารศรี
“คงมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้พี่ดิ่งไม่อยากกลับ”
มารศรีเสียงแข็ง
“คุณศุกำลังจะบอกว่า...เพราะดิฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เหรอคะ”
“ก็ไม่แน่ พี่ดิ่งอาจจะประท้วงที่พ่อแต่งงานใหม่”
“ไม่ใช่หรอกน่า มันซะอีกที่บอกพ่อว่าอยากให้พ่อแต่งงานใหม่ เพราะไม่อยากให้พ่อเหงา...”
ศุวิมลนิ่งไป...มารศรีแอบยิ้มสะใจที่ศุวิมลถูกเศกดุ
“จะอะไรก็แล้วแต่...ศุว่าพี่ดิ่งกำลังมีปัญหา ศุจะพยายามตามหาพี่ดิ่งให้เร็วที่สุดค่ะ คุณพ่อ”
เศกพยักหน้าอย่างเหนื่อยใจ มารศรีครุ่นคิด ต้องพยายามเจอศยามให้ได้ก่อนใคร

เช้าวันใหม่...เศกสะดุ้งตื่น ฝันร้าย
“เจ้าดิ่ง!”
เศกรู้สึกตัวว่าเป็นความฝัน ลูบหน้าลูบตา หันไปมองข้างๆ ไม่เห็นมารศรี เศกแปลกใจ...เศกเดินออกมาจากห้อนนอน เจอแม่บ้าน
“คุณศรีอยู่ไหน...”
“เห็นออกไปแต่เช้ามืด บอกว่าจะไปทำบุญที่วัดค่ะ”
เศกแปลกใจ
“ทำบุญเหรอ...”

ศยามเปิดตู้เสื้อผ้า...เก็บเสื้อผ้าทั้งหมดใส่กระเป๋าใบเล็ก ตั้งใจจะออกไปจากบ้านนี้ หลังจากที่รู้ว่ามีคนโทรหา ศยามรูดซิปกระเป๋า เปิดประตูห้อง เดินออกไป ชายหนุ่มเดินดุ่มๆมาที่ประตูหน้าบ้าน กำลังจะเปิดประตูออกไป เสียงจิตรวรรณ ดังขึ้น
“จะรีบไปไหน!”
ศยามหันมาเห็นจิตรวรรณ ยืนหน้าเข้มมองมา ชายหนุ่มถอนใจ เซ็ง จิตรวรรณเข้ามาแล้วแย่งกระเป๋ามา
“คุณ!” ศยามอึ้ง
จิตรวรรณเปิดกระเป๋า ค้นๆๆ ไม่พอใจ เทของออกมาจากกระเป๋าทั้งหมด
“ดูซิ ว่าขโมยอะไรไป!”
“เชิญ...ตามสบาย”
แต่ในกระเป๋าไม่มีอะไรที่เป็นของมีค่า...จิตรวรรณคุ้ยกระเป๋าทุกซอกทุกมุม ศยามเบื่อหน่าย
“เจอมั้ย”
จิตรวรรณเจ็บใจ ปากระเป๋าคืนศยามไป
“แล้วจะรีบไปไหนตั้งแต่ไก่โห่”
“ไป...ทำงาน กลัวรถติด นี่อย่าบอกนะว่าเฝ้าจับตาผมตลอดเวลาไม่หลับไม่นอน”
“ใช่! ทำงานแล้วต้องเอาเสื้อผ้าไปด้วยทำไม”
ศยามอึ้ง
“ฉันรู้ ว่าญาตินายโทรหาเพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง นายถึงคิดจะรีบออกไป แล้วอ้างว่าไปทำงาน แต่ให้ญาตินายที่ได้ข้อมูลแผนที่บ้านฉันจากนาย ย้อนรอยมาขึ้นบ้านฉัน”
“เฮ้ย คุณ ดูหนังมากไปมั้ง เพ้อเจ้อ!”
ศยามเดินหนี จิตรวรรณเข้าไปขวาง
“ยังไปไม่ได้!”
“นี่ ผมต้องขึ้นรถเมล์นะ ต้องใช้เวลาเดินทาง ไม่ได้สบายขับรถปร๊าดเดียวถึงเหมือนคุณ”
“ฉันจะให้นายไปทำงานกับฉัน!”
ศยามหน้าเหวอ
“อะไรนะ!”
“ถ้านายบริสุทธิ์ใจจริง ก็ต้องนั่งรถไปกับฉัน”
“ผมไม่...”
“แต่ถ้าไม่ แสดงว่านายคิดหนีและกำลังจะทำชั่วอย่างที่ฉันคิด ฉันจะแจ้งตำรวจ”
จิตรวรรณจะเข้าบ้านไปแจ้งตำรวจ ศยามเอือมระอา
“วุ่นวายจริงพับผ่า...ไปด้วยก็ได้!”
จิตรวรรณหันมามองพอใจ
“แต่ต้องรีบพาผมไปเข้างานให้ทันแปดโมง...ตอนนี้อีกห้านาทีเจ็ดโมงเช้า ถ้าออกจากบ้านเกินเจ็ดโมงสิบห้า...สายแน่นอน”
“อีกยี่สิบนาที!”
“ถ้าไม่ทัน ผมไปก่อน”
“ทัน! รออยู่ตรงนี้แหละ...ไม่ได้ๆ เข้าไปรอในบ้าน ฉันจะให้ป้าเพ็ญคุมตัวนายไว้ มานี่”
จิตรวรรณจิกแขนเสื้อศยามแล้วลากเข้าข้างในบ้าน มารศรีเดินมาแอบดูที่รั้วเจ็บใจมาก

“นังจี๊ดตัวแสบ...มาตัดหน้าไปซะได้”

ศยามตามจิตรวรรณมาที่รถ ป้าเพ็ญตามมาด้วย...มองมาขำๆ จิตรวรรณขึ้นขับ ศยามแกล้งไปนั่งข้างหลัง จิตรวรรณลงมา เปิดประตู ลากศยามลงมา

“ฉันไม่ใช่คนขับรถ มานั่งข้างหน้า”
“อยากให้ผมเป็นตุ๊กตาหน้ารถเหรอ”
“เก็บปากไว้กินข้าวเถอะ นั่งไปเงียบๆเลยนะ”
ศยามไปนั่งข้างคนขับ จิตรวรรณเดินไปประจำที่ตัวเอง ขับออกไป ปรู๊ดปร๊าดมาก ป้าเพ็ญหนักใจ
“คุณหนูจี๊ด ขับช้าๆค่ะ เฮ้อ...เมื่อไหร่จะฟังกันบ้าง”
เจตนาเดินออกมา แปลกใจ
“ยัยจี๊ดไปไหน”
“ไปทำงานแล้วค่ะ”
“อะไรนะ เป็นไปไม่ได้! ตอนนี้เนี่ยนะ”
“เป็นไปแล้วค่ะ...เพราะคุณดิ่งค่ะท่าน”
“นายดิ่งเหรอ”
เจตนาทั้งแปลกใจ ทั้งนึกพอใจ

ศยามลงจากรถของจิตรวรรณ ผะอืดผะอมมาก จะอ้วก จิตรวรรณรีบลงมาจากรถ ผลักเขาให้ไปอ้วกห่างๆรถ
“ไปทำสกปรกห่างๆรถฉันเลย!”
ศยามหันหน้ามาจะอ้วกใส่
“ตรงนี้แล้วกัน”
“ว้าย! ไม่ได้ ไปห่างๆฉัน! อี๋...”
จิตรวรรณกระเถิบออกห่าง
“จงใจแกล้งฉันมั้ยเนี่ย”
“ใช่!”
“นาย!”
“ก็คุณจงใจขับรถแย่ๆ ทำให้ท้องไส้ผมปั่นป่วน”
จิตรวรรณเจ็บใจ
“นายนี่มัน...”
ลุงแปลงเข้ามาพอดี
“อ้าว...คุณจี๊ด สวัสดีครับ มาแต่เช้าเลยนะครับ”
“อ๋อ...ค่ะ พอดี...ตื่นเต้น อยากทำงานค่ะลุง”
“ดีครับ...ท่านได้ยินคงชื่นใจ”
ศยามเบ้หน้า
“เหอะ!”
จิตวรรณจิกตามอง
“อะไร!”
“ผมไปตอกบัตรก่อนนะลุง”
“ไปด้วยกัน ขอตัวนะครับคุณจี๊ด”
ศยามเดินไปกับลุงแปลง จิตรวรรณมองแค้นๆ
“ฉันจับตาดูนายอยู่ คิดหนีเมื่อไหร่ นายเสร็จแน่!”
ศยามไม่สนใจ เดินไป ลุงแปลงยิ้มๆ ไม่ได้ติดใจอะไรกับความเยอะของหญิงสาว จิตรวรรณเซ็ง ที่ตัวเองมาซะเช้า ดูเวลา แปดโมงพอดี...
“ออฟฟิศงานเข้าเก้าโมง...อีกตั้งชั่วโมง แล้วฉันจะทำอะไรเนี่ย”

จิตรวรรณเดินเข้าไปข้างใน มารศรีขับรถมาจอดด้านหน้า มองเข้าไปข้างใน ยิ้มพอใจ

จิตรวรรณเดินมาที่โต๊ะ เห็นรัตนานั่งทำงานอยู่แล้วก็ชะงัก รัตนาเงยหน้าขึ้นมองยิ้มทักทาย

“สวัสดีค่ะคุณจี๊ด มาเช้าจังเลยค่ะ”
จิตรวรรณไม่สนใจ เดินเลยไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง นั่งเชิดๆ รัตนาอึ้งๆ...หันไปจะคุยกับจิตรวรรณเรื่องงาน
“เช้านี้ ท่านประธาน...”
จิตรวรรณขัดขึ้นทันที
“ยังไม่ถึงเวลางาน อีกห้าสิบนาที...ไม่ต้องมาทำเป็นขยันใส่”
รัตนาอึ้ง จิตรวรรณลุกเดินออกไป เรียกหาแม่บ้านเสียงดังลั่น
“แม่บ้าน แม่บ้าน! ยังไม่มาทำงานกันหรือไง จะฟ้องคุณพ่อหักเงินเดือนซะนี่”
“ยังไม่ถึงเวลางานของแม่บ้านน่ะค่ะ”
จิตรวรรณอึ้ง หันไป จะวีน รัตนาตัดบท
“คุณจี๊ดจะรับกาแฟใช่มั้ยคะ เดี๋ยวดิฉันไปดูให้นะคะ รอสักครู่ค่ะ”
รัตนารีบออกไป...จิตรวรรณหมั่นไส้

ศยามกำลังอ่านใบงานของตัวเอง แต๋วเดินมาหา
“ดิ่งจ๊ะ...”
“ครับ”
“ขอโทษเรื่องพี่โพด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร...ท่าทางเขา...ชอบแต๋วมากนะ”
“แต่แต๋วไม่ได้ชอบเขา แต๋วไม่ชอบคนอารมณ์รุนแรง”
“แต่เขาดูจริงใจนะ”
“ก็ไม่สน ช่างเถอะ...ลืมไป มีโทรศัพท์จ๊ะ”
ศยามงงๆ
“โทรศัพท์ผม”
“จ๊ะ”
ศยามแปลกใจ

ศยามรับโทรศัพท์ อยากรู้ว่าใครที่พยายามโทรหา
“ฮัลโหล...”
มารศรี ดีใจที่ศยามรับสาย เริ่มแสร้งทำเป็นดีใจมาก จนร้องไห้
“ดิ่ง...ขอบคุณสวรรค์ ที่คุณยอมรับสายฉัน...ขอบคุณจริงๆ”
“คุณตามหาผม...ได้ยังไง”
“มันไม่สำคัญหรอกค่ะ สำคัญที่ฉันหาคุณเจอแล้ว ฉันจำเป็นต้องพบคุณ ฉันมีเรื่องที่ต้องอธิบายให้คุณฟังค่ะดิ่ง”
“ไม่จำเป็น”
“คุณไม่สงสัยบ้างเหรอคะว่าทำไมจู่ๆ ฉันถึงได้หายไปจากชีวิตคุณ”
ศยามอึ้ง
“ขอโอกาสให้ฉันอธิบายนะคะดิ่ง...แค่ครั้งเดียว หลังจากนั้น ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะไม่ขอร้องอะไรคุณอีกแล้ว นะคะ”
ศยามลังเล

เมื่อรัตนาเอากาแฟมาเสิร์ฟ จิตรวรรณจงใจปัดถ้วยกาแฟจนหกกระเด็นใส่รัตนา
“โอ๊ย!”
“อุ๊ย ตาย...ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ แต่ฉันว่า เธอซุ่มซ่ามเองนะ”
“ค่ะ”
“ไปหาผ้ามาเช็ดสิ แม่บ้านยังไม่มานี่ ฉันทำไม่เป็นหรอก”
“ค่ะ”
รัตนาเก็บถ้วยเดินออกไป จิตรวรรณยิ้มสะใจ ยอดชายเดินเข้ามา
“นี่มันลีลาของตัวอิจฉาในละครชัดๆเลยนะจี๊ด”
“พูดอะไรของเธอ...ยอด”
“พูดในสิ่งที่ผมเห็น”

จิตรวรรณอึ้ง ทำลอยหน้าลอยตา ไม่รู้ไม่ชี้

ยอดชายเข้ามาคุยกับจิตรวรรณ

“พี่รัตนาเป็นคนดีมาก มีแค่จี๊ดกับแม่นั่นแหละที่เชื่อว่าพี่เขาไปจะมีอะไรกับท่านได้”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอกยอด”
“ใช่ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ แต่ควรใช้วิจารณญาณในการดูคน ไม่ใช่ใช้อคติ”
“ฉันไม่ได้มีอคติ ฉันมั่นใจ ว่าผู้หญิงคนนั้น คิดจะใช้เต้าไต่ ไม่งั้นจะทนให้ฉันโขกสับอยู่งี้เหรอ เพราะอยากได้สมบัติพ่อฉันไง ถึงได้ทนอยู่อย่างนี้”
“ผิดแล้ว...เพราะพ่อจี๊ดมีบุญคุณ ช่วยชีวิตพี่รัตนาเอาไว้ต่างหาก”
จิตรวรรณอึ้ง
“อะไรนะ”
“พี่รัตนาถูกโจรวิ่งราวทำร้าย นอนสลบอยู่ริมถนน พ่อจี๊ดไปเจอเข้า ถ้านำตัวไปส่งโรงพยาบาลไม่ทัน พี่เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้ พี่เขาสำนึกบุญคุณท่าน เลยตั้งใจอยู่ทำงานรับใช้อย่างถึงที่สุด”
จิตรวรรณทำไม่สนใจ
“เฮอะ...”
“อย่าตะแบง แล้วก็จะตัดสินใคร หัดเช็กข้อมูลให้มันรอบด้านก่อน...”
“ไม่ต้องมาเข้าข้างกันเลย”
“งั้นถ้าฉันจะบอกเธอว่า...พี่เทวัญของเธอกำลังนอกใจเธอ จะว่าไง”
จิตรวรรณอึ้ง ไม่เชื่อ
“เธอมันอคติ เธอไม่ชอบพี่เทวัญอยู่แล้ว เลยหาทางใส่ร้าย”
ยอดชายจ้องหน้า
“จี๊ด เธอไม่รู้จักนิสัยเพื่อนเธอจริงๆเหรอ”
จิตรวรรณชะงักอึ้ง
“จะให้เชื่อได้ไง...ฉันดูของฉันดีแล้ว คบกันมาสามปี ไม่เคยมีเรื่องเหลวไหล”
“ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน เขาอาจจะดีแตกตอนปีที่สี่ก็ได้”
จิตรวรรณเหลือบไปเห็นศยามเดินดุ่มๆออกไปนอกออฟฟิศ จิตรวรรณพุ่งความสนใจไปที่ศยามทันที
“ไว้ค่อยคุยได้ป่ะ”
จิตรวรรณเดินออกไปเลย
“จี๊ด เดี๋ยวก่อน”
ยอดชายจะตามพอดีมีเสียงเรียกเข้ามือถือของเขา ยอดชายรับสาย
“ครับผม...ครับ ได้ครับ เดี๋ยวจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
ยอดชายจำใจต้องเดินเข้าออฟฟิศไป

ศยามเดินมาตามถนน มองซ้าย ขวาหน้าหลัง แน่ใจว่าจะไม่มีใครตามมา ศยามรีบโบกแท็กซี่คันหนึ่งแล้วขึ้นไป จิตรวรรณโผล่ออกมา เห็นศยามขึ้นแท็กซี่ จิตรวรรณรีบโบกแท็กซี่บ้าง แล้วขึ้นไปทันที
“ตามแท็กซรี่คันหน้าไปค่ะ”
แท็กซี่ของจิตรวรรณเคลื่อนตัวตามแท็กซี่ของศยามไป

ศยามลงจากรถแท็กซี่ เดินเข้าไปในสวนสาธารณะ แท็กซี่อีกคันมาจอด จิตรวรรณลงจากรถตามเข้าไป...มารศรียืนรออยู่ ศยามเดินเข้ามา ยืนข้างหลัง จิตรวรรณเข้ามาแอบดูอยู่จากมุมหนึ่ง
“นัดผู้หญิง...ใครน่ะ”
ศยามมองมารศรีอย่างปวดร้าว ตัดสินใจเรียกเบาๆ
“มารศรี”
มารศรีค่อยๆหันมา เห็นเข้าก็ดีใจ

“เฮ้ย...นั่นมัน...” จิตรวรรณเห็นหน้ามารศรีก็ตกใจ

โปรดติดตาม "พริกกับเกลือ" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น