ภูผาแพรไหม ตอนที่ 11
แพรไหมเดินตามไปดักหน้าแสงฉาย แสงฉายหยุดชะงัก ธนา คมและพลหยุดยืนเยื้องออกไป
“ฉันคิดว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ ที่แท้ คุณเลวกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก” แพรไหมว่า
“จะมีใครดีเท่าคุณภูผาล่ะ” แสงฉายย้อน
“ใช่สิ อย่างน้อย เขาก็ไม่มาข่มขู่ ใช้กำลังบังคับให้ฉันยอมแต่งงานด้วย”
แสงฉายทั้งโกรธทั้งอิจฉา “รักมันมากใช่ไหม...ถึงได้กล้ายกเลิกงานแต่งงานกับผม”
แพรไหมนิ่งคิด และตัดสินใจยอมรับ “ใช่...ฉันรักเขา... ยอมรับความจริงเถอะค่ะ ระหว่างเรา มันเป็นไปไม่ได้...แต่งงานกันไปก็ทรมานใจกันเปล่าๆ อย่างคุณจะหาผู้หญิงที่สวยกว่าฉัน ดีกว่าฉันอีกกี่ร้อยคนก็ได้”
“แต่คนที่ผมอยากจะแต่งงานด้วยคือคุณคนเดียวเท่านั้น”
“ฉันยอมตายดีกว่าที่จะยอมแต่งงานกับคุณ”
“คนที่สมควรตาย คือภูผาต่างหาก... ถ้าไม่มีมันเสียคน...เรื่องของเราก็คงง่ายกว่านี้”
“อย่าไปยุ่งกับเขา”
“มันก็ไม่แน่...ถ้างานนี้ คุณไม่ยอมแต่งงานกับผม...จำไว้นะ คุณแพรไหม ผมอาจจะยอมเสียใจที่คุณไม่รักผม ... แต่ผมจะไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด ถ้าคุณยังอยากให้ภูผามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป...คุณต้องแต่งงานกับผมไม่มีทางเลือกอื่น”
แสงฉายหันไปมองแพรไหมด้วยความเจ็บปวด... แพรไหมจ้องหน้าแสงฉายก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา
“ก็ได้ ... ฉันจะยอมแต่งงานกับคุณ...แล้วก็จำไว้เลยนะ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน คนอย่างคุณ ไม่มีวันได้หัวใจของฉัน”
แสงฉายยิ้มอย่างเป็นต่อ
พันทิญาเดินเข้ามานั่งในห้องนอนก่อนจะร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ วนิดาเดินตามเข้ามา
“โง่....โง่ทั้งแม่ทั้งลูกเลย....แค่คำขู่ของเจ้าก็กลัวกันหัวหด” พันทิญาว่า
“ใจเย็นๆน่ะพัน”
“เย็นไม่ไหวแล้วนะคะน้าดา...พรุ่งนี้ มันก็จะแต่งงานกับเจ้าแล้ว...แล้วพันก็ต้องกลายเป็นคนแพ้ ... แพ้นังแพรไหม...พันทนไม่ได้”
“ไม่...เป็นตายยังไง น้าก็ไม่ยอมแพ้นังแม่ลูกนั่นเด็ดขาด... พวกมันต่างหากล่ะที่จะต้องกลายเป็นคนสูญเสีย...ไม่เหลืออะไรเลย ... อย่ากลัวไปเลยลูก”
พันทิญางง “ลูก...”
วนิดาเริ่มได้สติ “น้ารักพันเหมือนลูก...น้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้พันสมหวัง ต่อให้ต้องทำร้ายคนอีกกี่คน น้าก็ยอม เพื่อพันของน้า”
วนิดาพูดอย่างอาฆาตแค้น พันทิญามองวนิดาอย่างไม่เข้าใจ
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะคะ น้าดา”
วนิดายิ้มอย่างมีแผนการร้าย
ภูผาขับรถมาอย่างเหงาๆ จู่ๆ ภาพตอนที่เขาอยู่กับแพรไหมที่เชียงใหม่ก็เข้ามาในหัว ภูผา รู้สึกเจ็บปวดกับความจริง ภาพบรรยากาศตอนที่เขาอยู่กับแพรไหมที่ทะเลหัวหินก็ลอยเข้ามา
“ปากบอกว่ารัก ... แต่กลับไปแต่งงานกับคนอื่น” ภูผาโพล่งออกมา
ภูผาเศร้าใจอย่างมาก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องใจหายกับการแต่งงานของแพรไหมด้วย
แพรไหมเดินมานั่งซึมในบ้าน ภาพภูผาที่ปฏิเสธความรักของเธอโผล่เข้ามาในหัว
“คุณจะมาเชื่ออะไรกับลมปากของผู้ชาย...ก็เหมือนคุณไง...คุณบอกว่ารักพี่ชัย รักเจ้าแสงฉาย...และคงรักทุกคนที่คุณรู้จัก...เพื่อหลอกให้พวกเขาตายใจจนตกเป็นเหยื่อคำว่ารักของคุณ... เสียใจด้วยนะ...ผมไม่เชื่อคุณหรอก” เสียงภูผาดังขึ้นในหัวของเธอ
แพรไหมน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจ
ภาพตอนที่เธอพูดกับภูผาย้อนกลับมาในหัว...
“ แล้วคุณมาหลอกฉันทำไม” แพรไหมถาม “ก็สมควรแล้วนี่...คุณหลอกพี่ชายผมจนฆ่าตัวตาย... ถ้าผมจะหลอกคุณบ้าง มันก็สาสมแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แล้วที่ผ่านมาล่ะ... คุณกำลังจะบอกว่า ฉันเข้าใจผิดไปเองใช่ไหม บอกมาสิว่าคุณไม่ได้รักฉัน”“คุณทำให้พี่ชายผมตาย คุณยังคิดว่าผมจะรักคุณได้เหรอ.เสียใจด้วยนะ ...ผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว" พูดจบภูผาก็เดินเข้าไปกอดปรางแก้ว “อีกไม่นาน เราก็จะแต่งงานกัน”
“ไม่จริง...ไม่จริงใช่ไหม”
“ผมจะหลอกคุณเพื่ออะไร...คนอย่างคุณไม่มีค่าพอที่ผมจะรักได้หรอก...กลับไปซะ ไปแต่งงานกับเจ้าแสงฉาย ... ไป๊สิ ... ต่อไปนี้ เราไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกันอีก”...
แพรไหมเจ็บปวดที่นึกถึงเหตุการณ์นั้น
“พรุ่งนี้ ฉันจะแต่งงานกับเขาอย่างที่คุณต้องการ”
แพรไหมปาดน้ำตาแล้วทำท่าจะหันหลังกลับ แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพันทิญา
“พี่พัน ... แพรเสียใจนะคะ แพรไม่รู้มาก่อนเลยว่า พี่พันรักเจ้า”
“ไม่ต้องพูดหรอก...พี่เข้าใจ...พี่สู้แพรไม่ได้อยู่แล้วนี่...ตั้งแต่เด็ก คุณพ่อ คุณแม่ก็รักแพรมากกว่าพี่...มีอะไรก็ยกให้แพรก่อนพี่เสมอ ใช่สิ...แพรเป็นลูกแท้ๆของคุณแม่ ยังไงคุณแม่ก็ต้องหาผู้ชายที่ดีที่สุดให้แพรอยู่แล้ว” พันทิญาตัดพ้อ
“พี่พันก็รู้ว่า คุณแม่ไม่มีทางเลือก”
“ช่างเถอะ ... พี่ทำใจได้แล้ว...พี่แค่จะมาบอกว่า มีคนมาหาแพร เขารออยู่ที่หลังบ้านแน่ะ”
แพรไหมแปลกใจ “ใครคะ”
“อยากรู้ก็ไปดูเองสิ...บางทีอาจจะเป็นคนที่แพรกำลังคิดถึงเขาอยู่ก็ได้นะ”
แพรไหมนิ่งคิด พันทิญายิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
แพรไหมเดินออกมามองไปรอบๆ ชายคนหนึ่งโผล่มาจากทางด้านหลังแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าโปะเข้าที่หน้าของแพรไหม แพรไหมดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหมดแรง ชายอีกคนขับรถเก๋งเข้ามาจอด ชายคนแรกอุ้มร่างไร้สติของแพรไหมขึ้นรถแล้วขับออกไป ภูผาขับรถมาเห็นพอดีจึงรีบขับรถตาม
ร่างของแพรไหมถูกวางลงบนเตียงในโรงแรมม่านรูด ชายสองคนยืนมองอย่างหิวกระหาย
“หาที่ติไม่ได้จริงๆ” ชายคนแรกชม
“ผมขอก่อนนะพี่” ชายคนที่สองบอก
“อะไรวะ ... กูเป็นหัวหน้ามึงนะโว๊ย...ให้กูก่อนสิ...มึงถอยไปก่อน กูอยากจะสำรวจสินค้าให้ชัดๆ...ไป...ออกไปรอข้างนอก”
ชายคนที่สองเดินเลี่ยงออกไปแล้วปิดประตู ชายคนแรกเดินเข้าไปลูบแขนแล้วกำลังจะก้มลงไปใกล้ๆ แพรไหมลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี เธอตกใจแล้วทำท่าจะร้องโวยวาย ชายสองคนจึงช่วยกันจับ ชายอีกคนเอามือปิดปาก แพรไหมดิ้นรนขัดขืน
ชายคนแรกชกเข้าที่ท้อง แพรไหมทรุดฮวบลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ชายคนแรกจึงลากแพรไหมไปที่เตียง แพรไหมพยายามร้องอ้อนวอน
“อย่า...อย่าทำฉัน....ช่วยด้วย....อย่า.....”
ทันใดนั้น ภูผาก็พุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อชายคนที่หนึ่งออกมาก่อนจะต่อยหน้าจนล้มลงไป ทั้งสองต่อสู้กัน ชายคนนั้นสู้ไม่ไหวจึงวิ่งหนีออกไปจากห้อง ภูผาวิ่งตามออกไป ชายสองคนลนลานไปขึ้นรถ แล้วขับหนีออกไป ภูผาเดินกลับเข้าไปในห้อง แพรไหมพุ่งเข้ามากอดภูผาแน่นด้วยความกลัว
“ช่วยด้วย .... ฉันกลัว”
ภูผายืนนิ่ง เขามีสายตาอ่อนโยนลงแล้วทำท่าจะยกแขนกอดปลอบใจ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจยืนนิ่งให้แพรไหมกอดจนเธอหายตกใจ แพรไหมตั้งสติได้จึงผละออกมา
“ฉันเป็นหนี้ชีวิตคุณอีกแล้ว.... ถ้าไม่ได้คุณ ป่านนี้ ฉันคง...”
“ถึงผมจะเกลียดคุณมากแค่ไหน ก็ทำใจไม่ได้หรอก ที่เห็นผู้หญิงถูกฉุดมาต่อหน้าต่อตา... ที่จริง...ปล่อยให้คุณถูกพวกมันทำลายไปซะก็ดีเหมือนกันจะได้สาสมกับสิ่งที่คุณทำกับพี่ชายของผม”
แพรไหมพูดอย่างเจ็บช้ำ “ที่ผ่านมา ที่คุณทำกับฉัน...มันยังไม่สาสมอีกเหรอคะ ฉันยังเจ็บไม่พอเหรอคะ”
“ถ้าพี่ชายของผมฟื้นคืนมาไม่ได้...คุณเจ็บแค่ไหน มันก็คงไม่พอหรอก”
“แต่คนที่ต้องทนเจ็บไปตลอดชีวิต มันก็ไม่ต่างไปจากคนตายทั้งเป็น”
ภูผายืนนิ่ง
“จำไว้นะคุณภูผา... ฉันจะยอมแต่งงานกับเจ้าแสงฉาย ทั้งที่รู้ว่า ชีวิตของฉันนับจากวันนี้ มันจะมีแต่ความมืดมน ... ไร้ความหวัง...แต่ฉันก็จะพร้อมที่จะยอมรับความเจ็บปวดทั้งหมด เพื่อชดใช้ความผิดให้คุณ”
แพรไหมเดินออกไปจากห้อง ภูผากระชากแขนแพรไหมให้กลับมา ทั้งคู่ต่างก็จ้องหน้ากันนิ่งอย่างลืมตัว ภูผาผลักแพรไหมออกเพราะต้องการปกปิดความรู้สึกในใจ
“เดี๋ยวผมจะไปส่ง” ภูผาบอก
“ไม่.... ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน .... ให้ฉันได้อยู่อย่างอิสระเป็นวันสุดท้าย ก่อนที่ชีวิตของฉันจะกลายเป็นของคนอื่นเถอะค่ะ”
ภูผาอึ้งไป แพรไหมมองหน้าภูผาด้วยความรักเพราะเธอรู้ใจตัวเองมาตลอดว่าเธอรักเขา
ภูผาขับรถมาจอดข้างทางที่เงียบสงบในยามค่ำคืน แพรไหมก้าวลงมาจากรถ ภูผาก้าวตามลงมายืนอยู่ข้างๆ
“ฉันเคยฝันมาตลอดว่า คืนก่อนที่จะแต่งงาน ผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวทุกคน คงตื่นเต้นแทบนอนไม่หลับ... รอคอยที่จะนั่งเคียงคู่กับผู้ชายที่เราหวังจะฝากชีวิตไว้ วางมือลงบนมือของเขา ให้เขาพาเดินไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต แต่คืนนี้ กลับเป็นคืนที่ฉันอยากให้มันยาวนานที่สุด”
“ชีวิตคนเรามีทางให้เราเลือกเดินเสมอ... อยู่ที่ว่า คุณจะมองหามันหรือเปล่า”
“แต่ฉันถูกบีบให้เหลือทางเลือกเพียงทางเดียว ... แต่ช่างเถอะอย่าไปพูดถึงมันเลย...ฉันอยากให้คืนนี้ มีแต่เราสองคน” แพรไหมบอก
“มันจะมีประโยชน์อะไร” ภูผาถาม
“อย่างน้อย ฉันก็อยากจะเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้...ว่าครั้งหนึ่ง ฉันเคยได้รู้จัก ได้” แพรไหมจะพูดว่ารักแต่ก็ไม่พูดออกมา “.... เอ่อ ..... ใกล้ชิดคนดีๆอย่างคุณ”
แพรไหมเดินเลี่ยงไป เธอพยายามฝืนสีหน้าให้ร่าเริง ภูผาเดินตามมาด้วยสีหน้าผ่อนคลายขึ้น แพรไหมหันกลับมาฝืนยิ้มให้เขา
“ฉันขออะไรอย่างได้ไหมคะ”
“บอกมาก่อน ถ้าให้ได้...ก็คงไม่มีปัญหา”
แพรไหมอมยิ้มอย่างมีเลศนัย “สมมุติว่าคุณรักฉัน... แล้วเราก็กำลังจะแต่งงานกันในวันพรุ่งนี้”
“ไม่ขอมากไปหน่อยเหรอ”
แพรไหมเศร้าไป “ถ้ามากไป ก็ไม่เป็นไร....พาฉันกลับบ้านเถอะ”
แพรไหมทำท่าจะเดินกลับไปที่รถ ภูผาละล้าละลังอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินตามไปกอดแพรไหมแน่น ทั้งสองต่างก็กอดกันด้วยความรู้สึกอาลัย
“ทำไมเราต้องมาเจอกันด้วย” ภูผาโพล่งออกมา
“นั่นสิคะ ถ้าพบแล้วต้องพรากจากกัน อย่าให้ฉันได้เจอคุณดีกว่า.... คุณรู้ไหม วันแรกที่เราเจอกัน...คุณช่วยพาฉันหนีลูกน้องเจ้าแสงฉาย... คุณทำให้ฉันไว้ใจ เชื่อว่า คุณจะปกป้องฉันได้ ....แล้วฉันก็หลอกล่อคุณ เพื่อให้คุณอยู่กับฉัน เรานอนห้องเดียวกันทั้งคืน ถ้าเป็นคนอื่น เขาอาจจะฉวยโอกาสแต่คุณกลับเป็นสุภาพบุรุษ”
“แต่ผมก็ปล่อยให้คุณลงข้างทาง”
“ฉันทำให้คุณโกรธนี่คะ... อยู่ดีไม่ว่าดี ก็ไปบอกคุณปรางแก้วว่าคุณอยู่กับฉัน....ทำให้คุณปรางแก้วเข้าใจผิด... แล้วยังไม่บอกคุณ แต่ฉันไม่มีเจตนาร้ายจริงๆนะคะ....ฉันแค่คิดโง่ๆว่า อยากจะหนีไปให้พ้นจากคนของเจ้าแสงฉาย จะได้ไม่ต้องกลับไปแต่งงานกับเขา... แต่ในที่สุดฉันก็หนีเขาไปไม่รอดจริงๆ”
แพรไหมซบหน้าลงกับอกของภูผาด้วยความรัก ภูผาเองก็ยอมเผยความรู้สึกในใจ
เช้ามือของวันใหม่ น้อยเดินเข้ามาเคาะประตูหน้าห้องนอนแพรไหม
“คุณแพรไหมคะ...ได้เวลาตื่นแล้วค่ะ....คุณแพรไหม คุณแพรไหม...คุณแพรไหม...ตื่นได้แล้วคะ...จะนอนไปไหนคะ”
ศุภลักษณ์ได้ยินเสียงจึงเดินออกมา
“เบาๆก็ได้... ที่นี่ไม่ได้อยู่ใกล้โรงน้ำแข็งเหมือนบ้านแกนะ...ยายน้อย” ศุภลักษณ์ว่า
“น้อยก็ลืมตัวไป ตื่นเช้ามาทีไร คิดว่า อยู่บ้านนอกทุกทีค่ะ...คุณผู้หญิง”
ศุภลักษณ์อ่อนใจ “รีบเข้าไปปลุกคุณแพรไหมไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวช่างแต่งหน้าก็มา”
น้อยจึงตัดสินใจ หมุนลูกบิดประตูทำให้พบว่าประตูไม่ได้ล๊อค น้อยจึงเดินเข้าไป เธอเห็นในห้องว่างเปล่า ก็ถึงกับชะงัก
“คุณแพรไหม...อยู่ไหนคะ”
น้อยเดินเข้าไปในห้องน้ำก็พบว่าในห้องว่างเปล่าเช่นกัน
ศุภลักษณ์กำลังจะเดินกลับไปที่ห้อง แต่น้อยวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงาน
“คุณผู้หญิงขา....เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”
“อะไรของแก”
“คุณแพรไหมหายตัวไปแล้วค่ะ...น้อยหาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอ”
“ไปหาดูให้ละเอียดอีกทีสิ”
“ค่ะ”
น้อยรับคำแล้วเดินเลี่ยงไป ศุภลักษณ์กังวลใจขึ่นมาอย่างรุนแรง
ศุภลักษณ์เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกด้วยสีหน้าท่าทางร้อนใจหนัก วนิดาเดินยิ้มเยาะเข้ามาอย่างเข้าใจสถานการณ์
“อ้าว....ยังไม่เตรียมตัวอีกเหรอคะพี่ศุ...เดี๋ยวเจ้าบ่าวก็มาแล้วนะคะ”
“พี่ไม่มีแก่ใจทำอะไรทั้งนั้น ... จนป่านนี้ ยายแพรไม่รู้หายไปไหน” ศุภลักษณ์บอก
วนิดาแสร้งทำหน้าตกใจ น้อยวิ่งเข้ามา
“ไม่เจอจริงๆค่ะ คุณผู้หญิง...น้อยตามหาจนทั่วแล้วทุกซอกทุกมุมเลยนะคะ สงสัยคุณแพรจะหนีไปแล้วจริงๆค่ะ...ยิ่งไม่อยากแต่งงานอยู่ด้วย”
“ทำไงดีล่ะ ... ดา ... ถ้ายายแพรหนีไปจริงๆ ... พี่ต้องแย่แน่ๆ”
วนิดาได้ที “ก็ดีแล้วนี่คะ ... พี่ศุควรจะดีใจด้วยซ้ำ ที่ยายแพรทำให้เรื่องมันจบๆ ไปซะได้ ไม่มีเจ้าสาว...งานแต่งงานก็คงไม่เกิดขึ้น...ถ้าเจ้าแสงฉายไม่อยากขายหน้าชาวบ้านก็ต้องหาอื่นมาเป็นเจ้าสาวแทนยายแพร”
“.ถ้าเขาอยากได้คนอื่น เขาคงเปลี่ยนใจไปจากยายแพรตั้งนานแล้ว ไม่รอมาจนป่านนี้หรอก” ศุภลักษณ์บอก
พันทิญาเดินเข้ามาสมทบแล้วยิ้มเยาะอย่างสมใจ
“ถ้าคุณแม่ไม่ยัดเยียดยายแพรให้กับเจ้าตั้งแต่แรก...เจ้าก็คงไม่ปักใจกับยายแพรขนาดนี้หรอกค่ะ....นี่ ขนาดคุณแม่รู้ว่า พันเป็นเมียเจ้าแล้ว คุณแม่ก็ยังยอมให้ยายแพรใช้ผู้ชายร่วมกับพี่สาวตัวเอง”
“ยายพัน...มันชักจะมากไปแล้วนะ” ศุภลักษณ์โมโห “ถ้าแกไม่เคารพนับถือว่าฉันเป็นแม่ก็ควรนึกถึงบุญคุณของฉัน ที่เลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เล็กบ้าง”
“ทำไมคะ...ก็มันเรื่องจริง...คุณแม่อยากให้ลูกสาวของคุณแม่เป็นเจ้าหญิงแห่งเชียงทวาย จนหน้ามืด...ไม่นึกถึงความรู้สึกของใครทั้งนั้น แม้แต่ความรู้สึกของลูกสาวตัวเอง ... ก็ดีแล้วล่ะค่ะ...ที่ยายแพรหนีไปซะได้” พันทิญาพูดไม่หยุด
ศุภลักษณ์ตบหน้าพันทิญาด้วยความโกรธจัด
“เลว....ฉันไม่น่าเลี้ยงแกมาเลย ... เนรคุณ”
วนิดาถลันเข้ามาขวางด้วยความโกรธและคับแค้นใจ
“ที่พี่ศุยอมเลี้ยงดูยายพัน...เพราะพี่ศุต้องการลบล้างความผิดในใจของตัวเองต่างหากที่แย่งผัวของน้องสาวตัวเองมาหน้าด้านๆ...ยายพันมันก็ไม่ต่างไปจากกาฝากในบ้านหลังนี้”
ศุภลักษณ์โกรธจัดที่ถูกเปิดปมปัญหาที่ติดค้างอยู่ในใจมานาน “แกไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“ดาจะพูด...พี่ศุจะได้รู้ตัวซะที... ว่าที่ผ่านมา พี่ศุนั่นแหละที่เป็นคนผิด ผิดที่แย่งคุณวิเชียรมาจากดา ... ทั้งที่พี่ศุก็รู้ว่า....ดากับคุณวิเชียรอยู่ด้วยกันแล้ว”
พันทิญาตกตะลึง ส่วนน้อยถึงกับอ้าปากค้าง แพรไหมเดินเข้ามาได้ยินเข้าพอดี ศุภลักษณ์ร้องไห้ด้วยความเสียใจก่อนจะโพล่งออกมา
“พอทีเถอะ...ฉันไม่อยากฟัง”
“แต่พี่ศุต้องฟัง ... ดาเคยใช้ผัวร่วมกับพี่ศุมาแล้วครั้งหนึ่ง พี่ศุยังจะยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกเหรอคะ” วนิดาย้ำ
ศุภลักษณ์เซและทำท่าจะล้ม แพรไหมเดินเข้าประคองแม่
“คุณแม่”
พันทิญาและวนิดาหันไปมองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึงว่าแพรไหมรอดมาได้ยังไง
แพรไหมประคองศุภลักษณ์มานั่งที่โซฟา ศุภลักษณ์ร้องไห้และจับมือแพรไหมพร้อมทั้งมองอย่างรู้สึกผิด
“แพร.... โกรธแม่ไหมลูก...ที่แม่ไม่เคยบอกความจริงกับลูก เรื่องพ่อกับน้าดา”
“ไม่ค่ะแม่...เรื่องบางเรื่อง มันก็เป็นเหตุผลของผู้ใหญ่...แพรคงไม่เอาความรู้สึกของตัวเอง ไปตัดสินหรอกค่ะ... คุณแม่อย่าคิดมากเลยนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายใจเปล่าๆ”
“แต่แม่ไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆนะลูก ว่าน้าดาอยู่กับคุณพ่อมาก่อน เขาไปอยู่กันตอนไหนแม่ไม่รู้...แม่รู้แต่ว่า ผู้ใหญ่หมั้นหมายเรามาตั้งแต่เด็ก แม่ทำตามความต้องการของคุณตาของลูก”
“เรื่องมันผ่านไปแล้วค่ะคุณแม่...เราย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้ แต่แพรก็เชื่อว่า คุณแม่ทำดีที่สุดแล้ว... แล้วพี่พันเป็นลูกคุณพ่อกับใครเหรอคะคุณแม่”
ศุภลักษณ์อึ้งแต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร น้อยก็เดินเข้ามา
“คุณผู้หญิงขา...เจ้าแสงฉายมาแล้วค่ะ”
แพรไหมนิ่งสงบอย่างคนที่พร้อมจะยอมรับความจริง ศุภลักษณ์จับมือแพรไหม
“แพร... ถึงตอนนี้ แม่ทำผิดมามากแล้ว ที่คิดว่า การแต่งงานกับเจ้าแสงฉาย จะทำให้ลูกมีความสุข ... แต่ตอนนี้ แม่รู้แล้วว่า มันไม่จริง...ลูกมีสิทธิ์ที่จะตัดสินอนาคตของตัวเอง ... เลือกคู่ครองด้วยตัวเอง... ไม่ต้องทำเพื่อแม่ หรือใครทั้งนั้น”
“แพรตัดสินใจแล้วค่ะ คุณแม่”
แพรไหมแน่วแน่กับการตัดสินใจของตัวเอง
พันทิญาและวนิดาเดินเข้ามาในห้องนอน
“มันไม่น่ากลับมาเลย” วนิดาบ่น
“นั่นสิคะ น้าดา...คนของน้าดา ไม่ได้เรื่องเลย”
“น้าไม่รู้ว่าพวกมันใคร... มีคนรู้จัก...เอาเบอร์ให้ น้าก็แค่โทรไปสั่งงาน ถ้างานสำเร็จ ค่อยโอนเงินให้” วนิดาบอก
“คราวนี้ไม่ต้องให้เงินพวกมันนะคะ ... ดูสิ ปล่อยให้นังแพรไหมกลับมาเข้าพิธีจนได้...โอ๊ย...ไม่ได้เรื่องเลย”
“แต่คราวหน้า น้าไม่ยอมให้พลาดแน่ ... นังศุภลักษณ์จะต้องเสียใจที่สุดในชีวิต”
วนิดาพูดด้วยสายตามุ่งร้าย พันทิญามองอย่างไม่เข้าใจ
ภูผาขับรถมาสายตาไร้ความหวัง เขาเหม่อลอยเพราะสับสนกับความรู้สึกตัวเอง ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้...
ภูผาเดินจับมือมากับแพรไหม ทั้งสองคนต่างก็หยุดเดินแล้วหันไปมองกันด้วยความรัก
“ขอบคุณมากนะคะ ที่คุณอยู่กับฉันทั้งคืน...ถึงมันจะไม่มีค่าอะไรกับคุณ แต่มันมีความหมายกับฉันมาก...ฉันจะเก็บความรู้สึกดีๆนี้ไว้ตลอดไป” แพรไหมบอก
แพรไหมโผเข้าไปกอดภูผาแน่น ภูผากอดตอบด้วยสายตาเจ็บปวด
ภูผาพูดอย่างสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง “เจ้าแสงฉายรักคุณ...ผมเชื่อว่าเขาจะทำให้คุณมีความสุข”
“ฉันก็ขออวยพรให้คุณกับคุณปรางแก้วมีความสุขในชีวิตแต่งงาน ฉันอาจจะไม่ได้มาร่วมเป็นสักขีพยานในความรักของคุณ...แต่ฉันดีใจกับคุณด้วยจริงๆ คุณปรางแก้วเป็นคนดี... คุณโชคดีมากนะคะ ที่ได้คุณปรางแก้วเป็นภรรยา”
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”
แพรไหมถอนตัวออกมามองหน้าภูผา
“ฉันขอคุณอีกอย่างได้ไหมคะ”
“อะไร” ภูผาถาม
“ฉันอยากให้คุณมาร่วมงานแต่งงานของฉันคืนนี้”
ภูผาอึ้งไป แพรไหมมองภูผาด้วยความรักก่อนจะพยายามตัดใจ
“ผมสัญญา...ผมจะไปร่วมงานแต่งงานของคุณ”
“กลับกันเถอะค่ะ”
แพรไหมปล่อยมือ ก่อนจะหันหลังเดินไปที่รถ ภูผามองตามไปด้วยความรัก
“แพรไหม”
แพรไหมหันกลับมามอง แล้วทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันด้วยความรัก ภูผาเอื้อมมือไปจับมือแพรไหม ทั้งสองต่างก็จ้องหน้ากันนิ่ง
“ผมไม่อยากให้คุณกลับไปเลย”
“แต่ฉันต้องกลับค่ะ...เราต้องยอมรับความจริงว่า ระหว่างเรามันเป็นแค่ความฝัน ฝันที่สวยงาม ..... แต่ฉันจะเก็บคุณไว้ในใจตลอดไป”
ทั้งสองต่างก็กอดกันแน่นด้วยความรักที่มีให้แก่กัน
ที่บ้านแสงฉาย แสงฉายกำลังแต่งตัวในชุดสูทหล่อ ธนาเดินเข้ามารับคำสั่ง
“เจ้ามีอะไรจะให้ผมรับใช้” ธนาถาม
“กำจัดไอ้ภูผา” แสงฉายสั่ง “ถ้ามันตายไปซะได้...คุณแพรไหมจะได้เลิกคิดถึงมัน”
“เจ้าให้ผมลงมือเมื่อไหร่”
“คืนนี้...ในงานแต่งงานของฉัน”
แสงฉายยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
อ่านต่อหน้าที่ 2
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 11 (ต่อ)
ทวีปนั่งดูภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง ในภาพจากกล้องจับท้ายรถของพิพัฒน์ไว้ได้ ในภาพเห็นพิพัฒน์นั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ทวีปซูมภาพเข้าไปใกล้ๆ
“คุณพันทิญา”
ทวีปนิ่งคิดด้วยความแปลกใจ ทันใดนั้นตำรวจสายสืบก็เดินเข้ามาพร้อมกับภาพถ่าย “ออกหมายเรียกคุณพันทิญามาสอบสวนด้วย” ทวีปสั่ง
“ได้ครับ ... ผมจะรีบทำให้ แต่หมวดดูนี่หน่อย”
ตำรวจคนนั้นวางภาพถ่ายรถที่ถูกจับได้ที่ชายแดน ทวีปหยิบภาพถ่ายขึ้นมามองด้วยความแปลกใจ
“รถของผู้ตาย ถูกแก็งค์ขโมยรถนำไปสวมทะเบียน เพื่อส่งไปขายประเทศเพื่อนบ้าน...โชคดีที่ตำรวจหนองคายจับได้ซะก่อน” ตำรวจรายงาน
ทวีปยิ่งสงสัย เขาคิดว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำเชื่อมโยงกับพันทิญาหรือไม่
ที่โรงแรม แพรไหมอยู่ในชุดเจ้าสาวสวย เธอกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่แต่ก็มีสีหน้าเศร้าหมอง ช่างแต่งหน้ากำลังแต่งหน้าให้แพรไหมส่วนอีกคนกำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเครื่องสำอาง
“สวยแล้วค่ะ... แต่ถ้าคุณแพรไหมยิ้มซักหน่อย จะสวยมากกว่านี้” ช่างแต่งหน้าบอก
แพรไหมมองตัวเองในกระจก ใบหน้าสวยๆ ของเธอมีสีหน้าเศร้าเหลือเกิน ทันใดนั้นพันทิญาก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธแค้นก่อนจะหันไปสั่งช่างแต่งหน้า
“ออกไป”
ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมหันไปมองหน้าแพรไหม แพรไหมพยักหน้าให้ ช่างทำผมและช่างแต่งหน้าเดินออกไปจากห้อง
“แกเอาชนะฉันจนได้” พันทิญาโพล่งออกมา
“พี่พัน ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะคะ...แพรจะเอาชนะพี่พันไปเพื่ออะไร” แพรไหมงง
“เพราะแกเกลียดฉันน่ะสิ”
“ไม่จริง...แพรรักพี่พัน...ทำทุกอย่างเพื่อพี่พัน แม้แต่ยอมโกหกทุกคนเพื่อไม่ให้พี่พันเสียหาย แพรก็ยอม”
พันทิญากระชากแขนแพรไหมเข้ามาอย่างแรง
“ถ้าแกคิดอย่างนั้นจริงๆ แกคงไม่ยอมแต่งงานกับเจ้าแสงฉาย ทั้งที่แกก็รู้ว่าพี่รักเขา ทำไมแกต้องแย่งเขาไปจากฉันด้วย”
“แพรไม่มีทางเลือก” แพรไหมบอก
“โกหก... ฉันว่าแกอยากเอาชนะฉันมากกว่า... แกแย่งทุกอย่างไปจากฉันแล้วนี่บ้าน...ร้าน...โรงงานของเจ้าแสงฉาย...แกก็ได้ไปทั้งหมด....จนไม่มีอะไรเหลือมาถึงฉัน .... ทั้งที่ฉันก็เป็นลูกคุณพ่อเหมือนกัน”
พันทิญาระเบิดอารมณ์อย่างเจ็บปวด แพรไหมมองอย่างเห็นใจก่อนจะเดินเข้าไปกอดพันทิญา
“พี่พัน....เรามีกันอยู่สองคนพี่น้องเท่านั้นนะคะ...ถ้าพี่พันอยากได้อะไร บอกมาสิคะ...แพรยินดียกให้พี่พันทุกอย่าง”
“เจ้าแสงฉายไง ... แกยกให้ฉันได้ไหม...ได้ไหม”
พันทิญากระชากแขนแพรไหมอย่างแรง แพรไหมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
ศุภลักษณ์เดินดูความเรียบร้อยอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยง โดยมีน้อยเดินตาม
“สวยมากเลยค่ะ คุณผู้หญิง” น้อยชม
“ถ้ายายแพรแต่งงานด้วยความเต็มใจ ฉันคงจะดีใจมาก” ศุภลักษณ์บอก
“อยู่กันไปก็รักกันไปเองล่ะค่ะ... คนนอนเตียงเดียวกันทุกวัน...น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อนนะคะ...เจ้าแสงฉายเองก็หล่อ เท่ห์ เร้าใจออกจะตายไปค่ะ”
“ย่ะ ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างงั้น”
น้อยหันไปเห็นช่างแต่งหน้าและช่างทำผมเดินถือกระเป๋าใส่อุปกรณ์แต่งหน้ามา
“ทำไมรีบลงมา ... น่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแพรก่อน คุณผู้หญิงจ้างพวกหล่อนทั้งวันนะยะ” น้อยว่า
ช่างแต่งหน้า และช่างทำผมหันไปมองหน้ากันอย่างลำบากใจ ศุภลักษณ์หันไปถามด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรกัน”
แพรไหมพยายามดิ้นให้หลุดออกจากมือของพันทิญาที่บีบแขนของเธอแน่น พันทิญาจ้องมองอย่างน่ากลัว
“ปล่อยแพรนะคะพี่พัน ... แพรเจ็บ”
“สำออย ...คนหน้าด้านอย่างแก .... เจ็บเป็นด้วยเหรอ..ฉันเกลียดแก ได้ยินไหม...ฉันเกลียดแกนังแพรไหม ถ้าไม่มีแกเจ้าแสงฉายต้องเป็นของฉัน”
“มันไม่ใช่ความต้องการของแพรเลยนะคะ เจ้าเขาเลือกแพรต่างหาก...พี่พันก็รู้ แพรไม่เคยคิดอยากจะแต่งงานกับเจ้าเลย”
“ใช่สิ...ฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณแม่นี่... คุณแม่ถึงไม่คิดจะยกฉันให้เจ้าตั้งแต่แรก อยากจะรู้นัก...ถ้าหน้าสวยๆของแก...ถูกกรีดจนอัปลักษณ์ เจ้าแสงฉายยังอยากจะแต่งงานกับแกอยู่ไหม”
พูดจบพันทิญาก็หันไปกระชากขวดน้ำมาทุบกับโต๊ะอย่างแรงจนขวดกลายเป็นฟันปลาฉลาม
พันทิญายกขึ้นจ่อหน้าแพรไหม แพรไหมตกใจ
“อย่านะคะพี่พัน...เราเป็นพี่น้องกันนะคะ”
“ฉันไม่เคยคิดว่าแกเป็นน้อง...ไม่อยากมีน้องอย่างแก”
พันทิญายกขวดที่แตกขึ้นสูง แพรไหมพยายามดิ้นรนขัดขืน
น้อยกับศุภลักษณ์เดินมาอย่างเร่งร้อน
“โธ่ ยายพัน...ทำไมถึงไม่ปล่อยวางซะบ้าง... ก็รู้ทั้งรู้ว่า ผู้ชายเขาไม่ต้องการยังจะดิ้นรนเอาชนะให้ได้” ศุภลักษณ์พูด
“ลำพังคุณพันคงไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ...กลัวว่าจะได้ลูกยุจากคุณดาน่ะสิคะ รายนั้น รักแรง เกลียดแรงอยู่ด้วย...คงแค้นฝังหุ่นน่ะค่ะ ที่ถูกคุณผู้หญิงแย่งผัว...อุ๊บ” น้อยปิดปากตัวเอง
ศุภลักษณ์- นังน้อย ... ลามปามใหญ่แล้วนะ นี่มันเรื่องในครอบครัวฉัน...ไม่เกี่ยวกับแก
“น้อยเป็นห่วงคุณผู้หญิงนี่คะ...ขออนุญาตพูดตรงๆเถอะค่ะ...เรื่องแบบนี้ เข้าใครออกใครซะที่ไหน...พี่น้องฆ่ากันตาย เพราะผู้ชาย ถมไปนะคะ”
“แต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่า เด็กที่ฉันเลี้ยงมาอย่างดีจะมีจิตใจโหดเหี้ยมคิดฆ่าใครได้” ศุภลักษณ์บอก
“คิดในทางร้ายที่สุดเอาไว้บ้างก็ดีนะคะคุณผู้หญิง กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ....จะได้ไม่เสียใจทีหลัง”
ศุภลักษณ์เดินไปถึงหน้าห้องแต่งตัวพอดี เธอพยายามเปิดประตูแต่ก็เปิดไม่ได้ น้อยตัดสินใจเคาะประตูแล้วส่งเสียงดัง
“คุณแพรคะ ... คุณแพร....เปิดสิคะ...เปิดประตูสิคะคุณแพร...มัวทำอะไรอยู่คะ”
ศุภลักษณ์ร้อนใจ พนักงานโรงแรมเดินมา ศุภลักษณ์หันไปเห็นจึงส่งเสียงเรียก
“คุณคะ...”
พันทิญาได้ยินเสียงเคาะประตูจึงผลักแพรไหมล้มลงไป ก่อนจะทิ้งขวดที่แตกออกไปนอกหน้าต่าง
สักพักประตูก็เปิดออก ศุภลักษณ์กับน้อยเดินเข้ามาในห้อง พันทิญาตรงเข้าไปประคองแพรไหม
“ยายแพร... เจ็บตรงไหนหรือเปล่าจ๊ะ” พันทิญาแสร้งเป็นห่วง
แพรไหมมองหน้าพันทิญาอย่างคาดไม่ถึงว่าพันทิญาจะเปลี่ยนท่าทีได้ทันควัน ศุภลักษณ์เดินเข้าไปประคองแพรไหม
“เกิดอะไรขึ้นหรือลูก”
“แพร...แพรสะดุดรองเท้าส้นสูง หกล้มน่ะค่ะคุณแม่” แพรไหมบอก
น้อยมองไปรอบๆ ก็เห็นเศษแก้วเกลื่อนอยู่บนพื้น
“คงล้มแรงมากเลยนะคะ .... เศษแก้วเต็มห้องเลย” น้อยว่า
“แกคิดว่าฉันแกล้งยายแพรอย่างงั้นเหรอ ...นังน้อย...ฉันจะทำไปเพื่ออะไร...หา” พันทิญาเสียงดัง
น้อยหุบปากแน่น พันทิญาหันไปถลึงตาใส่น้อย ศุภลักษณ์ประคองแพรไหมให้ลุกขึ้น
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก”
“เปล่าค่ะ คุณแม่” แพรไหมตอบ
“แน่ใจนะลูก ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” ศุภลักษณ์ถามย้ำ
แพรไหมหันไปมองพันทิญา พันทิญามองขู่
“ถ้าคุณแม่คิดว่า พันทำร้ายลูกสาวคุณแม่ ก็ทำโทษพันสิคะ จะไล่พันออกจากบ้านก็ได้...ยังไงพันก็เป็นคนอื่นอยู่แล้วนี่” พันทิญาตัดพ้อ
“พัน... จะให้แม่พูดซักกี่ครั้งว่า แม่ไม่เคยคิดว่าพันเป็นคนอื่น อย่าเอาเรื่องในอดีตมาทำให้ตัวเองมีปมด้อย... ทำให้ตัวเองมีคุณค่าสิลูก พันยังมีโอกาสเจอผู้ชายอีกเยอะแยะ...ที่เขารักพันอย่างจริงใจ”
“คุณแม่ก็พูดได้สิ ... เพราะคุณแม่ไม่ได้อยู่ในฐานะคนที่ถูกแย่ง ... อย่างพัน”
พันทิญาพูดใส่หน้าศุภลักษณ์ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกแล้วปิดประตูดังปัง ศุภลักษณ์มองตามอย่างไม่สบายใจก่อนทำท่าจะเดินตาม แต่แพรไหมดึงแขนเอาไว้
“ปล่อยพี่พันไปก่อนเถอะค่ะ คุณแม่....พี่พันกำลังเสียใจน่ะค่ะ เวลาคงช่วยให้พี่พันยอมรับความจริงได้” แพรไหมบอก
ศุภลักษณ์เห็นด้วยกับลูกสาว น้อยเริ่มสงสัยในตัวพันทิญาและไม่ไว้ใจพันทิญามากขึ้น
แขกเหรื่อเริ่มทยอยเข้ามาในงาน องครักษ์ยืนรักษาความปลอดภัยในงาน คมยืนอยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งปลอดคน ทำให้มองเห็นบรรยากาศในงานถนัดตา สักพักธนาก็เดินเข้ามาหาคม
“อย่าให้พลาดนะ” ธนากำชับ
“รับรองครับ หัวหน้า ... ระยะใกล้แค่นี้ ผมยิงไม่พลาดแน่” คมบอก
ธนายิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
ปรางแก้วนั่งซึมอยู่ในบ้าน ทวีปที่แต่งตัวหล่อเดินเข้ามามองอย่างแปลกใจ
“ยายแก้ว ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ” ทวีปถาม
“แก้วไม่ไปได้ไหมคะ...พี่วีป... แก้วยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องไปเจอพี่ภู วันนี้ มันควรจะเป็นวันที่แก้วกับพี่ภูเดินควงแขนกันเข้าไปในงาน...อย่างคนรักกันแต่แก้วคงทำได้แต่มอง แล้วก็ทำใจว่า พี่ภูไม่ใช่ของแก้วอีกต่อไป”
ทวีปพูดจริงจัง “ไม่มีใครเป็นของใครได้หรอกนะ ... แม้แต่คนที่แต่งงานกัน วันหนึ่งเขาก็อาจจะเลิกรากันไป...ถ้าความรักมันหมดอายุ...แต่พี่มั่นใจว่าความรัก ความหวังดี ที่ไอ้ภูมีต่อแก้ว จะคงอยู่ตลอดไป...เพราะมันเป็นความรักแบบพี่ชายกับน้องสาว”
“แก้วควรจะทำใจยอมรับความจริงให้ได้ใช่ไหมคะ”
“ใช่....ถึงไม่ได้เป็นแฟนกัน...ไอ้ภูมันก็ไม่ได้ไปไหนนี่ มันก็ยังเป็นพี่ชายอีกคนหนึ่งของแก้ว .... ถ้าเป็นแฟนกัน แก้วอาจจะเป็นทุกข์มากกว่านี้ก็ได้... เพราะต้องคอยตามหึง ตามหวง คอยระแวงว่า แฟนของตัวเองจะไปมีคนอื่น เป็นอย่างงี้น่ะดีแล้ว อย่างน้อยแก้วก็ยังได้รักใครซักคน ... ดีกว่าคนอีกเยอะแยะที่ไม่รู้จักความรักเลยด้วยซ้ำ”
ปรางแก้วยิ้มออกมาได้ “นั่นสิคะ ถ้าแก้วคิดอย่างงั้นได้ แก้วคงไม่ต้องมานั่งเสียใจอยู่อย่างงิ้”
“ไปแต่งตัวได้แล้ว...ไม่มีคนควง ก็ควงพี่นี่แหละ... หรือว่า พี่ไม่หล่อ ไม่เท่ห์พอที่แก้วจะควงเข้างาน...หือ” ทวีปหยอกน้องสาว
ทวีปเก็กหล่ออย่างนายแบบ ปรางแก้วมองยิ้มๆ
“ก็หล่อใช้ได้ .... แต่น้อยกว่าพี่ภูหน่อยนึง”
ทวีปค้อนน้องสาว ปรางแก้วหัวเราะออกมาได้ ทวีปดึงตัวน้องสาวเข้ามากอดด้วยความรัก
รถตู้ของนักฆ่าแล่นเข้ามาจอดข้างโรงแรม อรัญทำหน้าที่คนขับ อโณทัยแต่งชุดหล่อเต็มที่ นทีและอรัญแต่งชุดที่ดูกลมกลืนกับผู้คน ขณะที่นาราแต่งชุดสวยพร้อมปฏิบัติการ จันทร์เทพเปิดคอมพิวเตอร์ นักฆ่าทุกคนเช็คอุปกรณ์ถ่ายภาพ เสียงและสัญญาณที่จะส่งกลับเข้ามา จันทร์เทพเดินไปยืนตรงหน้าทุกคนแล้วสั่งการ
“ทุกคนพร้อมออกปฏิบัติการนะ... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น รอคำสั่งจากผม อย่าลืมว่า ... งานนี้ คงมีระบบความปลอดภัยสูงสุด เราต้องระวังตัวทุกวินาที ... แต่ถ้าพลาดถูกจับได้ขึ้นมา ทุกคนต้องพร้อมที่จะตายเพื่ออุดมการณ์ของเรา....อโณทัย”
“ครับ ท่านลุง” อโณทัยรับคำ
“ลุงภูมิใจในตัวหลานมาก ...หลานทำดีที่สุดแล้ว”
อโณทัยยิ้มภูมิใจ จันทร์เทพหันไปหาทุกคน
“ไปฆ่ามันให้ได้ ... เราจะได้กลับเชียงทวายอย่างผู้ชนะ”
ทุกคนแยกย้ายกันออกปฏิบัติการ ทั้งหมดต่างก็ไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จันทร์เทพปิดประตูรถตู้แล้วเปิดคอมพิวเตอร์ ทำให้เห็นภาพที่แต่ละคนส่งสัญญาณเข้ามาในจอภาพ
ทวีปเดินมากับปรางแก้วที่อยู่ในชุดสวย ภูผาเดินมาสมทบในชุดสุดเท่ ปรางแก้วหันไปมองภูผาด้วยความดีใจ
“พี่ภู.... แก้วนึกว่าพี่ภูไม่มางานนี้ซะอีก” ปรางแก้วดีใจ
“ต้องมาสิ....ยังไง พี่ก็ต้องมาควงน้องสาวของพี่เข้างานอยู่แล้ว” ภูผาบอก
“แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามทิ้งน้องสาวคนนี้ ไปควงสาวอื่นนะคะ แก้วหวงพี่ชายนะจะบอกให้”
“พี่ชายจริงๆ ไม่เห็นหวงบ้างเลย...ยุให้หาเมียอยู่ได้” ทวีปแซว
“แก้วกลัวพี่วีปขายไม่ออกนี่คะ... ยิ่งปากร้ายอยู่ด้วย สาวๆที่ไหนจะอยากเข้าใกล้ล่ะคะ”
“ต้องมีบ้างล่ะ...ผู้หญิงที่ชอบผู้ชายอย่างพี่....ดูสิ….ถึงพี่ไม่หล่อ ไม่รวยเท่าไอ้ภู แต่พี่ก็อารมณ์ดี ไม่งี่เง่า เอาใจเก่งนะจะบอกให้ สาวๆคนไหนได้เป็นพ่อของลูกรับรองว่าโชคดีไปตลอดทั้งชาติ จริงไหมวะ ไอ้ภู”
“ต้องถามเจ้าแสงมณี” ภูผาย้อน
ทันใดนั้น แสงมณีก็เดินเข้ามาพร้อมกับดวงใจ โดยมียศกับเลิศเดินตามมาอารักขา ปรางแก้วหันไปมองเจ้าแสงมณีอย่างชื่นชม แสงมณีเดินนำตรงเข้ามาหากลุ่มของทวีป
“สวัสดีค่ะ...คุณภูผา คุณทวีป คุณปรางแก้ว...มาถึงนานหรือยังคะ” แสงมณีเอ่ยถาม
“เมื่อซักครู่นี่เองครับ...เรากำลังพูดถึงเจ้าอยู่พอดี... แหม ใจเราตรงกันเป้ะเลยนะครับ” ทวีปหยอด
“บังเอิญมากกว่าค่ะ... ใจของฉันคงไม่ตรงกับใครสุ่มสี่สุ่มห้า”
“คนสวย ปากร้าย...ระวังนะ จะไม่มีใครขอแต่งงาน” ทวีปแขวะ
“ไม่มี ก็ไม่แต่ง...อยู่เป็นโสด....ให้ผู้ชายเสียดายเล่นดีกว่า”
แสงมณีหันไปมองภูผาแล้วยิ้มหวานให้ก่อนจะเอ่ยชวน
“เชิญข้างในค่ะ คุณภูผา.... พี่ชายกับคุณแพรไหมคงดีใจที่คุณภูผามาร่วมแสดงความยินดีด้วย”
ภูผาหันไปหาปรางแก้วอย่างเกรงใจ ปรางแก้วฝืนยิ้ม ทวีปยิ้มปลอบใจน้องสาวแล้วพูดคลายบรรยากาศ
“ไหนว่าจะให้พี่ควงเข้างานไง”
ทวีปยืดตัวพร้อมยื่นแขนให้น้องสาวควง ปรางแก้วยิ้มออกมาก่อนจะควงแขนพี่ชาย แล้วทั้งหมดเดินตามกันไป
แขกในงานแต่งงานมีอย่างหนาแน่น และมีบอดี้การ์ดคอยดูแลความปลอดภัยตลอดทั้งงาน แสงฉายเดินนำแพรไหมออกมาต้อนรับแขก แพรไหมหันมาเห็นภูผาและแสงมณีเดินมากับทวีปและปรางแก้ว
ภูผายืนสบตากับแพรไหม แพรไหมชะงัก แสงฉายเห็นเข้าก็ไม่พอใจแต่ก็ฝืนยิ้ม
“ไปทักทายเพื่อนเก่าของคุณกันเถอะ...ที่รัก” แสงฉายชวน
แสงฉายเอื้อมไปจับมือแพรไหมเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
แพรไหมพยายามดึงมือกลับแต่ก็ถูกจับแน่น
“คุณไม่ควรแคร์คนอื่น” แสงฉายบอก
แพรไหมฝืนใจปล่อยให้แสงฉายจูงมือเดินตรงมา บอดี้การ์ดหลายคนเดินตาม แสงมณีเดินเข้าไปหาแสงฉาย
“หญิงขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ....พี่ชาย....คุณแพรไหม”
“สักวัน...พี่จะจัดงานแต่งงานให้หญิง...กับผู้ชายที่ดีที่สุด” แสงฉายบอก
“หญิงยังไม่เจอว่าที่เจ้าบ่าวคนนั้น”
“พี่จะหาให้เอง... หญิงจะได้เลิกงมงายอยู่กับคนที่ไม่คู่ควรกับหญิงซะที”
แสงมณีหน้าเศร้าไปก่อนจะปรายตามองภูผา เธอคิดว่าคงได้แค่แอบรักแต่ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของ
แสงฉายจูงมือแพรไหมเดินเข้าไปหาภูผาแล้วยิ้มอย่างมีชัย
“ขอบคุณมาก ที่อุตส่าห์มาร่วมงาน”
ทวีปชิงตอบออกมา “เจ้าเชิญ... เราต้องมาครับ”
แสงฉายหันไปหาภูผา กับปรางแก้ว
“คุณจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ อย่าลืมเชิญเรานะ ต่อให้อยู่ไกลแค่ไหน ผมก็จะพาคุณแพรไหมมาร่วมงานด้วย” แสงฉายบอก
แสงฉายหันไปยิ้มหวานกับแพรไหม
“ใช่ไหมครับ...ที่รัก”
แพรไหมหันไปมองหน้าภูผาก่อนตอบรับ “ค่ะ”
“คุณจะไม่แสดงความยินดีกับเราสองคนหน่อยเหรอ” แสงฉายถาม
ภูผาหันไปหาแพรไหม “ผมขออวยพรให้คุณเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างมีความสุข”
“ฉันจะถือเป็นคำอวยพรที่ดีที่สุดสำหรับคืนนี้” แพรไหมบอก
“ผมขออนุญาตพาเจ้าสาวไปต้อนรับแขกจากเชียงทวายทางโน้น...ขอตัวนะครับ”
พูดจบแสงฉายก็เดินจูงมือแพรไหมผ่านภูผาไป ขณะที่เดินผ่านเขาหันไปกระซิบกับภูผา
“หวังว่าคุณคงจะรักษาตัว ... จนมีชีวิตรอดไปถึงวันแต่งงาน”
ภูผาอึ้งไป แสงฉายจูงมือแพรไหมแล้วเดินเลยไป ทวีปเดินเข้าไปหาภูผา
“เจ้าพูดอะไรกับแกวะ” ทวีปถาม
“ขู่ให้กลัวล่ะมั๊ง...จะได้เลิกยุ่งกับเจ้าสาวของเขา” ภูผาบอก
“ยังไงแกก็ต้องระวังตัว... เจ้าแสงฉายคนนี้ ประวัติไม่ธรรมดา ตำรวจได้หลักฐานสำคัญมาแล้ว ... อีกไม่นาน อาจจะมีข่าวใหญ่ สงสารก็แต่คุณแพรไหม”
ภูผามองตามสายตาทวีปไปก็เห็นแสงฉายเดินจูงมือแพรไหมเข้าไปหาแขกจากเชียงทวาย
อโณทัยอยู่ในชุดหล่อกำลังเดินยืนคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งเหมือนสนิทสนมกัน ก่อนจะหันไปเห็นธนาเดินผ่านมา เขาจึงหันไปบอกกับหญิงสาวที่กำลังคุยด้วย
“เดี๋ยวผมมาคุยด้วยนะครับ ... ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน”
“อย่าไปนานนะคะ” หญิงสาวคนนั้นบอก
อโณทัยทำสายตาเจ้าชู้ “ครับ..ถ้าคุณยังรอผมอยู่ที่นี่ เราคงได้รู้จักกันมากกว่านี้”
อโณทัยพูดใส่หูฟัง
“เหยื่อมาแล้ว... ใช้ความสวยของคุณล่อมันออกไปจากงาน...แล้วจัดการมันซะ”
นาราหันไปมองธนาอย่างมุ่งมั่นก่อนจะเดินเข้าไปหา
ธนาเดินไปหยิบแก้วเครื่องดื่ม นาราเดินเข้ามาหยิบแก้วแล้ววางไว้ที่อก พอธนาหันไปหา
น้ำในแก้วใบนั้นก็กระฉอกรดตรงหน้าอกของนาราพอดี ธนาตกใจ
“ขอโทษครับ” ธนาบอก
นาราส่งสายตาเจ้าชู้ “ฉันคงไม่ยกโทษให้ ถ้าคุณไม่เช็ดน้ำส้มให้ฉัน”
ธนามองที่หน้าอก นาราจงใจยืดตัวเพื่อให้เห็นความอวบอูมเต็มที่ ธนาลืมตัวชั่วขณะ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแตะที่หน้าอกนาราอย่างเบามือก่อนจะถอนมือออกไปแต่นาราจับมือเขาไว้
“ฉันอยากจะเปลียนชุดใหม่...คุณควรจะรับผิดชอบด้วยการพาฉันไปที่ห้องพัก” นาราบอก
ธนาได้สติ “คงไม่ได้ ผมมีงานต้องทำ...ขอตัวก่อนนะครับ”
ธนาตัดใจเดินเลี่ยงไปอย่างรวดเร็ว นาราแตะไมค์ที่หน้าอกแล้วพูด
“เหยื่อหลุดมือไปแล้ว”
อโณทัยที่ยืนหลบอยู่ที่มุมยิ้มอย่างมุ่งมั่น
“ยัง ... มันกำลังหยั่งเชิงดูน่ะ”
นารายิ้มแล้วปรายตามองไปที่ธนา เธอหยิบเครื่องดื่มขึ้นจิบเพื่อจงใจยั่วก่อนจะเดินฝ่าผู้คนออกไป
นาราปรายตามองธนาอย่างมีจริต ธนามองตามแล้วชั่งใจว่าจะเดินตามไปดีหรือไม่
จบตอนที่ 11
ติดตามอ่านภูผาแพรไหมตอนต่อไป พรุ่งนี้