ขุนเดช ตอนที่ 17
อีกด้านวีรบุรุษบาปใช้เชิงดาบต่อสู้กับลูกน้องของประดับอีกคน เชิงดาบของมันใช้ได้พอตัวจึงรับดาบของวีรบุรุษบาปได้หลายเพลงดาบ และสามารถทำให้วีรบุรุษบาปเสียหลักเกือบพลาดท่า มันจ้วงแทงแต่วีรบุรุษบาปเอี้ยวตัวหลบแล้วใช้ดาบดำตวัดปัดดาบมันจนหลุดจากมือมาปักพื้น
ลูกน้องประดับเห็นท่าไม่ดีสู้ไม่ได้เลยวิ่งหนี วีรบุรุษบาปเลยคว้าดาบของมันที่ปักพื้นขึ้นมาแล้วพุ่งหลาวใส่...ฉึก ดาบของมันทะลุกลางอกตายคาที่ วีรบุรุษบาปเก็บดาบดำเข้าฝักแล้วได้ยินเสียงปืนดัง นึกเป็นห่วงยงยุทธ
“ยงยุทธ”
ดารารีบเดินออกมาจากแคมป์เพื่อมุ่งหน้าไปช่วยวีรบุรุษบาป แต่อาจารย์ประทีปตามออกมาขวาง
“อย่าทำอย่างนี้เลย ผมขอล่ะ อาจารย์เป็นนักวิชาการนะ”
“ชั้นต้องขอโทษจริงๆ ค่ะอาจารย์ประทีป ชั้นไม่ควรสนับสนุนคนทำผิดกฏหมาย แต่กี่ครั้งแล้วคะ ที่ความพยายามปกป้องโบราณสถานของเราต้องล้มเหลวเพราะแพ้อิทธิพล” อาจารย์ประทีปนิ่งไป “วีรบุรุษบาปอาจจะเป็นฆาตรกรในสายตาทุกคน แต่เขาก็ฆ่าคนบาปเพื่อรักษารากเหง้าของพวกเราเอาไว้…อาจารย์ยังจำคำสอนของอาจารย์ที่สอนชั้นสมัยเรียนได้มั้ยคะ”
“ผมจำได้ไม่ลืมหรอก…ถ้าไม่มีราก ไม่มีเหง้า ก็ไม่มีเรา คำพูดนี้เป็นคำที่นายเดื่องพูดไว้กับผมก่อนที่เขาจะถูกพวกโจรฆ่าตาย”
“ค่ะอาจารย์ เพราะฉะนั้นเราทุกคนคงเรียกตัวเองว่าไทยไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะรากเหง้าที่บรรพบุรุษสร้างไว้ให้…ขอให้ชั้นได้ไปทำหน้าที่คนไทยเถอะค่ะอาจารย์” อาจารย์ประทีปนิ่งไปอีกครู่ก่อนจะถอยเปิดทางให้ “ขอบคุณค่ะอาจารย์”
ดารารีบเดินออกไปอย่างมุ่งมั่น อาจารย์ประทีปมองตามสีหน้าเป็นห่วง
จ่าแท่นขับรถจี๊ปมาตามถนนเพื่อไปส่งคำปันกับบัวทอง
“ลุงจ่าจ๊ะ…ถ้าวีรบุรุษบาปถูกจับได้ จะเกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะ”
จู่ๆ บัวทองก็ถามขึ้นมา
“ความผิดของหมอนั่นแต่ละกระทงหนักหนาสาหัสทั้งนั้น อย่างน้อยๆ ก็คงไม่พ้นติดคุกตลอดชีวิต”
“แต่เขาช่วยเหลืองานราชการนะคะลุง ความดีของเขาน่าจะถูกนำมาพิจารณาด้วย”
“นั่นมันก็ต้องแล้วแต่ศาลเขานะบัวทอง เราไม่มีหน้าที่ตัดสินเขา” ระหว่างนั้นอยู่ๆ รถก็กระตุกขึ้นมา คำปันแปลกใจ “รถเป็นอะไรไปน่ะพี่จ่า”
“ไม่รู้สิคำปัน เดี๋ยวพี่ขอจอดรถดูก่อน”
จ่าแท่นก้มหน้าดูเครื่องยนต์ที่ฝากระโปรงหน้ารถ
“หัวเทียนดับน่ะคำปัน”
“แล้วไปต่อได้รึเปล่าล่ะพี่จ่า”
“ได้..แต่ต้องรอพี่เปลี่ยนหัวเทียนแป๊บนึง พี่มีอะไหล่มาด้วย”
จ่าแท่นถอดเข็มขัดปืนแล้วเอาไปวางที่เก้าอี้คนขับก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเครื่องมือที่ท้ายรถ บัวทองมองปืนของจ่าแท่นแล้วนิ่งไปสีหน้าครุ่นคิด ระหว่างนั้นคำปันเอาพระร่วงนั่งที่ห้อยคออยู่มาจบพนมมือ
“พี่เดื่องจ้ะ ขอให้วิญญาณของพี่ช่วยปกป้องคุ้มครองทุกคนในศรีสัชนาลัยให้ปลอดภัยจากอิทธิพลของพวกคนเลวด้วยเถอะ”
บัวทองมองอย่างสงสัย
“นั่นพระอะไรเหรอจ๊ะแม่”
“พระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำ พระเครื่องที่พ่อของขุนเดชให้แม่ไว้ก่อนที่จะถูกพวกโจรใจบาปฆ่าตาย”
“พวกที่ลักตัดเศียรพระศิลาน่ะเหรอจ๊ะ”
“ใช่…พี่เดื่องรักและหวงแหนศรีสัชนาลัยมาก ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อรักษาสมบัติของบรรพบุรุษเพื่อให้พวกเราได้กราบไหว้บูชากัน”
“งั้นวีรบุรุษบาปก็เสียสละตัวเองทำในสิ่งเดียวกับที่ลุงเดื่องทำน่ะสิจ๊ะแม่”
“ไม่นะบัวทอง พี่เดื่องไม่ได้เที่ยวฆ่าใคร”
“แต่เหล็กดำเป็นอาวุธของพวกทหารพระร่วง ลุงเดื่องก็คือทหารพระร่วงเหมือนวีรบุรุษบาป บางทีลุงเดื่องอาจจะเคยฆ่าคนใจบาปแล้วไม่บอกความจริงแม่ก็ได้”
คำปันชะงัก
“บัวทอง! หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ”
“ชั้นขอโทษจ้ะแม่”
แม้จะดุลูกแต่คำปันกับมีสีหน้ากังวลมองพระร่วงนั่งที่สวมคออยู่
“คำปัน…เอ็งช่วยหยิบประแจในลิ้นชักให้ข้าหน่อย”
“จ้ะพี่”
คำปันเปิดลิ้นชักหน้ารถหยิบประแจแล้วเดินไปหาจ่าแท่นที่หน้ารถ บัวทองมีสีหน้าครุ่นคิดแล้วตัดสินใจอะไรบางอย่าง
จ่าแท่นจัดการซ่อมรถเสร็จจัดการปิดฝากระโปรงรถ
“เรียบร้อยแล้ว…ที่นี้ก็ไปต่อได้”
“บัวทองล่ะ…บัวทองหายไปไหน”
จ่าแท่นกับคำปันไม่เห็นบัวทอง จ่าแท่นรีบไปดูที่เบาะหน้ารถซึ่งเหลือแต่เข็มขัดปืนส่วนปืนหายไปด้วย
“แย่แล้วคำปัน บัวทองเอาปืนไปด้วย”
“บัวทอง”
คำปันหน้าเสีย
ยงยุทธวิ่งหนีเสียงปืนที่ดังไล่หลัง…เปรี้ยง! กระสุนเฉี่ยวยงยุทธไปนิดเดียว ซ้อน พนมเพลิง ไล่ตามเข้ามาแล้วไปนอนหมอบอยู่ที่โขดหินซึ่งอยู่มุมสูงสามารถมองเห็นด้านล่างได้อย่างชัดเจน มันบรรจุกระสุนนัดต่อไปแล้วเล็งไปที่ยงยุทธ…เปรี้ยง
กระสุนเฉี่ยวไปอีกนัด ยงยุทธเกือบไป แต่นั่นก็ทำให้ยงยุทธรู้ตัวว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าจากมือปืนซุ่มยิงที่มองไม่เห็นตัว ยงยุทธเลยได้แต่หลบอยู่กับที่
“หึ…ไอ้หมวดหนังเหนียว…ขยับออกมาสิวะ รับรองโดนเป่าหัวกระจุยแน่”
ยงยุทธที่หลบอยู่พยายามชะโงกหน้าออกมามองหาว่ามือปินซุ่มยิงจากไหน แต่พอโผล่ออกมามันก็ยิงใส่อีก เปรี้ยง! ยงยุทธต้องรีบถอยกลับไป
“โธ่เว้ย”
“หมวดยงยุทธ”
ยงยุทธหันไปตามเสียงเห็นวีรบุรุษบาปหลบหลังต้นไม้ห่างจากตัวเองไปไม่เท่าไหร่
“วีรบุรุษบาป”
ซ้อนหันปากกระบอกปืนไปที่วีรบุรุษบาปที่หลบหลังต้นไม้ ซ้อนเห็นวีรบุรุษบาปชัดผ่านกล้องส่อง
“โผล่มาแล้วเหรอไอ้วีรบุรุษบาป ดี…จะได้ไม่เสียเวลา”
ซ้อนลั่นไกใส่..เปรี้ยง !! วีรบุรุษบาปเกือบถูกยิงออกจากที่หลบไม่ได้
“พวกมันมีมือปืนซุ่มยิง เราติดกับมันแล้ว” ยงยุทธบอก
“ผมจะช่วยหมวดเอง”
“แกอยากตายเหรอไง..ฝีมือมันไม่ธรรมดา ถ้าแกโผล่ออกไป แกโดนมันเป่าหัวกระจุยแน่”
“แต่มันไม่มีทางอื่น ผมมั่นใจว่าความแม่นยำของหมวดมีไม่น้อยกว่ามัน” ยงยุทธนิ่งไปมองปืนในมืออย่างไม่แน่ใจ “ว่าไงหมวด…ถ้าคุณไม่อยากให้ผมถูกคนอื่นฆ่าตาย คุณก็ต้องแม่นกว่ามัน”
“งั้นแกก็ต้องวิ่งให้สุดชีวิต”
“ชีวิตผมฝากไว้ที่หมวดแล้ว”
ยงยุทธพยักหน้ารับ ส่งสัญญาณด้วยมือเมื่อยงยุทธพร้อมให้วีรบุรุษบาปไป
ซ้อนเล็งปืนเห็นวีรบุรุษบาปวิ่งออกมาจากหลังต้นไม้
“วิ่งให้ไวเข้า…ช้าเมื่อไหร่ มึงตายแน่ ฮ่าๆๆ”
ซ้อนลั่นไก...เปรี้ยง วีรบุรุษบาปถูกกระสุนปืนยิงเฉี่ยวไปไม่ถึงคืบ แต่ก็ยังไม่หยุดวิ่งหลอกล่อให้ซ้อนเล็งปืนตาม
เปรี้ยงๆๆๆ ซ้อนยิงไล่หลังวีรบุรุษบาปไปตลอดทาง เปิดทางให้ยงยุทธหลบออกมาแล้วมองหาจุดที่ซ้อนซุ่มยิงจากวิถี ปืน ในที่สุดยงยุทธก็เห็นว่าซ้อนซุ่มยิงอยู่ที่ไหน
วีรบุรุษบาปวิ่งหนีลูกกระสุนจนพลาดท่าถูกยิงเฉี่ยวเข้าที่แขนจนล้ม
“เลิกสนุกได้แล้ว นัดนี้เจาะกะโหลกเอ็งแน่”
ซ้อนเล็งเป้าไปที่หน้าวีรบุรุษบาปนิ้วแตะไก จังหวะเดียวกันนั้นยงยุทธยกปืนขึ้นเล็งไปที่ซ้อน …เปรี้ยง
กระสุนปืนจากยงยุทธโดนเข้าที่ไหล่ของซ้อนจนมันล้มเลือดเต็มแขน ยงยุทธยิงซ้ำอีกทีไอ้ซ้อนเลยต้องรีบเก็บปืน แล้วหนี ยงยุทธไม่ตามมันไปเพราะมีเรื่องต้องจัดการกับวีรบุรุษบาป แต่พอหันไปดูกลับไม่เจอตัว
“วีรบุรุษบาป ไอ้เจ้าเล่ห์เอ้ย”
ประดับกับลูกน้องอีกคนหนึ่งเข้ามาพลิกศพลูกน้องที่ถูกวีรบุรุษบาปฆ่าตาย เห็นสภาพศพแล้วเจ็บใจ
“ไม่ได้เรื่องเลยสักคน…หาพวกมันให้เจอ ถ้าแกฆ่ามันได้…ชั้นมีรางวัลให้อย่างงาม”
ประดับสั่งลูกน้องที่มาด้วยแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาทำให้ประดับสงสัยหันไป ลูกน้องที่มากับประดับถูกวีรบุรุษบาปจับตัวเอาไว้และใช้มีดจ่อคอหอย
“ไม่มีใครเหลือฟังคำสั่งแกอีกแล้ว…ไอ้ประดับ”
วีรบุรุษบาปจัดการเชือดคอลูกน้องประดับตายคาที่แล้วควงดาบเดินเข้าหา
“ฝีมือโจรสถุนอย่างแก ชั้นไม่อยากลงมือเองต่างหากหรอกเว้ย”
ประดับฉากหลบคมดาบของวีรบุรุษบาปได้อย่างคล่องแคล่วแล้วใช้จังหวะโต้กลับถีบเข้ายอดอก วีรบุรุษบาปผงะถอยเห็นประดับโชว์ฝีมือร้ายกาจก็ชอบใจ ปักดาบดำไว้ที่พื้นแล้วตั้งท่าเชิงมวยพร้อมสู้ตัวต่อตัว
ซ้อน พนมเพลิง เอาผ้ามันพันแขนห้ามเลือดที่ถูกยงยุทธยิง ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็รีบคว้าปืนเล็งระวังไว้ก่อน
“ข้าเองเว้ยไอ้ซ้อน”
“อ้าว…พี่กำนัน”
“นี่เอ็งคงเสียท่าพวกมันมาล่ะสิ”
กำนันบุญถามเมื่อเห็นสภาพซ้อน
“นิดหน่อยน่าพี่ ชั้นประมาทไอ้หมวดกับวีรบุรุษบาปไปหน่อย”
“ข้าบอกเอ็งแล้วไงพวกมันไม่ธรรมดา ไม่งั้นข้าคงจัดการมันได้ไปตั้งนานแล้ว”
“เอาน่าพี่…ชั้นก็แค่เสียเชิงมัน ชั้นรับเงินพี่มาแล้ว ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามตกลง”
กำนันบุญกระชากคอเสื้อซ้อน
“อย่าดีแต่พูดนะไอ้ซ้อน แล้วก็อย่าให้ย้ำด้วยว่างานนี้ข้าหวังอะไรบ้าง”
“ชั้นรู้น่าพี่…ชั้นจะกลับไปจัดการฆ่าพวกมัน ไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอน”
ซ้อนแกะมือกำนันบุญออกจากคอเสื้อแล้วคว้าปืนเดินกลับไป กำนันบุญมองตามสีหน้าดูลังเล
“ให้พวกเราไปช่วยด้วยมั้ยครับกำนัน จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด” ไอ้นะถาม
“ไม่ได้…งานนี้ข้าไม่ต้องการแสดงตัว”
ดาราถือปืนเข้ามาในป่าระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนเดินไปมาอยู่ใกล้ๆ ดารากระชับปืนระวังจ่าแท่นกับคำปันโผล่เข้ามา ดารายกปืนเล็งพร้อมยิง
“เดี๋ยวๆๆ ครับ พวกเราเองครับอาจารย์ดารา”
จ่าแท่นรีบบอก
“จ่า…น้าคำปัน…มาทำอะไรกันที่นี่คะเนี่ย”
“พวกเราตามบัวทองมาน่ะสิคะอาจารย์”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะน้า”
“บัวทองขโมยปืนผมไป คิดว่าคงอยากมาช่วยวีรบุรุษบาป”
“เราต้องช่วยกันตามหาบัวทองให้เจอนะคะ เด็กโง่เอ้ย…ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้”
“ใจเย็นๆ นะคะน้า…ดาราว่าเราน่าจะแยกกันหา บัวทองน่าจะไปได้ไม่ไกล”
“ก็ดีครับ…ให้คำปันไปกับอาจารย์แล้วกัน ส่วนผมจะแยกไปดูทางด้านนั้น”
“ค่ะจ่า”
จ่าแท่นจับบ่าให้กำลังใจคำปันแล้วแยกไป ส่วนดารากับคำปันแยกไปอีกทาง
ขณะนั้นวีรบุรุษบาปวัดเชิงมวยกับประดับฝีมือทั้งคู่สูสีกินกันไม่ลง และประดับก็ดูจะมีชั้นเชิงที่เหนือกว่าสามารถเล่นงานวีรบุรุษบาปได้หลายครั้งทำเอาวีรบุรุษบาปเจ็บจุกถอยไปตั้งหลักใกล้ๆ ดาบดำที่ปักพื้น
“หึๆๆ…ถ้าฝีมือแกมีอยู่แค่นี้ วันนี้ก็คงเป็นวันสิ้นชื่อของแกแล้ว”
“แผ่นดินนี้ต้องเป็นของคนดี คนชั่วอย่างเอ็งต้องตายสถานเดียว”
วีรบุรุษบาปควงดาบรุกเข้าใส่ ประดับฉากหลบเชิงดาบแล้วกระโจนหมุนตัวไปคว้าดาบของลูกน้องที่นอนตายขึ้นมารับคมดาบของวีรบุรุษบาปไว้ได้ทัน
“อำนาจอยู่ในมือชั้น เพราะฉะนั้นชั้นต่างหากที่มีหน้าที่ตัดสินแก ไอ้โจรกระจอก”
ประดับออกแรงต้านกลับผลักวีรบุรุษบาปกระเด็น แล้วทั้งคู่ก็เปิดฉากฟาดฟันกันด้วยเชิงดาบผลัดกันรุก-รับ แต่เรื่องของเชิงดาบวีรบุรุษบาปมีเหนือกว่าเลยเป็นฝ่ายได้เปรียบไล่ฟันจนประดับเสียทีถูกถีบกระเด็น
“ผู้ที่จะเป็นสัตตะโลหะบุรุษได้นอกจากอำนาจและบารมีแล้วต้องมีคุณธรรม แผ่นดินถึงจะสงบร่มเย็น เพราะฉะนั้นคนบาปอย่างแก…ไม่คู่ควร” วีรบุรุษบาปควงเพลงดาบไม้ตาย…ดาบเดือนดับ “ฟ้า…ดิน…เป็นพยาน...ดาบเดือนดับ”
วีรบุรุษบาปปรี่เข้าฟัน ประดับฮึดแรงยกดาบขึ้นรับเชิงดาบต้านแรงของวีรบุรุษบาปที่โถมอย่างหนัก สองคนจดๆ จ้องๆ กัน ประดับกำลังจะหมดแรงสู้ไม่ได้ ทันใดนั้นยงยุทธก็เข้ามาพร้อมปืน
“หยุดนะวีรบุรุษบาป…แกไม่มีหน้าที่ตัดสินใคร ถอยออกไป”
“หมวด…อย่ามาห้ามผม…ถ้ามันตาย…ผมถึงจะยอมมอบตัว”
“ไม่ แกจะต้องไม่ฆ่าใครอีก ถอยออกมา” วีรบุรุษบาปไม่ฟังกดดาบลงไปที่ประดับ “ถ้าแกไม่หยุด…ชั้นจะยิงแกเดี๋ยวนี้”
วีรบุรุษบาปหันไปทางยงยุทธที่ทำท่าจะยิง ประดับเลยได้โอกาสต้านแรงกลับถีบวีรบุรุษบาปจนเซแล้วโถมโจมตีไล่ฟันไม่หยุด
“แกพลาดโอกาสฆ่าชั้นไปแล้วเว้ยไอ้โจรกระจอก”
ประดับไล่ฟันใส่อย่างบ้าคลั่ง วีรบุรุษบาปได้แต่ตั้งรับ ยงยุทธยกปืนเล็งไปที่ทั้งคู่ แต่ทั้งคู่เคลื่อนไหวกันเร็วมากจนไม่สามารถใช้ปืนระงับได้ยงยุทธเลยเก็บปืนแล้วหันไปคว้าดาบ จากลูกน้องประดับอีกคนที่นอนตายแล้วปรี่เข้าไปผสมโรงฟาดฟันกัน 3 คนสลับกันไปมา
ประดับฟันวีรบุรุษบาป แล้วหลบดาบจากยงยุทธ วีรบุรุษบาปรับดาบจากยงุทธแล้วต้องหลบดาบจากประดับ ส่วนยงยุทธหลบดาบประดับรับดาบวีรบุรุษบาป สลับกันไปมา มันส์สุดฤทธิ์
บัวทองเข้ามาตามหาวีรบุรุษบาปในป่าพร้อมปืน
“วีรบุรุษบาป…วีรบุรุษบาป”
บัวทองพยายามเรียกหาระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาบัวทองหันปืนไป
“นี่แม่เอง…บัวทอง”
“แม่…อาจารย์ดารา” บัวทองลดปืนลง
“ออกไปจากที่นี่เถอะบัวทอง”
“ไม่ค่ะอาจารย์ บัวทองจะไม่ยอมให้เขาถูกจับ”
“อย่าดื้อได้มั้ยบัวทอง มันทำอะไรกับลูกไว้ ไม่เข็ดเหรอไง” คำปันต่อว่าลูกสาว
“เขาไม่ได้อยากจะทำร้ายชั้นจริงๆ หรอกจ้ะแม่ เขาอยากให้ชั้นเชื่อว่าเขาเป็นคนเลว เพื่อจะให้ชั้นทิ้งที่นี่ไปต่างหาก”
“งั้นแกก็เลือกที่จะฟังมัน ไม่สนใจหัวอกแม่แกแล้วใช่มั้ยบัวทอง”
“ไม่นะจ๊ะแม่…ชั้นแค่อยากช่วยเขา ไม่อยากให้เขาต้องมีจุดจบอย่างลุงเดื่อง แล้วถ้าลุงเดื่องทำแบบนี้เหมือนกับวีรบุรุษบาป แม่ก็คงทำเหมือนกับชั้น ใช่มั้ยจ้ะ”
คำปันถึงกับชะงักเมื่อบัวทองเอาเรื่องของเดื่องมาพูดซึ่งมันทิ่มแทงหัวใจตัวเองมาตลอด
“อาจารย์ว่าเรากลับไปคุยเรื่องนี้กันที่บ้านเถอะ ตอนนี้บัวทองทำอะไรไม่ได้หรอก”
“ไม่ค่ะอาจารย์ บัวทองจะไปไหนจนกว่าจะรู้ว่าเขาปลอดภัย…ชั้นขอโทษนะจ๊ะแม่”
บัวทองไม่ยอมกลับตัดสินใจเดินหน้าเข้าป่าไปต่อ
“บัวทอง”
คำปันจะตามไปแต่สะดุดล้มเจ็บข้อเท้า
“น้าคำปัน”
“ไม่ต้องห่วงน้าค่ะอาจารย์ พาบัวทองกลับมาให้ได้”
“ค่ะน้า”
ดารารีบตามบัวทองไป คำปันหันมาจับข้อเท้าที่เจ็บ
วีรบุรุษบาป ยงยุทธและประดับยังแลกดาบซัดกันไปมา พากันมาวัดเชิงดาบกันที่ ริมน้ำตก ฝีมือทั้งสามสูสีกินกันไม่ลง เป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน ระหว่างที่ทั้งสามกำลังสู้กัน ซ้อน พนมเพลิงแอบลอบเข้ามาพร้อมกับปืนสังหาร
“ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้พลาดอีกแล้วพี่กำนัน”
ซ้อนยกปืนขึ้นเล็งไปที่ทั้งสามซึ่งกำลังสู้กันหมายจะจัดการซะทีเดียว ยงยุทธ วีรบุรุษบาปและประดับวัดเชิงดาบจนมาถึงจุดสำคัญเมื่อดาบในมือของทั้ง 3 จ่ออยู่ที่คอของแต่ละคน ดาบจากมือยงยุทธจ่อที่คอประดับ ดาบจากมือประดับจ่อที่วีรบุรุษบาป ดาบจากมือวีรบุรุษบาปจ่อที่คอยงยุทธ ทำเอาทั้ง 3 ต้องหยุดจรดๆ จ้องๆ หยั่งเชิง
ซ้อนเล็งปืนไปที่ยงยุทธแล้วค่อยๆ เลื่อนปากกระบอกปืนมาที่วีรบุรุษบาปแล้วมาจบที่ประดับ
“แกก่อนแล้วกันไอ้ประดับ…เพราะข้าเหม็นขี้หน้าพวกนักการเมืองว่ะ…หึๆๆ”
ปัง! เสียงปืนดัง ประดับสะดุ้งเฮือก ยงยุทธกับวีรบุรุษบาปเห็นประดับมีเลือดซึมออกจากช่องท้อง วีรบุรุษบาปหันไปเห็นซ้อน กำลังจะยิงยงยุทธเป็นคนต่อไปเลยรีบเตือน
“ยงยุทธ...ระวัง”
เปรี้ยง! วีรบุรุษบาปช่วยผลักยงยุทธให้พ้นวิถีกระสุนเลยทำให้ตัวเองโดนยิงเฉี่ยวแขน ยงยุทธเข้าไปหลบหลังโขดหิน ส่วนวีรบุรุษบาปถอยไปหลบอีกข้างได้รับบาดเจ็บ ส่วนประดับเอามือกุมท้องเลือดเต็มมือ
“ใคร…ใครวะ ไอ้หมาลอบกัด
ประดับชักปืนออกมายิงมั่วไปหมด...เปรี้ยงๆๆๆๆ
ซ้อนยิงซ้ำอีกนัดใส่ประดับคราวนี้ทะลุไหล่ ประดับร่วงตกลงไปในแอ่งน้ำตก...ตูม ยงยุทธตัดสินใจม้วนตัวออกมาแล้วยิงสวนไปที่ซ้อน...เปรี้ยง!
กระสุนเฉี่ยวหัวซ้อนไปนิดเดียวทำให้ซ้อนไม่อยากสู้กับยงยุทธเลยรีบเก็บปืนแล้วหนีออกไป ยงยุทธหันไปดูประดับที่แอ่งน้ำตกแต่ไร้วี่แววว่าประดับจะโผล่ขึ้นมา ระหว่างนั้นวีรบุรุษบาปที่ได้รับบาดเจ็บรีบชิงโอกาสหนีออกไป ยงยุทธเลือกที่จะตามวีรบุรุษบาปไป
คำปันเดินกะเผลกตามหาดารากับบัวทอง
“บัวทอง…อาจารย์ดารา”
คำปันหลงทางกับคนอื่นเริ่มใจคอไม่ดีไม่รู้จะไปทางไหน นึกขึ้นได้ว่ามีพระร่วงนั่งห้อยคออยู่เลยกำไว้มืออธิษฐาน
“พี่เดื่องจ้ะ…ถ้าวิญญาณของพี่เดื่องยังอยู่ใกล้ๆ ชั้นขอให้พี่ปกป้องลูกหลานของเราให้ปลอดภัยด้วยเถอะ”
คำปันอธิษฐานแล้วเดินต่อ แต่พบว่ามีรอยเลือดหยดเป็นทางอยู่ที่พื้น คำปันตกใจแล้วสงสัย
วีรบุรุษบาปเอามือกุมไหล่ที่มีเลือดไหลมาเป็นทางยาวและต้องหยุดพักเพื่อห้ามเลือดตัวเอง ระหว่างนั้นมีเสียงคนเดินเข้ามา วีรบุรุษบาปคิดว่าเป็นหมวดยงยุทธที่ตามมาเลยเตรียมพร้อมด้วยดาบดำ แต่คนที่เดินเข้ามากลับเป็นคำปันที่ตกใจเมื่อเห็นวีรบุรุษบาปจังๆ ตรงหน้า
“นี่…นี่แกเองเหรอ”
คำปันจะหันหลังกลับแล้วหนีแต่วีรบุรุษบาปรีบเข้าไปจับตัวเอาไว้แล้วเอามือปิดปากไม่ให้ส่งเสียง
“หมวดยงยุทธกำลังตามล่าผมอยู่…เงียบไว้แล้วผมจะปล่อยคุณไป” คำปันพยายามจะขัดขืนวีรบุรุษบาปเลยต้องยิ่งออกแรงปิดปาก “ช่วยผม…แล้วผมจะไม่ทำร้ายคุณ”
คำปันนิ่งไปยอมเงียบอย่างที่โดนสั่ง วีรบุรุษบาปจึงค่อยๆ ปล่อยมือ คำปันหันมาเห็นวีรบุรุษบาปได้รับบาดเจ็บ
“ชั้นว่าเธอควรจะมอบตัวนะ”
“ยัง…ผมยังมอบตัวไม่ได้จนกว่าผมจะทำลายแผนการชั่วของพวกใจบาปได้”
“งั้นก็ต้องมีคนตายเพราะมือเธออีกมาก บาปกรรมมันจะทำให้เธอไม่ได้ตายดี”
“ผมไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าคนอย่างผมจะได้ตายสงบ ผมพร้อมจะลงนรกไปกับพวกมัน”
“เธอไม่สนใจตัวเอง แต่เธอจะทำให้ลูกสาวชั้นต้องตกนรกไปกับเธอด้วยน่ะสิ”
“ผมสั่งให้บัวทองไปจากที่นี่แล้ว”
“แต่บัวทองไม่เชื่อ หาว่าเธอจงใจผลักไสให้บัวทองไป”
ยงยุทธตามรอยเลือดของวีรบุรุษบาปมา เห็นรอยเลือดเปรอะที่ต้นไม้มั่นใจว่ามันต้องมาทางนี้แน่
“แกเสร็จชั้นแน่...ไอ้วีรบุรุษบาป”
ที่วีรบุรุษบาปกับคำปัน
“ทำไม …ทำไมลูกสาวชั้นถึงแยกแยะไม่ออกว่าอะไรดีอะไรไม่ดี มาหลงรักคนอย่าง เธอจนไม่ยอมฟังแม้แต่คำเตือนของชั้น”
“เพราะบัวทองยังเด็ก…คิดว่าผมเป็นวีรบุรุษ”
“แต่เธอเป็นวีรบุรุษจอมปลอม เธอฆ่าคน ชั้นขอร้องล่ะ ถ้าเธอยังมีส่วนดีอยู่ในตัว เห็นแก่หัวอกคนเป็นแม่อย่างชั้น เธอควรจะมอบตัวเพื่อบัวทองจะได้ตาสว่างสักที”
“ผมเห็นใจและเข้าใจดี...แต่ผมทำให้ไม่ได้...จนกว่า...”
“จนกว่าคนบาปจะถูกจัดการหมด...ชั้นฟังคำพูดนี้มาตลอดชีวิตชั้นแล้ว...ชั้น ไม่อยากฟังอีก คนที่ชั้นรักก็ต้องมาตายเพราะคิดเหมือนเธอ แล้วชั้นจะต้องมานั่งทนดู ลูกสาวชั้นเป็นแบบเดียวกับชั้นเหรอ”
คำปันน้ำตาเอ่อเสียใจ วีรบุรุษบาปรู้สึกเสียใจและเศร้าไปกับคำปัน ระหว่างนั้นเสียงยุทธใกล้เข้ามา วีรบุรุษบาปหันไปมอง
“ผมยอมมอบตัวตอนนี้ให้คุณไม่ได้ แต่ผมรับปากคุณได้ว่าบัวทองจะไม่ได้เจอหน้าผมอีก”
วีรบุรุษบาปจะออกไปแต่คำปันตัดสินใจเข้าไปขวางทางกางแขนไม่ยอมให้ไป
“มอบตัวเถอะ...เพื่อเห็นแก่บัวทอง” วีรบุรุษบาปนิ่งไปมองคำปันแล้วตัดสินใจยื่นดาบดำไปที่คำปันทำเอาคำปันตกใจหน้าเสียแต่ฮึดขึ้นมา “ถ้าเธอคิดจะฆ่าชั้นก็ลงมือเลย ลูกสาวชั้นจะได้ตาสว่างซะที จะได้เลิกหลงรักคนที่ฆ่า แม่ตัวเอง”
วีรบุรุษบาปกำดาบดำแน่นมองที่คำปันอย่างตัดสินใจ
“เอาสิ...ลงมือเลย ชั้นไม่กลัวหรอก...อย่างมากชั้นก็ตายแล้วได้ไปอยู่กับพี่เดื่อง ลูกสาวชั้นก็จะได้พ้นจากเงื้อมมือเธอ”
วีรบุรุษบาปตัดสินใจลดดาบดำลงพร้อมกับดึงผ้าขาวม้าที่พันหน้าออกยอมเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงให้คำปันเห็น
“ผมทำร้ายคนที่ผมเคารพรักเหมือนแม่ของผมไม่ได้หรอกครับ...น้าคำปัน”
คำปันตกใจมากเมื่อเห็นว่าขุนเดชคือวีรบุรุษบาป
“ขุนเดช...เป็นไปไม่ได้...น้าไม่เชื่อ”
“นี่คือความจริงครับน้า...ขุนเดชกับวีรบุรุษบาปคือคนเดียวกัน...ผมคือทหารของพระร่วง ผู้สาบานตนว่าจะปกป้องรากเหง้าของบรรพชนและตัดสินคนบาปด้วยความตาย”
คำปันตัวสั่นเทาน้ำตาคลอเบ้าเหมือนอกจะแตก
“ไม่...ไม่จริง...น้าไม่เชื่อ...ไม่ใช่...ต้องไม่ใช่พ่อขุนเดชของน้า...เธอโกหกน้า บอกมาสิว่าเธอโกหกน้า”
คำปันเข้าไปลูบหน้าลูบตาขุนเดชอย่างเสียใจ ขุนเดชจับมือบัวทองแล้วน้ำตาคลอเบ้า
“ใช่ครับ...ผมคือขุนเดช...ลูกชายของนายเดื่อง เด็กที่น้าเคยอุ้มกระเตง ที่น้าเคยป้อนข้าว ป้อนน้ำ ผม...ผมขอโทษด้วยครับน้าคำปัน”
ขุนเดชน้ำตานองหน้าคุกเข่าแล้วพนมมือก้มกราบเท้าคำปันอย่างสำนึกผิด
“ขุนเดช”
คำปันสะอื้นจุกคออย่างเจ็บปวด มือกุมสร้อยคอพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำแน่น
ยงยุทธรุดเข้ามาถึงบริเวณที่คำปันกับขุนเดชอยู่ด้วยกัน ยงยุทธยกปืนระวังแล้วส่องเข้ามาคิดว่าจะพบตัววีรบุรุษบาปแต่มันกลับหายตัวไปเหลือแต่คำปันยืนอยู่คนเดียว
“น้าคำปัน น้ามาทำอะไรที่นี่ครับ”
“ผู้หมวด...คือ...น้า...”
“ไอ้วีรบุรุษบาปมันอยู่แถวนี้ใช่มั้ยครับ...ผมตามรอยเลือดมันมา น้าเจอมันใช่มั้ย”
คำปันพยักหน้ารับ
“ค่ะ น้าเจอ”
“แล้วมันหนีไปทางไหนครับ” คำปันนิ่ง ใจเต้นตึกตัก ยงยุทธถามย้ำ “น้าคำปัน มันหนีไปไหนครับ”
คำปันตัดสินใจชี้นิ้วออกไป
“ทาง...ทางนั้นค่ะหมวด”
“ขอบคุณมากครับน้า”
ยงยุทธรีบไล่ตามไป ส่วนคำปันยืนตัวแข็งน้ำตาไหลอาบสองแก้ม
“พี่เดื่อง...ฮือๆๆๆๆๆ”
อ่านต่อหน้าที่ 2
ขุนเดช ตอนที่ 17 (ต่อ)
บัวทองตามหาวีรบุรุษบาปอยู่ในป่า แต่เจอดาราที่ตามมาจนทันและขวางทางบัวทองไว้
“หยุดเถอะบัวทอง อย่าทำอย่างนี้เลย กลับไปกับชั้นเถอะ น้าคำปันเป็นห่วงเธอมากนะ”
“แต่เราจะปล่อยให้คนดีๆ อย่างวีรบุรุษบาปถูกตัดสินโทษโดยไม่มีใครยืนอยู่ข้างเขาเลยเหรอคะอาจารย์”
“ไม่หรอกบัวทอง…คนที่เข้าใจและอยู่ข้างเดียวกับเขายังมีอยู่อีกมาก”
“ถ้ามีจริงแล้วไหนล่ะคะ บัวทองไม่เคยเห็นใครคิดอยากจะเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องเขาเหมือนที่เขายอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องพวกเรา”
“มีสิบัวทอง ยังมีคนที่คอยให้ความช่วยเหลือวีรบุรุษบาปไม่ยอมให้เขาถูกจับอยู่อีก”
“ใครล่ะคะอาจารย์”
ดารากำลังจะบอกบัวทองว่าเป็นเธอเอง แต่ระหว่างนั้นยงยุทธเดินเข้ามาพบทั้งสองคนพอดี
“ดารา…บัวทอง…นี่พวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่”
ดารากับบัวทองอึกอัก ยงยุทธเห็นปืนในมือของทั้งสองคนก็ยิ่งสงสัย ดารารีบแก้ตัวทันที
“ชั้นเป็นห่วงเธอก็เลยตามมาช่วย”
ดาราพูดไปก็พยักหน้าให้บัวทองเออออตาม
“คุณไม่ควรทำอย่างนี้นะดารา รู้มั้ยว่ามันอันตรายมาก”
“เห็นเธอปลอดภัยชั้นก็หายห่วงแล้ว แล้ววีรบุรุษบาปกับประดับล่ะ”
“ประดับถูกมือปืนซุ่มยิงเล่นงานไปแล้ว ส่วนผมกำลังตามล่าตัววีรบุรุษบาปอยู่”
“เขาหนีไปได้เหรอคะหมวด”
“น้าคำปันเจอมันที่ด้านโน้นบอกว่ามันหนีมาแถวนี้ แต่ผมตามมาแล้วไม่พบร่องรอยของมัน คิดว่ามันคงหนีปได้แล้ว”
บัวทองได้ยินก็แอบดีใจ
กำนันบุญยิ้มพอใจเมื่อซ้อนมาบอกเรื่องประดับ
“แกแน่ใจนะว่าแกจัดการนายประดับไปได้”
“มันเจอชั้นซัดไป 2 นัดเต็มๆ ป่านนี้มันคงกลายเป็นผีเฝ้าน้ำตกไปแล้วพี่กำนัน”
“หึๆๆ…นายประดับ…สมน้ำหน้ามัน ชอบอวดเบ่ง บ้าอำนาจนัก ทีนี้มันได้อวดเบ่งกับยมบาลแน่ ฮ่าๆๆๆ”
“ชั้นทำงานให้พี่สำเร็จแล้ว พี่กำนันคงไม่ลืมส่วนแบ่งที่เหลือของชั้นนะ” ผกาเดินเข้ามา
“คิดจะเอาส่วนแบ่งที่เหลือได้ยังไง ในเมื่อแกรับปากว่าจะจัดการมันสามคน”
ซ้อนหันไปหรี่ตามองผกาอย่างไม่พอใจ
“พี่กำนัน…ระวังปากเมียน้อยพี่ด้วยนะ”
“แกไม่ต้องมาทำปากดีขู่ชั้น แกบอกพี่กำนันจะจัดการพวกมันให้หมด แต่นี่ไอ้หมวดยงยุทธกับวีรบุรุษบาปยังลอยนวลอยู่ เพราะฉะนั้นพี่กำนันไม่ต้องให้เงินที่เหลือกับมัน”
“ทนไม่ไหวแล้วเว้ย”
ซ้อนจะเข้าไปเล่นงานผกา แต่กำนันขวางแล้วกระชากคอเสื้อซ้อนไว้
“พอได้แล้วไอ้ซ้อน เมียข้าข้าจัดการเอง เอ็งไม่ต้องยุ่ง”
“ชั้นเคารพรักพี่เหมือนพี่ชายชั้น ชั้นขอเตือนไว้เลยนะพี่ ถ้าได้ผู้หญิงดีๆ เป็นเมีย พี่จะยิ่งใหญ่ แต่ถ้าได้พวกกากๆ เศษๆ ที่เขาไม่เอาแล้วมา มันมีแต่จะฉุดให้พี่ลงต่ำ”
“ไอ้บ้า ไอ้ปากกระโถน พี่กำนัน ชั้นเกลียดมัน ถ้าพี่รักชั้น พี่ต้องยิงหัวมันแล้วเลาะฟัน มันออกมาด้วย”
“หุบปากกันซะที”
กำนันบุญขึ้นเสียงดังทำให้ซ้อนกับผกาเงียบกริบ ระหว่างนั้นไอ้นะกับไอ้เนเข้ามา
“พ่อกำนันจ้ะ…ไอ้เบิ้มมันมาแล้วจะให้ชั้นกับไอ้เนเล่นงานมันเลยมั้ย”
กำนันบุญสีหน้าครุ่นคิด ผกาปากไวออกคำสั่งแทน
“จะเอามันไว้ทำไมในเมื่อเจ้านายมันตายไปแล้ว ฆ่ามันให้ตามไปรับใช้นายมันนั่นแหละ”
ไอ้นะ ไอ้เนจะทำตามคำสั่งผกาแต่กำนันบุญเรียกไว้
“เดี๋ยว ข้าจะไปคุยกับมันเอง”
“จ้ะพ่อกำนัน”
ไอ้นะไอ้เนพากันออกไป ผกาชักสีหน้าไม่พอใจที่กำนันบุญยกเลิกคำสั่งเธอต่อหน้าต่อตา
“พี่กำนัน...ทำไมพี่ไม่ให้ชั้นสั่งลูกน้องพี่”
“ไปรอชั้นในห้อง…ไป” ผกายังเฉย กำนันบุญเลยบีบแขนผลักไส “ไปรอชั้นในห้อง” ผกาเซเกือบล้มมองกำนันบุญอย่างไม่พอใจแต่ก็ต้องเดินเข้าไปเพราะกลัวโดนตบ “ไอ้ซ้อน...เอ็งกลับไปรักษาตัวก่อน เรื่องค่าจ้าง พี่น้องกันข้าไม่เบี้ยวแน่”
“ได้จ้ะพี่...ถ้ามีอะไรเรียกใช้ พี่เรียกชั้นได้เสมอ”
ซ้อนยกมือไหว้แล้วเดินออกไปทางหลังบ้าน กำนันบุญมีสีหน้าครุ่นคิด
เบิ้มตกใจเมื่อรู้ข่าวจากกำนันบุญ
“ว่าไงนะกำนัน คุณประดับตายแล้ว”
“ใช่…ข้าก็เพิ่งรู้ข่าวนี่เอง”
“เป็นไปไม่ได้ ฝีมืออย่างคุณประดับไม่มีทางถูกไอ้ยงยุทธกับไอ้วีรบุรุษบาปจัดการได้แน่”
“คุณประดับไม่ได้ตายเพราะฝีมือไอ้สองคนนั่นหรอก แต่ตายเพราะมือปืนที่มาล่าค่าหัวไอ้วีรบุรุษบาปที่คุณประดับตั้งรางวัลนำจับเองนั่นแหละ”
คำตอบนี้ทำให้เบิ้มอึ้งไป
“แล้วศพคุณประดับอยู่ไหน”
“จมอยู่ในแอ่งน้ำตก”
เบิ้มกำหมัดเจ็บใจแล้วหุนหันออกไป กำนันบุญมองตามยิ้มร้ายกาจ
“ทำไมไม่ให้เราจัดการมันไปเลยล่ะพ่อกำนัน” ไอ้เนถามอย่างแปลกใจ
“ไอ้ประดับมันตายไปแล้ว แต่ข้ายังต้องการโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือมาทำพิธี เลี้ยงลูกน้องมันไว้เผื่อจะใช้ประโยชน์มันได้อีก”
กำนันบุญหัวเราะลงลูกคออย่างสะใจ
กระท่อมขุนเดช ท่ามกลางบรรยากาศกลางคืนมีคบไฟจุดหน้ากระท่อม ขุนเดชจัดการทำแผลตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บมาจนเรียบร้อยแล้วเอาเสื้อมาสวมทับ ระหว่างนั้นยงยุทธเข้ามา
“แกเป็นยังไงบ้างขุนเดช”
“ก็เกือบโดนลูกน้องไอ้ประดับมันเอาชีวิตไปเหมือนกัน แต่ได้ข่าวจากอาจ่าว่ามันโดนเล่นงานไปแล้ว”
“ใช่…มีมือปืนเข้ามาลอบยิงพวกชั้น วีรบุรุษบาปช่วยชีวิตชั้นเอาไว้ได้ส่วนไอ้ประดับ ป่านนี้คงจมอยู่ที่ก้นแอ่งน้ำตก”
“แกพอจะรู้มั้ยว่าฝีมือใคร”
“ชั้นคงต้องสืบเรื่องนี้ดู คิดว่าไม่น่าใช่นักล่าที่มาล่าค่าหัววีรบุรุษบาปอย่างที่พวกชาวบ้านลือกัน แต่ถึงจะเป็นฝีมือใครการที่ไอ้ประดับถูกเล่นงานไปแบบนี้ อย่างน้อยก็ช่วยทำให้ทุกคนที่นี่ไม่ต้องหวาดกลัวอิทธิพลอีก”
“งั้นดารากับบัวทองก็คงจะปลอดภัยดีแล้ว”
“ใช่” ยงยุทธเข้ามาตบบ่าขุนเดช “แกก็ด้วยนะขุนเดช เห็นแกปลอดภัยชั้นก็ดีใจ ความแค้น ของไอ้ประดับกับพวกเรามันจะได้จบกันไปซะที” ขุนเดชพยักหน้ารับ แต่ยงยุทธกลับมีสีหน้าขึงขังจริงจัง “แต่เรื่องของชั้นกับวีรบุรุษบาปยังไม่จบ…มันช่วยชีวิตชั้นเพื่อให้ตัวเองหนีรอด ยังไงชั้นก็ไม่ปล่อยมันแน่ ชั้นจะต้องเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของมันออกมาให้ทุกคนได้รู้”
ยงยุทธบอกด้วยสีหน้ามั่นใจ แต่ขุนเดชมองยงยุทธแล้วกลับเป็นกังวล
ที่บ้านคำปัน ขณะนั้นคำปันยืนกอดอกสีหน้าเศร้าๆ อยู่คนเดียว มือแตะที่สร้อยคอพระร่วงนั่งอย่างหนักใจ จ่าแท่นเข้ามา
“คำปัน…คำปัน” จ่าแท่นเรียกเท่าไหร่คำปันก็ไม่หันเลยเข้าไปแตะไหล่ คำปันสะดุ้งหันมาน้ำตาเอ่อๆ “เป็นอะไรไปคำปัน…นั่นเอ็งร้องไห้ทำไม”
“เอ่อ…ชั้น…ชั้น”
“ข้ารู้แล้ว เอ็งคงดีใจที่แผ่นดินสุโขทัยสูงขึ้นมาอีกจมเพราะไอ้ประดับมันถูกฆ่า”
คำปันชะงักไป
“เอ่อ…จ้ะพี่”
“ข้าก็ดีใจเหมือนเอ็งนั่นแหละเว้ย แต่เสียดายนะที่วีรบุรุษบาปรอดไปได้ เพราะถ้าโดนหมวดเขาจับได้อีกคนล่ะก็ ข้าคงได้ว่างงานล่ะทีนี้”
“พี่จ่าจ้ะ…ชั้นถามอะไรพี่หน่อยสิ เรื่องเกี่ยวกับพี่เดื่อง”
“เอ็งสงสัยอะไร”
คำปันมองจ่าแท่นแล้วหน้าเครียดๆ อยากรู้
จ่าแท่นมองคำปันด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ทำไมเอ็งถามข้าแบบนี้วะคำปัน”
“ชั้นถามเพราะชั้นเห็นพี่สนิทกับพี่เดื่องน่ะสิ ตกลงพี่เคยสงสัยรึเปล่าว่าพี่เดื่องเป็นทหาร พระร่วง เป็นพวกตัดสินคนบาปด้วยความตาย”
“ข้าว่าเอ็งคิดมากไปแล้ว ถึงพี่เดื่องจะมีดาบดำ รู้จักเพลงดาบเดือนดับเหมือนอย่างวีรบุรุษบาป แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นพี่เดื่องฆ่าใครนอกจากช่วยข้าตามจับพวกโจรลักตัดเศียรพระ ทำลายโบราณสถาน”
“พี่ไม่เห็นพี่เดื่องทำ เพราะพี่เป็นตำรวจ แต่ชั้นสิ หลายครั้งที่ชั้นเห็นพี่เดื่องหายไปตอนกลางคืน พอรุ่งเช้าก็มีข่าวพบศพพวกลักตัดเศียรถูกฆ่าตาย”
จ่าแท่นชะงักไปครู่แล้วปฏิเสธ
“เป็นไปไม่ได้หรอกคำปัน พี่เดื่องแกเป็นคนดี คนรักแกทั้งศรีสัชนาลัย ก็เหมือนกับไอ้ขุนเดชไงตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เป็นที่รักของทุกคน ข้าว่าเอ็งเลิกคิดฟุ้งซ่านเรื่องไม่เป็นเรื่องเถอะ อีกไม่นานหมวดเขาก็คงจะจับตัววีรบุรุษบาปได้ ถึงเวลานั้นเราจะได้รู้กันซะทีว่ามันเป็นใคร”
จ่าแท่นเดินออกไปทิ้งคำปันให้ยืนสีหน้าหนักใจอยู่คนเดียว
“ขุนเดช...น้าจะทำยังไงดี”
อ่านต่อหน้าที่ 3
ขุนเดช ตอนที่ 17 (ต่อ)
ขุนเดชมาที่ถ้ำศิลาและเมื่อกราบพระศิลาเสร็จก็หันมาชักดาบดำออกจากฝักเพ่งมองคมดาบในมือ ดาราตามมาดารายืนมองขุนเดชที่กำลังเครียดก็อดสงสารไม่ได้
“ชั้นจะช่วยเธออธิบายให้น้าคำปันเข้าใจ”
“คงไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดหรอกดารา ถึงจะรู้ความจริงว่าหมอนั่นคือผม แต่ความเกลียดชังที่น้าคำปันมีต่อวีรบุรุษบาปก็ไม่ได้ลดลงเลย”
“แต่ยังไงชั้นก็จะลองคุยดู ก่อนที่น้าคำปันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกยงยุทธ”
ดาราจะออกไปแต่ขุนเดชเข้าไปจับมือไว้
“ไม่ต้องหรอกดารา...ถ้าน้าคำปันอยากจะเปิดเผยความจริงเรื่องของผมก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ”
“ทำไมล่ะขุนเดช”
“ตอนนี้ประดับถูกฆ่าตายไปแล้ว ก็เหลือแค่กำนันบุญคนเดียว ภารกิจหยุดสัตตะโลหะบุรุษของผมก็คงจะใกล้จบ”
“ขุนเดช...เธอคิดจะมอบตัวแล้วปล่อยให้ยงยุทธจัดการกับกำนันบุญไปคนเดียว”
ขุนเดชสูดลมหายใจแล้วหันไปมองที่พระศิลาที่ไร้เศียร
“ยงยุทธเคยรับปากผมไว้ว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้พ่อผม บางทีนี่อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่ผมควรจะปล่อยให้เพื่อนรักได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้”
“ขุนเดช...”
ดาราใจเสีย
วันต่อมา ดารามาเคาะประตูเรียกคำปันที่ห้อง
“น้าคำปันจ้ะ…น้าคำปัน”
ดาราเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบ บัวทองเดินเข้ามา
“แม่ไม่อยู่หรอกค่ะอาจารย์ ออกไปตั้งแต่เช้ามืด”
“ไปไหน…บัวทองรู้รึเปล่า”
“บัวทองไม่ทันจะได้ถามค่ะ พอดีเพิ่งตื่นยังงัวเงีย” ดาราหันมาหน้าเครียดกังวลจนบัวทองแปลกใจ “มีอะไรรึเปล่าคะอาจารย์”
“เอ่อ…เปล่าจ้ะ”
“ดาราทำทียิ้มกลบเกลื่อนแล้วรีบเดินออกไป”
ดารารีบมาที่โรงพัก พอมาถึงก็มองหาคำปันทันที ระหว่างนั้นยงยุทธเข้ามาทางข้างหลัง
“มาหาใครเหรอดารา”
ดาราถึงกับสะดุ้ง
“เอ่อ...คือ...ชั้น...ชั้นแวะมาดูว่าน้าคำปันมาที่นี่รึเปล่า”
“น้าคำปันน่ะเหรอ ทำไมน้าคำปันจะต้องแวะมาที่นี่ด้วยล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกยงยุทธ ชั้นไปทำงานนะ”
ดาราจะรีบเดินออกไป แต่ยงยุทธเข้าไปคว้าแขนดาราเอาไว้
“อย่าเพิ่งไป น้าคำปันแวะมาหาผมที่นี่แต่เพิ่งกลับไปเมื่อสักครู่นี่เอง”
ดารามีสีหน้าตกใจจนเห็นได้ชัด ยงยุทธหรี่ตามองดาราอย่างสงสัย
ที่วัดเกาะน้อย ขุนเดชไหว้พระพุทธรูปอยู่ในโบสถ์ คำปันเดินเข้ามามองขุนเดชอย่างหนักใจ
“เข้ามาสิครับ ผมกำลังรอน้าอยู่ครับ น้าคำปัน”
“รอน้าอยู่..งั้นเธอก็รู้น่ะสิ”
“ครับน้า...น้าอยากให้ผมไปมอบตัว”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องรอให้น้ามาขอร้องเธอ เธอควรจะไปมอบตัวซะ” ขุนเดชนิ่งเงียบ “ขุนเดช...น้าเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังแบเบาะ น้ารู้จักนิสัยของเธอดี เธอเป็นเด็กอ่อนโยน ขี้สงสาร ยุงสักตัวเธอยังไม่กล้าตบเลย แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กดีคนนั้นของน้า”
“มันเป็นลิขิตของฟ้าที่ผมไม่อาจเลี่ยงได้ครับ”
“ไม่จริง! น้าไม่เชื่อเรื่องลิขิตฟ้า ขุนเดชเป็นคนดีเหมือนกับที่พี่เดื่องเป็น”
“น้าคำปันครับ...น้าอยู่กับพ่อผมมานาน น้าก็คงจะทราบว่าไม่มีใครที่สาบานตนเป็นทหารของพระร่วงแล้วไม่ลงมือฆ่าพวกใจบาปหรอกครับ” คำปันชะงักไปน้ำตาคลอเพราะรู้แก่ใจแต่ปฏิเสธไม่เชื่อมาตลอด ขุนเดชชูดาบดำขึ้นแล้วชักออกมาเป็นดาบหักของนายเดื่อง “หลังจากที่พ่อถูกพวกโจรฆ่าตาย ผมสูญเสียความทรงจำ หลวงพ่อสุขพาผมไปเลี้ยงที่วัด ใช้หลักธรรมกล่อมจิตใจเพื่อป้องกันไม่ให้ผมเดินตามรอยเพชรฆาตอย่างพ่อ แต่สุดท้ายเมื่อผมได้จับดาบดำของพ่อ ความพยายามของหลวงพ่อสุขก็ไม่เป็นผล วิญญาณของเพชรฆาตและของเหล่าทหารพระร่วงที่ล่วงลับทุกคนต่างก็เข้ามาสิงสู่ในตัวผม...มันคือลิขิตฟ้าที่กำหนดให้ผมเกิดมาเพื่อเป็นเพชรฆาตเข่นฆ่าศัตรูของแผ่นดิน”
คำปันฟังแล้วถึงกับน้ำตาไหลพราก ทรุดลงนั่งร้องไห้เสียใจ ขุนเดชมองน้าคำปันอย่างเจ็บปวดไปด้วย
อีกด้านหนึ่งที่บริเวณน้ำตก ขณะนั้นเบิ้มยืนสั่งการให้พรรคพวกช่วยกันงมหาศพประดับ
“หาให้เจอนะเว้ย...ยังไงข้าก็ต้องเอาศพนายไปทำพิธีให้ได้”
พวกลูกน้องช่วยกันดำผุดดำว่ายหากันจ้าละหวั่น เบิ้มยืนหน้าเครียด
ขุนเดชเป็นห่วงความรู้สึกของคำปันเลยเข้าไปคุกเข่าพนมมือแล้วกราบเท้า
“น้าคงหวังให้เด็กที่น้าอุ้มชูมาเป็นคนดีของสังคม แต่ผมกลับเนรคุณน้า ผมกราบขอโทษด้วยครับน้าคำปัน”
ขุนเดชกราบเท้าคำปันอย่างรู้สึกสำนึกผิด คำปันยิ่งเสียใจปล่อยโฮโผเข้าไปกอดขุนเดช
“เธอไม่น่าทำอย่างนี้กับน้าเลย ฮือๆๆ” คำปันใช้มือตีขุนเดชเหมือนผู้ใหญ่ตีสั่งสอนเด็ก “ถ้าน้ารู้ว่าโตขึ้นเธอจะต้องมาเป็นเพชรฆาต น้าจะไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตาแม้แต่นิดเดียว...ฮือๆๆๆ เด็กดื้อ...เด็กไม่ดี...ฮือๆๆๆๆ”
ขุนเดชได้แต่นิ่งน้ำตาคลอปล่อยให้คำปันตีสั่งสอนจนคำปันอ่อนแรงสะอื้น “น้ารักเธอนะขุนเดช น้าไม่อยากเสียเธอไปเหมือนที่น้าต้องเสียพี่เดื่อง ถ้าเธอยังสำนึกบุญคุณน้า เธอต้องเลิกเป็นวีรบุรุษบาปแล้วกลับเนื้อกลับตัวซะตอนนี้” คำปันจับไหล่ขุนเดชมามองเข้าไปในดวงตาอย่างอ้อนวอน “เธอจะทำให้น้าได้มั้ยขุนเดช”
ขุนเดชนิ่งมองคำปัน
ดารายังอยู่ที่โรงพัก เธอแปลกใจเมื่อยงยุทธเล่าให้ฟัง
“น้าคำปันบอกเธอเหรอว่าวีรบุรุษบาปจะมามอบตัว”
“ใช่”
“แล้วน้าคำปันมั่นใจได้ยังไง”
“น้าคำปันบอกผมว่าวันที่เจอไอ้หมอนั่นในป่า เธอพยายามขอร้องให้มันหยุดการเข่นฆ่า หยุดทำบาป แล้วมันก็รับปากว่าจะมามอบตัว ซึ่งก็ตรงกับที่มันบอกผมว่าถ้าไอ้ประดับตายมันจะยอมวางมือ”
“แล้วถ้าเขามามอบตัวจริงๆ เธอจะทำอะไรเขารึเปล่า”
ยงยุทธไม่ทันตอบ จ่าแท่นเข้ามารายงาน
“หมวดครับ...ผมเตรียมกำลังคนของเราไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
“ขอบใจจ่า เสร็จธุระกับดาราแล้วผมจะตามไป”
จ่าแท่นออกไป ดารายิ่งใจไม่ดีที่เห็นยงยุทธเตรียมพร้อม
“คำพูดของโจรผมคงเชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้หรอก ถ้ามันคิดวางแผนอะไรอยู่ มันไม่มีทางรอดออกไปจากที่นี่แน่”
ที่น้ำตกเบิ้มยังรอให้พรรคพวกงมศพประดับขึ้นมาจากแอ่งน้ำตก
“เป็นไงวะ...ทำไมยังหาไม่เจอสักที”
“ข้างใต้นี่น้ำมันขุ่นมากเลยพี่เบิ้ม ซอกหินก็เยอะ”
“ข้าไม่สนใจว่าข้างล่างมันจะเป็นยังไง ถ้าวันนี้พวกเอ็งงมศพนายขึ้นมาไม่ได้ พวกเอ็งไม่ได้ออกไปจากที่นี่แน่”
เบิ้มสั่งเสร็จพวกลูกน้องก็ช่วยกันดำผุดดำว่ายหาเป็นการใหญ่ แต่ระหว่างนั้นลูกน้องคนหนึ่งรีบเข้ามา
“พี่เบิ้ม...ชั้นว่าพี่น่าจะไปดูทางนั้นหน่อยนะ”
“มีอะไรวะ”
“ที่ตลิ่งด้านโน้นชั้นเจอรอยเท้าย่ำเต็มไปหมด รอยมันเดินสะเปะสะปะหายลึกเข้าไปในป่าด้วยพี่”
“พาข้าไปดูสิ”
เบิ้มกับลูกน้องอีกคนรีบพากันออกไป
อีกด้านหนึ่งขุนเดชนิ่งมองคำปันที่ขอร้องให้เขามอบตัว
“มันยังไม่สายไปหรอกนะขุนเดช น้าเชื่อว่าถ้าหมวดยงยุทธรู้ เขาจะต้องพยายามช่วยเธอเพราะความเป็นเพื่อน”
“ไม่ครับน้า...ความเป็นเพื่อนของผมกับยงยุทธจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“แต่น้าเคยได้ยินพี่แท่นบอกว่าโทษของเธอหนักมากนะขุนเดช”
“ผมทราบครับ ไม่ว่าโทษของผมจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน ผมก็พร้อมยอมรับตั้งแต่วันที่ผมยอมถวายตัวเป็นทหารพระร่วงแล้ว” ขุนเดชมีสีหน้าจริงจังจับมือคำปันมาบีบแน่น “ผมเองก็รับปากยงยุทธไว้ว่าถ้าไอ้ประดับตาย ผมจะยอมมอบตัว”
“ขุนเดช...”
“เพื่อน้า...เพื่อบัวทอง...และเพื่อคนที่ผมรักทุกคนในศรีสัชนาลัย หน้าที่จัดการกับคนบาปที่เหลือผมจะไว้ใจให้ยงยุทธจัดการสานต่อครับ”
คำปันดีใจดึงขุนเดชเข้ามากอด
“ขุนเดช...ขุนเดชของน้า”
คำปันร้องไห้สะอึกสะอื้น
ขณะนั้นบัวทองเอาตระกร้าผักมาให้สาลี่ที่ร้านอาฮวด
“ขอบใจนะบัวทอง ผักงามๆ ทั้งนั้นเลย จะคิดตังค์เท่าไหร่ล่ะ”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะน้าสาลี่ ผักที่สวนบ้านชั้นมันเยอะแยะเต็มไปหมด ชั้นอยู่กับแม่สองคนกินก็ไม่หมด แบ่งๆ มาให้น้าไว้ทำกับข้าวขายดีกว่า”
“อาบัวทองนี่น้ำใจงามสมกับหน้าตาเลยนะ อั้วอดลีจายม่ายล่ายจิงๆ ที่ลื้อไม่ต้องย้ายไปจากศรีสัชนาลัยแล้ว”
“เพราะคนชั่วที่มันถ่วงแผ่นดินมันเริ่มทยอยตายแล้วไงไอ้ฮวด แผ่นดินศรีสัชนาลัยของเราเลยเริ่มสูงขึ้น”
ระหว่างนั้นชาวบ้านคนหนึ่งเข้ามาหน้าตาตื่นเต้น
“ไอ้ฮวด...สาลี่...มีข่าวใหญ่แล้วเว้ย”
“ข่าวอะไรของเอ็งวะ”
“ข้าไปส่งโอเลี้ยงที่โรงพักมา เลยได้ยินพวกตำรวจคุยกันว่าวีรบุรุษบาปจะมามอบตัว”
พวกชาวบ้านที่นั่งอยู่ในร้านพากันได้ยินและสนใจ
“หา! วีรบุรุบาปจะไปมอบตัวเหรอ ไอ้หย๋า...นี่มันเรื่องใหญ่แล้วนะ อาสาลี่ลื้อเฝ้าร้านอั้วจะไปดู”
“เดี๋ยวไอ้ฮวด แกนั่นแหละที่อยู่เฝ้า ชั้นจะไปดูเอง ชั้นอยากรู้ว่าวีรบุรุษบาปเป็นใคร”
“อั้วก็อยากรู้อยากเห็นกับตาอั้วเหมือนกัน เผื่อว่าอั้วจะหล่อกว่าอี”
“พอได้แล้วไอ้ฮวด สาลี่ ลูกค้าแกไม่เหลืออยู่ในร้านแล้ว เขาไปโรงพักหมดแล้ว”
อาฮวดกับสาลี่หันไปดูในร้านไม่เหลือลูกค้าสักคน
“ไอ้หย๋า...มันไปกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย...ไปด้วยสิเว้ย”
อาฮวดรีบออกไปสาลี่รีบตาม เหลือบัวทองยืนตกใจอยู่คนเดียว
“วีรบุรุษบาป...”
ในป่า เบิ้มกับลูกน้องเดินตามรอยเท้าเข้ามา
“รอยเท้ามันย่ำเปะปะไปหมด ไม่น่าจะใช่คนของเรานะพี่”
เบิ้มยิ่งมีสีหน้าสงสัยมากขึ้น ระหว่างนั้นได้ยินเสียงบางอย่างเบิ้มรีบชักปืนออกมา
“ใคร”
เสียงเงียบไป เบิ้มกับลูกน้องชักสงสัย ทั้งคู่แยกตีโอบพร้อมปืน ถ้าไม่ไว้ใจก็ลั่นไกใส่ แต่พอเบิ้มเข้าไปใกล้ก็ตกใจ
“คุณประดับ”
สิ่งที่เบิ้มเห็นคือประดับนอนหน้าซีดบาดเจ็บสาหัสหายใจรวยรินเต็มที
“ช่วย...ช่วย...ชั้นด้วย”
ประดับพยายามยกมือขึ้นแต่มือก็ตกลงพื้นแล้วนิ่งไป
“คุณประดับ! แข็งใจไว้นะครับ เฮ้ย...ช่วยพาคุณประดับไปเร็ว”
เบิ้มกับลูกน้องรีบเข้าไปหิ้วปีกพยุงประดับขึ้นทันที
คำปันรอขุนเดชอยู่ที่หน้ากระท่อม ระหว่างรอก็ถอดสร้อยคอพระร่วงนั่งเหล็กดำออกมากำไว้แน่น
“พี่เดื่องจ๊ะ ชั้นรับปากพี่ว่าจะดูแลขุนเดชให้ แต่วันนี้ชั้นจำเป็นต้องขอให้ขุนเดชไปติดคุกติดตะราง ชั้นขอโทษด้วยนะจ๊ะที่ชั้นดูแลลูกพี่ได้ไม่ดี”
คำปันน้ำตาซึมระหว่างนั้นขุนเดชออกมาด้วยชุดของวีรบุรุษบาป
“ผมพร้อมแล้วครับน้าคำปัน”
คำปันเห็นแล้วก็หนักใจ
“ขุนเดช...น้า...”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับน้า ผมเตรียมใจไว้แล้วครับ ช้าเร็วยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง”
“น้าจะช่วยขอร้องหมวด เผื่อว่าเขาจะมีทางช่วยให้โทษหนักกลายเป็นเบา”
“ยงยุทธต้องยึดมั่นในกฏหมาย เพราะถ้าผมได้รับการละเว้น มันจะเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีกับคนอื่น”
คำปันมองขุนเดชอย่างสงสารแล้วจับมือขุนเดชมาให้รับสร้อยคอพระร่วงนั่ง
“รับไว้เถอะนะขุนเดช ท่านควรจะปกป้องเธอไม่ใช่ปกป้องน้า” ขุนเดชรับพระร่วงนั่งมาแล้วกำแน่นพยักหน้าหนักแน่นกับคำปัน “น้าจะไปส่งเธอที่โรงพักด้วย”
ที่บ้านกำนันบุญ กำนันบุญเข้ามาในห้องนอนเห็นผกายืนกอดอกสีหน้าครุ่นคิด แต่กำนันบุญไม่สนใจจัดแจงถอดเสื้อตัวนอกออก
“มานี่สิผกา ชั้นรู้สึกเมื่อยเหลือเกิน มาปรนนิบัติชั้นหน่อย”
ผกาหันมาอย่างหยิ่ง
“ไม่...วันนี้ชั้นไม่มีอารมณ์ ถ้าพี่กำนันอยากได้ผู้หญิงมาบำบัดความใคร่เดี๋ยวชั้นจะสั่งลูกน้องให้ไปหามาให้”
“ผกาจะเดินออกไปกำนันบุญไม่พอใจคว้าแขนทันที”
“เดี๋ยวนี้เธอกล้าพูดกับชั้นแบบนี้แล้วเหรอผกา”
“แล้วทีพี่กำนันล่ะ มาหักหน้าชั้นต่อหน้าลูกน้อง หึ...ถ้าไม่ใช่เพราะชั้นเป็นมันสมองคิดให้ พี่กำนันก็คงหนีไม่พ้นเงาของประดับ เป็นได้แค่หมารับใช้มัน”
กำนันบุญไม่พอใจตบหน้าผกา...เพี๊ยะ!
“อย่าคิดมาทวงบุญคุณกับชั้นเด็ดขาดนะผกา”
“พี่กำนัน”
กำนันบุญจิกผกาหน้าเหี้ยมเอาเรื่องแล้วเข้าไปใกล้ ผกาเริ่มตกใจกลัว
“อย่านะพี่กำนัน…อย่าทำอะไรชั้นนะ”
กำนันบุญจิกผมผกาแล้วเหวี่ยงไปที่เตียงจากนั้นก็จับฉีกเสื้อจนขาด ผกาเกือบโป๊
“ถ้าคิดว่าเธอเก่งกาจกว่าแล้วอยากจะมีอำนาจเหนือชั้นล่ะก็ เธอหาเรื่องตายแล้วผกา คิดว่าชั้นไม่รู้เหรอว่าที่ผ่านมา เธอพยายามใช้ชั้นเป็นเครื่องมือเล่นงานประดับ”
“ชั้น…ชั้นเปล่านะพี่กำนัน”
“หุบปาก! ถ้าเธอยังอยากมีชีวิตอยู่ มีกินมีใช้อย่างสบายก็อย่าได้คิดกำเริบขึ้นมาอวดอำนาจแข่งกับชั้น...เข้าใจมั้ย”
“จะ...จ้ะ”
“ดี...ทีนี้เธอพร้อมจะปรนนิบัติชั้นรึยัง”
ผกาพยักหน้ารับ กำนันบุญยิ้มชอบใจแล้วเข้าไปกอดรัดซุกไซ้ แต่ระหว่างนั้นไอ้นะเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา
“พ่อกำนัน แย่แล้ว”
“เว้ย...อะไรของเอ็งวะ”
“คุณประดับ...คุณประดับยังไม่ตายจ้ะ
กำนันบุญกับผกาถึงกับอึ้งไป
กำนันบุญกับผการีบตามไอ้นะเข้ามาที่เตียงพบประดับนอนมีผ้าพันแผลผ่านการรักษามาแล้วอยู่บนเตียง มีไอ้ เบิ้มคอยเฝ้าอยู่ใกล้ๆ
“คุณประดับ...นี่คุณประดับรอดมาได้ยังไงไอ้เบิ้ม”
“คุณประดับเป็นคนดวงแข็งครับกำนัน ถึงจะถูกยิงแต่ก็ยังโชคดีที่กระสุนทะลุออกไปหมด หมอบอกว่าถ้าผมตามไปเจอช้ากว่านี้อีกนิดเดียวคุณประดับก็คงไม่รอด”
กำนันบุญกับผกาอึ้งไปมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ระหว่างนั้นประดับรู้สึกตัวสลึมสะลือ
“กำ...กำนัน”
“เอ่อ...ครับคุณประดับ”
“พวก...พวกมันต้อง...ต้องเจ็บปวดมากกว่าชั้น แผ่นดินของมันต้อง...ต้องลุกเป็นไฟ”
“คุณประดับจะให้ผมทำอะไรครับ”
ประดับเหนื่อยอ่อนจนไม่ค่อยมีแรง เบิ้มเลยช่วยบอกให้
“คุณประดับต้องการให้กำนันสั่งสอนไอ้พวกศรีสัชนาลัยทุกคน อย่าให้มันมีเสียงโห่ร้องดีใจเพราะคิดว่าคุณประดับตายแล้ว”
“แต่ผมว่าตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไรเลยดีกว่านะครับคุณประดับ”
กำนันบุญเข้าไปพูดใกล้ๆ ประดับ เลยถูกประดับคว้าคอเสื้ออย่างไม่พอใจ
“ชั้น...ชั้นสั่ง แกมีหน้าที่ต้องทำตาม”
ประดับดันกำนันบุญให้ไปทำตามคำสั่ง
“คนของผมพร้อมแล้ว เหลือแต่คนของกำนันนั่นแหละ” เบิ้มบอก
“ได้ครับคุณประดับ ผมจะรีบไปจัดการให้”
กำนันบุญรีบเดินออกไป ผกามองไปที่ประดับซึ่งจ้องเขม็งมาที่เธอ แววตาของประดับดูระแวงสงสัยผกาจนเธอไม่กล้าอยู่สู้หน้ารีบตามกำนันบุญออกไป
ผการีบตามกำนันบุญเข้ามาสองต่อสองในห้องทำงานของกำนันบุญ
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ก็ไหนไอ้ซ้อนมันบอกว่ามันฆ่าประดับได้แล้วไง”
“เธอก็เห็นกับตาแล้วยังมาถามชั้นอีก ดวงมันยังไม่ถึงที่ตายไง”
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะพี่กำนัน เมื่อกี้นี้สายตาที่ประดับมองชั้น มัน...มันเหมือนกับว่าประดับกำลังสงสัย”
“มันต้องสงสัยแน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างมันไม่ใช่คนโง่”
“งั้น...งั้นถ้าเขารู้ว่าชั้นคิดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาต้องไม่เอาชั้นไว้แน่”
ผกาหน้าตื่นจนลนลาน กำนันบุญมีสีหน้าครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะหันมาจับไหล่ผกา
“เย็นไว้ผกา สภาพตอนนี้ของมันไม่ได้น่ากลัวสำหรับเธอ”
“พี่กำนันหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าระหว่างที่ชั้นต้องออกไปสั่งการลูกน้องตามที่ประดับสั่ง เธอต้องอยู่ที่นี่ช่วยชั้นจัดการปิดปากมันไง”
“ชั้นเนี่ยนะ...” ผกาถามอย่างตกใจแล้วรีบส่ายหน้า “ชั้นทำไม่ได้หรอก”
กำนันบุญบีบแขนสั่ง
“ถ้าเธอทำไม่ได้ก็เตรียมตัวถูกมันฆ่าได้เลยผกา”
ผกาหน้าเสีย กำนันบุญจิกหน้าสั่งผกาด้วยสายตา
อาฮวด สาลี่และชาวบ้านพากันมามุงรอดูวีรบุรุษบาปมามอบตัวหน้าโรงพัก ยงยุทธกับจ่าแท่นพากันออกมา
“นี่มันอะไรกันเนี่ยไอ้ฮวด เฮโลพาเมียพาชาวบ้านมาทำอะไรกัน”
“แหมๆๆ อาจ่าแท่น ลื้อนี่นะ ไปนั่งกินกาแฟร้านอั้ว แต่ไม่ยอมบอกข่าวสำคัญให้พวกอั้วรู้เลย”
“ข่าวอะไรหา ไอ้ฮวด”
“ก็ข่าวที่วีรบุรุษบาปจะมามอบตัววันนี้น่ะสิจ่า”
จ่าแท่นชะงักหันไปมองหมวดยงยุทธที่สีหน้าสงสัยรีบเข้าไปถามสาลี่
“รู้ข่าวกันได้ยังไง”
“พวกเราจะรู้จากไหนมันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะหมวด ตกลงว่าวีรบุรุษบาปมามอบตัวแล้วรึยัง”
“ไอ้หมอนั่นจะมารึไม่มาก็ไม่ใช่ธุระอะไรของพวกคุณ กลับบ้านไปทำมาหากินเถอะ”
“หมวดจะมาบอกว่าไม่ใช่ธุระกงกางของพวกเราไม่ล่ายนะ อาวีรบุรุษบาปอีช่วยจัดการพวกใจบาปให้พวกเรามาล่ายตั้งหลายคน ถ้าวันนี้อีจะมามอบตัว พวกเราก็อยากรู้ว่าอีเป็นใคร”
พวกชาวบ้านพากันพยักหน้าพูดพร้อมๆ กันใช่ๆๆๆ
“มันจะเป็นใครเอาไว้ผมสอบสวนมันเสร็จแล้วผมจะบอกทุกคนแน่ แต่ตอนนี้ทุกคนต้องกลับไปก่อน”
“ไม่...พวกเราไม่กลับ พวกเราจะอยู่”
“หมวดครับ...เรื่องสอดรู้สอดเห็นของชาวบ้านเนี่ย อะไรก็มาฉุดไม่อยู่ ไล่ยังไงก็ไม่ไปหรอกครับ”
บัวทองตามพวกชาวบ้านเข้ามายิ่งได้ยินยงยุทธยืนยันว่าวีรบุรุษบาปจะมามอบตัวด้วยแล้วบัวทองยิ่งหนักใจเป็นห่วงวีรบุรุษบาป
ขณะนั้นดาราเดินไปเดินมาเป็นกังวลอยู่ที่ห้องทำงานของยงยุทธ บัวทองเข้ามาหาดารา
“อาจารย์คะ”
“บัวทอง...เธอมาที่นี่ทำไม”
“บัวทองรู้เรื่องที่วีรบุรุษบาปจะมามอบตัว เขามารึยังคะอาจารย์”
“ยังจ้ะ...ยงยุทธกำลังรอเขาอยู่”
“แล้วอาจารย์พอจะทราบมั้ยคะว่าเขาตั้งใจจะมาจริงๆ หรือว่าเป็นแค่แผนการหลอกผู้หมวด”
ดารานิ่งไปครู่อย่างหนักใจ
“บัวทอง...ชั้นคิดว่า...วีรบุรุษบาปตั้งใจจะมามอบตัวจริงๆ”
บัวทองตกใจหน้าเสียจะรีบออกไปแต่ยงยุทธเข้ามาขวางที่ประตูพร้อมกับจ่าแท่น
“ถ้าเธอคิดจะไปห้ามไม่ให้มันมามอบตัว ชั้นคงต้องขอให้เธออยู่ที่นี่”
“หมวดคะ ปล่อยวีรบุรุษบาปไปเถอะค่ะ บัวทองขอร้อง”
“เอ็งขอร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรอกบัวทอง คนผิดต้องรับโทษตามกฏหมาย” จ่าแท่นบอก
“แล้วทีไอ้พวกกำนันบุญล่ะลุงจ่า ทำไมหมวดไม่ไปจับมัน ทำไมต้องจ้องแต่จะจับวีรบรุษบาป”
“หมวดเขาไม่ได้ละเลยที่จะจับไอ้พวกกำนันบุญนะบัวทอง แต่ไอ้พวกนั้นมันมีอิทธิพลคุ้มกะลาหัวอยู่ สุ่มสี่สุ่มห้าไปจับมันมาโดยไม่มีหลักฐานดีๆ ไปเล่นงานมัน พวกเรานี่แหละที่จะซวย”
“จ่า...พอได้แล้ว...มาสิบัวทอง...ชั้นจะอธิบายให้เธอฟัง”
บัวทองมองยงยุทธอย่างแปลกใจ
ยงยุทธพาบัวทองออกมาดูพวกชาวบ้านที่พากันมาออที่หน้าโรงพัก จนตำรวจต้องแบ่งกำลังมาช่วยกันชาวบ้านไม่เข้าไปใกล้เพราะอาจจะขัดขวางการทำงาน
“ชั้นเข้าใจทั้งบัวทองทั้งชาวบ้านทุกคนที่ต่างก็เชิดชูวีรกรรของไอ้หมอนั่น แต่ที่ชั้นต้องไล่ล่ามันอยู่ตลอดเวลา จนเหมือนว่าไม่สนใจพวกคนเลวคนอื่นๆ นั่นเป็นเพราะว่าถ้าปล่อยให้วีรบุรุษบาปไล่ฆ่าคนเลวต่อไปเรื่อยๆ กฏหมู่ก็จะขึ้นมาแทนที่กฏหมาย จะมีคนเลียนแบบพฤติกรรม ออกมาอาละวาดไล่ฆ่าคนที่เห็นต่าง คนไหนไม่ใช่พวกก็คือศัตรู”
“ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนั้น บ้านเมืองก็คงต้องเกิดกลียุคคงน่าเศร้าถ้าเราต้องเห็นคนไทยไม่รักกัน มุ่งแต่จะเข่นฆ่ากันเอง เพียงเพราะเชิดชูกฏหมู่ให้อยู่เหนือกฏหมาย”
“ดารา...บัวทอง...ผมยอมให้พวกคุณและพวกชาวบ้านเกลียดผมได้ แต่ผมยอมให้กฏหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้”
ดารากับบัวทองนิ่งไปเพราะเหตุผลของยงยุทธ
ที่โบราณสถานกลุ่มนักศึกษาและอาจารย์กำลังทำงานบูรณะ อาจารย์ประทีปเดินเข้ามาที่ดำรง
“เป็นยังไงบ้างอาจารย์”
“วันนี้พวกนักศึกษากับชาวบ้านที่มาช่วยงานไม่ค่อยจะมีสมาธิทำงานกันเท่าไหร่ครับ”
ดำรงบอก อาจารย์ประทีปพยักหน้าพอจะเข้าใจ
“ข่าววีรบุรุษบาปจะมามอบตัว ทำเอาทุกคนในศรีสัชนาลัยแทบหยุดหายใจกันไปหมด แล้วอาจารย์ล่ะคิดยังไง”
“จะว่าไปเขาก็ช่วยพวกเรารักษาสมบัติมาไว้ได้มากมายนะครับอาจารย์”
อาจารย์ประทีปนิ่งไปแล้วหันไปมองสถูปสถานที่เหลือแต่เศษอิฐ
“อาจารย์ดาราก็พูดกับผมแบบนี้ จนผมอดคิดไม่ได้ว่า ทั้งๆ ที่พวกเรามีกันเป็นสิบเป็นร้อย แต่ก็ยังรักษาสมบัติของแผ่นดินไว้ได้ไม่เท่ากับวีรบุรุษบาปคนเดียว”
อาจารย์ประทีปพูดไปแล้วถอนใจ ระหว่างนั้นเสียงปืนดังกึกก้องพร้อมกับเสียงหวีดร้องตกใจของพวกนักศึกษาและพวกชาวบ้านที่มาช่วยงาน
“เกิดอะไรขึ้น”
อาจารย์ประทีปถามอย่างตกใจ
อาจารย์ประทีปรีบวิ่งเข้ามาเห็นพวกนักศึกษากับชาวบ้านหนีตายลูกกระสุนที่พวกไอ้นะไอ้เนพร้อมลูกน้อง กำนันบุญที่คาดหน้าปิดปากกราดยิงข่มขู่
“อาจารย์...พาพวกนักศึกษาหนีไปก่อน”
อาจารย์ประทีปสั่งดำรง
“แล้วอาจารย์ล่ะครับ”
อาจารย์ประทีปชูปืนขึ้นมา
“ผมจะไม่ยอมให้พวกมันทำลายสมบัติของแผ่นดิน”
“งั้นผมจะอยู่ช่วยครับ”
“ไม่ได้...คุณต้องรักษาชีวิตพวกนักศึกษาเอาไว้..ไปได้แล้ว”
ดำรงหน้าเครียดเป็นห่วงอาจารย์ประทีปแต่ก็จำเป็นต้องทำตามที่อาจารย์ประทีปสั่ง
“ทุกคน...ตามอาจารย์ไปทางนี้”
ดำรงพาพวกนักศึกษาออกไป อาจารย์ประทีปมีสีหน้าจริงจังเอาเรื่อง
ไอ้นะ ไอ้เนกับลูกน้องกำนันบุญประกาศศักดาความเลวยิงปืนขึ้นฟ้าอย่างบ้าคลั่งและจับชาวบ้านมาซ้อมอย่างสะใจ
“ขุดให้ทั่วเลยนะเว้ย เจออะไรดีก็เอากลับให้หมด”
อาจารย์ประทีปเข้ามา
“หยุดเดี๋ยวนะ...ห้ามพวกแกแตะต้องสมบัติของชาติเด็ดขาด”
อาจารย์ประทีปยกปืนขู่เอาจริง แต่พวกมันกลับมองอาจารย์ประทีปอย่างสมเพช
“ไอ้แก่เอ้ย ไปจับชอล์คสอนหนังสือเถอะ ยิงปืนเป็นรึเปล่าก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆๆ”
เปรี้ยง! อาจารย์ประทีปยิงขู่พวกไอ้นะไอ้เนตกใจที่เห็นอาจารย์ประทีปเอาจริง
“ไอ้แก่...เอาจริงเหรอเนี่ย กูตกใจนะเว้ย”
ไอ้เนไม่พอใจปรี่ไปจับมืออาจารย์ประทีปมาบิดจนปืนหลุดแล้วกระหน่ำซ้อมชกลำตัวและหน้าจนอาจารย์ประทีปทรุดไปกองพื้น
“พอแล้ว...อย่าเสียเวลากับมัน...ตรงไหนเสียเวลาขุดก็ระเบิดมันทิ้งเลย”
ไอ้นะออกคำสั่ง พวกลูกน้องเลยเอาระเบิดมาปาใส่โบราณสถานอย่างมันส์มือ
“อย่า...อย่าทำลายโบราณสถาน...อย่า”
อาจาร์ประทีปร้องห้ามพร้อมกับเสียงตูม ระเบิดสนั่นหวั่นไหว อาจารย์ประทีปเจ็บปวดที่เห็นอารยธรรมโบราณถูกทำลายต่อหน้าต่อตา ไอ้เนจิกหัวอาจารย์ประทีปขึ้นมา
“ดูซะไอ้แก่ ดูให้เต็มตา ของที่พวกแกอยากรักษาเอาไว้มันก็แค่เศษอิฐเท่านั้น...ฮ่าๆๆ”
ไอ้เนไสหัวอาจารย์ประทีปให้ดูสภาพโบราณสถานที่ถูกทำลายจนอาจารย์ประทีปได้แต่เจ็บปวดรวดร้าว
อ่านต่อหน้าที่ 4
ขุนเดช ตอนที่ 17 (ต่อ)
อีกด้านหนึ่งชาวบ้านถูกพวกไอ้เบิ้มกับลูกน้องประดับที่มีผ้าคาดหน้าบุกเข้ามาปล้น เสียงปืนดังไปทั่วเพราะ พวกมันยิงปืนกราดใส่ ชาวบ้านวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานเอาตัวรอดออกจากบ้านหนีแตกตื่นอลหม่าน
“พวกเอ็งอยากได้อะไรก็เอาไปเลย…เอาไปให้หมด…เสร็จแล้วก็เผาไม่ให้เหลือ”
เบิ้มหัวเราะสะใจ ระหว่างนั้นชาวบ้านผู้ชายคนหนึ่งคว้าดาบจะเข้ามาเล่นงานจากข้างหลัง แต่โดนเบิ้มหันกลับ ไปเล่นงานสวนกลับสู้จนชาวบ้านถูกแทงตายด้วยดาบตัวเองตายตาค้างแข็งต่อหน้า
“แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับที่พวกเอ็งต้องชดใช้ให้คุณประดับ เฮ้ย...เร่งมือเข้า...ยังมีงานใหญ่ที่ข้าต้องไปจัดการอีก”
เบิ้มยิ้มร้ายเอาเรื่อง
คำปันพาวีรบุรุษบาปเดินมาตามทางเพื่อจะพาไปมอบตัวแต่ขุนเดชหยุดระหว่างทาง
“น้าคำปันครับ...ใกล้จะถึงแล้ว ผมจะเข้าไปมอบตัวเอง น้าคำปันส่งผมแค่นี้ก็พอ”
“ไม่เป็นไรหรอก น้าอยากจะเป็นกำลังใจให้ขุนเดช ให้น้าได้ทำหน้าที่ดูแลขุนเดชตามที่น้ารับปากพี่เดื่องไว้เถอะนะ” ขุนเดชนิ่งไปมองคำปันแล้วสีหน้ายังติดกังวล “เป็นอะไรไปขุนเดช”
“ผมอยากจะขอโทษน้าเรื่องบัวทอง ถ้าผมมอบตัวแล้วคงไม่มีโอกาสอธิบายให้บัวทองฟัง”
คำปันนิ่งไปครู่พลางถอนใจเป็นกังวลขึ้นมาด้วย ระหว่างนั้นเสียงร้องเจ็บปวดของอาจารย์ประทีปดังเข้ามา
“อาจารย์ประทีป”
คำปันกับขุนเดชรีบเข้าไปประคองอาจารย์ประทีปที่บาดเจ็บมาและล้มลง
“เกิดอะไรขึ้น ใครทำร้ายอาจารย์”
“วี…วีรบุรษบาป...ช่วย…ช่วยพวกเราด้วย”
“ค่อยๆ เล่าให้ผมฟังครับ”
อาจารย์ประทีปถูกวีรบุรุษบาปพามาพักที่โคนต้นไม้แล้วให้สัญญาเป็นมั่นเหมาะ
“เธอจะช่วยดูแลอาจารย์ให้ ส่วนพวกมันผมจะไปจัดการเอง”
อาจารย์ประทีปพยักหน้ารับ ขุนเดชจับบ่าอาจารย์ประทีปแล้วผุดลุกออกไปแต่คำปันรีบตาม
“เดี๋ยว…แล้วเรื่องที่เธอจะไปมอบตัวล่ะ”
ขุนเดชนิ่งแววตาดุดันก่อนจะหันมามองคำปัน
“หน้าที่ของผมยังไม่จบ ตราบใดที่คนบาปยังไม่ถูกตัดสินประหารชีวิต”
ขุนเดชก้าวออกไปอย่างมุ่งมั่น คำปันหน้าเสีย
“วีรบุรุษบาป…”
ที่โรงพักยงยุทธพนมมือไหว้พระพุทธรูปปางมาวิชัยที่ขุนเดชเคยให้ไว้บูชา
“อาจารย์คะ จนป่านนี้วีรบุรุษบาปยังไม่มามอบตัวเลยหรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจแล้ว”
บัวทองถามดารา ดาราเองก็ตอบไม่ได้นิ่งไปด้วยความสงสัยเหมือนกันจึงหันไปถามยงยุทธ
“ยงยุทธ”
“ถ้ามันไม่โผล่หัวมาตามที่มันพูดไว้ ต่อไปนี้ก็อย่าไปเรียกมันว่าวีรบุรุษเพราะมันก็เป็นได้แค่ไอ้ฆาตกรเจ้าเล่ห์”
“หมวดครับ” จ่าแท่นรีบเข้ามา
“มันมาแล้วเหรอจ่า”
“เปล่าครับ แต่เมื่อสักครู่ผมเพิ่งได้รับแจ้งมาว่ามีโจรเข้าปล้นที่หมู่ 3 แล้วยังมีอีกพวกที่บุกไปขุดทำลายโบราณสถานที่คณะของอาจารย์ประทีปทำงานอยู่ด้วยครับ”
“แล้วพวกอาจารย์กับนักศึกษาเป็นยังไงบ้างคะจ่า” ดาราถามอย่างตกใจ
“อาจารย์ดำรงพาพวกนักศึกษาหนีไปอยู่ที่ปลอดภัยแล้ว แต่อาจารย์ประทีปยังไม่รู้ชะตากรรมครับ”
ดาราหน้าเสียเป็นห่วง ระหว่างนั้นเสียงร้องตกใจวี้ดว้ายดังมาจากข้างนอกพร้อมๆ กับเสียงปืน
ยงยุทธกับจ่าแท่น ดาราและบัวทองรีบออกมาที่หน้าโรงพักเห็นเหตุการณ์ความวุ่นวายเพราะมีมือปืนปิดหน้า ซึ่งก็คือเบิ้มกับลูกน้อง ขับรถจี๊ปบุกเข้ามาแล้วกราดยิงใส่อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย อาฮวดและสาลี่กับพวกชาวบ้านวิ่งหนีลูกกระสุนกันอลหม่าน ยงยุทธกับจ่าแท่นรีบชักปืนยิงตอบโต้เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
“ดารา...พาบัวทองหลบเข้าไปข้างในก่อน”
“มาทางนี้เถอะบัวทอง”
“แล้วพวกชาวบ้านล่ะคะอาจารย์”
ดารามองไปเห็นชาวบ้านกำลังวิ่งหนีกันก็เป็นห่วงว่าจะถูกลูกหลง ดาราเลยรีบวิ่งออกไป
“ดารา...อย่า มันอันตราย จ่า...ยิงคุ้มกันให้ผมด้วย”
“ครับหมวด”
ยงยุทธรีบตามดาราไปโดยมีจ่าแท่นช่วยยิงเปิดทางให้
เสียงปืนดังสนั่น สาลี่กับอาฮวดหลบลูกปืนกอดกันตัวสั่นอยู่กับพวกชาวบ้าน
“ไอ้ฮวด...ชั้นกลัว...ชั้นตายมั้ยเนี่ย ชั้นยังไม่มีลูกให้แกเลยนะ”
“ลื้ออย่าเพิ่งปากเสียสิ อั้วก็ยังไม่อยากตาย อั้วยังไม่ได้มีเมียน้อยเลย”
“ไอ้ฮวด”
กระสุนปืนเฉี่ยวหัวสาลี่ไปถูกกระถางต้นไม้ใกล้ๆ แตกกระจุย สาลี่ตกใจกอดคออาฮวดแน่น
“ถ้าแกคิดจะมีเมียน้อย ขอให้แกถูกลูกปืนยิงกบาลเลย…ไอ้ฮวด!”
ระหว่างนั้นดารารีบฝ่าดงกระสุนเข้ามาช่วยทุกคน
“น้าสาลี่…อาฮวด ทุกคนตามชั้นมาทางนี้ค่ะ”
“จะไปยังไงล่ะอาจารย์ ลูกปืนปลิวเฉี่ยวหัวอยู่แบบนี้ ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าก็ตายซี้แหงน่ะสิ”
ยงยุทธตามเข้ามา
“ผมจะยิงคุ้มกันให้เอง คุณรีบพาพวกชาวบ้านขึ้นไปหลบข้างบน”
“ขอบใจนะยงยุทธ…ตามชั้นมาเร็ว”
ดารารีบพาอาฮวด สาลี่กับชาวบ้านเข้าไปที่โรงพักโดยมียงยุทธยิงเปิดทางให้ เสียงปืนดังไม่หยุด
คำปันช่วยพยุงพาอาจารย์ประทีปมาส่งที่อนามัย ซึ่งดำรงกับพวกนักศึกษามาอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว
“อาจารย์ครับ...อาจารย์เป็นยังไงบ้าง พวกเราเป็นห่วงอาจารย์แทบแย่”
“โชคดีที่พวกมันไม่ฆ่าผม แต่โบราณสถานที่พวกเราทุ่มเทบูรณะกันกำลังถูกพวกมันรุมทำลาย ถ้าวีรบุรุษบาปตามไปรักษาไว้ไม่ได้ก็คงย่อยยับไม่มีเหลือ”
“อาจารย์เจอวีรบุรุษบาปด้วยเหรอครับ”
อาจารย์ประทีปพยักหน้ารับ พวกนักศึกษารีบเข้ามาให้กำลังใจ
“ถ้าวีรบุรุษบาปรู้เรื่องนี้แล้ว ผมว่าเขาต้องช่วยพวกเราปกป้องโบราณสถานไว้ได้แน่ ใช่มั้ยพวกเรา”
พวกนักศึกษาคนอื่นๆ พากันพยักหน้าเห็นด้วยเพราะความมั่นใจที่จะฝากฝังโบราณสถานไว้ในมือของวีรบุรุษ บาป คำปันเห็นทุกคนต่างก็มั่นใจและมีความหวังกับวีรบุรุษบาปก็อดรู้สึกไม่แน่ใจกับการขอให้ขุนเดชมอบตัว
ที่โบราณสถานพวกลูกน้องกำนันบุญกำลังช่วยกันตัดเศียรพระทันใดนั้นวีรบุรุษบาปก้าวเข้ามาพร้อมดาบดำและจ้องมองการกระทำของพวกมันเขม็ง ลูกน้องกำนันบุญคนหนึ่งหันมาเห็นก็ตกใจรีบสะกิดบอกเพื่อน
“เฮ้ย...มัน...มันมาแล้ว”
“ใครวะ”
“วี...วีรบุรุษบาป”
ขุนเดชควงดาบดาบดำเดินเข้าหาอย่างน่ากลัว ลูกน้องกำนันบุญรีบชักดาบออกมาแล้ววิ่งเข้าไปสู้
ฉับ! มันวิ่งเข้าใส่แต่ถูกคมดาบปาดคออย่างโหดเหี้ยม อีกคนหน้าเสียกลืนน้ำลายเอื๊อกกำดาบในมือแน่นพร้อมสู้แต่ตัวสั่นกลัวจนน่าขัน
“อย่า...อย่าเข้ามานะเว้ย”
ขุนเดชควงดาบดำเสียงดาบแหวกอากาศน่าเกรงขาม
ขณะนั้นไอ้นะกับไอ้เนขุดเอาไหที่ใส่พระเครื่องออกมาจากซากปรักหักพังของสถูปที่พวกมันเพิ่งระเบิดไป
“ไหน...ขอข้าดูหน่อย...” ไอ้นะล้วงเข้าไปในไหหยิบออกมาดูแล้วตาโต “ของดีๆ ทั้งนั้นเลยเว้ย”
“เฮ้ย ข้าเป็นคนขุดเจอ เอ็งไม่มีสิทธิ์” ไอ้เนบอก
“อ้าว...แต่พ่อกำนันบอกว่างานนี้ให้พวกเราแบ่งๆ กันนะเว้ย”
“แต่พระเครื่องพวกนี้ถ้าข้าเอาไปขายล่ะก็รวยปลิ้น แล้วเรื่องอะไรที่ข้าต้องแบ่งให้เอ็งรวยด้วยวะ”
“งั้นเอ็งก็ต้องมาวัดกับข้าแล้วว่าใครจะได้ไป”
ไอ้นะกระชากคอเสื้อไอ้เน ระหว่างนั้นลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ลูก...ลูกพี่”
ไอ้นะไอ้เนหันไปเห็นลูกน้องที่เดินเซกลับมา ก่อนจะล้มลงตายคาที่มีดาบของมันเสียบอยู่กลางหลัง วีรบุรุษบาปก้าวเข้ามาจ้องเขม็งที่พวกมันสองคน
“พวกเอ็งไม่ต้องแย่งกันหรอก ยังไงพวกเอ็งก็ได้ตายชดใช้บาปอยู่ที่นี่ด้วยกันแน่”
“ไอ้วีรบุรุษบาป”
ไอ้นะชักปืนยิงใส่ วีรบุรุษบาปควงดาบปัดกระสุนแล้วฉากหลบหายไป ไอ้นะกับไอ้เนรีบไล่ตาม
ที่โรงพักยงยุทธกับจ่าแท่นและพวกตำรวจยังยิงต่อสู้กับพวกไอ้เบิ้ม ก่อนที่พวกไอ้เบิ้มมจะยิงจนพอใจ
“พอได้แล้วเว้ย แค่นี้ก็ทำให้พวกมันรู้แล้วศรีสัชนาลัยของพวกมันไม่มีคำว่าสงบสุข”
เบิ้มสั่งลูกน้องแล้วขับรถจี๊ปออกไป ยงยุทธกับจ่าแท่นถือปืนวิ่งยิงไล่กระหน่ำยิงอย่างเดือดดาลจนกระสุนหมด ลูกโม่ ยงยุทธหันไปสั่งจ่าแท่น
“จ่า…ผมฝากชาวบ้านกับดูคนเจ็บทางนี้ด้วย”
“หมวดจะตามพวกมันไปเหรอครับ”
“มันบุกมาเย้ยพวกเราถึงที่ แถมยังทำร้ายชาวบ้าน ผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร”
ยงยุทธพูดเสร็จก็รีบไปขึ้นรถจี๊ปแล้วขับไล่ตาม จ่าแท่นมองตามอย่างเป็นห่วง
ยงยุทธขับรถจี๊ปเข้ามาจอดขวางกลางถนน...เอี๊ยด! ยงยุทธลงจากรถบรรจุกระสุนใส่ลูกโม่แล้วยกปืนขึ้นเล็ง ไปที่กลางถนนภาพอย่างเท่ห์ ครู่หนึ่งรถจี๊ปของพวกไอ้เบิ้มขับเลี้ยวเข้ามาอย่างที่ยงยุทธคิดเอาไว้ เบิ้มกับลูกน้องเห็นยงยุทธถือปืนขวางกลางถนนก็ตกใจ
“ไอ้หมวดยงยุทธมันขวางทางทางอยู่...เอาไงดีพี่เบิ้ม”
“ไอ้ยงยุทธ! มันอยากตายก็พุ่งเข้าหามันเลย”
ยงยุทธเล็งปืนอยู่กลางถนน รถจี๊ปพุ่งตรงหายงยุทธวัดใจว่าใครจะถอย นิ้วยงยุทธแตะไกปืนรอจนรถจี๊ปใกล้มาถึงตัว...เปรี้ยง!
กระสุนปืนจากยงยุทธพุ่งโดนแสกหน้าลูกน้องที่ขับรถจี๊ปทำให้มันตายคาพวงมาลัย รถจี๊ปเสียหลักพุ่งออกข้างทาง ยงยุทธรีบตามไปจัดการยิงลูกน้องที่วิ่งออกมายิงใส่ตายไปอีกหนึ่ง ยงยุทธตามไปที่รถเห็นเป็นไอ้เบิ้มกับลูกน้องอีกคนกำลังจะหนี ยงยุทธเลยยิงขู่
“หยุด! ไอ้เบิ้ม...นี่แกเองเหรอ”
“หมวดยงยุทธ หึ...เก็บปืนไปเถอะ หมวดทำอะไรชั้นไม่ได้หรอก”
“เจ้านายแกตายแล้ว ชั้นจะล้างบางพวกแกให้หมด”
“หึๆๆๆ นายผมเขาเป็นดวงแข็ง ไม่ได้ตายง่ายๆ อย่างที่หมวดคิดหรอก”
ยงยุทธชะงัก
“แกหมายความว่าไง ไอ้ประดับมันรอดเหรอ”
เบิ้มไม่ตอบ ลูกน้องที่โดนยิงนอนอยู่ที่พื้นคว้าปืนมายิงใส่ ยงยุทธหันไปเห็นพอดีเลยกระโดดหลบแล้วยิงซ้ำจน มันตายคาที่ พอจะหันมาหาเบิ้มก็พบว่ามันหนีไปแล้ว ยงยุทธมีสีหน้าเจ็บใจ
“ไอ้ประดับ”
ที่บ้านกำนันบุญ ในห้องที่ประดับนอนพักอยู่ ผกาค่อยๆ เปิดประตูเข้ามามองประดับอย่างระมัดระวัง
“ประดับ…ชั้น…ชั้นมาเช็ดตัวให้เธอ” ประดับยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงเหมือนคนกำลังหลับปกติ ผกาลองเรียกอีกที “ประดับ…ประดับ” ผกาเรียกจนแน่ใจว่าประดับไม่รู้สึกตัวว่าเธอเข้ามา ผกาแอบยิ้มชอบใจ “สิ้นท่าเลยล่ะสิไอ้ประดับ…สมน้ำหน้า…เชอะ คิดว่าแกจะยิ่งใหญ่เป็นสัตตะโลหะบุรุษได้เหรอ น้ำหน้าอย่างแกเป็นได้แค่ไอ้แมงดาที่ดีแต่เกาะผู้หญิงกินเท่านั้น” ผกาด่าจนสมใจอยากแล้วก็เปิดเอวเสื้อดึงเอามีดพกที่เหน็บมาด้วยคมกริบ “ตายซะเถอะไอ้ประดับ”
ผกาพุ่งเข้าไปจะแทงแต่ทันใดนั้นประดับลืมตาโพล่งขึ้นมาจ้องเขม็งแล้วยกมือขึ้นรับมือผกาไว้กลางอากาศ
“คิดจะฆ่าชั้นมันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ…นังผกา” เพี๊ยะ! ประดับตบผกาจนหน้าหันแล้วบิดมือแย่งมีดมาได้
“อย่างที่ชั้นสงสัยไม่ผิด แกคิดจะหักหลังชั้นมาตลอดนังอสรพิษ! แว้งกัดได้แม้แต่คนที่ชุบเลี้ยงแก”
“แกไม่ได้ชุบเลี้ยงชั้นหรอกไอ้ประดับ ชั้นต่างหากที่เลี้ยงแก พ่อแกต้องถูกขับไล่ออกจากประเทศ จนแกไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี เหมือนหมาจรจัดตัวหนึ่ง ถ้าไม่ได้ชั้นให้ข้าวให้น้ำแก ป่านนี้แกคงเป็นได้แค่ไอ้แมงดาในซ่องแล้ว”
“บุญคุณอันนั้นชั้นตอบแทนเธอไปหมดแล้ว แต่ถ้าเธอยังไม่รู้จักพออยากได้มากกว่านี้ ชั้นก็จะให้ความตายกับเธอ”
ประดับฝืนตัวลุกขึ้นมาทั้งที่ยังบาดเจ็บอยู่ ถือมีดจะแทงผกา
“อย่านะประดับ”
ผการีบถอยแล้ววิ่งหนีออกจากห้อง
ผกาวิ่งหนีออกมาที่ระเบียงร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย”
ไม่มีใครอยู่ที่บ้านกำนันบุญ ประดับตามออกมาคว้าตัวผกาเอาไว้ได้แล้วเอามีดจ่อคอ
“คิดจะหนีชั้นเหรอ แกหนีชั้นไม่รอดหรอกผกา”
“อย่านะประดับชั้นขอโทษ..ชั้นไม่ตั้งใจ”
“แกเตรียมมีดมาฆ่าชั้นเนี่ยนะยังไม่บอกไม่ตั้งใจ…แกตาย!”
ผกาตัดสินใจกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องประดับที่ยังบาดเจ็บจากแผลถูกยิงแล้วรีบหนี แต่ประดับคว้าตัวเอาไว้แล้วยื้อยุดแย่งมีดในมือกันไปมา
“แกต่างหากที่ต้องตาย…ไอ้แมงดา”
“ชั้นต้องเป็นสัตตะโลหะบุรุษ ชั้นไม่มีวันตาย”
สองคนยื้อยุดกัน ระหว่างนั้นเบิ้มกลับมาพอดี
“คุณประดับ”
ประดับเสียจังหวะหันไปทางเบิ้มเลยถูกผกาผลักแล้วใช้มีดแทงสะบัดโดนมือได้เลือด แล้วผกาก็รีบฉวยโอกาส วิ่งหนีไป เบิ้มรีบเข้าไปดูประดับ
“นาย...เป็นยังไงบ้างครับ”
ประดับเจ็บแผลที่ถูกยิงลุกไม่ขึ้น
“ไม่ต้องห่วงชั้น รีบตามไปเอาตัวมันมา”
“ครับนาย”
เบิ้มรีบตามผกาออกไป ประดับยืนหอบเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ
เบิ้มรีบตามออกมาที่หน้าบ้านเห็นผกาเอารถจี๊ปของกำนันบุญขับหนีออกไป เบิ้มรีบไปที่รถจี๊ปตัวเองเพื่อตามไปแต่พบว่าที่ล้อรถถูกผกาเอามีดปักไว้ทำให้ยางแบน
“นังผกา! นังตัวแสบ”
จบตอนที่ 17
ติดตามอ่านขุนเดช ตอนที่ 18 พรุ่งนี้