ขุนเดช ตอนที่ 15
พวกเด็กๆ เฮโลเข้ามาเลือกของเล่นจากรถเข็นขายของเล่นของจีนเปีย ชายเชื้อสายจีนไว้ผมเปียยาว
“ค่อยๆ เลือกกังนะอาตี๋อาหมวย อย่าแย่งกัง ของเล่นของอั้วมีเยอะ”
ขุนเดชกับบัวทองเดินตามพวกเด็กๆ เข้ามา
“ค่าของเล่นเท่าไหร่มาเอากับชั้นเลยนะ”
“เหล็กๆพวกนี้ ลูกพวกลื้อเหรอ แหม...ยังหนุ่มยังสาว ลูกหลกจริงๆ”
“บ้าเหรอ ใช่ลูกชั้นกับเขาที่ไหน เด็กแถวนี้ต่างหาก” บัวทองบอก
“อ้าวเหรอ แหม...อั้วขอโทก เห็นพวกลื้อเหมาะสมกันลีเลยนึกว่าลูกพวกลื้อ...”
จีนเปียหัวเราะชอบใจ แต่บัวทองไม่ขำด้วย ยิ่งเห็นขุนเดชใช้หางตามองมาแล้วอมยิ้ม บัวทองยิ่งหน้าแดงอาย
“อยู่กับพี่ชั้นมีแต่เปลืองตัว...เชอะ อยู่ให้ห่างๆ ดีกว่า”
บัวทองสะบัดหน้าเดินออกไป ขุนเดชมองตามแล้วขำ ระหว่างนั้นไอ้ด่างที่กำลังเลือกของเล่นอยู่เห็นว่าจีนเปียพกมีดสั้นเหน็บเอวก็นึกว่าของเล่น
“มีเล่มนั้นขายด้วยรึเปล่า ชั้นอยากได้”
ไอ้ด่างเอื้อมมือจะไปจับแต่ถูกจีนเปียจับมือมาบีบทำหน้าดุใส่
“อังนี้ไม่ใช่ของเล่น...ลื้อห้ามจับ”
“ปล่อยชั้นนะ...ชั้นเจ็บ”
ขุนเดชหันมาเห็นพอดีเลยมองอย่างสงสัย จีนเปียรีบปล่อยมือเด็กแล้วทำยิ้มกลบเกลื่อน
“เลือกของเล่นกันได้รึยัง...อั้วต้องไปขายที่อื่นต่อ”
พวกเด็กๆ เริ่มกลัวจีนเปียรีบพากันถือของเล่นวิ่งออกไป ขุนเดชเลยยื่นเงินให้
“ค่าของเล่นพวกเด็กๆ เท่านี้พอมั้ย”
“ไอ้หย๋า...เยอะแยะ อั้วไม่มีทอนหรอก”
“ไม่มีทอนก็เก็บไว้เถอะ”
จีนเปียรีบเก็บเงินใส่ย่ามทำให้ขุนเดชสังเกตเห็นว่าจีนเปียพกมีดสั้นเอาไว้ที่เอว จีนเปียรีบเข็นรถเข็นของเล่นออกไป ขุนเดชมองตามรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
เวลาผ่านไป...จีนเปียรออยู่ในบ้านกำนันบุญระหว่างรอก็เอาป๋องแป๋งมาหมุนเล่นเสียงดังป๋องแป๋ง
“เป็นไงบ้างไอ้จีนเปีย ได้เรื่องอะไรรึเปล่า”
กำนันบุญถามเมื่อเดินเข้ามา
“อั้วเจอแล้วผู้หญิงที่ชื่ออาบัวทอง”
“ดี…นังนั่นมันตัวล่ออย่างดีให้ไอ้วีรบุรุษบาปโผล่หัวออกมา”
“แต่ไอ้ผู้ชายที่อยู่กับนังนั่นอั้วรู้สึกว่ามังจะไม่ธรรมลา”
“แกหมายถึงไอ้ขุนเดช” จีนเปียพยักหน้ารับ “ลูกน้องของชั้นหลายคนเคยลองเชิงกับมันมาแล้วเหมือนกัน ฝีมือมันธรรมดาอย่างที่แกว่านั่นแหละ แต่ถ้ามันมาเกะกะขวางทางแกก็จัดการได้ตามสบาย จะฆ่าสักกี่ศพ มันก็เรื่องของแก เพราะพวกมันทุกคนในศรีสัชฯต้องรับผิดชอบต่อการตายของสัมฤทธิ์”
ระหว่างนั้นไอ้นะเข้ามาพร้อมกับจดหมายในมือ
“กำนันครับ…มีโทรเลข”
แต่พูดไม่ทันขาดคำจีนเปียก็ชักมีดสั้นออกมาแล้วปาใส่ไอ้นะ….ฉึก !! มีดสั้นเฉี่ยวหน้าไอ้นะทะลุผ่านโทรเลขใน มือไปปักที่เสาเรือนอย่างแม่นยำ ไอ้นะยืนอึ้งเหวอ
จีนเปียยิ้มร้ายเห็นที่เอวของมันมีมีดสั้นเรียงอยู่รอบๆ เอวหลายด้าม
“มีดสั้นของอั้วไม่เคยพลาดเป้า”
จีนเปียหัวเราะชอบใจ กำนันบุญยิ้มอย่างพอใจแล้วหันไปถามไอ้นะที่ยังเหวอไม่หาย
“โทรเลขจากใคร”
กำนันบุญอ่านโทรเลขแล้วสีหน้าครุ่นคิด
“คุณประดับว่ายังไงเหรอครับพ่อกำนัน”
“เราต้องเร่งมือเอาเครื่องสังคโลกส่งไปให้ประดับ”
“แต่ที่ไร่ของหมอน้อยมีทั้งตำรวจ พวกโบราณคดีแล้วยังคนของไอ้หมอน้อยเฝ้าอยู่”
กำนันบุญมีสีหน้าครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี จีนเปียหยิบป๋องแป๋งขึ้นมาหมุนไปมาเสียงดังป๋องแป๋ง
“งานง่ายๆ แบบนี้ ให้อั้วเหมาทำให้ลื้อก็ล่ายนะอากำนันบุง แค่ลื้อเพิ่มเงินให้อั้วอีกสักเท่านึง แล้วก็ให้อั้วยืมคนของลื้อ…แค่นี้ลื้อก็นอนกกเมียรอล่ายเลย”
กำนันบุญหรี่ตามองจีนเปียแล้วสนใจ
คืนนั้นที่บริเวณเตาเผาโบราณ ดารายังทำงานอยู่ที่หน้าเต๊นท์ทำความสะอาดเครื่องสังคโลกที่ขุดพบมีนายชื่นนั่งเฝ้าอยู่ไม่ไกล ระหว่างนั้นยงยุทธกับจ่าแท่นเข้ามา
“นี่คุณยังทำงานไม่เลิกอีกเหรอดารา”
“ว่าจะหยุดพักอยู่เหมือนกันแต่ติดลม แล้วนานๆ จะได้เจอเครื่องสังคโลกที่สวยงามและสมบูรณ์แบบนี้ ทำให้ชั้นอดตื่นเต้นไม่ได้เลย”
“มีอะไรพอให้ผมช่วยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก คนมือไม้หนักอย่างเธอจะทำให้เครื่องสังคโลกแตกพังซะก่อน”
จ่าแท่นแอบอมยิ้มที่หมวดคนเก่งถูกดาราแซว ยงยุทธหันไปทำหน้าเข้มกับจ่าแท่น
“จ่า…ไปสำรวจพื้นที่สิ”
“ครับหมวด นายชื่น…ไปด้วยกัน…อย่ามายืนเกะกะเป็นกขค.แถวนี้”
นายชื่นหัวเราะชอบใจออกไปกับจ่าแท่น ยงยุทธมองตามด้วยสีหน้าคาดโทษ ดาราเห็นหน้ายงยุทธแล้วอด ขำไม่ได้ ยงยุทธต้องแก้เก้อ
“ผมไม่ใช่คนมือไม้หนักอย่างเดียวนะ มาเดี๋ยวผมทำให้ดู” ยงยุทธเข้าไปหยิบจานสังคโลกใบหนึ่งขึ้นมาจะช่วยทำความสะอาดแต่พลาดเกือบทำตกพื้น “เฮ้ย”
ยงยุทธร้องอย่างตกใจ ดาราเข้าไปคว้าเอาไว้ได้ทันก่อนจานสังคโลกจะตก
“เห็นมั้ยยงยุทธ เธอเกือบจะทำลายหลักฐานทางโบราณคดีแล้วนะ”
ยงยุทธหน้าจ๋อย
“ผม…ผมขอโทษ…ผมแค่อยากจะช่วย”
ดาราหน้างอโกรธ หางตางอนๆ ใส่แล้วหันไปทำงานต่อ ยงยุทธถอยมายืนห่างหน้าจ๋อยเหมือนหมาหงอย ดาราแอบใช้หางตามองเห็นหน้ายงยุทธแล้วอดขำไม่ได้
บัวทองมารับงานรำแก้บนที่วัด ขุนเดชเข้ามายืนดูบัวทองรำอยู่ท่ามกลางพวกชาวบ้านที่มามุงดู ขุนเดชส่งยิ้มให้บัวทองขณะกำลังรำแต่บัวทองยังเคืองขุนเดชอยู่เลยหันหน้าเบือนหนีไปทางอื่นไม่สบตา
ระหว่างนั้นขุนเดชได้ยินเสียงของเล่นป๋องแป๋งหันไปเห็นจีนเปียเข็นรถเข็นขายของเล่นเข้ามาขายพวกชาวบ้าน
ขุนเดชละสายตาจากบัวทองแล้วหันมาสนใจที่จีนเปีย
บริเวณหลังวัดจีนเปียเข็นรถเข็นขายของเล่นมาตามทางคนเดียวมืดๆ เปลี่ยวๆ มือก็หมุนป๋องแป๋งเล่นเสียงดัง
ขุนเดชสะกดรอยตามหลังตามมาห่างๆ ด้วยความสงสัยพฤติกรรมของจีนเปีย โดยหารู้ไม่ว่าจีนเปียรู้ตัวมาตลอดทางว่าถูกขุนเดชสะกดรอยตาม เมื่อถึงมุมเปลี่ยวจีนเปียยิ้มร้าย
ขุนเดชตามหลังมาแต่คลาดสายตาไปนิดเดียวจีนเปียก็หายตัวไปทิ้งไว้แต่รถของเล่น ขุนเดชรู้สึกว่าต้องมีอะไร ไม่ชอบมาพากลแน่นอน กระชับดาบดำในมือเตรียมพร้อมแล้วรีบไปตามหา
ขุนเดชตามจีนเปียเข้ามาบริเวณที่มีต้นไม้รกครึ้มรอบๆ ตัว บรรยากาศไม่น่าไว้ใจ….ฟิ้วววว !! มีดสั้นพุ่งเข้าใส่จากทิศทางที่คาดเดาไม่ได้ ขุนเดชเบี่ยงหลบได้อย่างเฉียดฉิวมีดสั้นพุ่งไปปักที่ต้นไม้...ฉึก ! ไม่นานมีดสั้นอีกหลายเล่มก็พุ่งเข้าใส่ ขุนเดชต้องใช้ดาบดำที่ยังไม่ได้ชักออกจากฝักปัดมีดสั้นกระเด็น จีนเปียจึงปรากฏตัวออกมา
“ฝีมือดีช้ายล่าย”
“ฝีมือแกก็ไม่ธรรมดาไอ้จีนเปีย อย่างแกคงไม่ได้มาขายของเล่นในศรีสัชฯอย่างเดียว”
จีนเปียหัวเราะ
“ลื้ออย่าสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นให้มาก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าอั้วไม่เตือน”
จีนเปียตั้งท่าเชิงมวยจีน ขุนเดชวางดาบดำแล้วตั้งท่าเชิงมวยไทยก่อนจะพุ่งเข้าใส่กันปะทะกันระหว่างมวยไทยกับมวยจีนมันส์หยดแบบกินกันไม่ลง จนต้องหยุดหยั่งเชิงกัน
ยงยุทธยังเฝ้าดูดาราที่ทำงานอย่างใจจรดใจจ่อ แต่อากาศค่อนข้างเย็นยงยุมธสังเกตเห็นว่าดาราหนาวเลยถอดเสื้อแจ็คเก็ตตัวนอกเข้าไปสวมทับให้
“น้ำค้างเริ่มลงแล้ว ยิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาวนะ ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านดีกว่า”
“ชั้นยังทำงานไม่เสร็จเลย”
“ก็ถ้าคุณยอมให้ผมช่วยป่านนี้คุณได้กลับไปนอนหลับสบายแล้ว”
“ขืนชั้นปล่อยให้เธอแตะเครื่องสังคโลกอีก มีหวังได้แตกหักพังเสียหายหมดแน่”
“ถ้าไม่อยากให้ผมทำพังคุณก็สอนผมสิ ผมอยากช่วยคุณจริงๆ นะดารา”
ดารานิ่งไปครู่จึงหันไปหยิบเครื่องสังคโลกที่เปื้อนดินมาวางตรงหน้ายงยุทธแล้วยื่นแปรงปัดให้
“ลองดู…แต่ถ้าเธอทำแตกล่ะก็…ชั้นจะโกรธเธอไปจนตายเลย”
ยงยุทธรับแปรงมา
“ไม่ต้องห่วง…ผมอยู่ไม่ได้หรอกถ้าคุณจะโกรธผมไปจนตาย”
ยงยุทธเอาแปรงปัดฝุ่นมาปัดเศษดินออกจากเครื่องสังคโลก พยายามเบามืออย่างที่สุดจนดูเก้ๆ กังๆ
ดาราเห็นแล้วอดขำไม่ได้
“นี่…แบบนั้นก็เบาไป แค่ชิ้นเดียวถึงพรุ่งนี้เช้าก็ไม่เสร็จหรอก”
“อ้าว…แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ แรงไปก็แตก เบาก็ไม่เสร็จ”
“ก็เธอเป็นคนสุดโต่งไง ถ้าไม่มากเกินไปก็น้อยไปตลอด เอาใหม่...คราวนี้ให้เธอรู้สึกว่า อยากทะนุถนอม อยากรักษาสิ่งดีๆ เอาไว้ แค่นั้นแหละ ลองทำดู” ยงยุทธพยักหน้ารับแล้วลองปัดเศษดินใหม่ คราวนี้ทำแล้วดูดีขึ้นจนดาราพอใจ “เห็นมั้ยแค่นี้ก็ทำได้แล้ว”
“ไม่ยากเลยนะดารา แค่ผมนึกว่าเครื่องสังคโลกชิ้นนี้เป็นคุณ ผมก็รู้สึกอยากทะนุถนอม อยากรักษาเอาไว้กับตัว” ยงยุทธเผลอพูดออกมาอย่างไม่คิดทำเอาดาราชะงัก ใจเต้นตึกตัก “ดารา…ผมขอโทษ…ผมลืมไปว่าคุณเลือกขุนเดชแล้ว”
ดาราไม่ตอบอะไรหันไปก้มหน้าก้มตาทำงาน ยงยุทธมองแล้วเศร้า
ขุนเดชกับจีนเปียเข้าปะทะกันด้วยเชิงมวยต่างสัญชาติอีกครั้ง คราวนี้ขุนเดชใส่เต็มที่ไม่ยั้งมือเล่นงานจนจีนเปียเพลี่ยงพล้ำ ขุนเดชเข้าไปกระชากคอเสื้อมันขึ้นมา
“ฝีมืออย่างแกมาทำอะไรที่นี่”
จีนเปียจ้องหน้าขุนเดชแล้วยิ้มกวน ขุนเดชสงสัยไม่ทันระวังเลยโดนมันเจ้าเล่ห์เอามีดสั้นที่ยังซุกไว้ที่หลังเอวมา ฟันใส่จนขุนเดชได้แผลที่แขน
จีนเปียผลักขุนเดชกระเด็นแล้วซัดด้วยมีดสั้นอีกครั้ง ขุนเดชเอี้ยวตัวหลบ มีดเฉี่ยวหน้าปักต้นไม้…ฉึก ขุนเดชหันกลับมาอีกทีคราวนี้จีนเปียหายตัวไป ขุนเดชกัดฟันเจ็บใจ
บัวทองรำเสร็จเปลี่ยนชุดแล้วกำลังเตรียมตัวกลับมีคำปันช่วยเก็บของและเอาเงินค่าจ้างให้บัวทอง
“นี่…เงินพิเศษเจ้าของงานเขาให้เรา เขาเห็นว่าเราน่ะรำสวย เก็บไว้ใช้จ่ายที่จำเป็นล่ะ ไม่ใช่เอาไปซื้อของสุรุ่ยสุร่าย”
“ชั้นไม่เอาไว้หรอกแม่ แม่เก็บไว้เองเถอะ”
“แต่เขาให้ลูกนะ”
“ชั้นกินใช้อยู่กับแม่นี่แหละ ไม่เปลืองกระเป๋าตังค์ชั้น”
“เด็กคนนี้นี่…เจ้าเล่ห์นัก…ไป…ดึกดื่นแล้วกลับบ้านกันดีกว่า”
บัวทองนึกขึ้นได้
“แม่ไปรอชั้นที่หน้าวัดก่อนแล้วกันนะ ชั้นลืมของไว้ข้างใน”
“เรานี่ป้ำๆ เป๋อๆ เร็วๆ ล่ะแม่ง่วงแล้ว”
“จ้ะแม่”
บัวทองรีบเดินเข้าไป คำปันมองตามแล้วยิ้ม
บัวทองเดินกลับมาเก็บย่ามที่ลืมไว้ตรงหน้าโบสถ์ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงป๋องแป๋งดังมาจากด้านหลังจึงหันไปเห็นจีนเปียที่ยืนหมุนป๋องแป๋งอยู่
“ดึกแล้วยังไม่กลับอีกเหรอจีนเปีย”
“อั้วยังทำธุระม่ายเสร็จ”
“ธุระอะไรเหรอ”
จีนเปียยิ้มร้ายๆ
“ธุระกับลื้อไงอาบัวทอง”
บัวทองผงะเมื่อจีนเปียหมุนป๋องแป๋งเดินเข้าหาอย่างท่าทางเอาเรื่อง
คำปันรอบัวทองอยู่นานก็ไม่เห็นบัวทองจะออกมา
“ไปเถลไถลที่ไหนอีกเนี่ย เสียนิสัยจริงๆ เลยลูกคนนี้” คำปันบ่นไปได้ครู่ขุนเดชก็เข้ามา คำปันเห็นหน้าตาขุนเดชมีรอยฟกช้ำก็แปลกใจ “ขุนเดช…ไปทำอะไรมา”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะน้า เจอพวกนักเลงแถวนี้ก็เลยสั่งสอนมันไปนิดหน่อย”
“เรานี่…แล้วนี่เป็นอะไรมามั้ย”
“ไม่หรอกจ้ะน้า แล้วบัวทองล่ะจ้ะ”
“น้าก็กำลังรออยู่นี่แหละ บอกลืมของไว้ แต่หายไปตั้งนานไม่ออกมาสักที” ขุนเดชชักสงสัยสังหรณ์ใจไม่ดีรีบเดินเข้าไปข้างในทัน “ขุนเดช”
ขุนเดชรีบเข้ามาที่หน้าโบสถ์เรียกหาบัวทอง
“บัวทอง…บัวทอง”
คำปันตามมาช่วยเรียก
“บัวทอง…บัวทอง” คำปันเรียกอยู่ครู่ก็พบบางอย่างตกอยู่ “ขุนเดช นี่มันย่ามของบัวทองนี่”
ขุนเดชรีบหยิบย่ามขึ้นมาดูด้วยความสงสัย เห็นข้างในมีอะไรบางอย่างจึงหยิบออกมาพบว่าเป็นป๋องแป๋งของเล่นของจีนเปีย และในย่ามนั่นยังมีกระดาษอยู่ด้วยจึงหยิบมาอ่าน
“เขียนว่าอะไรเหรอขุนเดช”
ขุนเดชหน้าเครียด
“บัวทองถูกจับตัวไป มันต้องการให้วีรบุรุษบาปปรากฏตัวออกมา”
“บัวทอง”
ขุนเดชกำป๋องแป๋งจนหักคามือสีหน้าเจ็บใจสุดๆ
ส่วนดาราเมื่อทำงานเสร็จจึงเก็บเครื่องมือ
“ผมช่วยนะ”
ยงยุทธยื่นมือเข้าไปช่วยแต่มือไปโดนมือดาราเข้าทำให้ทั้งคู่ชะงักหันมาสบตากันพอดี ดาราใจเต้นตึกตัก จังหวะ พอดีที่จ่าแท่นกับนายชื่นกลับเข้ามาพอดี
“หมวดครับ”
ยงยุทธกับดารารีบแยกออกจากกัน
“เห็นมั้ยจ่า ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องกลับมารายงาน ดูสิไปขัดจังหวะหมวดเขาจนได้”
“นายชื่น”
“ขอโทษครับหมวด”
นายชื่นยิ้มกลบเกลื่อน ยงยุทธทำเข้มหันไปถามจ่าแท่น
“มีอะไรผิดปกติมั้ยจ่า”
“ไม่มีครับหมวด ถ้าจะมีที่ไม่ปกติก็คงจะมีแต่ตรงนี้แค่นั้นแหละครับ”
จ่าแท่นแซว แล้วหันมาหัวเราะคิกคักกับนายชื่น ดารารู้สึกอายจนหน้าแดงรีบคว้ากระเป๋าทำงานจะกลับ
“คอยดูนะ..กลับไปเมื่อไหร่ ผมเล่นงานหมวดแน่”
จ่าแท่นสะดุ้งโหยงแต่ระหว่างนั้นหมอน้อยรีบเดินเข้ามาท่าทางรีบร้อน
“หมวดครับ...หมวด เกิดเรื่องแล้วครับ”
“มีอะไรเหรอครับอาหมอ”
ยงยุทธกับจ่าแท่นและดารารีบพากันมาที่รถจี๊ปที่จอดอยู่หน้าบ้านหมอน้อย
“ผู้หมวดรีบไปช่วยขุนเดชตามหาบัวทองก่อนเถอะครับ ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“แต่จะไม่มีกำลังคอยช่วยเฝ้าอยู่ที่นี่”
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับหมวด เมื่อกี้ผมไปสำรวจดูกัจ่าแท่นแล้ว ไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลย” นายชื่นบอก ยงยุทธหันไปมองจ่าแท่น
“ครับหมวด”
“รีบไปเถอะครับ...บัวทองกำลังต้องการความช่วยเหลือ”
“ระวังตัวด้วยนะครับอาหมอ”
หมอน้อยพยักหน้ารับ ยงยุทธจึงพาดารากับจ่าแท่นขึ้นรถจี๊ปขับออกไป หมอน้อยกับนายชื่นมองตามจนลับตา
ระหว่างนั้นไอ้นะกับไอ้เนพร้อมลูกน้องกำนันบุญซุ่มอยู่ไม่ไกลจากบ้านหมอน้อยพวกมันยิ้มชอบใจแล้วเอาผ้าขึ้นมาปิดหน้าปิดตาพร้อมเข้าปล้น
จ่าแท่นปลอบใจคำปัน
“ค่อยๆ เล่าให้หมวดฟังว่ามันยังไง หมวดเขาจะได้รู้ว่าต้องไปตามบัวทองยังไง”
“ขุนเดชกับน้าเจอจดหมายของไอ้คนที่มันจับบัวทองไป มันบอกว่าต้องการให้วีรบุรุษบาปปรากฏตัว”
“แล้วตอนนี้ขุนเดชอยู่ที่ไหนครับ”
“ขุนเดชรู้ว่าคนที่จับบัวทองไปเป็นใครก็เลยตามไปช่วย”
“ขุนเดชรู้ด้วยเหรอคะว่าเป็นใคร”
“ค่ะอาจารย์” คำปันยื่นป๋องแป๋งให้ “ขุนเดชบอกว่าเป็นไอ้จีนเปีย เจ๊กขายของเล่น”
“จีนเปีย....จ่า เราต้องรีบตามขุนเดชไปแล้ว”
“ครับหมวด”
“ผมฝากน้าคำปันด้วยนะดารา”
ดาราพยักหน้ารับ ยงยุทธกับจ่าแท่นรีบออกไป ดารากับคำปันหน้าเครียดด้วยความเป็นห่วง
บัวทองนอนหมดสติอยู่ที่พื้นในโรงสีร้าง จีนเปียเอาของเล่นไขลานเป็นลิงตีฉาบขึ้นมาไขลานให้ลิงตีฉาบไป เป็นการฆ่าเวลาระหว่างรอ ระหว่างนั้นเท้าของขุนเดชก้าวเข้ามา จีนเปียยิ้ม
“ในที่สุดลื้อก็มาตามคำท้าของอั้ว...ไอ้วีรบุรุษบาป”
จีนเปียหันไปแต่แปลกใจเพราะเป็นขุนเดช
“คนอย่างแกไม่จำเป็นต้องถึงมือของวีรบุรุษบาปหรอก”
“สะแลงว่าลื้อยังไม่เข็ด อั้วเตือนไว้ก่อง ว่าถ้าลื้อไม่อยากตายก็รีบๆ ไสหัวไป อั้วไม่ได้มี ธุระกับลื้อ”
“ชั้นจะไปก็ต่อเมื่อแกยอมเปิดปากบอกชั้นมาว่าใครจ้างแกมา”
“สะแลงว่าลื้อฟังภาษาอั้วไม่รู้เรื่อง...งั้นอั้วก็คงต้องออกแรงกับลื้อเลี้ยว” จีนเปียถอดเสื้อตัวนอกออกเผยให้เห็นว่าข้างในตัวของจีนเปียซุกซ่อนไปด้วยมีสั้นมากมายนับได้หลายสิบเล่ม ขุนเดชหรี่ตามองยกด้ามดาบดำขึ้นเตรียมพร้อมสู้ “คราวนี้อั้วจะไม่มีคำว่าออมมือ ลื้อไม่มีทางหลบมีดบินของอั้วได้หรอก”
จีนเปียชักมีดสั้นจากตัวแล้วปาใส่ ขุนเดชยกด้ามดาบดำขึ้นปัด มีดสั้นกระเด็นไปปักที่เสาแทน สองคนจรดๆ จ้องๆ พร้อมเข้าห้ำหั่นกัน
ขณะนั้นนายชื่นนั่งก่อกองไฟอยู่หน้าบ้านหมอน้อย ระหว่างนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่ใกล้ๆ ก็สงสัยคว้า ปืนขึ้นมาส่อง
“ใคร”
นายชื่นส่องปืนอย่างสงสัยจนกระทั่งหมอน้อยเข้ามาข้างหลัง
“มีอะไรเหรอนายชื่น”
“คุณหมอ…ผมว่าผมได้ยินเสียงแปลกๆ ตรงโน่นน่ะครับ”
หมอน้อยมองตามอยู่ครู่
“คงเป็นหมาแมวมันเดินผ่านมากกว่า ดึกแล้วนายชื่นกลับไปนอนที่เรือนเถอะ ไม่ต้องมาเฝ้าอยู่ที่นี่หรอก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณหมอ ผมหลับเอาแถวนี้ก็ได้”
“อย่าเลย เดี๋ยวยุงจะหามพาลป่วยไข้ไม่สบายเอา”
“งั้นอีกสักเดี๋ยวแล้วกันครับ ไฟมอดแล้วผมจะกลับไปนอนที่เรือน”
“ขอบใจมากนะนายชื่น”
หมอน้อยตบบ่านายชื่นแล้วเดินเข้าไปในบ้าน นายชื่นมองส่งหมอน้อยอยู่ครู่ก็รู้สึกได้ว่าต้นไม้ใกล้ๆ มีอาการสั่นไหว นายชื่นชักเริ่มระแวงคว้าปืนขึ้นมาเช็คดูลูกปืนให้แน่ใจ แล้วเดินเข้าไป ทันใดนั้นไอ้นะกับไอ้เนก็โผล่ออกมา นายชื่นจะยกปืนยิงแต่ถูกมันปัดจนปืนกระเด็น แล้วตรงเข้ารุมชกต่อย
ขุนเดชกระโจนหลบมีดสั้นของจีนเปียที่พุ่งเข้ามาปักใส่เสาไม้เรียงกัน 3 เล่มติด...ฉึกๆๆ ขุนเดชยืนหลบหลังเสาหยุดหายใจหอบเพราะจีนเปียจู่โจมด้วยมีดสั้นจนไม่สามารถเข้าเล่นงานในระยะใกล้ได้
“ดีแต่หลบอยู่แบบนี้ ดาบของลื้อจะเล่นงานอั้วได้ยังไง”
ขุนเดชคิดหน้าเครียดเอาไงดี จีนเปียชัดมีดพกออกมา 4 เล่มในมือแล้วซัดออกไปทันที เสียงขุนเดชตะโกนร้องเจ็บดังลั่น...โอ๊ย !! จีนเปียหัวเราะชอบใจ
“บอกเลี้ยว…ไม่มีใครหลบมีดบินของอั้วพ้ง”
จีนเปียเดินเข้าไปแต่ต้องตกใจเมื่อพบว่ามีดสั้นปักที่หุ่นฟางซึ่งขุนเดชเอาเสื้อตัวนอกตัวเองคลุมหลอกไว้ จีนเปียรู้ว่าถูกหลอกหันขวับไปเจอขุนเดชยืนข้างหลังแล้วใช้ด้ามดาบดำกระแทกหน้าจนผงะหงายหลัง จีนเปียเริ่มเสียศูนย์ ขุนเดชเลยตามกระหน่ำทั้งหมัดเข่าศอกจนงอมสะบักสะบอมเข่าทรุดเลือดกบปาก
“ชั้นจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย ใครจ้างแกมาเล่นงานวีรบุรุษบาป”
“หึๆๆ…ถ้าอั้วไม่บอกลื้อจะทำอะไรอั้ว” ขุนเดชจ้องมันเขม็งแล้วค่อยๆ ชักดาบดำออกจากฝักช้าๆ “ดาบ…ดาบ…ดาบดำ...หรือว่าลื้อ…”
ขุนเดชกำลังจะชักดาบดำออกจากฝักจนหมด แต่ทันใดนั้นเสียงจ่าแท่นดังเข้ามา
“ทางนี้ครับหมวด”
ขุนเดชรีบเสียบดาบคืนฝักแล้วใช้ด้ามดาบกระแทกหน้าจีนเปียทีเดียวมันสลบเหมือด ยงยุทธกับจ่าแท่นและตำรวจอีก 2 คนเข้ามาเห็นจีนเปียสลบเหมือดอยู่แทบเท้าขุนเดช
“ขุนเดช...นั่นฝีมือแกเหรอ”
“ใช่...ชั้นตามรอยมันมา บัวทองสลบอยู่ตรงโน้น”
จ่าแท่นเห็นบัวทองนอนสลบอยู่เลยรีบเข้าไปดูแล ยงยุทธเขามาจับตัวจีนเปียพลิกตัวดูพบว่ายังไม่ตาย
“ฝีมือแกคนเดียวหรือว่า...”
“ถ้าแกคิดว่าเป็นไอ้หมอนั่นล่ะก็...ป่านนี้ไอ้จีนเปียคนนี้คงถูกฆ่าตายไปแล้ว”
ยงยุทธพิจารณาดูจีนเปียแล้วหันไปสั่งตำรวจ
“พาตัวไปโรงพัก มันฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ผมจะสอบปากคำมัน...แล้วจะใช้มันล่อให้วีรบุรุษบาปออกมา”
ตำรวจรับคำสั่งเข้าไปลากตัวจีนเปียออกไป ขุนเดชหันมาที่ยงยุทธอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ชั้นนึกว่าที่แกตามมาเพราะต้องการช่วยบัวทอง”
“ชั้นมาเพื่อช่วยบัวทอง และจับวีรบุรุษบาปด้วย”
ขุนเดชกับยงยุทธจ้องหน้ากัน
ที่บ้านหมอน้อย นายชื่นเลือดกบปากหน้าตายับเยินเพราะถูกซ้อม ไอ้นะจิกหัวนายชื่นขึ้นมาแล้วเอามีดจัดการกระซวกกลางอกทันที นายชื่นสะดุ้งเฮือกเลือดทะลักออกปากแล้วฟุบลง กำนันบุญก้าวเข้ามายิ้มร้ายๆ อย่างโหดเหี้ยมพยักหน้าให้พวกลูกน้องบุกเข้าไปในบ้าน ก่อนที่กำนันบุญจะก้าวข้ามศพของนายชื่นตามเข้าไปด้วยอีกคน
มะลิกับหมอน้อยรีบเข้ามาที่เตียงเด็กเพราะตาหนูร้องไห้ไม่หยุด
“ตาหนูเป็นอะไร ร้องไห้ไม่หยุดเลย”
“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะพี่หมอ...เมื่อกี้นี้ก็ยังหลับอยู่ดีๆ” มะลิเข้าไปอุ้มตาหนูขึ้นมาแล้วพยายามอุ้มปลอบขวัญลูก
“โอ๋...นิ่งซะนะคนดี” ระหว่างนั้นเสียงข้าวของแตกกระจายดังมาจากอีกห้อง หมอน้อยกับมะลิตกใจ “พี่หมอ”
หมอน้อยรู้ทันทีว่าภัยมาเยือน
“พาลูกหลบไปอยู่ในห้อง แล้วไม่ต้องออกมาจนกว่าชั้นจะเรียก”
“อย่าเลยพี่หมอ...ชั้นว่าเรารีบไปจากที่นี่เถอะ”
“ไม่ได้หรอกมะลิ สมบัติของชาติอยู่ที่นี่ พี่ต้องรักษาเอาไว้ เข้าไปอยู่ในห้องแล้วห้ามออกมาเด็ดขาด”
“พี่หมอ”
“ไปสิ”
มะลิจำเป็นต้องทำตามสั่งรีบอุ้มลูกเข้าไปในห้องนอน หมอน้อยคว้าปืนที่ผนังสีหน้าเอาจริง
อ่านต่อหน้าที่ 2
ขุนเดช ตอนที่ 15 (ต่อ)
หมอน้อยถือปืนออกมาที่ห้องโถงเจอพวกลูกน้องกำนันบุญกำลังรื้อค้นข้าวของกระจุยกระจายหมอน้อยยกปืนขู่
“ไสหัวพวกแกออกไปให้พ้น…ไม่งั้นชั้นยิงเรียงตัวแน่”
พวกลูกน้องชะงักหันมาที่หมอน้อยที่กำลังขู่ด้วยปืน หมอน้อยนิ้วแตะไกจะลั่นไกใส่แต่กำนันบุญโผล่มาข้าง หลังพร้อมเอาปืนจ่อหัวหมอน้อยไว้
“ทิ้งปืนไปเถอะคุณหมอ มือหมอควรจะจับผ้าพันแผลไว้รักษาคนไข้ ไม่ใช่มาจับปืนผาหน้าไม้แบบนี้”
“ไอ้กำนันบุญ”
“เป็นหมอรักษาคนไข้อยู่ดีๆ ไม่ชอบ ดันหาเรื่องมาปกป้องสมบัติที่ไม่ใช่ของตัวเอง ชั้นเสียดายนะ หมอไม่น่าแส่หาเรื่องใส่ตัวเลย”
“ชั้นไม่ยอมให้แกเอาสมบัติของชาติไปแม้แต่ชิ้นเดียว”
“ถ้าชั้นจะเอาไปแล้วหมอจะทำอะไรชั้น”
“ชั้นจะฆ่าแก”
“ฮ่าๆๆ คืนนี้หมอกับลูกเมียหมอจะมีชีวิตรอดไปถึงพรุ่งนี้เช้ารึเปล่ายังไม่รู้เลย แล้วหมอจะทำอะไรชั้นได้”
“ถ้าแกแตะต้องลูกเมียชั้น แตะต้องสมบัติของแผ่นดินเมื่อไหร่…แกตาย”
หมอน้อยพยายามจะขัดขืนแต่โดนไอ้นะกับไอ้เนจับตัวล็อคเอาไว้
“ไอ้พวกเครื่องสังคโลกที่หมอขุดเจอในที่ของหมอ เจ้าของเขาตายไปเป็นร้อยๆ ปีแล้ว เขายังไม่มาเรียกร้องเอาคืน แล้วหมอจะเอาชีวิตตัวเองมาปกป้องทำไม”
“เพราะมันเป็นของแผ่นดิน เป็นของลูกหลานคนไทยทุกคน วิญญาณของบรรพบุรุษจะ ต้องมาเล่นงานแก”
“ฮ่าๆๆ ถ้าชั้นกลัวชั้นคงไม่รวย ไม่มีอำนาจวาสนาจนใครๆก็เรียกชั้นว่า…กำนันบุญ สุโขทัยหรอก”
กำนันบุญยิ้มร้ายๆ แล้วเอามีมากระซวกแทงหมอน้อยทันที หมอน้อยสะดุ้งเฮือกเลือดทะลักออกจากปาก
“บาป…บาปกรรมจะตามทันแก…แกจะต้องถูกวี…วีรบุรุษบาปตัดสินลงโทษให้ตกนรกหมกไหม้ด้วย…ด้วยดาบ....ดำ”
หมอน้อยสิ้นใจตายคาที่ กำนันบุญมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“ไอ้วีรบุรุษาปกับพวกแกทุกคนในศรีสัชฯต่างหากที่ต้องชดใช้ความตายให้ลูกชายชั้น”
“แล้วลูกเมียของไอ้หมอน้อยล่ะครับกำนัน”
กำนันบุญหันมาสีหน้าร้ายกาจเลือดเย็น
วันต่อมาขุนเดชรออยู่ที่ใต้ถุนเรือนครู่หนึ่งดาราจึงพาบัวทองเข้ามาหาขุนเดช
“พี่ขุนเดช”
“เป็นยังไงบ้างบัวทอง”
ขุนเดชถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะพี่…ชั้นขอบใจพี่มากนะที่ตามไปช่วยชั้น”
“ตอนนี้ไอ้จีนเปียมันถูกหมวดยงยุทธควบคุมตัวเอาไว้รอสอบสวนว่าใคร เป็นคนจ้างมันมา”
“เห็นอาจารย์ดาราบอกว่า หมวดตั้งใจจะใช้จีนเปียล่อให้วีรบุรุษบาปออกมาด้วย”
ขุนเดชนิ่งไป บัวทองรีบเข้าไปจับแขนขุนเดช “เราต้องไปห้ามหมวดนะจ๊ะพี่ขุนเดช…วีรบุรุษบาปช่วยชีวิตบัวทองมาหลายครั้งแล้วถ้าเขารู้ว่าพวกมันเล่น
งานบัวทองอีก คราวนี้เขาต้องปรากฏตัวออกมา”
ขุนเดชนิ่งไป บัวทองเป็นห่วงวีรบุรุษบาปมากเลยหันไปขอร้องอาตารย์ดาราอีกคน
“อาจารย์คะ ช่วยไปห้ามหมวดด้วยนะคะ บัวทองไม่อยากเห็นวีรบุรุษบาปถูกหมวดจับกุม…นะคะ
อาจารย์”
ดารามีสีหน้าเป็นกังวลเป็นห่วงไปด้วย ระหว่างนั้นคำปันบอกเสียงเข้มเข้ามา
“แม่ห้ามไม่ให้เราไปทำแบบนั้นเด็ดขาดนะบัวทอง”
“แม่”
คำปันมีสีหน้าไม่พอใจจนทุกคนสงสัย
คำปันจูงมือพาบัวทองมานั่งแล้วบอกเสียงเข้มจริงจัง ขุนเดชกับดาราตามเข้ามา
“แม่พูดกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้บัวทองไปยุ่งกับวีรบุรุษบาป”
“หลายครั้งแล้วจ้ะ”
“นั่นไง…พูดไปหลายครั้งแต่บัวทองก็ไม่เคยฟังแม่ แล้วสุดท้ายเป็นยังไงลูกแม่ต้องกลายเป็นเป้าให้พวก
ศัตรูของหมอนั่นคอยตามเล่นงาน”
“น้าคำปันจ้ะ…ชั้นว่าใจเย็นๆ ก่อนแล้วค่อยๆ คุยกันดีกว่านะจ้ะ”
“ไม่ค่ะอาจารย์ ครั้งนี้น้าจะไม่ยอมอีกแล้ว ถ้าเมื่อคืนนี้พ่อขุนเดชไม่ไปช่วยชีวิตบัวทองไว้ น้าคงต้องเสียลูก
ไปเพราะวีรบุรุษบาป”
บัวทองลุกขึ้นเถียง
“แม่ไปว่าเขาไม่ได้นะ เขาปกป้องสมบัติของแผ่นดิน เขาช่วยกำจัดคนบาป ให้หมดไปจากสุโขทัย ถ้าเราเกลียดเขาแล้วเขาจะมีกำลังใจทำดีได้ยังไง”
เพี๊ยะ !...คำปันโกรธลูกสาวเลยตบหน้าให้หยุดไปหนึ่งที…บัวทองหน้าหันอึ้งไป ส่วนคำปันน้ำตานองหน้า
“วีรบุรุษบาปอยากจะฆ่าโจรอีกกี่ศพก็ทำไป แต่ห้ามเอาลูกแม่ไปเกี่ยวข้องด้วย และถ้าบัวทองยังไม่ฟังแม่
อีก แม่จะไม่ให้เราอยู่ที่ศรีสัชฯนี่อีกแล้ว”
“แม่ ชั้นไม่ไปไหนทั้งนั้น ชั้นไม่จะทิ้งศรีสัชนาลัย”
บัวทองร้องไห้แล้วรีบวิ่งขึ้นเรือน ดาราเป็นห่วงบัวทองมากพอๆ กับที่ขุนเดชรู้สึก
บัวทองหนีเข้าห้องปิดประตูขังตัวเองร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเสียใจ ขุนเดชกับดาราตามมาเคาะ ประตูเรียก
“บัวทอง…บัวทอง”
“บัวทองขอโทษค่ะอาจารย์ บัวทองอยากอยู่คนเดียว…ฮือๆๆๆ”
ดาราชะงักหันไปมองขุนเดช ขุนเดชเคาะประตูเบาๆ
“บัวทอง…ฟังพี่นะ แม่เขาเป็นห่วงบัวทองมาก”
“บัวทองไม่ฟัง ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น…ไปเถอะพี่ขุนเดช…บัวทองอยากอยู่คนเดียว”
บัวทองร้องไห้หนัก เสียงร้องฮือๆ ดังออกมาทำให้ดาราต้องจับบ่าขุนเดชอย่างปลอบใจ
“คงต้องปล่อยบัวทองไปสักพักแล้วล่ะขุนเดช”
ขุนเดชพยักหน้ารับ แต่สายตาที่มองประตูห้องบัวทองกลับเจ็บปวดจนน้ำตาคลอเบ้า
ที่สถานีตำรวจ จีนเปียถูกจับใส่กุญแจมือคุมตัวอยู่ต่อหน้ายงยุทธกับจ่าแท่นและตำรวจอีกคน
“ใครเป็นคนจ้างแกมา”
ยงยุทธถาม แต่จีนเปียเอาแต่เงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
“เฮ้ย…ไม่ได้ยินที่ผู้กองถามเหรอไง”
“อั้วม่ายล่ายหูหนวก”
“ไม่ได้หูหนวกก็ตอบมาสักทีสิเว้ย”
“เสียจายล้วย…อั้วม่ายมีอะไรจะตอบพวกลื้อ”
“อ้าว…แบบนี้มันกวนบาทาแล้วนี่หว่า”
จ่าแท่นกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาแล้วง้างหมัดจะชกแต่ยงยุทธยั้งไว้
“อย่าจ่า”
“หมวดครับ...ไอ้คนแบบนี้พูดจาภาษาดอกไม้กับมันไม่ได้หรอก ผมสืบประวัติมันมาแล้ว มันเคยเป็นทหารรับจ้างรบที่เวียดนาม เคยโดนจับเป็นตัวประกันถูกทรมานให้สารภาพ บอกฐานที่ตั้งของ
หน่วยอยู่หลายสิบวัน แต่มันไม่พูดอะไรเลยสักคำ”
จีนเปียหัวเราะ
“ขอบใจลื้อที่ชมอั้ว...อาจ่า”
“ไอ้เวร”
จ่าแท่นเหลืออดปรี่เข้าไปกระชากมันมาชกหน้าจนเลือดกบปาก ยงยุทธต้องดึงเอาไว้
“พอได้แล้วจ่า...ถ้าคุณฝืนคำสั่งผมอีก ผมจะลงโทษคุณ” จ่าแท่นนิ่งไปแต่ยังออกอาการหงุดหงิด
“ไปรอผมข้างนอก...ไปสิจ่า” จ่าแท่นจำเป็นต้องออกไปตามคำสั่ง ยงยุทธเข้ากระชากคอเสื้อจีนเปียมา
จ้องหน้าเขม็ง “แกคิดผิดแล้วที่มาท้าทายคนอย่างชั้น ชั้นจะหาวิธีทำให้แกเปิดปากพูดให้ได้ เอาตัวไป ขังไว้”
ยงยุทธผลักจีนเปียให้ตำรวจพาตัวออกไป
ยงยุทธเดินออกมาที่จ่าแท่นซึ่งยังไม่หายอารมณ์เสีย
“ใจเย็นน่าจ่า จะจัดการกับคนเจ้าเล่ห์อย่างไอ้พวกนี้ เราต้องไม่ตกไปอยู่ในเกมของมัน มันต่างหากที่ต้องเล่นตามเกมเรา”
“แต่ผมกลัวว่าถ้าเรากักมันไว้นานๆ วีรบุรุษบาปอาจจะบุกมาถึงที่นี่”
“ถ้ามันกล้าบุกมาจริงๆ ก็ดีสิจ่า คราวนี้ผมกับมันจะได้วัดกันไปเลย”
ยงยุทธมีสีหน้ามั่นใจระหว่างนั้นมีตำรวจเข้ามารายงาน
“หมวดครับ...เกิดเรื่องที่บ้านของหมอน้อยแล้วครับ”
“บ้านหมอน้อย ?...มีอะไร”
ยงยุทธกับจ่าแท่นรีบมาบ้านหมอน้อย เมื่อมาถึงจึงพบสภาพบ้านถูกรื้อกระจุยกระจายและพบ ศพหมอน้อยนอนตายอยู่ที่พื้น
“อาหมอ”
ยงยุทธเข้าไปประคองศพหมอน้อยขึ้นมาอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“โธ่…คุณหมอ มันคงรอจนพวกเราไปหมด แล้วบุกเข้ามาฆ่าทั้งนายชื่น ทั้งคุณหมอ”
ยงยุทธนึกขึ้นได้
“แล้วลูกเมียของหมอล่ะ”
ตำรวจมีสีหน้าหนักใจ
ยงยุทธเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนแล้วพบกับภาพที่ทำให้เจ็บปวดเป็นอย่างมาก นั่นคือภาพมะลินอนตายในมือกอดลูกเอาไว้ในห่อผ้าตายทั้งแม่ทั้งลูก ยงยุทธน้ำตาคลอต้องเอาผ้าห่มมาคลุมศพไว้ ส่วนจ่าแท่นถึงกับปากสั่นมือสั่นโกรธแค้นมาก
“แม้แต่ผู้หญิงกับเด็กเล็กๆ มันก็ไม่เว้น…ไอ้สารเลว…ไอ้พวกชิงนรกมาเกิด”
จ่าแท่นเจ็บปวดหันไปทุบประตูน้ำตาไหล
ขุนเดชรู้ข่าวหมอน้อยจึงเดินหน้าตึงขึงขังตรงดิ่งมาที่บ้านหมอน้อย ดารารีบตามมาติดๆ อย่างเป็นห่วง
ความรู้สึก
“ขุนเดช…ขุนเดช…รอชั้นก่อนสิ…ขุนเดช”
ระหว่างนั้นยงยุทธกับจ่าแท่นเดินออกมาจากบ้านเจอขุนเดชพอดี
“หยุดอยู่แค่ตรงนี้แหละขุนเดช…ชั้นว่าแกไม่ควรจะเข้าไป”
“แกอย่ามาขวางทางชั้น”
“ขุนเดช…หมวดเขาเป็นห่วงเอ็ง มันไม่ใช่ภาพที่เอ็งควรจะดู”
จ่าแท่นบอก ขุนเดชยิ่งชักสีหน้าไม่พอใจผลักทั้งจ่าแท่นทั้งยงยุทธจนกระเด็นแล้วตรงดิ่งเข้าไปในบ้านทันที
“ขุนเดช”
ยงยุทธจะตามไปแต่ดาราจับแขนรั้งไว้
“เธอห้ามขุนเดชไม่ได้หรอกยงยุทธ…ขุนเดชรักอาหมอเหมือนพ่อ ให้ขุนเดชได้อยู่กับ อาหมอเถอะ”
ยงยุทธนิ่งไป
ขุนเดชเข้ามาในบ้านเห็นศพหมอน้อยนอนอยู่ที่พื้น ขุนเดชน้ำตาคลอเข้าไปประคองศพขึ้นมา
“อาหมอ…อาหมอ…อาหมอครับ”
ภาพหมอน้อยที่เคยช่วยชีวิตขุนเดช / ภาพหมอน้อยพูดเตือนใจขุนเดชและสนับสนุนร่วมมือกับ วีรบุรุษบาปแทรกเข้ามาในความคิดของขุนเดช
ขุนเดชร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดมือก็ประคองกอดศพหมอน้อยเอาไว้
“อาหมอ…ฮือๆๆๆ”
ดารา หมวดยงยุทธและจ่าแท่นตามเข้ามาเห็นภาพนั้นแล้วสลด ดาราถึงกับร้องไห้ตามด้วยความเสียใจ
ขุนเดชร้องจนพอแล้วจึงค่อยๆ เอามือปิดเปลือกตาที่เบิกค้างของหมอน้อยให้หลับอย่างสนิท ยงยุทธเข้าไปจับบ่าขุนเดช และปลอบใจอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงนะขุนเดช ชั้นจะไม่ยอมให้หมอน้อยกับครอบครัวต้องตายฟรี ไอ้พวกที่ฆ่า หมอน้อยจะต้องได้รับการลงโทษ”
ขุนเดชนิ่งแล้วลุกขึ้นมองหน้ายงยุทธเขม็ง ปัดมือที่จับไหล่อยู่แล้วมองหน้าเอาเรื่องทำเอายงยุทธแปลกใจ
ยงยุทธกระเด็นออกมาจากบ้านหมอน้อยด้วยหมัดของขุนเดช ยงยุทธไม่ทันลุกขึ้นมาเช็ดเลือดที่กบปาก
ออกหมดดี ขุนเดชก็ตามออกมากระหน่ำซ้ำด้วยหมัดใส่ยงยุทธจนไม่ทันตั้งรับ ดารากับจ่าแท่นรีบตามออกมา
อย่างตกใจ
“ขุนเดช…หยุดเดี๋ยวนี้นะ…ขุนเดช…ชั้นบอกให้หยุด”
ขุนเดชบ้าคลั่งเอาเรื่องไม่ฟังเสียงห้าม ใส่ยงยุทธไม่ยั้งมือจนยงยุทธต้องตอบโต้สวนกลับด้วยหมัด
“นี่แกเป็นบ้าอะไรของแกวะ”
ขุนเดชชี้หน้ายงยุทธ
“ชั้นเบื่อเต็มทีแล้วกับไอ้การรักษากฏหมายของแก ถ้ากฏหมายที่แกเคารพมัน ศักดิ์สิทธิ์จริง อาหมอก็คงไม่ถูกพวกมันฆ่าตาย”
“ชั้นเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าแกหรอกนะเว้ยขุนเดช แต่แกจะมาโทษกฏหมายที่พวก เราควรเคารพไม่ได้ ถ้าแกอยากให้มีคนรับผิดชอบเรื่องนี้..มันควรเป็นวีรบุรุษบาป เพราะมันต่างหากหมอน้อยถึงได้ตาย”
ขุนเดชยิ่งโกรธกำหมัดปรี่เข้าไปชกใส่ยงยุทธที่พยายามออกหมัดต่อสู้แต่เจอขุนเดชใส่แบบหนักๆ จนรับไม่อยู่
“ขุนเดช…หยุดเถอะ…จ่าคะ รีบห้ามพวกเขาสิ”
จ่าแท่นรีบเข้าไปแยก
“ขุนเดช…หยุดเถอะอาขอร้อง”
ขุนเดชยังไม่ฟังผลักจ่าแท่นจนกระเด็นออกมาทางดาราแล้วกระหน่ำชกใส่ยงยุทธที่กำลังโงนเงน
ดาราเห็นว่าปล่อยไว้ไม่ได้ถ้าไม่ทำอะไรจริงๆ จังๆ เลยแย่งปืนจากเอวจ่าแท่นมาแล้วยิงขึ้นฟ้า…เปรี้ยง !!
เสียงปืนดังสนั่นขุนเดชชะงักหันมาที่ดาราที่ยกปืนเล็งไปที่ขุนเดชทั้งน้ำตาคลอ
“ปล่อยยงยุทธเดี๋ยวนี้นะขุนเดช…อย่าให้ชั้นต้องยิงเธอ”
ขุนเดชมองดาราแววตาเคร่งเครียด นิ้วดาราแตะไกปืนพร้อมจะยิงใส่จริงๆ ขุนเดชจึงยอมปล่อยยงยุทธ
แล้วเดินออกไป ดาราลดปืนลงคืนปืนให้จ่าแท่นแล้วเข้าไปประคองยงยุทธอย่างเป็นห่วง
“ยงยุทธ”
ที่บ้านกำนันบุญ ประดับรับจานสังคโลกที่กำนันบุญยื่นให้
“สังคโลกชิ้นนี้สวยงามที่สุดเท่าที่มีการค้นพบมาแล้ว ผมกล้ารับประกันได้เลยว่าท่าน ประธานจะต้องชอบ และยอมสนับสนุนให้คุณขึ้นมาแทนที่ท่านปราชญ์”
“ถ้ากำนันรับประกันถึงขนาดนี้…”ประดับหันไปที่เบิ้มให้เอาเงินในกระเป๋าเปิดให้กำนันดูว่ามีเงินอยู่
มากมายในนั้น แต่กำนันกลับเฉย “ทำไมล่ะกำนัน…รับไปสิสำหรับสินน้ำใจที่ท่านปราชญ์ไม่เคยให้กำนันมากเท่า
นี้”
“คุณก็รู้หรือว่าทำเป็นลืม”
“ชั้นไม่ได้ลืมหรอกน่ากำนัน ชั้นได้เป็นสัตตะโลหะบุรุษ เป็นหนึ่งในแผ่นดินนี้เมื่อไหร่ กำนันจะต้องขึ้น
มาเป็นมือขวาของชั้น แล้วเขตอิทธิพลแถบภาคเหนือทั้งหมด ชั้นจะให้กำนันดูแล”
“ถ้าคุณยังยืนยันข้อตกลงของเราว่ายังเหมือนเดิม ผมก็ต้องขอบคุณมาก”
กำนันบุญรับกระเป๋าเงินมาแล้วมองเงินในกระเป๋าอย่างพอใจ
อ่านต่อหน้าที่ 3
ขุนเดช ตอนที่ 15 (ต่อ)
ขุนเดชกลับมาที่กระท่อมแล้วหยิบดาบดำที่ซ่อนเอาไว้ออกมา ขุนเดชชักดาบดำออกจากฝักใบหน้าน่ากลัวดุดันเอาจริง
“ในเมื่อกฏหมายไม่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้กับครอบครัวของอาหมอได้ ก็มีแต่วีรบุรุษบาป
เท่านั้นที่จะตัดสินลงโทษพวกมัน”
ขุนเดชกำดาบดำแน่นพร้อมปฏิบัติการเพชรฆาต
กำนันบุญเดินมาส่งประดับที่หน้าเรือน
“อาจารย์ก้องเกียรติพร้อมให้ผมค้นหาโลหะวัตุโบราณศักดิ์สิทธิ์ชิ้นที่ 6 เมื่อไหร่คุณก็บอก ผมมาแล้วกัน”
“เรื่องนั้นชั้นต้องบอกกำนันแน่ ว่าแต่ว่าที่ชั้นได้ยินมา กว่าจะได้สังคโลกชิ้นนี้กำนันถึงกับต้องลงมือฆ่า
หมอที่ชาวบ้านเขาเคารพศรัทธา”
“ที่จริงผมไม่จำเป็นต้องฆ่าล้างโคตรไอ้หมอคนนั้นก็ได้ แต่ผมอยากสั่งสอนพวกมันทุกคนในศรีสัชนาลัย
ให้รู้ว่าถึงเวลาที่พวกมันต้องรับผิดชอบการตายของไอ้สัมฤทธิ์”
“กำนันอยากประกาศศักดายังไง ชั้นคงไปห้ามไม่ได้ แต่ระวังแล้วกัน ไปแหย่รังแตนให้ มันโกรธมันจะมา
รุมกำนันได้”
“พวกมันทำอะไรผมไม่ได้หรอก…เพราะคนของผมเตรียมจัดการพวกมันอยู่แล้ว”
กำนันบุญพูดไปก็ยิ้มร้าย
จีนเปียอยู่ในห้องขังลอบมองตำรวจที่เฝ้าเวรอยู่บนโรงพัก พอจังหวะที่ตำรวจเผลอหันไปพลิกหนังสือพิมพ์
อ่าน จีนเปียทำปวดท้องร้องครวญคราง
“เฮ้ย…ไม่ต้องมาทำสำออย”
ตำรวจบอกอย่างรู้ทัน
“อั้วเปล่าสำออยนะอาคุงตำรวจ สงสัยข้าวผัดจะทำพิษอั้วเลี้ยว”
“ไม่เชื่อหรอกเว้ย”
ตำรวจทำไม่สนใจแต่จีนเปียยังทำร้องครวญครางปวดท้องจนตำรวจรำคาญ
“สงสัยต้องทุบสักทีสองทีแล้วมั้ง เอ็งถึงหุบปากได้”
ตำรวจหงุดหงิดไขกุญแจเข้าไป จีนเปียได้โอกาสถลกขากางเกงเอามีดสั้นที่รัดซ่อนไว้ที่ข้อเท้าออกมา
แล้วใช้ มีจ่อคอหอยตำรวจเอาไว้ จีนเปียยิ้มร้ายกาจ
จีนเปียใช้มีดสั้นจ่อคอตำรวจพาออกมาหน้าโรงพัก มีตำรวจคนอื่นล้อมรอบพร้อมจ่อปืนขู่ 2-3 คน
“ถอยไป…บอกให้ถอยไป ไม่งั้นพวกลื้อโดนปาดคอแน่”
พวกตำรวจลังเลไม่กล้าทำอะไรเพราะมีพวกเดียวกันเป็นตัวประกัน จีนเปียพาตำรวจตัวประกันมา
ที่รถจี๊ปหน้าโรงพัก พวกตำรวจไม่กล้าทำอะไรได้แต่จ่อปืน แต่ทันใดนั้นมีดสั้นพุ่งเข้ามาปาดโดนแขนของจีนเปีย
จนร้องลั่น ทุกคนหันไปเห็นวีรบุรุษบาปยืนจ้องเขม็ง
“โผล่มาจนล่ายนะไอ้วีรบุรุษบาป...ลื้อกับอั้วได้เจอกันแน่”
จีนเปียรีบขับรถจี๊ปหนีออกไปทันที พวกตำรวจยิงไล่หลังแต่ไม่ทันทำให้จีนเปียหนีไปได้ ตำรวจหันมา
จ่อปืนที่วีรบุรุษบาปที่ยืนนิ่งจ้องตำรวจทุกคน จรดๆ จ่อๆ ว่าจะจับเขาหรือไม่จนในที่สุดตำรวจทุกคนก็พร้อมใจ
กันลดปืนลงเหมือนไม่ต้องการจับวีรบุรุษบาปปล่อยให้ไปจัดการกับจีนเปีย
จีนเปียขับรถจี๊ปเข้ามาจอดที่โรงสีร้างแล้วตรงไปที่รถเข็นของเล่น รื้อค้นเอาลังที่ซุกอยู่ในรถเข็นออกมา เปิดฝาออก ภายในนั้นเต็มไปด้วยอาวุธสารพัดมีดออกมาแล้วยิ้มร้าย
ยงยุทธกลับมาที่สถานีตำรวจ พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงต่อว่าลูกน้อง
“หมายความว่ายังไง พวกคุณปล่อยให้วีรบุรุษบาปตามมันไปเหรอ”
ตำรวจทุกคนก้มหน้าไม่มีใครกล้าสบตายงยุทธที่กำลังโกรธ
“ที่พวกเราปล่อยวีรบุรุษบาปไป เพราะเขามาช่วยพวกเราไว้ใช่มั้ย”
จ่าแท่นถาม พวกตำรวจพยักหน้ารับ ยงยุทธยิ่งได้ฟังยิ่งโมโห
“แต่พวกเราเป็นตำรวจปล่อยให้คนร้ายไปไล่ล่าฆ่ากันเองแบบนั้น เท่ากับเราละเลยการปฏิบัติหน้าที่”
จ่าแท่นตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
“หมวดครับ...แต่ครั้งนี้ผมขอล่ะครับ ถ้าหมวดอยากลงโทษพวก เราทุกคนก็ลงโทษมาเลย ผมจะขอ
รับผิดไปด้วย”
“จ่า”
จ่าแท่นก้าวเข้ามายืนต่อหน้าตำรวจชั้นผู้น้อยทุกคนอย่างลูกผู้ชาย
“ตอนนี้แผ่นดินศรีสัชนาลัยกำลังจะลุกเป็นไฟ กฏหมายผมก็ยังเคารพรักอยู่ แต่ถ้าเวลานี้เราไม่มีคนอย่าง
วีรบุรุษบาปมาช่วย คนดีๆ อย่างหมอน้อยจะต้องตายอีกไม่รู้เท่าไหร่”
จ่าแท่นพูดจบ ตำรวจทุกคนขึ้นมายืนเรียงอยู่ข้างหลังจ่าแสดงถึงการเห็นด้วยกับความคิดของจ่า ยงยุทธเข้าไปกระชากคอเสื้อจ่าแท่น
“จ่า”
“แผ่นดินศรีสัชนาลัย ยังต้องได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินของคนดีครับหมวด”
ยงยุทธนิ่งไปปล่อยมือจากคอเสื้อจ่าแท่นแล้วหันมาหน้าเครียดครุ่นคิดหนัก
ยงยุทธถือปืนลูกซองยาวมาขึ้นรถจี๊ปอย่างเด็ดเดี่ยว จ่าแท่นรีบตามออกมา
“หมวดครับ…ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองเถอะครับ”
“หยุดพูดแบบนั้นได้แล้วจ่า ถ้าจ่าพูดขึ้นมาอีกคำเดียว ผมจะไม่ยกโทษให้อีก”
“หมวด”
“สิ่งที่ผมได้ยินเมื่อกี้และความผิดพลาดที่ทุกคนทำลงไป ผมจะถือว่าผมไม่รู้ไม่เห็น แต่มันจะต้องไม่เกิด
ขึ้นอีก”
“หมายความว่ายังไงหมวดก็ยังต้องจับวีรบุรุษบาปมาลงโทษ”
“ที่จ่าพูดมามันถูกต้องแล้ว ศรีสัชนาลัยต้องได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินของคนดีเหมือนอย่างที่บรรพบุรุษสร้าง
ไว้ให้เรา แต่ผมจะปกป้องศรีสัชนาลัยด้วยวิธีการที่ถูกต้อง”
ยงยุทธบอกจ่าแท่นแล้วขับรถออกไปเพียงคนเดียวพร้อมอาวุธ
บรรยากาศในโรงสีร้างเงียบจนน่าผิดสังเกตเมื่อวีรบุรุษบาปก้าวเข้ามา วีรบุรุษบาปกระชับดาบดำ
เตรียมพร้อมจนได้ยินเสียงของเล่นรถสังกะสีไขลานถูกปล่อยให้วิ่งตามพื้นเข้ามา บนรถของเล่นมีระเบิด
ควันอยู่ด้วย...ตูม
ควันจากระเบิดควันฟุ้งกระจายไปทั่วโรงสีจนทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นของวีรบุรุษบาปเสียเปรียบ
“อั้วรอลื้อมานานเลี้ยว...วันนี้จะเป็นวันตายของลื้อ แล้วจะเป็นวันเฮงของอั้ว เพราะค่าหัวของลื้อจะทำ
ให้อั้ว..รวย รวย รวย เฮง เฮง เฮง”
จีนเปียหัวเราะลั่นดังก้องไปทั่ว วีรบุรุษบาปเจ็บใจฟังจากเสียงก็ปรี่เข้าไปฟาดฟันใส่ แต่ก็ไม่เจอตัวจีนเปีย มีแต่มีดบินของมันที่พุ่งเข้าใส่จากข้างหลัง ฉึก...มีดบินสั้นของจีนเปียปักเข้าที่ด้ามดาบดำของวีรบุรษบาปที่ยก
ขึ้นมากันเอาไว้
ควันจากระเบิดควันยังคลุ้งไปทั่ว จีนเปียยังซัดมีดสั้นใส่จากทุกทิศทุกทางวีรบรุรษบาปต้องกระโจนหลบ
จนในที่สุดก็พลาดถูกมีดสั้นปักเข้าที่หัวไหล่
“ฮ่าๆ...เพลงดาบเดือนดับของลื้อใช้จัดการได้แต่กับคนที่สู้กันซึ่งๆหน้าเท่านั้น แต่กับอั้วมันใช้ม่าย
ล่าย...ฮ่าๆ” ขุนเดชฝืนความเจ็บดึงมีดสั้นออกจากหัวไหล่ แล้วค่อยๆ หลับตาใช้หูฟังเสียงของจีนเปียแทน “คิดเหรอว่าจะใช้วิธีนี้เล่นงานอั้วล่าย”
เสียงตีฉาบของลิงตีฉาบของเล่นสังกะสี 2-3 ตัวที่จีนเปียไขลานไว้ช่วยดังกลบทิศทางของจีนเปีย
วีรบุรุษบาปตัดสินใจยืนเป็นเป้านิ่งพยายามตั้งสมาธิเงี่ยหูฟังทุกเสียงรอบๆ ตัวและพยายามแยกแยะ
จีนเปียเตรียมมีดสั้นพร้อมจะปิดชีวิตวีรบุรุษบาปและขยับเท้าไปเหยียบกระเบื้องแตกที่พื้นจนทำให้เกิด
เสียงดัง ฟื้ววววว...ฉึก มีดสั้นจากมือขุนเดชพุ่งเข้าใส่จีนเปียโดนที่หัวไหล่
“โธ่เว้ย”
จีนเปียเจ็บใจ วีรบุรุษบาปรู้แล้วว่าจีนเปียซ่อนตัวอยู่ที่ไหน เลยเดินฝ่าหมอกควันเข้ามาพร้อมกับควง
ดาบดำ จีนเปียรีบถอยหนีเอาตัวรอด
จีนเปียรีบหนีออกมาเจอเข้ากับยงยุทธที่ขับรถจี๊ปเข้ามาพอดี ยงยุทธเบรคเอี๊ยดแล้วคว้าปืนลูกซอง ลงมองส่อง
“แกหนีไม่พ้นแล้วไอ้จีนเปีย”
“อั้ว...อั้วยอมแล้ว ปล่อยอั้วไปเถอะ”
“ปล่อยเหรอ” ยงยุทธถือปืนเข้าไปแล้วใช้พานท้ายปืนกระแทกเข้าหน้า จีนเปียกระเด็น “แกไม่มีสิทธิ์ต่อรอง
อะไรกับชั้นทั้งนั้น...ถ้าแกไม่บอกมาว่าใครจ้างแกมาชั้นจะปล่อยให้ไอ้วีรบรุษบาปฆ่าแก”
“อั้วไม่บอกหรอกว่าใครจ้างอั้ว...แต่ลื้อต้องปล่อยอั้วแน่อาผู้หมวด”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็อั้วรู้ความจริงน่ะสิว่าวีรบุรุษบาปมันคือใคร”
ยงยุทธชะงัก
“แกรู้”
“อั้วรู้...อั้วเคยสู้กับมันมาเลี้ยว ต้องใช่มันแน่ๆ แต่ลื้อต้องปล่อยอั้วไป อั้วถึงจะยอมบอก”
“แกไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับชั้น ถ้าชั้นอยากรู้ว่ามันเป็นใคร ชั้นก็มีวิธีบังคับให้แกพูดเอง”
พูดจบยงยุทธก็ยิงปืนลูกซองไปที่ขาของจีนเปียทันที...เปรี้ยง
กระสุนปืนลูกซองกระจายเป็นลูกแตกถูกขาข้างหนึ่งของจีนเปียจนล้มลงไปนอนร้องครวญครางเจ็บปวด
“โอ้ยยยยย...ขา...ขาอั้ว”
“ตอนนี้แกพิการไปข้างหนึ่งแล้ว ส่วนอีกข้างถ้ายังไม่บอกมาว่าไอ้วีรบุรุษบาปมันเป็นใคร แล้วแกทำงาน
ให้ใคร แกจะได้เป็นไอ้ด้วนเดินไม่ได้ตลอดชีวิตแน่”
“อั้ว...อั้วยอมแล้ว อั้วจะบอกลื้อว่ามันเป็นใคร”
“ใคร”
“ไอ้...ไอ้วีรบุรุษบาปมัน...มันก็คือ...”
จีนเปียกำลังจะพูดชื่อขุนเดชแต่ทันใดนั้นมีดสั้นของจีนเปียพุ่งเข้ามาปักที่กลางหลังจีนเปียเอง..ฉึก
จีนเปียสะดุ้งเฮือก ยงยุทธหันไปเห็นวีรบุรุษบาปตามออกมา
“แก...ไอ้วีรบุรุษบาป”
ยงยุทธยิงใส่...เปรี้ยง วีรบุรุษบาปกระโจนหลบ ยงยุทธรีบบรรจุกระสุนปืนลูกซอง จีนเปียเลยรีบฉวย
โอกาสกระเผลกลากขาข้างที่ถูกยิงหนี
“อย่าหนีนะไอ้จีนเปีย”
ยงยุทธจะตามแต่วีรบุรุษบาปปามีดสั้นใส่ขวางไว้ทำให้ยงยุทธต้องหันความสนใจมาที่วีรบุรุษบาปแทน
จีนเปียพาร่างที่สะบักสะบอมลากขาจนเลือดหยดเป็นทางเข้ามาในโรงสีแล้วล้มลง วีรบุรุษบาปตาม
เข้ามาจะจัดการปลิดชีวิต แต่ยงยุทธก็ตามมาขวางอีก วีรบุรุษบาปกระโจนหลบกระสุนจนยงยุทธยิงหมดลูกซอง วีรบุรุษบาปจึงใช้ดาบดำเข้าต่อสู้ ยงยุทธใช้ปืนลูกซองรับดาบดำ
“มันทำผิดมันต้องได้รับโทษตามกฎหมาย”
“แต่ความผิดของมันต้องลงโทษด้วยความตาย”
“แกไม่ใช่ศาล แกตัดสินใครไม่ได้”
“ถ้าต้องรอให้ศาลตัดสินตามกฏหมาย...แผ่นดินศรีสัชนาลัยของข้าคงมีแต่คนดีที่นอนตายเกลื่อน”
ขุนเดชผลักยงยุทธกระเด็นแล้วเปิดฉากสู้กันต่อ จีนเปียกระเสือกกระสนไปที่รถเข็นของเล่นแล้วรื้อค้น
เอาระเบิดมือออกมา
“พวกลื้อนั่นแหละ...ที่ต้องตายไปด้วยกันทั้งคู่”
จีนเปียดึงสลักแล้วโยนระเบิดใส่ ลูกระเบิดกลิ้งไปใกล้ยงยุทธกับวีรบุรุษบาปที่กำลังสู้กัน ทั้งคู่พากันชะงัก
ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ควันคละคลุ้งไปทั่ว ยงยุทธกระเด็นไปทาง วีรบุรุษบาปกระเด็นไปทางแต่ไม่มีใคร เป็นอันตรายถึงตาย มีแต่ได้รับบาดเจ็บเพราะสะเก็ดระเบิดตามเนื้อตามตัว ยงยุทธยังไม่รู้สึกตัว วีรบุรุษบาปยัน
ตัวลุกขึ้นมาหูยังอื้อ หัวยังมึนแรงกระแทก
จีนเปียกระเสือกกระสนหนีออกมาขาลากเป็นรอยเลือดทางยาวกำลังจะไปที่รถจี๊ป แต่วีรบุรุษบาปลากดาบดำตามออกมา จีนเปียหันกลับไปเห็นก็ตกใจกระเสือกกระสนหนีเป็นการใหญ่ แต่ก็ไม่พ้นถูกวีรบุราบาป
ตามมาใช้ดาบดำ ปักลงไปที่ขาให้นิ่งอยู่กับที่
“โอ้ยยยยยยย...ซี้เลี้ยว...อั้วซี้เลี้ยว”
จีนเปียร้องครวญครางเสียงดัง
“วันนี้แกหนีความตายไม่พ้นหรอกไอ้จีนเปีย” วีรบุรุษบาปดึงดาบขึ้นจีนเปียยิ่งร้องเจ็บทรมาน
“ทีนี้แกก็ต้องสารภาพความจริงกับชั้นมา แกใช้บัวทองล่อให้ทุกคนสนใจเพื่อให้พวกของแกบุกไปฆ่าหมอน้อย
ใช่มั้ย” จีนเปียไม่ยอมพูดแต่วีรบุรุษบาปยื่นดาบไปจ่อคอ “อยากจะเจ็บกว่านี้อีกใช่มั้ย”
“ฆ่า...ฆ่าอั้วให้ตายเถอะ อย่าทรมานอั้วเลย”
“งั้นก็พูดทุกอย่างที่ชั้นอยากรู้”
“ล่ายๆๆ...อั้วใช้บัวทองล่อพวกลื้อออกมา”
“แล้วใครเป็นคนฆ่าหมอน้อย”
จีนเปียยังไม่ทันจะอ้าปากพูด ยงยุทธก็ประคองตัวเองที่ยังเจ็บอยู่ออกมา
“หยุดนะวีรบุรุษบาป...แกไม่มีสิทธิ์ตัดสินมัน”
วีรบุรุษบาปหันไปมองยงยุทธอย่างเสียไม่ได้ เพราะยงยุทธกำลังจะมาขัดขวางเขา วีรบุรุษบาปไม่ต้องการ
ให้ยงยุทธขวาง การตามล่าคนชั่วของเขาอีก
“ถึงวันนี้ชั้นไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ยังไงกรรมที่มันทำเอาไว้จะทำให้ชั้นหามันเจอแน่นอน” วีรบุรุษบาฉากถอยออก
มาแล้วควงดาบด้วยเพลงดาบเดือนดับ “ฟ้า...ดิน...เป็นพยาน...ดาบเดือนดับ”
“อย่า”
ฉับ...เพลงดาบเดือนดับฟันฉับเข้าที่คอของจีนเปียจนขาดกระเด็น ยงยุทธเข่าทรุดหมดแรงเดิน เห็นภาพ
การตัดสินคนบาปของวีรบุรุษบาปต่อหน้าต่อตา วีรบุรุษบาปหันกลับมามองยงยุทธจ้องเขม็ง
“แก...แกมันไม่ใช่วีรบุรุษ...แกเป็นได้แค่ไอ้ฆาตกร...ไอ้ฆาตกร...ไอ้ฆาตกร ไอ้ฆาตกร !!”
ยงยุทธด่าซ้ำๆ ด้วยคำว่าฆาตกรเพราะต้องการตอกย้ำให้วีรบุรุษบาปรู้
“ใช่…ผมคือฆาตกร” วีรบุรุษบาปชี้ดาบไปที่ยงยุทธ “แต่ถ้าไม่มีฆาตกรอย่างผม คนบาปก็คงไม่มีวันหมด
ไปจากแผ่นดิน เพราะความอ่อนแอของกฏหมายในมือหมวด ที่แม้แต่ชีวิตคนดีๆ อย่างหมอน้อยก็ยังรักษาไว้ไม่ได้”
วีรบุรุษบาปตะโกนใส่หน้ายงยุทธแล้วเดินจากไปทิ้งให้ยงยุทธที่บาดเจ็บจากแรงระเบิดจนทำให้หมดแรง
แม้แต่จะไล่ ตามจึงได้แต่ทุบพื้นด้วยความโกรธ
“โธ่เว้ย”
อ่านต่อหน้าที่ 4
ขุนเดช ตอนที่ 15 (ต่อ)
ขุนเดชกลับเข้ามาที่กระท่อมในคราบของวีรบุรุษบาปแล้วถอดผ้าขาวม้าพันหน้าออก ขุนเดชหยุดนิ่งมองพระศิลาที่ไร้เศียร แววตาคลอเบ้าด้วยน้ำตาจนเอ่อ คุกเข่าลงพนมมือ
“อาหมอครับ...เป็นเพราะผมเลยทำให้อาหมอต้องตาย บาปกรรมครั้งนี้มันหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่ผม
จะขอให้อาหมอยกโทษให้ผม”
ขุนเดชน้ำตาไหล ระหว่างนั้นดาราเข้ามาเห็นขุนเดชกำลังเสียใจ
“ขุนเดช...”
ขุนเดชหันไปมองดาราแต่ไม่พูดอะไรหันกลับมาแน่วแน่อธิษฐานต่อ
“ถ้าเวรกรรมมันทดแทนกันได้ ผมก็จะขอแบกรับกรรมของอาหมอมาไว้ที่ผมคนเดียว เพื่อให้อาหมอกับ
ครอบครัวได้ไปอยู่ในภพภูมิแดนสวรรค์ ส่วนผม...ขุนเดช ขอชดใช้กรรมทั้งปวงในขุมนรกอเวจี”
ดารารีบเข้ามาขอร้อง
“ขุนเดช...เธออย่าพูดอย่างนี้สิ”
“หลบไปดารา คุณห้ามผมไม่ได้”
“ต้องได้สิขุนเดช ถ้าเธอหยุดซะตั้งแต่วันนี้”
“ผมหยุดไม่ได้ จนกว่าคนบาปอย่างพวกมันจะหมดไปจากแผ่นดิน”
“งั้นเธอก็ต้องสูญเสียทุกอย่าง พ่อของเธอ อาหมอ ยงยุทธ แล้วยังบัวทองอีก”
ขุนเดชนิ่งไปแล้วยิ้มเยาะเหมือนสมเพชตัวเองจนดาราแปลกใจ
“หึๆๆ...หึๆๆๆ”
“ขุนเดช”
“แสดงว่าคำอธิษฐานของผมเป็นจริงแล้ว ผมได้อยู่ในนรกตั้งแต่ยังไม่ตาย นรกบนดินที่ไร้ซึ่งคนรักมีแต่คน
ชัง มีแต่เลือดและความตายที่อยู่รอบตัว” ดาราอึ้งไปกับคำพูดขุนเดช ขุนเดชก้มกราบพระศิลาแล้วลุกขึ้น
“กลับไปดูแลยงยุทธเถอะดารา...ปล่อยให้ผมมีชีวิตอยู่ในนรกบนดินคนเดียวดีกว่า”
ขุนเดชเดินออกไปอย่างมุ่งมั่นยอมรับในความเจ็บปวดแต่ผู้เดียว
“ขุนเดช...”
ที่คฤหาสน์ของปราชญ์ คุณหญิงนั่งดื่มอยู่ที่ริมสระ ดื่มแล้วดื่มอีกจนไวน์หมดเหยือก
“หายหัวไปไหนกันหมด..เอาไวน์มาเติมให้ชั้น” คุณหญิงตะโกนเรียกอยู่ครู่คนใช้ก็ยกถาดเหยือกไวน์เข้ามา
เปลี่ยนให้ใหม่ “ประดับยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
“ยังค่ะ…แต่เมื่อสักครู่โทรมาสั่งว่าคืนนี้คงจะไม่กลับเพราะต้องอยู่ร่วมงานเลี้ยงกับท่านประธาน”
“ว่าไงนะ…เขาเข้าไปพบท่านประธานโดยไม่เรียกชั้นไปด้วยเหรอ”
“ดิชั้นไม่ทราบค่ะ คุณประดับไม่ได้บอกอะไรเลย”
“ชั้นไม่ได้ถามแก…” คุณหญิงผลักสาวใช้จนล้ม “ไสหัวไปให้พ้น…ไป”
คนใช้รีบคลานหนีออกไปก่อนที่จะโดนหนักกว่านี้ คุณหญิงหันมากระดกแก้วไวน์ดื่มหนักหน้าแค้นประดับ
“ไอ้ประดับ…ไอ้กินบนเรือนขี้บนหลังคา...ชั้นไม่ใช่กะหรี่ของแกนะ”
คุณหญิงปาแก้วไวน์จนแตกดัง...เพล้ง แล้วหันมาสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง
ภายในห้องนอนของปารมี คุณหญิงเปิดประตูเข้ามามีคนใช้เฝ้าปารมีอยู่
“ออกไป”
คนใช้รับคำแล้วรีบออกไปทิ้งให้คุณหญิงอยู่กับปารมีสองต่อสอง สภาพของปารมีใบหน้าซูบเซียว ปากซีดโทรมจนเห็นได้ชัด เรี่ยวแรงแทบไม่มี เหมือนกับซากศพ
“คะ…คะคุณแม่”
คุณหญิงอึ้งไปที่เห็นสภาพของลูกสาว
“ยัยปา นี่…นี่ทำไม...ทำไมสภาพแกถึงได้เป็นแบบนี้”
“ทำ…ทำไมเหรอคะคุณแม่”
“ก็…แก…แก”
คุณหญิงรีบไปหยิบกระจกมายื่นให้ปารมีดูหน้าตัวเอง พอปารมีเห็นเข้าก็ตกใจปากระจกทิ้งทันที
“ทำไมปาถึงได้ดูแย่แบบนี้ล่ะคุณแม่ เกิดอะไรขึ้นกับปา”
“แม่…แม่ไม่รู้”
“แม่ไม่รู้…อะไรๆ แม่ก็ไม่รู้สักอย่าง ใช่สิ…ปาจะเป็นตายยังไงแม่ก็ไม่เคยสนใจปาเลย แม่สนใจแต่ตัวเอง ปาเกลียดแม่ ออกไป…ออกไป”
“ยัยปา...อย่าพูดกับแม่แบบนี้สิ แม่เป็นห่วงแกนะ แม่ถึงเข้ามาดูแก”
“ปาไม่เชื่อหรอก...ที่แม่เข้ามาเพราะแม่อยากเห็นว่าเมื่อไหร่ปาจะตายๆ ไปซะทีต่างหาก คนที่รักแล้วก็
ห่วงปาก็มีแต่พี่ประดับคนเดียวเท่านั้น”
ปารมีพยายามฮึดแรงลุกจากเตียงเดินโซซัดโซเซ
“ยัยปา...แกจะไปไหน”
“อย่ามายุ่ง”
ปารมีปัดมือคุณหญิงแล้วเซออกจากห้อง
ปารมีเดินเซจะล้มออกมาที่ห้องโถงปากก็เรียกหาประดับ
“พี่ประดับ…พี่ประดับอยู่ไหน…พี่ประดับ”
“ยัยปา…กลับไปนอนที่ห้องของแกเถอะ”
“ปาบอกแล้วไงแม่อย่ามายุ่งกับปา แม่จะไปมั่วผู้ชายที่ไหนก็ไป ปาจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว พี่ประดับ มาพาปาไปจากที่นี่ที ปาไม่อยากอยู่กับอีบ้าผู้ชายคนนี้อีกแล้ว”
“ยัยปา ชั้นเป็นแม่แกนะ แกด่าชั้นได้ยังไง”
“ทำไมปาจะด่าไม่ได้ ในเมื่อปาพูดเรื่องจริง ปารู้มาตลอดว่าแม่นอกใจพ่อ ซุกผู้ชายไว้”
คุณหญิงโกรธจนลืมตัวตบหน้าปารมีทันที...เพี๊ยะ ปารมีหน้าหันเลือดซิบๆ มุมปาก
“ยัยปา...แม่ขอโทษ” คุณหญิงบอกอย่างตกใจ
“แม่อย่ามาแตะต้องตัวปาอีก คราวนี้ปาจะไม่ทนอีกแล้ว ปาจะไปจากที่นี่ จะไปอยู่กับพี่ประดับสองคน เราจะแต่งงานกันแล้วไม่กลับมาที่นี่อีก”
ปารมีโซซัดโซเซจะไปต่อ คุณหญิงได้ยินลูกสาวพูดเรื่องการแต่งงานกับประดับแล้วสงสัย
“เดี๋ยวยัยปา แกจะแต่งงานกับประดับได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ปากับพี่ประดับเรารักกันมาตั้งนานแล้ว เขาแค่รอให้ปาเรียนจบเขาก็จะแต่งงานกับปา”
“แก...แกกับประดับ...นี่...นี่แกอย่าบอกชั้นนะว่าที่แกทำแท้งไปน่ะ มัน...มันเป็นลูกของ...”
“ใช่...ลูกของปากับพี่ประดับ”
คุณหญิงถึงกับหน้าถอดสีเมื่อรู้ความจริงว่าตัวเองใช้ผัวร่วมกับลูกสาว
“ไม่จริง...ไม่จริง...ชั้นไม่เชื่อ”
“คุณแม่ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณแม่ แต่ปาจะไปกับพี่ประดับ”
“ไม่...ชั้นไม่ยอมให้แกไปกับประดับเด็ดขาด”คุณหญิงตามไปดึงปารมีที่เรี่ยวแรงแทบไม่มีจนทรุดหมดสติ
ต่อหน้าต่อตา “ยัยปา...ยัยปา...หายหัวไปไหนกัน...รีบมาช่วยชั้นเร็ว”
คนใช้รีบเข้ามาช่วยประคองปารมี
คุณหญิงยืนมองปารมีนอนหมดสติอยู่บนเตียงสีหน้าครุ่นคิดหนักใจ
“ยาที่ยัยปาต้องกินอยู่ไหน”
“ไม่อยู่ที่นี่ค่ะคุณหญิง”
“หมายความว่ายังไง ลูกสาวชั้นไม่สบายแล้วจะไม่มียาอยู่ในนี้ได้ยังไง”
“เอ่อคือ...คุณประดับสั่งไว้ว่าเวลาที่คุณหนูต้องทานยา คุณประดับจะเป็นคนเข้ามาจัดการเองค่ะ”
“ประดับสั่งไว้อย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ”
คุณหญิงมองลูกสาวตัวเองในสภาพโทรมจนน่าเวทนา คิ้วขมวดชักเริ่มประติประต่ออะไรบางอย่างได้
เค้าลางๆ
วันต่อมา บรรยากาศอันเศร้าสลดที่หน้าเมรุเผาศพ ขุนเดชยืนเคารพภาพถ่ายของหมอน้อยกับมะลิอยู่ที่
หน้าเมรุ พากันเฝ้ามองควันจากเมรุที่ลอยขึ้นเหนือปล่อง ระหว่างนั้นกำนันบุญกับลูกน้องเข้ามา จ่าแท่นหันไป
เห็นก็รีบกันไว้ไม่ให้เข้ามา
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยกำนัน กล้าดียังไงถึงโผล่มาที่นี่”
“ทำไมพูดกับผมแบบนี้ล่ะจ่า…ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ศรัทธาในความดีของหมอน้อย แล้วทำไมผม
จะมาเคารพศพไม่ได้”
“กำนัน…อย่ามาทำเป็นพูดให้ตัวเองดูดีเลย ลิงมันยังเล่นลิเกเก่งกว่ากำนันอีก”
กำนันบุญจิกตาใส่บัวทอง
“นังบัวทอง พูดจาอะไรให้มันรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่หน่อย ใครมาได้ยินเข้าเขาจะหาว่าพ่อแม่เอ็งไม่สั่งไม่สอน”
คำปันแทรกตัวขึ้นมาทันที
“พ่อนังบัวทองมันตายไปนานแล้วเลยไม่อยู่ให้สั่งสอน ก็มีแต่ชั้นนี่แหละที่สอนมันอยู่แล้วชั้นก็สอนมัน
ทุกวันด้วย ถ้าผู้ใหญ่คนไหนที่น่าเคารพก็ให้ยกมือ ไหว้ แต่ถ้าคนไหนไม่น่าคบก็ให้อยู่ให้ห่าง”
กำนันบุญหรี่ตามองคำปันที่ออกมาปกป้องลูกตัวเอง ยงยุทธเข้ามาจับแขนคำปัน
“น้าคำปันครับ…ผมว่าน้าพาบัวทองกลับไปก่อนเถอะครับ...จ่า”
“ครับหมวด”
จ่าแท่นเข้ามาจับแขนพาบัวทองกับคำปันออกไป เหลือขุนเดชกับยงยุทธและดาราเผชิญหน้ากับ
กำนันบุญ
จ่าแท่นพาคำปันกับบัวทองออกมา แต่บัวทองยังอิดออด
“ลุงจ่าพาแม่กลับไปก่อนแล้วกัน ชั้นจะกลับเข้าไปข้างใน”
“ไม่ได้…ผู้หมวดเพิ่งจะสั่งข้าให้พาพวกเอ็งออกมาหยกๆ นะ”
“แต่คนเลวอย่างกำนันบุญกล้ามางานศพอาหมอแบบนี้ ชั้นอยากจะเป็นคนที่ไล่ตะเพิดมันด้วยตัวชั้น
เองนะลุงจ่า”
ไม่ทันขาดคำคำปันก็เข้ามาหยิกแขนบัวทอง
“นี่แน๊ะ…พูดให้แม่ได้ยินอีกทีสิบัวทอง”
“โอ๊ย…แม่…ชั้นเจ็บ”
“แม่บอกแล้วใช่มั้ย…หา”
“แต่เมื่อกี้แม่ก็เห็นด้วยกับชั้นแล้วไม่ใช่เหรอ แม่ถึงกล้าไปต่อปากต่อคำกับกำนัน”
“แม่ก็เกลียดพวกคนเลวเหมือนกับคนอื่นเขานั่นแหละ แต่แม่ไม่ใช่พวกชอบหาเรื่อง”
“แม่ก็เป็นซะอย่างนี้ไง รู้ว่ามีคนเลวอยู่แต่ไม่ยอมทำอะไร พวกคนเลวมันถึงได้ครองเมือง”
“บัวทอง...ไม่ต้องมาสั่งสอนแม่ แกไม่รู้หรอกว่าตอนพี่เดื่องตาย แม่เสียใจมากแค่ไหน”
คำปันพูดไปก็น้ำตาคลอเจ็บปวดจนบัวทองลดการต่อปากต่อคำ จ่าแท่นรู้ดีว่าน้องสาวเคยผ่านความเจ็บ
ปวดแบบนั้นมาแล้วเลยเข้าไปโอบไหล่ปลอบ
“ไม่เอาน่าคำปัน...เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว...ข้าว่ากลับบ้านกันเถอะ ปล่อยให้ไอ้กำนัน บุญเป็นธุระของ
หมวดเขา”
“พี่จ่า..ชั้นกลัวจริงๆ นะ ก่อนที่พี่เดื่องจะตายก็เป็นแบบนี้ มีแต่คนดีๆ ที่ต้องตายก่อน เหลือแต่คนเลวๆ
ให้เต็มถนน หรือว่าชั้นต้องไปจากที่นี่เหมือนตอนนั้นชั้นกับลูกถึงจะรอด”
คำปันปาดน้ำตาเสียใจ จ่าแท่นโอบกอดน้องสาวปลอบใจ
“เรื่องนั้นเอ็งอย่าเพิ่งไปคิดมากเลย กลับบ้านเถอะ..ไปบัวทอง อย่าทำให้แม่เขาต้องเสียใจมากไปกว่า
นี้เลย”
จ่าแท่นประคองพาคำปันออกไป บัวทองมองตามแม่อย่างสงสารก่อนจะเดินตามไป
ที่หน้าเมรุ กำนันบุญไหว้รูปถ่ายของหมอน้อยกับครอบครัวแล้วเดินลงมาจากเมรุ ขุนเดชจ้องกำนันบุญไม่ กระพริบตา
“เฮ้อ...น่าเสียดายจริงๆ ที่ศรีสัชนาลัยต้องขาดคนดีอย่างหมอน้อยไป ไม่ทราบว่าทางตำรวจได้เบาะแสของ
คนที่ฆ่าหมอน้อยไปรึยังครับหมวด”
“ถึงคนร้ายจะไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ แต่เครื่องสังคโลกที่ถูกขโมยไปจะเป็นร่องรอยให้ ผมสืบตามจับพวก
มัน”
“งั้นผมว่าหมวดคงต้องทำงานเหนื่อยหน่อย เพราะเท่าที่ผมทราบเครื่องสังคโลกสวยๆ สมบูรณ์แบบนั้น ลองถ้าหลุดออกไปได้แล้ว ก็ยากเต็มทนที่จะตามกลับคืนมาได้”
“ถ้าตามเอาคืนกลับมาไม่ได้ แต่แค่รู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง วีรบุรุษบาปจะทำหน้าที่ตัดสินมันเอง”
“หึ...ขุนเดช...เอ็งนี่พูดจากเหมือนกับพ่อของเอ็งไม่มีผิด”
ขุนเดชชะงักไปหรี่ตามองกำนันบุญที่พูดถึงพ่อของตนเองขึ้นมา ดาราสงสัยถามแทนขุนเดช
“กำนันรู้จักพ่อของขุนเดชด้วยเหรอ”
“ทำไมผมจะไม่รู้จักล่ะครับ...คนดีอย่างนายเดื่องแห่งศรีสัชนาลัย ชื่อเสียงขจรไปไกล ทั่วสุโขทัย ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ศรัทธานายเดื่องเหมือนกับที่ผมศรัทธาหมอน้อย แต่ก็นั่นแหละครับ...คนดีๆ มักมี
ชีวิตอยู่ได้ไม่นาน”
ขุนเดชขบกรามเจ็บใจขยับเข้าใกล้กำนันบุญ
“ชั้นขอบใจที่กำนันศรัทธาพ่อชั้น และอยากขอบคุณ กำนันด้วย”
ขุนเดชชักดาบดำออกจากฝักเป็นดาบดำหักของพ่อจ่อไปที่คอหอยของกำนันบุญทันที ไอ้นะไอ้เนตกใจ
ชักปืนจ่อขุนเดช ยงยุทธเองก็ชักปืนจ่อไปที่ลูกน้องกำนันบุญ สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันที
“ไอ้ขุนเดช..คิดให้ดีก่อนที่แกจะทำอะไร นี่มันต่อหน้าต่อตาตำรวจเลยนะเว้ย”
“ขุนเดช...เก็บดาบแกไปซะ”
ยงยุทธบอกแต่ขุนเดชยังกดดาบหักไปที่คอกำนันบุญ ดวงตาแข็งกร้าวจ้องเขม็ง
“ขุนเดช...หยุดเถอะ” ดาราบอก
“พ่อชั้นเสียสละชีวิตเพื่อรักษาสมบัติของแผ่นดิน ถึงแม้พ่อจะตายด้วยน้ำมือโจร ถึงดาบของพ่อจะกลาย
เป็นดาบหักใช้ฆ่าใครไม่ได้อีก แต่หน้าที่ทหารพระร่วงของพ่อก็มีคนสานต่อ วีรบุรุษบาปจะตามฆ่าพวกคนบาป เหมือนอย่างที่ไอ้สัมฤทธิ์โดน”
กำนันบุญกับขุนเดชจ้องหน้ากันเขม็ง ยงยุทธต้องออกเสียงดัง
“ขุนเดช...เก็บดาบของแกไปเดี๋ยวนี้”
ขุนเดชเก็บดาบหักคืนฝักแล้วถอยออกมา แต่พวกลูกน้องกำนันบุญยังไม่ยอมลดปืนลง
“เฮ้ย...เก็บปืนไป...ที่นี่มันงานศพหมอน้อย...ชั้นไม่ถือสาเอาความใครหรอก เรื่องนายเดื่องอาจจะมีคนเอา
ไปร่ำลือว่าชั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ถ้าชั้นผิดจริงป่านนี้ชั้นคงถูกจับ ติดคุกไปนานแล้ว...ใช่มั้ยครับหมวด”
“ถ้ากำนันหมดธุระกับงานศพหมอน้อยแล้ว..ผมเชิญ”
ยงยุทธชี้มือให้กำนันบุญกลับไป มาทางไหนไปทางนั้น กำนันบุญยิ้มเยาะแล้วเดินออกไปพร้อมลูกน้อง
ยงยุทธหันมามองขุนเดชอย่างไม่พอใจ
ยงยุทธกับดาราเดินตามขุนเดชที่กำลังเดินออกมาจากวัด
“ขุนเดช...หยุดก่อน ทีหลังแกอย่าทำแบบนั้นอีก แกควรจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ชั้น”
“แกคิดว่าชั้นจะฆ่ามันต่อหน้าต่อตาแกจริงๆ เหรอ ดาบหักของพ่อชั้นแม้แต่ดายหญ้ายังไม่ได้เลย”
“คมดาบของแกอาจจะใช้ฆ่าคนไม่ได้ แต่ความแค้นของแกต่างหากที่ชั้นกลัว”
“ชั้นอาจจะยังแค้นที่พ่อชั้นถูกโจรฆ่าตาย แต่คนอย่างขุนเดชไม่ฆ่าใคร หน้าที่นั้นปล่อย ให้เป็นหน้าที่ของ
วีรบุรุษบาปไป”
ขุนเดชพูดไปก็มองไปที่ดาราที่ยืนข้างๆ ยงยุทธแล้วดินออกไปเพียงลำพัง จนยงยุทธสงสัยสายตาที่ทั้ง
สองมองกัน
“คุณกับไอ้ขุนเดชมีปัญหาอะไรกันรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก ขุนเดชเขายังเสียใจเรื่องหมอน้อยอยู่ เราเลยไม่ค่อยได้คุยกัน ชั้นขอตัว ไปจัดการเรื่อง
สังคโลกที่เหลืออยู่ในไร่หมอน้อยนะ”
ดาราแยกออกไปอีกคน ยงยุทธมองตามแล้วรู้สึกแปลกใจ
ประดับกลับเข้ามาพร้อมกับเบิ้ม ระหว่างนั้นคุณหญิงเดินออกมาเชิดหน้าใส่ประดับ
“หายหัวไปซะหลายวันเลยนะประดับ”
“ท่านประธานรับรองให้ผมเข้ารับตำแหน่งแทนแล้ว ผมเลยต้องวุ่นวายกับตำแหน่งใหม่”
“แสดงว่าเครื่องสังคโลกที่เธอได้มาเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก สมกับเป็นเธอจริงๆ พ่อนักลงทุน”
ประดับแปลกใจคำพูดของคุณหญิงเลยหันไปพยักหน้าให้เบิ้มออกไปก่อน
“วันนี้คุณหญิงไม่ออกไปเล่นไพ่ สังสรรค์กับเพื่อนฝูงเหรอครับ”
“ไม่ล่ะ...ผัวชั้นนอนเป็นบ้าอยู่ ส่วนลูกก็ป่วยจะตายมิตายแหล่ ชั้นไม่อยากทิ้งให้พวกเขา อยู่กับคนที่ชั้นไว้ใจไม่ได้”
“คุณหญิงพูดอะไรผมไม่เข้าใจ”
“เธอเป็นคนฉลาดมากนะประดับ เรื่องง่ายๆ ที่ชั้นพูดแค่นี้ ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ ไอ้คนที่ ชั้นไว้ใจไม่ได้
มันจะเป็นใครได้ล่ะ...ถ้าไม่ใช่ไอ้สารเลวอย่างเธอ”
“คุณหญิง”
ประดับฉุดแขนคุณหญิงลากเข้ามาอีกห้องหนึ่งแล้วปิดประตู
“ปล่อยชั้นนะ...ชั้นเจ็บ...บอกให้ปล่อย” ประดับผลักคุณหญิงจนล้มลงที่โซฟาแล้วหน้าเหี้ยมเอาเรื่อง
คุณหญิงหันไปคว้ากรรไกรบนโต๊ะ “อย่านะ...ถ้าแกเข้ามาล่ะก็ ชั้นจะตัดไอ้ส่วนที่มันเลวที่สุด ที่แกหลอกใช้ชั้น หลอกลูกสาวชั้น ออกมาสับเป็นชิ้นๆ”
“ผู้หญิงที่วันๆ สนใจแต่เงินๆ ทองๆ กับหมกมุ่นในกามอย่างคุณหญิง ถ้าทำผมได้สักแผล ล่ะก็ ผมจะยอมปล่อยไป”
“แก”
คุณหญิงปรี่เข้าหาพร้อมกรรไกรแต่ประดับแค่ฉากหลบแล้วจับแขนมาบิด คุณหญิงก็หมดทางสู้โดน
ประดับจิกหัว
“เห็นมั้ย…คุณหญิงทำอะไรผมไม่ได้แม้แต่รอยข่วน”
“แกอย่าชะล่าใจไปไอ้ประดับ ชั้นให้หมอมาเจาะเลือดยัยปาไปตรวจแล้ว ผลเลือดยัยปาออกมาว่ามี
ยาพิษอยู่ ถ้าแกทำให้ชั้นเป็นอะไร ความเลวของแกจะถูกเปิดโปง”
ประดับชะงัก
“คุณหญิง”
“ปล่อยชั้น...ปล่อยชั้นสิ” ประดับจำเป็นต้องปล่อยมือคุณหญิงถอยออกมาจัดทรงผมและเสื้อ
ผ้าให้เข้าที่เข้าทางแล้วตบหน้าประดับทันที ...เพี๊ยะ ประดับหน้าหัน “ต่อไปนี้แกต่างหากที่ต้องอยู่ภาย
ใต้คำสั่งชั้น…หึ…พวกผู้ชายต่อให้มันคิดยิ่งใหญ่ได้ เป็นมหาบุรุษหนึ่งในแผ่นดิน แต่สุดท้ายก็ผู้หญิง
ต่างหากที่อยู่เหนือผู้ชาย”
คุณหญิงหัวเราะเยาะใส่หน้าประดับแล้วเดินออกไป ประดับมองตามคุณหญิงอย่างเจ็บใจ
ที่แคมป์โบราณคดี ยงยุทธเดินเข้ามาเห็นดารากำลังคุยอยู่กับดำรงที่หน้าแคมป์สีหน้าเคร่งเครียด
“ดารา ได้ข่าวว่าคุณได้ร่องรอยของเครื่องสังคโลกที่ถูกขโมยไปแล้วเหรอ”
“จ้ะ...อาจารย์ดำรงเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ เลยไปได้ข่าวมา”
“ตอนนี้เครื่องสังคโลกอยู่ที่ไหนเหรอครับอาจารย์”
“เรื่องรายละเอียดยังไม่ชัดครับ ผมเพียงแต่ได้ข่าวจากพวกนักสะสมของเก่าพูดถึงเครื่องสังคโลกลักษณะ
ตรงกับที่ถูกเอาไปจากบ้านหมอน้อย”
“พวกนั้นเขาว่ากันว่าตอนนี้ตกไปอยู่ในมือของผู้มีอิทธิพลระดับชาติ เพราะของดีราคาสูงขนาดนั้น ลำพังแค่รวยอย่างเดียวก็มีไว้ครอบครองไม่ได้”
“นั่นไง...มันก็เป็นแบบนี้เหมือนทุกครั้ง แทนที่จะมีหน้าที่ช่วยกันปกป้องรักษาแต่กลับเป็นคนทำลายซะเอง อาจารย์ครับ...ถ้าผมอยากจะตามสืบต่อว่าไปอยู่ในมือผู้ใหญ่คนไหน พอจะมีช่องทางให้ผมสืบได้มั้ย”
ดำรงมองยงยุทธอย่างสีหน้าไม่สู้ดี ดารารู้ว่าจะตอบอะไรจึงตอบแทนให้
“อาจารย์ดำรงพยายามสอบถามจากทุกคนที่พอจะให้เบาะแสได้แล้ว แต่ก็ได้รับคำตอบเหมือนกันหมดคือ
ไม่มีใครรู้ ทุกคนต่างปิดปากเงียบเพราะกลัวอิทธิพล”
“หมวดครับ...หมวด”
จ่าแท่นเข้ามา
“มีอะไรเหรอจ่า”
จ่าแท่นเอาหนังสือพิมพ์ให้ดู
“ผมว่าหมวดน่าจะอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ดูนะครับ”
ที่บ้านกำนันบุญ ประดับยืนสีหน้าครุ่นคิด ผกาอ่านหนังสือพิมพ์ ยืนใกล้ๆ กับกำนันบุญ
“นายประดับ เรืองไกรฤกษ์ นักการเมืองหนุ่มไฟแรง เลขาคนสนิทท่านปราชญ์ บุญหล่น ทับถูกดัน
ให้ขึ้นมารับตำแหน่งแทน เพราะท่านปราชญ์ต้องการวางมือหรือเพราะป่วยอย่างเป็นปริศนา”
“หยุดอ่านได้แล้ว”
“ทำไมล่ะ...ข่าวเขาเขียนถึงเธอ ก็น่าจะรู้ไว้นี่”
ประดับหันมาดึงหนังสือพิมพ์ออกจากมือผกาแล้วขยำทิ้ง
“มีแต่ข่าวพวกอิจฉาพยายามจะขุดคุ้ยหาว่าชั้นขึ้นมารับตำแหน่งอย่างไม่เหมาะสม”
“หนังสือพิมพ์ก็อย่างนี้แหละ ข่าวดีๆ มันจะขายสู้ข่าวเสียๆ หายๆ ได้ยังไง”
“ผมว่าปล่อยให้ลือกันไปเดี๋ยวก็เงียบเอง เพราะยังไงพวกนักข่าวก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าคุณทำอะไรกับท่าน”
“พวกนักข่าวมันไม่รู้ แต่นังนั่นมันรู้”
ประดับพูดไปก็เจ็บใจ ผกากับกำนันบุญมีสีหน้าสงสัย
อีกด้านที่คฤหาสน์ของปราชญ์ ปารมีสีหน้าตกใจและไม่เชื่อ
“ไม่จริง...ปาไม่เชื่อ...คุณแม่โกหก”
“ชั้นจะโกหกแกทำไมห๊ะยัยปา”
“ผู้หญิงอย่างคุณแม่ทำได้ทุกอย่าง คุณแม่โกหกเพราะไม่อยากให้ปาแต่งงานกับพี่ประดับ”
“แกนี่มันโง่จริงๆ ชั้นไม่ได้เสียเงินแพงๆเลี้ยงแกด้วยหญ้านะ ถ้าแค่ชั้นต้องการกีดกันไม่ ให้แกแต่งงาน
กับไอ้เลวนั่น ชั้นถึงกับต้องยอมบอกแกด้วยเหรอว่าใช้ผัวคนเดียวกัน” ปารมีนิ่งไปเริ่มลังเล “ความเลวของมัน
ยังไม่หมดแค่นี้นะ...รู้ตัวไว้ด้วยว่าที่แกต้องนอนป่วยเหมือนผักเน่าอยู่แต่บนเตียงแบบนี้ก็เพราะมันนั่นแหละ
ที่เอายาพิษให้แกกินทุกวัน”
“ไม่...ปาไม่เชื่อ พี่ประดับรักปา...ปาไม่เชื่อ คุณแม่ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
“ชั้นหวังดีกับแก จะได้หูตาสว่างเลิกยุ่งกับผู้ชายเลวๆ อย่างมันสักที”
“ปาบอกให้ออกไป...ออกไป”
ปารมีปาหมอนใส่ไม่หยุดจนคุณหญิงต้องรีบออกไปจากห้อง
คุณหญิงออกมาจากห้องปารมีอย่างหัวเสีย
“นังเด็กโง่เอ้ย ชั้นอุตส่าห์หวังดีกับแก อยากโง่ให้มันหลอกก็ตามใจ แต่ชั้นคนนึงล่ะที่จะไม่ยอมให้มันยึด
ทุกอย่างในบ้านนี้ไป”
คุณหญิงชักสีหน้าร้ายกาจ
ผกายิ้มเยาะเมื่อรู้เรื่องคุณหญิง
“เป็นไงล่ะ...ผู้หญิงมันไม่ได้ง่ายไปซะหมด อย่างที่เธอคิดหรอกนะประดับ”
ประดับหันขวับมาบีบปากผกาอย่างไม่พอใจ
“นังคุณหญิงนั่นมันอาจจะไม่ง่าย แต่กับเธอชั้นจะให้อยู่หรือตาย มันง่ายนิดเดียว”
ผกาถูกบีบจนเจ็บ กำนันบุญรีบปรามประดับ
“ปล่อยเธอเถอะครับคุณประดับ...คุณยกเธอให้ผมแล้ว”
ประดับมองหน้าผกาอย่างชิงชังก่อนจะไสไปทางกำนันบุญ
“ชั้นไม่ได้คิดจะว่าเธอว่าตามนังคุณหญิงนั่นไม่ทันนะประดับ ชั้นแค่อยากให้เธอจัดการนังสองคนแม่
ลูกนั่นไปซะ จะได้ไม่มีใครมาขวางเธอได้อีก”
“คุณประดับทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกผกา”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะทั้งท่านทั้งลูกสาวโดนชั้นเล่นงานไปแล้ว ถ้าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับคุณหญิงอีกคน ชั้นจะกลาย
เป็นผู้ต้องสงสัย”
“แต่ถ้าคุณไม่ทำอะไรสักอย่าง...ก็เท่ากับที่ว่าแผนการที่วางมาทั้งหมดต้องจบเห่”
ประดับหันมาหน้าเหี้ยม
“สัตตโละบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ จะไม่มีวันซุกอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิงเด็ดขาด”
ยงยุทธ ดาราและจ่าแท่นเดินคุยกันมา
“คิดแล้วก็น่าใจหาย อำนาจไปอยู่ในมือของคนเลวแบบนี้ได้ยังไง”
“คอรัปชั่นไงครับอาจารย์ เรื่องปกติที่เราเห็นกันอยู่ทุกวัน”
“เพราะสังคมเรายอมรับว่าเป็นเรื่องปกติไงจ่า เลยเหมือนกับปล่อยให้มีโรคมะเร็งอยู่ในตัว รอวันตาย
พร้อมกันทั้งประเทศ”
“แต่คนที่จะถูกเล่นงานก่อน ชั้นกลัวว่าจะเป็นเธอกับขุนเดช”ยงยุทธกับจ่าแท่นชะงักหันมามองดารา
ที่หน้าตาเคร่งเครียดเป็นห่วง “ประดับเคยพูดกับชั้นไว้ว่าเมื่อไหร่ที่มันมีอำนาจมันจะแก้แค้นพวกเธอให้สาสม”
“ถ้ามันอยากแก้แค้น ก็ขอให้มันมาได้เลย ชั้นอยากเห็นมันตายบนแผ่นดินที่มันลบหลู่”
ทุกคนหันไป เห็นขุนเดชก้าวเข้ามา
“ขุนเดช...อย่าบอกนะว่าแกคิดจะฆ่ามันด้วยมือของแก”
“ชั้นเป็นประชาชนคนธรรมดา จะไปเที่ยวไล่ฆ่าคนได้ยังไง วีรบุรุษบาปต่างหากที่จะลง มือฆ่ามันแทนชั้น”
“แต่ชั้นไม่ให้ใครฆ่ามันเด็ดขาด...โทษของมันต้องเป็นไปตามกฏหมาย”
“หึ...งั้นศพคนดีๆ ศพต่อไป ก่อนที่แกจะได้ตัวมันมารับโทษจะเป็นใครดีล่ะ...อาจ่า ?”
จ่าแท่นสะดุ้งโหยง
“ชะอุ๋ย...อย่าแช่งอาแบบนี้สิขุนเดช”
“ผมพูดความจริงครับอาจ่า อาจจะเป็นอา เป็นอาจารย์ประทีป เป็นผม...หรือไม่ก็...ดารา”
ดาราชะงักหน้าเสียเพราะคำพูดของขุนเดชจริงจังมาก ขุนเดชเดินออกไปยงยุทธมองตามกำหมัด
แน่นด้วยความโกรธ
จบตอนที่ 15
ติดตามอ่านขุนเดช ตอนต่อไปพรุ่งนี้