มาหยารัศมี ตอนที่ 10
กลางดึกคืนนั้น เพ็ญประกายเดินพล่านอยู่ที่สนามหน้าตึก กดมือถือกระหน่ำ กดแล้วกดอีก แต่ปลายสายก็ไม่ยอมรับ เพ็ญประกายจิตตกร้องไห้โฮออกมา
“คุณชายไม่รับสายเพ็ญจริงๆ”
ชุติมาเดินออกมาทันได้ยิน และยิ่งเห็นอาการก็นึกรู้ทันที
“มีผู้หญิงบางจำพวกที่บ้า รู้ว่าผู้ชายไม่รับสาย ยังกระหน่ำโทร.อยู่นั่นล่ะ”
เพ็ญประกายหันขวับไปมอง โต้ทันควัน “แล้วก็มีผู้หญิงบางจำพวก ขี้อิจฉา เพราะไม่มีคนให้โทร.หา”
ชุติมาไม่ยอม เถียงกลับ แถมด่าแรงๆ “ไม่มีคนให้โทร.หา ก็ยังดีกว่าโทร.ไปแล้วเค้าไม่รับ นี่!!เพ็ญประกาย ฉันไม่รู้จะด่าเธอยังไงแล้ว ถึงจะสมกับความหน้าด้านของเธอ”
“ไม่ต้องด่า แค่เดินไปมองที่กระจกก็พอ เพราะเธอก็หน้าด้านไม่แพ้ฉัน ไม่งั้น คงไม่ตามตื้อพี่ต้อมหรอกย่ะ”
พูดจบเพ็ญประกายก็ผลักชุติมาสุดแรง จนชุติมาล้มก้นจ้ำเบ้า ตาก็มองหาเรื่อง
“รู้ซะบ้างว่าเธอกับฉันคนละชั้นกัน หัดเจียมตัวซะบ้าง!”
ชุติมาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ยัยเพ็ญ”
ตามเพ็ญประกายไปเอาเรื่องทันที
ชุติมาตามมาจนทัน ตรงทางเดินในสวนขณะที่เพ็ญประกายกำลังจะเดินเข้าบ้าน ด้วยความโมโหชุติมากระชากผมเพ็ญประกายจนหน้าหงายแหงน
“พูดใหม่ซิ ใครคนละชั้นกับแก”
เพ็ญประกายเจ็บมาก ดึงมือชุติมาออก ตะคอกใส่หน้า “ก็แกน่ะสิ”
“แกนี่วอนจริงๆยัยเพ็ญ..แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร?” ชิติมาออกแรงดึงผมมากขึ้นอีก
“จะใคร? ก็คนอาศัย ได้ยินมั้ยคนอาศัยๆๆๆ”
ชุติมาโกรธมากระงับอารมณ์ไม่อยู่ “เพ็ญประกาย” ตบหน้าเสียงดังผลัวะ
ร่างเพ็ญประกายเซถลาล้มลงไปกองกับพื้น “โอ๊ย!!”
ชุติมาทรุดตามลงไปใช้มือ ขยุ้มคอขึ้นมา “วันนี้แกจะได้รู้จักว่าฉันเป็นใคร?”
ระหว่างแป้นซึ่งได้ยินเสียงทะเลาะกันวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น “ว้าย!”
พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรก็วิ่งจู๊ดออกไปเร็วรี่
แน่นอนว่าแป้นวิ่งมารายงานจันทรา ที่กำลังยืนหน้าเครียดอยู่ที่อีกมุมในบ้าน
“คุณนายขาคุณนาย”
“ตะโกนอะไรนังแป้น ? คนยิ่งเครียดๆอยู่ๆ!!”
“คุณเพ็ญกับคุณชุตบกันค่ะ”
ชุติมากับเพ็ญประกายตบกันสนั่นสนาม เพ็ญประกายเป็นรองโดนไปหลายฉาด ชุติมาแรงเยอะกว่า ตบเพ็ญประกายคว่ำลงไปนอนกองกับพื้นจนได้ในที่สุด
ชุติมาไม่หนำใจทะยานเข้ากระชากคอเสื้อ กระแทกเสียงใส่
“แกอยากรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นใคร?”
จันทราวิ่งหน้าตั้งออกมาขัดไว้ ตวาดก้อง “หยุดเดี๋ยวนี้ชุติมา”
เพ็ญประกายอาศัยทีเผลอ ผลักชุติมาออกรีบลุกไปหา “คุณแม่ขา...คุณแม่ต้องไล่พี่ชุออกจากบ้านนะคะ พี่ชุตบเพ็ญแล้วก็ยังมาตีเสมอเพ็ญอีก”
“ทำไมฉันจะตีเสมอแกไม่ได้ ในเมื่อฉันเป็น...”
จันทราตวาดถลึงตาใส่ “ชุติมา...หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่หยุด” ชุติมาไม่ยอม
“ถ้าไม่หยุด แกได้ไสหัวออกไปจากบ้านนี้แน่”
ชุติมาจ้องหน้าจันทรา สองแม่ลูกสู้สายตากัน ชุติมาเสียใจมาก น้ำตาคลอ เพ็ญประกายยิ้มสะใจ สองคนถูกจันทราด่า
“ตบกันอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงฉันกลุ้มแทบตาย ไหนจะคนบ้าที่ไหนมายิงหน้าบ้าน ไหนจะเรื่องนังแรมที่มันกำลังจะชุบมือเปิบเอาคุณชายไป” จันทราโกรธจนหลุด เอานิ้วจิ้มสองคน คนละทีอย่างหงุดหงิด “แกสองคนเคยใช้ปัญญาคิดบ้างมั้ย? นอกจากวันๆ เอาแต่ทะเลาะกันน่ะ”
ชุติมากับเพ็ญประกายเงียบกริบ แต่แอบมองกันแบบไม่ชอบหน้า โดยเฉพาะชุติมา ส่วนเพ็ญประกายหน้าเจื่อน เพราะเกิดมาไม่เคยถูกแม่ทำอย่างนี้ เพ็ญประกายเถียงอย่างน้อยใจ
“ที่เพ็ญต้องเป็นอย่างนี้ก็เพราะนังคนนี้” ชี้ไปที่ชุติมา
“นังเพ็ญ” ชุติมาตวาดใส่
“โอ๊ย! พอได้แล้ว พี่น้องกันจะทะเลาะอะไรกันนักกันหนา...”
ชุติมามองจันทราแบบคาดไม่ถึง ที่แม่หลุดพูดแล้ว แต่เพ็ญประกายไม่ทันคิด ค้านออกมา
“เพ็ญไม่เคยนับญาติกับหลานแม่...และก็ไม่มีวันญาติดีกับมันด้วย” หันไปด่าชุติมา “ต่อให้แกให้ท่าพี่ต้อมขนาดไหน พี่ต้อมก็ไม่สนใจแกย่ะรู้ไว้” แล้วเดินหนีไปไวๆ
“นังเพ็ญ...แม่เห็นมั้ยมันวอน”
จันทราตบปากเผียะ “แกน่ะสิวอน...อย่ามาเรียกฉันว่าแม่อีก ไม่งั้นฉันตัดแม่ตัดลูกแกจริงๆ....” เดินบ่นเข้าบ้านไป “บ้า มีแต่เรื่องบ้าๆ ป่านนี้คุณชายพานังแรมไปไหนต่อไหนแล้ว”
แป้นฉากหลบมุมแอบมอง บ่นอย่างอิดหนาระอาใจ “เฮ้อ!ผู้หญิงบ้านนี้ ทั้งแม่ทั้งลูก ยุ่งแต่เรื่องผู้ชาย”
เวลาเดียวกันภายในห้องพักแห่งนั้น เดือนแรมเห็นมิสคอลเป็นสิบเป็นร้อยสาย เดือนแรมจึงบอกธิติรัตน์
“แรมอยากให้คุณชายรับสายพี่เพ็ญ”
“ดึกแล้ว นอนเถอะ” ธิติรัตน์ตัดบท ล้มตัวลงนอน
เดือนแรมยังมองมือถือคุณชายไม่วางตา สงสารและเห็นใจเพ็ญประกาย ธิติรัตน์เหลียวมามอง บอกเสียงดุ
“ฉันบอกให้นอนไง”
เดือนแรมรับคำแบบจ๋อยๆ “ค่ะ”
เดือนแรมทรุดตัวลงนั่งที่พื้น เอาศีรษะหนุนขอบเตียง ขณะที่ธิติรัตน์นอนอยู่บนเตียง ธิติรัตน์ยิ้มอย่างเอ็นดู
“ใครจะให้เธอนอนที่นั่น มานอนนี่” ธิติรัตน์ตบเตียงเรียก
เดือนแรมตกใจ ตาโต ด้วยความเขิน “ก็คุณชายนอนอยู่บนนั้น แรมจะนอนได้ยังไง?”
“ได้สิ...” ธิติรัตน์กระเถิบลงมาใกล้ๆ เดือนแรม
เดือนแรมถดเอนตัวหนีทั้งเขินทั้งอาย
คุณชายกระซิบ “หนีทำไม ก็ฉันจะนอนตรงนี้ แล้วเธอนอนบนเตียงแทน”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณชายนอนข้างบนนั่นล่ะค่ะ แรมนอนนี่ดีแล้ว” เดือนแรมไม่กล้า
“จะขึ้นมาดีๆ หรือจะให้ฉันอุ้ม”
ธิติรัตน์มองหน้าธิติรัตน์ ไม่ยอมขยับ คุณชายเริ่มนับ
“1...2...” กำลังจะสามแล้ว
“ขึ้นแล้วค่ะขึ้นแล้ว” เดือนแรมกระโจนขึ้นเตียงทันที
คุณชายอมยิ้มขำ เลื่อนตัวลงมาด้านล่าง สองคนมองตากัน คุณชายคว้าผ้าห่มคลุมตัวให้เดือนแรมอย่างนุ่มนวล “นอนซะเด็กดีของฉัน”
“ยังไม่นอนค่ะ แรมเป็นห่วง...ผ้าห่มมีแค่ผืนเดียวคุณชายจะห่มอะไร?”
คุณชายมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน พูดเสียงอบอุ่น “สายตาที่เธอมองฉัน ฉันก็อุ่นไปทั้งร่างแล้วล่ะแรม นอนนะคนดี”
ธิติรัตน์ลุกประคองร่างเดือนแรมให้นอนดีๆ เดือนแรมผุดลุกขึ้นมาใหม่
“อะไรของเธออีก?”
“ห่มด้วยกันนะคะ”
สองคนห่มผ้าห่มคนละครึ่งคนหนึ่งบนเตียงอีกคนอยู่ข้างเตียง
ธิติรัตน์ยิ้มหลับตาลง
เดือนแรมชะโงกหน้ามาดู พึมพำเบาๆ “หลับฝันดีค่ะคุณชาย”
ธิติรัตน์อมยิ้ม ก่อนบอกเสียงหวาน “ฉันจะฝันถึงเธอ”
เดือนแรมสะดุ้งโหยง หันหลังกลับแทบไม่ทัน สองคนหันหน้ากันคนละทางแต่แอบยิ้มทั้งคู่ ก่อนที่ใบหน้าคุณชายจะเครียดลง คิดในใจถึงเรื่องร้ายตอนหัวค่ำ “เรื่องที่เกิดขึ้นตอนหัวค่ำ ต้องเกี่ยวกับเธอแน่แรม!”
ธิติรัตน์มั่นใจมาก
จันทราบ่นงึมงำ สีหน้าฉุนเฉียว
“โอ๊ย!จะบ้าตาย มีแต่เรื่อง...” มองเข้าไปทางหน้าบ้าน “ใช่ฝีมือพี่เจิมหรือเปล่าเนี่ย? ถ้าใช่จะด่าให้ลืมสัญชาติไปเลย จะทำอะไรไม่บอกกันให้รู้ตัวก่อน” เมินยืนหลบมุมอยู่ในเงามืด จันทราหันไปเห็นร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ
“ว้าย!!”
ระหว่างนั้นเจิมอยู่อีกมุม จะเข้ามาหาจันทรา แต่พอเห็นเมินก็รีบหลบ เมินถามจันทรา
“ร้องอะไร?”
“ก็จันตกใจนี่ค่ะ คุณมายืนอะไรมืดๆ”
“ก็เธอน่ะแหละ ด้อมๆ มองๆ หาอะไรมืดๆ แบบนี้” เมินสงสัย
“หาคุณนั่นแหละ” จันทราเสียงอ่อนลง “จันรอตั้งนาน ไปนอนเถอะค่ะ ดึกแล้ว”
“ฉันยังไม่ง่วง ขอคิดอะไรหน่อย วุ่นวายเหลือเกินพักนี้”
“โถ..ก็แรมเล่นสร้างเรื่องไม่หยุดจะไม่วุ่นวายได้ยังไงคะ...แต่ไม่ต้องห่วง จันจะพยายายามจัดการ ไม่ให้คุณเมินเครียดหรอกค่ะ ไปนอนดีกว่านะคะ..เดี๋ยวจะไม่สบาย จันเป็นห่วงค่ะ” จันทรากอดแขนพาเมินเดินไปในบ้าน
เมินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมให้จันทราพาเข้าบ้านไป
ขณะจะเข้าบ้านจันทราหันมามองเห็นเจิมที่แอบอยู่อีกมุม รีบถลึงตาใส่ เจิมหลบฉากไปทันควัน
จันทรานอนกระสับกระส่ายอยู่ในห้อง ครุ่นคิดแผนการร้าย
“ไอ้ต้อมมันฉลาด มันต้องสืบจนรู้แน่ ถ้าพี่เจิมทำจริงๆ ฉันต้องตายน้ำตื้นกับความบ้องตื้นของพี่แน่ๆ” ขยับตัวพลิกกลับไปกลับมาด้วยความไม่สบายใจ
จันทราไม่รู้ว่าเมินยังไม่หลับ และกำลังคิดในใจ “จันทรา ต้องต้องมีอะไรปิดบังเราแน่”
จันทราจับสังเกตอาการเตียงไหวยวบ จึงถามขึ้น “คุณเมินนอนไม่หลับเหรอคะ?”
เมินตอบเสียงเนือยๆ “ฮื่อ...”
จันทราหงุดหงิด เปลี่ยนสีหน้าก่อนจะหันตะแคงตัวมาคุยกับเมินแสร้งทำเป็นห่วงใย
“ไม่ได้นะคะคุณเมินต้องนอนไม่งั้นอาการจะกำเริบ เดี๋ยวจันไปเอายามาให้ค่ะ”
จันทราผุดลุกขึ้น ลงจากเตียงเดินไปเอายา ในอาการเข่นเขี้ยว คิดอยู่ในใจ
“ทำยังกับไม่รู้ว่าคิดอะไร หมั่นไส้นัก กินยาให้หลับๆ ไปก็แล้วกันคุณเมิน”
เดินมาหาเมินเอายาให้กิน “นี่ยาค่ะ”
“ขอบใจ” เมินรับยามากิน
“ยินดีค่ะ จันรักคุณเมินที่สุดนะคะ อะไรที่ทำให้คุณเมินสบายใจ ฉันก็พร้อมจะทำ นอนนะคะ...นอน”
จันทราลงนอนกอดเมินพูดออดอ้อนเต็มที่ เมินมองจันทรา พยายามค้นหาบางสิ่งอยู่ในใจ แต่จันทรายิ้มหวาน หอมแก้มเมิน
“นอนนะคะ” หอมอีกที เมินหลับตาลง จันทรามองตาเขียว ยิ้มหยันคิดในใจอย่างมาดมั่น “ฉันอยู่ตรงนี้ สิบนังราศรี สิบนังแรมมาเลย จ้างก็ไม่กลัว”
รุ่งเช้า พระอาทิตย์สาดแสงเข้ามาในห้องพัก สองคนลืมตาตื่น ในสถาพห่มผ้าห่มกันคนละครึ่ง ผืนเดือนแรมขยับตัวชะโงกลงมามองธิติรัตน์อมยิ้มอย่างสุขใจ
เป็นจังหวะเดียวกับที่ธิติรัตน์กระชากผ้าห่ม เดือนแรมร้องว้าย พร้อมๆ กับที่ร่างเดือนแรมหล่นลงมาทับบนตัวคุณชายพอดิบพอดี
ธิติรัตน์ร้อง “โอ๊ย!”
เดือนแรมตกใจมาก “ขอโทษค่ะ”
ธิติรัตน์หลับตาลงบอก “ไม่เป็นไร”
พูดจบธิติรัตน์ก็ตวัดผ้าห่มมาคลุมร่างเดือนแรมแล้วกอดเอาไว้ เดือนแรมตกใจมาก ร้องลั่น ทั้งอายทั้งเขิน
“คุณชายๆๆ”
แต่ธิติรัตน์แกล้งหลับตานอนนิ่ง ทำเป็นหลับ เดือนแรมเรียกอีก
“คุณชายคะ..คุณชาย”
“เรียกทำไม คนกำลังหลับ” ธิติรัตน์ว่า
เดือนแรมท้วง “คุณชายไม่ได้หลับ”
“อ้าวเหรอ?” ธิติรัตน์ทำท่าลุกขึ้น ไม่รู้เรื่อง
“แล้วคุณชายก็กอดแรม” เดือนแรมบอกอายๆ
ธิติรัตน์แอบอมยิ้มแอ๊บว่าฝัน “อ้าวเหรอ?...ก็นึกว่าฝัน...ฝันว่ากอด..ผ้าห่ม”
“ตอนนี้ก็ยังกอดอยู่” เดือนแรมย้ำ
ธิติรัตน์อมยิ้ม “อ้าว!!เหรอ? สงสัย..ตะกี้ละเมอ” ชักมือที่กอดอยู่ออก
เดือนแรมมองหน้าธิติรัตน์ดุๆ เฉไฉไปเรื่อย ธิติรัตน์อมยิ้มชอบอกชอบใจ
“ลุกสิจ๊ะ ลุก! เดี๋ยวฉันก็ละเมออีกหรอก”
เดือนแรมลุกแทบไม่ทัน ธิติรัตน์หัวเราะด้วยความเอ็นดู
ไม่นานนัก คุณชายธิติรัตน์ขับรถมาส่งเดือนแรมที่หน้าบ้าน เดินลงมาส่ง เดือนแรมจะเดินเข้าบ้าน ธิติรัตน์มองไปเห็นพระกำลังเดินบิณฑบาตรมา และข้างๆ บ้านเมิน ก็มีรถเข็นขายกับข้าวถุงสำหรับใส่บาตรอยู่
ธิติรัตน์เรียกไว้ “แรม…อย่าเพิ่งไป”
“คุณชายมีอะไรคะ?”
“ฉันอยากใส่บาตรเหมือนวันนั้น แรมเรามาใส่บาตรด้วยกันนะ”
เดือนแรมยิ้ม ดีใจ “ค่ะ”
ครู่ต่อมาสองคนใส่บาตรด้วยกันอย่างมีความสุข โดยไม่รู้ว่าเวลานั้นเพ็ญประกายยืนมองอยู่ ด้วยใบหน้าถมึงทึง ทั้งน้อยใจ ทั้งโกรธ เพ็ญประกายกำมือแน่น
เวลาเดียวกันจันทรากำลังด่าเจิมอยู่ในมุมหนึ่ง ของบ้าน
“ตกลง! เรื่องเมื่อคืนฝีมือพี่จริงๆ ใช่มั้ย?”
เจิมไม่สำเหนียก ยิ้มอย่างภูมิใจมาก “ก็ใช่น่ะสิวะ โห…คนกล้าบ้าเลือดยิงมันหน้าบ้านขนาดนั้น จะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ฉัน”
จันทราโมโหหนัก ทุบตีเจิมพัลวัน “พี่เจิม..ทำไมพี่โง่อย่างนี้ โง่ๆๆ”
“โง่อะระ ฉันเห็นโอกาส ฉันก็จัดการมันเลยสิ จะรอช้าอยู่ทำไม?” เจิมฉุนจัด
ชุติมาเดินมาทันได้ยิน ในมือกางหนังสือพิมพ์ทำท่าอ่าน
“มันก็พอกันแหละ ลูกน้องเลวได้โล่ห์ ลูกพี่โง่ได้ถ้วย”
สองคนตวาดออกมาพร้อมกัน “นังชุ”
“อะไร? อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ได้ด่าใครนะค้า...อ่านหนังสือพิมพ์”
เพ็ญประกายวิ่งถลาเข้ามาขัดเสียก่อน “คุณแม่ขา”
“โอ๊ย! อะไรอีก เป็นเด็กเพิ่งหัดพูดรึไง วันๆ ร้องแต่คุณแม่ขาๆ” จันทราอารมณ์เสียหนัก
เพ็ญประกายร้องห่มร้องไห้ฟูมฟาย “นังแรมมันใส่บาตรกับคุณชายอยู่หน้าบ้านค่ะ”
จันทราตาลุกวาว “นังแรม”
ส่วนที่หน้าบ้าน สองคนใส่บาตรเสร็จแล้ว เดือนแรมบอกรอยยิ้มกว้าง
“คุณชายรีบกลับเถอะค่ะ เกิดมีใครมาเห็นเข้าแรมจะแย่”
“แล้วฉันจะมาหาเธอใหม่นะ แล้วจะช่วยสืบ ค้นหาความจริงเกี่ยวกับตัวเธอ” ธิติรัตน์บอก
เดือนแรมงง “ความจริงอะไรคะ?”
“ที่ว่าเธอไม่ใช่ลูกของคุณเมินไง” ธิติรัตน์บอกอย่างจริงจัง
“คุณชาย..เชื่อใช่มั้ยคะ ว่าแม่ราศีของแรมเป็นคนดี?”
“คุณแม่เล่าให้ฉันฟังตลอด เพราะฉะนั้นฉันเชื่อมั่นในแม่ราศีของเธอแล้วก็มั่นใจว่ายังไงเธอก็คือลูกของคุณเมิน...เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ และฉันก็จะค้นหาความจริงให้ได้” ธิติรัตน์ย้ำเสียงหนักแน่น
“ขอบคุณค่ะคุณชาย..ที่ช่วยแรม” เดือนแรมตื้นตันนัก
“เพราะเธอคือผู้หญิงของฉัน...แรม”
ธิติรัตน์บอกเสียงหวาน จับมือเดือนแรมแล้วเดินขึ้นรถไป เดือนแรมยิ้มมองตามคุณชาย หิ้วกระเป๋าเข้าบ้าน
ธิติรัตน์คิดบางอย่างขึ้นมา แล้วเปลี่ยนใจไม่ขับรถต่อ แต่จอดข้างทาง
เดือนแรมจะเข้าประตูบ้านแต่ต้องผงะ เมื่อเห็นจันทรา เพ็ญประกาย และแป้น ยืนเรียงหน้ากระดานเป็นพระอันดับหน้าถมึงทึงอยู่ จันทราตวาดนำร่อง
“หื้อ…หน้าด้านจริงนะนังแรม”
สามคนจันทรา เพ็ญประกาย และแป้น ช่วยกันลากตัวเดือนแรมเข้ามาในบ้าน
เดือนแรมขัดขืน “ปล่อยแรม..ปล่อย”
“ไม่ปล่อย ฉันไม่ตบแกต่อหน้าคุณชายก็ดีขนาดไหนแล้ว มารยานักมาทำระริกระรี้อยู่กับผู้ชาย” จันทราด่ากราด
เพ็ญประกายด่าต่อ “รักกันชาตินี้ไม่พอใช่มั้ย ถึงได้ทำบุญตักบาตรด้วยกัน...เธอกะจะแย่งคุณชายจนถึงชาติหน้าเลยเหรอแรม?”
“ไม่ค่ะ..แรมไม่ได้แย่ง”
จันทราด่าออกมาอีก “แกแย่ง แต่ชาตินี้แกอย่าหวังเลย นอกซะจาก แกไปรอคุณชายชาติหน้าก่อนเลยนังแรม”
จันทราล็อกตัวเดือนแรม แป้นตามเข้ามาช่วย จันทราสั่ง
“จัดการคนที่มันแย่งแฟนลูกเลย” จันทราเน้นเสียง “มาหยารัศมี”
เพ็ญประกายตรงเข้ามาตบหน้าเดือนแรมสุดแรงเกิด ระบายแค้น ชุติมาเห็นแต่ไกลวิ่งเข้ามา
“หยุดนะ หยุด!”
“อย่ามายุ่ง” จันทราผลักชุติมาที่ถลันเข้ามาออกไปอย่างแรง
ชุติมาล้ม แต่ถลาเข้ามาใหม่ “อย่า เดี๋ยวแรมมันก็ตายคาบ้านหรอก”
“ก็ให้มันตายไป” เพ็ญประกาย แกล้งทำเป็นเหวี่ยงมือ แต่เจตนาเหวี่ยงใส่ชุติมาเต็มแรง
ชุติมาร้องลั่น “โอ๊ย!”
“สมน้ำหน้า” เพ็ญประกายเยาะ
“ไม่ต้องสนมัน จัดการนังแรม” จันทราสั่ง
เพ็ญประกาย และจันทรารุมช่วยกันรุมตบเดือนแรม แป้นช่วยจับไว้ให้
ชุติมาทนไม่ไหว วิ่งออกไปเร็วรี่
เสียงเอะอะโหวกเหวกจากบ้านเมิน ดังมาถึงบ้านพี่สาว
มะลิ และพิม อยู่กับแม้นเทพ ชะเง้อมองไปทางบ้านเมินอย่างกังวล มะลินั้นสงสัยครามครัน
“เสียงเอะอะโวยวายอะไรกัน?”
จู่ๆ ชุติมาวิ่งกระหืดกระหอบมา พูดละล่ำละลัก “ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย...แรม แรมจะถูกฆ่าค่ะ”
สองแม่ลูกตกใจ อุทานพร้อมกัน “ถูกฆ่า”
แม้นเทพวิ่งนำอย่างร้อนใจ “ไปช่วยแรมกันครับคุณแม่”
ทุกคนวิ่งตาม
ธิติรัตน์ตัดสินใจลงจากรถ เดินกลับมาหน้าบ้าน
เดือนแรมถูกรุมตบจนสะบักสะบอม เมินได้ยินเสียงวิ่งออกมา เสียงเขียว
“หยุดๆๆๆ”
นั่นหละ จันทรา และเพ็ญประกายยอมปล่อย ร่างของเดือนแรมร่วงลงไปกองกับพื้น
“มันอะไรกันนักหนา ทำตัวแย่ลงทุกวันเหมือนคนไม่มีพ่อแม่สั่งสอน”
มะลิเดินเข้ามาถึงพอดี “ก็แหงล่ะสิ...แม่ก็ไม่มี” มองหน้าเมินหยันอยู่ในที “พ่อก็ไม่เคยสั่งเคยสอน”
แม้นเทพ ป้าพิมตรงเข้าไปช่วยประคองเดือนแรมที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ มะลิด่าต่อ
“มีพ่อก็เหมือนมีหัวหลักหัวตอ เป็นไม้หลักปักขี้เลน ไม่เคยช่วย ไม่เคยเชื่ออะไรลูกเลย”
จันทราฉุนกึก บอกน้ำเสียงเย้ยหยัน “จะเชื่อได้ยังไงคะ? ก็แรมทำเรื่องงามหน้า หนีไปนอนกับผู้ชาย”
เมินตกใจมาก “ไปนอนกับผู้ชาย?”
“ข้ามวันข้ามคืนไม่พอ ยังมาพลอดรักกันต่อหน้าบ้าน” จันทราฟ้องต่อ
“แรมไม่มีทางทำอย่างนั้น” มะลิเถียงแทน
“บอกคุณป้าไปสิจ้ะแรม....ว่าจริงหรือเปล่า?” เพ็ญประกายเยาะ
เดือนแรมพูดไม่ออก ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น จันทราด่าซ้ำ
“ตอบไม่ได้ล่ะสิ เพราะมันคือเรื่องจริง”
เดือนแรมอึกอัก “แรม....แรม”
เพ็ญประกายผสมโรง “บอกคุณป้าไปเลยแรม...เดี๋ยวจะหาว่าพี่กับคุณแม่ใส่ความเธอ บอกคุณป้าไปเลย”
แม้นเทพถามคาดคั้นทันที “ว่าไงแรม?”
แต่เดือนแรมเอาแต่ร้องไห้ เพ็ญประกายบอกเอง
“เมื่อคืนแรมไปค้างกับคุณชายธิติรัตน์ค่ะ”
เดือนแรมก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น มะลิ แม้นเทพ เมิน ตกใจพอกัน จันทราด่าอีกดอก
“ไปค้างกับผู้ชายสองต่อสองทั้งคืน มันจะเหลืออะไรอีก อับอายขายขี้หน้า เสื่อมเสียไปทั้งวงศ์ตระกูล”
โดยไม่มีใครคาดคิด ธิติรัตน์เดินเข้ามาอย่างองอาจพูดขึ้นเสียงดัง
“แรมอยู่กับผมก็จริง....แต่ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้าคิดว่า ผมทำให้แรมเสื่อมเสีย ผมพร้อมรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับแรมครับ”
เดือนแรมตกใจระคนประหลาดใจ อุทานเสียงแผ่ว “คุณชาย”
เพ็ญประกายทั้งอายทั้งโกรธ โกรธแทบอยากจะฆ่าเดือนแรม “คุณชาย...”
ทุกคนตะลึง
“คุณชายจะแต่งงานกับนังแรมได้ยังไง ในเมื่อคุณชายต้องแต่งงานกับมาหยารัศมี”
“ผมก็ยังยืนยันว่าผมจะแต่งงานกับมาหยารัศมี...” ธิติรัตน์ทอดเสียง แล้วเน้นๆ “ตัวจริง”
จันทราตกใจ แกล้งโวยกลบเกลื่อน “อะไรตัวจริง ตัวปลอม มาหยารัศมีก็มีอยู่คนนี้คนเดียว
เมินหน้าเสียรู้อยู่เต็มอก มองหน้าจันทรา แล้วหันไปมองเพ็ญประกายซึ่งหน้าซีดเผือด เมินรีบตัดบท
“ขอโทษนะครับคุณชาย นี่มันเรื่องในครอบครัว”
แม้นเทพบอก “คุณชายกลับไปก่อนเถอะครับ”
“ผมกลับไม่ได้หรอกครับ เพราะต้นเหตุมาจากผม...” ธิติรัตน์เสียงแข็ง
“แต่นี่มันเรื่องในครอบครัวผม ผมจัดการเองได้”
มะลิรีบขอร้องให้ธิติรัตน์กลับ เพราะกลัวเรื่องใหญ่โต “กลับไปก่อนเถอะค่ะคุณชาย ถ้ามีอะไรให้คุณชายรับผิดชอบ ทางเราจะติดต่อไปเอง”
ธิติรัตน์กับเดือนแรมมองสบตากัน เดือนแรมมองเป็นเชิงอ้อนวอนขอร้อง ธิติรัตน์เอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องห่วงนะแรม ฉันพร้อมรับผิดชอบเธอทุกอย่าง”
ธิติรัตน์เดินคอแข็งออกไป เพ็ญประกาย กับจันทราแทบบ้าอยากจะกรี๊ด
สองแม่ลูกแทบคลั่ง ออกมาระบายอารมณืสองคน เพ็ญประกายเอาแต่ร้องไห้
“เพ็ญไม่ยอมนะคะคุณแม่...คุณชายจะแต่งงานกับแรม”
“ก็มันเสนอตัวให้เค้าขนาดนั้น เค้าก็ติดใจมันสิ ไม่เหมือนแก วันๆ มัวแต่ทำสนิมสร้อย บอกให้ไปหาเค้าก็ไม่ไป แล้วไงล่ะ สุดท้ายนังแรมมันก็ได้ตัวคุณชายไป” จันทราฉุนหลุดปากว่าลูกสาว
“หน้าด้าน หน้าด้านที่สุด” เพ็ญประกายสบถ
“แม่ไม่ยอม อย่างมันก็ได้แต่เสียตัวให้คุณชายฟรีๆ เท่านั้นแหละ” จันทราเสียงกร้าว
“ก็คุณชายบอกเองนี่คะว่าจะแต่งงานกับมัน” เพ็ญประกายกังวลหนัก
“ถ้าแม่ไม่ยอมให้แต่ง แกคิดว่าพ่อแกจะกล้ามีปัญหากับแม่หรือเปล่าล่ะ?”
จันทราถือดีว่าเอาอยู่มั่นสุดโต่ง
ด้านเดือนแรมก้มหน้าร้องไห้ เมินมองอย่างกลุ้มใจ
มะลิถามขึ้น “ว่าไงนายเมิน เธอจะเอายังไง มัวแต่ทำหน้าปัญญาอ่อน งงอยู่นั่นล่ะ?”
“ผมกำลังมึนอยู่พี่” สีหน้าเมินหนักใจมาก
“แกจะมึนอาไร้?”
“ก็แรมมันทำให้ผมเสื่อมเสีย”
เดือนแรมร้องไห้ออกมาอีก “แรมเปล่านะคะคุณพ่อ...แรมกับคุณชายไม่ได้มีอะไรกัน”
แม้นเทพแทรกขึ้นมา “ถ้าคุณน้าคิดว่าแรมเสียหาย ก็ให้คุณชายรับผิดชอบสิครับ ในเมื่อคุณชายก็ยินดี”
“ตกลง...แกจะเอายังไง?”
“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับมาหยารัศมีด้วย ผมต้องถามจันทราก่อน” เมินบอก
มะลิปรี๊ดของขึ้นทันควัน “มิน่า..ปัญญามีแต่ไม่เคยได้ใช้ เธอถึงได้มึนตลอดเวลาแม้แต่เรื่องลูกสาวตัวเอง ยังต้องถามเมียน้อย” หันมาทางเดือนแรม “แรมไปอยู่กับป้า อย่าให้คนที่นี่ข่มเหงรังแกอีก
“ผมไม่ให้ไป” เมินเสียงแข็ง
“ฉันไม่สน....ฉันจะพาแรมไป” มะลิสวนคำน้องชาย
เดือนแรมมองพ่อสายตาวิงวอน “แรมไม่ไปค่ะ ชีวิตแรมไม่มีแม่ แรมก็เหลือแต่คุณพ่อค่ะ แรมรักคุณพ่อ แรมขออยู่กับคุณพ่อนะคะ”
เมินมองเดือนแรม ด้วยสายตาเจ็บปวด ทุกคนมองสลดกับฉากชีวิตตรงหน้า
“แรมเอ๊ย...” มะลิแสนสงสารหลานสาวเหลือเกิน
มะลิเดินนำทุกคนเข้าบ้านแบบไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
“แม่ไม่เข้าใจเลย ถ้าไม่มีใครรักแรม จะเอาตัวแรมไว้ทำไม?”
พิมออกคำเห็นเสียงอ่อยๆ เกรงใจ “ก็เอาไว้ โขกสับรังแกน่ะสิคะ”
“แล้วก็รองมือรองเท้า แรมก็เหลื้อเกิน รู้ทั้งรู้ ว่าจะถูกเค้ากลั่นแกล้งรังแกยังจะยอมอีก” มะลิระอาใจนัก
“แรมรักคุณน้าเมินมาก มากจนยอมสละได้ทุกอย่างเพื่อน้าเมิน” แม้นเทพว่า
“ก็ขอให้ความดีของแรม เอาชนะใจนายเมินได้ซะทีเถอะ แรมจะได้มีความสุขซะที”
มะลิได้แต่ปลง
ด้านธิติรัตน์กลับมาถึงวังก็รีบหารือกับหม่อมรัตนาอย่างกังวล
“ผมคุยกับแรมแล้ว....แรมบอก...แม่ของแรมชื่อราศี”
หม่อมรัตนาตกใจ ระคนตื่นเต้น “หมายความว่า....มาหยารัศมีตัวจริง อาจเป็นแรม”
ธิติรัตน์ถอนหายใจ “ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้นล่ะครับคุณแม่...” สีหน้าลำบากใจมาก “แต่...”
“แต่อะไรลูก?”
“แรมถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกชู้”
ฟังแล้วหม่อมรัตนาตกใจมาก “ลูกชู้...มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”
“ผมก็ไม่เชื่อ แต่คุณเมินปักใจเชื่อ และก็ไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ”
“โธ่เอ๊ย! แรม” หม่อมรัตนาสงสารเดือนแรมจับใจ
“แต่ยังไงผมจะต้องหาหนทางพิสูจน์ให้ได้ครับคุณแม่ ว่าแรมไม่ใช่ลูกชู้”
ในที่สุดคืนนั้นธิติรัตน์ตัดสินใจมาสืบเงื่อนงำที่บ้านเมิน และแอบลัดเลาะมาตามแนวกำแพงรั้วบ้าน เห็นเดือนแรมนั่งร้องไห้อยู่ด้านใน
“แรม...แรม” ธิติรัตน์ร้องเรียกเบาๆ
แรมเหลียวขวับมามอง “คุณชาย...”
เดือนแรมดีใจระคนแปลกใจเดินไปหาที่รั้ว ธิติรัตน์ยื่นมือมาจับมือเดือนแรม
“แรมร้องไห้อีกแล้ว?”
“แรมเสียใจที่ทำให้คุณพ่อเข้าใจผิด”
“ก็ฉันบอกแล้วไง ว่าพร้อมจะรับผิดชอบเธอ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณชายไม่ได้ล่วงเกินแรม”
“แต่ฉัน...” ธิติรัตน์ตั้งใจจะบอกรักเดือนแรม
เพ็ญประกายเดินมา เดือนแรมเห็นรีบบอก
“พี่เพ็ญมา...คุณชายรีบกลับไปก่อนนะคะ...นะคะ”
ธิติรัตน์มองเพ็ญประกายที่กำลังเดินใกล้เข้ามา เดือนแรมอ้อนวอน ไม่อยากทำให้เพ็ญประกายเสียใจ
“นะคะ”
“ก็ได้แรม แล้วฉันจะกลับมาอีก จำไว้นะ ยังไงฉันอยู่ข้างเธอเสมอ และพร้อมจะปกป้องเธอ”
ธิติรัตน์ผละไป เพ็ญประกายเดินมาถึง และเห็นคุณชายพอดี
“คุณชาย” หันมามองเพ่งเดือนแรม “เธอนี่หน้าด้านหน้าทนจริงๆ มานี่”
เพ็ญประกายฉุดกระชากลากเดือนแรมเข้าไปในสวน ร่างของเดือนแรมถลาล้มลงไปกองกับพื้นดิน เดือนแรมไม่ร้องไห้สักแอะ
“เธอตั้งหน้าตั้งตาแย่งผู้ชายของฉันเลยจริงๆ คนหน้าด้าน!!”
เพ็ญประกายด่าแล้วตบหน้าเดือนแรมสุดแรงเกิด เดือนแรมไม่สู้
“แรมขอโทษค่ะพี่เพ็ญ...แรมขอโทษ...แต่แรมไม่ได้แย่ง”
“ไม่ได้แย่งแต่แกไปนอนกับเค้าทั้งคืน แถมยังมาพลอดรักตอนเช้า ค่ำวันนี้ยังนัดกันมาเจออีก แพศยา” ตรงเข้าไปขย้ำคอ
“พี่เพ็ญตบแรมเถอะค่ะ ฆ่าแรมให้ตายก็ได้...แต่แรมสาบานได้...แรมไม่เคยคิดแย่งคุณชาย”
“เธอมันปากอย่างใจอย่าง กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ชอบทำตัวเป็นแมวขโมย ลักกินขโมยกิน คนสารเลว” เพ็ญประกายด่ากราด
“แรมขอโทษค่ะ....แต่แรมไม่ตั้งใจจริงๆ พี่เพ็ญจะให้แรมชดใช้ความผิดยังไง แรมยอมทุกอย่าง ขอเพียงพี่เพ็ญให้อภัยแรม”
เพ็ญประกายเสียงกร้าว “แน่ใจเหรอ? งั้นไปตายซะเดือนแรม ฉันสั่งให้เธอไปตาย”
เดือนแรมตกใจมาก “พี่เพ็ญ”
เพ็ญประกายตบปากเดือนแรม
“อย่ามาเรียกฉันพี่เพ็ญ ฉันคือมาหยารัศมี จะไปเองหรือจะให้ฉันจัดการ เพราะถ้าจัดการ เธอจะไม่มีวันได้เห็นหน้าคุณชายธิติรัตน์อีกเลย”
เพ็ญประกายโกรธจัด ผลักหัวแรมแล้วเดินเข้าบ้านไป ส่วนเดือนแรมได้แต่ร้องไห้เสียใจ คิดแต่ว่าตัวเองทำร้ายจิตใจพี่สาว
“พี่เพ็ญ...แรมขอโทษ”
ค่ำคืนนั้นแม้นเทพเดินครุ่นคิดไปมาอยู่ในสวน
“ทำไมแรมต้องถูกทำร้ายขนาดนี้ ต้องมีอะไรแน่ หรือ...จะเกี่ยวกับมาหยารัศมี”
ชุติมาโผล่มาจากไหนไม่รู้ เดินตรงเข้าไปหา “พี่ต้อมคะ...ชุมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
แม้นเทพยังเคืองไม่หาย ทำท่าปั้นปึ่งใส่ “แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ เพราะถ้าคุย...เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจไปว่า ฉันชอบเธออีก” ทำท่าจะเดินหนีไป
ชุติมาก้าวพรวดเข้าไปขวาง บอกเสียงจริงจัง
“ชุไม่เคยว่าพี่ต้อมอย่างนั้น”
แน่นอนว่าแม้นเทพไม่เชื่อชุติมา เพราะยังเชื่อว่าเพ็ญประกายเป็นคนแสนดีอยู่ “เธอกำลังจะบอกว่าเพ็ญประกาย น้องสาวที่แสนดีของฉันโกหก”
ชุติมาย้ำ “ค่ะเพ็ญประกายโกหก”
“ชุติมา...เธอนี่มันร้ายจริงๆ กล่าวหาใส่ความคนอื่น ทำยังกับฉันโง่ ไม่รู้ว่าน้องสาวฉันนิสัยยังไง?”
“พี่ต้อมไม่ได้โง่หรอกค่ะ แต่น้องสาวพี่ต้อม ร้ายกว่าที่พี่ต้อมคิด” ชุติมาบอก
แม้นเทพโกรธจัดหันมากระชากแขน “ชุติมา!”
“ปล่อยชุนะคะชุเจ็บ!”
“ฉันก็ไม่อยากจับคนสกปรกอย่างเธอหรอก” แม้นเทพปล่อยมือ แล้วเหวี่ยงร่างชุติมาออกไป
ชุติมาเซถลา หันขวับ ของขึ้นแล้ว “คำก็สกปรก สองคำก็สกปรก ชุถามทีเถอะ ชุสกปรกอะไร?”
“ทุกอย่างที่เป็นตัวเธอ โดยเฉพาะความคิด” แม้นเทพมองชุตามาอย่างรังเกียจและสมเพช “ที่ไม่ว่าจะคิดจะพูดอะไร หาความดีไม่ได้เลย!!”
แม้นเทพเดินผละไป ชุติมาร้องไห้โฮเสียใจมาก จันทราโผล่มากระชากแขนชุติมาลากออกไป
“มานี่!!”
จันทราลากชุติมาเข้ามาในบ้าน ผลักชุติมาอย่างแรง จนร่างเซถลา
“โอ๊ย!เจ็บ แม่ทำชุทำไม?”
จันทรายิ่งหมั่นไส้หนัก ทำเลียนเสียงร้อง “อี๋!!ทำชุทำไม? ฉันอยากทำมากกว่านี้อีก จะได้เอาเลือดโง่ๆ ออกจากหัวของแกบ้าง เกลียดน้ำหน้านัก ใครสั่งใครสอนให้แกไปง้อมัน”
ชุติมาถูกผลักหัวอีกที เถียงออกมาทันที “ชุไม่ได้ง้อ
“ไม่ได้ง้อเหรอ?” จันทรายิ่งหมั่นไส้หนัก “ถ้ากราบกรานมันได้ แกก็คงทำไปแล้ว หัดมีศักดิ์ศรีซะบ้าง ปล่อยให้มันยืนด่าทำไม? รักนักเหรอ?หลงนักเหรอผู้ชาย?ถึงได้ตามง้อมันอย่างนี้ โง่ๆๆๆ” เอานิ้วจิ้มๆๆๆ แล้วก็จิ้มที่หัวด้วยความโกรธจัด
ชุติมาคอยหลบมือแม่ไปเถียงไป “ชุก็เหมือนแม่ เหมือนเพ็ญประกายนั่นแหละ ง้อผู้ชาย”
“นังชุ” จันทราตวาดแว้ด เงื้อมือหมายจะตบ
เจิมโผล่มาจากด้านหลัง คว้ามือจันทรารั้งเอาไว้ “จะตบจะตีมันก็เปลืองแรงเปล่าไว้ฉันจัดการเอง”
สองคนออกมาคุยกันที่มุมมืดในสวนสักมุม จันทราฉงนถามเจิมด้วยความสงสัย
“พี่หมายความว่ายังไง?”
“ก็จะจัดการไอ้แม้นเทพให้ไง...ยังไงชุมันก็หลานฉัน หลานถูกด่ามันก็เหมือนฉันถูกด่าด้วย ที่สำคัญฉันเองก็หมั่นไส้ไอ้แม้นเทพ เฮอะ! ทำเป็นอวดเก่ง อวดฉลาด เก่งนัก..มันต้องถูกสั่งสอน” เจิมชกมือตัวเองอย่างแค้นใจ
จันทราเหยียดยิ้มสะใจนิดๆ “ดี! จัดการมันเลย ไม่ใช่เฉพาะแค่ไอ้แม้นเทพนะ เอามันให้ทั้งบ้าน เชอะ!!ทำปากดีปากเก่ง ดูถูกเหยียดหยามฉัน อยากรู้เหมือนกัน ถ้าสุดท้ายฉันอยู่เหนือกว่าพวกมันทุกอย่าง มันจะทำยังไง?”
“ก็คงจะกระอักเลือดตาย ที่สุดท้ายเมียน้อยได้สมบัติทุกอย่าง” เจิมหัวเราะร่วน
“ตลกมากมั้ย? คำก็เมียน้อย สองคำก็เมียน้อยน่ะ” โดนจันทราด่าซะนี่
เจิมรู้ตัวรีบเอามือปิดปากตัวเอง
“ฉันเกลียดคำนี้มาก และฉันก็จะต้องเอาคืน ไม่ใช่แค่ตัวฉัน ฉันจะเอาคืนให้ลูกฉันด้วย ทั้งเพ็ญประกายและชุติมา!”
จันทราคำรามในลำคอเสียงกร้าว
อ่านต่อหน้า 2
มาหยารัศมี ตอนที่ 10 (ต่อ)
ชุติมากลับเข้าห้องตัวเองก็ร้องไห้เป็นเผาเต่า นึกถึงสายตาเหยียดเย้ยรังเกียจแกมสมเพช และเสียงด่าทอต่อว่าของแม้นเทพขึ้นมา เสียงนั้นดังก้องในความคิด
“ทุกอย่างที่เป็นตัวเธอ โดยเฉพาะความคิด ที่ไม่ว่าจะคิดจะพูดอะไร หาความดีไม่ได้เลย!”
แล้วนึกน้องใจคำที่แม่ตัวเองด่าอีก
“ถ้ากราบกรานมันได้ แกก็คงทำไปแล้ว หัดมีศักดิ์ศรีซะบ้าง ปล่อยให้มันยืนด่าทำไม? รักนักเหรอ?หลงนักเหรอผู้ชาย?ถึงได้ตามง้อมันอย่างนี้ โง่ๆๆ”
“เป็นคนดีไม่ได้ก็ไม่ต้องเป็น พอกันทีกับที่นี่ ชุติมา”
ชุติมาคิดบางอย่างในใจ เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยความเสียใจ
แม้นเทพเองก็นอนไม่หลับกระสับกระส่ายอยู่ในห้อง กังวลเรื่องชุติมา
ภาพตอนที่ชุติมากระตือรือร้นพยายามทำตัวเป็นคนดี ว่านอนสอนง่ายที่ผ่านๆ มา ผุดขึ้นมา และยิ่งทำให้แม้นเทพรู้สึกผิด
“ฉันพูดกับเธอแรงเกินไปจริงๆ ชุติมา”
แม้นเทพลุกเดินจากเตียงออกนอกห้องไป
เจิมแต่งตัวเต็มคราบมิจฉาชีพ ใส่เสื้อแขนยาว สวมหมวกไหมพรมคลุมหัว ย่องออกมาตามทางบริเวณบ้านมะลิ ทะลุกับบ้านของเมิน
“แถวนี้บ้านแต่ละหลัง คนรวยทั้งนั้น...ขึ้นซักหลังสองหลัง สบายแล้วไอ้เจิม”
เจิมจะออกพ้นบ้านแล้ว แต่กลับเห็นแม้นเทพเดินมา เจิมผุดยิ้มร้ายออกมา ได้โอกาสจัดการ
“บ๊ะ! โอกาสมาถึงอีกแล้ว เฮงจริงๆ เลยไอ้เจิม”
แม้นเทพเดินไปต่อ เจิมย่องตามไปทางด้านหลัง พร้อมไม้ท่อนหนึ่ง
จังหวะหนึ่งเจิมฟาดไม้เปรี้ยงเข้าที่ด้านหลังเต็มแรง แม้นเทพไม่ทันระวัง ร้องเสียงหลง “โอ๊ย” แต่เสียหลักทรุดลงไป เจิมกระโดดถีบซ้ำ แม้นเทพล้มลง แต่ฮึดสู้คว้าเท้าเจิมเอาไว้ได้ จนเจิมเสียหลักล้มลง สองคนต่อสู้กัน แม้นเทพจะกระชากหมวกออก
แต่เจิมผลักแม้นเทพสุดแรงไม่ยอมให้เปิด
ระหว่างนั้น ชุติมาเดินร้องไห้กระซิกๆ ออกมาบ้านไปพร้อมกระเป๋าในมือใบเดียว แม้นเทพเพ่งมอง เห็นว่าเป็นชุติมาก็ตกใจมาก หันไปมองทางเจิม เห็นเจิมวิ่งหนีไปลิบแล้ว ที่สุดแม้นเทพก็ตัดสินใจตามชุติมาไป
ชุติมาร้องไห้ไปตามทาง ปลุกปลอบให้กำลังใจตัวเอง
“อย่าหันหลังกลับไปชุติมา ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน”
แม้นเทพตามมาจนทันกระชากแขนไว้ “จะไปไหน?”
ชุติมาทั้งตกใจทั้งประหลาดใจ “พี่ต้อม”
“ฉันถามว่าเธอจะไปไหน?”
“พี่ต้อมไม่ต้องรู้เรื่องคนเลวๆ ให้แปดเปื้อนหรอกค่ะ” ชุติมาประชดส่ง
แม้นเทพดุปราม “ชุติมา”
“ทำไม? จะทำไม? เลิกทำเสียงอย่างนี้เลยนะ กลัวตายล่ะ” เดินหนีไม่โดยไม่แคร์
“ตกลงเธอจะไปจริงๆ ใช่มั้ย?”
“เออ!”
แม้นเทพโกรธขึ้นมา “ชุติมา”
ชุติมาไม่หยุด แม้นเทพบอกไล่หลัง
“เออ!อยากไปก็ไป อวดดีนัก ไปเลยไป”
ชุติมาไม่ยอมหันหลังกลับมามอง แม้นเทพมีสีหน้าหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก
“อุตส่าห์ออกมาตามยังจะงอนอีก อยากรู้เหมือนกัน จะงอนได้กี่น้ำ”
แม้นเทพมองตามชุติมา ทำทีไม่สนใจ แต่สุดท้ายแม้นเทพก็ใจอ่อนต้องเดินตามชุติมา
ชุติมาพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่แฟลตให้เช่าราคาถูกแห่งหนึ่ง สภาพโทรมและเก่า ชุติมาเดินมาหยุดยืนมอง
“เอาวะ! แฟลตแบบนี้เราคงมีปัญญาเช่าได้”
ชุติมาเดินเข้าไป แม้นเทพมองตามส่ายหน้าอย่างระอาใจในความดื้อรั้น
“อวดเก่งจริงๆ เลยเธอ”
แม้นเทพเดินออกไป สวนทางกับสุดใจที่เดินเข้ามาพอดี
ชุติมาเดินร้องไห้มาที่เค้าน์เตอร์ แต่ไม่มีคนอยู่
“คนหายไปไหนหมด? แล้วจะเช่ายังไง?” ชุติมาปาดน้ำตา บ่นอุบ
เสียงสุดใจดังขึ้น “อยู่กับน้าก่อนมั้ย?”
ชุติมาหันมามองสุดใจ ทั้งตื่นตระหนกและแปลกใจ สุดใจรีบบอก
“น้าพักอยู่ที่นี่ ท่าทางหนูไม่ค่อยดีเลย พักกับน้าก่อนก็ได้ ไว้เจ้าหน้าที่ มาหนูค่อยมาติดต่อใหม่
ชุติมาลังเล สุดใจบอกต่อ ไม่ค่อยไว้ใจ
“น้าอยู่คนเดียว ไม่ต้องกลัวหรอก”
สุดใจเปิดประตูห้อง พาชุติมาเข้ามา ชุติมาบอกอย่างเกรงใจ
“รบกวนหน่อยนะคะ”
“ตามสบายจ้ะ” สุดใจยิ้มทอดไมตรีให้
ชุติมาจาม ทำจมูกฟึดฟัด สุดใจมองด้วยความสงสาร แล้วเดินไปเอายา และน้ำมาให้
“กินยาก่อนจ้ะ ท่าทางหนูเหมือนไม่สบาย
“ขอบคุณค่ะ” ชุติมาไหว้ขอบคุณ
“หิวมั้ย? กินอะไรมาหรือยัง? เดี๋ยวน้าหาให้” สุดใจยิ้มถาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ชุติมามองด้วยความซาบซึ้งใจ “ทำไมคุณน้าใจดีจัง”
สุดใจฝืนยิ้มหน้าตาขื่นขม “น้าอยากทำดีทดแทนความผิดในอดีตน่ะ”
“คุณน้าทำอะไรผิดคะ?”
สุดใจไม่อยากเล่าสิ่งเลวร้ายที่ตนทำให้ใครฟัง จึงตัดบท “ไม่มีอะไรหรอก....น้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง...เกิดเป็นคน มีอะไรพอช่วยกันได้ก็ช่วยกันไปแล้วกัน นะ…”
“งั้นถือว่าหนูโชคดีที่ได้เจอคุณน้า หนูชื่อชุติมา คุณน้าชื่ออะไรคะ?”
สุดใจอึ้งไป เมื่อได้ยินชื่อ ภาพอดีตหวนเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง
ในขณะที่สุดใจเดินหนีมาตามทาง รู้สึกเหมือนมีคนตามมา พอหันกลับไปก็เห็นเจิมกำลังตามมาติดๆ สุดใจเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เจิมก็ยิ่งตาม สุดใจรู้ทันทีว่าถูกตามแน่นอนนอนแล้ว วิ่งหนีตามซอกซอยอย่างรวดเร็ว และหลบอยู่ในมุมที่เจิมไม่เห็น เจิมเดินตามมา บ่นอย่างขัดใจ
“มันหนีไปจนได้...แต่ต่อให้หนียังไง แกก็ไม่รอดหรอกนังสุดใจ”
สุดใจเอามืออุดปากตัวเองแน่น เจิมหาสุดใจไม่เห็นหนีไป
“ต้องเป็นคนของคุณจันทราแน่” สุดใจได้แต่บอกตัวเอง อย่างหวาดกลัว
ชุติมาจ้องหน้าสุดใจ “ว่าไงคะคุณน้าชื่ออะไร?”
เสียงชุติมาดึงสุดใจกลับมา “วันดีจ้ะ น้าชื่อวันดี” สุดใจบอกชื่อปลอมไป
“เพราะจังเลยค่ะ ความหมายก็ดี...เป็นวันดีๆ ของหนูด้วยที่ได้เจอคุณน้า” ยกมือไหว้อีก “ขอบคุณมากค่ะที่ช่วย”
“ถ้าไม่รังเกียจ จะอยู่ด้วยกันก็ได้นะ จะได้เป็นเพื่อนกัน” สุดใจบอก
“ตอนแรกที่หนูออกมาจากบ้านหนูกลัวมาก แต่ตอนนี้หนูไม่กลัวแล้วค่ะ อย่างน้อยในความอาภัพ หนูยังได้เจอคนดีๆ อย่างคุณน้าขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
ค่ำคืนเดียวกัน ธิติรัตน์ครุ่นคิด หารืออยู่กับหม่อมรัตนาที่โต๊ะในสนามสวย หน้าตึกใหญ่ในวัง หม่อมรัตนาออกความเห็นขึ้นว่า
“ถ้าเป็นอย่างที่ชายเล่า แม่ว่า ยิ่งชายอยู่ข้างแรม แรมยิ่งอันตราย”
ธิติรัตน์เหลียวมามองหม่อมแม่ สายตาเต็มไปด้วยคำถาม หม่อมรัตนาอธิบายต่อทันที
“มันเรื่องธรรมดาน่ะลูก ความอิจฉาริษยา ทำได้ทุกสิ่ง ทางที่ดีแม่ว่า ตอนนี้ชายควรอยู่ห่างจากแรม”
“ถ้าผมห่าง ใครจะปกป้องแรม?”
“ก็ชายน่ะแหละที่จะเป็นคนปกป้อง แต่วิธีที่จะปกป้องมีหลายวิธีนี่ลูก..ลองคิดดู...ทำยังไงก็ได้...อย่าให้พวกเค้าเห็นว่า ชายอยู่ข้างแรม”
ธิติรัตน์เก็บเอาถ้อยคำที่หม่อมแม่บอกมาครุ่นคิด เสียงของหม่อมรัตนาดังก้อง
“ทำยังไงก็ได้...อย่าให้พวกเค้าเห็นว่า ชายอยู่ข้างแรม”
ธิติรัตน์คิดหนัก คิดอย่างใคร่ครวญ ก่อนนึกแผนออก
“อาจจะดูใจร้าย แต่สิ่งที่ฉันทำเพื่อช่วยเธอ แรม ไม่อย่างนั้นเธอจะตกอยู่ในอันตราย”
ตอนสายวันต่อมาธิติรัตน์มายืนกดกริ่งประตูบ้านเมิน เดือนแรมเดินออกไปเปิดประตูยิ้มอย่างดีใจ
“คุณชาย....” แต่แล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นกังวล “แรมขอบคุณค่ะที่คุณชายมาหาแรม...แต่คุณชายกลับไปดีกว่านะคะ...แรมไม่อยากให้มีเรื่อง แรมไม่อยากให้พี่เพ็ญเสียใจ”
“ฉันไม่ได้มาหาเธอ”
เดือนแรมมองงงๆ ธิติรัตน์รีบบอก
“ฉันมาหาคุณเพ็ญประกาย มาหยารัศมีของฉัน”
เดือนแรมอึ้ง มองหน้าธิติรัตน์ ทั้งงงทั้งช็อกสุดขีด
เดือนแรมเดินนำธิติรัตน์เข้ามาในบ้าน เพ็ญประกายกับจันทราเห็นแทบกรี๊ด
“คุณแม่คะ...แรมกับคุณชาย”
“หน้าด้าน มันกล้ามากที่ควงคุณชายมาเย้ยเราถึงบ้าน เดี๋ยวแม่จัดการเอง”
จันทรารีบเดินนำเพ็ญประกายออกไปกะมีเรื่อง แต่แล้วเดือนแรมกลับบอกนอบน้อม
“คุณชาย...มาหาพี่มาหยารัศมีค่ะ”
เพ็ญประกายยิ้มหน้าบาน เนื้อเต้นและดีใจสุดชีวิต “คุณชายมาหามาหยา”
ธิติรัตน์ย้ำสำทับ “ครับผมมาหาคุณมาหยารัศมี”
จันทราอดที่จะ เหน็บแนมออกมาไม่ได้ “จะมายกเลิกงานแต่งกับลูกมาหยา แล้วไปแต่งงานกับลูกที่คุณเมินไม่ยอมรับ เพราะเป็นลูกชู้น่ะหรือคะ?”
เดือนแรมหน้าเสีย ธิติรัตน์ไม่ได้มองหน้าเดือนแรม มองจ้องเพ็ญประกาย ยิ้มพลางป้อนคำหวานหรู
“ผมขอโทษ...ที่เคยพูดให้คุณมาหยารัศมีไม่สบายใจ ผมเองก็กลับไปคิดทั้งคืน และก็ได้คำตอบให้กับตัวเองว่า...ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะเหมาะกับวังศิลาลายเท่ากับคุณมาหยารัศมีอีกแล้ว”
เดือนแรมน้ำตาคลอ เพ็ญประกายยิ้มแก้มแทบแตก จันทราถามแทน
“คุณชายพูดจริงหรือคะ?
“ครับ..และมาหยารัศมีก็จะไม่มีตัวจริง ตัวปลอม แต่มีแค่คนเดียว” มองจ้องเพ็ญประกายตาหวาน
“มาหยาดีใจจังเลยค่ะที่ได้ยินคุณชายพูดอย่างนี้...รู้มั้ยคะ เมื่อคืนมาหยาร้องไห้ทั้งคืน” เพ็ญประกายดี๊ด๊ากระชุ่มกระชวยสุดๆ
“ก็แหงล่ะสิคะ...ใครจะไม่เสียใจ ดูซิ...ลูกแม่หน้าตาช้ำไปหมดเลย...อย่างนี้คุณชายต้องปลอบขวัญลูกมาหยานะคะ”
“คุณมาหยาจะให้ผมปลอบขวัญยังไงบอกมาเลยครับ ผมยินดี”
เพ็ญประกายยิ้มเขิน “มาหยาแล้วแต่คุณชายค่ะ”
“ไปไหนก็ได้ค่ะ ตามใจคุณชาย...แต่ดิฉันขออยู่อย่าง...” จันทราพูดเป็นนัย
ธิติรัตน์แปลกใจ “อะไรครับ?”
จันทราบอกเงื่อนไข “ให้แรมตามไปรับใช้ลูกมาหยารัศมีด้วยค่ะ”
เดือนแรมหน้าซีดเผือด แต่ธิติรัตน์กลับตอบหน้าตาเฉย
“ตามใจคุณมาหยารัศมีกับคุณจันทราเลยครับ”
เดือนแรมน้ำตาตกอยู่ในใจ
ธิติรัตน์พาสองแม่ลูกมาช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าหรูแห่งหนึ่ง ธิติรัตน์เดินเคียงคู่กับเพ็ญประกาย และจันทรา สองแม่ลูกเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ ซื้อของอย่างลั้นลา และส่งให้เดือนแรมถือเป็นแจ๋ว เดือนแรมหิ้วของพะรุงพะรัง ธิติรัตน์แอบมองอย่างเป็นห่วง แต่ทำเป็นไม่สนใจ
และแน่นอนไม่พ้นสายตาตัวแม่อย่างจันทราที่แอบเห็น และนึกสงสัย จังหวะหนึ่งเพ็ญประกายเดินรองเท้าหลุด จันทรารีบบอก
“เดือนแรม..รองเท้าคุณมาหยารัศมีหลุด มัวทำอะไรอยู่ ใส่ให้คุณมาหยาสิ”
“ค่ะ”
เดือนแรมวางของเต็มมือนั่งลงใส่รองเท้าให้เพ็ญประกาย ธิติรัตน์มองสองแม่ลูกอย่างไม่พอใจ แล้วผินหน้ามองเดือนแรมอย่างสงสารและเห็นใจ
ธิติรัตน์ได้แต่ขอโทษเดือนแรมอยู่ในใจ “ฉันขอโทษนะแรม...แต่ฉันจำเป็น”
พอเสร็จเพ็ญประกายกับจันทราก็หันมายิ้มให้ธิติรัตน์ ธิติรัตน์ทำเป็นยิ้มตอบ เพ็ญประกายถามเสียงใส
“เดินตั้งนานแล้ว คุณชายหิวหรือยังคะ?”
“ยังเลยครับ”
“แต่ดิฉันแล้วก็ลูกมาหยาหิวแล้ว เราไปหาอะไรทานกันดีกว่านะคะ” จันทราบอก
“ก็ได้ครับ” ธิติรัตน์บอก
เดือนแรมเจ็บปวดในใจ ยืนอึ้ง ก้มหน้านิ่ง จันทราด่าว่าต่อหน้าธิติรัตน์
“แรม ยืนบื้ออยู่ได้ หิ้วของตามมาเร็ว”
“ค่ะ”
เดือนแรมหิ้วของตาม จันทราแอบมองเพ่งเล็ง สงสัยและระแวงเดือนแรมกับธิติรัตน์ตามประสาคนรอบจัด
ทุกคนเดินเข้าไปในร้านอาหาร เดือนแรมจะเดินตามเข้าไป แต่เพ็ญประกายกลับรีบบอก
“ใครให้เธอเข้าไปด้วย...เธอต้องรออยู่ที่นี่”
เดือนแรมหน้าจ๋อย ธิติรัตน์แอบมองเดือนแรม จันทราแอบจับสังเกตธิติรัตน์เช่นเคย
ระหว่างนั้นเจ๊กอไก่เดินลั้นลามาจากอีกมุม เห็นเดือนแรมรีบปรี่เข้ามาหา
“อ้าว!!น้องแรม...มายืนอะไรอยู่ตรงนี้?” เจ๊นักปั้นถามอย่างสงสัย
“แรมรอคุณชาย ทานข้าวกับพี่เพ็ญ คุณจันทราค่ะ”
เจ๊กอไก่ ตาโต ไม่อยากจะเชื่อ “คุณชายทานข้าวกับคุณเพ็ญ...คุณจันทราทำไมคุณชายทำแบบนี้?”
เดือนแรมก้มหน้าจะร้องไห้ เจ๊กอไก่เห็นรีบบอก
“ไม่ต้องอธิบายค่ะ นอกจากจะสวยและรวยมากแล้วเจ๊ยังกอไก่ยังฉลาด รู้หมดแระ ว่าอะไรเป็นอะไร? กรุณารอสักครู่ เดี๋ยวเจ๊กอไก่จัดให้ค่ะ”
เจ๊กอไก่เดินเลี่ยงออกไป
มาถึงมุมเหมาะ เจ๊กอไก่กดโทรศัพท์ค้นหาเบอร์ พลางด่าอย่างโมโห
“หื้อ! นังสองแม่ลูกมหาภัย นังมาหยารัศมีตัวปลอม นังเตี้ย นังถึก ตอม่อคูโบต้า นังหน้าพลาสติก ทำยังกับฉันไม่รู้ว่าหล่อนจะทำอะไร?เดี๋ยวได้รู้ว่าไผเป็นไผ แรมกับหล่อนคุณชายจะเลือกใคร?” พอเจอรีบกดโทร.ออกทันที
สรรชัยทำงานในออฟฟิศ เสียงมือถือดัง สรรชัยกดรับ “สรรชัยครับ”
“คุณสรรชัยรูปหล่อนะค้า..นี่เจ๊กอไก่ ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกน่ะค่ะ” เป็นสายจากเจ๊กอไก่นั่นเอง
สรรชัยยิ้มอย่างอารมณ์ดี “เป็นเกียรติมากเลยครับเจ๊..ที่ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกโทร.หาผม มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“ถ้าเป็นเวลาปกติ เจ๊จะรีบเผ่นไปจูบคุณสรรชัยซักร้อยฟอด แต่ตอนนี้หน้าสิ่วหน้าขวาน คุณสรรชัยมาช่วยแรมหน่อยนะคะ”
สรรชัยตกใจ “แรมเป็นอะไรครับ?”
เจ๊กอไก่ของขึ้นเต็มที่ ใส่อารมณ์มาก “ถูกคุณชายธิติรัตน์ทำร้ายร่างกายและจิตใจอยู่ค่ะ...”
สรรชัยยิ่งตกใจมากขึ้น “แรมน่ะหรือครับถูกคุณชายทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ”
ช่างบังเอิญอะไรเช่นนั้น เพราะดุจแขซึ่งจะเดินเข้ามาหาได้ยิน หยุดฟัง ตาลุกวาว สรรชัยมองเห็น
“เจ๊ก็พูดเว่อร์ๆ ตามประสาเจ๊น่ะค่ะ แต่ตอนนี้ยังไงแรมก็ต้องการความช่วยเหลือ คุณสรรชัยมาช่วยน้องแรมหน่อยนะคะ”
“ได้ครับ เจ๊กับน้องแรมอยู่ไหน?...” สรรชัยนิ่งฟัง “ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ดุจแขอยู่หน้าห้อง หันตัวเดินกลับเหมือนไม่ได้ยินอะไร สรรชัยเดินออกมา ดุจแขก็ทำท่าจะเป็นลม
“โอ๊ย!” ดุจแขแกล้งเซเกาะขอบโต๊ะไว้
สรรชัยเดินผ่าน ไม่สนใจ ดุจแขอึ้ง
“นี่คุณไม่สนใจฉันเลยเหรอ?”
“ทำไมต้องสนใจด้วย เราก็แค่..คนอยู่บ้านเดียวกัน” สรรชัยจะเดินไป
ดุจแขดึงแขนให้หันกลับมา “มากกว่านั้น”
สรรชัยยิ้มเยาะ “จะมารำลึกความหลังงั้นหรือ?”
“ใช่....คุณต้องอยู่กับแข” ดุจแขเอาสองมือโอบรอบคอคล้องสรรชัยไว้ “ไม่งั้น แขจะตะโกนว่าคุณปล้ำ”
“ปัญญาอ่อน” สรรชัยด่าแล้วแกะมือออก
“ถ้าคุณไม่ปล้ำแข แขปล้ำคุณเองก็ได้” ดุจแขยื้อถ่วงเวลา จะคล้องคอสรรชัยอีก
สรรชัยจับมือดุจแขค้างไว้ “พูดอออกมาได้ทุเรศ...”
“คุณ” ดุจแขฉุนกึก
สรรชัยเยาะ ตอกหน้า “ถามจริงๆ ไม่อายตัวเองบ้างเหรอ? อิจฉาแรมจนไร้สติ ทำอะไรทุเรศๆ แบบนี้ผมไม่ได้หน้ามืด มักง่าย อย่างที่คุณคิดหรอก รู้ไว้” จะเดินออกไป
ดุจแขอาศัยทีเผลอคว้ากุญแจในมือสรรชัย “ยังไงฉันก็ไม่ให้คุณไปช่วยนังแรม?” ดุจแขวิ่งหนี สรรชัยหน้ามุ่ย
“หยุดเดี๋ยวนี้ดุจแข!” สรรชัยตามไป อารมณ์เสียมาก
สรรชัยตามออกมาที่หน้าบริษัท สองคนยื้อยุดฉุดกระชาก ดุจแขเพื่อแย่งเอากุญแจ
“เอากุญแจรถผมมา”
“ไม่”
สรรชัยบอกเสียงเข้ม “บอกให้เอามา”
ดุจแขยื่นกุญแจยั่วแต่ไม่ให้ “ให้ก็ได้...แต่คุณต้องยอมรับก่อนว่าคุณรักนังแรม”
“ทำไมผมต้องยอมรับ?”
“เพราะคุณรักนังแรม...นี่สรรชัย...ในเมื่อคุณก็รักนังแรม ฉันเองก็รักคุณชาย ทำไมเราไม่ร่วมมือกัน เพื่อแย่งคนที่เรารักกลับมาล่ะ”
“เพราะความรักไม่ใช่การแย่งชิง ที่สำคัญ...ถ้าจะมีผู้หญิงคนไหนซักคนรักผม เค้าต้องรักผมด้วยหัวใจของเค้าเอง...” สรรชัยกระชากกุญแจคืนมาจนได้ แล้วมองดุจแขเหยียดเย้ย “ไม่ใช่เพราะเงินทอง ทรัพย์สมบัติ รวมทั้งการแย่งชิง”
สรรชัยเดินขึ้นรถ ดุจแขมองตามอย่างคั่งแค้น ตะโกนด่าตามหลังไป
“จ้างให้ก็ไม่มีผู้หญิงแบบนั้นในโลกหรอก....ลองดูมั้ย? คนรวยกับคนจน ผู้หญิงจะเลือกใคร”
พอทานอาหารเสร็จ ธิติรัตน์กับเพ็ญประกาย และจันทราเดินนำหน้ามาตามทางเดินในห้าง มีเจ๊กอไก่กับเดือนแรมเดินตามหลัง
เจ๊กอไก่พึมพำเบาๆ “เมื่อไหร่คุณสรรชัยจะมาซักทีน้า?”
จันทราได้ยินไม่ถนัด “บ่นอะไร?”
เจ๊กอไก่ค้อนขวับ กัดเจ็บ “ถ้าหนูบอกว่าบ่นคุณ คุณจะยืนฟังหรือเปล่าล่ะค้า?”
“แก” จันทราเข้นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เพ็ญประกายเยาะหยันออกมา “คุณแม่ขา... ยังไงเราก็มีคนรับใช้มาช่วยถือของเพิ่มตั้งหนึ่งคน อย่าอารมณ์เสียเลยนะคะ”
“ใช่ค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวต้องไปฉีดโบท็อกซ์กันเหี่ยว แค่นี้คุณนายก็ยิ้มแทบไม่ได้แล้วนะคะ”
ธิติรัตน์แอบอมยิ้มขำ เพ็ญประกายรีบอ้อน จงใจให้แรมเห็น
“คุณชายขา...อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันตอนทานข้าวนะคะ”
“ไม่ลืมหรอกครับ เจ๊...”
“คะคุณชาย?” เจ๊กอไก่เหลียวไปมอง รอฟัง
“เรื่องงานที่เราคุยกัน ผมขอเปลี่ยนจากแรม เป็นคุณมาหยารัศมีนะ” ธิติรัตน์ว่า น้ำเสียงจริงจัง
เดือนแรมหันขวับมามองธิติรัตน์ เจ๊กอไก่ก็มองเขม็ง
“อะไรนะคะ?”
“งานโฆษณาที่กำลังจะถ่ายทำ คุณชายขอเปลี่ยนจากแรมมาเป็นลูกมาหยารัศมีของฉันจ้ะ”
จันทราแทรกขึ้นมาด้วยความสะใจ
ระหว่างสรรชัยเดินเข้ามามาดอย่างหล่อและเท่มาก
“งั้นก็เหมาะเลยครับ”
“พี่สรรชัย” เดือนแรมตกใจปนแปลกใจ
“เพื่อนพี่ เค้าต้องการพรีเซนเตอร์อยู่พอดี” สรรชันมองไปที่ธิติรัตน์ “ที่มานี่ตอนแรกก็กะจะมาเคลียร์คิวกับคุณชาย แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้วนะครับ...ขอบคุณมากที่ปล่อยคิวแรม”
ธิติรัตน์กับสรรชัยมองสบตากัน สองหนุ่มมองสู้สายตากันอย่างท้าทาย
สามคนเดินออกมาหน้าห้าง เจ๊กอไก่ดี๊ด๊าสุดๆ
“คุณสรรชัยเป็นฮีโร่มากๆ เป็นพระเอก ขอบคุณมากค่ะที่มาช่วย”
“ผมปล่อยให้คนทำร้ายน้องผมไม่ได้หรอก”
เดือนแรมพูดเสียงเครือๆ แต่เด็ดเดี่ยว “ไม่มีใครทำร้ายแรมได้หรอกค่ะ ถ้าแรมไม่ยอม ว่าแต่..พี่สรรชัยมีงานอะไรให้แรมทำคะ?”
สรรชัยหัวเราะแหะๆ “ไม่มีหรอก”
“อ้าว!” เจ๊นักปั้นฟังแล้วเพลีย
“คือ...พี่หมั่นไส้คุณชายเลยพูดไปงั้นเอง อย่างน้อยเค้าจะได้รู้ว่าแรมไม่จนตรอก” สรรชัยพูดแฝงความนัย “ถึงเค้าจะไม่ต้องการแรม ก็ยังมีคนต้องการ”
เดือนแรมหน้าหม่นไม่ได้ฉุกคิดอะไร แต่เจ๊กอไก่เขม้นมองหน้าสรรชัย ได้กลิ่นตุๆ ว่ามันชักจะยังไงๆ แล้ว
ธิติรัตน์หอบหิ้วข้าวของวางไว้ จันทรากับเพ็ญประกายยิ้มแก้มแทบแตก
“ขอบคุณคุณชายมากๆ เลยนะคะ ที่พาดิฉันกับลูกมาหยาเที่ยวทั้งวัน”
“งั้น..ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับเลยนะครับ”
“แล้วเจอกันใหม่นะคะคุณชาย”
ธิติรัตน์ยิ้มแต่ไม่ได้รับคำ แล้วเดินออกไป เพ็ญประกายบอกจันทราหน้าระรื่น
“เพ็ญดีใจที่สุดเลยค่ะคุณแม่ ในที่สุดคุณชายก็ทิ้งนังแรมแล้วเลือกเพ็ญ”
สีหน้าจันทราครุ่นคิดบางอย่าง “แต่แม่ไม่คิดอย่างนั้น”
เพ็ญประกายอึ้ง “หมายความว่ายังไงคะ?”
จันทราพูดต่อ “เหมือนคุณชายทำเพื่อประชดนังแรม”
เพ็ญประกายตกใจ คาดไม่ถึง “ประชดแรม...”
“ไม่งั้น...คงมีแผนอะไรซักอย่าง คุณชายถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้”
เพ็ญประกายมีสีหน้าสลดลง จันทราบอกลูกสาว
“แต่เอาเถ๊อะ..ถ้าคุณชายอยากเล่นเกม แม่ก็จะเล่นด้วย อยากรู้เหมือนกันหมากเกมนี้ ใครจะแพ้ จะชนะ” นัยน์ตาจันทราวาวโรจน์
ธิติรัตน์เดินออกมาหน้าตึก เจอเดือนแรมเปิดประตูเข้ามาพอดี สองคนมองหน้ากัน
ธิติรัตน์พูดเสียงอ่อนโยน “แรม....ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
“แต่แรมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณชายค่ะ”
ธิติรัตน์อึ้ง “แรม”
“คุณชายจะทำร้ายแรมยังไง แรมไม่เคยว่า...แต่ในเมื่องานเป็นของแรม ทำไมคุณชายต้องเอางานแรมคืนไปด้วย” เดือนแรมต่อว่า
ธิติรัตน์อึกอักพูดไม่ออก “ฉัน...”
ระหว่างนั้นเพ็ญประกายเดินออกมาตาม “คุณชายคะ”
เดือนแรมบอกธิติรัตน์ “คุณชายเป็นเจ้าของงาน คุณชายจะให้ใครทำก็ได้ แรมขอโทษค่ะ” เดินเข้าไปอย่างไว
เพ็ญประกายเดินเข้ามาหา “มาหยาจะดูแลตัวเองให้สวยที่สุด จะได้สมกับที่คุณชายเลือกมาหยาไปทำงานค่ะ”
ธิติรัตน์ทำหน้าเซ็งมองตามเดือนแรม เพ็ญประกายเห็นเข้าหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ
เดือนแรมร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในห้อง ในมือถือการ์ดและจดหมายของธิติรัตน์
“คุณชายที่แสนดีของแรมไม่มีแล้ว มีแต่คนใจร้าย ที่คอยย่ำยีทำร้ายหัวใจแรมทุกอย่าง” เดือนแรมบอกตัวเองหน้ากระจก “ต่อไป..เธอไม่มีใครแล้ว เธอต้องเข้มแข็งนะแรม
เดือนแรมทำเข้มแข็งปาดน้ำตาทิ้ง แต่สุดท้าย น้ำตาก็ไหลออกมาอยู่ดี
เช้าวันต่อมาสรรชัยมาหาเดือนแรม ขณะที่เดือนแรมกำลังจะออกไปข้างนอกพอดี เดือนแรมถามอย่างแปลกใจ
“พี่สรรชัย..มาหาแรมแต่เช้า มีอะไรคะ?”
“พี่เป็นห่วง กลัวว่าแรมจะไม่สบายใจ”
“แรมสบายดีค่ะ แต่ก็ขอบคุณมากๆ ที่พี่สรรชัยเป็นห่วง” เดือนแรมพยายามฝืนยิ้มเหมือนเข้มแข็งแล้ว
“ถึงแรมจะยิ้ม พี่กลับรู้สึกว่าข้างในแรมเศร้า เศร้ามาก"
เดือนแรมอึ้ง ปากสั่นระริก เหมือนถูกกระตุ้น จนแทบควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ สรรชัยกวาดตามองไปรอบๆ
“อย่าร้องไห้ตรงนี้นะ เดี๋ยวใครไม่รู้เข้า จะหาว่าพี่รังแกแรม ป่ะขึ้นรถ..อยากร้องไห้ เดี๋ยวเราไปร้องด้วยกัน ปะ”
สรรชัยเอามือคลึงผมเดือนแรมเบาๆ พาเดินขึ้นรถ ธิติรัตน์มาเห็นพอดี
“แรม” ธิติรัตน์จะขึ้นรถขับตามไป
เพ็ญประกายวิ่งหน้าระรื่นออกมาจากบ้าน “คุณชายขา...มาหยาอยู่นี่ค่ะ...มาหามาหยาแต่เช้าเชียว”
“ขอโทษนะครับพอดีผมมีธุระด่วน ขอตัว”
ธิติรัตน์ขึ้นรถขับออกไป เพ็ญประกายเหวอไปทันที
“ธุระอะไร คุณชาย?”
สรรชัยพาเดือนแรมมาหย่อนใจในสวนสวยของสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง สองคนเดินมาด้วยกัน
“เอาเลยแรม..อยากร้องไห้ ก็ร้องไปเลย พี่จะอยู่ข้างๆ คอยเป็นเพื่อนแรมเอง”
เดือนแรมร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างแรง ต่อมน้ำตาแตก สรรชัยเห็นแล้วตกใจมาก
“แรม...”
“แรมขอโทษค่ะ ความจริงแรมไม่ควรร้องไห้ให้คนที่ไม่เห็นค่าแรมอีกต่อไปแล้ว”
สรรชัยเสียงอ่อย “ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่บอกตรงๆบางครั้งพี่ก็ไม่เข้าใจคุณชาย.. แต่พี่เข้าใจน้องพี่....” จับหัวเดือนแรมโยกเบาๆ “อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะบอกแล้วไง พี่จะอยู่ข้างๆ คอยเป็นเพื่อนแรม”
ธิติรัตน์ตามมา และอยู่ด้านหลัง มองตาขวางอยู่ ตะโกนเรียก
“แรม”
เดือนแรมสะดุ้ง “คุณชาย”
สีหน้าสรรชัยแอบอมยิ้มเพราะรู้ทัน กระซิบบอกเดือนแรม
“ตอนแรกพี่ไม่เข้าใจคุณชาย ตอนนี้พี่เข้าใจแล้วล่ะ”
ธิติรัตน์มองภาพตรงหน้าเขม็ง หึงและหวงสุดขีด สรรชัยยิ้มๆ
“สวัสดีครับคุณชาย...เราคงไม่ได้บังเอิญเจอกันใช่มั้ยครับ?”
ธิติรัตน์เงียบมองเดือนแรมตาขวาง สรรชัยรุกต่อ
“ถ้าไม่บังเอิญก็แปลว่า...คุณชายตั้งใจตามมา...มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
ธิติรัตน์สวนออกมาแทบจะทันที “ผมมีเรื่องจะคุยกับแรม”
“แต่แรมไม่มี” เดือนแรมบอกเสียงแข็ง
“แรม” ธิติรัตน์อึ้ง
สรรชัยรีบเข้ามาห้ามขัดจังหวะ “เอ่อ..ผมว่าค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่านะครับ เดี๋ยวพี่ไปรอทางโน้นนะแรม” จะเดินไป
“ไม่ค่ะ..แรมจะไปกับพี่สรรชัย”
ธิติรัตน์ฉุนกึก “แรม! เธอกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ?”
สรรชัยมองอย่างไม่พอใจ “แรมไม่ได้เป็นทาสคุณชายนะครับ ที่ผ่านมาแรมก็ดีกับคุณชายอย่างที่สุดแล้ว แต่คุณชายนั่นแหละที่ไม่เห็นค่าแรม”
ธิติรัตน์ถามแบบขวางๆ “ผมน่ะเหรอไม่เห็นค่าแรม?”
“สิ่งที่คุณชายกำลังทำอยู่ เรียกว่าใช่...แรมไม่ใช่สิ่งของ ที่คุณชายคิดจะทำอะไรก็ทำ แต่แรมเป็นคน แรมมีชีวิตมีจิตใจ และแรมก็เป็นคนดีแต่ถ้าหากคุณชายไม่เห็นค่าของแรม ผมพร้อมจะดูแลแรมเอง”
เดือนแรมตกใจมาก “พี่สรรชัย”
สรรชัยพูดด้วยน้ำเสียงอย่างจริงจัง “ผมพูดจริง....ถ้าคุณชายไม่เห็นค่าของแรม ผมพร้อมจะดูแลแรมเอง”
ธิติรัตน์อึ้งจ้องหน้าเดือนแรมเป็นเชิงถาม “แรม...”
เดือนแรมไม่ตอบ ผละเดินไป ธิติรัตน์จะตาม สรรชัยมาขวาง
“แรมมากับผม...ให้เกียรติแรมกลับกับผมนะครับ”
สรรชัยจ้องหน้าธิติรัตน์ สองคนสู้สายตากันสักครู่แล้วสรรชัยเดินตามเดือนแรมไป ธิติรัตน์ได้แต่เหวี่ยงหึงมาก
พอตกกลางคืนในร้านอาหารกึ่งผับแห่งนั้นธิติรัตน์ดื่มอยู่กับศรัณย์ และเริ่มเมาแล้ว
“ใช่สิ...ตอนนี้...มีคนอยากดูแลแล้วหนิ จะมาสนใจอะไรฉัน”
“แล้วแรมรู้เหรอว่านายสนใจแรมขนาดนี้...”
ธิติรัตน์พูดไม่ออก ศรัณย์พูดต่อ
“ถ้าอยากเป็นคนพิเศษของใคร นายต้องให้"ความพิเศษ"กับเค้าเพราะถ้านายไม่ให้เค้ารู้ ในความพิเศษนายก็คงไม่ได้เป็นคนพิเศษของใคร”
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”
“นายแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่างหาก เพราะนายเป็นคนปากแข็ง วางฟอร์ม ปากไม่ตรงกับใจ ระวังเถอะปากแข็งมากๆจะเสียใจ” ศรัณย์ถอนหายใจอย่างระอา “เพราะไม่มีใครรู้ความในใจ หรือเข้าใจนายได้ทุกเรื่องหรอก”
ธิติรัตน์นิ่งคิด ตรึกตรอง
ธิติรัตน์พาตัวเองมาอยู่ที่หน้าบ้านเมิน ยืนคอยเดือนแรมอยู่ ไม่นานนักก็เห็นรถของสรรชัยแล่นมาจอด ธิติรัตน์รีบซ่อนตัวแอบมองอยู่ไม่ไกลนัก เห็นแรมลงจากรถ ยกมือไหว้สรรชัยพลางบอก
“ขอบคุณพี่สรรชัยมากค่ะที่อยู่เป็นเพื่อนแรมทั้งวัน”
“ก็พี่เป็นห่วงน้องพี่ ไง..คิดเรื่องคุณชายตกหรือยัง?”
“คิดแล้วค่ะ” เดือนแรมว่า
ธิติรัตน์หูผึ่ง รอฟัง เดือนแรมหน้าหมองพูดเสียงเศร้า
"ความพิเศษ ควรให้กับคนที่เค้าอยากได้ความพิเศษจากเรา เพราะถ้าเค้าไม่อยากได้ ก็หมายความว่า เค้าไม่ได้อยากเป็นคนพิเศษของเราแรมเกลียดคุณชายค่ะ”
สีหน้าธิติรัตน์ตกใจ สรรชัยยิ้มบอก
“นี่ก็ปากไม่ตรงกับใจ พี่กลับก่อนนะ พักผ่อนเยอะๆ มีอะไรโทร.หาพี่ พี่อยู่ข้างแรมเสมอ”
“ขอบคุณค่ะพี่สรรชัย” เดือนแรมยิ้มให้
สรรชัยขึ้นรถขับออกไป เดือนแรมเดินเข้าบ้านผ่านหน้าธิติรัตน์ โดยที่ไม่ทันเห็น
เดือนแรมจะเข้าบ้าน ธิติรัตน์เดินตามมาข้างหลังฉุดไว้
“ว้าย” เดือนแรมร้องลั่น
ธิติรัตน์รีบบอก “ฉันเอง”
“คุณชาย!..” รีบสะบัดมือออก “ปล่อยแรม”
“ไม่ปล่อย” ธิติรัตน์ยื้อไว้
“แรมบอกให้ปล่อย” เดือนแรมดึงมือออกอีก
“ไม่...เพราะฉันไม่ยอมให้ใครมาดูแลเทคแคร์เธอทั้งนั้น”
เจิมมาด้อมๆมองๆธิติรัตน์ไหวตัวกระชากแรมเข้ามากอด
“ว้าย!อะไรคะคุณชาย?”
ธิติรัตน์บอกเสียงซีเรียส “อยู่เฉยๆ มีคนมองเราอยู่”
ธิติรัตน์นึกถึงวันที่มีคนยิงเดือนแรม ขณะที่เจิมโผล่หน้าขึ้นมาอีกทีละนิดๆ ธิติรัตน์บอก
“เธออยู่นี่ไม่ได้แล้วแรม..ไปกับฉัน”
ธิติรัตน์ลากเดือนแรมไปที่รถทันที
*อ่านต่อหน้า3
มาหยารัศมี ตอนที่ 10 (ต่อ)
ธิติรัตน์ตัดสินใจพาเดือนแรมมาพักที่บ้านสวนของตระกูลกมเลศ บรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ และดอกไม้สวยงาม เดือนแรมมองอย่างงุนงง สงสัย
“คุณชายพาแรมมาที่นี่ทำไม?”
“นี่เป็นบ้านสวนของฉัน อยู่ที่นี่ เธอน่าจะปลอดภัยที่สุด” ธิติรัตน์บอกเสียงจริงจัง
เดือนแรมมองจ้องหน้าธิติรัตน์ รู้สึกดีใจ และซาบซึ้งใจมาก “ขอบคุณค่ะที่คุณชายเมตตาแรม”
“ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่ของผู้ปกครองก็เท่านั้น อีกอย่างเดี๋ยวสรรชัยจะมาด่าฉันอีก ว่าดูแลเธอไม่ดี แล้วก็จะหาเรื่อง...ขอเธอไปดูแล” ธิติรัตน์ประชดอยู่ในที
“แรมขอโทษแทนพี่สรรชัยด้วยค่ะ แต่ถ้าคุณชายจะทำแค่หน้าที่ของผู้ปกครอง คงไม่ต้องเพราะที่ผ่านมา แรมเป็นหนี้บุญคุณของคุณชายมากพอแล้วค่ะ แรมขอบคุณ แรมดูแลตัวเองได้”
เดือนแรมน้อยใจนัก ทำท่าจะเดินหนี คุณชายกระชากแขนมาอย่างโมโหหึง
“นี่ถ้าสรรชัยเป็นคนพามา คงอยากอยู่สินะ”
“คุณชายหาเรื่องแรม”
ธิติรัตน์เริ่มมีอารมณ์นิดๆ หาเรื่องที่ไหน...ก็ดูหน้าเธอสิ ดูตาเธอสิ พอฉันเป็นคนพามา หน้าเธอหงิกขึ้นมาทันที แต่ถ้าเป็นสรรชัย...”
ธิติรัตน์พูดไม่ทันจบคำ เดือนแรมก็เดินพรวดออกไปเพราะรู้สึกโกรธมาก คุณชายกระชากแขนเดือนแรมให้หันกลับมา ทั้งรักทั้งหึงทั้งห่วง
“จะไปไหนแรม?”
“ไปในที่ที่ของแรม”
“ฉันไม่ให้ไป” ธิติรัตน์สั่งเสียงขุ่นเขียว
“คุณชายห้ามแรมไม่ได้ค่ะ” เดือนแรมแกะมือออก “เมื่อก่อนแรมเคยคิด ว่าคุณชายคือคนที่ดีกับแรมที่สุด แต่ตอนนี้ไม่ใช่...คุณชายกลายเป็นคนที่ใจร้ายกับแรมมากที่สุด” เดินหนีไปทันที
“อย่าแรม” ธิติรัตน์รีบตามไป
เดือนแรมร้องไห้วิ่งออกไป คุณชายวิ่งตามไปกระชากแขนแบบตกใจและเสียใจมาก
“อย่าไปไหนนะแรม ฉันห่วงเธอ”
“สิ่งที่คุณชายทำกับแรมมาตลอด เรียกว่าห่วงแรมเหรอคะ? คุณชายทั้งดูหมิ่นดูแคลน เหยียดหยามแรมทุกอย่าง ราวกับแรมเป็นสิ่งของ ไม่มีหัวใจ” เดือนแรมพรั่งพรูความรู้สึกออกมา อย่างเหลืออดแล้ว
“ก็เพราะเธอมีหัวใจน่ะสิ ฉันถึงอยากให้เธอรู้”
“รู้อะไรคะ? รู้ว่าคุณชายไม่เคยเห็นค่าของแรมน่ะเหรอ? นึกอยากจะทำอะไรแรม คุณชายก็ทำ และแรมก็ยอมคุณชายมาตลอด แต่ครั้งนี้แรมไม่ยอมแล้วค่ะ” เดือนแรมจะเดินหนีอีก
“ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน” ธิติรัตน์ดึงรั้งแขนไว้
สองคนยื้ดยุดกันอยู่ข้างๆ สระน้ำลึกในบ้านสวนแห่งนั้น
“ปล่อยแรม!!”
เดือนแรมขัดขืน แล้วผลักธิติรัตน์อย่างแรงให้ปล่อย แต่คุณชายหงายหลังพลัดตกสระน้ำลึกใกล้ๆ
“โอ๊ยย” ธิติรัตน์แกล้งทำเป็นว่ายไม่เป็น “ช่วยด้วย”
เดือนแรมไม่สนใจจะหนี ธิติรัตน์ร้องอีก
“ช่วยด้วยแรม ฉันว่ายน้ำไม่เป็น”
เดือนแรมเหลียวขวับหันไปมอง เห็นธิติรัตน์ทำท่าผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนคนว่ายน้ำไม่เป็น ก็รู้สึกตกใจมาก
“คุณชาย”
เดือนแรมกระโดดลงไปในน้ำเพื่อช่วยเหลือ ธิติรัตน์ทำท่าคล้ายจะหมดสติ
“คุณชาย...คุณชายอย่าเป็นอะไรนะคะ”
เดือนแรมกอดประคองลากตัวคุณชายขึ้นมาบนฝั่ง ธิติรัตน์แกล้งหมดสติ นอนหงาย แรมมอง แล้วก้มลงทำท่าจะผายปอดให้...ธิติรัตน์เผลอตัวหลุดอมยิ้มขำ เดือนแรมเห็น
“คุณชาย!!” เดือนแรมตีเข้าที่หน้าอก
“โอ๊ย! ฟาดฉันทำไม?”
“ก็แล้วล้อเล่นกับความรู้สึกของแรมอีกแล้ว คุณชายรู้ว่าแรมเป็นห่วง ถึงได้หลอกแรม และแรมก็โง่เหมือนเดิม” ทั้งทุบทั้งฟาดด้วยความโมโห
คุณชายจับมือเอาไว้ท่าทีอ่อนโยน “ฉันไม่เคยหลอกเธอ แต่ฉันอยากรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน มากกว่า” ธิติรัตน์เน้นเสียง “พี่สรรชัยหรือเปล่า?”
“ไม่ห่วงเลยค่ะ คุณชายจะตกน้ำกลายเป็นผีเฝ้าบ่อก็เรื่องของคุณชาย” จะลุกหนีคุณชายคว้าตัวเอาไว้ “อย่าพูดเรื่องผีสิ..ฉันกลัว” กอดเอว
“คุณชาย..อย่าหาเรื่องนะ ปล่อยแรม”
“ไม่ปล่อย กลัวผี” ธิติรัตน์จ้องหน้าเดือนแรม
“คุณชายน่ากลัวกว่าผีอีก” เดือนแรมผลักตัวธิติรัตน์แล้วจะเดินหนีอีก
ธิติรัตน์คว้าตัวไว้พูดเสียงหวาน
“น่า...ฉันขอโทษ ฉันไม่แกล้งเธอแล้ว อย่าไปไหน ฉันห่วงเธอจริงๆ ดูซิ” ธิติรัตน์ลูบหน้าผากเดือนแรมปัดหยดน้ำเกาะผมออก “ลงไปช่วยฉันจนเปียกไปทั้งตัว เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
ตกตอนค่ำ คุณชายธิติรัตน์ยื่นผ้าขนหนูและเสื้อผ้าให้แรม
“ของคุณแม่....เธอเอาไปใช้ก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันจะพาไปซื้อ”
“ขอบคุณค่ะ” เดือนแรมมองธิติรัตน์ ท่าทีหวาดหวั่น กลัวๆ
“ไปสิ....จะยืนอยู่ทำไม? เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก หรือจะให้สรรชัยมาบอก”
“คุณชาย”
“ก็ใช่มั้ยล่ะ? ไม่ว่าหมอนั่นจะพูดจะจาอะไรก็เห็นเธอเชื่อฟังไปซะหมด ไม่เหมือนคุยกับฉัน”
“เพราะคุณชายชอบพาล และแรมก็ตามอารมณ์คุณชายไม่ทันค่ะ” เดือนแรมเดินหนีไปทันที
“แรม..เธอนี่ยั่วโมโหฉันจริงๆ” ธิติรัตน์มองตาม หึงและหวงเต็มขึ้น
คืนนั้นเพ็ญประกายผุดลุกผุดนั่ง นอนไม่หลับ ครุ่นคิดที่แม่บอกว่าที่ธิติรัตน์ทำตีกับตนเพื่อประชดเดือนแรม ตั้งแต่ตอนช้อปปิ้ง ที่ธิติรัตน์แอบมองเดือนแรมตลอดเวลา ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บแค้น และเสียใจ
“แล้วคุณชายจะได้รู้ว่า เวลาที่หัวใจของเพ็ญถูกเหยียบย่ำ มันจะเป็นอย่างไร”
เพ็ญประกายร้องไห้ออกมา แต่ไม่ได้ฟูมฟายออกมาสักนิด แต่แววตาน่ากลัวนัก
ในห้องนอนที่บ้านสวน มีเตียงนอนอันเล็กๆ แบบเตียงเดี่ยว ธิติรัตน์บอกเดือนแรม
“นอนสิ”
เดือนแรมมองธิติรัตน์แบบหวากลัว กอดผ้าห่มเอาไว้แนบอก
“ทำไม? กลัวฉันเหรอ?”
“เปล่าค่ะ...” เดือนแรมหรุบตา ก้มหน้าหลบหลบ
“แล้วกอดผ้าห่มไว้ทำไมซะแน่น มะ...ขอห่มด้วยหน่อย”
เดือนแรมยึดผ้าห่มไว้แน่น “ไม่ค่ะ”
“ก็ห่มแบบวันนั้นไง” ธิติรัตน์จะดึงมา
เดือนแรมดึงคืนไม่ยอมให้ “ไม่ค่ะ...วันนั้นคุณชายน่ารักดีกับแรม แต่วันนี้คุณชายไม่น่ารักคุณชายใจร้ายกับแรม แรมไม่ไว้ใจคุณชาย”
ธิติรัตน์ฉุนนิดๆ เหน็บทันที “ถ้าเป็นสรรชัย คงไว้ใจมากสินะ”
“ทำไมต้องเอาพี่สรรชัยมาเกี่ยวด้วยคะ”
“ทำไมจะเกี่ยวไม่ได้ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยรึไง?” ธิติรัตน์เหวี่ยง
เดือนแรมเหวี่ยงคืน “ค่ะ”
“เดือนแรม” ธิติรัตน์เริ่มมีอารมณ์กระชากแขนเดือนแรมเข้ามาใกล้
“ปล่อยแรมนะคะปล่อย”
“ไม่ปล่อย ก็ให้มันรู้ไป ถ้าฉันจะทำอะไรเธอ นายสรรชัยอะไรนั่นจะช่วยอะไรได้”
ว่าแล้วธิติรัตน์กระชากร่างเดือนแรมเข้ามาทำท่าจะกอดจูบเดือนแรมดิ้นรนขัดขืน
“ปล่อยแรมนะคะ ปล่อย”
“ไม่ปล่อย” ธิติรัตน์ก้มลงมาทำท่าจะจูบ
เดือนแรมเอามือดันหน้าธิติรัตน์ออกมองจ้อง พูดเสียงจริงจัง น้ำตาไหลออกมา “คุณชายเคยเป็นเทพบุตรของแรม แต่ถ้าคุณชายย่ำยีแรมอย่างนี้ คุณชายก็จะไม่ใช่ผู้มีพระคุณของแรมอีกต่อไป”
ธิติรัตน์ซีด รีบผละออก “ไม่นะแรม ฉันไม่เคยคิดทำร้ายเธอ”
“แต่สิ่งที่คุณชายทำคือดูถูกแรม”
“ฉัน...”
“ไม่ต้องพูด แต่ถ้าคุณชายเข้าใกล้แรมอีกนิดเดียว คุณชายได้แต่หัวแตกแน่”
พูดจบเดือนแรมก็คว้าไฟฉายที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมา เงื้อมือไว้ ธิติรัตน์หัวเราะขำ ถามเย้า
“เธอกล้าตีฉันหัวแตกจริงๆ เหรอแรม?”
“มากกว่านี้ก็กล้า ถ้าคุณชายจะข่มเหงแรม”
“ถ้าฉันจะทำจริงๆ ไฟฉายแค่นี้ห้ามฉันไม่ได้หรอก”
“ก็ลองดู” เดือนแรมหน้าตาบึ้งตึง ดุดันและเอาจริง
ธิติรัตน์หัวเราะขำด้วยความเอ็นดู “ดุจริงนะแม่เสือ ลูกแมวกลัวแล้วจ้า” กระถดตัวออกห่าง
“นอนไปเลยค่ะ นอน”
“จ้า...นอนจ้านอน” ธิติรัตน์ล้มตัวลงนอนกอดอกที่พื้น แต่ตามองจ้องเดือนแรม
เดือนแรมสั่ง “หลับตาด้วย”
“จ้าๆ หลับตาจ้ะหลับตา” ธิติรัตน์หลับตา
เดือนแรมจดสายตามอง ค่อยๆ เอาไฟฉายลง แต่แล้วธิติรัตน์กระดิกตัว เดือนแรมสะดุ้งสั่งอีก
“ไม่ต้องกระดุกกระดิก
“คร้าบบบ...” ธิติรัตน์นอนตัวแข็งทื่อ แต่มองเดือนแรมตาหวานฉ่ำ
“หลับตา” เดือนแรมสั่งอีก
“คร้าบ” ธิติรัตน์แกล้งหลับตา แต่แอบหรี่ตามอง
เดือนแรมกระตุกไฟฉายในมือ “คุณชาย”
“จ้ะๆ หลับจริงๆ จ้ะ หลับจริง” ธิติรัตน์หลับตาลงนอน
เดือนแรมมองธิติรัตน์เห็นนอนนิ่งๆ ไม่มีฤทธิ์เดช ก็ค่อยวางใจ วางไฟฉายลง แต่แล้วธิติรัตน์กลับลุกขึ้นมาอีก เดือนแรมเงื้อไฟฉาย ธิติรัตน์บอกอย่างจริงจัง
“บางครั้ง ฉันอาจจะทำอะไรที่ไม่เข้าท่าไปบ้าง แต่ขอให้รู้ฉันห่วงเธอ ห่วงเธอมากจริงๆ ฝันดีจ้ะ คนดีของฉัน”
ธิติรัตน์ล้มตัวลงนอน คราวนี้ตั้งใจหลับจริงๆ ไม่กวนแล้ว ไม่นานต่อมาคุณชายก็หลับไป เดือนแรมเสียอีกที่ไม่ยอมหลับ ยิ้มแล้วมองใบหน้าธิติรัตน์ สุดท้ายก็ใจอ่อน โกรธไม่ลงอยู่ดี
ด้านแม้นเทพเดินไปเดินมากังวล มองไปที่บ้านของเมิน
“คนบ้านโน้น เค้าไม่ห่วงเลยเหรอ ว่าป่านนี้ชุติมาเป็นอย่างไร?” แต่แล้วฉุกคิดขึ้นมา “อ้าว!!แล้วตกลง เราจะห่วงชุติมาทำไม? ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”
ปากว่า แต่สายตาแม้นเทพฉายชัดว่าห่วงใยชุติมามาก
ชุติมาเปิดประตูห้องเข้ามา หน้าเหี่ยวแห้ง
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะชุ?” สุดใจถาม
“ชุหางานไม่ได้เลยค่ะน้าวันดี สมัยนี้ปริญญาตรีหางานยากจะตาย เฮ้อ!!แต่อย่างว่า ตอนเรียนชุขี้เกียจ ความสามารถพิเศษอะไรก็ไม่มี สมแล้วที่ต้องตกงาน”
“ถ้าเราไม่เลือกงาน ค่อยๆ หาไปเดี๋ยวก็ได้” สุดใจปลอบโยน
“ชุก็คิดอย่างนั้นล่ะค่ะ” ชุติมาบ่นเบาๆ “ขนาดแรม เรียนยังไม่จบก็ยังหางานทำได้เลย”
สุดใจถามอย่างสนใจ “ใครแรม?”
“อ๋อ! คนรู้จักน่ะค่ะ แรมเป็นคนเก่ง คนขยัน ไม่ย่อท้อกับอะไรง่ายๆ ชุจะเอาอย่างแรม คุณน้ากินอะไรหรือยังคะ? ถ้ายัง เดี๋ยวออกปาอะไรกินกัน?”
“น้าทำเผื่อชุไว้แล้ว ไปยกมากินสิ”
ชุติมาดีใจจนออกนอกหน้า ตื้นตันใจนัก “คุณน้าใจดีกับชุจริงๆ”
“แล้วพ่อแม่ชุล่ะ?” สุดใจถาม
“อย่าพูดถึงเลยค่ะ พ่อแม่ชุไม่มีใครรักชุหรอก...ชีวิตชุไม่มีใครรักซักคน”
ชุติมาเดินเลี่ยงไป สุดใจได้แต่มองตามอย่างสงสาร
พระจันทร์ดวงโตคืนนี้สวยเศร้ามากกว่าทุกคืนในชีวิตชุติมา ที่เดินมาหยุดยืนที่หน้าต่างทอดสายตามองออกไปดวงตาเหงาเศร้า ได้แต่พึมพำกับตัวเอง
“ตอนนี้ฉันเข้าใจเธอแล้วนะแรม ชีวิตที่โดดเดี่ยวอ้างว้างเป็นยังไง?”
ชุติมาหยิบเสื้อผ้าที่แม้นเทพเคยซื้อให้มากอดแนบอก สีหน้าแววตาอ้างว้างเหลือแสน
เมินแปลกใจที่ไม่เห็นเดือนแรมคอยดูแลระหว่างรับประทานอาหาร มองหาแล้วถาม
“อ้าว!!แล้วแรมล่ะ?”
จันทรารีบบอกน้ำเสียงไม่พอใจมาก “ก็..คงอยู่กับผู้ชายมั้งคะ?”
เมินปราม “จันทรา”
“ฉันพูดอะไรผิด แรมหายตัวไปทีไร ก็อยู่กับผู้ชายทุกที”
เพ็ญประกายพูดลอยๆ เสียงเรียบผสมโรง “ป่านนี้อาจจะอยู่กับคุณชายก็ได้ค่ะ”
เจิมเดินผ่านมาทำหน้าใส่เมิน คิดในใจ...ปัญญาอ่อนเอ๊ย...ก่อนจะเดินผ่านไป ได้ยินเมินถาม
“แล้วทำไมต้องอยู่กับคุณชาย?”
เพ็ญประกายย้อนทันทีด้วยเสียบเรียบท่าทีนิ่งเฉยตามเดิม “คุณพ่อก็น่าจะรู้นี่คะ...ว่าทำไม?”
เมินโกรธมาก กำหมัดแน่น “เดือนแรม”
สามจนวิ่งแจ้นมาที่วังศิลาลาย หม่อมรัตนาบอกเมิน ด้วยท่าทางและน้ำเสียงสุภาพแต่หมางเมินอยู่ในที โดยไม่ได้มองจันทราแม้แต่เพียงน้อย
“แรมไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”
“แล้วแรมอยู่ไหน?” จันทราโพล่งถามออกมา
“ดิฉันไม่ทราบ”
เพ็ญประกายร้อนใจจนเสียมารยาท “แล้วคุณชายล่ะค่ะอยู่ไหน?”
“ไม่ทราบเหมือนกันจ้ะ บอกแค่ว่าไปทำธุระที่ต่างจังหวัด” หม่อมรัตนาบอกเสียงเรียบ
“ที่ไหน? ทำไมคุณชายไม่บอกมาหยา?” เพ็ญประกายฉุนขาด
หม่อมรัตนาน้ำเสียงเปลี่ยน “ขนาดแม่ ตาชายยังไม่บอก” เน้น “ถ้าตาชายจะไม่ได้บอก
หนูมาหยา คงไม่แปลกอะไร”
“ใช่ค่ะไม่แปลก แต่น่าแปลกมากที่คุณชายกับแรม หายไปพร้อมๆ กัน” จันทราว่า
“โลกนี้มีอะไรมากมาย เรื่องแค่นี้ไม่ถือว่าแปลกหรอกค่ะ” หม่อมรัตนาบอก
“หม่อมกำลังให้ท้ายคุณชายกับแรมทำผิด” จันทราด่าอยู่ในที
รัตนายิ้มบางๆ เหน็บอย่างผู้ดี “แต่ฉันมั่นใจว่าที่ผ่านมา ฉันสอนให้ลูกทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ คุณจันทราก็คงเหมือนกัน”
จันทรากับหม่อมรัตนามองหน้ากัน สู้สายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร เมินที่มีสภาพมึนๆ จากฤทธิ์ยาที่จันทราให้กินรีบตัดบท
“ถ้าแรมไม่อยู่ที่นี่ ผมก็ขอตัว”
เมินเดินนำจันทรากับเพ็ญประกายออกไป หม่อมรัตนาได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ
เมินเดินออกมาในสภาพหน้าแตกยับเยิน จันทรารีบใส่ไฟ
“เพราะแรมคนเดียวเลย ทำให้เราถูกหม่อมรัตนาด่า”
“ทำไมแรมถึงชอบสร้างเรื่องอย่างนี้”
“เลือดแม่มันแรงจริงๆ ปลิ้นปล่อน โกหกหลอกลวง วันๆ ยุ่งแต่กับผู้ชาย” จันทราใส่ไฟต่อ
“เธอทำให้ฉันขายหน้าอย่าให้รู้นะว่าอยู่ที่ไหน ฉันจะเอาเธอให้ตายเลยแรม”
เมินพึมพำอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะเดินนำไปที่รถ จันทราแอบยิ้มสะใจกับเพ็ญประกาย
ต่อจากเมื่อวานนี้ (14 พ.ค. 2555)
แต่พอกลับมาถึงบ้าน สองแม่ลูกต่างก็ยิ้มอย่างขื่นขม เจ็บลึกอยู่ในใจ ปลอบกันไปมา
“ลองถ้าคุณเมินโกรธ นังแรมแย่แน่” จันทราว่า
“ที่ผ่านมา คุณพ่อก็โกรธแต่เพ็ญไม่เคยเห็นคุณพ่อจะทำอะไรแรมซักที” เพ็ญประกายบอก
จันทราปลุกปลอบใจตัวเองและลูกสาว “น้ำหยดลงหินทุกวันยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจคน ความอดทนยังไงต้องมีวันสิ้นสุด ถึงวันนั้นนังแรม คงมีสภาพเหมือนกับนังราศี”
“ที่ไม่ว่าจะพูดอะไร คุณพ่อก็คงไม่ฟัง” เพ็ญประกายเสริม นับวันรังสีอำมหิต เนื่องมาจากความริษยาจะยิ่งฉายชัด ไม่ต่างจากผู้เป็นแม่
“ใช่แล้วจ้ะลูกจ๋า...แหม..ลูกแม่เนี่ย นับวันยิ่งฉลาดเหมือนแม่จริงๆ เลย”
ขณะที่สองคนยิ้มให้กันอยู่นั้น เจิมก็เดินเข้ามาหัวเราะร่า เข้ามาพูดใส่หน้า
“จะมายิ้มลูกจ๊ะ ลูกจ๋าอยู่ทำไมวะ?”
“ไม่ให้ยิ้มแล้วจะให้ทำอะไรไอ้พี่เจิม” จันทราแว้ดใส่
เจิมเยาะย้อน “ร้องไห้มั้ง?”
“ทำไมต้องร้องไห้?” จันทรานึกฉงน เช่นเดียวกับเพ็ญประกาย
“ก็คุณหลานจ๋า..คุณน้องจ๋า อาจจะยุแหย่ยุยงให้คุณเมินคิดว่านังแรมมันไปกับคุณชาย....แต่จริงๆ แล้ว...เมื่อคืนนังแรมมันก็ไปกับคุณชายจริงๆ” เจิมหัวเราะร่า
เพ็ญประกายเหวอก่อนที่น้ำตาจะค่อยไหลริน ในขณะที่จันทราโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เจิมเดินกระแทกส้นมาดกวนๆ นำมา จันทราตามติด ในอาการขัดเคืองใจ
“โอ๊ย! โง่ๆๆๆ ทำไมพี่ไม่จัดการมันฮึ? ทำไม?”
“อ๊าว! ขืนทำอย่างนั้นก็ถูกแกด่าอีกว่าโง่ จะเอายังไงวะ?”
“เอายังไงก็ได้ ไม่ให้คุณชายไปกับนังแรม”
“ก็เค้าไปด้วยกันแล้ว ป่านนี้คงถึงสวรรค์วิมานชั้นเจ็ด แปด ทะลุเก้าไปแล้ว”
“ฮึ! ยังไงนังแรมมันก็เป็นได้แค่ของเล่นคุณชาย พี่ไปสะกดรอยตามหม่อมรัตนาเดี๋ยวนี้ ฉันมั่นใจยังไงนังหม่อมนั่นต้องรู้แน่ว่าคุณชายพานังแรมไปอยู่ไหน?”
จันทราสั่งการเสียงกร้าว
ธิติรัตน์เดินออกมา ส่วนเดือนแรมถือสากในมือ คุณชายร้องเฮ้ยแล้วหลบรีบบอก
“เอาสากมาทำไม? ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย เอ้าๆ จะยืนเฉยๆ ไม่กระดุกกระดิกตัวก็ได้” คุณชายยืนตัวแข็งทื่อแกล้งกลัว
เดือนแรมยิ้มขำ “แรมไม่ได้ทำอะไรคุณชายหรอกค่ะ แค่จะตำน้ำพริกให้ทาน”
“ไม่รู้...นึกว่าเธอยังไม่หายเหวี่ยงฉัน”
“มีแต่คุณชายนั่นแหละที่ชอบเหวี่ยงแรม ยิ่งเห็นแรมยอมเท่าไหร่ คุณชายก็ยิ่งเหวี่ยง” เดือนแรมโต้
ธิติรัตน์อมยิ้ม “แต่เธออย่าคิดว่าเธอเป็นฝ่ายแพ้ฉันนะ....ความจริง เธอต่างหากที่เป็นคนชนะ” ธิติรัตน์มองเดือนแรมตาหวานซึ้ง “เพราะยิ่งเธอดีกับฉันเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งขาดเธอไม่ได้”
ธิติรัตน์ก้าวมาจับไหล่เดือนแรมนิ่ง สองคนมองหน้ากัน สบสายตาซึ้ง ธิติรัตน์พูดต่อเสียงอ่อนโยน
“ที่ฉันพาเธอมาที่นี่ เพราะฉันเป็นห่วง....ฉันกลัวเธอจะมีอันตราย เพราะถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันคงไม่ให้อภัยตัวเอง”
ระหว่างนั้น ธิติรัตน์รู้สึกเหมือนมีสายตาใครบางคนแอบมองอยู่ และทันใดนั้นก็มีเสียงเหยียบกิ่งไม้ดังเปี๊ยะ
ธิติรัตน์กอดเดือนแรมเอาไว้โดยทันควัน “มีคนแอบมองเรา รีบเข้าบ้านแรม” รีบผละเดินออกไปทางเสียงที่ได้
เดือนแรมมองตามธิติรัตน์ด้วยความเป็นห่วง ไม่ยอมเข้าบ้าน กระชับสากในมือแน่นแล้วตามไปพร้อมสู้เต็มที่
ธิติรัตน์คว้าท่อนไม้แถวนั้น เดินนำไปอย่างหวาดระแวง โดยมีเดือนแรมแอบย่องตามมา
ธิติรัตน์หันไปเห็นดุเบาๆ “ตามมาทำไมแรม?”
“แรมห่วงคุณชายค่ะ”
ธิติรัตน์ส่ายหน้าทั้งระอาและห่วง “เธอนี่จริงๆ เลย”
ธิติรัตน์คว้ามือเดือนแรมแล้วเดินนำหน้าให้เดือนแรมตามหลัง
จังหวะนั้นที่บริเวณด้านหน้าต้นไม้ไหว ธิติรัตน์เงื้อไม้ในมือเตรียมฟาดเต็มที่ จู่ๆ ตากล่ำโผล่พรวดออกมา สองคนร้องลั่นด้วยความตกใจพร้อมกัน
“ตากล่ำ” / “ลุงกล่ำ”
“ทำไมมาทำอะไรลับๆล่อๆแบบนี้?” ธิติรัตน์ถามเสียงขุ่น
ไม่นานหลังจากนั้น หม่อมรัตนาก็กำลังคุยและอธิบายเหตุผลให้ลูกชายฟังเรื่องส่งกล่ำมาดูที่บ้านสวน สองแม่ลูกคุยกันอยู่ในสวนนอกบ้าน โดยไม่รู้ว่ามีคนแอบมองอยู่
“แม่เป็นคนสั่งให้ตากล่ำไปแอบดูชายกับหนูแรมเอง”
“ทำไมล่ะครับคุณแม่ ผมกับแรมตกอกตกใจหมด?” ธิติรัตน์งง
“แม่อยากรู้ว่าตอนชายอยู่กับหนูแรมตามลำพังเป็นอย่างไร ...จะทำอะไรชายต้องคิดนะลูก หนูแรมเป็นผู้หญิง มีแต่ทางเสียหาย นี่คุณเมินเค้าก็ไปตามแรมถึงบ้าน”
ธิติรัตน์หน้าตื่น อึ้งไป “จริงหรือครับ?”
“จะด้วยความห่วงหรือเหตุผลอะไรก็ตามแต่ แม่ไม่อยากให้เค้าว่ามาถึงเราได้ว่าพาลูกเค้าออกนอกลู่นอกทาง มีปัญหาอะไรอย่าแก้ไขด้วยวิธีนี้เพราะคนที่เสียหายคือหนูแรม”
ธิติรัตน์นิ่งคิดตามคำพูดหม่อมแม่
เจิมนั่นเองที่แอบมองอยู่ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์กดโทร.หาจันทราทันที
“ฉันรู้แล้วว่าไอ้คุณชายพานังแรมมากอยู่ที่ไหน? นังหม่อมรัตนามันก็มาด้วยล่ะแกเอ๊ย ท่าทางมันอยากได้นังแรมเป็นสะใภ้มากกว่ายัยเพ็ญว่ะ”
จันทรากำโทรศัพท์แน่นเสียงกร้าว คำรามอยู่ในลำคอ
“แกทำลูกฉันเจ็บ แกต้องเจ็บกว่าล้านเท่านังแรม”
สรรชัยโทร.หาเดือนแรม แต่กลับติดต่อไม่ได้ ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ
“ทำไมติดต่อแรมไม่ได้เนี่ย?”
ดุจแขเดินมาเห็นก็พูดจาถากถาง “ห่วงเหรอ?”
สรรชัยพูดใส่หน้า “ใช่! ห่วง ไม่ใช่ห่วงธรรมดา แต่ห่วงมาก”
ดุจแขตาวาว “จะห่วงทำไม? ก็แค่ผู้หญิงใจง่ายคนหนึ่ง เจ๊กลากไปไทยลากมา”
“ที่พูดน่ะตัวคุณชัดๆ” สรรชัยเย้ยหยัน
“นี่คุณเห็นคนอื่นดีกว่าฉันแล้วเหรอสรรชัย?”
“จริงๆผมก็ไม่เคยเห็นว่าคุณเป็นคนดี เพียงแต่คุณเป็นคนที่ผมรัก และผมเองก็ไม่ใช่คนดี เพราะผมเคยทำเลวกับอาของผม ฉะนั้นวันนี้เมื่อผมเห็นว่าใครดี และชื่นชมเค้ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
ดุจแขเสียงสั่นๆ “แปลว่า..คุณรักเดือนแรมจริงๆ?”
“ไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”
“เกี่ยวสิเพราะคุณเคยรักฉัน”
“อย่าบอกนะว่าคุณจะกลับมาใส่รองเท้าที่คุณถอดทิ้งไปแล้ว”
“ถึงฉันไม่ใส่ ฉันก็ไม่ให้คนอื่น” ดุจแขบอก นัยน์ตากร้าว
สรรชัยหัวเราะเย้ยหยัน “คุณนี่มันหมาหวงก้างชะมัด แต่ขอโทษที่ผมไม่ได้เป็นก้าง ถึงคุณจะหวงไป ก็ไม่ได้กินเหมือนเดิมหรอก”
สรรชัยเดินหนีไปโดยไม่สนใจเลยสักนิด ดุจแขกรี๊ด ได้แต่ฮึดฮัดขัดใจอยู่อย่างนั้น
*อ่านต่อหน้า3
มาหยารัศมี ตอนที่ 10 (ต่อ)
วันต่อมา ขณะที่ดุจแขนั่งซึมเซาหงอยเหงาหมดอาลัยตายอยากอยู่ แต่กลับถูกจารุณีที่แวะมาหายิ้มเยาะพูดเหน็บแนมตามประสา
“ไงล่ะ ถูกปฏิเสธเสียใจล่ะสิ”
“เปล่า แค่รู้สึกแปลกๆ วันหนึ่ง คนที่เค้าดีกับฉันมาก เค้ากลับไม่สนใจ”
“นั่นล่ะเค้าเรียกว่าเสียใจ”
“ไม่ได้เสียใจ เพียงแค่เสียดาย เพราะคนที่ฉันรักยังไงก็คือคุณชาย”
สรรชัยเข้ามาทันได้ยินพอดี แม้ไม่ได้รู้สึกโกรธ หรือหึงหวงแบบเก่า แต่ก็อดใจแป้วไม่ได้อยู่ดี
สรรชัยเดินออกมาข้างนอก โทร.หาเดือนแรม ซึ่งพอเดือนแรมที่อยู่ที่บ้านสวนของธิติรัตน์รับสาย สรรชัยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง
“แรมอยู่ไหน ทำอะไรอยู่?”
“แรม...แรมอยู่บ้านสวนน่ะค่ะ”
จังหวะเดียวกันนั้น ธิติรัตน์เดินเข้ามาได้ยินเดือนแรมคุยโทรศัพท์ จึงหยุดฟัง สรรชัยถามต่อ
“บ้านสวน...บ้านสวนใคร?”
“บ้านสวนของคุณชาย”
“บ้านสวนคุณชาย” สรรชัยทวนคำ
ดุจแขซึ่งเดินออกมากับจารุณี ท่าทางเซื่องซึม หงอยๆ หูผึ่ง ได้ยินเต็มๆ ดุจแขหายทันที
สรรชัยถามต่อ “แล้วแรมไปทำไมที่นั่น”
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยค่ะ พี่สรรชัยไม่ต้องห่วง...”
ธิติรัตน์อารมณ์เหวี่ยงเต็มที่ เดินมาคว้ามือถือพูดสาย “ถ้าคุณสรรชัยห่วง จะมาหาแรมก็ได้นะครับบ้านสวนผมอยู่ที่....” ธิติรัตน์กดวางสายทันที
เดือนแรมตกตะลึง “คุณชาย”
“ทำไม?” ธิติรัตน์ย้อนถาม แล้วเดินงอนออกไป
“คุณชาย...” เดือนแรมวิ่งตามออกไป
ด้านสรรชัยเดินลิ่วไปที่รถ ดุจแขวิ่งตามมาร้องบอก “ฉันไปด้วย?”
“มายุ่งอะไรกับผม?”
“ฉันต้องยุ่งเพราะนังแรมมันอยู่ที่บ้านสวนกับคุณชาย” ดุจแขไม่สน ก้าวขึ้นนั่งบนรถ
สรรชัยตกใจ “ผมไม่ให้คุณไป ลงมาเดี๋ยวนี้นะ” อ้อมมาลากดุจแขลงมาจากรถ
ทว่าดุจแขขืนตัวไว้ “ฉันไม่ลง ฉันจะไปด้วย” เกาะรถเอาไว้แน่น
สรรชัยดึงสุดแรง “ผมไม่ให้ไป ลงมาเดี๋ยวนี้นะ ลงมา” ทั้งฉุดทั้งลาก
ดุจแขเหนี่ยวรถเอาไว้ “ไม่ลง”
“ลง”
สองคนยื้อยุดฉุดกระชาก สรรชัยอุ้มดุจแขลงมา ดุจแขดิ้นพล่านขัดจืน จารุณีหงุดหงิดมองแล้วขัดตา รีบมาห้าม
“โอ๊ย! พอได้แล้ว แขอยากไป คุณก็ให้ไป ดีซะอีก...แขจะได้รู้ชัดๆ ซะทีว่าระหว่างแขกับแรม คุณชายเค้าเลือกใคร?”
“ผมไม่สนว่าคุณชายจะเลือกใคร ผมสนแค่ ดุจแขจะไปทำให้แรมเสียใจ”
สรรชัยเดินขึ้นรถแบบโกรธๆ ดุจแขเบ้ปากใส่
“นังแรมได้เสียใจแน่ เพราะคนอย่างฉันยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ”
ดุจแขขึ้นรถสรรชัยไป จารุณีมองตามส่ายหน้าอย่างระอา
“ขนมจีนผสมน้ำยาจริงๆ คู่นี้”
ทางด้านธิติรัตน์เดินหน้าหงิกมาด้วยอารมณ์หึงอีก เดือนแรมวิ่งตามมา
“ถ้าคุณชายไม่พอใจ แล้วคุณชายจะบอกพี่สรรชัยทำไมคะว่าเราอยู่ไหน?”
“ก็เผื่อเธอจะพอใจ....หรืออยากให้เค้ามารับเธอไง” ธิติรัตน์สวนกัด
“แล้วถ้าพี่สรรชัยเค้ามารับแรมจริงๆ คุณชายจะให้แรมไปหรือเปล่าคะ?” เดือนแรมหยั่งเชิงในอาการลุ้นๆ
ธิติรัตน์ตอบทันที “อยากไปก็ไป”
“ได้ค่ะ...ถ้าคุณชายอยากให้แรมไป แรมก็จะไป” เดือนแรมเดินออกไปทางหน้าบ้าน
ธิติรัตน์เหวออีก “แรม” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ! โกรธเค้า สุดท้ายก็ต้องตามไปง้อเค้าอยู่ดี” ตามไปทันควัน
เดือนแรมเข้ามาเก็บข้าวของในห้อง ธิติรัตน์ตามเข้ามาห้าม จับมือไว้ไม่ให้เก็บของ
“จะเก็บไปได้ยังไง นี่ของของฉันนะ” เริ่มตีรวน
“ถ้าคุณชายจะเอาคืน ก็เอาไปค่ะ” เดือนแรมโยนเสื้อผ้าใส่
ธิติรัตน์เริ่มเสียงอ่อยๆ “ไม่ได้อยากได้ แต่ไม่อยากให้เธอไป”
เดือนแรมหันมาดุใส่ “แล้วทำไมคุณชายชอบพูดให้แรมเจ็บช้ำใจนักคะ? แรมไม่เคยอยากไปไหน แต่คุณชายก็ผลักไสไล่ส่งแรม”
“ก็...ฉัน...” ธิติรัตน์หันไปทางอื่นพูดเสียงเบามาก “หึง”
เดือนแรมไม่ได้ยิน เดินมาตรงหน้าถาม “อะไรคะ?”
“ฉัน...”
ธิติรัตน์อึกอัก และไม่ทันตอบ รถของสรรชัยก็เข้ามาจอด ทั้งสรรชัยและดุจแขเดินลงมาจากรถพร้อมๆ กัน
ธิติรัตน์กับเดือนแรมอุทานออกมาพร้อมๆ กัน “สรรชัย” / “คุณดุจแข”
สองคนมองหน้ากัน คราวนี้ไม่ใช่ธิติรัตน์ฝ่ายเดียวที่หึง เดือนแรมก็มองดุจแขตาแข็งเพราะความหึง
ดุจแขโผเข้ามากอดธิติรัตน์ทำประชดเดือนแรมและสรรชัย “คุณชายขาแขคิดถึงคุณชายจังเลยค่ะ”
เดือนแรมมองธิติรัตน์ตาขวาง บอกสรรชัยเสียงหวาน “แรมก็คิดถึงพี่สรรชัยมากค่ะ”
ธิติรัตน์มองเดือนแรมตาขวาง และหันมาบอกดุจแข
“ผมก็คิดถึงคุณมาก..แข”
เดือนแรมเหลียวขวับหันมามองธิติรัตน์ตาขวาง สรรชัยเอามือกุมขมับเซ็งเป็ด
ธิติรัตน์เดินหน้าบึ้งตึงมา เพราะโกรธและหึงเดือนแรม ดุจแขตามมาหัวเราะหยัน
“อ้าว! เดินหนีแขทำไมล่ะคะ?ไหนบอกคิดถึง?”
“ผมก็พูดไปอย่างงั้น”
“โถๆๆๆ คุณชายของแขหึงเดือนแรมหรือคะ?”
ดุจแขพูดล้อๆ พยายามกอดเกี่ยวเหนี่ยวรั้ง แต่ถูกธิติรัตน์แกะมือออก “ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ แล้วจะมาทำไมที่นี่ฮึ??”
“ก็แขคิดถึงคุณชาย...” ดุจแขกวาดตามองรอบๆ “ที่นี่น่าอยู่ร่มรื่นมากกว่าเดิมเยอะเลยนะคะ”
ธิติรัตน์บอกเสียงเขียว “ผมไม่ได้ให้คุณมารื้อฟื้นความหลัง”
ดุจแขยิ้มหวาน “ไม่ได้รื้อค่ะ แต่ที่นี่...เป็นความทรงจำของเรา คุณชายเคยพาแขเดินเล่นอยู่ตรงโน้น นั่งเล่นอยู่ตรงนั้น นอนเล่นอยู่ตรงนี้” ดุจแขชี้มือไปโน่น นั่น แล้ววกกลับมาที่ใจตัวเอง
เดือนแรมยืนมองอยู่ด้านหลังกับสรรชัย พอเห็นอย่างนี้เดือนแรมก็ฉุนกลับหลังหันเดินหนีไป โดยไม่ทันเห็นหรือได้ว่าธิติรัตน์ปัดมือดุจแขออกและพูดดุโดยไม่แคร์
“ไม่ต้องมาตอนนั้น ตอนนี้ ตอนไหน รู้แค่ว่าเดี๋ยวนี้ ผมรำคาญคุณ!”
“คุณชาย” ดุแจโกรธ รู้สึกขัดใจมาก และยิ่งอยากเอาชนะคะคาน
เดือนแรมเดินมาหยุดอยู่อีกมุม สรรชัยเดินตามมาถามอย่างเป็นกังวล
“พี่เห็นท่าทางของคุณชายก็รู้กับแรมก็รู้..ทะเลาะกันอีกแล้วใช่มั้ย?”
“แรมไม่เคยทะเลาะคุณชาย มีแต่คุณชายหาเรื่องทะเลาะแรม”
“ประชดกันไปมาแบบนี้ ทั้งรักทั้งเหนื่อยจริงๆ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
ว่าแล้วสรรชัยเดินย้อนกลับไป เบื่อเต็มที่
ธิติรัตน์จะเดินตามเดือนแรม แต่ดุจแขวิ่งมาคว้ามือไว้หมับ ธิติรัตน์ดุอีก เสียงขุ่นเขียว
“เลิกยุ่งกับผมซักทีได้มั้ยแข?”
ดุจแขกวนกลับ “ก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอกค่ะ” ยิ้มยั่ว “แค่...อยากกวนประสาทคุณชายกับเดือนแรมเล่นๆ”
“โรคจิต” ธิติรัตน์ด่าเอา
ดุจแขยิ้ม กวนต่อ “นิดๆมั้งคะ...เพราะถ้าแขไม่มีความสุข แขก็ไม่อยากเห็นคนอื่นมีความสุขเหมือนกัน”
สรรชัยเดินเข้ามากระชากมือดุจแข “มานี่”
ดุจแขเสียหลักร้อง “โอ๊ย” แล้วยื้อตัวเอาไว้
“บอกให้มานี่” สรรชัยลากดุจแขไปจนได้ และจับขึ้นรถปิดล็อคขังไว้ในรถ แล้วเดินกลับมา
ดุจแขได้แต่ร้องกรี๊ดๆ สรรชัยเดินกลับมาหาคุณชาย บอกแบบแมนๆ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณชายกับแรมจะทำประชดกันทำไม? ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่”
ธิติรัตน์ฉุนกึก มองสรรชัยตาวาว ไม่เคยมีใครกล้ามาพูดแบบนี้ด้วย สรรชัยพูดต่อรวดเดียว
“ไอ้ที่ทำประชดกันให้เห็นว่าฉันไม่แคร์ มันไม่ได้ผลหรอก ผมว่ามีแต่จะเตลิดไปยิ่งกว่าเก่า ทางที่ดีบอกกันไปตรงๆดีกว่า คิดอะไร รู้สึกยังไง ดีกว่าต้องมาเข้าใจผิด เพราะการคิดไปเอง มันไม่คุ้มหรอก ถ้าต้องสูญเสียคนที่เรารักเค้ามากที่สุดและเค้าก็รักเรามากที่สุด เพราะปากไม่ตรงกับใจ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ผมฝากให้คุณชายลองคิดดู”
พูดจบสรรชัยก็เดินขึ้นรถพาดุจแขกลับไป แต่ก่อนไปไม่วายเปิดกระจกลงมาบอกธิติรัตน์อีก
“แค่ผมรู้ว่าแรมอยู่ที่ไหน ผมก็สบายใจแล้ว และผมคงมีความสุขมาก ถ้ารู้ว่าแรมมีความสุข ซึ่งคนที่จะทำแรมมีความสุขได้คือคุณชาย”
สรรชัยขับรถพุ่งออกไป ปล่อยให้ธิติรัตน์ยืนเซ่อ เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าพูดตรง และห่ามใส่หน้าแบบนี้
สรรชัยขับรถมาตามทาง ดุจแขมองอย่างหมั่นไส้ เลียนแบบทุกถ้อยคำ
“แค่ผมรู้ว่าแรมอยู่ที่ไหน ผมก็สบายใจแล้ว และผมคงมีความสุขมาก ถ้ารู้ว่าแรมมีความสุข ซึ่งคนที่จะทำแรมมีความสุขได้คือคุณชาย”
สรรชัยเบรกรถ ดุจแขมัวแต่เมาท์เยาะเย้ย ไม่ทันระวัง หัวโขกเข้ากับคอนโซลรถดังโป๊ก
ดุจแขตวาดแว้ด “คุณ”
สรรชัยดุเอาจริงขึ้นมา “เลิกพูด ไม่งั้นจะโดนหนักกว่านี้”
สรรชัยขับรถออกไป ดุจแขยืนเซ่อไปอีกคน เพราะเดี๋ยวนี้สรรชัยไม่ยอม
ส่วนเหตุการณ์ในบ้านสวน เดือนแรมถือไม้กวาด กำลังกวาดเก็บบ้านอยู่ ธิติรัตน์เดินเข้ามาหา
“แรม”
เดือนแรมยังทำเฉยไม่สนใจ หันหนีไปทางอื่น ธิติรัตน์มองฉงนไม่สนใจฉันเลยเหรอ?
“แรม...”
เดือนแรมเงียบอีก ธิติรัตน์มอง นึกบางอย่างในใจ ก่อนทำท่าจะถอดเสื้อ คราวนี้ได้ผลเดือนแรมร้องเสียงหลง
“คุณชายจะทำอะไร?”
ธิติรัตน์อมยิ้มชอบใจ “สนใจด้วยเหรอ?”
เดือนแรมทำท่าดุใส่ ยกไม้กวาดขึ้นป้องกันตัว “ก็คุณชายจะทำอะไรน่ะ?”
“ร้อน..จะอาบน้ำ ฮั่นแน่ะ!!คิดไปถึงไหนต่อไหนล่ะสิ” ธิติรัตน์ทำท่าจะถอดเสื้ออีก
เดือนแรมนิ่วหน้า “คุณชาย!!”
มองตาขวางถือไม้กวาดเดินลิ่วออกไป ธิติรัตน์หัวเราะขำ ขณะแกะกระดุมเสื้อจะอาบน้ำ
เดือนแรมเดินออกมาบ่นงึมงำคนเดียว “คนอะไรชอบแกล้งซะจริง”
โดยไม่มีใครคาดคิดคนร้ายลูกน้องของเจิมที่ซุ่มอยู่โผล่พรวดออกมา กระชากตัวเดือนแรมเอาไว้
“ว้าย!!ช่วยด้วยๆๆ” เดือนแรมตะโกนสุดเสียง
ธิติรัตน์ ที่จะถอดเสื้อชะงัก ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย “แรม”
ธิติรัตน์มองหาอาวุธ เห็นเสียมวางอยู่ใต้ต้นไม้ คว้ามากระชับในมือ
ส่วนเดือนแรมช่วยตัวเองเต็มที่ด้วยการเอาไม้กวาดตีคนร้าย แต่คนร้ายกระชากไม้กวาด
จากมืออย่างแรงจนร่างเดือนแรมเซแล้วล้มลง มันกระชากร่างของเดือนแรมขึ้น ตบผลัวะจนเดือนแรมล้มอีก
เจิมแอบมองในอาการลุ้นเอาใจช่วยลูกน้องสุดขีด
คนร้ายกระชากร่างเดือนแรมอย่างแรง “มานี่!!”
ระหว่างนั้นธิติรัตน์โผล่มาจากด้านหลัง เอาเสียมฟาดคนร้ายสุดแรงเกิดจนมันล้มลง เจิมหน้าเสีย แต่ทันใดนั้นคนร้ายอีกคนเห็นหันมาเล่นงานธิติรัตน์ด้วยการเอาไม้ฟาดเข้าที่ศีรษะจนคุณชายล้มลงเลือดไหลอาบ เจิมยิ้ม เดือนแรมรีบยันตัวลุกขึ้นมาช่วย แต่คนร้ายที่ล้มอยู่ลุกขึ้นมาก่อน เดือนแรมเอาไม้กวาดฟาดมันเต็มแรงแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ส่วนคุณชายลุกขึ้นมาสู้กับคนร้ายอีกคน โชคร้ายเสียมในมือคุณชายหลุดจากมือ คนร้ายคว้าปืนออกมาจะยิงคุณชาย
“จริงๆ ผมไม่อยากทำอะไรคุณชายนะ อย่ายุ่งดีกว่า ปล่อยนังแรมไปกับผม”
จังหวะนั้นเองเดือนแรมคว้าเอาเสียมที่หล่นอยู่ ฟาดเข้าที่มือของคนร้ายจนปืนหล่นลง ธิติรัตน์คว้าปืนเอาไว้ ขู่คนร้าย เดือนแรมรีบมาหลบหลังคุณชาย คุณชายพูดเสียงกร้าว
“พวกแกนั่นแหละรีบไป ไม่งั้นสมองกระจุย”
สองวายร้ายมองหน้ากัน เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเผ่น เจิมเห็นรู้สึกหัวเสียมาก
เดือนแรมมองธิติรัตน์เห็นเลือดไหลจากศีรษะตกใจมาก “คุณชาย”
ทางด้านเดือนแรมช่วยตัวเองเต็มที่ ฮึดสู้ด้วยการเอาไม้กวาดตีคนร้าย แต่คนร้ายกระชากไม้กวาดจากมืออย่างแรงจนร่างเดือนแรมเซแล้วล้มลง มันกระชากร่างของเดือนแรมขึ้น ตบผลัวะจนเดือนแรมล้มอีก
เจิมแอบมองในอาการลุ้นเอาใจช่วยลูกน้องสุดขีด
คนร้ายกระชากร่างเดือนแรมอย่างแรง “มานี่!!”
ระหว่างนั้นธิติรัตน์โผล่มาจากด้านหลัง เอาเสียมฟาดคนร้ายสุดแรงเกิดจนมันล้มลง เจิมหน้าเสีย แต่ทันใดนั้นคนร้ายอีกคนเห็นหันมาเล่นงานธิติรัตน์ด้วยการเอาไม้ฟาดเข้าที่ศีรษะจนคุณชายล้มลงเลือดไหลอาบ เจิมยิ้ม เดือนแรมรีบยันตัวลุกขึ้นมาช่วย แต่คนร้ายที่ล้มอยู่ลุกขึ้นมาก่อน เดือนแรมเอาไม้กวาดฟาดมันเต็มแรงแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ส่วนคุณชายลุกขึ้นมาสู้กับคนร้ายอีกคน โชคร้ายเสียมในมือคุณชายหลุดจากมือ คนร้ายคว้าปืนออกมาจะยิงคุณชาย
“จริงๆ ผมไม่อยากทำอะไรคุณชายนะ อย่ายุ่งดีกว่า ปล่อยนังแรมไปกับผม”
จังหวะนั้นเองเดือนแรมคว้าเอาเสียมที่หล่นอยู่ ฟาดเข้าที่มือของคนร้ายจนปืนหล่นลง ธิติรัตน์คว้าปืนเอาไว้ ขู่คนร้าย เดือนแรมรีบมาหลบหลังคุณชาย คุณชายพูดเสียงกร้าว
“พวกแกนั่นแหละรีบไป ไม่งั้นสมองกระจุย”
สองวายร้ายมองหน้ากัน เห็นท่าไม่ดี รีบเผ่น เจิมเห็นรู้สึกหัวเสียมาก
เดือนแรมมองธิติรัตน์เห็นเลือดไหลจากศีรษะตกใจมาก “คุณชาย”
เวลาเดียวกัน ธิดากับหมอเกรียงเดินออกมาจากร้านอาหารจะขึ้นรถ เสียงมือถือดัง
ธิดากดรับ “ว่าไงจ้ะแรม?” นิ่งฟัง “..พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“มีอะไรดา?”
“คุณชายถูกทำร้ายค่ะ”
สองคนรีบขึ้นรถขับทะยานไปอย่างร้อนใจ
ค่ำนั้น หมอเกรียงทำแผลที่ศีรษะให้คุณชาย
“รบกวนหน่อยนะครับพี่หมอ...” ธิติรัตน์ติดขำไม่ซีเรียสมาก “ขี้เกียจขับรถน่ะครับ”
“แรมก็ขับรถไม่เป็นค่ะ”
“นั่นไม่ใช่สาระสำคัญเลยจ้ะ...พี่น้องกันมีอะไรก็ต้องนึกถึงกัน ช่วยเหลือกัน” ธิดาว่า
“ดีนะครับแค่หัวแตก เพราะถ้าเป็นอะไรมาก ถึงคุณชายจะขี้เกียจก็ต้องไปโรงพยาบาลอยู่ดี”
“แล้วมีเรื่องอะไรกัน พวกมันถึงได้บุกมาทำร้ายคุณชายถึงนี่?” ธิดาสงสัยมาก
สามคน คุณชาย หมอเกรียง ธิดาหลบมุมมาคุยกัน ในบริเวณใกล้ๆ กับที่เจิมซุกตัวหลบอยู่ใต้พุ่มไม้แอบฟังอยู่ คุณชายเอ่ยขึ้น
“เป้าหมายของมันไม่ใช่ผมหรอกครับ? แต่เป็นแรม”
สองคนประสานเสียงด้วยความตกใจ “แรม!!”
“อย่าบอกนะว่าดุจแขหึงหวงชาย จนให้คนมาทำร้ายแรมน่ะ” ธิดาตั้งข้อสังเกต
“ผมว่าไม่เกี่ยวกับแข”
“แล้วใคร?” หมอเกรียงถาม
ธิติรัตน์นิ่ง ครุ่นคิด “ผมยังบอกไม่ได้ แต่ถ้าให้ผมเดา น่าจะเกี่ยวกับมาหยารัศมี”
“หมายความว่ายังไง?”
“หลายครั้งแล้วที่แรมถูกทำร้ายที่บ้านของคุณเมิน รวมทั้งเหตุการณ์ที่แรมถูกคนบ้านนั้นกลั่นแกล้ง มันทำให้ผมสงสัยถึงเงื่อนงำบางอย่าง เพราะถ้าอิจฉาริษยา ก็ไม่น่าทำร้ายกันได้ขนาดนี้”
“คุณชายสงสัยว่าแรมอาจจะเป็นมาหยารัศมีตัวจริง” หมอเกรียงถาม
ธิติรัตน์ตอบทันที “ครับ..และผมกำลังหาทางพิสูจน์อยู่”
คำพูดประโยคนี้กระแทกเข้าหน้าเจิมเต็มๆ จอมวายร้ายตาโต
เจิมรีบกลับมารายงานจันทราทันที จันทราถามด้วยความตกใจ
“อะไรนะ พวกมันสงสัย ในตัวมาหยารัศมี”
“ก็เหมือนที่ไอ้คุณชายมันเคยคุยกับแกนั่นแหละ ...มาหยารัศมีมีตัวจริงตัวปลอม แต่คราวนี้ฉันได้ยินว่ามันจะหาทางพิสูจน์กัน แล้วถ้ามันพิสูจน์”
จันทราตวาด “ฉันก็ตายน่ะสิ...”
“จะให้ฉันจัดการไอ้คุณชายไปเลยมั้ย จะได้จบๆ” เจิมฮึดฮัด
“ไอ้คุณชายที่พี่เรียกน่ะฉันอยากได้เป็นลูกเขย แต่นังแรมนี่สิ มันเป็นหอกข้างแคร่ เป็นหนามยอกใจฉัน เมื่อไหร่มันจะตายๆไปซะที...ไม่ได้..ฉันต้องทำอะไรแล้ว ไม่งั้นฉันตายแน่ๆ”
จันทราทั้งแค้น แต่ก็สุดจะกลุ้มใจ
โปรดติดตามอ่านต่อตอนต่อไป