xs
xsm
sm
md
lg

มาหยารัศมี ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มาหยารัศมี ตอนที่ 8

ไม่นานต่อมา ธิติรัตน์พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องเดือนแรม แต่กลับลังเลใจ ว่าจะคุยไม่คุยดี เอาแต่เดินกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น

ส่วนภายในห้อง เดือนแรมนั่งหน้าบึ้งทำการบ้านอยู่ แต่ไม่มีสมาธิเอาเสียเลย จึงหันมาวาดภาพการ์ตูนล้อเป็นท่าธิติรัตน์ตีหน้ายักษ์ ดูน่ารักๆ ตลกๆ วาดเสร็จก็หยิบภาพนั้นขึ้นมาดูตรงหน้า
“คุณชายไม่มีตรงไหนน่ารักเลย ทำไมแรมจะต้องรักคุณชายด้วย?”
เดือนแรมบ่นงึมงำหน้าหงิกงอ

เช่นเดียวกับที่ด้านหน้าห้อง ธิติรัตน์ก็บ่นบอกตัวเองอยู่
“ฉันต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง ไม่งั้นฉันนอนไม่หลับแน่”
ตั้งท่าจะเคาะประตู ละเอียดก็เดินเข้ามาเรียก “คุณชาย”
ธิติรัตน์สะดุ้งเฮือก เดือนแรมอยู่ในห้องได้ยินเสียง รีบลุกขึ้นมาแนบหูฟังอย่างสนใจ
ธิติรัตน์แก้เก้อ ถามกลบเกลื่อน “ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอนอีก?”
“ละเอียดนอนไปแล้วค่ะ แต่ลุกมาเข้าห้องน้ำ เห็นไฟเปิดอยู่ เลยต้องรีบดู แหะๆ นึกว่าลืมปิดน่ะค่ะ คุณชายมีอะไรจะใช้แรมหรือคะ?”
เดือนแรมได้ยิน ใจเต้นโครมคราม แนบหูฟังต่อ ได้ยินธิติรัตน์กระแอมบอกว่าตัวเองเจ็บคอ
“ฉันไม่สบาย ปวดหัว เป็นไข้ ไม่สบายเลยจะให้แรมไปเอายามาให้หน่อย”
“หนูแรมไม่สบาย คงหลับไปแล้ว เดี๋ยวละเอียดไปเอามาให้ค่ะ”
ละเอียดมอง แต่ธิติรัตน์ไม่ยอมเดินกลับ สองคนมองหน้ากัน
ละเอียดพูดพาซื่อ “คุณชายรอที่ห้องก็ได้ค่ะ เดี๋ยวละเอียดจะรีบไปเอามาให้”
ธิติรัตน์พูดบอกแบบเสียไม่ได้ “ได้...งั้นฉันไปรอที่ห้องแล้วกัน”
“ค่ะ” ละเอียดจะเดินไป
ธิติรัตน์ยืนลังเลมองห้องเดือนแรม แต่เห็นละเอียดยืนมองจ้องอยู่ ธิติรัตน์จำต้องเดินกลับไป ละเอียดเดินลงไป ตัดรับภาพห้องแรมเปิดออก
เดือนแรมโผล่หน้าออกมาดู เห็นหลังธิติรัตน์ไวๆ เดือนแรมเดินออกมาจากห้องปิดประตูเบาๆ
ละเอียดเดินมายังตู้ยาประจำบ้าน หยิบยาแก้หวัดแก้ไอมาแล้วจะเดินไป แต่ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นเดือนแรมยืนตรงหน้า
“โอ๊ย! ตาเถรตกกระได หนูแรม..ป้าเกือบหัวใจวายตาย มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรคะ?”
“ก็...แรมตามป้าละเอียดมาน่ะค่ะ”
“มีอะไรหรือคะ?”
“ป้าละเอียดรอแรมก่อนนะคะ อย่าเพิ่งเอายาไปให้คุณชาย เดี๋ยวแรมจะทำน้ำตะไคร้ไปให้ด้วย จะได้ช่วยลดไข้” เดือนแรมบอก
“ได้ค่ะได้...ถ้าคุณชายได้ดื่ม..คุณชายต้องสร่างไข้แน่ๆ เลยค่ะ”

ครู่ต่อมาละเอียดยกแก้วน้ำตะไคร้พร้อมยามาหยุดที่หน้าห้อง เคาะประตู ธิติรัตน์เปิดออกมา ละเอียดรีบบอก
“ได้แล้วค่ะ...ยา แล้วก็น้ำตะไคร้”
“หือ!!ฉันไม่ชอบ แค่ได้กลิ่นก็เหม็นเขียวแล้วใครจะกิน” ธิติรัตน์บ่นราวกับเด็กๆ
“คุณชายดื่มซักหน่อยนะคะ จะได้สร่างไข้ นะคะ” ละเอียดมองสายตาอ้อนวอน
“ก็ได้ๆ ขอบใจมากนะละเอียด”
ธิติรัตน์รับยาและน้ำตะไคร้จากละเอียดแล้วปิดประตู ละเอียดนึกได้
“ตายๆๆ ลืมบอกเลย ว่าหนูแรมทำมาให้”
ธิติรัตน์วางยาและน้ำตะไคร้ ลงบนโต๊ะไม่ได้สนใจสักนิด
“เฮ้อ!” ธิติรัตน์ครุ่นคิด ทอดถอนใจออกมา “ไม่ยอม ยังไงฉันก็ไม่ให้เธอไปจากฉัน แรม!”

เช้ามืดวันต่อมา ธิติรัตน์เดินออกมาจากห้อง เห็นเดือนแรมหิ้วกระเป๋าเดินทางออกมา ธิติรัตน์ตกใจมาก
“แรม”
ธิติรัตน์วิ่งตามแรมไปเร็วรี่ คว้าแขนให้หันมา พลางถาม
“ไม่ได้นะแรม เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ฉันไม่ให้เธอไป”
เดือนแรมดึงมือธิติรัตน์ออก “ไม่ได้ค่ะ แรมต้องไป”
“ก็ฉันบอกไม่ให้เธอไป” ดึงมือแล้วคว้ากระเป๋ามา
เดือนแรมยื้อคืน “อย่าค่ะคุณชาย อย่า”
ธิติรัตน์ของขึ้นอีก “เดี๋ยวนี้เธอกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ?”
เดือนแรมยังงอนอยู่ เหนื่อยใจเหมือนต้องทำตามคำสั่งตลอดเวลา “เปล่าค่ะ...”
ธิติรัตน์เริ่มอ่อนลง แต่บอกเสียงเคร่ง “ถ้าอย่างนั้น...เธอก็ห้ามไปไหน?”
“แรมต้องไปค่ะ” เดือนแรมยืนกรานหนักแน่น
ธิติรัตน์โกรธขึ้นมา กระชากแขนเดือนแรมทันที “เดือนแรม”
หม่อมรัตนาเข้ามาเห็นเข้า “อะไรกันตาชาย?”
ธิติรัตน์ยอมปล่อยมือเดือนแรม “แรมเก็บเสื้อผ้าจะไปจากที่นี่ แต่ผมไม่ให้แรมไป”
หม่อมรัตนามองกระเป๋าแล้วหัวเราะออกมา “ก็ใครบอกว่ากระเป๋านั่นของแรมล่ะ”
ธิติรัตน์มองหม่อมแม่ สีหน้างงงวย หม่อมรัตนาพูดต่อ
“เมื่อคืนแม่โละเสื้อผ้าเก่าๆ เลยวานแรมให้เก็บใส่กระเป๋าไปให้ตากล่ำ เอาไปฝากญาติที่ต่างจังหวัด” หม่อมหันมาทางเดือนแรม “แรมรีบเอาไปให้ตากล่ำเถอะ”
“ค่ะ”
เดือนแรมเดินไป ธิติรัตน์มองตามแรม หน้าแตกดังเพล้ง!

สองแม่ลูกนั่งอยู่ด้วยกัน ละเอียดเดินมา พร้อมน้ำตะไคร้ เอ่ยถามขึ้น
“คุณชายค่อยยังชั่วหรือยังคะ? ไม่เห็นดื่มน้ำตะไคร้เลย”
“ก็บอกแล้วไง ฉันไม่ชอบ มันเหม็น”
“แต่หนูแรมบอกว่าน้ำตะไคร้ช่วยสร่างไข้”
“แรมมาเกี่ยวด้วยอะไร?” ธิติรัตน์งง
“ก็เมื่อคืนหนูแรมเป็นคนทำน้ำตะไคร้ให้คุณชายค่ะ”
“อ้าวเหรอ?” ธิติรัตน์รีบแก้เก้อ “เออ..ฉันรู้สึกตัวรุมๆ อีกแล้ว ...เอามาดื่มหน่อยก็ดี
“แต่มันค้างคืนแล้วนะคะ” ละเอียดท้วง
“ไม่เป็นไร ฉันดื่มได้”
ธิติรัตน์คว้าน้ำมาดื่มหน้าตาเฉย ละเอียดทำหน้าปูเลี่ยนๆ หม่อมถามดักคอลูกชาย
“ไม่เหม็นแล้วเหรอลูก?”
“ก็..พอได้ครับ”
ละเอียดอมยิ้มขำ รับแก้วมาแล้วเดินออกไป
ธิติรัตน์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หม่อมรัตนาอมยิ้ม ถามขึ้นอีก
“ชายกลัวว่าแรมจะไปขนาดนั้นหรือลูก?”
ธิติรัตน์ทำเป็นปากแข็ง “ก็...เปล่าครับ แค่มีงานติดค้างกันอยู่นิดหน่อย”
“งั้นก็แล้วไป...เพราะถ้าชายไม่อยากให้แรมไปจริงๆ ก็เหมือนที่แม่เคยบอกชายแหละ ชายต้องคิดใหม่เรื่องที่จะแต่งงานกับมาหยารัศมี ไม่ว่ามาหยารัศมีคนนั้นจะเป็นตัวจริงหรือปลอม?”
ธิติรัตน์นิ่งอึ้ง เงียบไปทันที

สายวันนั้น เพ็ญประกายนั่งหน้าเศร้า เครียด ดวงตาเจ็บปวด นึกถึงภาพเดือนแรมกับธิติรัตน์ที่ตัวเองเห็นที่โรงพยาบาล
จู่ๆ เพ็ญประกายก็คลั่งขึ้นมาอีก เหมือนคนเริ่มมีอาการประสาทอ่อนๆ ชุติมาเห็นวิ่งมาหา จับตัวถามอย่างเป็นห่วง
“เพ็ญเป็นอะไรเพ็ญ?”
แต่เพ็ญประกายกลับสะบัดตัวชุติมาออก “อย่ามายุ่ง”
ชุติมางง ของขึ้นแล้ว “เอ๊า! ยัยนี่ ยังมาทำเสียงแบบนี้อีก คนรึอุตส่าห์เป็นห่วง”
“ถ้าห่วงจริง พี่ชุคงไม่ด่าเพ็ญปาวๆหรอก ฮึ! ตามหาเรื่องเพ็ญตลอด เพราะอยากได้คุณชาย”
ถูกเหน็บเข้าอีก ชุติมามองชักฉุนจึงแกล้งยั่ว “โอ๊ย!!อยากได้จังเลยๆๆๆ” ทำเลียนเสียงเพ็ญประกาย “คุณชายคะคุณชายขา..ว่างมาทานข้าวกับชุมั้ยค้า...เดี๋ยวชุไปหา” แล้วเปลี่ยนเป็นเต้นยั่ว “รูปร่าง หน้าตาแบบนี้ ถามหน่อยนะคะคุณชาย ชอบม้าๆๆ”
เพ็ญประกายกรี๊ดสุดเสียง เต้นเร่าๆ จิตตกย่างแรง “แอร้ยย! เห็นมั้ยหลุดออกมาแล้ว พี่ชุอยากได้คุณชายจริงๆ”
ชุติมาส่ายหน้า รู้สึกรำคาญมากๆ “โอ๊ย!!หน้าตาขาวซีดเป็นจิ้งเหลนเผือก จ้างให้ฉันก็ไม่สนใจหรอก” เผลอหลุดปาก “สเป็คฉันต้องหน้าเข้มๆ มาดเท่ๆ เห็นแล้วหัวใจละลาย อย่างพี่ต้อม”

สองคนไม่รู้ว่าแม้นเทพในชุดเครื่องแบบนายทหารเดินมาได้ยินเข้า แม้นเทพสะดุ้งเฮือก ตกใจร้องลั่น
“เฮ้ย! เกี่ยวอะไรกับพี่?”
ชุติมาหันมาเห็นตกใจเช่นกัน “เฮ้ย!!พี่ต้อม”
สองคนมองหน้ากัน ชุติมาอายแทบแทรกแผ่นดินหนี รีบบอกเพ็ญประกายแก้เก้อ แต่ตะกุกตะกักอย่างน่าขัน “ตะกี้ไม่ใช่พี่ต้อมนะ คนที่พี่อยากได้...คุณชาย”
แล้วชุติมารีบวิ่งหนีจู๊ดไปด้วยความอาย เพ็ญประกายตามไปเอาเรื่องต่อ แม้นเทพทำหน้าพิกล
“ขอให้หูฝาดเถอะ เพราะถ้าเป็นสเป็คชุติมา เราตายแน่ๆ”
แม้นเทพเดินไปยังโรงจอดรถ ใจหายใจคว่ำปนขำ

ส่วนชุติมาเดินลิ่วเข้ามาในบ้าน บ่นพึมพำรู้สึกอับอายขายขี้หน้ามากๆ ท่าทีน่าขำ
“พี่ต้อมรู้ความในใจเราหมดเลย ต่อไปเราจะมองหน้าพี่ต้อมได้ยังไง ตายๆๆ”
เพ็ญประกายวิ่งตามมากระชากไหล่ชุติมาสุดแรง ชุติมาร้องลั่น
“โอ๊ย! อะไรอีกยัยเพ็ญ”
“สุดท้ายก็ยอมรับ ว่าอยากได้คุณชาย”
ชุติมารำคาญมากขึ้น “คนอย่างฉัน ถ้ามีผู้ชายคนเดียวในโลกฉันก็ไม่เคยคิดแย่งน้อง”
เพ็ญประกายงง มองชุติมาอย่างเหยียดเย้ย สายตาบอกเป็นเชิงว่าคนละสเตตัส
“ใครเป็นน้องเธอ?”
ชุติมาตอกหน้า “ก็เธอไง”
“ไม่ใช่....เธอมันแค่คนอาศัย ที่แม่ฉันเอามาชุบเลี้ยง ความจริงแม่เธอเป็นใครก็ไม่รู้ พ่อเธอก็เป็นแค่ไอ้ขี้คุก” เพ็ญประกายเย้ยหยัน
ชุติมาตวาดสียงเข้ม “อย่ามาพูดอย่างนี้กับฉัน”
“ทำไมจะพูดไม่ได้..ก็มันคือความจริง เธอมันแค่คนอาศัย ลูกคนขี้คุก”
“เพ็ญประกาย” ชุติมาสุดจะทน ตบผลัวะเข้าที่หน้า
เพ็ญประกายร้องกรี๊ดล้มลงไป แล้วลุกพรวดขึ้นมาใหม่ แต่รู้ว่าสู้ไม่ได้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ฉันจะให้คุณแม่เฉดหัวเธอออกจากบ้าน จะได้ไม่มีที่ซุกหัวนอนเหมือนนังแรม”
เพ็ญประกายผลักชุติมาเต็มแรง จนหัวชนเข้ากับกระถางต้นไม้ใกล้ๆ
เพ็ญประกายหัวเราะเยาะเดินหนีไป

จันทราเดินออกมาพอดิบพอดี สวนกับเพ็ญประกายที่วิ่งมา เห็นอาการลูกสาวจันทราตกใจมาก
“เพ็ญ ร้องไห้ทำไมลูก”
“พี่ชุติมา ด่าเพ็ญแล้วก็ตบเพ็ญ คุณแม่ต้องไล่พี่ชุติมาออกไปจากบ้านนะคะ”
“นังชุติมา”
จันทราเดินไปอย่างรวดเร็ว เพ็ญประกายผุดสีหน้าสะใจออกมา

ชุติมาร้องไห้โฮแบบสุดจะกลั้นออกมา เจ็บปวดในใจ
“เจ็บตัวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ฉันเจ็บใจ ที่น้องแท้ๆ มันด่าฉัน มันทำร้ายฉัน เพราะแม่..แม่คนเดียว” ชุติมาร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่เหลือเค้าขาวีนประจำบ้าน
จันทราเดินพรวดเข้ามาทันได้ยิน พูดแทบเป็นตวาด
“ถ้าฉันพาแกเข้ามาอยู่ที่นี่ แล้วแกทุกข์ทรมานมาก แกก็ไสหัวออกไปสิชุติมา”
“แม่”
“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ เพราะถ้าแกเป็นลูกฉันจริง แกจะไม่มีวันทำให้ฉันปวดหัวแบบนี้” เอามือจิ้มหัวชุติมาอย่างแรง “สำนึกใส่กะลาหัวไว้บ้างชุติมา ที่ฉันเอาแกเข้ามาชุบเลี้ยงในบ้านนี้มันก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่งั้นน้ำหน้าคนอย่างแก คงอยู่ที่สลัมเป็นลูกคนขี้คุกเหมือนเดิมนั่นแหละ เพราะฉะนั้นอย่าทำกำเริบเสิบสานกับคุณเพ็ญอีก”
จันทราสะบัดหน้าพรืด เดินออกไปทันควัน

ครู่ต่อมา เมินกำลังจะไปทำงานเดินเข้ามา เห็นชุติมาร้องไห้คร่ำครวญอยู่คนเดียว จันทราไม่อยู่แล้ว
“คำก็เป็นลูกไอ้ขี้คุก ไอ้ขี้คุก...ทำไมแม่ไม่เคยคิดบ้าง...ยังไงไอ้ขี้คุกคนนั้นมันก็เป็นพ่อหนู”
เมินตกใจ นึกเวทนา เดินเข้าไปหา เรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ชุติมา”
ชุติมาสะดุ้งเฮือก ตกใจมาก “คุณเมิน”
“เธอคงโกรธจันทรามาก ที่วันนั้นเค้าพูดรุนแรงกับเธอ”
ชุติมารีบกลบเกลื่อนเรื่องเมื่อครู่ “ค่ะ....วันที่อยู่รพ.คุณน้าพูดกับหนูแรงเกินไป”
“ความจริงเค้าไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก..เพราะตอนที่เค้าขออนุญาตพาเธอเข้ามาอยู่ด้วย เค้าบอก ว่าเค้ารักและสงสารเธอ”
ชุติมาน้ำตาไหลออกมาอีก ด้วยความน้อยใจ เสียงปร่าแปร่ง นึกสมเพชตัวเอง “รักและสงสาร”
“ใช่! จันทราเค้ารักและสงสารเธอมาก ที่เธอไม่มีพ่อ ไม่มีแม่”
ชุติมาร้องไห้โฮออกมา สงสารตัวเองมาก กระแทกเสียงเย้ยหยันตัวเอง
“ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่!”
เมินนึกสงสาร พยายามพูดปลอบ “แต่จันทราเค้าบอกกับฉันว่า...เค้าจะพยายามรักและดูแลเธอให้เหมือนกับลูกของตัวเอง”
เมินแตะไหล่ชุติมาเบาๆ ปลอบใจ แล้วเดินออกไป ชุติมาปล่อยโฮออกมาแบบคนสติแตก
“รักและดูแลให้เหมือนกับลูกของตัวเอง ทำไมนังชุติมามันน่าสมเพชอย่างนี้ทำไม?” ชุติมาน้ำตาไหลพราก ร้องไห้ออกมาอย่างคับแค้นใจ ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง “เพ็ญประกาย ฉันอยากเป็นบ้าแทนเธอ เพ็ญประกาย”
ชุติมาร้องไห้โฮปิ่มว่าจะขาดใจ อยู่ตรงนั้น

ในห้องทำงานที่ออฟฟิศ เมินนั่งทำงานพลางเปิดนิตยสารเกี่ยวกับออกแบบตกแต่งบ้าน แต่ แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นแอดโฆษณาเป็นรูปเดือนแรมเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ในนั้น
ดวงหน้าของเดือนแรมสวยหวานและแสนสดใส
“แรม” เมินครางเบาๆ ด้วยความคิดถึง
เสียงมือถือดังขัดขึ้นก่อน เมินกดรับ อารามรีบร้อน มือของเมินปัดแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะจนหก
เลอะใส่รูปภาพของเดือนแรมในหนังสือ เมินมองแล้วอึ้งไป ดวงตาเป็นกังวล

คืนนั้นจันทรานอนหลับแล้ว แต่เมินนอนก่ายหน้าผาก ท่าทางกลุ้ม และทุกข์ใจหนัก
“ฉันคิดถึงเธอมาก เธอจะเป็นอย่างไรบ้างแรม?”
เมินหันไปมองจันทรา เห็นว่าจันทราหลับสนิท เมินจึงลุกขึ้นจากเตียง
แท้จริงแล้วจันทรานอนไม่หลับ เหลือบตาจดจ้องมองเมินอย่างสนใจ ว่าจะทำอะไร
จันทราเห็นเมินค่อยๆ เดินไปเปิดตู้ที่เก็บซ่อนของเอาไว้ จันทราเขม้นมองอย่างสงสัย ท่าทางเมินมีพิรุธ เมินเปิดตู้หยิบกล่องของขวัญวันเกิดที่เดือนแรมให้ แล้วค่อยๆ ย่องออกไป
จันทราลุกเดินตามไปด้วยความอยากรู้

เมินเดินออกมานอกห้อง ค่อยๆ แกะห่อของขวัญออกมา เห็นเป็นรูปของตัวเองคล้ายถูกแอบถ่าย เมินนิ่วหน้านึกสงสัย ดวงตาเหมือนจดจำบางอย่างขึ้นได้

วันนั้นเมื่อหลายปีก่อน เดือนแรมในชุดเสื้อผ้าซอมซ่อ นั่งอยู่แทบเท้าเมินขอมือถือไว้ใช้ แต่ถูกจันทราแว้ดใส่
“มือถืออาจจะจำเป็นสำหรับคนอื่น แต่กับเธอมันไม่ได้จำเป็น”
ชุติมาอยู่ด้วยคอยพูดผสมโรง “ใช่! วันๆ ก็เป็นนังกุลาก้นครัว เธอจะเอามือถือไปทำม้าย...เดือนแรม”
เมินมอง บอกเสียงเย็นชา “อยากมีตามคนอื่นล่ะสิ”
“เปล่าค่ะ...ที่แรมอยากได้มือถือเพราะแรมอยากจะเอามาถ่ายรูป” เดือนแรมบอกไปอย่างนั้น
ชุติมาอึ้งเชื่อว่าไม่ใช่เหตุผล หันมาพูดกับจันทรา “ตรรกะแปลกๆ นะคะเนี่ย อยากได้มือถือเพื่อเอามาถ่ายรูป อยากเอาไว้คุยกับผู้ชายล่ะไม่ว่า”
จันทราตอกหน้าปรายตามอง “เหมือนแม่”
เมินหน้าเข้ม นึกถึงราศรี จันทราด่าต่อ “ตลบตะแลงปลิ้นปล้อน ถ้าอยากถ่ายรูปก็ต้องเป็นกล้องสิ จะเอามือถือทำไม?”
“กล้องราคาแพงค่ะ แรมไปดูมาแล้ว มือถือที่พอถ่ายรูปได้ถูกๆ สองสามพันก็มี” เดือนแรมอธิบาย
“อย่าให้นะคะคุณเมิน ไม่งั้นแรมได้ใจแตก เสียเนื้อเสียตัวให้ผู้ชายแน่ๆ”
เดือนแรมอ้อนวอนต่อ “คุณพ่อคะ...วันเกิดแรมปีนี้ แรมขอนะคะ...แรมอยากได้มือถือจากคุณพ่อเป็นของขวัญชิ้นแรกในชีวิตของแรม”
จันทรากับชุติมามองหน้ากัน ลุ้นจัด กลัวว่าเมินจะใจอ่อนซื้อให้ ชุติมาใส่ไฟต่อ
“กระแดะจริงๆ เลย”
“อย่าให้นะคะคุณเมิน ถ้าไม่อยากให้แรมใจแตก มีผัวตั้งแต่ยังเรียนไม่จบน่ะ”
เดือนแรมบอกเสียงนิ่มนิ่ง “ถ้าคนอยากมีสามี ไม่จำเป็นต้องพึ่งมือถือหรอกค่ะ แค่ใจกล้า
หน้าด้าน ก็ทำได้แล้ว”
จันทราโกรธจัดตวาดแว้ด “นังแรม”
เดือนแรมมองเมิน “คุณพ่อคะ แรมขอนะคะ..แรมอยากได้จริงๆ”
เมินนิ่ง เสียงของจันทราดังก้อง มองสบตาเดือนแรม แต่ปากแข็งบอกไป
“ฉันไม่ให้ ถ้าเธออยากได้...เธอก็หาเงินซื้อเอาเอง”
เดือนแรมน้ำตาคลอ “ได้ค่ะ แรมจะหาเงินซื้อเอง เพราะแรมอยากถ่ายรูปมาก”
เดือนแรมมองเมินด้วยแววตาหมองเศร้าน้ำตาเต็มหน้า

นึกถึงตอนนี้ เมินมองดูรูปภาพในมือ ที่ถูกนำไปอัดใส่กรอบอย่างดีราคาแพง เป็นภาพของเมินขณะนั่งหันข้างทำงานอยู่ เท่และดูดี มีลายมือของเดือนแรมเขียนกำกับไว้
“ภาพที่แรมอยากถ่ายที่สุดในชีวิต คือรูปของคุณพ่อค่ะ มันอาจจะไม่สวยพอ แต่ก็มีคุณค่ามากที่สุดในชีวิตของแรม แรมรักคุณพ่อมากค่ะ สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดนะคะ เดือนแรม มณีกุล”
มือของเมินที่ถือกรอบรูปสั่นระริก พร้อมๆ กับที่เมินน้ำตาไหลออกมา จันทรามองดูกิริยาจากด้านหลังรับรู้เพียงว่าเมินร้องไห้อยู่ แล้วนึกสงสัย กำลังจะอ้าปากถาม ก็ดันจามขึ้นมาเสียก่อน
“ฮ้าด...ชิ้ว” เมินสะดุ้ง รีบปาดน้ำตาเก็บของในมืออย่างรวดเร็ว
“ออกมาทำไมจันทรา”
“ก็จันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ เลยตามออกมา ดูอะไรอยู่ค่ะ”
“ไม่มีอะไร? อ้อ! พรุ่งนี้ฉันจะไปดูไซต์งานที่ต่างจังหวัดแต่เช้ามืด ถ้าเธอไม่เห็นฉัน จะได้ไม่ต้องตามหาฉันอีก”
เมินเดินลิ่วกลับไปห้องนอนทันที จันทรามองตาม
“มันต้องมีสิ...ไม่งั้นคุณจะร้องไห้ทำไม? ฉันต้องรู้ให้ได้ ว่ามันคืออะไร? และถ้าเป็นรูปนังราศี น่าดู”
จันทราบอกตัวเองแล้วหันขวับจะตามเมินไป แต่ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นเงาของคนๆหนึ่ง ปรากฏขึ้นตรงหน้า จันทราตกใจหลับตาร้องกรี๊ดขึ้นมา พอมองอีกที เงานั้นหายไปแล้ว จันทรารีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

วันต่อมา ช่วงตอนบ่ายเดือนแรมมีงานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
เดือนแรมยังอยู่ในชุดนักศึกษา เดินหน้าตาซึมมากับเจ๊กอไก่ ที่เห็นอาการก็ถามขึ้น
“วันนี้เรียนหนักเหรอจ๊ะ?”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วทำไมแรมทำหน้าแบบนี้”
เดือนแรมงงถามกลับ “แบบไหนคะ?”
“ก็แบบที่แรมกำลังทำอยู่นี่ล่ะจ้ะ ไม่มีชีวิตชีวา ไม่สบายใจ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“แรมจะออกจากวังคุณชาย ไปอยู่บ้านพี่ต้อมค่ะ” เดือนแรมตัดสินใจบอกด้วยสีหน้าลำบากใจ

หม่อมรัตนามีท่าทางเซียวๆ เหมือนไม่สบาย บอกเดือนแรมอย่างเอ็นดูรับรู้เรื่องที่จะไปอยู่บ้านป้า
“อ้อ!!ถ้าเป็นบ้านญาติพี่น้องกัน ฉันก็สบายใจ ไม่งั้นคงเป็นห่วงแย่”
“แรมกราบขอบพระคุณหม่อมมากค่ะที่เมตตาแรมตลอดมา”
“แรมเป็นเด็กดี ฉันเอ็นดูแรม วันไหนว่างๆก็แวะมาทำอาหารให้ฉันทานบ้างนะ ฉันชอบทานรสมือของแรม ตาชายก็ชอบ”
“ค่ะหม่อม” เดือนแรมยิ้มเจื่อนๆ
“ฉันไม่ค่อยสบาย จะออกไปหาหมอหน่อย ไว้เจอกันใหม่จ้ะ” หม่อมลุกขึ้น แต่แล้วเกิดหน้ามืดเหมือนจะล้มลง
“หม่อม” เดือนแรมรีบถลาเข้าไปประคองรับร่างหม่อมรัตนาอย่างเร็วรี่

หม่อมรัตนานอนอยู่ในห้องแล้ว ทุกคนอยู่พร้อมหน้า มีเดือนแรมคอยเอายาดมให้ดม และละเอียดบีบตามเนื้อตามตัว
ธิติรัตน์สั่งเสียงห้วน “คุณแม่ไม่สบาย เธออย่าเพิ่งไปไหนเลย อยู่ดูแลคุณแม่ก่อน”
“ให้แรมไปเถอะ...แม่หน้ามืดนิดหน่อย อีกอย่างมีหมอเกรียงอยู่ทั้งคน กลัวอะไร”
“งั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกันแรม คนเราจะเห็นน้ำใจกันก็ตอนนี้ล่ะ” ธิติรัตน์เริ่มเหวี่ยง
หม่อมรัตนาปราม “ตาชาย...เป็นอะไร?”
“หม่อมมีบุญคุณกับแรม แรมจะอยู่ดูแลรับใช้หม่อม เหมือนกับที่แรมอยู่คอยรับใช้คุณชาย เดี๋ยวแรมไปทำน้ำขิงมาให้หม่อมนะคะจะได้หายวิงเวียน” เดือนแรมเดินไปทันที
“ละเอียดอยู่ดูแลคุณแม่ด้วยนะ”
ละเอียดรับคำ “ค่ะ”
“พิลึก” หม่อมมองลูกชายที่เดินตามเดือนแรมออกไป
ละเอียดอมยิ้ม
เดือนแรมทำน้ำขิงสมุนไพรอยู่ในครัว ธิติรัตน์เดินมาถึงก็เริ่มแขวะ
“หน้าเสียเชียวที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ เฮอะ! คงอยากจะไปอยู่กับพี่ต้อมจนตัวสั่น”
เดือนแรมไม่ไหวจะเคลียร์ หันขวับมามองตาเขียวเล็กๆ “อะไรนะคะ?”
“ไม่ได้ยินก็แล้วไป เดี๋ยวตอนเธอไปเรียน ฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ถูกขัดใจธิติรัตน์ก็เริ่มหงุดหงิด “งั้นเลิกเรียนเดี๋ยวฉันโทร.หา”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ”
สองคนประจันหน้า ประสานสู้สายตากัน
ธิดากับหมอเกรียงตามมาเห็น แอบยิ้มให้กันก่อนที่หมอเกรียงจะแตะมือธิดาเป็นเชิงบอกให้ออกไป
“เป็นอะไรของเธอ?”
“ไม่ได้เป็นค่ะ”
น้ำขิงได้ที่พอดี เดือนแรมเดินออกไปพร้อมถาดใส่แก้วน้ำขิง
หม่อมรัตนาดื่มน้ำขิงสมุนไพรแล้ว “ชื่นใจ หายใจโล่งเชียว ขอบใจมากจ้ะแรม” เดือนแรมยิ้มรับ
“คราวหลังถ้าคุณน้าไม่สบายโทร.บอกผมเลยนะครับ ผมจะรีบมา อย่าออกไปหาหมอเอง” หมอเกรียงบอก
“น้าเกรงใจ คลินิกก็อยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
“ให้พี่หมอดูให้ดีกว่าค่ะคุณน้า สบายใจกว่า” ธิดาตัดบท
“หม่อมดีขึ้นแล้ว แรมขออนุญาตไปเรียนนะคะ” เดือนแรมขอตัว
“ตาชายไปส่งแรมไป” หม่อมสั่ง
ธิติรัตน์ดีใจแต่รีบเก็บอาการ “ครับคุณแม่”
“ไม่เป็นไรค่ะหม่อม...แรมไปเองได้ค่ะ” เดือนแรมเดินออกไปเลย
ธิติรัตน์มองหน้ามุ่ย “ไม่เอาอะไรซักอย่าง เป็นอะไรของเธอ”

ธิติรัตน์มาหารือธิดาเรื่องเดือนแรม ลูกพี่ลูกน้องสองสามีภรรยาเลยเปิดคอร์สอบรมธิติรัตน์ สามคนคุยกันอยู่ในสนามหญ้า บรรยากาศร่มรื่นในวัง
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะแค่งอน” ธิดาบอกธิติรัตน์ ยิ้มๆ
ธิติรัตน์แอบดีใจ “แรมน่ะหรืองอนผม?”
“เวลาผู้หญิงงอน มักจะพูดตรงข้ามกับที่ใจคิด...ไม่มีอะไร แปลว่า มี” ธิดาอบรมน้อง
หมอเกรียงรีบเสริม “ไม่ต้องโทร.มาแปลว่าให้โทร.กลับมาเร็วที่สุด แล้วถึงไม่รับ ผู้ชายอย่างเราๆ ก็ต้องโทร.ต่อ ไม่งั้นระเบิดจะยิ่งลง”
“อีกอย่างนะจ้ะเวลาที่ผู้หญิงพูดคำว่าอะไรนะ! ไม่ได้แปลว่าไม่ได้ยิน แต่ผู้หญิงกำลังให้โอกาสผู้ชายเปลี่ยนคำพูดอีกที” ธิดาบอกอีก
หมอเกรียงยิ้มๆ เห็นด้วยเต็มร้อย แบบกลัวเมีย “พี่เจอบ่อย”
“แรมกำลังงอนคุณชายจ้ะ และพี่ก็คิดว่า คุณชายควรจะง้อแรม เพราะคุณชายพูดกับแรมแรงเกินไป”
ธิติรัตน์อึ้งปนงง “แรงตรงไหน?”
“คุณน้าบอกพี่ว่า ผู้ชายที่ชื่อต้อม เป็นลูกของคุณป้าแรม เพราะฉะนั้นพี่ต้อมก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายของแรมจ้ะ”
“พี่ชายแรม?”
พอหูตาเริ่มสว่าง ธิติรัตน์หน้าจ๋อยไปทันที

สองคนเดินกลับเข้าบ้าน ปล่อยธิติรัตน์ไว้คนเดียว หมอเกรียงว่ายิ้มๆ
“เกิดมาไม่เคยง้อใคร แล้วคุณชายจะง้อแรมเป็นหรือนี่?”
“ถ้าความรักเรียกร้องจริงๆ ยังไงคุณชายก็ต้องทำได้ค่ะ”
“ใช่..เหมือนกับที่พี่ทำได้ ธิดาสั่งอะไรพี่ต้องทำทู้กอย่างภายในสิบวินาทีไม่งั้น” หมอเกรียงกอดอ้อน “ธิดาของพี่จะโกรธ”
“ภายในสิบวินาทีเกินไปค่ะ ความจริงต้องภายใน” ธิดาพูดท่าทีขึงขัง “หนึ่งวินาที สั่งปุ๊บต้องได้ปั๊บไม่งั้น โกรธ!”
“จ้า..พี่รักธิดา พี่ทำให้ธิดาได้ทุกอย่าง..เหมือนกับที่ธิดาทำทุกอย่างเพื่อพี่ได้”
สองคนมองสบตากัน ใบหน้ายิ้มแย้ม อบอุ่นใจ
“พลังของความรักทำได้ทุกอย่างค่ะ แม้กระทั่งการที่เรายอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ใครคนหนึ่งมีความสุข...ถ้าเป็นอย่างที่เราคิด คุณชายรักแรม…คุณชายต้องทำได้ค่ะ”
ธิดาบอกอย่างมั่นใจ

ธิติรัตน์กลับเข้าห้อง นั่งกระสับกระส่ายกลุ้มใจอยู่
“โอ้โห! ฉันว่าเธอไปหลายอย่างเลย เฮ้อ…ฉันจะง้อเธอยังไงเนี่ยแรม?” ธิติรัตน์ได้แต่ถามตัวเองก่อนนึกได้ หยิบมือถือขึ้นมา โทร.ออก
“อย่าเพิ่งนอนละเอียด คุยกับฉันก่อน”

รุ่งเช้าหม่อมรัตนาเดินเข้ามาในครัว เห็นเนื้อหมูวางตั้งอยู่หลายกิโล หม่อมถามงงๆ
“ซื้อหมูมาทำไมเยอะแยะ ละเอียด”
“คุณชายสั่งให้ซื้อค่ะ เห็นบอกว่าจะให้หัดทำหมูหย็องน่ะค่ะ” ละเอียดบอก
“ตาชายจะหัดทำหมูหย็อง”

หม่อมรัตนารู้สึกประหลาดใจมาก ขณะที่ละเอียดยิ้มปูเลี่ยนๆ


อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้ 9.30 น.

มาหยารัศมี ตอนที่ 8 (ต่อ)

เช้าวันต่อมา ขณะที่เดือนแรมรดน้ำต้นไม้อยู่ ธิติรัตน์เดินมาเมียงๆ มองๆ อยากจะง้อ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เพราะไม่เคย

“ถ้าฉันบอกว่าอยากจะทำหมูหย็อง เธอคงจะหายงอนฉันบ้างนะแรม”
เดือนแรมหันมาเห็นธิติรัตน์ ก็ทำหน้านิ่งๆ ปิดสายยางจะเดินหนี ธิติรัตน์ขัดใจ เริ่มฉุนนิดๆ รีบร้องเรียกไว้
“แรม”
เดือนแรมหันมามองท่าทีเฉยเมย
ธิติรัตน์ทำฟอร์มใส่ “ฉันอยากทำหมูหย็อง”
“เดี๋ยวแรมทำให้ค่ะ” เดือนแรมจะเดินไปเหมือนไม่สนใจ
ธิติรัตน์รีบร้องใหญ่ “จะไปได้ยังไง? ตรงนั้นยังไม่ได้รดเลย”
พร้อมกับชี้มือไปส่งๆ ทั้งที่ตรงนั้นต้นไม้รดแล้วเรียบร้อย ธิติรัตน์รีบบอกแก้เก้อ
“รดน้อยไป ยังไม่ชุ่มเลย”
เดือนแรมไม่พูดอะไร หยิบสายยางเปิดน้ำมารดใหม่ ไม่พูดไม่จากับธิติรัตน์
ธิติรัตน์หน้าเจื่อน ใจเสีย นิ่วหน้าเดินวนเวียนไปมา ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้เดือนแรมสนใจ
จังหวะนั้นเดือนแรมเหวี่ยงสายยางมา โดยไม่ทันมอง ธิติรัตน์ร้องลั่น
“โอ๊ย! เธอนี่รดน้ำยังไง?”
เดือนแรมตกใจ “ขอโทษค่ะ” แล้วทำหน้าเฉยเมยไม่สนใจเหมือนเดิม
ธิติรัตน์อยากเรียกร้องความสนใจ “ขอโทษอย่างเดียวไม่ได้หรอก เวลารดน้ำต้นไม้เธอต้องตั้งใจรดและรดให้ถูกวิธีด้วย”
เดือนแรมมองหน้างงๆ รดให้ถูกวิธีทำยังไง ธิติรัตน์เดินอ้อมไปทางหลังเดือนแรม แล้วยื่นมือไป
จับสายยางรดๆๆ ทั้งไม่เคยรดต้นไม้
“ทำอย่างนี้ๆๆ”

เดือนแรมตัวแข็งทื่อเหมือนถูกธิติรัตน์กอด ใบหน้าธิติรัตน์ก็อยู่ใกล้ใบหน้าเดือนแรมในระยะประชิด
เดือนแรมตาโตหันมามอง ธิติรัตน์อมยิ้มดีใจที่เดือนแรมมีปฏิกิริยาตอบบ้างแล้ว
ตากล่ำเดินมาเห็นพอดียิ้มแป้น
ธิติรัตน์กอดเดือนแรมรดน้ำต้นไม้ไป ยิ้มชอบใจแต่เดือนแรมทำหน้าบอกไม่ถูก ก่อนถอนตัวจากธิติรัตน์ เดินหนีไป ธิติรัตน์ยิ้มพลางตะโกนบอก
“แรม..ฉันจะทำหมูหย็องรอ หายงอนแล้ว เธอมาสอนฉันทำด้วยนะ”
เดือนแรมทำหน้าตกใจ ในขณะที่ธิติรัตน์บอกกับตัวเองอย่างมั่นใจ
“ไม่ว่าเธอจะงอนฉันแค่ไหน ฉันก็จะง้อเธอ และฉันจะอยู่เคียงข้าง ดูแลเธอแทนพ่อแม่ของเธอ แรม”
ธิติรัตน์ทอดสายตามองเดือนแรม เป็นสายตาแห่งรักโดยแท้

โครงการบ้านพักตากอากาศที่ราศรีเคยฝันอยากได้ เมินสร้างขายโดยที่จันทราไม่รู้ เมินมองจ้องบ้านที่ใกล้แล้วเสร็จ ด้วยสายตาปีติ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง เมินนิ่งเงียบ จนคนงานใจไม่ดี
“คุณเมินไม่ชอบเหรอครับ?”
เมินบอกเสียงแผ่ว “ชอบ..ชอบมาก”
“งั้นผมก็โล่งใจ ทีแรก เห็นสีหน้าคุณเมิน ผมใจไม่ดีเลย”
“ขอบใจมาก ไปทำงานต่อเถอะ” เมินฝืนยิ้มให้
“ครับ” โฟร์แมนเดินจากไป
เมินมองบ้านพักตากอากาศตรงหน้า แล้วค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปด้านใน

เมินเดินเข้ามาในบ้าน กวาดสายตามองเหมือนจะจดจำทุกรายละเอียดเอาไว้ นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ราศรีบอกว่าอยากได้บ้านพักตาอากาศ

เมินน้ำตาคลอ เห็นเป็นภาพราศรีที่ยังสวย สดใส อยู่ตามมุมต่างๆ ของบ้าน ทำงานบ้านอยู่อย่างมีความสุข ทั้งจัดดอกไม้ ทำกับข้าวสำหรับมาพักผ่อน จัดเตียง ปูเตียง วางแจกันดอกไม้ประดับบนโต๊ะ แล้วหันมายิ้มให้เมิน
เมินน้ำตาไหลออกมา พึมพำอยู่คนเดียว
“ผมทำให้คุณแล้วนะราศรี” น้ำเสียงเครือๆ “แต่มันคงไม่มีทางเป็นจริงได้...เพราะคุณจากผมไปแล้ว ผมคิดถึงคุณ..ราศี และผมก็คิดถึง....แรม...ผมอยากให้แรมเป็นลูกของเราจริงๆ”
เมินหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า และทุกข์ทรมานใจเหลือเกิน

เดือนแรมเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เรียบร้อยแล้ว มองกระจก ถามตัวเอง
“คุณชายรู้ด้วยเหรอว่าเรางอน ใครว่า? แรมไม่ได้งอนคุณชายซักหน่อย”
เสียงธิติรัตน์ดังก้อง “แรม..ฉันจะทำหมูหย็องรอ หายงอนแล้ว เธอมาสอนฉันทำด้วยนะ”
เดือนแรมคลี่ยิ้มกว้าง เหมือนจะหายงอนแล้ว

เดือนแรมเดินมาในครัว เห็นธิติรัตน์หน้ามัน ง่วนอยู่กับการทำหมูหย็องอาการหนักทุลักทุเล
เดือนแรมอมยิ้มขำ ไม่พูดไม่จา เดินเข้ามาแย่งทัพพีจากมือธิติรัตน์ที่กำลังปรุงน้ำซอสอยู่ ธิติรัตน์ยิ้ม รู้ว่าเดือนแรมหายงอนแล้ว
“หายงอนฉันแล้วเหรอ?”
“แรมไม่ได้งอนคุณชายค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ...เพราะถ้าเธองอนฉันแล้วเธอทำหน้าบึ้งบ่อยๆ หน้าเธอจะแก่”
เดือนแรมหันขวับมองหน้าง้ำ ธิติรัตน์ยิ้มแล้วรีบบอก “ไม่แก่หรอกจ้ะ ทำหมูหย็องต่อดีกว่าจ้ะ”
เดือนแรมหันไปทำหมูหย็องต่อ ธิติรัตน์เซ้าซี้บอก
“วันหลังเธอสอนฉันทำอย่างอื่นด้วยนะ”
เดือนแรมถามนึกสงสัยจริงๆ “คุณชายจะหัดทำไปทำไมคะ?”
“ฉันอยากทำทุกอย่างที่เธอทำให้ฉันทาน เผื่อตอนไหน เธองอน เธอไม่อยู่ ฉันจะได้ทำทานเอง”
“แรมไม่ไปไหนหรอกค่ะ”
ธิติรัตน์อึ้งไป “เพราะอะไร?”
เดือนแรมกับธิติรัตน์มองหน้ากัน
ระหว่างนั้นที่นอกครัว ละเอียดถือหนังสือพิมพ์เดินอ่านมากับตากล่ำ จะเดินผ่านหน้าห้องครัว เสียงละเอียดดังลอดเข้ามาในครัว
“นี่ๆ ตากล่ำ แกอ่านละครเรื่องนี้รึยัง น้ำเน๊า..น้ำเน่า”
“ยังๆ แกอ่านให้ฉันฟังสิ”
“คนบางคนทำดีแทบตายกลับไม่รัก คนบางคน ทำให้เราเจ็บหนัก แต่คำว่ารักก็ยังเป็นของเค้าอยู่ดี...”
เดือนแรมมองหน้าธิติรัตน์ แอบยิ้มเขินๆ ธิติรัตน์มองเข้าใจว่าตัวเองร้าย
“ละครที่ละเอียดอ่าน ท่าทางสนุกเน๊อะ ฉันชอบจัง”
เดือนแรมยิ้มเขินอีก แล้วหันไปทำหมูหย็องต่อ ธิติรัตน์มองหน้าเดือนแรมด้วยความรักล้นใจ

จากบ่ายเป็นเย็นคล้อย และย่ำค่ำ สองคนทำกิจกรรมด้วยกันอย่างมีความสุข
เดือนแรมสอนธิติรัตน์ทำขนมเค้ก สองคนใกล้ชิดมากขึ้น ช่วยกันหยิบจับอุปกรณ์ชั่งน้ำหนัก ธิติรัตน์ยืนอยู่ข้างหลังเดือนแรม เอื้อมมือมาช่วยปาดเค้กในโถ เดือนแรมขวยเขินรู้สึกเหมือนถูกกอดนิดๆ
เดือนแรมแต่งหน้าเค้กสวยงาม ธิติรัตน์ช่วยบีบครีมแต่งเป็นรูปหัวใจเป็นเชิงบอกกลายๆ เดือนแรมไปไม่เป็นเลยทีเดียว
สองคนเอาขนมปังไปให้อาหารปลาที่สระในวัง เสร็จแล้วเดือนแรมนั่งอ่านหนังสือเรียน ธิติรัตน์ช่วยติวให้
ตกเย็น เดือนแรมกับธิติรัตน์ช่วนกันเก็บดอกมะลิ เตรียมไปร้อยมาลัย
ค่ำวันนั้น เดือนแรมนั่งร้อยมาลัย และสอนธิติรัตน์ไปด้วย ธิติรัตน์ร้อยไม่เป็นและทำไม่ได้
ไม่ถนัด ธิติรัตน์จึงลุกหนี หันไปหยิบสมุดเล็คเชอร์ของเดือนแรมมาวาดรูป ตอนเดือนแรมนั่งร้อยมาลัยเป็นภาพลายเส้นลีลาตลกๆ แล้วยื่นให้เดือนแรมดู
เดือนแรมทำหน้านิ่วใส่ ก่อนจะหลุดหัวเราะขำ จังหวะหนึ่งเดือนแรมคว้าสมุดจะเอาคืน ธิติรัตน์ไม่ให้ สองคนแย่งกันไปมา ในมือเดือนแรมยังถือกุหลาบที่ร้อยเป็นฐานมาลัยอยู่ ธิติรัตน์จับมือเดือนแรมไว้ สองคนมองสบตากัน มีดอกกุหลาบในมือเดือนแรมถือคั่นกลาง
ระหว่างนั้นธิติรัตน์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าเดือนแรมมากขึ้น ทำท่าเหมือนจะหอมแก้ม แต่แล้วกลับหอมดมที่ดอกกุหลาบตรงหน้าเดือนแรมแทน
สองคนสบสายตากันซึ้ง

ตอนสายวันต่อมาจันทราครุ่นคิดอยู่ภายในห้อง ติดใจเรื่องเมินเมื่อคืนที่ผ่านมา
“ฉันต้องรู้ให้ได้ คุณซ่อนอะไรเอาไว้”
จันทราเริ่มค้นหาความลับคาใจ หาไปเรื่อยๆ เปิดดูทุกซอกทุกมุม เมื่อหาไม่เจอ จันทราทำหน้าฮึดฮัดอย่างอารมณ์เสีย
“เอาไปซ่อนไว้ไหน?” จันทราครุ่นคิด “หรือคุณเมินจะใช้หลักการ ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ๆ ปลอดภัยที่สุด”
จันทราตรงไปรื้อในที่ที่คาดว่าไม่น่าจะเป็นที่เก็บของ เช่นถังขยะ ใต้โต๊ะทำงาน และแฟ้มงาน
บนโต๊ะ จันทราฉุกคิด เขม้นมองเห็นแฟ้มที่วางเรียงกันเป็นพรืด จันทราค่อยๆ เอามือไล่ดูทีละแฟ้ม แล้วก็เห็นกรอบรูปซ่อนไว้ในนั้นจริงๆ ด้วย
“อยู่นี่เอง” คว้าหมับมาดู เห็นรูปเมินที่เดือนแรมทำให้ จันทราอ่านข้อความ
“ภาพที่แรมอยากถ่ายที่สุดในชีวิต คือรูปของคุณพ่อค่ะ มันอาจจะไม่สวยพอ แต่ก็มีคุณค่ามากที่สุดในชีวิตของแรม แรมรักคุณพ่อมากค่ะ สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดนะคะ เดือนแรม มณีกุล”
จันทรากรี๊ด!ขึ้นมาด้วยความโมโห “อ๊าย.....”
แล้วเขวี้ยงปากรอบรูปลงบนโต๊ะ กรอบรูปถูกเหวี่ยงไปตามแรงชนกับกรอบรูปเมินกับจันทราที่
วางไว้อยู่บนโต๊ะหล่นลงมา จันทราไม่ได้สนใจ คว้ารูปของเมินที่เดือนแรมทำให้ขึ้นมามองดู
“ขนาดนังแรมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณ คุณยังร้องไห้ให้มันขนาดนี้...ฉันไม่ยอมคุณเมิน ฉันไม่ยอม”
จันทราจะเขวี้ยงอีก ให้แตก แต่ต้องชะงักเมื่อมองเห็นกรอบรูปที่ตกอยู่ที่พื้น มีรูปอีกใบซ่อน
อยู่ จันทราคว้ามาดู แล้วก็แทบสิ้นสติ เมื่อเห็นเป็นรูปราศรีสวยสดใส
“นังราศี” จันทราโกรธจัด นึกขึ้นมาได้ทันที ว่าตอนที่เห็นเมินมองดูรูปอยู่ แล้วจันทราคิดว่าเมินดูรูปตัวเอง
“หมายความว่าวันนั้น…” จันทราครวญคราง เจ็บสุดขั้วหัวใจ “คุณเมิน คุณทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง? อ๊าย....”
จันทรากรีดร้องเสียงดังลั่น
เพ็ญประกายที่นั่งน้ำตาซึมอยู่ในห้องได้ยิน รู้สึกตื่นตกใจ
“คุณแม่”
เพ็ญประกายรีบวิ่งออกจากห้องอย่างเร็วรี่

เพ็ญประกายเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นจันทราอาละวาด เหมือนคนกำลังคลั่งหนัก
เพ็ญประกายรีบวิ่งเข้ามาหา “คุณแม่ๆๆๆ...เป็นอะไรคะ?” กอดปลอบแม่
จันทรากอดเพ็ญประกายตอบร้องไห้คร่ำครวญออกมา “เพ็ญ...ที่ผ่านมา คุณพ่อไม่เคยรักแม่เลย ไม่เคยรักลูกเลย คุณพ่อยังรักยังคิดถึงนังราศีกับนังแรม ทั้งๆ ที่นังแรมมันเป็นเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณพ่อแม้แต่นิดเดียว”
เพ็ญประกายอึ้งไป “หมายความว่ายังไงคะ?”
จันทราเล่าเรื่องให้ลูกสาวฟัง ตอนที่ให้สุดใจเอามาหยารัศมีตัวจริงไปทิ้งที่อื่น
เพ็ญประกายพึมพำออกมา “แรมไม่ใช่ลูกคุณราศี ไม่ใช่ลูกชู้ มันเป็นแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง”
“ใช่..เพราะฉะนั้นเพ็ญจะแพ้มันไม่ได้เด็ดขาด แม่ก็จะจัดการกับพ่อแกเหมือนกัน” จันทราแทบคลั่ง แต่กลับไม่โวยวาย สีหน้าแววตาแค้นสุดๆ “รู้ไว้ด้วยนะคุณเมิน ความเสียใจ ความแค้นของผู้หญิง ทำลายได้ทุกอย่าง”
จันทรามองรูปราศรีด้วยสายตาเกลียดเข้ากระดูก

ค่ำนั้นเจิม กับจันทรา สองคนนั่งอยู่ด้วยกันที่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง จันทราบอกเสียงเข้ม
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน พี่ต้องจัดการนังแรมให้ได้”
เจิมหัวเราะออกมาเบาๆ “ปัญญาอ่อนว่ะ เรื่องหึงหวงของผู้หญิง ก็ฆ่าก็แกงกันได้แต่เอาวะ ถ้าได้เงินยังไงฉันก็จะทำ ฉันจะตามนังแรมทุกฝีก้าว มีโอกาสเมื่อไหร่ ฉันจะรีบจัดการให้แกทันที”
จันทราหรี่ตาร้าย ยิ้มเหี้ยมออกมาอย่างพอใจ

คืนนั้นเมินยังทำงานอยู่ในห้องทำงานที่บ้านจัดสรรตากอากาศ กำลังตรวจดูแบบบ้านสวยๆ เป็นบ้านริมทะเล
สักครู่ต่อมา เมินลุกขึ้นบิดกาย หาว เมื่อยล้าเต็มที แต่แล้วกลับมีเสียงคนร้องไห้ดังแว่วมา
“ใครที่ไหน มาร้องไห้ตอนนี้?”
เมินหายง่วงทันที เดินตามเสียงนั้นออกไปด้วยความอยากรู้
เมินเดินออกมา เห็นใครคนหนึ่งยืนหันหลังให้ เมินจ้องร่างนั้นตกตะลึง
“ราศรี”
เป็นราศรีจริงๆ ที่ค่อยๆ หันมา พร้อมหยาดน้ำตาเต็มหน้า
เมินตื่นเต้น ดีใจมาก “ราศรี”
เมินจะเดินเข้าไปหา แต่ร่างของราศรีกลับเดินห่างออกไป
“ช่วยลูกด้วยนะคะเมิน ช่วยลูกด้วย”
“ลูก?”
“แรม...ลูกของเรา สงสารลูก คุณต้องช่วยลูกนะคะ..คุณต้องช่วยแรมนะคะ” ราศรีพร่ำบอก
“คุณหมายความว่ายังไงราศี?”
เมินเดินเข้าไปหาอีก แต่ร่างราศรีกลับค่อยๆ เคลื่อนออกไปเรื่อยๆ เมินยิ่งตาม ราศรียิ่ง
ห่าง และเมินก็ไม่มีทางเอื้อมถึง เมินได้แต่ร้องเรียก
“ราศรี”
เมินผุดลุกขึ้นมาพร้อมร้องเรียก “ราศรี ราศรี ราศรี”
เมินสะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่เห็นราศรีแล้ว เมินเดินพรวดออกไป
เมินวิ่งออกมาที่ริมทะเล ในจุดที่เห็นราศรียืนอยู่ เมินตะโกนก้อง
“ราศี คุณอยู่ไหน? ราศี ราศี”
ทั่วทั้งบริเวณมีแต่ความมืดมิด และท้องทะเลอันเวิ้งว้าง เมินยืนนิ่งเสียใจ เสียดายที่ทั้งหมดเป็นแค่...ความฝัน

เวลาเดียวกันธิติรัตน์นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูรูปเดือนแรมกับตนในมือถืออย่างมีความสุข แต่แล้ว
ธิติรัตน์ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือถือมีสายเข้า เห็นเป็นชื่อเพ็ญประกาย ธิติรัตน์ยังไม่รับ

เพ็ญประกายไม่พอใจ น้ำตาคลอเบ้า
“เพ็ญจะโทร.อยู่อย่างนี้จนกว่าคุณชายจะรับ” กดโทร.อีกทันที
มือถือของธิติรัตน์มีสายเรียกเข้า 10 ครั้ง
ในที่สุดธิติรัตน์จำต้องรับ “ครับคุณเพ็ญ”
“พรุ่งนี้เพ็ญไปหานะคะ” เพ็ญประกายบอก
“ผมมีงานทั้งวัน...มีเวลาไว้ผมโทร.กลับนะครับ”
ธิติรัตน์วางสาย สีหน้าลำบากใจ และยุ่งยากใจมากพอกัน

เพ็ญประกายกำโทรศัพท์แน่น น้ำตาไหล โกรธจัด
“โทร.ไปตอนไหนก็ไม่เคยรับ โทร.ไปตอนไหนก็ไม่เคยว่าง”
ชุติมามองอยู่ด้านหลัง หัวเราะเยาะ พูดเย้ยหยันใส่หน้า
“กับบางคนจะว่างแค่ไหนก็บอกไม่ว่าง กับบางคนจะยุ่งแค่ไหนก็บอกว่าว่าง แล้วเธอก็เป็นคนที่คุณชายเลือกที่จะไม่ว่าง”
เพ็ญประกายโกรธสุดขีด ปามือถือใส่ชุติมาถูกหัวพอดิบพอดี
ชุติมาโกรธมาก ตวาดเสียงเขียว “เพ็ญประกาย”
ชุติมาถลันเข้ามาผลักเพ็ญประกายหัวทิ่ม เพ็ญประกายล้มลงร้องกรี๊ด
“แก...นังคนอาศัยออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ไป...บ้านนี้ฉันก็มีสิทธิ์อยู่ พอๆกับเธอ เพราะฉันเป็นพี่เธอ”
เพ็ญประกายเบ้ปากใส่ “ถึงเธอจะเป็นหลานคุณแม่ แต่ฉันก็ไม่นับญาติกับเธอ ลูกคนขี้คุก”
ชุติมาโกรธมาก ตบหน้าสุดแรงเสียงดังผลัวะ ร่างเพ็ญประกายล้มลง หันขวับมาด่า
“แกตบฉัน!!ต่ำเหมือนพ่อ นังลูกคนขี้คุก”
ชุติมาฟิวส์ขาดแล้ว ตรงไปกระชากผมเพ็ญประกายจิกหน้าหงายขึ้นมา ทำท่าจะขย้ำ
“คำก็ลูกคนขี้คุก สองคำก็ลูกคนขี้คุก จำใส่กะลาหัวเอาไว้ว่าฉันเป็นพี่แก เรียกฉันว่าพี่เดี๋ยวนี้”
“ไม่”
“ไม่เรียกใช่มั้ย”
ชุติมาคว้าเอาดิน กระชากเศษหญ้าที่พื้นมายัดใส่ปากเพ็ญประกาย แต่เพ็ญประกายถุยออก ตะคอกใส่หน้า
“ฉันไม่เรียก”
“จะเรียกไม่เรียก” ชุติมาแค้นจัด กำดิน กำหญ้า มายัดใส่ปากเพ็ญประกายอีก
เพ็ญประกายถุยออกมาอีก ชุติมาเพิ่มแรงยัดอีก
ระหว่างนั้นแม้นเทพได้ยินเสียงวิ่งเข้ามาเห็น ตกใจมาก
“หยุด!! หยุดเดี๋ยวนี้” แม้นเทพพุ่งเข้าไปกระชากตัวชุติมาออกสุดแรง
ชุติมาดิ้นพล่าน โวยวายอย่างขาดสติ
“ปล่อยฉัน ฉันจะเอาเลือดหัวนังน้องปากดีออก”
เพ็ญประกายสำลักดินกับหญ้าออกมา ร้องตะโกนออกมา
“ฉันไม่ใช่น้องแก พี่ต้อมเอานังบ้าคนนี้ไปเลย เพ็ญเกลียดมันเกลียดๆๆๆๆ”
“นังเพ็ญ” ชุติมาจะโผนทะยานหาเพ็ญประกาย แต่แม้นเทพคว้าตัวไว้อีก
“เลิกบ้าได้แล้วชุติมา มานี่”
แม้นเทพลากชุติมาออกไป เพ็ญประกายยังนั่งร้องไห้อยู่ ชุติมาชี้หน้าด่าเพ็ญประกาย ทั้งที่ตัวถูกลากไป
“ครั้งต่อไป แกไม่เรียกฉันว่าพี่ แกปากแตกแน่” ถูกลากไป

แม้นเทพลากแขนชุติมามาตามทางเดินในบ้าน ชุติมาร้องกรี๊ดๆๆ ขัดขืน บอกให้ปล่อย
“ไอ้พี่ต้อมปล่อยฉันๆ”
“ถ้าเธอไม่เลิกบ้า ฉันก็ไม่ปล่อย”
“ไม่ปล่อยใช่มั้ย?” ชุติมาก้มลงงับแขนแม้นเทพกัดเต็มเขี้ยว
แม้นเทพร้องลั่น เป็นฝ่ายร้องให้ปล่อย “โอ๊ยย!! ปล่อยๆๆๆ”
แต่ชุติมาไม่ปล่อย แม้นเทพพยายามผลักชุติมาออก ชุติมาไม่ยอม สองคนยื้อยุดฉุด
กระชากกันไปมา จนกระทั่งแม้นเทพเสียหลักล้มลง โดยรั้งดึงเอาร่างชุติมาลงไปด้วย
สองคนล้มลงไปด้วยกันคางชุติมากระแทกกับศีรษะแม้นเทพ ชุติมาร้องลั่น
“โอ๊ย!!” เลือดตรงมุมปากชุติมาไหลออกมา
“สมน้ำหน้า ทำตัวเอง” แม้นเทพแดกดัน

ชุติมาพูดในอาการเจ็บๆ “ยังจะมาสมน้ำหน้ากันอีก เจ็บนะ”
แม้นเทพเสียงอ่อนลง “ก็แล้วเมื่อไหร่จะหายบ้าซะทีล่ะ”
แม้นเทพควักผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดที่ริมฝีปากให้ ชุติมาอึ้ง
แม้นเทพเอ็ดเบาๆ “พี่เจอเธอทีไร เธออาละวาดคนทุกที มันไม่น่ารักเลยรู้มั้ย? เอะอะก็ตบๆ ทำตัวเป็นสก๊อยไปได้”
ชุติมาน้ำตาร่วง หยดแหมะ “ชุคงน่าเกลียดมาก”
“ก็ชุลองคิดดูสิ...ทำตัวแบบนี้ ใครจะอยากเป็นพี่เป็นน้อง มีแต่คนเค้าจะเผ่นให้ไกล นี่!ถ้าชุอยากให้ใครเค้านับถือเป็นพี่ ชุต้องให้ความรู้สึก อบอุ่น มั่นคง ปลอดภัยกับเค้าได้…”
ชุติมาน้ำตาคลอ มองแม้นเทพอย่างซาบซึ้ง “อบอุ่น มั่นคง ปลอดภัย...เหมือนกับพี่ต้อม”
แม้นเทพมองชุติมา เห็นบางอย่างในสายตาคู่นั้น มือที่แตะผ้าเช็ดหน้าที่ปากชุติมาค้างอยู่อย่างนั้น

ระหว่างนั้นเพ็ญประกายเดินมาด้านหลัง เห็นภาพความอ่อนโยนที่แม้นเทพมีต่อชุติมา เพ็ญประกายก็นิ่งไป ความริษยาพุ่งขึ้น

แม้นเทพบอกออกมา “ใช่...เหมือนที่พี่ทำกับชุ เพราะพี่เห็นชุเป็นน้องสาว”
ชุติมาใจหายวูบ น้ำตาไหล เสียใจ “ขอบคุณค่ะที่เห็นชุเป็นน้องสาว”

ชุติมาเอาเสื้อผ้าที่แม้นเทพซื้อให้มากอด น้ำตาไหลออกมา ด้วยความเสียใจ
“อย่าคิดอะไรไปไกลชุติมา พี่ต้อมเค้าเห็นแกเป็นแค่น้องสาว”

ส่วนแม้นเทพอยู่ที่บ้าน ก็กำลังว้าวุ่น ลำบากใจ ไม่แน่ใจ สับสนตัวเองอย่างหนัก
“เรารู้สึกกับชุติมาแค่น้องสาวจริงๆ เหรอ?”

ด้านเพ็ญประกายกำลังอาละวาดอยู่ในห้อง อาการของคนป่วยที่มีปัญหาทางจิตกำเริบแล้ว
“ขนาดนังชุติมา ยังมีคนปกป้องมัน แคร์ความรู้สึกของมัน แล้วฉันล่ะ ฉันมีดีกว่ามันทุกอย่าง เหนือกว่ามันทุกอย่าง ทำไมถึงไม่มีใคร? ยังไงเพ็ญก็จะทำให้คุณชายแต่งงานกับเพ็ญให้ได้”
นัยน์ตาเพ็ญประกายวาวโรจน์ อย่างน่ากลัว มือกำผ้าปูที่นอนแน่น

วันต่อมาในงานอีเว้นท์เปิดตัวสินค้าความงาม ธิติรัตน์เดินเข้ามากับเดือนแรมสองคนหน้าตายิ้มแย้ม เจ๊กอไก่วิ่งมารับ
“น้องแรมมาแล้วๆๆ รีบแต่งหน้ากัน วันนี้มีนักข่าวจะสัมภาษณ์น้องแรมด้วย”
เดือนแรมงง ไม่รู้เรื่อง “สัมภาษณ์เรื่องอะไรคะ?”
เจ๊กอไก่ฉอเลาะทันที “ก็...ดาวรุ่งพุ่งแรง ไม่ว่าจะสินค้าอะไรก็มีแต่น้องแรมเป็นพรีเซ็นเตอร์ไงคะขอตัวก่อนนะคะคุณชาย”
ขณะที่เจ๊จะพาเดือนแรมไปธิติรัตน์เรียกไว้ “เดี๋ยวก่อนเจ๊”
“อะไรคะ?”
ธิติรัตน์มองหน้าเดือนแรมก่อนยื่นกล่องทัพเปอร์แวร์เล็กๆ ที่แอบซ่อนอยู่ที่ข้างหลังให้
“เมื่อเช้า เห็นเธอรีบ ฉันทำแซนด์วิชแบบที่เธอสอนไว้ให้เธอ”
เดือนแรมมองยิ้มกว้างอย่างดีใจ “ขอบคุณมากค่ะ”
เจ๊กอไก่จะละลาย ทำท่ากรี๊ดแทบจะลงไปดิ้นกับพื้นห้าง ธิติรัตน์ถาม
“เป็นไรครับเจ๊?”
“มดกัดค่ะ แถวนี้หวานมากก มดแห่ขบวนมากันเต็มเลย ไปแรม”
เจ๊กอไก่ฉวยข้อมือเดือนแรม พูดแซวเบาๆ ตามประสา...ขาเมาท์ตัวแม่
“จ้างหนึ่งแต่ให้แพ็คคู่จัดเต็มแบบนี้ สินค้าคงดังตั้งแต่ยังไม่ทันวางจำหน่าย”
“ฉันรอข้างนอกนะแรม” ธิติรัตน์บอก
เดือนแรมตะโกนกลับมา “ค่ะ”
ธิติรัตน์ยิ้มหันไปมองเดือนแรม เจ๊กอไก่พาเดือนแรมเข้าไปยังหลังเวทีที่เป็นห้องแต่งหน้า

ระหว่างนั้นเพ็ญประกายที่ในมือถือถุงข้าวของพะรังพะรัง เห็นภาพทุกซีน ยืนนิ่งแต่หน้าตาโกรธเกลียดเดือนแรมมาก
“ที่คุณชายไม่เคยมีเวลาให้เรา เพราะมาอยู่กับนังแรมนี่เอง”

เดือนแรมนั่งแต่งหน้าอยู่หลังเวที อยู่เจ๊กอไก่เมาท์มอยไปตามประสากับช่างหน้า ช่างผม
“ถ้าต่อไปแรมดัง เจ๊คงไม่ต้องหิ้วถุงปุ๋ยแบบนี้ คงได้หิ้วแบรนด์เนมจริงๆ ซักที” เจ๊นักปั้นเพ้อ
ช่างแต่งหน้า พูดประชดขำๆ “คนอย่างเจ๊กอไก่ ถึงจะถือถุงปุ๋ยคนก็มองเป็นแบรนด์เนมล่ะ”
เจ๊กอไก่ ทำหน้าเชิดๆ เริด ยิ้ม แล้วทำท่าสะบัดบ๊อบ ทั้งที่ผมเกรียนทั้งกบาล
“เพราะเจ๊สวยและรวยมาก!”
เดือนแรมยิ้มขำ ระหว่างนั้นทีมงานแบ็คเสตจ เดินเข้ามา
“น้องแรม...มีคนมาหาค่ะ”
เดือนแรมหันมา เห็นเพ็ญประกายยืนหน้านิ่งๆ จ้องอยู่แล้ว
“พี่เพ็ญ” เดือนแรมมองทั้งแปลกใจทั้งตกใจ

มุมหนึ่งในห้างแห่งนั้น เพ็ญประกายกับเดือนแรมยืนมองหน้ากันอยู่ เจ๊กอไก่ยืนฟังอยู่ด้วย ในใจเดือดปุดๆ แต่เพ็ญประกายถามเสียงนิ่มๆ
“ถ้าไม่บังเอิญมาห้างวันนี้ พี่ก็คงไม่เห็น”
“เห็นอะไรคะ?”
เพ็ญประกายจงใจแดกดัน “แรม...กับคู่หมั้นของพี่”
เดือนแรมหน้าซีดตกใจ เพ็ญประกายว่านิ่มๆ ต่อ
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่เห็นแรมกับคุณชาย…แต่ที่พี่ไม่พูด เพราะพี่ให้โอกาสแรมได้สำนึกผิดด้วยตัวเอง แต่แรมก็ไม่เคยสำนึก แล้วยังคว้าผู้ชายเอาไว้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ ว่าที่พี่เขย”
เดือนแรมหน้าซีดหนักเข้าไปอีก
เพ็ญประกายเหน็บแบบผู้ดี “ทำหน้าตาแบบนี้อีกแล้ว หน้าโง่ๆ ไร้เดียงสา ทั้งที่ความจริงสุดจะมารยาสาไถย์” หัวเราะเยาะหยันนิดๆ “ แอ๊บเก่งจริงๆ นะแรมเนี่ย”
เจ๊กอไก่ที่ยืนดูอยู่นานทนไม่ไหว
“โอ๊ย! คุณเพ็ญขา…เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วค่ะ แรมไม่ได้มีอะไรกับคุณชาย”
เพ็ญประกายพูดโต้เสียงนิ่มๆ แต่กิริยาน่าหมั่นไส้ “เจ๊กอไก่ขา...แรมไม่ใช่มิยาบินี่คะ จะได้ทำแผ่นออกมาให้คนดู” หันมาเอาเรื่องกับเดือนแรมน้ำเสียงเดิม “แรมจ๋า...ต่อไปถ้าจะทำอะไรระวังหน่อยนะ...ยังไงเราก็ยังใช้มณีกุลเหมือนกัน พี่เป็นผู้ดี พี่ไม่อยากถูกคนตราหน้าว่าเป็นพี่สาวผู้หญิงเริงเมืองร่านๆ อย่างแรม” เพ็ญประกายพูดกระแทกเสียงตรงท้ายแล้วเดินหนีไปทันที
เจ๊กอไก่แทบเต้น “พูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นผู้ดีๆ ฟังแต่ละคำพ่นออกมา ผู้ดีมีชาติตระกูลที่ไหน เค้าทำกัน แย่มากค่ะ ขอบอกแย่มาก”
“แรมแย่กว่าค่ะ....เพราะแรมทำอย่างที่พี่เพ็ญพูดจริงๆ”
น้ำเสียงเจ๊กอไก่ตกใจมาก “แรมทำอะไร...แรมไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าว่าซักหน่อย”
“เป็นค่ะ อย่างน้อย...แรมก็ไม่ควรอยู่ใกล้ชิดคุณชายขนาดนี้ เพราะยังไงคุณชายก็คือว่าที่พี่เขยของแรม”

เดือนแรมน้ำตาคลอเบ้า ทั้งขื่นขม และเจ็บปวดรวดร้าวอยู่ในใจ

อ่านต่อหน้า 3

มาหยารัศมี ตอนที่ 8 (ต่อ)

กลับถึงบ้านเพ็ญประกายก็รีบรายงานแม่เรื่องฉะเดือนแรมกลางห้าง จันทราดีใจนักหนา ถึงกับย้อนถามเพ็ญประกายอย่างคาดไม่ถึง

“นี่ลูกกล้าพูดกับนังแรมขนาดนี้เลยเหรอลูก?”
“ค่ะ” เพ็ญประกายเสียใจและเจ็บแค้นเรื่องธิติรัตน์กับเดือนแรมจี๋จ๋ากันตำตาไม่หาย
“แล้วมันทำยังไงบ้างลูก?”
“จะทำยังไง แรมก็ทำหน้าซื่อ ไร้เดียงสา ไม่รู้เรื่อง แบบที่ลูกเกลียดมาก...เกลียดที่ทำไมแรมต้องทำกับลูกถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่ก็รู้ว่าคุณชายธิติรัตน์คือคู่หมั้นของลูก แต่แรมก็ยังจะแย่งเอาไป”
จันทราบิ้วท์ลูกสาวให้จงเกลียดจงชังเดือนแรมแบบจัดหนัก “เพราะนังแรมมันเหมือนแม่ของมันไง รู้ทั้งรู้ว่าคุณพ่อรักแม่ แต่ก็ไม่ยอมเลิกกับคุณพ่อ ทำให้แม่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นเมียเก็บ เมียน้อย คนอย่างมันสมควรที่จะถูกแล่เนื้อเอาเกลือทา” น้ำเสียงเข้มตอนบอกประโยคนี้ “ลูกต้องจัดการทำให้คุณชายแต่งงานกับลูกให้เร็วที่สุด”
น้ำเสียงเพ็ญประกายกลับไม่มั่นใจ “ลูกกลัว...กลัวจะทำไม่ได้ค่ะ”
จันทราฉงน “ทำไม?”
“เพราะ....เพราะ...ลูกรู้ว่าหัวใจของคุณชายอยู่ที่แรมค่ะ”
จากนั้นเพ็ญประกายก็ปล่อยโฮออกมา

ด้านเดือนแรมทำงานจ๊อบวันนี้เสร็จลุล่วงแล้ว และให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเป็นที่เรียบร้อย
“ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนค่ะที่ให้ความเอ็นดูแรม แรมขอฝากผลงานชิ้นต่อๆ ไปด้วยนะคะ”
บรรดานักข่าวไมค์รวมต่างพูดในทำนองเดียวกัน “ด้วยความยินดีค่ะน้องแรม”
“แล้วสวยน่ารักอย่างนี้ น้องแรมมีคนมาจับจองหัวใจหรือยังคะ?” นักข่าวคนหนึ่งถามต่อ
นัยน์ตาเดือนแรมหม่นลง แต่ปั้นยิ้มตอบออกไป “ไม่มีค่ะ”
“ดีแล้ว หนุ่มๆ จะได้มีโอกาส ขายขนมจีบน้องแรม”
เดือนแรมหน้าจ๋อย “ยังไงแรมขอฝากผลงานด้วยนะคะ”
บรรดานักข่าวทุกคนยิ้มรับคำ และเคลื่อนตัวออกไป เดือนแรมเดินออกมาหาเจ๊กอไก่ ที่ยืนรออย่างกังวล
“ตกลง น้องแรมจะไม่กลับกับคุณชายจริงๆ เหรอ?”
“จริงค่ะเจ๊...อย่างที่พี่เพ็ญบอก มันไม่สมควร”
“แต่น้องแรมรู้จักคุณชายก่อนคุณเพ็ญ”
เดือนแรมบอกเสียงอ่อย เหมือนคิดดีแล้ว “แต่พี่เพ็ญคือคู่หมั้นของคุณชาย”
เจ๊กอไก่ไม่เห็นด้วย “แต่น้องแรม...”
“ไม่มีแต่ค่ะเจ๊ คุณชายคือคู่หมั้นพี่เพ็ญและแรมก็ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับคุณชายอีก”
“เรื่องแบบนี้ คุณชายต้องมีส่วนตัดสินใจ เจ๊ก็อยากรู้เหมือนกันถ้าคุณชายรู้ว่าคุณเพ็ญมายืนด่าน้องแรมอย่างนี้คุณชายจะว่ายังไง?” เจ๊นักปั้นจะเดินไป
เดือนแรมตกใจรีบคว้าแขนเอาเจ๊ไว้ “อย่าค่ะเจ๊ อย่า แรมขอร้อง..เจ๊อย่าบอกคุณชายนะคะ มันเป็นสิทธิ์ที่พี่เพ็ญทำได้ เจ๊อย่าบอกคุณชายนะคะ”
เจ๊กอไก่ทำหน้าลังเลใจ
“นะคะเจ๊ แรมขอ ขอให้เห็นแก่แรม คุณพ่อคงไม่สบายมาก ถ้ารู้ว่าพี่น้องต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องผู้ชาย”
เจ๊กอไก่ถอนหายใจ “ก็ได้ค่ะ เจ๊ไม่บอกคุณชายก็ได้ แต่มีข้อแม้”
“อะไรคะ?”
“คืนนี้น้องแรมต้องกลับไปกับคุณชาย”
เดือนแรมเซย์โน “ไม่ได้ค่ะ”
เจ๊กอไก่งง “ทำไมคะ?”
“พี่สรรชัยโทร.มาบอกว่าจะมารับแรม” น้ำเสียงไม่เต็มใจนัก “แรมจะกลับกับพี่สรรชัยค่ะ”
ฟังแล้วเจ๊กอไก่ทำหน้าปวดตับมาก

สรรชัยนั่งรอเดือนแรมอยู่ในรถ หน้าตาเป็นกังวล นึกภาพตอนดุจแขจะทำร้ายเดือนแรม
แล้วสีหน้าก็ยิ่งเครียด พึมพำออกมา
“คุณอย่าคลั่งจนทำร้ายแรมเลยดุจแข”
สรรชัยหารู้ไม่ ด้านหลังดุจแขนั่งในรถมองมาที่สรรชัย ท่าทางนิ่ง แต่ดวงตามีเลศนัย
“ขอให้คนที่คุณมารอคือเดือนแรมเถอะสรรชัย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง สนุกแน่!”

เดือนแรมเดินลิ่วมาแต่หน้าจ๋อยๆ เจ๊กอไก่วิ่งตามมา
“เดี๋ยวก่อนค่ะน้องแรม เดี๋ยวก่อน” คว้าแขนไว้ “เจ๊ว่าน้องแรมอย่าไปกับคุณสรรชัยเลยนะคะ ถ้าคุณชายรู้ คุณชายต้องโกรธแน่ๆ”
“ทำไมต้องโกรธด้วยคะ? ในเมื่อแรมกับคุณชายไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”
เจ๊กอไก่มึนตึ๊บประชดซะเลย “เร๊อะ?”
เดือนแรมยืนนิ่ง “คุณชายเป็นผู้มีพระคุณของแรม”
เจ๊กอไก่อยากจะตาย “โอ๊ยย!!อยากมีผู้มีพระคุณแบบนี้บ้างจัง เจ๊จะมอบกายถวายใจให้เลย” มองจ้องหน้าเดือนแรม “นี่!แรมไม่เคยรู้เลยเหรอ ว่าคุณชายรู้สึกยังไงกับแรม?”
เดือนแรมอึ้ง เงียบกริบ เจ๊กอไก่ว่าต่อเสียงจริงจัง
“เจ๊ว่าคุณชายรักแรมนะ”
เดือนแรมตกใจ “เจ๊...เป็นไปไม่ได้หรอก คุณชายแค่เห็นแรมเป็นเด็กในบ้าน เท่านั้นแรมไปหาพี่สรรชัยก่อนนะคะเจ๊” เดินตัดบทไปทันที
เจ๊กอไก่มองตามอย่างเซ็งๆ “ก็มัวแต่คิดๆๆ ไม่เคยพูดไม่เคยบอกอะไรกัน ก็เป็นอย่างงี้ วงแตกทุกราย เฮ้อ!แล้วฉันจะบอกคุณชายยังไงเนี่ย คุณชายถึงจะไม่โกรธแรม”

ทางด้านธิติรัตน์ยืนกระสับกระส่าย ชะเง้อมองที่ประตูคอยเดือนเดือนแรม พลางมองนาฬิกา
“ป่านนี้แล้วทำไมแรมถึงยังไม่ออกมาอีก?”
ขณะที่ธิติรัตน์หยิบมือถือขึ้นมา เจ๊กอไก่ วิ่งหอบแฮกๆ เข้ามา
“คุณชายคะ?”
“อ้าว!!เจ๊ แล้วแรมล่ะ?”
“เอ่อ...ไปติวหนังสือกับเพื่อนน่ะค่ะ”
“อ้าว!แล้วทำไมไปดึกดื่น?”
เจ๊กอไก่แก้ตัว “เห็นว่าจะสอบน่ะค่ะ”
“แล้วจะกลับยังไง?” ทำท่าควักมือถือขึ้นมาอีก
“เอ่อ...เห็นบอกว่าเพื่อนจะไปส่งน่ะค่ะ”
ธิติรัตน์หงุดหงิดขึ้นมาทันที “ยังไงน่าจะบอกฉันหน่อย” เริ่มเหวี่ยง “ไม่รู้รึไงว่าฉันเป็นห่วง”
เห็นธิติรัตน์หงุดหงิดเจ๊กอไก่หน้าจ๋อย สงสารคุณชายนัก
เดือนแรมแอบมองอยู่มุมหนึ่ง ยืนมองจนคุณชายเดินออกไป
“แรมขอโทษค่ะคุณชาย”

เดือนแรมเดินมายังลานจอดรถ สรรชัยเห็นเดือนแรมก็โบกมือให้
“แรมพี่อยู่นี่”
ดุจแขมองอย่างไม่พอใจ ไม่ได้หึงแต่เกลียดและโกรธเดือนแรมมาก
เห็นเดือนแรมเดินไปหาสรรชัย
“ลงล็อกฉันจริงๆ เลยสรรชัย” เหยียดยิ้มร้ายๆ ออกมาอย่างพอใจ

ในร้านอาหารเล็กๆ บรรยากาศน่ารัก สบายๆ แห่งนั้น สรรชัยจับสังเกตได้ว่าเดือนแรมทานข้าวไม่ค่อยลง สรรชัยถามอย่างเป็นห่วง
“ทำไมทานน้อยจังเลยแรม”
“คงจะเหนื่อยน่ะค่ะ”
สรรชัยมองจ้องหน้า “พี่ว่าแรมมีเรื่องไม่สบายใจมากกว่า ...เรื่องของคนคนนั้นใช่มั้ย?”
เดือนแรมตกใจในคำถาม “คนไหนคะ?”
“ก็...คนที่เราคุยกันครั้งก่อนไง...แรมยังไม่ได้เปิดอกคุยกับเค้าอีกเหรอ?” สรรชัยรู้ทัน
เดือนแรมกลบเกลื่อน “พี่สรรชัยจะให้แรมคุยอะไรกับใคร?”
สรรชัยยิ้ม ยิงตรง “คุณชายธิติรัตน์ไง”
เดือนแรมยิ่งตกใจ ตาโต อายจนหน้าแดง ดุจแขที่นั่งอยู่มุมหนึ่งส่งเอสเอ็มเอสหาคุณชาย

ธิติรัตน์อยู่ที่วังศิลาลาย นั่งดูทีวีอยู่ในโถงใหญ่ แต่ใจไม่อยู่กับจอ เอาแต่พลางถอนหายใจเฮือกๆ ทั้งเลิฟทั้งห่วง คอยชะเง้อมองไปที่ประตู หม่อมรัตนาเดินผ่านมาเห็น
“มีอะไรลูก?”
“ป่านนี้แล้ว แรมยังไม่กลับมาเลยครับคุณแม่...ไม่รู้รึไง ว่าผมเป็นห่วง”
“ชาย..ห่วงแรมเกินเด็กในปกครองไปนะแม่ว่า”
ธิติรัตน์เริ่มรู้สึกตัว “ก็เพราะแรม..เป็นเด็กในปกครองของผมน่ะสิครับ ผมถึงต้องห่วง”
หม่อมรัตนายิ้มบางๆ หมั่นไส้ลูกชายจอมปากแข็ง “ถ้าชายยืนยันอย่างนั้น แม่ก็เชื่อชายจ้ะ เพราะคงไม่มีใครรู้ใจชายเกินกว่าตัวชายเอง”
หม่อมแม่เดินไปแล้ว เสียงมือถือมีข้อความเข้า ธิติรัตน์รับมาดู กดอ่านแมสเสจจากดุจแข
“เดือนแรม คนที่คุณชายบอกว่ารัก อยู่ที่ร้าน....กับผู้ชายค่ะ”
“ฉันไม่เชื่อเธอดุจแข” ธิติรัตน์ดวงตากร้าว

เห็นเดือนแรมนั่งนิ่ง ก้มหน้าอยู่สรรชัยกระเซ้า
“ดูสิ...เอาแต่นั่งก้มหน้า จนน้ำแข็งละลายหมดแก้วแล้วก็ยังไม่พูดอะไรซักคำ”
“ก็จะให้แรมพูดอะไรล่ะค่ะ แรมไม่ได้คิดอะไรกับคุณชายอย่างนั้น”
“ถึงแรมจะปฏิเสธ แต่ตาของแรมบอก พี่ยังแปลกใจอยู่เลย ทำไมคุณชายไม่เห็นความนัยในดวงตาของแรมบ้าง”
เดือนแรมเงียบ สรรชัยพูดต่อ
“แล้วแรมไม่เห็นอะไรในสายตาคุณชายเลยเหรอ? ขนาดพี่พี่ยังเห็นเลย!”
“เห็นอะไรคะ?”
“ความรักของคุณชาย และความรักของแรมที่มีต่อคุณชาย”
เดือนแรมอึ้งไป ก้มหน้าลงอย่างสับสนในใจ สรรชัยบอกต่อ
“พี่ไม่รู้เหตุผล ทั้งของคุณชายและแรม แต่อย่างพี่บอก ถ้าต่างคนต่างไม่พูดก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจ รู้ใจ”
เดือนแรมน้ำตาไหลริน “แรมพูดไม่ได้หรอกค่ะ...เพราะต่อไป คุณชายจะกลายมาเป็นพี่เขยของแรม”
สรรชัยสงสารเดือนแรมมาก เดือนแรมปวดใจร้องไห้ออกมาอีก
“สิ่งที่แรมต้องทำ มีอย่างเดียว คือตัดใจจากคุณชายค่ะ”
เดือนแรมร้องไห้สะอึกสะอื้น สรรชัยมองอย่างเข้าใจ เห็นใจ ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เดือนแรมรับมา

บังเอิญเหลือแสนที่ธิติรัตน์เดินเข้ามา เห็นเดือนแรมนั่งร้องไห้อยู่กับสรรชัย ธิติรัตน์อึ้ง ดุจแขเดินไปหา เป่าหูทันควัน
“แขว่าแล้ว ว่าคุณชายจะต้องไม่เชื่อแข และก็ต้องมาดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง..เห็นแล้ว เป็นยังไงบ้างคะ?”
ธิติรัตน์เงียบ ดุจแขใส่ต่อ
“ผู้หญิงจะใช้น้ำตาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่รัก ต้องการให้คนรักปลอบ” ธิติรัตน์นิ่งฟัง “ถ้าคุณชายจะว่าแขหลายใจ ก็ต้องว่าคนอื่นด้วย เพราะผู้หญิงก็เหมือนกันหมดทั้งโลก รวมทั้งเดือนแรมด้วย”
ธิติรัตน์อึ้งไป เหลียวมองเดือนแรมแล้วเดินออกไป ดุจแขยิ้มอย่างพอใจ ที่เป็นไปตามแผน

ธิติรัตน์กลับวัง เปิดประตูเข้ามาในห้อง ดวงตาเจ็บช้ำ ไม่โวยวาย ไม่อาละวาด
“สุดท้ายผู้หญิงก็เหมือนกันทุกคน”
ธิติรัตน์มองผ้าพันคอที่เดือนแรมให้ ด้วยความชอกช้ำใจ

ด้านเจ๊กอไก่ เดินพล่านอยู่ในห้องที่คอนโด คิดหาวิธีช่วยเด็กในสังกัด
“อ๊อย...ยิ่งร้อนๆ อยู่ ถ้ากอไก่ไม่ได้พูดกับใคร รับรองกอไก่ตับแตกตายแน่ๆไม่ได้...จะให้คุณเพ็ญประกายเอาคุณชายไปกินไม่ได้ กอไก่ต้องจัดการ”
เจ๊กอไก่ตรงไปที่โน๊ตบุ๊ค เปิดค้นรื้อภาพไฟล์งานของตัวเอง เพื่อหาภาพเบื้องหลังการทำงานตอนที่ธิติรัตน์กับเดือนแรมดูใกล้ชิดกันมากๆ เจ๊นักปั้นเจอแล้วยิ้มแป้น ก่อนจะเลือกภาพคลิกส่งไปยังนักข่าวนสพ.บันเทิงที่มักคุ้นกันทันที

วันต่อมาเพ็ญประกายนั่งอ่านนสพ.พิมพ์หน้าข่าวบันเทิง
“มีคนตาดีเห็นคุณชายธิติรัตน์จี๋จ๋ากับสาวสวย...หรือผู้หญิงคนนี้คือว่าคู่หมั้นที่ลือกัน”
ภาพประกอบข่าวเป็นภาพเดือนแรมกับธิติรัตน์ใกช้ชิดกัน เพ็ญประกายนั่งจ้องหน้านิ่ง ตาเขียวปั้ด
จันทราเดินเข้ามา “มีอะไรลูก?” เพ็ญประกายยื่นหนังสือพิมพ์ให้แม่อ่าน โกรธจัด “นังแรมมันต้องเป็นคนปล่อยข่าวแน่ๆ”
“ทั้งๆ ที่เพ็ญไปบอกกับแรมแล้ว มันยังทำแบบนี้ แสดงว่ามันจงใจประกาศตัวเป็นศัตรูกับเพ็ญ” เพ็ญประกายคั่งแค้นในใจ
“มันร้ายกว่าที่คิด ...ฮึ!! ฉันจะทำให้แกไม่ได้ไปผุดไปเกิดเลยเดือนแรม”
“งานนี้ไม่ถึงมือคุณแม่หรอกค่ะ ลูกจะจัดการเอง...”
“ยังไงลูก?” จันทราฉงน
เพ็ญประกายไม่ตอบ แต่หยิบนสพ.มา เปิดดูที่อยู่ติดต่อและกดโทร.ออก ดัดเสียงรายงานข่าวกับนักข่าว
“ผู้หญิงเป็นน้องสาวคู่หมั้นคุณชายค่ะ แต่คนละแม่ หล่อนชื่อเดือนแรม..และหล่อนก็หน้าด้านมาก ที่แย่งว่าที่สามีพี่สาวของตัวเอง”
จันทรายิ้มอย่างพอใจ ชุติมาเดินมาได้ยิน ทำตาโต ตกใจ

เพ็ญประกายเดินออกมาด้านนอก พูดกับตัวเองเบาๆ
“ข่าวนี้จะทำให้เธอไม่ได้ผุดได้เกิดในวงการแน่ และคนก็ต้องประณามที่เธอคิดแย่งว่าสามีพี่สาวตัวเอง แรม!”
ชุติมาเดินตามมา พูดเย้ยหยัน “ฉันไม่คิดเลยจริงๆ ว่าคนอย่างเธอ จะทำร้ายคนอื่นได้ขนาดนี้”
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ในเมื่อแรมจะแย่งคุณชายของฉัน” เพ็ญปรกายลอยหน้าบอก
“คำก็คุณชายของฉัน สองคำก็คุณชายของฉัน ทั้งๆ ที่เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเธอคือมาหยารัศมีตัวปลอม นี่!!เลิกบ้าผู้ชายได้แล้ว บางทีแรมนั่นล่ะที่จะเป็นมาหยารัศมีตัวจริง” ชุติมาเยาะ
“ไม่ใช่ เพราะความจริง มันเป็นแค่เด็กถูกเก็บมาเลี้ยง”
“พูดอะไร?” ชุติมาฟังแล้วงง
“คนนอกอย่างเธอไม่จำเป็นต้องรู้..” เพ็ญประกายจะเดินหนี
“โอเค้..ฉันไม่รู้ก็ได้...แต่คุณชายธิติรัตน์จำเป็นต้องรู้…”
เพ็ญประกายหันมามอง ชุติมาพูดต่อให้จบ
“...ว่าเธอเป็นคนปล่อยข่าว ทำลายแรม
“ถ้าเธอบอกคุณชาย ฉันจะบอกคุณแม่ แน่จริงก็เอาสิ” เพ็ญประกายไม่กลัว
ชุติมาบอกเสียงเครือสั่น เจ็บปวดลึกๆ “ไม่แน่จริงหรอก เพราะยังไงคุณน้าก็คงเข้าข้างเธอ แต่
คุณชายธิติรัตน์น่ะซี้ จะว่ายังไง ที่มีข่าวที่ไม่ต้องการหลุดออกไป”

อีกวันต่อมา เดือนแรมมาถ่ายภาพยนตร์โฆษณาครีมกันแดด ที่เจ๊กอไก่รับงาน ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ ทีมงานธิติรัตน์รับผิดชอบถ่ายทำโฆษณาชิ้นนี้ เลือกโลเคชั่นริมถนนสวย ผู้คนผ่านไปมาขวักไขว่ ธิติรัตน์แอบถ่ายภาพนิ่งเดือนแรม
เดือนแรมยิ้มแย้มพูดน้ำเสียงกระฉับกระเฉง อยู่หน้ากล้อง “แม้แดดจะแรง แต่มั่นใจค่ะ” เดือนแรมชูผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดและบอกยี่ห้อ ใบหน้ายิ้มแย้มสดใส พูดต่อ “เอาอยู่”
เสียงศรัณย์สั่ง “คัท”
เดือนแรมยิ้มสดใส ทีมงานกรูเข้ามา บรรดาไทยมุงที่มารุมล้อมเริ่มเม้าท์มอยตามประสา
“นางแบบคนนี้เหรอ ที่มีข่าวว่าแย่งผัวพี่”
ธิติรัตน์ยืนอยู่ ได้ยินสะดุ้งโหยง ไทยมุงเมาท์ต่ออย่างเมามันส์
“คนนี้ล่ะฉันจำได้...จ้างให้ครีมนี้ฉันก็ไม่ใช้ เดี๋ยวหน้าจะด้านเหมือนนางแบบ”
เดือนแรมเดินมาได้ยินหน้าจ๋อย ธิติรัตน์สบตาเดือนแรม พร้อมกับหันไปมองเจ๊กอไก่

เจ๊กอไก่ยื่นหนังสือพิมพ์ให้ธิติรัตน์ทันที ธิติรัตน์รับมาอ่าน แล้วเขวี้ยงทิ้ง อย่างอารมณ์เสีย
“ข่าวบ้าๆ อย่างนี้ลงได้ยังไง?”
“นายต้องรีบเคลียร์ตรงนี้นะชาย ไม่อย่างนั้น คนที่เสียหายคือแรม” วีระว่า
ธิติรัตน์มองจ้องเดือนแรม เห็นเดือนแรมหน้าจ๋อย ธิติรัตน์ยิ่งสงสารแต่ยังเคืองเรื่องสรรชัยอยู่
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ให้เธอเสียหายที่เป็นข่าวกับฉัน ฉันจะแก้ข่าวให้” ธิติรัตน์มองจ้องหน้าเดือนแรมเขม็ง “คนของเธอจะได้ไม่เข้าใจผิดแรม” เดินหนีไป
เดือนแรมมองธิติรัตน์เหนื่อยใจเหลือเกินแล้ว

ตกกลางคืน ธิติรัตน์คุยกับธิดาที่สนามหญ้าในวัง ธิดาถามอย่างกังวลใจ
“แล้วชายจะจัดการยังไง?”
ธิติรัตน์ถอนหายใจ “ตอนนี้ผมก็มืดแปดด้าน แต่ถ้าจะให้ผมออกไปประกาศว่าคู่หมั้นของผมคือคุณเพ็ญประกาย ผมก็ยังไม่พร้อม”
“แต่พี่ว่า ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ แรมแย่แน่ๆ ยังไงชายก็ต้องจัดการอะไรซักอย่าง” ธิดากังวลเรื่องเดือนแรม
“งั้นผมจะแถลงข่าวเลยแล้วกัน” ธิติรัตน์ตัดสินใจเด็ดขาด และมาดมั่น

รุ่งเช้าเพ็ญประกายรับโทรศัพท์ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“ขอบใจมากจ้ะที่บอก” วางสาย ยิ้มระรื่น
“อะไรลูก?” จันทราอยู่ด้วย สงสัย
“เพื่อนโทรฯมาบอก ว่าคุณชายจะจัดแถลงข่าว เรื่องคู่หมั้นค่ะ”
จันทราวี๊ดว๊ายด้วยความดีใจ คิดเตลิด “คุณชายต้องเปิดตัวหนูแน่ๆ โอ๊ย...เพ็ญ แม่ดีใจเหลือเกินลูก...ดีใจจริงๆ”
เพ็ญประกายถามงงๆ “ทำไมคุณแม่ถึงจะคิดว่าคุณชายต้องเปิดตัวหนูคะ?”
“ก็ข่าวฉาวโฉ่ออกยังงั้น ยังไงทุกคนก็ต้องรุมถาม คู่หมั้นของคุณชายเป็นใคร? หน้าตาเป็นยังไง? เพราะข่าวที่มันเคยออกมา คนยังไม่ได้สนใจ คราวนี้ล่ะ นสพ.มีกี่ฉบับแม่จะใช้เงินยัด ให้ลงรูปหนูกับคุณชายใหญ่ๆ เลย จะได้รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง” จันทราจับใบหน้าลูกสาว ยิ้มมองอย่างมั่นใจ “ลูกของแม่คือคู่หมั้นของคุณชาย”
เพ็ญประกายดี๊ด๊า ฝันตาม “ลูกดีใจจังเลยค่ะคุณแม่”
“คราวนี้แหละนังแรม ได้เอาหน้าซุกดินแน่ๆ”
สองแม่ลูกกอดกันกลมด้วยความดีใจ

เวลาเดียวกันแม้นเทพในชุดร้อยโท อยู่กับเดือนแรมที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา สองคนคุยกันท่าทางกังวล
“เฮ้อ! เป็นเรื่องจนได้ นี่พี่ไม่ให้คุณแม่รู้เรื่องนะ ไม่งั้นคุณแม่ต้องโกรธมาก”
“แรมขอโทษค่ะ”
“แล้วคุณชายเค้าจะแถลงข่าวตอนไหน พี่จะได้ไปด้วย”
“พรุ่งนี้ค่ะ”

รุ่งขึ้นบริษัทธิติรัตน์ ถูกจัดเป็นสถานที่แถลงข่าวเรื่องข่าวฉาว นักข่าวมากันพร้อมทุกสำนัก ทั้งสายบันเทิง และสายไฮโซ
จันทรากับเพ็ญประกายแต่งตัวสวยเจิดสุดขีด เดินนวยนาดเข้ามาใน ทำตัวเด่นเด้งชนิดกะให้คนเหลียวมอง ชุติมาเดินตามหลังมา บ่นตามนิสัย
“กะแต่งตัวมาขโมยซีนเค้าล่ะสิ”
เจ๊กอไก่ เดินมากับเดือนแรมพอดี เดือนแรมยกมือไหว้สามคน มีชุติมารับไหว้คนเดียว
จันทราเยาะทันควัน “ยังจะกล้าเอาหน้ามาอีกเหรอ ทั้งๆ ที่วันนี้คุณชายมาประกาศตัวคู่หมั้น”
เดือนแรมตอบน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “แรมก็มาเพื่อประกาศความบริสุทธิ์ของตัวเองเหมือนกันค่ะ”
เพ็ญประกายเหยียดยิ้ม “ให้คนเค้าได้เห็นหน้าชัดๆ น่ะเหรอว่า หน้าตาแบบนี้ คือคนที่กล้าแย่งว่าที่สามีของพี่”
เจ๊กอไก่ฟังแล้วปรี๊ด...ตอกหน้าเสียงนิ่มๆ “แต่คุณกล้ากว่าแรมอีกนะคะ ที่มาประกาศว่าคุณชายเป็นว่าที่สามี ทั้งๆ ที่คุณชายยังไม่เคยพูดอะไรซักคำ”
“ก็วันนี้แหละที่เค้าจะพูด” จันทราสวนคำ พลางมองเดือนแรมอย่างเหยียดเย้ยๆ “เตรียมเอาหน้ามุดลงดินได้เลยนังแรม”
เจ๊กอไก่จัดให้อีกดอก “คุณน้ายยย...เคยได้ฟังนิทานเรื่องพญานกอินทรีกับนกกระจอกมั้ยคะ?”
“นิทานบ้าบออะไรของหล่อน ฉันไม่เคยรู้จัก”
ชุติมาทำหน้า หน่าย เซ็ง ระอาใจ รู้ว่าถูกด่า “รู้จัก....เดี๋ยวเล่าให้ฟังเอง” รีบจับมือพาไป
จันทรากับเพ็ญประกายถูกลากไปแบบงงๆ

มาถึงอีกมุมจันทราสะบัดมือออกจากชุติมาด้วยความโมโห
“อะไรของแกนังชุ?”
“ก็จะยืนให้เค้าด่ารึไงเล่า?” ชุติมาเหน็บ
เพ็ญประกายงง “ด่าอะไร?”
ชุติมาเซ็งหนัก มองเพ็ญประกาย “นี่ก็หน้าโง่ไม่พอ ยังถามโง่ๆ อีก ไม่รู้รึไง ว่าผู้จัดการนังแรมมันบอกว่า แรมสง่างามราวนกอินทรีย์ ส่วนพวกเรา เกาะกลุ่มเจี๊ยวจ๊าว วันๆ คอยแต่ตามไล่ ตามจิกรวมกลุ่มกันเป็นนกกระจอกให้คนเค้าน่ารำคาญ!!เอ๊อ!!พิลึกคน ถูกด่าแล้ว ยังจะกลับไปให้เค้าด่าอีก”
จันทรากับเพ็ญประกายโกรธจนเนื้อตัวสั่น
“ใครว่าฉันจะกลับไปด่า ฉันจะกลับไปตบนังผู้จัดการนั่นให้ลืมสัญชาติไปเลย” จันทราปรี๊ด
ชุติมาคว้ามือแม่ไว้ “พอแล้ว หัดทำตัวเป็นนกอินทรีบ้างเถอะค่ะ ไม่ใช่เอะอะๆ ก็เป็นได้แค่นกกระจอก”
จันทรากับเพ็ญประกายได้แต่ทำท่าฮึดฮัดขัดใจ

เดือนแรมยืนหน้าซีดอยู่ เจ๊กอไก่มองอย่างห่วงใย จับมือเดือนแรมปลอบ
“ไม่ต้องสนใจหรอกน้องแรม...เรารู้ดีว่าเราเป็นอะไร?”
แม้นเทพวิ่งเข้ามาหน้าตื่น “ขอโทษ..พี่เพิ่งเสร็จงาน เค้าจะแถลงข่าวกันหรือยัง?”
“คงใกล้เริ่มแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าคุณชายพูดอะไรให้แรมเสียหาย พี่จะปกป้องแรมเอง” แม้นเทพปลอบ
“คุณชายไม่ว่าอะไรแรมหรอกค่ะ”
“ยังจะเข้าข้างเค้าอีก ที่ต้องเป็นข่าวเสียหายก็เป็นเพราะเค้าไม่ใช่เหรอ?”
แม้นเทพฉุนจับมือเดือนแรมเดินเข้าไป แบบพี่พร้อมปกป้องน้องเต็มที่

มุมหนึ่งในบริษัทถูกจัดตั้งโต๊ะแถลงข่าว ธิติรัตน์นั่งอยู่ข้างๆ เดือนแรม ส่วนจันทรา เพ็ญประกายและชุติมานั่งอยู่ด้านหน้ามองมาอย่างไม่พอใจ เพราะไม่มีใครสนใจเลย แต่ชุติมาแอบมองแม้นเทพตลอดๆ ดีใจที่หนุ่มล่ำชายในฝันก็มาด้วย
งานแถลงข่าวใกล้เริ่ม บรรดานักข่าวมองจ้องไปที่ธิติรัตน์และเดือนแรม ไม่สนใจสองแม่ลูก จันทราจับมือลูกสาวปลอบ
“อย่าเพิ่งน้อยใจลูกที่ต้องนั่งตรงนี้ เดี๋ยวตอนคุณชายประกาศว่าหนูคือคู่หมั้น ทุกสายตาจะต้องจับจ้องมาที่หนูแน่จ้ะ”
“ลูกทราบค่ะ แต่คุณแม่ก็เห็น ตั้งแต่เราก้าวเข้ามาที่นี่ คุณชายยังไม่มอง ไม่ทักลูกเลย”
จันทรายิ้ม ยังมีหวังอยู่ “คุณชายอาจจะอยากเซอร์ไพร์สหนูก็ได้”
“คงจะเซอร์ไพร์สจริงๆ นั่นแหละ ขนาดมาแถลงข่าวคุณชายยังไม่บอกเธอซักคำ” ชุติมาเยาะ
จันทราถลึงตาใส่ พร้อมด่า “ชุติมา ฉันให้เธอมารับใช้นะ ไม่ใช่มากระแนะกระแหน” รีบโอ๋เพ็ญประกาย “น่าใจเย็นๆ ยิ้มไว้ก่อน อย่าหน้างอ เดี๋ยวไม่สวยนะลูก...นั่นๆ คุณชายจะแถลงข่าวแล้ว”
“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณผู้สื่อทุกท่านที่ให้เกียรติมาในวันนี้ ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ นี่คือ คุณเดือนแรม มณีกุล”
เดือนแรมยกมือไหว้ทุกคน ธิติรัตน์พูดต่อ
“ผมกับคุณเดือนแรม ไม่ได้มีสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้นอย่างที่เป็นข่าว ผมกับคุณเดือนแรมเป็นแค่ผู้ร่วมงานกันเท่านั้น ภาพที่ออกมาเป็นภาพเบื้องหลังกองถ่าย ที่เราร่วมงานกัน”
นักข่าวสำนักหนึ่งยิงตำถาม “แล้วที่ข่าวออกมาว่าคุณเดือนแรม แย่งคุณชายมาจากพี่สาว”
ธิติรัตน์ตอบคำถามเสียงเข้ม “ไม่เป็นความจริงครับ”
จันทรากับเพ็ญประกายชักสีหน้าไม่พอใจ จันทราแตะมือลูกสาวเบาๆ ให้กำลังใจ
นักข่าวอีกคนถามต่อ “แต่ข่าวบอกว่าคุณชายมีคู่หมั้น”
“ผมยังไม่มีแฟน และยังไม่เคยประกาศหมั้นกับใคร”
เดือนแรมเหลียวไปมองหน้าธิติรัตน์ จันทรา เพ็ญประกาย อึ้งกิมกี่ ส่วนชุติมาทำหน้าแบบนึกแล้ว
“และในเมื่อผมไม่ได้มีแฟน ไม่ได้มีคู่หมั้น แรมจึงไม่ได้แย่งผมจากใคร ผมขอจบการแถลงข่าวเท่านี้นะครับ”
แม้นเทพมองอย่างพอใจ ที่เห็นธิติรัตน์ออกโรงปกป้องเดือนแรม นักข่าวฮือฮา ทยอยเข้าไปใกล้ธิติรัตน์ และเดือนแรม ขอถ่ายรูปหลังจบการแถลงข่าว
จันทรากับเพ็ญประกายซีดเจื่อน ชุติมายิ้มระอา
“เซอร์ไพร์สจริงๆ หงายเงิบไม่เป็นท่าเลย”
เจ๊กอไก่ผ่านมาเย้ย “เพราะฟ้ามีตา” เดินเชิดหนีไปเลย
จันทราผุดลุกขึ้นยืน ชุติมารีบฉุดลงนั่งทันที บอกห้ามเสียงเข้ม
“อย่าทำอะไรนะคะ ถ้าคุณน้าไม่อยากประจานตัวเอง ในเมื่อคุณน้าก็ได้ยินกับหู คุณชายเค้าไม่ต้องการมีคู่หมั้น อย่างที่คุณน้าพยายามยัดเยียดให้”
จันทรากวาดสายตามองดู เห็นนักข่าวหันมามองเป็นตาเดียวกัน เป็นเชิงว่าลุกขึ้นทำไมป้า? ชุติมาหันมากรีดเพ็ญประกายอีกแผล
“เห็นกับตา ได้ยินกับหูแล้วนะ ว่าคุณชายไม่ได้ต้องการเธอ”
เพ็ญประกายนั่งหน้าซีด สรุปไม่มีใครสนใจสองแม่ลูก นักข่าวคนเดิมหันมาถามซักธิติรัตน์
“ถ้ายังไม่มีแฟนและมีคู่หมั้น คุณชายมีโอกาสที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับน้องแรมมั้ยครับ?”
เดือนแรมกับธิติรัตน์มองตากัน เหมือนรอฟังคำตอบกันและกัน
“ผมตอบไม่ได้ เป็นเรื่องของอนาคตครับ”
เจ๊กอไก่ถูกใจนัก หัวเราะคิกคักกับเพื่อนนักข่าว “แต่เข้าใจใช่มั้ยคะ คำตอบแบบนี้ของคนดังหมายความว่ายังไง?”
เจ๊กอไก่ปรายหางตายิ้มเย้ยมาทางจันทราและเพ็ญประกาย

สองแม่ลูกเข่นเขี้ยวมองด้วยความเคียดแค้นชิงชังเดือนแรม

อ่านต่อหน้า 4

มาหยารัศมี ตอนที่ 8 (ต่อ)

สามคนเดินออกมา ชุติมายิ้มเยาะ “กะจะมาสับเค้า แต่ถูกเค้าสับซะเละ”

จันทราฉุนกึก “ใครสับ?”
“ก็คุณชายไงค๊า.....” ชุติมาลากเสียงยาวประชด “…คุณน้า..เฮ้อ! กะมามัดมือชก แต่เผอิญคุณชายรู้ทางมวยอ่อนซะก่อน เลยแก้ทางมวยได้ ไงล่ะถูกน็อคกลางอากาศทั้งแม่ทั้งลูก”
เพ็ญประกายฮึดฮัดขัดใจทำเสียงจะร้องไห้ ลากยาวๆ “คุณแม่...”
จันทราพูดเสียงเย้ยหยัน “แต่มวยมันก็พลิกล็อกได้ตลอดนี่...แกคอยดูแล้วกัน ว่างานนี้ใครจะลงไปนอนนับสิบก่อนกัน ระหว่างฉันกับคุณชาย”

ด้านแม้นเทพ เดินมาบอกขอบคุณธิติรัตน์ที่ช่วยเหลือเดือนแรม
“ขอบคุณคุณชายมากนะครับ ที่ช่วยปกป้องชื่อเสียงของแรม”
ธิติรัตน์แฝงอ่อนโยนจริงจังห่วงเดือนแรม) มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องทำอยู่แล้ว
“เราเคยเจอกันหลายครั้งแล้ว ผ่านกันไปผ่านกันมา แต่ไม่เคยได้รู้จักกันซักที ผม ร้อยโท แม้นเทพ มณีกุล พี่ชายของแรม”
แม้นเทพยื่นมือออกมาให้ธิติรัตน์จับ สองหนุ่มยิ้มให้กัน แม้นเทพบอกต่อ
“ขอบคุณอีกครั้ง ที่ปกป้องน้องสาวของผม” หันมาพูดกับเดือนแรม “หมดเรื่องยุ่งๆแล้ว ไปแรม กลับบ้าน” พูดกับเจ๊ “เจ๊พักอยู่ที่ไหนครับ ผมจะพาแรมไปเก็บของ”
สามคนมองหน้ากัน ในที่สุดเจ๊กอไก่รีบหาทางออก
“เอ่อ..วันหลังได้มั้ยคะ พอดีวันนี้เจ๊มีงานต่อที่ต่างจังหวัด”
“ก็ได้ครับ...ป่ะแรม กลับบ้าน”
เจ๊กอไก่รีบเคลียร์ “เอ่อ...แรมยังมีงานต่อกับเจ๊ อีกสองสามงาน ขอเวลาอีกซักสองสามวันนะคะรับรอง เจ๊จะพาแรมไปส่งถึงบ้านเลยค่ะ”
“ว่าไงแรม?” แม้นเทพถาม
เจ๊ส่งสายตาให้สัญญาณ ธิติรัตน์จ้องหน้าอยู่ เดือนแรมแอบมองธิติรัตน์แวบหนึ่งก่อนตอบออกไป
“หมดคิวงานแล้ว แรมจะรีบกลับบ้านเลยค่ะ”
“แล้วเจอกันแรม...ฝากแรมด้วยนะเจ๊” แม้นเทพเดินไปเลย
ธิติรัตน์สบตาเดือนแรมปั้นปึ่งอยู่ในที เดือนแรมจ๋อยเพราะตนต้องการอยู่ห่างคุณชายเหมือนกัน เจ๊กอไก่ถามขึ้น
“คุณชายจะพาแรมกลับ หรือจะให้เจ๊พากลับคะ?”
เดือนแรมกับธิติรัตน์มองหน้ากัน และธิติรัตน์ก็ตัดสินใจ
“เจ๊พาแรมกลับไปเถอะครับ ผมไม่อยากให้คนของแรมเข้าใจผิด อีกอย่างผมมีงานต้องทำ คงไม่มีเวลาทำเรื่องไร้สาระหรอก”
พูดแค่นั้นธิติรัตน์ก็เดินคอแข็งออกไป

เดือนแรมมองตามธิติรัตน์ด้วยความน้อยใจ เจ๊กอไก่ยิ้มแหะๆ

สองคนเดินมาด้วยกันในออฟฟิศธิติรัตน์ เจ๊กอไก่เอ่ยขึ้น
“คุณชายห่วงงาน แล้วก็ห่วงน้องแรมมากเลยนะคะ เพราะขืนกลับกับคุณชาย แรมถูกยำเละตุ้มเป๊ะแน่ๆ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ...ตอนนี้แม้แต่หน้าแรม คุณชายก็ไม่อยากมอง” เดือนแรมกังวลใจ
เจ๊กอไก่นึกออก “ต้องเป็นเรื่องวันนั้น ที่น้องแรมหนีกลับกับคุณสรรชัยแน่ๆ”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นจริง มันก็เรื่องเล็กน้อยนะคะ แต่นี่..คุณชายทำเหมือนเกลียดแรม ไม่อยากเห็นหน้าแรม ตะกี้แรมก็อยากกลับกับพี่ต้อมเหมือนกันค่ะแต่ติดที่ว่าแรมยังไม่ได้ลาหม่อมไม่งั้นแรมจะไม่อยู่ให้คุณชายเห็นหน้าอีกเลย”
เจ๊กอไก่เหนื่อยใจกับทั้งคู่นัก “ก็เป็นซะอย่างนี้ คุณชายก็ไม่พูด แรมก็ไม่พูด แล้วจะรู้ได้ยังไง ว่าใครคิดอะไร”
“แรมไม่อยากรู้แล้วค่ะว่าคุณชายคิดอะไร คุณชายทำหมางเมินเฉยชาใส่แรมก็ดีเหมือนกัน แรมจะได้ถือโอกาสนี้อยู่ห่างๆ คุณชายไปเลย”
เดือนแรมเดินไปต่อ เจ๊กอไก่ได้แต่ถอนหายใจ
“น่าน! งอน ต่างคนต่างงอนแล้วจะทำยังไงกันเนี่ย? กลับดีกว่าฉัน”

แม้นเทพเดินตรงไปที่จอดรถจะกลับแล้ว ชุติมาวิ่งตามมาเรียกแม้นเทพอย่างดีใจ
“พี่ต้อม”
แม้นเทพหันมายิ้มให้ ชุติมาบอก “ชุขอติดรถกลับบ้านด้วยคนสิคะ…”
แม้นเทพแปลกใจ “แล้วคุณจันทราล่ะ”
“คุณน้าอยู่คุยกับคุณชายน่ะค่ะ ชุขี้เกียจรอ”
“มะ...จะกลับก็กลับ” แม้นเทพบอกเสียงเรียบธรรมดา
ชุติมายิ้มแก้มแตก “ขอบคุณค่ะ” ดี๊ด๊ารีบขึ้นรถ
แม้นเทพนึกบางอย่างได้ “เฮ้ย! แต่พี่มีธุระต้องไปทำก่อน”
ชุติมาหน้าเสีย แต่แม้นเทพรีบบอก “ชุรอหน่อยได้มั้ยล่ะ ไม่นานหรอก”
“นานก็รอได้ค่ะ” ชุติมายิ้มออก เสียงลิงโลด
แม้นเทพยิ้มเอ็นดู ชุติมารีบขึ้นรถไปกับแม้นเทพ ดีใจมากมาย

ธิติรัตน์ยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างลงไปเบื้องล่าง เห็นเจ๊กอไก่เดินตามเดือนแรม
ออกไป ธิติรัตน์ทอดสายตามองอย่างเป็นห่วง ปนน้อยใจ เสียงเคาะประตูดัง ธิติรัตน์เชิญ
“เข้ามา”
ประตูเปิดออก พร้อมๆ กับที่ร่างจันทราก้าวเข้ามายิ้มแย้ม
ธิติรัตน์แปลกใจ “คุณจันทรา”
“ขอโทษนะคะที่มารบกวนเวลาทำงานของคุณชาย”
“มีธุระอะไรครับ?”
“ดิฉันอยากทราบว่าทำไมคุณชายถึงแถลงข่าวอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว มาหยารัศมี คู่หมั้นของคุณชายก็นั่งอยู่ตรงนั้น” จันทราเข้าเรื่อง
“ผมทราบครับ แต่ตอนนี้ยังไม่มีพิธีการใดๆ และผมก็ไม่อยากให้คุณมาหยารัศมีต้องเสื่อมเสียใดๆกับการกระทำของผม อย่างที่คุณจันทราก็เห็น ผมเป็นข่าวเรื่องชู้สาว ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี”
จันทรานึกโกรธเพราะรู้ทันแต่ปั้นหน้ายิ้ม “อ้อ! ดิฉันเข้าใจแล้ว ตอนแรกก็หลงเข้าใจผิดคุณชายอยู่ตั้งนาน...งั้นคุณชายรีบทำตามธรรมเนียม จัดพิธีหมั้นเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นแรมนั่นแหละจะกลายเป็นคนที่เสียหาย เพราะยังไงข่าวก็ออกไปแล้ว ว่าแรมคิดแย่ง แฟนพี่”
ธิติรัตน์ตอกนิ่มๆ “ข่าวพวกนี้มาเร็วไปเร็วครับ ถ้าแรมไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างนั้น ต่อให้คนพยายามกระพือให้ไฟลุก ยังไงไฟก็ไม่ลุกอย่างมากก็มีแค่ควัน”
จันทราอึ้งไป “ตกลงคุณชายจะไม่หมั้นกับมาหยารัศมี?”
“ตอนนี้ยังครับ แต่ในอนาคต ผมจะแต่งงานกับมาหยารัศมีแน่นอน” ธิติรัตน์บอกเสียงจริงจัง
“สัญญานะคะ”
“ครับสัญญาของลูกผู้ชาย เจ้าสาวของผม มีมาหยารัศมีเพียงคนเดียว”
จันรากระหยิ่ม ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ สีหน้าหวังเต็มที่

คืนนั้น สองแม่ลูกคุยกันอยู่ในบ้าน เพ็ญประกายถามย้ำกับแม่เสียงตื่นเต้นดีใจ
“คุณชายตอบอย่างนี้ แสดงว่าเพ็ญยังมีหวังใช่มั้ยคะคุณแม่?”
“ใช่ลูก…” จันทราใคร่ครวญครุ่นคิด “แต่คุณชายธิติรัตน์เป็นคนฉลาด เราคงใช้วิธีดาษๆ ทั่วไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถูกคุณชายจับได้แน่”
เพ็ญประกายกังวล “แล้วเราจะทำยังไงดีคะ...เพราะดูสายตาก็รู้ คุณชายมีแต่แรม”
“ขอแม่คิดก่อน แต่มารยาหญิงมีเป็นร้อย เป็นพัน มันต้องมีซักวิธีสิน่า ที่ลูกจะเอาชนะหัวใจคุณชายได้ ไม่ต้องห่วงนะลูก งานนี้แม่สู้ตาย”
สองแม่ลูกยิ้มให้กัน

เวลาเดียวกันธิติรัตน์นั่งรับประทานอาหารม้อเย็นคนเดียว ละเอียดยกสำรับมาให้
“หม่อมโทร.มาบอกค่ะ ให้ธิติรัตน์รับประทานไปก่อนไม่ต้องรอ...”
ธิติรัตน์กวาดตามอง “แล้วแรมล่ะ?”
“ทำอาหารให้คุณชายเสร็จ แล้วก็ออกไปติวหนังสือกับเพื่อนค่ะ”
ละเอียดออกไปแล้วธิติรัตน์พูดเสียงแผ่วๆ นึกเสียใจ
“คำว่าติวหนังสือของเธอ ก็คงอยู่กับผู้ชายของเธอ”
ธิติรัตน์แทบกลืนข้าวไม่ลง

พอสรรชัยเดินเข้ามาในบ้าน เจอดุจแขยิ้มอยู่
“วันนี้กลับเร็วจัง”
สรรชัยมองงงๆ ดุจแขยิ้ม ก่อนจะถามกลั้วหัวเราะ “ไม่ไปไหนต่อกับน้องแรมเหรอค้า?”
สรรชัยงง “เลิกงานผมก็ไม่เคยไปไหนต่อกับแรมอยู่แล้ว” ไม่ได้นึกอะไรมาก
“แล้วที่วันนั้น ไปทานข้าวกันสองคนจุ๋งจิ๋งหนุงหนิงหมายความว่ายังไง?” ดุจแขเย้ย
สรรชัยแปลกใจ “คุณเห็น?”
ดุจแขยิ้มเย้ย “เห็นค่ะ...” รีบบอกต่อ “แต่อย่าเข้าใจผิดนะคะ ว่าฉันกำลังหึงกำลังหวงคุณเพราะสำหรับฉัน รองเท้าที่ถอดทิ้งไปแล้ว ไม่เอากลับมาใส่ใหม่หรอก” นัยน์ตาเริ่มดุดัน “แค่อยากจะบอกอีกที ว่าไม่มีผู้ชายผู้หญิงหน้าไหนหรอก ถ้าไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน แล้วจะคิดว่าเป็นพี่น้องน่ะ...และตอนนี้คุณก็เริ่มเป็นอย่างนั้นกับนังแรม”
สรรชัยนิ่งเฉย “แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ??”
ดุจแขตาเขียว สรรชัยบอกแน่วนิ่ม
“ไม่ว่าคุณจะหึงจะหวง หรือเป็นแค่อาการของหมาหวงก้าง ผมก็ไม่ สนใจแต่จำคำตัวเองเอาไว้....รองเท้าที่ถอดทิ้งไปแล้ว ซักวันอย่ากลับเอามาใส่ใหม่แล้วกัน”
สรรชัยเดินไปแบบไม่สนใจ ดุจแขโกรธ เหวี่ยงที่สรรชัยไม่สนใจแล้ว

แม้นเทพขับรถมาจอดหน้าตึกบ้านตัวเอง สองคนเดินลงมา แม้นเทพบอกยิ้มๆ
“ขอโทษอีกครั้ง ที่ปล่อยให้ชุรอตั้งนาน”
ชุติมายิ้มรีบบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ชุรอได้”
“เป็นน้องเป็นนุ่งก็ดีแบบนี้ล่ะ ลองผู้หญิงคนไหนต้องมารอพี่แบบนี้ เค้าคงโกรธพี่แน่”
ชุติมาสวนออกมา “ชุไม่โกรธ”
แม้นเทพยิ้มเอ็นดู “ก็เพราะชุเป็นน้องพี่ไง...”
ชุติมาจ๋อยไป แม้นเทพบอก “ไปเข้าบ้าน ดึกแล้ว”
“ค่ะ” ชุติมาอมยิ้มเดินไปทางบ้านเมิน
แม้นเทพก็ยิ้ม เดินกลับบ้านของตัวเองไป จึงไม่ทันเห็นสายตาของชุติมา
“ช่างไม่รู้อะไรเลย พี่ต้อม! ว่าชุคิดยังไง อ่อนอ่ะ!”
ชุติมาออกท่าทีเขินน่าขำ

เช้าวันต่อมาเมินกลับมาถึง เดินเข้ามาในบ้าน จันทรายิ้มแย้มแต่ดวงตามีความเจ็บช้ำ
“คราวนี้ไปดูไซต์งานหลายวันเชียวนะคะ”
เมินไม่ตอบ ถามแทน “ลูกล่ะ?”
จันทราไม่พอใจ ที่เมินไม่ตอบ แต่ข่มเอาไว้ เพ็ญประกายเดินมาพอดี
“คุณพ่อถามหาน่ะลูก”
“เป็นยังไงบ้างลูก ดีขึ้นบ้างมั้ย?”
“ก็ดีค่ะ”
เมินเดินเข้ามากอด “จริงๆ ที่หนูเป็นมันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ก็แค่เครียด ถ้า
รักษาตั้งแต่ต้นก็ไม่มีอะไร เหมือนพ่อ พ่อก็เครียด พ่อเองก็ต้องไปหาหมอหลายปีถึงไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรที่แย่ลง”
สีหน้าจันทรามีพิรุธ เมินบอกต่อ
“พ่อเป็นห่วงนะ ไม่อยากให้ลูกคิดมาก ว่าตัวเองเป็นโรคประสาท เพราะความจริงแล้วมันไม่ใช่”
เพ็ญประกายฟ้อง “ก็พี่ชุพูด”
“ชุก็พูดจาไปเรื่อยตามนิสัย”
“แต่คุณแม่ก็บอก” มองหน้าแม่
จันทรารีบแก้ตัว “ ก็...มันเป็นคำพูดง่ายๆ ดี”
เมินต่อว่า “ง่ายก็จริง แต่คุณไม่ควรพูดจามักง่าย จนลูกขวัญเสีย ...อย่าไปคิดมากเลยนะลูก หนูไม่ได้เป็นอะไร แค่เครียดเท่านั้นเอง อีกอย่าง” มองหน้าจันทรา “ผู้หญิงที่ดีอย่าไปวิ่งตามผู้ชาย เพราะถ้าหนูเป็นคนดีจริงๆ ผู้ชายจะวิ่งตามหาหนูเอง”
“ค่ะ”
เพ็ญประกายรับคำ จันทราไม่พอใจ
จันทราคุยกับเพ็ญประกายอยู่อีกมุม
“อย่าไปเชื่อคุณพ่อนะลูก ขืนเป็นผู้หญิงดีๆ ก็ถูกผู้หญิงหน้าด้านเอาไปกินเท่านั้นเอง”
“แล้วคุณแม่จะให้ลูกทำยังไงคะ?”
“แม่คิดดูแล้ว ลูกแกล้งเป็นบ้าน่ะดีแล้ว”
“บ้าเลยเหรอคะ?”
“ไม่ถึงขนาดบ้า แต่มีอาการทางจิต อาจจะเป็นภาวะซึมเศร้า เพราะกลุ้มใจ แอ๊บนางเอกเรียกร้องความสนใจจากคุณชาย เพราะถ้าเอาความดีชนะไม่ได้ มันก็ต้องใช้วิธีนี้” จันทราบอก
เพ็ญประกายทำหน้าเหมือนชั่งใจ

ธิติรัตน์เดินมาจะไปทำงาน เห็นเดือนแรม สองคนมองตากัน ความห่างเหิน
เกิดขึ้นเพียงข้ามคืน เดือนแรมหลบไปยืนอยู่อีกมุม เสียงมือถือธิติรัตน์ดัง
“ครับ....” นิ่งฟัง “ครับ...” วางสาย
“มีอะไรลูก?” หม่อมรัตนาอยู่ด้วยถามขึ้น
“คุณมาหยารัศมี ไม่สบายครับ”
เดือนแรมหันหน้ามองธิติรัตน์ รอฟังต่อ หม่อมแนะนำ
“ยังไง แม่ว่าชายควรไปเยี่ยมนะลูก”
ธิติรัตน์หันมามองเดือนแรมพูดจงใจ
“ครับเพราะยังไง คุณมาหยารัศมีก็คือคู่หมั้นของผม”

เดือนแรมปิดประตูห้อง น้ำตาไหลพราก
“ได้ยินมั้ยแรมถึงคุณชายจะปฏิเสธ แต่ยังไงคุณมาหยารัศมีก็คือคู่หมั้นของคุณชาย”

เพ็ญประกายแกล้งนอนซมอยู่บนเตียง โดยที่จันทรากุลีกุจอบอกแป้น
“เร็วนังแป้น ไป เอาน้ำยาปรับอากาศกลิ่นยูคาลิปตัสมา คุณชายเดินเข้ามาจะได้รู้ว่าลูกสาวฉันไม่สบาย”
“ค่ะๆ” แป้นจะออกไป
จันทราเรียกไว้ “เดี๋ยวๆ ไปเตรียมพวกน้ำสมุนไพรแก้ไข้แก้หวัดมาให้คุณมาหยารัศมีด้วย จะได้สมจริงสมจังหน่อย”
“ค่ะๆ” แป้นรีบออกไป
ชุติมาเดินสวนเข้ามา “ยัยเพ็ญก็ไม่ได้เห็นเป็นอะไร ทำไมต้องทำท่านอนซมเหมือนคนจะตายด้วยคะ”
จันทราโมโห เอามือตบปากชุติมาเบาๆ “ปากแกนี่ดีตลอด ไม่เคยเข็ดเลยใช่มั้ยนังชุ”
“ชุก็ดื้อด้านเหมือนพ่อแม่ชุนั่นแหละค่ะ”
จันทราตาวาว ตวาดใส่ “จะไปไหนก็ไปเลยไป ฉันขี้เกียจก่นคำมาด่าแก”
“ชุก็แค่แวะมาดูเท่านั้นล่ะคะ ว่าจะมีอะไรกันอีก เผื่อตายจะได้จองวัดได้ทัน”
“นังชุ” จันทราตวาด
ชุติมาเดินออกไป จันทรารีบหันมาดูเพ็ญประกาย
“ไม่ต้องสนใจลูก ทำทุกอย่างตามแผนแล้วคุณชายจะเป็นของหนู”

ตอนสายวันนั้นธิติรัตน์ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านเมิน ก้างลงมาพลางกวาดสายตามองบ้าน
ชุติมาเดินออกมาเห็นพอดี “อ้าว! คุณชาย”
“ผมมาหาคุณมาหยารัศมี เห็นว่าไม่สบาย”
ชุติมานึกรู้ทันที “อ้อ! ก็ไม่เห็น”
แป้นวิ่งหน้าตั้งเข้ามาขัดไว้ก่อน “คุณชายขา..คุณนายเชิญด้านในค่ะ”
สองคนเดินเข้าไป ชุติมามองตาม ปลงๆ
“เฮ้อ!เตี๊ยมกันขนาดนี้ คุณชายไม่รอดแน่ อย่าไปยุ่งกับเค้าเลยชุติมา”
ชุติมาเดินไปมาตามทาง

ชุติมาเดินมาเจอแม้นเทพเข้า ดี๊ด๊าดีใจมาก “พี่ต้อม”
“ไหงเดินอยู่คนเดียว”
“ที่บ้านมีแขกน่ะค่ะ”
“ใครมา?” แม้นเทพอยากรู้
“คุณชายธิติรัตน์ คู่หมั้นยัยเพ็ญเอ๊ยมาหยารัศมีค่ะ”

เพ็ญประกายนอนซมอยู่ในห้อง ธิติรัตน์เข้ามา จันทรารีบลุกมาหาท่าทางร้อนใจ
“คุณชาย…” หันมาบอกลูก “มาหยา.. คุณชายมาเยี่ยมแล้วลูก”
เพ็ญประกายหลับอยู่ ปรือตาขึ้นมา แบบอ่อนแรง “คุณชาย...” ทำท่าจะลุกขึ้น
จันทรารีบห้ามไว้ “อย่า..ลูก..อย่าลุก หนูไม่สบายอยู่”
“คุณมาหยารัศมีเป็นอะไรหรือครับ?”
“ก็...อาการทางประสาทอ่อนๆ เพราะเครียด เครียดที่คุณชายแถลงข่าวอย่างนั้นน่ะค่ะ นี่ก็เพิ่งออกจากรพ.แต่ดิฉันไม่คิด ว่ามาหยา จะล้มป่วยลงไปอีก....เพราะ..แรม...” จันทราทอดคำ
ธิติรัตน์ตกใจ “แรม? แรมทำอะไรครับ?”
“ก็เรื่องเดิมน่ะค่ะ” จันทราบอก
“เรื่องเดิม มันจบไปแล้วนี่ครับ” ธิติรัตน์แปลกใจ
“ก็..” จันทราค้างคำพูดไว้
เพ็ญประกายรีบแกล้งบอก “คุณแม่ขา..อย่าบอกคุณชายค่ะ อย่า ลูกไม่อยากหึคุณชายสบายใจ”
“แรมทำอะไร?”
“คุณแม่อย่านะคะ ..ลูกขอ”
“แต่ผมอยากรู้”

จันทราคุยกับธิติรัตน์ จันทราบอกอีกว่า
“เรื่องเดิมๆ เพราะถึงคุณชายจะออกมาแก้ข่าวยังไง ความจริง คุณชายกับแรมก็ยังคบหากันอยู่”
“ผมกับแรมต้องทำงานด้วยกัน”
“แต่มันทำให้มาหยารัศมีไม่สบายใจ เพราะแรมกำลังจะแย่งคุณชายจากมาหยารัศมีค่ะ”
“ผมไม่ใช่สิ่งของ ไม่ว่าใครก็แย่งผมไม่ได้” ธิติรัตน์บอกเสียงขุ่น
“ถ้าเช่นนั้นคุณชายช่วยบอกดิฉันได้มั้ยคะการกระทำของคุณชายกับแรมคืออะไร?” จันทราถาม
“ผมไม่จำเป็นต้องตอบ”
จันทราฉุนกึก ตาลุกวาว แล้วแกล้งตีหน้าเศร้า “คุณชายคะ...คุณชายเป็นว่าที่คู่หมั้นลูกสาวดิฉัน กรุณาอย่าทำให้มาหยารัศมีเสียใจเลยค่ะ คุณชายก็เห็นที่ผ่านมา มาหยารัศมีไปเคยไปอาละวาด ไม่เคยโวยวาย ไม่เคยทำอะไรทั้งนั้น มาหยารัศมีอยู่ในส่วนของตัวเอง แต่คุณชายกับแรมซะอีก ที่ทำให้มาหยารัศมีช้ำใจ ดิฉันขอร้องอย่าทำให้มาหยารัศมีช้ำใจเพราะแรมอีกเลยนะคะ ไม่อย่างนั้น..ลูกของดิฉันต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบแน่”
ธิติรัตน์พูดไม่ออก จันทราพูดต่อ
“ในเมื่อคุณชายบอกว่าจะแต่งงานกับมาหยารัศมี คุณชายก็ต้องให้เกียรติตัวเอง และมาหยารัศมีด้วยค่ะ”

แม้นเทพนั่งคุยกับชุติมา แม้นเทพนึกเป็นห่วง
“ก็วันนั้นคุณชายปฏิเสธไปแล้ว ว่าไม่มีคู่หมั้น แล้วนี่อะไรอีก”
“คุณชายคงไม่คิดอยากหมั้นจริงๆ ค่ะ แต่คุณน้ากับยัยเพ็ญต่างหากที่อยากจะหมั้น นี่ถ้าคุณชายไม่ยอมหมั้น ยัยเพ็ญโรคประสาทกำเริบแน่” ชุติมาหลุดปาก
แม้นเทพตกใจ “เพ็ญน่ะหรือเป็นโรคประสาท?”
“เอ่อ..เปล่าค่ะ ชุก็แค่พูดเวอร์ๆ ไป ความจริงแค่เป็นโรคเครียดน่ะค่ะ” ชุติมารีบแก้พัลวัน
“งั้นต่อไป ชุอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ เพราะมันไม่แค่ทำความเสียหายให้คนอื่น แต่มันจะทำความเสียหายให้ตัวชุเองด้วย เพราะคำพูดของชุ จะกลายเป็นคนเชื่อไม่ได้ ซึ่งไม่น่ารักเลย”
ชุติมายกมือขึ้น แม้นเทพหลบวูบเหมือนคนตกใจ เพราะนึกว่าจะถูกตบ
ชุติมาหัวเราะกิ๊กกั๊ก “พี่ต้อมหลบทำไมคะ?”
“ก็กลัวชุจะตบ”
ชุติมาหัวเราะขำ “ชุดุขนาดนั้นเชียว”
“ก็นิดนึง”
“ชุแค่จะยกมือขอบคุณพี่ต้อม” ชุติมาไหว้ “ขอบคุณค่ะที่ช่วยแนะสิ่งดีๆ ให้ชุ”
แม้นเทพยิ้มอ่อนโยน และเอ็นดู “อันนี้โอเค แต่ตะกี้ยกมือขึ้น ทำท่ายังกะเป็นนักมวย”
ชุติมาหัวเราะ “ชุก็น่ากลัวอย่างนี้ล่ะค่ะไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ กับพี่ต้อมยังไงชุก็น่ารักค่ะ”
“ตรงไหน?”
แม้นเทพสัพยอก แล้วหัวเราะขำด้วยความเอ็นดู ชุติมามองแม้นเทพเป็นปลื้มมากขึ้น

เพ็ญประกายมีท่าทางกังวลตลอดๆ จนจันทราสงสัย
“เป็นอะไรลูก?”
“คุณชายเป็นคนฉลาด ลูกกลัวคุณชายจะไม่เชื่อ ว่าลูกไม่สบายจริงๆ”
จันทราเน้นเสียงขณะพูด “ทำไมจะไม่เชื่อ ในเมื่อลูกไม่สบายจริงๆ...บอกตัวเองนะลูก...ว่าหนูไม่” ยิ้มแย้ม “สบายจริงๆ”
จันทรายิ้มพอใจนัก ขณะที่เพ็ญประกายกังวลไม่วาย

ธิติรัตน์ครุ่นคิดอยู่ที่รถ ที่จอดอยู่หน้าบ้านเมิน
“คุณเพ็ญป่วยขนาดนั้นเลยเหรอ?” ธิติรัตน์นึกบางอย่างออก หยิบมือถือขึ้นมาโทร.ออก รอสาย “ครับ ...ผมอยากทราบ วันที่ 2 พฤษภาคม มีคนป่วยชื่อคุณเพ็ญประกาย มณีกุลมารักษาตัวที่รพ..มั้ยครับ” นิ่งฟัง “ครับ อ๋อ...ครับ” ฟังต่อ “คุณเพ็ญ...เข้ารักษาการรักษาตัวจริงๆ...”
ธิติรัตน์ครุ่นคิดกวาดสายตามองเข้าไปในบ้าน นึกถึงคำพูดดุจแขที่บอกเพ็ญประกายมีน้องสาวบ้า ธิติรัตน์หยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง

เสียงมือถือดังขึ้น ดุจแขมองชื่อแล้วยิ้มพราย
“คุณชาย ฮึ! พอรู้ว่านังแรมมันร้าย ก็โทร.กลับมาหาแขเชียวนะ” กดรับสายเสียงหวาน “สวัสดีค่ะคุณชาย...เลิกบล็อกสายแขแล้วเหรอคะ?”
“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย...คุณว่างหรือเปล่า?”
“แขว่างสำหรับคุณชายเสมอค่ะ
ดุจแขกดวางสายยิ้มอย่างพอใจในสีหน้า

ไม่นานต่อมา ดุจแขแต่งตัวสวยเจิด เดินยิ้มร่าเข้ามาหาธิติรัตน์ที่รออยู่
“แค่มาคุยกัน แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ก็ได้”
“ก็แขอยากสวยที่สุดในสายตาคุณชาย....” มองจ้องตาธิติรัตน์ยั่วยิ้ม “นานแล้วนะคะที่เราไม่ได้มาด้วยกันแบบนี้...” ดุจแขกวาดสายตามอง “บรรยากาศของร้านดีจังนะคะ โรแมนติก” มองสบตาธิติรัตน์อ้อล้อ “เหมาะกับคนรักจะมานั่งคุยกัน”
ธิติรัตน์พยายามเข้าเรื่อง “ดุจแข...ผมขอคุยธุระ”
“แขไม่ได้ติดใจเรื่องที่ผ่านมาแล้วค่ะ แค่คุณชายกลับมาหาแข วันนี้แขก็ดีใจมากแล้ว”
ธิติรัตน์เสียงเข้มขึ้นอีก “ผมขอคุยธุระ”
“แขก็บอกแล้วไงคะ ว่าแขไม่ติดใจ แขจะไม่ขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาพูดเลย เพราะถือว่า ทั้งแขและคุณชายต่างก็มีอดีตที่ผิดพลาดกันทั้งนั้น แต่ในวันนี้..เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะคะ”
ธิติรัตน์ระอาใจ เข้าเรื่องทันที “ดุจแข..ผมอยากคุยเรื่องเด็กในบ้านคุณเมิน ที่คุณเคยบอกผมว่า เป็นน้องของคุณเพ็ญประกายและถูกทุกคนกล่าวหาว่าเป็นบ้า”
ดุจแขหัวเราะคิกใส่จริต “โถ!!นึกว่าอะไร?”
“บอกผมมา ผมอยากรู้เรื่องเด็กคนนั้น”
ดุจแขเหน็บ “เด็กบ้าคนนั้นก็คือเดือนแรมของคุณชายไงคะ?”
“ผมรู้แล้วว่าเด็กคนนั้นคือแรม แต่ผมอยากรู้..แม่ของแรมคือใคร? เดือนแรมมีประวัติความเป็นมายังไงคุณช่วยสืบให้ผมหน่อยได้มั้ย ผมอยากรู้” ธิติรัตน์ลดเสียงลง
“ก็แล้วทำไมคุณชายไม่ถามแรมเอง...” น้ำเสียงดุจแขตอนนี้เยาะหยันนิดๆ “คุณชายพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าแรมเป็นคนของคุณชายน่ะ”
“ผมถามแน่ แต่ผมก็อยากรู้ข้อมูลทางคนอื่นด้วย”
ดุจแขรู้สึกแปลกๆ “เพื่ออะไรคะ?”
ธิติรัตน์ไม่ตอบ แต่ย้อนอย่างคาดคั้น “ผมถามว่าช่วยได้มั้ย?”
“ถ้ามันจะทำให้คุณชายกลับมารักแขเหมือนเดิม ได้ค่ะ....คุณชายจะได้รู้...ว่าคนที่รักคุณชายและพร้อมจะทำเพื่อคุณชายทุกอย่าง คือใคร?”
เดือนแรมยืนอยู่ริมหน้าต่างในห้อง มองลงไปที่ด้านล่างคอยธิติรัตน์
“ป่านนี้แล้วทำไมคุณชายไม่กลับมาอีก?”
เดือนแรมถอนหายใจ เดินกลับโต๊ะหนังสือ หยิบกระดาษที่วาดรูปการ์ตูนธิติรัตน์ขึ้นมามอง แล้วเขียนข้อความเพิ่มลงไป
“คุณชายรู้มั้ยคะ....ความจริงแล้ว แรมรักคุณชาย”
เดือนแรมมองรูปการ์ตูนธิติรัตน์และตัวหนังสือที่เธอเขียน ‘แรมรักคุณชาย’ แน่วนิ่ง

ธิติรัตน์จอดลงก้าวลงมา แล้วเดินเร็วเข้าตึกใหญ่ ผ่านมาที่หน้าห้องเดือนแรม ธิติรัตน์ยืนมอง
“ฉันก็อยากพูดอยากคุยกับเธอนะแรม แต่...เธอก็น่าจะรู้ คนอย่างฉันไม่ชอบง้อใคร”
ธิติรัตน์มองห้องเดือนแรมด้วยสีหน้าอาวรณ์ อาทร ก่อนจะเดินผ่านไป
ประตูห้องค่อยๆ เปิดออก เดือนแรมโผล่หน้ามาดู
“คุณชายแรมขอโทษ...เดือนแรมคนนี้ ยังเป็นคนคนเดิมของคุณชายเสมอค่ะ”

เดือนแรมแอบมองธิติรัตน์น้ำตานองเต็มหน้า
อ่านต่อต่อนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น