กระบือบาล ตอนที่ 17
คืนนั้น 3 หัวโจก ชาญณรงค์ ณวัต ชิดชัยกำลังนั่งดื่มกิน ฉลองชัยกันอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านชาญณรงค์
“แหม...อยากจะบอกว่าสะใจมาก...หนอย...คิดว่าเอาควายมาแล้วจะทำอะไรพวกเราได้เหรอไง”
ชาญณรงค์บ่นอุบ “ที่จริงแล้วท่านผู้ว่าฯไม่น่าจะยอมมันเลยพับผ่าซิ”
“อดเปรี้ยวไว้กินหวานน่าผู้พัน...ก็ยอมๆ มันไป...ทำเป็นว่ารับข้อเสนอของพวกมัน...แล้วก็ปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปซักพัก...กว่าพวกมันจะรู้ตัวอีกที...โรงงานของผมก็คงจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว” ณวัตบอก
ชิดชัยเห็นอนาคตสวยหรูก็รีบประจบ
“ทั้งหมดทั้งปวงนี้...ผมว่าน่าจะยกความดีความชอบให้กับคุณสมพลท่านประธานใหญ่ของเรานะครับ...บารมีของท่านช่างแผ่ไพศาล...แล้วที่สำคัญ...ถ้าไม่มีท่านก็คงไม่มีคุณวัต...ผู้ฉลาดปราดเปรื่องมากความสามารถอย่างนี้”
“ชิดชัย”
“ครับผม” ชิดชัยยิ้มแป้น
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาเลียแข้งเลียขา...”
ชิดชัยชะงัก จ๋อยไป
แล้วณวัตพูดต่อจนจบ “แต่วันนี้ฉันยกให้วันนึง”
ฟังแล้วทั้งวงก็เฮฮา ส่งเสียงครื้นเครงกันต่อ ระหว่างนั้นเสียงมือถือของณวัตดังขึ้น ณวัตหยิบขึ้นมาแล้วรับสาย
“ครับพ่อ” ชิดชัยส่งสัญญาณให้ชาญณรงค์เงียบสักพัก “อะไรนะครับ” ออกอาการงงๆ ก่อนจะหันไปบอกกับชาญณรงค์และชิดชัย “เดี๋ยวผมมานะครับ”
ณวัตรีบรุดไป ชิดชัยกับชาญณรงค์คาดเดากัน ต่างๆ นานา
สมพลสีหน้าเครียด บึ้งตึงอยู่ในห้องทำงานขณะคุยสายกับลูกชาย
“ฉันอยากให้แกกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้”
ณวัตออกอาการแปลกใจอยู่ที่มุมหนึ่งภายในบ้านชาญณรงค์
“มีอะไรครับ...ตอนนี้ไอ้พวกควายนั่นก็สลายตัวไปแล้ว...ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนี่ครับ”
“ฉันบอกให้แกกลับก็กลับซิ...แล้วอย่าคิดว่าไม่มีปัญหา...ท่าทางเราจะเจอปัญหาหนักกว่าที่คิด”
ณวัตวางสายไปก่อนจะเห็นความกังวลผุดขึ้นมาในสีหน้าแทน
ด้านชาญณรงค์กับชิดชัยกำลังคาดการณ์ต่างๆ นานา
“ทำไมคุณวัตต้องแอบไปคุยด้วย...มีความลับอะไรหรือไง”
“ความลับอะไรผู้พัน...ดรีมทีมอย่างผม อย่างผู้พัน อย่างคุณวัตไม่มีความลับอะไรต่อกันอยู่แล้ว”
ชาญณรงค์เยาะ “ไม่มีแล้วตกใจอะไร”
“เอ้า...บางทีคุณวัตแกอาจจะเพิ่มตัวเลขที่มากกว่าก็ได้นะผู้พัน”
“จริงเหรอวะ...ถ้าอย่างนั้นส่วนแบ่งฉันก็เพิ่มด้วยซิ” ชาญณรงค์ฝันหวาน
ระหว่างนั้นณวัตเดินเข้ามาพยายามทำตัวเป็นปกติ “โทษทีครับ”
“คุณพ่อโทร.มาเรื่องอะไรเหรอครับคุณวัต”
ณวัตชะงัก อึกอักอยู่อึดใจ “เอ่อ...ก็ไม่มีอะไรครับ...ท่านว่าให้พวกเราสบายใจได้...ท่านกำลังจัดการทุกอย่างที่กรุงเทพฯน่ะครับ”
“แหม...ผมก็นึกว่ามีปัญหาอะไรซะอีก”
“จะมีปัญหาอะไรผู้พัน...ระดับท่านสมพลแล้ว...หายห่วง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ...ผมจะได้คุยเรื่องค่าแรงค่าเหนื่อยอย่างสบายใจ”
“ทำไมครับ” ณวัตอึ้ง
“ก็ไม่มีอะไร...เพียงแต่ว่า...ตอนนี้งานที่เป็นหน้าที่ผมก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เลย...ก็เลย...”
ชาญณรงค์ทำเป็นพูดสื่อความนัยให้ณวัต ณวัตเองก็รู้
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ แต่คงต้องเป็นพรุ่งนี้ เพราะสมุดเช็คผมอยู่ที่ออฟฟิศ”
ชาญณรงค์หูผึ่ง ลิงโลดแต่ต้องเก็บอาการ “โอ๊ย...ไม่มีปัญหาครับ...ในเมื่อคุณวัตแฟร์กับผม...ผมก็แฟร์กับคุณวัตเหมือนกัน” ว่าแล้วตะโกนเรียกสมคิด “ไอ้คิด...ไอ้คิดเว้ย...เอาไวน์ที่ดีที่สุดในหนองระบือมาซิ”
ชาญณรงค์กับชิดชัยก็หัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างมีความสุข โดยไม่สังเกตเห็นณวัตที่กำลังมีสีหน้าหนักใจ
เช้าวันต่อมาสุบิน ภิรมย์ สมหญิงนั่งซึมกระทืออยู่ที่หน้าสำนักงาน
ภิรมย์บ่นอุบ “เฮ้อ...ไม่มีควาย...พวกเราก็ไม่รู้จะทำอะไรเนอะ”
สมหญิงเห็นด้วย “อือ...แล้วคุณสุบินล่ะคะ...ไม่มีควายแล้วคุณสุบินจะอยู่ทำไมคะ”
“อ้าว...ไล่กันซะแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ...ก็...คุณสุบินมาหาข้อมูลเรื่องควายไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็ใช่...แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนเป้าหมายใหม่แล้ว” ภิรมกับสมหญิงอยากรู้ “ฉันจะอยู่สู้กับทุกคน...สู้จนกว่าจะคืนที่ดินให้กับชาวบ้านได้...สู้จนกว่าจะได้คุณใจเด็ดกลับมา”
ภิรมย์ได้ยินอย่างนั้นฮึดขึ้นมาเหมือนกัน
“ใช่...พอหัวหน้ากลับมา...ก็มีควายอีกครั้ง...คุณสุบินยังสู้แล้วพวกเราจะไม่สู้ได้ยังไง”
สุบิน ภิรมย์ สมหญิงเริ่มกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ระหว่างนั้นเกริกไกรเดินเข้ามา
“หมอคะ...สมหญิงว่าเราไปตามเรื่องกับผู้ว่าฯเลยดีมั้ยคะ” สมหญิงปรารภ
“ให้เวลาเขาหน่อยซิสมหญิง” หันมาพูดกับสุบิน “นักข่าวที่เป็นเพื่อนคุณเขาว่ายังไงบ้างครับ”
“ทำไมเหรอครับ”
“เห็นคุณสุบินเคยบอกว่าถ้าเราได้เป็นข่าวเมื่อไหร่...ก็อาจจะเพิ่มความกดดันให้กับทางการได้...ผมก็เลยอยากรู้ว่า เรื่องที่เราทำเมื่อวานมันมีผลอะไรบ้างหรือเปล่า”
สุบินเครียดไปทันที “มันไม่ติดต่อมาเลยหมอ...สงสัยจะไม่มีใครสนใจเรื่องควายจริงๆ”
ทุกคนพากันเครียดตามอีก ระหว่างนั้นเสียงของปองศักดิ์ก็ดังขึ้น
“นี่ไง...เจอแล้ว” ปองศักดิ์บอกกับทีมงาน “นี่เลย...นี่เลย”
ทุกคนหันไปมองปองศักดิ์ที่เดินเข้ามาพร้อมกับทีมงาน
“แกมาทำอะไร” สุบินสงสัย
“ก็มาทำสกู้ปไงพี่...พี่รู้มั้ย...เมื่อวานหัวหน้าผมโทร.มาบอกว่า...คนโทร.มาด่าผู้ว่าฯ กับรัฐบาลให้ตรึมเลย” ปองศักดิ์บอก
เกริกไกรหูผึ่ง “จริงเหรอครับ”
“เอ้า...ก็จริงซิหมอ...ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมจะมาขอทำสกู้ปเหรอครับ...นี่ผมกะว่าจะเล่นเรื่องนี้ให้ดังไปเลย...ดีไม่ดี...อาจจะได้พูลลิสเซอร์ด้วยนะเนี่ย...เอ่อ...แต่ผมยังไม่ถามเลยว่าหมอจะอนุญาตให้พวกเราถ่ายหรือเปล่า”
“เอาเลย...คุณอยากถ่ายตรงไหนก็เอาเลย...ภิรมย์”
ภิรมย์วิ่งเข้ามาอย่างกระตือรือร้น “ครับหมอ...เดี๋ยวผมจะทำหน้าที่ไกด์ให้คุณนักข่าวรู้จักทุกซอกทุกมุมเลยครับ...เชิญครับ”
ว่าแล้วภิรมย์ก็นำปองศักดิ์กับทีมงานออกไป สุบินเข้ามาคุยกับเกริกไกรอย่างมีความหวัง
“ผมว่าถ้าสกู้ปข่าวออกไป...คงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกแล้วละหมอ”
นัยน์ตาเกริกไกรเป็นประกายอย่างมีความหวัง
ขณะที่ชิดชัยเดินมาที่หน้าบริษัท ระหว่างนั้นเสียงผู้พันดังขึ้น
“สวัสดีคุณชิดชัย”
ชิดชัยหันมาเห็นชาญณรงค์เดินมากับสมคิด ก็ปรี่เข้ามายกมือไหว้
“อ้าว...สวัสดีครับผู้พัน...มาทำอะไรครับเนี่ย”
“แหม...ล้อเล่นหรือเปล่า...ผมก็มาทำเรื่องกับคุณณวัตที่นัดกันเมื่อวานไง”
“ฮ่าๆ...ล้อเล่นนะครับผู้พัน...แต่สงสัยผู้พันคงต้องรอหน่อยนะครับ”
“ทำไม...หรือว่าคุณวัตไปเบิกเงินสดมาให้เลย”
“ไม่ใช่ครับ...คือคุณวัตยังไม่เข้ามาเลย...สงสัยเมื่อคืนคุณวัตจะไปต่อมั้งครับ...ผู้พันรีบหรือเปล่าครับ...เดี๋ยวผมไปตามให้”
“ไม่เป็นไร...ทำงานไปเถอะ...เดี๋ยวผมไปหาคุณวัตเองก็ได้...เงินมันเยอะ...พอผมได้มาปุ้ปจะได้เอาเข้าแบงค์เลย...ไม่งั้นมันอันตราย”
ชาญณรงค์หัวใจพองโตกับเงินที่กำลังจะได้ในอีกไม่ช้า
ชาญณรงค์เดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์ต้อนรับของโรงแรมพร้อมกับสมคิด
“โทษนะหนู...ฉันมาหาคุณณวัตไม่รู้ว่าอยู่ห้องไหน”
“สักครู่นะคะ” หาข้อมูล “ห้อง 508 ค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ...ไปไอ้คิด”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” พีอาร์เรียกไว้
“ไม่เป็นไร...ฉันขึ้นไปเองได้”
“ไม่ใช่ค่ะ...คือคุณณวัตเช็คเอาท์ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“อะไรนะ...ฉันได้ยินไม่ค่อยถนัด...พูดใหม่อีกทีซิหนู”
“คุณณวัตย้ายออกกไปจากโรงแรมนี้ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“ออกไปแล้ว ! แล้วรู้มั้ยว่าไปไหน”
“เรื่องนั้นเราไม่ทราบหรอกค่ะ”
สมคิดได้ยินอย่างนั้นอุทานออกมา “เหมือนที่คุณหนูบอกไว้เลยนาย”
“อะไรของเอ็ง”
“เอ้า...ก็ไอ้นั่นมันเบี้ยวนายไงครับ...หนีไปอย่างนี้ไม่เบี้ยวแล้วจะเรียกว่าอะไร”
ชาญณรงค์กำหมัดแน่นโกรธควันออกหู
ใจเด็ดเดินกระวนกระวายอยู่ที่หน้าห้องพ่อ ระหว่างนั้นใจจอมเปิดประตูออกมา
ใจเด็ดปรี่เข้าไปหาทันที “เป็นยังไงครับพ่อ”
“เขายินดีที่จะเลื่อนการพิจารณาคดีของแกออกไปก่อน...แล้วเรื่องสถานีของแกก็อาจจะไม่โดนยุบแล้วก็ได้”
“จริงเหรอครับพ่อ...ขอบคุณมากครับ”
“เฮ้ย ! ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
ใจเด็ดงง “แต่พ่อคุยกับท่านรัฐมนตรีให้ผมไม่ใช่เหรอครับ”
“ใครบอก...พ่อของผู้หญิงที่ฉันเจอในห้องแกวันนั้นต่างหาก”
ใจเด็ดอึ้ง “คุณนุช”
“ฉันได้ข่าวมาว่า...พ่อของหนูคนนั้นที่เป็นนายทหารระดับสูงในกองทัพ...ไปช่วยพูดกับท่านนายก...คนที่แกควรจะขอบใจคือหนูคนนั้นต่างหาก”
ใจเด็ดอึ้งไปที่ได้ยินอย่างนั้น
ณวัตอยู่ที่คอนโด รู้สึกแปลกใจและสงสัยมากพอฟังเรื่องจบ
“ให้หยุดเรื่องโรงงานเอาไว้ก่อนเหรอครับ”
คนที่เล่าคือสมพล ที่เวลานี้สีหน้าเครียดจัดอยู่ข้างๆ
“ใช่...เพราะไอ้ม็อบควายเมื่อวานทำให้นักข่าวหันมาเล่นเรื่องนี้กันใหญ่”
ณวัตขัดใจ “อะไรนักหนาวะ..” แล้วจู่ๆ นึกได้ “แล้วท่านสุรยุทธ์ละพ่อ...พ่อจะจ้างไว้เป็นที่ปรึกษาทำไม”
“มันสองพ่อลูกนั่นแหละที่ทำให้เป็นอย่างนี้” สมพลบอก
“ว่าไงนะพ่อ”
“ฉันได้ข่าวมาว่ามันต่อสายหาท่านนายกโดยตรง...เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ไง” ณวัตอึ้ง “ตอนนี้ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวเราแล้ว...ฉันถึงต้องให้แกกลับมานี่...เพื่อไปชี้แจงกับคณะผู้บริหารไง”
ณวัตได้ยินอย่างนั้นก็โกรธสรนุชขึ้นมาทันที
“ยัยบ้าเอ๊ย”
ชาญณรงค์แค้นสุดๆ ที่โดนณวัตหลอก ตัดสินใจบุกกรุงเทพฯ รถของชาญณรงค์ขับเข้ามาจอดเอี๊ยดที่หน้าบริษัทคาบาตี้สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ ชาญณรงค์เปิดประตูลงมาอย่างหัวเสีย สมคิดเข้ามาถาม
“แล้วอย่างนี้จะกลับได้เหรอครับนาย...เล่นเหยียบมาสองร้อย...ไม่ตายก็บุญแล้ว”
“บ่นอะไร...ถ้าฉันไม่ได้เงินฉันก็ไม่กลับเว้ย...แกอยู่นี่ซ่อมรถไปเดี๋ยวฉันจะเข้าไปเอง”
ชาญณรงค์เดินเข้ามาหยุดที่หน้าบริษัทมองอย่างโกรธเคือง
“บริษัทก็ใหญ่โต...เดี๋ยวเถอะ...เดี๋ยวได้รู้ฤทธิ์ทหารหน่วยรบพิเศษกันบ้าง”
ชาญณรงค์จะเดินเข้าไปก่อนจะนึกได้
“แล้วสองพ่อลูกนั่นอยู่ไหนวะ”
ชาญณรงค์เหลียวซ้ายและขวาหาตัวช่วย โชคเข้าข้างเพราะพิภพเดินมาพอดี
“โทษนะคุณ...รู้จักคุณณวัตลูกชายคุณสมพลมั้ย”
พิภพพอได้ยินอย่างนั้นก็หูผึ่ง “มีอะไร”
“มีอะไร...ฉันก็จะมาทวงที่พวกมันติดเงินฉันอยู่น่ะซิ”
พิภพรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
ภายในห้องประชุมเวลานั้น เลขาสมพละกำลังแจกเอกสารให้กับผู้บริหารอื่นๆ ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมแล้ว
“ผมทราบว่าข่าวที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้ทุกท่านมีความกังวลเกี่ยวกับการบริหารของผม...ซึ่ง...ผมจะให้คุณณวัตที่มีหน้าที่โดยตรงในการซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงาน...ได้ชี้แจงด้วยตัวเองกับทุกท่าน”
สมพลเหล่มองณวัตย้ำด้วยสายตาว่าอย่าให้พลาด ณวัตสีหน้าเครียดลุกขึ้นชี้แจง
“เอกสารที่ทุกท่านกำลังดูอยู่นี่...เป็นตัวเลขราคาที่ดินของชาวบ้านที่หนองระบือที่คิดว่าจะเป็นที่ตั้งของโรงงาน...ตามที่ทุกท่านเห็นแล้วว่า...ณ.ขณะนี้มีที่ดินบางส่วนได้ถูกซื้อเรียบร้อยแล้วอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
ระหว่างนั้นพิภพเดินเข้ามาในห้องประชุม
“ขอโทษที่มาสายนะครับ...คุณณวัตคงกำลังชี้แจงเรื่องที่ดินอยู่ใช่มั้ยครับเนี่ย”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็พอดีเลยทีเดียว...พอดีผมได้เจอกับเพื่อนของคุณสมพลกับคุณณวัต...เห็นเขาบอกว่าอยากจะมาร่วมชี้แจงเรื่องที่ดินที่หนองระบือด้วยเช่นกัน...เชิญครับผู้พัน”
-ณวัตได้ยินพิภพเรียกผู้พันก็ใจหายวาบ ชาญณรงค์เข้ามาในห้องก่อนจะเห็นผู้บริหารอื่นมองชาญณรงค์เป็นตาเดียว
“โอ้โห...นี่ขนาดต้องเอาผู้บริหารมารอต้อนรับผมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
ณวัตตกใจ “ผู้พัน..! ผู้พันมาทำไม”
“เอ้า...ยังถามอีก...ก็คุณสัญญาอะไรกับผมไว้ละ...ผมไม่คิดเลยนะว่าไอ้เงินแค่ไม่กี่ล้าน...ถึงกับต้องหนีเลยเหรอ”
สมพลโมโหบอกให้ณวัตจัดการ “ไอ้วัต...พาไปไกลๆซิ”
“เอ่อ...ผู้พัน...ผมว่าเราไปคุยกันในห้องผมดีกว่า”
ณวัตจะเข้ามาดึงชาญณรงค์ แต่ถูกพิภพขวางเอาไว้ก่อนจะหันไปถามชาญณรงค์
“ไม่ทราบว่าเงินที่คุณวัตเขาติดผู้พัน...เป็นเงินค่าอะไรเหรอครับ”
“ก็ค่านายหน้าไง...แต่จะเรียกว่าค่านายหน้าก็ไม่ถูกหรอก...เพราะที่จริงแล้วมันเป็นที่ผม”
ผู้บริหารคนหนึ่งซักทันที “ไม่ใช่ที่ชาวบ้านเหรอครับ”
“ก็ที่ชาวบ้านนั่นแหละ...พวกนั้นมันเอามาจำนองไว้กับผม...แล้วพอคุณวัตมา...ก็บอกให้ยึดที่พวกนั้นเอามาขายให้แก”
ทันทีที่ชาญณรงค์พูดจบ สายตาทุกคู่ก็หันมองณวัตกับสมพลเป็นตาเดียว
“ไม่...ไม่ใช่นะครับ...อย่าไปเชื่อนะครับ”
“อ้าว...ชักจะพูดไม่เข้าหูละนะ...ก็แกเป็นคนบอกให้ฉันทำเอง...ทีแกมาโก่งราคาค่าที่กับบริษัทเท่าไหร่ฉันไม่เคยเรียกเพิ่ม...อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ”
สมพลเห็นว่าเรื่องชักบานปลายเลยรีบลุกขึ้น “ผมว่าวันนี้เราประชุมกันแค่นี้ก่อนดีกว่าครับ”
สมพลทำท่าจะเดินออกไป พิภพเห็นอย่างนั้นก็รีบบอก
“อย่าให้ห้องจากห้องเด็ดขาด”
จากนั้นผู้บริหารคนอื่นๆ ก็รีบเข้ามาขวางสมพลเอาไว้
“ไอ้พิภพ...แกไม่มีสิทธิ์มาจับตัวฉันไว้”
“ใช่...ฉันไม่มีสิทธิ์...แต่ว่า...”
จู่ๆ ตำรวจสี่นายก็เปิดประตูเข้ามาในห้องประชุม
“แหม...ตำรวจช่างทำงานได้รวดเร็ว...แจ้งปุ้ปมาปั้บ...” พิภพหันไปพูดกับสมพล “นี่ไง...แล้วตำรวจมีสิทธิ์จับแกมั้ย...คุณตำรวจครับ...ผมในตัวแทนของบริษัทของแจ้งจับนายสมพลกับนายณวัตในข้อหาฉ้อโกงบริษัท”
ตำรววจสองนายเข้ามาควบคุมตัวสมพล ก่อนที่อีกสองนายจะเข้าไปควบคุมตัวณวัต
“มาจับผมได้ยังไง...ผมไม่ผิด”
“ผิดไม่ผิด...ไปว่ากันที่โรงพักดีกว่าครับ”
ตำรวจเข้ามารวบตัวสมพลกับณวัตที่โดนจับโดยละม่อม
ตำรวจควบคุมตัวสมพลกับณวัตออกมาที่ทางเดิน
สมพลแค้นพิภพไม่หาย “คอยดูเถอะ...ถ้าฉันประกันตัวออกมาได้ละก็”
“โห...นี่ขนาดต่อหน้าตำรวจยังกล้าพูดขนาดนี้นะเนี่ย...เดี๋ยวก็โดนอีกข้อหาเพิ่มหรอก”
“เดี๋ยวขอเชิญคุณพิภพไปให้ปากคำด้วยนะครับ” ตำรวจบอกพิภพ
“ไม่มีปัญหาครับ...แต่ถ้าให้ดี...ผมว่าคุณตำรวจน่าจะเชิญคุณสรนุชไปด้วยอีกคน”
“ทำไม...ยัยนั่นเกี่ยวอะไร” ณวัตหูผึ่ง
“เอ้า...ไม่เกี่ยวได้ไง...ก็คุณสรนุชนี่แหละที่เป็นคนบอกข้อมูลชั่วๆ ของพวกแกให้ฉันไง” หันไปพูดกับตำรวจ “รับรองครับ...ถ้าคุณสรนุชมาให้ข้อมูลเอง กว่าจะออกจากคุก...คนนึงก็ตายอีกคนก็คงจะแก่หง่อมเลยละครับ”
ณวัตได้ยินอย่างนั้นเกิดกลัวอย่างที่พิภพว่า
ทันใดนั้นณวัตก็ตัดสินใจต่อยตำรวจเข้าที่หน้าเพื่อเปิดทางหนี ทุกอย่างเริ่มวุ่นวาย ณวัตรีบวิ่งหนีออกไปตามทางเดินทันที
สมพลจะตาม “ไอ้วัต...ไอ้วัต”
ตำรวจก็เข้ามารวบตัวสมพลเอาไว้ก่อนที่ตำรวจอีกนายจะรีบเข้ามาดูตำรวจที่โดนณวัตต่อยล้ม ส่วนอีกนายก็รีบวิ่งตามณวัตไป
ณวัตหนีมาหน้าลิฟท์ กดลิฟต์ถี่ยิบท่าทีร้อนร้น “เร็วซิวะ”
ระหว่างนั้นตำรวจอีกนายวิ่งเข้ามาท่ามกลางความแตกตื่นของพนักงาน
“หยุดนะ”
ตำรวจวิ่งเข้ามาแต่ก็ชนเข้ากับพนักงานที่วิ่งหลบกันวุ่นวายจนทำให้ตำรวจเสียจังหวะ ลิฟต์เปิดออก ณวัตรีบผลุบตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ตำรวจวิ่งเข้ามาถึงก่อนจะรีบแจ้งวิทยุ
ณวัตยืนเคียดแค้นอยู่ภายในลิฟต์
“บ้าเอ๊ย...เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไงวะ”
ณวัตทุบลิฟต์เสียงดังตึ่ง! ก่อนจะนึกได้ว่าเป็นเพราะใคร
“แก...นังสรนุช...แกทำลายทุกอย่างของฉัน”
ณวัตตาถลนสบถออกมาอย่างอาฆาตแค้นในตัวสรนุช
อ่านต่อหน้า 2
กระบือบาล ตอนที่ 17 (ต่อ)
ใจเด็ดมองโทรศัพท์มือถือในมืออย่างลังเล นึกย้อนไปถึงคำพูดของพ่อเมื่อคืนขึ้นมา
“พ่อของหนูคนนั้นที่เป็นนายทหารระดับสูงในกองทัพ...ไปช่วยพูดกับท่านนายก...คนที่แกควรจะขอบใจคือหนูคนนั้นต่างหาก”
ใจเด็ดรู้สึกผิดที่เข้าใจสรนุชผิดไป แต่ในที่สุดใจเด็ดก็ตัดสินใจกดโทร.ออก
“ฮัลโหล...นี่ผมเองนะ”
สรนุชขับรถอยู่รู้สึกแปลกใจที่ใจเด็ดโทร.มาหา “เอ่อ...ฉันจำได้”
ใจเด็ดสูดลมหายใจลึก ตื่นเต้นกว่าตอนโดนปืนจ่อหัวซะอีก
“ผมอยากเจอคุณ...ได้มั้ย”
“ได้ซิ...ฉันกำลังจะกลับบ้านพอดี...นายมาเจอที่บ้านฉันแล้วกัน”
ใจเด็ดวางสาย สีหน้าหมอง รู้สึกผิดกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
สรนุชขับรถกำลังจะเลี้ยวเข้าซอยบ้าน ทันใดนั้นรถณวัตก็พุ่งเข้ามาขวาง สรนุชบีบดังลั่นอย่างไม่พอใจ แป๊น
แต่แล้วสรนุชก็ต้องอึ้งไป เมื่อเห็นณวัตเปิดประตูลงจากรถ
สรนุชลงจากรถบ้าง “อะไรกันวัต”
ณวัตเดินตรงดิ่งเข้ามาสรนุช ก่อนจะต่อยเข้าไปที่ท้องสรนุช
“โอ๊ย” สรนุชตัวงอ
ระหว่างนั้นรถใจเด็ดแล่นเข้ามาตามทางที่สรนุชบอก ใจเด็ดชะงักไปเมื่อเห็นภาพณวัตกำลังทำร้ายสรนุช ราว 100 เมตร ตรงหน้า
สรนุชทรุดนั่งลงข้างรถ ณวัตกระชากร่างสรนุชขึ้น “มานี่”
ณวัตจับยัดสรนุชเข้าไปรถตัวเอง แล้วขึ้นรถขับออกไป
ใจเด็ดตกใจ
“คุณนุช”
ใจเด็ดรีบตามณวัตออกไปทันควัน
บนถนนใหญ่ รถณวัตแล่นมาตามทางอย่างรวดเร็ว รถใจเด็ดแล่นตามอยู่ข้างหลัง ห่างไปหลายช่วงคันรถ
สรนุช เจ็บ จุกนั่งตัวงออยู่ แต่ยังมีสติ “วัต...คุณจะทำอะไร”
“หึ...ยังจะถามอีกเหรอ...ฉันก็ทำกับแกให้สาสมกับที่แกเอาทุกอย่างจากฉันไป”
“วัต...อย่าทำอย่างนี้เลย”
สรนุชพูดจบ ณวัตก็เอี้ยวตัวหันมาตบสรนุชเข้าให้อีกฉาด !
“หุบปาก ! ถ้าอยากจะพูดฉันจะให้แกได้พูดก่อนตาย...แต่ตอนนี้ถ้าฉันได้ยินเสียงแกอีกละก็...แกจะเจ็บหนักกว่านี้”
สรนุชทั้งเจ็บทั้งตกใจแต่ก็พยายามตั้งสติ คิดเอาตัวรอดระหว่างที่ณวัตกำลังขับรถอยู่
ใจเด็ดขับจี้ตามมาไม่ห่าง จังหวะหนึ่งพยายามขับแซงรถคันอื่นเพื่อให้รถตัวเองอยู่ใกล้กับรถณวัตมากที่สุด
รถณวัตแล่นมาจอดที่หน้าตึกร้างแห่งหนึ่งแล้วเบรคดังเอี๊ยด มีประตูรั้วเหล็กปิดกั้นทางเข้าไว้ ก่อนจะเห็นรถของณวัตขับชนประตูจนพังกระจาย
รถจอดนิ่งสนิทแล้ว ณวัตเปิดประตูลงมาก่อนจะตรงมาที่สรนุชนั่งอยู่ กระชากลงจากรถ
“ลงมานี่”
“อย่าวัต”
ณวัตไม่สนใจเสียงห้ามของสรนุช ดึงกระชากลงไปด้วยความแรง จนร่างสรนุชล้มกลิ้งไปกับพื้น
จังหวะนั้นมือของสรนุชก็ไปเจอกับอิฐบล็อกก่อนหนึ่ง ณวัตเดินเข้ามาจะดึงสรนุชขึ้น
“ฉันไม่ให้แกตายตรงนี้หรอก”
สรนุชฉวยโอกาสจังหวะที่ณวัตไม่ทันระวัง ฟาดอิฐบล๊อกในมือเข้าที่หน้าณวัตเต็มแรง
“โอ๊ย”
สรนุชถีบณวัตออก รีบวิ่งออกไปทันที ณวัตกุมหน้าด้วยเจ็บ คิ้วแตกเลือดซิบก็ยิ่งทำให้เขาบ้าเลือด
“นังสารเลว...แกตายแน่”
ณวัตเดินกลับไปที่รถแล้วเปิดลิ้นชักหน้ารถ คว้าปืนกระชับในมือ แล้วตามสรนุชออกไปทันที
สรนุชวิ่งเตลิดหนีมาตามทาง ระหว่างนั้นสรนุชก็ต้องชะงักไปเมื่อเสียงณวัตตะโกนมา
“นุช...นุชอยู่ไหน...วัตขอโทษ”
แม้ว่าปากจะขอโทษแต่ณวัตกลับถือปืนสาดส่องหาสรนุชไปทั่ว
สรนุชไม่เชื่อพยายามกัดฟันวิ่งสุดชีวิต สรนุชมัวแต่มองณวัตไปวิ่งไป จนไม่ได้ดูที่พื้นจึงทำให้สะดุดกับเหล็กเส้นจนล้มลง
“โอ๊ย”
สรนุชเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินเสียงเดินเข้ามาทางด้านหลัง สรนุชหันไปก็เห็นณวัตกำลังเดินถือปืนเข้ามา
“จะหนีไปไหน...หือ...นุช...ผมบอกแล้วไง...ว่าผมขอโทษ...เคยฟังผมบ้างมั้ย”
ทันใดนั้นณวัตก็ยิงออกมาปัง ! กระสุนเจาะเข้าที่พื้นห่างจากตัวสรนุชไม่มาก
“ว้าย”
เศษปูนกระเด็น สรนุชแข็งใจลุกขึ้นวิ่งหนีทันที ณวัตยิ้มเหี้ยมเหมือนคนโรคจิตก่อนจะเดินตามสรนุชไปติดๆ
สรนุชวิ่งหนีมาอีกมุมตึก ตัดสินใจหลบเข้าหลังกองวัสดุ ที่มีไม้ ถุงปูน ถังสีวางระเกะระกะ ณวัตเดินตามเข้ามา
“ฉันไม่ยอมติดคุก...แล้วปล่อยให้เธอลอยนวลเสวยสุขหรอก”
ณวัตก็ยิงใส่ไปที่กองวัสดุ..ปังๆ สีทะลักออกมา
สรนุชร้องกรี๊ด ตัดสินใจวิ่งออกจากกองวัสดุ ณวัตยกปืนขึ้นเล็งจะยิงเหมือนกำลังล่าสัตว์
นาทีเป็นนาทีตายนั้นเองใจเด็ดพุ่งเข้ามา ใช้ไม้ฟาดเข้าไปที่หลังของณวัต
“อ้าก”
ณวัตล้มลง ใจเด็ดรีบวิ่งเข้าไปหาสรนุช สรนุชเห็นใจเด็ดก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เป็นไรมั้ย” ใจเด็ดถามอย่างเป็นห่วง
สรนุชส่ายหน้า พูดระล่ำระลัก “นาย...นายมาช่วยฉัน”
ใจเด็ดพยักหน้าก่อนจะส่งมือมาให้ สรนุชมองมือใจเด็ดก่อนจะตัดสินใจยื่นมือเข้าไปหา ใจเด็ดดึงสรนุชให้ลุกขึ้น สองคนพากันวิ่งออกไป
ณวัตลุกขึ้นมาแววตาแค้นอาฆาตแล้วรีบตามใจเด็ดกับสรนุชไป
ใจเด็ดจูงมือสรนุชวิ่งลงมา สรนุชทั้งเจ็บขาทั้งปวดท้อง จนทำให้สรนุชหมดแรงล้มลง
“โอ๊ย”
“เป็นไรมั้ยคุณ”
สรนุชพยายามสูดลมหายใจ แข็งใจสู้ให้ถึงที่สุด
“มา...อีกนิดเดียว”
สรนุชพยักหน้า พร้อมจะลุกขึ้น ใจเด็ดเข้าไปช่วยประคอง ทั้งสองคนสบตากัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสองคนรู้สึกต่อกันอย่างไร
จังหวะที่ใจเด็ดจะพาสรนุชวิ่งออกไป แต่สรนุชกลับดึงมือใจเด็ดรั้งเอาไว้ ใจเด็ดหันมอง
“เราต้องรอดออกไปจากที่นี่...” ใจเด็ดสบสายตาสรนุชจริงจัง “เชื่อผม”
สรนุชกลับมาเชื่อมั่นในใจเด็ดอีกครั้ง สองคนจะวิ่งต่อ แต่แล้วทันใดนั้นณวัตก็โผล่มายืนถือปืนดักข้างหน้า
“รักกันจริง! งั้นก็ตายด้วยกันซะ” ณวัตยิงปังๆ ใจเด็ดพาสรนุชหลบเข้าหลังเสา
ใจเด็ดครุ่นคิดมองไปเห็นอีกฝั่งนึงของตึกร้าง ตัดสินใจบอกสรนุช
“เราต้องแยกกัน”
“ไม่...นายจะทำอะไร”
“ผมจะล่อมันไปอีกทาง...พอผมวิ่งออกไปแล้ว...คุณรีบวิ่งออกไปให้เร็วที่สุด”
“ไม่นะ...ฉันไม่ทิ้งนายไว้นี่เด็ดขาด” สรนุชไม่ยอมขยับ
“แต่คุณต้องทำ...” ใจเด็ดยิ้มให้ “ผมไม่เป็นไรหรอก”
สิ้นคำพูดของใจเด็ด ใจเด็ดก็วิ่งออกจากเสาทันที ณวัตถือปืนเล็งระวังอยู่แล้ว พอเห็นใจเด็ดวิ่งออกมาก็ไล่ยิงตามทันที
สรนุชร้องไห้ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปอีกทางอย่างที่ใจเด็ดบอก
ใจเด็ดวิ่งหลบเข้ามาในอาคารที่กั้นเป็นห้องๆ ณวัตตามติด
“แกคิดว่าจะรอดไปได้เหรอ...หึ...อยากตายก็ไม่บอก” ณวัตถีบประตูดูทีละห้อง
“ฉันจะบอกแกเอาบุญก่อนตายก็แล้วกัน...ว่าฉันนี่แหละที่เป็นคนสั่งฆ่าควายของแกเอง”
ใจเด็ดแอบอยู่หลังประตูอีกห้อง ณวัตเดินเข้ามาแล้วจ้องอีกฝั่งของประตู ณวัตยกปืนขึ้นเล็งก่อนจะยิงปังเข้าไปที่ประตู
ทันใดนั้นใจเด็ดก็โผล่ออกมาอีกประตู ใจเด็ดเตะสวนใส่ณวัตทันที ณวัตผงะหันมืนมาจะใส่ยิง แต่ใจเด็ดจับแขนดันขึ้นทัน กระสุนพลาด ทั้ง 2 ต่อยสู้งัดกัน
ปืนกระเด็นหลุดจากมือณวัต ถูกใจเด็ดจับล็อคไว้ ณวัตฟาดศอกใส่เต็มแรง ใจเด็ดผงะหงายเสียหลัก
ณวัตรีบเข้ามาหยิบปืนก่อนจะยิงไปที่ใจเด็ด ปัง !
กระสุนพุ่งเข้าที่แขนของใจเด็ด ใจเด็ดล้มลง พยายบามถดตัวหนี ณวัตเดินถือปืนย่างสามขุมเข้ามา
“รักควายมากใช่มั้ย! วันนี้ฉันจะให้แกตายตามควายแกไป”
นิ้วของณวัตกำลังจะเหนี่ยวไกปืน ทันใดนั้นสรนุชก็วิ่งออกมา แล้วฟาดไม้ในมือเข้าเต็มหัวณวัต
ณวัตหันมาทางสรนุช ยกปืนขึ้นเหมือนจะยิงใส่สรนุชแทน แต่แล้วจู่ๆ ณวัตก็หงายหลังล้มลงทั้งยืน สรนุชถลาเข้าไปดูใจเด็ด
ครู่ต่อมาเสียงไซเรนจากรถตำรวจดังระงมตึก ใจเด็ดกับสรนุชมองณวัตที่นอนสลบอยู่อย่างใจหายใจคว่ำ
หลายวันต่อมา หทัยกำลังป้อนข้าวให้กับใจเด็ดเหมือนกับเด็กเล็กๆ
“แม่...ผมทานเองได้”
“ได้ยังไง...ก็แขนลูกเจ็บนี่”
“แต่ผมเจ็บแค่ข้างเดียวนะครับ”
ใจเพชรที่นั่งอยู่ด้วยก็หัวเราะออกมา
“เอาน่าไอ้เด็ด...แม่เขาไม่ได้ทำอย่างนี้นานแล้ว...ให้แม่เขาทำเถอะน่า”
หทัยหันมาตีใจเพชร
“เอ๊ะ...สองพี่น้องนี่ชักยังไง...แซวแม่ใหญ่แล้ว”
ความสุขและเสียงหัวเราะกลับมาสู่ครอบครัวใจเด็ดอีกครั้ง ระหว่างนั้นใจจอมเดินหน้าเครียดเข้ามา
“เป็นไรคะคุณ”
“ท่านผู้ช่วยฯโทร.มาหาพ่อเมื่อกี้”
ใจเด็ดได้ยินอย่างนั้นก็ลุกพรวดเข้ามาหาใจจอมจนลืมเจ็บ
“โอ๊ย”
หทัยร้องห้าม “เอ้า...เบาๆ ซิลูก”
“ผลเป็นยังไงครับพ่อ”
ใจจอมมองใจเด็ดสีหน้าเครียดทำให้ใจเด็ดใจไม่ดี “แกพ้นผิดทุกข้อกล่าวหา”
ใจเพชรกับหทัยดีใจกันยกใหญ่
“การที่สมพลกับพวกคาบาตี้ถูกจับ ทำให้คณะกรรมการเปลี่ยนคำตัดสินใหม่หลังจากรู้ว่าพวกนั้นทำอะไรไว้บ้าง” ใจจอมบอกต่อ
เห็นความโล่งอกในแววตาคู่นั้นของใจเด็ด
“เห็นมั้ย...แม่บอกแล้วว่าความดีของลูกจะช่วยลูกเอง”
“โห...แม่พูดอย่างนี้พ่อก็น้อยใจแย่ซิครับ”
ใจเด็ดเองก็คิดเช่นนั้น จึงหันไปมองใจจอมก่อนจะเดินเข้ามาหา
“ขอบคุณครับพ่อ”
ใจจอมยิ้มให้น้อยๆ ตามนิสัย แล้วเอามือตบบ่าใจเด็ดแทนคำว่าไม่เป็นไร
จู่ๆ ใจเด็ดก็โผเข้ากอดใจจอม
“ไม่ว่ากันนะพ่อ”
ใจจอมออกอาการเขิน แต่ทำเสียงแข็ง “ฉันก็คิดว่าแกจะรักควายจนลืมพ่อไปแล้ว”
ใจเด็ดกอดใจจอมอีกครั้ง หทัยกับใจเพชรยิ้มที่ครอบครัวกลับมามีความสุขอีกครั้ง
บนถนนมุ่งหน้าสู่หนองระบือ รถสรนุชแล่นมาตามทาง ภายในรถสรนุชขับรถหน้าบึ้งตึง ขณะที่อรอนงค์ยิ้มหน้าบานแฉ่ง
“ขอบใจน้า”
“ไม่ต้อง...ฉันไม่ได้เต็มใจมา”
“โห...ก็ฉันขับรถไม่เป็นนี่...นี่ถ้าไม่มีแก...ฉันต้องไม่ได้เจอหมอเกริกไกรแน่ๆ เลย”
“ตกลงแกชอบหมอเขาจริงๆ เหรอ”
“เปล่า...เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญคุยทางโทรศัพท์ไม่ได้...ว่าแต่ แกไม่อยากไปหนองระบือจริงๆ เหรอ”
“ฉันก็ไม่รู้จะไปทำไมนี่”
“เหรอ...แต่กระเป๋าเสื้อผ้าแกใหญ่กว่าฉันอีกนะ” อรอนงค์แซว
สรนุชหันขวับ “อยากนั่งรถทัวร์ไปมั้ย
อรอนงค์ยิ้มแหย สรนุชดูเซ็งๆ อรอนงค์แอบยิ้มเจ้าเล่ห์
เวลาผ่านไป ตอนบ่ายวันนั้นสรนุชขับรถเข้ามาจอดนิ่งสนิทที่สำนักงานสถานีฯหนองระบือ สองสาวเปิดประตูลงจากรถ
ทั้งสองแปลกใจเมื่อไม่เห็นใคร
“ไปไหนกันหมด”
สรนุชกับอรอนงค์มองด้วยความแปลกใจเช่นกัน ระหว่างนั้นเห็นมือหนึ่งค่อยๆ สอดเข้ามาที่เอวของอรอนงค์ก่อนจะดึงรั้งร่างอรอนงค์เข้ามากอด
“ว้าย”
สรนุชตกใจหันไป แล้วก็ยิ่งตกใจเมื่อเห็นชาวบ้าน สุบิน ภิรมย์และสมหญิงโผล่มาทำเซอร์ไพรส์
ทุกคนบอกออกมาพร้อมๆ กัน “ยินดีต้อนรับครับ” / “ยินดีต้อนรับค่ะ”
อรอนงค์ตีเกริกไกรที่ฉวยโอกาส
“หมออ่ะ...ปล่อยซิคะ...อายเค้า”
“โห...คุณอรอ่ะ...ไม่เห็นใจคนที่กอดหมอนข้างรอคุณอรมาหลายเดือนเลยเหรอครับ”
สุบินเดินเข้ามาหาสรนุชทำคอแข็งใส่
“ว่าไง...แกมีอะไรกับฉันอีก” สรนุชถาม
“เปล๊า...ฉันแค่อยากจะบอกว่า...ขอโทษ” สุบินบอก
“เหรอ...แต่แกตัดเพื่อนกับฉันไปแล้วนี่...จะไม่ง้อฉันเป็นเพื่อนใหม่เหรอ” สรนุชเย้า
“โหๆ...อ่ะๆ...ฉันไม่เคยง้อใครเลยนะเนี่ย”
ว่าแล้วสุบินก็ยื่นนิ้วก้อยให้ สรนุชยื่นนิ้วก้อยเข้ามาเกี่ยว ทุกคนเฮฮาด้วยความดีใจ
“นุช...แกรู้มั้ยว่าเรื่องสำคัญของคุณหมอเขาคืออะไร” อรอนงค์ถาม
“ฉันจะรู้มั้ยเนี่ย”
เกริกไกรตอบทันที “ผมว่า...คนที่อยู่ข้างหลังคุณน่าจะเป็นคนที่คุณนุชอยากฟังคำตอบมากที่สุดน่ะครับ”
สรนุชหันไปก่อนจะอึ้งไปเมื่อเห็นใจเด็ดยืนอยู่
ครู่ต่อมาสรนุชยืนอยู่ที่ริมน้ำสวยที่ประจำของตน ปล่อยใจอย่างไร้กังวล ระหว่างนั้นใจเด็ดเดินเข้ามาทางด้านหลัง สรนุชหันมา
“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับ”
“ก็เรื่องที่ผ่านมาไง...นายไม่คิดบ้างเหรอว่า...นายกับฉัน...จะกลับมาดีกันได้เหมือนเดิม”
ใจเด็ดนิ่งไปก่อนจะเอ่ยขึ้น “ผมขอโทษที่เคยเข้าใจคุณผิด”
“ฉันก็เหมือนกัน”
“แล้วต่อจากนี้คุณจะทำอะไร”
“ยังไม่รู้เลย...ฉันอยากจะพักซักหน่อย...แล้วนายละ...นายสัญญากับพ่อเอาไว้นี่ว่า ถ้าสถานีไม่โดนยุบ...นายจะทำงานที่กรุงเทพฯ”
“ก็ใช่ครับ...แต่ว่า...”
ใจเด็ดค้างคำพูดไว้ แล้วนึกย้อนไปถึงตอนที่เขากับพ่อ เข้าใจกันดีแล้วขึ้นมา
ใจเด็ดคลายวงกอดจากใจจอม เห็นสีหน้าใจจอมเหมือนกลุ้มใจ
“เป็นไรเหรอครับ...ตอนนี้เรื่องทุกอย่างก็น่าจะจบลงด้วยดีแล้วนี่ครับ”
“ก็นั่นแหละ...งั้นแกก็ไปซะ” ใจจอมเอ่ยขึ้น
หทัยกับใจเพชรแปลกใจที่ใจจอมพูดอย่างนั้น
“หมายความว่าไงพ่อ” ใจเด็ดฉงนกว่าใคร
“ฉันรู้ว่าแกอยากกลับไปสถานีของแก”
“แต่...สัญญานั่น”
“ลืมสัญญาบ้าบอนั่นซะ...แกรักอะไรก็จงทำในสิ่งนั้น...ไม่ต้องห่วงทางนี้ เจ้าเพชรก็อยู่” ใจจอมบอก
ใจเพชรเข้ามาตบบ่าใจเด็ดให้สบายใจ
“แต่ถ้าแกอยากกลับมาเมื่อไหร่...พวกเราก็ยินดีต้อนรับเสมอ”
ใจเด็ดกอดพ่ออย่างเข้าใจเป็นครั้งแรก
ใจเด็ดยังยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงความรักของครอบครัว
“สุดท้ายแล้วก็ไม่มีรักเราเท่ากับครอบครัวอีกแล้ว”
ใจเด็ดพยักหน้าเห็นด้วย “ผมเพิ่งรู้ว่าที่พ่อพยายามขัดขวางไม่ให้ผมกลับมานี่...เพราะรักผมนั่นเอง”
ใจเด็ดค่อยๆ เดินเข้าไปหา สรนุชใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว
“คืนนี้คุณมาพบผมที่นี่ได้มั้ย”
“ทำไมต้องเป็นคืนนี้”
“ที่จริงแล้ว...ผมอยากจะบอกคุณตอนนี้ด้วยซ้ำ...แต่ผมมีบางอย่างที่อยากให้คุณ”
ใจเด็ดกับสรนุชสบตากันด้วยความรัก
ใจเด็ดรีบเข้าห้องเปิดตู้เสื้อผ้า เจอเสื้อของสรนุชยังแขวนอยู่ที่เดิม จึงหยิบออกมา คิดจะคืนให้สรนุชในคืนนี้
ใจเด็ดยืนรอสรนุชอยู่ที่ริมน้ำพร้อมกับเสื้อสรนุชในมือ
ระหว่างนั้นมีเสียงคนเดินเข้ามา ใจเด็ดยิ้มดีใจรีบหันกลับไป แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเป็นโชคชัย ไม่ใช่สรนุช
“นายก!”
“มีคนบอกว่านายอยู่ที่นี่...ฉันก็เลยรีบมาบอกนายเป็นคนแรก”
“อะไรเหรอครับ”
“คุณเจนฟื้นแล้ว”
ใจเด็ดได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งไป โดยไม่รู้ว่าในอีกมุมหนึ่ง สรนุชอึ้งเหมือนกันที่ได้ยินอย่างนั้น
อ่านต่อหน้า 3
กระบือบาล ตอนที่ 17 (ต่อ)
เช้าวันต่อมา เหล่ากระบือบาลทุกคนวิ่งเข้ามาที่หน้าห้องพักเจนจิราในโรงพยาบาลด้วยความตื่นเต้นดีใจ อรอนงค์จับมือสรนุชวิ่งเข้ามาด้วยกัน จังหวะหนึ่งสรนุชจับจ้องไปที่ใจเด็ดที่ดูท่าทางดีใจก็รู้สึกแปล๊บๆ ในใจพิกล
สรนุชชะงักกึก หยุดนิ่งให้ทุกคนวิ่งไป ทำให้อรอนงค์ที่จับมืออยู่นึกสงสัย
“เป็นไรนุช”
“พวกเธอเข้าไปเถอะ”
เห็นสรนุชและอรอนงค์หยุดทุกคนต่างแปลกใจ
“เป็นไรหรือเปล่าครับคุณอร” เกริกไกรถามขึ้น
สรนุชตอบแทนอรอนงค์ “เข้าไปกันเถอะค่ะ...ฉันขออยู่ข้างนอกดีกว่า”
ใจเด็ดไม่ถาม แต่มองมาด้วยความแปลกใจ
สรนุชเห็นสายตาของใจเด็ดก็รีบอธิบายเพราะกลัวเข้าใจผิด “คือ...ก่อนที่คุณเจนจะหมดสติไป...เธอยังจำได้ว่าพวกเราเป็นพวกคาบาตี้...คุณเจนเธอเพิ่งฟื้น...ฉันก็เลยไม่อยากให้เธอตกใจน่ะค่ะ”
ใจเด็ดพยักหน้าเข้าใจ “ถ้าเธอไม่เป็นไรแล้ว...ผมจะรีบออกมาบอกคุณนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงใจเด็ด...เดี๋ยวฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณนุชเอง” โชคชัยอาสา
ใจเด็ดมองโชคชัยอย่างหึงๆ สรนุชยิ้มให้ ใจเด็ดกับทุกคนจึงพากันเธอเข้าไปในห้องทันที
สรนุชมองตามอย่างเข้าใจ ไม่คิดอะไรมาก
เจนจิรานอนลืมตาโพลงอยู่ภายในห้อง ใจเด็ดและทุกคนค่อยๆ เปิดประตูเข้ามา เจนจิรารับรู้หันมาอย่างช้าๆ
พอเหล่ากระบือบาลเห็นเจนจิรามองมา ก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที ทุกคนรีบเข้ามาห้อมล้อมเตียง
“คุณเจน...คุณเจนของสมหญิงกลับมาแล้ว” สมหญิงตื้นตัน
“เอ่อ...คุณเจนจำผมได้มั้ยครับ” ภิรมย์ถาม
เกริกไกรเข้าไปใกล้ๆ “จำพวกเราได้มั้ยเจน”
เจนจิรากวาดสายตาไล่มองไปที่ทุกคนอย่างช้าๆ ก่อนที่สายตาจะมาหยุดที่ใจเด็ด
“พี่...เด็ด”
เจนจิรายื่นมือออกมา ใจเด็ดจึงยื่นมือไปจับมือของเจนจิราบีบเบาๆ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ”
เจนจิราค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา ทุกคนดีใจ ยกเว้นสุบินที่รู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้น
ระหว่างนั้นพยาบาลเดินเข้ามาในห้อง “อ้าว...หัวหน้า”
“ต้องขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลเจนจนเธอหายดี...แล้วเจนจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ครับ”
“คุณหมอรออยู่ที่ห้องแล้วคะ...เห็นว่าอยากคุยกับหัวหน้า..เอ่อ...เรื่องคุณเจน”
เจนจิราสีหน้าเป็นกังวล “ทำไมคะ...ฉันเป็นอะไร”
ใจเด็ดรีบปลอบ “ไม่มีอะไรหรอกนะ...หมอก็คงจะคุยว่าเจนจะกลับสถานีได้เมื่อไหร่ไง”
เจนจิราเอื้อมมือไปจับมือใจเด็ดมากอบกุมเอาไว้แน่น เกริกไกรกับสุบินมองหน้ากัน เหมือนว่าทั้งสองจะเป็นห่วงสรนุชขึ้นมาพร้อมกัน
สรนุชนั่งรออยู่หน้าห้องกับอรอนงค์ โดยมีโชคชัยยืนอยู่ด้วย
“ตอนนี้ชาวบ้านก็ได้ที่ดินของตัวเองคืนหมดแล้ว...เดี๋ยวผมจะเป็นคนบอกชาวบ้านให้นะครับว่าทั้งหมดเป็นเพราะคุณสรนุช” โชคชัยเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องหรอกค่ะ...ฉันแค่ทำตามความถูกต้อง”
“ตอนนี้ก็เหลือแค่คดีของคุณเจนใช่มั้ยคะ ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร”
“ครับ...ผมคิดว่าคงรออีกสักพักให้คุณเจนเขาดีขึ้นกว่านี้หน่อยคงจะพาตำรวจมาสอบปากคำ”
สามคนเห็นใจเด็ดเดินออกมาจากห้อง
“คุณเจนเป็นยังไงบ้างคะคุณใจเด็ด”
อรอนงค์รีบเข้าไปหาใจเด็ด สรนุชหันมามอง
“ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วครับ...แต่ผมต้องไปคุยกับหมอให้แน่นอนอีกครั้ง...” ใจเด็ดบอกกับสรนุช “ถ้าพวกคุณจะเข้าไปเยี่ยมเจนเขาก็ได้นะครับ...งั้น...เดี๋ยวผมมานะครับ”
ใจเด็ดสบตาสรนุช แล้วเดินออกไป โชคชัยแอบสังเกตท่าทีของทั้งสอง
สรนุชมีสีหน้าหนักใจเพราะตระหนักดีว่าเจนจิราไม่ชอบเธอ
ภายในห้อง ทุกคนกำลังห้อมล้อมเจนจิรา ต่างดีใจไม่หาย
“คุณเจนกลับไปเร็วๆ นะคะ...แล้วสมหญิงจะต้มแกงส้มมะรุมของโปรดคุณเจนให้ทานหม้อใหญ่ๆเลยค่ะ”
เจนจิรายิ้มๆ หันมาไปพูดกับเกริกไกร “หมอ...เจนหมดสติไปนานเท่าไหร่คะ”
“เกือบสามเดือน” เกริกไกรบอก
“นานขนาดนั้นเลยเหรอคะ...ถ้าอย่างนี้...เจ้าตัวเล็กพวกนั้นคงจะโตเป็นหนุ่มหมดแล้ว”
เจนจิรายิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงควาย แต่ต้องแปลกใจเมื่อเห็นทุกคนสีหน้าเศร้าลง
“มีอะไรเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกเจน” เกริกไกรพูดปดไม่อยากให้เจนจิราเป็นกังวล
สุบินหันมากระซิบกับเกริกไกร “หมอ...แต่ผมว่าบอกคุณเจนเลยก็ดีเหมือนกันนะครับ...เกิดไปถึงแล้วไม่เห็นควายซักตัว...เดี๋ยวจะยิ่งตกใจ”
เจนจิรายิ่งสงสัย “ทำไม...ควายที่สถานีเป็นอะไร”
สุบินอึ้ง “อุ้ย...ได้ยินด้วย”
เกริกไกรรู้สึกลำบากใจ “เอ่อ...พวกคาบาตี้วางยาเบื่อควายที่สถานี”
“อะไรนะคะ”
ระหว่างนั้นสรนุช อรอนงค์และโชคชัยเปิดประตูเข้ามา
เจนจิราเห็นสรนุชก็หน้าโกรธขึงขึ้นมาทันที
“ไอ้พวกคาบาตี้...แกมาทำไม”
สรนุชอึ้งไปกับคำแรกที่เจนจิราทักเธอ ทุกคนพลอยอึ้งไปเช่นกัน
ใจเด็ดเดินคุยมากับหมอกลับมาที่ห้องเจนจิรา
“อีกสองวันหมอว่าก็น่าจะกลับได้แล้วละ” หมอเอ่ยขึ้น
“เจนกลับมาได้อย่างนี้...ต้องขอบคุณหมอมากนะครับ”
“ไม่หรอกครับ...หัวหน้าเคยได้ยินคำนี้มั้ย...ว่าหมอเป็นแค่คนบอกอาการ...ส่วนการรักษาเป็นหน้าที่ของจิตใจคนไข้เอง”
ใจเด็ดมีสีหน้าโล่งอก
“คุณเจนกลับมาได้อย่างนี้...แม้ไม่เต็มร้อยแต่ก็ถือว่าเธอเก่งมาก”
ใจเด็ดเอะใจ “ไม่เต็มร้อย..? หมายความว่าไงหมอ”
“หัวหน้ายังไม่รู้เหรอว่า...”
ระหว่างนั้นใจเด็ดกับหมอก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายออกมาจากห้องเจนจิรา
“อ๊าย...ออกไป...ฉันบอกให้แกออกไป”
ใจเด็ดนึกเป็นห่วงสรนุชขึ้นมาทันที “คุณนุช”
ใจเด็ดกับหมอรีบวิ่งเข้าไปทันที
ทุกคนกำลังช่วยกันห้ามเจนจิราที่กำลังอาละวาดหยิบของใกล้มือระดมปาใส่สรนุชไม่ยั้ง
ขณะที่โชคชัยใช้ตัวบังสรนุชกับอรอนงค์ไว้
“แก...ไอ้พวกคาบาตี้...ออกไป...ออกไป”
ใจเด็ดกับหมอเปิดประตูเข้ามา เห็นเจนจิราอาละวาดก็ตกใจ
“เจน...หยุด...จะทำอะไร” ใจเด็ดตะโกนขึ้น
“พี่เด็ด...พี่เด็ดพามันมาทำไม” เจนจิราเดือดสุดขีด
“ทุกอย่างมันจบแล้วเจน...คุณนุชลาออกจากคาบาตี้แล้ว”
“ใช่...ตอนนี้ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคาบาตี้แล้วจริงๆ”
“พี่เด็ด...พี่เด็ดเชื่อเธอเหรอ...แล้วควายของเราที่ตายไปใครจะรับผิดชอบคะ”
ใจเด็ดได้ยินอย่างนั้นก็หันมองหน้าทุกคน เป็นเชิงถามว่าใครบอกเรื่องนี้ ใจเด็ดเดินเข้ามาหาสรนุช
“ขอโทษด้วยนะครับ...แต่วันนี้”
สรนุชพูดสวนออกมา “ฉันเข้าใจค่ะ...วันนี้ฉันกลับก่อนดีกว่า”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”
เจนจิราได้ยินอย่างนั้นผุดลุกขึ้นทันที
“ไม่นะพี่เด็ด”
เจนจิราลงจากเตียงจะเข้ามาห้ามใจเด็ด แต่ทันทีที่เท้าแตะพื้น ร่างของเจนจิราก็ล้มลง ทุกคนตกใจรีบกรูเข้ามาดู ใจเด็ดผละจากสรนุชเข้ามาทันที
“ขา...ขาเจนเป็นอะไร...” เจนจิราทุบขาตัวเอง “ทำไม...ทำไมมันไม่รู้สึกอะไรเลย”
ทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งไป ใจเด็ดหันไปมองหน้าหมอทันที
“ไม่ต้องตกใจนะครับ...คุณเจนนอนอยู่กับที่มาสามเดือน...กล้ามเนื้อก็เลยไม่มีแรงเท่านั้น” หมอบอก
เจนจิราแทบช็อค “แล้ว...แล้วเจนจะเดินได้อีกเมื่อไหร่คะหมอ”
“อันนี้คงหมอคงให้คำตอบที่แน่นอนไม่ได้...อยู่ที่ร่างกายของคุณเจนว่าจะฟื้นสภาพได้เร็วแค่ไหน”
เจนจิราร้องไห้ออกมาทันที “ไม่...ไม่”
เจนจิราทุบขาตัวเองด้วยความเสียใจ ใจเด็ดรีบเข้ามาจับมือเจนจิราไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง
“อย่าเจน...หมอบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวก็เดินได้เหมือนเดิม”
“แล้วเมื่อไหร่ละคะ...เจนไม่อยากอยู่อย่างนี้...เจนไม่อยากเป็นคนพิการอย่างนี้”
พอใจเด็ดจับมือ เจนจิราก็โผกอดใจเด็ดทันที สรนุชเห็นภาพนั้นทั้งสงสารและเข้าใจ
“ไปกันเถอะครับคุณนุช...เดี๋ยวผมไปส่งเอง”
สรนุชมองภาพที่เจนจิรากอดใจเด็ดแน่น แล้วเดินออกไปด้วยความรู้สึกสับสนหลายอย่างที่คละเคล้ากันไป
สุบินเดินตามสรนุช อรอนงค์และโชคชัยออกไป ปล่อยทิ้งไว้ให้ใจเด็ดปลอบใจเจนจิรา
โชคชัย สรนุช อรอนงค์และสุบินเดินออกมา
“คุณนุชอย่าคิดมากนะครับ...ผมว่าคุณเจนแกเพิ่งฟื้นก็เลยยังไม่เข้าใจ” โชคชัยปลอบ
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ...ขอบคุณนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปเอารถก่อนนะครับ”
โชคชัยเดินออกไป อรอนงค์เข้ามาจับมือสรนุช
“ไม่เป็นไรจริงเหรอแก”
สรนุชพยักหน้าซึมๆ
สุบินโพล่งขึ้น “แต่ฉันว่าเป็น”
“อะไรอีก”
“เอ้า...พวกแกก็รู้ว่าคุณเจนเขาแอบชอบคุณใจเด็ดอยู่...แล้วแกคิดว่าเขาจะปล่อยให้...” ตั้งใจพูดกับสรนุช “แกกับคุณใจเด็ดครองรักกันเหรอไง”
สรนุชเองก็หนักใจเช่นกัน
เจนจิราค่อยๆ หย่อนเท้าแตะลงพื้น โดยมีใจเด็ดพยายามประคองเอาไว้ แต่ทันทีที่ขาลงถึงพื้นทั้งคู่เจนจิราก็ล้มลงอีก ใจเด็ดรีบเข้ามาดูเจนจิราด้วยความเป็นห่วง
“พี่ว่าวันนี้พอก่อนดีมั้ย”
“แต่เจนอยากหายเร็วๆ...เจนอยากกลับไปช่วยพี่เด็ดดูแลที่สถานี”
ใจเด็ดมองเจนจิราด้วยความเป็นห่วงและเห็นใจ ใจเด็ดเข้าไปช้อนร่างของเจนจิราขึ้น
เจนจิรารู้สึกดีขึ้นมาทันที ใจเด็ดค่อยๆ วางร่างเจนจิราลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา
“ถ้าเจนอยากกลับจริงๆ...เจนต้องพักผ่อนนะ”
จู่ๆ เจนจิราก็จับมือของใจเด็ดไว้ ใจเด็ดชะงัก
“พี่เด็ดมานอนข้างๆ เจนได้มั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก...พี่ไม่ได้ทิ้งเจนไปไหน” ใจเด็ดบ่ายเบี่ยง
เจนจิราอ้อนออดอย่างน่าสงสาร “นะคะ เจนกลัว เจนไม่อยากหลับตา พี่เด็ดจะทิ้งเจนไปตอนที่เจนหลับใช่มั้ยคะ”
“พี่สัญญาว่าเจนตื่นมาจะเห็นพี่นั่งอยู่ตรงนี้”
เจนจิรายิ้มออกมาได้ “ขอเจนนอนจับมือพี่เด็ดอย่างนี้นะคะ”
ใจเด็ดอึกอัก “เอ่อ” แล้วเกิดเห็นใจขึ้นมา “ได้ซิ”
เจนจิรายิ้มอย่างมีความสุข โดยไม่สังเกตเห็นสีหน้าใจเด็ดที่เศร้าลง และมองไปเบื้องหน้าด้วยความคิดถึงสรนุช
ส่วนสรนุชเองก็ออกมานั่งตรงระเบียงเพราะนอนไม่หลับคิดถึงใจเด็ด
เช้าวันต่อมาใจเด็ดเข็นเจนจิรามาที่สวนหย่อม เจนจิรายิ้มอย่างมีความสุขที่ใจเด็ดคอยดูแล
“พี่เด็ดเบื่อหรือเปล่าคะ”
“อะไร”
“ก็ที่พี่เด็ดต้องคอยดูแลเจนไงคะ ตอนที่เจนเป็นเจ้าหญิงนิทราก็ครั้งนึงแล้ว ตอนนี้ พี่เด็ดก็ยังต้องมาดูแลเจนอีก”
“อย่าคิดอย่างนั้นซิเจน...ตอนนี้เจนต้องคิดอย่างเดียว...เจนต้องกลับมาเดินเหมือนเดิมให้ได้”
เจนจิราเอ่ยขึ้น “หยุดก่อนค่ะ”
“มีอะไรเหรอ”
“เจนอยากเดินให้พี่เด็ดดู”
แต่ยังไม่ทันที่เจนจิราจะได้เดิน เสียงของโชคชัยก็ดังขึ้น
“มาอยู่กันตรงนี้เอง”
ใจเด็ดหันไปมองโชคชัยที่เดินเข้ามา เจนจิราหน้าตึงแอบไม่พอใจที่โชคชัยเข้ามาขัดจังหวะ
“นายก...มีอะไรครับ”
“ถ้านายกจะมาพูดเรื่องคุณสรนุช...เจนว่า...” เจนจิราขัดขึ้นทันที
โชคชัยสวนกลับ “ผมไม่ได้มาเพราะเรื่องนั้นหรอกครับ”
ใจเด็ดกับเจนจิราสงสัย
“ตอนนี้ผมว่าคุณเจนคงจะแข็งแรงพอที่จะเล่าว่าใครเป็นคนทำคุณเจนได้แล้วใช่มั้ยครับ”
เจนจิราชะงักไป นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ชิดชัยกับลูกน้องกำลังขับรถไล่ล่าตน
ที่บริษัทคาบาตี้ สุรินทร์เวลานั้น ชิดชัยฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะแล้วสะดุ้งตื่น
“เฮ้ย”
ชิดชัยเหงื่อแตกพลักเต็มหน้า ลูกน้องที่นั่งอยู่ข้างๆก็สงสัย
“เป็นไรพี่”
“ฉันฝันถึงยัยเจ้าหญิงนิทราวะ” ชิดชัยเล่าฝันกลางวัน
“ฝันถึงเหรอพี่” ลูกน้องใจหายขึ้นมา “หรือว่า...ยัยนั่นจะตายแล้ว...แล้วมาเข้าฝันพี่”
ชิดชัยดีใจ “จริงเหรอวะ...ก็ดี...จะไม่ได้รู้ว่าเป็นฝีมือใคร”
ระหว่างนั้นตำรวจกับโชคชัยเดินเข้ามาในออฟฟิศ ชิดชัยหันไปเห็นก็รีบเข้าไปต้อนรับ
“สวัสดีครับ...มีอะไรให้รับใช้ครับ”
“ผมอยากมาเชิญตรวจคุณไปสอบปากคำหน่อย”
“สอบปากคำ..? เรื่องอะไร...ถ้าเป็นเรื่องที่นายณวัตมาหลอกใช้ผม...ผมก็ให้ข้อมูลไปหมดแล้วนี่ครับ”
“ไม่ใช่คดีนั่นครับ...ผมขอเชิญตัวคุณไปสอบปากคำในคดีพยายามฆ่าคุณเจนจิรา”
“นั่นไงพี่...ผมว่าแล้วว่ายัยนั่นต้องตายแล้วไปเข้าฝันบอกตำรวจด้วยแน่ๆเลย” ลูกน้องว่า
ชิดชัยกระทุ้งลูกน้องไม่ให้พูดมาก ก่อนจะหันมาทำเป็นใจดีสู้เสือ
“แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วย...มีหลักฐานอะไรครับ”
“ตอนนี้คุณเจนฟื้นแล้ว...แล้วเธอก็ให้การว่า...นายเป็นคนทำ”
ชิดชัยถึงกับหน้าซีด ก่อนจะชี้ไปทางด้านหลังของโชคชัยและตำรวจ
“ผมไม่ได้ทำ...มันต่างหากเป็นคนทำ”
โชคชัยกับตำรวจหันไปทางด้านหลัง ชิดชัยก็ใช้จังหวะนั้นกระโดดเข้าไปแย่งปืนตำรวจ
“ทำอะไรน่ะ”
ชิดชัยรีบคว้าคอลูกน้องมาเป็นตัวประกัน
“อย่าเข้ามาเว้ย...ไม่งั้นไอ้นี่ตาย”
“ไอ้บ้า” ลูกน้องด่าชิดชัย แล้วหันมาพูดกับตำรวจ “จับมันเลยครับตำรวจ...ไอ้นี่แหละเป็นคนทำ”
“ฮึ่ยย์”
ชิดชัยกระทุ้งด้ามปืนใส่ลูกน้อง ก่อนจะผลักลูกน้องเข้าไปใส่กลุ่มโชคชัยและตำรวจ ชิดชัยอาศัยจังหวะชุลมุนรีบวิ่งออกไปทันที
ชิดชัยวิ่งหนีมาหัวซุกหัวซุน “แล้วจะหนีไปไหนวะเนี่ย”
ชิดชัยไม่รู้จะไปทางไหน ก่อนจะหันไปเห็นชาวบ้านคนหนึ่งเพิ่งลงจากมอเตอร์ไซค์ ชิดชัยรีบวิ่งเข้าไปแล้วผลักชาวบ้านออกทันที
“เอามานี่”
ว่าแล้วชิดชัยก็เชิดมอเตอร์ไซค์ชาวบ้านขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว
อ่านต่อหน้า 4
กระบือบาล ตอนที่ 17 (ต่อ)
สรนุชยืนเหม่อรอที่มุมหนึ่งของสถานี ที่มองเห็นบ้านพักของใจเด็ดอย่างรอคอย ระหว่างนั้นช่อผกาเดินเข้ามา ช่อผกาชะงัก เมื่อเห็นสรนุชยืนอยู่
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
สรนุชตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันมาเห็นช่อผกาเดินเข้ามา
“ทำไมไม่อยู่กรุงเทพฯ...กลับมาที่นี่ทำไม”
“ฉันอยากกลับมาขอโทษทุกคน”
“เหรอ...อยากขอโทษจริงๆเหรอ...ถ้าอย่างนั้นเอาซิ...ขอโทษฉันคนแรกเลย...เธอเกือบทำให้พ่อฉันต้องติดคุก...เกือบทำให้พี่เด็ดต้องตาย”
แต่ยังไม่ทันที่สรนุชจะพูดอะไรออกไป โชคชัยก็เข้ามา
“คุณนุช”
“คุณโชคชัย”
“ใจเด็ดละครับ”
“มีอะไรเหรอคะ” ท่าทีของโชคชัย ทำให้สรนุชกังวลขึ้นมา
“ชิดชัยเขาหนีการจับกุมไปได้...ตอนนี้ผมเลยอยากให้ทุกคนระวังตัวเอาไว้ เพราะชิดชัยขโมยปืนตำรวจหนีไปด้วย”
ช่อผกาเหยียดปาก “หือ...เลวไม่มีที่ติ”
สรนุชได้ยินอย่างนั้นก็รีบบอกโชคชัย
“ใจเด็ดเขายังไม่กลับมาจากเฝ้าคุณเจนตั้งแต่เมื่อคืนเลยค่ะ”
“เฝ้า...ทำไมต้องไปเฝ้ายัยผักนั่นด้วย”
“คุณเจนเธอฟื้นแล้วผกา” โชคชัยบอก
“ห๊า!” ช่อผกาเจ็บใจทันที “มาฟื้นอะไรตอนนี้เนี่ย...ไม่ได้...ยัยนั่นยิ่งรอบจัดอยู่...ปล่อยพี่เด็ดไว้กับนังนั่นไม่ได้”
ช่อผการีบเดินออกไป โชคชัยถาม “จะไปไหนน่ะผกา”
“ไปโรงพยาบาลไง...ขืนช้านังนั่นก็คาบพี่เด็ดไปกินน่ะซิ”
ช่อผการีบเดินออกไป โชคชัยกับสรนุชรีบเดินตาม
โชคชัย สรนุช เดินตามช่อผกามา
“ผกา...ฉันว่าเธออย่าไปเลย” สรนุชห้าม
“ทำไม...ฉันกับเธอมันคนละคน...รับรองว่าพี่เด็ดเขาไม่เห็นยัยเจนดีกว่าฉันแน่”
ระหว่างนั้นรถใจเด็ดแล่นเข้ามา ช่อผกาหันไปยิ้มเยาะสรนุช
“เห็นมั้ย...เห็นหรือยังว่าฉันกับพี่เด็ดสื่อสารกันด้วยหัวใจ แค่ฉันคิด...พี่เด็ดก็กลับมาแล้ว”
ใจเด็ดลงจากรถ ช่อผการีบวิ่งถลาเข้าไปหาทันที “พี่เด็ด”
“ผกา” ใจเด็ดแปลกใจ
“แหม...พี่เด็ดเนี่ยกลับมาจากกรุงเทพฯ ก็ไม่เคยไปหาผกาเลยนะคะ...จะปล่อยให้ผการอไปอีกนานแค่ไหนคะ”
“พอดีพี่ยุ่งๆ น่ะผกา”
โชคชัยกับสรนุชเดินมาถึง
“ใจเด็ด...ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”
“เอาไว้ก่อนได้มั้ยครับนายก...ผมขอพาเจนเขาไปที่บ้านพักก่อน”
ทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งกันไป ใจเด็ดเดินไปเปิดประตูรถให้เจนจิราที่นั่งรออยู่
สรนุชยืนมองใจเด็ดดูแลปรนนิบัติเจนจิราอย่างดี ตั้งแต่เอารถเข็นลงมา อุ้มลงจากรถ เจนจิราเห็นสรนุชก็ทำเป็นโอบรอบคอใจเด็ดแล้วมองตายิ้มหวานให้ ใจเด็ดอุ้มเจนจิรามานั่งรถเข็น
“ขอบคุณค่ะพี่เด็ด”
ช่อผกาตะลึงตาตั้งช็อคคาที่ ปรี๊ดแตกขึ้นมา
“พี่เด็ด...ทำไมต้องอุ้มกันขนาดนั้นด้วย...ไหนบอกว่าหายดีแล้วไง”
เจนจิราทำหน้าเศร้าให้ดูน่าสงสารยิ่งขึ้น
“พี่เด็ด...พาเจนไปที่บ้านได้มั้ยคะ”
“หนอย...สำออยจริง” ช่อผกาเดือดดาล
“ผกา...” ใจเด็ดปราม
“ตอนนี้เลยได้มั้ยคะ”
ใจเด็ดพยักหน้า แล้วหันมามองโชคชัยกับสรนุช “เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะครับ”
ใจเด็ดพูดพร้อมกับเข็นวีลแชร์พาเจนจิราเข้าบ้านไป
ช่อผการ้องกรี๊ดโวยวายเป็นอีบ้า ทนไม่ได้แล้วเดินหนีออกไปอีกทาง
สรนุชเองไม่อยากมองโลกในแง่ร้าย แต่เธอรู้สึกเหมือนเจนจิรากำลังคิดทำอะไรบางอย่าง
สรนุชยืนครุ่นคิดถึงใจเด็ด ระหว่างนั้นโชคชัยเดินเข้ามา โชคชัยมองนิ่งงันก่อนจะรวบรวมความกล้าถามขึ้น
“คุณรักใจเด็ดเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ”
สรนุชหันมองโชคชัยที่ยืนจ้องอยู่
“คุณโชคชัย...ฉัน...”
“ความรักน่ะง่ายจะตาย...ถ้าชอบคุณก็บอกว่าชอบ...ถ้าไม่ชอบก็แค่ไม่ชอบ”
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน...เราเคยอยู่กันคนละข้างมาก่อน...ถูกเขาด่าเขาว่า...ฉันพยายามคิดว่าฉันไม่รู้สึกอะไร...แต่...”
สรนุชค้างคำพูดไว้ แล้วนิ่งไป
“คุณนุชครับ...ยิ่งคุณเก็บมันไว้...มันก็ยิ่งเห็นชัดว่าคุณรู้สึกยังไง”
“ฉันพยายามบอกตัวเองให้เลิกชอบเขา...แต่ทุกครั้งที่ฉันบอกตัวเอง...มันยิ่งทำให้ฉัน” สรนุชนิ่งไปอึดใจหนึ่ง “ยิ่งทำให้ฉันรู้ว่า...ฉันชอบเขา”
ฟังสรนุชสารภาพ โชคชัยรู้สึกหน้าชาไป
“คุณรู้มั้ยว่า ผมคิดว่าผมเตรียมใจรับกับคำตอบของคุณได้...แต่เปล่าเลย...” โชคชัยนิ่งงันไป
“ฉันขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
โชคชัยมองสรนุชอย่างเข้าใจ และยอมรับความพ่ายแพ้ในเกมแห่งรักครั้งนี้
ด้านชาญณรงค์พอกลับจากกรุงเทพฯ ก็หันมาสวมใส่ชุดขาวนั่งสมาธิ สมคิดมีสีหน้าลังเล
“จะดีเหรอครับนาย”
“เอาเลย...การทำอย่างนี้...จะได้ลดอัตตา...ที่ชาวบ้านเขาไม่มาหาฉันก็เพราะว่ากลัวฉันไง”
“แต่ผมว่าเกลียดมากกว่ามั้งนาย”
ชาญณรงค์หันขวับมาทันที สมคิดชะงักกลัว แต่แล้วก็แปลกใจเมื่อผู้พันคลี่ยิ้มออกมา
“ไม่โกรธ...ดีมาก...เอาอีก...พูดเลย...พูดอะไรก็ได้”
สมคิดเริ่มลดความเกร็ง “แหม...ผมว่านายน่าจะทำอย่างนี้ตั้งนานแล้วนะครับ...แต่เอ...ตั้งนานไปหรือเปล่านาย...ดูซิ...เหี่ยวหมดแล้ว”
ชาญณรงค์พยายามข่มใจกลั้นความโกรธ “ไม่โกรธ”
สมคิดยิ่งได้ใจ เลยตบไหล่เหมือนเพื่อนเล่น “โห...ไม่น่าเชื่อว่าแก่ขนาดนี้ยังสอนได้อีก” ผู้พันเริ่มเหล่สมคิด “นั่น..มอง...มองทำไม...อยากขอเป็นลูกเขยเหรอ”
“ไอ้คิด”
“อุ้ย...ทำหน้าดุอีก...เดี๋ยวก็จับขังลืมเลย” สมคิดเล่นไม่เลิก
ชาญณรงค์ชักไม่ไหว “พอแล้ว”
“ล้อเล่นหรือเปล่า...แค่นี้ทำขนจมูกสั่นด้วย...ดูๆ” สมคิดจ้องหน้า
“ทนไม่ไหวแล้วเว้ย”
ชาญณรงค์คว้าคอสมคิดหมับ ล็อคเข้าให้ สมคิดร้องครวญคราง
“อ๊อก...ก”
ระหว่างนั้นชิดชัยย่องเข้ามาในบ้าน ก่อนจะหันมาเห็นชาญณรงค์
“ผู้พัน”
ชาญณรงค์นึกว่าสมคิดเล่นต่อ “ตีสนิทเหรอไง”
สมคิดชี้มือที่คอเป็นเชิงบอกว่าตนพูดไม่ได้
“แล้วใครเรียกวะ”
ชิดชัยเดินเข้ามาหาพอดี ชาญณรงค์เห็นก็ตกใจ
“ชิดชัย...เอ่อ...ฉันว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ...ฉันไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกคาบาตี้อีก”
“แต่คราวนี้ผู้พันต้องยุ่ง”
ชาญณรงค์ถึงกับอึ้งไปเมื่อชิดชัยเอาปืนออกมา
“เดี๋ยวๆ นี่มันเรื่องอะไรพ่อชิดชัย”
“ไม่ต้องพูดมาก ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ตำรวจรู้เรื่องที่ผมเป็นคนชนยัยนั่น เอาเงินมาให้ผมก้อนนึง...เร็ว”
ชาญณรงค์เอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ใจเย็นๆ”
“บอกว่าส่งเงินมาไง”
ชาญณรงค์เห็นชิดชัยเอาจริงเลยต้องรีบหยิบเงินออกมา
“เอ่อ...สองร้อยพอมั้ย”
“ถุย ! เงินแค่นั้นยังไปไม่พ้นหนองระบือเลย...ฉันรู้ว่าแกมีมากกว่านั้น...เร็วๆ”
ชาญณรงค์เลยต้องเดินไปหยิบกล่องใส่เงินออกมา
“เงินสดฉันมีแค่นี้จริงๆ”
ชิดชัยรับมาดู “ห้าพัน! ก็ยังดีวะ...แล้วผู้พันไม่ต้องบอกตำรวจละว่าเจอผม”
ชิดชัยกำลังจะไป ชาญณรงค์นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“เดี๋ยวๆ ไม่เอารถฉันไปด้วยเหรอ”
“โห...นี่นายปฏิบัติธรรมยังไม่ถึงวัน...มีน้ำใจขนาดนี้แล้วเหรอครับ” สมคิดประหลาดใจ
“ไอ้เราก็เคยชอบพอกัน...ในเมื่อนายเดือดร้อน...ฉันก็พร้อมช่วย”
ชิดชัยรับกุญแจรถมา “ดี! ขอบคุณมากผู้พัน” จะเดินออกไป
ชาญณรงค์เรียกไว้ “เออ...แล้วจะหนีไปทางไหนละ”
“ยังไม่รู้...แต่ให้พ้นไปจากหนองระบือก่อนแล้วกัน”
“เอางี้มั้ย...ฉันมีเส้นทางลับอยู่...รับรอง...แม้แต่ตำรวจก็ไม่รู้เส้นทางนี้”
ชิดชัยได้ยินอย่างนั้นก็สนใจขึ้นมาทันที
ชิดชัยขับรถชาญณรงค์มาตามทาง เป็นที่เปลี่ยวไร้ผู้คน และชิดชัยกำลังคุยมือถือกับชาญณรงค์
“เลี้ยวซ้ายมาแล้วผู้พัน...ไปทางไหนอีก”
ชาญณรงค์กำลังคุยมือถือบอกทางชิดชัย “ก็ตรงไปเรื่อยๆ...พอเจอแยกก็เลี้ยวซ้ายอีกที”
ชิดชัยเลี้ยวซ้ายตามคำบอกของชาญณรงค์ “แล้วไปทางไหนต่อ”
“ตรงไป...คราวนี้เลี้ยวขวา”
ชิดชัยเลี้ยวขวาตามที่ชาญณรงค์บอก แต่แล้วชิดชัยกลับเจอทางตัน
“ไม่ใช่แล้วผู้พัน...นี่มันทางตัน”
“นั่นแหละถูกแล้ว”
“ถูกบ้าอะไร...ผมจะกลับไปเริ่มต้นใหม่”
ชิดชัยกำลังจะกลับรถ แต่แล้วชิดชัยก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นรถตำรวจวิ่งเข้ามาปิดทางเอาไว้
“เฮ้ย! ไอ้ผู้พัน”
ชาญณรงค์วางสายจากมือถือ ก่อนจะยกหูโทรศัพท์บ้านขึ้นมาคุยต่อ
“เจอหรือยังนายก”
โชคชัยก้าวลงจากรถกำลังคุยโทรศัพท์เช่นกัน
“ผมเจอตัวแล้ว...ขอบคุณมากครับผู้พัน” โชคชัยบอก
“ไม่เป็นไรครับ...ไอ้ผมมันทำชั่วมาเยอะแล้ว”
ชาญณรงค์วางหูไป ด้วยท่าทางอิ่มเอมบุญ
เวลานั้นใจเด็ดเข็นรถให้เจนจิรามาที่คอกควายที่ว่างเปล่า
“น่าสงสารพวกมันนะคะ...ถ้าเจนอยู่ด้วย...เจนอาจจะทำอะไรได้บ้าง”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว...อย่าคิดมากเลยเจน”
“แต่เจนรู้สึกผิดน่ะค่ะ...ทุกคนสู้อย่างลำบาก...แต่เจนกลับนอนไม่รู้สึกอะไร”
ใจเด็ดเดินเข้ามาแล้วนั่งลงคุยกับเจนจิรา
“ทุกคนสู้เพื่อให้ได้เจนกลับมา...เจนคือความสำเร็จของพวกเราอีกอย่างนะ”
ใจเด็ดเอามือลูบหัวเจนจิราอย่างเอ็นดู
เจนจิรารู้สึกดี “ขอบคุณค่ะพี่เด็ด...ถ้างั้น...ตอนนี้เจนกลับมาแล้ว...เจนจะช่วยพี่เด็ดทำให้สถานีเรากลับมาเหมือนเดิมนะคะ”
“มันต้องอย่างนี้ซิเจน”
ระหว่างนั้นภิรมย์วิ่งเข้ามาหาใจเด็ด “หัวหน้าครับ...อ้าว คุณเจนกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“สักพักแล้ว...ขอบใจมากนะที่เป็นห่วงฉัน”
“แหม...ถ้าพวกเราไม่ห่วงกันแล้วจะห่วงใครละครับ” ภิรมย์เย้า
“ว่าไงภิรมย์” ใจเด็ดถาม
“อ๋อ...ผมว่าจะมาถามหัวหน้าเรื่องคอกที่เราจะทำเพิ่มน่ะครับ...อยากให้หัวหน้าไปดูให้ที”
ใจเด็ดหันมองเจนจิราด้วยความเป็นห่วง
“เจนอยู่คนเดียวได้ พี่เด็ดทำงานเถอะคะ เราจะสู้ให้สถานีของเรากลับมาเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอคะ”
“งั้น...เดี๋ยวพี่รีบมาแล้วกัน”
ใจเด็ดรีบเดินนำภิรมย์ออกไป เจนจิรามองตามใจเด็ดอย่างมีความสุขที่ใจเด็ดเป็นห่วงเธอ
ขณะที่เจนจิราเข็นวีลแชร์มาตามทาง เพื่อดูรอบสถานี ระหว่างนั้นสรนุชเดินเข้ามา
เจนจิราชะงักก่อนจะพยายามหันหัวรถกลับ แต่ก็เป็นจังหวะที่สรนุชเงยหน้าขึ้นมาเห็นพอดี
“เจน”
เจนจิราจะหันหัวรถกลับ แต่เหมือนจะติดรากไม้ จึงทำให้สรนุชเดินเข้ามาทันพอดี
“ให้ฉันช่วยมั้ย”
“ไม่ต้อง...ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณเธอ”
เจนจิรายังพยายามจะหมุนรถกลับ แต่ก็ไปไม่ได้ สรนุชเข้าไปจับที่รถ
“ให้ฉันช่วยเถอะ”
“ฉันไม่ได้พิการ...ก็บอกว่าไม่ต้องไง”
สรนุชจำใจพูดตรงๆ “เธอไม่ได้โกรธที่ฉันเป็นพวกคาบาตี้...แต่เธอโกรธที่คุณใจเด็ดเขาชอบฉันใช่มั้ย”
เจนจิราชะงัก หันขวับมา “เธอจะพูดเพื่ออะไร...ทั้งๆ ที่เธอก็รู้อยู่แล้ว...หรือว่า...ที่ฉันเป็นอย่างนี้มันยังไม่สะใจเธอหรือไง...ห๊า”
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น...ฉันอยากให้เธอเข้าใจ”
“ฉันไม่มีทางเข้าใจ...ได้ยินมั้ย...ฉันไม่มีทางเข้าใจ”
เจนจิราไม่สามารถอยู่ตรงนั้นได้อีกต่อไป จึงพยายามที่หันหัวรถกลับ แต่เพราะรีบร้อน และล้อรถติดรากไม้ จนทำให้วีลแชร์ของเจนจิราเสียหลัก
“ว้าย”
เสียงร้องนั้นดังมาถึงบริเวณที่ ใจเด็ดกำลังคุมงานสร้างคอกควายอยู่ ใจเด็ดหันขวับไปทางเสียงเหมือนกับทุกคน
“เสียงคุณเจนนี่” สมหญิงเอ่ยขึ้น
ใจเด็ดรีบวิ่งออกไป ภิรมย์กับสมหญิงตามออกไปติดๆ
เจนจิราล้มลงไปกับพื้น สรนุชพยายามช่วย
“เป็นไรมั้ย”
เจนจิราตวาดใส่ “อย่ามาโดนตัวฉัน”
“ให้ฉันช่วยเถอะ...ไม่อย่างนั้นเธอจะลุกยังไง”
ว่าแล้วสรนุชก็เข้าไปประคองเจนจิรา แต่แล้วจู่ๆ เจนจิราก็ร้องกรีดร้องออกมา อย่างไม่พอใจ
“ปล่อย...ฉันบอกว่าปล่อย”
ใจเด็ด ภิรมย์กับสมหญิงวิ่งเข้ามาพอดี พอเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจ
“เจน”
ใจเด็ดวิ่งเข้าไปดูเจนจิราทันที เจนจิรารีบคว้าใจเด็ดมาแล้วร้องไห้ตัวสั่นงันงก
“พี่เด็ดช่วยเจนด้วย”
สมหญิงกับภิรมย์หันมองสรนุชด้วยความไม่พอใจ
“คุณนุชทำอะไรคุณเจนคะ”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย...ฉันพยายามจะช่วยเจนเขาต่างหาก”
“แต่ฉันไม่อยากให้เธอช่วย...พี่เด็ด...เจนไม่อยากอยู่ตรงนี้”
ใจเด็ดพยักหน้าแล้วอุ้มเจนจิราขึ้น
“ภิรมย์...เดี๋ยวช่วยเข็นรถตามให้ที”
ใจเด็ดอุ้มเจนจิราผ่านหน้าสรนุชไป สรนุชมองแล้ว รู้สึกว่าเรื่องชักจะเลวร้ายลงทุกที
สมหญิงเข้ามาบอกสรนุชอย่างฉุนๆ
“คุณนุชก็รู้อยู่ว่าคุณเจนแกไม่ค่อยชอบคุณนุชเท่าไหร่...สมหญิงว่าตอนนี้คุณนุชน่าจะห่างคุณเจนเอาไว้ดีกว่าค่ะ”
สรนุชคิ้วขมวด เครียดไม่รู้จะทำยังไง
สุบินกับอรอนงค์ถอนหายใจออกมาพร้อมกันอย่างเหนื่อยใจ เห็นสรนุชเอาแต่นั่งซึมอยู่ที่ระเบียง
“ฉันว่าแกอย่าพยายามทำดีอะไรกับคุณเจนตอนนี้เลย...รอให้สภาพร่างกาย...จิตใจเขาดีกว่านี้ก่อนเถอะ” สุบินเดินเข้ามา พร้อมกับพูดแนะนำ
อรอนงค์เข้ามานั่งข้างสรนุชด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“อยากกลับกรุงเทพฯ มั้ยนุช”
สรนุชนิ่งงันไป เหมือนกำลังคิดหนทางที่ดีที่สุด จึงตอบออกไป
“ถ้าฉันกลับ...มันก็เหมือนว่าฉันหนีปัญหา”
“ในเมื่อไม่หนีปัญหา...แล้วแกมีวิธีแก้ปัญหามั้ยละ”
“ฉันจะพยายามเอาชนะใจเธอ...ให้อภัยฉันให้ได้”
“แน่ใจแล้วเหรอนุช”
สรนุชพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ แม้ไม่มั่นใจนัก แต่ทางออกของปัญหา เธอต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น
เวลาผ่านไป ค่ำวันนั้น สรนุชเดินมาตามทางก่อนจะหยุด เหมือนครุ่นคิดบางอย่าง ระหว่างนั้นเสียงสมหญิงตะโกนเข้ามา
“ร้อนค่ะ...ร้อนๆ...ทางหน่อยค่ะ”
สรนุชหันไปก็เห็นสมหญิงเดินถือถาดอาหารเข้ามา
“เอากับข้าวไปให้ใครเหรอสมหญิง”
“คุณเจนน่ะค่ะ”
สมหญิงจะเดินไปต่อ แต่ถูกสรนุชเรียกไว้ “ฉันเอาไปให้เอง”
“อุ้ย...จะดีเหรอคะ...เดี๋ยวคุณเจนก็ได้อาละวาดอีกหรอกค่ะ”
“ไม่หรอก...ฉันอยากคุยกับเธอ”
“แต่ถ้าคุณเจนแกอาละวาดอีก...สมหญิงจะโดนหัวหน้าดุนะคะ” สมหญิงท้วง
“เชื่อฉันซิสมหญิง...ฉันอยากคุยกับเธอในฐานะที่เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน”
สรนุชพูดอย่างจริงจัง จนสมหญิงลังเล
ใจเด็ดกำลังปูผ้าปูที่นอน ส่วนเจนจิรานั่งวีลแชร์อยู่กลางห้อง
“เรียบร้อย...”
“พี่เด็ดนอนเป็นเพื่อนเจนได้มั้ยคะ”
ใจเด็ดชะงักไป
“ถ้าเจนนอนคนเดียวไม่ได้...พี่ให้สมหญิงมานอนเป็นเพื่อนเอามั้ย”
“แต่เจนอยากให้เป็นพี่เด็ดนี่คะ”
“เจน...เจนก็รู้ว่าพี่ทำอย่างนั้นไม่ได้...มันไม่สมควรนะ”
“ไม่สมควรเพราะเจนไม่ใช่คุณนุชใช่มั้ยคะ” เจนจิราพาลใส่ทันที
“เจน พี่อยากคุยเรื่องคุณนุชเหมือนกัน ก่อนที่เจนจะหมดสติไป คุณนุชเธอเป็นพวกคาบาตี้ก็จริง...”
เจนจิราพูดขัดขึ้นทันควัน “เจนรู้ค่ะว่าพี่เด็ดจะพูดอะไร...พี่เด็ดจะบอกให้เจนอภัยให้คุณนุช”
“ทุกคนย่อมทำสิ่งที่ผิดพลาดได้เสมอนะเจน”
“พี่เด็ดพูดได้เพราะพี่เด็ดชอบคุณนุชอยู่แล้ว...พี่เด็ดพร้อมที่จะอภัยให้กับคุณนุชอยู่แล้ว” เจนจิราโวยวายออกมา
“เจน...ฟังพี่ก่อน”
เจนจิราเอามือปิดหู “ไม่...เจนไม่ฟัง...เจนไม่ฟัง”
ใจเด็ดเหนื่อยใจก่อนจะเดินมาหยุดที่ประตู
“เดี๋ยวพี่ให้สมหญิงมานอนเป็นเพื่อนแล้วกัน”
ใจเด็ดเดินออกไป เจนจิราเข็นวีลแชร์ตามพร้อมร้องเรียก
“พี่เด็ด...พี่เด็ด”
เจนจิราหึงหวงใจเด็ดขึ้นมาอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นสรนุช
“ฉันจะไม่ยอมเสียพี่เด็ดให้เธอเป็นอันขาด”
อ่านต่อตอนที่ 18 (อวสาน) พรุ่งนี้