ปางเสน่หา ตอนที่ 17
ระหว่างทาง ปรายดาวคุยกับเตชิตมาตลอด โดยเตชิตสังเกตมองกระจกข้างว่ามีรถตามมา พอลเริ่มรู้ตัวเริ่มเว้นระยะห่าง
“เราถูกตาม”
เตชิตเอ่ยขึ้น ปรายดาวตกใจ แล้วเหลือบมองทันที
“ใครคะ”
“ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นคู่หมั้นคุณ”
“พี่พอล เอ๊ะ ! คุณรู้ได้ยังไงว่านั่นเป็นรถพี่พอล..และพี่พอลเป็นคู่หมั้นฉัน”
ปรายดาวสงสัย ในขณะที่เตชิตได้แต่เกาหัวกลบเกลื่อน
“ นั่นซิ”
“คุณเตโช”
“ครับ”
“ฉันถามว่าทำไมคุณรู้เรื่องของฉันกับพี่พอล”
“เดี๋ยวผมจะตอบให้หายข้องใจเลย ตอนนี้ขออนุญาตหลอกให้แฟนคุณหลงทางก่อน”
พอลและเตชิต ขับรถตามกัน โดยในที่สุดเตโชใช้ชั้นเชิงหลบไปได้ พอลทุบพวงมาลัยด้วยความโกรธที่ไม่สามารถตามปรายดาวต่อไปได้
เตชิตชำเลืองมองกระจก แล้วหัวเราะอย่างสะใจ เมื่อรถพอลหลงทางไป จนปราวดาวหันมาทำตาเขม็งใส่
“ทำไมคุณถึงได้รู้เรื่องของฉันละเอียดนัก”
“เอาจริงๆนะ”
“ค่ะ”
“เตชิตบอกผม”
“แล้วทำไมคุณเตชิตถึงได้เที่ยวเอาเรื่องของฉันไปป่าวประกาศ”
“ป่าวประกาศที่ไหน เขาเล่าให้ผมฟังคนเดียว”
ปรายดาวน้ำตาปริ่ม
“คุณเตชิต ...”
“เตโชครับ”
“ทำไมคุณต้องหลอกฉันด้วย มันสนุกนักหรือคะ ที่เห็นฉันเป็นตัวตลก ...”
เตชิตกลืนน้ำลาย เริ่มติดอ่าง
“ คือ ...”
“แล้วอย่างนี้ ฉันจะเชื่อเรื่องที่วิญญาณของฉันไปอยู่กับคุณได้ยังไง ...”
เตชิตตกใจ
“นั่นเรื่องจริงครับ”
“ฉันไม่เชื่ออีกแล้วค่ะ คุณเห็นฉันโง่มากใช่ไหมคะ หลอกเรื่องนั้นก็เชื่อ เรื่องนี้ก็เชื่อ”
“ผมขอโทษ แต่ผมขอยืนยันว่า ....”
เตชิตพูดไม่ทันจบปรายดาวไม่อยากฟัง
“กรุณาจอดรถค่ะ ฉันจะลง”
“คุณจะไปไหน”
“กลับบ้าน”
“ผมจะไปส่ง”
“ไม่ค่ะ ฉันอยากกลับเอง”
“ผมจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ ...”
“หน้าที่โกหกหรือคะ ...”
“ให้ผมไปส่ง แล้วจะเล่าให้คุณฟังระหว่างทาง รับรองว่าไม่ได้โกหก”
ปรายดาวนั่งนิ่ง เตชิตรีบขับรถออกไป
เตชิตขับรถมาจอดเยื้องๆ บ้านปรกเดือน โดยไม่ให้เป็นที่สะดุดตานัก แล้วเบือนหน้ามามองปรายดาว
“ทั้งหมดที่ผมเล่าคือความจริง” ปรายดาวขยับเปิดประตูรถ “แต่ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม...ผมขอร้องอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังโดยเฉพาะพี่เขยของคุณ เพราะนั่นอาจหมายถึงชีวิตใครอีกหลายๆ คน” ปรายดาวเปิดประตู โดยยังคงไม่พูดไม่จา เตชิตจับมือปรายดาวไว้ “เสียงหวาน ...”
“ฉันชื่อ ปรายดาว ไม่ใช่เสียงหวานค่ะ”
ปรายดาวเปิดประตูรถลงไป เตชิตมองตามด้วยความรู้สึกเสียใจ
ขณะนั้นภายในบ้านพอลกับปรกเดือนกำลังคุยกันเรื่องเดนนิสกับเจนจิรา
“เดือนนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลับมาติดต่อกันอีก”
“เชื่อเถอะว่า เสี่ยต้องใช้งานอะไรบางอย่างมากกว่าเพราะความพิศวาส”
“แต่รูปพวกนั้น ...”
ปรายดาวเดินเร็วๆ เข้ามา พอลกับปรกหันไปมอง ปรายดาวชะงักมองพอลด้วยสีหน้าแปลกใจ
“อ้อ กลับมาอยู่ที่นี่เองหรือคะ”
“ก็แล้วจะให้พี่ไปไหนล่ะ เธอเป็นน้องของเดือน เธอกำลังไปไหนกับใครก็ไม่รู้”
“อ๋อ รู้ค่ะ ดาวไม่ได้เสียสติจนไม่รู้ว่ากำลังไปไหนกับใคร ผิดกับบางคนที่ทั้งๆ รู้ว่าตัวเองเป็นใคร…อยู่ในสถานะไหน แต่ก็ยังทำตัวน่ารังเกียจ”
ปรายดาวบอกแล้วรีบเดินขึ้นบันไดไป ปรกเดือนผุดลุกขึ้นทันที
“ปรายดาว หยุดเดี๋ยวนี้”
“ทำไมคะ หรือพี่เดือนมีอะไรจะแก้ตัว”
“เดือนเขามีแต่ความจริง ไม่ใช่แก้ตัว พี่ก็เหมือนกัน เธออยากรู้อะไรก็ถามมาได้เลย” พอลบอก
“แน่ใจนะคะว่า ตอบได้”
“แน่ใจ”
“ใครเป็นคนตัดสายเบรกรถดาว”
“ไม่ใช่เดือน แล้วก็ไม่ใช่พี่”
“แล้วใครล่ะคะ...” ปรายดาวมองหน้าพอลกับปรกเดือนสลับกัน “เห็นมั้ย ก็ไม่มีใครตอบได้”
“เธอรู้มาจากใครล่ะ” ปรกเดือนย้อนถาม ปรายดาวนิ่ง “เห็นมั้ย เธอก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ของอย่างนี้นะดาว ...ถ้าไม่มีหลักฐานเราก็ไม่ควรพูดปรักปรำใคร” ปรายดาวหันหลังกลับ เดินขึ้นบันไดไป ปรกเดือนหันมาบอกพอล “คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ เดือนจะพูดกับดาวเอง”
ปรกเดือนขึ้นบันไดไป พอลมองตามแล้วเดินออกนอกบ้าน
พอลเดินออกมามาที่รถจังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ครับ เสี่ย”
“เป็นไงบ้าง” เดนนิสถามมาตามสาย
“ดาวกลับมาบ้านแล้วครับ อาจจะทะเลาะกับไอ้หมอนั่น”
“รู้หรือเปล่าว่ามันเป็นใคร”
“น่าจะเป็นญาติของเตชิตครับ”
“ไปสืบมา”
“ครับ”
“เดี๋ยวก่อน.. นายไปเก็บไอ้เตชิตดีกว่า... ไม่ต้องรอให้มันฟื้น ส่วนทางนี้ฉันจะให้ไอ้เจ็งน้องไอ้เจียงไปจัดการ”
“ได้ครับ”
“เท่านั้นแหละ”
“ครับ”
พอลเก็บโทรศัพท์ แต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมาอีก พอลกดรับ
“ครับ เสี่ย”
“ฉันลืมบอกนาย นายอาจระแคะระคายมาแล้ว แต่ยังไม่บอกฉันก็ได้มีสายของตำรวจแฝงตัวเข้ามาอยู่ในพวกเรา นายพอลจะรู้บ้างไหม”
“พอจะทราบครับ แต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แค่สงสัย”
“ใคร”
“ไอ้เจ็งครับ” เดนนิสหัวเราะ
“ไอ้เจ็งมันก็บอกว่ามันสงสัยนาย ! ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้พิสูจน์กันได้”
“ครับ”
“พอล ฉันไว้ใจนายนะ”
“ผมก็จะไม่มีวันทำให้เสี่ยผิดหวังแน่นอนครับ”
“ดี”
เดนนิสปิดโทรศัพท์ พอลเดินไปที่รถด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ปรายดาวอยู่ในห้องมองออกไปนอกหน้าต่างขณะที่ปรกเดือนน้ำตานองหน้า
“ความจริงก็คือ ตอนแรกเสี่ยจะขายเธอให้หุ้นส่วนของเขาที่ชื่อเสี่ยวิวัฒน์แต่พี่ไม่ยอม เขาก็เลยขอให้ตัวเองแทน ...”
ปรายดาวหันขวับมามองปรกเดือน
“ขอให้ไปเป็นนางบำเรอของเขาเนี่ยหรือคะ”
ปรกเดือนพยักหน้า
“พี่ไม่กล้าเล่าให้พอลฟังทั้งหมด เพราะพอลเองก็เหมือนเธอก่อนหน้าจะเกิดอุบัติเหตุ พี่รักและเคารพเขามาก พี่บอกแค่อย่างหลังเพื่อเขาจะได้ช่วยพาเธอหนีไป แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตัดสินใจอะไร เธอก็เข้ามา ....ที่เธอเห็นพอลกอดพี่ก็แค่พยายามปลอบ ...ไม่เคยมีความรักความพิศวาสนอกลู่นอกทางระหว่างพี่กับพอลเลย ...พี่รักเสี่ย ...รักมาก ก็อย่างที่บอก ขนาดรู้ว่าเขาเลวยังไงก็รัก ขนาดเขาบอกให้พี่เอาลูกออก ... พี่ก็ยังรัก”
ปรกเดือนเล่าพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พี่เดือน”
“พี่โง่มากใช่ไหม”
“เลิกกับเขาเสียเถอะค่ะ”
“พี่ทำไม่ได้”
“ถ้าหากเป็นห่วงว่าดาวจะลำบาก”
“ไม่ใช่ พี่รู้ว่าเอาตัวรอดได้ ดาวมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่พึ่งใครแต่พี่เลิกกับเขาไม่ได้ก็เพราะ ลูก”
“ไม่ต้องกลัว ดาวจะหางานทำเลี้ยงพี่กับเลี้ยงหลานเอง”
“ไม่ใช่พี่ไม่ไว้ใจเธอหรอกนะ แต่ ...”
“ดาวจะพิสูจน์ตัวเองให้พี่เดือนดู พี่เดือนเสียสละเพื่อดาวมามากแล้ว ต่อไปนี้ดาวจะตอบแทนพี่บ้าง”
“ไม่โกรธพี่กับพอลแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ แต่ยังติดใจพี่พอลอยู่นิดหนึ่ง ถ้าเป็นคนดีจริง ทำไมถึงเข้ามาอยู่ในวงการนี้”
“เขาก็คงมีเหตุผลของเขา”
ปรายดาวเดินมากอดปรกเดือน
“พี่เดือนทำใจให้สบาย ดาวจะพยายามหางานทำเพื่อเลี้ยงพี่กับหลาน”
ปรกเดือนพูดไม่ออกได้แต่ร้องไห้
ปรายดาวเริ่มหางานจากหนังสือพิมพ์ที่มีรับสมัครงาน ปรายดาวพยายามหางานและจากในเน็ต วันต่อมาปรายดาวจึงนัดเจอกับพอลที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“มานานแล้วหรือ”
พอลถามพร้อมกับนั่งลง
“สักครู่เองค่ะ”
บริกรเดินมารับคำสั่ง
“วันนี้จะรับอะไรครับ”
“ดาวสั่งอะไรไป”
“ยังเลยค่ะ”
พอลเหลือบดูนาฬิกา
“11 โมง กว่าแล้ว ทานอาหารหนักเลยนะ”
“ดาวไม่ค่อยหิว”
“ไม่หิวก็ทานเป็นเพื่อนพี่”
“งั้นก็ทานเหมือนพี่พอลก็แล้วกัน!”
“เส้นใหญ่ราดหน้าทะเล สองที่”
“น้ำดื่มละครับ!”
“น้ำเปล่า”
“กรุณารอสักครู่ครับ”
บริกรเดินออกไป
“ไหน! มีอะไรก็ว่าไป!” พอลถามปรายดาว
“ดาวอยากหางานทำค่ะ เปิดดูทั้งใน ‘Net ทั้งในหนังสือพิมพ์แล้ว แต่เหมือนกับดาวยังไม่ถนัด ยิ่งประวัติดาวนอนหลับไปตั้ง 2 ปีกว่า ยิ่งทำให้เขาลังเลในความสามารถ พี่พอลพอจะช่วยได้ไหมค่ะ”
“แล้วทำไมเกิดนึกจะทำงานขึ้นมา ใจพี่น่ะอยากให้ดาวพักผ่อนให้นานกว่านี่สักหน่อย”
“พักไม่ได้แล้วค่ะ ดาวต้องทำงานเพื่อเลี้ยงพี่เดือนกับหลาน” พอลชะงักบริกรเอาอาหารมาเสิร์ฟ “ดาวรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ดาวยังคิดว่าอยากจะออกไปอยู่ที่อื่น... บอกตามตรงว่าดาวเกลียดเสี่ยเดนนิสจนทนอยู่บ้านเดียวกับเขาไม่ได้ ดีไม่ดี เขาอาจจะยกดาวไปให้ใครก็ไม่รู้”
“งั้นเรา แต่งงานกันดีไหม ดาวจะได้ย้ายออกมาอยู่กับพี่ พี่จะเลี้ยงดาวเอง”
“ทำอย่างนั้นมันก็ยังไม่พ้นใบบุญของเขาอยู่ดี” พอลนิ่งคิด “พี่พอลค่ะ” พอลมองเป็นเชิงถาม
“คุณศรีตรังเป็นเพื่อนพี่พอลใช่ใหมค่ะ”
พอลขยับตัวเล็กน้อย
“คือ พี่ก็ชักจะไม่แน่ใจ” ปรายดาวก้มหน้าลง ท่าทางเหมือนผิดหวัง “แต่ก็เอาเถอะ พี่จะลองพูดกับเขาดู”
ปรายดาวเงยหน้าขึ้นทันที
“ขอบคุณมากค่ะ พี่พอล”
“ทานก๋วยเตี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเย็นหมดจะไม่อร่อย”
ทั้งคู่ลงมือกินอาหารตรงหน้า
อีกด้านหนึ่งขณะนั้นเตชิตขับรถมาจอดหน้าบ้านปรกเดือนแล้วเดินไปกดกริ่ง แจ๋วเดินมาเปิดประตู แล้วมองเตชิตอย่างแปลกใจ
“มาพบใครค่ะ”
“คุณปรายดาวครับ”
“อ๋อ ไม่อยู่ค่ะ จะให้เรียนเธอว่าใครมาหาค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ วันหลังผมมาใหม่ก็ได้”
“ค่ะ”
แจ๋วปิดประตู เตชิตเดินไปนั่งบนรถแล้วเอนศรีษะพิงพนัก
“ตอนเป็นวิญญานไม่เห็นงอนขนาดนี้ เฮ้อ”
ทางด้านพอลกับปรายดาวเมื่อทานอาหารเสร็จทั้งคู่ก็พากันเดินออกมาจากร้านอาหาร
“เอารถมาหรือเปล่า” พอลถาม
“เอามาค่ะ”
“งั้นพี่จะขับตามไปส่ง”
ขณะนั้นเตชิตยังจอดรถอยู่หน้าบ้านปรกเดือน เตชิตพิงพนักทอดสายตามองไปข้างหน้า จนกระทั่งเห็นรถปรายดาวแล่นเข้ามา เตชิตรีบลุกขึ้นขยับจะเปิดประตู แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นรถพอลแล่นตามมา
“ไอ้พอล ช่างสอดแทรกเข้าไปได้ทุกที่”
ปรายดาวบีบแตร ประตูเปิดออกปรายดาวขับเข้าไป พอลจะกลับรถขณะที่แจ๋วปิดประตู เตชิตขับออกมาขวางไว้ พอลหันมามองเตชิตนึกได้รีบถอยไป โดยที่พอลไม่ทันมองเห็นว่าเป็นใคร พอลมองตามท้ายรถไปฉุนๆ
“ขับรถชวนทะเลาะนี่”
พอลขับออกไป
เตชิตขับรถเลี้ยวออกจากซอยไป
“เกือบซวยทำให้ไอ้พอลจับได้แล้ว”
วันต่อมาที่บ้านศรีตรัง ศรีตรังกำลังเผชิญหน้ากับเจนจิรา
“ฉันคิดว่า คุณควรกลับกรุงเทพได้แล้ว”
“ศรีจ๋า...เจน”
“ไม่ต้องมาศรีมาเจนแล้ว ฉันให้คุณทศกับลุงสมเอารถมารออยู่ข้างนอก”
“เธอไล่ฉัน”
“เรียกว่าเชิญกลับดีกว่า”
“ใจดำ”
“ฉันให้เวลาเธอพอแล้ว อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ”
“ฉันจะฟ้อง ...” เจนจิราชะงักเมื่อนึกขึ้นมาได้
“เธอจะฟ้องศาลโลกก็ได้”
“เออ! ไปก็ได้ ระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน”
“แน่จริงอย่าเล่นลับหลัง ถ้ามาเห็นๆ อย่างนี้ไม่กลัวอยู่แล้ว”
เจนจิราเดินกระแทกเท้าขึ้นข้างบน ศรีตรังเดินออกไปข้างนอก
เจนจิราเข้ามาในห้องแล้วโทรไปฟ้องเดนนิส
“เสี่ยขา มันไล่เจนจริงๆ แล้วละค่ะ ไล่เหมือนหมูเหมือนหมาเลย”
“งั้นก็กลับมา”
“ขอบคุณมากนะคะที่เสี่ยเข้าใจเจน”
“ไม่ใช่เรื่องเข้าใจหรือไม่เข้าใจ แต่มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรี ไม่เคยมีใครกล้าไล่คนของฉัน”
“แต่นังศรีตรังมันกล้าค่ะ”
“ก่อนมา ถามมันให้ได้ว่าใครเป็นคนฝากเธอ”
“ได้ค่ะ”
เจนจิราวางหู แล้วจัดการเก็บข้าวของด้วยสีหน้าแจ่มใสผิดกับสีหน้าเสแสร้งเมื่อสักครู่
“ถึงเวลาที่เจนจิราจะไปโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนเดิมแล้ว”
ศรีตรังออกมาคุยกับสมและตรีทศหน้าบ้าน
“ฝากคุณทศกับลุงสมด้วยนะคะ อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกผู้หญิงเหมือนศรี”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
“ด้วยความเคารพ ลูกผู้หญิงแบบนี้น่ากลัวนะครับ มาโน่นแล้วครับ...หน้างอเป็นปลาทูแม่กลองเลย”
ศรีตรังและตรัทศหันไปมองจึงเห็นเจนจิราลากกระเป๋าเดินหน้างอง้ำเข้ามา ศรีตรังเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน” ศรีตรังหันกลับมา “ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนฝากฉันให้มาอยู่ที่นี่”
“ก็บอกแล้วว่าบอกไม่ได้ ฉันสัญญาไว้แล้วและฉันก็เป็นคนรักษาสัญญาเสียด้วย”
ศรีตรังบอกแล้วเดินจากไป ตรีทศหยิบกระเป๋าเจนจิราใส่รถแล้วขึ้นรถด้านคนขับ สมเปิดประตูด้านหลังให้เจนจิรา
“ด้วยความเคารพ เชิญครับ”
เจนจิราทำหน้ารำคาญขณะขึ้นไปนั่ง สมขึ้นนั่งคู่ตรีทศ
“ ด้วยความเคารพ ไปได้เลยครับ”
ตรีทศหันมาถามเจนจิรา
“ไม่ลืมอะไรนะครับ”
“ถ้าลืมฉันก็จะถือเสียว่าทำบุญทำทาน”
ตรีทศขับออกไป โดยแกล้งกระชาก เจนจิราโวยวายลั่นรถ
ศรีตรังเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ศรีตรังหยิบขึ้นมาดูที่หน้าจอโทรศัพท์เป็นชื่อ พอล ศรีตรังกดทิ้งและปิดโทรศัพท์ทันที...พอลกดโทรศัพท์อีกแต่มีเพียงสัญญาณให้ฝากข้อความ
“ไม่รับโทรศัพท์แบบนี้ แสดงว่าอยากให้ไปหา”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอลรีบดูเบอร์ ที่หน้าจอเป็นชื่อเจนจิรา สีหน้าพอลผิดหวังนิดๆ โดยไม่รู้ตัว
“ฮัลโหล!”
“พอล ต่อไปนี้ไม่ต้องไปหาเจนที่ไร่สังกะตังบ้าบอคอแตกนั่นอีกแล้วนะคะ” ตรีทศและสมสบตากัน
“นังสังกะตังเจ้าของไร่ มันขับไล่ไสส่งเจนออกมายังกับหมูกับหมา”
“ขอโทษครับ เจ้านายผมเธอชื่อศรีตรังครับ ไม่ใช่สังกะตัง” ตรีทศบอก
“ด้วยความเคารพ สังกะตังมันหมายถึง ผมที่พันกันจนสางไม่ออกน่ะครับ”
“ฉันกำลังคุยโทรศัพท์ อย่าสอด” เจนจิราต่อว่าตรีทศกับสม
“พูดให้มันดีๆ หน่อยซิคุณ ผมไม่ใช่ลูกจ้างของคุณนะ จะได้พูดเป็นมะนาวไม่มีน้ำ นายจ้างผมเสียอีก ยังพูดเพราะพูดดีกว่าคุณร้อยเท่าพันเท่า” ตรีทศบอกอย่างไม่พอใจ
“ก็ฉันไม่ใช่ลูกจ้างแกนี่” ตรีทศขยับจะพูดแต่สมขยิบตา เจนจิราคุยโทรศัพท์กับพอลต่อ “ขอโทษนะคะพอล เจนมัวทะเลาะกับลูกจ้างยัยสังกะตัง ...” ตรีทศแกล้งเบรครถจนเจนจิราหน้าทิ่ม “ว้าย ขับรถประสาอะไร”
พอลส่ายหน้าปิดโทรศัพท์
“ลุงสมจะขับก็ขับเถอะครับ ผมคงไม่ไหวแล้ว”
ตรีทศขยับจะลง สมรีบคว้าแขนเอาไว้
“ด้วยความเคารพ ผมขับเองก็ได้ครับ คุณทศกรุณานั่งทำหูหนวกไปด้วยก็ยังดี” ตรีทศถอนใจเฮือก
“คุณเจนจิราก็เหมือนกัน กรุณานั่งเงียบๆ หรือจะคุยกับโทรศัพท์กับใครก็ตามใจ แต่ได้โปรดอย่าพาดพิงถึงนายศรีตรัง หรือคนในไร่ก็จะเป็นพระคุณมาก ด้วยความเคารพ”
เจนจิราทำหน้าเชิด
ทางด้านพอล หลังจากวางหูจากเจนจิราแล้วพอลนั่งมองโทรศัพท์บนโต๊ะด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ไม่รับ...ไม่รับก็แปลว่า อยากให้ไปหา ต้องใช่อยู่แล้ว”
พอลพยักหน้ากับตัวเองช้าๆ
ค่ำวันนั้นศรีตรังขี่จักรยานมาจอดหน้าบ้านสม
“เต ไอ้เต” เตชิตค่อยๆ โผล่หน้าออกมา “ออกมาเถอะน่า ไม่มีพวกไอ้เสี่ยทะลึ่งเข้ามาถึงที่นี่หรอก”
เตชิตเดินออกมา
“ลุงสมกับคุณทศยังไม่กลับมาอีกเรอะ”
“ยัง เมื่อกี้โทรมาว่า แวะซื้อของ ช่างเถอะ นานๆ จะได้เข้ากรุงกับเขาสักที”
“ไอ้ฉันละเบื่อเมืองกรุงเป็นบ้า จบเรื่องนี้แล้วว่าจะขอย้ายมาอยู่กับแกที่ปากช่อง”
“ย้ายมาได้ แต่อยู่กับฉันน่ะไม่เอา นี่ฉันมีเรื่องจะปรึกษา”
“เรื่องอะไร”
“ฉันคาดว่า พรุ่งนี้อีตาพอลจะมาหาฉัน”
“เข้าใจคาดเข้าข้างตัวเองนี่หว่า”
“เฮ้ย นี่ฉันซีเรียส ฉันเลยอยากให้แกช่วยรับหน้าให้หน่อย”
“ไม่ได้ เพราะตอนนี้ฉันคือเตโช ไม่ใช่เตชิต ผู้กำกับสั่งให้ฉันหลบมาอยู่ที่นี่”
“เท่าที่แกเล่า ถ้าผู้กำกับรู้ อีตาพอลก็น่าจะรู้”
“ เออ จริง เสียดายว่ะ รู้งี้เมื่อกลางวันต่อยมันสักเปรี้ยงสองเปรี้ยงก็ดี”
“ทำไม”
“ก่อนมาที่นี่ ฉันมีเรื่องต้องตกลงกับเสียงหวาน แต่มันดันขับรถตามมาส่งจนถึงบ้าน พูดถึงเรื่องนี้ ฉันว่าแกอกหักแน่ว่ะ... ไอ้พอลมันดูห่วงใยเสียงหวานมาก”
“แกนั่นแหละหัก ฉันไม่มีวัน”
เตชิตยกมือลูบหน้า
“นั่นซิ...แล้วทำไมไอ้พอลมันต้องมาที่นี่ หรือว่าคิดจะจับปลา 2 มือ”
“ยังไงไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าเขาต้องมา ถึงได้มาบอกให้แกไปช่วยรับหน้าหน่อยไง”
เตชิตมีสีหน้าครุ่นคิด
พอลตัดสินใจจะไปหาศรีตรังที่ไร่จึงโทรบอกปรายดาว
“คะ...พี่พอล”
“พรุ่งนี้จะไปไร่สุขศรีตรัง ดาวจะไปกับพี่ไหม”
“จะดีหรือคะ”
“ก็ดาวอยากจะไปทำงานที่นั่นไม่ใช่หรือ”
“พี่พอล”
“อย่าเพิ่งบอกใครจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย”
“ได้ค่ะ...ดีใจจังที่จะได้ไปให้พ้นๆ บ้านนี้เสียที ถ้าพี่เดือนยอมไปด้วยก็ยิ่งดี”
“เดือนเขาไม่มีวันทิ้งเสี่ยไปหรอก พรุ่งนี้ พี่จะไปรับ 8 โมงเช้านะ”
“ค่ะ...พี่พอลไม่ต้องเข้ามานะคะ ดาวจะออกไปเอง”
“จ้ะ ว่าแต่ตัดสินใจแน่แล้วนะ”
“แน่นอนที่สุดค่ะ”
ปรายดาวมีสีหน้าแน่วแน่
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่จุรีตั้งโต๊ะอาหารเช้า ศรีตรังคอยชำเลืองมองไปทางบริเวณทางเข้าไร่ จนทุกคนสังเกตเห็นจึงสะกิดบอกจุรี
“คุณ...คุณหนู...คุณหนูคะ” ศรีตรังรู้สึกตัวหันมา “คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ” ศรีตรังบอกพร้อมกับลุกขึ้น “ ศรีขอตัวก่อนนะคะ เชิญทุกคนตามสบายไม่ต้องเกรงใจ ป้าจุ ... ช่วยดูแลทุกคนด้วยนะคะ”
“ค่ะ”
ศรีตรังเดินขั้นบันไดไป ทุกคนมองตามประหลาดใจ
ศรีตรังกลับเข้าห้องแล้วเดินกลับไปกลับมาด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่าน
“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันจะต้องไม่ตื่นเต้น...ไม่กระวนกระวาย” ศรีตรังทรุดตัวลงนั่งพยายามตั้งสติ “สติ สติสติ สติมา ปัญญาเกิด เขาจะมาหรือไม่มาก็ช่างเขา”
ศรีตรังค่อยๆ สงบลงแล้วสูดลมหายใจยาว
อีกด้านหนึ่งที่บ้านปรกเดือนขณะนั้นปรกเดือนกับเดนนิสกำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอย่างเงียบๆ โดยมีแจ๋วคอยรับคำสั่ง
“ดาวล่ะ”
เดนนิสถามขึ้นมา
“เห็นแจ๋วบอกว่าออกไปข้างนอกแต่เช้าค่ะ”
“แล้วเธอก็ไม่ได้สนใจ”
“ยัยดาวโตแล้วนี่คะ แกเองก็ไม่ชอบให้เดือนคอยตามทุกฝีก้าว”
“นี่เธอไม่เป็นห่วงน้องบ้างเลยหรือ”
“แล้วเสี่ยล่ะคะ ไม่เป็นห่วงลูกบ้างเลยหรือ” เดนนิสนิ่งไป “เสี่ยไม่เคยถามสักคำว่า เดือนท้องกี่เดือนแล้ว ลูกดิ้นหรือยัง” เดนนิสเริ่มขบกรามหงุดหงิด “มีแต่ถามว่ายัยดาวไปไหน ไปกับใคร”
“นี่หึงแม้กระทั่งน้องเรอะ”
“ถ้าจะหึงน้อง สู้หึงคนอื่นไม่ดีหรือคะ เดือนแค่...”
เดนนิสทุบโต๊ะเปรี้ยงแล้วเดินออกไป ปรกเดือนกินข้าวต่อเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าปกติ ขณะที่แจ๋วขวัญหนีดีฝ่อ
อ่านต่อหน้า 2
ปางเสน่หา ตอนที่ 17 (ต่อ)
พอลขับรถพาปรายดาวมาไร่สุขศรีตรัง ระหว่างทางพอลชำเลืองมองปรายดาวซึ่งพยายามระงับความตื่นเต้น มือปรายดาวกำกันแน่น ปรายดาวเบือนหน้ามามองพอล
“ดาวตื่นเต้นจังค่ะ พี่พอลว่าเขาจะรับดาวเข้าทำงานไหมคะ” พอลมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด “แต่คงรับ เพราะพี่พอลเป็นเพื่อนของเขา”
“ถ้าจะรับ เขาก็คงรับเพราะตัวดาวเอง ไม่ใช่พี่”
“พี่พอลพูดแปลกๆ”
“ ใกล้จะถึงแล้ว”
ปรายดาวยิ้มชะเง้อมองไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น
ศรีตรังยกงานเข้ามาในห้องพยายามทำสมาธิอย่างดีที่สุดจนเป็นปกติ แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เชิญค่ะ”
ประตูเปิดออก จุรีเดินเข้ามา
“อะลัดตั๊ดต๊า ทายซิคะ ใครมา”
ศรีตรังมีสีหน้าสังหรณ์ขึ้นมาแว่บหนึ่ง
“ใครหรือคะ”
“คุณหนูเผือกไงคะ พอป้าเห็นเธอทีไร อดตกใจไม่ได้ซักทีค่ะ”
“เอ๊ะ มาทำไม”
“คุณหนูลงไปถามดูซิคะ”
ศรีตรังสีหน้าครุ่นคิดแล้วจึงปิดคอมฯ
ขณะนั้นปรายดาวกับพอลรออยู่ข้างล่าง ปรายดาวเอื้อมมือมาจับแขนพอล
“มือดาวเย็นเจี๊ยบเลย”
พอลจับมือปรายดาวบีบเหมือนจะให้ความอบอุ่น
“ไม่เป็นไร”
ศรีตรังเดินลงมากับจุรี ศรีตรังตวัดสายตามองที่มือของทั้งคู่แว่บหนึ่ง ปรายดาวรีบดึงมือออกแต่พอลยังจับไว้
“เดี๋ยวป้าจะไปเตรียมขนมมาเลี้ยงนะคะ” จุรีบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่ได้ค่ะ เป็นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ ไงคะ”
จุรีเดินไปข้างใน ศรีตรังจำใจเดินมานั่งตรงข้ามปรายดาวกับพอล ศรีตรังบังคับสายตาให้อยู่แค่ปรายดาว
“มีธุระอะไรหรือคะ”
ปรายดาวหันไปมองพอล
“พี่พอลคะ” ปรายดาวพยักเพยิดให้พอลพูด
“ดาวพูดเองซิจ้ะ คุณศรีตรังใจดีออก”
พอลบอกเสียงอ่อนโยน ศรีตรังมองท่าทางอ่อนโยนของพอลอย่างขวางๆ แว่บหนึ่ง
“คือ...ดาวขอร้องให้พี่พอลพามาพบคุณศรีตรังน่ะค่ะ ดาวเห็นว่ารีสอร์ทเพิ่งจะสร้างใหม่ บางทีคุณศรีตรังอาจจะอยากได้พนักงาน”
“เรายังไม่มีนโยบายจะรับพนักงานเลยค่ะ” ปรายดาวหน้าเสีย ขณะที่พอลมองศรีตรังอย่างตำหนิ
“เสียใจจริงๆ ค่ะ”
ปรายดาวก้มหน้าลง ท่าทางเหมือนทั้งอายและเสียใจ ขณะนั้นจุรีออกมาพร้อมขนมนมเนยน่ากิน
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว”
จุรีชะงักเมื่อเห็นท่าทางของทุกคน
“ป้าครับ ผมฝากดาวหน่อย ผมมีเรื่องจะพูดกับศรีตรัง”
“พี่พอล อย่าเลยค่ะ คุณศรีตรังคง ...”
“ดาว...ไปกับป้าก่อน”
“แหม คุณ สั่งยังกับที่นี่เป็นบ้านของคุณ แล้วป้าจุก็เป็นคนของคุณเชียวนะ” จุรีลังเล
“ป้าครับ ผมขอร้อง”
“ค่ะ...เชิญค่ะ คุณหนูเผือก”
ปรายดาวชะงักกับสรรพนาม แต่ก็ตามจุรีไปโดยดีจุรีพาปรายดาวเข้ามาในครัว
“ท่าทางสองคนนั่นเหมือนจะทะเลาะกันนะคะ” ปรายดาวบอก
“งั้นมั้งคะ เราปล่อยให้เคลียร์กันไปเถอะค่ะ คุณหนูทานข้าวเช้ามาหรือยังคะ”
“ทานน้ำผลไม้น่ะค่ะ”
“งั้นลองมัสหมั่นไก่ของป้า”
จุรีพูดพลางจัดการตักข้าวและตักแกงให้
“ทำไมป้าถึงเรียกว่า คุณหนูเผือกล่ะคะ”
จุรีชะงักนิดหนึ่ง
“เพราะคุณหนูขาวไงคะ นี่ค่ะ...”
จุรีตัดบทเลื่อนจานอาหารให้ปรายดาว
ระหว่างนั้นในห้องรับแขกพอลกับศรีตรังเผชิยหน้ากันตามลำพัง
“คุณไม่ควรทำอย่างนั้น ดาวกับผมเป็นคนละคนกัน” ศรีตรังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ถ้าอยากจะแก้แค้น”
ศรีตรังลุกขึ้นทันที
“ขอโทษ ฉันไม่มีเวลาพอที่จะมานั่งฟังคุณพล่าม ... เวลาฉันเป็นเงินเป็นทอง”
ศรีตรังเดินขึ้นบันไดไป พอลมองตามอย่างหงุดหงิด แล้วเดินตามไป พอลเดินตามศรีตรังมาถึงหน้าห้องจึงดึงแขนศรีตรังไว้
“เอ๊ะ”
“คุณต้องการแก้แค้นผมใช่ไหม”
“ฉันไม่รู้จักคุณ คุณไม่รู้จักฉัน แล้วเราจะมีความแค้นกันได้ยังไง” พอลดึงศรีตรังมาใกล้ ศรีตรังพยายามขืนตัว “ปล่อยนะ อย่ามาทำบ้า ในบ้านของฉัน”
“ดาวกำลังเดือดร้อน ผมขอร้องให้คุณรับเธอไว้”
“อ๊าว คุณเป็นแฟนกัน ก็ไปช่วยกันเองซิ ฉันไม่เกี่ยว”
“ศรีตรัง คุณไม่ใช่คนอย่างนี้”
“แล้วฉันเป็นคนอย่างไหนมิทราบ”
พอลอึ้งไปศรีตรังถือโอกาสผลักพอลออกห่าง แล้วเปิดประตูจะเข้าห้อง พอลดันประตูไว้ทัน
“จะลงไปพูดกันดีๆ ข้างล่าง หรือเข้าไปพูดในห้องคุณ”
ศรีตรังมองพอลเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
ระหว่างนั้นในครัวปรายดาวกินข้าวจนอิ่ม
“อร่อยจังเลยค่ะ”
“นี่ค่ะ” จุรีเลื่อนน้ำให้
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่รู้ว่าคุณหนูของป้ากับคุณชายเผือกคุยกันเสร็จหรือยัง” ปรายดาวมองจุรีเขม็ง จุรียิ้มเจื่อน ๆ “ขอโทษค่ะ”
“ดาวอยากออกไปเดินเล่นหน่อยได้ไหมคะ”
“ไปค่ะ” จุรีทำท่าจะนำไป
“ป้าไม่ต้องไปหรอกค่ะ ดาวอยากจะลองทบทวนอะไรอักซักครั้ง ป้าคอยดูเจ้านายของป้ากับพี่พอลดีกว่า”
“คุณหนูไม่หลงทางนะคะ”
“คิดว่าไม่ค่ะ เพราะดาวไม่ได้ไปไกล”
ปรายดาวพูดพลางเดินออกไป จุรีมองตาม
จุรีเดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้วชะงักรีบผลุบเข้าไปใหม่ เมื่อเห็นพอลดึงแขนศรีตรังลงจากบันไดมาที่ห้องรับแขก
“นั่งลง แล้วฟังผมให้ดี” ศรีตรังยังยืนเฉย พอลเดินมาโอบไหล่จะนั่งด้วยกัน ศรีตรังรีบนั่งลงก่อน พอลนั่งลงตรงข้าม “ทีนี้ ฟังผมให้ดี” ศรีตรังเริ่มเหลือกตามองบนเพดาน พอลลงเสียงหนัก “ศรีตรัง”
ศรีตรังสบตาเอาจริงของพอล แล้วจำใจฟัง แต่ก็แสดงออกให้รู้ว่าไม่พอใจ
ระหว่างปรายดาวเดินอยู่ในไร่ด้วยแววตาครุ่นคิด ปรายดาวเดินมาหยุดตรงบริเวณต้นกุหลาบ ปรายดาวหยุดยืนมองดอกกุหลาบแล้วเก็บดอกบานที่สุด 1 ดอก ปรายดาวเดินต่อ โดยก้มหน้าก้มตาดึงกลีบนับทีละกลีบ
“โกหก ไม่โกหก โกหก ไม่โกหก โกหก ไม่โกหก โกหก ไม่โกหก โกหก ไม่โกหก โกหก”
เตชิตขี่จักรยานเลี้ยวเข้ามาในขณะที่ปรายดาวโผล่ออกมาเช่นกัน เตชิตตกตะลึงแล้วตกใจไม่คาดคิด รถแล่นไถลไปชนต้นไม้
“โอ๊ย” เตชิตกระเด็นตกลงมาจากรถ
“คุณเตชิต”
“เรียกผมว่าเตโช”
“เห็นมั้ย คุณโกหกจริงๆ แล้วที่คุณต้องลงไปนอนแอ้งแม้งอย่างนั้นก็เพราะคุณโกหก”
“ช่วยผมให้ลุกขึ้นหน่อยซิ”
“ฉันเกลียดคนโกหก ขนาดฉันรู้ว่าคุณคือผู้กองเตชิต คุณยังกล้าบอกว่าชื่อเตโช”
เตชิตถอนใจเฮือก
“นั่งก่อนซิ”
“อะไรนะ”
“ผมเชิญคุณนั่ง ในเมื่อผมยังยืนไม่ได้ คุณก็ควรนั่งคุยกับผม”
“ฉันเกลียดคนโกหก”
ปรายดาวหันหลังเดินไป เตชิตยันตัวลุกขึ้นจนได้
“นี่คงมากะไอ้เจ้าพอลน่ะซิ”
ปรายดาวหันขวับมาทันที
“เขาเป็นคู่หมั่นฉัน กรุณาให้เกียรติเขาด้วย”
“ไอ้พอลมันก็โกหก”
“ เอ๊ะ”
“คุณเองก็ต้องเคยโกหก! มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยโกหกบ้าง”
“แต่เขาก็ไม่โกหกร้ายแรงแบบคุณ”
“ผมมีเหตุผล”
“เหตุผลของคุณมันเชื่อไม่ได้”
ปรายดาวเดินออกไป เตชิตยันตัวขึ้นแล้วเดินตาม
ที่ห้องรับแขกพอลเล่าความจำเป็นของปรายดาวที่อยากมาอยู่ที่นี่กับศรีตรัง
“ทั้งหมดที่ผมเล่านี่แหละคือความจำเป็นของดาว เขาเป็นคนขอร้องให้ผมมาพูดกับคุณเองว่าเขาอยากมาทำงานที่นี่ ซึ่งจะว่าไปผมก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมเขาถึงดูผูกผันกับไร่สุขศรีตรังนัก” ศรีตรังนิ่ง สีหน้าใครครวญครุ่นคิด “ผมรู้ว่า...”
“ตกลงฉันจะรับคุณปรายดาวไว้” พอลถอนใจอย่างโล่งอก “แต่ไม่ใช่เพราะคุณแม้แต่นิดเดียว”
“ไม่เป็นไร”
“หมดธุระแล้ว คุณกลับไปได้” พอลมองศรีตรังเหมือนน้อยใจ “ป้าจุ ป้าจุขา”
จุรีเดินออกมา โดยค่อยๆ โผล่ออกมาดูท่าทีก่อน พอเห็นทุกอย่างปกติก็เดินเข้ามา
“มาแล้วค่ะ”
“คุณดาวจะมาทำงานกับเรา”
“ไม่แล้วค่ะ ดาวเปลี่ยนใจแล้ว”
เสียงปรายดาวดังขึ้น ทุกคนหันไปมองจึงเห็นปรายดาวเดินเข้ามาตามด้วยเตชิต พอลและเตชิต ต่างคนต่างชะงัก จ้องมองกัน
ศรีตรีงลากเตชิตออกมาคุยกันตามลำพัง
“มานี่เลย บอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
เตชิตถอนใจเฮือก
“เขาหาว่าฉันโกหก”
“แล้วแกโกหกเขาหรือเปล่า”
“โกหก”
“นั่นไง”
“โธ่เอ๊ย ไอ้ศรี หยุดซ้ำเติมฉันเสียทีได้ไหม! ฉันโกหกเรื่องที่ฉันต้องเป็นเตโช”
“โธ่เอ๊ย ก็ดันให้เขาจับได้นี่น้า แหม...ไม่อยากใช้คำว่าโง่เล้ย แต่ก็ไม่มีคำไหนเหมาะสมคู่ควรกับแกกว่าคำนี้อีกแล้ว”
“เขายังพาลไปถึงเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังว่า วิญญาณของเขาอยู่ที่นี่ว่าเป็นเรื่องโกหกอีก”
“แหม! ขนาดฉันเป็นเพื่อนแก ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย แล้วนี่จะเอายังไง”
“ถ้าไอ้พอลมันรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่มันคงไม่ให้เสียงหวานมาอยู่ที่นี่ร้อก พนันได้เลย”
ผิดคาดเพราะขณะนั้นพอลกำลังบอกให้ปรายดาวอยู่ที่ไร่สุขศรีตรัง
“ดาวต้องอยู่ที่นี่”
“เอ๊า พี่พอล ดาวไม่อยากอยู่”
“เชื่อพี่เถอะ”
“ไม่ค่ะ”
พอลมองปรายดาวอย่างแปลกใจ
“ทำไมล่ะ ดาวไม่เคยดื้อ ไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนี่”
“เรากลับกันเถอะค่ะ” ปรายดาวบอกดดยไม่ยอมสบตาพอล พอลมองปรายดาวอย่างเพ่งพิศ
“เพราะผู้ชายคนนั้นใช่ใหม” ปรายดาวนิ่งเงียบไม่ตอบ แต่เม้มปาก พอลพยักหน้าช้าๆ อย่างเข้าใจ
“เขาไม่เป็นอันตรายกับดาวหรอก เชื่อพี่เถอะ”
“พี่พอลทราบได้ยังไงค่ะ”
“เพราะเขาเป็นเพื่อนของศรีตรัง... ศรีตรังเป็นคนดี...”
“แต่ท่าทางเธอไม่ชอบพี่พอล”
“ไม่ใช่ท่าทางหรอก เขาเกลียดพี่เลยละ” ปรายดาวอ้าปากจะถาม “อย่าเพิ่งถาม พี่อยากให้ดาวดูว่า ขนาดเขาเกลียดพี่ยังกับอะไร พอรู้เหตุผลเข้าจริงๆ เขายังให้ดาวอยู่ด้วย พอเขารับแล้ว ดาวยังจะปฎิเสธเขาลงอีกหรือ”
ปรายดาวนิ่งคิด พอลมองปรายดาวด้วยสีหน้าสงบ
ขระนั้นศรีตรังยังอยู่กับเตชิต ศรีตรังทรุดตัวลงนั่ง แล้วถอนใจเฮือก
“ตกลงจะโอหรือไม่โอ” ศรีตรังถอนใจเฮือก “แปลว่าโอ”
“เฮ้ย ฉันยังไม่ทันพูดซักคำ”
เตชิตตบหัวเพื่อนเบาๆ
“ฉันรู้ว่าแกเป็นคนใจดี มีเมตตา กรุณา มุฑิตา และอุเบกขา ...”
“พอ พอ ไม่ต้องมาสอพลอฉัน รู้หรอกน่าว่าแกน่ะ อยากให้คุณหนูเผือกเสียงหวานมาหลบภัยที่นี่ใจแทบขาด ...แกจะได้สอพลอเขาต่อ ...”
“พูดซะฉันดูทุเรศเลย” เตชิตดึงศรีตรังให้ลุกขึ้น “ไปได้แล้ว”
“ไปไหน”
“งง ทำงง ก็ไปตอบรับให้คุณหนูเผือกทำงานน่ะซิ ไป”
“แล้วแกล่ะ”
“ขืนฉันไปด้วยมีหวังคุณเธอ ไม่ยอมอยู่แน่ๆ แกนั่นแหละไป”
“เออ ... เออ”
ศรีตรังเดินกลับไป เตชิตยืนคิดครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเดินตามไป
ขณะนั้นจุรีค่อยๆ โผล่หน้าออกมาแอบดูจึงเห็นปรายดาวและพอลนั่งคุยกันเบาๆ ขณะที่ศรีตรังเดินไขว้หลังเข้ามา ทำหน้าตาย แววตาพอลเป็นประกายขึ้นมาทันที ขณะที่ปรายดาวยังมีสีหน้าลังเล
ศรีตรังกระแอมแล้วมองปรายดาว
“ตกลงค่ะ ไร่สุขศรีตรังจะรับคุณไว้เป็นพนักงาน”
พอลมองหน้าปรายดาวซึ่งดูไม่ตื่นเต้นดีใจเท่าที่ควร
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมก็ต้องขอบคุณเหมือนกัน”
“ไม่ต้องการ เอากลับไปด้วย”
ปรายดาวเบิกตากว้างมองศรีตรัง จุรีเดินออกมาด้วยหน้าตาแจ่มใส
“คุณหนูเผือกไปอยู่กับป้ามั้ยคะ ป้าอยู่คนเดียว มันเหงาค่ะ”
“ให้อยู่ห้องข้างๆ ศรีตรังก็ได้ค่ะป้า”
“อยู่กับป้าจุดีกว่าค่ะ ดาวรู้สึกคุ้นๆ กับป้าจุยังไงก็ไม่รู้”
“นั่นซิคะ ป้าก็เหมือนกัน”
“เสื้อผ้าคุณดาวล่ะคะ”
“อยู่ในรถ เดี๋ยวผมเอาไปส่งให้ บ้านป้าจุอยู่ตรงไหนล่ะครับ”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ”
ทั้งหมดเดินออกไป โดยศรีตรังทำอ้อยอิ่งอยู่หลังสุด แต่ก็ออกไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
ทุกคนเดินไปที่รถพอล เตชิตรีบหลบทันที
“ไกลมั้ยครับ” พอลถามจุรี
“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ”
พอลเปิดประตูให้ทุกคนขึ้นรถ ในขณะที่ศรีตรังยืนกอดอกพิงเสามอง ห่างออกมา พอลหันไปมองศรีตรัง
“จะไม่ไปด้วยกันหรือครับ” ศรีตรังทำเป็นหูทวนลม “ให้ตายเถอะ”
พอลพึมพำออกมาแล้วขึ้นรถขับออกไปเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย ศรีตรังขยับจะเดินเข้าบ้าน
“ไอ้ศรี”
ศรีตรังหันไปมองจึงเห็นเตชิตหลบอยู่มุมหนึ่ง
“ออกมาได้แล้ว” เตชิตเดินออกมา “ไป เข้าไปคุยกันข้างใน”
ทั้งคู่พากันเดินเข้าบ้าน
เตชิตและศรีตรังเดินเข้ามาภายในบ้าน
“ฉันจะต้องพยายามทำให้ปรายดาวกลับมาเป็นเสียงหวานให้ได้” เตชิตบอก
“แกจะฆ่าเขาเรอะ”
“บ้าซิ...เฮ้ย แกต้องช่วยฉันคิดหาวิธีนะ”
“เฮ้อ แค่คิด หาวิธีรับมือ ถ้าไอ้เดนิสรู้เรื่องปรายดาวมาพักที่นี่ ฉันก็สยองจะแย่อยู่แล้ว แกยังจะเอาเรื่องปวดสมองมาให้ฉันอีก”
“ฉันอยู่ด้วยทั้งคน แกจะกลัวอะไร”
“ก็กลัวแกนั่นแหละ ศัตรูเยอะไปหมด จนจะทำให้ฉันซวยไปด้วย”
“รับรองน่า คบกับเตไม่มีซวย”
ศรีตรังผลักหัวเตชิตอย่างหมั่นไส้เต็มที่
เมื่อมาถึงบ้านจุรีพอลหิ้วกระเป๋าใส่เสื้อผ้าปรายดาวตามจุรีและปรายดาวเข้ามาในห้องอ้อย
“ห้องลูกสาวป้าเองค่ะ” สีหน้าจุรีหมองลง “จัดให้อย่างดี แต่มันกลับไม่รักดี คงอีกนานกว่าจะได้กลับมาหรือกลับมาอีกทีป้าตายไปแล้วก็ได้”
“โถ ป้าขา” ปรายดาวกอดจุรี จุรีกอดปรายดาวร้องไห้ “ดาวก็มีทุกข์ ป้าก็มีทุกข์ เราอยู่ด้วยกันจะได้ปลอบใจกันนะคะ”
“ค่ะ...ป้าดีใจที่คุณหนูมาอยู่เป็นเพื่อนป้าที่นี่”
“ดาวก็เต็มใจมาอยู่กับป้าจุค่ะ มันเหมือนเราคุ้นเคยกันมาก่อน”
“ผมจะไปรอข้างล่างนะ”
“ค่ะ”
“พี่จะโทรบอกเดือนด้วย”
“ขอบคุณค่ะ บอกพี่เดือนว่าไม่ต้องเป็นห่วงดาวนะคะ”
พอลพยักหน้าเดินออกไป จุรีมองตาม
“คนรักคุณหนูหรือค่ะ”
“คู่หมั้นเลยค่ะ พี่พอลบอกว่ารอให้ทุกอย่างเรียบร้อย แล้วเราจะแต่งงานกัน”
อีกด้านหนึ่งที่บ้านปรกเดือน ขณะนั้นปรกเดือนกำลังอ่านนิตยสาร แม่ๆ ลูกๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปรกเดือนหยิบมาดู พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบกดรับด้วยสีหน้าโล่งใจ
“พอล เดือนโทรหาพอลตั้งหลายครั้ง แต่พอลปิดมือถือ ยัยดาวไปไหนก็ไม่รู้”
“ดาวอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว”
“คุณเป็นคนพาแกไปหรือคะ” ปรกเดือนถามอย่างตกใจ
“ครับ...ตอนนี้ดาวอยู่ที่ ...”
“ไม่ต้องบอกค่ะ เดือนเชื่อใจคุณ แต่ที่ไม่ให้บอกก็เพราะว่าเดือนโกหกไม่ค่อยเก่ง กลัวเสี่ยถาม แล้ว
จะมีพิรุธ ...ดาวปลอดภัยดีนะคะ”
“ครับ เดี๋ยวพอจัดข้าวจัดของเรียบร้อยแล้วคงจะโทรหาคุณ”
“พอล คุณพาแกไปอยู่ด้วยใช่ไหม”
“ไม่ใช่แน่นอน ขอให้เชื่อใจผม ผมจะไม่มีวันทำให้ดาวด่างพร้อยเด็ดขาดเพื่อนคนนี้ของผมเป็นผู้หญิง”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก”
“แค่นี้ก่อนนะครับ”
“ค่ะ...ขอบคุณอีกครั้ง”
ปรกเดือนปิดโทรศัพท์วางลงด้วยสีหน้าโล่งใจสุดๆ
ขณะนั้นเตชิตยังคุยอยู่กับศรีตรัง เตชิตลุกขึ้น
“ฉันไปช่วยลุงสมกับคุณทศละ”
“แกอย่าไปให้คุณหนูเผือกเสียงหวานเห็นบ่อยๆ นะเว้ย”
“รู้แล้วละน่า”
“นอกจากตัวคุณหนูจะไม่ Happy แล้ว คู่หมั้นคุณหนูอาจจะไม่พอใจ”
“เออน่า”
เตชิตเดินออกไป ศรีตรังเอนหลังพิงพนัก แล้วหลับตาลง
ปรายดาวเดินออกมาจากห้อง ขณะนั้นพอลกำลังมองไปโดยรอบที่ให้บรรยากาศสงบร่มรื่นอย่างพอใจ
“พี่พอลคะ” พอลหันมามอง “พี่พอลกลับได้แล้วค่ะ”
“อ้าว ทีนี้ละไล่พี่เลย”
“เปล่าสักหน่อย ดาวแค่ไม่อยากให้ใครสงสัยว่าพี่พอลหายไปไหนนาน”
“งั้นพี่ไปละ”
ขณะที่ทั้งคู่คุยกัน จุรีเดินออกมาพร้อมแก้วน้ำมะนาว
“น้ำมะนาวเย็นเจี๊ยบค่ะ”
“ขอบคุณครับ...” พอลรับมาดื่ม “ชื่นใจจัง...ผมฝากดาวด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงคะ”
พอลเดินออกไป ปรายดาวและจุรีมองตาม
อ่านต่อหน้า 3
ปางเสน่หา ตอนที่ 17 (ต่อ)
พอลขับรถผ่านมาทางบ้านศรีตรังทำท่าจะเลยออกไป แต่แล้วก็เปลี่ยนใจถอยหลังมาจอด พอลเปิดประตูรถลงมาแล้วมองออกไปโดยรอบ
“เงียบจัง”
พอลเดินเข้าไปในบ้านแล้วชะงักเมื่อเห็นศรีตรังนอนหลับอยู่บนโซฟา พอลยืนมองภาพนั้นครู่หนึ่ง แล้วทรุดตัวลงนั่งด้วยท่าทีสบายๆ ศรีตรังเองก็นอนหลับอย่างสบาย พอลมองภาพนั้นเพลินๆ ศรีตรังเหมือนจะรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมาจึงสบตากับพอล ศรีตรังผุดลุกขึ้นทันที ในอารมณ์ทั้งโกรธทั้งอาย
“ไม่มีมารยาท”
“อ้าว ก็นึกว่าคุณตั้งใจจะนอนหลับให้ผมดู”
“ฉันเนี่ยนะ จะบ้าเรอะไง” ศรีตรังโวยลั่น
“ใครจะไปรู้ล่ะ ปกติคนนอนหลับต้องมีกรน ...ต้องน้ำลายไหล...แต่คุณกลับทำนอนสวย”
“คนบ้า ฉันไม่ใช่คนเสแสร้ง”
“อ้อ งั้นก็หมายความว่า คุณเป็นคนนอนสวยน่ะซิ น่าสนใจแฮะ”
“ไม่มีอะไรจะทำรึไง ถึงได้มานั่งจับผิดคนนอน”
“อ้าว ถ้าจับถูกก็มีเรื่องน่ะซิ”
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่พูดหวานๆ เหมือนที่พูดกับพี่เพชรของคุณอีกแล้วเรอะ”
“ออกไป”
“น่า ลองพยายามดูอีกที เผื่อผมอาจจะใจอ่อนยอมรับเป็นพี่เพชรบ้าง”
ศรีตรังขบกรามแน่นถลึงตาใส่พอลอย่างจะกินเลือดกินเนื้อแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป พอลก้าวยาวๆ ตาม พอลเดินตามมาจับแขนศรีตรังไว้
“ปล่อย”
“ทำไมเราจะพูดดีๆ กันบ้างไม่ได้” ศรีตรังหันมาจ้องหน้าพอลเขม็ง “จ้องหน้าผมทำไม”
“คนอย่างคุณพูดไปก็ไม่รู้เรื่อง แล้วฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับคุณด้วย” เสียงมอเตอร์ไซค์ แล่นเข้ามา
ศรีตรังหันไปโบกมือเรียก “ลุงสม คุณทศ ทางนี้ค่ะ”
ทั้งคู่ขี่มอเตอร์ไวค์เข้ามา ตรีทศมองพอลอย่างไม่เป็นมิตรนัก
“ด้วยความเคารพ สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ”
“ดูเหมือนคุณพอลกำลังจะกลับ ใช่มั้ยครับ นายศรีตรัง”
“ค่ะ”
ศรีตรังพูดยังไม่ทันขาดคำ โทรศัพท์ศรีตรังก็ดังขึ้น ศรีตรังยิ้มทันทีที่เห็นเบอร์
“สวัสดีคะ พี่ธากรณ์”
ศรีตรังพูดพลางเดินห่างออกไป ประมาณเป็นเรื่องส่วนตัว พอลมองตาม
“ด้วยความเคารพ คุณธากรณ์ที่เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ “ไทยก้าวหน้า” ไงครับ” สมบอก
“ใครถามครับ”
“ด้วยความเคารพ นั่นซิครับ”
พอลมองศรีตรังหงุดหงิดแว่บหนึ่งแล้วขึ้นรถขับออกไป
“สมน้ำหน้า” ตรีทศบอก
“สมน้ำหน้าใครครับ” ตรีทศหันมามอง ใบหน้าซื่อๆ ของสม สมนึกว่าตัวเองลืมแล้วรีบพูด “ด้วยความเคารพ”
“สมน้ำหน้าตัวเองครับ”
“อ้อ ...อ...”
ส่วนที่บ้านจุรีขณะนั้นปรายดาวโทรคุยกับปรกเดือน
“ที่นี่สบายมากเลยค่ะ พี่เดือน อากาศดี๊ ...ดี แล้วป้าจุที่ดาวอยู่ด้วยก็ใจดีดาวชอบหมดทุกคน ... อ้อ ยกเว้นคนนึง”
“ใครจ๊ะ”
“ไม่อยากเอ่ยชื่อค่ะ พี่เดือนต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ อย่าลืมไปหาหมอแล้วก็ทานยาบำรุงที่หมอให้”
“จ้ะ ไม่สืบหรอก ดาวก็เหมือนกันนะ ดูแลตัวเองดีๆ”
“ค่ะ พี่เดือนพักผ่อนมากๆ นะคะ แล้วดาวจะโทรไปใหม่”
“จ้ะ พี่รักดาวนะ”
“ดาวก็รักพี่เดือนเหมือนกันค่ะ”
ปรกเดือนวางโทรศัพท์ลง สีหน้าแววตาเหมือนโล่งใจ
ค่ำวันนั้นเดนนิสเดินเข้าบ้าน ดดยมีลุกน้องสองคนถือถุงตามเข้ามา แจ๋วรีบเดินมารับ
“คุณดาวกลับมาหรือยัง”
“ยังค่ะ”
เดนนิสหน้าตึงขึ้นมาทันที
“แล้วคุณเดือนล่ะ”
“อยู่บนห้องค่ะ”
เดนนิสพยักหน้าแล้วเดินขึ้นบ้านไป แจ๋วถือของไปเข้าครัวขณะลูกน้องเดินออกไป
ปรกเดือนนอนหลับอยู่ในห้องขณะที่เดนนิสเปิดประตูเข้ามา เดนนิสเดินมาหยุดยืนมองปรกเดือน
ปรกเดือนขยับตัวลืมตาตื่น
“กลับแล้วหรือค่ะ” ปรกเดือนลุกขึ้นนั่ง
“แจ๋วบอกว่า ยัยดาวยังไม่กลับ”
“ค่ะ แต่แกโทรมาบอกแล้วว่าแกอยู่ต่างจังหวัด แล้วจะอยู่ที่นั่นสักพักนึง”
เดนนิสซึ่งกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ หันขวับมาทันที
“ไปอยู่ต่างจังหวัด จังหวัดไหนกัน”
“แกไม่ยอมบอกค่ะ”
“แล้วพอลล่ะ รู้หรือเปล่า”
“ทราบค่ะ แกโทรไปบอกเขาเหมือนกัน”
“พอลว่ายังไง”
“เขาก็เป็นห่วงน่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง”
“ดี เจริญมาก นึกจะไปไหนก็ไป แถมพี่สาวกับคู่หมั้นก็ไม่สนใจเสียด้วย” ปรกเดือนลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู “นั่นจะไปไหนล่ะ”
“ไปดูกับข้าวให้เสี่ยค่ะ”
“ไม่ต้อง ฉันกินมาแล้ว”
“ถ้าเสี่ยไม่ว่าอะไร ช่วงนี้เดือนขอแยกไปนอนห้องยัยดาวนะคะ”
“ตามใจ จะไปนอนไหนก็ตามใจ”
ปรกเดือนเดินออกไป เดนนิสมองตามอย่างหงุดหงิด
เดนนิสแต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก แต่พอเดินออกมาเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น แจ๋วเดินออกมารับ แล้วรีบถือโทรศัพท์ตามมาส่งให้เดนนิส
“เสี่ยค่ะ โทรศัพท์คุณพอลค่ะ”
“ว่าไง” เดนนิสถามทางโทรศัพท์
“ผมโทร หาเสี่ยทั้งวัน แต่เสี่ยไม่รับโทรศัพท์”
“เออ ฉันยุ่งทั้งวันจนลืมเปิดโทรศัพท์”
“ดาวเขาไปทำงานต่างจังหวัดครับ เห็นบอกว่าอยากจะไปค้นหาตัวเองสักพักนึ่ง”
“มันอยากไปก็ให้มันไป ลำบากมากๆ เข้าก็กลับมาเอง”
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันไม่ได้ห้ามอะไร แต่ก็บอกเขาว่า อยากเมื่อไหร่ก็บอกจะได้
ไปรับ”
“แล้วเขาว่ายังไง”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ นอกจากขอบคุณที่ผมไม่ได้ห้าม”
“เรื่องของพวกนาย 2 คน ฉันไม่เกี่ยว มีแค่นี้ใช่มั้ย”
“ครับ”
เดนนิสส่งโทรศัพท์คืนให้แจ๋ว
“คืนนี้ ฉันไม่กลับนะ”
“ค่ะ”
เดนนิสเดินออกไป แจ๋วเอาโทรศัพท์กลับไปวาง
คืนนั้นปรายดาวโทรศัพท์ไปคุยกับพอล
“กลางคืนที่นี่เงียบ แล้วก็เย็นสบายดีจังเลยค่ะ”
“พี่ดีใจที่ดาวชอบ”
“ไม่ใช่ชอบธรรมดา ชอบมากด้วยค่ะ ขนาดอยู่ในห้องนี่ ยังได้กลิ่นหอมของดอกไม้เลย ไม่รู้ว่ากลิ่นดอกอะไร เดี๋ยวดาวว่าจะลงไปดูซักหน่อย”
“ระวังอย่าออกไปไกลนักล่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ ดาวอยู่แค่หน้าบ้านนี่เอง แค่นี้ก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวจะโทรไปบอกว่าดอกอะไร”
“ตกลงครับ”
ปรายดาววางโทรศัพท์ลงแล้วเปิดประตูออกไป
ปรายดาวเดินออกมาพร้อมไฟฉายในมือ ปรายดาวฉายไฟมองไปโดยรอบ ขณะเดินไปตามกลิ่นดอกไม้
“น่าจะอยู่แถวนี้ “
ปรายดาวฉายไฟไปทางโน้นทางนี้จนมาฉายโดนหน้าเตชิตพอดี
“ว้าย” ปรายดาวตกใจไฟฉายตกจากมือ
“ผมเอง ไม่ต้องกลัว”
“ไม่ต้องกลัวได้ไงล่ะ อยู่ดีๆ ก็โผล่พรวดออกมา ...” ปรายดาวชะงัก แล้วจ้องหน้าเตชิตเขม็ง “คุณมาแถวนี้ทำไม”
“ผมก็เดินมาเรื่อย อากาศดีอย่างนี้ พระจันทร์ก็เต็มดวง จะนอนก็เสียดาย” ปรายดาวหันหลัง จะเดินกลับ “เสียงหวาน”
ปรายดาวหันขวับมาอย่างหงุดหงิด
“หยุดเรียกฉันว่าเสียงหวานเสียที เก็บนิทานของคุณเอาไว้หลอกเด็กเถอะ”
“ผมไม่ได้หลอกคุณ เรื่องสร้อย เรื่อง ...”
“คุณสืบเอาได้ทั้งนั้น คุณเป็นตำรวจนี่ แต่ตำรวจอย่างคุณก็ไม่ต่างจากพวกผู้ร้ายหรอก เดี๋ยวชื่อเตชิต แล้วกลายเป็นเตโช คุณใช้ความเชื่อใจของฉันเอามาเล่นเป็นของสนุก คอยดูนะ ฉันจะกระชากหน้ากากของคุณออกมาคุณศรีตรังจะได้ตาสว่างเสียที”
ปรายดาวเดินกลับเข้าบ้าน เตชิตมองตามอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ปรายดาวเดินขึ้นบันไดมา ขณะนั้นจุรีเดินลงมา
“นั่นใคร”
ปรายดาวเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าปรายดาวปะทะกับแสงจนดูเหมือนเมื่อครั้งเป็นวิญญาณ จุรี
ตกใจสะดุ้งเฮือก
“อะลัดตั๊ดต๊า ผีหลอก”
ปรายดาวกระโจนพรวดเดียวไปกอดจุรี
“ผี...ผีที่ไหนคะ”
“คะ...คะ... คุณ ..คุณหนูเผือก โอย ป้าจะเป็นลม”
“ไหน...ไหนคะผี” จุรีจ้องหน้าปรายดาว ปรายดาวสบตางงๆ “อะไรหรือคะ”
“ขอโทษค่ะ ป้านึกว่าคุณดาวเป็น...เป็น ...”
“เป็น...ผีหรือคะ” จุรีพยักหน้าหวาดๆ ปรายดาวหน้าเสีย “ดาว...ดาวเหมือนผีมากหรือคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่...แต่ว่า ...เฮ้อ ... ป้าไม่รู้จะพูดยังไง”
“งั้นก็เล่าให้ดาวฟังตั้งแต่ต้นซิคะ”
“อุ๊ย ใครเขาพูดเรื่องแบบนี้ตอนค่ำๆ กันบ้าง เข้านอนเถอะค่ะ แล้วค่อยเล่าตอนเช้า”
ปรายดาวพยักหน้า ทั้งสองแยกย้ายกันเข้าห้อง
จุรีเข้ามาในห้องแล้วเดินมาที่เตียง
“เห็นตอนกลางวันยังไม่เท่าไหร่ แต่พอเห็นตอนกลางคืนให้ตายเถอะ เหมือนเปี๊ยบ เฮ้อ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น จุรีสะดุ้งโหยง “คะ...คะ...ใคร... ใครคะ”
“ดาวเองค่ะ”
“เฮ้อ”
“ป้าเปิดประตูให้หน่อยซิคะ ดาวนอนไม่หลับอยากคุยกับป้า”
“เอาไว้ตอนเช้าไม่ดีกว่าหรือคะ”
“ป้าง่วงแล้วหรือคะ”
“ค่ะ”
“งั้นขอโทษค่ะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็ได้”
ปรายดาวเดินกลับไปที่ห้อง
ปรายดาวเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วล้มตัวลงนอน
อ่านต่อหน้า 4
ปางเสน่หา ตอนที่ 17 (ต่อ)
กลางดึกคืนนั้นขณะที่ปรายดาวนอนหลับสนิท ร่างเสียงหวานลืมตาขึ้นแล้วลุกออกจากร่างปรายดาว เสียงหวานหันมามองปรายดาวแล้วเดินผ่านประตูห้องออกไป
ร่างเสียงหวานเดินเหมือนลอยไปเรื่อยๆ จนมาถึงบ้านสม เสียงหวานค่อยๆ เงยขึ้นมอง ขณะนั้นเตชิตกำลังนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง...แต่มีใครบางคนเดินมาหยุดที่หน้าเตียง ร่างเสียงหวานก้มลงมองเตชิต
เตชิตลืมตาตื่นขึ้นมา
“เสียงหวาน”
เสียงหวานตกใจ หันหลังกลับเดินแกมวิ่งผ่านประตูออกไป
“เสียงหวาน”
เสียงหวานวิ่งออกมาท่ามกลางลมแรง และหมอกควัน โดยมีเสียงเตชิต ร้องเรียกสะท้อนก้องไปก้องมา
“เสียงหวาน...เสียงหวาน ... เสียงหวาน ...”
ปรายดาวสะดุ้งตกใจตื่น ท่ามกลางเสียงลมแรง
“ฝันไปนั่นเอง”
ปรายดาวลุกเดินไปที่หน้าต่างซึ่งขณะนั้นฝนกำลังจะตก ปรายดาวปิดหน้าต่างแล้วเดินกลับมาที่เตียง
“เป็นเพราะผู้กองเตชิตเตโชนั่นแหละ ที่ทำให้ฝันว่าเป็นเสียงหวาน”
ปรายดาวล้มตัวลงนอนแต่สีหน้าเหมือนใคร่ครวญครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่จุรีกำลังกวาดบ้านอยู่ ปรายดาวเดินลงมา
“ป้าจุ มาค่ะ ดาวทำเอง”
“ไม่ต้องค่ะ ป้าทำจะเสร็จแล้ว เช้านี้คุณดาวจะทานข้าวที่นี่หรือว่าที่บ้านคุณหนูศรีตรังคะ”
“ดาวไม่อยากไปกวนเธอน่ะค่ะ แค่มาของานทำนี่ก็เกรงใจจะแย่”
“โถ อย่าคิดมากซิคะ คุณหนูศรีตรังน่ะเธอใจดี อีกอย่างพอสร้างบ้านพักในรีสอร์เสร็จ คุณหนูเธอก็ต้องจ้างพนักงานอยู่ดี ...ถ้าหิว คุณดาวเข้าไปดูในครัวด้านหลังนะคะ ป้าทำไข่ดาวไส้กรอกไว้ให้ น้ำผลไม้อยู่ในตู้เย็นค่ะ”
“เดี๋ยวดาวทานพร้อมป้าดีกว่า”
ปรายดาวเข้ามาในครัวเปิดฝาชีออกวางไว้มุมหนึ่ง
“หอมน่ากินจัง”
ปรายดาวลงนั่งขณะจุรีเปิดตู้เย็นหยิบน้ำผลไม้คั้นมาวางให้ปรายดาว ส่วนตัวเองเป็นกาแฟ
“ป้าติดกาแฟค่ะ”
ปรายดาวนิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วบอกออกมา
“เมื่อคืนดาวฝันว่า ดาวชื่อเสียงหวาน” จุรีชะงักมองปรายดาวอย่างอึดอัด “... มีคนบอกว่า ดาวเคยเป็นดวงวิญญาณติดอยู่กับบ้านหลังหนึ่งที่นี่ ป้าจุเล่ามาเถอะค่ะ”
“คุณดาวคะ”
“ป้าจุเคยเห็นดาวใช่ไหมคะ” จุรีพยักหน้า “ป้าจุช่วยเล่าให้ดาวฟังหน่อยค่ะ”
“ที่แรก ป้าเห็นก่อนค่ะ ป้าเข้าไปทำความสะอาดในบ้านนั้น แล้วป้าก็เห็น...” จุรีชี้ปรายดาวแบบหวาดๆ “ คุณ...ดาว...แต่ป้ากลัวมากป้าจุดธูปไปบอกคุณดาวว่าอย่ามาหลอกมาหลอน! เวลาป้าจะเข้าไปในบ้านหลังนั้น ป้าต้องตะโกนว่า “อะลัดตัดต๊า” เป็นอันรู้กันว่าคุณหนูจะไม่มาปรากฎตัว” ระหว่างจุรีเล่า ปรายดาวฟังอย่างสนใจ “จนกระทั่งผู้กองเตชิตมา คุณหนูถึงได้ปรากฎกายให้เห็น คุณเตชิตน่ะน่าสงสารนะคะ..เธอน่ะกลัวคุณดาวมากในตอนแรก จนกระทั่งเริ่มชิน แล้วก็ไม่กลัวในที่สุด”
ปรายดาวสูดลมหายใจยาว
ทางด้านดนนิสขณะนั้นกำลังคุยกับเจนจิรา โดยมีเจ็งยืนเยื้องไปข้างหลัง
“เธอคิดว่าเป็นไปได้ไหม ที่ปรายดาวจะไปอยู่ที่ไร่สุขศรีตรังนั่นอีก”
“เจนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ค่ะ”
เดนนิสมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
“ดาวมีความเกี่ยวข้องอะไรกับคนที่นั่น!”
“ฎมันก็พูดยากนะค่ะ เพราะที่เจนไปอยู่ที่นั่นก็ยังไม่รู้เลยว่าเพราะใครแต่ถ้าจะให้เดา คนที่เป็นไปได้ที่สุดก็น่าจะเป็นผู้กองเตะ..เอ๊ย! เตชิต แต่ปรายดาวนี่...” เจนจิราชะงัก “จริงซิคะ”
“อะไร”
“เสี่ยจำที่เจนเคยเล่าให้ฟังได้มั้ยค่ะ ที่ผู้กองเตชิตรูปปรายดาวมาให้เซ็นชื่อแล้วอีกตอนนึง ก็เมื่อคราวที่เราไปค้างที่รีสอร์ทสุขศรีตรัง เจนเห็นภาพดาวนั่นแหละปลิวออกมา”
“แม่เจ้าของไร่ นั่นต้องรู้ดีแน่ ไอ้เจ้าพอลของเราก็ไปติดพันอยู่เหมือนกัน เรื่องนี้ฉันถึงใช้เธอแทนที่จะใช้มัน”
“เป็นไปได้มั้ยคะว่า พอลนี่แหละคือเกลือเป็นหนอน”
“ฉันก็เคยคิดอย่างนั้น ถึงได้ใช้มันไปฆ่าไอ้เตชิต”
“แล้วคุณเตชิตก็นอนโคม่าอยู่โรงพยาบาลที่ปากช่อง”
เดนนิสและเจนสบตากัน
“ทำไมถึงต้องเป็นปากช่อง”
“นั่นซิค่ะ ทำไมต้องปากช่อง”
“เธอปลอมตัวไปดูไอ้เตชิตซิ”
“ได้เลยค่ะ”
สีหน้าเจนจิราดูมาดมั่น กระตือรือร้นจะทำงานเต็มที่
เตชิตมาหาศรีตรังที่บ้าน ศรีตรังหันกลับมามองเตชิตอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด
“เต แกจะมาหมกตัวอยู่แต่ที่นี่ไม่ได้ หูตาไอ้เดนิสมันมากมายเป็นสับประรด”
เตชิตมีสีหน้ากังวลแวบหนึ่ง
“ไม่ต้องเป็นห่วงคุณหนูเผือก ฉันดูแลให้เอง”
“ระวังตัวแกเองด้วย ดันทะลึ่งรับยัยเจนจิรามาอยู่ด้วย ไม่รู้แม่นั้นคาบอะไรไปบอกไอ้เดนิสบ้าง”
ศรีตรังนิ่งคิด “พอลเป็นคนฝากเจนจิราไว้ที่นี่”
“แกคิดว่าเป็นแผนเหรอ”
“ก็ไม่รู้ละ ตำรวจก็เป็นปตุชน มีทั้งดีทั้งชั้วอยู่แล้ว” ศรีตรังถอนใจเฮือก “ฉันบอกแกแล้วไงว่า เพชรเอาจจะเคยเป็นคนดี แต่นั้นมันเมื่อ 10 ปี ก่อน เขาเข้ามาโดยสวมชื่อตำรวจที่ตายไปแล้ว คนดีๆ ที่ไหนจะทำกัน”
ศรีตรังกัดปาก แล้วนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“แล้วที่เขาฝากปรายดาวมาล่ะ”
เตชิตถอนใจ สีหน้าขรึมลง
“ฉันคิดว่าเขาจริงใจและจริงจังกับปรายดาว”
เตชิตกับศรีตรังต่างพยายามระงับความเซ็งๆ ที่ท่วมท้นเข้ามา
ระหว่างนั้นที่โรงพยาบาลเจนจิราปลอมตัวเป็นพยาบาลเข็นโต๊ะวางเครื่องมือวัดความดัน และปรอทเดินตรงมาที่ห้องเตชิต เจนจิรามองซ้ายมองขวาแล้วจับลูกบิดประตูจะเปิดเข้าไป
“เฮ้ คุณ คุณพยาบาล” เจนจิราลอบถอนใจเซ็งๆ แล้วหันมา ธงถือถ้วยกาแฟเย็นเดินแกมวิ่งตรงมา
“ไม่ต้องครับ คุณหมอเพิ่งเข้ามาดูเดี๋ยวนี้เอง”
“อ้าว วันนี้เวรดิฉันนะคะ”
“แต่เมื่อกี้คุณหมอมาเองเลยครับ”
เจนจิราเม้มปาก
“โอเค ค่ะ”
เจนจิราเข็นรถเดินกลับไป ธงทรุดตัวลงนั่งดูดกาแฟ
เจนจิราแอบมาโทรศัพท์รายงานเดนนิส
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยหาโอกาสใหม่”
“เจนคิดว่า น่าจะยังไม่รู้สึกตัวค่ะ เท่าที่ดูภายนอก มีตำรวจเฝ้าอยู่คนเดียว”
“พรุ่งนี้ฉันจะส่งไอ้เจ็งไปช่วย”
“ค่ะ เจนรักเสี่ยมากนะค่ะ”
“รักฉันก็ตั้งใจทำงาน”
“ค่ะ”
เจนจิราเดินออกไป
ส่วนที่ไร่สุขศรีตรังขณะนั้นเตชิตกำลังปรึกษากับสมเรื่องคนงานกำลังก่อสร้างรีสอร์ท เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเตชิตหยิบมารับ
“ว่าไง จ่าธง”
“วันนี้มีเหตุการณ์แปลกๆ ครับ คุณหมอธวัชเข้ามาในห้องตามที่จัดกันไว้แล้วอยู่ดีๆ มีพยาบาลอีกคน จะมาวัดความดันกับวัดไข้”
“แล้วไง ได้เข้าไปหรือเปล่า”
“ไม่ครับ ผมมาทันพอดี”
“จะใช่พยาบาลจริงหรือไม่จริงเราไม่รู้แต่จ่าธงต้องระวังมากกว่าเดิม”
“ครับผม”
เตชิตปิดโทรศัพท์ สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด แล้วตัดสินใจโทรศัพท์หาเสนา เสนาคุยโทรศัพท์กับเตชิตด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เฮ้ย นี่แสดงว่ามันเริ่มสงสัยแล้ว นายต้องระวังหน่อย ไอ้ที่ปลอมเป็นเตโชเที่ยว ไปไหนต่อไหนน่ะ เลิกเด็ดขาด”
“อ้าว แล้วบ้านผมล่ะครับ”
“ฉันจะส่งตำรวจไปเฝ้าเอง”
“ขอบคุณมากครับ ผู้กำกับ”
“อย่าให้พลาดเด็ดขาดเชียวนะ ไอ้เต”
“ครับผม”
เตชิตวางโทรศัพท์ลง ถอนใจเฮือกใหญ่
อ่านต่อตอนที่ 18 อวสาน พรุ่งนี้! มาเมื่อไหร่ อัพให้อ่านเมื่อนั้น