แจ้งเพื่อทราบ :
เนื่องจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "ละครออนไลน์" มีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ ทีมงาน “ละครออนไลน์” จึงจะทำการปิดภายในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 22 มีนาคม พศ. 2555) และจะดำเนินการเปิดใหม่ให้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้แฟนๆ ที่ติดตามทราบเป็นระยะ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้
ปางเสน่หา ตอนที่ 16
ศรีตรังพาพอลกับปรายดาวมาพักที่บ้าน ระหว่างนั้นเจนจิราแอบมองอยู่ที่หน้าต่างห้อง พร้อมโทรศัพท์รายงานเดนนิส
“เสี่ยขา...คุณพอลของเสี่ยพาปรายดาวมากับยัยศรีตรังค่ะ เดี๋ยวเจนจะลงไปสืบดูก่อนนะคะว่า แห่กันมาทำไม แล้วเจนจะโทรรายงานเสี่ยใหม่”
เจนจิราแอบโทรศัพท์ไว้ใต้หมอน แล้วสำรวจความงามหน้ากระจกก่อนเดินออกไป
สมยกน้ำออกมาเลี้ยงทุกคน
“ด้วยความเคารพ น้ำเย็นเจี๊ยบเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ ...อาการของผู้กองเตชิตเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็เป็นขนาดหมอห้ามเยี่ยมน่ะค่ะ คนเดี๋ยวนี้ก็เหลือเกินเขาอยู่ของเขาดีๆ มายิงเขา ไอ้พวกนี้ไม่มีวันตายดีร้อก”
พอลเกือบสำลักน้ำ เจนจิราเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแจ่มใส
“สวัสดีค่ะพอล น้องปรายดาว”
ศรีตรังเดินเลี่ยงออกไป พอลมองตาม เจนจิราเดินมานั่งใกล้ปรายดาว
“น้องดาวจำพี่ได้มั้ยคะ”
“ค่ะ พี่เจนจิรา”
เจนจิราหัวเราะ
ศรีตรังเดินมาเรื่อยๆ แล้วทรุดตัวลงนั่ง ทอดสายตาไปข้างหน้าระหว่างนั้นเสียงพอลดังขึ้น
“มานั่งซึมอย่างนี้แสดงว่าผู้กองเตชิตคงอาการหนักมาก”
ศรีตรังลุกขึ้นแล้วหันมามอง
“ฉันไม่ชอบให้คนภายนอกเข้ามายุ่มย่ามแถวนี้”
“อ้าว ผมนึกว่าตัวเองเป็นคนในเสียอีก”
ศรีตรังมองพอลราวจะกินเลือดกินเนื้อครู่หนึ่ง แล้วสะบัดหน้าจะเดินไป พอลรีบคว้าแขนไว้
“เจ้าของบ้านสะบัดบ๊อบใส่แขกแบบนี้เสียมารยาทรู้หรือเปล่า”
“คุณไม่ใช่แขก แต่เป็นผู้บุกรุก...ปล่อยแขนฉัน”
พอลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“เตชิตเป็นไงบ้าง ใกล้ตายหรือยัง”
“ไอ้ปากพล่อย” จบคำพูดพร้อมกับมือที่เป็นอิสระกำกำปั้นต่อยโครมเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกพอล พอลไม่ทันระวังตัวจึงโดนไปเต็มๆ
“โอ๊ย”
“พาคู่หมั้นคุณกลับไปได้แล้ว”
“คุณไล่ผม 2 ครั้งแล้วนะ”
“และจะไล่อีกถ้าคุณยังจะเข้ามาบุกรุกในอาณาเขตของฉัน”
“อกหักแล้วพาล”
พอลพูดพลางหันหลังกลับ ศรีตรังกระชากแขนให้พอลหันกลับมา หน้าตาจะเอาเรื่องเต็มที่
“อะไรนะ”
“ดูปากผมให้ชัดๆ อก..หัก..แล้ว...พาล” พอลพูดเน้นทีละคำ
“นายว่าใครอกหัก”
“คุณ”
ศรีตรังกำปั้นเหวี่ยงใส่อีก คราวนี้พอลระวังตัวจับข้อมือไว้ได้
“คราวนี้ไม่ได้กินแน่”
“ฉันไม่เคยอกหัก”
“แล้วที่ถูกแฟนทิ้งล่ะ”
“อ๋อ! ไอ้บ้านั่นน่ะเรอะ ไปซะได้ก็ดีเพราะถ้าคบกันต่ออีกไม่นานฉันก็ต้องเป็นฝ่ายทิ้งมันเอง”
คราวนี้พอลเป็นฝ่ายโกรธบ้าง ศรีตรังยิ้ม
“อ้าว นั่นโกรธแทนไอ้ผู้ชายคนนั้นเรอะ...ดูซิ หน้าแดงหูแดงยังกับเป็นคนเดียวกันแน่ะ” พอลโดนตลบหลังยังพูดไม่ออก “นึกได้แล้ว อีกอย่างที่เหมือนกันคือชอบทำหน้าขรึมเศร้าหน้าซีดเซียวแบบแวมไพร์ น่าเบื่อ”
“ไหนเคยบอกว่าชอบไง”
พอลหลุดปากออกมาอย่างเหลืออดแล้วชะงักเมื่อนึกได้ ศรีตรังชี้หน้าพอลแล้วหัวเราะเหมือนเป็นฝ่ายมีชัย
“นายเพชรเขาเล่าให้คุณฟังเรอะ แหม... แต่พูดยังกับได้ยินเองแน่ะ จะบอกอะไรให้แล้วก็ฝากไปบอกเขาด้วยว่า สมัยนั้นฉันยังเด็ก ยังโง่ ไม่รู้เท่าทันคน มองโลกสวยงามเต็มไปด้วยความหวัง แต่ 10 ปีผ่านไป ฉันโตขึ้น รู้เท่าคนมากขึ้น เลิกตั้งความหวังกับคนอื่น ฉันจะไม่มีวันเชื่อใครง่ายๆ อีกแล้ว”
ศรีตรังพูดยังไม่ทันจบรีบหันหลังเดินกลับไปด้วยน้ำตารื้นขึ้นมา พอลมองตามพูดไม่ออกเช่นกัน
ทางด้านปรายดาวขณะนั่งอยู่ในห้องรับแขกจู่ๆ เธอก็ถามถึงเกษริน
“ขอถามหน่อยค่ะ ที่นี่มีคนชื่อเกษมั้ยคะ”
คำถามนี้ทำให้ทุกคนถึงกับสะดุ้ง จุรีเดินยกผลไม้ออกมาพอดี
“อุ๊ย!... ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะคะ”
“ฝันถึงเขาเมื่อคืนนี้ค่ะ เขาบอกว่าเขามาลา” ทุกคนเว้นเจนจิราลูบแขนอย่างขนลุก “แว่บแรกดาวว่าดาวไม่รู้จักเขา แต่พอมองนานๆ เข้าก็เหมือนเคยรู้จักคุ้นเคยกัน แปลกนะคะ...”
“แสดงว่าเขาไปสบายจริงๆ”
ตรีทศบอก ศรีตรังเดินเข้ามาพยายามทำสีหน้าให้แจ่มใส
“อ้าว! นายศรีตรังไปไหนมา” พงษ์ศักดิ์ถาม
“เข้าไปดูที่เขาก่อสร้างหน่อยค่ะ”
“แล้วพอลล่ะคะ พอลก็หายไป” เจนจิราถามเมื่อไม่เห็นพอล
“ไม่ทราบค่ะ ฉันไม่เห็น”
“ด้วยความเคารพ มาโน่นแล้วละครับ”
“เอ๊ะ ศรีไม่เห็นจริงๆ หรือจ้ะ”
“ไม่เห็นจ้ะเจน ศรีต้องไปธุระข้างนอกก่อน ฝากดูไร่ด้วยนะคะลุงสม คุณพงษ์ คุณทศ สำหรับคุณดาวเชิญพักผ่อนตามสบายนะคะ”
“เราก็กลับกันเถอะดาว” พอลบอกปรายดาว
“ค่ะ”
ปรายดาวไหว้ลาทุกคนแล้วเดินตามพอลไปขึ้นรถ ศรีตรังขับรถออกไป
เจนจิรากลับเข้าห้องแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเดนนิส
“เขาเพิ่งออกไปกันเดี๋ยวนี้เองค่ะ เสี่ย”
“ขอบใจ”
“เสี่ยขา...ให้เจนไปหาเสี่ยบ้างได้มั้ยคะ เจนคิดถึงเสี่ยจะแย่”
“เอาไว้ก่อน เธอช่วยเป็นหูเป็นตาทางโน้นให้ฉันไปก่อน”
เดนนิสวางโทรศัพท์ลง สีหน้าครุ่นคิด
ศรีตรังขับรถมาที่โรงพยาบาล พอเดินเข้ามาในโรงพยาบาลศรีตรังเดินมาหน้าประตูห้องๆ หนึ่ง ... มองซ้ายมองขวาเคาะประตู แล้วจึงเดินเข้าไป
ภายในห้องเตชิตกำลังนั่งดูทีวีอยู่กับธงโดยเป็นรายการกีฬา ทั้งคู่ดูและวิพากษ์วิจารณ์กันไปด้วย
“เมื่อกี้ตาพอลมา พาคุณหนูเผือกเสียงหวานของแกมาด้วย”
“เฮ้ย แล้วทำไมไม่ให้ขึ้นมา”
“ผู้กองพอลไม่...” ธงชะงัก เมื่อเตชิตมองมาดุๆ
“ไม่อะไร”
“ไม่มีอะไรครับ”
“อีแบบนี้ ฉันรู้ว่าต้องมีอะไร แต่ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่อยากรู้”
“เออน่า! แล้วแกก็รู้เอง” เตชิตบอก
“ไม่...ถ้าไม่รู้วันนี้ ต่อไปฉันก็ไม่อยากรู้แล้ว แล้วนี่แกจะมุดอยู่ในนี้ไปสักกี่เดือนกี่ปี”
“เดี๋ยวเย็นนี้ก็ออกไปแล้ว ไอ้กรณ์มันจะเอาอุปกรณ์ปลอมตัวมาให้”
“ส่วนทางนี้ก็ออกข่าวว่าแกโคม่าต่อไป”
“ใช่”
ศรีตรังนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“ถามอะไรหน่อย”
“เฮ้ย ถามยาวๆ อุตส่าห์ถามทั้งที ถามทำไมหน่อยเดียว”
“พอลรู้เรื่องทั้งหมดนี่หรือเปล่า”
“เปล่าครับ” ธงรีบตอบแทน ศรีตรังมองเตชิต เตชิตยักไหล่แบมือทั้ง 2 ประมาณว่าที่ธงพูด ศรีตรังมองเตชิตอ่างเพ่งพิศแล้วพยักหน้า
ส่วนพอลเมื่อพาปรายดาวมาส่งบ้าน ปรกเดือนรีบกระตือรือร้นถาม
“ผู้กองเตชิตเป็นยังไงบ้าง”
“ดาวขอตัวขึ้นไปพักก่อนนะคะ”
ปรายดาวบอกพอลโดยไม่มองหน้าปรกำเดือน แล้วเดินไปโดยไม่รอคำตอบ
“ดาว” พอลเรียกปรายดาวเสียงเข้มนิดๆ ปรกเดือนแตะแขนพอล
“ไม่ต้องค่ะ อธิบายอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ รังแต่แกจะเกลียดเดือนมากขึ้น...ผู้กองเตชิตเป็นยังไงบ้างคะ”
“ผมก็ไม่ทราบ หมอห้ามเยี่ยม”
“แสดงว่าอาการต้องหนัก”
แจ๋วเดินมายอบตัวลงเรียบร้อย
“เสี่ยให้เชิญคุณพอลไปพบในห้องทำงานค่ะ”
พอลพยักหน้า แล้วลุกขึ้น
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องดาว ผมจะอธิบายให้เขาเข้าใจเอง”
พอลเดินไปหาเดนนิสที่ห้องทำงาน ปรกเดือนเอนตัวพิงพนักแล้วหลับตาลง
เดนนิสนั่งพิงพนักเก้าอี้อยู่ที่โต๊ะทำงาน ขณะมีเสียงเคาะประตูเบาๆ
“เข้ามา”
ประตูเปิดออก พอลเดินเข้ามา
“สวัสดีครับเสี่ย”
“นั่งซิ”
“ขอบคุณครับ”
“ไปถึงไหนกันมา”
“ปากช่องครับ ดาวอยากไปเยี่ยมไอ้เตชิต”
เดนนิสหัวเราะ
“ถ้ายัยดาวรู้ว่าแกคือคนยิงไอ้เตชิตจนบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้จะว่ายังไงนะ” พอลยิ้มนิดๆ “แล้วมันเป็นยังไงบ้าง”
“ประเมินดูจากที่หมอสั่งงดเยี่ยมแล้วท่าทางหนักเอาเรื่องครับ”
“หนังสือพิมพ์เขาลงว่าโคม่า”
“ผมว่าดีกว่าตายนะครับ ทรมานกว่ากันเยอะ”
เดนนิสหัวเราะอย่างพอใจ
“แกนี่ยิ่งนับวันยิ่งโหดว่ะ ตกลงจะแต่งกับดาววันไหน ได้ฤกษ์มาหรือยัง”
“ยังครับ”
“งั้นฉันจะให้ฤกษ์เอง”
“ขอบคุณเสี่ยมากครับ”
“เฮ่ย เรื่องเล็ก เออ!แล้วเจ้าของรีสอร์ทนั่นล่ะ แกชอบไม่ใช่เรอะ”
“ผม ...”
“ถ้าอยากได้ บอกมาคำเดียวฉันจะให้คนไปฉุดมาให้”
“อย่าดีกว่าครับ โบราณว่า เมียสองต้องห้าม”
“งั้นก็เอาเมียสามตามตำราเสียเลยซิ”
พอลยิ้มขณะที่เดนนิสหัวเราะชอบใจ
ที่ห้องรับแขก ปรกเดือนลุกขึ้นจะเดินขึ้นข้างบน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปรกเดือนเอื้อมมือไปรับ
“สวัสดีค่ะ”
“Hi ! เมียหลวง”
ปรกเดือนชะงักเมื่อได้ยินเสียงเจนจิรา
“โทรมาทำไม ตอนนี้เสี่ยอยู่บ้าน”
“อุ๊ยตาย นี่นึกว่าเสี่ยจะฆ่าจะแกงฉันเรอะ ขอบใจที่เป็นห่วง แต่เธอคงไม่รู้ว่าเสี่ยกับฉัน รีเทิร์นมาคืนดีกันแล้ว”
“อะไรนะ”
“ไม่เชื่อลองถามเขาดูก็ได้ กลับมาดีกันเที่ยวนี้ happy ดี๊ด๊ายิ่งกว่าเก่าอีก ...อ้าว ทำไมเงียบไปล่ะ”
ปรกเดือนวางโทรศัพท์ลงเงียบๆ ปรกเดือนพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
ที่โรงพยาบาล เตชิตเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเหมือนคนงานต่างจังหวัดธรรมดา
“เป็นไงบ้างจ่าธง”
“โห จำไม่ได้เลยนะครับผู้กอง ไม่เหลือเค้าผู้กองเตชิตเลย ถ้าไม่ใช่คนที่สนิทกันจริงๆ ไม่มีทางจำได้เลยครับ”
“จ่าธงกลับกรุงเทพได้”
“แล้วผู้กองล่ะครับ”
“ฉันจะไปหาศรีตรัง อ้อ แล้วไม่ต้องรายงานผู้กำกับเสนานะ เพราะฉันยังไม่มั่นใจว่าท่านเป็นฝ่ายไหนกันแน่”
“แต่ท่านช่วยผู้กองไว้นะครับ”
“ช่วยเพื่ออะไรล่ะ อาจจะเพื่อไม่ให้ฉันสงสัยท่านก็ได้ ส่วนผู้กองพอลนั่นก็ยิ่งน่าสงสัย...ทำไมจะต้องไปสวมชื่อคนที่ตายไปแล้วให้มันยุ่งยาก...ยิ่งตอนนี้พยายามทำเป็นช่วยชีวิตฉันมันยิ่งน่าสงสัย ฉันจะออกไปก่อนแล้วเดี๋ยวจ่าธงค่อยตามออกไป”
“ครับ”
เตชิตค่อยๆ แง้มประตู มองซ้ายมองขวาแล้วเดินออกไป
เตชิตเดินออกมาจากโรงพยาบาลแล้วกดโทรศัพท์หาศรีตรัง
“ศรี นี่ฉันเอง แกมารับฉันหน่อย”
“ที่ไหน ... อ๋อ ได้...แกรออยู่ตรงนั้นแหละ”
ศรีตรังขับรถออกจากไร่มารับเตชิตตามจุดนัดหมาย...เตชิตยืนรอศรีตรังอยู่มุมหนึ่ง ศรีตรังขับรถตรงมาแล้วชะเง้อมองหาเตชิต โดยขับรถผ่านเตชิตไปเพราะจำไม่ได้ เตชิตมีสีหน้าพอใจแล้วเดินออกมาโบกมือ ศรีตรังชะงักแล้วขับรถมาจอดเทียบ เตชิตก้าวขึ้นรถ
“เฮ้ย จำไม่ได้จริงๆ ว่ะ”
“รุ่นนี้แล้ว”
ศรีตรังหัวเราะ แล้วขับรถออกไป
ระหว่างอยู่ในรถศรีตรังมองเตชิตเป็นระยะๆ
“ฉันหล่อขึ้นหรือไงฮึ”
“ทุเรศขึ้นต่างหาก” เตชิตหัวเราะ
“ใครจะไปสู้พี่พอลของแกได้”
“เฮ้ย พูดไม่เข้าหูเดี๋ยวแม่ ถี...เอ๊ย! ผลักลงจากรถเลย”
“งั้นที่ฉันจะพูดต่อไปนี้จะยิ่งไม่เข้าหูแกใหญ่”
“งั้นก็อย่าพูด”
“ไม่พูดไม่ได้ ฉันไม่อยากให้แกถูกหลอกซ้ำซาก”
ศรีตรังชำเลืองมองเตชิตแว่บหนึ่ง
ศรีตรังพาเตชิตมานั่งคุยที่ร้านอาหารเงียบๆ ข้างทาง
“ทำไมแกถึงคิดว่าฉันจะถูกหลอกซ้ำซาก”
“เพราะตอนนี้มันก็กำลังหลอกเราอยู่แล้ว แกมั่นใจได้เลยว่าไอ้เพชรคือคนๆ เดียวกับไอ้พอล ... ส่วนพอลตัวจริงนั่นตายไปนานแล้ว”
ศรีตรังเบิกตากว้าง
“ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้นหรือว่าเขาอายเรื่องพ่อของเขา”
“เรายังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงหรอก”
“ฉันจะลองใช้วิธีของฉันดู”
ศรีตรังบอกด้วยสีหน้าแน่วแน่
“แกจะทำยังไง” ศรีตรังก้มลงกินกาแฟ “เฮ้ย มันอันตรายนะ เวลาผ่านมาตั้ง 10 ปี เหตุการณ์ร้ายๆในชีวิตอาจจะทำให้เขาเปลี่ยนไป”
“เต แกไปทำหน้าที่ของแก ส่วนฉันก็จะทำของฉัน โอ.เค้”
“ไม่ โอ.เค เพราะฉันปล่อยให้แกมีอันตรายไม่ได้”
“โอ๊ย พ่อคนดี พ่อนักบุญ พ่อเทวดา พ่อมหาจำเริญ ...แกห้ามฉันไม่ได้หรอก”
เตชิตมองสีหน้าแน่วแน่ของศรีตรังอย่างอ่อนใจ
เมื่อศรีตรังกลับมาบ้านเธอจึงโทรศัพท์หาพอล พอลเดินมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นดู สีหน้าประหลาดใจและดีใจเมื่อเห็นชื่อศรีตรังที่โทรเข้ามา
“เมื่อกลางวันยังด่าไม่สะใจหรือครับ คุณศรีตรัง”
พอลบอกเมื่อกดรับสาย
“เปล่าค่ะ จะโทรมาขอโทษ”
“หือ”
“จริงๆ นะคะ ฉันไม่ควรเอาความรู้สึกส่วนตัวมาพาลใส่คุณ”
พอลดึงโทรศัพท์ออกห่างแล้วพึมพำเบาๆ
“จะมาไม้ไหนอีกล่ะ”
“ทำไมเงียบไปล่ะคะ ฮัลโหลๆๆๆ”
“ครับ...ผมมัวแต่งงอยู่น่ะครับ ผมก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”
“เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ช่างเถอะค่ะ เอาอย่างนี้ฉันจะขอเลี้ยงคุณซักมื้อเป็นการไถ่โทษ”
“ผมคงยังไม่ว่างจะไปปากช่อง”
“ไม่เป็นไร ฉันจะเป็นฝ่าย Move เข้า ก.ท.ม เอง” พอลอึ้งไปนิดหนึ่ง
“เมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้สายๆ คุณจะให้ฉันไปพบที่ไหน”
“คอนโด ผม”
คราวนี้ศรีตรังเป็นฝ่ายอึ้งบ้าง
“ตกลง สวัสดีค่ะ” ศรีตรังวางโทรศัพท์ลง สีหน้ายิ้มแย้ม “แผนขั้นแรกสำเร็จ”
พอลมีสีหน้าครุ่นคิด
“อยู่ดีๆ บอระเพ็ดจะกลายเป็นน้ำตาลไปได้ยังไง”
ค่ำคืนนั้นพอลยืนอยู่ที่หน้าต่าง ทอดสายตามองลงไปเหมือนกำลังทบทวนความทรงจำในอดีตเมื่อครั้งที่เขายังเป็นวันรุ่น พอลจูงมือศรีตรังชี้ชวนดูโน่นดูนี่อย่างมีความสุข ในที่สุดพอลจูงมือศรีตรังเข้าไปในบ้าน
ทันทีที่เข้ามาในบ้านพอลรวบตัวศรีตรังไว้แล้วก้มลงจูบ ศรีตรังขัดขืนตอนแรกแล้วโอนอ่อนผ่อนตามในที่สุด แต่จังหวะนั้นประตูก็ถูกถีบเข้ามาพอลและศรีตรังสะดุ้งหันขวับไปมอง เตชิตเข้ามากระชากพอลให้หันมาแล้วต่อยโครม
“ไอ้สารเลว ไอ้คนเห็นแก่ตัว แกมันไอ้กระจอก คิดจะรวบรัดศรีตรังเรอะ”
พอลป้ายเลือดที่มุมปาก ขณะที่ศรีตรังละล้าละลังพยายามอธิบาย
“เต...”
“ไม่ต้องพูด คนอย่างไอ้เพชรเนี่ยมันดูแลรับผิดชอบแกไม่ได้หรอก อย่าเอาอนาคตมาเสี่ยงกับไอ้คนๆ นี้ เพราะมันไม่มีอนาคต พ่อมันกำลังถูกสอบ...”
อ่านต่อหน้า 2
แจ้งเพื่อทราบ :
เนื่องจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "ละครออนไลน์" มีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ ทีมงาน “ละครออนไลน์” จึงจะทำการปิดภายในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 22 มีนาคม พศ. 2555) และจะดำเนินการเปิดใหม่ให้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้แฟนๆ ที่ติดตามทราบเป็นระยะ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้
ปางเสน่หา ตอนที่ 16 (ต่อ)
นัยน์ตาพอลเป็นประกายทันที
“อย่าเอ่ยถึงพ่อฉันเด็ดขาด แกจะด่าฉันก็ด่าไปแต่อย่าแตะต้องครอบครัวของฉัน”
“ไป ศรี นี่มันความใคร่ ไม่ใช่ความรัก”
พอลสบตาศรีตรังซึ่งหันมามองตาละห้อย
“พี่ขอยืนยันว่าเป็นความรัก”
“อย่าไปเชื่อมัน”
“ศรีเลือกเอาก็แล้วกัน ว่าจะเชื่อพี่หรือว่าเชื่อเพื่อนของศรี”
ศรีตรังน้ำตาคลอ
“ศรีไม่เลือกใครทั้งนั้น ศรี...”
“กลับบ้าน ศรี พ่อแม่แกฝากให้ฉันคอยดูแลแก อย่าทำให้พ่อแม่ของแกผิดหวัง”
ศรีตรังเดินตามเตชิตออกไปโดยไม่วายหันมามองพอลอีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์ พอลมองตามด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
พอลถอนใจยาวกับภาพเหตุการณ์ในอดีต
“ศรีตรัง ถ้าหากเธอจะเลือกไอ้เตและสร้างครอบครัวกัน พี่คงทำใจยอมรับได้แล้วใช้ชีวิตของพี่ต่อไป แต่นี่ ...ทุกอย่างมันวนกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก”
พอลยังคงยืนซึมอยู่อย่างนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นปรายดาวเดินสะพายกระเป๋าลงมาเตรียมจะออกไปข้างนอก เดนนิสซึ่งกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ชำเลืองมองแว่บหนึ่ง
“จะไปไหนจ๊ะ ดาว”
“ออกไปธุระหน่อยค่ะ”
“พี่จะไปเป็นเพื่อน” ปรกเดือนบอก
“ไม่ต้องค่ะ ดาวไปคนเดียวได้ ดาวทำกายภาพจนแข็งแรงดีแล้ว พี่เดือนไม่ต้องเป็นห่วง”
ปรายดาวเดินออกไป โดยปรกเดือนมองตามอย่างเป็นห่วง
“โธ่เอ๊ย น้องเธอโตจนจะแต่งงานมีลูกมีผัวอยู่แล้ว ยังห่วงเป็นเด็กๆ อยู่ได้... ดีไม่ดี เขาอาจจะนัดเจอกับพอลมันข้างนอก” ปรกเดือนลุกเดินออกไปเงียบๆ “นี่! ฉันไม่ชอบพูดคนเดียวนะ”
เดนนิสตะโกนไล่หลัง ปรกเดือนขึ้นข้างบนอย่างไม่สนใจ เดนนิสขยำหนังสือพิมพ์ทิ้งอย่างหงุดหงิด
ขณะนั้นศรีตรังมาหาพอลที่คอนโดตามนัด พอลงจากรถศรีตรังก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพอลยืนกอดอกพิงเสามองมาที่เธอนิ่งๆ ศรีตรังฝืนยิ้ม
“สวัสดีค่ะ”
“ครับ...สวัสดี ว่าแต่คุณแน่ใจนะ”
“แน่ใจอะไรคะ”
“ว่าจะขึ้นคอนโดกับผม”
ศรีตรังเม้มปากด้วยความโกรธและอาย
“กรุณาใช้คำพูดให้ถูกต้องด้วยค่ะ อย่าลืมว่าเรากำลังพยายามจะลบล้างความรู้สึกไม่ดีระหว่างกัน”
“ไม่ใช่เรา แต่เป็นคุณ เพราะผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับคุณ มีแต่คุณที่รู้สึกเป็นศัตรูกับผม”
“ตกลงเราจะทะเลาะกันต่อมั้ย”
“ขอโทษ” พอลขยับตัวผายมือไปที่ลิฟท์ “เชิญครับ”
ศรีตรังเดินนำ พอลเดินตามด้วยสีหน้าแววตายิ้มนิดๆ
ปรายดาวมาหาเตชิตที่บ้าน พอลงจากรถปรายดาวก็ชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน สีหน้าปรายดาวแปลกใจที่เห็นประตูเปิดเหมือนมีคนมาอยู่
“มาหาใคร” ปรายดาวสะดุ้งเฮือกหันไปมองจึงเห็นเตชิตในร่างปลอมตัว “ถามว่ามาหาใคร”
“อ๋อ เปล่าค่ะ”
“เปล่า แล้วมาชะเง้อมองอะไร หรือว่าจะขโมยของ”
ปรายดาวตกใจ
“อุ๊ย เปล่านะคะ คือคุณเตชิต เจ้าของบ้านหลังนี้เขาเป็นเพื่อนฉัน”
ปรายดาวมองสำรวจตรวจตราเตชิตบ้าง
“แล้วคุณล่ะเป็นใคร มาทำอะไรที่บ้านคุณเตชิต”
“ดูหน้าไม่รู้หรอกเรอะ เหมือนกันยังกับแกะผมเป็นพี่ชายของมันชื่อ เตโช”
“คุณเตชิตมีพี่ชายด้วยหรือคะ”
“อ้าว ก็ยืนอยู่นี่ไงล่ะว่าแต่คุณเป็นแฟนมันเรอะ” ปรายดาวตกใจอีกรอบ
“บอกแล้วว่าเป็นเพื่อน”
“จะเข้าไปคุยกันข้างในก่อนมั้ย”
ปรายดาวรีบส่ายหน้าทันที
“ไม่ค่ะ...ฉันผ่านมาดูกำลังจะไปแล้ว”
ปรายดาวเดินกลับมาที่รถ เตชิตเดินตามมา ปากก็พูดไปด้วย
“เตชิตมันเป็นตำรวจ แต่ตอนนี้กลายเป็นผัก”
ปรายดาวหันขวับมามองด้วยสีหน้าแววตาไม่พอใจ
“คุณนี่ไม่มีมารยาทเลย มาอยู่บ้านเขาแล้วยังพูดถึงเจ้าของบ้านอย่างไม่สุภาพ”
“อยากมาอยู่ที่ไหน ผมอยู่ของผมสบายๆ เขาก็ตามมาให้ดูแลมรดก นี่ถ้าไอ้เตชิตมันเกิดตายจริงๆ ผมมีหวังรับเละ”
ปรายดาวเม้มปาก สะบัดหน้าขึ้นรถแล้วขับออกไป เตชิตโบกมือให้หย็อยๆ
ส่วนที่คอนโดพอล พอลรินน้ำเย็นมาวางบนโต๊ะรับแขกในขณะที่ศรีตรังยังยืนอยู่กลางห้อง
“ไม่ชอบนั่งหรือครับ”
ศรีตรังเดินมาทรุดตัวลงนั่ง ในขณะที่พอลนั่งตรงข้าม
“น้ำสะอาดดื่มได้ครับ ไม่มีการใส่ยาอะไรทั้งนั้น”
“ยังไม่กระหายค่ะ”
“ผิดกับผม กระหายบ่อย” ศรีตรังนั่งนิ่งไป “เราจะทำอะไรกันดี”
“ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ”
“แถวนี้ร้านอาหารอร่อยๆ เยอะ เดี๋ยวโทรสั่งมาได้ ไม่ต้องออกไปให้เปลืองน้ำมัน”
“แล้ว ...จะนั่งเฉยๆ อยู่อย่างนี้หรือคะ”
“ผมถึงได้ขอความเห็นคุณไงว่าเราจะทำอะไรกันดี”
“ขอโทษนะคะ ถ้าเราจะเป็นเพื่อนกันก็ไม่ควรพูดจาลามกสองแง่สองง่าม”
“เดี๋ยว...เดี๋ยว...เดี๋ยว เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ผมหมายถึงเราจะเล่นเกมหรือดูดีวีดี...เอาอย่างนี้ลงไปกินกาแฟกัน”
“ดีค่ะ”
ศรีตรังลุกขึ้นพอลเดินนำไปที่ประตูแล้วเบี่ยงตัวให้ศรีตรังนำออกไป
“เอาลาเต้ 2 ที่ค่ะ”
ศรีตรังสั่งพนักงานเสิร์ฟ เมื่อเข้ามานั่งในร้านกาแฟ
“ทำไมคุณสั่งลาเต้ให้ผม”
“เพราะพี่เพชรชอบค่ะ”
“เอาอีกแล้ว พี่เพชรอีกแล้ว ตั้งแต่พบกันครั้งแรกจนวันนี้คุณยังคิดว่าผมเป็นพี่เพชรอีกหรือ”
ศรีตรังมองพอลแน่วแน่ แล้วตัดสินใจ
“พี่เพชร ศรีรู้ว่าคุณคือพี่เพชร ทำไมพี่ถึงไม่ยอมรับ ศรีทำอะไรให้พี่โกรธนักหนาหรือคะ ศรีอยากให้เราเปิดใจพูดกันดีๆ” พอลมองออกไปนอกร้านพยายามสร้างกำแพงขวางไว้ไม่ให้ใจอ่อน “วันนั้นเราจากกันด้วยความเข้าใจผิด พี่เพชรจะให้โอกาสศรีสักครั้งไม่ได้หรือคะ”
พอลหยิบถ้วยกาแฟขึ้นจิบนิดหนึ่งแล้ววางลง
“ผมไม่ชอบลาเต้ คราวหน้าถ้าจะสั่งให้ผมกรุณาสั่งคาปูชิโน่”
“พี่เพชร”
พอลมองสบตาศรีตรังตรงๆ
“เอาเป็นว่าถ้าผมรู้ว่าพี่เพชรของคุณอยู่ที่ไหนผมจะบอกเขาให้รู้ก็แล้วกัน”
“ทำไมต้องโกหกด้วย ไม่มีใครในโลกหรอกที่เหมือนกันขนาดนี้ เหมือนกระทั่งน้ำเสียงไม่เหมือนอย่างเดียวคือพี่เพชรเป็นคนจริงใจ”
“ทำไมคุณถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้ ผมบอกไม่รู้กี่หนแล้วว่าผมชื่อพอล ไม่ใช่เพชร คุณก็ยังใช้ความพยายามสารพัดวิธีที่จะยัดเยียดให้ผมเป็นนายเพชรนายกรวดนั่นให้ได้...ทำไมไม่ลองไปตื้อคนอื่นดูล่ะเขาเห็นหน้าสวยๆ ของคุณ เขาอาจจะหยวนๆ ยอมรับก็ได้” พอลมองทั่วตัวศรีตรัง “ผมคิดว่า น่าจะมีผู้ชายอีกมากมายที่อยากจะเป็นพี่เพชรของคุณใจจะขาด”
“เลวที่สุด”
“ฮึ สาวสวยตามหาคนรักเก่า เป็นมุกที่น่าสนใจไม่เลว แต่บังเอิญผมไม่สนน่ะ เพราะผมไม่ใช่ผู้ชายหน้าโง่”
ศรีตรังยกถ้วยกาแฟสาดใส่หน้าพอล พอลและทุกคนในร้านสะดุ้งเฮือก
“พอกันที อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีกเด็ดขาด”
ศรีตรังเดินออกไป พอลหยิบทิชชูเช็ดกาแฟที่หน้าอย่างใจเย็น
ศรีตรังเดินน้ำตาไหลพรากกลับมาที่รถ
“ไอ้พี่เพชรบ้าๆ ไอ้พอลด้วย บ้าที่สุด ฉันเกลียดหมดเลย เกลียด เกลียด เกลียด”
ศรีตรังขึ้นรถแล้วร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบทิชชูมาเช็ดน้ำตา ศรีตรังเชิดหน้าอย่างทรนงแล้วขับรถออกไป
ส่วนพอลเมื่อกลับถึงคอนโด พอลทิ้งตัวลงนั่งแล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ศรีตรังยกกาแฟสาดใส่หน้า
“พอกันที อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีกเด็ดขาด”
“ศรีตรัง เธอสะอาดและบริสุทธิ์เกินไป จนพี่ไม่อาจดึงเธอให้ตกต่ำลงมาตามพี่ได้ เธอไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
พอลพึมพำออกมาแล้วทอดถอนใจยาว
ส่วนศรีตรัง เธอขับรถไปเรื่อยๆ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“พอกันที ฉันจะหน้าด้านหน้าทนครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
ศรีตรังบอกตัวเองด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว
พอลยังคงนั่งอยู่ในอิริยาบถเดิมจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอลหยิบขึ้นดูก่อนจะกดรับ
“ว่าไงจ๊ะ ดาว อ๋อ...ได้ซิ อีกประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมง พี่จะไปถึง”
พอลเก็บโทรศัพท์สูดลมหายใจยาว แล้วหยิบกุญแจรถเดินออกไป
ปรายดาวนั่งจิบน้ำผลไม้รอพอลอยู่ที่ร้านอาหาร จนกระทั่งพอลเดินตรงเข้ามาหา
“ขอบคุณค่ะ ที่มา”
“ทำไมพูดย่างนั้นล่ะ ดาวต้องการพบ ...พี่ก็ต้องมาหาอยู่แล้ว” บริกรเดินเข้ามารับคำสั่ง “เอาเหมือนคุณผู้หญิงก็แล้วกัน” บริกรเดินออกไป พอลจึงหันมาทางปรายดาว “ไหน...จะให้พี่ทำอะไร”
“ความจริง ดาวก็ไม่อยากรบกวนพี่พอล แต่พอดีเรื่องมันแปลกๆ วันนี้ดาวไปบ้านพี่เตชิตมา”
พอลเลิกคิ้วมองปรายดาวอย่างแปลกใจ
“อย่าถามเลยนะคะว่าดาวไปทำไม พอดาวไปถึงก็เจอพี่ชายผู้กองเตชิตค่ะ” พอลชะงัก
“ไอ้เตมันมีพี่ชายด้วยเรอะ”
ปรายดาวมองพอลอย่างแปลกใจ
“พี่พอลพูดเหมือนรู้จักสนิทสนมกับเค้า”
“ก็...นิดนึง เอาเถอะ เรื่องนี้พี่จะลองไปดูให้”
“ขอบคุณค่ะ เอ้อ... พี่พอลทราบไหมคะว่า ตอนนี้ผู้กองเป็นยังไง”
“พี่ไม่ได้ติดตาม แต่ถ้าดาวอยากรู้พี่ก็จะดูให้”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ”
พอลมองปรายดาวอย่างเพ่งพิศ
ส่วนศรีตรังเมื่อกลับถึงบ้าน ศรีตรังนั่งกอดเข่าซึมอยู่ในห้องจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ศรีตรังปล่อยให้เสียงดังครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบดู
“จะโทรมาทำไมอีก” ศรีตรังลังเลครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจปิดโทรศัพท์ “บอกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”
พอลค่อยๆ วางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าเศร้าๆ
ที่บ้านปรกเดือน...ปรกกำลังนั่งแปรงผมอยู่ในห้องขณะที่เดนนิสเดินเข้ามา
“ฉันจะไปต่างจังหวัดสัก 5 วันนะ”
“จังหวัดไหนคะ”
“ทำไมจะต้องให้รายงานทุกอย่างด้วย เธอเป็นแค่เมีย ไม่ใช่แม่”
“ขอโทษค่ะ”
“พรุ่งนี้เช้าจัดกระเป๋าเดินทางให้ด้วย”
“ค่ะ”
ปรกเดือนเดินขึ้นเตียงนอน ขณะที่เดนนิสเดินเข้าห้องน้ำ
ทางด้านศรีตรังขณะที่เธอกำลังเตรียมตัวจะเข้านอน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นศรีตรังลุกเดินมาเปิดประตูจึงพบเจนจิรายืนส่งยิ้มหวานให้
“จะนอนแล้วหรือจ๊ะศรี” ศรีตรังพยักหน้า “พรุ่งนี้เจนไม่อยู่นะจ้ะจะขอลาไปเปิดหูเปิดตา”
“เจน”
“เจนรู้ว่าศรีจะพูดอะไร แต่รับรองว่าศรีไม่เป็นอะไรแน่ๆ แถมยังจะมีความสุขมากๆ เสียด้วย”
“ตามใจ”
“ขอบใจมากจ้ะ ศรีเนี่ยใจดี๊ ใจดี แล้วจะซื้อขนมมาฝาก”
เจนจิราเดินออกไปจากห้อง ศรีตรังมองตามอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด
เช้าวันรุ่งขึ้นศรีตรังเดินออกมาสูดอากาศด้วยท่าทางสบายใจขึ้น
“ลุงสมคะ”
สมซึ่งกำลังขี่จักรยานจะเลี้ยวไป หันมามองแล้วขี่วกกลับมา
“ด้วยความเคารพ มีอะไรจะให้ผมทำให้หรือครับ”
“ศรีอยากรู้ว่าหายไปไหนกันหมดหรือคะ บ้านเงียบเชียว”
“อ๋อ ป้าจุกับลุงพงษ์ไปเยี่ยมลูกๆ ครับ ด้วยความเคารพ ส่วนคุณทศคุมคนงานในไร่ ส่วน...”
“พอแล้วค่ะ”
“ยังมีอีกคนนึงครับ...คุณเจนจิรา”
“เออ เขาหายไปไหนแต่เช้า”
“เห็นมีรถมารับไปน่ะครับ”
สีหน้าศรีตรังใคร่ครวญครุ่นคิด
“แล้วเห็นหรือเปล่าคะว่าใครมารับ”
“ด้วยความเคารพ ไม่เห็นครับ แต่ดูคุณเจนเบิกบานมาก”
ศรีตรังพยักหน้าช้าๆ
เจนจิรามาเจอกับเดนนิส ทั้งคู่มีความสุขด้วยกัน แล้วเจนจิราก็ถ่ายวีดีโอเก็บไว้
หลายวันต่อมา ขณะที่ปรกเดือนเดินออกมาจากห้องน้ำสัญญาณมือถือของเดนิสดังขึ้น ปรกเดือนเดินมาหยิบจะเอาลงไปให้เดนนิสแต่แล้วก็ชะงักก้มมองโทรศัพท์อย่างลังเล และด้วยความอยากรู้ปรกเดือนจึงเดินกลับมานั่งบนเตียงเปิดวีดีโอดูภาพที่ส่งมา ปรกเดือนเบิกตากว้างด้วยความตกใจและไม่คาดคิดเมื่อเห็นภาพเดนิสและเจนจิราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ปรกเดือนโยนโทรศัพท์ไปบนเตียงแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
ขณะนั้นเดนิสอยู่ในห้องทำงานและกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เฮ้ย ช่วงนี้ต้องเพลาๆ หน่อย อย่าห้าวนัก...พวกตำรวจกำลังกวาดล้างหนักด้วย จะส่งอะไรต่ออะไรกันก็อย่าทะลึ่งให้พาดพิงมาถึงอั๊วนะเว้ย อย่าให้อั๊วเดือดร้อน”
ประตูเปิดออกอย่างแรงด้วยอารมณ์โกรธปนหึงของปรกเดือน
“เสี่ย”
“ไปก่อน ฉันกำลังพูดธุระสำคัญ”
“เรื่องของเดือนก็สำคัญเหมือนกัน นี่ค่ะ”
ปรกเดือนวางโทรศัพท์มือถือลงตรงหน้าเดนนิส เดนนิสมองแล้วพูดโทรศัพท์
“แค่นี้ก่อน เดี๋ยวอั๊วโทรกลับไปใหม่” เดนนิสวางโทรศัพท์ลงแล้วมองปรกเดือนด้วยสายตาเย็นชา
“มีอะไรก็ว่าไป”
“เสี่ยนั่นแหละมีอะไรจะพูดเรื่องวีดีโอนั่น”
เดนนิสผลักมือถืออย่างไม่สนใจ
“ก็แค่ผู้หญิงคนนึง”
“ไม่ใช่ค่ะ นั่นมันเจนจิราที่เสี่ยบอกว่าเลิกกับเขาไปแล้ว แถมยังตามล่าเอาชีวิต จนเขาต้องหนีหัวซุก
หัวซุน”
เดนนิสลุกยืนตบโต๊ะ
“โว้ย แล้วไง ฉันตามฆ่ามัน เธอก็ว่าบาปกรรม ไอ้ครั้นพอฉันให้อภัย เธอก็ยังมาโวยวายอีก ตกลงจะเอายังไงกันแน่”
“มันไม่ใช่แค่ให้อภัย นั่นเสี่ยกำลังนอนกับมัน”
“โธ่เอ๊ย ก็อีแค่นอน”
“เสี่ยพูดเอาแต่ได้ ขนาดเดือนสนิทกับพอลแค่เพื่อนธรรมดา เสี่ยยังโกรธแทบจะฆ่ากันตาย แค่นี้...เสี่ยกับนังเจนจิรานั่น...” ปรกเดือนยิ่งพูดน้ำตายิ่งไหลออกมา
“ฉันเป็นผู้ชาย ไม่มีอะไรเสียหาย”
ปรกเดือนส่ายหน้าร้องไห้โฮออกไป เดนนิสถอนใจเฮือกแล้วกดโทรศัพท์หาเจนจิรา
“สวัสดีค่ะ เสี่ยขา”
“เธอส่งวีดีโอ มาทำไม”
“เสี่ยเห็นแล้วหรือคะ ชอบมั้ยคะ”
“เมียฉันก็เห็น เห็นก่อนฉันเสียอีกแล้วเธอคิดว่าเขาจะชอบมั้ยล่ะ”
“อุ๊ยตายจริง เจนต้องกราบงามๆ ขอโทษด้วยค่ะ เจนไม่ได้ตั้งใจซักนิด...ฝากกราบเท้าขอโทษคุณปรกเดือนด้วยนะคะ”
“ทีหน้าทีหลังห้ามสะเพร่าแบบนี้อีก ไม่งั้นเจอตบ”
“ค่ะ ต่อไปเจนจะระวังตัว เสี่ยอย่าโกรธเจนนะคะ”
เดนนิสปิดโทรศัพท์ แล้วลุกเดินออกไป ขณะที่เจนจิรายิ้มออกมาอย่างสะใจ
“เยส!”
ปรกเดือนกลับเข้าห้องหยิบเสื้อผ้าเพื่อพับใส่กระเป๋า เดนนิสตามเข้ามาพอเห็นถึงกับชะงัก
“นั่นจะไปไหน”
“ไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้ค่ะ เดือนทนอยู่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
ปรกเดือนพูดไปเก็บเสื้อผ้าไป เดนนิสเข้ามาดึงมือปรกเดือนไว้
“เธอจะไปไหนไม่ได้”
“ทำไมคะ เสี่ยจะฆ่าเดือนหรือ”
“เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้ ฉันรักเธอ เธอก็รู้ แล้วยังจะลูกอีกล่ะ ลูกเธอจะต้องมีพ่อ”
“ไม่จำเป็น ถ้าจะมีพ่อที่ไม่ต้องการเขา ก็อย่ามีเสียดีกว่า ... เสี่ยเองก็ไม่ต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจจะพาเจนจิราหรือใครมาอยู่ที่นี่...”
“ไม่มีทาง เธอเป็นเมียคนเดียวของฉัน ผู้หญิงอื่นล้วนแต่นางบำเรอทั้งนั้น” เดนนิสกุมมือทั้งสองของปรกเดือนไว้ “อย่าทิ้งฉันไปนะเดือน เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มีค่า”
“ถ้ามีค่าของเสี่ยหมายถึงทะเบียนสมรสที่สลับซับซ้อนของเรา...”
“ฉันไม่ได้หมายถึงอะไรทั้งนั้น แต่หมายถึงเธอ... ฉันสัญญาว่าจะไม่ยอมให้เจนจิราเข้ามาวุ่นวายกับเธออีก”
ปรกเดือนมองเดนนิสด้วยสายตาแน่วแน่
“ถ้าเดือนขอร้องให้เสี่ยเลิกกับเขาล่ะคะ” เดนนิสนิ่ง ปรกเดือนดึงมือออกแล้วจัดเสื้อต่อ “ไม่เป็นไร
ค่ะ ถ้าเสี่ยทำไม่ได้เดือนก็เป็นฝ่ายไปเอง”
“ที่ทำไม่ได้ไม่ใช่เพราะฉันรักเขา แต่เพราะฉันยังต้องใช้งานเขาอยู่ และเป็นงานที่สำคัญด้วย”
“หมายถึงงานผิดกฏหมาย”
เดนนิสหัวเราะ
“ตั้งแต่อยู่กันมาเธอเห็นฉันทำอะไรที่ถูกกฏหมายบ้างล่ะ”
“เดือนอยากให้เสี่ยเลิก” ปรกเดือนบอกเสียงอ่อนลง “เงินทองที่เสี่ยหามาได้ก็มากมาย เดือนอยากให้เราเป็นครอบครัวธรรมดาๆ ไม่ต้องรวยล้นฟ้าก็ได้แต่มีความสุขสงบ”
“ฉันเคยบอกเธอไปแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ คนเคยขี่หลังเสือจะให้ลงมาคงยาก” เดนนิสกอดปรกเดือนไว้อย่างอ่อนโยน “ตกลงไม่ไปแล้วนะ”
ปรกเดือนถอนหายใจยาว
อ่านต่อหน้า 3
แจ้งเพื่อทราบ :
เนื่องจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "ละครออนไลน์" มีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ ทีมงาน “ละครออนไลน์” จึงจะทำการปิดภายในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 22 มีนาคม พศ. 2555) และจะดำเนินการเปิดใหม่ให้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้แฟนๆ ที่ติดตามทราบเป็นระยะ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้
ปางเสน่หา ตอนที่ 16 (ต่อ)
เจนจิรากำลังอ่านหนังสืออย่างสบายใจอยู่ในห้อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ศรีตรังเดินผ่านหน้าห้องพอดีถึงกับชะงัก
“ฮัลโหล เสี่ยขา”
ศรีตรังค่อยๆ เดินไปใกล้ แนบหูฟัง ส่วนภายในห้องเจนจิรายิ้มหวานกับสิ่งของรอบตัว
“เสี่ยมีอะไรจะใช้เจนหรือคะ”
“สืบอาการของไอ้เตชิตให้หน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง ใกล้ฟื้นหรือว่าใกล้ตาย”
“ได้เลยค่ะ เจนจะรีบรายงานเสี่ยโดยเร็วที่สุด”
“เมื่อวาน ฉันโอนเงินไปให้เธอแสนนึง คืนพรุ่งนี้จะมีคนปลอมตัวเป็นคนงานไปพบเธอ มันมีของให้เธอด้วย แล้วมะรืนนี้จะมีคนงานอีกคนไปรับของ”
“เอ้อ...ของ...ของอะไรคะ” เจนจิรากระซิบถาม
“ไม่ต้องถาม ทำตามที่ฉันสั่งพอ”
“ค่ะ...สวัสดีค่ะ” เจนจิราวางโทรศัพท์ลง สีหน้าเปลี่ยนเป็นกังวล “ของ...โธ่เอ๊ย เจนจิราจะทำยังไงดีเนี่ย”
ศรีตรังค่อยๆ เดินกลับเข้าห้อง พอเข้ามาในห้องศรีตรังโทรศัพท์หาเตชิตทันที
“ว่าไง ศรี”
“ฉันสงสัยว่ายัยเจนยังติดต่อกับเสี่ยอยู่ว่ะ เมื่อกี้ฉันแอบฟังได้ยินเสียงโทรศัพท์”
“อ้าว ไหนแกว่ายืดไว้แล้วไง”
“คงแอบให้ใครไปซื้อมาอีก อ้อ...บิลค่าโทรศัพท์บ้านฉันมีเบอร์แปลกๆ ด้วย สงสัยจะเป็นยัยนี่นั่นแหละแอบโทรออกไป แกช่วยสืบดูให้หน่อยว่าเบอร์ใคร”
“ได้ เบอร์อะไรล่ะ” เตชิตกดเม็มเบอร์ตามที่ศรีตรังบอก “ เอาละ...เรียบร้อย”
“แล้วทางแกเป็นไงบ้าง”
“เมื่อ 2-3 วันก่อน คุณหนูเผือกเสียงหวานมา”
“หา”
“ไม่ต้องหา ฉันเจอตัวพอดี” เสียงกริ่งข้างนอกดังขึ้น “เฮ้ย มีคนมา แค่นี้ก่อนนะ...อย่าลืมสอดแนมสายลับเจนจิราด้วย”
เตชิตปิดโทรศัพท์วางลงแล้วเดินออกไป
เตชิตเดินออกมาดูหน้าบ้านแล้วต้องประหลาดใจเมื่อเห็นปรายดาวยืนอยู่ เตชิตรีบเดินไปเปิดประตูให้
“เชิญข้างในครับ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ คุยกันข้างนอกนี่ก็ได้”
“นี่คุณ ถ้าไม่ไว้ใจผมก็กลับไปได้ ไม่ต้องมาพูดกัน เห็นหน้าโหดๆ แบบนี้ ที่จริงผมธัมมะ ธัมโมนะ จะบอกให้ เคยบวชเรียนมาตั้ง 5 พรรษา”
“คือ...ขอโทษค่ะ”
“ โหสิ ยกโทษให้”
พูดจบเตชิตหันหลังกลับจะเดินเข้าบ้าน
“เดี๋ยวค่ะ” ปรายดาวรีบเรียก เตชิตยิ้มนิดๆ แล้วหันกลับมา ทำหน้าขรึม “ฉันยังไม่ได้พูดธุระเลย”
“อ้าว ก็นึกว่าขอโทษเสร็จ ก็จบกัน”
“ฉัน...ฉัน อยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณ”
“ผมเนี่ยนะ”
ปรายดาวมองเตชิตด้วยแววตาที่ใสซื่อ
เตชิตพาปรายดาวเข้ามาคุยในบ้าน
“เชิญนั่ง”
“ขอบคุณค่ะ”
ปรายดาวนั่งแบบระมัดระวัง แล้วมองหาทางหนี หากเกิดอะไรขึ้น
“คุณคงไม่กินน้ำบ้านผม เพราะกลัวถูกวางยา” ปรายดาวยิ้มแห้ง อับจนคำตอบ “ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน ว่าแต่คุณมีธุระอะไร”
“คุณเตชิตเป็นยังไงบ้างคะ”
“เก๊าะ ... สบายดีอย่างที่เห็น” เตชิตบอกอย่างลืมตัว ปรายดาวมองอย่างแปลกใจ เตชิตขยับตัว กระแอมเล็กๆ “ผมหมายถึงว่า สบายดีแบบโคม่า”
“คุณใจร้าย”
“อ้าว”
“คุณเอาคนเจ็บมาล้อเลียน คุณคิดว่าสบายนักหรือที่ต้องนอนนิ่งๆ ให้คนเขามามองด้วยความสมเพชเวทนา...ทำอะไรก็ไม่ได้ กินก็ไม่เหมือนคนอื่นถ่ายก็ไม่เหมือนคนอื่น สภาพมันช่างน่าทุเรศสิ้นดี”
ปรายดาวพูดด้วยความอัดอั้นตันใจน้ำตาไหลพรากๆ “ต้องนอนเป็นผัก ...”
เตชิตเข้ามาโอบกอดปรายดาวอย่างปลอบโยน
“ผมขอโทษ ...ผมไม่ได้ตั้งใจ...ผมขอโทษ”
ปรายดาวสะอึกสะอื้นขืนตัวในตอนแรก แล้วปล่อยตัวซบหน้าร้องไห้ด้วยความอ่อนโยนของเตชิต
“คุณไม่รู้หรอกว่ามันขมขื่นแค่ไหน “
“ผมรู้...ผมรู้”
ปรายดาวนิ่วหน้าแล้วผลักเตชิตออกห่าง
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ก็...จากความรู้สึก”
ปรายดาวนิ่ง เตชิตส่งทิชชูให้มองดูปรายดาวเช็ดน้ำตาจนแห้ง
“คุณเป็นญาติสนิทของคุณเตชิตใช่ไหมคะ”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีปัญหา”
“ปัญหาอะไร” เตชิตชะงัก
“ก็พาฉันไปเยี่ยมคุณเตชิต” เตชิตสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย”
“ทำไมหรือคะ” ปรายดาวทำหน้างง
“คือ...”
ปรายดาวยกมือไหว้เตชิตด้วยสีหน้าวิงวอนน่ารักน่าสงสาร
“ได้โปรดเถอะค่ะ...คุณเตชิตมีบุญคุณกับฉันมากเหลือเกิน ฉันพูดไปคุณก็คงไม่เข้าใจ กรุณาด้วย
เถอะนะคะ ฉันรู้ว่าคุณทำได้”
เตชิตถอนใจเฮือกแล้วยกมือลูบหน้าไม่รู้จะทำอย่างไร
หลังจากปรายดาวกลับไปแล้วเตชิตจึงนัดเจอกับธากรณ์และธง เพื่อปรึกษาเรื่องนี้
“เอาละซิวะ จะทำยังไงดี”
“มันก็มีวิธีเดียว คือฉันต้องลอกคราบเตโชออกให้หมด แล้วกลายเป็นเตชิตไปนอนเป็นเจ้าชายนิทราตามเดิม”
“ใช่เลยครับผู้กอง ผมกำลังจะพูดอยู่พอดี”
“แล้วทำไมไม่พูด”
“ก็ผู้กองยศใหญ่กว่าก็ต้องหลีกทางให้พูดก่อนน่ะซิครับ”
“ทีนี้ก็เหลือแค่เรื่องที่แกจะแบ่งปัน 2 ภาคได้ยังไง ไอ้ครั้นพอเป็นเตโชพาคุณปรายดาวมาถึงแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงกลายเป็นเตชิต ...พอเยี่ยมเสร็จกลับกลายเป็นเตโชอีก มันก็เป็นการ์ตูนเกินไป” ธากรณ์บอก
“นอกจากจะให้แกเป็นคนพาคุณดาวมาเยี่ยม”
“เฮ้ย เฮ้ย ฉันหล่อกว่าแกแยะ ปลอมยังไงก็ไม่เหมือนทั้งเตโชเตชิต”
“ใครบอกว่าให้แกปลอมล่ะ แกก็เป็นธากรณ์ยังงี้แหละ”
“โอ.เค. เข้าใจแล้ว”
“ต้องใช้ยานอนหลับสักหน่อยมั้ยครับ”
“ใช้ทำไม”
“ก็เมื่อผู้กองหนังตาเต้นยิบๆ ไงครับ”
“ไม่ต้อง เอาละ ใช้แผนนี้ก็แล้วกัน”
เตชิตมีสีหน้าโล่งใจสุดๆ เมื่อหาทางออกได้
เมื่อกลับมาบ้านเตชิตจึงโทรบอกปรายดาวเรื่องที่จะให้ธากรณ์เป็นคนพาเธอไปเยี่ยมเตชิต
“ให้คนอื่นพาไปหรือคะ”
“ครับ...เพราะพรุ่งนี้ผมมีธุระพอดี”
“งั้นเอาไว้ให้คุณเตโชทำธุระเสร็จก่อนก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้ครับ” เตชิตสวนขึ้นทันทีจนปรายดาวอึ้งมองโทรศัพท์งงๆ “คืองี้ครับ...ผมน่ะเป็นคนไม่ค่อยว่างกับเขาหรอก ... ถ้ามัวรอก็ไม่รู้ว่าจะพาคุณดาวไปได้วันไหน เพื่อนผมคนนี้มันเป็นเพื่อนกับเตชิตด้วย ชื่อธากรณ์”
ปรายดาวมีสีหน้าดีขึ้น
“อ๋อ...คุณธากรณ์ รู้จักค่ะแต่ไม่สนิท”
“ดีแล้วครับ พรุ่งนี้ผมจะให้มันไปรับคุณที่บ้าน”
“ค่ะ ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไรครับ ยินดีช่วยเหลือ...ครับ... ครับ...สวัสดีครับ” เตชิตปิดโทรศัพท์ แล้วถอนใจเฮือก “โล่งไปอีกเปลาะนึง”
วันรุ่งขึ้นขณะที่เดนนิสกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ ปรายดาวแต่งตัวจะออกไปข้างนอกเดินเข้ามาและจะผ่านออกไป
“จะไปไหนแต่เช้า”
“ไปเยี่ยมคุณเตชิตค่ะ” เดนนิสชะงัก
“ไปกับใคร”
“คุณธากรณ์เพื่อนคุณเตชิตค่ะ”
เดนนิสพยักหน้านิดๆ ปรายดาวยิ้มแล้วเดินออกไป
ธากรณ์พาปรายดาวมาเยี่ยมเตชิตที่โรงพยาบาล เมื่อมาถึงหน้าห้องธากรณ์จึงหันมากระซิบเบาๆ
“ทางตำรวจเขาส่งคนมาเฝ้าครับ...อยู่ข้างใน”
“ค่ะ”
ปรายดาวรับคำเบาๆ ธากรณ์เคาะประตูแล้วเปิดให้ปรายดาวเข้าไป
พอเข้ามาในห้องปรายดาวเดินตรงไปที่เตียงเตชิตช้าๆ ธงซึ่งนั่งเฝ้าอยู่ลุกขึ้นทำความเคารพด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปรายดาวเดินมาหยุดหน้าเตียง
“มีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม จ่าธง”
ธากรณ์ถามธงเสียงขรึม
“ไม่มีครับ ทุกอย่างเหมือนเดิม”
ปรายดาวทอดสายตามองเตชิตอย่างเห็นอกเห็นใจ
“ใครจะไปนึกว่าวันนึง คุณจะมีสภาพแบบที่ฉันเคยเป็น ... แล้วฉันก็มาเยี่ยมคุณแบบที่คุณเคยไปเยี่ยมฉัน”
เตชิตนอนเหมือนคนหลับสนิท ปรายดาวมองมาสะดุดที่นาฬิกาข้อมือซึ่งเตชิตยังสวมอยู่ ธากรณ์และธงมองตามสายตาปรายดาวแล้วสบตากันอย่างกังวล
“เอ๊ะ คุณเตชิตใส่นาฬิกา”
“คือ...เขาติดนาฬิกาครับ พวกเราเลยไม่ถอดออกเพราะเขาอาจจะไม่พอใจ” ธากรณ์บอก
“ครับ ท่านติดมากจนผมไม่กล้าแตะต้อง”
“แล้วทางโรงพยาบาลไม่ว่าอะไรหรือคะ ปกติเขาจะไม่ให้ใส่พวกของมีค่า”
“อ๋อ ครับ คือตอนเข้ามาเขาให้ถอด แต่พอหมออกไป เราก็แอบใส่ให้ใหม่อย่างที่เห็นนี่แหละครับ”
“พอหมอจะเข้ามา เราก็ถอดออกสลับกันไปมาครับ”
“ถ้าจะเอาออกเสียเลยไม่ดีกว่าหรือคะ”
“นั่นซิครับ จ่าธงเอานาฬิกาผู้กองออกแล้วไม่ต้องใส่ให้อีกนะ ครับ”
เตชิตเริ่มทำจมูกฟุดฟิดเหมือนจะจาม ธงไม่เข้าใจทำปากและทำหน้าถาม ปรายดาวมองหน้าธากรณ์กับธงอย่างประหลาดใจ
“อะไรหรือคะ”
“อ๊อ...อ...เปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรครับ”
เตชิตพยายามกลั้นเต็มที่ ธากรณ์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบชวนปรายดาวกลับ
“กลับกันดีมั้ยครับ ผู้กองแกจะได้พักผ่อน” ปรายดาวมีสีหน้าแปลกใจ ธากรณ์นึกได้จึงรีบพูดกลบเกลื่อน “นั่นซิครับ ผมก็ลืมไปว่าผู้กองแกพักผ่อนอยู่แล้ว”
“กลับก็กลับค่ะ บางทีผู้กองเตชิตอาจจะอยากพักผ่อนจริงๆ” ปรายดาวแตะแขนเตชิตแผ่วเบา ขณะที่ธากรณ์กับธงพยายามลุ้นกันเต็มที่ ไม่ให้เตชิตจามออกมา “ผู้กอง...ขอให้หายเร็วๆ นะคะ คุณทำความดีมามาก ความดีจะต้องตอบสนอง”
ปรายดาวถอนใจยาวแล้วเดินไปที่ประตู ตามด้วยธากรณ์ เตชิตจามออกมาเต็มที่ ปรายดาวและธากรณ์หันกลับไปมอง โดยเฉพาะธากรณ์เสียวเต็มที ธงยืนบังหน้าเตชิตไว้เตชิตจามอีกธงจึงแกล้งทำเป็นจาม
“ขอโทษครับ”
“จะจามต้องหาอะไรปิดปาก ระวังผู้กองจะติดเชื้อ” ธากรณ์ต่อว่าธง
“ครับ ขอโทษครับ”
ธากรณ์และปรายดาวเดินออกไป เตชิตลุกขึ้นทันที
“ค่อยยังชั่ว”
ปรายดาวและธากรณ์เดินเข้ามาในบริเวณที่จอดรถ โดยคุยกันพลาง ปรายดาวชะงักธากรณ์หันไปมองตามจึงเห็นศรีตรังเดินโทรศัพท์ออกมาสีหน้าเหมือนจะขำๆ นัยน์ตาธากรณ์เป็นประกายด้วยความดีใจ
“น้องศรีตรัง”
“เธอคงมาเยี่ยมคุณเตชิต”
ศรีตรังเบือนหน้ามาเห็นพอดี
“เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะเว้ย” ศรีตรังปิดโทรศัพท์ แล้วเดินมาไหว้ธากรณ์ “สวัสดีค่ะ พี่ธากรณ์ ... คุณปรายดาวมาเยี่ยมไอ้ เอ๊ย! คุณเตชิตหรือคะ”
“ค่ะ คุณศรีตรังสบายดีนะคะ”
“ก็ตามอัตภาพน่ะค่ะ...คุณปรายดาวก็ดูมีเลือดมีเนื้อดี” ปรายดาวสะดุ้งเช่นเดียวกับธากรณ์ ศรีตรังรู้สึกตัวจึงรีบพูดกลบเกลื่อน “คือผู้กองเตชิตเคยมาปรึกษาเรื่องจะทำบุญให้คุณสมัยที่ยัง เอ้อ...ยังวนเวียนอยู่ที่บ้านหลังนั้นน่ะค่ะ”
“ช่วงนี้น้องศรีตรังเข้ากรุงเทพ บ้างหรือเปล่าครับ” ธากรร์รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ยังไม่ได้เข้าเลยค่ะ คิดว่าอาทิตย์หน้าอาจจะเข้าไปพบคุณเตโชสักหน่อยเขามาเฝ้าบ้านให้ก็ต้องจ่ายเงินเขากลัวจะหยิบของมีค่าไปขาย”
“ขนาดนั้นเลยหรือคะ” ปรายดาวถามอย่างตกใจ
“ก็ดูหน้ามัน เอ๊ย เค้าซิคะ ไปละ ขับรถดีๆ นะคะพี่ธากรณ์”
“ครับ น้องศรีตรัง Take care นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ...สวัสดีค่ะ คุณปรายดาว”
“สวัสดีค่ะ”
ทั้งสองฝ่ายแยกกันไป
ภายในห้องพักผู้ป่วยเตชิตแต่งตัวเป็นเตโชเสร็จแล้วขณะที่ศรีตรังเปิดประตูเข้ามา
“ไอ้ศรี เล่นเข้ามาไม่ให้เสียง” เตชิตหันไปมองศรีตรังอย่างตกใจ
“คุณหนูเผือกนี่น่ารักจังเลยนะ ดูซื่อใส”
“แต่ถ้าจับได้ว่าฉันวางแผนทั้งหมดนี่ คงกลายเป็นขุ่นคลั่กแน่ว่ะ เฮ้อ”
“นั่นซีครับ อุตส่าห์มาจากกรุงเทพแต่เช้า” ธงบอก
“ฉันดูเป็นไงบ้าง” เตชิตถามศรีตรัง
“ซกมกว่ะ”
“โอเค งั้นก็ใช้ได้ ไป”
ทั้งหมดเดินออกไป
อ่านต่อหน้า 4
แจ้งเพื่อทราบ :
เนื่องจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "ละครออนไลน์" มีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ ทีมงาน “ละครออนไลน์” จึงจะทำการปิดภายในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 22 มีนาคม พศ. 2555) และจะดำเนินการเปิดใหม่ให้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้แฟนๆ ที่ติดตามทราบเป็นระยะ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้
ปางเสน่หา ตอนที่ 16 (ต่อ)
ส่วนที่กรุงเทพ ปรกเดือนเดินกลับไปกลับมาอย่างครุ่นคิด ในที่สุดปรกเดือนก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพอล
“พอล เดือนมีบางอย่างจะบอก เสี่ยกับเจนจิราเขากลับมาคืนดีกันแล้วนะคะ.. แน่ใจค่ะ...เขาถ่าย วีดีโอ เลิฟซีนส่งมาที่มือถือของเสี่ย เผอิญเดือนไปเปิดเข้า...เดือนกลุ้มใจมากนะคะ...ค่ะ...เดือนจะพยายาม
ไม่คิดมาก…ค่ะ...ขอบคุณค่ะ”
ปรกเดือนปิดโทรศัพท์สูดลมหายใจยาวแล้วลูบท้องตัวเอง
“แม่ยังมีลูก...แม่จะต้องไม่คิดมาก...”
อีกด้านหนึ่งขณะนั้นธงขับรถมาโดยมีเตชิตนั่งคู่ ส่วนศรีตรังนั่งข้างหลัง
“เดี๋ยวปล่อยฉันลงตรงทางเข้า แล้วเอารถเข้ากรุงเทพได้เลยฉันจะเรียกลุงสมออกมาคอยรับ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นศรีตรังยกขึ้นดูแล้วหน้าหงิกทันที
“ใคร ไอ้พอลเรอะ” เตชิตถาม
“ฮือ”
“แล้วทำไมไม่รับล่ะ”
“ขี้เกียจ”
“เฮ้ย รับซิ ถ้ามันจีบแก...แกค่อยปิดมันอาจจะมีข่าวอะไรมา Update ก็ได้”
ศรีตรังรับโทรศัพท์ด้วยสุ้มเสียงเย็นชา
“มีธุระอะไร อ๋อ รู้ตั้งนานแล้ว ...ฉันไม่มีตกข่าวร้อก”
ศรีตรังบอกแล้วปิดโทรศัพท์ทันที
“โกรธเรื่องเก่าหรือเรื่องใหม่” เตชิตถาม
“ทุกเรื่อง อ้อ เขาบอกว่าเจนจิราดีกับเสี่ยแล้ว ซึ่งก็ตรงกับที่ฉันสงสัย”
“ดีกันแล้วทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง”
“นั่นซิครับ”
ที่ไร่สุขศรีตรัง ขณะนั้นเจนจิราเดินถือกระเป๋าฟางใบใหญ่ ใส่หมวกปีกกว้างทำเป็นเดินเล่นมาเรื่อยๆ จนมีคนงานคนหนึ่งเข็นกรวดหินดินทรายผ่านมา เจนจิราหยุดเดิน
“ฝากของไปทิ้งด้วยนะจ๊ะ”
เจนจิรากวาดตามองโดยรอบแว่บหนึ่ง เมื่อเห็นไม่มีใครสนใจจึงเทของในย่ามเป็นห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ลงไปในรถเข็น
“ขอบใจนะจ้ะ”
คนงานเข็นรถไปโดยไม่พูดไม่จา เจนจิราหันหลังกลับเดินย้อนมาทางเดิม
เจนจิราเดินมาเจอสมกำลังสตาร์ทรถอยู่ที่หน้าบ้าน
“จะไปไหนคะ คุณลุงสม”
“ด้วยความเคารพ แค่ลุงเฉยๆ ก็ได้ครับ”
“ก็เจนนับถือคุณลุงสมนี่คะ เจนรักทุกคนที่นี่ เพราะเจนมีความสุข บ๊าย ... บายค่ะ”
เจนจิราเดินเข้าบ้านอย่างมีความสุข สมมองตามงงๆ
เจนจิรากลับเข้าห้องล็อคประตู แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเดนนิส
“เสี่ยขา ส่งไปอีกล็อตแล้วค่ะ”
“ดีมาก ล็อตเล็กๆ ส่งง่ายกว่าล็อตใหญ่ๆ คนมันไม่ทันสงสัย”
“เจนไม่นึกมาก่อนเลยว่ามันจะซื้อง่ายขายคล่องกันขนาดนี้”
“แต่ก็อย่าประมาท เธอต้องระวังให้ดี ไม่อย่างนั้นจะพังกันหมด”
“โอ๊ย คนที่นี่โง่จะตายค่ะเสี่ยขา เจนเดินรับของส่งของทุกวันไม่มีระแคะระคาย”
“นั่นแหละ ต่อไปต้องเว้นบ้าง”
“อย่าเพิ่งเว้นนะคะเสี่ย เจนกำลังสนุ้ก ...สนุก”
“อีกเรื่อง อย่าส่งวีดีโอ หรือภาพอะไรมาให้เมียฉันเห็นอีก”
“อุ๊ย เปล่านะคะ เจนส่งให้เสี่ยดูต่างหาก”
“นั่นแหละ ต่อไปห้ามส่ง”
“โอเค ค่ะ เจนกราบขอโทษเสี่ยด้วยนะคะ”
“แค่นี้แหละ”
“ค่ะ”
เจนจิราวางโทรศัพท์ลงด้วยท่าทางฝันหวาน
สมขับรถมาจอดบริเวณทางเข้าไร่สุขศรีตรัง ธงขับรถอีกคันมาจอดเทียบทั้งสองฝ่ายลงจากรถ เตชิตและธงยกมือไหว้ทักทายสม
“ด้วยความเคารพ สวัสดีครับ” สมมองเตชิตอย่างสงสัย เพราะเตชิตปลอมตัวจนสมจำไม่ได้ “เอ๊ะ นี่ใครล่ะครับ”
“จ่าธงช่วยเปิดท้ายรถเอาแหนม หมูยอไปด้วย ...กุนเชียงก็มี…ยกไปทั้งลังเลย เอาไปแบ่งกัน” ศรีตรังบอกธงเปิดรถที่สมขับยกลังมาใส่รถเตชิต
“ผมชื่อเตโชเป็นญาติกับเตชิตครับ” เตชิตบอก
“มิน่า หน้าตาคล้ายกันมากเลยครับ”
“ลุงสม เจนจิราเป็นยังไงบ้างคะ” ศรีตรังถามสม
“หมู่นี้ติดดินมากครับ ชอบไปทักทายกับพวกคนงานที่รีสอร์ทใหม่บ่อยๆ”
“แปลก”
“นั่นซิ ปกตินางถือตัวยังกับอะไรดี ฉันจะคอยดูให้”
เตชิตพยักหน้าและยกมือไหว้สมก่อนจะเดินกลับขึ้นรถ ธงทำความเคารพสมแล้วขึ้นตาม
“ด้วยความเคารพ คุณเตโชนี่ให้ความรู้สึกว่าเป็นคุณเตชิตจริงๆ” สมบอก ศรีตรังจึงยิ้มออกมา
“ไปกันเถอะค่ะ”
สมกับศรีตรังขึ้นรถแล้วขับออกไป
สมขับรถพาศรีตรังมาส่งบ้าน ศรีตรังเดินเข้ามาในบ้านจังหวะนั้นเจนจิราออกมาจากครัวในชุดผ้ากันเปื้อน ถุงมือ หมวกกุ๊กพร้อม ศรีตรังมองอย่างประหลาดใจ
“ไปเอามาจากไหนน่ะ”
“ฝากป้าจุซื้อจ้ะ วันนี้เจนจะทำสลัดไก่อบให้ศรี”
“โอ๊ะ กรุณาอย่าลำบาก ป้าจุไปไหนล่ะ”
“ไปเยี่ยมอ้อย ที่จริงเจนก็อยากตามไปด้วยเหมือนกัน แต่มันเสียวๆ”
“กลัวจะได้เข้าไปอยู่บ้างเรอะไง”
เจนจิราตกใจหน้าซีด
“อุ๊ย อย่าพูดเป็นลางซิศรี”
“อ๊าว ก็ในเมื่อเจนไม่ได้ทำผิด เจนจะกลัวทำไม ศรียังไม่กลัวเลยหรือว่าเจนทำอะไรผิดกฏหมาย”
เจนจิราโกรธจัด ปลดชุดกุ๊กขว้างใส่ศรีตรัง
“บ้า คนบ้า ยิ่งว่ายิ่งยุ ไม่เอาแล้วไม่ทำให้กินแล้ว อยากกินอะไรก็ทำกินเอง”
เจนจิราสะบัดหน้าเดินขึ้นบันไดไป ศรีตรังมองตามครุ่นคิด
เจนจิรากลับเข้าห้องปิดประตูปัง
“บ้า นังศรีบ้า นังปากอัปมงคล คนยิ่งเสียวๆ อยู่ด้วย”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เจน ขอศรีเข้าไปหน่อย” เจนจิราเม้มปาก เดินไปเปิดประตูแล้วสะบัดหน้าเดินมานั่ง “เป็นอะไรน่ะ
พอพูดถึงคุกตะรางก็โกรธซะยังกับ...”
“บอกว่าอย่าพูด”
“ก็ได้...ฉันมีเรื่องต้องพูดกับเธอ ฉันรู้ว่าเธอดีกับเสี่ยของเธอแล้ว” เจนจิราชะงัก “เมื่อเป็นอย่างนั้น เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป”
“แต่ฉันต้องอยู่”
“ที่นี่ไม่ใช่รีสอร์ท แต่เป็นบ้านของฉันเอาไว้รีสอร์ทสร้างเสร็จเมื่อไหร่ เธอค่อยมา”
“ฉัน...เธอพูดกับผู้กองเตชิตแล้วหรือยัง”
ศรีตรังทำหน้างง
“ทำไมจะต้องพูดกับผู้กองเตชิต”
“ก็เขาเป็นคนฝากฉันมาอยู่กับเธอที่นี่ไม่ใช่เรอะ”
“ใครบอกเธอ เรื่องนี้เตชิตไม่เกี่ยว แต่ถึงเกี่ยวก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาโคม่ายังไม่ฟื้นเลย” เจนจิรานิ่งไป “ฉันไม่ได้ไล่นะ แต่ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว เธอคงเข้าใจ”
เจนจิรามีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ทางด้านปรายดาวขณะนั้นเธอเพิ่งกลับเข้าบ้าน ปรกเดือนยืนอยู่ตรงหน้าต่างเบือนหน้ามาถาม
“ไปไหนมาตั้งครึ่งค่อนวัน”
“ไปเยี่ยมผู้กองเตชิตมาค่ะ”
“เขาเป็นยังไงบ้าง”
“ยังนอนไม่รู้สึกตัวค่ะ”
“น่าสงสาร ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องเกิดกับคนดีๆ ด้วย”
“ดาวขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
ปรายดาวเดินขึ้นบันไดไป ปรกเดือนมองตาม
พอเข้ามาในห้องปรายดาวเดินมานั่งด้วยสีหน้าแววตาเศร้าๆ เมื่อนึกถึงภาพเตชิตที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ปรายดาวถึงกับน้ำตาไหลพราก...ปรายดาวนั่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนจะลุกเดินไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง ใช้ครีมเช็ดเครื่องสำอางออกช้าๆ
ทางด้านธากรณ์เมื่อส่งปรายดาวแล้วจึงมาหาเตชิตที่บ้าน เตชิตนั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยสีหน้ากลุ้มๆ
“เฮ้ย น้องหนูเศร้าจนน่าสงสารนะเว้ย นั่งซึมมาตลอดทางเลย” ธากรณ์บอก
“ทำไงได้ล่ะ ผู้กำกับท่านสั่งให้ฉันโคม่า ฉันก็ต้องโคม่า”
“เพื่ออะไร”
“นั่นซิ เพื่ออะไร” เตชิตชะงักไปนิด “เอ๊ะ หรือว่าเพื่อใคร” เตชิตกับธากรณ์เบือนหน้ามาสบตากัน
“แกคิดว่าเป็นไอ้พอล”
“ต้องใช่แน่ๆ”
“จริงซิ ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี”
เตชิตบอกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะถูกยิง วันนั้นเตชิตมาพบเสนาที่ห้องทำงาน
“นั่งซิ”
“ขอบคุณครับ” เตชิตนั่งลง
“จะกลับปากช่องเมื่อไหร่”
“ก็คงพรุ่งนี้ครับ”
“ฉันจะสั่งอะไรอย่างนึง นายรับทราบเฉยๆ แล้วไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น”
“ทำไมหรือครับ”
“นั่นไง ยังไม่ทันจะพูดเลย ดันถามแล้ว”
“ขอประทานโทษครับ”
เสนาเปิดลิ้นชักหยิบเสื้อเกราะตัวหนึ่งส่งให้
“เอ้า เอาไป”
“ผู้กำกับให้ผมหรือครับ” เตชิตถามอย่างแปลกใจ
“เออ แบบใหม่ล่าสุด นายลองทดลองใส่ดู...นับจากวันนี้เป็นต้นไป เวลาจะออกจากบ้านต้องใส่ตลอดห้ามถอด เข้าใจไหม” เตชิตอ้าปากจะถาม “ห้ามถาม”
“ครับ”
“ไปได้ แล้วก็อย่าลืม ห้ามถอดเด็ดขาด”
เตชิตเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ธากรณ์ฟัง ธากรณ์จึงพูดขึ้นมาบ้าง
“ตอนที่พาแกมาโรงพยาบาล ผู้กำกับรออยู่แล้วอธิบายให้เรารู้ว่า เดนิสมีแผนจะฆ่าแก ตอนนั้นเราก็ยังไม่สงสัยพอล”
“แต่ตอนนี้สงสัยเต็มที่เลย ผู้กำกับต้องการปกป้องไอ้พอลมากกว่าปกป้องฉัน”
“แล้วตกลง ผู้กำกับดีหรือไม่ดี”
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน”
“แล้วไอ้พอลล่ะ”
“ถ้าผู้กำกับดี มันก็ดี แต่ถ้าผู้กำกับไม่ดี มันก็ไม่ดี มีแค่นั้นแหละ”
“แล้วแกว่าดีหรือไม่ดี”
“ไม่รู้ว่ะ แม้แต่ฉันเองก็ยังเริ่มงงๆ ว่าตัวเองดีหรือไม่ดี ที่มาร่วมมือกับผู้กำกับ”
“งง”
ค่ำวันเดียวกันนั้นปรกเดือนมาหาปรายดาวที่ห้อง ปรายดาวเปิดประตูให้ปรกเดือน
“พี่เดือนมีธุระอะไรหรือคะ”
“พี่อยากปรับความเข้าใจกับดาว ถ้าดาวยังสงสัยข้องใจอะไรพี่ ก็ถามให้เคลียร์ไปเลย”
“ดาวไม่...”
“เธอมี”
“วันนี้ดาวเหนื่อยมากค่ะ ยังไม่อยากเคลียร์อะไรทั้งนั้น”
“ทำไมเธอถึงคอยแต่จะขับไล่ไสส่งพี่ ทำไมเราไม่คุยกันเหมือนเมื่อก่อน”
“ก่อนที่ดาวจะขับรถชนต้นไม้ใช่ไหมคะ”
“ใช่ ก่อนหน้าที่เธอจะขับรถชนต้นไม้ แล้วชีวิตเราก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง”
“ไม่ค่ะ ชีวิตเราเปลี่ยนไปนับจากที่พี่เดือนแต่งงานกับเดนนิสต่างหาก”
“แล้วเธอจะให้พี่ทำยังไงในเมื่อ ตอนนั้นเราไม่มีอะไรเลย”
“เรามีสมอง มีมือ มีเท้า”
“พี่ไม่เถียง แต่อย่าลืมว่าตอนนั้นเธออายุเท่าไหร่ เธอเพิ่งจบม.ปลายจำได้มั้ย พี่จำเป็นต้องมีบ้าน มีเงินให้เธอเรียน”
“แล้วพี่เดือนรักเขาหรือเปล่า”
ปรกเดือนอึ้งกับคำถามนี้
“พี่ยอมรับว่าพี่รักเสี่ย และเขาก็เป็นที่พึ่งของพี่คนเดียวตั้งแต่ตอนนั้นจนเดี๋ยวนี้”
“พี่เดือนพาเรา 2 คนเข้ามาพัวพันกับพ่อค้ายารายใหญ่จนดิ้นไม่หลุด...ถ้าให้เลือกดาวเลือกที่จะยากจนมากกว่าร่ำรวยมหาศาล บนความพินาศย่อยยับของคนอื่น เราไม่รู้หรอกว่าเวรกรรมจะตามสนองเมื่อไหร่ เหมือนอย่างที่ดาวโดนมาแล้ว” ปรกเดือนร้องไห้ออกมา ปรายดาวมองพี่สาวด้วยสีหน้าอ่อนลง
“พี่เดือนไปนอนเถอะค่ะ ดาวขอโทษที่พูดรุนแรงกับพี่เดือน”
ปรกเดือนเปิดประตูออกไปเงียบๆ ปรายดาวทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้อย่างอัดอั้นตันใจ
เมื่อออกจากห้องปรายดาว ปรกเดือนไม่ได้กลับห้องแต่เดินร้องไห้ลงมาในสวน
“ทะเลาะกับน้องสาวละซิ”
เสียงเดนนิสดังขึ้น ปรกเดือนสะดุ้งหันไปมอง เดนนิสลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งทอดอารมณ์อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ปรกเดือนรีบเช็ดน้ำตา
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“เปล่าค่ะ”
“นี่ดีนะที่ไอ้เตชิตมันโคม่าไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงพาทั้งครอบครัวเข้าคุกแน่ ชอบไปขลุกอยู่กับมันนัก”
“ยัยดาวไม่มีวันทำอย่างนั้นหรอกค่ะ”
“รู้ได้ไง เอาอย่างนี้ ถ้าหากมันวุ่นวายนัก ฉันจะส่งไปอยู่ที่อื่น”
“ไม่นะคะ” ปรกเดือนบอกอย่างตกใจ
“แล้วเธอจะทนให้มันทำเย็นชาใส่บ้าง กระแนะกระแหนบ้างต่อไปเรอะ ฉันน่ะไม่ทนแล้ว”
“เสี่ยคะ ยัยดาวเป็นน้องสาวคนเดียวของเดือน เราร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาตั้งแต่พ่อแม่เสีย เสี่ยอย่าพรากเราจากกันเลยนะคะ”
“งั้นเธอก็ต้องคุมมันให้ดี อย่าให้ออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รับรองเหมือนกัน”
“ค่ะ เดือนรับรองว่าจะดูแลแกอย่างดีที่สุด”
ส่วนปรายดาว ขณะนั้นปรายดาวลุกเดินจะไปอาบน้ำ โทรศัพท์บนโต๊ะเสียงดังขึ้น ปรายดาวเดินมาหยิบดูแล้วเบิกตากว้าง
“คุณเตชิต...ฮัลโหล”
ปรายดาวรีบรับสายเพราะคิดว่าเป็นเตชิต
“ผมเตโชครับ ต้องขอโทษด้วยที่ใช้โทรศัพท์เตชิตโทรมา” ปรายดาวนิ่งไป “ผมอยากรู้ว่า เตชิตเป็นยังไงบ้าง”
“คุณเคยไปเยี่ยมน้องคุณหรือเปล่าคะ”
“โอ๊ย เคยซิครับ ไม่ไปได้ไงตอนนี้ผมอาศัยบ้านมันอยู่ อาศัยเงินมันใช้บุณคุณท่วมหัวเลยนะนั่น”
“คุณเป็นคนยังไงกันถึงได้ไม่รู้สึกรู้สมกับการที่น้องคุณต้องนอนโคม่อยู่อย่างนั้น”
“ผมเป็นคนยอมรับความจริงทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว เราจะไปทำอะไรมันได้ ถ้าเตชิตฟื้นขึ้นมาก็ดี แต่ถ้าไม่ฟื้นขึ้นมา มันก็เป็นไปตามดวงชะตาของเขา”
ปรายดาวปิดโทรศัพท์ทันทีแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เตชิตพยายามติดต่ออีกแต่มีเพียงสัญญาณให้ฝากข้อความ
“เดาอารมณ์ยากจังแฮะ”
วันรุ่งขึ้นปรายดาวเดินเข้ามาในห้องรับแขกในชุดที่จะออกไปข้างนอก
“ออกไปไหนได้ทุกวัน แข็งแรงดีแล้วเรอะ” เดนนิสถาม
“ค่ะ”
“นั่งลงก่อนซิ”
“ดาวจะรีบไป”
“ฉันบอกให้นั่งลง” ปรายดาวเม้มปากแต่ก็นั่งลงโดยดี “เมื่อคืนทะเลาะอะไรกับเดือน”
“มันเป็นเรื่องระหว่างพี่น้องค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอเตือนหน่อยว่า ปรกเดือนน่ะรักและเสียสละให้เธอมามากเธอไม่ควรทำให้เขาเสียใจ”
“ไม่ใช่ดาวคนเดียวหรอกค่ะที่ทำให้พี่เดือนเสียใจ”
“เธอนี่มันเป็นยังไงกันแน่ บางครั้งก็ใสซื่อ แต่บางครั้งก็ยอกย้อนเถียงคำไม่ตกฟาก”
“ถ้าเสี่ยหมดธุระแล้ว ดาวขอตัวนะคะ”
“จะไปไหนก็ตามใจ”
ปรายดาวลุกเดินออกไป เดนนิสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาพอล
“พอล แฟนแกออกไปแล้ว...สะกดรอยตามไปซิ”
เดนนิสวางโทรศัพท์ลงสีหน้ายังหงุดหงิด
ปรายดาวกำลังขับรถขณะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ พี่พอล อ๋อ! วันนี้ ...วันนี้ดาวไม่ไปไหนหรอกค่ะ ...พี่พอลล่ะคะ...” ปรายดาวชะงัก “จะมาหาดาวเหรอ เอ้อ...ต้องรอเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมคะ วันนี้ดาวมีอะไรต้องทำหลายอย่างตั้งแต่ฟื้นขึ้นมานี่ยังไม่ได้จัดบ้านเลย ค่ะ แล้วพบกันพรุ่งนี้”
ปรายดาวปิดโทรศัพท์แล้วถอนใจยาว
ปรายดาวมาบ้านเตชิต เตชิตซึ่งยังปลอมตัวอยู่พาปรายดาวเข้ามาคุยในบ้าน
“ต้องขอโทษที่มารบกวนติดๆ กันค่ะ”
“ไม่เป็นไร นานๆ ทีจะมีผู้หญิงสวยๆ มาเยี่ยม ผมไม่ถือเป็นการรบกวน”
ขณะเตชิตพูดปรายดาวมองไปสะดุดที่ข้อมือเตชิตที่ใส่นาฬิกาเหมือนเรือนเดียวกับที่เตชิตใส่ในโรงพยาบาล
“เอ๊ะ นาฬิกานั่น ...”
“ซวยแล้ว” เตชิตพึมพำในลำคอ
“เหมือนของคุณเตชิตเลย”
“โธ่ ของเตชิตนั่นมันของจริง ของผมนี่ปลอม”
“ขอดูหน่อยได้มั้ยคะ”
เตชิตจพยายามเอามือไขว้หลัง
“คุณจะไปดูทำไม”
“ทำไมถึงให้ฉันดูไม่ได้ ฉันอยากรู้ว่าใช่เรือนเดียวกันหรือเปล่า”
“ก็บอกแล้วว่าของผมของปลอม”
“คุณขโมยของเขามา”
“ขโมยใคร”
“คุณเตชิต”
“โธ่เอ๊ย คุณ ผมจะไปขโมยทำไม”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปพิสูจน์กัน”
“พิสูจน์”
“ที่โรงพยาบาล ฉันจะได้แน่ใจว่าคุณบริสุทธิ์จริง”
เตชิตทำหน้าเซ็งสุดๆ
เตชิตหลบมาโทรหาศรีตรัง
“เฮ้ย พูดเป็นเล่น คุณหนูเผือกสงสัยแกหรือยะ”
“เขาสงสัยว่าฉันจะขโมยนาฬิกาเตชิต”
“เวรกรรม”
“อย่าเพิ่งเวรกรรม แกต้องรีบช่วยฉันคิดหน่อยว่าจะเอาไงดี”
“ไม่รู้ว่ะ”
“ไอ้ศรี แกอย่าเอาตัวรอดคนเดียวนะ”
“เฮ้ย ฉันไม่เกี่ยว”
“ไอ้ศรี ไอ้ศรี ไอ้ศรี”
“ไอ้เต ไอ้เต ไอ้เต”
“เร็วซิ ช่วยคิดเร็วๆ หน่อย” เตชิตเร่ง
“นึกออกแล้ว บอกว่าแกตาย เออ ใช่ บอกว่าแกตายแล้ว เขาจะได้ไม่ยุ่งกับแกอีก”
“จะบ้าเรอะ ไอ้ศรี”
“งั้นเอางี้ บอกว่าหมอห้ามเยี่ยม”
“แล้วทำไมถึงห้ามเยี่ยม”
“ก็แกเกิดชักกระตุกจุกแอ้กๆ ขึ้นมา หรือว่าหัวใจหยุดเต้น ต้องปั้มกันวุ่นวาย”
“ใช่แล้ว หัวใจหยุดเต้นเหมือนตอนที่เขายังเป็นเจ้าหญิงนิทรา ขอบใจมาก...นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆ ฉันต้องจูบ ขอบใจแกเลยนะเนี่ย แค่นี้แหละ”
“ไอ้บ้า”
พอวางหูจากศรีตรัง เตชิตรับเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมาจากห้อง ขณะนั้นปรายดาวรออยู่ที่ห้องรับแขก ปราวดาวหันไปมองแล้วชะงัก
“คุณใส่เสื้อผ้าของผู้กองเตชิต”
“โอ๊ย คุณ อย่าจับผิดนักได้ไหม เสื้อผ้าดีผมมีที่ไหนกัน อุตส่าห์เฝ้าบ้านให้แค่ยืมเสื้อผ้าใส่แค่นี้ไม่ได้
เรอะไง”
“คุณเป็นคนเอาเปรียบถือโอกาส ฉันไม่ชอบเลย”
“ตกลงจะไปมั้ยครับ”
“ไปค่ะ”
ทั้งคู่พากันเดินออกจากบ้าน
“จะเอารถใครไป” เตชิตถามเมื่อเดินมาถึงรถ
“รถฉันก็ได้ค่ะ”
“โอเค งั้นผมไปเปิดประตู”
ปรายดาวพยักหน้า แล้วขึ้นรถ เตชิตเดินไปเปิดประตูบ้านแล้วเดินไปเปิดประตูรั้ว ปรายดาวมองด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด เพราะท่าทางต่างๆ คล้ายกับเตชิตมาก
“คล้ายกันมากเลย”
เตชิตโบกมือเรียก ปรายดาวขับออกไป เตชิตเปิดประตูรั้วแล้วเดินไปขึ้นรถ
“ถ้าไม่บอก ฉันคงนึกว่าคุณเป็นเจ้าของบ้าน”
“ฮ้า ราศรีผมดีขนาดนั้นเชียวเรอะ”
“ไม่รู้ซิคะ”
“นั่นแน่ นึกว่าผมเป็นไอ้เตละซิ ในที่สุดความพยายามของผมก็เป็นผลสำเร็จ ผมน่ะพยายามมานานแล้วที่จะทำให้ใครๆ คิดว่าผมเป็นเตชิต”
“ไม่ได้เหมือนเสียทีเดียวหรอกค่ะ”
ปรายดาวขับรถออกไป รถคันหนึ่งที่จอดแอบอยู่แล่นตามไป
จบตอนที่ 16