ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 17
หลายวันต่อมา ทูนอินทร์นั่งทอดถอนใจอยู่ที่เพิงแสงจันทร์ มือถือทูนอินทร์ดังขึ้น เบอร์ไม่คุ้น แต่ก็รับสาย
“ใครพูดสายครับ”
“ฉันเองค่ะ แสงหล้า”
ทูนอินทร์ลุกขึ้นทันที
“แม่แสง นี่เบอร์ของแม่เองใช่ไหมครับ”
แสงหล้ากำลังพูดสายในห้องพักของตัวเอง
“ใช่ค่ะ เบอร์ฉันเอง”
“บอกผมเถอะครับว่าแม่อยู่ที่ไหน ผมจะพาแม่ไปพบรุ้ง”
“ฉันยังไม่พร้อมค่ะ ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่า อย่าเพิ่งหมดกำลังใจในชีวิตนะคะ ฉันเชื่อว่ารุ้งรักคุณมาก เหมือนกับที่คุณรักรุ้ง คุณสองคนชะตากำหนดให้มาเป็นคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน อย่าเพิ่งหมดความพยายามนะคะ”
“ขอบคุณครับแม่ แม่ครับ แล้วเมื่อไหร่แม่จะมาแสดงตัวกับรุ้ง”
“รอให้ฉันพร้อมก่อนเถอะค่ะ เท่านี้นะคะ คุณทูน”
“เดี๋ยวครับ แม่”
แสงหล้าเลิกสาย ถอนใจเฮือกใหญ่ ทูนอินทร์มองเบอร์ในมือ
“รู้ได้ยังไงว่าเราหมดกำลังใจ หรือว่าแม่แสงเฝ้าดูเราอยู่แถวๆนี้”
ทูนอินทร์มองไปรอบๆ แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นใครไปได้
รุ้งระวีและจุ๊บแจงมาโชว์ในร้านไผ่ พงศธรตามที่ตกลงกันไว้ ทั้งคู่แจกลายเซ็นแฟนๆหน้าร้าน โดยจี่หอยคอยดูแลอยู่ อิทธิตามออกมาพร้อมคม เดช ขณะที่คำรณรออยู่ที่รถตู้แล้ว อิทธิเข้ามาหาจุ๊บแจงแล้วกระซิบ
“เดี๋ยวพูดตามที่ตกลงกันไว้นะ”
“ค่ะ คุณอิท แล้วคืนนี้ ต้องให้แจงไปที่บ้านคุณนะ”
“ได้จ๊ะ...เอ้า กลับกันได้แล้ว ขึ้นรถเถอะ”
ทุกคนจะขึ้นรถ
“คุณอิทขา แจงหิวน่ะ เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อยๆทานกันดีกว่านะคะ”
“กินที่ไหนดีล่ะ” อิทธิแกล้งถาม
“แจงบอกนายคำแล้วค่ะ ร้านนี้อร่อยมาก มาสระบุรี ยังไงก็ต้องมาทาน”
“เอ้า งั้นไป”
อิทธิ พยักหน้ากับคม เดช และคำรณ ทั้งสามขึ้นรถทันที อิทธิให้รุ้งระวี จี่หอย และจุ๊บแจง ขึ้นตาม
รถแล่นตรงไปยังร้านต้มแซ่บ รุ้งระวีและจี่หอยที่นั่งด้านหลังมองๆ
“เราจะไปร้านไหนคะเนี่ย”
“นี่มันทางไปร้านต้มแซ่บนี่” จี่หอยแปลกใจ
รุ้งระวีกระสับกระส่าย
“คุณอิท เรากำลังจะไปร้านไหนคะ”
“ว่าไงแจง ตกลงร้านอะไร” อิทธิแกล้งถาม
“ก็ร้านต้มแซ่บค่ะ อาหารที่นี่อร้อยอร่อย”
รุ้งระวีอึ้ง จี่หอยงงๆว่าจุ๊บแจงรู้จักร้านต้มแซ่บได้ยังไง
รถมาจอดที่ลานจอดของร้านต้มแซ่บ ทุกคนลงจากรถ จี่หอยมองหน้าจุ๊บแจง
“ยายแจง อยู่ดีๆทำไมถึงอยากกินร้านนี้ ฉันว่าแกไม่เคยมาร้านนี้ด้วยซ้ำ”
“ถึงจะไม่เคย แต่เขาก็ลือกันว่าอร่อย”
“แล้วอะไรบ้างที่อร่อย”
จุ๊บแจงมองไปที่บอร์ดเขียนเมนูประจำวัน
“นั่นไง กุ้งแม่น้ำอบเกลือ ไก่ทอดกระเทียมโทน สเต็กเนื้อโคขุน”
“แกอ่านเอานี่”
“จะกินไม่กิน ไม่กินก็นั่งรอก็แล้วกัน แหม ดังแล้วเรื่องเยอะ”
จุ๊บแจงกระแทกรุ้งระวี แล้วหันไปกอดแขนอิทธิอวด
“เข้าร้านเลยนะคะคุณอิท”
“เดี๋ยวผมตามไป”
จุ๊บแจงรีบถลาเข้าร้าน คมและเดชตาม คำรณยังรออยู่ที่รถ อิทธิมองมาที่รุ้งระวีที่ยังยืนอยู่ข้างรถ
“ฉันไม่เข้าไปนะคะ แกล้งกันรึเปล่า อยู่ดีๆแม่นี่ก็เกิดอยากกินร้านนี้ขึ้นมา”
“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
“ถ้ารู้ว่าจะมาที่นี่ ฉันคงรออยู่ในเมือง”
“งั้นรอก็แล้วกันนะ ถ้าหิวก็สั่งอาหารเอง”
อิทธิเข้าร้าน
“งั้นผมเข้าไปทานก่อนนะครับ”
นายคำยิ้มกวนๆ เข้าไปอีกคน
“รุ้ง ไหนๆมาแล้ว ก็เข้าไปทานเสียหน่อย”
“รุ้งไม่กล้าค่ะ”
“กลัวจะเจอคุณทูนใช่ไหม”
รุ้งระวีพยักหน้า
“รุ้ง มันก็ดีไม่ใช่เหรอ รุ้งจะได้เคลียร์กับคุณทูนเสียที ฟังความคนอื่นกันไปมาแบบนี้ มันเข้าใจผิดกันได้นะ”
รุ้งระวีนิ่งไป
แสงหล้าเดินไปที่สนาม นำเอาเมนูไปให้คมและเดชที่นั่งอยู่นอกร้าน
“ป้า เอาเบียร์เย็นๆ มาก่อนเลย”
“ค่ะ”
คำรณเดินเข้ามา ด้านหลังแสงหล้า
“นั่งตรงนี้เลยเหรอลูกพี่”
แสงหล้าสะดุ้งทั้งตัว เพราะจำเสียงได้ว่าคือคำรณ แสงหล้าดึงผมมาปิดหน้า
“ตรงนี้แหละ แดดร่มลมตกพอดี” เดชบอก
“อยากกินอะไรสั่งเลย” คมหันไปบอกคำรณ
“ป้า เอาเนื้อโคขุน”
แสงหล้าเดินเข้าหลังร้านไปทันที
“อ้าว ยังไม่ทันสั่งเลย ไปเสียแล้ว เอ พนักงานที่นี่เป็นยังไง” คำรณมองตามไม่พอใจ
มุมหลังร้าน แสงหล้าเดินพ้นมุมตึกแล้วพิงกำแพง แอบมองคำรณ พลางหายใจไม่ทั่วท้อง
“พี่ แล้วห้องทำงานนายทูน มันอยู่ตรงไหน” คำรณถาม
“อ้อมไปด้านโน้น เตรียมอุปกรณ์มาพร้อมแล้วนะ” คมย้อนถาม
“เรียบร้อยครับ”
คำรณเปิดเสื้อแจ็คเก็ตให้ดู อุปกรณ์งัดแงะอยู่ในเสื้อเพียบ แสงหล้าแอบมองอย่างสงสัยว่าคำรณจะทำอะไร
รุ้งระวีและจี่หอยมานั่งอยู่ที่สนามด้วยกัน
“รุ้ง ได้กลิ่นเนื้อย่าง ไก่ย่างไหม หอมจัง” จี่หอยมองเข้าไปในร้านตาละห้อย
“พี่หอยหิวใช่ไหมคะ”
“น้ำลายสอไปหมดแล้ว”
“พี่หอยเข้าไปทานเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงรุ้ง”
“เดี๋ยวพี่ไปสั่งมาทานตรงนี้ด้วยกัน”
จี่หอยเข้าร้าน รุ้งระวีทอดถอนใจ เดินเลียบร้านเข้าไปส่วนใน
ที่ห้องทำงานด้านหลัง ทูนอินทร์กำลังฟังเพลงต้มยำลำซิ่ง จากเครื่องคอมฯ อยู่ในห้องตามลำพัง เขาหยิบแหวนในกล่องใหม่ออกมาดู แหวนอยู่ในเรือนใหม่แล้วสวยกว่าเดิม
ทูนอินทร์ถอนใจ สายตามองผ่านหน้าต่างไปยังสวนด้านนอก แล้วก็นิ่งงันไป เมื่อเห็นรุ้งระวีเดินเข้ามาพอดี เขานึกว่าตัวเองตาฝาด ปลดหูฟังออก แล้วรีบออกจากห้องทำงาน ทางประตูที่ออกด้านสนาม
รุ้งระวียังมองต้นไม้ใบหญ้าอยู่
“รุ้ง”
รุ้งระวีหันขวับมา ตกใจที่เห็นทูนอินทร์
“คุณมาหาผมใช่ไหม”
รุ้งระวีไม่ตอบ
“เชิญข้างในก่อนไหม”
“สบายดีแล้วเหรอคะ”
“ผมไม่เป็นไรแล้ว แต่ก็ต้องพักฟื้นสักระยะกว่าจะแข็งแรงเหมือนเดิม ทำไมไม่มาเยี่ยมผมเลย”
“งานยุ่งน่ะค่ะ อีกอย่างคุณคงมีคนดูแลอยู่แล้ว”
“ใครครับ”
“ฟ้าใสไงคะ”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีอย่างงุนงงสงสัย รุ้งระวีมองตอบอย่างท้าทาย
แสงหล้าเดินอ้อมมาใกล้ห้องทำงานทูนอินทร์ ได้ยินเสียงรุ้งระวีกำลังพูดกับทูนอินทร์ จึงเข้าไป หลบมุมต้นไม้
“คุณยังเชื่ออยู่เหรอครับว่าผมกับฟ้าใสมีอะไรกัน”
“ฉันเคยเชื่อคำพูดของคุณ แต่จากที่ฉันได้เห็น ได้ยิน ฉันพบว่าฉันเชื่อคำพูดคุณไม่ได้อีกแล้ว”
ทูนอินทร์เสียงกร้าวขึ้น
“คุณได้เห็น ได้ยินอะไร”
รุ้งระวีสวนทันที
“คุณไม่ต้องมาถาม คุณรู้อยู่แก่ใจตัวเอง วันนั้นคุณกอดกับยายฟ้าใสในห้องนอน สองต่อสอง แล้วยังขึ้นไปร้องเพลงสะพานรุ้ง ต่อหน้าแขกในงานด้วยกัน เพลงที่ เพลงที่คุณบอกว่า คุณแต่งให้ฉันคนเดียว”
รุ้งระวีสะอื้น ทูนอินทร์อ่อนลง
“รุ้ง คุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ผมจำเป็นต้องขึ้นไปร้องเพราะเหตุการณ์มันบังคับ ฟ้าใสมางานในฐานะตัวแทนนายดำรง เมื่อเขาเชิญ ผมก็ต้องให้เกียรติเขาขึ้นไปร้องร่วม”
“แล้วทำไมต้องเป็นเพลงสะพานรุ้ง””
“ฟ้าใสบังคับให้ผมร้องเพลงนี้ ผมไม่ได้อยากร้องเลยสักนิด คุณถามเจ๊หอยก็ได้”
“นั่นมันบทบาทนึง ของคุณต่างหาก”
“อะไรนะบทบาท”
“มันคืออีกบทบาทนึงของคุณ ต่อหน้าคนอื่น แกล้งทำเป็นไม่เต็มใจกับฟ้าใส แต่ลับหลัง คุณก็ยังคงบทบาทสามีกับเธออยู่ หลับนอนกับเธอทุกครั้งที่มีโอกาส”
ทูนอินทร์นิ่งอึ้งไป ไม่คิดว่ารุ้งระวีจะคิดได้ขนาดนี้
“ใครปั่นหัวคุณให้มาพูดอย่างนี้ นายอิทธิกับยายฟ้าใสใช่ไหม”
รุ้งระวีโวยอย่างโมโห
“ไม่ใช่ใครทั้งนั้น ฉันเองที่จับได้ว่าคุณไม่ซื่อกับฉัน คุณอยากได้ฉันมาเข้าค่ายเพลงของคุณ เพื่อให้ฉันเป็นตัวขาย เหมือนที่คุณเคยทำกับฟ้าใส”
ทูนอินทร์ตวาด
“ไม่จริง”
รุ้งระวีสวน
“มันเป็นเรื่องจริง คุณไม่ได้รักฉันที่ตัวฉัน แต่คุณรักที่ฉันจะทำเงินทำทองให้คุณ ให้ฉันทำประโยชน์ให้คุณ”
ทูนอินทร์เข้าถึงตัวรุ้งระวี กระชากอย่างแรง
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ เธอจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว”
รุ้งระวีหยุดพูด ร้องไห้โฮออกมา ทูนอินทร์น้ำตารื้น
แสงหล้าแอบดูอยู่ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ถ้าเธอดูถูกฉันอีกคำเดียว ฉันจะบีบคอให้ตายไปเดี๋ยวนี้”
ทูนอินทร์เลื่อนมือมาที่คอ รุ้งระวีมองทูนอินทร์อย่างแข็งกร้าว
“ฆ่าฉันเลยซี ฆ่าฉันเลย ฉันจะได้ไม่ต้องโดนคนอย่างคุณหลอกอีก”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวี แล้วปล่อยมือเดินแยกมาหันหลังให้ ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ แต่พยายามระงับสติ
“พูดจบแล้วใช่ไหม ถ้าจบแล้วก็กลับไปได้ กลับไปหาเจ้าอิทธิคนรักของคุณไปซี้”
รุ้งระวีขมวดคิ้ว มองทูนอินทร์อย่างเอาเรื่อง
“อะไรนะ คนรักของฉัน”
ทูนอินทร์หันมามองรุ้งระวี ยิ้มหยัน
“ใช่ นายอิทธิคนรักของคุณไง”
“ฉันไม่ได้รักนายอิทธิ”
“ฮ่ะ โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เธอหาว่าฉันหลอกลวง แล้วเธอล่ะ เธอมันก็นังแพศยาลวงโลกเหมือนกัน ไง ข้อเสนอของไอ้อิทธิ มันเหนือกว่าฉันมากนักใช่ไหม ถึงยอมเซ็นสัญญาต่อกับมัน ความจริงอาจไม่ใช่แค่ปีเดียวก็ได้ อาจเป็นสิบปีเลยด้วยซ้ำ”
“อย่ามากล่าวหากันชุ่ยๆ มีหลักฐานเหรอ”
“มีซี้ มีคนเห็นว่าเธอกอดจูบกับไอ้อิทธิ อยู่ที่สนามหน้าร้านฉัน คืนวันงานที่ฉันรอเธออยู่” ทูนอินทร์เดินเข้ามาใกล้ “ไง ข้อเสนอมันคงราคาดีมากเลยใช่ไหม เงินกี่ล้านล่ะ ถึงยอมทอดกายให้มันขนาดนี้ หรือว่า ชอบที่มันปรนเปรอสวาทให้เธอจนอิ่ม”
รุ้งระวีตบหน้าทูนอินทร์ฉาดใหญ่ ทูนอินทร์ขบกรามแน่น มองเธอด้วยโทสะล้วนๆ แล้วกระชากร่างรุ้งระวีมาปล้ำกอดจูบ
“ปล่อยฉัน”
“ฉันเทิดทูนเธอมากเกินไป แต่ตอนนี้ฉันจะบดขยี้เธอให้เหมือนขยะ”
ทูนอินทร์ยึดร่างรุ้งระวีไว้ แล้วจูบเธออย่างรุนแรง ประกบริมฝีปากอย่างเนิ่นนานจากความรุนแรงดุดัน กลายเป็นความนุ่มนวล อบอุ่น
เมื่อถูกทูนอินทร์จูบ รุ้งระวีพยายามดิ้นรน แต่เขายึดร่างกอดรัดไว้แน่น เธอทานแรงไม่ไหวแน่นิ่งไป ทูนอินทร์ผละใบหน้าออกมา เธอหลับตานิ่งสะอื้นเบาๆซบหน้ากับไหล่ของเขา
“รุ้ง ผมขอโทษ”
รุ้งระวีทรุดเป็นลม ทูนอินทร์รวบร่างไว้ แล้วอุ้มเธอเข้าไปในห้องทำงาน แสงหล้าก้าวออกมามองตามไปในห้องทำงานด้วยความเป็นห่วง
ทูนอินทร์วางร่างรุ้งระวีลงกับโซฟายาว เธอหน้าซีดเซียว เขาอังหลังมือที่หน้าผากร้อนรุมๆ
“คุณมีไข้นี่”
ทูนอินทร์รีบออกจากห้องไป รุ้งระวีค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นแหวนในกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอลุกนั่ง แล้วหยิบแหวนขึ้นมามองเห็นว่าเป็นแหวนวงเดียวกับที่ทูนอินทร์ตั้งใจนำมาให้เธอคืนที่ถูกยิง หญิงสาวยิ่งช้ำใจ ขณะเดียวกันนั้น เสียงทูนอินทร์เดินกลับมา เธอรีบวางแหวนที่เดิม เขาเข้ามาพร้อมผ้าเย็นและกระป๋องใส่น้ำแข็ง
“เช็ดหน้าหน่อยนะ คุณมีไข้”
ทูนอินทร์จะเช็ดหน้าให้ด้วยผ้าเย็น รุ้งระวีลุกทันที
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“เราต้องคุยกันนะรุ้ง คุยกันให้รู้เรื่องว่าใคร หรืออะไรที่ทำให้ความรักของเรา มันกลายเป็นความเกลียดชังกันถึงขนาดนี้”
“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว เพราะเอาเข้าจริง มันไม่เคยมี ความรักของเรา คุณไม่เคยรักฉัน”
เธอมองไปที่แหวนเพชรนั้น แล้วยิ่งสะเทือนใจ เขามองตามไปที่แหวนแล้วหยิบ
“รุ้ง นี่แหวนที่ผมเตรียมไว้ให้คุณ วันงานเปิดค่ายเพลง ผมจะขอคุณแต่งงานในวันนั้น”
รุ้งระวีมองแหวนในมือของเขาด้วยอารมณ์หวั่นไหว
“นี่ยังไม่พิสูจน์อีกหรือว่าผมรักคุณ”
“ไม่เลย แหวนวงนี้คือภาพลวงตา เมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มสงสัยในตัวคุณ คุณก็จะมีของกำนัลสวยหรูมาปลอบใจฉัน ลวงฉันให้ลืมความจริงไปชั่วครู่ชั่วยาม”
ทูนอินทร์เสียใจ
“คุณคิดกับผมอย่างนั้นจริงๆเหรอ ผมหลอกลวงคุณ ขนาดนั้นจริงๆเหรอ”
รุ้งระวีมองหน้าเขา
“ใช่ หลอกลวงอย่างที่ฉันให้อภัยไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่อง...”
หญิงสาวนิ่งไป ชายหนุ่มจ้องหน้าคาดคั้น
“เรื่องอะไร”
“ฉันไม่อยากพูด”
“บอกมา”
“เรื่องแม่ฉันไง”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีด้วยสายตาผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกล่าวหา ทั้งงุนงงสงสัยและเจ็บปวด แสงหล้าที่แอบมองทางหน้าต่าง ตะลึงงัน
จุ๊บแจงกับอิทธิทานกันอยู่ อินทรและเมธมองมาจากในร้าน
“พี่ครับ นายอิทธิมาทานร้านเรา”
“นั่นซี เมื่อกี้พี่เห็นเจ๊หอย รุ้งมาด้วยรึเปล่า”
“ไม่เห็นครับ”
อินทรมองไปทั่วๆ พลางส่านหน้า ขณะที่ในห้องทำงาน ทูนอินทร์ยังงงงัน
“เรื่องแม่ ผมโกหกอะไรเรื่องแม่คุณ”
“เรื่องที่แม่โทรมาหาคุณไง มันไม่ใช่เรื่องจริง คุณกุเรื่องขึ้นมาทั้งหมด”
“ผมจะทำไปเพื่ออะไร”
“เพื่อให้ฉันเกิดความหวังไง ว่าแม่ยังอยู่ ตามมาดูคอนเสิร์ตฉัน เฝ้าดูฉันอยู่ห่างๆเมื่อฉันเกิดความหวังและวางใจในตัวคุณ คุณคือฮีโร่ของฉัน สักวันคุณจะพาแม่มาพบฉันจนได้ เมื่อฉันวางใจ คุณก็ชักจูงไปทางไหนก็ได้”
ทูนอินทร์ชะงัก
“คิดร้ายกับผมขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันคงไม่คิดแบบนี้ ถ้าแผนของคุณมันแนบเนียน แต่จริงๆแล้วมีรูรั่วหลายอย่าง ทำไมแม่ติดต่อคุณอยู่คนเดียว ทำไมท่านไม่โทรหาฉัน คุยกับฉัน หรือแสดงตัวออกมาให้เห็น”
“ท่านบอกแล้วว่ากลัวอันตรายจะเกิดกับคุณ เพราะมีคนใกล้ตัวคิดร้ายกับคุณอยู่”
รุ้งระวีไม่เชื่อ
“มันก็แค่ข้ออ้างที่คุณสร้างขึ้นนั่นแหละ จริงๆแล้วผู้หญิงคนนั้นคุณจ้างมาใช่ไหม”
ทูนอินทร์เลือดขึ้นหน้า หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา
“เอาละ เพื่อเป็นการพิสูจน์ คุณอยากคุยกับท่านใช่ไหม ได้ ผมมีเบอร์มือถือท่านอยู่”
แสงหล้าที่แอบมองอยู่ เห็นทูนกำลังต่อสาย เธอรีบหลบจากมุมนั้นทันที รุ้งระวีมองทูนอินทร์ที่กดมือถืออย่างงุนงง
อ่านต่อหน้า 2
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 17 ต่อ
แสงหล้ารีบหลบมุมมา เพราะกลัวเสียงมือถือจะดังเข้าไปในห้องทำงาน มือถือเธอดังขึ้นจริงๆ จึงตัดสินใจรับสาย
“คะ”
“แม่แสงหล้านะครับ”
“ค่ะ ฉันพูด คุณทูนใช่ไหม”
“ใช่ครับ รุ้งอยู่กับผมตรงนี้ รุ้งอยากคุยกับแม่”
“เออ ฉะ...ฉันยังไม่พร้อมจะคุย”
“ผมขอร้อง พูดกับรุ้งเถอะครับ เพราะตอนนี้เขาหาว่าผมสร้างแม่ปลอมขึ้นมา หลอกเขา”
ทูนอินทร์ส่งมือถือให้
“แม่พร้อมจะพูดกับคุณแล้ว”
รุ้งระวีรับสายมาหน้าเย็นชา
“รุ้งค่ะ”
แสงหล้านิ่งงันไปพูดไม่ออก รุ้งพูดเสียงกร้าว
“รุ้งพูด ได้ยินไหม”
“ดะ...ได้ยินจ๊ะ”
“แม่แสงหล้าใช่ไหม”
แสงหล้าเสียงสั่น
“ใช่ลูก แม่เอง”
“ทำไมเสียงสั่นขนาดนั้นละคะ กลัวเหรอ”
“แม่ดีใจน่ะลูก ที่แม่ได้คุยกับลูกในที่สุดเราก็ได้คุยกันเสียที”
“นั่นซีคะ เบอร์หนูแม่ก็น่าจะมี ทำไมไม่โทรมาคุยกับหนูบ้าง ทำไมต้องผ่านทางคุณทูน”
“แม่ไม่กล้า”
“ทำไมไม่กล้า แม่รู้ไหมว่าหนูตามหาแม่ไปทั่ว แทบพลิกแผ่นดิน”
แสงหล้าเสียใจ
“คือแม่ มันนานเหลือเกินนะรุ้งที่เราจากกัน แม่ไม่อยู่ในสภาพของแม่คนเดิมที่รุ้งจำได้ แม่กลัวว่ารุ้งจะยอมรับสภาพของแม่ไม่ได้”
รุ้งระวีโมโห
“คนเป็นแม่ ถ้าเขารักลูก ยังไงเขาก็ต้องมาหาลูก เอาละ บอกความจริงมาเสีย ไม่กล้ามาพบหน้าฉัน เพราะแกไม่ใช่แม่จริงของฉันใช่ไหม”
แสงหล้าช็อก ทูนอินทร์ตกใจ
“รุ้ง พูดอะไร”
“อย่ามายุ่ง แกก็คงเหมือนนังผกา ที่สวมรอยมาเป็นแม่ฉัน บอกมาแกร่วมมือกับนายทูนหลอกฉันใช่ไหม”
“ไม่นะรุ้ง ไม่ใช่”
รุ้งระวีร้องไห้โฮ
“อย่ามาโกหก เขาจ้างแกมาเท่าไหร่ล่ะ ฉันจะจ้างแกต่อให้เงินเป็นสามเท่าเลย ให้แกโชว์ตัวออกมา จะได้กระชากหน้ากากลวงโลกของนายทูนเสียที”
แสงหล้าพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ทูนอินทร์ไม่พอใจ
“พอแล้วรุ้ง เธอพูดกับแม่บังเกิดเกล้าแบบนี้เหรอ”
“ไม่ต้องมาห้ามฉันนะ ” รุ้งพูดมือถือกับแม่ต่อ “ฉันจะบอกความจริงให้แกรู้ แม่ฉันตายไปแล้ว ตายไปเป็นปีแล้วด้วย”
แสงหล้าช็อก ทูนอินทร์ตะลึง
“รุ้ง พูดอะไร”
ทูนอินทร์เข้ามาแย่งมือถือ รุ้งถอยไปร้องไห้
“แม่ครับ แม่”
แสงหล้าพิงผนังตึกหมดแรงตอบค่อยๆทรุดลงนั่งที่พื้นสนาม มือถือตกจากมือร้องไห้จะขาดใจ ทูนอินทร์ยังพูดสาย...
“แม่แสง”
สายถูกตัดไปแล้ว เขากดวางสาย รุ้งระวีมองอย่างสะใจ และเหยียดหยามแต่น้ำตาก็ไหลพรากไปด้วย
“ยังเล่นละครตบตาฉันอีกเหรอ”
“เธอไปเอามาจากไหนว่าแม่ตายแล้ว”
“ฉันไปที่แพร่ อัฐิแม่อยู่ที่นั่น”
“แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าคือแม่เธอ”
“มีหลักฐานยืนยันทุกอย่าง ของที่แม่เก็บไว้ ทั้งรูปถ่ายของแม่ รูปของฉันวัยเด็ก จดหมายที่แม่เขียนถึงฉันที่อเมริกา แต่ไม่ได้ส่งไป”
“แล้วคุณก็เชื่อ”
“ฉันเชื่อ เพราะหลักฐานมันยืนยันพร้อม”
“เมื่อครั้งยายผกา ก็มีหลักฐานยืนยันเหมือนกัน ถ้วยรางวัลนั่นไง คุณก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ”
“ก็ยังดีกว่าเสียงตามสาย ที่ไม่มีอะไรยืนยันเลยสักอย่าง”
ทูนอินทร์นิ่งไป รุ้งระวีเช็ดน้ำตา
“เอาเป็นว่าฉันเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณแล้ว เราจบกันเท่านี้ อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป”
รุ้งระวีออกจากห้องทำงาน ทูนอินทร์กำหมัดแน่น มองตามจนเธอลับไปจากสายตา เขาพยายามระงับความโกรธแต่แล้วก็ระงับไว้ไม่อยู่ผลุนผลันออกจากห้องตามไป
รุ้งระวีเดินกลับมาที่ลานจอดรถ ยืนพิงรถร้องไห้สะอื้น ทูนอินทร์ตามมา
“รุ้ง”
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไปไหนก็ไปเลย”
“ต้องพูดให้รู้เรื่อง เอาหลักฐานที่คุณว่าเป็นของแม่มาให้ผมดู ผมจะพิสูจน์ว่ามันของจริงหรือปลอม”
“นี่ยังจะดันทุรังว่าตัวเองบริสุทธ์ใจอยู่อีกงั้นเหรอ พอได้แล้ว ฉันรู้แล้วว่าคุณมันเสแสร้งแค่ไหน”
“นี่คุณโง่เง่าให้นายอิทธิมันปั่นหัวคุณอีกแล้วใช่ไหม”
“นาย อิทธิมาเปิดโปงความจริงของคุณต่างหาก คุณอย่ามายุ่งกับฉันอีก ฉันจะลืมเรื่องที่ผ่านมาของเราทั้งหมด”
“ได้ แต่จะบอกให้นะ ผู้หญิงที่โทรมาคือแม่แสงหล้า แม่แท้ๆของเธอ ท่านยังมีชีวิตอยู่ และตอนนี้ท่านคงเจ็บปวดมากที่มีลูกเลวๆอย่างคุณ พูดจาเลวๆกับท่านแบบนั้น”
“หยุดพูดได้แล้ว”
“ถ้าเธอไม่คิดจะตามหาแม่อีก ไม่เป็นไร ฉันจะตามแม่แสงหล้าให้เจอเอง แล้วฉันจะพาแม่ไปพบเธอ เพื่อพิสูจน์ว่าเธอมันก็แค่นังลูกโง่ ๆ ที่ยอมเชื่อคนเลวๆ อย่างเจ้าอิทธิ ตอนนั้นแม้แต่กราบเท้าแม่ขอโทษ เธอมันชำระบาปตัวเองได้ไม่หมด เพราะเธอมันลูกทรพี”
รุ้งระวีตบหน้าเขาอย่างแรง ทูนอินทร์ตาวาววับด้วยโทสะแล้วรวบร่างรุ้งระวีมากอดปล้ำ
“กรี๊ด ๆ”
รุ้งระวีสู้สุดชีวิต กรี๊ดสนั่น อิทธิและทุกคนได้ยินวิ่งกรูกันออกไปจากร้าน
ทูนอินทร์ยังปล้ำรุ้งระวีไม่เลิก คม เดช คำรณวิ่งเข้ามากระชากร่างทูนอินทร์จากรุ้งระวี เดชชกหน้าเขาล้มไป คำรณตามมาเตะเข้าที่ท้องของทูนอินทร์จนตัวงอ กลุ่มในร้านวิ่งออกมา หนาน คูน อินทร เมธตะโกนห้าม
“เฮ้ย! หยุดนะ”
คำรณจะเตะอีกครั้ง หนานกับคูนผลักอกคำรณ จนเซไป หนานมองหน้าคำรณ
“เตะอีก มึงโดน”
อินทรและเมธช่วยประคองทูนอินทร์ลุกขึ้นมา ทูนอินทร์ทำท่าจะเข้าหาคำรณอีก อินทรกับเมธรั้งไว้
“เกิดอะไรขึ้น” อิทธิถามเสียงเข้ม
จี่หอยเข้าไปหารุ้งระวีที่ยังร้องไห้อยู่ จุ๊บแจงมองอย่างสะใจ
“ไม่มีอะไรค่ะ เราไปจากที่นี่เถอะ” รุ้งระวีตัดบท
อิทธิไม่พอใจ
“ยังไปไม่ได้ครับ เพราะผมต้องรู้ก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ทูนอินทร์มองหยัน
“บอกเขาไปซี้รุ้ง ว่าผมอยากจะปล้ำคุณให้เหมือนกับคืนนั้นที่คุณกับนายอิทธิ มาปล้ำจูบกันอยู่ตรงนี้ไง”
“เฮ้ย เรื่องของฉันกับรุ้ง อย่ายุ่ง”
“มีสิทธิ์ซีวะ นี่ร้านของฉัน นายกับยายหลายใจคนนี้มาทำมิดีมิร้ายในร้านฉัน ฉันต้องยุ่งและวิธีของฉันมันต้องปล้ำซ้ำ ให้สมกับความหลายใจของยายนี่”
อิทธิหัวเราะ
“มันต่างกันนะโว้ย แกใช้กำลังบังคับแต่กับฉันรุ้งเขาเต็มใจ”
“โถ ไอ้ควาย”
ทูนอินทร์ถลาเข้าชก อิทธิล้มไปกับพื้น จุ๊บแจงกับหอยกรีดร้อง ทูนอินทร์เข้าซ้ำ คมเข้าห้ามโดนทูนอินทร์ชกเข้าไปอีกหมัด เมธ อินทร หนาน คูนเข้าห้ามทั้งสองฝ่าย จุ๊บแจงกรี๊ดไม่เลิก เข้าประคอง อิทธิ ขณะกำลังชุลมุนอยู่นั้น
คำรณและเดชพยักหน้ากัน แล้วแว่บออกจากกลุ่มทันที โดยไม่มีใครสังเกต
คำรณและเดชวิ่งอ้อมมาที่ห้องทำงานทูนอินทร์ มองซ้ายขวาแล้วผลุบเข้าไปในห้อง แสงหล้าที่ยังนั่งร้องไห้อยู่อีกมุมของตึก ได้ยินเสียงประตูเปิดปิด เดินอ้อมมาแอบมองที่หน้าต่าง แล้วตะลึงไปเมื่อเห็น คำรณและเดชกำลังค้นหาของ
คำรณตรงมาที่ตู้เอกสารแล้วหยิบกุญแจผีออกมา เดชไปที่เครื่องคอมเปิดเครื่องทันที แล้วมองหาไฟล์เพลง แสงหล้ามองผ่านหน้าต่างเข้ามาตกใจ เธอคิดจะเรียกคนเข้ามาดีไหม แต่กลัวว่าถ้านายคำรณถูกจับได้ตัวเองจะต้องแสดงตัวต่อหน้าคำรณ แสงหล้าคิดหาทางอื่นแล้วหยิบมือถือขึ้นมาอย่างคิดออกว่าจะทำยังไง
เดชหัวเราะเบา ๆ
“โชคดีโว้ย ไม่ต้องมีพาสเวิร์ด เข้าได้เลย”
คำรณไขกุญแจตู้ แล้วเปิดออกไป หยิบสมุดโน้ตเพลงทั้งเล่มออกมา แล้วเปิดดู แสงหล้าหยิบมือถือแล้วกดถ่ายคลิปไว้
“เฮ้ย เพลงเพียบ ทั้งโน้ต ทั้งเนื้อร้อง”
“ผมได้เล่มนี้มาแล้ว เพลงเพียบเหมือนกัน”
“เก็บไปด้วย” เดชมองหน้าจอ “ขอดูดมาทั้งหมดเลยนะ น้องรัก”
เดชเสียบฮาร์ดไดรฟ์เข้ากับเครื่อง แล้วก็อปปี้ทั้งหมดลงมา คำรณมองซ้ายขวา แสงหล้าหลบวูบ
“เร็วครับ”
แสงหล้าโผล่มาอีกครั้ง แล้วถ่ายต่อเนื่อง
ด้านนอก อิทธิยังเล่นบทโวยวายอยู่ จุ๊บแจงและคมยังเป็นทับหลัง ทูนอินทร์ในสภาพบอบช้ำ ถูกหนานและคูนยึดไว้ รุ้งระวียังร้องไห้กับจี่หอย เมธไกล่เกลี่ย
“ผมขอนะครับ เลิกแล้วต่อกันเถอะ”
“ไม่ได้โว้ย ไอ้นี่มันชกอั๊ว ยังไงก็ต้องเอาเรื่อง”
“แจ้งตำรวจเลยค่ะ ทำร้ายร่างกาย” จุ๊บแจงยุ
ทูนอินทร์โกรธจัดตวาดไล่
“ออกไป ออกไปจากร้านฉัน ทั้งหมดน่ะ แล้วพายายหลายใจเมียแก ออกไปด้วย”
อินทรพยายามห้าม
“พี่ทูน อย่าพูดอะไรอีกเลยครับ”
เมธหันไปสั่งอินทร
“พากลับไปที่ห้องทำงานไป”
“ครับ”
หนานและคูนหิ้วทูนกลับไป อิทธิมองหน้าคมเอาไงดี มันจะกลับไปห้องทำงานแล้ว คมพยักหน้ารับรู้กัน
“เฮ้ย จำไว้นะ รุ้งเป็นของฉัน ของฉันคนเดียว”อิทธิพยายามถ่วงเวลา
ทูนอินทร์ชะงัก หันมาพร้อมกับอินทร หนาน คูน เมธพยายามขอร้อง
“คุณอิท กลับไปก่อนเถอะครับ แล้วกรุณาอย่ากลับมาที่ร้านผมอีก”
“อ้อ ขู่เหรอวะ ขู่เหรอ”
อิทธิผลักอกเมธ
“อ้าว ผลักอกกันอย่างนี้เป็นเรื่องซีวะ”
เมธผลักอกอิทธิบ้าง คมกระโดดเข้าชกเต็มหน้าเมธล้มไปกับพื้น
“เฮ้ย รุม” ทูนอินทร์สั่ง
ทั้งหมดวิ่งเข้ามาช่วยเมธ ทูนอินทร์จะเข้าประชิดอิทธิ ส่วนหนานกับคูนจะจัดการคม แต่คมกระชากปืนออกมาแล้วยิงขึ้นฟ้า จุ๊บแจง จี่หอย รุ้งระวีร้องกรี๊ด กลุ่มทูนชะงักกันไป
ด้านใน คำรณกับเดชได้ยินเสียงปืนก็สะดุ้ง
“ยิงกันแล้วครับ เสร็จยังพี่”
“เรียบร้อย”
เดชปิดเครื่อง ดึงฮาร์ดไดรฟ์ออกมา คำรณเก็บสมุดโน้ตไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต ทั้งสองออกจากห้องไป
แสงหล้าโผล่จากมุมตึกแอบมองมา ยกมือถือตามถ่ายจนทั้งสองวิ่งพ้นมุมตึกไป เธอมองอย่างเครียดๆไม่รู้จะแก้สถานการณ์อย่างไร
คำรณและเดชวิ่งมาสมทบกับกลุ่มข้างนอก ทั้งสองฝ่ายยังคุมเชิงกันอยู่ คมยังจ่อปืนที่กลุ่มทูนอินทร์ คำรณและเดชชักปืนออกมาบ้าง อิทธิมองทั้งคำรณและเดช พยักหน้าให้สัญญาณกันว่าขโมยเพลงมาได้แล้ว อิทธิหันมขู่พวกทูนอินทร์
“เอาซีวะ อยากซ่าส์นัก อั๊วจะยิงทิ้งพวกแกหมดทั้งร้านเลย”
ทูนอินทร์ฮึดฮัดไม่กลัว
“แน่จริ .ก็ยิงเลยซีวะ ยิงเลย”
อิทธิเจื่อนไป รุ้งระวีเข้ามาดึงอิทธิ
“คุณอิทไปเถอะค่ะ”
“ได้ ไม่อยากเสียกระสุนแลกกับชีวิตพวกแกว่ะ มันไม่คุ้มค่ากระสุน”
คำรณกลับไปที่รถ คมและเดชคุ้มกันให้อิทธิ รุ้งระวี จี่หอย จุ๊บแจงขึ้นรถไป ทูนอินทร์มองหน้ารุ้งระวีผ่านกระจกรถ รุ้งระวีพยายามไม่มองตอบ รถแล่นออก หนานหันมาถามเมธอย่างเป็นห่วง
“นายเมธ เป็นยังไงครับ”
“ปากบวมซีวะ ไม่เป็นไรหรอก กลับร้านเถอะ”
“พวกมันยังไม่ได้จ่ายตังค์ค่าอาหารเลยนะพี่” คูนบอก
“ไปครับพี่ทูน”
อินทรจะพาพี่ชายกลับเข้าร้าน แต่ทูนอินทร์ยังเดือดดาล สะบัดหลุด วิ่งกลับไปที่ห้องทำงาน เมธตกใจ
“เฮ้ย ดูมันหน่อย ท่าทางจะคลั่งว่ะ”
ทั้งสี่รีบวิ่งตามมาที่สนามหน้าห้องทำงานพบว่าข้าวของในห้องกำลังถูกเหวี่ยงออกมา เมธหน้าตื่น
“คลั่งจริงๆด้วย ไปห้ามเร็ว”
อินทร เมธ หนาน คูน รีบวิ่งเข้าห้องเห็นทูนอินทร์เปิดตู้คว้าสมุดโน้ตเพลงออกมาแล้วปากระเด็นออกมาจากห้อง
“พี่ทูน หยุดครับ พี่ทำอะไรครับเนี่ย”
“ฉันจะเผามันให้หมด เพลงที่ฉันแต่งให้ยายรุ้ง”
หนานเข้าห้าม
“โธ่ เผาไปก็ไม่หมดหรอกครับนาย เพราะเพลงมันอยู่ในคอมนี่ครับ”
ทูนอินทร์นึกได้หันไปมองเครื่องคอม กระชากสายไฟออกทันที แล้วจะยกเครื่องเอาไปโยนทิ้ง คูนมองหน้าหนานเซ็งๆ
“เอ็งไม่น่าพูดเลย”
เมธและอินทรเข้าห้ามยึดเครื่องไว้
“เฮ้ย ทูน ทำลายเครื่องจะไปมีประโยชน์อะไรวะ”
“งั้นผมจะลบเพลงในเครื่องทิ้งให้หมด”
อินทรถอนใจ
“งั้นพี่ก็ต้องตามไปลบหลายเครื่องเลยละครับ ทั้งของผม ทั้งของพี่เมธ”
ทูนอินทร์วางคอมลงอย่างเหนื่อยหน่าย ทิ้งตัวลงนั่ง
“ฉันจะกำจัดทุกอย่าง ที่เคยเป็นของยายหลายใจคนนั้น”
ทูนอินทร์มองไปเห็นแหวนที่วางอยู่ในกล่อง
“โดยเฉพาะไอ้แหวนวงนี้”
ทูนอินทร์ออกจากห้องเดินตรงไปที่สนาม แล้วปาแหวนไปที่บ่อปลาก่อนจะเดินจากไป เมธ หนาน คูน อินทรรีบตามมา เมธตกใจ
“เฮ้ย ไปเก็บมาเร็ว ของแพง”
หนานและคูนวิ่งมาที่บ่อปลา แล้วลงไปช่วยกันงมหาแหวน
“เจอไหม” คูนถาม
หนานยิ้ม
“เจอแล้ว นี่ไง”
คูนส่ายหน้า
“นั่นมันหัวแม่ตีนข้า”
สองวันต่อมา ฟ้าใสกำลังฟังเพลงต้มยำลำซิ่งจากเครื่องในร้านอาหาร อิทธิยิ้มกริ่มอยู่ตรงข้าม
“เยี่ยม เพลงนี้แหละที่ฉันได้ยินจากบ้านนายทูน”
“ชื่อเพลงว่าต้มยำลำซิ่ง คิดว่านายทูนคงแต่งไว้ร้องกับรุ้งโดยเฉพาะร้อง โต้ตอบกันคนละท่อน”
“แหม อยากร้องเองจัง แล้วมีเพลงอื่นอีกไหม”
“ที่ใช้ได้อีกสองเพลง แต่ผมจะปล่อยเพลงนี้ออกมาเรียกน้ำย่อยก่อน ดัดแปลงเนื้อเพลงนิดหน่อย ให้รุ้งร้องคนเดียว”
“แน่ใจนะว่าเพลงไม่ได้จดลิขสิทธิ์แล้ว”
อิทธิยิ้ม
“สืบมาแล้วเรียบร้อย เจ้าทูนไม่ได้จดลิขสิทธิ์ใดๆ มันเลินเล่อเหมือนสมัยที่ถูกเธอหลอกไม่มีผิด”
“ไม่ต้องเท้าความเรื่องของฉันหรอกค่ะ เอาเป็นว่างานนี้นายทูนจะต้องเข้าใจผิดว่ายายรุ้งขโมยเพลงของเขา”
“ถูกต้อง”
ฟ้าใสยิ้มอย่างพอใจมาก
“เท่านี้แหละ ฉันพอใจแล้ว”
เฉลาทานอาหารอยู่กับเพื่อนคุณนาย อยู่ที่โต๊ะอีกมุมของร้าน
“คุณพี่คะ มองไปมุมนั้นซีคะ ถ้าดิฉันดูไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นยายฟ้าใสคู่ปรับคุณพี่นะคะ”
เฉลาเหลือบมองไป เห็นฟ้าใสกับอิทธิกำลังหัวเราะ
“นั่นนายอิทธินี่”
เฉลาหยิบมือถือแล้วส่งให้คุณนาย
“คุณน้องช่วยหน่อยค่ะ ทำทีเป็นถ่ายพี่นะ แต่ซูมไปถ่ายสองคนนั่นเลย”
“จัดให้ค่ะ”
คุณนายยกกล้อง เฉลายิ้มแย้ม คุณนายเลื่อนกล้องซูมเข้าไปที่อิทธิ และฟ้าใสถ่ายเป็นคลิปไว้
วันต่อมา เฉลาเปิดคลิปในมือถือที่ฟ้าใสกำลังคุยกับอิทธิให้ดำรงดู
“ไง นัดเจอกันแบบนี้ เฮียมีอะไรติดใจไหม”
“ไม่น่าติดใจอะไร”
“คุยกับนาย อิทธินะเฮีย แม่นี่อาจจะทรยศเฮียก็ได้นะ อย่าลืม นังนี่มันงูพิษ”
“ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องอย่างนี้เฮียไหวตัวทัน ยังไงก็ขอบใจที่เป็นห่วง”
“สำหรับผู้หญิงคนนี้ ฉันเป็นห่วงเฮียจริงๆ”
เฉลามองสามีสายตานั้นยังมีความรักอยู่ แต่รู้ว่าดำรงจืดจางกับเธอเกินรื้อฟื้นอีกแล้ว เธอทำใจลุกจากไป ดำรงมองภาพมือถือ ครุ่นคิดบางอย่าง
รุ้งระวี จี่หอย มะปรางนั่งมองกล่องของที่อินทรวางลงตรงหน้า
“ของๆพี่รุ้งครับที่อยู่ที่บ้านอินสรวงครับ พี่ทูนเขารวบรวมส่งมาคืนให้”
“ขอบใจที่เอามาคืน” รุ้งระวีพูดห้วนๆ
จี่หอยมองอินทร
“แหม คุณทร ส่งคืนมาแบบนี้ จะไม่มีเยื่อใยกันแล้วใช่ไหม”
อินทรพูดไม่ออก
“ดีแล้วละค่ะ หมดเยื่อใยกันนั่นแหละ ดีแล้ว”
รุ้งระวีคว้ากล่องของแล้วขึ้นชั้นบนไป มะปรางมองหน้าอินทรแล้วเชิ่ดลุกขึ้น
“ตัดบัวต้องไม่ให้เหลือใยค่ะพี่หอย”
มะปรางแยกไป อินทรใจเสีย
“เรื่องพี่ทูน พี่รุ้ง พอเข้าใจนะครับว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่กับมะปราง ผมไม่เข้าใจเลย อยู่ดีๆ เขาก็เกลียดขี้หน้าผมขึ้นมา”
“รู้ไหมว่าเขาเกลียดน้องทร ตั้งแต่ตอนไหน”
“ดูเหมือน ตั้งแต่ที่ผมพาจ๊ะจ๋ามาซ้อมร้องเพลงที่บ้านมั้งครับ”
จี่หอยยิ้มๆ
“งั้นรู้แล้ว”
อินทรงงๆ
“ทำไมครับ”
“ปรางมันหึงทรน่ะ”
อินทรตะลึง
“หา หึงผม หึงผมกับจ๊ะจ๋า น่ะเหรอครับ”
“ถูกต้อง พี่หอยสังเกตมาหลายครั้งแล้ว คิดว่าดูไม่ผิด เพราะเหมือนสมัยที่พี่หึงสามีคนที่หก ยังไงยังงั้น”
อินทรยิ้มออก
“แสดงว่า มะปรางเขามีใจกับผมใช่ไหม”
“ก็ต้องมีซี ไม่งั้นเขาจะหึงเหรอ แหม ทรก็ออกหล่อล่ำขนาดนี้”
จี่หอยถือโอกาสลูบคลำ อินทรยังดีใจไม่ทันนึก
“ดีใจที่สุดเลย มะปรางรักผม ชอบผม ขอบคุณมากครับพี่หอย”
อินทรเข้าหอมแก้มจี่หอยหนึ่งฟอด จี่หอยตะลึง
“นานมากแล้วไม่เคยถูกผู้ชายหอมแก้ม ทรทำให้ฝันพี่เป็นจริง มา...หอมอีกข้าง”
อินทรชะงัก
“พอครับ พี่หอย พี่หอยต้องช่วยผมนะ”
“ยินดีเลย ไปขึ้นช่วยกันบนห้องนอนเลยไป”
อินทรสะดุ้ง
“ไม่ใช่...ให้ช่วยเรื่องมะปรางครับ”
จี่หอยเซ็ง
“อ้าว หมดมู้ด ช่วยยังไงล่ะ”
“ก็ผมจะจีบมะปรางให้สำเร็จไงครับ”
“ตกลงน้องทรไม่ได้จีบยายจ๊ะจ๋าหรอกเหรอ เห็นสนิทกันขนาดนั้น”
“เปล่าครับพี่ จ๊ะจ๋าแค่เพื่อน มะปรางน่ะ” อินทรยิ้มอาย ๆ “แฟน พี่หอย ผมมีแผนแบบนี้”
อินทรกระซิบข้างหู จี่หอยทำสยิว
“อุ๊ย คันหู เหรอ เอางั้นเลยเหรอ”
“ครับ แผนนี้ดีไหม”
“ได้ กระซิบอีกข้างซิ จะได้คันหูทั้งสองข้างเลย”
จี่หอยขยับตัว เอียงหูอีกข้างให้ อินทรมองงงๆ แล้วเผ่นออกจากบ้านไป จี่หอยยังเอียงหูอยู่
“กระซิบเร็ว คันหูไม่รู้เป็นอะไร้ เอาบวบเหลี่ยมมาปั่นก็ไม่หาย” จี่หอยรู้ตัวว่าอินทรไม่อยู่แล้ว “อ้าว น้องทร กลับไปแล้ว โธ่! พี่หอยคันหู จะทำยังไงล่ะ”
อ่านต่อ หน้า 3
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 17 ต่อ
แสงหล้าและส้มป่อย ช่วยกันเทกับข้าวที่ทำมาจากร้าน ลงในหม้อของที่บ้าน
“คุณทูนเป็นยังไงบ้าง ส้ม”
“ส้มก็ไม่ค่อยเจอน่ะค่ะ เลยไม่ได้อัพเดท รู้แต่ว่านายทูนชอบหลบไปอยู่คนเดียวที่ร้านก็ไม่ค่อยได้ไป ช่วงนี้นายทูน โซแซดเศร้ามาก”
ขาดคำเสียงโหวดของทูนอินทร์แว่วมาเศร้ามาก
“อุ๊ย ใครเป่าเพลงน่ะ เพราะจัง”
“มา ส้มจะพาป้าไปดู”
ส้มป่อยพาแสงหล้าออกจากบ้าน ทั้งสองเดินมากลางทุ่งมองไปยังเพิงแสงจันทร์ เห็นทูนอินทร์ในชุดลำลองเหมือนชาวบ้าน กำลังนั่งเป่าโหวด แสงหล้ามองอย่างแปลกใจ
“คุณทูนเหรอ เพลงเศร้าจังนะ”
“ใช่ เวลานายทูนเศร้า พวกเราจะรู้กันทั้งบ้าน เพราะเสียงเป่าโหวดของนายทูนนี่แหละ”
“แสดงว่าคุณทูนเคยเศร้ามาก่อน”
“ใช่ค่ะ เมื่อตอนที่ยายคุณนายฟ้าใสหนีนายทูนไป นายทูนก็เศร้าแบบนี้แหละ ครั้งนี้ก็มาอกหักเพราะพี่รุ้งอีกแล้ว” สัมป่อยน้ำตาหยดรีบเช็ดน้ำตา “สงสารนายทูนจริงๆฮือ”
ส้มป่อยสะอื้น แสงหล้าดึงมากอดไว้ แล้วเดินกลับไปด้วยกัน ทูนอินทร์เป่าเพลงช้าแสนเศร้า น้ำตาค่อยๆ ไหลพรากออกมา
รุ้งระวีที่นั่งอยู่ชั้นบน มองกล่องของอยู่นาน แล้วตัดสินใจเปิดออก พบว่าเป็นข้าวของส่วนตัวของเธอเอง หยิบออกมาแล้วพบว่ามีกระดาษชิ้นหนึ่งวางรวมอยู่ด้วย เธอหยิบขึ้นมาดูเห็นว่ามีเบอร์โทรศัพท์มือถือ และเขียนท้ายกระดาษว่า แม่แสงหล้า รุ้งระวีมองเบอร์นั้นอย่างชั่งใจ ไม่เข้าใจเจตนาของเขา แต่แล้วเธอก็เหมือนจะได้ยินเสียงโหวดของเขาอีกครั้ง รุ้งระวีเดินมาที่ระเบียงมองไปไกล เอาเข้าจริงๆเธอก็คิดถึงเขา
ทูนอินทร์ เป่าเพลงจบน้ำตานองหน้าเดินไปยังท้องทุ่ง มองทิวเขาตรงหน้าอย่างเจ็บปวดก่อนจะทรุดลงกับพื้น
“รุ้งระวี วันนี้จะเป็นวันสุดท้าย ที่ฉันจะเสียน้ำตาให้เธอ จำไว้” ทูนอินทร์ตะโกนลั่น “จำไว้”
เสียงของเขาสะท้อนก้องไปทั้งหุบเขา
หลายวันต่อมา รุ้งระวีกำลังบันทึกเสียงในห้องอัด จี่หอยกับอิทธิ และเจ้าหน้าที่กำลังอัดเสียงฟังอยู่ห้องคอนโทรล
“ต้มยำลำเพลิน เทคสาม” โปรดิวซ์สั่ง
รุ้งระวีร้องอีกครั้งแต่เพลงสนุกๆ รุ้งระวีร้องได้ไร้อารมณ์มากๆอิทธิฟังแล้วกลุ้มใจ
“พอก่อนดีกว่า”
โปรดิวซ์หันไปพูดกับไมค์
“พอก่อนครับ”
รุ้งระวีถอดหูฟัง ถอนใจเบื่อหน่าย
รุ้งระวีนั่งซึมอยู่ต่อหน้า อิทธิ และหอย เธอถือเนื้อเพลงในมือ
“รุ้ง เพลง ต้มยำลำเพลิน มันสนุกมากนะ ทำไมรุ้งร้องไม่มีชีวิตจิตใจเลยล่ะ”
“คงเพราะเนื้อเพลงมังคะ รุ้งรู้สึกว่าเพลงมัน...”
รุ้งระวีจะพูดว่าคล้ายเพลงที่ทูนอินทร์แต่งมาก แต่พูดไม่ได้
“เพลงมันยังไม่เข้าปากน่ะค่ะ แล้ววันนี้มึนๆ ด้วย ไม่ค่อยสบาย”
“งั้นพักก่อนดีกว่าไหมคะคุณอิท” จี่หอยแนะ
อิทธิถอนใจ
“เพลงนี้เราต้องเร่งนะ เพราะเพลงฮิตของรุ้งขาดช่วงมานานแล้ว เราจะต้องรีบอัด แล้วถ่ายมิวสิคเลยทันที มันจะเป็นฮิตเพลงที่สามของรุ้ง”
รุ้งระวีมองอิทธิอย่างสงสัย
“เพลงนี้ ใครเป็นคนแต่งคะ”
อิทธิอึกอัก ก่อนจะโกหกไป
“เออ ครูเพลงอิสระน่ะ เขาไม่เปิดเผยชื่อจริง ใช้แต่นามแฝง ทำไมเหรอ”
“ทั้งเนื้อ ทั้งทำนอง ทำให้นึกไปถึง...”
รุ้งระวีนิ่งไป อิทธิจ้องอย่างจับผิด
“ใครเหรอ”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
อิทธิโล่งใจ
“พักสักชั่วโมง แล้วเดี๋ยวเรามาเริ่มกันใหม่”
“ค่ะ”
อิทธิออกไป จี่หอยมองหน้ารุ้งระวี อย่างรู้ความนัย
“ทั้งเนื้อทั้งทำนอง ทำให้นึกไปถึงใครเหรอรุ้ง”
“อย่าพูดไปนะคะพี่หอย รุ้งนึกถึงคุณทูน”
“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ”
“ค่ะ ถ้าคุณทูนแต่งเพลงให้รุ้งร้อง ก็คงเป็นเพลงแนวนี้”
จี่หอยมองหน้า
“ไหนว่าลืมเขาแล้วไง”
รุ้งระวีสลดลลง
“พยายามอยู่ แต่เพลงนี้มัน...ทำให้นึกถึงเขาขึ้นมา ช่างมันเถอะค่ะ รุ้งต้องลืมให้ได้ เดี๋ยวรุ้งจะร้องใหม่ เอาให้สนุกสุดๆเลย”
จี่หอยจับมือให้กำลังใจ
“มันต้องอย่างนั้นรุ้ง มา มิวสิค แดนซ์ บิลด์อารมณ์กันหน่อย”
รุ้งระวีกดไอโฟน เปิดเพลงต้มยำลำเพลิน จี่หอยเต้นท่าเซ็กซี่ รุ้งระวีร้องตามแล้วเต้นคู่กับจี่หอยหัวเราะกันครึกครื้น รุ้งระวีร้องและเต้นท่าซดต้มยำที่จี่หอยสอนด้วย
หลายวันต่อมา รุ้งระวีแต่งหน้าและชุดอลังการพร้อมหางเครื่องสามสี่นาง เธอร้องและเต้นอย่างสนุกสนานเมามัน อิทธิ จี่หอย และผู้กำกับดูมอนิเตอร์อย่างพอใจ รุ้งระวีเต้นอย่างมีชีวิตชีวาแล้วยิ้มยั่วยวนให้กล้อง เพลงจบท่อนแรกผู้กำกับสั่งคัท ทุกคนในสตูฯปรบมือ อิทธิปรบมือลั่นยิ้มชื่นชม
“เยี่ยมมากรุ้ง พักครึ่งชั่วโมงนะ”
“ค่ะ”
จี่หอยทำท่าเต้นซดต้มยำ
“ท่านี้ต้องฮิต เชื่อพี่”
ทูนอินทร์นั่งเขียนเพลงอยู่ลำพังที่เพิงแสงจันทร์ คอมพิวเตอร์ กีตาร์ ปากกา ดินสอ กระดาษ วางเกลื่อน เขาเขียนได้สักพักก็ถอนใจเพราะความคิดตีบตันไปหมด ขณะเดียวกันนั้นเสียงของแสงหล้าดังมาจากเบื้องหลัง
“คุณทูนคะ”
“ครับ ป้า”
“ของว่างค่ะ”
แสงหล้าวางถาดของว่างและเครื่องดื่มตรงหน้าเขา
“ทำไมป้ามาเสิร์ฟเอง หน้าที่ส้มไม่ใช่เหรอ”
“ป้าอาสาเองละค่ะ ดีใจจังที่คุณกลับมาทำงานได้แล้ว”
ทูนอินทร์ยิ้มแห้งๆ
“ยังไม่ได้งานหรอกครับ ใจมันยังไม่นิ่ง”
“อย่าหาว่าป้าละลาบละล้วงเลยนะคะ เรื่องคุณรุ้งใช่ไหม”
“ชีวิตผมคงแพ้เรื่องความรัก หนที่สองแล้วที่ผมต้องเจ็บแบบนี้”
“อดทนหน่อยนะคะ คุณรุ้งอาจจะเข้าใจผิดไปบ้าง แต่ป้าเชื่อค่ะว่า เธอรักคุณ”
ทูนอินทร์งงๆ
“ป้าพูดเหมือนรู้จักรุ้งอย่างนั้น”
แสงหล้าหลบตา
“เอาเป็นว่าป้าเชื่อว่าคุณกับรุ้งเป็นคู่กันค่ะ คงต้องใช้เวลาสักนิด คุณกับรุ้งจะเข้าใจกันได้ดีเหมือนเดิม”
“ป้าคิดอย่างนั้นเหรอครับ”
“ค่ะ”
แสงหล้ายิ้มอย่างให้กำลังใจแล้วเดินออกไป ทูนอินทร์มองตามอย่างสงสัยในคำพูด แสงหล้าเดินออกมาห่างจากเพิงพอควรแล้วหยิบมือถือขึ้นมามองกลับไปที่เขา ทูนอินทร์ทำงานต่อไม่ได้หันมา แสงหล้าตัดสินใจกดมือถือ
รุ้งระวีกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องแต่งตัว มือถือดังขึ้นเธอมองดูเบอร์เหมือนจะคุ้นๆรีบหลบมุมสงบ แล้วรับสาย
“ใครน่ะ”
“รุ้ง แม่เอง”
รุ้งระวีไม่พอใจ
“เธอไม่ใช่แม่ฉัน”
“แม่ไม่บังคับให้ลูกเชื่อหรอกนะ แต่ที่โทรมา เพราะแม่เป็นห่วงคนที่เขารักลูกเหลือเกิน” แสงหล้ามองไปที่ทูนอินทร์ “คุณทูน”
“นี่ เธอจะโทรมาอีกทำไม ฉันจับได้แล้วว่าเธอไม่ใช่แม่จริงของฉัน เธอมันพวกสิบแปดมงกุฎ”
แสงหล้าถอนใจ
“รุ้ง จำได้ไหม วันที่ลูกแข่งประกวดเพลงกับคุณทูน”
รุ้งระวีอึ้งไป แกล้งถาม
“เมื่อไหร่ ที่ไหน”
“สมัยที่หนูยังเด็ก ที่หนูต้องร้องแข่งกับทูนกันสองคน ชิงรางวัลที่หนึ่ง”
รุ้งระวีเสียงแหบพร่าไปด้วยความตกใจ
“เธอรู้ได้ยังไง”
“แม่รู้เท่าๆกับที่หนูรู้ วันนั้นหนูร้องไห้ จำได้ไหม”
รุ้งระวีเริ่มหวั่นไหว ภาพในอดีตแวบเข้ามา บนเวทีของห้าง เด็กชายทูนอินทร์วัยเก้าขวบกำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีเสียงหวานใสเหมือนเสียงผู้หญิง แสงหล้าและรุ้งระวียืนฟังอยู่ด้วยกัน รุ้งระวีเบะหน้าทำท่าจะร้องไห้
“เป็นอะไรลูก”
“เขาร้องเพราะน่ะซีแม่ เขาต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆเลย”
“ไม่หรอกลูก ลูกได้ที่หนึ่งมาทุกเวทีแล้ว งานนี้ยังไงลูกก็ต้องได้”
รุ้งระวีมองไปที่ทูนอินทร์ ขณะที่แสงหล้าแยกไป
รุ้งระวีนึกถึงอดีตแล้วมือสั่น แสงหล้ายังพูดต่อ
“แม่ไม่รู้เลยว่าลูกหาทางแกล้งคุณทูนเขา เอาตุ๊กแกไปใส่ในกางเกงเขาน่ะ เขาเลยร้องไม่ได้ ลูกเลยได้ที่หนึ่งไปแทน”
“เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง หรือว่านายทูนเล่าให้ฟัง”
“อย่าลืมซีว่าคุณทูนไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารุ้งคือแหม่มจ๋า”
รุ้งระวีควบคุมสติไม่อยู่ ละล่ำละลัก
“แหม่มจ๋า ไม่จริง เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันชื่อแหม่มจ๋า เธอเป็นใครกันแน่ เธอรู้เรื่องที่ฉันคุยกับแม่ได้ยังไง เรารู้กันอยู่สองคน”
“เพราะแม่เป็นแม่ที่แท้ของลูกไงล่ะ”
รุ้งระวีเสียงสั่นเครือ
“ฉันไม่เชื่อ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๋ยวลูกก็จะรู้ความจริงเอง ตอนนี้แม่แค่อยากให้ลูกมองคุณทูนเขาเสียใหม่ แล้วกลับมาขอโทษเขา คืนดีกับเขาเสีย คนที่แวดล้อมหนูอยู่ตอนนี้คือคนที่คิดร้ายกับหนูทั้งนั้น มีคุณทูนคนเดียวนี่แหละที่รักและหวังดีกับหนูที่สุดแล้ว”
รุ้งระวีกดตัดสายทันที ตัวสั่นเทาเพราะความเชื่อมั่นถูกสั่นคลอนอย่างแรง
“รุ้ง รุ้ง”
แสงหล้ากดเลิกสายมองไปทางทูนอินทร์ถอนใจ
ทางด้านรุ้งระวีหายใจหอบพยายามดึงชุดที่รัดรูปนั้นออก เพราะหายใจไม่ออก จี่หอยเข้ามา
“รุ้ง เป็นอะไรน่ะ”
“มันหายใจไม่ค่อยออก”
จี่หอยตกใจ
“อุ๊ย หน้าซีดเชียว นั่งพักก่อน”
รุ้งระวีลงนั่งพัก จี่หอยช่วยปลดเสื้อ แล้วพัดให้ รุ้งระวีน้ำตารื้น
“เป็นอะไรรุ้ง ร้องไห้ทำไม”
“ไม่มีอะไรค่ะ ปวดหัว ขอน้ำสักแก้วเถอะค่ะ”
“จ๊ะ จ๊ะ รอเดี๋ยวนะ”
จี่หอยแยกไป รุ้งระวีมองไปที่มือถือ ที่ยังโชว์เบอร์ของแม่อยู่เธอสะท้านไปทั้งร่าง
วันต่อมา มะปราง ถือถุงขนมหน้าตาเซ็งโลกมากดกริ่งหน้าบ้านเมธ
“ฮึ ทำไมพี่หอยต้องให้เรามาส่งขนมที่นี่ด้วยนะ ไม่อยากมาซักหน่อย เอ้า ไม่มีใครเปิดประตูเลยเหรอ”
มะปรางผลักประตูเล็กเข้าไป ในบ้านไม่มีผู้คน
“ไปไหนกันหมดล่ะ ไม่มีคนอยู่ก็ดี จะได้กลับ”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากชั้นบน มะปรางวางถุงขนมทันที เพราะจำได้ว่าเป็นเสียงของอินทรและจ๊ะจ๋า มะปรางย่องขึ้นบันไดตรงไปหน้าห้องนอนของอินทร เห็นประตูเปิดแง้มอยู่จึงแอบมองเข้าไปแล้วเธอก็ต้องขนลุกซู่ เมื่อเห็นร่างอยูในโปงสองร่างกำลังขยุกขยุยกันอยู่ บางช่วงเหมือนมีการขยับร่างเป็นจังหวะกระดึ๊บๆ มะปรางแทบจะร้องกรี๊ดวิ่งเข้าไปในห้องแล้วกระชากผ้าคลุมออก พบว่าอินทรและ จ๊ะจ๋า อยู่ในโปงจริงๆมีภาพสไลด์ และเครื่องส่อง มะปรางร้องลั่น
“กรี๊ด!”
จ๊ะจ๋าสะดุ้ง
“กรี๊ด!”
อินทรแหกปาก
“อ๊าก!”
มะปรางชี้หน้า
“เงียบ บอกมา ทำอะไรกัน”
“อย่าเข้าใจผิดนะครับ พี่กับจ๋า เรากำลัง...”
อินทรยังพูดไม่จบมะปรางสวนทันที
“เล่นผีผ้าห่มกันใช่ไหม”
จ๊ะจ๋าพยักหน้า
“ทำนองนั้น เอ้ย ไม่ใช่ ฉันกับคุณทรกำลังดูภาพสไลด์”
“สไลด์อะไร สไลด์หนอนน่ะซี”
อินทรสะดุ้ง
“ไม่ใช่ครับ ภาพสไลด์เก่าๆ ของผมที่เคยถ่ายไว้น่ะ”
“แล้วทำไมต้องคลุมผ้า ดูเหมือนผีผ้าห่ม”
“ก็ถ้าไม่ปิดผ้า มันก็ไม่มืดพอน่ะซี” จ๊ะจ๋าบอก
มะปรางไม่เชื่อ
“อย่ามาอ้าง ยายจ๋า ยายเจ๊ฟ้าใสไม่ให้เธอมาพบพี่ทรแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วมาอีกทำไม”
“คุณทรให้ฉันแว่บมาน่ะ”
“อ้อ แว่บมาจู่จี๋กับพี่ทร แล้วก็เล่นจ้ำจี้กันในโปง เชิญสนุกกันให้พอ คนหลายใจ”
มะปรางร้องไห้ วิ่งออกจากห้อง อินทรและจ๋ายิ้มให้กัน พูดพร้อมกัน
“หึงจริงๆด้วย”
อินทรรีบเผ่นออกจากห้องทันที จ๊ะจ๋าที่ยิ้มอยู่เจื่อนไปกลายเป็นเศร้า
มะปรางร้องไห้จะวิ่งออกจากบ้าน อินทรเข้ามารั้งไว้
“ปราง อย่าเข้าใจผิดซีครับ”
“แล้วจะให้เข้าใจยังไง นอนด้วยกันอยู่บนเตียงพี่อย่างนั้น บอกมาเถอะว่ารักยายจ๊ะจ๋า ปรางจะได้หลีกทางให้”
อินทรจ้องหน้า
“หลีกทางให้ คืออะไร ปราง”
“ก็หลีกทางให้...”
มะปรางนึกขึ้นได้ว่าหลุดสารภาพ ปิดปากตัวเองแล้วร้องไห้โฮอีกครั้ง
“ไม่อยู่แล้ว”
มะปรางวิ่งออกมานอกบ้าน อินทรตามมาดึงไว้อีก
“ยังไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะพูดกันให้รู้เรื่อง หลีกทาง พูดเหมือนปรางเป็นแฟนพี่งั้นแหละ”
“เออ คือ...”
“แสดงว่า ปรางหึงพี่ ปรางชอบพี่ใช่มะ”
มะปรางหลบตา
“ไม่รู้ โอ๊ย อาย กลับบ้านแล้ว”
“ยังกลับไม่ได้ ไม่ต้องอายด้วย บอกมา ชอบพี่ใช่ไหม”
มะปรางหน้ามุ่ย ไม่กล้าตอบ อินทรยิ้มหวาน
“ตอบให้ชื่นใจหน่อยน่า รักพี่ป่ะ”
มะปรางอายม้วน
“ไม่รัก แล้วจะหึงทำไมล่ะ”
อินทรโดดตัวลอยดีใจมาก
“โอ๊ย ดีใจที่สุดเลย ในที่สุดปรางก็รักพี่”
มะปรางงงๆ
“อ้าว ดีใจทำไม ก็พี่จีบยายจ๋าอยู่”
“ใครบอกล่ะ จ๋าน่ะ แค่เพื่อน แต่ปรางน่ะ พี่จีบมานานแล้ว แต่จีบไม่เคยสำเร็จ”
มะปรางชะงักอึ้ง
“อะไรนะ พี่จีบปรางนานแล้ว ตอนไหน”
“ก็ตลอดเวลา ชวนไปดูหนัง ชวนไปเที่ยว ถึงขนาดชวนมาเป็นแม่บ้าน ปรางก็ยังเฉย”
มะปรางเขินๆ
“ก็ไม่เห็นรู้เรื่อง พี่ทรจีบไม่เป็นน่ะซี จีบสาวน่ะต้องโรแมนติกกว่านี้”
“ไม่เป็นไร พี่จะเริ่มต้นใหม่นะ คราวนี้โรแมนติคสุดๆ”
มะปรางอมยิ้มเขินอาย
“จริงนะ ไม่ได้จีบยายจ๋า”
“จริงครับ”
“ไม่เชื่อ”
“งั้นลองถามจ๊ะจ๋าดูซี” อินทรยิ้มอย่างมีความสุข
อินทรและมะปรางกลับเข้ามาที่โถงล่าง จ๊ะจ๋ากำลังโทรศัพท์อยู่หันหลังให้ทั้งคู่ทำเสียงหวาน
“ค่ะ ตอนนี้จ๋าอยู่ที่บ้านพี่เมธ กำลังฝึกร้องเพลงอยู่ แล้วพี่พรชัยละคะ วันนี้ว่างรึเปล่า นัดดูหนังกันไหม”
มะปรางงง กระซิบถามอินทร
“จ๋าคุยกับใครน่ะ”
“แฟนเขาน่ะซี ชื่อพรชัย”
“จ๋ามีแฟนแล้วเหรอ”
“มีแฟนมาตั้งนานแล้ว เป็นตากล้องด้วยนะ หล่อระเบิดเลย แต่เตี้ยไปหน่อย”
“จริงเด๊ะ”
จ๊ะจ๋าปรายตามองทั้งคู่ แล้วแยกไป อินทรยิ้มให้มะปราง
“ไง เชื่อพี่แล้วยัง”
“เชื่อแล้วค่ะ ไปทานขนมกันก่อน ถือเป็นการฉลองที่เราเข้าใจกันแล้วนะคะ”
“ครับ”
ทั้งคู่แยกไปที่ครัว จ๊ะจ๋าแอบมองตามไปถอนใจ เศร้า เหงา เปล่าเปลี่ยว เธอเดินไปเพียงลำพังคนเดียว
หลายวันต่อมา ฟ้าใสกำลังดูภาพจากมือถือเป็นมิวสิค ต้มยำลำเพลิน แล้วหัวเราะระริก อิทธิหัวเราะตาม
“นี่คุณแปลงเพลงไปนิดเดียวเท่านั้นเอง ชื่อเพลงก็แปลงแค่ ลำซิ่ง เป็นลำเพลิน”
“ผมอยากให้ไอ้ทูนมันรู้ชัดๆไปเลย ว่าเพลงมันถูกขโมยมา”
“และคนที่ขโมยก็คือยายรุ้ง เมื่อไหร่คุณจะออกอากาศ ฉันจะรอฟังผล”
“อีกไม่เกินสามวัน รู้ผลแน่”
ทั้งสองหัวเราะ ชายคนนึงที่นั่งดูเมนูบังหน้าอยู่ ลดเมนูลงคือดำรงนั่นเอง ดำรงชำเลืองมองไปทาง อิทธิ และฟ้าใส
วันต่อมา รุ้งระวีกับทุกคน นั่งกันพร้อมหน้ากำลังดูรายการทีวีเพลงลูกทุ่ง รุ้งระวีนั่งซึม เหลือบมอง อิทธิ อย่างไม่วางใจนักตั้งแต่ที่แม่โทรมาเธอเริ่มสงสัยในตัวอิทธิ
“มิวสิคจะออกในรายการนี้แหละเป็นรายการแรก รุ้งเป็นอะไรเหรอไม่ดีใจกับผลงานใหม่รึไง”
รุ้งระวีท่าทางเย็นชา
“รอให้มันออกมาฮิตก่อนเถอะค่ะ ค่อยดีใจ”
อิทธิเจื่อนไป เช่นเดียวกับจี่หอยและมะปราง ในทีวี พิธีกรประกาศเข้าเพลงพอดี
“เชิญ รับชมรับฟังมิวสิคเพลงใหม่ของรุ้งระวี ศรีแอลเอ ได้เลยครับ”
มิวสิคเพลงต้มยำลำเพลิน กระหึ่มขึ้น รุ้งระวีสวยน่ารักกำลังเต้นท่าซดต้มยำ จี่หอยกับมะปราง ช่วยกันกรี๊ด รุ้งระวียิ้มระรื่น จี่หอยภาคภูมใจมาก
“ท่านี้ ดิฉันออกแบบนะคะ ให้เครดิตด้วย”
คมหันไปถามอย่างยิ้มแย้ม
“เรียกว่าท่าอะไรครับเจ๊”
“ท่าซดต้มยำค่ะ”
ทุกคนหัวเราะ แล้วดูมิวสิคต่อในทีวี รุ้งระวีและหางเครื่องเต้นกันอย่างเมามัน อิทธิ แอบสบตากับลูกน้อง คมและเดชมองมาทาง คำรณที่ยิ้มสะใจ มะปรางกับจี่หอย วี๊ดว้ายหัวเราะกัน รุ้งระวียังครุ่นคิดไม่สนุกไปด้วย อิทธิมองรุ้งระวีอย่างคะเนท่าทีบางอย่าง เพราะดูเธอไม่ปลื้มไปกับผลงาน
ส้มป่อย หนาน คูน กำลังกินข้าวอยู่ในครัว ขณะเดียวกันนั้น มิวสิค ต้มยำลำเพลิน ที่กำลังออกอากาศในทีวี หนานคุ้นหู
“แหม ใครมาเปิดเพลงต้มยำลำซิ่ง แถวนี้”
คูนแปลกใจ
“นั่นซี เสียงคุณรุ้งด้วยนะ”
“บ้าแล้วน้า พี่รุ้งยังไม่ได้ร้องเพลงนี้เสียหน่อย” ส้มป่อยแย้ง
หนานสงสัย
“แล้วเสียงมาจากไหน”
ทั้งสามหันไปดูทีวีพร้อมกัน แล้วร้อง ขึ้น
“เฮ้ย / ว้าย!”
หนานตะลึงจำได้
“เพลงนี้มันเพลงของคุณทูนจะแต่งไว้ให้คุณรุ้งร้อง แล้วอยู่ดีๆ ทำไมไปร้องให้ค่ายนาย อิทธิวะ”
คูนคิดๆ
“หรือว่า นายเราโดนขโมยเพลงอีกแล้ว”
ส้มป่อยหน้าเสีย
“ฮือ ไม่นะ เพลงนี้ หนูช่วยแต่งด้วยนะ หนูไม่ยอม...ว้าย!”
คูนสะดุ้ง
“อะไรนังส้ม ร้องเสียตกใจ”
“นายทูนมา”
ส้มป่อยชี้ไปนอกห้องครัว ทูนอินทร์เดินตรงมาทั้งสามตะลึง
จบตอนที่ 17
อ่านต่อตอนที่ 18 พรุ่งนี้