ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 15
ทูนอินทร์หน้าตาช้ำ จากที่โดนซ้อมนั่งสงบสติอารมณ์อยู่สนามหลังบ้าน รุ้งระวีเดินมาพร้อมเครื่องดื่ม
“ดื่มหน่อยค่ะ”
ทูนอินทร์หน้าเครียด
“รุ้ง คุณจะยอมนายอิทธิเหรอครับ”
“เราไม่มีทางเลือกนี่คะ”
“มีซีครับ ถ้ามันใส่ความเรื่องแม่คุณ เราก็บอกความจริงกับสื่อไปเลยว่านายอิทธิสร้างเรื่องขึ้น แล้วเอาคลิปของมันออกสื่อ งานนี้มันแพ้เราอยู่แล้ว”
“ฉันไม่อยากทำอย่างนั้น”
“ทำไม”
“เราแก้ข่าวไม่ได้หรอกค่ะว่ายายผกาเป็นแม่ปลอม ตราบใดที่เรายังจับตัวยายผกามาสารภาพไม่ได้ อีกอย่าง แม่แสงของรุ้งจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ข่าวร้ายๆแบบนั้น ท่านคงเสียใจมาก”
ทูนอินทร์นิ่งไป
“งานนี้เราแพ้เหรอครับ”
รุ้งระวีจับมือทูนอินทร์มาจุมพิต
“ไม่หรอกค่ะ แค่ปีเดียวเท่านั้นเอง นะคะคุณทูน แค่ปีเดียว รุ้งก็เป็นอิสระแล้ว”
ทูนอินทร์ดึงมือกลับ เดินแยกห่างมา
“หนึ่งปี หรือแค่ครึ่งปี มันยาวนานเหลือเกินสำหรับผม นานเหลือเกินที่รอคอยให้รุ้งมาร้องเพลงให้ผม ร้องเพลงร่วมกับผม”
“ทูนคะ มันไม่นานเกินไปหรอก”
รุ้งระวีเข้ามากอดหลัง ทูนอินทร์น้ำตารื้น
“ผมไม่แน่ใจแล้ว”
รุ้งระวีเดินมามองหน้า
“ไม่แน่ใจอะไร”
“คุณคือทุกอย่างในชีวิตผม แต่ผมใช่ทุกอย่างในชีวิตคุณรึเปล่า”
รุ้งระวีตกใจ
“ทำไมพูดอย่างนั้น คุณคือทุกอย่างในชีวิตฉัน”
ทูนอินทร์แววตาน้อยใจ
“เหรอครับ แต่เมื่อมีปัญหา คุณกลับเลือกไปขอความช่วยเหลือนายอิทธิ แทนที่จะเป็นผม”
“บอกแล้วไงว่าฉันเกรงใจคุณ”
“เรารักกัน ต้องเกรงใจอะไรกันอีก”
“ยิ่งรักก็ยิ่งต้องเกรงใจ”
“นั่นแสดงว่า เรารักกัน แต่ยังไม่รู้จักกันมากพอ”
“ไม่จริง ไม่ใช่อย่างนั้น”
“จริงซี เหมือนที่คุณสงสัยว่าผมไม่บอกคุณทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องฟ้าใส คุณคิดว่าผมโกหกคุณ”
“รุ้งระแวงไปเอง รุ้งขอโทษ”
“รู้ไหมครับ มันคือการกล่าวหาที่เจ็บปวดที่สุด เพราะมันออกมาจากปากคนที่ผมรักและเชื่อใจที่สุด”
รุ้งระวีหน้าสลดลง
“รุ้งเสียใจ รุ้งขอโทษ”
รุ้งระวีร้องไห้โฮแล้วกอดเขาไว้แน่น ทูนอินทร์น้ำตารื้น
“ขอเวลาผมสักพักเถอะนะรุ้ง เราห่างกันสักพัก ให้ผมทบทวนทุกอย่างอีกครั้ง”
“ไม่ ฉันจะอยู่กับคุณ”
“ขอร้องละ”
ทูนอินทร์ดึงรุ้งระวีออก มองตากัน
“ถ้าเรายืนห่างกันสักหน่อย เราอาจเห็นตัวตนที่แท้จริงของกันและกันมากขึ้นก็ได้”
รุ้งระวีสะอื้น
“ไม่ อย่าทำแบบนี้”
ทูนอินทร์ยิ้มทั้งน้ำตา เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้
“บางครั้งระยะห่าง และเวลาอาจจะเยียวยาความรักของเราก็ได้นะรุ้ง”
ทูนอินทร์แยกไปทันที รุ้งระวีวิ่งเข้ามากอดด้านหลังของเขาอีกครั้ง ทูนอินทร์สะอื้นปลดแขนของเธอออกโดยไม่หันมารีบผละไปทันทีน้ำตานองหน้า รุ้งระวียืนร้องไห้อยู่อย่างนั้นเพียงลำพัง
ทูนอินทร์รีบวิ่งมาที่รถ แล้วสะอื้นอย่างแรงเหมือนใจจะขาด ก่อนที่จะขึ้นรถแล้วขับจากไป
คมและเดชเจรจากับคำรณ อยู่มุมหนึ่งของบริษัท คำรณตาเป็นประกาย
“ดักยิงนายทูนเหรอครับ”
“ใช่ แกพอจะหามือปืนมาให้ฉันได้ไหม ต้องแม่นมากนะ เพราะจะให้แค่บาดเจ็บเบาะๆ เท่านั้น”
“งานนี้ผมขออาสาเองได้ไหมครับ”
คมและเดชมองหน้ากัน เดชมองคำรณอย่างสงสัย
“ทำไมวะ”
“ผมไม่ชอบหน้าไอ้นี่อยู่แล้ว มันชอบพูดข่มผม ผมถือว่าได้ล้างแค้นส่วนตัวด้วย”
เดชส่ายหน้า
“เฮ่ย ไม่ได้หรอกว่ะ แกมันใกล้ตัวพวกเราเกินไป ถูกจับได้ขึ้นมาพวกเราซวย”
“รับรองครับพี่ ไม่มีทางที่ผมจะถูกจับ อีกอย่างเรื่องปืนน่ะ ผมแม่นมาก อุปกรณ์ผมก็มีครบ”
เดชลังเลหันไปถามคม
“ว่าไงพี่คม”
คมคิดนิดนึง
“ได้ ฉันเชื่อใจแก”
“ขอบคุณครับพี่ บอกวัน เวลามาเลย ผมพร้อมเสมอ”
คำรณยิ้มอย่างพอใจ เมื่อรู้ว่ามีโอกาสได้เล่นงานทูนอินทร์
ในบ้านเมธ จ๊ะจ๋ากำลังเกากีตาร์ ฮัมเพลงเบาๆ อินทรฟังอยู่ข้างๆ แต่สายตาเหม่อลอยไปไกล จ๊ะจ๋านึกว่าอินทรกำลังอินกับเสียงเพลงของตัวเอง ร้องจบท่อนแล้วหันมายิ้มหวานให้
“เพราะไหมคะ คุณทร คุณทร”
อินทรสะดุ้งนิดๆ
“ครับ”
“ไม่ได้ฟังที่จ๋าร้องหรอกเหรอ คิดอะไรอยู่คะ”
อินทรถอนใจ
“เฮ้อ คิดถึงความรักน่ะครับ คุณจ๋าเคยมีความรักไหม”
จ๊ะจ๋าดีดกีตาร์เสียงแปร่งไปทันทีอย่างเขินอาย
“ถามอะไรอย่างนั้นคะ ก็เคยค่ะ นานแล้ว ถามทำไมเอ่ย”
“ผมกำลังสงสัยว่าผู้หญิงบางคนทำไมเขาเย็นชากับความรัก จีบเท่าไหร่เขาก็ไม่สนใจ ไม่รับรู้”
จ๊ะจ๋าหน้าแดง นึกว่าหมายถึงตัวเอง
“รู้ซีคะ ไม่ได้เย็นชาเสียหน่อย”
“คุณจ๋ารู้เหรอครับว่าผมรัก”
จ๊ะจ๋ายิ้มรอฟัง
“รักมะปราง”
จ๊ะจ๋าหุบยิ้มทันที
“เดี๋ยว คุณทรจีบยายปรางเหรอ”
“ครับ ผมจีบอยู่ แต่เขาไม่สนใจผมเลย”
จ๊ะจ๋าเซ็งเลย
“ผมควรจะทำยังไงดี อยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับผม จ๊ะจ๋าช่วยถามเขาหน่อยได้ไหม”
“อย่าถามเลยค่ะ เอาอย่างนี้ เรามาเล่นเกมลองใจยายมะปรางกันดีกว่า”
“ยังไงครับ”
จ๊ะจ๋ายิ้ม
“ก็ ถ้าอยากรู้ว่ายายมะปรางมีใจกับคุณไหม คุณก็ลองแกล้งๆ ทำทีมาจีบฉันไง”
อินทรหน้าตื่น
“หา จีบคุณ”
“ค่ะ คราวนี้ละ เราจะได้รู้กันว่ามะปรางมีใจกับคุณรึเปล่า ถ้ามีใจ ก็ต้องหึงสุดชีวิตละ”
อินทรอมยิ้มมองหน้า จ๊ะจ๋าแล้วเกิดอาการเขิน
“แล้ว แล้วผมจะต้องจีบ จ๊ะจ๋ายังไงละครับ”
“ไม่ยากค่ะ เดี๋ยวสอนให้”
อินทรเขินไปมา จ๊ะจ๋ายิ้มขำ
“เออ เดี๋ยวผมไปหาพี่เมธก่อนนะ”
อินทรแยกไป จ๊ะจ๋าคลายยิ้มลงทันที กลายเป็นหน้าเศร้า
“เซ็ง อกหักอีกแล้วเรา”
วันต่อมา ทูนอินทร์นั่งซึม ขณะที่ประชุมเรื่องการทำค่ายเพลงอยู่ เมธหันมาบอก
“อ้อทูน พี่ลืมบอกไป งานนี้เราได้พี่แดงกับอาต้อยมาร่วมหุ้นด้วย เป็นหุ้นเล็กๆน่ะ”
“ผมนึกว่าเราจะร่วมหุ้นกันสองคนเสียอีก” ทูนอินทร์แปลกใจ
“เอาเถอะน่า ได้พี่ทั้งสองคนมาร่วมด้วย เราก็ยิ่งเปิดทางธุรกิจได้มากขึ้น”
“แล้วแต่พี่เมธเห็นควรเถอะครับ”
“นาย เราจะเปิดงานด้วยนี่เลย เพลงต้มยำลำซิ่ง ให้พี่ทูนกับน้องรุ้งร้องเปิดตัวด้วยกัน” หนานเสนอ
ทูนอินทร์ยิ่งเจื่อน คูนเห็นด้วยกับหนาน
“ไม่มีเพลงไหนเหมาะจะเปิดงานเท่าเพลงนี้อีกแล้ว”
หนานกับคูนช่วยกันร้อง
“เศร้าทำไมล่ะ ทางนี้ดีกว่า ทางนี้ดีกว่า สิพาม้วนมาเป็นหุ้นส่วนความสุขล้วน ความสุขล้วน ม่วนใจงามๆ”
คูนทำเสียงและท่าทางของรุ้งระวี
“ปรุงรสชาติชีวิต ให้แซ่บจี๊ดๆ ในทุกยาม แซ่บคือกินต้มยำ”
“อ่ะม่วนคือฟังลำซิ่ง”
ทูนอินทร์ลุกพรวกออกจากร้านไปทันที หนานและคูนหยุดร้อง หนานหันมาถามงงๆ
“นายเขาเป็นไรน่ะ”
อินทรถอนใจ
“พี่ ไม่รู้หรอกเหรอ ว่างานนี้พี่ทูนกับพี่รุ้งเขาไม่ร้องด้วยกันแล้ว”
หนานหน้าเหวอ
“อ้าว ทำไมล่ะ”
เมธหน้าเครียด
“ยังไม่รู้เลยว่ารุ้งเขาจะมาร่วมงานด้วยรึเปล่า”
คูนแปลกใจ
“มีอะไรกันเหรอ”
เมธตัดบท
“เอาเป็นว่าจะไม่มีเพลงต้มยำลำซิ่ง โชว์ในงาน เข้าใจนะ”
อินทรหนักใจ
“แล้วก็จะไม่มีทุกเพลงที่พี่ทูนแต่งไว้ สำหรับพี่รุ้งในอัลบั้มใหม่ด้วย”
หนานและคูนมองหน้ากันงงหนักขึ้นไปอีก
ทูนอินทร์นั่งสงบสติอารมณ์อยู่หน้าร้าน ส้มป่อยถือของว่างเป็นไส้กรอกอีสานหั่นอย่างดีพร้อมผักสดมาวางที่โต๊ะตรงหน้าพร้อมเครื่องดื่ม
“นายขา ทานหน่อยนะคะ”
“ฉันไม่หิวหรอกส้ม เอากลับไปเถอะ”
“แหม...คนที่เขาทำให้นายทาน เขาเสียน้ำใจแย่ซีคะ”
“ใครทำเหรอ”
ส้มป่อยหันไปกวักมือเรียก แสงหล้าค่อยๆโผล่ออกมา ยกมือไหว้ทูนอินทร์
“อ้าว...ป้าน่ะเอง”
“ขอบคุณคุณทูนนะคะ ที่ช่วยชีวิตป้าไว้”
“ตกลงป้าอยู่ที่นี่เลยใช่ไหม”
“ค่ะ...คุณเมธรักษาป้าจนหายดีแล้ว ป้าเลยขออยู่ที่นี่ ตอนนี้ป้าช่วยทำกับข้าวในครัวค่ะ”
ส้มป่อยยิ้มอย่างชื่นชม
“ฝีมือป้า แซ่บเว่อร์ทุกอย่างเลยค่ะ ไส้กรอกนี่ป้าเขาก็ทำเองนะ ลองชิมดูซีคะ”
ทูนอินทร์ลองชิมดูยิ้มพอใจ
“แซ่บจริงๆ”
“ของอีสาน ป้าทำแซ่บทุกอย่างเลยค่ะนาย นายเมธเลยจ้างอยู่ประจำร้านเลยค่ะ”
ทูนอินทร์ยิ้มอย่างยินดี
“ดีครับ อยู่ด้วยกันเหมือนญาตินะครับป้า”
แสงหล้ายิ้มกว้าง
“ขอบคุณค่ะ”
แต่แล้วแสงหล้าก็นิ่งไป พยักเพยิดกับส้มป่อย
“คืองี้ค่ะ ป้าเขาเป็นแฟนเพลงของพี่รุ้งระวีค่ะ เห็นว่าเป็นคนรู้ใจของนายทูน ป้าเขาเลยอยากตามกระแสข่าว ก็อซซิปสตาร์ทาเล้นท์”
ทูนอินทร์หน้าเจื่อนไป
“รุ้ง ก็ดีครับ แล้วเจอ ผมจะขอลายเซ็นมาให้”
“ขอบคุณค่ะ” แสงหล้าลังเลไม่กล้าถาม “เออ แล้วเรื่องแม่เขาละค่ะ เขาได้พบแม่เขาแล้ว เป็นยังไงบ้าง”
“ที่จริง เรื่องแม่เป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะครับ ตอนนี้แม่คนนั้นเขาก็จากไปแล้วไม่มายุ่งกับรุ้งอีกแล้”
แสงหล้ายิ้มดีใจ โล่งอก
“เหรอคะ ค่ะ ป้าขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
แสงหล้าจะกลับไป ทูนอินทร์มองแสงแล้วถามขึ้น
“ป้าครับ เสียงป้าคุ้นๆนะ เหมือนผมเคยได้ยินที่ไหน”
แสงหล้าตกใจเล็กๆ
“ที่ไหนละคะ”
“ไม่ทราบเหมือนกัน เคยเป็นนักร้องมาก่อนรึเปล่าป้า”
แสงหล้าอึกอัก
“อ๋อ เคยร้องค่ะ แต่ร้องให้ตัวเองฟัง”
แสงหล้ารีบเข้าร้านไป ทูนมองตาม แล้วหันมามองส้มป่อยที่กำลังจิ้มไส้กรอกแนมกับขิงอ่อนเคี้ยวกร้วม ๆ
“อ้าว ไหนเอามาให้ฉัน กินเสียเองเลย”
ส้มป่อยอายแต่ยังจิ้มต่อ
“แหม ก็มันอร่อยเกินห้ามใจนี่คะ นายขา แล้วเมื่อไหร่พี่รุ้งจะมา คิดทึ้ง คิดถึง มิส เฮอร์ โซมัช”
ทูนอินทร์ถอนใจไม่ตอบ ลุกแยกไป ส้มป่อยไม่ทันมอง
“ถ้าพี่รุ้งมา ส้มจะขอสัมค่ะ อ๋อสงสัยใช่ไหมคะว่า สัม คืออะไร ฮิฮิ สัม คือ สัมภาษณ์ไงคะ อ้าว นายหายไปไหนแล้ว”
ส้มป่อยจ๋อย เมื่อรู้ว่าพูดอยู่คนเดียว
แสงหล้าจุดธูปต่อหน้าพระ ที่วางอยู่บนหิ้งในห้องนอนของเธอ
“คุณพระคุณเจ้า ช่วยปกป้องคุ้มครองรุ้งด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
แสงหล้าไหว้พระ ปักธูปแล้วก้มลงกราบ
ดำรงฟังข้อเสนอของฟ้าใส อย่างไม่เห็นด้วยนัก แล้วมองดูการ์ดเชิญร่วมงาน ค่ายเพลง“รุ้งกินน้ำ” ในมือ
“บอกเหตุผลมาก่อน ว่าทำไมหนูถึงอยากไปร่วมงาน เปิดค่ายเพลงของนายทูนทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เชิญ”
“คุณทูนเป็นอดีตของฟ้านะคะป๋า เขากำลังทำฝันของเขาให้เป็นจริง ฟ้าก็อยากไปแสดงความยินดีกับเขาด้วย”
“นั่นคือค่ายคู่แข่งของเรานะ”
“แต่ป๋าขา ถ้าเราไม่คิดว่าเขาเป็นคู่แข่ง เราอาจจะได้มืออาชีพมาร่วมงานอีกหลายคนนะคะ เพราะทั้งคุณทูน ทั้งพี่เมธ แต่งเพลงระดับพระกาฬกันทั้งสองคน”
“พูดเหมือนกับหนู จะดึงสองคนมาทำงานให้เราได้อย่างนั้น”
“แล้วถ้าฟ้ายืนยันว่าฟ้าทำได้ละคะ”
ดำรงยิ้มออกมา
“งั้นตกลง อนุญาต แต่สัญญาก่อนว่าจะไม่ไปก่อเรื่องอย่างครั้งที่ผ่านมา”
“สัญญาค่ะ”
ฟ้าใสยิ้มรับอย่างมีแผนในใจ
เย็นนั้น ทูนอินทร์นั่งสงบใจอยู่ที่เพิงแสงจันทร์ ทบทวนภาพอดีตของเขากับรุ้งที่กำลังเล่นน้ำในลำธาร ภาพของเขาและเธอสวีทกันที่เพิงแสงจันทร์...เธอวิ่งเข้ามากอดหลังเขาร้องไห้ที่สนามหลังบ้าน ภาพอดีตเหล่านั้นทำให้เขาเจ็บปวดใจเป็นที่สุด ทูนอินทร์น้ำตารื้น หยิบโหวดขึ้นมาเป่าเพลงสะพานรุ้ง
ทางด้านรุ้งระวี เธอนั่งเหม่อลอยอยู่ในสวนหลังบ้าน เหมือนได้ยินเสียงโหวดโหยหวนมาไกล ๆ เธอลุกขึ้นเดินไปกลางสวนเงี่ยหูฟัง เมื่อรู้ตัวว่าหูแว่วไปเองก็น้ำตาไหลพราก คิดถึงทูนอินทร์เหลือเกิน
ทูนอินทร์เป่าโหวดยังไม่จบท่อนก็หมดแรง แล้วสะอื้นกับตัวเอง
วันต่อมา ฟ้าใสขับรถมาจอดหน้าบ้านอินสรวง ป้าแป๋วออกมาต้อนรับ ชะงักไปเมื่อเห็นฟ้าใสลงจากรถ
“อุ๊ย! คุณฟ้าใส มาทำอะไรที่นี่คะ”
“ฉันมาหาคุณทูน แวะไปที่ร้านต้มแซ่บแล้ว เขาบอกว่าคุณทูนอยู่ที่นี่”
“ค่ะ แต่ถ้าคุณทูนไม่ได้เชิญ ก็อย่าเข้าไปเลยค่ะ อิชั้นว่าคุณกลับไปรอที่ร้านเถอะนะคะ”
ฟ้าใสไม่พอใจ
“นี่ป้า เป็นขี้ข้าก็อยู่ส่วนขี้ข้า อย่ายุ่ง”
ฟ้าใสสะบัดจะเข้าบ้าน ป้าแป๋วโมโห
“เจ้าค่ะ ฉันมันขี้ข้า ไม่เหมือนคุณหรอกค่ะ นังคางคกกินปลวก”
ทูนอินทร์กำลังฟังเพลงแบ็คกิ้งแทร็คของต้มยำลำซิ่ง ฟ้าใสเข้ามาแอบฟังเห็นเขาสวมหูฟังอยู่ เธอจึงเดินเข้ามาเบื้องหลังแล้วกอดไว้ ทูนอินทร์ยิ้มออกมาทันที
“รุ้ง”
ทูนอินทร์ถอดหูฟัง แล้วหันมาพบว่าเป็นฟ้าใส เขาดันร่างออกทันทีแล้วรีบปิดเพลง ฟ้าใสมองอย่างสังเกต
“ปิดทำไมละคะ เพลงจังหวะสนุกออก”
“เข้ามาได้ยังไง บ้านผมไม่ใช่ที่สาธารณะที่คุณจะเข้ามาเดินเล่นนะ”
“วันนี้วันเปิดตัวค่ายเพลงรุ้งกินน้ำของคุณ ฟ้าก็อยากมาแสดงความยินดีกับคุณทูนนี่คะ แสดงความยินดีอย่างใกล้ชิด”
“คุณกลับไปเดี๋ยวนี้เลย บอกแล้วไงผมไม่ต้อนรับ”
“เฮ้อ ต้อนรับอยู่คนเดียว แม่รุ้งระวี โถ ฟ้าไม่อยากจะบอกหรอกนะคะว่าแม่นี่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้จริงใจกับคุณสักเท่าไหร่หรอก”
ทูนอินทร์ไม่พอใจ
“รู้ดีอีกแล้วนะ”
“แล้วทำไมอยู่ดีๆ เธอก็ยอมทิ้งค่ายเพลงของคุณ ไปเซ็นกับนายอิทธิ อีกตั้งหนึ่งปีละคะ”
“กำลังสงสัยอยู่ เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง นาย อิทธิ โทรไปบอกเหรอ”
ฟ้าใสหลบตา
“อย่าถามเลยค่ะ ฟ้ารู้ก็แล้วกัน เอาละ ไม่ต้อนรับ ฟ้ากลับก็ได้”
ฟ้าใสจะออกไป ทูนอินทร์ดึงไว้
“เดี๋ยว ฉันอยากให้เธอมาดูอะไรบางอย่าง บางทีเธออาจจะตัดสินใจได้”
ฟ้าใสหันมามอง แล้วยิ้มยั่ว
อ่านต่อหน้า 2
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 15 (ต่อ)
จี่หอยกับมะปรางเข้ามาในร้านต้มแซบ คนงานกำลังจัดร้านกันวุ่นวายทั้งสองหอบดอกไม้ช่อใหญ่มาด้วย บนเวทีมีป้ายเขียน รุ้งกินน้ำ ตัวใหญ่ แสงหล้าและส้มป่อยช่วยเตรียมจัดของว่างอยู่มุมหนึ่ง จี่หอยตื่นเต้น
“ตายและ จัดงานกันใหญ่โตเลยเนอะ คืนนี้สนุกแน่ จะเมาให้ปลิ้นเลย”
มะปรางขำๆ
“ตอนนี้พี่ก็ปลิ้นอยู่แล้วนะคะ”
จี่หอยค้อน ส้มป่อยหันมาเห็นวิ่งถลาเข้ามาไหว้ทั้งสอง
“พี่ปราง ลุงหอย สวัสดีค่ะ”
จี่หอยฉุนกึกเท้าสะเอวจิกสายตาไม่พอใจ
“ใคร ใครเป็นลุงแก ฉันเป็นป้าย่ะ”
ส้มป่อยจ๋อยไป
“ค่ะป้าหอย แล้วพี่รุ้งอยู่ไหนละค่ะ อยู่ข้างนอกอ๊ะป่ะ”
แสงหล้าหันมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่ารุ้ง
“พี่รุ้งไม่ได้แวะที่ร้านหรอก” มะปรางบอก
แสงหล้าเจื่อนไป ส้มป่อยถามอย่างสงสัย
“อ้าว แล้วพี่รุ้งไปไหนละคะ”
“พี่รุ้งไปที่ไร่อินสรวงเลย เดี๋ยวคงมากับคุณทูนน่ะ”
“ว๊า”
แสงหล้ายิ้มกับตัวเองจะได้เจอลูกสาวแล้ว รีบหยิบแว่นสีชามาใส่บังใบหน้าแล้วกลับไปที่ครัว ขณะเดียวกันอินทรออกมาจากด้านใน
“พี่หอย มะปราง”
“ยินดีด้วยนะคะ ที่จะมีค่ายเพลงของตัวเองแล้ว”
มะปรางส่งช่อดอกไม้เล็กๆให้ อินทรรับมาอย่างปลื้มมาก
“ขอบคุณครับ ทานอะไรกันรึยัง”
“อุ๊ย! กำลังหิวเลย” จี่หอยหันไปหาส้มป่อย “ยายส้มพาฉันเข้าครัวนะบัดนาว”
“เยส แมม โก ดิส เวย์ ไรท์ เฮีย ไรท์ นาว”
จี่หอยเดินไปกับส้มป่อย มะปรางยิ้มให้อินทร
“ได้ข่าวว่าจะมีเพลงที่พี่ทรร้องเอง แล้วจะโชว์คืนนี้ด้วย”
“ใช่ครับ ไม่รู้จะไหวรึเปล่า”
“ต้องไหวซีคะ พี่ทรเก่งขนาดนี้ ขอให้พี่ทรประสพความสำเร็จ เป็นนักร้องดังระดับประเทศเลยนะคะ”
อินทรยิ้มรับเขิน
“ขอบคุณมากครับ มีปรางให้กำลังใจอย่างนี้ ผมสู้ตายครับ”
อินทรกำหมัดแน่น ทั้งสองหัวเราะให้กัน ขณะเดียวกันนั้นเสียงจ๊ะจ๋าดังมาจากเบื้องหลัง
“หัวเราะอะไรกันเอ่ย”
มะปรางหุบยิ้มทันที หันมามอง จ๊ะจ๋าที่แต่งตัวสวย แต่งหน้าพร้อมขึ้นโชว์
“ยายจ๋า เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันก็มาโชว์ด้วยคนน่ะซี”
“แต่เธออยู่ค่ายเสี่ยดำรงนะ”
“ถือว่ามาช่วยงานค่ายรุ้งกินน้ำไงแล้วก็ อาจจะได้เข้าสังกัดรุ้งกินน้ำวันนี้ด้วยก็ได้ ใช่ไหมคะคุณทร”
มะปรางหันมามองอินทรที่ยังงงๆ รับมุขไม่ทัน จ๊ะจ๋าส่งสัญญาณให้ตอบรับ
“ใช่ครับ ใช่”
จ๊ะจ๋าเข้ามากอดแขนอินทร
“หิวจัง หาอะไรรองท้องก่อนเถอะนะคะคุณทร”
จ๊ะจ๋าพาอินทรแยกไป มะปรางมองตามแล้วแลบลิ้นใส่หนึ่งแผล็บ
“ยายจ๋า ฉันไม่น่ารู้จักแกมาตั้งแต่เด็กเลย ฮึ”
รุ้งระวีขับรถมาจอดหน้าบ้าน เทียบรถของฟ้าใสพอดี เธอลงจากรถมองรถฟ้าใสอย่างสงสัยป้าแป๋ววิ่งมาต้อนรับ
“อุ๊ยตาย คุณรุ้ง”
“คุณทูนมีแขกเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นรุ้งไม่รบกวนดีกว่า”
“อุ๊ย รบกวนน่ะถูกแล้วค่ะ เชิญขึ้นบ้านเลย แล้วขึ้นไปดูหนังหน้ายายคางคกเจ้าของรถนี่เลยค่ะ”
รุ้งระวีชักรู้นัยๆว่าน่าจะคือฟ้าใส
ห้องนอนเปิดประตูไว้ ฟ้าใสนั่งที่เตียงมองดูรูปถ่ายทั้งหมดของตน ทั้งอดีตและปัจจุบันกับผู้ชายมากหน้าหลายตา
“นี่คุณตามถ่ายรูปฉันด้วยเหรอ”
“ถูกต้อง ไว้เป็นหลักฐานในศาล ถ้าเธอจะแถไม่ยอมหย่าจากฉัน หลักฐานพวกนี้จะเปิดโปงเธอทั้งหมด ว่าเธอคบผู้ชายมากหน้าหลายตาแค่ไหน ทั้งก่อนและหลังที่เธอมาพบฉัน”
ฟ้าใสมองรูป แล้วเริ่มทำเป็นเสียอกเสียใจร้องไห้ออกมาทันที
“ฟ้าไม่นึกเลย ว่าคุณจะเกลียดฟ้าได้ถึงขนาดนี้”
ฟ้าใสสะอื้น ทูนอินทร์มองอย่างระอา รุ้งระวีเดินเข้ามาในโถงล่างไม่เห็นใคร ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างบนเธอเดินขึ้นบันไดไป ฟ้าใสเช็ดน้ำตา
“แล้วคุณให้ฟ้าดูรูปพวกนี้ทำไม ขู่ฟ้าเหรอ”
“ก็ใช่ ถ้าเธอยอมเซ็นใบหย่า เราก็ไม่ต้องขึ้นศาลให้เสียเวลา เสียเงินทองแล้วก็เสียชื่อเสียงของเธอด้วย ตกลงกันวันนี้พรุ่งนี้ไปเลย”
“ก็ได้ค่ะ ฟ้าจะเอาใบหย่ามาให้คุณเซ็น”
“ไม่ตุกติกอย่างคราวที่แล้วอีกนะ”
รุ้งระวีเดินเข้ามามองอยู่ห่างๆไกลพอจะไม่ได้ยินบทสนทนา ฟ้าใสมองเห็นรุ้งระวีสะท้อนในกระจกเงาพอดีคิดแผนได้ทันที
“จริงค่ะ คุณมีหลักฐานขนาดนี้ ฟ้าไม่เสี่ยงหรอก”
ฟ้าใสลุกจากเตียง เดินมาหาเขา
“ฟ้าขอโทษเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด เราควรจะจากกันด้วยดีใช่ไหมคะ”
“ผมก็หวังว่าอย่างนั้น”
“ขออะไรอีกอยาง”
“อะไร”
“กอดฟ้าหน่อยเถอะค่ะ ถือว่าเป็นการกอดลาครั้งสุดท้าย”
ฟ้าใสโผเข้ากอดเขาแนบแน่นซบหน้ากับไหล่ของเขา รุ้งระวีตะลึงงันพยายามขืนตัว
“กอดลาฟ้าซีคะ เราจะต้องจากกันแล้ว”
ทูนอินทร์ยอมยกแขนขึ้นโอบร่างของฟ้าใสไว้ รุ้งระวีนิ่งงันเพราะที่มองเห็น ทูนอินทร์โอบร่างฟ้าใสอย่างคนรัก รุ้งระวีใจสลายถอยออกไปเงียบๆ ฟ้าใสยิ้มพราย
รุ้งระวีวิ่งลงบันไดมามาหยุดที่กลางโถง เหมือนหายใจติดขัดแล้วรีบออกจากโถงไป โดยไม่ทันเห็นว่าทูนอินดันร่างฟ้าใสออกห่างตัว
“เธอกลับไปได้แล้ว แล้วเรานัดกันอีกที เรื่องเซ็นใบหย่า”
“ค่ะ”
ทูนอินทร์หันหลังให้ ฟ้าใสยิ้มสะใจแล้วออกจากห้องไป ฟ้าใสออกมาจากบ้าน พบว่ารถของรุ้งระวีแล่นทะยานออกไปแล้ว เธอรีบวิ่งขึ้นรถแล้วขับตามไปทันที
รุ้งระวีขับรถด้วยอาการหายใจไม่ทั่วท้อง แล้วเกิดอาการพะอืดพะอม ตัดสินใจหยุดรถข้างทาง วิ่งไปอาเจียนที่ป่าละเมาะใกล้ ๆ ฟ้าใสขับรถเข้ามาจอดข้างกันแล้วเดินมาหาด้วยความสะใจ
“เครียดถึงขั้นอาเจียนเลยเหรอจ๊ะ”
รุ้งระวีหันมา พยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ
“ตามฉันมาทำไม”
“มาดูอาการของเธอน่ะซี ว่าพอได้พบความจริงแล้วเธอจะรู้สึกยังไง”
“ความจริงอะไร มันแค่ละครหน้าฉากที่เธอเล่นตบตาฉันเท่านั้น”
“เหรอจ๊ะ แหม ถ้าเป็นละครตบตา แล้วทำไมคุณทูนเขาร่วมเล่นกับฉันด้วยล่ะ ก็เห็นกะตานี่ว่าเขากอดฉันเสียแน่นเชียว”
รุ้งระวีพูดไม่ออก
“เอาละ นี่คือความจริงที่เธอต้องยอมรับให้หายโง่เสียที ฉันกับคุณทูนถึงจะเลิกรากันไปแล้ว แต่เขาไม่เคยลืมฉัน ทุกครั้งที่ฉันกลับมาหาเขา เราจะรื้อฟื้นความหลังกันตลอด และมักจะจบกันบนเตียงได้ทุกครั้ง”
รุ้งระวีเจ็บจี๊ดที่ใจ
“หยุด ไม่ต้องเล่า ฉันไม่อยากฟัง แล้วฉันก็ไม่เชื่อเธอด้วย คุณทูนเขาเกลียดเธอยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน”
ฟ้าใสยิ้มหยัน
“หึหึ เขาบอกเธออย่างนั้นเหรอ มันก็เป็นข้อแก้ตัวเพื่อให้เธอตายใจไง”
รุ้งระวีจะกลับไปที่รถ ฟ้าใสกระชากมือไว้
“จะไปไหนล่ะ มีความจริงอีกหลายเรื่องที่เธอควรรู้”
รุ้งระวีสวนทันที
“ฉันไม่อยากฟัง”
“ต้องฟัง”
รุ้งระวีนิ่งงัน
“ลองนึกดูดีๆว่า ทำไมเขาต้องมาจีบหล่อน เห็นว่าเข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่แรกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ”
“เพราะเขารักฉัน เขารักเสียงร้องของฉัน นี่คือคำตอบ”
“แล้วทำไมมันเหมือนเรื่องของฉันจังเลยล่ะรุ้งระวี”
รุ้งระวีนิ่งงัน
“เธอกำลังจะพูดอะไร”
“เขารักเสียงร้องของฉันเหมือนกัน แล้วเขาก็พยายามจะให้ฉันร้องเพลงที่เขาแต่งให้ได้”
รุ้งระวีนิ่งไม่ตอบ
“เขาขอแต่งงานกับฉัน เพื่อให้ฉันเป็นนักร้องในสังกัดของเขา หรือพูดอีกทีเป็นนักร้องร่วมชีวิตกับเขา เหมือนเธออีกไหม”
“ก็เหมือนแล้วทำไม”
“อ้าว ก็หมายความว่า ฉันคือตัวต้นแบบ เธอน่ะมันแค่ตัวสำเนา”
“ไม่เข้าใจ”
ฟ้าใสจ้องหน้า
“เขาไม่เคยลืมความรักที่มีกับฉันไงล่ะ เขาได้ยินเสียงร้องของเธอ ซึ่งละม้ายฉันเหลือเกิน เขาจึงมาหาเธอ กำหนดให้เธอเลียนแบบฉันทุกอย่าง เป็นตัวสำเนาเพื่อแทนตัวฉันที่เขาไม่เคยลืม”
“ไม่จริง”
“เขาสารภาพกับฉันแล้ว เขาไม่ได้รักเธอแม้แต้นิด เขารักฉันต่างหากและไม่เคยลืมฉัน ส่วนเธอ เป็นเพียงแค่ภาพเงาลางๆ ที่เขาพยายามก็อปปี้ให้เหมือนฉันเท่านั้นเอง...นี่...ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดีนะ”
รุ้งระวีพยายามแกร่งทั้งที่สะเทือนไม่ใช่น้อย
“เก็บความหวังดีของเธอไว้เถอะ เพราะความหวังดีของเธอ มันเป็นยาพิษล้วนๆ”
รุ้งระวีกลับไปที่รถ ฟ้าใสตามมายิ้มหยัน
“รุ้งระวี ลองนึกภาพเอาก็แล้วกันนะ รุ้งน่ะมันเกิดตอนฟ้าหลังฝนชั่วประเดี๋ยวเดียวมันก็เลือนหายไป แต่สิ่งที่อยู่คู่โลก มันคือท้องฟ้าใสกระจ่างไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
รุ้งระวีมองอย่างเจ็บปวด ก่อนจะสตาร์ทรถแล่นจากไป ฟ้าใสหัวเราะไล่หลัง
รุ้งระวีขับรถโดยที่เสียงของฟ้าใสยังดังก้อง
‘เขาไม่เคยลืมความรักที่มีกับฉันไงล่ะ เขาได้ยินเสียงร้องของเธอซึ่งละม้ายฉันเหลือเกิน เขาจึงมาหาเธอ กำหนดให้เธอเลียนแบบฉันทุกอย่าง เป็นตัวสำเนาเพื่อแทนตัวฉันที่เขาไม่เคยลืม ส่วนเธอ เป็นเพียงแค่ภาพเงาลาง ๆ ที่เขาพยายามก็อปปี้ให้เหมือนฉันเท่านั้นเอง’
“ไม่จริง ไม่จริง”
รุ้งระวีคิดถึงภาพอดีต วันที่ทูนอินทร์ตัดพ้อกับเธอที่สวนหลังบ้าน
‘นั่นแสดงว่า เรารักกัน แต่ยังไม่รู้จักกันมากพอ บางครั้งระยะห่างและเวลา อาจจะเยียวยาความรักของเราก็ได้นะรุ้ง’
รุ้งระวีเลี้ยวรถเข้าข้างทาง แล้วร้องไห้ออกมาสุดแรง
อิทธิเดินอยู่ในบริษัท เสียงมือถือดังขึ้นเห็นว่าเป็นเบอร์ฟ้าใสก็กดรับทันที
“ว่าไงแก แม่ตัวแสบ”
ฟ้าใสยืนพิงรถอยู่ อารมณ์ดี
“ขอบใจที่ชม”
“ด่าครับ ไม่ได้ชม มีอะไร”
“มีเรื่องแสบๆ ที่คุณควรจะมาช่วยฉันที่สระบุรีเดี๋ยวนี้เลย”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องทำลายความรักของนายทูนกับยายรุ้งไง เข้าทางไหมล่ะ”
“เล่ามาก่อนว่าจะทำลายยังไง ถ้าเข้าทาง ผมจะบึ่งรถไปเดี๋ยวนี้”
“รีบบึ่งมาเลยค่ะ แผนนี้ควรจะจัดการก่อนที่งานเลี้ยงเปิดค่าย รุ้งกินน้ำ จะเริ่มในคืนนี้”
อิทธิฟังความ แล้วเริ่มยิ้มออกมา
ในร้าน คนงานกำลังจัดร้านใกล้เสร็จเรียบร้อย ทูนอินทร์กับจี่หอยอยู่กลางร้าน
“รุ้งมาแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ก็มากับหอยนี่ไงคะ แล้วเลยไปหาคุณที่บ้าน ทำไมไม่เจอกัน”
“ชักแปลกๆ”
ทูนอินทร์กดมือถือหารุ้งระวี แต่สายไม่ว่าง
“สายไม่ว่างครับเหมือนปิดเครื่อง”
จี่หอยยิ่งงง อินทรเข้ามา
“พี่ทูนครับ พี่เมธให้ไปฟังเพลงเปิดงานหน่อยครับ”
“พี่หอยช่วยตามรุ้งหน่อยนะครับ ผมทำธุระก่อน”
“ได้ค่ะ”
ทูนอินทร์แยกไป
ค่ำนั้น ส่วนสนามหน้าร้าน ตกแต่งด้วยดอกไม้และป้ายรุ้งกินน้ำ ทำเป็นสายรุ้งสีสวยประดับอยู่บริเวณร้านทั้งหมด มุมเครื่องดื่มจัดตามมุม แขกประปรายกำลังสังสรรค์กันสนุกสนานที่สนาม แสงหล้าใส่แว่นชะเง้อมองหารุ้งระวี แต่ไม่เจอ ได้แต่ถอนใจ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น รุ้งระวีนั่งซึมอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม จิบเครื่องดื่มไปด้วยใจล่องลอยไปไหนต่อไหน ทันใดนั้นอิทธิ เข้ามายืนตรงหน้า
“ทำไมมานั่งอยู่คนเดียวแบบนี้ละครับ”
รุ้งระวีชะงักไป
“คุณอิทธิ”
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
“คุณมาสระบุรีทำไม”
“เป็นห่วงคุณน่ะซี เจ๊หอยบอกว่าคุณไม่ได้ไปที่ร้านต้มแซ่บ มือถือก็ติดต่อไม่ได้”
รุ้งระวีมองอย่างแปลกใจ
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“โรงแรมในคอนเน็กชันของบริษัทนี่ครับ มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีค่ะ โทษนะคะคุณอิท ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งอยู่คนเดียวเลยครับ เพราะผมมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกคุณ”
รุ้งระวีลุกทันที
“ว่ามาเลยค่ะ ขอสั้นๆเพราะฉันจะไปแล้ว”
“เรื่องแม่คุณ”
รุ้งระวีลงนั่งทันที
ทูนอินทร์เขย่าขวดแชมเปญรายล้อมด้วย อินทร เมธ พี่แดง อาต้อย จี่หอย มะปราง และแขกในวงการคนอื่นๆ ทุกคนช่วยกันนับ
“ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง...ศูนย์”
ทูนอินทร์ปล่อยจุกคอร์ค แชมเปญระเบิด น้ำจากขวดกระจายฟูฟ่อง ทุกคนปรบมือ ทูนอินทร์รินเหล้าให้ทุกคน เมธประกาศเปิดงาน
“เอาละครับ ได้ฤกษ์เปิดงานแล้ว วันนี้ผม ทูน พี่แดง อาต้อย มีความยินดีเป็น อย่างยิ่งที่เราได้สร้างฝันของเราให้เป็นจริงเสียที เรามีค่ายเพลงของเราแล้วครับ ค่ายเพลงชื่อเพราะเหลือเกิน รุ้งกินน้ำครับ”
เมธผายมือไปที่ป้าย ทุกคนเฮ
“พี่แดง อาต้อย เชิญให้โอวาทหน่อยครับ”
พี่แดงกับอาต้อย ขึ้นไปร่วมพูดคุย เล่าเรื่องความฝันของเมธที่อยากสร้างค่ายเพลงเพื่อศิลปินที่ไร้โอกาสทั้งหลาย ทูนอินทร์แยกมาหาจี่หอย
“พี่หอย รุ้งล่ะ”
“ยังติดต่อไม่ได้เลยค่ะ”
“เอ ยังไง ประสบอุบัติอะไรรึเปล่า”
จี่หอยตกใจ
“ว้าย ลมชัก กลัวอยู่นี่แหละ”
รุ้งระวีมองเอกสารตรงหน้า พบว่าเป็นใบหน้าของสาวใหญ่หน้าตาทรุดโทรม อยู่ในวัดเก่าแห่งหนึ่ง ถ่ายร่วมกับบรรดาแม่ชีและคนในวัดหน้าเศร้าสร้อย หน้าตาละม้ายแสงหล้ามาก
“นี่รูปแม่ฉันเหรอ”
“ผมไม่แน่ใจ แต่นักสืบที่สืบเรื่องอยู่ บอกว่าน่าจะใช่ รูปที่ถ่ายนี่เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว”
“วัดที่ไหนคะ”
“วัดคำสิงห์ อยู่ที่แพร่”
รุ้งระวีอึ้งไป
“แพร่”
“ครับ เท่าที่รู้เธอสุขภาพไม่ดีนัก อยู่ในอุปการะของวัด”
รุ้งระวีแปลกใจและสงสัย
“สุขภาพไม่ดี แล้วเดินทางมาดูคอนเสิร์ตฉันได้ยังไง แถมยังโทรมาเตือนฉันเรื่องยายผกาอีก”
“ทั้งหมดนั่น นายทูนเป็นคนพูดเองนี่ครับ หลักฐานไม่มีเลยสักอย่าง ผมว่านายทูนสร้างเรื่องหลอกคุณแน่ ๆ”
รุ้งระวีหวั่นไหวไม่น้อย
“ยังไงนี่ก็แค่รูป ฉันต้องไปเจอผู้หญิงคนนี้ตัวจริงก่อน ถึงจะตัดสินใจได้”
“ผมพาคุณไปแน่”
“งั้นไปกันวันนี้เลย”
“ใจเย็นครับ วันนี้ภารกิจที่คุณต้องทำ คือไปร่วมงานของนายทูนไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่อยากไป”
อิทธิยิ้ม
“ไม่ดีนะ เดี๋ยวเขาจะเสียกำลังใจ เจ๊หอยบอกว่าเขาเป็นห่วงคุณมาก กังวลเสียจนไม่มีสติอยู่กับงาน โทรหาคุณอยู่นั่นแล้ว”
รุ้งระวีเชื่อ เปิดมือถือทันที เห็นมิสคอลของทูนอินทร์ขึ้นมาหลายมิสคอล พร้อมข้อความ “เป็นห่วงมาก รุ้งอยู่ที่ไหน” รุ้งระวีถอนใจ
“ค่ะ ฉันจะไปหาคุณทูนเดี๋ยวนี้”
อิทธิแอบยิ้มที่ทุกอย่างเข้าทาง
อ่านต่อหน้า 3
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 15 (ต่อ)
นักข่าวสัมภาษณ์ทูนอินทร์อยู่มุมหนึ่งของร้าน ช่างภาพถ่ายรูปกันวูบวาบ ขณะเดียวกันบนเวที เมธกำลังโซโลกีตาร์เพลงเพราะๆ
“ทำไมยังไม่เห็นรุ้งระวี มางานเลยล่ะคะพี่ทูน” นักข่าวสาวถาม
“มาถึงร้านแล้วครับ แต่ออกไปข้างนอกสักครู่” ทูนอินทร์บอก
“จริงรึเปล่าครับที่รุ้งระวี จะย้ายค่ายมาอยู่ค่าย รุ้งกินน้ำ” นักข่าวอีกคนซัก
“ยังครับ รุ้งยังทำงานให้ อิทธิซาวนด์ อีกหนึ่งปี แต่วันนี้รุ้งมาร่วมงานกับเราด้วย”
“จะได้ฟังรุ้งร้องเพลงสะพานรุ้ง กับคุณทูน อย่างวันเพลงอินดี้อีกไหมคะ”
“แน่นอนครับ”
เมธจบเพลงพอดี คนปรบมือ พี่แดงกับอาต้อยเข้ามาส่งแก้วเครื่องดื่มนมเย็น ชนแก้วกันเป็นที่ครึกครื้น อาต้อยออกมากล่าวแนะนำ
“นี่ละครับ ศิลปินเบอร์หนึ่งอันดับหนึ่งของเรา พี่สุเมธ ขอเสียงปรบมืออีกครั้ง ครับ”
ทุกคนปรบมือ อาต้อยหันไปถามเมธ
“แล้วลำดับต่อไปคืออะไร”
“ลำดับต่อไปเรามาฟังคนหนุ่มคนสาวกันบ้างดีกว่าครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน น้องอินทร หรือน้องทรของเรา เชิญครับ”
อินทรออกมาพร้อมจ๊ะจ๋า มะปรางที่ยืนอยู่กับจี่หอยมองอย่างเบื่อๆ
“สวัสดีครับพี่ๆ วันนี้ผมไม่ได้มาคนเดียว แต่พาน้อง จ๊ะจ๋ามาด้วย คงจำกันได้นะครับว่าน้อง จ๊ะจ๋า มยุรี เป็นนักร้องสังกัดค่าย ดำรงมิวสิค วันนี้มาขอแจมกับพวกเราด้วย ขอเสียงปรบมือให้น้องจ๊ะจ๋าหน่อยครับ”
ทุกคนปรบมือ ดนตรีขึ้น อินทรและจ๊ะจ๋าร้องเพลงสนุกๆ คู่กันอย่างเมามัน มะปรางมองอย่างเศร้าใจกับตัวเอง ส่วนจี่หอยมองอย่างชื่นชม
“คู่นี้ดูไปก็เหมาะกันดีเนอะ ร้องเพลงเก่งทั้งคู่”
“ค่ะ เป็นดารากันทั้งคู่ เหมาะสมกันดี”
“แกว่าคุณทรจีบยาย จ๊ะจ๋ารึเปล่า”
“คงจีบมั้งคะ”
มะปรางหงุดหงิดจะแยกไป
“อ้าว จะไปไหนล่ะ”
“เบื่อน่ะค่ะ ไปหาอะไรทานในครัวดีกว่า”
มะปรางแยกไป จี่หอยชวนนักข่าว ออกไปเต้นหน้าเวที
ฟ้าใสเข้ามาบริเวณสนามหน้าร้าน พร้อมกับนายถนอมคนรถ นายถนอมถือดอกไม้ช่อใหญ่มาด้วย ฟ้าใสอยู่ชุดใหม่ระยิบทั้งตัว แขกในงานหันมามอง เธอมองเข้ามาในร้านเห็นอินทรและจ๊ะจ๋ากำลังร้องเต้นกันอยู่
“เอ๊ะ ถนอมนั่นนังจ๊ะจ๋ารึเปล่า”
“ใช่ครับ”
“มันกล้าดียังไงมาร้องเพลงที่นี่ ใครอนุญาตมัน”
“ให้ผมโทรถามเสี่ยไหมครับ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
กลุ่มนักข่าวกรูกันจากร้านออกมาถ่ายรูป
“พี่ฟ้า ขอถ่ายรูปหน่อยครับ”
ฟ้าใสยิ้มรับ
“ได้ค่ะ”
ทูนอินทร์กับเมธ มองตามนักข่าวที่กำลังกรูออกไปถ่ายรูปนอกร้าน จี่หอยอุทานออกมา
“ตายแล้ว นังฟ้าต่ำมาค่ะ”
ทูนอินทร์กับเมธอึ้ง เมธส่ายหน้าเซ็งๆ
“ใครเชิญวะเนี่ย”
“ผมจัดการเอง”
ทูนอินทร์เดินออกจากร้านไป
อิทธิ และรุ้งระวีเดินมาจากลานจอดรถ ตรงมาที่ร้าน ทั้งสองชะงักเมื่อเห็นฟ้าใสกำลังถ่ายรูปกับนักข่าว อิทธิทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“อ้าว ยายฟ้าใสมาด้วยเหรอ”
“เธอมาตั้งแต่กลางวันแล้วค่ะ”
“แสดงว่าเจอกันแล้วซี”
“ค่ะ”
ทูนอินทร์ออกมา ฟ้าใสรีบถลาเข้าไปกอดทันที รุ้งระวีมองตะลึง
“คุณทูนคะ ฟ้าขอแสดงความยินดีด้วย สำหรับค่ายเพลงใหม่ของคุณ”
ถนอมส่งช่อดอกไม้ให้ ฟ้าใสมอบช่อดอกไม้ให้ทูนอินทร์ ช่างภาพถ่ายรูปกันวูบวาบ ทูนอินทร์ไม่พอใจมาก แต่สถานการณ์ไม่เอื้อให้พูดอะไร
“ยืนชิดกันหน่อยครับ” นักข่าวคนหนึ่งบอก
“ยิ้มหน่อยครับ”
ทูนอินทร์ไม่ยิ้ม หน้าเย็นชา ขณะที่ฟ้าใสเข้ามากอดเอาหน้าซบไหล่ รุ้งระวีมองอย่างเจ็บปวด อิทธิได้ทีรีบสุมไฟ
“เอ ใกล้ชิดกันอย่างนี้ สงสัยนายทูนคงเป็นคนเชิญยายฟ้ามาแน่ๆ”
รุ้งระวีพูดไม่ออก เพราะรูปการณ์ที่กอดกันตั้งแต่กลางวันมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ขณะที่ทูนอินทร์กระซิบฟ้าใส
“เธอควรจะกลับไปตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วนะ ที่มานี่จะมาป่วนงานฉันใช่ไหม”
“แนะ หาเรื่อง มาแสดงความยินดีต่างหากละคะ”
“มาแล้ว ก็กลับไปได้ ฉันจะไปส่งเธอที่รถ”
“อะไร ให้กลับตอนนี้ก็เป็นข่าวซีคะ เหมือนคุณขับไสไล่ส่งฟ้า นักข่าวจ้องทำข่าวเราอยู่นะคะ สวีทกันไว้ดีกว่า อีกอย่างต้องแสดงความยินดีกับพี่ๆในงานก่อน” ฟ้าใสรีบส่งเสียงดัง “พี่นักข่าวคะ เราขอตัวเข้างานก่อนนะคะ ไปค่ะพี่ทูน”
ฟ้าใสดึงทูนอินทร์เข้าร้านไป นักข่าวตามส่วนถนอมรออยู่ด้านนอก
อินทรกับจ๊ะจ๋าร้องเพลงจบ ผู้คนปรบมือให้ จ๊ะจ๋ายิ้มร่า แล้วก็คลายยิ้มทันที เมื่อเห็นฟ้าใสและทูนอินทร์เข้ามาในร้าน ฟ้าใสไหว้เมธกับพี่แดง จี่หอยเชิ่ดใส่
“ว้าย! พี่ฟ้าใสมาด้วย” จ๊ะจ๋าร้องออกมาอย่างตกใจ
อินทรถอนใจ
“มาทำไมเนี่ย”
“คุณทร จ๋าแย่แน่เลย ไม่ได้ขออนุญาตพี่ฟ้าก่อน พี่ฟ้าเล่นงานจ๋าแน่ๆ”
“จะกลัวอะไรล่ะครับ บอกไปซีว่าผมเชิญคุณมา”
อินทรและ จ๊ะจ๋าลงจากเวที ยืนหลบมุมอยู่ใกล้ๆเวที ฟ้าใสยังไหว้และกอดแขกเหรื่อ ทำท่าเป็นดาวของงาน ทูนอินทร์ทั้งเบื่อทั้งอึดอัด
รุ้งระวีทรุดนั่งที่เก้าอี้สนาม ใกล้จะร้องไห้เต็มที อิทธิลงนั่งข้างๆ ถนอมหลบมุมอยู่แอบมองมา
“ตกลงนายทูนของคุณนี่ยังไงกันแน่ สวีทกับยายฟ้าใสเสียขนาดนั้น”
“ฉันไม่รู้ค่ะ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย”
“งั้นเรื่องนายทูนที่ผมทราบมา ก็ไม่น่าจะผิดความจริง”
“เรื่องอะไรคะ”
“ฟ้าใสกับคุณตรงสเปกนายทูน สวย เก่ง ร้องเพลงเพราะเหมือนกันคุณคือตัวแทนของฟ้าใส เขาจีบคุณไว้เป็นตัวสำรองเวลาที่เขาไม่มีฟ้าใสไงล่ะ”
“แต่เขาบอกฉันว่าเขาเกลียดเธอ”
“บทบาทน่ะซีครับ ให้ทุกคนเห็นว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายหลายใจ ยายฟ้าเล่นบทตามตื๊อนายทูนทำเป็นเย็นชาไม่สนใจ แต่ที่ไหนได้ ลับหลังผู้คน กอดจูบหลับนอนกันยิ่งกว่าผัวเมีย”
“พอเถอะค่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้”
รุ้งระวีสะบัดไปอิทธิหันไปมองที่ร้าน ถนอมยืนอยู่พยักหน้าให้กัน อิทธิรีบตามรุ้งระวีไปถนอมตาม เตรียมมือถือไว้ด้วย
ในงาน อาต้อยกล่าวเชิญฟ้าใสบนเวที
“คืนนี้เราไม่ได้มีแค่น้อง จ๊ะจ๋า นะครับ แต่เรายังมี น้องฟ้าใส จากค่ายเสี่ยดำรงมาร่วมงานกับเราด้วยอีกคน ขอเชิญน้องฟ้าใสเลยครับ”
ทุกคนปรบมือ ฟ้าใสเดินขึ้นเวทีผ่านหน้า จ๊ะจ๋าและอินทรพอดี
“ว่าไง ยายจ๋า ใครอนุญาตให้แกมา”
“ไม่มีค่ะ”
“เดี๋ยวต้องคุยกัน”
จ๊ะจ๋าหน้าเสีย อินทรพากลับเข้าห้องด้านใน ฟ้าใสขึ้นบนเวที ฉีกยิ้มกับแขกอย่างอัตโนมัติ
“ขอบคุณค่ะ พี่ๆน้องๆทุกท่าน ฟ้ามาในวันนี้ ได้รับมอบหมายจากเสี่ยดำรง ให้เป็นตัวแทนมาร่วมแสดงความยินดีกับค่ายรุ้งกินน้ำ ค่ายน้องใหม่ของ วงการเพลงของเรา ขอแสดงความยินดีจากดำรงมิวสิค ด้วยค่ะและขอให้ รุ้งกินน้ำ เจริญเติบโตเป็น เสาหลักของวงการต่อไปในอนาคตนะคะ”
พี่แดงกับอาต้อยส่งเสียงขึ้นพร้อมกัน
“เฮ”
แขกเฮตามพร้อมกัน ชนแก้วกันยกใหญ่ ทูนอินทร์เจื่อนไป
รุ้งระวีเดินมาร้องไห้ที่ข้างรถ อิทธิตามมา
“รุ้ง ยังกลับไม่ได้นะ”
“ไม่ ฉันจะกลับ”
รุ้งระวีเปิดประตูจะเข้ารถ อิทธิรั้งไว้
“ปล่อย ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้”
รุ้งระวีปล่อยโฮออกมา อิทธิดึงเธอมากอดไว้ ถนอมหลบมุมอยู่ หยิบกล้องมือถือมาถ่ายภาพที่อิทธิและรุ้งระวีกอดกันแนบแน่นเก็บไว้
“ไม่ร้องนะรุ้ง อย่าไปเสียน้ำตากับคนอย่างนายทูนเลย”
รุ้งระวีรู้สึกตัว รีบผละจากเขาพยายามสงบสติ อิทธิดึงเธอมามองหน้า
“รุ้งยังกลับไม่ได้ครับ”
“ทำไม”
“นี่เป็นโอกาสดีที่รุ้งจะได้เห็นตัวจริงของนายทูน ธาตุแท้ของมัน รุ้งจะได้ไม่มีข้อสงสัยอะไรอีก”
“ฉันไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว”
“เถอะครับ ผมว่างานนี้รุ้งจะได้ตาสว่างเสียที กลับไปที่งานเถอะ”
อิทธิพารุ้งระวีกลับไปยืนมองที่หน้าต่างร้าน มองผ่านกระจกเข้าไป
ฟ้าใสลงจากเวทีมายืนคุยกับกลุ่มทูนอินทร์
“พี่ทูนคะ ฟ้าดีใจด้วยจริงๆ ที่ฝันของพี่เป็นจริงแล้ว ยินดีด้วยค่ะ”
ฟ้าใสเข้ากอด ทูนอินทร์ขืนตัว ช่างภาพถ่ายรูป เมธกับจี่หอยมองหน้ากัน รับไม่ได้ รุ้งระวีมองอย่างอึ้งๆ อิทธิยิ้มพอใจ ขณะเดียวกันทูนอินทร์ผลักฟ้าใสออก
“จริงเหรอ ที่เสี่ยดำรงให้เธอมา”
“จริงซีคะ เสี่ยเขาไม่กีดกันคนรุ่นใหม่หรอกค่ะ”
“ไม่กีดกันงั้นเหรอ แล้วที่ขโมยผลงานคนอื่น ไปเป็นของตัวมันยิ่งกว่ากีดกันอีกนะ กลับไปบอกเสี่ยเธอ ว่าค่ายเพลงของฉันตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นคู่แข่งกับดำรงมิวสิคโดยเฉพาะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นคุณทูนพูดกับเจ้าตัวโดยตรงเลยดีกว่า”
ฟ้าใสกดเบอร์ถึงดำรงทันที จี่หอยรีบห้าม
“คุณทูนอย่าพูดนะคะ”
เมธเห็นด้วยกับจี่หอย
“ใช่ อย่าก่อศัตรูดีกว่า เราค่ายน้องใหม่”
“ผมจะพูดทุกอย่างที่ผมคิดครับ” ทูนอินทร์ยืนยัน
ฟ้าใสคุยโทรศัพท์กับดำรง
“ป๋าเหรอคะ ฟ้าอยู่ในงาน รุ้งกินน้ำแล้วค่ะ”
“เหรอ เขาต้อนรับดีใช่ไหม”
“ดีมากค่ะ ตอนนี้พี่ทูนอยู่กับฟ้าแล้ว อยากเรียนสายป๋าน่ะค่ะ”
“ได้”
ฟ้าใสส่งมือถือให้ทูนอินทร์
“ป๋าดำรงค่ะ”
ทูนอินทร์คว้ามือถือมา
“กล้ามากนะที่นายส่งฟ้าใสมางานฉัน ไง จะขโมยผลงานฉันอีกใช่ไหม ไอ้ขี้ขโมย”
ดำรงรับฟังนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เมธและจี่หอยช่วยกันแย่งมือถือจากทูนอินทร์ทันที จังหวะนี้พี่แดงและอาต้อยเข้ามาสมทบ พยายามปลอบทูนอินทร์ให้ใจเย็นๆ เมธดึงมือถือมาคุยเอง
“เสี่ยดำรงเหรอครับ”
“ใครน่ะ”
“ผมสุเมธครับ ขอโทษ น้องผมมันวู่วามไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ แต่บอกก่อนว่าที่ส่งฟ้าใสไปงานน่ะ ไม่ได้คิดอะไรอย่างที่น้องคุณกล่าวหา แค่ไปเป็นกำลังใจและให้เกียรติงานของคุณเท่านั้น”
“เข้าใจครับ”
“แหม น้องคุณไม่น่าอคติขนาดนั้น ผมอุตส่าห์บอกฟ้าใสให้เตรียม เพลงไปร้องอวยพรให้พวกคุณสักเพลงสองเพลง”
“อ๋อ ต้องเชิญให้ร้องอยู่แล้วครับ”
ทูนอินทร์ฟังอย่างสงสัย
“ได้ ขอให้ค่ายเพลงของคุณประสพความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไปนะ”
“ขอบคุณครับ ครับสวัสดี”
เมธเลิกสาย ส่งมือถือให้ฟ้าใส
“ป๋าบอกเรื่องที่ฟ้าจะร้องเพลงรึเปล่าคะ”
“บอกแล้ว”
“งั้น ฟ้าพร้อมแล้วค่ะ”
ฟ้าใสยิ้มแย้ม เมธและทูนอินทร์อึดอัด จี่หอยฮึดฮัดขัดใจ พี่แดงขึ้นประกาศบนเวที
“ขอเชิญน้องฟ้าใสขึ้นมาขับกล่อมเพลงเพราะๆ ให้พวกเราหน่อยครับ”
ฟ้าใสขึ้นเวที รุ้งระวีมองอย่างงุนงง
“ขอบคุณค่ะที่ให้เกียรติฟ้า เพลงนี้ฟ้าจะร้องให้พี่ๆรุ้งกินน้ำ ทุกคนแต่ว่า ”
ทุกคนเงียบไป
“ฟ้าจะร้องเพลงนี้คนเดียวคงไม่ได้ เพราะเพลงนี้เป็นเพลงคู่”
ทุกคนถามกันเสียงขรมว่าเพลงอะไร
“เพลงนี้ฟ้าขอร้องกับพี่ทูนนะคะ”
ทูนอินทร์หันมามองฟ้าใส จี่หอยตกใจ
“ลมชัก อีนี่เป็นเรื่องแล้ว”
ฟ้าใสมองมาที่ทูนอินทร์
“นะคะ ขอเชิญพี่ทูนขึ้นมาหน่อยค่ะ”
“ผมไม่ขึ้นไปนะครับ”
ทูนอินทร์จะออกจากงาน อาต้อยรั้งไว้
“ทูน นักข่าวมากันทั้งงานนะ อย่าให้เป็นข่าวเสียหายกับค่ายเพลงเราเลย”
เมธถอนใจ
“ตามน้ำหน่อยเถอะว่ะทูน ก็แค่ร้องคู่กันเพลงเดียว”
ทูนอินทร์ส่ายหน้าเซ็งๆเหนื่อยใจ
“นี่ผมต้องตามน้ำไปอีกกี่ครั้งครับพี่”
อาต้อยขอร้อง
“คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นละทูน น่าทำเพื่อบริษัทเรา”
ทูนอินทร์ถอนใจแล้วกลั้นใจเดินไปที่เวที ยืนร่วมกับฟ้าใส รุ้งระวีมองอย่างปวดใจ อิทธิมองหยัน
“ว่าแล้วไหมล่ะ ร้องเพลงคู่กันจนได้”
“แต่คุณทูนท่าทางไม่อยากร้อง”
“บอกแล้วไงว่านั่นคือ บทบาท”
รุ้งระวีพูดไม่ออก ทูนอินทร์กระซิบฟ้าใส
“จะร้องเพลงอะไร ถ้าร้องเพลงของเธอ ฉันร้องไม่ได้หรอกนะ”
“เพลงนี้พี่ทูนต้องร้องได้แน่ๆค่ะ เพราะเป็นเพลงที่พี่ทูนแต่งเอง”
“เพลงอะไร”
ดนตรีขึ้นทันที มันคือเพลงสะพานรุ้ง เมธกับทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก รุ้งระวีนิ่งงันอย่างชาไปทั้งตัว ทูนอินทร์ตกใจ
“สะพานรุ้ง กล้าดียังไงมาร้องเพลงนี้”
“ฟ้าอยากร้องกับพี่ทูนนี่คะ นะคะ เราร้องด้วยกัน”
“ฉันร้องเพลงนี้กับรุ้งเท่านั้น”
“ก็ไม่เห็นมานี่คะ ร้องกับฟ้าเถอะ ฟ้าเสียงเพราะกว่ายายรุ้งตั้งเยอะ”
ทูนอินทร์มองไปยังเมธที่พยักหน้าให้ เล่นไปตามเกม เขาตัดใจ เริ่มร้องเพลงอย่างไร้อารมณ์
อิทธิแยกไปยืนดูอีกมุมหนึ่ง รุ้งระวีน้ำตาไหลมองฟ้าใสที่กำลังร้องเพลงสะพานรุ้ง อย่างได้อารมณ์ไม่แพ้ตน และกอดแขนของทูนอินทร์ตลอดเวลา ทูนอินทร์ยืนนิ่งไม่ได้ตอบสนองอะไร ฟ้าใสซบกับไหล่ของเขาบรรดาแขกและนักข่าวอือฮา ส่งเสียงแซวเป็นระยะ รุ้งระวีมองภาพคนทั้งสองด้วยสายตาอันพร่าเลือน น้ำตาไหลอาบแก้ม
“คุณทูน นี่คือเพลงของเราไม่ใช่หรือ”
ฟ้าใสดึงมือของเขามาโอบตัวเอง ทูนอินทร์จำใจโอบ แต่รุ้งระวีมองเห็นในระยะห่างไม่รู้สึกว่าทูนจำใจ แต่ดูเต็มใจด้วยซ้ำ เธอค่อยๆผละออกมาจากมุมนั้น อิทธิมองตามยิ้มร่า
รุ้งระวีมานั่งสงบสติที่เก้าอี้มุมสนาม อิทธิตามมา
“รุ้ง”
“ขอฉันอยู่คนเดียวเถอะค่ะ”
“ได้ครับ”
อิทธิเข้ามุมร้านไป รุ้งระวีร้องไห้แทบขาดใจ แสงหล้าออกมาได้ยินเสียงร้องไห้ จึงเดินมาดูเห็นว่าเป็นรุ้งระวี แสงหล้ารีบใส่แว่นตา แล้วหลบมุมอยู่ในความมืดรวบรวมกำลังใจก่อนจะถามขึ้น
“คุณคะ ป็นอะไรรึเปล่า”
รุ้งระวีรีบเช็ดน้ำตา ยังหันหลังให้
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เข้าไปในงานเหรอคะ”
“ไม่ค่ะ”
“รับเครื่องดื่มไหมคะ เดี๋ยว ฉันไปเอามาให้”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ ฉันกำลังจะไปแล้ว”
“ไปไหนคะคุณ คุณทูนเขารอคุณอยู่นะ”
รุ้งระวีหันมามองแสงหล้าเต็มตา แสงหล้ารีบถอยเข้าในเงามืด
“ป้ารู้เหรอว่าฉันเป็นใคร”
“รู้ซีคะ คุณรุ้งระวี”
“บอกเขาด้วย ว่าคืนนี้ฉันไม่ร่วมงาน ไม่ค่อยสบาย”
“เออ...คือ”
รุ้งระวีลุกขึ้นแล้วแยกไป แสงหล้ารำพึงในคอ
“โธ่รุ้ง อย่าเพิ่งไปลูก”
แสงหล้าก้าวออกมาจากเงา มองลูกสาวอย่างกังวล
รุ้งระวีเดินผ่านส่วนร้านอีกครั้งมองเข้าไปในร้าน เห็นทูนอินทร์และฟ้าใสเพิ่งร้องเพลงจบ ผู้คนปรบมือกราว ฟ้าใสกอดเขาแน่น นักข่าวถ่ายรูปตรึม
“หอมแก้มกันหน่อยครับ”
“ได้ค่ะ”
ฟ้าใสหอมแก้มและทำท่าสวีทกับทูนอินอีกหลายท่า รุ้งระวีมองอยู่แล้วแน่ใจแล้วว่าทูนอินทร์ยังรักฟ้าใสอยู่แน่ๆ เธอถูกหลอกอย่างที่ฟ้าใสและ อิทธิ พูดจริงๆ เธอสะบัดไปทันที
ทูนอินทร์สุดทน ผลุนผลันลงจากเวที แล้วออกจากส่วนร้าน กลับไปที่ห้องทำงานทันที ฟ้าใสยิ้มแย้มให้ทุกคน
“ขอบคุณมากค่ะ”
ฟ้าใสลงจากเวทีด้วยอาการสะใจ จี่หอยไม่พอใจ
“มันมาป่วนงานเราอีกแล้ว ดีนะที่รุ้งไม่มา ไม่งั้นเห็นภาพบาดใจแน่ๆ”
เมธหันไปมองใครคนหนึ่งอย่างแปลกใจ
“เอ๊ะ นั่นใครน่ะ”
อิทธิเข้ามาในงาน หน้าตาแช่มชื่น จี่หอยตกใจ
“ว้าย! ตาเถร คุณ อิทธิ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ฟ้าใสเข้าไปไหว้ อิทธิอย่างอ่อนช้อย และกระซิบกัน
“เป็นยังไง มาทันเห็นซีนร้องเพลงคู่รึเปล่า”
อิทธิยิ้มพอใจ
“เห็นตั้งแต่ที่นายทูนมารับช่อดอกไม้จากเธอแล้ว เธอจัดหนักเลยนะคราวนี้”
“แล้วเป็นยังไง”
“ปล่อยโฮเลยละ แผนนี้ได้ผลเกินคาด”
“จะได้ผลกว่านี้ถ้าเรามีแผนสอง แผนสามต่อเนื่องไม่ให้ขาดตอน”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เมธเข้ามา
“คุณอิท สวัสดีครับ”
อิทธิยิ้มแย้มให้
“ยินดีด้วยนะเมธ ได้เป็นเสี่ยเจ้าของกิจการเสียที มีอะไรให้ช่วยก็บอก”
เมธยิ้มรับ
“ขอบคุณครับ ผมก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยก็แล้วกัน”
จี่หอยเข้ามาหา
“คุณอิทมาด้วย ไม่บอกกันก่อนเลย”
“เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี่เอง”
ฟ้าใสหันไปหาเมธ
“เพลง สะพานรุ้ง ฟ้าร้องเพราะพอกับรุ้งไหมคะ พี่เมธ”
เมธเจื่อนไป จี่หอยมองฟ้าใสด้วยหางตา
“เวลาเธอร้องเพลงของคนอื่น หรือขโมยเพลงคนอื่นเขามาร้องน่ะ มันเพราะเสมอล่ะจ๊ะ เพราะต้องทำจริตให้มันเกินต้นฉบับ แต่โทษนะ สำหรับบางคนที่เขารู้กำพืด เขาว่าดัดจริตเกิน จนกลายเป็นเฟคตัวแม่”
ฟ้าใสไม่พอใจ
“คุณอิทคะ เตือนลูกน้องหน่อยนะคะ เวลาพูดอย่าแลบลิ้นออกมามากนัก เพราะลิ้นสองแฉกน่ะมันเสียกับภาพพจน์บริษัท”
ฟ้าใสแยกไป จี่หอยโกรธจี๊ด
“ต๊าย! มันว่าหอยเป็น....อาเอี้ย โธ่! นังดวก นังปลวกเน่า รมณ์เสีย”
เมธหันมาหา อิทธิ
“มาไม่บอกกันก่อนละครับ จะได้ให้ขึ้นไปเป็นเกียรติบนเวที”
“อย่าเลย เพราะผมไม่ได้มาอย่างเป็นทางการ แค่พารุ้งมาส่งจากในเมืองน่ะ”
จี่หอยตกใจ
“หา รุ้งมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้อยู่ไหน”
“นั่นซี หายไปไหนไม่รู้”
อิทธิยิ้มกริ่มแล้วแยกไปทักทายกับพี่แดงและอาต้อย จี่หอยและเมธมองหน้ากัน
“เอ๊ะ มาเห็นตอนคุณทูนร้องเพลงกับนังฟ้าต่ำรึเปล่าคะพี่เมธ”
เมธหนักใจ
“ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเห็น ก็เป็นเรื่องน่ะซี”
จบตอนที่ 15
อ่านต่อตอนที่ 16 พรุ่งนี้