ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 10
บนเวที รุ้งระวีหันมาต่อหน้าคนดู ไฟฟู่จากด้านหลัง และสองข้างตัวสวยราวเทพธิดา เธอออกมาด้วยมาดนางพญา แล้วทั้งร้องทั้งเต้นพร้อมกับกลุ่มหางเครื่อง
แสงหล้ามองลูกสาวด้วยความปีติ หยิบพวงมาลัยเล็กๆที่ซื้อมาจากกระเป๋าเสื้อ เตรียมจะมอบให้ รุ้งระวีร้องแล้วตรงมาที่หน้าเวที พร้อมสาวหางเครื่อง บรรดาแฟนเพลงกรูกันมาขอจับมือ เธอจึงลงนั่งยองๆ พร้อมสาวหางเครื่องอีกสี่นาง แล้วทั้งห้าก็หยิบถุงน้ำจิ้มแจ่วใส่ซองพลาสติก ซีลอย่างดีแจกให้แฟนเพลงที่ยื่นมือมา แฟนเพลงกรี๊ดสนั่น เป็นที่ชื่นชอบ แสงหล้าหัวเราะขำไปด้วย ข้างเวที ทูนอินทร์กับทุกคนยืนมองอย่างปลาบปลื้ม ทันใดฟ้าใสก้าวเข้ามาอย่างราชินี จ๊ะจ๋าตามหลัง พร้อมกับทีมหางเครื่องคือ แมว ไฝ เปิ้ล
ทุกคนหันไปมอง ฟ้าใสเดินมามองไปที่เวที อิทธิเข้าไปกระซิบถาม
“เธอรีบมาทำไม รุ้งร้องอีกสองเพลงนะ ถึงจะถึงคิวเธอ”
“ขี้เกียจรอในห้องแต่งตัว ออกมาดูคู่แข่งดีกว่า”
“ดูเฉยๆก็แล้วกันนะ อย่าทำอะไรเกินกว่าที่เราตกลงไว้”
ฟ้าใสยิ้มหยันไม่ตอบ
“แต่เมื่อกี้ขอชมนะว่าทำได้ดีมาก”
“ตอนไหนเหรอ”
“ที่เธอหว่านเสน่ห์ผัวเก่าเธอไง เพราะรุ้งแอบเห็นทั้งหมดที่เธอจูบกับนายทูน รุ้งเริ่มเข้าใจผิดแล้ว”
ฟ้าใสสีหน้าสลดลง เมื่อนึกถึงที่ทูนอินทร์ปฏิเสธเธอโดยสิ้นเชิง แต่ยังปากแข็งคุยโอ่
“บอกแล้วไงว่างานนี้ ถ่านไฟเก่าคุขึ้นมาอีกแน่ๆ”
“เธอทำได้ดี แล้วควรจะมีบทบาทต่อไปให้รุ้งได้เห็นอีก”
“จัดให้ค่ะ”
ทูนอินทร์มองมาที่ทั้งสอง อิทธิแยกออกจากห้องไป ฟ้าใสเดินไปหาทูนอินทร์
“แหม น่าปลื้มใจนะคะ ที่สาวรุ้งเรียกแขกได้ขนาดนี้”
ทูนอินทร์มองไม่พอใจ
“ใช้คำดีๆหน่อย เรียกแขกน่ะเขาไว้ใช้กับพวกตามผับตามบาร์”
“ก็ไม่เห็นต่างนี่ มันก็เรียกแขกเข้ามาดูเหมือนกันทั้งนั้น”
ทูนอินทร์ไม่ตอบโต้ ฟ้าใสเบียดร่างเข้ามาชิด ทูนอินทร์อึดอัด
“อย่าทำอย่างนี้ต่อหน้าคนอื่น มันไม่ดี”
“ทุกคนเขาจะได้รู้ไง ว่าเราเคยเป็นผัวเมียกันมาก่อน”
“พูดไม่รู้เรื่องนะฟ้าใส เธอกับฉันคืออดีต อดีตที่น่าอายด้วย ปล่อย”
“แหม มีรักครั้งใหม่เป็นนังรุ้ง ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวขึ้นมาเชียว”
ฟ้าใสหัวเราะเบาๆ แล้วแยกมานั่งที่เก้าอี้ จ๊ะจ๋าเข้ามาดูแล อินทรมองพี่ชายที่สีหน้าไม่พอใจอย่างกังวล
บนเวที รุ้งระวีร้องเพลงจบ ยืนโพสต์ท่าสวยงามพร้อมหางเครื่อง คนดูปรบมือกราว รุ้งระวีเดินมาที่หน้าเวที บรรดาแม่ยก พ่อยก เตรียมพวงมาลัยจะยื่นให้ แสงหล้าพยายามแทรกร่างเพื่อไปยังหน้าเวที แต่ถูกแฟนเพลงเบียดจนพวงมาลัยหลุดจากมือ คนเหยียบไปเต็มๆ
“อย่าเหยียบ โธ่”
แสงหล้าเก็บพวงมาลัยขึ้นมา พบว่าส่วนหนึ่งบี้แบนไปหมด ขณะเดียวกันรุ้งระวีกำลังรับพวงมาลัยที่สะสมจนพวงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เธอไหว้ทุกคน หางเครื่องเข้ามารับพวงมาลัยที่เยอะขึ้นไป แสงหล้าพยายามเบียดคนเข้าไป แล้วถูกเบียดหน้าคะมำมาที่หน้าเวที ตรงจุดที่รุ้งระวีนั่งอยู่พอดิบพอดี
“ระวังค่ะน้า”
แสงหล้าเงยหน้าขึ้น พบว่ารุ้งระวีกำลังยิ้มให้ รู้สึกตื้นตันไปหมด ค่อยๆยื่นเศษพวงมาลัยส่งให้ รุ้งระวีพยายามมองหน้า แต่แสงไฟแฟลชจากกล้องเข้าตาจนมองหน้าแสงหล้าไม่ชัด
แสงหล้าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ด้วยความปีติ
“มันช้ำหมดแล้ว คงไม่รังเกียจพวงมาลัยของแม่นะลูก”
รุ้งระวีรับพวงมาลัยมา มองแสงหล้านิ่ง แว่บนึงที่เสียงนั้นคุ้นเหลือเกิน รุ้งระวีไหว้แสงหล้า
“ไม่เลยค่ะ ช้ำแค่ไหนมันก็สดเสมอสำหรับรุ้ง ขอบคุณค่ะ”
แสงน้ำตาไหล
“ดีใจเหลือเกินที่แม่ได้เจอลูก”
รุ้งระวีรู้สึกทันทีว่าคือเสียงแม่
“แม่...”
จังหวะนั้นแฟนเพลงเบียดแสงหล้าเซไป จนหายไปในฝูงชน รุ้งระวีมองหา
“แม่”
รุ้งระวียืนงง ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า หางเครื่องประคองเธอลุกขึ้น ผู้กำกับเวทีเดินเข้ามาบอกให้เธอหลบไปเปลี่ยนชุด
จ๊ะจ๋ามองออกไปที่เวที เห็นรุ้งระวีกำลังเดินเข้ามา จ๊ะจ๋าพยักหน้าให้ฟ้าใสตามที่นัดแนะกันไว้ ฟ้าใสรีบลุกทันทีเดินไปหาทูนอินทร์ แล้วทำเซตรงหน้า
“ว้าย”
ทูนอินทร์รีบคว้าร่างฟ้าใสแล้วดึงไว้ เธอทำเซซบหน้ากับไหล่ของทูนอินทร์ทันที รุ้งระวีเข้ามาพอดีเห็นอย่างจัง ทูนอินทร์รีบดันร่างฟ้าใสออก จี่หอย กับมะปรางเข้ามาดูแลรุ้งระวีทันที
“เปลี่ยนชุดก่อนเลยรุ้ง”
จี่หอยดึงเครื่องแต่งตัวบางชิ้นออก แล้วใส่ชิ้นใหม่เข้าไป รุ้งระวีชำเลืองมองไปทางทูนอินทร์และฟ้าใส ด้วยความรู้สึกหดหู่
“ทำไมต้องกอดกัน”
“เธอแกล้งเซไปกอดพี่ทูนเองค่ะ” มะปรางรีบบอก
“อย่าไปสนเลย นังนี่มันมารยาร้อยเล่มเกวียน” จี่หอยเตือน
ทางด้านฟ้าใสแกล้งอ้อนทูนอินทร์
“ขอบคุณนะคะพี่ทูน ที่ช่วยรับฟ้า ส้นสูงมันสูงค่ะ เลยเสียหลัก”
ฟ้าใสผละจากทูนอินทร์จะกลับมานั่ง แต่ต้องผ่านรุ้งระวี จึงหยุดทัก
“เพลงสนุกดีนี่ โชว์ก็ดีนะ ตระการตาดี เต้นก็สวย”
“ขอบคุณที่ชม”
“อ๋อ ไม่ได้ชมเธอ ฉันชมพวกหางเครื่อง”
กลุ่มหางเครื่อง แมว ไฝ เปิ้ล และจ๊ะจ๋า หัวเราะพร้อมกัน ฟ้าใสลงนั่งอย่างสะใจ
“แหม บางทีไอ้พวกปากกับใจตรงกันเนี่ย มันก็แย่เหมือนกันนะ” จี่หอยแกล้งพูด
“ปากกับใจตรงกันมันน่าจะดีนะครับ แย่ยังไง” อินทรงง
“ก็ปากไพร่ ใจสถุลไงคะ”
อินทร มะปราง จี่หอย หัวเราะใส่บ้าง กลุ่มฟ้าใสเงียบกันไป รุ้งระวีแต่งตัวเสร็จพอดี ทูนอินทร์รีบดึงเธอไปข้างๆ
“ที่เห็นเมื่อกี้ อย่าเข้าใจผิดนะครับ”
รุ้งระวีมองทูนอินทร์อย่างแคลงใจ แต่ก็ตอบรับ
“ค่ะ”
รุ้งระวีก้าวออกไปสู่เวที ฟ้าใสมองอย่างริษยา
รุ้งระวีออกมาร้องผู้บ่าวข่าวจี่ ด้วยท่วงท่าแบบรำอีสาน พร้อมกับสาวหางเครื่องที่รำตาม มีกลุ่มหางเครื่องผู้ชายสี่คนจากอีกข้างของเวทีคนออกมารำด้วย รุ้งระวีรำไทยแท้ไม่เหลือคราบของสาวฝรั่งเลย คนกรี๊ดอย่างถูกใจ เช่นเดียวกับแสงหล้า
ข้างเวที ฟ้าใสเห็นได้จังหวะ จึงพยักหน้าให้จ๊ะจ๋ากับสามสาวหางเครื่อง ทุกคนพยักหน้าให้กัน แล้วพากันไปที่ทางออกไปหน้าเวที
จี่หอยมองตามอย่างสงสัย
“มันจะทำอะไรของมัน”
ทูนอินทร์ มะปราง และอินทรมองอย่างสงสัย ขณะเดียวกันบนเวที รุ้งระวีกำลังร้องเต้นอย่างสนุกสนาน แล้วอย่างที่ไม่มีใครคาด ดนตรีเปลี่ยนเป็นเพลงของรักของหวงทันที รุ้งระวีและกลุ่มหางเครื่องชะงักเต้นไม่ออก คนดูและแสงหล้าอึ้งกันไปด้วยความงุนงง
ทูนอินทร์ตกใจ
“เอ๊ะ ทำไมเปลี่ยนเพลง เพลงของรุ้งยังไม่จบเลย”
ฟ้าใสและสามหางเครื่องก้าวออกไป เหลือจ๊ะจ๋าคนเดียว กลุ่มทูนอินทร์กรูไปมอง
“มันทำอะไรของมัน” จี่หอยถาม
“ยายจ๋า พี่เธอทำอะไรน่ะ” มะปรางหันไปถาม
“มีตา ก็ดูเอาเองซี”
ฟ้าใสและสาวหางเครื่องสามนางก้าวออกไปหน้าเวที พร้อมกับหางเครื่องของฟ้าใสออกมาอีกด้านของเวที เบียดกลุ่มหางเครื่องของรุ้งระวี ทั้งชายและหญิงจนเซไปไม่เป็นกระบวน
ฟ้าใสคว้าไมค์ของรุ้งระวีจากมือ แล้วเอามาร้องต่อ รุ้งระวีหน้าแตกไม่รู้จะทำอะไรดี จะกลับเข้าหลังเวที แต่ ไฝ เปิ้ล แมวเข้ายึดตัวรุ้งระวีไว้
“พวกเธอจะทำอะไร ปล่อย”
“ไม่ปล่อย แกเต้นเป็นหางเครื่องให้พี่ฟ้า เดี๋ยวนี้” ไฝสั่ง
“โอบเอวพวกฉัน แล้วเต้นตามพวกฉัน” เปิ้ลเสริม
สามสาวโอบเอวกันแล้วเต้นเตะขาๆง่าย รุ้งระวีไม่ยอมเต้น
“ไม่เต้นละก็ โดนจิ้มด้วยเข็มนี่แหละ” แมวขู่
แมวเอาปิ่นมาจิ้มขู่ที่เอว รุ้งระวีจำต้องเต้นเป็นหางเครื่อง โอบเอวทั้งสามไว้ แล้วเต้นไปตามจังหวะ
คนดูคิดว่าคงเป็นส่วนหนึ่งของการโชว์ เลยสนุกต่อ แต่แสงหล้ารู้ว่ารุ้งระวีกำลังโดนแกล้ง มองลูกสาวอย่างเป็นห่วง
อิทธิวิ่งมาข้างเวทีหน้าตาตื่น
“มันเรื่องอะไรกัน เมียนายทำอะไรรุ้ง”
ทูนอินทร์หันขวับมาทันที
“ไม่ใช่เมียผม เธอกำลังบังคับให้รุ้งเต้นเป็นหางเครื่องให้เธอ”
“บ้าแล้ว มันคิดจะทำลายกันกลางเวทีเลยเหรอ บอกนักดนตรีเลิกเล่นเดี๋ยวนี้ แล้วเรียกตัวกลับมาให้หมด”
“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง ถ้าทำอย่างนั้นก็เจ๊งหมด”
“ทำไม เจ๊งมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย”
“ต้องเกี่ยวซี้ บอกแล้วไงผมดูแลรุ้งอยู่ ต้องรักษาภาพลักษณ์ของรุ้งไม่ให้เสีย ผมมีทางออกที่ดีกว่า”
“ยังไง”
อินทูนทร์หันไปบอกจี่หอย
“พี่หอย ขอชุดหางเครื่องชายให้ผมกับนายทรหน่อย”
ทุกคนมองหน้ากัน จี่หอยตะลึง
“มีไหมพี่”
“มีค่ะ มีค่ะ จัดให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”
จี่หอย มะปราง อินทร ตรงไปที่ราวแขวนชุดทันที
“นายจะทำอะไร” อิทธิถาม
“ออกไปช่วยรุ้งไง”
จ๊ะจ๋าที่หลบอยู่ คิดหาทางขัดขวางสุดฤทธิ์
บนเวที ฟ้าใสร้องเต้นจนจบเพลง คนทั้งกรี๊ดทั้งปรบมือ รุ้งระวียังถูกสามสาวยึดตัวไว้ ฟ้าใสพูดกับแฟนเพลงสำเนียงโคราช
“สวัสดีค่ะ พ่อแม่พี่น้องชาวโคราช ฟ้าใสได้กลับมาเยือนโคราชอีกครั้ง คิดถึงที่สุดเลยค่า ถึงตัวจะเกิดขอนแก่น แต่ใจนั้น รักโคราชเหมือนบ้านเกิดของตัวเอง”
คนดูกรี๊ด
“วันนี้ฟ้าไม่ได้มาคนเดียว แต่พาน้องรุ้งจากแอลเอมาด้วย”
สามหางเครื่อง ดันรุ้งระวีให้มายืนข้างฟ้าใส
“วันนี้เรามาประลองความเป็นตัวแม่กันค่ะ ใช่ไหมคะน้องรุ้ง”
รุ้งระวีไม่พูดอะไร ฟ้าใสกระซิบ ลดไมค์ลง
“พูดซี้”
“ไม่”
รุ้งระวีสะดุ้งเฮือก เมื่อแมวจิ้มเข็มเข้าสะเอว
“โอ๊ย”
“พูดออกมา”
“จะให้ฉันพูดอะไร”
“อะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันเป็นตัวแม่ของแท้น่ะ”
“เธอนี่มันบ้า”
“พูดเรื่องที่แกเป็นแฟนเพลงฉันตั้งแต่อยู่ที่แอลเอไง พูดมา”
ฟ้าใสจ่อไมค์มาที่ปาก รุ้งระวีจำต้องพูด
“ใช่ค่ะพี่ฟ้า วันนี้เรามาประลองความเป็นตัวแม่กัน”
“ฟังเพลงพี่ฟ้ามาตั้งแต่ไหนคะ” ฟ้าใสถามเสียงหวาน
“ตั้งแต่ที่รุ้งอยู่แอลเอ”
“อ้อ ตอนนั้นเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ใช่ไหมคะ”
รุ้งระวีจำใจตอบ
“ค่ะ”
“ชอบเพลงพี่มากเลยใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ชอบมาก”
ฟ้าใสหันไปยิ้มกับคนดู
“ค่ะ ตอนนี้ท่านผู้ชมก็คงรู้แล้วนะคะ ใครแม่ ใครลูก เพราะรุ้งน่ะตามหลังฟ้ามา เขาเอาฟ้าเป็นต้นแบบ เห็นว่าก็อปทุกอย่างเลยใช่มะ”
รุ้งระวีไม่ตอบ ฟ้าใสยิ้มเยาะ
“แหม ก็เห็นใจนะคะ ไม่ใช่คนไทยแท้ ไปโตต่างบ้านต่างถิ่น จะร้องลูกทุ่งกับเขาสักที ก็เลยต้องหาต้นแบบ แล้วบังเอิญเลียนแบบเก่ง ก็เลยดังขึ้นมาได้อย่างที่เห็น น้องรุ้งเขาก็ยอมรับนะคะ ว่าเขาไม่ใช่ไทยแท้ จะมาร้องสู้นักร้องเชื้ออีสานแท้อย่างฟ้าก็คงไม่ได้ ใช่ไหมคะ”
รุ้งระวีไม่ตอบ
“พูดไปซี” แมวขู่
“ใช่ค่ะ” รุ้งระวีตอบอย่างสุดฝืน
ฟ้าใสยิ้มร่า
“เพราะฉะนั้นรับชมรับฟัง อีกบทเพลงของตัวแม่อย่างฟ้าใส ใจสะออนค่า”
ดนตรีขึ้นใหม่ รุ้งระวีบอกอย่างโมโห
“ปล่อยฉันได้แล้ว”
“ไม่ปล่อย แกต้องเต้นเป็นหางเครื่องฉันไปตลอดที่ฉันร้อง”
“อะไรนะ”
“ได้ยินแล้วนี่ แกไม่มีสิทธิ์ร้องเพลงอีกแล้ว หน้าที่แกตอนนี้คือเต้นเป็นหางเครื่องให้ฉันเท่านั้น”
ฟ้าใสร้องเพลงทันที สามหางเครื่องดึงรุ้งระวีถอยออกมา ไฝและเปิ้ลมาอยู่คนละด้านของรุ้งระวี และแมวที่ยังประกบกันอยู่
“เต้นไปซี เต้นไป”
แสงหล้าหล้ามองบนเวทีอย่างเป็นห่วง
ทูนอินทร์และอินทร แต่งตัวเป็นหางเครื่องชาย กลับเข้ามาพร้อมจี่หอยและมะปราง อิทธิหัวเราะลั่น
“แต่งอย่างนี้เข้าทางแฮะ น่าจะสมัครเป็นหางเครื่องเสียเลย ตกลงชายแท้ หรือกะเทยวะ หางเครื่องวงฉันกะเทยทั้งนั้น ฮ่ะฮ่ะ”
ทูนอินทร์มองมาที่หลืบทางออก พยายามไม่สนใจคำพูดอิทธิ
“จัดการเมียนายให้อยู่หมัดล่ะ แล้วก็อย่าไปทำเสียเรื่องบนเวที ทั้งผัวทั้งเมีย”
อิทธิสั่ง ทูนอินทร์ทนไม่ไหวหันมาทันที
“เรื่องเสียเรื่องน่ะ มันเสียอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่นายเสียท่ายอมให้ฟ้าใสมันจัดคอนเสิร์ตร่วม ไม่เรียกไอ้โง่ ก็ต้องเรียกไอ้ควาย”
“ปัดโธ่ ไอ้...”
อิทธิง้างหมัดจะเข้าชก แต่ช้าไป ทูนอินทร์สวนหมัดออกมาก่อน เข้าเต็มหน้า อิทธิล้มไปกับพื้น
“ว้าย! คุณอิทธิ”
จี่หอย กับมะปรางเข้าประคองอิทธิ ทูนอินทร์และอินทรมองสะใจ แล้วออกไป อิทธิเลือดซึมที่มุมปาก
“คุณอิทธิ โดนชกจนหงายเงิบไปเลยนะคะ” จี่หอยแอบขำ
“เลือดออกปากด้วยค่ะ” มะปรางมองอย่างตกใจ
“ปล่อย”
อิทธิลุกขึ้นทันที จี่หอยและปรางแอบยิ้มให้กัน ขณะเดียวกัน จ๊ะจ๋าหลบไปหลังเวที เพื่อไปออกเวทีอีกด้าน จี่หอยกับมะปรางตามไปทันที
บนเวที รุ้งระวียังเต้นเป็นหางเครื่องให้ฟ้าใสอยู่ ทูนอินทร์และอินทรในชุดหางเครื่องวิ่งเข้าไปสมทบด้านหลังทันที พยายามดูท่าเต้นให้พร้อมกับกลุ่มหางเครื่อง แต่ก็เต้นคนละทีสองที หางเครื่องทั้งกลุ่มงง ฟ้าใสยังร้องเต้นอยู่ด้านหน้า
จ๊ะจ๋าจะออกมาที่แถวนักดนตรี เพื่อบอกคนควบคุมวง จี่หอยและมะปรางตามมา กระชากจ๊ะจ๋ากลับ
“จะทำอะไรของแกน่ะ” มะปรางถาม
“ปล่อยนะ”
“แกใช่ไหมที่สั่งคนคุมวงให้เปลี่ยนเพลง”
“ฉันไม่รู้เรื่อง”
“งั้นแกก็อยู่เฉยๆนี่แหละ”
จี่หอยออกไปหาคนคุมวงกระซิบกระซาบ คนคุมเกาหัวแกรกๆ แต่ก็พยักหน้า จี่หอยแยกไปบอกกลุ่มหางเครื่องของตัวเอง ที่ยังเต้นตามจังหวะเพลงของฟ้าใสอยู่ หางเครื่องพยักหน้าตกลงตามแผน
“พวกแกจะทำอะไร” จ๊ะจ๋างง
“ก็ทำอย่างเดียวกับที่แกทำเมื่อกี้ไง” มะปรางยิ้มสะใจ
ทูนอินทร์และอินทรเห็นได้จังหวะ เข้าเล่นงานสามสาวหางเครื่องที่ประกบรุ้งระวีอยู่ทันที โดยอินทรดึงไฝและเปิ้ลเซไป ทูนอินทร์ดึงแมวเซไปรวมกลุ่ม แล้วดึงปิ่นมาถือไว้เสียเอง ฟ้าใสยังร้องเต้น ไม่รู้เหตุการณ์ด้านหลัง
“ว้าย อะไรของแก” แมวโวย
“เข้ามาโดนของจริงนะเจ๊” อินทรขู่
กลุ่มสาวหางเครื่องของรุ้งระวีสามนาง นำทีมโดยป้าต๋อม เข้ายึดร่างสามสาวไว้ไม่ให้ทำอะไรได้อีก
“ปล่อยฉันนะ”ไฝโวย
“อยากโดนตบทีเดียวสามคนเลยไหมมึง” ป้าต๋อมพูด
สามสาวไม่กล้าสู้ รุ้งระวีหันมามองอย่างดีใจ
“คุณทูนอินทร์”
“ผมมาช่วยแล้ว”
“พาฉันกลับไปทีเถอะ แฟนเพลงงงกันหมดแล้วค่ะ”
“ยังกลับไม่ได้ครับ งานนี้คุณต้องเอาคืน”
“ยังไงคะ”
ทูนอินทร์ส่งปิ่นให้รุ้งระวี ทันใดเพลงผู้บ่าวข้าวจี่ ดังขึ้นอีกครั้ง ฟ้าใสร้องค้างอยู่ หันกลับมามองเบื้องหลังอย่างงุนงง
“อะไรกันน่ะ เปลี่ยนเพลงทำไม”
“จัดการยายตัวร้ายเลยครับ”
ทูนอินทร์บอก รุ้งระวียิ้มร่า
“จัดให้ค่ะ”
รุ้งระวีเดินมาหาฟ้าใส เข้าโอบกอด แต่มือที่ถือปิ่นจิ้มเอวฟ้าใส แล้วกระชากไมค์มา
“ขอบคุณพี่ฟ้าใสมากนะคะ ที่มาช่วยร้อง”
“นี่แก”
ฟ้าใสจะแย่งไมค์กลับ รุ้งระวีจิ้มปิ่นที่เอวทันที
“อุ้ย” ฟ้าใสสะดุ้งเพราะเจ็บ
“ทำตามที่ฉันสั่ง ไม่งั้นท้องแกทะลุกลางเวทีนี่แหละ” รุ้งระวีพูดเบาๆกับฟ้าใส แล้วหันไปพูดใส่ไมค์กับคนดู “แฟนเพลงคะ ปรบมือให้ตัวแม่อย่างพี่ฟ้าใสหน่อยค่า”
คนดูปรบมือ แสงหล้ามองเหตุการณ์ด้วยใจระทึก
“ถึงรุ้งจะอยู่แอลเอ แต่รุ้งก็ไม่เคยลืมบ้านเกิดเมืองนอนของรุ้ง พี่ฟ้าคงไม่เคยไปไหนเกินตะเข็บชายแดนละมังคะ ถึงไม่รู้หรอกว่าแอลเอน่ะ คนไทยอยู่กันหลายหมื่น นักร้องอีสานอย่างพี่นก พี่สุนทรีย์ พี่ตุ๊กตา ไปโชว์ตัวอยู่บ่อยๆ ทุกคนเป็นครูรุ้งทั้งนั้น เพราะรุ้งได้วิชาจากพี่ๆ เขาทุกคน”
คนดูปรบมือ
“รุ้งจะนับถือคนที่เป็นครูเท่านั้นละค่ะ เพราะครูทุกท่านที่เอ่ยนามมาคือตัวแม่ ของจริง ไม่ใช่ตัวปลอมอย่างบางคน ใช่ไหมคะพี่ฟ้าใส”
ฟ้าใสพูดไม่ออก รุ้งระวีกระทุ้งเอว ฟ้าใสสะดุ้ง
“ชะ...ใช่”
“รุ้งจะบอกว่า รุ้งคือเลือดไทย คนไทยแท้ๆคนนึง ที่รักเมืองแม่ของรุ้งยิ่งกว่าชีวิต รุ้งกลับมาแล้ว และจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต สืบสานวัฒนธรรมไทยของ เราให้ดำรงอยู่ตลอดไปค่ะ”
คนปรบมือ วี๊ดวิ้ว
“รับฟังเพลง ผู้บ่าวข้าวจี่ กันต่อเลยค่ะ”
รุ้งระวีร้องเพลงโดยยังไม่ปล่อยร่างฟ้าใส ร้องได้ท่อนเดียวก็หันมาพูดกับฟ้าใส
“พี่ฟ้าขา ช่วยร้องเพลงของรุ้งหน่อยซีคะ”
“อะไรนะ”
“ร้องกับรุ้งนะคะ เพราะพี่ฟ้าก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของรุ้งเหมือนกัน”
“ไม่ ร้องไม่เป็น พี่ฟ้าไม่เคยเป็นแฟนเพลงของน้องรุ้งนะคะ”
“แนะ ยังปากแข็ง พี่ฟ้ายังบอกเลย อยากทำหน้าให้เป็นฝรั่งอย่างรุ้ง เวลาไปอยู่เมืองนอกจะได้ทำตัวเป็นฝรั่ง เผื่อจะมีมีผัวฝรั่งด้วย”
คนดูเฮ ฟ้าใสหน้าแตก รุ้งระวีปิดไมค์
“ร้องเดี๋ยวนี้นะแก”
เพลงเข้าท่อนฮุคพอดี รุ้งระวีร้องท่อนฮุค ฟ้าใสร้องคลอไปด้วยอย่างกระท่อนกระแท่น
“ดีค่ะ ร้องดังๆซีคะพี่”
ฟ้าใสร้องเสียงดังขึ้น แต่ใจจริงอยากร้องกรี๊ดมากกว่า รุ้งระวีกระซิบ
“ยิ้มซี ยิ้มไปด้วย”
ฟ้าใสฉีกยิ้มแล้วร้องร่วมกับรุ้งระวี
อิทธิ ยิ้มสะใจออกมาได้
“มันต้องอย่างนั้น สมน้ำหน้านังตัวมาร”
จี่หอย มะปรางจับตัวจ๊ะจ๋าเข้ามา
“ปล่อย บอกให้ปล่อย” จ๊ะจ๋าโวยวาย
“มีอะไรกัน” อิทธิหันไปถาม
“ยายนี่ละค่ะ ลูกน้องนังฟ้าต่ำ มันเป็นคนไปบอกคนคุมวง ให้เปลี่ยนเพลงตามที่นังฟ้ามันสั่ง” จี่หอยเล่า
อิทธิไม่พอใจ
“เธอก็เป็นนักร้องของค่ายนะ ทำอย่างนี้ไม่กลัวอนาคตดับวูบรึไง”
จ๊ะจ๋าพูดไม่ออก
“เรื่องฟ้าใสแกล้งรุ้งคราวนี้ ฉันรายงานเสี่ยดำรงแน่ เธอก็จะโดนด้วย”
“อุ๊ย คุณอิทธิ อย่ารายงานเลยนะคะ หนูโดนไล่ออกแน่ๆ”
“ฉันต้องรายงาน เพราะเธอทำลายงานของฉัน”
จ๊ะจ๋าร้องไห้โฮ
“ที่จริงหนูก็ไม่อยากทำหรอกค่ะ แต่พี่ฟ้าเขาบังคับหนู”
มะปรางรีบบอก
“อย่าไปเชื่อค่ะ แม่นี่ขี้โกหก ขนาดหนูเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี ยังบอกเลยว่าไม่รู้จัก”
จ๊ะจ๋าหน้าเจื่อน เถียงไม่ออก อิทธิกดมือถือทันที จ๊ะจ๋าหน้าซีด
(อ่านต่อหน้า 2 )
ตอนที่ 10 (ต่อ)
ดำรงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังดูรายการทีวี เมื่อมีสัญญาณโทรศัพท์เข้ามา กดฟังไปด้วย
“ดำรงพูด อ้อ คุณอิทธิ ว่าไง ฟ้าใสก่อเรื่องงั้นเหรอ”
เสี่ยไม่แสดงท่าทีตกใจ รับฟังเรื่องอย่างสงบ
“ฟ้าใสแกล้งรุ้งบนเวที ทำอะไรบ้าง”
ขณะเดียวกัน เฉลาอุ้มชิวาว่า หน้าตาน่าเอ็นดูผ่านมาพอดี หยุดฟัง ดำรงสีหน้าเย็นเยียบ เอาเรื่อง
“อืม ทำขนาดนั้นเลย”
เฉลาฟังแล้วยิ้มหยัน นึกดีใจที่ฟ้าใสก่อเรื่อง เพราะตัวฟ้าใสเองจะต้องถูกดำรงเล่นงานแน่
บนเวที เพลงจบท่อน รุ้งระวียิ้มให้คนดู ฟ้าใสจำต้องฝืนยิ้มตาม
“เอาละค่ะ พี่ฟ้าใสคงจะต้องลาผู้ชมไปแล้ว”
ฟ้าใสหันมามองรุ้งระวี
“ฉันยังร้องไม่ครบเพลงเลย”
รุ้งระวีปิดไมค์
“โควต้าเธอหมดเท่านี้ บอกลาแฟนเพลงไป”
รุ้งระวีจิ้มปิ่นเข้าเอว ฟ้าใสสะดุ้ง จำต้องพูด เมื่อรู้งระวีเอาไมค์มาจ่อเข้าที่ปาก
“ค่ะ ฟ้าต้องลาแต่เพียงเท่านี้ เชิญฟังเพลงน้องรุ้งต่อไปนะคะ”
“โอกาสหน้าได้มาร้องร่วมกันอีกนะคะพี่ฟ้า บ๊าย บาย”
ทูนอินทร์และทรเข้าประกบฟ้าใสพาเข้าข้างเวที สาวหางเครื่องของรุ้งระวีเข้าประกบสามนางของฟ้าใส แล้วพากลับเข้าเวทีไปอีกด้านหนึ่ง กลุ่มหางเครื่องฟ้าใสทะยอยกลับเวทีไป เหลือแต่หางเครื่องของรุ้งระวี
“มาสนุกกันต่อค่ะ”
รุ้งร้องเพลงต่อไป ดนตรีขึ้นเพลงบ่กล้าบอกครู แสงหล้าโล่งใจที่รุ้งปลอดภัย
ทูนอินทร์และอินทร จับแขนฟ้าใสลากมาหาอิทธิที่รออยู่แล้ว
“ปล่อยฉัน”
ฟ้าใสสะบัดหลุด อิทธิตวาดใส่ทันที
“ฉันโทรหาเสี่ยดำรงแล้ว เล่าพฤติกรรมของเธอทั้งหมดแล้วด้วย”
“ทำไม นึกว่าฉันกลัวเหรอ ฉันก็บอกได้เหมือนกันว่า พวกนายก็เล่นงานฉัน แบบหมาหมู่ด้วย”
“ทั้งหมดนั่นฉันก็รายงานเสี่ยไปแล้วเหมือนกัน นอกจากเสี่ยจะบอกขอโทษฉันแล้ว เสี่ยยังขอบคุณที่ฉันให้บทเรียนเธอด้วย”
ฟ้าใสอึ้ง
“อะไรนะ เสี่ยไม่เอาเรื่องที่พวกนายแกล้งฉันเหรอ”
“ถ้าเสี่ยเขาจะเอาเรื่อง เขาก็เอาเรื่องเธอนั่นแหละ”
“นึกว่าจะเชื่อเหรอ ฉันคือนักร้องที่ทำเงินให้เสี่ยได้มากที่สุดนะ”
“อ้อ ที่เขาเรียกว่าตัวเงินตัวทอง” จี่หอยเสริม
ฟ้าใสมองมาทางจี่หอยอย่างแค้นๆ
“อ้อ เล่นรุมกันเป็นทีม ฉันจะล้างแค้นพวกแกเป็นรายหัวเลยคอยดู”
อิทธิตัดบท
“นายทูนอินทร์ ฉันว่านายพาเมียนายออกไปได้แล้ว เอาไปทิ้งป่าช้าไหนก็ได้”
“เอาอย่างที่มัดตราสังข์ด้วยก็ดีนะคะ วิญญาณจะได้ไม่ออกมาอาละวาดผู้คน” จี่หอยพูดต่อด้วยความสะใจ
“กรี๊ด! อีนัง...”
ฟ้าใสกราดจะเข้ามาตบ จี่หอยกางฝ่ามือ พร้อมสู้เต็มที่ ทูนอินทร์จับแขนฟ้ายึดไว้
“ยังบ้าไม่พออีกเหรอ กลับไปได้แล้ว ทรช่วยลากไปที”
ทูนอินทร์และอินทรเข้าจับแขนฟ้าใสคนละข้าง แล้วลากออกไป
“กรี๊ด ฉันจะล้างแค้นพวกแกให้หมดเลย”
ฟ้าใสถูกลากออกไป จ๊ะจ๋ารีบตาม
“เจอนางร้ายในละครมาเยอะแล้วนะคะ ความเลวไม่ได้ครึ่งของนังนี่ เรยาเรียกพี่เลยค่ะ” จี่หอยมองตามพลางส่ายหน้า
ทูนอินทร์และอินทรลากฟ้าใสเข้ามาในห้องแต่งตัว ฟ้าใสล้มลงที่โซฟา ร้องไห้โฮจ๊ะจ๋าตามเข้ามาด้วย
“คอยดูนะ ฟ้าจะให้ข่าวนักข่าวทุกสำนัก เรื่องที่คุณเล่นชู้กับนังรุ้งทั้งๆ ที่นังรุ้งมันชอบพออยู่กับนายอิทธิ ” ฟ้าใสร้องไป ขู่ไป
“อย่ามาแตะต้องรุ้งนะ”
“แหม เป็นนางฟ้านางสวรรค์เหรอถึงแตะต้องไม่ได้”
“ใช่ รุ้งเป็นนางฟ้า เธอน่ะมันนางนรก”
“เอาซี้ อยากได้มันเป็นแฟน ก็เอาเลย แต่อย่าคิดนะว่าจะได้เป็นผัวเมียกัน วันไหนที่แต่งงาน ฉันจะเอาทะเบียนสมรสของเรามาแฉกลางงานเลย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้น ฉันกำลังยื่นเรื่องหย่ากับศาลแล้ว ถึงไม่ต้องเซ็นใบหย่า ฉันก็เป็นอิสระจากเธอได้”
ทูนอินทร์และอินทรออกจากห้องไป ฟ้าใสกรี๊ดบ้าคลั่งปาข้าวของ
“พี่ฟ้า สงบใจบ้างเถอะค่ะ” จ๊ะจ๋าเตือน
ทูนอินทร์ออกมาพร้อมอินทร มะปรางรออยู่ เสียงเอะอะของฟ้าใสยังดังจากในห้อง
“นึกไม่ออกจริงๆ ว่าฉันเคยรักผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง” ทูนอินทร์บ่นอย่างอารมณ์เสีย
“ตอนนั้นเธอยังแกล้งทำตัวเป็นนางบุญอยู่นี่ครับ ไม่ใช่นางมารอย่างตอนนี้”
อินทรบอก ทูนอินทร์แยกไป มะปรางสงสัยมาก
“เป็นยังไงบ้างคะ กรี๊ดไม่เลิกเลย”
“ปล่อยไปเถอะครับ มีอะไรรึเปล่า”
มะปรางฟังเสียงเอะอะในห้อง รู้สึกเป็นห่วงจ๊ะจ๋าขึ้นมา ขณะเดียวกันในห้องฟ้าใสยังปาข้าวของ
“พี่ฟ้าพอเถอะค่ะ พี่ก่อเรื่องมามากแล้วนะ” จ๊ะจ๋าพยายามปราม
“อะไร แกว่าฉันเหรอ”
“จ๋าเปล่าว่า จ๋าแค่พูดให้พี่หยุดเสียที ยิ่งอาละวาดแกยิ่งเสียกับตัวพี่เอง”
ฟ้าใสตบหน้าจ๊ะจ๋าฉาดใหญ่จนเซไป
“แกไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน แกเป็นใคร”
ฟ้าใสเข้าไปตบตีอย่างระบายอารมณ์จนจ๊ะจ๋าล้มลง อินทรเข้ามายึดมือของฟ้าใสไว้ มะปรางเข้ามาดูแลจ๊ะจ๋า
“พอแล้ว วันนี้ยังทำร้ายคนไม่พออีกรึไง” อินทรตวาด
“ไม่ใช่ธุระอะไรของแก ออกไป ออกไปทั้งหมดเลย”
อินทรพามะปรางและจ๊ะจ๋าออกไป ฟ้าใสทรุดลงร้องไห้อย่างหมดเรี่ยวแรง
มะปรางพาจ๊ะจ๋ามาที่ห้องแต่งตัว แล้วทายาให้
“ขอบคุณนะ มะปราง” จ๊ะจ๋าพูดไป สะอื้นไป
“จำฉันได้แล้วใช่ไหม”
“ฉันก็ไม่ได้ลืมแกสักหน่อย”
“แล้วเจอกันทีแรก ทำไมทำเป็นไม่รู้จัก”
“พี่ฟ้าสั่งไม่ให้ฉันคุยกับพวกแกน่ะซี ยิ่งค่ายคุณอิทธิด้วย แล้วแกรับใช้พี่รุ้งอยู่ พี่ฟ้าให้ฉันเป็นศัตรูกับแกเลยละ”
“แล้วเธอก็ต้องทำตามคำสั่งด้วยเหรอ” อินทรสงสัย
จ๊ะจ๋าหน้าเศร้า
“พี่ฟ้ามีบุญคุณกับฉันนะ ได้เข้ามาเป็นนักร้องค่ายเสี่ยดำรง ก็พี่ฟ้านี่แหละที่ช่วยสนับสนุน”
“แต่เขาก็ให้เธอรับใช้เขาเหมือนคนใช้ ทั้งๆที่เธอเป็นนักร้อง”
จ๊ะจ๋าถอนใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ก่อนเป็นนักร้องฉันก็เป็นคนใช้อยู่แล้ว”
“เป็นคนใช้ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ทำไมยอมให้เขาตบตี”
“ฉันไม่มีทางเลือกนักหรอก”
“แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกใช่ไหมที่ยายบ้านั่นทำร้ายแก”
จ๊ะจ๋าไม่กล้าตอบ
“อุ๊ย ต้องรีบไปแล้วละ พี่ฟ้าจะกลับกรุงเทพเลย ฉันต้องไปจัดของอีก ไปนะ”
จ๊ะจ๋ารีบลุกเดินไป มะปรางถอนใจ
“อะไรของมันนะ”
“ไม่เคยเจอ คนอะไรยอมให้เขาทำร้าย” อินทรงงไม่น้อยกว่ากัน
ด้านหน้า แฟนเพลงทะยอยออกจากโถง สีหน้าอิ่มเอมกันทุกคน รุ้งระวีเปลี่ยนชุด ใส่แว่นดำอำพรางมาแอบมองอยู่มุม ถือพวงมาลัยมาด้วย เธอมองไปในกลุ่มคนดู ทูนอินทร์ตามมา
“รุ้ง มาทำอะไรตรงนี้ เกิดใครจำได้ขึ้นมา เข้ามารุมรุ้งละแย่เลย”
“ไม่กลัวหรอกค่ะ”
“ทำไมครับ”
“ทุกครั้งที่ฉันไม่ปลอดภัย คุณต้องเป็นฮีโร่มาช่วยฉันทุกที อย่างเมื่อกี้บนเวทีไง”
“นั่นฟ้าใสคนเดียวนี่ครับ แต่ถ้าแฟนเพลงเป็นร้อย ฮีโร่คนนี้คงรับมือไม่ไหวเหมือนกัน แล้วมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ละครับ”
“รุ้งมองหาคนที่ให้พวงมาลัยพวงนี้ค่ะ”
“ใครเหรอ”
“รุ้งไม่แน่ใจ แสงไฟมันส่องตาจนมองไม่ชัด แต่เขาเรียกตัวเองว่าแม่”
“พวกแม่ยก เรียกตัวเองว่าแม่ทั้งนั้นละครับ”
“แต่คุ้นเสียง เหมือนเสียงแม่มาก”
“รุ้งกำลังจะบอกว่าแม่มาดูรุ้งในคอนเสิร์ตงั้นเหรอ”
“เป็นไปได้ไหมคะ”
“ผมไม่ทราบเหมือนกัน”
“ถ้ามันเป็นไปได้ ทำไมแม่ไม่มาหารุ้ง แสดงตัวกับรุ้ง”
รุ้งระวีหน้าสลด โดยไม่รู้ว่าแสงหล้าแอบมองอยู่ในมุมมืด จึ่หอยเดินมาตาม
“รุ้ง นักข่าวขอสัมภาษณ์แน่ะ”
“ค่ะ”
รุ้งระวีและจี่หอยกลับไป ขณะเดียวกันกันต์ ซึ่งเป็นทีมจัดงาน เดินผ่านมาทางทูนอินทร์พอดี
“จบงานแล้วนะพี่ เครื่องมือพี่ทันสมัยสุดยอด ผมชอบมาก”
“ดีใจด้วยที่ได้ร่วมงานกัน”
“ขอบคุณครับ ขอนามบัตรหน่อยพี่ เผื่อผมกับเพื่อนจะไปสมัครงานกับพี่บ้าง”
ทูนอินทร์หยิบนามบัตรให้หลายใบ
“ไปนะ”
ทูนอินทร์แยกไป แสงหล้าเดินไปหากันต์
“น้อง...ป้าขอดูนามบัตรผู้ชายคนเมื่อกี้หน่อยได้ไหม”
“ทำไมป้า”
“อยากรู้ว่าเขาชื่ออะไร”
“ได้ป้า เอาไปเลย เขาให้มาหลายใบ”
กันต์ส่งนามบัตรให้แล้วแยกไป แสงหล้าดูนามบัตร
“ทูนอินทร์ อินสรวง เขาคงเป็นแฟนลูก คอยช่วยลูกตลอดเลย ท่าทางเป็นคนดีนะ”
แสงหล้ายิ้มสุขใจก่อนเดินไปที่ทางออก เดินผ่านโต๊ะที่ตั้งขายซีดีเพลงของรุ้งระวี และของชำร่วยต่างๆ คนที่ออกจากคอนเสิร์ทยังมุงซื้อแผ่นกันกลุ่มใหญ่ แสงหล้ามาดูเห็นแผ่นซีดีแล้วอยากได้ แต่ไม่มีเงิน เสียงโส่ยพูดโทรศัพท์ดังมาจากเบื้องหลัง
“น้องหนู โธ่พี่ทำบัตรคอนเสิร์ตหายแค่เนี้ยทิ้งพี่เลย นี่พี่ก็รออยู่ หากลับไปหาผัวเก่าแล้ว ทำไมน้องหนูทำกับพี่อย่างเนี้ยทอมเจ็บนะ เข้าใจไหมว่าทอมเจ็บ”
โส่ยหันหลังให้แสงหล้า วางแผ่นซีดีของรุ้งระวีอยู่ข้างตัว แสงหล้าเดินตรงมาแล้วหยิบซีดีของรุ้งระวีเข้ากระเป๋าทันที แล้วรีบเดินไป โส่ยหันมาพอดี
“เดี๋ยวนะน้องหนู เฮ้ย...นังบ้า”
แสงหล้าสะดุ้ง ค่อยๆหันมา
“แกมาทำอะไรที่นี่วะ”
“มาดูคอนเสิร์ตน่ะซีวะ”
แสงหล้าทำใจดีสู้เสือ เห็นว่าโส่ยไม่ได้สงสัย เดินจากไปพร้อมฮัมเพลงจิ้มแจ่ว โส่ยมองตาม
“มันเอาเงินมาจากไหน” โส่ยพูดมือถือต่อ “น้องหนูพี่โส่ยซื้อ ซีดีรุ้งระวีให้น้องด้วย พี่จะไถ่ถอนความผิดจากน้องคนดีไง เพื่อให้น้องกลับมามาซบอ้อมใจของพี่ เฮ้ยซีดี ซีดีหายไปไหนแล้ว เฮ่ย อะไรกันโว้ย น้องหนู น้องหนูอย่าเพิ่งตัดสายเด๊ะ โอ๊ย!ทอมกลุ้มโว้ย”
บรรดาคนแถวนั้นมองโส่ยกันเป็นตาเดียว เพราะโวยวายเสียงดัง น่ารำคาญ
ทูนอินทร์ รุ้งระวี อินทร จี่หอย และ มะปราง ปาร์ตี้กันเองอยู่ในห้องพักเป็นที่สนุกสนาน บนโต๊ะอาหารและเครื่องดื่มเพียบ
จี่หอยสอนอินทรและมะปรางเต้น ทูนอินทร์มองไปที่ระเบียง เห็นเธอออกไปยืนสูดอากาศอยู่ลำพัง ทูนอินทร์ตามออกไป
“รุ้งยังคิดถึงแม่อยู่เหรอครับ”
“วันนี้มีเรื่องหลายเรื่องให้ต้องคิดค่ะ”
“อะไรบ้าง”
“ตอนที่มีเรื่องกับยายแจงกับเจ๊จวง นายคำรณเข้ามาดึงฉันออกมา แล้วพูดข่มขู่ฉัน แว่บนึง ฉันรู้สึกว่าฉันคุ้นกับน้ำเสียง สีหน้าของเขา เหมือนเคยเห็น เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแน่ๆ”
“ใช่ รุ้งเคยบอกว่าเคยเห็นนายคำ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะรุ้งไม่ได้อยู่เมือง ไทยนี่”
“หรือตั้งแต่สมัยเด็ก นายคำอาจจะเป็น...พ่อเลี้ยงฉัน”
“พ่อเลี้ยงที่ทำร้ายรุ้งกับแม่น่ะเหรอ”
“ค่ะ”
“จำได้ไหมว่าเขาชื่ออะไร”
“ลืมไปหมดแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมจะคอยระวังนายคนนี้ให้ดี แล้วจะลองสืบประวัติดู”
รุ้งระวีซบกับไหล่ ทูนอินทร์ยิ้มปลื้ม
“ทูนคะ”
“ครับ”
“ตอนที่ฉันมีเรื่องกับยายแจง ตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหน”
ทูนอินทร์อึ้งไป
“เออ คือ ผมกำลังเตรียมกับช่างกล้องอยู่ที่หน้าเวทีน่ะครับ มีอะไรเหรอ”
รุ้งระวีหันมามองหน้า ทูนอินทร์หลบตาไป
“เปล่าค่ะ ถามดู เพราะตอนนั้นอยากจะเล่าเรื่องนายคำรณ แต่คุณไม่อยู่พอดี...มีอีกเรื่องที่อยากรู้”
“ครับ”
“ทำไมคุณยังไม่หย่าจากฟ้าใสละคะ”
ทูนอินทร์นิ่งไป
“เขาไม่ยอมหย่าครับ ผมว่าจะยื่นเรื่องกับศาลอยู่”
รุ้งระวีพยักหน้า แต่ในใจนั้นยังไม่ค่อยวางใจนัก จี่หอยเดินมาตาม
“รุ้งมาดูเร็ว งานคอนเสิร์ตมื่อกี้ ออกอากาศช่องท้องถิ่นด้วย”
รุ้งระวีกลับเข้าห้องไป ทูนอินทร์นั่งอยู่ลำพัง คิดเรื่องฟ้าใสแล้วยิ่งหดหู่
วันรุ่งขึ้น ฟ้าใสเข้ามาในห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์ของดำรง พร้อมจ๊ะจ๋า เห็นดำรงอยู่กับลูกชาย ลูกสาววัยสิบและสิบสองขวบ มีเล็กซึ่งเป็นพี่เลี้ยงร่างใหญ่ท่าทางเหี้ยมๆคอยดูแล ฟ้าใสและจ๊ะจ๋ามีอาการเกร็ง
“อ้าว ฟ้า มาแล้วเหรอ เล็กพาน้องไปข้างนอกไป” ดำรงหันมาทัก
“ค่ะ”
พี่เลี้ยงพาเด็กทั้งสองที่มองฟ้าใสอย่างไม่เป็นมิตรออกไป ดำรงยิ้มแย้ม ฟ้าใสโล่งอกเล็กน้อย
“นั่งซี น้องฟ้า”
“ทำไมเรียกฟ้ามาที่บ้านป๋าละ บอกแล้วไงฟ้าไม่อยากมาเจอลูกเมียป๋า ดูซี เจอหน้าฟ้า เขายังไม่ยกมือไหว้เลย”
“อย่าไปถือสาเลย จะถามเรื่องคอนเสิร์ตที่โคราช เห็นว่ามีคดีกับนายอิทธิ กับรุ้งระวี เล่ามาซิ เรื่องราวมันเป็นยังไง”
ฟ้าใสเจื่อนไป แล้วทันใดก็ก้มหน้านิ่ง น้ำตาคลอ จ๊ะจ๋ามองตะลึงว่าร้องไห้ทำไม
“น้องฟ้าเป็นอะไร”
ฟ้าใสสะอื้นฮัก แล้วเข้ากอดดำรง
“ฟ้าขอโทษป๋าค่ะ ที่ฟ้าต้องทำแบบนั้นเพราะฟ้าปกป้องตัวเองนะคะ”
“ปกป้องยังไงเหรอ เท่าที่รู้ ฟ้าไปหาเรื่องเขาก่อน เขากำลังร้องอยู่ เราก็ไปแทรกกลางเขากลางเพลงเลย จริงไหม”
“จริงค่ะ ฟ้ายอมรับว่าฟ้าตั้งใจแกล้ง แต่ถ้าป๋าเห็นคิวเพลงที่วางไว้ ก็จะรู้เลยว่านายอิทธิแกล้งฟ้าก่อน ให้ฟ้าไปร้องหลังยายรุ้งตั้งสามเพลง แทนที่จะสลับกันเพลงต่อเพลง แล้วเอาเพลงที่ไม่ฮิตของฟ้าไปเป็นเพลงเปิดตัวด้วย ฟ้าขอร้องก็แล้วเขาก็ไม่ฟัง จะให้รุ้งเด่นอยู่คนเดียว ฟ้าก็เลยตัดสินใจทำอย่างที่ป๋าทราบ”
“จริงรึเปล่า จ๊ะจ๋า”
ดำรงหันขวับมาถาม จ๊ะจ๋าสะดุ้ง
“จะ จริงค่ะ”
ดำรงพยักหน้า ลูบหัวฟ้าใสอย่างเอ็นดู ฟ้าใสแอบยิ้มย่ามใจ
อ่านต่อหน้า 3
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 10 (ต่อ)
รุ้งระวีนั่งอยู่ตรงหน้าอิทธิในห้องทำงาน อิทธิวางหนังสือพิมพ์บันเทิงท้องถิ่นของโคราชให้ดู ทั้งหน้าเป็นรูปคอนเสิร์ตและงานแถลงข่าว มีรูปของทูนอินทร์และรุ้งระวีคู่กัน ปนอยู่กับรูปรุ้งระวีและฟ้าใสบนเวที
“ดูซะ แล้วก็อ่านให้ละเอียด”
รุ้งระวีหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน
“คนคู่ใจรุ้งระวี ศรีแอลเอ หนุ่มนอกวงการ ใกล้ชิดกับสาวรุ้งตลอดงานคอนเสิร์ต แล้วอย่างนี้คู่รักอย่างเสี่ยอิทธิ เจ้าของค่าย สาวรุ้งเอาไปทิ้งไว้ที่ไหนแล้ว”
“มันจะอื้อฉาวไปกันใหญ่แล้วนะ”
“แล้วทำไมคะ”
“นี่ไม่ได้แคร์เลยเหรอว่ามันเสียชื่อเสียง เราประกาศตัวแล้วว่าเรารักกัน มีโครงการแต่งงานกันในอนาคต แล้วรุ้งไปคบกับไอ้ทูนแบบนี้ ผมจะไปแก้ตัวกับสื่อว่ายังไง” อิทธิย้อนถามอย่างโมโห
“ไม่ต้องแก้ บอกไปเลยค่ะว่าคุณกับรุ้งจบความสัมพันธ์กันแล้ว และรุ้งกำลังสร้างสัมพันธ์ใหม่กับคุณทูน”
“รักมัน?”
“ค่ะ ฉันรักเขา”
“แล้วผมล่ะ ผมที่ทุ่มเททุกอย่างให้คุณ”
รุ้งระวียิ้มเยาะ
“จริงเหรอคะ ที่คุณทุ่มเท มันคือผลประโยชน์คุณทั้งนั้น จริงใจหน่อยซีคะ อย่าให้ฉันจับโกหกคุณได้อีก อย่างเรื่องการตามหาแม่ของฉันไง”
“ผมตามหาแม่คุณอยู่จริงๆ”
“ไม่จริง คุณถนัดนักกับการสร้างเรื่องเท็จ เอาละ ฉันมีเรื่องจริงที่บอกให้คุณรู้ จบจากคอนเสิร์ตที่สระบุรี ฉันจะจบสัญญากับคุณเท่านี้”
“ไม่นะรุ้ง คุณจะจบอาชีพนักร้องของคุณเหรอ”
“เปล่าค่ะ ฉันจะไปเซ็นสัญญากับบริษัทเพลงคุณทูนกับพี่เมธ”
“บริษัทบ้าอะไรของมัน”
“ยังไม่ได้ก่อตั้งค่ะ แต่เมื่อไหร่ฉันหลุดสัญญาจากคุณ เขาเปิดตัวแน่นอน ฉันจะเป็นศิลปินคนแรก”
“ค่ายกระจอกอย่างนั้น ไม่มีทางที่คุณจะดังได้อย่างที่ผมปั้นคุณหรอกนะ”
“ฉันไม่สนค่ะ ดังไม่ดัง เอาเป็นว่าค่ายนี้ใม่มีภาพลวงให้คนดู เท่านี้ฉันก็พอใจแล้ว”
อิทธิโมโหมาก
“คุณกำลังทรยศผม ถ้ากล้าไปจากผม ผมฟ้องคุณแน่”
“แหม ลืมความจริงไปอีกเรื่องแล้วนะคะ ฉันยังเก็บคลิปที่คุณข่มขืนฉันไว้นะ ปล่อยให้ลูกขุนในศาลดู คงสนุกพิลึก”
รุ้งระวีจะออกจากห้อง เปิดประตูออก คมกับเดชยืนอยู่ด้านหน้า
“นึกเหรอว่าเจ้าทูนมันรักคุณจริง”
รุ้งระวีหันมา
“มันยังตัดใจจากยายฟ้าไม่ได้หรอก”
“คุณรู้ได้ยังไง”
อิทธิยิ้มกริ่ม
“ยายฟ้าบอกผม นายทูนกับยายฟ้าเห็นทะเลาะกันอย่างนั้น แต่ต่างฝ่ายต่างก็ยังติดใจรสสวาทของกันและกันอยู่ แถมรื้อฟื้นกันอยู่บ่อยๆด้วย”
รุ้งระวีเจื่อนไป เพราะเห็นกับตา
“อย่าหูเบานักเลยค่ะ แล้วก็หัดอยู่ในโลกของความจริงบ้าง”
รุ้งระวีออกไป อิทธิหัวเสีย ปัดหนังสือพิมพ์กระเด็นไป คมกับเดชเข้ามาในห้อง
“เอาไงครับนาย”
“จับตาดูไอ้ทูนเอาไว้ ถ้ามันจะคว้าชิ้นเนื้อฉันไป ได้เจอดีแน่”
คมและเดชพยักหน้ารับ
ที่ห้องนั่งเล่น ฟ้าใสหัวเราะระรื่นนั่งทานกับดำรง จ๊ะจ๋ายังยืนรอรับใช้อยู่ สีหน้าค่อยดีขึ้น
“กราบขอบคุณป๋านะคะ ที่ไม่โกรธฟ้า แหม อยากให้ป๋าได้เห็นตอนที่พวกมันแกล้งฟ้า”
“พวกมันทำอะไรเหรอ” ดำรงแกล้งถาม
“นังรุ้งมันจับฟ้าล็อกไว้กลางเวที เอาปิ่นปักผมมาขู่ฟ้า แทงจนเป็นแผลเลยค่ะ มันบังคับให้ฟ้าร้องเพลงและเต้นตามมัน ฟ้าเสียหน้า เสียศักด์ศรีจนแทบร้องไห้ออกมา พวกมันร้ายกาจมาก”
“อืม งานนี้คงต้องสะสางกันครั้งใหญ่”
ฟ้าใสแอบยิ้ม ไม่รู้ว่าประโยคท้ายเสี่ยหมายถึงตัวฟ้าใสเอง
“อ้อ ป๋ามีของขวัญจะให้”
“อะไรคะ”
“จ๊ะจ๋า” ดำรงหันไปเรียก
“ขา”
“ไปหยิบกล่องดำในลิ้นชักโต๊ะให้หน่อย”
จ๊ะจ๋าตรงไปที่ลิ้นชักติดผนัง หยิบกล่องดำออกมา ส่งให้ดำรง
“เปิดดูซิ”
ฟ้าใสเปิดดูแล้วตาลุกวาว เพราะมันคือสร้อยข้อมือประดับเพชร จ๊ะจ๋าตาลุกไปด้วย
“ป๋าขา ให้ฟ้าเหรอคะ” ฟ้าใสเสียงหวาน
“ใช่จ๊ะ ลองใส่ดูเลยไหม ไปดูกระจกห้องโน้นเลย”
“ค่ะ ค่ะ”
ฟ้าใสคว้าสร้อยเพชรไปกับจ๊ะจ๋า ตรงไปอีกห้อง ดำรงคลายยิ้มลง หน้ากลายเป็นเย็นชา
ฟ้าใสและจ๊ะจ๋าวิ่งตรงมาที่กระจกบานใหญ่ในห้อง
“ใส่ให้ฉันทีซิ”
“พี่ฟ้า เสี่ยใจดีกับพี่ฟ้าจริงๆเลยนะ ขนาดพี่ฟ้าก่อเรื่องขนาดนี้ เสี่ยไม่ว่าสักคำ แถมยังให้สร้อยเพชรพี่อีก”
“นี่แหละเสน่ห์ความสาวความสวยของฉัน”
ฟ้าใสหมุนข้อมือไปมา เพชรนั้นวูบวาบล้อกับแสงไฟ
“ฉันจะใส่ออกคอนเสิร์ตคราวหน้า แกว่าราคาเท่าไหร่เนี่ย”
“สองหมื่น”
“นังจ๋า นังตาถั่ว เพชรขนาดนี้ราคาไม่ต่ำกว่าสองแสนย่ะ”
ทันใดเสียงเฉลาดังขึ้น
“สามแสนห้าราคาจริง”
ฟ้าใสและจ๊ะจ๋าหันไปทันที เฉลาเดินมาพร้อมอุ้มหมาชิวาว่ามา ขณะที่เล็กเดินตามมาด้วย จ๊ะจ๋ารีบไหว้เฉลา
ฟ้าใสเจื่อนไปนิดนึง
“อุ๊ย โผล่มาเงียบๆ อย่างกะผีบ้านผีเรือนเลยนะคะ ไม่นึกว่าคุณพี่อยู่บ้าน ถ้ารู้ว่าอยู่ น้องก็คงไม่มาเหยียบให้เป็นมลทิน ฝ่าเท้าตัวเอง”
“แหม ฝ่าเท้าเธอนี่มันคงสูงจริงๆนะ แม่นักร้องเมียเก็บ”
ฟ้าใสหน้าเชิ่ด ดำรงเดินตามมา
“เสี่ยเรียกก็ต้องมาซี ถ้าไม่มาก็ไม่ได้ของขวัญชิ้นงาม จริงไหม”
เฉลายิ้มเยาะ
“ก็จริง คุณพี่อยู่ก็ดีแล้ว จะได้เห็นเต็มตา เป็นไงคะ สวย เหมาะกับมือเรียวขาวเต่งตึงของฟ้าไหม”
“เหมาะ เหมาะมาก”
ดำรงพยักหน้ารับ แล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ฟ้าใสยิ่งได้ใจ คิดว่าดำรงเข้าข้าง
“อย่าอิจฉาแล้วอยากจากไป เหมือนครั้งสร้อยเพชรคราวนั้นนะคะ เพราะสร้อยข้อมือแบบนี้ ไม่เหมาะกับมือเหี่ยวๆ ของคุณพี่หรอกค่ะ”
“เอ้า ชื่นชมเสียให้พอ เพราะอีกเดี๋ยวมันจะไม่ใช่ของหล่อนแล้ว” เฉลาเสียงกร้าว
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
“มันจะกลายเป็นของฉันกับลูกน่ะซี เอาละ หมดเวลาแล้ว...ยายจ๊ะจ๋า”
“ขา”
“ปลดสร้อยออกมา”
“อะไรนะคะ”
จ๊ะจ๋างง เฉลาตวาด
“ฉันบอกให้ปลดสร้อยออกมา”
“นังจ๋า แกลองมาแตะสร้อยฉัน ฉันตบแกจริงๆนะ”
ฟ้าใสหันมาตวาด
“เถ้าเกเนี้ยขา หนู” จ๊ะจ๋าไม่รู้จะทำยังไง
“เสี่ยให้ฉันแล้ว แกมีสิทธิ์อะไรมาแย่ง” ฟ้าใสหันมาถามไม่พอใจ
“สิทธิ์ของความเป็นเมียหลวงไง”
ฟ้าใสเห็นเฉลาเอาจริง ตะโกนทันที
“ป๋า ป๋าขา”
ฟ้าใสจะวิ่งกลับไปที่ห้องนั่งเล่น เล็กเข้าขวางทันที
“จัดการมัน ยายเล็ก” เฉลาสั่ง
เล็กคว้าข้อมือของฟ้าใสที่สะบัดสู้ เล็กตบฟ้าใสอย่างแรงจนล้มคว่ำไปกับพื้น ฟ้าใสร้องกรี๊ดๆอย่างบ้าคลั่ง เล็กนั่งคร่อมร่างเธอไว้
“อย่าดิ้นนะ ไม่งั้นแขนหัก”
เล็กปลดสร้อยข้อมือจากฟ้าใสออกมาได้ เฉลามารับไป
“ปล่อยมัน”
เล็กลุกขึ้น ฟ้าใสยังร้องไห้ลั่น
“ป๋าให้ฉัน แกมาแย่งไปทำไม นังแก่”
“แน่ใจเหรอว่าป๋าเขาให้แกจริงน่ะ”
ฟ้าใสหยุดร้องทันที มองเฉลาอย่างงุนงงในคำพูด รีบวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น จ๊ะจ๋ารีบตามไป เฉลาหัวเราะไล่หลัง
ฟ้าใสวิ่งมาหาดำรงที่ยืนอยู่กลางห้อง จ๊ะจ๋าตามมา
“ป๋า เถ้าแก่เนี้ยมาแย่งสร้อยฟ้าไป เหมือนคราวสร้อยคอเลย ป๋าต้องจัดการนะคะ”
“จัดการไม่ได้หรอก เพราะเมียฉันเขาอยากได้สร้อยของเธอ เขาอยากได้ก็ต้องให้เขา”
“หมายความว่ายังไงป๋า แล้วป๋าเอามาให้หนูทำไม”
“ให้เธอจำไว้เป็นบทเรียนไง ว่าสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นเจ้าเข้า เจ้าของน่ะ มันอาจอยู่กับเธอแค่ชั่วครู่เท่านั้น”
“ฟ้าไม่เข้าใจ”
“การที่เธอเป็นนักร้องดังประจำค่าย ไม่ได้หมายความว่าเธอมีสิทธิ์ทำอะไรตามใจชอบ เธอต้องทำตามกฎที่ฉันสั่งเท่านั้น ที่เธอเที่ยวไประรานชาวบ้านเขา มันไม่ใช่วิสัยที่ศิลปินคุณภาพของค่ายฉันพึงกระทำ”
“ป๋า ฟ้าอธิบายแล้วไงว่าฟ้าถูกรังแกก่อน”
“เฮ้อ ริจะโกหกน่ะ มันต้องแนบเนียนหน่อยนะหนู”
ฟ้าใสอึ้งไป ตัดสินใจใช้ไม้ตาย เข้ากอดดำรงทันที
“ป๋า ป๋าไม่รักฟ้าแล้วเหรอ ถึงทำร้ายฟ้าได้ขนาดนี้”
ดำรงลูบหัว
“รักซี ยังรักอยู่ เพราะรักนี่ไงถึงต้องดัดนิสัย”
ดำรงดึงแขนของฟ้าใสออกไปอย่างละมุนละม่อม เฉลาอุ้มหมาออกมา มีเฟอร์นุ่มคลุมหมาไว้ไม่ให้เห็นส่วนคอของหมา
“เอ้า เถ้าแก่เนี้ยเขามาแล้ว คงมีอะไรอบรมเธออีกเยอะ”
ดำรงออกจากห้องไป ฟ้าใสยืนมึนงง น้ำตานองหน้า จ๊ะจ๋ายืนตัวสั่นด้วยความกลัว เฉลาพูดเสียงเรียบลๆ แต่ทรงอำนาจ
“นี่เป็นอีกบทลงโทษนึงที่แกต้องจดจำไว้ อย่าเที่ยวแย่งของมีค่าของชาวบ้าน ไม่งั้นแกก็ต้องถูกแย่งกลับคืนแบบนี้ อ้อ ที่จริงสร้อยราคาเท่านี้ ฉันไม่ไว้ใส่เองหรอกนะ เสียมือฉัน นี่ ฉันไว้ให้น้องบาร์บี้ของฉันใส่”
เฉลาเปิดเฟอร์ออก โชว์ให้เห็นว่าสร้อยเส้นนั้นอยู่บนคอหมา ฟ้าใสและจ๊ะจ๋ายืนอึ้ง ตะลึงนิ่ง
จบตอนที่ 10
โปรดติดตามตอนที่ 11