ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 9
อีกมุมของร้าน เฉลากำลังหัวเราะระรื่นกับเพื่อนคุณนาย จรินทร์เจ้าของร้านเข้ามาต้อนรับ
“ตายแล้ว เพชรคุณพี่เฉลาน้ำงามมาก กี่กะรัตคะเนี่ย”
“คุณน้องทายซีคะ”เฉลายิ้มสดใส
ทันใดเสียงฟ้าใสดังขึ้น
“แปดกะรัต เพชรประดับพลอยอย่างดีจากสวิส ใช่ไหมคะเจ๊เหลาขา”
ทุกคนเจื่อนไป เพราะรู้ฤทธิ์ฟ้าใสดี
“ขอเวลาส่วนตัวหน่อยนะคะคุณน้อง”
เฉลาบอกเสียงเข้ม จรินทร์ และเพื่อนเฉลาแยกไป
“ต้องการอะไร ถ้าไม่มีอะไร ก็ไปให้พ้นๆ ฉันไม่มีอะไรต้องพูดกับคนอย่างแก” เฉลาตวาดถาม
“คุณพี่ เกลียดอะไรน้องนักหนา ที่น้องเข้ามาพูดน่ะ มันอยู่ที่เพชรบนหนอกคอหนาๆ ของคุณพี่นี่แหละค่ะ เพราะเพชรชุดนี้ เสี่ยซื้อเป็นของขวัญให้ฟ้า ที่ฟ้าทำให้บริษัทของเสี่ยมียอดขายสูงสุดของปีที่แล้ว แต่คุณพี่กลับฉกมันไปหน้าตาเฉย คุณพี่อย่าปฏิเสธนะคะว่าไม่จริง”
“อ๋อ ไม่ปฏิเสธหรอก ยอมรับว่าฉันฉกมาจากแก ก็ให้สมกับที่แกฉกผัวฉันไปหน้าด้านๆไงล่ะ”
ฟ้าใสหน้าตึง
“แล้วจะบอกให้รู้นะ ว่าถ้าเสี่ยเขาซื้อของมาประเคนให้แกอีก ฉันก็จะฉกทุกอย่างมาเป็นของฉันแบบนี้ละ”
“งั้นฉันก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของฉัน ที่จะเอาคืนจากแกหน้าด้านๆ แบบนี้เหมือนกันนังแก่”
ฟ้าใสเข้าประชิดร่างเฉลา แล้วจะดึงสร้อยออกจากคอ เฉลากรี๊ดร้องลั่น แล้วฟาดฟ้าใสด้วยกระเป๋า จ๊ะจ๋าวิ่งเข้ามาพยายามห้าม เฉลาได้จังหวะตบหน้าฟ้าใสฉาดใหญ่
ฟ้าใสผงะไป จรินทร์และสองคุณนายวิ่งเข้ามา
“คุณน้องคะ เรียกตำรวจมาเลยค่ะ นังหน้าด้านนี่มันจะปล้นทรัพย์พี่”
เพื่อนเฉลาจะโทร จ๊ะจ๋าเข้ามาไหว้
“อย่าโทรเลยค่ะ คุณพี่ขา อย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ เถ้าแก่เนี้ยขา หนูขอโทษแทนพี่ฟ้าด้วยค่ะ อย่าเรียกตำรวจเลยนะคะ”
“ไปขอโทษมันทำไม สร้อยนั่นของฉัน ฉันจะเอาคืน”
ฟ้าใสถลาจะเข้าถึงตัวเฉลาอีก จ๊ะจ๋ากันไว้ คุณนายและจรินทร์รีบดึงเฉลาออกมา ร้องกันเอะอะ
“เข้ามาซี เข้ามา นังนักร้องสันดานต่ำ หนังหน้าแกทำด้วยอะไร ถึงไม่มียางอายขนาดนี้ แย่งผัวฉันไปแล้วยังประกาศไปทั่ว ว่าเป็นเมียน้อยคนใหม่ ผู้หญิงที่ทำแบบนี้ได้ มีอยู่จำพวกเดียวเท่านั้น ผู้หญิงตามซ่องนั่นแหละ”
“อีแก่ มึง”
ฟ้าใสกรี๊ดจะเข้าไปตบเฉลา จ๊ะจ๋าดึงไว้สุดแรง
“พี่ฟ้ากลับค่ะ”
จรินทรรีบไล่
“เชิญกลับไปเลยค่ะ อย่ามามีเรื่องในร้านพี่เลยนะคะ”
“อีแก่ จำไว้ สร้อยนั่นต้องเป็นของกู”
ฟ้าใสชี้หน้าเฉลาอย่างเอาเรื่อง จ๊ะจ๋ารีบดึงตัวออกไป ขณะที่เฉลาหอบตัวโยน
“คุณพี่ เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไร” เฉลากดมือถือทันที “เฮีย...วันนี้ฉันมีเรื่องกับนังเมียน้อย คนไหนเหรอ ก็นังฟ้าใสไงล่ะ”
เฉลาฟ้องดำรงด้วยความแค้นสุดๆ
เมื่อมาถึงลานจอดรถ ฟ้าใสโมโหจัด จับถุงที่จ๊ะจ๋าถืออยู่เหวี่ยงไปที่พื้น แล้วกรี๊ดลั่น
“ว้าย ของแพงๆทั้งนั้นพี่ฟ้า”
จ๊ะจ๋าถลามาเก็บถุงของ
“เจ็บใจนัก เจ็บใจที่สุดเลย”
จ๊ะจ๋าเก็บของเข้ารถ ฟ้าใสน้ำตาไหล
“อีแก่ มันตบหน้าฉัน คอยดูเถอะฉันจะถลกหนังหน้ามันออกมา”
“อย่าไปคิดแค้นคุณนายแกเลย แกก็คงโกรธที่...”
“ที่อะไร”
จ๊ะจ๋าเสียงอ่อยไป
“ก็ที่พี่ไปแย่งเสี่ยดำรงมาไงคะ”
“มันก็ต้องรู้ตัวมันซี ว่ามันเหี่ยวขนาดนั้น ผัวมันจะทนได้ยังไง อีกอย่างเสี่ยดำรงก็ไม่ได้มีพี่เป็นเมียน้อยคนเดียว”
“แต่เมียน้อยคนอื่น เขาไม่ได้ออกตัวสตาร์ทแรงอย่างพี่นี่คะ ประกาศไปทั่วว่าเป็นเมียใหม่ ถามจริงๆ เท่านี้พี่ยังไม่พอใจอีกเหรอ ชื่อเสียงเงินทอง พี่ก็ได้มาหมดแล้ว”
ฟ้าใสพิงรถเช็ดน้ำตา สีหน้าสลดลง
“ยังหรอก ยังมีอีกเรื่องที่พี่ไม่เคยได้”
“อะไรคะ”
“ความรักไง”
“อะไรกัน เสี่ยเขารักพี่ออกขนาดนั้น”
ฟ้าใสยิ้มหยัน
“เธอนึกว่านั่นคือความรักงั้นเหรอ”
“อ้าว”
“พี่ถึงต้องเรียกความรักของพี่คืนมา”
“หมายถึง คุณทูนอินทร์น่ะเหรอคะ”
“ใช่ เขารักพี่มาก แล้วพี่ก็รักเขามากด้วย พี่จะทำให้เขากลับมารักพี่อีกให้ได้ คอยดู”
ฟ้าใสยิ้มมั่นใจ ตาวาวโรจน์
รถกระบะโฆษณางานคอนเสิร์ต แล่นไปตามถนนในเมืองโคราช เสียงเพลงฝากแจ่วไปแอลเอ ดังไปทั่ว เด็กๆ วิ่งตามดูกัน ชาวบ้านหยุดกิจกรรม หันมาดูรถโฆษณากันเป็นทิวแถว
ที่ข้างรถมีรูปและป้ายชื่อรุ้งระวี กับศิลปินร่วมค่าย สีสันสดใส บนรถรุ้งระวีใส่วิก ใส่แว่นดำ อำพรางตัวมาร่วมกับ จี่หอย มะปราง และอินทร ทั้ง 4 คนเต้นท่าจิ้มแจ่วเมามันอยู่บนรถ ส่วนทูนอินทร์ใสชุดหางเครื่องชายกำลังประกาศ โดยดัดเสียงให้เป็นแนวลูกทุ่งแท้ พูดไมค์ออกลำโพงที่ติดอยู่เหนือรถ
“พ่อแม่พี่น้องลูกย่าโมขอรับ อย่าลืมว่าวันพรุ่งนี้ เรามีนัดกันที่ห้างโคราชพลาซ่าพบกันนักร้องลูกครึ่งสาวแสนสวย เสียงเพราะ เจ้าของเสียงเพลง ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ...รุ้งระวี ศรีแอลเอ นะครับท่าน มาพบกับท่าน ตัวเป็นๆ ตัวจริงเสียงจริง ห้ามพลาด สำหรับท่านที่สะสมฝาขวด กระทิงโทน เอามาแลกซื้อบัตร สามสิบฝา พร้อมเงินห้าสิบบาท เข้าดูได้ทันที...อย่าลืม กระทิงโทน ขวดเดียว ซ่าส์จับใจ”
ทูนอินทร์หันมาเต้นกับกลุ่มต่อ เป็นที่สนุกสนาน
ในตลาด ทูนอินทร์เดินนำทั้ง 4 คน มาแจกใบปลิวและโปสเตอร์ให้พ่อค้า แม่ค้า เสียงเพลงจากรถยังกระหึ่ม
“นี่ มาชวนไปดูคอนเสิร์ท ลองเต้นท่า จิ้มแจ่ว ให้ดูหน่อยเดะ” พ่อค้าชวน
“จัดให้ค่า เอ้าพวกเราพร้อม”
จี่หอยให้สัญญาน ทั้งห้าเรียงแถว แล้วเต้นตามสเต็ป โดยมีรุ้งระวี และทูนอินทร์อยู่ตรงกลาง เต้นเสร็จ ชาวบ้านหัวเราะปรบมือ ทั้งห้าไหว้พร้อมกัน
“ต้องไปดูรุ้งให้ได้นะครับพี่ งานนี้เขาแจกน้ำแจ่วให้ทุกคนด้วย”ทูนอินทร์ประกาศ
โส่ยยืนอยู่แถวนั้น มองรุ้งระวีอย่างสนใจในความสวย รุ้งระวีเข้ามาแจกโปสเตอร์ โส่ยวางมาดทอมเต็มที่ ส่งตาหวาน
“น้องครับ พี่เคยเห็นเราแน่ ๆ ที่ไหนน้า”
รุ้งระวีรีบก้มหน้า
“ในทีวีรึเปล่าคะ”
“ไม่มั้ง สงสัยจะงานแห่เทียนพรรษา ใช่น้องแน่ๆ พี่โส่ยจำได้”
รุ้งระวีกลั้นหัวเราะ
“แต่น้องจำพี่ไม่ได้ค่ะ”
“ว๊า พี่โส่ยเสียใจมาก อุตส่าหแลกเบอร์กัน กลับจำไม่ได้ซะงั้น”
ทูนอินทร์รีบเข้ามา
“โทษนะครับ พี่โส่ย นี่แฟนผมเอง เขาชอบวงโยธวาฑิต ไม่ชอบดนตรีไทยครับ”
ทูนอินทร์พารุ้งระวีที่หัวเราะขำแยกไป
“กวน เดี๋ยวเถอะมึง ทำไมวะ สวยๆต้องมีเจ้าของทุกคนเลย ทอมหนักใจโว้ย”
โส่ยเดินแยกไปด้วยความเซ็ง
เมื่อมาถึงร้านข้าวต้ม โส่ยชะงักไป เมื่อเห็นแสงหล้ากำลังล้างจานชามที่พื้น เรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย
“เจ๊ มันเรื่องอะไรเนี่ย เอาอีบ้ามาล้างจานทำไม”
เจ๊เล้งเท้าเอวด่า
“ล้างแทนเอ็งไง ข้าจ้างมันแทนเอ็งไปแล้ว วันนี้กลับไปเลย ไม่ต้องมาทำ”
“ไม่ได้นะ ฉันขาดรายได้”
“ข้าไม่สน จ้างมันถูกกว่าเอ็งตั้งครึ่ง ไปเลย ไปจีบสาวที่ไหนเอ็งไปเลย”
โส่ยหัวฟัดหัวเหวี่ยง มองไปทางแสงหล้าที่ล้างจานอยู่เงียบๆ อย่างแค้นจัด
หลังจากล้างจานเสร็จ แสงหล้าเดินเดินมาตามทางในตลาด ยิ้มแย้มเมื่อนับเงินที่ได้มา แล้วหยิบเงินสะสมไว้ทั้งหมดออกมารวมกันแล้วนับ ได้เกือบสามร้อยแล้ว
“ถ้าได้ห้าร้อย เราจะได้ดูลูกแถวหน้าๆเลยนะเนี่ย”
แสงหล้าไม่รู้ตัว โส่ยเดินตามมาข้างหลัง พอเห็นเงินก็ตาลุกโพลง ตรงมาทันที
“เฮ้ย นังบ้า”
แสงหล้าหันมา
“เอ็งมาแย่งงานข้า เพราะฉะนั้นเงินนั่นต้องเป็นของข้า”
โส่ยกระชากเงินไปจากมือ แสงหล้ากรีดร้อง
“เอาเงินข้ามา”
“ไม่ให้โว้ย ฮ่าๆ”
โส่ยกระโดดหนีไปมา แสงหล้าจับเสื้อไว้ได้ โส่ยเหวี่ยงหมัดใส่ แสงหล้าล้มไปกับพื้น โส่ยหัวเราะแล้ววิ่งออกจากตรอก แสงหล้ายันร่างขึ้นได้วิ่งตามไป
“เอาเงินข้าคืนมานะ เอาคืนมา”
แสงหล้าวิ่งตามไปไม่ลดละ โส่ยวิ่งข้ามถนนจากตลาดไปอีกฝั่ง รถโฆษณากำลังแล่นตรงมาพอดี แสงหล้าวิ่งตามแล้วข้ามถนนโดยไม่มองรถ
ทูนอินทร์บนรถมองตรงมา เห็นแสงหล้าวิ่งตัดหน้า
“เฮ้ย ระวังคน”
รถเบรกเอี๊ยดลั่น กลุ่มรุ้งระวีเซล้มไปบนรถ ร้องกรี๊ดออกมาพร้อมกัน ทูนอินทร์ประคองรุ้งระวีให้ลุกขึ้น
“ชนใครรึเปล่าคะ”
“ไม่ทราบครับ”
ทูนอินทร์และอินทรที่ลุกขึ้นได้ กระโดดลงจากรถ ไปพร้อมๆกับคนขับที่วิ่งไปดูที่ถนน เห็นร่างแสงหล้านอนคว่ำอยู่ คนเริ่มเข้ามามุงดู
“ป้าครับ เป็นอะไรรึเปล่า”
แสงหล้าเงยหน้ามามองทูนอินทร์ สายตาพร่ามัว ผมเผ้าปรกหน้าจนทูนอินทร์เห็นหน้าไม่ชัด รุ้งระวีงเดินมาเบื้องหลัง แสงแดดย้อนสายตา ทำให้แสงหล้ายกแขนขึ้นป้องตา มองไปที่รุ้งระวีที่เห็นภาพเงามืด เพราะแสงอาทิตย์ส่องมาจากเบื้องหลัง จนแสงหล้าต้องเบือนหน้าหนีแสง
“ป้า เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า”
“ฉันไม่เป็นไร”
แสงหล้ายันร่างลุกขึ้น ทูนอินทร์และอินทรช่วย แสงหล้าหันหลังให้รุ้งระวี
“ป้า ไปโรงพยาบาลไหมคะ”
แสงหล้าคุ้นกับเสียง แต่ไม่ได้หันมามอง
“บอกแล้วว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร ปล่อย”
แสงหล้าสะบัดแขนจากทูนอินทร์และอินทร
“เงิน เอาเงินข้าคืนมา นังโส่ย”
แสงหล้าวิ่งต่อไปทันที
“วิ่งได้ขนาดนี้ แสดงว่าไม่ได้บาดเจ็บแล้วละครับ” ทูนอินทร์บอกคนขับ
“ครับ เพราะผมไม่ได้ชน ผมเบรกทัน” คนขับเล่า
“ตกใจหมด งั้นกลับเถอะพวกเรา” จี่หอยบอกทุกคน
ทั้งหมดกลับขึ้นรถ รุ้งระวียังคงมองตามแสงหล้า ก่อนจะตามขึ้นรถไป
แสงหล้าวิ่งหาโส่ยจนเหนื่อย อยากจะร้องไห้เต็มที เสียงเพลงจิ้มแจ่วจากรถโฆษณาดังแว่วมา
“หา! เพลงจิ้มแจ่ว ลูกแม่”
แสงหล้าวิ่งกลับไปทางเดิม มองเห็นรถกำลังเลี้ยวสี่แยก
“รุ้ง นั่นรุ้งใช่ไหม”
แสงหล้ามองไปที่รถ เห็นรุ้งระวียืนหันหลังให้ ทุกคนมองไปหน้ารถ ไม่มีใครสังเกตแสงหล้าที่วิ่งตามรถมามา รถแล่นห่างจากแสงหล้าไปทุกที
“รุ้ง”
แสงหล้าล้มลงกลางถนน รถแล่นจากไปเสียแล้ว แสงหล้าร้องไห้
“แม่ไม่มีเงินแล้ว ไปดูลูกไม่ได้แล้ว ฮือ”
เย็นวันนั้น ทูนอินทร์ขับรถตระเวนไปตามถนน ขณะที่รุ้งระวีที่นั่งอยู่ด้วย มองทัศนียภาพโดยรอบ พยายามรำลึกถึงอดีต แต่ภาพในปัจจุบัน ไม่มีอะไรเหมือนภาพในความทรงจำเลย เธอรู้สึกมืดแปดด้านในการค้นหาแม่
ค่ำคืนนั้น รุ้งระวีอยู่ในชุดนอน มะปรางช่วยหวีผมให้รุ้ง ขณะที่จี่หอยกำลังเตรียมเสื้อผ้าอยู่มุมห้อง
เสียงเคาะประตู จี่หอยเปิดให้ ทูนอินทร์และอินทรเข้ามา
“มีอะไรคะคุณทูน”
“ขอโทษที่มารบกวน แต่เห็นกำหนดการของวันพรุ่งนี้แล้วหรือยังครับ”
“ยังค่ะ เข้ามาก่อนซีคะ”
ทูนอินทร์เข้าไปยื่นกำหนดการให้
“มีอะไรคะ” รุ้งระวีถาม
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมเราแถลงข่าวร่วมกับเสี่ยดำรง มีศิลปินของทั้งสองค่ายมา แถลงข่าวร่วมกัน มันแปลก”
“หมายความว่าฉันต้องแถลงข่าวร่วมกับ ฟ้าใส” รุ้งระวีงง
“อกแตก มีแผนอะไรรึเปล่าเนี่ย” จี่หอยร้องอย่างตกใจ
“ดูท่าทางเหมือนจะเป็นคอนเสิร์ตร่วมนะครับ” อินทรบอก
“เป็นไปไม่ได้ ทางเสี่ยดำรงจัดคอนเสิร์ตทีหลังพวกเรา” มะปรางแย้ง
“มันอาจจะเป็นไปได้นะครับ ถ้าทางนายทุนเขาเห็นพ้องต้องกัน”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างหวั่นใจว่า ฟ้าใสจะมาสร้างปัญหาให้
วันรุ่งขึ้น งานแถลงข่าวได้จัดขึ้นในโรงแรมโคราช
รุ้งระวีเตรียมตัวอยู่กลางห้อง อ่านบทสัมภาษณ์ ทีมงานกำลังจัดสถานที่ มะปรางและจี่หอยดูแลความเรียบร้อยโดยทั่วๆไป
“เป็นไงรุ้ง เที่ยวโคราชสนุกไหม” อิทธิเดินยิ้มแย้มเข้ามาหารุ้งระวี
“ดีค่ะ”
“เสร็จแถลงข่าว จะพารุ้งไปออกอากาศสดที่สถานีวิทยุของเสี่ยวิชัย แล้วจากนั้นก็เตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ตช่วงค่ำ”
รุ้งระวีมองไม่พอใจ
“ค่ะ คุณไม่เห็นถามรุ้งเรื่องแม่เลย รุ้งไม่ได้มาเที่ยวนะคะ มาตามหาแม่”
“จริงซี มาตามหาแม่ ได้เรื่องไหม”
“ไม่ค่ะ”
“ผมบอกแล้ว แม่รุ้งไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก ตามหาไปก็เสียเวลาเปล่าแล้ว นายทูนเขาช่วยรุ้งอย่างที่บอกรึเปล่า”
“ค่ะ เขาช่วยเหลืออย่างดี”
อิทธิเจื่อนไป ทูนอินทร์ กับอินทรช่วยกันเอารูปขยายใหญ่มาวางที่แสตนด์ตั้ง รูปหน้าห้อง คือรูปแสงหล้า
จี่หอยและมะปรางเอาแฟ้มรูปขนาดกระดาษเอสี่ เป็นรูปแสงหล้าเช่นกันมาวางเป็นปึก
“นั่นรูปใคร” อิทธิมองงงๆ
“อ้าว รูปแม่รุ้งไงคะ ลืมแล้วเหรอ”
“แล้วเอามาตั้งไว้ทำไม”
“วันนี้รุ้งจะประกาศกับสื่อ ให้ช่วยตามหาแม่ค่ะ จะแจกรูปแม่กับทุกสื่อ”
อิทธิลุกพรวดด้วยความโกรธ เดินมาที่แสตนด์ตั้งรูป แล้วหยิบรูปจากแฟ้มขึ้นมาดู ขยำกับมือ
“ใครอนุญาตวะเนี่ย”
“ต้องมีใครอนุญาตด้วยเหรอ” ทูนอินทร์ย้อนถาม
“ปัดโธ่!”
อิทธิถีบสแตนด์ตั้งรูป ล้มโครมลงกับพื้น ทูนอินทร์จ้อง อิทธิอย่างเอาเรื่อง ทุกคนตกใจ
อ่านต่อหน้า 2
ต้มยำลำซิ่ง (ต่อ)
อิทธิประกาศเสียงดัง
“เก็บรูปพวกนี้ไปให้หมด อย่าให้นักข่าวเห็น”
รุ้งระวีตรงมาทันที พนักงานจะเข้ามาเก็บรูป
“อย่าเพิ่งเก็บ คุณสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้ารุ้งดังเมื่อไหร่ จะเอารูปแม่รุ้งออกสื่อ”
“ใช่ แต่ไม่ใช่รูปในอดีตแบบนี้ ต้องเป็นรูปแม่รุ้งปัจจุบันที่เราหาตัวเจอ และคิดว่าน่าจะใช่แม่รุ้ง อย่างที่ผมเอามาให้รุ้งดูนั่นไง” อิทธิพยายามอธิบาย
“ไม่เข้าใจ”
“อย่าลืมว่าเราออกข่าวไปแล้วว่ารุ้งจากเมืองไทย ไปตั้งแต่ห้าขวบรูปแม่รุ้งก็ต้องไม่มีเก็บไว้ หน้าตาต้องจำไม่ได้ แล้วรุ้งเอารูปแม่มาประกาศอย่างนี้ นักข่าวก็รู้ทันทีว่าเราปลอมประวัติรุ้งขึ้นมา จะแก้ตัวกันยังไง”
“ทำไมคุณต้องสร้างเรื่องรุ้ง กำพร้าแม่ตั้งแต่ห้าขวบด้วย”
“จุดขายไง ยิ่งกำพร้าก็ยิ่งน่าสงสาร คนก็ยิ่งรัก”
“บอกความจริงไปเถอะค่ะ รุ้งไม่แคร์หรอก”
“ไม่ได้ อยากกลายเป็นนักร้องฉาวทั้งๆที่เพิ่งเริ่มดังอย่างนั้นเหรอ”
รุ้งระวีอึ้งไป อิทธิหันไปสั่งทูนอินทร์ กับอินทร ที่ยืนฟังอยู่
“เก็บรูปไปให้หมด”
ทูนอินทร์หันไปถามรุ้งระวี
“รุ้งว่ายังไงครับ”
รุ้งระวีสลด
“เก็บรูปไปเถอะค่ะ”
ทูนอินทร์เดินไปเก็บรูป อินทร จี่หอยและปราง เดินเข้ามาช่วยด้วย รุ้งระวีหงุดหงิด สะบัดเดินออกไป
“รุ้ง”
ทูนอินทร์จะตามไป อิทธิเข้ามาจับไหล่
“เดี๋ยวจบงานวันนี้ นายออกไปได้เลย”
ทูนอินทร์แกล้งตีหน้าเศร้า
“โธ่ คุณอิทครับ คุณคงไม่อยากไล่ผมออกหรอก”
“ทำไม ฉันสุดจะทนกับนายแล้ว”
“ถ้าไล่ผมออก ผมจะเอาคลิปลับ ตอนที่คุณพยายามปล้ำข่มขืนรุ้งมาแฉออกสื่อ”
อิทธิตกใจ
“นายไปได้มาจากไหน”
“รุ้งให้ผมดูแล้ว เป็นหลักฐานชั้นดีเลย ที่จะเล่นงานคุณให้ติดคุกสักห้าหกปีไง ยังอยากไล่ผมอยู่รึเปล่า”
อิทธิเจื่อนไป ทูนอินทร์ยิ้มร่าโอบไหล่
“เอาน่า จ้างผมน่ะสุดคุ้มนะ เราดีกัน ฮักนะ คั่ก คั่ก”
ทูนอินทร์ยิ้มกวนอารมณ์ แล้วเดินแยกไป อิทธิโกรธตัวสั่น แต่ทำอะไรไม่ได้
จี่หอย มะปราง และอินทร ขนทั้งสแตนด์ตั้งรูป และปึกกระดาษรูปของแสงหล้าออกมาจากห้อง
“แล้วอย่างนี้รุ้งจะไปตามแม่มันเจอได้ยังไง” จี่หอยบ่น
“เงียบครับพี่หอย มากันแล้ว” อินทรเตือน
จวงใจ จุ๊บแจงและคำรณเข้ามาพอดี ต่างมองอย่างสนใจ
“ขนของไปไหนกันเหรอ” จวงใจถาม
“เอาไปเผาผีแกไงล่ะ” จี่หอยบอกทันที
“อีหอย อีมารข้ามเพศ”
จี่หอย มะปราง อินทร หัวเราะแล้วเดินแยกไป ไม่ทันสังเกตรูปของแสงหล้าร่วงลงกับพื้นหนึ่งใบ จวงใจและจุ๊บแจงเดินเข้าไปด้านในอย่างไม่สนใจ คำรณเก็บรูปขึ้นมาดู เห็นเป็นรูปแสงหล้าในวัยสาว คำรณมองอย่างอาฆาตแค้น ทีมงานชายเดินผ่านมา จึงหันไปถาม
“น้อง บอกหน่อย นี่รูปใคร แล้วเอามาทำอะไรในงานแถลงข่าว”
“ผมพูดไม่ได้หรอกครับพี่ มันเกี่ยวกับคุณรุ้งน่ะครับ เขาบอกให้ปิดเป็นความลับ ยังไงผมก็ไม่พูดหรอกครับ” ทีมงานบอก
คำรณหยิบแบงค์ร้อยออกมาสองใบ
“พูดได้รึยัง”
ทีมงานคว้าแบงก์หมับทันที
“รูปแม่คุณรุ้งพี่ เธอจะเอามาออกสื่อ เพื่อจะตามหาแม่ พี่ไปคุยในส้วมกันต่อเถอะ เรื่องมันยาว”
“ได้น้อง”
ทีมงานดึงคำรณหายไปทางห้องน้ำทันที
รุ้งระวีมายืนสงบสติอารมณ์ อยู่มุมหนึ่งของโรงแรม ทูนอินทร์ตามมา
“รุ้ง”
“นายอิทธิ พลิกลิ้นไปได้เรื่อยๆ” รุ้งระวีหันมาพูดอย่างหงุดหงิด
“บอกแล้วไงครับว่านายนี่ ไม่ได้จริงใจที่จะตามหาแม่ให้คุณหรอก แล้วถ้าจะตามหาแม่ออกสื่อจริง นายนี่ก็จะทำเพื่อโปรโมตเพลงของรุ้ง”
“ยังไงคะ”
“ก็แนว ให้รุ้งออกมาบีบน้ำตาร้องไห้กับสื่อว่า กำลังตามหาแม่ที่ทิ้งรุ้งไปตั้งแต่เด็ก เรียกคะแนนสงสาร เพื่อให้เพลงขายดีไง”
รุ้งระวีขยะแขยง
“ฉันจะพยายามดิ้น ให้หลุดจากสัญญาของเขาให้เร็วที่สุด”
“ต้องอย่างนั้นซี อย่าลืมค่ายเพลงอิสระของผม ยินดีรับรุ้งเข้าสังกัดทันที”
รุ้งระวียิ้มออกมาได้
“แล้วตั้งชื่อค่ายรึยังคะ”
“ยังเลยครับอาจจะชื่อค่ายสะพานรุ้ง ก็ได้นะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน แต่แล้วรุ้งระวีก็เจื่อนลง เมื่อมองเลยไปสุดโถง ทูนอินทร์มองตามไป เห็นฟ้าใสเข้ามาพร้อมกับจ๊ะจ๋า ที่แต่งตัวราวกับเป็นคนรับใช้ อิทธิออกไปต้อนรับ ยืนปรึกษาอะไรบางอย่างกันอยู่
“เอ๊ะ ฟ้าใสนี่คะ ทำไมมาตอนนี้ เธอต้องแถลงข่าวหลังจากพวกเราไม่ใช่เหรอ” ลูกครึ่งมองแปลกใจ
“นี่ไง ที่ผมว่ามันแปลกๆ”
ฟ้าใสเหลือบมาเห็นรุ้งระวีและทูนอินทร์ แยกมาจากอิทธิทันที
“แหมเจอกันทีไร จะต้องอยู่ด้วยกันทุกครั้งเลยนะคะพี่ทูน น้องรุ้ง”
“เธอมาทำไมตอนนี้” อิทธิถามแปลกใจ
“อ้าว ก็มาแถลงข่าวไงคะ”
“ไม่ใช่เวลานี้ เพราะตอนนี้เป็นเวลาของรุ้ง กับนักร้องค่ายอิทธิซาวนด์”
“ไม่ทราบค่ะ แต่ที่รู้ เขาให้ฟ้ามาเวลานี้”
ฟ้าใสมองรุ้งระวีหัวจรดเท้า
“ที่จริง เวลาไม่น่าเป็นเรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ใครจะเป็นที่สนใจมากกว่าใครต่างหาก”
ฟ้าใสยิ้มหยันใส่รุ้งระวี ก่อนจะกลับไปหาอิทธิ ทูนอินทร์และรุ้งระวีมองหน้ากันอย่างสงสัย
ภายในห้องแถลงข่าว นักข่าวกับผู้ทีมาร่วมงานแถลงข่าวปรบมือให้กับรุ้งระวี และจุ๊บแจงที่นั่งอยู่บนเวที ทั้งคู่ให้พิธีกร ซึ่งเป็นดีเจรายการวิทยุลูกทุ่งท้องถิ่น ทูนอินทร์และอินทรถ่ายเบื้องหลังเช่นเคย
“เพลงที่สองผู้บ่าวข้าวจี่ เพิ่งออกมิวสิคมา ก็ประสบความเร็จไล่ตามจิ้มแจ่วมาเลย น้องรุ้งรู้สึกยังไงบ้างครับ” พิธีกรถาม
“ดีใจมากค่ะ ไม่คิดเลยว่าแฟนเพลง จะต้อนรับรุ้งอย่างอบอุ่นขนาดนี้ นี่ค่ะ...แฟนเพลงโคราช เพิ่งส่งข้าวเหนียวนึ่งมาให้เป็นกระติ๊บเลยค่ะ”
รุ้งระวีชูกระติ๊บข้าวเหนียวให้ดู คนดูหัวเราะ จุ๊บแจงมองอย่างอิจฉารีบพูดขึ้น
“เหมือนของแจงเลยค่ะ ตอนนั้นที่ร้องแม่แตงร่มใบ ฮิตทั่งบ้านทั่วเมือง ก็มีคนส่งแตงร้าน แตงไทย แตงกวา แตงดอง มาให้เต็มเลย”
จุ๊บแจงหัวเราะกับจวงใจอยู่สองคน แล้วเจื่อนไปทั้งคู่ เพราะทุกคนในห้องเงียบกริบ ไม่มีใครหัวเราะตาม
ทูนอินทร์แอบยิ้มกับรุ้งระวี อิทธิมองท่าทีของทั้งสองอยู่ตลอดอย่างไม่ชอบใจ
แสงหล้าในชุดเก่าๆแต่สะอาดสะอ้าน ผมหวีเรียบร้อย เดินหลบผู้คนตรงมายังห้องแถลงข่าว ที่มีคนอิทธิกันอยู่หลายคน แสงหล้าแทรกเข้าไปไม่ได้ จึงพยายามชะเง้อมองเข้าไป ทันใดเสียงคำรณดังขึ้นจากเบื้องหลัง แสงหล้าตัวเย็นวาบเพราะจำเสียงได้
“คุณฟ้าใสอยู่ที่ไหนล่ะ”
“พี่มีธุระอะไรกับพี่ฟ้าเหรอ” จ๊ะจ๋าถามคำรณ
“อยากขอลายเซ็น พาไปเจอหน่อย”
“ลายเซ็นอย่างเดียวนะพี่ อย่ากวนมากกว่านี้นะ”
“เท่านี้แหละ”
จ๊ะจ๋าพาคำรณแยกไป แสงหล้ามองตาม ใจเต้นรัว
“แกมาทำอะไรที่นี่ ไอ้คำรณ!”
ในห้องแต่งตัวเล็ก ฟ้าใสกำลังแต่งตัวเพิ่มอยู่หน้ากระจก มีทีมช่วยอยู่ จ๊ะจ๋าเข้ามากระซิบบอกว่ามีคนมาขอลายเซ็น
“ใครจะมาขอลายเซ็นตอนนี้ ไล่ไป ไม่ให้ใครพบทั้งนั้น แกนี่มันไม่รู้เรื่องเลยนะยายจ๊ะจ๋า” ฟ้าใสโวย
“ค่ะ ค่ะ”
จ๊ะจ๋ากำลังจะออกไปบอกคำรณ แต่คำรณเข้ามาเสียก่อน
“พี่ เข้ามาไม่ได้ พี่เขากำลังแต่งตัว”
“คุณฟ้าใสครับ จำผมได้ไหม”
ฟ้าใสหันมา คำรณยิ้มให้
“ออกไปเดี๋ยวนี้”
จ๊ะจ๋าโบกมือไล่คำรณ ฟ้าใสมองอย่างรำคาญ
“จ๊ะจ๋า แกนั่นแหละที่ออกไป”
“อ้าว” จ๊ะจ๋าเพิ่งรู้ตัวว่าถูกไล่ รีบเดินออกไป
“ผมมีของพิเศษมาให้คุณดู”
“อะไร” ฟ้าใสมองอย่างสนใจ
คำรณส่งรูปแสงหล้าให้
“ใคร ไม่รู้จัก”
“ถ้าผมเล่าให้ฟัง รับรองคุณจะจำผู้หญิงคนนี้ไปจนตาย”
ฟ้าใสตาเป็นประกายระยับ สนใจขึ้นมาทันที
ในห้องแถลงข่าว รุ้งระวีและจุ๊บแจงยังคงให้สัมภาษณ์
“ทีนี้เรามาพูดเรื่องหัวใจกันบ้าง มีคนรู้ใจรึยังครับน้องรุ้ง”
คนดูส่งเสียงเฮฮาด้วยความอยากรู้ รุ้งระวีมองไปที่ทูนอินทร์ ทั้งสองยิ้มให้กัน อิทธิยิ่งเครียด
“คนรู้ใจมีค่ะ แต่ยังไม่เปิดเผย”
คำตอบนั้นทำให้ทูนอินทร์ยิ้ม จุ๊บแจงรีบแทรก
“ไม่ถามแจงบ้างละคะ แจงกำลังมีคนรู้ใจเหมือนกันนะ เขาอยู่แถวๆนี้แหละ”
จุ๊บแจงมองไปที่อิทธิสายตาหวานฉ่ำ อิทธิทำหน้าหน้าบอกบุญไม่รับ
เสียงคนฮืออยู่ด้านนอก นักข่าวกรูกันออกไป ทุกคนหันไปมอง พบฟ้าใสเข้ามา นักข่าวถ่ายรูปกันวูบวาบ
คำรณเดินตามเข้ามาด้วย ขณะที่แสงหล้าตามหลังมาห่างๆ เข้ามาในห้องแล้วหลบอยู่ในกลุ่มคน
“อ้อ ขอต้อนรับฟ้าใส ใจสะออนครับ เชิญขึ้นบนเวทีเลยครับ”
พิธีกรกล่าวเชิญ ขณะที่รุ้งระวีกับทุกคนงง เพราะไม่เป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้
“คุณอิท แม่นี้มาขึ้นเวทีร่วมกับเราทำไม” จวงใจหันไปถามอิทธิ
“นี่คอนเสิร์ตร่วม ไม่รู้หรือไง” อิทธิทำเสียงรำคาญ
ฟ้าใสก้าวขึ้นเวทีด้วยมาดสง่างาม ไหว้คนดูก่อนลงนั่ง
“สวัสดีค่ะ มิตรรักแฟนเพลงของฟ้าใส ดีใจเหลือเกินที่ได้กลับมาเยี่ยมแฟนๆ โคราชอีกครั้ง”
คนดูปรบมือ พิธีกรถามต่อ
“รู้จักกันรึยังครับ น้องรุ้งระวี กับน้องจุ๊บแจง”
“ต้องรู้จักแล้วซีคะ น้องรุ้งพูดเองว่าเป็นแฟนเพลงของฟ้ามาตั้งแต่อยู่แอลเอ ตอนนั้นคงเสิร์ฟอาหารไปด้วย ฟังเพลงพี่ไปด้วยใช่ไหมคะ”
รุ้งระวีอึ้งกับคำพูดของฟ้าใส คนดูเงียบกริบกันไป แสงหล้าชะเง้อมองเห็นรุ้งระวีเต็มตา เผลอยิ้มออกมา
“จริงเหรอครับน้องรุ้ง” พิธีกรถาม
“ค่ะ ตอนนั้นยังไม่รู้จักตัวจริง ได้ยินแต่เสียงร้อง ก็นับถือเลยค่ะว่าเป็นตัวแม่ของวงการ แต่พอมาเจอตัวจริง ยิ่งนับถือไปใหญ่ ไม่ใช่แค่ตัวแม่แล้ว แต่เป็นป้าค่ะ”
คนฟังพากันหัวเราะขำ จุ๊บแจงหัวเราะร่าออกมา ฟ้าใสมองทั้งสองไม่พอใจ
“ใช่ ใช่ ตัวป้าจริง ๆ” จุ๊บแจงเสริม
ฟ้าใสยิ้มสู้
“แหม น้องรุ้งคงเมาผงชูรสที่ตัวเองเสิร์ฟน่ะค่ะ ถึงได้ชมพี่ขนาดนี้”
รุ้งระวียิ้มสู้เหมือนกัน พิธีกรสัมภาษณ์ต่ออย่างไม่รู้ว่าสาวๆพร้อมที่จะเชือดเฉือนกันด้วยคำพูดอย่างเต็มที่
“งั้นมาเข้าเรื่องเลยดีกว่า เห็นว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ ตัวแม่ปะทะกันอย่างจัง น้องรุ้งกับพี่ฟ้า ร้องสลับเพลงกันเลยใช่ไหมครับ”
“เออ รุ้งระวีมองไปทางอิทธิ “เรื่องนี้รุ้งไม่ทราบค่ะ”
“รู้ช้าจังนะคะ ใช่ค่ะ ร้องสลับกันเลย พิสูจน์กันไปเลยว่าใครคือตัวแม่ตัวจริง”
ฟ้าใสตอบ รุ้งระวีเจื่อนไป
“อ้อ พูดเรื่อง แม่ๆ ป้าๆ มีเรื่องสงสัย อยากถามน้องรุ้งหน่อยค่ะ เกี่ยวกับประวัติชีวิต”
ฟ้าใสเริ่มเล่นงาน รุ้งระวีงง
“เห็นบอกว่าแม่ทิ้งไปตั้งแต่ห้าขวบใช่ไหมคะ จำหน้าแม่ก็ไม่ได้ แต่ทำไมมีข่าวลือว่า ประวัติจริง ตระเวนร้องเพลงประกวดกับแม่ทั่วทุกภาคเมืองไทย และแม่เป็นคนสอนให้ร้องเพลงด้วย ตั้งเจ็ดแปดขวบน่ะค่ะ กว่าแม่จะทิ้ง แล้วถึงต้องหนีซมซานไปเมืองนอก”
“เออ เท็จจริงประการใดครับน้องรุ้ง” พิธีกรถามย้ำ เมื่อเห็นรุ้งระวีเงียบไป
“พี่ฟ้าไปเอาข่าวมาจากไหนคะ”
“น้องรุ้ง น้องรุ้งพูดกับพี่เอง จำไม่ได้หรือคะ เอ เมาผงชูรสใช่ไหมเนี่ย สงสัยจะใส่ในลาบส้มตำที่ชอบกินมากไปหน่อย เขาใส่เป็นช้อนชานะคะ ไม่ใช่ใส่เป็นทัพพี”
อิทธิทำสัญญาณให้พิธีกรตัดบท พิธีกรเก้อไป
“มีหลักฐานไหมละคะว่ารุ้งพูดจริง” รุ้งระวีเริ่มโมโห ย้อนเข้าให้
“อย่าท้าซีคะน้องรุ้ง เพราะหลักฐานน่ะ มีอยู่ค่ะ”
ฟ้าใสหยิบรูปของแสงหล้าขึ้นมาชู กลางเวที
แสงหล้าตะลึงไปกับคำถาม ที่จ้องจะเล่นงานรุ้งระวี กลุ่มทูนอินทร์เอะอะกันเบาๆ
“ว้าย มันไปเอารูปมาจากไหน” จี่หอยกังวล
อิทธิหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ แต่จวงใจและจุ๊บแจงกลับยิ้มดีใจ
“รูปใครครับ” นักข่าวถาม
ฟ้าใสพอใจที่นักข่าวถามอย่างนั้น
“สงสัยกันแล้วใช่ไหม รูปแม่น้องรุ้งที่เธอแอบเก็บไว้ไงคะ รูปตอนคุณแม่ยังสาว เห็นว่าทำงานบาร์อยู่ที่โคราชนี่เองละค่ะ ยุคที่ทหารอเมริกันมาตั้งค่ายซ้อมรบกับทหารไทย”
นักข่าวและคนในห้องฮือขึ้นเสียงระงม คุยกันแซ่ด ฟ้าใสถามต่อ
“เพราะฉะนั้นประวัติน้องรุ้ง จริง เท็จแค่ไหนเอ่ย”
“เกินไปแล้ว คุณตั๋ง จบการสัมภาษณ์ไปเลย” อิทธิสั่งพิธีกร
“ครับ ครับ เออ คือว่าสมควรแก่เวลาแล้วนะครับ ผมขอจบการสัมภาษณ์แต่เพียงเท่านี้”
นักข่าวรีบขัด แล้วแย่งกันถาม
“อ้าว แล้วทางคุณรุ้ง ไม่มีอะไรจะแก้ข้อกล่าวหาหรือครับ”
“ที่ลือกันว่าปลอมประวัติทั้งหมด ก็เป็นเรื่องจริงซีคะ”
“เดี๋ยวไปถามนอกรอบดีกว่าครับ” อิทธิบอกทุกคน
รุ้งระวีลุกพรวดขึ้นทันที ประกาศก้อง
“ไม่ต้องค่ะ พูดกันตรงนี้เลย”
ทุกคนเงียบกริบ แสงหล้ามองรุ้งระวีใจเต้น
“รูปนี้เป็นรูปแม่แสงหล้าของรุ้งจริงๆ”
นักข่าวฮือฮา แสงหล้าเผลอยิ้มออกมา
“เป็นรูปภาพรูปเดียว ที่รุ้งติดตัวไว้ตลอดตั้งแต่จากเมืองไทย วันนี้ก็ตั้งใจว่าจะเอารูปของแม่มาให้พี่ๆนักข่าวดูเพื่อตามหาแม่ นี่ละค่ะ” รุ้งระวีดึงรูปไปจากฟ้าใส “รูปแม่แสงหล้า แม่ของรุ้ง”
รุ้งระวีส่งรูปให้นักข่าวที่เข้ามารุมดู คำรณหน้าเครียด ที่ไม่เป็นไปตามแผน
“พี่หอยคะ เดี๋ยวช่วยแจกรูปแม่ของรุ้งให้พี่นักข่าวทุกคนด้วย”
รุ้งระวีหันไปบอก จี่หอยฉีกยิ้มกว้าง
“ได้จ๊ะ”
“ถ้าอย่างนั้น เชิญที่ห้องเล็กเลยครับ เรามีรูปที่เตรียมแจกไว้แล้ว” ทูนอินทร์ประกาศ
“ตามมาทางนี้เลยค่ะ พี่นักข่าว”
จี่หอย มะปราง พากลุ่มนักข่าวแยกไป
“ถ้าอย่างนั้น จบการสัมภาษณ์เท่านี้นะครับ” พิธีกรบอกย้ำ
ฟ้าใสไม่พอใจ
“เดี๋ยวซี ยังไม่เคลียร์เลยว่าโกหกรึเปล่า”
อิทธิก้าวขึ้นไปหาฟ้าใส
“หยุดพูด ถ้าพูดมากกว่านี้เธอโดนแน่ ๆ”
รุ้งระวีหันไปจ้องหน้าฟ้าใส
“ขอบใจนะ ที่ช่วยให้แผนตามหาแม่ของฉันเป็นจริง”
รุ้งระวีลงจากเวทีทันที ท่ามกลางเสียงสรรเสริญของคนดูในห้อง
ทูนอินทร์เข้าประคองรุ้งระวี เดินผ่านกลุ่มแฟนๆ ที่ทักทายเธอไปตลอด รุ้งระวีไหว้รายทาง ทูนอินทร์พาเธอมาตรงหน้าคำรณพอดี สายตาที่มองมาอย่างเหี้ยมๆนั้น รุ้งระวีหลบตาด้วยความกลัวผ่านคำรณไป แสงหล้าหลบอยู่หลังกลุ่มคน รุ้งระวีกำลังเดินมาใกล้ขึ้นทุกที
แสงหล้าเอื้อมมือจะไปแตะแขนลูก รุ้งระวีกำลังจะหันมามอง ยังพนมมือไหว้อยู่ แต่แล้วกลุ่มคนก็เบียดแสงหล้าจนถอยร่นไป รุ้งระวีหันมาแต่ไม่เห็นแสงหล้าแล้ว แสงไฟแฟลชวาบเข้าหน้าจนมองผู้คนไม่ชัด ทูนอินทร์พารุ้งระวีเดินห่างไป แสงหล้าได้แต่มองตาม
“ลูกแม่สวยเหลือเกิน”
อิทธิยังคุยอยู่กับฟ้าใสบนเวที ขณะที่คนในห้องกำลังทะยอยออก
“เธอทำเกินกว่าเหตุแล้ว ฉีกหน้ารุ้งต่อหน้านักข่าวแบบนี้ได้ยังไง”
“อ้าว ฉันก็อยากให้ทุกคนรู้ความจริง”
“งั้นความจริงที่เธอควรรู้ตอนนี้ก็คือ ไม่มีการประชันเธอกับรุ้งในคอนเสิร์ตอีกแล้ว”
ฟ้าใสยิ้มเยาะ
“ฮ่ะๆกล้าเหรอ คุณต้องเคลียร์กับเจ้าของงานแล้วล่ะ เพราะงานนี้โฆษณา ไปแล้วว่าฉันกับยายรุ้งจะปะทะกันต่างหาก บัตรถึงขายเกลี้ยงงาน”
อิทธิจนต่อเหตุผล
“ก็ได้ งานนี้เธอชนะ แต่ระหว่างคอนเสิร์ต อย่ารังควาญรุ้งหรือ ศิลปินในค่ายฉันอีก”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
“แล้วเรื่องเจ้าทูนล่ะ”
“รับรอง งานนี้ฉันทำให้ยายรุ้งกับพี่ทูนแตกหักกันได้แน่ๆ เชื่อฟ้าใสซีคะ”
ฟ้าใสลงจากเวทีแยกไปอย่างสบายใจ
หน้าห้องแถลงข่าว จี่หอย มะปราง อินทร ช่วยกันแจกรูปให้นักข่าวที่เหลือ ฟ้าใสเดินมาจากห้องแถลงข่าว จ๊ะจ๋า ถือของตามพะรุงพะรัง อินทรและมะปรางแยกไปแจกห่างออกไปจากจี่หอย
“รูปคุณแม่รุ้ง ช่วยเผยแพร่ด้วยนะคะ” จี่หอยบอกนักข่าวด้วยรอยยิ้ม
ฟ้าใสเดินผ่านมาพอดี หยุดมองรูป จี่หอยชะงักไป หน้าเชิ่ดใส่ฟ้าใสทันที
“แหม มาตามหาแถวนี้เสียเวลาเปล่า โน่นต้องไปตามแถวตะเข็บชายแดนโน่น หรือไม่ก็ย่านหญิงกลางคืนปลดระวาง”
“แกพูดดีๆนะ ไปว่าแม่รุ้งอย่างนั้นได้ไง”
“พวกนางโสเท่านั้นแหละที่มันทิ้งลูก อาชีพนี้อาชีพเดียว”
ฟ้าใสหัวเราะ จ๊ะจ๋าหัวเราะตาม จี่หอยโมโหมาก
“เจ็บปากที่โดนรุ้งมันตบวันนั้น ยังไม่เข็ดอีกเหรอ นังฟ้าต่ำ”
“ระวังปากแกหน่อยนะนังหอย” ฟ้าใสโต้
“ปากฉันสะอาดจ๊ะ ระวังแต่ปากเน่าๆของแกเถอะ ระวังจะถูกส้นจิกรุ้งมัน ทะลวงเข้าสักวัน” ฟ้าใสสะบัดไป
“ไม่เคยเจอ คนผีอะไร” จี่หอยมองตามอย่างไม่พอใจ
จ๊ะจ๋าเสนอหน้ามาทันที
“ถึงจะผี แต่ก็สวยและดัง มีอะไรไหมเจ๊กะเทียม”
จี่หอยจ้องหน้า
“อุ๊ย ลูกสมุนนังฟ้าเหรอ เอ๊ะ นี่ใช่จ๊ะจ๋า มยุรีรึเปล่า”
จ๊ะจ๋าสะดุ้ง
“ไม่ใช่ จำคนผิดแล้ว”
“ถ้าใช่ จะบอกว่าเพลงแกห่วยมาก ฝากไปบอกด้วยนะว่าแผ่นซีดีน่ะ เอามาถมถนนดีกว่า อย่าให้ชาวบ้านเขาฟังเลย เสียหู”
จ๊ะจ๋าฟังแล้วโกรธ
“หูไม่ถึงละมัง แคะขี้หูบ้างก็ดีนะ มันจะได้ไม่อุดตันเหมือนขี้อย่างอื่น”
มะปรางเดินเข้ามาพอดี
“จ๋า”
จ๊ะจ๋าสะดุ้ง หันมามองมะปราง
“ปรางไง จำไม่ได้เหรอ”
จ๊ะจ๋าหน้าตื่น ไม่อยากทักเพื่อนในสภาพแบบนี้
“จะ...จำไม่ได้ ไม่รู้จัก ใคร”
“เรามะปรางไง”
“ไม่มีเพื่อนชื่อนี้ ไม่รู้จัก”
จ๊ะจ๋ารีบแยกไป มะปรางมองตาม
“รู้จักนังนี่ด้วยเหรอ” จี่หอยถาม
“ค่ะ เพื่อนสนิท เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยมเลย ทำไมทำเป็นจำไม่ได้”
“งั้นเลิกคบไปเลย ใครอยู่กับนังฟ้าต่ำมันต้องเลวทุกคน”
“ไม่น่านะคะเจ๊”
อินทรที่ตามมะปรางมา มองตาม
“เอ ผมว่าน่าจะใช่ จ๊ะจ๋า มยุรีนะครับ หน้าคล้ายมากเลย เพียงแต่วันนี้ไม่ได้แต่งหน้า”
“แล้วทำไม แต่งตัวเป็นคนใช้แบบนี้ล่ะ”
ทั้งสามคนพากันสงสัย
เมื่อกลับเข้ามาที่ห้องพัก รุ้งระวีเถียงกับอิทธิ ขณะที่ทูนอินทร์นั่งฟังอยู่ด้วย
“ทำไมคุณไม่บอกฉัน เรื่องที่ยายฟ้าใสจะขึ้นเวทีพร้อมกับฉัน”
“ก็จะบอกเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้จังหวะ” อิทธิตีหน้าซื่อ
“จังหวะที่ว่าคือก่อนจะออกคอนเสิร์ตใช่ไหม ฉันจะได้ไม่มีทางปฏิเสธ”
“มันเป็นความต้องการของทางผู้จัด อยากเอาตัวแม่มาปะทะกัน ผมก็ต้องตามใจคนให้เงิน”
ทูนอินทร์แย้ง
“อย่าโกหกดีกว่า ผมไปสืบดูแล้ว ทางผู้จัดไม่ได้คิดเอง แต่ทางคุณกับเสี่ยดำรง เป็นคนเสนอให้ มีแผนอะไรรึเปล่า”
“นายคิดว่าอะไรล่ะ”
“คุณรู้อยู่ว่าฟ้าใสเป็นอดีตแฟนเก่าของผม ดึงฟ้าใสเข้ามาเพื่อป่วนทั้งผมทั้งรุ้งรึเปล่า”
อิทธิยิ้มหยัน
“เฮ้ย คนอย่างนายฉันไม่จำเป็นต้องป่วนให้ยุ่งยาก นายมันไอ้กระจอก ไม่อยู่ในสายตาฉันหรอกว่ะ”
“เหรอครับ งั้นไอ้กระจอกคนนี้มันก็ทำให้คุณพลาดมาแล้ว นี่ไงครับในที่สุดผมก็เอารูปแม่รุ้งมาออกสื่อจนได้ คุณทำอะไรได้ไหมล่ะ”
อิทธิขบกรามแน่น แล้วออกจากห้องไป ถีบโต๊ะโครมใหญ่ รูปแสงหล้าบนโต๊ะกระจายลงที่พื้น รุ้งระวีถอนใจ ทรุดลงนั่งเก็บรูปแม่ทุกรูป ทูนอินทร์ลงช่วยเก็บ
“ฉันรู้แล้วล่ะ นายอิทธิปลอมประวัติฉันแบบนี้ เพื่อบังคับไม่ให้ฉันตามหาแม่ ให้ฉันลืมแม่เสีย”
“ใช่ เขาต้องการครอบครองคุณไว้คนเดียว ไม่ต้องการให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยวไง”
รุ้งระวีน้ำตาคลอ จี่หอยเข้ามากับปรางและอินทร บ่นไปด้วย
“นังฟ้าใส มันมีสิทธิ์อะไรมาว่าแม่รุ้งแบบนี้”
ทูนอินทร์และรุ้งระวีลุกขึ้น
“ว่าอะไรเหรอคะ”
“อย่ารู้เลยรุ้ง”
“บอกมาเถอะค่ะพี่”
“อย่าเสียอารมณ์เลยนะ มันว่าแม่รุ้งเป็นคุณโส เพราะคุณโสเท่านั้น ถึงทิ้งลูก”
รุ้งระวีอึ้งไปทันที
หน้าห้องแถลงข่าว คนกลับกันแทบหมดแล้ว เหลือแต่พนักงาน แสงหล้าที่หลบอยู่ กำลังจะกลับ เดินออกมา เห็นรูปของตัวเองตกอยู่ที่พื้น
“แค่รู้ว่าลูกยังคิดถึงแม่อยู่ แม่ก็ดีใจแล้ว”
ทันใด มือหยาบกร้านของคำรณ เข้ามากระชากไหล่ของแสงหล้า
“นังแสง”
“แก ปล่อยนะโว้ย”
คำรณตวัดมีดขู่
“อย่าร้องนะ ไม่งั้นแกตาย”
คำรณลากแสงหล้า ออกไปทางบันไดหนีไฟ
ในห้องพัก รุ้งระวีมองเหม่อไปนอกหน้าต่าง ครุ่นคิดเรื่องแม่ มือยังถือรูปของแม่อยู่ ทูนอินทร์เข้ามา
“คิดอะไรอยู่หรือครับ”
“ฟ้าใสอาจจะพูดถูก แม่คงมีอาชีพที่ไม่อยากให้ฉันรับรู้ ถึงไม่ติดต่อฉันอีกเลย”
“รุ้ง พอเถอะ อย่าใส่ใจเรื่องที่ฟ้าใสพูดเลย”
“แล้วทำไมละคะ ทำไมแม่ไม่ติดต่อฉันเลย ฉันหาเหตุผลไม่ได้”
ทูนอินทร์พูดไม่ออก
ขณะเดียวกัน คำรณเหวี่ยงร่างแสงหล้าปะทะผนังที่บันไดหนีไพ เอามีดขู่
“อย่าทำอะไรฉัน ขอร้องละ”
“ทีข้าชวนมาหาลูก เอ็งดันทำเล่นตัว มาตอนนี้ดันมาหาลูกเสียเองไงวะ แล้วทำไมไม่แสดงตัวออกมาว่าเอ็งเป็นแม่มัน”
“ฉันทำไม่ได้”
“ทำไม”
“ให้ลูกมันรู้ไม่ได้หรอกว่ามีแม่ที่ในอดีต เคยมีอาชีพน่ารังเกียจ”
“อ้อ เจียมตัวดีนี่ ก็ดีแล้วที่ลูกมันไม่รู้ว่าแม่มันเคยขายตัวมาก่อน”
“ก็เพราะเอ็งนั่นแหละที่บังคับข้าให้ต้องขายตัว ไอ้แมงดา”
คำรณตบหน้าแสงหล้าฉาดใหญ่ แสงหล้าร้องไห้ออกมา
“กูก็ต้องถอนทุนคืนบ้างซีวะ กูขาดทุนเพราะมึงไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ดีนะ ที่พอกูออกจากคุก ก็ตามเจอตัวมึงเข้าพอดี”
ในอดีตนั้น แสงหล้าได้ไปร้องเพลงในบาร์ห้องแถวที่มีแต่คนเมา หลังจากเลิกงานขณะที่เดินกลับบ้าน แสงหล้าเดินโผเผอยู่ในตรอก คำรณเข้ามากระชากร่างแสงหล้าอัดกับกำแพงตึก
“แก...”
“นึกว่าจะหนีกูพ้นหรือวะ ตอนนี้ลูกมึงอยู่ไหน” คำรณตวาด
“ฉันส่งมันไปอเมริกาแล้ว แกไม่มีวันทำร้ายมันได้”
“ดี งั้นแกต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดแทนมัน”
คำรณหัวเราะสะใจ แสงหล้าหวาดหวั่น แล้วชีวิตต้องตกอยู่ในความเลวร้าย เพราะหลังจากนั้นเทวัญได้บังคับให้เธอขายตัว ซึ่งเธอไม่สามารถจะหนีไปได้ เพราะคำรณตามทำร้ายอยู่ตลอดเวลา
ค่ำคืนหนึ่ง แสงหล้าดื่มเหล้าดับความทุกข์ที่โต๊ะมุมห้อง บนโต๊ะวางกระดาษจดหมาย มีกลุ่มไหมพรมถักเป็นเสื้อได้ครึ่งตัววางอยู่ แสงหล้าได้เขียนจดหมายถึงรุ้งระวี
“...รุ้ง แม่ขอโทษที่ไม่ได้เขียนจดหมายถึงรุ้งเลย แต่ต่อไปนี้แม่จะเขียนมาหารุ้ง ทุกอาทิตย์ ไม่ให้ขาด รุ้งสบายดีนะ อยู่ที่นั่นหนาวไหม แม่จะถักไหมพรมไปให้”
ประตูเปิดผางเข้ามา คำรณเมามายเข้ามาในห้อง
“ทำไรวะ”
แสงหล้ารีบเก็บจดหมาย แต่ช้ากว่าคำรณที่กระชากไปก่อน
“อ้อ เขียนจดหมายถึงนังรุ้งมันหรือวะ”
“เอาคืนมา”
“เอ้า คืนไป แต่ถามจริงๆ ไม่อายลูกมันเหรอวะ เอ็งมีอาชีพแบบนี้ ลูกมันรู้เข้า มันจะเอาหน้าไปไว้ไหน ตอนนี้มันก็กลายเป็นเด็กฝรั่งไปแล้ว”
“ก็แก ไอ้เลว แกบังคับให้ฉันขายตัว”
แสงหล้าเข้าตบตี แต่คำรณสวนทีเดียว แสงหล้าล้มไป
“อีนี่ เขียนบอกลูกมันด้วยนะว่าเอ็งทำอาชีพนี้ ลูกมันจะได้ภูมิใจ ฮ่ะฮ่ะ ลุกขึ้นมาแต่งตัว แต่งหน้า มีแขกรออยู่อีกหลายคน”
คำกระชากร่างแสง เหวี่ยงไปที่เตียง แล้วออกจากห้องไป แสงหล้ามองจดหมายรุ้งระวี ร้องไห้ แล้วค่อยๆขยำจดหมายทิ้งอย่างเศร้าใจ
ที่บันไดหนีไฟ แสงหล้าหันไปด่าคำรณอย่างโกรธแค้น
“แกทำลายชีวิตข้าจนพินาศป่นปี้ขนาดนี้ นี่ยังจะตามมาจองล้างจองผลาญข้ากับลูกข้าอีกเหรอ”
“ช่วยไม่ได้ ลูกเอ็งมันกำลังจะเป็นบ่อเงินบ่อทองให้ข้า ตอนนี้ข้าเข้ามาทำงานในบริษัทเดียวกับมันแล้ว”
“ฉันไหว้ละ อย่าไปยุ่งกับรุ้งมันเลย จะให้ฉันทำอะไรก็บอกมา”
“ทำอย่างที่แกทำนี่แหละดีที่สุดแล้ว แกอย่ามาให้ลูกเห็นหน้าอีก หนีไปไกลๆ ถ้าแกไม่เชื่อ ข้าไม่รับประกันความปลอดภัยชีวิตนังรุ้ง เข้าใจไหม”
คำรณเงื้อมีดขู่ แสงหล้าพยักหน้าจำนน คำรณแสยะยิ้ม ก่อนจะแยกไป แสงหล้าทรุดลงกับบันไดร้องไห้อย่างเศร้าใจ
อ่านต่อหน้า 3
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 9 (ต่อ)
คอนเสิร์ตได้จัดขึ้น ภายในห้างสรรพสินค้าโคราช คนดูเต็มฮอลล์ ปรบมือสนั่นเมื่อวงพี สะเดิดเล่นเปิดงาน บรรดาขาวัยรุ่นออกมาเต้นกันหน้าเวทีอย่างสนุกสนาน
ในห้องแต่งตัว รุ้งระวีแต่งตัวอยู่มุมหนึ่ง โดยมีจี่หอย กับมะปรางคอยช่วย จวงใจและจุ๊บแจงแต่งอยู่อีกมุม ทั้งคู่หันมามองทางรุ้งระวีแล้วหัวเราะคิกคัก
“มันเมาท์อะไรของมัน” จี่หอยบ่นเบาๆ
จวงใจและจุ๊บแจงเดินมาหารุ้งระวี พร้อมยิ้มเหมือนเป็นมิตร จวงใจถือรูปแม่แสงหล้าที่แจกสื่อมาด้วย
“น้องรุ้งคะ ปกติพี่จะเกลี๊ยดเกลียดนังฟ้าใส แต่วันนี้ต้องยอมรับว่ามันทำถูกใจพี่มาก”
รุ้งระวีไม่พูดด้วย จวงใจพูดต่อเสียเอง
“อ้าว ไม่ถามเหรอคะว่าถูกใจเรื่องอะไร”
จุ๊บแจงรีบพูด
“แจงถามเองก็ได้ ถูกใจเรื่องอะไรคะพี่จวง”
“ก็นังฟ้าใสมันมาช่วยเฉลยไงคะ ว่าน้องรุ้งอยู่เมืองไทยจนถึงเจ็ดขวบจริงๆ ไม่ใช่ระเห็จไปตั้งแต่ห้าขวบ อย่างที่เที่ยวแหลชาวบ้านไว้”
“แกเชื่อมันเหรอ” จี่หอยถาม
“เรื่องเลวๆแบบนี้ฉันต้องเชื่ออยู่แล้วละ อีกอย่างพอดูรูปแม่น้องรุ้งรูปนี้แล้ว พี่กับแจงก็คู้นคุ้นว่าเคยเห็นที่ไหนน้า”
รุ้งระวีหันขวับมาทันที
“เคยเห็นที่ไหน”
“นี่ไงคะ”
จุ๊บแจงหยิบมือถือของจวงใจขึ้นมาโชว์ให้ดู ทุกคนตกใจ เพราะเป็นรูปแสงหล้ารูปเดิมที่ถ่ายกับรุ้งระวีเด็ก
“ตาเถร!” จี่หอยตกใจ
รุ้งระวีลุกพรวดทันที
“ไปเอารูปนี้มาจากไหน”
จวงใจและจุ๊บแจงหัวเราะระรื่น
“ไม่เห็นยากเลย ก็รูปที่วางไว้บนหัวนอนบ้านแกไง ฉันถ่ายมาแล้วเรียบร้อย” จุ๊บแจงพูด
“ฉลาดนะ ตัดรูปตัวเองวัยเด็กออก เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าอยู่กับแม่จนเจ็ดแปดขวบ” จวงใจเสริม
“หน้าแก่แดดแก่ลมขนาดนี้ น่าจะสิบขวบแล้วนะพี่จวง”
“หลักฐานนี่แหละ ที่ฉันจะเอาไปประจานให้ทุกคนรู้ หรือไม่ก็เอาไปให้ยายฟ้าใสมันดู ดีไหมแจง”
“ดีค่ะ เอ๊ะ หรือไม่ดี งงๆ”
สองคนหัวเราะกันคิกคัก
“ลบรูปทิ้งซะ เธอไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้” รุ้งระวีเสียงแข็ง
“มีซี พวกหลอกลวงแฟนเพลงน่ะ มันสมควรถูกเปิดโปง ไปแจงไปหายายฟ้าใสกันดีกว่า จากนังฟ้าใส เราจะไปหานักข่าวกัน”
“ได้ค่ะพี่จวง”
จวงใจและจุ๊บแจงจะเดินออกไป
“พี่หอย รุม”
รุ้งระวี จี่หอย มะปรางเข้ารุมจวงใจและจุ๊บแจงทันที รุ้งระวีพยายามแย่งมือถือจากจวงใจให้ได้ ทั้งหมดปล้ำแล้วกลิ้งล้มไปกับพื้นกันทั้งห้าคน
จวงใจและจุ๊บแจงร้องกรี๊ดลั่น มะปรางจับจวงใจยึดไว้ จี่หอยยึดร่างจวงใจ รุ้งระวีนั่งคร่อมจวงใจพยายามจะแย่งมือถือ เอะอะวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันที่หน้าห้อง อินทรกำลังเตรียมกล้อง คำรณเดินเข้ามาพอดีถือถุงอาหารมาด้วย
“เสียงคุณจวง”
“รุ้ง”
ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที
ในห้อง ทั้งห้านางกำลังตบตีกันพัลวัน จวงใจยังแย่งมือถือจากรุ้งระวี คำรณ อินทรวิ่งเข้ามา อินทรเข้ามาช่วยจี่หอยและมะปราง ดึงแยกจากจุ๊บแจง คำรณมองรุ้งระวีที่กำลังนัวเนียจวงใจ ความโกรธจากในอดีตแล่นขึ้นมาทันที คำรามในคอเบาๆ
“นังรุ้ง มึง”
คำรณกระชากร่างของรุ้งระวีลุกขึ้น
“ปล่อยฉันนะ”
คำรณกระแทกรุ้งระวีเข้ากับผนัง
“ฤทธิ์เยอะนักนะแก”
คำรณจ้องมองรุ้งระวี อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ รุ้งระวีจ้องคำรณ เธอนึกไปถึงอดีตพ่อเลี้ยงที่เคยจะทำร้ายเธอขึ้นมาแว่บหนึ่ง รุ้งระวีสะดุ้งเกร็งไปทั้งตัว
“นายเป็นใครกันแน่”
คำรณยิ้มชั่วร้าย
“ปล่อยฉันนะ”
เสียงอิทธิดังมาจากเบื้องหลัง
“นายคำปล่อย”
อิทธิเดินเข้ามา คำรณปล่อยรุ้งระวี ทุกคนแยกจากกัน
“ไม่มีอะไรจะทำกันแล้วใช่ไหม ถึงต้องทะเลาะกันอย่างนี้” อิทธิตวาดถาม
“พวกมันรุมเราก่อนนะคะ” จุ๊บแจงฟ้อง
“เรื่องเป็นยังไง” อิทธิหันมามองหน้ารุ้งระวี
“ค่ะ ฉันรุมมันก่อน เพราะฉันต้องการภาพฉันกับแม่คืนมา”
“ภาพอะไร แล้วอยู่ที่ไหน”
“ในมือถือของเจ๊จวง”
อิทธิยื่นมือไปตรงหน้าจวงใจ
“เอามา”
จวงใจยังอิดออด
“เอามือถือมา”
จวงใจส่งให้อย่างเสียไม่ได้ อิทธิดูภาพ
“ไปถ่ายมาได้ยังไง”
“บอกไปซี ว่าแกแอบบุกไปที่บ้านรุ้ง ไปถ่ายมา” จี่หอยพูดทันที
จวงใจ จุ๊บแจงหน้าเชิ่ด แม้จะใจไม่ค่อยดี
“แล้วก็ยังเอามาข่มขู่ฉัน จะเอารูปนี้ไปให้ยายฟ้าใสด้วย” รุ้งระวีบอกอย่างเหลืออด
อิทธิมองจวงใจ จุ๊บแจง อย่างคาดโทษ
“ถ้าเอาไปให้จริง ฉันถือว่าทรยศบริษัท ฉันจะไล่ออกทั้งคู่ แล้วมือถือนี่ไม่ต้องขอคืน ฉันจะเอาทำลายซะ”
อิทธิออกจากห้องไปทันที จวงใจหันมาจ้องหน้ารุ้งระวี
“จำไว้นะนังฝรั่ง ศึกครั้งนี้มันใหญ่หลวงนัก”
จวงใจออกไป จุ๊บแจงและคำรณตาม รุ้งระวีทรุดลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน
“มันอะไรกันนักหนา พี่หอย รุ้งจะไม่ไหวแล้วนะ”
“อดทนนะรุ้ง ยังไงมันก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก”
“คุณทูนล่ะ”
“อยู่ข้างนอกครับ ดีแล้วละครับที่พี่ทูนไม่อยู่” อินทรบอก
“ทำไมคะ”
“เกิดพี่ทูนเห็นรูปในมือถือ ก็ความแตกซีครับ เพราะในรูปนั่นคือแหม่มจ๋า”
“ลมชัก จริงด้วย ให้คุณทูนเห็นไม่ได้เลยนะ รู้เลยว่ารุ้งคือแหม่มจ๋า” จี่หอยกังวล
รุ้งระวีถอนใจเฮือก
“เฮ้อ ฉันต้องอยู่ในโลกของความลวง ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย”
ทุกคนสงสารรุ้งระวี
“แต่งตัวต่อดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเริ่มคอนเสิร์ตแล้ว”
รุ้งระวีไปนั่งแต่งตัวที่หน้ากระจก พยายามสงบสติกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับภาพแว่บของคำรณเมื่อครู่ เพราะเธอยังไม่แน่ใจว่าคือพ่อเลี้ยงรึเปล่า
บนเวทีคอนเสิร์ต จ๊ะจ๋าแต่งตัวเต็มที่ ออกมาร้องเพลงจังหวะสนุกสนาน คนดูเฮฮาพอเป็นพิธีเพราะเพลงไม่ค่อยฮิตเท่าไหร่ ช่วงเวลาเดียวกันนั้น แสงหล้าแต่งตัวในชุดที่ดีที่สุดที่มีอยู่ มายืนหลบมุมอยู่แถวทางเข้าคอนเสิร์ต เห็นชาวบ้านกำลังทยอยเข้างาน ความหวังที่จะเข้าไปดูคอนเสิร์ตของแสงหล้าริบหรี่เต็มที แต่แล้วเธอก็เห็นโส่ยที่มาในมาดทอมเกาหลี โอบน้องหนู สาวร่างกลมหน้าแป้นเข้ามา โส่ยหยิบบัตรออกมาโชว์
“วันนี้พี่โส่ยรวยฮะ เลยพาน้องหนูมาดูรุ้งระวี ชอบมะ”
“ชอบซี แต่อย่าไปบอกผัวน้องหนูนะว่า แอบมากับพี่”
“รับรอง สัญญาลูกเสือวิสามัญฮะ”
“เข้าห้องน้ำก่อนนะพี่”
น้องหนูแยกไป โส่ยวางบัตรบนโต๊ะ แล้วหยิบหวีกับกระจกมาส่องดูความหล่อ แสงหล้าได้จังหวะ เดินตรงเข้าไปแล้วคว้าบัตร เดินตัวปลิวเข้างานไป โส่ยหันมาบัตรหายไปแล้ว
“บัตร เฮ้ย บัตรหาย หายไปไหนวะ เฮ้ย ใครขโมยบัตรข้าไป ทอมเอาถึงตายนะโว้ย”
โส่ยโวยลั่น ชาวบ้านเดินหนี
บนเวที จ๊ะจ๋าร้องเพลงจบ คนปรบมือพอเป็นพิธี จ๊ะจ๋าเซ็งๆกลับเข้าหลังเวทีไป จุ๊บแจงออกมาพร้อมหางเครื่องชุดใหญ่ เพลงแม่แตงร่มใบ ขึ้นทันที จุ๊บแจงทั้งร้องทั้งเต้นอย่างมืออาชีพ คนดูเริ่มเฮฮา
จ๊ะจ๋ากลับเข้ามาหลังเวที พบมะปรางเขาพอดี
“จ๊ะจ๋า แกจำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ”
“ไม่ได้ นี่ เลิกยุ่งกับฉันเสียที”
จ๊ะจ๋ารีบหลบไป มะปรางมองตามอย่างไม่เข้าใจ
ฟ้าใสกำลังแต่งตัวอยู่ ทูนอินทร์เข้ามา บรรดาช่างรีบหลบออกไป
“มีอะไร เรียกฉันมาทำไม”
ฟ้าใสยิ้มหวาน
“แหม พี่ทูนคะ ฟ้าอยากจะขอโทษ ที่ฟ้าทำเรื่องร้ายๆทั้งหมด โดยเฉพาะกับยายรุ้ง เพราะฟ้าอยากกลับมาเริ่มต้นใหม่ กับพี่ทูนอีกครั้ง”
ทูนอินทร์มองฟ้าใส ด้วยสายตาเย็นชา
รุ้งระวีแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว กำลังมองหาทูนอินทร์ คนงานหลังเวทีเดินกับขวักไขว่ อิทธิเดินสวนมา
“หาใครเหรอรุ้ง”
“เปล่าค่ะ”
“ถ้าจะหานายทูน เห็นเข้าไปคุยในห้องแต่งตัวฟ้าใสน่ะ”
รุ้งระวีเจื่อนไป
“ลองไปดูซิ คนที่เป็นอดีตของกันและกัน เขาจะคุยอะไรกันบ้าง”
อิทธิพูดยุแล้วแยกไป รุ้งระวีตรงไปยังห้องแต่งตัวของฟ้าใส เห็นเปิดแง้มอยู่ รุ้งระวีมองเข้าไปเห็นทูนอินทร์ยืนอยู่ ฟ้าใสลุกขึ้นหันมาหาทูนอินทร์
“พี่ทูน เชื่อฟ้าเถอะนะคะ ที่ฟ้าจากพี่ทูนไปก็เพราะ ฟ้าจะหาโอกาสให้เราทั้งสองคน”
“โอกาสอะไร”
“ทุกอย่างต้องใช้ทั้งเงิน ทั้งเส้นสาย ตอนนี้ฟ้าดังแล้ว เงินทองมากมาย เส้นสายก็เพียบ ตอนนี้ฟ้าพร้อมที่จะออกมาจากค่ายเสี่ยดำรง เพื่อกลับมาหาพี่ แล้วเราจะสร้างฝันด้วยกัน”
“พูดให้ชัดๆฝันอะไร”
“ฟ้าจะสร้างค่ายเพลงของฟ้าขึ้นมาร่วมกับพี่ทูนไงคะ ฟ้าจะเป็นนายทุนให้พี่ทูนเองก็ได้ ดีไหม”
“น่าสนใจ” ทูนอินทร์แกล้งฟัง เพราะอยากรู้ว่าเธอมีแผนอะไร
“ฟ้าเป็นนักร้อง ส่วนพี่ก็แต่งเพลงให้ฟ้า เพลงของเราจะต้องฮิตระเบิด และเราจะต้องเป็นคู่รักนักร้องที่ดังที่สุดของวงการ”
“ทำไมไม่บอกพี่เสียแต่แรก ที่ฟ้าทำไปทั้งหมดเพื่อพี่ทั้งนั้น”
“เข้าใจฟ้าแล้วใช่ไหม ดีใจเหลือเกินที่พี่เข้าใจ”
ฟ้าใสโผเข้ากอดทูนอินทร์แนบแน่น
“มีข้อเสนออะไรอีกไหม”
“เราจะกลับมาเป็นคู่รักกันอย่างเดิมไงคะ แล้วพี่ก็ลืมนังฝรั่งนั่นซะ”
ฟ้าใสเลื่อนหน้าเข้ามา แล้วจูบปากทูนอินทร์ดูดดื่ม รุ้งระวีตะลึงงัน เพราะทูนอินทร์ไม่ได้ผละออก แล้วอย่างที่รุ้งระวีไม่คาดฝัน มือของทูนอินทร์ ค่อยๆโอบรอบเอวของฟ้าใส แล้วกอดแนบแน่น
รุ้งระวีทนดูภาพนั้นไม่ได้ รีบผละออกมา รุ้งระวีเดินมาตามทางเดิน เหมือนจะหายใจไม่ออก มีกลุ่มหางเครื่องสวนมา เธอหลบหน้ากลุ่มหางเครื่อง เพราะน้ำตากำลังไหลพราก หันหน้าเข้าหามุมมืด แล้วสะอื้นออกมาอย่างแรง ขณะที่อิทธิแอบมองมายิ้มสะใจ
ในห้องแต่งตัวฟ้าใส ทูนอินทร์กอดฟ้าใสไว้แน่น ประทับจูบดูดดื่ม แต่แล้วทันใดก็ผงะออก มองหน้าฟ้าใสอย่างรังเกียจ มือที่โอบหลังนั้นจับร่างเธอยึดไว้ แล้วพลิกตัวอย่างเร็วและแรง ให้ฟ้าใสหันมามองที่กระจก
“ว้าย พี่ทูน เจ็บนะ ทำอะไรน่ะ”
“จะให้เธอดูตัวเองในกระจกไง”
ฟ้าใสยิ้มพราย
“ทำไม จะดูความสวยของฟ้างั้นเหรอ”
“เปล่า จะให้ดูว่าจิตใจเธอมันน่าเกลียด น่าชัง แค่ไหนต่างหาก เธอมันปลิ้นปล้อนหลอกลวง จนแยกไม่ออกแล้วทั้งความจริงอะไรเท็จ”
“พี่ทูน ไม่จริงนะ ฟ้ารักพี่ทูน ไม่เคยเปลี่ยน”
ทูนอินทร์ตะคอก
“ดูตัวเองซี มองเข้าไปในตาตัวเองด้วย เธอไม่ได้รักฉัน แม้แต่นิด เธอรักเพลงที่ฉันแต่งให้ต่างหาก ไง เพลงใหม่ๆ ของเสี่ยดำรงชักไม่ไหวแล้วใช่ไหม เพราะไอ้เพลงที่ออกมาล่าสุด ก็ไม่ฮิตเลยสักเพลง มีเพลงที่เธอขโมยฉันไปของรักของหวง เพลงนี้เพลงเดียวเท่านั้นที่ฮิต ตอนนี้เธอก็เลยจะหันมาใช้ฉันเป็นเครื่องมือหากินอีกหน แต่อย่าหวังเลย บทเรียนเจ็บแสบที่เธอให้ฉันไว้ ฉันจำจนวันตาย ไม่มีวันที่ฉันจะเสียรู้เธออีก”
ทูนอินทร์ผลักฟ้าใสหน้าคะมำไป สร้อยไข่มุกตกกระจาย ฟ้าใสก้มหน้า มือยันโต๊ะไว้ หอบหายใจด้วยทั้งโกรธทั้งแค้น
“ฝันไปเถอะนะที่เราจะกลับมาทำค่ายเพลงด้วยกัน เพราะคนที่ฉันจะทำเพลง ด้วยมีคนเดียวเท่านั้น คือรุ้งระวี คนที่เขาเหนือกว่าเธอทุกด้าน ไม่ว่าความ สามารถหรือจิตใจ”
ทูนอินทร์ออกจากห้องไป กระแทกประตูอย่างแรง ฟ้าใสใสยังก้มหน้า น้ำตาหยดลงที่โต๊ะ เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลพราก มองตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความชิงชัง ฟ้าใสสุดกลั้น กรี๊ดออกมาลั่นห้อง แล้วปัดข้าวของบนโต๊ะ กระเด็นกระจัดกระจาย
กลุ่มหางเครื่องสาวๆสามสี่นาง วิ่งมาหน้าห้อง จะเข้าไป
“พี่ฟ้า เป็นอะไรคะ” สาวถาม
ในห้องฟ้าใสยังอาละวาดปาข้าวของ ปาแจกันมาที่ประตูแตกเปรื้อง สาวๆนอกห้องร้องวี๊ดว้าย แอบนินทาไปด้วย
“องค์ลงอีกแล้วแก ทำไงดี”
“โทรหาเสี่ยดำรงเลยไหม”
“โทรหาหมอพระ มาปัดรังควาญดีกว่า”
เสียงกรี๊ดยังลั่น พร้อมเสียงข้าวของแตกกระจาย จ๊าจ๋าวิ่งมา
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่รู้ว่ะ แกเข้าไปดูเถอะ ชีคลั่งอีกแล้ว”
บรรดาสาวหางเครื่อง มองเข้าไปในห้องอย่างสยองใจ
จ๊ะจ๋าเข้ามาในห้อง ฟ้าใสอารมณ์ลงบ้างแล้ว ทรุดตัวที่พื้นที่เกลื่อนไปด้วยข้าวของ ร้องไห้โฮ จ๊ะ จ๋าเข้าไปประคอง
“พี่ฟ้า เป็นอะไร”
“ฮือ มันด่าพี่ มันดูถูกพี่สารพัด”
“ใคร ใครด่าพี่”
ฟ้าใสสูดลมหายใจเต็มๆ อาการคลั่งค่อยๆทุเลา สีหน้าแค้นขึ้นมาแทน
“ไม่มีอะไร แกไม่ต้องรู้หรอก”
ฟ้าใสลุกขึ้น จ๊ะจ๋าลุกตาม
“นังรุ้งมันออกไปร้องแล้วรึยัง”
“จะถึงคิวนี่ละค่ะ”
ฟ้าใสเขียนอะไรบางอย่างลงในกระดาษ แล้วส่งให้ จ๊ะจ๋าอ่านดูงง ๆ
“เอาไปให้หัวหน้าวง บอกให้ทำตามที่เขียนทุกอย่าง”
“พี่คะ แต่ว่ามันจะดีเหรอ”
ฟ้าใสตวาดลั่น
“ทำตามที่ฉันสั่ง”
จ๊ะจ๋าสะดุ้ง
“ค่ะ ค่ะ พี่”
“เรียกพวกนังแมว นังใฝเข้ามาด้วย”
“ค่ะ”
จ๊ะจ๋าออกจากห้องไป กลุ่มสาวทั้งสี่เข้ามา มองไปรอบห้องอย่างขยาด
“มีอะไรคะพี่ฟ้า”
“ตอนฉันออกไปร้อง พวกแกเต้นอยู่ข้างหลัง ฉันมีงานให้แกทำทุกคน แล้วห้ามพลาดเด็ดขาด”
สาวทั้งสี่มองหน้ากัน ทั้งกลัว ทั้งอยากรู้ว่างานอะไร
หลืบข้างเวที รุ้งระวียืนซึมอยู่ใกล้ทางออกเวที กลุ่มหางเครื่องรอกันอยู่เตรียมออกไปโชว์ มะปราง จี่หอย ช่วยดูแลกลุ่มหางเครื่อง อินทรเตรียมกล้องอยู่ไม่ห่างนัก ทูนอินทร์เข้ามา
“พี่ทูน ตามหาตั้งนานไปอยู่ไหนมา”
“วุ่นวายอยู่แถวๆนี้แหละ รุ้งเป็นยังไง”
“ท่าทางซึมๆยังไงไม่รู้พี่ วันนี้คงเจอหลายเรื่อง หนักๆทั้งนั้น เมื่อกี้เห็นว่าร้องไห้เลยนะ”
ทูนอินทร์มองอย่างเป็นห่วง ตรงเข้าไปหารุ้งระวี ขณะเดียวกัน อินทรและมะปรางเห็นจ๊ะจ๋าวิ่งผ่านออกไป ทางแสตนด์เวทีที่นักดนตรีกำลังเล่นกันอยู่
“พี่ทร ยายจ๊ะจ๋า”
อินทรและมะปรางมองตามไปทางกลุ่มนักดนตรี เห็นจ๊ะจ๋ากำลังยื่นกระดาษให้คนคุมวง พูดอะไรกันบางอย่าง ก่อนที่จะกลับเข้ามา ทั้งคู่มองอย่างสงสัย
ทูนอินทร์เดินเข้าไปหารุ้งระวี ดึงเธอหลบไปหลังม่าน แล้วกอดเธอไว้
“รุ้ง ร้องไห้เรื่องอะไรครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ แค่ตกใจกับเรื่องบางเรื่องเท่านั้น”
“อะไรเหรอครับ”
“ไม่มีอะไร แล้วคุณละคะ หายไปไหนมา”
“ผมออกไปตรวจกล้องที่หน้าเวทีน่ะครับ”
รุ้งระวีฝืนยิ้ม
“ไม่ได้แวะคุยกับใครอยู่นะ”
“เปล่า “
รุ้งระวีเจื่อนไปทันที
“ขอตัวนะคะ ได้เวลาโชว์แล้ว”
รุ้งระวีผละมา ทูนอินทร์ไม่ทันติดใจสงสัย
บนเวที จุ๊บแจงจบเพลงตัวเองด้วยท่วงท่าเซ็กซี่ คนดูปรบมือให้
“และต่อไปนะคะ นักร้องคนนี้เธอเดินทางมาไกล เธอจะมาบอกแฟนเพลงว่า จิ้มแจ่วเมืองไทยน่ะ อร่อยที่สุดในโลกค่า”
คนดูกรี๊ด ไฟสว่างพรึ่บ กะพริบวูบวาบ ต้อนรับหางเครื่องที่ทะยอยกันออกมา ด้านหน้าเวที แสงหล้ามองความอลังการอย่างอิ่มเอม
สาวหางเครื่องเต้นไปตามจังหวะ แล้วแหวกออก รุ้งระวียืนหันหลังให้ คนดูกรี๊ด รุ้งระวีหันมา ไฟฟู่จากด้านหลัง และสองข้างตัว สวยราวเทพธิดา
จบตอนที่ 9
อ่านต่อตอนที่ 10 วันพรุ่งนี้