ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 14
มะปรางจัดหม้อขนมแกงบวดฟักทอง ลงบนถาดหน้าตาเซ็งๆ อินทรและจ๊ะจ๋าเดินเข้ามาพอดี
“อ้าว ปราง มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นานแล้วละ”
“แล้วไม่บอก” จ๊ะจ๋าพูดห้วนๆ
“ไม่อยากขัดจังหวะน่ะ เพราะเห็นแกร้องเพลงกับพี่ทรใหญ่เลย เพลงรักเสียด้วย”
จ๊ะจ๋ายิ้มแย้ม
“คุณทรเรียกฉันมาซ้อมร้องเพลงน่ะ เผื่อฉันจะได้เป็นศิลปินอินดี้ค่าย คุณทรไง”
มะปรางมองอินทรแล้วประชดนิดๆ
“เหรอคะพี่ทร แห .สนับสนุนดีจัง”
อินทรไม่ทันสังเกต
“ครับ เพิ่งรู้ว่านอกจากเสียงเพราะ จ๊ะจ๋ายังเล่นกีตาร์ได้ด้วย อย่างนี้พี่ทูนพี่เมธ รับเป็นศิษย์แน่ๆ”
จ๊ะจ๋ายิ้มพอใจ
“ขอให้เป็นจริงเถอะค่ะ”
อินทรและจ๊ะจ๋ายิ้มให้กัน มะปรางกระแทกชามทั้งสองสะดุ้ง
“อุ๊ย ฟักทองแกงบวด ขอถ้วยนะครับ”
“ขอด้วย กำลังหิวเลย”
อินทรตักใส่ถ้วยสองถ้วย ส่งให้จ๊ะจ๋าถ้วยนึง มะปรางมองหน้าเครียด จ๊ะจ๋ารับถ้วยขนมมายิ้มหวาน
“อุ๊ย ตักเยอะเลย กะทิทั้งนั้น เดี๋ยวอ้วน”
“นิดเดียวเอง” อินทรยิ้มแย้ม
“แหม เดี๋ยวไม่ได้เป็นศิลปินค่ายคุณทรนะ”
“ทำไมครับ”
“ก็อ้วนเกินน่ะซีคะ ไม่รับนักร้องอ้วนๆไม่ใช่เหรอ”
อินทรเขินๆ
“ครับ ไม่อ้วนก็ดีครับ”
ทั้งสองหัวเราะให้กัน มะปรางดึงถ้วยจากมืออินทรและจ๋าทันที ลงวางที่ถาด
“อย่ากินเลย ทำมาให้พี่ทูนกับพี่เมธทาน โทษนะ”
มะปรางยกทั้งถาดหน้าเชิ่ดแยกไป อินทรและจ๊ะจ๋าเอ๋อไปเลย ไม่เข้าใจว่าเธอเป็นอะไร
รุ้งระวีและผกาออกมานอกรั้วบ้าน
“เดินเล่นเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะ เห็นว่ามีตลาดนัดเหรอลูก”
“ค่ะ ไปที่ท้ายหมู่บ้านน่ะค่ะ”
ทั้งสองเดินไปตามฟุตบาธ ผกามองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง กระทั่งถึงสี่แยกของหมู่บ้าน ผกายังมองซ้ายขวาอย่างกังวล
“ไปอีกสองหลังก็ถึงแล้วค่ะแม่”
รุ้งระวีจับมือผกาข้ามถนน จังหวะนั้นเสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มพุ่งมาจากตรอกใกล้ๆ พุ่งมา ทั้งสองหันไปมอง ร่างของนักบิดใส่หมวกกันน็อคปิดหน้าตามิดชิด บิดพุ่งเข้าหาร่างทั้งสอง รุ้งระวีและผการ้องกรี๊ด รุ้งระวีผลักร่างผกาเซไป รถพุ่งเฉี่ยวร่างของรุ้งระวี กระเด็นกลิ้งไปข้างทางนักบิดเบรกรถ แล้วชี้หน้ามาที่ผกา
“มึงยังไม่ใช้เงินเฮีย คราวหน้ามึงตา”
นักบิดบึ่งรถ ยกล้อแล้วทะยานหายไปจากสี่แยก ผกายังตกใจ ไม่นึกว่าคำรณจะจ้างคนมาเล่นแรงขนาดนี้ ตรงไปหารุ้งระวี ที่พยายามยันร่างลุกขึ้น เนื้อตัวมอมแมมไปหมด
“รุ้ง เป็นอะไรรึเปล่าลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยอกนิดหน่อย แล้วแม่ล่ะ”
“แม่ไม่เป็นไรลูก”
“มันเป็นใครคะแม่”
“คนที่บ่อนน่ะลูก มันตามมาขู่แม่หลายครั้งแล้ว เพราะแม่ยังไม่ได้ใช้หนี้มันคราวหน้ามันคงฆ่าแม่แน่ๆ”
ผการ้องไห้ รุ้งระวีดึงแม่มาโอบไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูจะใช้หนี้พวกมันเอง”
“แม่ไม่อยากรบกวนรุ้งเลย”
“ไม่รบกวนหรอกค่ะ รุ้งต้องช่วยแม่อยู่แล้ว”
“โธ่ลูก”
ผกาเข้ากอดรุ้งระวี แล้วแอบยิ้มสะใจ
จี่หอยทำแผลที่เท้าของรุ้งระวี ถามอย่างกังวล
“ทำไมรุ้งไม่แจ้งความ”
“แม่ไม่ให้แจ้งค่ะ เพราะถ้าแจ้ง มันเล่นงานแม่ถึงตาย พี่หอย รุ้งต้องตัดสินใจแล้วละ เรื่องนี้อย่าไปบอกคุณทูนนะ”
“ตัดสินใจเรื่องอะไร”
“รุ้งต้องขอเงินคุณ อิทธิแล้วละค่ะ”
จี่หอยหน้าตื่น
“เงินล้านน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ พี่หอย”
“หมายความว่ารุ้งจะเซ็นสัญญากับคุณ อิทธิต่อ”
รุ้งระวีหน้าสลดลง
“ค่ะ หนึ่งปีจากนี้”
“แล้วเรื่องเข้าค่ายคุณทูนล่ะ”
“รุ้งจะบอกเขาให้รอไปก่อน”
“รุ้ง ถ้าจะบอกก็ให้รีบบอกเลยนะ ไม่ใช่บอกตอนที่เซ็นสัญญากับคุณอิทแล้ว”
“ทำไมละคะ”
“เขาจะหาว่ารุ้งทรยศเขาน่ะซี”
“แต่ถ้าบอกก่อน เขาไม่ยอมให้รุ้งเซ็นสัญญาแน่ๆ”
“บอกตามตรงนะรุ้ง พี่ไม่เห็นด้วยเลย”
“เรื่องแม่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายนะคะ มันอาจจะฆ่าแม่ก็ได้ ถ้ารุ้งใช้หนี้ให้ไม่ทัน รุ้งตัดสินใจแล้วค่ะพี่หอย”
ผกาแอบฟังอยู่ ยิ้มดีใจ
ทูนอินทร์ อินทร เมธ นั่งจ้องจอคอมฯ
“โอ้โฮ นักสืบเราเก่งมาก ค้นข้อมูลยายตัวแสบมาได้ทั้งเยอะขนาดนี้”
เมธมองอย่างพอใจ อินทรอ่านข้อมูล
“ประวัตินางโจรแท้ๆ เลยครับ แต่หน้าตาไม่ค่อยเหมือนนะ พี่ว่าใช่คนเดียวกันไหม”
ทูนอินทร์เขม้นมองในจอเห็นหน้าผกาสมัยที่ยังไม่ได้ทำโทรมๆ แต่งหน้าจัด แต่งตัวเป็นนักร้องผับ จนจำแทบไม่ได้ สี่-ห้ารูปและมีประวัติผกาอีกยาวเหยียด ทูนอินทร์มั่นใจ
“ใช่แน่ๆเพียงแต่ในภาพสาวกว่าตัวจริงสักสิบปี”
เมธครุ่นคิด
“เป็นนักร้องผับของเฮียปอสมัยสาวๆเสียด้วย แล้วใครจ้างมันมาหลอกรุ้งวะเนี่ย”
ทูนอินทร์สงสัย
“นั่นซีครับ”
เมธไม่สบายใจ
“นายรีบจัดการยายนี่โดยด่วนเลย ก่อนที่รุ้งจะเสียรู้ไปมากกว่านี้”
ทูนอินทร์คิดแผน ขณะมองผกาในจอคอมฯ
อิทธิมองรุ้งระวีอย่างปลื้ม
“นี่ครับเช็คเงินสด สั่งจ่ายชื่อคุณแม่คุณเรียบร้อย”
“ขอบคุณค่ะ”
รุ้งระวีจะรับเช็ค
“เดี๋ยวครับผมว่าก่อนรับเช็ค คุณควรจะเซ็นสัญญาใหม่กับผมก่อนดีกว่า”
อิทธิเลื่อนสัญญาฉบับใหม่มาให้ รุ้งระวีอ่านคร่าว ๆ
“แล้วสัญญาฉบับเก่าละคะ”
“ไม่มีผลอะไร นี่สัญญาเลิกการว่าจ้าง เห็นชอบด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผมเซ็นไว้เรียบร้อยแล้ว”
รุ้งระวีรับสัญญามาอ่านอย่างพอใจ แล้วเซ็นสัญญาทั้งสองฉบับ อิทธิยิ้มยินดี
อิทธิโอบรุ้งระวีพาเดินออกมาจากห้องทำงาน คำรณออกมาจากห้องน้ำ รีบหลบมุมแอบฟัง
“รุ้งครับ ผมดีใจจริงๆ ที่รุ้งตัดสินใจเซ็นสัญญาอยู่กับผมต่อ ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่หนึ่งปีก็ตาม”
“แต่คุณก็รู้ไว้ด้วยนะว่าฉันอยู่กับคุณเพราะเงินล้านที่คุณให้ฉัน ไม่ใช่ เพราะฉันอยากอยู่ที่นี่”
“ผมไม่ถือครับ ตราบใดที่รุ้งยังอยู่กับผม ทุกอย่างก็จบ”
รุ้งระวีถอนใจ
“ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยเหลือ ขอตัวค่ะ”
รุ้งระวีแยกไป อิทธิยิ้มกริ่มก่อนกลับเข้าห้องทำงาน คำรณก้าวออกมายิ้มอย่างผู้ชนะ รีบกดมือถือทันที
มือถือดังขึ้น ฟ้าใสที่ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำ รับสาย
“ว่าไงนายคำ”
“คุณฟ้าครับ ทุกอย่างสำเร็จตามแผน ผมกำลังจะได้เงินล้านมาแล้ว”
“นายได้ผลประโยชน์ของนายแล้วฉันล่ะ ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า”
“ใครบอกละครับ งานนี้คุณก็ได้ไม่ใช่น้อยเลย”
“ว่ามา”
ฟ้าใสฟังที่คำรณพูดเริ่มยิ้มออกมา
“ดีมาก งานนี้นายกับฉัน ได้ไปเต็มๆ”
เมธและทูนอินทร์ กำลังพรินท์เอกสารของผกาออกมาเต็มโต๊ะ อินทรนั่งอ่านอย่างละเอียด
“ประวัติขนาดนี้ ดิ้นไม่หลุดแน่”
ขณะเดียวกันนั้น มือถือดังขึ้น ทูนอินทร์รับสาย
“ทูนพูดครับ ใครครับ”
ฟ้าใสกำลังทาครีมทั่วตัว พูดสายไปด้วย
“เมียคุณไงคะ”
ทูนอินทร์ชักสีหน้า
“มีอะไร”
“ห้วนจัง เมียโทรมาไม่ดีใจเลยเหรอ”
“ถ้าไม่เข้าเรื่อง ผมเลิกสาย”
“เอ้า เอ้า เข้าเรื่องก็ได้ มีข่าวจะเล่าให้ฟัง เรื่องชู้รักของคุณน่ะค่ะ”
“ใครชู้รักผม”
“แหม คนที่แย่งคุณไปจากฉันไง แม่รุ้งระวีไงคะ เพิ่งได้ข่าวสดๆ ร้อนๆ ว่านางเพิ่งจะรับเงินล้านจากนายอิทธิ แลกกับ เซ็นสัญญาต่อกับนายอิทธิหนึ่งปี”
ทูนอินทร์ตกใจ
“อะไรนะ เธอไปเอาข่าวนี่มาจากไหน”
“เรื่องในวงการ แม้จะอยู่ในซอกเร้นลึกล้ำแค่ไหน มันก็หลุดรอดมาได้ทั้งนั้นถ้ามันเป็นข่าวฉาวๆ ต้องทำใจแล้วละมัง ที่คุณฝันว่าจะให้นางมาอยู่ในค่ายอินดี้ของคุณ”
“ฉันไม่เชื่อเรื่องที่เธอพูด”
“ลองเช็คข่าวดูละกันนะคะ ถามนางเองตรงๆเลยก็ได้ ถ้านางไม่ยอมรับ แสดงว่านางกำลังหลอกลวงคุณอยู่”
ฟ้าใสแค่นหัวเราะแล้วตัดสาย ทูนอินทร์เครียดทันที อินทร และเมธหันมาฟังอย่างสนใจ
จี่หอยกำลังทานกลางวันอยู่ มือถือดังขึ้น จี่หอยกดรับสาย
“ว่าไงคะคุณทูน”
“พี่หอย รุ้งอยู่ที่ไหนครับ”
“ไปที่ห้างกับแม่ค่ะ มีไรคะ เห็นว่าจะไปแบงค์”
“ห้างอะไรครับ” ทูนอินทร์นิ่งฟัง “พี่หอย เป็นเรื่องจริงรึเปล่าที่รุ้งรับเงินล้านจากนายอิทธิ”
อินทรกับเมธ เข้ามาฟังด้วย
“คุณทูน ไปเอามาจากไหน”
“ผมถามว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่า”
“เออ ค่ะ เป็นเรื่องจริง คุณทราบได้ยังไง”
“พี่หอย บอกรุ้งนะว่าอย่าเพิ่งทำอะไรกับเช็ค แล้วอย่าบอกแม่ด้วย ผมจะไปหารุ้งเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ ค่ะ เดี่ยวค่ะคุณทูน เดี๋ยว”
ทูนอินทร์กดตัดสายแล้วหันไปสั่งอินทร
“ทร เอารถออก”
“ครับพี่”
อินทรออกไป เมธเข้ามาถาม
“ยังไงกันวะทูน”
รุ้งระวีมาเป็นเพื่อนผกาเดินห้างด้วยกัน ผกากระสับกระส่ายอยากได้เช็คเต็มแก่ ขณะเดียวกันนั้นมือถือรุ้งระวีดังขึ้น
“ว่าไงคะพี่หอย”
รุ้งระวีฟังความ แล้วเดินแยกมาจากผกาออกมา
“พี่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรนะ แต่คุณทูนบอกว่าอย่าเพิ่งทำอะไรกับเช็ค แล้วไม่ให้บอกแม่รุ้งด้วย”
“พี่หอย คุณทูนรู้เรื่องเช็คได้ยังไง”
“พี่ก็ไม่รู้ แต่ไม่ได้ออกมาจากปากพี่แน่ๆ รุ้งทำตามที่เขาบอกเถอะ คุณทูนกำลังไปหารุ้งเดี๋ยวนี้ ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแล้วละ”
“ค่ะ”
รุ้งระวีเลิกสาย มองไปที่แม่ ผกาตรงเข้ามาทันที
“รุ้ง แม่ขอเช็คเถอะนะ จะได้ไปทำเรื่องที่แบงค์เลย”
“แม่คะ วันนี้แบงค์เปิดสาย อีกตั้งชั่วโมง เราทานอะไรกันก่อนดีกว่า”
ผกาชักสีหน้า แต่รีบทำยิ้มแย้ม
“ได้จ๊ะ”
ผกาและรุ้งระวีแยกไป คำรณแอบมองอยู่มุมร้านห่างออกไป
“ทำไมยังไม่ได้เช็คอีกวะ”
ผกาและรุ้งระวี ทานเค้กและของหวานกันอยู่ ผกายิ่งอึดอัดกว่าเดิม
“เออ รุ้ง ได้เวลาแบงค์เปิดแล้วละ แม่ขอเช็คเถอะนะ”
รุ้งระวีมองผกา ด้วยความสงสัยวูบหนึ่ง
“เราไปด้วยกันนะ”
“หนูทานต่อเถอะ แม่ไปแป๊บเดียว นะ”
รุ้งระวีลังเลนิดหน่อย
“ค่ะแม่”
รุ้งระวีหยิบเช็คให้ผกา มองกิริยาของแม่อย่างละเอียด ผการับเช็คมาด้วยอาการดีใจ เก็บไว้ในกระเป๋าอย่างลนลาน ยิ้มให้รุ้งระวีด้วยอาการแสยะเล็กๆ รุ้งระวีมองแม่ที่มีอาการผิดไปจากเดิม ผกาลุกจากไป รุ้งระวีมองตาม
ผกาเดินออกมาจากร้าน หยิบมือถือออกมา
“พี่อยู่ไหน”
คำรณอยู่มุมหนึ่ง ห่างจากแบงค์พอควร
“ฉันรอแกอยู่ที่หน้าแบงค์ แบงค์เปิดแล้ว มารึยัง”
“กำลังไป”
“แกขึ้นเงินเสร็จแล้วรีบเผ่นเลย”
“ไม่ให้ฉันอยู่กับนังรุ้งต่อเหรอ จะได้จกเงินจากมันมาอีกไง”
“ไม่ต้องแล้ว มันเสี่ยงเกินไป ประวัติแกมันก็ยาวเป็นหางว่าวเสียด้วย ได้เงินแล้วรีบลงมาที่ชั้นใต้ถุน ฉันรอแกอยู่”
“ค่ะ พี่”
ผกาเลิกสายตรงไปที่แบงค์ คำรณมองอยู่ไกลๆ เห็นผกาจะเข้าประตูแบงค์ คำรณจะตรงไปหาผกาเปิดประตูแบงค์จะเข้าไป
มือของทูนอินทร์ยึดมือผกาไว้แน่น ผกาหันมามอง ทูนอินทร์ดึงผกาออกมาจากแบงค์ คำรณชะงัก รีบถอยกรูดกลับไปที่เดิม ทูนอินทร์และอินทรยืนล้อมผกาไว้
“คุณทูน มีอะไรคะ”
“เอาเช็คมาให้ผม”
ผกาแข็งขืนทันทีเสียงกร้าว
“ทำไม มีปัญหาอะไร”
“เอามาให้ผมเถอะน่า”
“ปล่อยมือฉันนะ”
“ไม่ปล่อย จนกว่าเธอจะเอาเช็คคืนให้ฉัน”
“ไม่ปล่อย ฉันร้องจริงๆนะ”
“ได้เลย ยิ่งดีใหญ่ ฉันจะได้ให้รปภ.ห้างจับเธอส่งโรงพัก”
“ทำไม ฉันทำอะไรผิด”
“ในชื่อแม่แสงหล้า คงไม่ใครสงสัย แต่ถ้าเป็นชื่อนางผกา ศรีสมร คดีเป็นแฟ้มเลย ฉันมีหลักฐานมาครบแล้ว อยากดูไหมล่ะ”
ผกาหน้าซีด รุ้งระวีเดินเข้ามาพอดี
“คุณทูนนี่มันเรื่องอะไร”
“รุ้ง ช่วยแม่ด้วย นายทูนเขากล่าวหาแม่ ปล่อยฉันนะ”
“ปล่อยแม่เดี๋ยวนี้นะ”
ทูนอินทร์ปล่อย ผกาเข้ากอดรุ้งระวี คำรณดูเหตุการณ์ทั้งหมด ด้วยใจระทึก รุ้งระวีมองหน้าทูนอินทร์
“กล่าวหาอะไรแม่ฉันคะ”
“แม่คุณเป็นตัวปลอม ตัวจริงชื่อนางผกา ศรีสมร เป็นอดีตนักร้องในผับของเฮียปอ ปากน้ำ มีคดีทุจริต ฉ้อโกงนับสิบคดี”
ผการีบโวยวาย
“ไม่จริงนะรุ้ง”
“อีกแล้วเหรอคุณทูน นี่คุณยังสงสัยแม่ฉันอีกเหรอ”
“ตอนนี้ไม่สงสัยแล้ว ผมแน่ใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่ปลอม”
“รุ้ง ไปเถอะ อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลย”
ผกาดึงรุ้งระวีจะแยกไป ทูนอินทร์ยึดแขนรุ้งระวีไว้
“รุ้งฟังผมก่อน”
“ไม่ค่ะ ไม่ฟังอะไรแล้วทั้งนั้น แม่ไปค่ะ”
รุ้งระวีดึงผกาแยกไป อินทรกังวล
“พี่ เอาไง”
ทูนอินทร์สุดทนตามไป ดึงแขนรุ้งระวีไว้อีกครั้ง
“รุ้ง นี่ไม่เชื่อกันบ้างเลยเหรอ”
“ไม่เชื่อ คุณกำลังจะทำให้ฉันเกลียดแม่ฉันเองงั้นเหรอ”
“พี่รุ้งครับ นี่ครับ หลักฐานทั้งหมด”
อินทรเปิดแฟ้มเอกสารให้ดู รุ้งระวีหยิบมาดูเห็นรูปผกาสมัยเป็นนักร้องหลายรูป รูปสมัยสาวๆ ใส่ชุดนักเรียน หน้าตาไม่เหมือนแสงหล้าสักนิด ผกาตกใจ พยายามหาทางออก รุ้งระวีนิ่งงันเมื่อเห็นรูป
“แม่คะ นี่รูปแม่จริงรึเปล่า”
ผกาปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่นะลูก พวกมันทำปลอมขึ้นมา ไม่ใช่รูปแม่”
ทูนอินทร์รีบบอก รุ้งระวี
“รุ้ง เอาเช็คคืนมาก่อนดีกว่า หรือไม่ก็ให้นาย อิทธิอายัดเช็คไปเลย”
ผกาไม่ยอมโวยวายลั่น
“รุ้ง นายนี่คิดจะแยกเราจากกัน อย่าปล่อยให้มันทำแบบนี้นะ”
ทูนอินทร์จ้องหน้า
“บอกมา ใครเป็นคนจ้างวานเธอมา”
“จ้างฉัน ไอ้บ้า ใครที่ไหนจะมาจ้างฉัน”
ทูนอินทร์คาดคั้น
“บอกความจริงมา ฉันรู้นะว่ามันเป็นคนที่อยู่ในบริษัทอิทธิซาวนด์ มันเป็นใคร ใครเอาถ้วยรางวัลมาให้เธอใช่ไหม”
ผกาเริ่มตระหนก
“รุ้ง อยู่เฉยทำไม ช่วยแม่หน่อยซี”
รุ้งระวีมองทูนอินทร์และผกา สับสนไปหมดแล้ว
“แม่คะ รูปพวกนี้มันเหมือนแม่มาก”
ผกาโมโหตวาดลั่น
“ก็บอกแล้วว่ามันไม่ใช่รูปจริง อย่าไปดูเลย”
ผกาดึงรูปมาฉีก รุ้งระวีตกใจ
“แม่คะ นี่ไม่ใช่แม่รุ้งสมัยที่ยังสาว แม่ตอนสาวรุ้งจำได้แม่น”
“อ้อ นี่แกเชื่อตามไอ้ทูนมันเหรอ”
“แม่มีคำตอบสำหรับภาพพวกนี้ไหมละคะ”
อินทรเห็นท่าไม่ดีรีบเตือน
“พี่รุ้งครับ เอาเช็คคืนมาก่อนดีกว่า”
ผกาไม่ยอม
“ฉันไม่ให้”
“เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ทำตามที่เขาบอกเถอะค่ะแม่”
ผกาโกรธ
“อ้อ แกจะไม่ให้ฉันใช้หนี้แล้วใช่ไหม”
“แม่คะ ไม่ใช่”
“แกอยากให้ฉันถูกฆ่าตาย ถึงได้หลงเชื่อไอ้เวรสองตัวนี่”
รุ้งระวียืนยัน เสียงกร้าวเช่นกัน
“แม่คะ แม่ต้องพิสูจน์ตัวเอง ขอเช็คคืนค่ะ”
ทันใดนั้นอย่างไม่มีใครคาดคิด ผกาก็ฟาดฝ่ามือเข้าเต็มหน้ารุ้งระวีจนเซไป ผกาวิ่งหนีกระเจิงจากไป อินทรวิ่งตามไป คำรณรีบตามผกาไปทันที ทูนอินทร์เข้าประคองรุ้งระวี
“รุ้ง เป็นยังไงบ้าง”
รุ้งระวีเสียงสั่น ตกใจ
“คุณทูน เธอเป็นใครเธอไม่ใช่แม่ฉัน เธอไม่ใช่แม่ฉัน”
รุ้งระวีร้องไห้โฮออกมา ทูนอินทร์ดึงเธอมากอดไว้
“ไม่เป็นไรนะรุ้ง ไม่เป็นไร ทำใจดีๆไว้”
รุ้งระวีร้องไห้ตัวสั่น
อินทรวิ่งตามผกาออกมาจากห้าง คำรณใส่หมวกกันน็อค ปิดหน้าขับมอเตอร์ไซค์โฉบเข้ามาหาผกา
“ขึ้นมา”
ผกากระโดดขึ้นคร่อมท้าย คำรณขับหนีไป อินทรตามไม่ทัน หอบตัวโยน
อ่านต่อหน้า 2
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 14 (ต่อ)
อิทธินั่งดูเอกสารทั้งหมด รุ้งระวียังนั่งตัวสั่นน้ำตาไหลพราก จี่หอยนั่งข้างๆคอยปลอบ ทูนอินทร์และอินทรนั่งอยู่ไม่ห่าง คมและเดชยืนคุมอยู่ด้วยมุมห้อง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เช็คผมอายัดไปแล้วเรียบร้อย นายได้หลักฐานพวกนี้มาจากไหน”
“ยายผกาเคยเป็นนักร้องอยู่ที่ผับของเฮียปอมาก่อน ผมตามสืบจากที่นั่น”
อิทธินิ่งคิด
“เฮียปอ ปากน้ำงั้นเหรอ แล้ว นายได้เบาะแสมาได้ยังไง”
ทูนอินทร์ยิ้มบางๆ
“เส้นสายผมเยอะ”
“หลักฐานนี่ผมขอเก็บไว้ จะได้ส่งให้ตำรวจประกาศจับนังคนนี้”
“ก็อย่าให้พาดพิงมาถึงรุ้งก็แล้วกัน”
อิทธิมองหน้ารุ้งระวี
“รุ้ง ไม่เป็นไรนะ เรื่องเช็ค ผมจะเซ็นให้คุณใหม่”
รุ้งระวีพยักหน้า อิทธิมองเลยมาทางทูนอินทร์ ที่เจื่อนไปเมื่อได้ยินเรื่องเช็ค อิทธิ ยิ้มหยัน ๆ ใส่ พยักหน้ากับสองสมุน แล้วออกไป คมเดชเข้ามาเก็บรวบรวมเอกสาร จี่หอยถอนใจ
“พี่ว่าแล้ว ยายคนนี้มันแปลกๆ ท่าทางเหมือนไม่เคยเป็นแม่คนมาก่อน”
รุ้งระวีหน้าเศร้า
“รุ้งเสียรู้ไปแล้วค่ะ รุ้งขอโทษทุกคน โดยเฉพาะคุณ คุณทูน”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ เราก็โดนหลอกกันทุกคนนั่นแหละ”
“ปลอมตัวมาแนบเนียนขนาดนี้ ไม่มีใครจับได้หรอกครับ” อินทรบอก
รุ้งระวีหันไปมองหน้าเขา
“คุณทูนคะ แล้วทำไมคุณถึงรู้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง”
คมและเดชหันมามองทันที ทูนอินทร์เห็นสีหน้าทั้งคู่ พยายามเลี่ยงประเด็น
“ผมเดาเอาน่ะ”
คมและเดชออกจากห้องไป พอออกมาพ้นห้อง คมรีบหันไปบอกเดชเสียงเครียด
“เฮ้ย เรียกนายมา”
“ครับพี่”
เดชรีบแยกไป คมแอบฟังอยู่หน้าห้อง
ในห้อง รุ้งระวีกำลังฟังเสียงแสงหล้าจากมือถือของทูนนิ่งงันไป จี่หอยพลอยนิ่งไปด้วย
“นี่เสียงแม่เหรอคะ”
“ผมคิดว่าใช่”
เสียงแสงหล้าคุยโทรศัพท์กับทูนดังมา
“แล้วแม่อยู่ที่ไหน มาแสดงตัวกับรุ้งซีครับ”
“ไม่ได้ มันขู่จะฆ่าฉัน ฆ่ารุ้ง”
“ใคร”
“ฉันบอกไม่ได้ คุณเองก็ห้ามพูดนะว่าฉันโทรมา ถ้ามันรู้เข้า มันทำร้ายรุ้งแน่ๆ”
“พูดเหมือนกับว่า มันเป็นคนใกล้ตัวผมกับรุ้งอย่างนั้น”
“ใช่ คนใกล้ตัวคุณนั่นแหละ มันน่ากลัวมาก”
“บอกมาเถอะครับว่ามันเป็นใคร ผมจัดการกับมันได้”
อิทธิและเดชเดินกลับมาหน้าห้องประชุม คมรออยู่
“มีอะไรกันวะ”
“นายลองฟังดูครับ”
อิทธิแอบมองเข้าห้องประชุม เห็นรุ้งระวีกำลังฟังเสียงบันทึกของแม่ซ้ำ
“เสียงใครวะ”
“นายทูนบอกว่าเสียงแม่ของคุณรุ้งครับ เสียงแม่ตัวจริง”
“แน่ใจนะว่าตัวจริง”
“น่าจะตัวจริง เสียงจริงครับ เพราะโทรมาเตือนเรื่องยายแม่ปลอมนี่แหละ”
อิทธิครุ่นคิด ฟังเสียงแสงหล้าที่รุ้งระวีกดฟังทวนอีกรอบ
รุ้งระวีน้ำตาไหลอาบแก้ม
“นี่เสียงแม่เหรอคะ”
“ใช่ครับ”
จี่หอยสงสัย
“เราจะแน่ใจได้ยังไงคะคุณทูน ว่าไม่ใช่แม่เก๊อีก”
ทูนอินทร์บอกอย่างมั่นใจ
“เรื่องพวงมาลัยของรุ้งไงครับ แม่เอามาให้รุ้งวันเล่นคอนเสิร์ตที่โคราช”
รุ้งระวีแปลกใจ
“นั่นคือแม่แสงของรุ้งนะคะ”
“ครับ นั่นคือแม่แสงหล้าของรุ้ง”
จี่หอยนิ่งคิดสงสัย
“แล้วใครคะที่จ้างวานยายผกามาหลอกเรา เห็นว่าเป็นคนใกล้ตัวด้วย”
อินทรส่ายหน้า
“เรายังไม่ทราบเลยครับ แต่น่าจะอยู่ในบริษัทนี้”
จี่หอยหน้าเครียด
“ลมชัก ถ้าอยู่ในบริษัทนี้ก็มีผู้ต้องสงสัยเป็นสิบ เพราะมีแต่ศัตรูรุ้งทั้งนั้น”
รุ้งระวียิ่งสลดสะอื้นเบาๆ ทูนอินทร์มองอย่างห่วงใย
“รุ้ง ไหวไหม กลับบ้านไปพักก่อนไหม”
รุ้งระวีพยักหน้า ทูนอินทร์ประคองเธอลุกขึ้น อิทธิ คมและเดชรีบผละ
อิทธิเข้ามาในห้องทำงาน คมกับเดชตามเข้ามา
“เฮ้ย แกคิดว่ายังไงกับเสียงนังแม่นั่น”
คมมั่นใจ
“ก็น่าจะจริงนะครับนาย”
เดชไม่เชื่อ
“แต่ผมไม่อยากเชื่อ นายทูนมันอาจจะทำขึ้นมาหลอกคุณรุ้งก็ได้นะครับ”
อิทธิมองหน้า
“เพื่ออะไร”
“อ้าว เพื่อเรียกคะแนนความเป็นพระเอกไงครับ”
อิทธิคิดได้ยิ้มออกมา
“ฉันชอบที่แกคิด”
เดชยิ้มกริ่ม คมเหล่เดชที่ได้หน้า ก่อนจะหันไปถามเจ้านายอย่างสงสัย
“นายจะทำไมเหรอครับ”
“ถ้าเราต่อยอดสิ่งที่ไอ้เดชมันคิด สร้างเรื่องว่าไอ้ทูนสร้างเรื่องขึ้นมา แกว่ารุ้งจะเชื่อไหม”
คมยิ้มออกมา
“ก็ต้องต่อยอดอย่างให้เห็นหลักฐานชัดๆ ผมว่าคุณรุ้งต้องเชื่อแน่นอนครับ”
“งั้นเอาไปเป็นการบ้าน ไปช่วยกันคิด ว่าจะต่อยอดกันยังไงดี เรื่องแม่นี่แหละ ที่จะทำลายความรักของทั้งคู่”
สองสมุนมองหน้ากัน อิทธิยิ้มกริ่ม
ในบ้านเช่าโทรมๆ ผกากระดกเครื่องดื่มเข้าปาก คำรณมองเช็คในมือแล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปาใส่หน้าผกา
“อีโง่เอ๊ย กำลังจะได้เงินล้านอยู่แล้วเชียว ทำไมเอ็งโง่ให้ไอ้ทูนมันจับได้วะ”
“มาโทษฉันได้ไง ใครจะไปรู้ว่ามันไปหาหลักฐานมาเล่นงานฉันได้”
“แกคงหลุดบทจนมันจับได้น่ะซี”
“พอเลยพี่ ไม่ต้องมาโทษกัน เอาเป็นว่าเราจะทำยังไงต่อ”
คำรณวางเงินให้ปึกหนึ่งตรงหน้าผกา
“แกอยู่กรุงเทพไม่ได้แล้ว แกต้องรีบไป”
“ไปไหน”
“ออกไปชายแดนโน่นเลย แล้วห้ามกลับมาอีก”
ผกานับเงิน
“ไปอยู่ชายแดน แล้วให้ฉันหมื่นเดียวเนี่ยนะ นี่น่ะเหรอค่าจ้าง”
“ก็แกทำงานไม่สำเร็จ รีบไปเลย ก่อนที่ตำรวจมาตามมาจับแก แล้วทำให้ฉันพลอยซวยไปด้วย”
“ไม่ไปไหนทั้งนั้นละโว้ย เอามาให้ฉันห้าหมื่น ฉันถึงจะไป”
คำรณมองหน้าผกาไม่พอใจ
“ว่าไง จะให้ไม่ให้”
คำรณเสียงแข็งใส่
“ไม่ให้”
“งั้นฉันก็ไม่ไป จะอยู่ที่นี่แหละ ตำรวจจับก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ซัดทอดว่าแกเป็นคนจ้างวานฉัน”
พูดได้เท่านั้น คำรณตบหน้าฉาดใหญ่ ผกาล้มกลิ้งไปกับพื้น กรีดร้องแล้วเงยหน้าขึ้นมาเลือดกบปาก
“ไอ้สารเลว”
ผกาชักมีดออกมาจากเอว แล้ววิ่งจะกระซวกใส่ คำรณกระโดดหลบแล้วจับข้อมือของเธอบิดอย่างแรงจนมีดตกพื้นแล้วเข้าล็อคคอผกาไว้
“คิดกำแหงกับกูเหรอนังผกา”
“ปล่อยกูนะ”
“เลือกเอา ถ้ามึงไม่หนีไปชายแดน มึงก็ต้องตายอยู่ที่นี่แหละ”
“โอ๊ย! เจ็บ ยอมแล้วพี่ ปล่อยฉันเถอะ”
คำรณผลักผกาลงไปกับพื้นหยิบมีดขึ้นมาขู่
“รีบไปในวันนี้ ถ้าแกยังอยู่ ก็นับถอยหลังได้เลยว่าแกจะได้หายใจได้กี่ชั่วโมง เข้าใจรึเปล่า”
ผการ้องไห้
“เข้าใจแล้ว เข้าใจ”
คำรณจ้องมีดไปตรงหน้า ก่อนจะปามีดปักเข้าผนังแล้วเดินออกจากบ้านเช่าไป ผการ้องไห้ เช็ดเลือดที่กลบปาก
“กูไปแน่ แต่กูไม่ไปตัวเปล่าหรอก มึงคอยดูกูก็แล้วกัน”
ผกามองตามคำรณไปอย่างเคียดแค้น
ค่ำนั้น ขณะที่จ๊ะจ๋ากำลังเกากีตาร์ซ้อมเพลงอยู่ห้องนั่งเล่น เมธ อินทรและมะปรางคุยกระซิบกันอยู่ เมธหันมาถามอินทร
“มันหนีไปเลยเหรอ แล้วมันสารภาพรึเปล่าว่าใครจ้างมันมา”
“ไม่ยอมพูดครับ มันหนีไปเสียก่อน”
“บอกแต่แรกแล้วว่าให้พาตำรวจไปด้วย นายทูนเขาว่าจะจัดการเอง”
มะปรางแค้นๆ
“น่ากลัวจริงๆ เลยค่ะพวกสิบแปดมงกุฏเนี่ย ปรางกับพี่หอยสงสัยอยู่หลายครั้ง สังเกตท่าทางที่ยายนี่ตอนลืมตัว ท่าทางถ่อยเอามากๆ”
เมธมองไปทางจ๊ะจ๋า
“เรื่องนี้อย่าให้หลุดไปที่ยายจ๊ะจ๋านะ เดี๋ยวจะไปถึงหูยายฟ้าใสแล้วจะเป็นเรื่อง”
“รับรองครับ”
เมธแยกไป มะปรางมอง จ๊ะจ๋าแล้วมองอินทรอย่างหมั่นไส้
“พูดอะไรก็ไม่สะดวกเลยเนอะ เพราะยายจ๊ะจ๋ามาซ้อมเพลงเกือบทุกวันนี่แหละ”
“อ้าว...ไม่ดีหรอกเหรอ ปรางจะได้แวะมาเป็นเพื่อนทุกวันเหมือนกันไงสนุกดีออก”
“ไม่เห็นสนุกตรงไหนเลย อีกหน่อยก็คงจะไม่มาแล้วละ”
“ทำไมล่ะ”
“อ้าว พี่ทรจะได้สอนยาย จ๊ะจ๋า ได้เต็มที่ไง ไม่ต้องมีปรางมารบกวน”
“ไม่เห็นรบกวนตรงไหนเลย ปรางอยู่ก็ยิ่งดี จะได้ทำขนมอร่อยๆให้พี่ทาน”
“ปรางก็คงสำคัญแค่เป็นคนทำขนมเท่านั้นละนะ”
มะปรางแยกไปหาจ๊ะจ๋า คิดแผนบางอย่าง อินทรบ่นอย่างไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรของเขา”
มะปรางเดินไปบอกจ๊ะจ๋า
“จ๊ะจ๋า ฉันจะกลับแล้วนะ ค่ำแล้ว”
“อ้าว เหรอ”
อินทรเดินมาหา
“งั้นผมไปส่งมะปรางก่อนนะครับ”
“อุ๊ย ไม่ต้องค่ะ ปรางกลับเองได้ สอนจ๊ะจ๋าต่อไปเถอะนะคะ”
“ไม่ได้ครับ ยังไงก็ต้องไปส่ง”
“ถ้าอย่างนั้น จ๋าติดรถกลับด้วยเลยก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยมาเรียนใหม่”
“ได้ครับ”
มะปรางแอบยิ้มสะใจเล็กๆ
รุ้งระวียังนั่งซึมอยู่บนเตียง ทูนอินทร์เข้ามาในห้อง
“เป็นยังไงบ้างรุ้ง”
“ยังมึนอยู่เลยค่ะ คิดวนเวียนไปหมด”
“อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยครับ นอนพักเถอะ”
“ขอโทษที่ฉันไม่เชื่อคุณ คงเพราะฉันกลัวจะเสียแม่ไป กลัวว่าจะต้องจากแม่อีกครั้ง ฉันถึงเชื่อผู้หญิงคนนั้นทุกอย่าง ฉันมันโง่สิ้นดี”
ทูนอินทร์ดึงเธอมากอด
“ไม่หรอกครับ ความรักที่มีให้แม่ไม่ใช่เรื่องโง่ รุ้งมองทุกอย่างในแง่ดีซีครับ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าแม่แสงหล้ายังอยู่ แล้วเฝ้าดูรุ้งอยู่ด้วย เราจะต้องตามหาตัวท่านให้เจอ ท่านคงอยู่ไม่ไกลจากเรานี่แหละ”
รุ้งระวียิ้มออกมาได้
“จริงซี แม่เฝ้ามองฉันอยู่ แม่อยู่กับฉันตลอด”
“รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ แต่ทูนคะ ฉันจะทำยังไงเรื่องสัญญากับนายอิทธิ”
ทูนอินทร์นิ่งไป
ฟ้าใสเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำ แล้วบีบครีมอาบน้ำลงไปตีเป็นฟอง ขณะเดียวกันนั้นเสียงมือถือดังขึ้น เธอออกมารับสายเห็นเบอร์ไม่คุ้น
“ใครคะ ไม่สนนะถ้าจะมาขายของ แล้วไม่ต้องอ้างว่าเป็นแฟนคลับด้วย”
ผกายืนอยู่ในความมืดหน้าคอนโดของฟ้าใส พูดเสียงเครียด
“ฉันไม่ใช่แฟนคลับ ฉันชื่อผกา คนของไอ้คำรณ”
ฟ้าใสรู้ทันที แต่แกล้งไม่รู้
“ผกาไหน ไม่รู้จัก”
“ผกาคนที่เธอออกทุนให้ฉันมารับบทแม่นังรุ้งไง อย่ามาทำเป็นลืม”
“โทรมาหาฉันทำไม”
“มีเรื่องต้องคุย พาฉันขึ้นไปคุยบนห้องเดี๋ยวนี้”
“เก่งนะ มาออกคำสั่งฉันเนี่ย ฉันไม่รับรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แกไปคุยกับนายคำรณมันเอง”
“ไม่ได้ ฉันต้องคุยกับเธอ”
“เอ๊ะนังนี่ฉันไม่คุย”
ผกาตวาด
“อย่าวางหูนะโว้ย”
ฟ้าใสชะงัก
“ถ้าแกวางหู ฉันจะโทรบอกนังรุ้งกับไอ้ทูนเดี๋ยวนี้ ว่าแกกับไอ้คำรณจ้างวานฉันมา อยากเอาชื่อเสียงนักร้องเบอร์หนึ่งของแกมาแลกก็ตามใจ”
ฟ้าใสอึ้งไป
คำรณหน้าเครียดอยู่ในห้องครัวของบ้านจวงใจ กินข้าวไม่ลงปัดจานออก ทันใดนั้นมือถือดังขึ้น คำรณสงสัยเมื่อเห็นเบอร์ฟ้าใส
“ว่าไงครับ คุณฟ้าใส”
“นายคำ นังผกามันมาหาฉันที่คอนโด”
คำรณขบกรามแน่น ความโกรธพลุ่งพล่าน
“ไปหาคุณที่คอนโดเหรอ”
“มันรออยู่ข้างล่างตอนนี้ มันเล่าหมดแล้วว่างานล้มเหลว ไอ้ทูนมันจับได้ว่ามันเป็นตัวปลอม”
“แล้วมันไปหาคุณทำไม”
“มันมาขอเงินฉันสองแสนบาท ถ้าไม่ให้ มันจะแฉเราทั้งสองคน”
คำรณยิ่งแค้น
“ฉันไม่ให้เงินมันหรอกนะ แล้วฉันก็จะไม่ให้มันขึ้นมาบนห้องฉันด้วย นายปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับฉันได้ยังไง”
คำรณตาวาวเหี้ยมคิดแผนชั่วร้าย
“ผมขอโทษครับคุณฟ้า รับรองว่ามันจะไม่กวนคุณอีก”
“จัดการพามันไปไกลๆเลย”
“แต่คุณฟ้าครับผมขอร้อง พามันขึ้นไปกบดานบนห้องคุณก่อน เดี๋ยวผมจะไปรับมันเอง”
“บ้าเหรอฉันไม่ให้มันขึ้นมาบนห้องฉันหรอก”
“จำเป็นครับ ไม่งั้นมันแฉเราจริงๆ นังนี่มันยิ่งบ้าดีเดือดอยู่ด้วย”
“เฮ้อ ฉันไม่น่าไว้ใจคนอย่างนายเลย ก็ได้ นายรีบมาด่วนเลยนะ”
“ครับ แต่อย่าบอกนะว่าผมจะไปพบมัน แล้วตอนพามันขึ้นไปบนห้อง อย่าให้ใครเห็นนะครับ”
“ได้”
“ดีครับ”
คำรณเลิกสาย จิ้มส้อมปักลงบนโต๊ะอย่างแค้นเคืองก่อนลุกไป
ฟ้าใสพาผกาที่สวมแว่นดำปิดหน้า ขึ้นบันไดหนีไฟที่ไร้ผู้คน แล้วเปิดประตูเข้าด้านหลังห้อง
“รีบเข้าไป ตรงนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด”
ผการีบเข้าประตูไป ฟ้าใสตามมากลางห้อง ผกาตามเข้ามา ถอดแว่นออกหน้ายังมีรอยฟกช้ำ มองกวาดไปทั่วห้องสำรวจความหรูหรา
“ตอนนี้ฉันไม่มีเงินสดหรอกนะ แกต้องรอพรุ่งนี้”
“ฉันไม่รอหรอก ถึงไม่มีเงินสด เครื่องเพชรแกก็น่าจะมี”
ฟ้าใสหน้าตื่น
“อะไรนะ”
ผกาหยิบปืนพกเล็กออกมาจ่อที่ฟ้าใส
“เครื่องเพชรแก ไปเปิดตู้เซฟให้ฉันเดี๋ยวนี้ เร็ว”
ฟ้าใสตะลึงนิ่ง
ทูนอินทร์เดินออกมาที่เฉลียงห้องนอนทอดถอนใจ รุ้งระวีตามมาแล้วกอดหลังเขาไว้
“โกรธฉันใช่ไหม ที่ฉันเซ็นสัญญากับนาย อิทธิ”
“ไม่ได้โกรธที่คุณตัดสินใจอย่างนั้น ผมเข้าใจว่าคุณทำเพื่อแม่ แต่เสียใจที่คุณไม่ปรึกษาผมก่อนเลย”
“ฉันกลัวว่าคุณจะห้ามฉัน”
ทูนอินทร์หันมา
“ใช่ ผมต้องห้ามคุณแน่ๆ”
“นี่ไงคะ แล้วฉันจะช่วยแม่ได้ยังไง มันเป็นเงินล้านนะ”
“รุ้ง นึกเหรอว่าเงินแค่ล้านเดียว ผมจะช่วยคุณไม่ได้ สิบล้านหรือร้อยล้านผมให้คุณได้ทั้งนั้น”
“รู้ค่ะ รู้ว่าคุณช่วยฉันได้และยินดีช่วย ยิ่งคุณเต็มใจช่วยมากเท่าไหร่ ฉันก็รู้สึกผิดมากเท่านั้นที่จะต้องรบกวนคุณ”
“พูดเหมือนเราไม่ใช่คนรักกัน ทุกอย่างที่เป็นของผม มันคือของคุณ”
รุ้งระวีน้ำตาไหล
“ฉันขอโทษ”
ทูนอินทร์ดึงเธอมากอดไว้
“ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง เรื่องนายอิทธิไม่ต้องห่วง เราจะเข้าไปเจรจากับเขาเอง ยังไงถือว่าเงินล้านเขาก็ยังไม่ได้จ่ายรุ้ง เราจะเลิกสัญญาให้หมด”
รุ้งระวีมองเขาด้วยสายตามีความหวัง
“ช่วยฉันนะคะ”
“ครับ ผมช่วยคุณทุกเรื่องอยู่แล้ว”
“รวมทั้งเรื่องแม่ด้วย เราจะตามท่านให้เจอนะคะ”
“ครับ ผมจะตามท่านให้เจอให้ได้ ผมสัญญา ไปนอนเถอะ”
ทูนอินทร์ประคองกลับไปที่เตียง เธอลงนอนอย่างสบาย ทูนอินทร์ดึงผ้าห่มมาคลุมให้ ทั้งสองสบสายตากันนิ่งนาน ก่อนที่เขาจะจูบเบาๆ ที่หน้าผากแล้วจะลุกไป
“อย่าเพิ่งไปค่ะ”
หญิงสาวดึงเขาให้ลงนอนตาม แล้วซบหน้ากับอกกอดเขาไว้แน่น ทูนอินทร์ยอมตามจนเธอหลับไปกับอกของเขา
(อ่านต่อ หน้า 3)
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 14 (ต่อ)
ผกาหยิบกล่องเครื่องเพชร ที่วางอยู่บนเตียงมาดูตาลุกวาว
“ฮ่ะฮ่ะ ได้มากกว่าที่คิดเสียอีก เก็บใส่ถุงทั้งหมด”
“นี่แกจะเอาไปทั้งหมดเลยเหรอ แกกำลังปล้นฉันนะ”
“ก็ใช่ ฉันกำลังปล้น เพราะหนีไปอยู่ชายแดนทั้งที ฉันก็ต้องตั้งตัวได้ ไม่ใช่ไปอย่างอีกระจอกงอกง่อย เก็บใส่ถุง”
ผกาจ่อปืน ฟ้าใสรีบเก็บเครื่องเพชรเข้าถุง
“ขอบใจมาก ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะนังนักร้อง”
ผกาออกจากห้องนอน แล้วตรงไปยังประตูทางหนีไฟ ฟ้าใสตามมา ผกาเปิดประตูออกแล้วผงะเพราะร่างคำรณยืนอยู่ เธอถอยหลังกลับมาในห้อง
“ไอ้คำ”
ผกายกปืนจะยิง คำรณปัดปืนอย่างแรง ปืนกระเด็นไป คำรณชกเข้าเต็มหน้า ผกาล้มหงายไปกับพื้น ถุงเครื่องเพชรตกพื้น ผกาจะโผมาที่ปืน ฟ้าใสเตะปืนกระเด็นไป คำรณกระชากร่างของผกาลุกขึ้นมา
“ปล่อยนะโว้ย”
“อีเลว เตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่าเล่นตุกติกกับข้า”
“เอ็งโกงข้าก่อนนะไอ้คำ จะให้ข้าอยู่ชายแดนด้วยเงินหมื่น คิดหมาๆ”
“แกต้องไป ถ้าแกถูกจับได้ แกก็ต้องถูกซักฟอก”
“มันก็ต้องอย่างนั้น ข้าไม่ยอมรับผิดคนเดียวหรอก ข้าจะแฉให้หมดว่าเอ็งคือพ่อเลี้ยงของนังรุ้ง แล้วนังนักร้องนี่” ผกาชี้หน้าฟ้าใส “ก็ร่วมมือกับแกจะทำลายอาชีพนังรุ้งมัน”
คำรณหน้าเหี้ยม
“ได้ ฉันจะช่วยให้แกแฉทั้งหมด แต่ไม่ใช่โลกนี้นะ ไปแฉในนรกได้เลย”
คำรณบีบคอ ผกาพยายามปัดป้องตาเหลือกลาน ฟ้าใสรีบห้าม
“พอแล้ว นายคำ พอ ปล่อย”
ฟ้าใสเข้ามาดึงแขนคำรณ
“อย่ามาฆ่ากันตายในห้องฉัน อยากฆ่าไปฆ่ากันที่อื่น”
ฟ้าใสกัดที่แขนของคำรณ
“โอ๊ย!”
คำรณปล่อย ผกาไอแครก แล้ววิ่งเซซังไปที่ห้องน้ำ คำรณรีบตามไป ผกาจะดันประตูปิด คำรณถีบประตูเข้ามาอย่างแรง ผกาล้มไปข้างอ่างมีน้ำอยู่เต็ม ฟองสบู่จากครีมยังลอยวน คำรณก้าวเข้ามา ผกาตื่นกลัว
“อย่า อย่าทำอะไรฉันนะ พี่คำ อย่า”
“แกหมดทางต่อรองแล้วนังผกา แกทำตัวเองแท้ๆ”
ผกายกมือไหว้
“ไหว้ละ อย่าทำอะไรฉัน”
คำรณกระชากร่างผกาที่ยังไหว้อยู่ลุกขึ้นมา แล้วผลักโครมลงไปในอ่างน้ำ ผกาดิ้นสุดแรง คำรณกดร่างผกาลงน้ำ ฟ้าใสวิ่งเข้ามา
“นี่ แกจะบ้าเหรอ ปล่อยมัน”
คำผลักฟ้าใสล้มไปกับพื้น เธอไม่ยอมยังถลามาดึงแขนของเขา
“แกฆ่ามันไม่ได้นะ”
“ปัทโธ่”
คำรณใช้ศอกกระทุ้งร่างฟ้าใสล้มไปอีกครั้ง แล้วหันมากดผกาที่ยังดิ้นพราดอยู่ในอ่างน้ำ ฟ้าใสร้องไห้ด้วยความตกใจเซซังออกมาจากห้อง เสียงน้ำแตกกระจายเสียงดิ้นยังดังออกมา ฟ้าใสออกมาจากห้องน้ำ ยืนพิงขอบประตู
ผกาดิ้นมีฟองสบู่คลุมอยู่ คำรณหน้าเหี้ยมเกรียมยังกดร่างของเธอไว้ในน้ำ ผกาค่อยๆ หมดเรี่ยวแรงแน่นิ่งไปฟองน้ำผุดขึ้นเหนือน้ำจนค่อยๆ หมดไป คำรณปล่อยร่างผกาหอบหายใจ ฟ้าใสยืนพิงประตูแล้วค่อยๆ หันไปมองในห้องน้ำภาพที่เธอเห็นคือ มือของผกาที่ยังห้อยพ้นขอบอ่างมา ฟ้าใสรู้แล้วว่าผกาเสียชีวิตแล้ว คำรณนั่งอยู่ที่โถชักโครก เนื้อตัวเปียกปอน หันมามองฟ้าใสด้วยสายตาฆาตกร ฟ้าใสจะอาเจียนออกมาทันที ผลุนผลันไปอาเจียนที่อ่างล้างจาน คำรณตามออกมา ฟ้าใสเช็ดปาก ร่างยังสั่นเทา
“แก แกฆ่ามันทำไม”
“จำเป็น ไม่งั้นมันก็จะแฉเราทั้งคู่”
“เอาเงินปิดปากมันซะ มันก็ไม่พูดแล้ว”
“เงินเท่าไหร่ก็อุดปากมันไม่ได้หรอก เดี๋ยวมันก็มารีดไถจากคุณอีกฆ่ามันนี่แหละ ทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”
“แต่แกฆ่ามันในห้องฉัน ฉันจะทำยังไง”
“อย่าเพิ่งกลัวเกินเหตุซีครับคุณฟ้า แค่ช่วยกันกำจัดศพ ทุกอย่างก็เรียบร้อย”
ฟ้าใสหน้าตื่นตกใจ
“อะไรนะ ช่วยกันเหรอ ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางร่วมมือกับแก”
คำรณจ้องหน้า
“ไม่ช่วย ผมก็จะปล่อยศพไว้ในห้องนี้”
ฟ้าใสตะลึง
“จะบ้าเหรอ”
“เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว คุณต้องช่วยผม เอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ๆ มา แล้วคุณจะต้องขับรถไปนอกเมือง เราจะจัดการทำลายนังผกาไม่ให้เหลือ แม้แต่กระดูก”
ฟ้าใสยิ่งสะท้านพูดไม่ออก คำรณแยกไป
อินทรขับรถมาตามถนน โดยมีมะปรางนั่งข้างๆ จ๊ะจ๋านั่งตอนหลัง
“คุณทรคะ มาทางนี้ จ๊ะจ๋าไม่กลับบ้านแล้วละ”
อินทรแปลกใจ
“อ้าว แล้วจะไปไหนละครับ”
“แวะคอนโดพี่ฟ้าใสก่อนค่ะ”
มะปรางหันขวับไปถาม
“แวะทำไม”
“ลืมไปว่าต้องไปเอาชุดพี่ฟ้าไปซักแห้ง นะคะ ส่งจ๋าที่นั่นแหละ”
“ได้ครับ”
มะปรางเริ่มหงุดหงิด
ฟ้าใสเดินนำออกมาจากห้อง คำรณใส่แว่นอำพรางใบหน้า ใส่หมวกลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมาจากห้องตรงมาที่ลิฟท์
“โชคดีนะที่ไม่ค่อยมีคน”
ประตูลิฟท์เปิดออกทั้งสองเข้าไปในลิฟท์ ฟ้าใสหายใจไม่ทั่วท้อง
ฟ้าใสออกมาส่วนล็อบบี้ เห็นเจ้าหน้าที่ยืนคุยอยู่กับรปภ.ประจำตึก คำรณเข็นกระเป๋าออกมาฟ้าใสรีบพาออกประตูด้านหลัง ไปยังลานจอดรถตรงไปที่รถแวนคันใหญ่ ฟ้าใสรีบเปิดกระโปรงหลัง คำรณยกกระเป๋าเดินทางอย่างลำบาก
“ช่วยหน่อยครับ”
ฟ้าใสช่วยยกอย่างทุลักทุเล ไม่ทันสังเกตว่าซิบที่รูดไว้ด้านข้าง กำลังเลื่อนออก เพราะแรงดันของร่างผกาจากภายในทั้งสองช่วยกันแบกจนกระเป๋าขึ้นไปวางบนรถได้ แต่แล้วมือของผกาที่เริ่มแข็งทื่อพรวดออกมาตรงหน้าฟ้าใสพอดี
“กรี๊ด!”
กระเป๋าตกลงมาที่พื้นอีกครั้ง คำรณตะครุบปากฟ้าใสทันที
“อย่าร้องซี เดี๋ยวก็แห่ลงมาทั้งคอนโด”
ฟ้าพยักหน้า คำรณลงนั่ง ยัดมือของผกากลับลงไปในกระเป๋าแล้วพยายามรูดซิบปิด แต่เหมือนจะติดขัด เห็นนิ้วมือโผล่ออกมา
“ช่วยยกซีครับ”
“เดี๋ยว ฉันจะอ้วก”
ฟ้าใสสูดลมหายใจ พยายามควบคุมสติ แล้วช่วยยกกระเป๋าอีกครั้ง คราวนี้แบกมาวางบนรถได้ ทันใดนั้นเสียงจ๊ะจ๋าดังจากเบื้องหลังทั้งคู่
“พี่ฟ้า ทำอะไรคะ”
ฟ้าใสสะดุ้ง
“ว้าย!”
ฟ้าใสหันขวับมาเห็นจ๊ะจ๋ายืนยิ้มอยู่ คำรณไม่หัน รีบดึงหมวกมาปิดหน้าทันที จ๊ะจ๋ายืนยิ้มกับฟ้าใส อินทรจอดรถอยู่ห่าง ๆไขกระจกมองมาจากตัวรถ ฟ้าใสสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
อินทรและมะปรางที่อยู่ในรถ มองไปยังรถฟ้าใส คำรณยังหันหลังให้ เห็นแค่เสี้ยวหน้า อินทรมองอย่างสงสัย
“ปรางนั่นนายคำ คนรถของเจ๊จวงรึเปล่า”
“คล้ายๆพี่ แล้วมาทำอะไรกับยายฟ้าใส”
“นั่นซี”
ทั้งสองยังไม่ออกรถเขม้นมองอยู่ ขณะเดียวกัน คำรณพยายามหันหลังให้จ๊ะจ๋า รีบแบกกระเป๋าขึ้นรถอย่างทุลักทุเล ฟ้าใสหันไปหาจ๊ะจ๋า
“มาทำไมยายจ๋า”
“จ๋าจะมาเอาชุดพี่ฟ้าไปซักไงคะ”
คำรณแบกกระเป๋าขึ้นรถได้ แต่แล้วซิบเปิดอีกครั้ง มือของผกาโผล่ออกมาทั้งมือ คำรณรีบเอาตัวบังและเอาผ้ามาคลุม
“วันนี้ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไม่อยู่แล้ว”
จ๊ะจ๋าแปลกใจ
“ไปไหนเหรอคะ”
“ไม่ต้องถาม ไม่ใช่เรื่อง”
“แล้วชุด...”
“มาเอาวันอื่น กลับไปได้แล้ว”
จ๊ะจ๋ายังงงๆ ฟ้าใสรีบไล่เสียงเข้ม
“บอกให้ไปก็ไปซี้”
“ค่ะ ค่ะ”
จ๊ะจ๋ามองคำรณอย่างสงสัยก่อนจะเดินไปที่รถอินทร ฟ้าใสหันไปคำรณกำลังยัดมือศพลงกระเป๋าก็มองอย่างสยองขวัญ เธอมองไปที่รถที่จอดอยู่แล้วกำชับคำรณ
“นายอย่าหันมานะ ในรถนั่นน่ะ น่าจะเป็นนายอินทร”
“ขึ้นรถดีกว่าครับ ผมขับให้”
ทั้งสองปิดกระโปรงหลัง แล้วหลบเข้ารถ
จ๊ะจ๋ากลับมาที่รถ ยิ้มให้ทั้งสองคน
“ขอบคุณค่ะที่ยังไม่ออกรถ”
“รออยู่น่ะครับ”
มะปรางแปลกใจ
“แล้วไม่ขึ้นไปเอาชุดหรอกหรือ”
“พี่ฟ้าให้มาเอาวันหลัง งั้น แวะไปส่งจ๋าก่อนนะคะ”
ทั้งสามมองรถฟ้าใสที่กำลังแล่นออกไปอย่างเร็ว อินทรและมะปรางมองตาม คำรณพยายามดึงหมวกมาปิดหน้า อินทรหันไปถาม
“จ๋า ผู้ชายที่ขับรถนั่นใครน่ะ”
“ไม่รู้จักค่ะ ทำไมเหรอ”
มะปรางมองอย่างคุ้นๆ
“ท่าทางคล้ายๆนายคำรณ คนขับรถของเจ๊จวงน่ะ”
จ๊ะจ๋าแปลกใจ
“เหรอ เอ ขับรถให้เจ๊จวง แล้วมาขับให้พี่ฟ้าใสทำไมล่ะ”
“หรืออาจจะไม่ใช่คะพี่ทร”
“นั่นซี เราอาจจะดูผิดไปก็ได้”
อินทรออกรถ
คำรณขับรถมาที่ป่าช้าร้าง เขาลงมือขุดหลุมลึก ฟ้าใสกอดตัวเองมองไปรอบๆ อย่างหวั่นใจ ร่างของผกานอนอยู่ในกระเป๋ามือเท้ายื่นออกมา ฟ้าใสหวาดๆ
“แน่ใจนะว่าแถวนี้ไม่มีใครรู้เห็น”
“ไม่ต้องห่วงครับ ที่เปลี่ยวขนาดนี้ อีกอย่าง ผมฝังที่นี่มาหลายศพแล้ว”
ฟ้าใสสะท้านเฮือก คำรณกระโดดขึ้นมาจากหลุม ตรงมาที่ร่างของผกา
“ช่วยกันหน่อยครับ”
“ไม่ ฉันไม่แตะศพหรอก”
“ผมยกคนเดียวไม่ไหว”
คำรณยกร่างผกาขึ้น ฟ้าใสจำใจต้องเข้าช่วย ทั้งสองโยนร่างของผกาลงไปในหลุม ฟ้าใสมองลงไป แล้วสะท้านเฮือกเพราะร่างของผกานอนหงาย ตาเบิ่งค้างจ้องตรงมาที่เธอ
“กรี๊ด! นายคำ มันยังไม่ตาย มันจ้องหน้าฉัน”
คำรณเข้ามาปิดปาก
“หยุดร้อง เดี๋ยวชาวบ้านก็แห่มาเท่านั้น ตั้งสติหน่อยซีคุณ”
ฟ้าใสพยักหน้า คำรณปล่อยปาก แล้วมองลงไป
“มันตายแล้วครับ แต่ตามันค้างเท่านั้นเอง”
ฟ้าใสมองตามไป ผกายังจ้องตรงมาเธอเบือนหน้าหนี
“คุณไปนั่งที่รถเถอะ”
ฟ้าใสรีบกลับไปนั่งที่รถ คำรณเริ่มโกยดินฝังร่างผกาที่ยังจ้องมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
วันรุ่งขึ้น ทูนอินทร์และรุ้งระวีนั่งอยู่ต่อหน้าอิทธิ
“รุ้งต้องการเลิกสัญญาที่เพิ่งเซ็นไปกับคุณ” รุ้งระวีบอกจุดประสงค์ที่มา
“พูดง่ายนะ เลิกไม่ได้หรอกครับ รุ้งเซ็นสัญญาไปแล้ว” อิทธิบอกทันที
“เช็คคุณอายัดไปแล้ว คุณไม่ได้จ่ายให้รุ้ง ถือว่าสัญญาไม่มีผล” ทูลอินทร์แย้ง
“ผมยินดีเซ็นเช็คให้ใหม่เดี๋ยวนี้เลย”
อิทธิหยิบสมุดเช็คออกมา รุ้งระวีพูดขึ้น
“ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ต้องการเงินของคุณแล้ว”
อิทธิมองหน้า
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็ต้องจ่ายให้คุณอยู่ดี”
ทูนอินทร์ไม่พอใจ
“หมายความว่า คุณจะไม่เลิกสัญญา”
อิทธิยิ้มอย่างเหนือกว่า
“แน่นอนอยู่แล้ว”
รุ้งระวีและทูนอินทร์มองหน้ากัน ทูนอินทร์ชักฉุน
“หมายความว่าคุณยอมเสี่ยงกับคลิปฉาว ที่ผมจะเผยแพร่ให้สื่อทุกสื่อได้ดูงั้นเหรอ”
อิทธิยิ้มรับ
“คิดแล้วว่าต้องใช้ไม้นี้มาขู่กัน เปิดเผยไปเลย ผมยินดี”
ทูนอินทร์งง
“กล้าเอาชื่อเสียงคุณมาเสี่ยงเหรอ”
“กล้าอยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้เสี่ยงคนเดียว ยังมีชื่อเสียงของรุ้งที่ต้องเสี่ยงไปพร้อมๆ กับผมด้วย”
รุ้งระวีมองอิทธิอย่างสงสัย
“คุณพูดอะไร”
“ก็ถ้าแฉเรื่องคลิปฉาว ผมก็จะเอาข้อมูลเรื่องยายผกา แม่ปลอมออกมาแฉกับสื่อเหมือนกัน”
รุ้งระวีเจื่อนทันที ทูนอินทร์ไม่เห็นว่าจะเป็นข้อต่อรองอะไรได้
“ก็แฉไปซี เรื่องนี้ไม่ทำให้รุ้งเสียหายอยู่แล้ว”
อิทธิยิ้มหยัน
“งั้นเหรอ แล้วถ้าข่าวถูกบิดเบือนไปทำนองว่า ยายผกาคือแม่ตัวจริง ที่ปัจจุบันเป็นสิบแปดมงกุฎล่ะ ยังไม่นับที่ขายตัวสมัยสาวๆด้วยนะ ที่กลับมาหารุ้งระวีเพื่อปอกลอกเงินนับล้านๆ แล้วก็ทำสำเร็จเสียด้วย”
รุ้งระวีตกใจ
“คุณออกข่าวอย่างนั้นไม่ได้นะคุณอิทธิ คุณกำลังทำลายแม่ฉัน”
อิทธิเบ้หน้าไม่แคร์
“ช่วยไม่ได้ ทางคุณขู่ผมก่อน ผมจำเป็นต้องทำ เอาเลย กล้าแฉก็ทำเลย ต่างคนต่างแฉ รับรองงานนี้สนุกกันทั้งสองฝ่าย”
“ไอ้ทุเรศ”
ทูนอินทร์โกรธมากเข้าไปกระชากคอเสื้อของอิทธิ แล้วชกโครม อิทธิล้มไป รุ้งระวีกรีดร้อง อิทธิตะโกนเรียกลูกน้อง
“ไอ้คม ไอ้เดช”
ทูนอินทร์จะเข้าซ้ำ ทันใดนั้นประตูเปิดผางเข้ามา คมกับเดชยันร่างทูนกระเด็นไป อิทธิตวาดลั่น
“สั่งสอนมัน”
เดชเข้าล็อกร่างทูนอินทร์ คมชกหน้าสองสามหมัด รุ้งระวีเข้าห้าม
“อย่านะ หยุด อย่าทำอะไรเขา”
อิทธิจับร่างรุ้งระวีไว้ คมชกจนทูนอินทร์เลือดกลบปาก คมกระชากผมจนหน้าหงาย อิทธิดันรุ้งระวีเซไป แล้วเข้ามาหาทูนอินทร์
“จำไว้ แกจะมาข่มขู่ฉันอย่างแต่ก่อนไม่ได้ จากนี้ไปอีกหนึ่งปี รุ้งเป็นของฉัน แกไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวรุ้งระวี ไม่มีสิทธิ์แม้แต่เหยียบเข้ามาในบริษัทนี้ ลากมันออกไป”
คมและเดชลากทูนที่หมดสภาพออกไปจากห้อง รุ้งระวีมอง อิทธิอย่างแค้นใจ
“ได้ ฉันจะอยู่รับใช้คุณอีกหนึ่งปี แต่อย่าหวังนะว่าฉันจะยอมทำทุกอย่างให้คุณ ตัวฉันอยู่ที่นี่ก็จริง แต่ใจฉันอยู่ที่ค่ายเพลงของคุณทูน”
รุ้งระวีสะบัดออกไป อิทธิรีบตามมารั้งตัวไว้
“รู้ตัวรึเปล่า ว่าคุณกำลังโดนมันหลอก”
รุ้งระวีหันมอง
“หลอกฉันเรื่องอะไร”
“หลอกใช้คุณไง ให้คุณเข้าสังกัดมันเพราะคุณเป็นตัวขายอยู่ตอนนี้ เพิ่มมูลค่าให้ค่ายเพลงกระจอกของมันขึ้นมาเป็นเท่าตัว”
“ดีซี ฉันก็ยินดีให้เขาหลอก”
“ไม่เท่านั้นหรอก มันกำลังใช้เรื่องแม่มาหลอกคุณด้วย”
“เรื่องแม่”
“เรื่องแม่ทางโทรศัพท์นั่นไง”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมรู้ก็แล้วกัน”
“แล้วเขาจะหลอกอะไรฉันไม่ทราบ”
“คิดให้ลึกหน่อยซีครับ ยิ่งสร้างความหวังว่าแม่คุณยังอยู่มากเท่าไหร่ คุณก็หลงเชื่อมันและยอมทำงานให้มันมากขึ้นเท่านั้น”
รุ้งระวีจ้องหน้า
“อ้อ งั้นก็คงเป็นวิธีการเดียวกับที่คุณหลอกใช้ฉันทำงานน่ะซี แหม มีแต่คนลวงทั้งนั้นวงการนี้ แต่เอาเป็นว่า ฉันยอมเชื่อคุณทูนมากกว่าคุณ ปล่อย”
รุ้งระวีสะบัดหลุด
“แล้วจะบอกไว้ล่วงหน้าจะได้ทำใจได้ ฉันจะไปร่วมงานเปิดค่ายเพลงของคุณทูนที่สระบุรี ในฐานะศิลปินประจำค่าย อย่าห้ามฉันนะคะเพราะคุณไม่มีสิทธิ์”
รุ้งระวีออกไป อิทธิมองตามอย่างแค้นเคือง รุ้งระวีสวนเข้ากับคมและเดชพอดีเธอเดินเข้ามาหาแล้วตบหน้าคมหนึ่งฉาด และเดชอีกหนึ่งฉาดสองสมุนอึ้งไป รุ้งระวีสะบัดออกไป คมลูบแก้มหันมาบอกอิทธิ
“คุณรุ้งเล่นแรงนะครับ”
“ไอ้ทูนล่ะ”
“โยนมันออกไปนอกออฟฟิศแล้วครับ”
คมนึกได้รีบรายงาน
“นายครับ เรื่องแม่คุณรุ้งที่ให้ผมออกตามหา ได้มาแล้วคนนึง ใกล้เคียงกับยายแสงหล้ามาก ตกแต่งหน้าอีกนิดเดียวก็น่าเชื่อครับว่าเป็นคนเดียวกัน”
อิทธิยิ้มพอใจ
“ดี...ได้รูปเมื่อไหร่”
“กำลังเอามาส่งนี่ละครับ”
“เฮ้ย เข้าไปคุยกันในห้อง”
ทั้งสามกลับเข้าห้องทำงาน อิทธิมองสองสมุน
“มีเรื่องที่แกต้องจัดการให้ฉัน อย่างเป็นความลับที่สุด”
คมพยักหน้ารับ
“ครับนาย”
“แกหามือปืนแม่นๆ มาให้ฉันสักคน”
คมกับเดชมองหน้ากัน เดชแปลกใจ
“จะให้ยิงใครเหรอครับนาย”
“ไอ้ทูนไง”
คมอึ้งไป
“จะเล่นถึงตายหรือเอาแค่เบาะๆครับ”
“ฉันไม่หาเรื่องใส่ตัวขนาดนั้น เอาแค่ยิงขู่ หรือไม่ก็แบบเจ็บเบาๆ เอาให้มันกลัวก็พอ”
คมและเดชพยักหน้า
“นายสั่งมาเลย ที่ไหน...เมื่อไหร่ จัดให้ครับ”
เสียงเคาะประตู เดชเปิดออก รปภ ส่งเอกสารใส่ซองผนึกอย่างดี
“เอกสารครับ”
รปภ. ออกไป
“มาแล้วครับนาย”
เดชเปิดซองออกส่งให้ อิทธิหยิบรูปออกมาแต่ยังไม่ให้เห็นนะ
“นี่น่ะเหรอ ยายแสงหล้า แม่รุ้ง”
คมหันไปถาม
“เหมือนไหมครับ”
“ใกล้เคียงมาก ยายแสงหล้าแก่ตัว หน้าก็คงเป็นแบบนี้แหละ ไปหามาจากไหนวะ”
“แทบพลิกแผ่นดินเหมือนกันครับนาย อีกอย่างประวัตินั่นก็ของแท้ ถ้าคุณรุ้งจะสืบประวัติก็ไม่มีทางจับผิดเราได้”
“ทำไมวะ”
“นายอ่านประวัติดูซีครับ ตอนท้ายน่ะ”
อิทธิไล่สายตาลงไปที่ข้อความท้าย แล้วหัวเราะออกมา
“อ้อ เข้าใจแล้ว อย่างนี้นี่เอง”
ทั้งสามหัวเราะออกมาพร้อมกัน
จบตอนที่ 14
อ่านต่อ พรุ่งนี้