ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 12
มะปราง จ๊ะจ๋าและอินทร นั่งด้วยกันที่เก้าอี้สาธารณะในห้าง
“ว้าย! เงินหายหมดเลยเหรอแก”
มะปรางถามเมื่อเห็นจ๊ะจ๋าเปิดกระเป๋าดูเงิน แต่ไม่มีเงินอยู่เลย
“เปล่าหรอก เงินเก็บไว้ที่นี่”
จ๊ะจ๋าล้วงเข้าในกระโปรงด้านใน หยิบกระเป๋าเงินของจริงออกมา อินทรอึ้ง
“อ้าว แล้วที่วิ่งไล่ ไล่ตามกระเป๋าเปล่าเหรอครับ”
“ใช่ ก็มันกระเป๋าฉันนี่”
“โธ่! แล้วให้ผมวิ่งไล่ แถมถูกมันถีบอีก”
“ก็นายวิ่งเองนะ ฉันไม่ได้ขอ แต่ยังไงก็ขอบใจละที่ช่วย”
มะปรางมองหน้าจ๊ะจ๋า แล้วถามอย่างไม่สบายใจ
“ยายจ๋า ตกลงแกเป็นนักร้อง หรือคนรับใช้ยายฟ้าใสกันแน่”
“รวมๆกัน แกต้องเข้าใจนะนักร้องเกรดสองอย่างฉันน่ะ ขายเทปก็ไม่ได้เท่าไหร่ งานคอนเสิร์ตก็เป็นแค่นักร้องพ่วง”
“นักร้องพ่วง คืออะไรครับ” อินทรงง
“ก็อย่างเวลาที่พี่ฟ้าหรือนักร้องดังๆ ในค่ายเขามาสาย หรือเขายังแต่งตัวไม่เสร็จ ฉันนี่แหละก็ออกไปร้องแทนก่อน สักเพลงสองเพลง”
“อ้อ”
“เสียงเราก็ไม่ได้ดีอะไร หน้าตาเราก็งั้นๆ ก็เลยต้องหารับทานทางอื่นไปด้วย”
“แต่ผมว่าจ๋าเสียงดีนะ ที่ฟังจากคอนเสิร์ตเล่นสด”
จ๊ะจ๋าย้อนถามอย่างตื่นเต้น
“จริงเหรอคะ แหม! ขอบคุณ เป็นคนแรกที่ชมจ๋านะเนี่ย”
“แล้วผมว่าจ๋าแต่งดีๆ ก็สวยนะ”
“อุ๊ย! ชมอีกแล้ว ขอบคุณค่ะ คุณทรเนี่ย หล่อ ใจดี แล้วยังปากหวานอีกนะ”
“เอางี้ไหม พี่ทูนจะเปิดค่ายเพลงของตัวเองเร็วๆนี้ จ๋ามาร้องกับค่ายผมไหม”
มะปรางมองอินทรที่ดูสนใจจ๊ะจ๋าเกินเหตุก็อึ้งๆไป จ๊ะจ๋ารีบบอก
“ยินดีค่ะ จ๋าไม่ติดสัญญากับค่ายเสี่ยดำรงอยู่แล้ว ไปร้องได้เลย”
“จริงนะ งั้น จับนิ้วกันหน่อย”
อินทรชูนิ้วก้อย จ๊ะจ๋าหัวเราะ แล้วใช้นิ้วก้อยเกี่ยวกับอินทร มะปรางมองทั้งคู่ ชักหึงๆ
คำรณขับรถมาจอดหน้าบ้านจวงใจ แล้วช่วยขนของช็อปปิ้งลงจากรถ
“ขอบใจจ๊ะ เอาเข้ามาในบ้านเลยนะ”
คำรณหิ้วถุงของตามเข้าบ้าน จวงใจเดินไปรินน้ำเย็นจากตู้เย็นให้
“ทานอะไรก่อนไหม”
“อย่าดีกว่าครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับบ้านเลย”
“เดี๋ยวซี จะรีบร้อนกลับทำไม อยู่ทานข้าวเย็นกันก่อน ฉันก็อยู่คนเดียวเหงาเหมือนกันนะ”
จวงใจยิ้มให้ท่า คำรณยิ้มตอบ
“อยากทานอะไรก็เปิดตู้เย็นนะ ฉันอาบน้ำก่อน ร้อนเหลือเกิน”
จวงใจขึ้นชั้นบนไป ยังทิ้งหางตาใส่ คำรณมองตามแล้วยิ้มย่ามใจ
ทูนอินทร์ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านอินสรวง ส้มป่อย หนาน คูน แป๋วรอต้อนรับอยู่
“สวัสดีครับคุณรุ้ง” หนานเปิดรถให้รุ้งลงมา
“พี่รุ้ง สวัสดีค่ะ วันนี้ส้มใส่เสื้อเป็นรูๆให้พี่รุ้งด้วย” ส้มป่อยเสนอฟน้ามาบอก
“ใส่เสื้อเป็นรูๆให้พี่รุ้งทำไมคะ” รุ้งระวีงง
“รูเยิบ เลิฟยู ไงคะ”
ส้มป่อยทำมือรูปหัวใจ ทุกคนโห่ ทูนอินทร์ถือส้มใบเล็กลงมาจากรถ พลางบอก...
“อย่าไปฟังยายส้มมากครับ เวียนหัว “
“ส้มรู้แล้วค่ะ ที่นายทูนแต่งเพลงใหม่ให้คนรัก...คนรักคนนั้นที่แท้ก็คือพี่รุ้งนี่เอง”
“เพลงใหม่ชื่ออะไรคะ” รุ้งระวีหันไปมองหน้าส้มป่อย
“ต้ม...”
ส้มป่อยอ้าปากพูดได้เท่านั้น ทูนอินทร์ยัดส้มใบเล็กเข้าปากส้มทันที
“ยายส้มกินตัวเองไปก่อนนะ ยังไม่ได้ตั้งชื่อน่ะครับ เราขึ้นบ้านก่อนดีกว่านะ เอ้า ป้าแป๋ว ขนของขึ้นมาเลย”
ทูนอินทร์ตัดบทพารุ้งระวีขึ้นเรือน แป๋วขนกระเป๋าตามไป ส้มป่อยคายส้มออกมา
“นายทูนใจร้าย”
“สมน้ำหน้า สาระแนดีนัก” คูนหัวเราะเยอะ
“ห้ามพูดเรื่องเพลงใหม่ให้คุณรุ้งได้ยินเลยนะนังส้ม คุณทูนเขาให้เป็นความลับ” หนานกำชับ
“แล้วก็ไม่บอกก่อน ใครจะไปรู้ ฮิ ฮิ แสดงว่าคุณทูนเขาจะทำสะใภ้คุณรุ้ง”
“เซอร์ไพรส์ อย่าไปพูดกับมันเลยปวดหัว”
คูนส่ายหน้า แล้วเดินขึ้นเรือนไปกับหนาน
เมื่อเข้าไปในห้องนอน รุ้งระวีออกไปยืนรับลงที่ระเบียง ทูนอินทร์เดินเข้ามากอดรุ้งระวีจากเบื้องหลัง
“มีความสุขทุกครั้ง ที่เห็นคุณกลับมาที่ไร่ของผม”
“ฉันก็มีความสุขทุกครั้งที่กลับมาที่นี่ รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยยิ่งกว่าบ้านที่กรุงเทพเสียอีก”
“งั้นที่นี่ก็คือบ้านของคุณแล้วละ”
“ยกให้ฉันเหรอคะ”
“ยกให้ทั้งบ้าน ที่ดิน แต่ก่อนได้บ้านและที่ดิน ต้องได้ตัวและหัวใจผมไปก่อน”
“เฮ้อ! อย่าหวานมากนะคะ เดี๋ยวเลี่ยน”
“โธ่! ผมก็จีบหญิงแบบนี้แนวเลี่ยนๆแบบนี้แหละ ถึงจีบหญิงไม่ค่อยติด จีบเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้หัวใจเขามาเสียที”
“แต่คุณได้หัวใจผู้หญิงคนนี้ไปแล้วนะ”
ทูนอินทร์มองสบตาอย่างมีความหมาย
“งั้นมาอยู่กับผมที่นี่เถอะครับ มาใช้บ้านหลังนี้เป็นเรือนหอของเรา”
รุ้งระวีหัวเราะ
“ใจร้อนจัง เรายังมีพันธะที่ต้องสะสางกันทั้งคู่นะ ฉันต้องเป็นอิสระจากนายอิทธิ คุณก็ต้องเป็นอิสระจากฟ้าใส”
ทูนอินทร์ถอนใจพลางพยักหน้า
“ครับ งั้น วันนี้ผมขอเปลี่ยนบรรยากาศ พารุ้งไปดูเรือนหออีกหลังดีกว่า”
“ยังมีอีกเหรอคะ”
“ครับ เป็นกระท่อมกลางป่าริมลำธาร รับรองคุณจะต้องชอบ”
“ไปค่ะ อยากเห็น จะได้ประเมินถูก ว่าคุณรวยพอที่ฉันจะรับข้อเสนอคุณรึเปล่า”
“โอ้โฮ ไม่ยักรู้ว่าหน้าเลือดเหมือนกัน”
รุ้งระวีแกล้งบอก
“รู้จักฉันน้อยไปแล้ว”
ทูนอินทร์ โอบเอวรุ้งระวีชวนเดินเล่นไปด้วยหัน
คำรณนั่งอยู่ห้องรับแขก เสียงจวงใจเรียกมาจากชั้นบน
“นายคำ ขึ้นมาข้างบนหน่อยเร้ว”
คำรณยิ้มกับตัวเอง อย่างนึกเดาอยู่แล้วว่าจวงใจจะต้องตาม เขารีบเดินขึ้นไปที่ห้องนอน พบประตูเปิดแง้มอยู่
“มีอะไรครับคุณจวง”
“เข้ามาซี”
คำรณเข้าห้องนอนไปแล้วชะงัก เพราะทั้งห้องเปิดไฟสลัว มีไฟจากคริสตอลบอลทำให้เกิดเงาวูบวาบเหมือนห้องดิสโก้ แต่ยังไม่เห็นร่างจวงใจที่หลบอยูในห้องน้ำ
“จะให้ผมรับใช้อะไรครับ”
ขาดคำจวงใจก้าวออกมา คำรณสะดุ้งเมื่อเห็นเธอใส่ชุดคอสเพลย์ เป็นนางบันนี่แบบสาวญี่ปุ่นสีชมพูทั้งตัว ผมเปียชมพู ใส่ขนตายาวเป็นแผง
“จะไปงานแฟนซีที่ไหนเหรอครับ”
“ไม่ได้ไปไหน แต่ใส่ให้นายดูนี่ไง ชอบมะ”
“ก็ชอบครับ”
จวงใจก้าวเข้ามาหา
“เด็กถูกใจไหม”
“ก็ ถูกใจครับ”
“บอกได้นะ ต้องการรุ่นไหน สิบหก สิบเจ็ด สิบแปด ฮิ ฮิ”
จวงใจเอาผมเปียมาเขี่ยหน้าคำรณ ทำแบ๊วสุดฤทธิ์
“แล้วที่บอกให้ผมช่วย ช่วยอะไรครับ”
“ก็ช่วยสอนการบ้านเด็กไง แบบนี้”
จวงใจกระโดดเข้ากอดคำรณ ล้มลงไปบนเตียง
ทูนอินทร์กับรถมาจอดหน้ากระท่อมกลางป่า เสียงลำธารไหลรินอยู่ไม่ไกล รุ้งระวีลงมา
“ตายจริง กลางป่าแบบนี้ เหมือนอยู่อีกโลกนึงเลยค่ะ”
“โลกที่มีแต่เราสองคนใช่ไหม”
รุ้งระวียิ้มขำ
“ถ้าคุณจับฉันมาขังไว้ที่นี่ ก็ไม่มีใครรู้เลยนะคะเนี่ย”
“งั้นต้องลักพาตัวคุณมาขังไว้ที่นี่เสียแล้ว แล้วผมเล่นบทนายหัวจอมโหด แฮ่”
ทูนอินทร์เดินเข้ามาจะตะครุบร่างรุ้ง รุ้งระวีหัวเราะพร้อมกรี๊ด วิ่งหนีไปรอบๆรถ
“คุณทูน อย่าทำอะไรฉันนะ”
“ตอนนี้ผมกลายเป็นเสือสมิง กำลังขย้ำคุณแล้ว แฮ่”
รุ้งระวีเล่นตามบท
“อย่าค่ะ กลัวแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลย”
ทูนอินทร์เข้ากอดรุ้งระวีไว้ได้ เธอกรีดร้องพร้อมหัวเราะ ผลักทูนอินทร์เซไป แล้ววิ่งหนีเข้าบ้านไป ทูนอินทร์คำรามวิ่งไล่ตาม
รุ้งระวีวิ่งเข้ามาในกระท่อม ทูนอินทร์ตามเข้ามาพร้อมทั้งตะครุบร่างเธอไว้ได้ แล้วล้มลงไปบนพรมนุ่ม ทูนอินทร์ทาบทับบนร่างของเธอ ทั้งคู่หัวเราะ ประสานสายตากัน ทูนอินทร์ประทับจูบรุ้งระวีนิ่งนาน ทูนอินทร์จูบไซร้ข้างแก้มแล้วจะรุกมากกว่านี้ เธอยันอกทูนไว้
“พอเถอะค่ะ “
รุ้งระวีลุกขึ้นนั่งด้วยอาการเอียงอาย ทูนอินทร์กอดเธอไว้
“รักรุ้งที่สุดเลย”
“เห็นรุ้งเป็นสาวแอลเอแบบนี้ รุ้งยังถือขนบหญิงไทยทุกอย่างนะคะ จะขึ้นห้องหอ ต้องรอวันแต่งค่ะ”
“เข้าใจครับ ขอโทษที่ผมผลีผลามเกินไป”
ทูนอินทร์พลิกตัวนอนลงข้างๆ
“คุณทูนกับฟ้าใส เมื่อไหร่คุณจะจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อย”
“เรื่องถึงศาลเมื่อไหร่ ผมเป็นอิสระจากเธอทันที”
รุ้งระวีเชื่อในคำพูดของเขา ยิ้มอย่างโล่งใจ
“ได้ยินเสียงลำธาร พาไปดูหน่อยซีคะ”
“ได้ครับ”
ทูนอินทร์ลุกขึ้นยื่นมือให้รุ้งระวี แล้วพากันเดินออกไปที่ริมลำธาร ทั้งคู่ข้ามสะพานเล็กๆ เหนือลำธาร ข้ามไปอีกฝั่ง แล้วนั่งห้อยเท้าลงในลำธาร อย่างสบายอารมณ์อยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเดินเล่นกันไปเรื่อยๆ โดยเดินย่ำลงไปในน้ำ ทูนอินทร์รวบร่างรุ้งระวีมากอดไว้ รุ้งระวีแกล้งผลักจนเขาเซล้มลงไปในน้ำโครมใหญ่
ทูนอินทร์หายไปในน้ำ รุ้งระวีมองหา ชักกลัว ตะโกนหา ทันใด เขาโผล่พรวดขึ้นข้างๆเธอ แล้วดึงร่างเธอลงน้ำไปด้วยกัน ทั้งสองสาดน้ำใส่กันไปมา เป็นที่สนุกสนาน ก่อนที่เขาจะดึงร่างเธอเข้ามากอด แล้วประทับจูบดูดดื่ม ท่ามกลางละอองน้ำแตกสาดซ่านของลำธาร
คำรณนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียง จวงใจนอนซบอกอย่างอิ่มเอม
“ต่อไปนี้เธอไม่ใช่แค่คนขับรถแล้วนะ แต่อยู่ในฐานะคนรู้ใจของพี่” จวงใจพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ขอบคุณครับนาย ที่เลื่อนฐานะให้ผม”
“ไม่เรียกนายแล้วซี เรียกพี่ดีกว่า”
“ครับพี่จวง ผมมีเรื่องจะปรึกษา”
“ว่าไง”
“เรื่องของยายรุ้งน่ะ พี่จวงจะจัดการยังไงต่อ”
“เรื่องนังรุ้งน่ะเหรอ ตอนนี้พี่ไม่อยากยุ่งกับมันแล้ว นายอิทธิปกป้องมันเสียขนาดนั้น เราคงทำอะไรมันไม่ได้มาก ปล่อยมันไปเถอะ ถามทำไมเหรอ”
คำรณฟังแล้วรู้สึกเสียดายเวลา และเปลืองตัวขึ้นมาทันที
“ไม่มีอะไรหรอกครับ นึกว่าพี่ยังอยากเล่นงานมันอีก เพราะผมช่วยได้ ผมมีวิธี ” คำรณอยากนำเสนอแผน
“น่ารักจัง อยากช่วยพี่ แต่ตอนนี้ช่วยพี่เรื่องเดียวก็พอ ช่วยพี่แก้เหงาไง แบบนี้แหละ พี่ปลื้มสุดแล้ว”
จวงใจจูบกลางอกคำรณ เข้าหน้าคำรณทั้งเบื่อ ทั้งหมดอารมณ์
“เออ พี่ครับ วันนี้ผมขอตัวก่อน”
“อ้าว จะไปไหน คืนนี้ไม่ค้างกับที่นี่เหรอ”
“มีธุระต้องทำน่ะครับ”
คำรณลุกจากเตียงทันที จวงใจมองตามอย่างงง ๆ ในท่าที
คำรณเดินออกมาที่โถงหน้าห้องนอน กำลังรูดซิบกางเกง ท่อนบนเปลือย เสื้อพาดบ่าอยู่ จวงใจวิ่งตามออกมาในชุดกระโจมอก เข้ามากอดคำรณ
“จะรีบไปไหนล่ะ คำ คำเป็นผัวพี่แล้วนะ คืนนี้อยู่กับพี่เถอะ เดี๋ยวจะแต่งชุดบาร์บี้ให้ดู รับรองตึงเปรี๊ยะ คอนเฟิร์ม”
“ผมมีธุระจริงๆครับ”
“เมื่อกี้บอกว่าจะอยู่ค้างไง”
“ปล่อยเถอะครับพี่”
จุ๊บแจงเดินขึ้นบันไดมาเห็นจวงใจกอดคำรณแน่น
“ว้าย”
“ว้าย หนูแจง ทำไมมาเงียบๆ”
“เออ ไม่รู้ว่าพี่อยู่กับนายคำ”
คำรณรีบใส่เสื้อ แล้วลงบันไดไป
“แจง ทำไมต้องกลับมาตอนนี้ด้วย”
“พี่จวง อย่าบอกนะว่าพี่กับนายคำ” จุ๊บแจงชี้หน้า
“เรารักกันแล้วละ”
“นายคำเป็นคนขับรถนะพี่”
“ไม่แปลกนี่”
“เมื่อก่อนตั้งเนิร์สเซอรี่ เลี้ยงแต่เด็กๆไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้เปลี่ยนมาแนว สว. สูงวัย”
“คนเรามันก็ต้องเปลี่ยนโหมดกันบ้าง เลี้ยงเด็กเบื่อแล้ว เรื่องมาก เอ๊าะแอ๊ะ เปลี่ยนมาแนวหนุ่มใหญ่ดีกว่า รู้งาน ฮิ ฮิ นี่มาดูชุดใหม่พี่ บิกินี่ซีทรู เรืองแสงอีกต่างหาก”
จวงใจพาจุ๊บแจงเข้าห้องไป
ดำรงหน้าเครียด เข้ามาในห้องพักของฟ้าใส
“ป๋าขา โกรธอะไรฟ้า ไม่พูดกับฟ้าเลยตั้งแต่ออกมาจากงาน หรือว่ายังโกรธนายทูน ที่เอาเหล้าสาดหน้าป๋า” ฟ้าใสถามอย่างร้อนใจ
“โกรธนายทูนเหรอ ฉันน่าจะขอบใจนายทูนด้วยซ้ำ ที่บอกความจริงฉันเรื่องที่เธอโกหก”
“ฟ้าโกหกอะไรป๋า”
“เพลงของรักของหวงไง ที่เธออ้างว่าซื้อมาจากคนเขียนเพลงข้างถนนราคาถูกๆ ที่แท้เธอก็ขโมยมาจากนายทูนนี่เอง ถ้านายทูนไม่บอกความจริงฉันวันนี้ ฉันก็คงโง่ให้เธอหลอกต่อไปเรื่อยๆ”
“ป๋าจะไปสนใจทำไมละคะ ในเมื่อนายทูนก็เอาเรื่องป๋าไม่ได้เพราะเพลงไม่ได้จด แล้วเพลงมันก็ดัง และเป็นของเราแล้ว”
“อย่านึกว่าฉันทำธุรกิจโดยใช้อิทธิพลอย่างเดียว อย่างน้อยฉันก็ยังมีคุณธรรมอยู่บ้าง พูดไปเธอก็คงไม่เข้าใจ เพราะคนอย่างเธอมันไม่เคยมีคุณธรรมอยู่ในตัว”
ดำรงจะออกจากห้อง ฟ้าใสเข้ามายึดแขนไว้
“ป๋า จะไปไหน อยู่กับฟ้าเถอะคืนนี้”
“ปล่อย”
ฟ้าใสปล่อย ดำรงออกจากห้องไป
“ไปตายที่ไหนก็ไปเลย ไอ้แก่”
ฟ้าใสแสยะตาม เดินกลับมาที่กลางห้องด้วยอาการหงุดหงิด
“บ้าเอ๊ย!”
มือถือฟ้าใสดังขึ้น เธอดูเบอร์แล้วสงสัยเพราะไม่คุ้น
“จะพูดกับใคร”
“คุณฟ้าเหรอครับ ผมคำรณพูด”
“คำรณไหน ไม่รู้จัก แฟนเพลงรึเปล่า ถ้าจะโทรมาคุย ตอนนี้ไม่ว่าง”
“ผมต้องการพูดธุระครับ”
“นายเป็นใครเนี่ย”
“คุณรู้จักผมดี คนที่คุณพบที่ไร่อินสรวงไงครับ ผมขับรถให้เจ๊จวง”
“อ้อ นึกออกแล้ว คนที่ดึงนังรุ้งให้จมน้ำ มีธุระอะไรกับฉัน”
“ถ้าคุณยังต้องการทำลายนังรุ้งระวี ผมยินดีช่วยเต็มที่ ผมมีแผนดีๆไว้เล่นงานมันอีกเยอะ ถ้าคุณสนใจ ผมยินดีรับใช้”
ฟ้าใสเริ่มยิ้มออก
อ่านต่อหน้า 2
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ยามเช้า รุ้งระวีนอนอยู่บนเตียงที่อบอุ่น ลืมตาขึ้นเพราะเสียงนกร้อง รุ้งระวีเดินออกมาที่เฉลียง สูดอากาศยามเช้าที่สดชื่น ก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาทานอาหารเช้าตามลำพัง
รุ้งระวีทานอาหารเช้าเพียงลำพัง ส้มป่อยและแม่บ้านแป๋วคอยดูแล
“ส้ม นายทูนไปไหนล่ะ ไม่มาทานมื้อเช้าด้วยกัน” รุ้งระวีถามอย่างแปลกใจ
“นายทูนไปที่ร้านต้มแซ่บค่ะ เดี๋ยวก็คงกลับ”
“คุณรุ้งคะ มีอะไรก็ใช้ส้มมันก่อนนะคะ ป้าไปทำงานบ้านก่อน” แป๋วบอก
“ค่ะป้า”
แป๋วออกไป
“ไงเรา ยังไม่ได้บอกพี่เลย นายทูนแต่งเพลงอะไรให้พี่”
“ยังบอกไม่ได้ค่ะ นายทูนจะไว้เซอร์ไพรส์พี่รุ้ง เพลงรักหวานฉ่ำ พี่รุ้งฟังแล้วจะต้องรู้เลยว่านายทูนรักพี่รุ้งแค่ไหน”
“ขนาดนั้นเชียว”
“แต่แปลกนะคะ นายทูนรักกับพี่รุ้ง แล้วทำไมยังเก็บรูปยายผีฟ้าอยู่อีก”
“รูปยายผีฟ้า? คือใครคะ ?”
“อ้าว ก็ยายผีฟ้าใสไงคะ นายทูนเก็บไว้ตั้งหลายรูปแน่ะ”
“ส้มพาพี่ไปดูหน่อยได้ไหม”
“ได้ค่ะ” ส้มป่อยพยักหน้ารับ
ฟ้าใสนั่งอยู่กับคำรณในร้านอาหารเล็กๆ เมื่อบริกรวางเครื่องดื่มเรียบร้อย ฟ้าใสถามทันที
“ว่ามา นายจะช่วยฉันกำจัดนังรุ้งยังไง”
“ถ้าผมบอกความจริงคุณ คุณอาจจะไม่เชื่อก็ได้”
“บอกมาเถอะน่า”
“ผมน่ะรู้จักนังรุ้งมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว”
“หมายความว่ายังไง”
“ผมคือพ่อเลี้ยงของนังรุ้งน่ะซีครับ”
“พ่อเลี้ยง นายเป็นผัวของยายแสงหล้า แม่นังรุ้งงั้นเหรอ”
“ถูกต้องครับ”
คำรณยิ้ม ฟ้าใสมองคำรณอย่างประเมินว่าโกหกรึเปล่า
ร้ “ไม่เชื่อผมใช่ไหมครับ”
“มีหลักฐานอะไรที่จะให้ฉันเชื่อล่ะ”
“งั้นก็ดูรูปถ่ายนี่ละกัน”
คำรณวางรูปถ่ายสมัยที่ตนยังหนุ่มกับแสงหล้าที่ยังสาว แต่งเป็นสาวนักร้องตระกองกอดกัน ฟ้าใสดูอย่างพินิจ
“เชื่อรึยังครับ”
“แล้วตอนนี้นังแม่มันอยู่ที่ไหน”
คำคิดว่าโกหกดีกว่า
“คงตายไปแล้วนะครับ ผมไม่ได้ข่าวจากมันอีกเลย”
“แล้วแผนของนายคืออะไร”
“นังรุ้งกำลังตามหาแม่อยู่ แล้วถ้าเราพาแม่มาพบมันจริงๆละครับ”
“ไม่เข้าใจ ก็แม่มันตายไปแล้ว”
“แม่ปลอมไงครับคุณฟ้า”
“เพื่ออะไร”
“ผมต้องการเรียกทุนคืนจากที่แม่มันทำกับผมไว้เจ็บแสบ ผู้หญิงที่ปลอมมาเป็นแม่ จะช่วยกอบโกยมาให้ผม และคุณได้มากเท่าที่เราต้องการ”
“เรื่องเงินน่ะฉันไม่ต้องการหรอก ฉันต้องการทำลายชื่อเสียงมันมากกว่า”
“ย่อมได้ทั้งนั้น”
“ฉันยังติดใจอยู่อีกเรื่อง แม่ปลอมที่ว่าจะทำให้นังรุ้ง มันเชื่อได้ยังไงว่ามันคือแม่ตัวจริง”
“ไม่ยากครับ”
คำหยิบถ้วยรางวัลขึ้นสนิมของรุ้งระวีมาวางตรงหน้า ฟ้าใสหยิบมาดู
“รางวัลที่นังรุ้งเคยร้องเพลงประกวดสมัยเด็ก ผมยังเก็บไว้อยู่”
“เยี่ยม ทีนี้ก็มาถึงคนที่จะรับบทแม่นังรุ้ง จะไปหามาจากไหน”
“ผมมีคนอยู่แล้ว คุณฟ้าไม่ต้องห่วง เพียงแต่ตอนนี้ ผมขอแค่เงินสักก้อนในการจ้างวานเท่านั้นละครับ คุณฟ้าคงช่วยผมได้”
ฟ้าใสยิ้มชอบใจรับปากจะช่วยทันที
รุ้งระวีและส้มป่อย แอบย่องเข้ามาในห้องนอนทูนอินทร์
“อย่าให้ใครเห็นนะคะ ไม่งั้นหนูถูกทำโทษแน่ ๆ”
ส้มป่อยตรงไปที่โต๊ะทำงานของทูนอินทร์ แล้วเปิดลิ้นชักออก รุ้งระวีรับซองใบใหญ่มา เปิดออกดู พบว่าเป็นรูปของฟ้าใสล้วนๆ เป็นภาพฟ้าใสสมัยยังไม่เข้าวงการ รูปถ่ายกับแฟนหนุ่ม พอมาช่วงสาวถ่ายกับแฟนอีกคน นอกนี้ยังมีภาพกับดำรง กับผู้ชายอื่นๆอีกหลายคน รุ้งระวีดูรูปอย่างไม่เข้าใจ
“นายทูนเก็บรูปฟ้าใสไว้ทำไม ไหนว่าเขาลืมผู้หญิงคนนี้แล้ว”
“รูปใหม่ๆเนี่ย นายตามไปถ่ายทุกที่ที่ยายผีฟ้า ไปเล่นคอนเสิร์ตเลยนะคะ”
รุ้งระวีมองรูปแล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่ทูนอินทร์ กำลังจูบดูดดื่มกับฟ้าใสในคอนเสิร์ตโคราช ทำให้เธอเกิดอาการไม่มั่นใจขึ้นมา เธอดูรูปต่อไป เห็นรูปฟ้าใสถ่ายกับทูนอินทร์กอดกัน หน้าตาทั้งคู่มีความสุข รุ้งระวีได้แต่อึ้ง
ทูนอินทร์กลับมาที่บ้านพร้อมเมธ
“นอกจากภาพยายฟ้าใส กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเจ้าเสี่ยดำรงแล้ว ผมรวบรวมภาพถ่ายยายฟ้าใสสมัยรุ่นๆได้อีกชุดใหญ่เลยครับ” ทูนอินทร์อธิบาย
“ภาพอะไรล่ะ”
“ภาพถ่ายกับแฟนหนุ่มหลายคน ระบุวันเวลาด้วย บางคนยังมีความสัมพันธ์อยู่เวลาเดียวกับที่ฟ้าใสคบหากับผมด้วย ทั้งหมดจะยืนยันได้ว่ายายฟ้าหลอกแต่งงานผม เพื่อหวังผลประโยชน์จริง ๆ”
“พี่อยากเห็นรูปว่ะ”
“ขึ้นไปดูเลยครับ”
ทั้งสองขึ้นชั้นบน
รุ้งระวียังดูรูปอยู่ ส้มป่อยอยู่ที่ประตู ได้ยินเสียงคนเดิน รีบบอก
“พี่รุ้งเก็บรูปเร็ว นายทูนขึ้นมาแล้ว”
รุ้งระวีรวบรวมรูปกลับใส่ซอง แล้วรีบออกมาจากห้อง หลบมุมกับส้มป่อย ทูนอินทร์และเมธเดินขึ้นมาแล้วเข้าห้องไป รุ้งระวีออกมาจากมุม แล้วแอบมองเข้าไปในห้อง เห็นเมธกำลังดูรูปฟ้าใสอยู่
“รูปบางรูปถ่ายเองใช่ไหม”
“ใช่ครับ ผมตามไปถ่ายเกือบทุกที่ที่ฟ้าใสไปออกคอนเสิร์ต ชัดแจ๋ว”
รุ้งระวีฟังแล้วยิ่งเจื่อน
แสงหล้ารับจ้างทำงานล้างจาน อยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในตลาด เห็นเด็กกำลังติดโปสเตอร์คอนเสิร์ตรุ้งระวีที่สระบุรีที่กำแพงตึก รวมศิลปินอิทธิซาวนด์ หน้านักร้องคนอื่น เล็กกว่ารุ้งระวีทั้งนั้น แสงหล้าผละจากจานชามเข้ามาดูทันที จดวันเวลา สถานที่ไว้
“เล่นที่สระบุรี”
แสงหล้าหยิบกระเป๋าสตางค์เก่าๆออกมา แล้วหยิบนามบัตรของทูนอินทร์ออกมาดู
“นายทูนก็อยู่ที่สระบุรีเหมือนกัน”
แสงหล้ายิ้มออกมา นึกดีใจจะได้เจอลูกอีกครั้ง แต่แล้วก็สลดลงเมื่อนึกถึงคำรณ
“เพี้ยง ขออย่าให้ไอ้คำมันแกล้งลูกอีกเลย”
หลายวันต่อมา โรงหนังเก่ากลางเมืองสระบุรี ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานคอนเสิร์ต เมื่อคอนเสิร์ตเริ่มต้นขึ้น ไฟสปอตไลท์สว่างพรึ่บๆ หางเครื่องออกมาเต้น จุ๊บแจงออกมาร้องเพลง สองแม่ยกอย่างเจ๊ยุวดี และเจ๊กอบสุข นั่งอยู่ไม่ห่างจากกัน วิ่งเข้ามาให้พวงมาลัยจุ๊บแจงพร้อมกัน แล้วกระแทกกันอย่างจัง สองนางเชิ่ดใส่กัน คล้องมาลัยให้จุ๊บแจงแล้วเชิ่ดใส่กันคอแทบพลิก แสงหล้ายืนดูอยู่ด้านหลัง มองบรรยากาศอย่างครึกครื้น
จุ๊บแจงร้องเพลงจบ แล้วประกาศ
“ขอเชิญพบกับน้อง ตั๊กแตน ชลดา เลยค่ะ”
จุ๊บแจงกลับเข้าไปด้านใน ตั๊กแตนออกมา คนปรบมือลั่น ตั๊กแตนร้องเพลงฮิตของตัวเอง
รุ้งระวีแต่งตัวอยู่ด้านหนึ่งของห้อง จี่หอย กับมะปรางช่วยดูแลความเรียบร้อย อีกด้านอาชา ขวัญข้าว จวงใจ และคำรณนั่งมองอยู่
จวงใจนั้น นั่งเบียดคำรณอยู่ตลอดเวลา จุ๊บแจงกลับเข้ามาด้วยอาการเบื่อและเหนื่อย
“พี่จวง หิวน้ำ”
“ไปหยิบเอง”
จุ๊บแจงอึ้ง จวงใจยังหันมายิ้มกับคำรณ
“คำ ทานอะไรรึยังจ๊ะ”
“ผมเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวผมไปหยิบน้ำเย็นให้คุณแจงนะครับ”
“ไม่ต้อง เขาหาของเขาได้” จุ๊บแจงบอกอย่างหงุดหงิด
ทุกคนในห้องแต่งตัวหันมามองจวงใจ กับคำรณอย่างแปลกใจในที่ที มือถือของคำรณดังขึ้น เขาเห็นว่าเป็นเบอร์ฟ้าใส
“เอ๊ะ ใครโทรมาน่ะ” จวงใจถาม
“อ๋อ โทรมาให้ผมไปเลื่อนรถน่ะครับ”
“พี่ไปด้วย”
คำรณเสียงกร้าวเล็กน้อย
“อย่าเลยครับ”
“ไม่เอา ไปด้วยนะ เราเหมือนปาท่องโก๋แล้ว ไปไหนไปด้วยกัน”
จวงใจออกไปกับคำรณที่สีหน้าเบื่อหน่าย เมื่อทั้งคู่ผ่านประตูเท่านั้น ทุกคนนินทากันกระจาย
“อย่าบอกนะว่าชี ต๊าย! ไม่อยากนึก บัดสี” อาชาทำหน้ารับไม่ได้
“ยายแจง เจ๊จวงเอานายคำมาเป็นผัวเหรอ” ขวัญข้าวถามตรงๆ
“ไม่พูดค่ะ ไม่พูด พี่จวงบอกให้แจงเก็บเป็นความลับ ให้ใครรู้ไม่ได้เลย”
“แจง พูดอย่างนี้ เท่ากับว่าแกบอกความลับทุกอย่างแล้วละ”
“อ้าว เหรอคะ”
“อุบาทว์ ยี้ ฉันไม่พูดกับเจ๊จวงแล้ว ไปได้คนขับรถเป็นผัว ถือว่าทำตัวตกต่ำ คนละระดับชั้นกันแล้ว” อาชาทำหน้ายี้มาก
“นังม้า แล้วแกระดับไหนวะ ผัวแกแต่ละคน ฉันเห็นก็โน่นสามล้อ วินมอไซค์ ล่าสุดนี่เห็นไปหาแถวห้องน้ำจตุจักร แกต่ำกว่าเจ๊จวงอีกนะ” ขวัญข้าวประชด
“ใช่ซี้ ใครเขาจะสูงอย่างคุณนาย มีผัวเป็นตัวตลก”
“ตลกร้อยล้านน่ะ เอาไหมล่ะ”
อาชาพูดไม่ออก กลุ่มรุ้งระวีหัวเราะกันคิกคัก
“หัวเราะไร เจ๊หอย”
“ข่าวที่เขาว่านักร้องลูกทุ่งวัยกลางคน ไปหากินส่องกบส่องเขียด แถวห้องน้ำสาธารณะก็แกน่ะซี นังม้า”
“ก็บอกแล้ววันนั้นไปซื้อของจตุจักร แล้วท้องเสีย เข้าๆออกๆ ห้องน้ำหลายหนพี่นักข่าวก็เอาไปเขียนกันเลอะเทอะใหญ่ เฮ้อ เกิดมาเป็นซุปตาร์ก็ต้องแลกกับความส่วนตัวแบบนี้ ใช่ไหม น้องแจง”
“ใช่ค่ะ แต่แจงไม่เคยมีข่าวตามส้วมนะคะพี่”
ทุกคนในห้องหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ทูนอินทร์ออกมาสำรวจตลาดแถวหน้าโรงหนัง เห็นพ่อค้าแม่ขายกำลังขายของหน้าโรง ทูนอินทร์สะดุดสายตาเข้ากับร่างฟ้าใส ที่ใส่ชุดกลืนไปกับผู้คน เธอหันหลังให้เขาอยู่
ทูนอินทร์ไม่แน่ใจว่าใช่ฟ้าใสรึเปล่า เขารีบหลบทันที เพราะเห็นคำรณเข้ามาทักทาย แล้วทั้งสองหายเข้าไปในโรงหนัง ขณะเดียวกันจวงใจเดินหาคำรณอยู่ มองมาทางทูนอินทร์
“นี่คุณทูน เห็นนายคำคนรถบ้างไหม”
“เห็นครับ”
“อยู่ไหน”
“เดินเข้าโรงไปกับสาวหุ่นดี เมื่อกี้น่ะครับ”
“สาวหุ่นดี เข้าโรงไปแล้วเป็นเรื่อง”
จวงใจตามเข้าโรงทันที ทูนอินทร์ยังสงสัยว่าใช่ฟ้าใสรึเปล่า
บนเวที ขวัญและอาชาร้องเพลงด้วยกันอย่างเมามัน สองแม่ยกลุกขึ้นมาเต้นหน้าเวที เชียร์ทั้งคู่กระทั่งเพลงจบ แล้วเล่นมุกกันบนเวที
“น้องม้า เป็นยังไงคะ เดี๋ยวนี้ขึ้นหน้าหนึ่งเลยเหรอคะ” ขวัญข้าวแกล้งแซว
“ซุปตาร์ก็อย่างนี้ละครับ”
“แต่เขาคาดตาดำด้วยนะคะ”
“นั่นมันโจรแล้วพี่ เอางี้ ปรึกษาปัญหาชีวิตกับพี่ขวัญดีกว่า”
“ว่ามา”
“หลงรักสาวอยู่สองคนเลือกไม่ถูก”
“ใครบ้าง”
“คนนึงอวบ ขาว ออกจีน ชื่อพี่กอบ”
เจ๊กอบสุขกรี๊ดลั่น เจ๊ยุวดีแสยะใส่
“อั๊วเอง อั๊วเอง” กอบสุขส่งจูบ
“อีกคนล่ะ”
“อีกคนอวบเหมือนกัน แต่คล้ำเนียน ชื่อพี่ยุ”
เจ๊ยุวดีหัวเราะร่า เจ๊กอบสุขมองหน้า สองนางสะบัดหน้าใส่กัน
“หลงรักทั้งสองคนจะเลือกใครดี เจ๊กอบ เห็นทีไรก็เบลอ”
“เบลออะไร”
“เบลอว่ารักแถบ แบบว่ารักเธอ”
เจ๊กอบสุขหัวเราะปรบมือ คนดูฮา
“ส่วนเจ๊ยุ ยิ่งเบลอหนักตอนเลือกตั้ง เลือกพรรคไม่ถูกเลย แต่สุดท้ายก็ต้องเลือก”
“เลือกพรรคอะไร”
“พักเจอไว้ที่ไท พักใจไว้ที่เธอ”
เจ๊ยุวดีกรี๊ด ดนตรีขึ้นทันที คนดูปรบมือ สองแม่วิ่งเข้ามาแย่งกันให้พวงมาลัยอาชาและขวัญข้าว แบงค์ร้อยติดเต็มพวง
แสงหล้าดูไปขำไป ขณะเดียวกันแถวถัดไปในกลุ่มคนดูชั้นบน คำรณและฟ้าใสมองมาด้วยกัน
“คนของนายอยู่ไหน”
“อยู่ข้างล่างนั่นแหละครับ ไม่ต้องห่วง เด็กผมเตรียมพร้อมอยู่แล้ว” คำรณเฝ้ามองเหตุการณ์ที่หน้าเวที ทางด้าน อาชาและขวัญข้าวได้พวงเต็มคอ
“ขอบคุณค่ะ พ่อแม่พี่น้อง วันนี้ขวัญกับน้องอาชาขอรับใช้แต่เพียงเท่านี้”
“ลำดับต่อไป ขอเชิญรับชมรับฟัง คีรีบูนสาว จากเมืองนอกเมืองนา”
คนดูกรี๊ดสนั่น อาชากับขวัญข้าวพูดพร้อมกัน
“รุ้งระวี ศรีแอลเอ”
ทั้งสองกลับเข้าข้างเวทีไป ดนตรีขึ้นเพลงจิ้มแจ่ว หางเครื่องออกมาเต้นหน้าเวที แล้วแหวกออกร่างของรุ้งระวีอยู่ตรงกลางแล้ว ออกมาเต้นหน้าเวที เจ๊กอบสุข เจ๊ยุวดีวิ่งเข้ามาขอจับมือ รุ้งระวีจับมือทั้งสอง แล้วร้องจิ้มแจ่วพร้อมเต้นสนุกสนาน
แสงหล้ามองเป็นปลื้ม แล้วมองไปรอบๆตัว หาคำรณ
“ไอ้คำ แกคงไม่มางานนี้หรอกนะ”
อิทธิเข้ามาดูเหตุการณ์ที่หน้าเวที ทูนอินทร์ตามมา จึงหันไปคุย
“ค่ายเพลงอินดี้ของนาย จะเปิดเมื่อไหร่ล่ะ”
“ทันทีที่รุ้งเป็นอิสระจากคุณไง”
“พูดทุกอย่างดูง่ายจังนะ รักจะอยู่ในวงการน่ะ นายต้องหากุนซือใหญ่ๆ ไว้คุ้มกะลาหัว ถ้าไม่มี ระวังจะเจ๊งตั้งแต่ยังไม่ได้ออกผลงาน”
“อย่าขู่กันเลยครับ เพราะคุณเองก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว เสร็จจากคอนเสิร์ตวันนี้ รุ้งฉีกสัญญากับคุณทันที นับถอยหลังได้เลย”
อิทธิหัวเสียแยกไป ทูนอินทร์มองตามอย่างสมเพช แล้วหันกลับไปมองรุ้งระวีที่เวที
รุ้งระวีร้องจบเพลง ดนตรียังคลอไปตลอด เธอเดินไปรับพวงมาลัยจากเจ๊กอบสุข และ เจ๊ยุวดี และพ่อยกอีกหลายคน
“ขอบคุณค่ะ”
รุ้งระวีไหว้อ่อนช้อย เงยหน้าขึ้นมา เห็นผกายืนร้องไห้อยู่ท่ามกลางแม่ยก ผกาแต่งตัวแบบชาวบ้าน ท่าทางโทรมๆ หน้าตาละม้ายแสงหล้าไม่น้อย ผกาพยายามยื่นมือมาจับมือของรุ้งระวี แต่ถูกเบียดจนเอื้อมมาไม่ถึง
“ลูกแม่”
รุ้งระวีตะลึงงัน มองผกานิ่ง
“แม่”
“จ๊ะ แม่แสงหล้าเอง”
“แม่”
ผกาโดนเบียดจนเซไปด้านหลัง
“แม่”
รุ้งระวีจะลงจากเวที สาวหางเครื่องต้องเข้ามาจับไว้ ทูนอินทร์มองจากข้างเวที เห็นมีเหตุชุลมุน
“พี่ปล่อย” รุ้งระวีร้องบอกหางเครื่อง
“น้องรุ้ง จะลงไปทำไม ต้องร้องเพลงต่อนะ”
“นั่นแม่รุ้ง”
ผกาถอยออกไปด้านหลัง แล้วโบกมือลาลูก แล้วหันหลังวิ่งขึ้นบันไดของโรงหนัง
“รปภ.คะ อย่าเพิ่งให้ผู้หญิงคนนั้นออกไป”
รุ้งระวีประกาศ คนดูเงียบเสียงลง พร้อมดนตรีหยุด รปภ.รีบกันผกาไม่ให้ออกจากโรง ผกายืนอยู่ตรงข้างๆที่แสงนั่งอยู่พอดี ฟ้าใสที่มองอยู่ถามคำรณ
“นั่นน่ะเหรอ”
“ครับ”
“ส่องไฟไปที่ผู้หญิงคนนั้นเลยค่ะ” รุ้งระวีประกาศ
ไฟสป็อตส่องกวาดมาที่แสงหล้าพอดี
“แม่”
แสงหล้าตะลึง รีบก้มหน้าหลบ แต่แล้วก้รู้ว่าไฟไม่ได้ส่องมาที่ตน แต่ส่องไปเบื้องหลังของผกาที่ถูก รปภ.ยึดไว้เบื้องหลังตน แสงหล้าหันไปมองเห็นผการ้องไห้อยู่
“พาแม่มาหารุ้งหน่อยเถอะค่ะ”
รุ้งระวีประกาศ รปภ. พาผกาตรงไปที่เวที
อ่านต่อ หน้า 3
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ข้างเวที อิทธิเข้ามาสมทบกับทูนอินทร์ มองไปที่เวที
“มีเรื่องอะไรกันอีกเนี่ย” อิทธิสงสัย
“รุ้งเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่”
“หา!” อิทธิมองอย่างตกใจ ขณะเดียวกัน รปภ.นำผกาขึ้นมาบนเวที
“แม่ แม่เหรอคะ” รุ้งระวีถามอย่างร้อนใจ
“ใช่ลูก แม่เอง”
แสงหล้าตะลึง
“ไม่! อย่าไปเชื่อนะลูก”
รุ้งระวีมองหน้าผกา เอื้อมมือมาลูบผมจากใบหน้า เห็นเค้าลางว่าคล้ายแม่จริงๆ
“แม่ไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มาหารุ้ง”
“แม่เพิ่งเห็นจากทีวี ว่าลูกตามหาแม่ แม่ก็เลยมาที่นี่”
“ทำไมไม่ติดต่อมาก่อนหน้านั้น”
“แม่ไม่กล้า แม่กลัว ลูกมีชื่อเสียงแล้ว แม่จะทำให้ลูกเสื่อมเสีย เพราะแม่ยากจนเหลือเกิน”
“โธ่!ทำไมแม่คิดอย่างนั้น”
รุ้งระวีดึงผกามากอดไว้ ทุกคนปรบมือ คำรณและฟ้าใสยิ้มถูกใจ ปรบมือตามที่แผนสำเร็จ มีเพียงแสงหล้าที่ยืนตะลึง ไม่ปรบมือด้วย อิทธิก้าวออกมาที่เวที ทูนอินทร์รีบตามออกมา
“เดี๋ยวครับทุกคน มีอะไรที่จะบอกได้ว่า คุณคือแม่แสงหล้าของรุ้งจริงๆ”
“ฉันเป็นแม่ของรุ้งจริง ๆ ค่ะ”
ผกาหยิบบัตรประชาชนส่งให้ ทูนอินทร์และ อิทธิรับมาดู
“เท่านี้ยืนยันไม่ได้หรอกว่าคือแม่ตัวจริง มันปลอมกันได้” ทูนอินทร์บอก
“รุ้ง ผมว่าเล่นคอนเสิร์ตต่อดีกว่า คุณแม่มาพักที่หลังเวทีเลยครับ” อิทธิรีบบอก
“เดี๋ยวค่ะ ถ้าไม่เชื่อ ฉันมีข้อพิสูจน์อีกอย่าง”
ผกาหยิบของในถุงผ้าออกมา คือถ้วยรางวัลเก่าคร่ำขึ้นสนิมเขรอะ ส่งให้ ทูนอินทร์รับมา อิทธิเข้ามาดู
“อะไรครับ”
“ถามรุ้งดูซีคะ”
รุ้งระวีน้ำตานองเต็มตาแล้วเมื่อเห็นถ้วยรางวัล เธอค่อยๆเอื้อมมืออันสั่นเทามารับถ้วย ลูบไปที่ชื่อสลักที่เขียนว่ารางวัลชนะเลิศ ลูกทุ่งเยาวชน
“ถ้วยรางวัลชนะเลิศ ที่ฉันได้รับเมื่อตอนประกวดสมัยเด็ก มันเป็นของฉันจริงๆ ฉันจำได้”
แสงหล้าที่ฟังอยู่ ปิดปากตัวเอง
“ไอ้คำ เอ็ง”
แสงหล้ามองหาคำรณ ไม่รู้เลยว่าคำรณและฟ้าใสกำลังหัวเราะอย่างสะใจอยู่ชั้นบนด้านหลังนั่นเอง
บนเวที รุ้งระวีกอดผกาไว้แน่น ร้องไห้โฮ แล้วค่อยๆทรุดลงกับพื้นเวที ก้มลงกราบเท้าผกา ทูนอินทร์และ อิทธิเป็นอึ้งไป
“แม่ แม่แสงหล้าของหนู”
“รุ้ง ลูกแม่”
คนดูตื้นตัน เจ๊กอบสุข กับเจ๊ยุวดีน้ำตาไหลพราก เช่นเดียวกับแม่ยกทั้งหมด ฟ้าใสหันไปบอกคำรณ
“สำเร็จ”
คำรณยิ้มรับ ผกาทรุดลงประคองรุ้งระวียืนขึ้น
“แม่กลับมาหาหนูแล้ว ไม่เป็นไรแล้วลูก”
ทั้งสองคน โผเข้ากอดกันอีกครั้ง ร้องไห้สะอื้น คนดูปรบมือลั่นทั้งโรง แสงหล้ายืนงง ท่ามกลางเสียงปรบมือ
“ไม่ ลูก อย่าไปเชื่อ”
แสงหล้าคิดหาทางแล้วรีบลุก ออกจากโรงหนังไปทันที วิ่งผ่านคำรณไป คำรณเห็นพอดี
“เฮ้ย นัง”
“อะไรเหรอ” ฟ้าใสถาม
“ไม่มีอะไรครับ คุณอยู่นี่ก่อนนะ”
คำรณรีบตามออกไป ฟ้าใสไม่ได้ติดใจหันไปดูบนเวที
“รุ้ง จะเล่นคอนเสิร์ตต่อได้ไหม” อิทธิถาม
รุ้งระวีคลายกอดจากผกา
“ได้ค่ะ”
“งั้นเชิญคุณแม่มาพักก่อนดีกว่าครับ”
อิทธิประคองผกากลับเข้าหลังเวที ทูนอินทร์ยังถือถ้วยอยู่
“รุ้ง แน่ใจนะว่าคือแม่แสงหล้า”
“แน่ใจที่สุดค่ะ ถ้วยนั่นของรุ้งจริงๆ”
“ครับ”
“รุ้งได้เจอแม่แล้วค่ะคุณทูน”
“ผมดีใจด้วย”
ทูนอินทร์ถือถ้วยกลับเข้าหลังเวที รุ้งระวีหันมายิ้มกับคนดู
“แฟนเพลงคะ นี่เป็นคอนเสิร์ตที่รุ้งมีความสุขที่สุดเลย เพราะรุ้งได้เจอแม่แล้ว ตามหาแม่มานาน แล้วก็ได้เจอเสียทีที่สระบุรีนี่เอง ขอบคุณค่ะ”
คนปรบมือ ส่งเสียงเชียร์ลั่น ดนตรีขึ้น
“เรามาสนุกกันต่อนะคะ”
รุ้งระวีร้องเพลงข้าวจี่ต่อไป ฟ้าใสยิ้มหยัน
“สนุกแน่นังรุ้ง ชีวิตแกต่อไปนี้สนุกแน่ ๆ”
แสงหล้าออกมาหน้าโรงหนัง มองหาตู้โทรศัพท์ เห็นอยู่ที่มุมใต้บันได จึงตรงไปโทรทันที คำรณวิ่งตามหา มองไม่เห็นเพราะแสงหล้าอยู่ในมุมลับตา
“ใช่มันรึเปล่าวะ”
คำรณวิ่งตามหาออกไปที่ถนน แสงหล้าหยิบนามบัตรของทูนอินทร์ออกมา แล้วหยอดเงิน กดเบอร์ทูนอินทร์
ขณะเดียวกันที่ข้างเวที ผกายืนดูรุ้งระวีร้องเพลงอยู่ ยืนคุยกับอิทธิ ทูนอินทร์มองอย่างสงสัย จี่หอยกับมะปรางเข้ามา
“คุณทูน นั่นแม่รุ้งจริงๆเหรอ” จี่หอยถาม
“ผมไม่แน่ใจครับ แต่นี่คือหลักฐานที่เธอเอามายืนยัน”
จี่หอยรับถ้วยรางวัลมาดู
“ปลอมขึ้นมารึเปล่าคะพี่” มะปรางถาม
“รุ้งบอกเองว่าคือถ้วยรางวัลของเธอ”
จี่หอย มะปรางเริ่มเชื่อ มือถือของทูนอินทร์ดังขึ้น ทูนอินทร์มองเบอร์สาธารณะ แล้วรับสาย
“ทูนพูดครับ ใครน่ะ”
“คุณทูนคะ อย่าไปเชื่อผู้หญิงคนนั้นนะ”
“ใครพูด”
ทูนอินทร์รีบแยกไปพูด ลดเสียงลง
“เขาไม่ใช่แม่ตัวจริง เขาปลอมตัวมา”
“รู้ได้ยังไง”
“ถ้วยรางวัลมันขโมยจากฉันไป”
“งั้นคุณก็คือแม่แสงงั้นเหรอ”
“บอกรุ้ง อย่าไปเชื่อ มันปลอมตัวมาคงหวังจะรีดเงินจากรุ้ง ฉันพูดได้เท่านี้”
แสงหล้าวางหูทันที
“เดี๋ยวซีครับ คุณ”
ทุกคนแปลกใจ รีบออกไปที่หน้าโรงหนัง มองไปที่ตู้โทรศัพท์ที่อยู่หลังบันได ทูนอินทร์วิ่งมาดู แต่ไม่พบใครเสียแล้ว
“แม่แสงหล้า แสดงว่าแม่รุ้งยังมีชีวิตอยู่”
ทูนอินทร์เห็นคำรณ วิ่งกลับมาหน้าโรง คำรณมองหาแสงหล้าอยู่เหมือนกัน
“ไปไหนของมันวะ”
“หาใครเหรอ” ทูนอินทร์ถาม
“เปล่า ไม่ได้หาใคร แล้วถึงหา ก็ไม่ใช่เรื่องของนาย”
คำรณพูดกวนๆ แล้วกลับเข้าไปในโรงหนัง ทูนอินทร์ยิ่งสงสัย
รุ้งระวีร้องเพลงอย่างเป็นสุข จบเพลงท่ามกลางเสียงปรบมือ
“มีความสุขไหมคะ”
“สุขมาก”
“แต่คงไม่มีใครมีความสุขเท่ารุ้งแล้วละคะ วันนี้การเดินทางยาวนานของรุ้งจบลงแล้ว เมื่อรุ้งได้พบแม่ และเพลงนี้รุ้งอยากให้แม่ออกมาร้องกับรุ้ง แม่คะ เชิญออกมาหน่อยค่ะ”
ผกาลังเล หันมามองอิทธิ
“รุ้งเขาเรียกฉันน่ะ จะออกไปดีเหรอคะ”
“ออกไปเถอะครับ” อิทธิบอก
ผกาออกไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ
“ปรบมือให้แม่แสงหล้าของรุ้งหน่อยค่ะ”
คนดูปรบมือสนั่น รุ้งระวีพาผกามากลางเวที
“เพลงนี้แม่ร้องกล่อมให้รุ้งนอน ร้องกับรุ้งนะคะ”
“เออ แม่ร้องไม่ค่อยได้ เสียงแม่ไม่ดีแล้วลูก”
“งั้นร้องตามรุ้งนะคะ”
“จ๊ะ”
ทูนอินทร์กลับเข้ามาในโรงหนัง มองไปยังเวที ไม่ทันเห็นว่าคำรณกลับไปหาฟ้าใสอีกมุมหนึ่งแล้ว บนเวที รุ้งระวีร้องนำเพลงกล่อมลูกโดยไม่มีดนตรี เสียงรุ้งระวีกังวานไปทั่วโรง
“โอม...เอย...อีนางลูกแม่นี่เอย คนดีของแม่นี่เอย”
ผกาเสียงสั่น
“เอ่ เอ้ เอมือไกวเปล แม่นี้จิเห่เพลงกล่อม”
รุ้งระวียิ้มปลื้ม ผกาไอออกมา พยายามบังคับเสียงตัวเอง
“ว่าขวัญเอ๋ย ขวัญมา อย่าร้องไห้ งอแง”
“....ผีบ้านผีเรือนปกปักดูแล ลูกแม่หลับให้สบาย”
ดนตรีขึ้นทันที คลอกับกับเสียงร้อง แสงหล้าแอบเข้ามาฟังอีกมุมหนึ่ง ใจเต้นรัว
“อย่าลูก อย่าเชื่อ”
คำรณและฟ้าใสมองอย่างพอใจมาก
“สมบูรณ์แบบ สมบูรณ์แบบที่สุด”
ฟ้าใสเอามือมาคล้องแขนคำรณไว้ คำรณมองมือฟ้าใสแล้วกุมไว้แน่น ยิ้มพอใจ
รุ้งระวีกับผกา ร้องเพลงด้วยกัน เป็นที่ประทับใจคนดู รุ้งระวีร้องไห้ ร้องต่อไม่ได้ ผการ้องเองแล้ว
กอดเธอไว้ ทูนอินทร์มองบนเวที แล้วงุนงง ไม่รู้จะเชื่อใครดี
เมื่อคอนเสิร์ตจบลง คนขายของกำลังเก็บข้าวของ แสงหล้าหลบอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน ชะเง้อมองมาที่โรง รอรุ้งระวีออกมาอย่างใจจดใจจ่อ
อีกมุม คำรณเดินมาส่งฟ้าใสที่รถที่จอดอยู่ในซอย
“ยายคนนี้ร้องเพลงก็ได้ นังรุ้งมันต้องเชื่อสนิทใจ แล้วนายไปเอาเพลงกล่อมเด็กของนังรุ้งมาจากไหน”
“เพลงนี้นังรุ้งมันเคยร้องที่คอนเสิร์ตครั้งแรกของมัน ถ่ายทอดออกทีวีด้วย”
“ทำการบ้านดีมาก แต่รับประกันนะ ว่ายายคนนี้จะทำงานให้เราทุกขั้นตอน”
“ไม่ต้องห่วงครับ เด็กเก่าผมเอง”
“เด็ก หรือ เมีย”
คำรณไม่ตอบแต่อมยิ้ม ฟ้าใสหัวเราะยั่วๆ
“ถ้างานนี้สำเร็จ ฉันให้รางวัลอย่างงาม”
“จะรอครับ ว่ารางวัลของคุณคืออะไร”
ฟ้าใสขึ้นรถแล่นออก คำรณจะแยกไปแต่แล้วก็เห็นแสงหล้าหลบอยู่ในมุมตึก คำรณตาลุกวาว เดินอ้อมไปด้านหลัง พร้อมตวัดมีดออกมา ค่อยๆตรงมาหาแสงหล้า
คำรณรอเวลาเข้าจะเข้าประชิดตัวแสงหล้า เตรียมจะตะปบปากและจ้วงแทง ขณะเดียวกันด้านหน้าโรงหนัง รุ้งระวีกอดผกาเดินออกมา ทูนอินทร์ อิทธิ จี่หอย และ มะปรางตามมา คำรณรีบหลบไป ส่วนแสงหล้าแอบมองอยู่มุมซอย
อิทธิและรุ้งระวี ช่วยกันประคองผกาเดินลงบันไดอย่างเอาอกเอาใจ หอย ปรางตามมา ทูนอินทร์ตามหลังสุด มองผกาอย่างไม่วางใจ
“แล้วรุ้งจะไปไหนต่อละเนี่ย” ผกาถาม
“กลับกรุงเทพค่ะแม่ แม่กลับกับรุ้งนะคะ”
“เออ แม่ไม่ได้เตรียมตัวเลย”
“งั้นเรากลับไปเก็บของของแม่ แล้วไปกรุงเทพด้วยกันนะ”
“เออ แม่ไม่อยู่ที่นี่หรอก แม่อยู่เมืองเหนือนู่น เดินทางมาดูรุ้งที่นี่ก็ไม่ได้พักที่ไหน ข้าวของก็มีเท่านี้แหละ”
“ยิ่งดีใหญ่ งั้นแม่ก็ไปอยู่กับรุ้งเลย”
“ไม่เป็นการรบกวนนะลูก”
“โธ่! แม่คะ ทำไมพูดว่ารบกวน แม่คือแม่ของรุ้ง ต่อไปนี้ไม่ใช่แค่แม่มาอยู่กับรุ้ง รุ้งจะเลี้ยงแม่เอง ดูแลแม่ทุกอย่าง เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะคะ”
ผกาแกล้งทำเสียงเครือ
“ขอบใจมากลูก จ๊ะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
“รถมาแล้ว เรากลับกรุงเทพกันเลยนะ ไปครับแม่แสง”
อิทธิประคองผกาพาขึ้นรถตู้ ที่มาจอดเทียบหน้าบันได
“ไปนะคะคุณทูน”
จี่หอยหันมาบอกลา แล้วขึ้นรถไปพร้อมมะปรางขึ้นนั่งตอนหลัง รุ้งระวีหันมามองทูนอินทร์
“คุณจะตามไปด้วยเลยไหม”
“รุ้ง ขอพูดอะไรหน่อย”
ทูนอินทร์ดึงรุ้งระวีแยกมา อิทธิมองตาม
ทูนอินทร์พารุ้งระวีมามุมหนึ่งของโรงหนัง อีกฟากถนนแสงหล้า แอบมองอยู่ในเงามืด
“ก่อนจะยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ เราสืบประวัติก่อนดีไหม”
“ทำไมคะ”
“ผมไม่แน่ใจ”
“หลักฐานชัดเจนออกอย่างนี้ คุณยังสงสัยอะไรอีกเหรอ”
ทูนอินทร์อยากจะพูดเรื่องโทรศัพท์ลึกลับ แต่กลัวรุ้งระวีจะไม่เชื่อ เลยไม่พูดดีกว่า
“ทูนคะ ไม่ดีใจกับรุ้งหรอกหรือที่รุ้งได้เจอแม่แล้ว”
ทูนอินทร์ฝืน
“ก็ ดีใจครับ”
“ไม่เอาน่า ไม่สงสัยอะไรแล้ว รุ้งแน่ใจว่านี่คือแม่แสงหล้าของรุ้งจริงๆ แล้วจะกลับกรุงเทพพร้อมกันเลยไหม”
“ผมตามไปดีกว่า”
“ค่ะ เจอกันที่กรุงเทพนะคะ” รุ้งระวีจะแยกไป
“เดี๋ยวรุ้ง แล้วเรื่องที่คุณจะเลิกสัญญานายอิทธิ”
“ขอรุ้งจัดการเรื่องแม่ก่อนนะคะ แป๊บเดียวแหละ รุ้งจะมาเซ็นสัญญาค่ายเพลงคุณทันที”
รุ้งระวีแยกไป ทูนอินทร์ถอนใจ แสงหล้ามองอย่างกังวล
รถตู้แล่นออกจากโรงหนัง ผ่านหน้าทูนอินทร์ไป แสงหล้าหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่รู้จะแก้สถานการณ์ยังไงดี เดินเข้าตรอกไป ทูนอินทร์เดินลงจากบันไดโรงหนัง เดินไปตามถนนครุ่นคิดเรื่องรุ้งระวีและแม่
แสงหล้าเดินไปตามตรอก อย่างหมดอาลัยตายอยาก ร่างของคำรณซุ่มอยู่ในความมืด ทะยานเข้าจู่โจม แสงหล้าหวีดร้องออกมา ก่อนที่คำรณจะตะครุบคอ พร้อมมีด
“อย่าร้องนะ ข้าบอกเอ็งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับนังรุ้ง เอ็งตามมาที่นี่ทำไม”
“ตามมาดูที่แกเอาแม่ปลอมมาหลอกรุ้งน่ะซี”
“แล้วจะทำไม จะไปบอกนังรุ้งมันงั้นเหรอว่าเอ็งเป็นแม่แท้ๆของมัน นึกว่ามันจะเชื่องั้นเหรอ โถ อีขอทานขี้เมา”
แสงหล้าสะบัดหลุด
“แกเอาแม่ปลอมมาหลอกรุ้งทำไม”
“ก็อยากให้นังรุ้งมันมีความสุขไง มันฝันว่าจะได้เจอแม่ ข้าก็หาแม่มาให้มัน”
“แกจะให้นังนั่นมันปอกลอกรุ้งใช่ไหม เดี๋ยวก็ต้องมีคนจับมันได้”
“ไม่มีทาง เพราะข้าปลอมประวัติมันหมดแล้ว อีกอย่างนังผกามันถูกฝึกมาดีจากบ่อนเฮียปอ เรื่องปลอมตัว ฉ้อโกง ทุจริต มันชำนาญทุกอย่าง”
“ฉันจะไปหารุ้ง บอกว่าฉันคือแม่แท้ๆ”
“คงสายไปแล้วละนังแสง”
คำรณหยิบมีดขึ้นมา แสงหล้าถอยกรูดไปติดกำแพง
“เพราะวันนี้ เป็นวันสุดท้ายที่เอ็งได้เจอลูกเอ็ง”
คำรณเสยมีดเข้าหา แสงหล้าเบี่ยงตัวทัน ปลายมีดเฉือนเนื้อที่เอว แต่ไม่ถูกที่สำคัญ
“กรี๊ด!” แสงหล้าร้องลั่น
ทูนอินทร์เดินไปตามถนน ห่างจากตรอกไม่มาก ได้ยินเสียงกรี๊ด เขารีบวิ่งกลับมาที่ตรอกทันที
แสงหล้าทรุดที่พื้น เลือดไหลเป็นทาง คำรณเตรียมจะแทงหนสอง ทูนอินทร์วิ่งเข้ามาพอดี
“เฮ้ย หยุดนะ!”
คำรณมองไปที่ทูนอินทร์ ทั้งสองไม่เห็นหน้ากัน เพราะอยู่ในเงามืดทั้งคู่ คำรณวิ่งกระเจิงไป ทูนอินทร์วิ่งเข้ามาดูอาการแสงหล้า ที่หายใจระรวย
“ป้า เป็นอะไรมากไหม”
“ชะ ช่วยด้วย”
แสงหล้าพูดอย่างเจ็บปวด ทูนอินทร์เห็นเลือดที่สีข้างแดงฉาน
“ทำใจดีๆนะครับ ผมเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้”
ทูนอินทร์ลุกขึ้น โทรเรียกโรงพยาบาล แสงหล้าฟุบไป พูดเบาๆ ทูนอินทร์ไม่ได้ยิน
“ช่วยรุ้งด้วย ช่วยรุ้งด้วย”
จบตอนที่ 12