xs
xsm
sm
md
lg

ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 13
วันรุ่งขึ้น ผกานั่งชมนกชมไม้อยู่ที่สวนหลังบ้าน มองกวาดไปทั่วตามประสานางสิบแปดมงกุฏ รุ้งระวีถือเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้

“แม่คะ หลับสบายไหมเมื่อคืน”
“หลับสบายที่สุดเลยจ๊ะ บ้านรุ้งนี่ร่มรื่นดีจริงๆนะ บ้านของรุ้งเองรึเปล่า”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เป็นบ้านเช่าที่คุณอิทธิเช่าไว้ให้ชั่วคราว แต่ต่อไปหนูจะซื้อบ้านค่ะ แล้วเราจะอยู่ด้วยกันนะแม่”
ผกายิ้มเจื่อนๆ
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“แม่ไม่อยากพูดเรื่องนี้เลยลูก”
“พูดมาเถอะค่ะ”
“แม่มีปัญหาชีวิตมากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ แม่ถึงไม่อยากมารบกวนรุ้ง”
“แม่คะ บอกมาเถอะค่ะ แม่มีหนี้สินเท่าไหร่ รุ้งจะให้หนี้ให้แม่เอง”
ขณะเดียวกัน มะปรางและจี่หอยกำลังออกมาล้างผลไม้ที่ด้านหลังครัว ได้ยินเข้าพอดี
“เงินไม่ใช่น้อยๆเลยนะลูก มันเป็นล้านๆ”
“เท่าไหร่รุ้งก็จ่ายได้ค่ะ เพื่อแม่”
“ขอบคุณมากลูก”
ผกาดึงรุ้งระวีมากอดไว้
จี่หอยและมะปรางมองหน้ากัน
“หนี้เป็นล้านเลยเหรอ”
“ได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะพี่”
ทั้งสองคนเริ่มกังวลทันที

ทูนอินทร์พาแสงหล้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อเธอฟื้นขึ้นมานั้น เห็นทูนอินทร์ กับเมธ นั่งเฝ้าไข้อยู่มุมห้อง แสงหล้าพยายามขยับตัว แล้วร้องครางออกมาจากอาการระบมของแผล
“รู้สึกตัวแล้ว”
ทูนอินทร์และเมธเข้ามาที่เตียง
“เป็นยังไงบ้างครับป้า” ทูนอินทร์ถาม
“ฉันอยู่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลครับ ป้าถูกทำร้ายที่ตรอกหน้าโรงหนังน่ะครับ จำได้รึเปล่า”
แสงหล้าพยักหน้า
“ค่ะ คุณช่วยฉันไว้เหรอ”
“ครับ”
“ขอบคุณมาก แต่ฉันไม่มีเงินมาจ่ายค่าหมอหรอกนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกป้า ทางผมรับผิดชอบให้ทั้งหมด”
เมธยิ้มให้ แสงหล้าไหว้
“ขอบคุณค่ะ ใจดีเหลือเกิน”
“ป้าจะติดต่อญาติหรือลูกๆได้ที่ไหน ผมจะโทรให้”
“ฉันไม่มีใครอยู่ตัวคนเดียว คุณคะค่ารักษาพยาบาลคงไม่ใช่ถูกๆ ฉันขอทำงานรับใช้คุณได้ไหม ให้ฉันทำอะไรก็ได้ งานบ้าน งานครัว ชดใช้กับเงินที่คุณต้องเสียไป”
ทูนอินทร์และเมธมองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา
“เอาอย่างนี้ดีกว่าป้า ป้าทำใจให้สบายนะ พออาการดีขึ้นแล้ว เราค่อยว่ากันนะครับ”ทูนอินทร์บอก
“ค่ะ”
แสงหล้ามองทูนอินทร์อย่างมีความหวัง มือถือทูนอินทร์ดังขึ้น เขาจึงแยกไปโทรที่ระเบียงห้อง
“ว่าไงครับ พี่หอย อะไรนะครับ แม่รุ้งขอเงินจากรุ้งเป็นล้านเลยเหรอครับ”
แสงหล้าสะดุ้งเฮือก เมธเข้ามาฟังทูนอินทร์พูด
“ครับ พี่อย่าเพิ่งให้รุ้งทำอะไรนะครับ เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลแล้ว ผมจะสืบเรื่องผู้หญิงคนนี้ให้เร็วที่สุด”
แสงหล้านอนฟังความด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำ

วันรุ่งขึ้น ผกานั่งอยู่กับมะปรางที่โถงหน้าของบริษัท รอรุ้งระวีอยู่ ผกาหันไปมองคำรณที่ก้าวเข้ามาในห้องแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ทำทีไปนั่งอ่าน แต่จริงๆแล้วคอยสังเกต
“หนูมะปราง อีกนานไหม” ผกาถาม
“ฝ่ายการเงินคงต้องรอสักพักน่ะค่ะ”
ฝ่ายการเงินยิ้มให้ ขณะเดียวกันที่ประตูกลุ่มจุ๊บแจงแอบมองอยู่
“นั่นน่ะเหรอแม่นังรุ้ง" อาชาสงสัย
“ไม่น่านะ ดำเป็นถ่านอย่างนั้น มีลูกขาวได้ยังไงวะ” ขวัญข้าวสงสัย
“ใช่ ต้องอย่างพี่ขวัญไง แม่ดำ พ่อดำ ลูกด่างเลย” จุ๊บแจงออกความเห็น
“ลูกฉันลูกคนย่ะ ด่างน่ะ มันลูกหมา”
ขวัญข้าวมองค้อน รุ้งระวีและจี่หอยเดินมาพอดี
“เบิกเงินตั้งสามแสน ไม่เยอะไปเหรอรุ้ง” จี่หอยถามอย่างไม่สบายใจ
“แม่ต้องรีบใช้หนี้นี่คะ”
จวงใจหูผึ่ง
“อุ๊ย ได้ยินอะไรใช้หนี้ ใช้หนี้นะพวกเรา”
“คงเป็นพวกแม่ใหม่ใครบางคนละมั้ง แหมพอเจอลูกปุ๊บ ขอเงินแสนปั๊บทันที อย่างนี้พวกเราน่าปลอมตัวไปเป็นแม่บ้างนะ” อาชาบอก
“อ้าว แล้วคิดว่าแม่ที่มานั่งเสนอหน้าอยู่นี่ เป็นตัวจริงงั้นเหรอ มันก็ปลอมนั่นแหละ” ขวัญข้าวออกความเห็น
“งั้นลูกมันโง่เนอะ มีแม่เป็นนางงาม ลูกมันก็ยังเชื่อ” จวงใจบอก
“นางงามอะไรคะ” จุ๊บแจงงง”
“นางงามที่สวมมงกุฏอันที่สิบแปดน่ะซี” อาชาบอกอย่างมั่นใจ
“อ๋อ สิบแปดมงกุฏ”
ทั้งหมดหัวเราะลั่น แจงเพิ่งเข้าใจหัวเราะร่วม รุ้งระวีจะเข้าจัดการทั้งกลุ่ม
“อีพวกปาก ”
“รุ้ง อย่าเลย อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้ มันจะอัปรีย์เน่าเหม็นมาถึงตัวไป อย่าไปเกลือกกลั้วกับอีพวกต่ำตมพวกนี้เลย”
จี่หอยพารุ้งระวีออกไปที่โถง ทั้งกลุ่มมองหน้ากัน
“ไม้สั้นไปรันขี้ แปลว่าอะไรคะ”
จุ๊บแจงงงอีกรอบ

หน้าร้านต้มแซ่บ อินทร กับเมธเดินออกมาที่หน้าร้านด้วยกัน ขณะที่แสงหล้าในชุดคนป่วย ยืนหน้าซีดอยู่หน้าร้าน
“พี่เมธ นั่นใครครับ” อินทรถามอย่างแปลกใจ
เมธหันมาเห็น
“ป้า ออกมาจากโรงพยาบาลได้ยังไง”
“คุณคะ ฉันอยู่ต่อไม่ได้ ให้ฉันอยู่ทำงานที่นี่เถอะนะคะ” แสงหล้าพยายามอ้อนวอน
“ป้าต้องกลับไปโรงพยาบาล ป้ายังไม่หายดี”
“ไม่ กลับไม่ได้แล้ว เป็นห่วงลูก ให้ป้าอยู่ที่นี่เถอะนะคะ”
“ป้าแกพูดอะไรน่ะพี่” อินทรงง
“ไม่เข้าใจว่ะ” เมธส่ายหน้า
แสงหล้าซวนเซจะเป็นลม เมธและอินทรช่วยประคองไว้
“พาเข้าร้านก่อน”
ทั้งสองประคองแสงหล้าเข้าร้านไป

รุ้งระวียื่นเช็คสามแสนบาท ให้ผกาที่มองตัวเลขในเช็คอย่างดีใจ
“เช็คสามแสนค่ะแม่ เบิกเงินสดได้เลย”
“รุ้ง แม่ขอบใจมากลูก”
ผการีบเก็บเช็ค คำรณแอบมองมาอย่างย่ามใจ
“แม่จะรีบไปใช้หนี้เลยนะ”
รุ้งระวีเหลือบไปที่คำรณ ที่ทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์
“แม่คะ แม่จำพ่อเลี้ยงหนูได้ไหม”
ผกาอึ้งไปนิดหน่อย
“พ่อเลี้ยง ใครเหรอ”
“ที่ทำร้ายแม่บ่อยๆ จนแม่ต้องพาหนูหนีเข้ากรุงเทพ”
ผกาพยายามไม่แสดงพิรุธ
“อ้อ ก็จำได้”
“แม่รู้ไหมว่าชื่ออะไร”
“รุ้ง เรื่องร้ายๆน่ะ แม่พยายามลืมให้หมด แม้แต่ชื่อมัน แม่ก็ไม่อยากนึก รุ้งถามทำไมเหรอ”
“แม่เห็นนายคนนั้นไหม”
ผกามองตามไปที่นายคำ สีหน้าหวั่นๆ
“นั่นชื่อนายคำ นายพ่อเลี้ยงหน้าตาคล้ายนายคนนี้ไหมคะ”
“ไม่หรอกลูก ไม่เหมือนหรอก อย่าไปคิดเรื่องเก่าๆเลยลูก ลืมมันเสียเถอะ”
“ค่ะแม่”
ทูนอินทร์เปิดประตูเข้ามาพอดี
“คุณทูนมาแล้วค่ะ”
ผกาและรุ้งระวีลุกพร้อมกัน ทูนอินทร์มองผกาอย่างประเมิน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เป็นไงครับคุณแม่”
“ดีค่ะ ขอบคุณนะคะคุณทูนที่ช่วยดูแลรุ้ง มาตั้งแต่รุ้งมาถึงเมืองไทย”
“ยินดีครับ ที่นี่คนไม่หวังดีเยอะ ผมต้องช่วยปกป้อง”
ผการู้ว่าโดนกัด
“เหรอคะ รุ้ง งั้นแม่ขอตัวก่อนนะ จะเอาเช็คไปโอนเข้าบัญชีเจ้าหนี้เขาเลย”
“ค่ะแม่ แล้วกลับมาเจอกันที่นี่นะคะ”
“จ๊ะ”
ผกาแยกไป ทูนอินทร์หันไปถาม
“จ่ายให้คุณแม่เท่าไหร่รุ้ง”
“สามแสนค่ะ”
ทูนอินทร์หนักใจ
“ขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม”
รุ้งระวีเจื่อนไป

กลุ่มจุ๊บแจงนั่งกินส้มตำอยู่ด้วยกัน จวงใจมองมาที่ขวัญข้าว แล้วสบถออกมา
“นังดำ!”
“อะไร ของขึ้นเหรอเจ๊ มาว่าฉันทำไม”
“ไม่ได้ว่าแก ว่าแม่นังรุ้ง ฉันว่านังนี่ไม่ใช่แม่จริงพันเปอร์เซนต์”
“ใช่ มันต้องปลอมตัวมาแน่ๆ ไม่ทันไรขอเงินลูกแล้ว”
“มีวิธีพิสูจน์นะ” อาชาบอก
“ยังไงคะ”จุ๊บแจงถาม
“สื่อนี่แหละคือตัวพิสูจน์ เรียกนักข่าวมาทำข่าว ถ้ามันเป็นแม่จริง มันต้องกล้าสู้กล้อง แต่ถ้าไม่ใช่ มันต้องหลบสุดชีวิต ว่ามะ”
ทุกคนเห็นด้วย จุ๊บแจงคนเดียวที่ทำหน้างง
“แม่จริงกล้าสู้กล้อง แม่ปลอมต้องหลบสุดชีวิต แล้วจะพิสูจน์ยังไงนะคะ”
“แจง เลิกกินส้มตำเลย” จวงใจรำคาญ
“ทำไมคะ”
“ผงชูรสทำให้แจงสมองฝ่อแน่ๆ” จวงใจประชด

อิทธิเดินมาตามทางเดิน ชะงักเมื่อได้ยินเสียงทูนอินทร์เอะอะกับรุ้งระวีอยู่มุมหนึ่ง จึงแอบฟัง
“คุณให้ไปได้ยังไงตั้งสามแสน”
“แม่จะเอาไปใช้หนี้น่ะค่ะ ทำไมเหรอคะ ฉันใช้หนี้ให้แม่มันผิดตรงไหน”
“บอกแล้วไงว่าอย่าเพิ่งเชื่อ เราควรจะสืบประวัติก่อน แล้วนี่ยังไม่ทันไร เริ่มขอเงินคุณแล้ว มันน่าสงสัยนะ
“แสดงว่าคุณไม่เชื่อแม่ฉัน”
“ผมยอมรับว่าผมไม่เชื่อ คนเรามันหลอกกันได้ง่ายๆ”
“แล้วคุณคิดว่าถ้าไม่ใช่แม่ฉันจริงๆ ท่านจะเอาถ้วยรางวัลของฉันมาจากไหน”
“คนเราทำปลอมขึ้นมาได้ทั้งนั้นละครับ”
“ไม่ค่ะ ฉันจำได้ ถ้วยรางวัลของฉันจริงๆ ไม่มีปลอมเด็ดขาด นั่นคือแม่แสงหล้าของฉัน ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร”
รุ้งระวีจะผละไป ทูนอินทร์ดึงรุ้งระวีไว้
“เอาละ ผมมีอีกเหตุผลที่ผมจะบอก”
“คะ?”
“ตอนที่แม่คุณปรากฏตัวในงาน มีโทรศัพท์ถึงผม เป็นเสียงผู้หญิง บอกว่านั่นไม่ใช่แม่จริงของรุ้งระวี เป็นแม่ตัวปลอม”
รุ้งระวีอึ้ง อิทธิฟังอยู่ นิ่งงันไป
“ใคร ใครโทรมา” รุ้งระวีถามร้อนใจ
“ผมไม่ทราบ”
“โทรมาจากไหน คุณต้องรู้เบอร์ซี”
“ใช้โทรสาธารณะ หน้าโรงหนัง ผมวิ่งมาดูก็หายไปเสียแล้ว”
“แล้ว แล้วเขารู้เบอร์คุณได้ยังไง”
“ผมก็ไม่ทราบอีก แต่ที่ผมรู้สึกก็คือ นั่นคือแม่ของรุ้งจริงๆ”
“เป็นไปไม่ได้ค่ะ คุณกำลังจะบอกว่าแม่ฉันตามเฝ้าดูฉันอยู่งั้นเหรอ”
“มันอาจจะเป็นไปได้นะรุ้ง”
“คุณทูน มันเป็นไปไม่ได้ แต่ที่จะเป็นไปได้ ก็คือคนที่โทรมานั่นแหละคือตัวปลอม”
“รุ้ง เสียงผู้หญิงคนนั้นเป็นห่วงรุ้งมากนะ”
“แค่เสียง คุณก็เชื่อแล้วเหรอคะ”
ทูนอินทร์นิ่งงันไป
“รุ้งเชื่อจากหลักฐานที่มีค่ะ” รุ้งระวีเหนื่อยใจ “คุณทูน รุ้งพูดตรงๆนะ”
“ครับ”
“เรื่องที่คุณเล่ามาทั้งหมด มันไม่น่าเชื่อถือเลย”
“คิดว่าผมโกหกเหรอ”
“ไม่ทราบ แต่ที่สงสัยเพราะเกิดเรื่องแบบนี้ แต่คุณไม่บอกฉันสักคำ”
“ผมกลัวคุณไม่เชื่อ”
“ใช่ ไม่เชื่อ เพราะหลายเรื่อง ที่คุณไม่บอกความจริงฉันตรงๆหรือบอก แต่ไม่หมด” รุ้งระวีหมายถึงที่ทูนอินทร์จูบกับฟ้าใส กับรูปถ่ายฟ้าใสของทูนอินทร์
“ผมไม่บอกความจริงรุ้งเรื่องอะไร”
“คุณรู้อยู่กับใจ คงไม่ต้องบอก”
รุ้งระวีจะแยกไป
“เดี๋ยวรุ้ง พูดให้รู้เรื่องก่อน”
“ไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ”
รุ้งระวีจะแยกไป แต่หันมาทิ้งท้าย
“เอาเป็นว่า ฉันเชื่อเรื่องที่คุณพูดว่ามีผู้หญิงโทรมา แต่คุณลืมไปเถอะค่ะ เพราะฉันแน่ใจว่าเป็นฝีมือเจ๊จวงกับนายอาชา ให้คนโทรมาแกล้งแน่ๆ”
รุ้งระวีแยกไป ทูนอินทร์อึ้งงุนงง อิทธิยิ้มพอใจ

ที่ร้านกระเป๋าหรู ผกาเลือกกระเป๋าใบสวยส่งให้พนักงาน หยิบเงินจากซองที่เพิ่งเบิกจากแบงค์มานับเล่นอย่างย่ามใจ เตรียมจ่าย เสียงดังจากเบื้องหลัง
“เงินน่ะ แกไม่มีสิทธิ์ใช้หรอกนะนังผกา”
ผกาหันขวับไปมอง
“พี่คำรณ”
“เพราะมันไม่ใช่เงินของแก มันคือเงินของฉัน เอาคืนมา”
ผกาหยิบซองเงินส่งให้คำรณ
“แล้วเงินค่าจ้างของฉันล่ะ”
“นั่นไง แกจ่ายเป็นค่ากระเป๋าไปแล้วนี่”
“กระเป๋ามันห้าพันเองนะ”
“ก็เท่านั้นแหละ แกจะได้เงินเพิ่ม ก็ต่อเมื่อแกดูดเงินออกมาได้อีกก้อน”
คำรณยิ้มหยันแล้วออกจากร้านไป
“บ้าเอ๊ย ไม่น่าทำงานให้มันเลย”
คนขายเอากระเป๋ามา
“ห้าพันห้าค่ะ จะจ่ายสด หรือการ์ดคะ”
“ไม่จ่าย ไม่เอาแล้ว ไม่ซื้อมันแล้ว”
ผกาสะบัดเดินออกไป คนขายมองตามงงๆ

อ่านต่อหน้าที่ 2 







ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 13 (ต่อ)

อิทธิเรียกรุ้งระวีไปพบที่ห้องทำงาน รุ้งระวีไปนั่งตรงข้าม ถามอย่างแปลกใจ
“มีอะไรคะคุณ อิทธิ”
“ฝ่ายการเงินเพิ่งบอกผมเมื่อกี้ ว่ารุ้งเบิกเงินไปก้อนใหญ่”
“นั่นคือเงินส่วนของรุ้งนะคะ คงไม่มีปัญหาอะไร”
“ไม่มีหรอกครับ ที่ถามเพราะผมรู้ว่ารุ้งเอาเงินไปให้แม่จ่ายหนี้ ทำไมไม่บอกผมล่ะ ผมยินดีช่วย”
“ขอบคุณที่กรุณา แต่อย่าเลยค่ะ เพราะฉันกำลังจะหมดพันธะกับคุณแล้ว เบิกเงินงวดสุดท้าย ฉันก็ขอเลิกสัญญากับคุณ”
อิทธิไม่พอใจ แต่พยายามพูดอย่างใจเย็น
“เงินที่เหลืออีกงวด มันก็ไม่มากหรอกนะรุ้ง”
“ฉันทราบค่ะ”
“เห็นแม่ติดหนี้เป็นล้านๆเลยไม่ใช่เหรอ รุ้งจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายล่ะถ้าเลิกสัญญากับผม”
รุ้งระวีอึ้งไป อิทธิหยิบเช็คออกมา แล้วส่งให้รุ้งระวี รุ้งระวีนิ่งงันเพราะเห็นตัวเลขเป็นหลักล้าน
“เงินสดล้านบาท ผมยินดีจ่ายให้ ถ้าคุณยังอยู่กับผมต่อ”
ทูนอินทร์เดินผ่านหน้าห้องมาพอดี ประตูห้องเปิดแง้มอยู่ ทูนอินทร์ได้ยินหยุดฟัง
“ไปอยู่ค่ายเพลงกระจอกของนายทูน คุณคิดเหรอว่าจะหาเงินล้านได้แบบนี้ เห็นว่าแม่คุณต้องใช้หนี้ด่วนด้วยไม่ใช่เหรอ ลำบากนะครับถ้าคิดจะช่วยแม่ แต่ทิ้งผม”
รุ้งระวีคิดหนัก
“ถ้าฉันขอยืมเงินก้อนนี้มาก่อน ฉันต้องทำอะไรบ้าง”
“อยู่กับผมแค่อีกแค่ปีเดียวก็พอ รุ้งก็จะเป็นอิสระ ยุติธรรมดีไหม”
“ปีเดียว เท่านั้นนะ”
“ครับ เซ็นสัญญากันใหม่เลย แค่ปีเดียว”
รุ้งระวีถอนใจ
“ก็ ยุติธรรมดี”
ทูนอินทร์นิ่งงันไป พยายามระงับอารมณ์ แล้วผละไปอย่างเสียความรู้สึกสุดๆ

รถแท็กซี่เข้ามาจอดหน้าบริษัทอิทธิ ผกาลงจากรถ ทันใดกลุ่มนักข่าวสี่ห้าคนวิ่งกรูกันเข้ามาถ่ายรูป ผกาตกใจ
“คุณแม่แสงหล้า ขอสัมภาษณ์หน่อยครับ”
ผกากร้าวทันที
“ไม่ ไม่ให้สัมภาษณ์ อย่ามายุ่งนะ”
นักข่าวไม่ฟัง แย่งกันถาม
“ได้เจอรุ้งแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ”
“อยากทราบประวัติชีวิตค่ะ ช่วงที่ต้องจากลูกสาว”
ผกาเอากระเป๋ามาปิดหน้าตัวเอง นักข่าวรุมถ่ายรูป
“ไม่รู้ อย่ามายุ่ง อย่าถ่ายรูป”
ทูนอินทร์ผลุนผลันออกจากบริษัทมาพอดี เห็นผกากำลังถูกรุม ก็ยิ่งสงสัยเพราะผการีบเอาแว่นดำมาใส่ เขารีบแหวกนักข่าวเข้าถึงตัวผกา
“ไม่ถ่ายนะครับ ไม่ถ่ายครับ คุณแม่ยังไม่พร้อมครับ”
ทูนอินทร์พาผกาเข้ามาในบริษัท

ยามเข้ากันไม่ให้นักข่าวเข้าไปด้านใน รุ้งระวีเข้ามาพร้อมอิทธิ จี่หอย มะปราง ถือของตามมาด้วยพร้อมจะกลับบ้าน
“อะไรกันคะ”
ผการีบบอก
“รุ้ง พวกนักข่าวจะมาสัมภาษณ์แม่ แม่ไม่อยากออกสื่อลูก”
อิทธิโวยวาย
“ใครไปเรียกนักข่าวมาวะเนี่ย เฮ้อ บริษัทนี้มีแต่พวกหนอนบ่อนไส้”
“ไม่ใช่พวกเราแน่ๆค่ะ” จี่หอยรีบบอก
“พาหลบไปด้านหลังเลย” อิทธิสั่ง
ทูนอินทร์พาผกาและรุ้งระวีหลบไปด้านหลัง อิทธิเปิดประตูออกไปเคลียร์ นักข่าวยิงคำถามใส่อิทธิเซ็งแซ่
“ทำไมไม่ให้สัมภาษณ์ละครับ”
“ขอโทษจริงๆ นะครับตอนนี้แม่รุ้งไม่สะดวกให้สัมภาษณ์จริง ๆ”
“ถ้าอย่างนั้นขอสัมภาษณ์น้องรุ้งได้ไหมคะ รู้สึกยังไงที่ได้พบคุณแม่”
อิทธิพยายามหาทางแก้ปัญหาเต็มที่

รุ้งระวีเดินนำทุกคนมาที่รถ ทูนอินทร์สังเกตท่าทีผกาตลอด
“พาแม่หนีพวกนักข่าวที แม่ไม่อยากให้พวกมันถ่ายรูป” ผกาโวยวาย
“งั้นเรากลับบ้านเลยดีกว่านะ” รุ้งระวีหันไปบอกจี่หอย
“ดีเลย” ผการีบขึ้นรถ
“คุณทูนละคะจะกลับเลยไหม” จี่หอยหันไปถาม
“เดี๋ยวผมตามไปที่บ้าน”
ทุกคนขึ้นรถ จี่หอยขับออกไปอย่างเร็ว ทูนอินทร์มองตามครุ่นคิดหลายเรื่อง

แสงหล้านอนซมอยู่ในห้องพักคนงานร้านต้มแซ่บ หมอกำลังทำแผลให้ อินทร เมธ ส้มป่อยดูอาการอยู่ด้วยกัน
“ไม่อยากอยู่โรงพยาบาลก็ได้ แต่ต้องล้างแผลทุกวัน แล้วก็กินยาตามที่หมอสั่ง เข้าใจนะ” หมอบอก
“ค่ะ” แสงหล้าไหว้หมอ
หมอหันมาบอกเมธ
“ไม่มีอะไรแล้ว รอให้แผลที่เย็บไว้มันแห้งก็จะดีขึ้น”
“ครับ”
เมธเดินไปส่งหมอ อินทรหันมาถามแสงหล้า
“ป้า ที่ป้าบอกว่าเป็นห่วงลูก ป้ามีลูกใช่ไหม แล้วจะติดต่อได้ยังไง จะได้ให้เขามารับป้ากลับไป”
“ติดต่อไม่ได้หรอกค่ะตอนนี้ อย่าไล่ป้าไปเลยนะคะ ป้าขอทำงานรับใช้พวกคุณอยู่ที่นี่ นะคะ”
แสงไหว้ประหลก อินทรพูดไม่ออก ส้มป่อยมองแสงหล้าอย่างไม่วางใจนัก

อินทรเดินมาหาเมธ ที่เพิ่งส่งเดินไปส่งหมอ
“เอาไงครับพี่เมธ ป้าแกยืนยันว่าขอทำงานชดใช้ให้เรา”
“ตอนนี้คนงานขาดพอดี ก็รับไว้ก็แล้วกันนะ ให้ช่วยงานในครัวนั่นแหละ” เมธตัดสินใจ
“ไว้ใจได้เหรอครับ ผมว่าแกดูแปลกๆ พูดกลับไปกลับมายังไงก็ไม่รู้”
“คงไม่มีอะไรหรอก”
ส้มป่อยเดินมาถาม
“นายขา จะให้เตรียมคูลไรซ์ ให้ป้าเขาเลยไหมคะ”
“อะไร คูลไรซ์”
“แหม ไม่เก็ท คูลไรซ์ ข้าวเย็นค่ะ”
“กระแดะ เตรียมมาเลย จัดข้าวต้มให้ทานนะ” เมธส่ายหน้าอย่างรำคาญส้มป่อย
“รับทราบค่ะ”
“”อ้อ ฉันจะมอบหมายให้เราคอยดูแลป้า แล้วก็ ” เมธลดเสียงลง “จับตาดูไว้ด้วย มีอะไรไม่ชอบมาพากล รายงานฉันทันที”
“อุ๊ย ไลค์มาก กดไลค์ให้ร้อยครั้ง ชอบค่ะ เป็นสายสืบ ฮิฮิ เขาวานส้มป่อยเป็นสายลับ” ส้มทำท่าสายลับสาว ถือปืนแล้วหมุนตัวไปอย่างคิดว่าเท่เต็มที่

ค่ำคืนนั้น ทูนอินทร์ไปทานอาหารที่บ้านรุ้งระวี ขณะที่นั่งทานอาหารพร้อมผกา จี่หอย และรุ้งระวีนั้น รุ้งระวีตักกับข้าวให้ผกาตลอด ทูนอินทร์ตัดสินใจถามขึ้น
“ทำไมแม่ถึงกลัวนักข่าวนักละครับ”
ผกาชะงัก
“ก็ไม่มีอะไร ไม่อยากให้เขามาถามประวัติแม่”
“ทำไมละครับ มีอะไรต้องปิดบังงั้นเหรอ”
รุ้งระวีมองทูนอินทร์อย่างไม่พอใจนัก
“แม่ไม่อยากพูดถึงมันหรอก”
“แต่ผมว่าถ้าแม่พูด เราอาจจะเข้าใจแม่ได้มากกว่านี้”
“ทูนคะ แม่ไม่อยากพูดเรื่องอดีต เพราะมันสะเทือนใจท่าน อย่าถามเลยค่ะ”
“ก็เลยไม่รู้ความจริงกันเสียที ผมว่าแม่ควรจะอธิบายตัวเองได้แล้วครับ เพราะรุ้งสงสัยอยู่หลายเรื่อง ทำไมแม่ถึงทิ้งรุ้ง ส่งรุ้งไปแอลเอกับครอบครัวฝรั่ง และที่รุ้งติดใจที่สุดก็คือ ทำไมแม่ไม่ติดต่อรุ้งอีกเลย จดหมายสักฉบับก็ไม่มี จนรุ้งคิดว่าแม่ไม่รักรุ้งอีกแล้ว”
ผกาเล่นละครทันที ร้องไห้สะอื้น
“ได้ อยากรู้ความจริงใช่ไหม แม่จะเล่าความจริงให้ฟัง แล้วรุ้งจะรู้ว่าที่แม่ทำไปทั้งหมดนั้นก็เพราะแม่รักรุ้งแท้ๆ ที่แม่ต้องส่งหนูไปเมืองนอกเพราะไอ้ผัวเลวของแม่ มันจะทำร้ายลูก จำได้ไหมคืนนั้น ที่มันรังแกลูกทั้งๆที่ลูกยังเด็ก จนแม่ต้องพาลูกหนีมาอยู่บ้านแหม่มที่กรุงเทพ”
รุ้งระวีเสียงเครือ
“จำได้ค่ะแม่”
“มันก็ยังตามมารังควาญแม่อีก มันจะจับหนูไปขายให้เสี่ยที่พัทยา มันตกลงซื้อขายกันเรียบร้อยแล้วด้วย แม่ถึงต้องให้ลูกหนีไปเมืองนอก”
ผการ้องไห้โฮ รุ้งระวีน้ำตาร่วงดึงเธอมากอดไว้
“แม่ใจจะขาดเสียให้ได้วันที่ต้องจากลูก”
“แล้วจากนั้นละคะ”
“พอขาดลูก ชีวิตแม่ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว แม่กลับไปร้องเพลงตามผับ แต่มันก็ทุกข์จนแม่ต้องกินเหล้าดับทุกข์ไปวันๆ ติดเหล้าจนเสียผู้เสียคน กรรมของแม่ไม่หมดเท่านั้นนะ ไอ้ผัวเลวมันตามรังควาญแม่อีก มันบังคับแม่ให้ทำงานหาเงินให้มัน”
“งานอะไรคะ”
ผกาจะขาดใจ
“มันให้แม่ขายตัว”
รุ้งระวี จี่หอย มะปรางตกใจ
“แม่”
รุ้งระวีกอดแม่อีกครั้ง ร้องไห้ทั้งคู่ จี่หอย มะปรางเช็ดน้ำตา ทูนอินทร์เองก็พลอยอึ้งไปด้วย
“แม่อยากโทรไปหาลูก เขียนจดหมายถึงลูกใจจะขาด ชีวิตแม่มันตกต่ำจนไม่เหลือความเป็นคนแล้ว แม่ไม่อยากให้ลูกรู้ว่าแม่มีอาชีพแบบนี้ แม่เลยตัดใจ ไม่ติดต่อลูกอีก”
“แม่คะ หนูเข้าใจแล้ว กราบขอโทษแม่ ที่คิดไม่ดี คิดว่าแม่ไม่รักหนู”
รุ้งระวีกราบที่อกของผกา
“เพราะแม่รักหนูต่างหาก ถึงไม่อยากให้หนูมารับรู้สิ่งที่แม่เป็น แม่ต่ำเกินไปสำหรับชื่อเสียงของหนู”
“แม่ขา แม่ไม่เคยตกต่ำ เพราะจิตใจของแม่สูงส่ง อย่าสนใจเรื่องชื่อเสียงของหนูเลย ชื่อเสียงของหนูไม่มีค่าอะไรเลย เมื่อเทียบกับความรักของแม่”
รุ้งระวีกอดผกาไว้ ทุกคนปลาบปลื้ม
“แม่ครับ ผมขอโทษที่คิดระแวงแม่ ไม่เชื่อในตัวแม่”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ คุณทำถูกแล้ว คุณรอบคอบเพื่อรุ้ง เท่านี้แม่ก็ดีใจแล้ว”
“ลืมเรื่องที่ผ่านมาให้หมดนะคะแม่ เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน”
“จ๊ะลูก”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวี และผกาที่เช็ดน้ำตาให้กันอย่างคลายใจ

(อ่านต่อหน้า 3 )







ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 13 (ต่อ)

แสงหล้านั่งทานข้าวต้มอย่างเพลีย ส้มป่อยนั่งเฝ้าอยู่ นั่งไขว้ห้างทำท่าเป็นคุณนาย
“หนูส้ม”
“คะ”
“ขอบใจนะที่มาดูแล”
“ไม่ต้องขอบใจหรอกค่ะ มันเป็นหน้าที่ของหนู ที่ต้องเฝ้าดูป้าไม่ให้ คลาดสายตา”
“คุณผู้ชายเขาสั่งมาอย่างนั้นเหรอ”
“ป้าคือคนแปลกหน้านะคะ แล้วก็หน้าแปลกด้วย ประวัติเป็นยังไงก็ไม่รู้ ยังไงส้มก็ไม่ไว้ใจ”
“ป้าไม่ใช่โจร เงินทองข้าวของน่ะ ป้าไม่ขโมยหรอกเชื่อเถอะ”
ส้มป่อยยักไหล่
“ซอร์รี่ค่ะเชื่อไม่ได้”
“งั้น มีสิบบาทไหมลูก ขอยืมหน่อย”
ส้มป่อยสะดุ้ง เลิกไขว่ห้างทันที

ทูนอินทร์นั่งอยู่ลำพังในสวนหลังบ้าน รุ้งระวีเดินตามมาคุยด้วย
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“ขอโทษนะรุ้ง ที่ผมระแวงแม่แสงเกินไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้ว่าคุณเจตนาดี คุณเป็นห่วงฉัน”
“รุ้ง”
“คะ”
“ผมยังน้อยใจอยู่เลย เมื่อกลางวันที่รุ้งบอกว่า ผมไม่บอกความจริงทั้งหมด มันคือเรื่องอะไรเหรอ”
“อย่าถือสาที่ฉันพูดเลยค่ะ”
“ไม่ได้ เรารักกันแล้ว เราต้องเปิดใจกันทุกเรื่อง”
รุ้งระวีถอนใจ
“ฉันแค่รู้สึกว่า เป็นไปได้ไหมที่คุณยังมีเยื่อใยกับฟ้าใสอยู่”
ทูนอินทร์หัวเราะ
“ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน”
“ไม่รู้ซี ฉันคงระแวงเกินไป คงเพราะหวงคุณมั้ง”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีอย่างเอ็นดู ดึงเธอมากอดซบกับไหล่
“ชื่นใจจัง ได้ยินคำนี้ ผมมีรุ้งสวยอยู่ตรงหน้า ผมจะไปสนท้องฟ้าหม่นๆทำไมละครับ”
“จริงนะ”
“จริงที่สุดในโลก รุ้ง ต่อไปนี้มีอะไรเราต้องคุยกันทุกเรื่อง อย่าคาใจกันแบบนี้ เอ้า ผมเปิดใจแล้ว รุ้งล่ะ”
รุ้งระวีเงยหน้ามองทูนอินทร์
“คืออะไรคะ”
“มีอะไรที่อยากจะบอกผมไหม”
ทูนอินทร์หมายถึงเรื่องที่คุยกับอิทธิเมื่อกลางวัน
“ไม่มีค่ะ”
ทูนอินทร์เกิดความรู้สึกเจ็บช้ำขึ้นวูบหนึ่ง แต่แล้วก็กลบเกลื่อนทันทีด้วยอารมณ์ขัน
“ต้องมีซี อย่างเรื่องผมหล่อเกินไป จนไม่กล้าควงด้วย หรือผมร้องเพลงเพราะกว่ารุ้ง จนรุ้งอิจฉา หรือผมหล่อกว่าพระเอกละครคนนั้นที่ชื่อ ปอ ปฎิบัติ”
รุ้งระวีหัวเราะ
“พอค่ะ เอาเป็นว่ารุ้งไม่มีอะไรต้องปกปิดคุณแม้แต่เรื่องเดียว โปร่งใสค่ะ”
ทูนอินทร์มองนิ่งลึกไปในดวงตาของรุ้งระวี จนเธอต้องหลบตา
“รุ้งไปช่วยแม่จัดดอกไม้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะได้ไหว้พระด้วยกัน”
รุ้งระวีกลับเข้าบ้านไป เพราะอึดอัด ไม่กล้าบอกเรื่องสัญญากับอิทธิ ทูนอินทร์มองตามอย่างไม่สบายใจ

ส้มป่อยถือจานผลไม้ เข้ามาในห้องพักของแสงหล้า
“ป้าคะ ต้องบอกก่อนนะคะ หนูไม่ใช่คนใช้ แต่เอาผลไม้มาให้ทานเพราะหนูจิตใจดี”
ส้มป่อยชะงัก เพราะที่นอนนั้นไม่เห็นร่างแสงเสียแล้ว
“ป้า ป้าหน้าแปลก หายไปแล้ว”
ส้มวิ่งออกจากห้องทันที
ทูนอินทร์เดินครุ่นคิดในสวน มองผ่านประตูมุ้งลวดเข้าไปที่โถงกลาง เห็นผกาและรุ้งระวีกำลังจัดดอกไม้บูชาพระ
“แม่คะ วันที่คอนเสิร์ตที่โคราช แม่ไปหาหนูใช่ไหม” รุ้งระวีหยิบมาลัยขึ้นมาดู
ผกาชะงักไปนิดหนึ่ง เบือนหน้าไปทางอื่นหลบสายตารุ้งระวี
“ใช่จ๊ะ”
“เอาดอกไม้ไปให้หนูที่หน้าเวทีด้วย”
“ใช่จ๊ะ”
“หนูว่าแล้วว่าต้องเป็นแม่ ทำไมแม่ไม่แสดงตัวตั้งแต่ตอนนั้นละคะ”
“ไม่กล้าลูก ไม่รู้ว่าลูกจะยอมรับแม่ได้รึเปล่า”
“โธ่! รับได้ซีคะ รู้ไหม หนูไปรอแม่ที่หน้าคอนเสิร์ตอยู่ตั้งนาน”
“เหรอจ๊ะ เออ พานนี้จัดเสร็จแล้ว แม่เอาไปตั้งในห้องพระก่อนนะ”
ผกาตัดบทแล้วหยิบพานดอกไม้ไป ทูนอินทร์มองอย่างสังเกต แล้วเดินอ้อมบ้านไปที่ห้องพระ

มะปรางกำลังทำความสะอาดห้องพระอยู่ ทูนอินทร์มองผ่านหน้าต่างเข้ามา ผกาเข้ามาในห้อง พร้อมพานดอกไม้
“นี่จ๊ะ เสร็จแล้วพานนี้”
ผกาวางพานลงหน้าหิ้งพระ เห็นมาลัยของแสงหล้าที่แห้งอยู่กับหิ้ง
“อ้าว มาลัยเน่าแล้ว ของใครละเนี่ย ทำไมไม่ทิ้ง”
“ของพี่รุ้งค่ะ พี่รุ้งไม่ให้ทิ้ง”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่ทราบ ได้มาตั้งแต่ที่โคราชน่ะค่ะ ไม่ยอมทิ้งสักที”
“ทิ้งเถอะ ดูซี นอกจากเน่าแล้วยังบี้แบนเหมือนโดนใครเหยียบ เอ้าเอาไปทิ้ง”
ผกาส่งมาลัยให้ปรางทิ้งลงถุงขยะ
ทูนอินทร์มองอย่างงุนงง ความสงสัยในตัวผกากลับมาทันที

ส้มป่อยวิ่งมาดูที่ถนนหน้าร้าน ที่มีตู้โทรศัพท์สาธารณะตั้งอยู่
“อุ๊ยไปไหนนะ ป้าหน้าแปลก โหนกแก้มสูง เอ๊ะ หรือว่าหนีไปแล้วขโมยของในบ้านรึเปล่าเนี่ย”
ส้มมองไปที่ตู้โทรศัพท์ เห็นแสงหล้าอยู่ในตู้ ส้มวิ่งมาเปิดประตู
“ป้าทำอะไรน่ะ”
แสงหล้าอ่อนแรง
“จะโทรหาคนรู้จัก”
“จะเรียกคนมาปล้นร้านฉันใช่ไหม”
“เปล่า ขอป้าโทรก่อนนะ อ้อ มีอีกสิบบาทไหม”
ส้มเท้าสะเอวทันที

ทูนอินทร์เดินพ้นมุมบ้านมากลางสวน ว้าวุ่นเพราะสงสัยผกาอีกแล้ว มือถือดังขึ้น ทูนอินทร์มองเบอร์อย่างไม่คุ้น
“ใครครับ”
“นั่นคุณทูนใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ใครพูด”
“ขอให้รู้กันแค่คุณกับฉันนะคะ ฉันคือแม่ตัวจริงของรุ้ง”
ทูนอินทร์กดบันทึกเสียงทันที
“แม่แสงหล้า”
“ใช่ค่ะ”
“เดี๋ยวตอบมาก่อน วันงานคอนเสิร์ตที่โคราช คุณไปหารุ้งหน้าเวทีใช่ไหม”
“ใช่”
“แล้วคุณให้อะไรรุ้งรึเปล่า”
“พวงมาลัย แต่เสียดาย มีคนเหยียบมันจนช้ำไปครึ่งนึง ทำไมคะ”
“เอาละ ผมเชื่อแล้วว่าคุณคือแม่แสงหล้าตัวจริง”
“ฉันโทรมาเพื่อให้คุณช่วยรุ้ง ผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวปลอม มันจะมาเอาเงินของรุ้ง มันชื่อนังผกา เคยทำงานอยู่ที่บ่อนเฮียปอ”
“เฮียปอไหน”
“ฉันก็ไม่รู้ คุณลองสืบดู”
“แล้วแม่อยู่ที่ไหน มาแสดงตัวกับรุ้งซีครับ”
“ไม่ได้ มันขู่จะฆ่าฉัน ฆ่ารุ้ง”
“ใคร”
“ฉันบอกไม่ได้ คุณเองก็ห้ามพูดนะว่าฉันโทรมา ถ้ามันรู้เข้า มันทำร้ายรุ้งแน่ๆ”
“พูดเหมือนกับว่า มันเป็นคนใกล้ตัวผมกับรุ้งอย่างนั้น”
“ใช่ คนใกล้ตัวคุณนั่นแหละ มันน่ากลัวมาก”
“บอกมาเถอะครับว่ามันเป็นใคร ผมจัดการกับมันได้”
เงินหมดพอดี แสงหล้าถอนใจ พิงหน้ากับผนังตู้โทร วางหูแต่ไม่ลงแป้น หูโทรศัพท์ตกห้อยอยู่
“เดี๋ยว แม่แสง แม่แสง”
ทูนอินทร์กดเบอร์กลับไป แต่ไม่ติด แสงหล้าเปิดประตูแล้วเซ ส้มป่อยเข้าประคอง
“ป้า อย่าเป็นลมตรงนี้นะ แบกไม่ไหว เข้าบ้านก่อน”
ส้มป่อยประคองแสงเข้าร้านไป
ทูนอินทร์ครุ่นคิด แล้วกดเบอร์อีกครั้ง
“พี่เมธครับ เรื่องใหญ่แล้วครับ”

วันรุ่งขึ้น เมธ อินทร ทูนอินทร์นั่งปรึกษากันอยู่ ฟังเสียงแสงจากมือถือที่ทูนอินทร์บันทึกไว้
“เรื่องพวงมาลัยนี่ ยืนยันแล้วละว่านี่คือแม่จริงของรุ้ง” เมธถาม
“แล้วเรื่องพวงมาลัยอีกเหมือนกัน ที่ยืนยันว่ายายนั่นคือแม่ปลอม” ทูนอินทร์บอก
“ตกลงชื่อยายผกา ทำงานที่บ่อนเฮียปอ เฮียปอไหนครับพี่” อินทรถาม
“ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเฮียปอ ปากน้ำ สืบไม่ยากแล้วละ” เมธบอก
“พี่จะบอกพี่รุ้งไหมครับ” อินทรหันมาถามทูนอินทร์
“ยังก่อน เพราะรุ้งเชื่อหมดใจแล้วว่ายายนั่นคือแม่จริง ไปทัดทานตอนนี้รุ้งไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด เราต้องเปิดโปงยายผกานี่ก่อน แล้วต้องรีดความจริงว่าเจ้าตัวร้ายที่จ้างวานมันมาคือใคร”
“คนใกล้ตัวเราด้วยนะครับพี่”
“นั่นซี ตอนนี้เดาไม่ออกเลย เพราะในค่ายนายอิทธิ มีศัตรูรุ้งทั้งนั้น”
“เรื่องนี้ต้องรีบด้วยนะ ก่อนที่ยายตัวปลอมมันจะถลุงเงินของรุ้งจนหมดตัว” เมธบอกอย่างไม่สบายใจ
เสียงกริ่งประตูบ้านดังขึ้น
“คงจะมาแล้วครับ” อินทรบอก
“ใครเหรอ” เมธถาม
“ผมนัดจ๊ะจ๋ามาที่นี่ครับ”
“เด็กยายฟ้าใส นัดมาทำไม” ทูนอินทร์ถาม
“พี่ครับ ผมว่าจ๊ะจ๋านี่แหละเป็นนักร้องคุณภาพอีกคน ถ้าฝึกดีๆ อาจจะมาเป็นศิลปินเข้าค่าย รุ้งกินน้ำ ของเราก็ได้นะครับ”
“นายอย่าพูดเรื่องของพวกเราให้เขารู้นะ โดยเฉพาะเรื่องรุ้งกับแม่ ไม่อยากให้ไปถึงหูฟ้าใส”
“รับรองครับพี่”
อินทรแยกไปหน้าบ้าน ทูนอินทร์หันมาบอกเมธ
“พี่เมธครับ ผมมีอีกเรื่องที่จะปรึกษา”
“ว่ามา”
“เรื่องรุ้ง กับสัญญาของนายอิทธิ” ทูนอินทร์บอกเครียดๆ

อินทรมาเปิดประตูบ้าน พบจ๊ะจ๋ายืนรออยู่ แต่งตัวน่ารักแบกกีตาร์มาด้วย
“สวัสดีค่ะ เดินหลงไปตั้งสองซอยแน่ะค่ะ”
“เชิญครับ”
จ๊ะจ๋าเข้าบ้านไป มองสวนร่มรื่นอย่างชอบๆ
“บ้านน่ารักจัง”
“เอากีตาร์มาด้วยเหรอครับ”
“ค่ะ ฉันเล่นกีตาร์เป็นนะ เดี๋ยวจะเล่นให้ดู”
จ๊ะจ๋าเดินนำไป
“เก่งหลายอย่างแฮะ” อินทรบอกยิ้มๆ

จี่หอยนั่งคุยกับรุ้งระวีอยู่ที่ห้องรับแขก ผกาเดินลงมาแอบฟัง
“คุณอิทธิ เสนอเงินล้านให้เหรอ”
“ค่ะ ให้รุ้งเอาเงินไปใช้หนี้ให้แม่ แต่ว่ารุ้งต้องอยู่กับเขาอีกหนึ่งปี”
“แล้วรุ้งว่าไง”
“ก็คงต้องตกลง เงินล้านนะคะพี่หอย รุ้งจะไปหาที่ไหนตอนนี้ แม่ก็ต้องการด่วนด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นที่รุ้งจะไปอยู่ค่ายคุณทูน ก็จบกัน”
“แค่ปีเดียวเท่านั้นเอง รุ้งจะอธิบายให้คุณทูนเข้าใจค่ะ”
“แล้วอธิบายรึยัง”
“ตอนนี้ยังไม่กล้าค่ะ”
จี่หอยหนักใจ
“คิดดีๆนะรุ้ง เงินล้านยืมคุณทูนก่อนก็ได้ นายอิทธิน่ะเล่ห์เหลี่ยมล้วนๆ เดี๋ยวรุ้งก็หลงกลเข้าอีก”
“รุ้งไม่รบกวนคุณทูนหรอกค่ะ เกรงใจ”
ผกาฟังเรื่องทั้งหมด ยิ้มย่ามใจกลับขึ้นไปชั้นบน

ทูนอินทร์และเมธปรึกษากันมุมสวน เห็นอินทรและจ๊ะจ๋ากำลังเล่นกีตาร์กันอยู่ในบ้าน ก็หันไปมอง ก่อนหันกลับมาคุยกัน
“รุ้งจะอยู่กับนายอิทธิต่องั้นเหรอ”
“ใช่ครับพี่ นายอิทธิเสนอเงินให้เป็นล้าน” ทูนอินทร์สลด “ผมได้ยินว่ารุ้งตกลงเสียด้วย”
“รุ้งบอกนายรึยัง”
“ไม่บอกครับ ผมก็รอดูท่าทีอยู่นี่แหละ”
“รีบเปิดโปงยายผกาเสีย ทุกอย่างก็จะจบ”
“ครับ”
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น ทั้งสองหันไปมอง

เมธเดินมาเปิดประตู พบว่ามะปรางยืนอยู่พร้อมขนมถุงใหญ่
“อ้าว มะปราง”
“สวัสดีค่ะ เอาขนมทำเองมาฝากค่ะ”
“นี่นัดกันมาใช่ไหม”
“นัดใครคะ”
“อ้าว ก็นัดกับจ๊ะจ๋าไง นี่เขากำลังฝึกร้องเพลงกับนายทร”
มะปรางเจื่อนไป

จ๊ะจ๋าเกากีตาร์กำลังร้องเพลงรักหวาน อินทรฟังอย่างปลื้ม มะปรางเดินมาแอบมอง
“นี่เล่นมืออาชีพเลยนะครับ”
“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่สมัครเล่น”
“ร้องต่อครับ เพราะมาก เพลงโปรดผมเลย”
“งั้นร้องกับจ๋านะคะ”
“ได้ครับ”
จ๊ะจ๋าร้องเพลง อินทรร้องตามอย่างประสานกันอย่างไพเราะ มะปรางซึมไป เพราะเกิดอาการหึงขึ้นมา อย่างที่ไม่เคยรู้สึกตัวมาก่อน

ผกายืนอยู่ริมหน้าต่างห้องนอน คุยโทรศัพท์กับคำรณไปด้วย
“นังรุ้งมันเตรียมเงินล้านไว้ให้เราแล้วพี่”
คำรณกำลังล้างรถของจวงใจ อยู่ที่สนามหน้าบ้าน ขณะที่คุยไปด้วย
“งั้นเหรอ งั้นเราต้องกระตุ้นให้มันจ่ายเงินมาให้เร็วที่สุด”
“กระตุ้นยังไง”
“บ่ายนี้พานังรุ้งมาที่ถนนหน้าบ้าน ฉันจะจัดฉากเด็ดๆไว้ให้ แกเตรียมรับมือไว้ให้ดีๆก็แล้วกัน”
คำรณยิ้มอย่างชั่วร้าย

จบตอนที่ 13

(อ่านต่อ ตอนที่ 14 พรุ่งนี้)





กำลังโหลดความคิดเห็น