คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 10
ส่วนที่บ้านชุติภา พิมภากับการะเกตุมองหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร แต่ต่างฝ่ายยังเก็บอาการ ฤชวีกลัวจะมีเรื่องจึงกระซิบกับพิมภา
“คุณพิมครับ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เมื่อกี้พิมใจร้อนไปหน่อยก็เลยสวนคุณย่าคุณไปพิมไม่ทำแล้วค่ะ” พิมภากระซิบตอบ ฤชวีมองพิมภาอย่างขอบคุณ
“ที่จริง เกตุกับคุณ ภรรยาคุณชื่ออะไรนะคะคุณต้น ปกติเกตุจำชื่อคนไม่ค่อยเก่ง”
“ฉันชื่อพิมภาค่ะ”
“อ๋อ ใช่ คุณพิมภา ขอโทษทีค่ะจำไม่ได้จริงๆ”
“ค่ะ ฉันเข้าใจ ปกติคุณคงจำได้แต่คนที่เป็นเป้าหมายเท่านั้น” พิมภามองหน้าการะเกตุ “หมายถึง คนที่น่าสนใจน่ะค่ะ”
“รู้จักกันมาก่อนเหรอหนูเกตุ”
“เกตุเป็นลูกค้าของบริษัทคุณ...พิมภาใช่มั๊ยคะ”
“ค่ะ”
“โทษทีค่ะ เกตุขี้ลืม เกตุเป็นลูกค้าของบริษัทคุณพิมภาน่ะค่ะเราเคยเจอกันในงานเปิดตัวสินค้าที่เพชรบูรณ์ เกตุยังเจอคุณต้นที่นั่นเลย” การะเกตุจงใจพูดให้ชุติภารู้ว่าเจอฤชวีที่เพชรบูรณ์ ชุติภามองหน้าฤชวี ฤชวีนิ่ง “พูดถึงถ้าไม่ได้สถานที่ของคุณย่ากับคุณต้น ปกติเกตุก็ไม่ค่อยเห็นนารีจัดงานได้ใหญ่โตแบบนี้นะคะ เชิญเกตุมาตั้งหลายครั้ง เกตุถึงไม่เคยไป”
“งานนี้เราเลือกเฉพาะกลุ่มที่คิดว่าจะเป็นลูกค้าชั้นดีของเราได้ค่ะ แต่ถึงเชิญไปแล้ว เราก็จะเลือกอีกทีว่าคิดถูกรึเปล่า นารีเป็นบริษัทไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีมาตราฐานค่ะ”
พิมภาสวนกลับการะเกตุ จนการะเกตุหน้าหงาย ชุติภาเห็นว่าการะเกตุกำลังจะพลาดท่า
“แล้วคุณพิมภาทำหน้าที่อะไรในบริษัทนี้”
พิมภารู้ตัวว่าตัวเองกำลังกลายเป็นเป้าของชุติภา
“พิมเป็นแบรนด์เมเนเจอร์ค่ะ”
“ซึ่งตามหน้าที่ก็ต้องคอยซัพพอร์ทลูกค้าอย่างหนูเกตุ”
“เราจะซัพพอร์ตเฉพาะลูกค้าที่เราเลือกแล้ว อย่างที่เพิ่งบอกไปค่ะ”
พิมภาตอบนิ่งๆ อย่างไม่เกรงชุติภากับการะเกตุ
“เป็นพนักงานบริษัท คงเหนื่อยแย่ เอ๊ะขอโทษนะ คุณพิมเป็นคนกรุงเทพรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ บ้านเกิดพิมอยู่ที่จันทบุรีค่ะ”
“อ๋อ แต่ก็เก่งนะ ที่ขวนขวายมาทำงานในกรุงเทพได้ ตำแหน่งก็ใช้ได้ขอโทษอีกทีนะ ทางบ้านทำอาชีพอะไร”
“บ้านพิมทำบ่อพลอยค่ะ”
“บ่อพลอย อย่าบอกนะคะว่าใหญ่ที่สุดในเมืองจันทร์”
“บังเอิญว่าใช่ค่ะ แต่ครอบครัวเราก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนั้นเราซีเรียสที่คุณภาพของพลอยที่ส่งออกสู่ตลาดมากกว่า เพราะหินบางก้อนตอนเราได้มา เรานึกว่าเป็นพลอย แต่พอเจียระไนแล้ว มันก็แสดงตัวออกมาค่ะว่ามันไม่ใช่”
การะเกตุรู้ว่าพิมภาน่าจะประชดเธอ
“เหรอคะ”
“ค่ะ”
“ในครัวมีขนม แต่ย่าใช้เด็กๆ มันไปจัดการกับต้นไม้หลังบ้าน”
“เดี๋ยวผมไปจัดการให้ครับ” ฤชวีรับอาสา
“แกอยู่คุยกับหนูเกตุดีกว่า คุณพิมไปช่วยฉันหน่อยสิ”
พิมภามองหน้าชุติภา แล้วมองหน้าฤชวี พิมภาสบตาฤชวีแบบบอกว่าไม่ต้องห่วง
“เดี๋ยวพิมไปช่วยคุณย่าเองค่ะ”
ชุติภามองยิ้มๆ แต่พิมภาไม่ไว้ใจรอยยิ้มของชุติภาเลย ชุติภาเดินนำหน้าไป พิมภาเดินตามไป ฤชวีมองตามอย่างเป็นห่วงพิมภา ฤชวีหันมาเจอการะเกตุที่ยิ้มให้อย่างอ่อยเหยื่อ
ชุติภาเข้ามาในครัวจัดขนมไทยโบราณหลายอย่างจากถาดลงจาน
“รู้จักมั้ยขนมพวกนี้”
“รู้จักค่ะ”
พิมภาช่วยจัดขนมใส่จานแต่ดูไม่คล่องนัก
“รู้จักแล้วทานเป็นมั้ย” พิมภาเริ่มแน่ใจว่าไม่น่าใช่คำถามเกี่ยวกับขนม “เท่าที่ฟัง ทางบ้านเธอถึงจะมีฐานะ แต่ก็คงไม่คุ้นกับพิธีรีตรองของสังคมดูจากการที่ทางบ้าน เธอยอมให้เธอแต่งงานกับตาต้นง่ายๆ แบบนี้”
“ทางบ้านพิม ก็เพิ่งรู้หลังจากที่เราจดทะเบียนกันค่ะ”
ชุติภาหันมามองหน้าพิมภา
“ถามจริงๆ เธอต้องการอะไรจากหลานฉัน” พิมภายังไม่ทันตอบอะไร ชุติภาก็ใส่ต่อ “ตระกูลของเราเป็นตระกูลเก่าแก่ ฉันชินนะกับการที่คนหวังที่จะใช้ตระกูลของเราสร้างความน่านับหน้าถือตาให้กับตัวเอง”
“คุณย่าหมายความว่าไงคะ”
“ถ้าบ้านเธอเป็นถึงเจ้าของบ่อพลอย เธอก็คงไม่ได้หิวเงิน แต่คงโหยหายศฐาบรรดาศักดิ์ ความน่านับหน้าถือตาในสังคมมากกว่า”
“พิมไม่อยากเถียงเพราะคิดว่าคุณย่าคงมองคนออก”
พิมภาตอบกลับนิ่งๆ ชุติภาอึ้ง จะโกรธก็ไม่เชิง แต่รู้สึกว่าคำตอบของพิมภามีหลายอย่างที่วิธีคิดเหมือนกับชุติภา
“ออกสิ อย่างเช่นหนูการะเกตุทั้งเก่ง แสนดี มีมารยาท ไม่ก้าวร้าวอย่างเธอ”
พิมภายิ้มให้อย่างมีมารยาท
“คุณย่ามองคนเก่งจริงๆ ด้วยค่ะ” แต่น้ำเสียงและรอยยิ้มของพิมภา บอกให้ชุติภารู้ว่าไม่ใช่อย่างที่พูด เพราะ
พิมภาเคยเห็นฤทธิ์การะเกตุมาแล้ว “เดี๋ยวพิมยกขนมออกไปให้ก่อนนะคะ”
พิมภายกขนมออกไป
การะเกตุเข้ามานั่งใกล้ๆ ฤชวี จ้องหน้าฤชวี
“คุณการะเกตุมีอะไรรึเปล่าครับ”
“พวกนักเขียนเนี่ย ดูมีเสน่ห์จังนะคะ”
“เหรอครับ”
“ผู้หญิงแบบไหนเหรอคะที่คุณต้นมักจะเลือกไปเป็นนางเอกในนิยายของคุณ”
“แบบไหนก็ได้ครับ ที่น่าสนใจ ผมว่าผู้หญิงทุกคนมีความน่าสนใจในตัวเองมีคุณค่าในตัวเอง”
“แล้วอย่างเกตุล่ะคะ น่าสนใจมั้ย” การะเกตุขยับใกล้ฤชวี “เขียนเรื่องเกี่ยวกับเกตุบ้างสิคะ หรือว่าอยากรู้ข้อมูลอะไรก่อนบอกได้นะคะ”
ฤชวีรู้ทันว่าการะเกตุจงใจจะอ่อย
“ปกติผมเขียนทีละเรื่องครับ และเรื่องที่ผมเขียนอยู่ นางเอกก็น่าสนใจ จนผมยังไม่สนใจที่จะเลือกผู้หญิงแบบอื่นมาเป็นนางเอกเลย”
การะเกตุรู้ว่าฤชวีหมายความว่าไง แต่ยังไม่ยอมแพ้
“เหรอคะ แล้วจะเขียนอีกนานมั้ยคะเรื่องนี้”
“ก็น่าจะตลอดชีวิตครับ”
การะเกตุหน้าเสีย
“งั้นเหรอคะ”
“ครับ” ฤชวีตอบรับเสียงหนักแน่น การะเกตุหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจ
“เกตุขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
การะเกตุออกไป ฤชวีมองตามอย่างโล่งใจ
พิมภาเดินถือถาดของว่างมาเจอกับการะเกตุระหว่างทาง
“ดีนะ พลาดจากลูกน้องของฉันก็มาจับคุณต้นเอาไว้ได้”
พิมภาหยุดมองหน้าการะเกตุ
“มีขนมหลายอย่างนะคะ”
“บอกฉันทำไม” การะเกตุทำหน้างง ฤชวีที่เดินตามออกมาดูพิมภาได้ยินพอดี
“ก็ถ้าเผื่อคุณหิว ก็ทานก่อน จะได้ไม่หน้ามืด”
“หมายความว่าไง”
“เดาว่าเมื่อสักครู่ตอนที่อยู่กับสามีดิฉัน คุณคงหิว” พิมภาจ้องหน้าการะเกตุก่อนจะพูดต่อ “และไม่แน่ใจว่าแสดงอาการหน้ามืดออกไปรึเปล่า คือฉันหมายถึง หิว อยาก ทนไม่ไหว จะเป็นลมน่ะค่ะ”
“พูดแบบนี้เธอหมายความว่าไง”
“นักการตลาดอย่างฉันก็ประมาณการณ์เอาจากสิ่งที่เราเคยเห็นเคยได้ข้อมูลมาน่ะค่ะ เท่าที่เห็นคุณมา ฉันก็เลยประมาณเอาว่าเวลาไหนที่คุณน่าจะหิวจน หน้ามืด” ฤชวีที่ยืนแอบฟังอยู่มองอย่างพอใจ ฤชวีไม่แสดงตัวเดินกลับไป “ตามมาทานขนมนะคะ”
พิมภาเดินหนีการะเกตุไป โดยที่การะเกตุอ้าปากเถียงอะไรไม่ทันเลย
พิมภาเดินขึ้นมาเห็นฤชวีนั่งยิ้ม พิมภาถือถาดขนมเข้ามาวาง
“ยิ้มอะไรคะคุณต้น”
“ไม่บอกได้มั้ยครับ”
“ฉันเหนื่อยขี้เกียจลับฝีปากกับคุณอีกคนนะ ฉันปวดหัว”
ชุติภาตามขึ้นมา พิมภากับฤชวีรีบทำปกติ
“หนูเกตุไปไหน” ชุติภาถามหาการะเกตุ สักพักการะเกตุก็ตามขึ้นมา “หนูเกตุไปไหนมาจ๊ะ” ชุติภาหันไปถามการะเกตุ
“เกตุเห็นคุณย่าหายไปนาน ก็เลยเป็นห่วงตามไปดูน่ะค่ะ”
พิมภามองการะเกตุอย่างหน่ายๆ
“ทานขนมกันสิ”
ทุกคนลงมือทานขนมตามที่ชุติภาเชิญเงียบๆ พิมภากินได้ไม่เท่าไหร่ ฤชวีเห็นจึงตักให้
“พอแล้วค่ะคุณต้น”
“ทำไมไม่ชอบขนมหวานเหรอคุณพิม”
“ชอบค่ะ แต่ทานได้ไม่เท่าไหร่”
“ผิดกับตาต้นนะ รายนี้ทานเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม เค้าชอบ โดยเฉพาะฝีมือย่า”
“แหมก็ขนมฝีมือคุณย่ามันอร่อยจริงๆ นี่คะ นี่ขนาดเกตุคุมน้ำหนัก ยังอดใจไม่ไหวเลย”
การะเกตุเอ็นจอยจริงๆ เพราะไม่ค่อยได้สัมผัสกับขนมโบราณมากนัก
“แล้วทำไมวันนี้ทานน้อยจังตาต้น” ชุติภาถามหลานชาย
“เห็นคุณการะเกตุทานก็เพลินแล้วครับ พลอยอิ่มไปด้วย” การะเกตุวางมืออายๆ
“แหมคุณต้น กัดเกตุเข้าแล้วไงค่ะ” การะเกตุมองฤชวีกับพิมภา “ที่จริงคุณต้นกับคุณพิม ดู...ขอโทษนะคะ ไม่ค่อยเข้ากันเลยนะคะขอโทษนะคะที่ต้องพูดตรงๆ”
“ยังไงเหรอคะ คุณการะเกตุกำลังจะบอกว่าเหมือนพิมได้ของที่ไม่เหมาะมาอยู่ในมืองั้นเหรอคะ”
“ก็ทำนองนั้นค่ะ” พิมภายิ้ม
“แต่ฉันก็ได้มาแล้ว นี่สิคะประเด็น”
การะเกตุอ้าปากค้างเถียงพิมภาไม่ออก แล้วทั้งห้องก็มีความเงียบงันเข้ามาแทนที่
“คุณย่าครับ ผมกับคุณพิมจะขอตัวกลับก่อน” พิมภาอึ้งงง “คุณพิมปวดหัวน่ะครับ ผมอยากพากลับไปพัก”
“ย่าสั่งให้คนทำกับข้าวที่แกชอบไว้ตั้งหลายอย่าง”
“ขอโทษนะครับคุณย่า แต่เอาไว้วันหลังดีกว่า วันนี้ผมอยากพาคุณพิมกลับไปพัก”
“คุณต้นคะ”
“อย่าฝืนครับคุณพิม ผมรู้คุณไม่ไหวแล้ว”
“งั้นก็ตามใจ”
“ครับ สวัสดีครับคุณย่า”
พิมภาสวัสดีชุติภา ชุติภารับไหว้แบบไม่มองหน้า ฤชวีพาพิมภาออกไป
“ดูคุณต้นจะเกรงใจเมียมากกว่าคุณย่าอีกนะคะเนี่ย”
ชุติภาฟังนิ่ง แต่ทั้งสีหน้าและแววตาบอกว่าไม่พอใจ การะเกตุยิ้มพอใจที่ปั่นชุติภาได้
ภัทรพลมาส่งลัลนาที่หน้าบ้าน ลัลนาทำปากดี
“ลัลดีขึ้นแล้วเดี๋ยวเข้าบ้านเองก็ได้ค่ะ”
“ครับ ตามใจ” ลัลนาอึ้งไม่นึกว่าภัทรพลจะยอม “อ้าวทำไมล่ะครับ ก็เห็นคุณลัลดื้อจัง อยากเดินเข้าบ้านเอง ผมก็ยอมแล้วไงครับ ขี้เกียจอุ้มแล้วเหมือนกัน”
ลัลนาอึ้งแต่ก็จำยอมต้องทำตามที่ตัวเองพูดไป
“งั้น ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างค่ะ”
“ครับ”
ลัลนามองว่าแค่นี้เองเหรอ แล้วตัดสินใจถามภัทรพล
“คุณช่วยฉันทำไมคะ”
ภัทรพลมองลัลนา
“ผมก็ทำตามหน้าที่ที่เพื่อนมนุษย์ควรมีต่อกันครับ ไม่ได้พิเศษอะไร” คำตอบนี้ทำให้ลัลนาถึงกับอึ้ง
“ตอบได้ดีมากค่ะ”
น้ำเสียงลัลนาบอกให้รู้ว่าอึ้งและแอบน้อยใจ ลัลนาลงจากรถไปทื่อๆ ไปไม่เป็น ลัลนาเดินเขยกเข้าบ้าน ภัทรพลมองอมยิ้ม
“ต้องดัดนิสัยให้เข็ด”
ลัลนาแอบใจแป้ว
“นี่ไม่สนใจกันแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย”
ลัลนาเขยกเข้าบ้านไปอย่างน้อยใจ ภัทรพลมองตามอย่างสะใจที่ได้ดัดนิสัยลัลนา
ฤชวีพาพิมภามานั่งทานสุกี้
“ทำไมคุณถึงรู้คะว่าฉัน ไม่ได้ปวดหัว” พิมภาถามฤชวีตรงๆ
“แต่คุณรู้สึกอึดอัด”
“ค่ะ”
“รู้สิครับ ผมรู้ดีว่าคุณย่าผมเป็นยังไง” ฤชวีมองหน้าพิมภา “และก็รู้ว่าคุณเป็นยังไงไงครับ ลับฝีปากกับคุณย่าผมสนุกมั้ย”
“ฉันก็...แค่ ชี้แจงเรื่องที่คุณย่าคุณเข้าใจฉันผิดไปนิดๆ หน่อยๆ เองค่ะ” พิมภาบอกเสียงอ่อยๆ “ไม่ได้รุนแรงอะไร แค่จัดไปตามความ เหมาะสม”
ฤชวีฟังแล้วอมยิ้มขำพิมภา
“แล้วคุณการะเกตุละครับ จัดไปตามความเหมาะสมรึเปล่า”
“นี่คุณเห็นฉันกับยัยการะเกตุนั่นด้วยเหรอคะ” ฤชวียิ้มรับ
“ครับ”
“แล้วทำไมคุณไม่ออกมาช่วยฉันล่ะ ปล่อยให้ฉันรับหน้าอยู่คนเดียว”
“ที่คุณจัดไปมันก็ร้ายกาจดีอยู่แล้วนี่ครับ”
“ใช่สิ ฉันมันร้ายกาจ”
“แต่ผมชอบนะครับ มีอะไรเป็นแรงขับเคลื่อนเหรอครับ แอบหึงผมรึเปล่าครับคุณภรรยากำมะลอ เล่นซะเนียนเชียว”
“งั้นมั้งค้า คุณสามีกำมะลอ...ทานเถอะค่ะ”
พิมภาคีบอาหารในหม้อสุกี้ให้ฤชวี ฤชวีรับมาพอใจแอบยิ้มๆ
“ดูคุณพิมชอบทานสุกี้นะครับ”
“ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวนะคะ บ้านฉันชอบทานสุกี้กันทั้งบ้านเลย มันเหมือนว่าได้ใช้เวลากับคนที่เรารัก ฉันก็เลยชอบ”
“ใครๆ ก็อยาก ใช้เวลากับคนที่เรารัก”
ฤชวีบอกยิ้มๆ พิมภายิ้มรับเข้าใจคนละความหมาย แต่รอยยิ้มของฤชวีทำให้พิมภาเริ่มระแวงว่าจะเป็นความหมายของคนรักกัน พิมภาเขินไม่กล้าสบตาฤชวีและรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เดี๋ยวทานเสร็จแล้วไปซื้อของเข้าบ้านดีกว่า”
“ดีครับ ฟังดูเป็นกิจกรรมของครอบครัว”
“อะไรนะคะ”
“ทานครับทาน เดี๋ยวผมคีบให้”
ฤชวีไม่ตอบที่พิมภาถาม พิมภาค้อนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น
หลังจากทานสุกี้เสร็จ ฤชวีกับพิมพาก็พากันมาซื้อของต่อ ฤชวีกับพิมภากำลังจ่ายเงินที่แคชเชียร์
“ผมจ่ายเองนะ”
“ยินดีรับของฟรีค่ะ”
พิมภาขยับเดินออกมาเห็นตู้ไขไข่ที่ตั้งอยู่ตรงทางออกแคชเชียร์ พิมภาไปยืนมองยิ้มๆ ฤชวีจ่ายเงินเสร็จขยับรถเข็นมาเห็นพิมภายืนมองตู้ไขไข่
“อยากเล่นเหรอครับ”
“สมัยเด็ก ๆ พี่ภัทรกับฉันชอบไขเล่นเวลากลับจากโรงเรียนประจำ” พิมภาจ้องตู้ไขไข่เป๋ง “เห็นแหวนในไข่นั่นมั้ยคะ รู้มั้ยว่ามันน่าตื่นเต้นดีใจมากเลยนะเวลาที่เราไขไข่ที่มีแหวนออกมาได้สำเร็จ”
“แปลว่าอยากเล่น” ฤชวีหยิบเหรียญสิบบาทขึ้นมา พิมภาตาวาวที่จะได้ไขไข่ “แต่...เริ่มรำลึกความหลังนี่มันแสดงอายุนะครับ”
“เราก็น่าจะไล่เลี่ยกันรึเปล่าคะคุณต้น ถึงได้คุยกันเข้าใจ”
“อะ งั้นก็ลืมวัยกันซักวันแล้วกันครับ”
ฤชวีใส่เหรียญในช่องใส่เหรียญให้พิมภา พิมภาไขไข่ ไข่ที่หล่นลงมาเห็นว่าเป็นแหวนของเล่น
“ได้จริงๆ ด้วย”
พิมภาดีใจอย่างลืมตัว ฤชวีมองพิมภาขำๆ พิมภาค้อนที่ถูกฤชวีอำด้วยสายตา ฤชวีง้อด้วยการผายมือให้พิมภาหยิบไข่
“หยิบเถอะครับ ผมไม่ล้อแล้ว”
พิมภาที่เก็บความอยากเอาไว้นาน รีบคว้าไข่ แต่บังเอิญทำไข่ตกไปที่พื้น ไข่ของเล่นกลิ้งไปตามพื้น พิมภาตามไป ไข่มาหยุดที่ปลายเท้าคนคนหนึ่ง พิมภาเงยหน้าดู
“คุณตรีวิญ”
“บังเอิญจังนะครับ”
ฤชวีตามมาเห็นตรีวิญแล้วอึ้งๆ แต่ก็ฝืนยิ้มทักทายตามมารยาท
“สวัสดีครับคุณตรีวิญ”
“สวัสดีครับคุณฤชวี ขอโทษนะครับที่วันนี้ผมลากคุณพิมไปทำงาน ทั้งที่มีนัดสำคัญกับคุณย่าคุณ”
ฤชวีหันไปมองหน้าพิมภาเหมือนอยากรู้ว่าตรีวิญรู้ได้ยังไง
“พิมบอกคุณตรีวิญเองค่ะ”
ฤชวีตึงนิดๆ ที่รู้ว่าพิมภาบอกตรีวิญทุกเรื่อง
“แล้วนี่ทำอะไรกันครับ” ตรีวิญมองไข่ของเล่นในมือพิมภา “ย้อนความหลังวัยเด็กกันอยู่เหรอครับ”
พิมภาไม่ค่อยสบายใจกับคำว่าเด็ก
“ก็ลองเล่นกันดูขำๆ น่ะค่ะ”
ฤชวีไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
“แต่ผมจริงจังครับ การย้อนความทรงจำดีๆ มันทำให้จิตใจเราไม่แข็งกระด้าง”
“แต่มันก็ดูไม่เข้ากับวัยเท่าไหร่รึเปล่าครับ”
“อย่าเอาเรื่องวัยมาจำกัดความสุขของตัวเองสิครับ ถ้าคุณพิมกลัวไม่ เข้ากับวัย” ฤชวีดึงไข่ของเล่นในมือพิมภามา “ผมเก็บไว้เองก็ได้ครับ”
“คุณตรีวิญมาที่นี่ทำไมเหรอคะ”
“ผมมาเดินหาซื้อของขวัญให้เพื่อนที่ต่างประเทศน่ะครับ แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี”
ตรีวิญมองพิมภาอย่างจะขอความช่วยเหลือแต่ไม่กล้า พิมภาเดาออก
“ให้พิมช่วยมั้ยคะ พิมกับคุณต้นซื้อของเสร็จแล้วพอดี”
“จะดีเหรอครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณตรีวิญมา...คนเดียว...คงคิดไม่ออก พวกเราช่วยคิดก็ได้”
ฤชวีจงใจเอาคืนตรีวิญบ้าง ตรีวิญเดาออก
“งั้นก็ รบกวนด้วยแล้วกันครับ”
ฤชวีแอบขัดใจนิดหนึ่งที่ตรีวิญไม่ปฏิเสธ ตรีวิญเดินนำไป
“ขอโทษนะคะคุณต้น พิมคงต้องขอช่วยเจ้านายหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ”
พิมภายิ้มขอบคุณฤชวีแล้วเดินตามตรีวิญไป ฤชวีมองไข่ของเล่นที่มีแหวนในมือ แล้วเอาแหวนออกจากไข่ใส่กระเป๋าเสื้อไว้
ที่แผนกเครื่องหอม เทียนหอม
“ดูเป็นพวกนี้ดีกว่ามั้ยคะ เทียนหอมดูไทยๆ ดี” พิมภาบอก
“ก็ดีครับ แต่ว่าผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้เท่าไหร่”
ตรีวิญอยากให้พิมภาออกตัวเลือกให้
“พิมแนะนำได้อย่างเดียว ไม่ค่อยชำนาญหรอกค่ะว่ากลิ่นไหนมันเป็นกลิ่นไหน” พิมภาหันไปหาฤชวี “คุณต้นพอจะเลือกเป็นมั้ยคะ”
“ได้ครับ”
“งั้นเดี๋ยวให้คุณต้นเลือกให้นะคะ”
ตรีวิญไม่ได้ดั่งใจ แต่ปฎิเสธไม่ได้
“ครับ”
พิมภาเดินนำไปกับฤชวี เลือกเทียนหอมกลิ่นต่างๆ ฤชวีกับพิมภาช่วยกันเลือกเทียนหอม เหมือนกับว่าโลกนี้มีกันอยู่แค่สองคน ตรีวิญรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน แต่ก็จำยอมต้องเดินตามไป
พิมภาส่งถุงเทียนหอมที่ซื้อมาให้กับตรีวิญ
“เพื่อนของคุณตรีวิญชอบหรือไม่ชอบ บอกพิมด้วยนะคะ”
“ครับ”
“จะได้รู้น่ะค่ะว่า คุณต้นเลือกเก่งจริงรึเปล่า” พิมภาบอกยิ้มๆ
“อ้าว คุณพิมไม่เชื่อฝีมือผมซะงั้น”
“รู้ตัวก็ดีแล้วค่ะ”
พิมภากับฤชวียิ้มให้กันอย่างมีความสุข ตรีวิญได้แต่มองอย่างอิจฉาลึกๆ แต่เก็บอาการ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณมากครับที่ช่วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ตรีวิญเดินแยกไปจากพิมภากับฤชวี
“งั้นเราก็กลับกันดีกว่าครับ”
พิมภากับฤชวีเดินออกไปอีกทาง ตรีวิญที่ตอนแรกทำเป็นแยกไปอย่างไม่สนใจพิมภากับฤชวี หันมามองอย่าสะท้อนใจ
เมื่อกลับถึงคอนโด ตรีวิญเอาเทียนหอมที่พิมภากับฤชวีช่วยเลือกมาจุดเต็มห้อง เพราะที่จริงตรีวิญไม่ได้จะซื้อให้ใครแต่ใช้เป็นข้ออ้างในการขัดคอพิมภากับฤชวี
ตรีวิญนึกถึงพิมภาตอนที่เขาไปส่งพิมภาที่บ้านชุติภาและยังจอดรถรอดูอยู่จนฤชวีขับรถออกมาจากบ้านชุติภา ตรีวิญจึงขับตามมาและเดินตามหาพิมภาจนเห็นทั้งคู่อยู่ที่ร้านสุกี้
ตรีวิญนั่งเหงาๆ นึกถึงพิมภา
ภัทรพลนั่งรอฤชวีกับพิมภาอยู่ในห้อง นันทิกานต์เข้ามา
“ไอ้พิมกับคุณต้นกลับมารึยังพี่ภัทร”
“พี่ก็รออยู่เนี่ย โทรไปก็ไม่มีสัญญาณ”
“คงไม่ได้โดนย่าคุณต้นสั่งเก็บใช่มั้ยพี่”
“บ้าน่า แต่ไอ้พิมมันก็ชอบทำตัวน่าหมั่นไส้ด้วยว่ะ”
ฤชวีกับพิมภาหอบของเข้ามา ภัทรพลส่งซิกให้นันทิกานต์เข้าไปสำรวจพิมภาว่าเป็นอะไรหรือเปล่า นันทิกานต์เข้ามาดูพิมภาใกล้ๆ
“แขนขาครบ ไม่บุบสลาย”
ฤชวีรู้ทันว่านันทิกานต์กับภัทรพลเป็นห่วงว่าพิมภาโดนชุติภาเล่นงานรึเปล่า
“คุณย่าผมเล่นงานอะไรคุณพิมไม่ได้หรอกครับ คุณพิมเค้าเอาอยู่”
“คุณต้น”
“ผมเอาของไปเก็บในครัวดีกว่า”
“พิมช่วยค่ะ”
ฤชวีกับพิมภาเอาของไปเก็บในครัว ภัทรพลกับนันทิกานต์เข้ามาสุมหัวกัน
“ค่อยโล่งใจหน่อย ไม่งั้นคืนนี้ถึงนอนหลับก็ฝันร้ายแน่” นันทิกานต์บอกอย่างโล่งอก
“ถ้าย่าคุณต้นรับยายพิมได้ก็ไม่มีปัญหา เพราะพ่อกับแม่พี่น่ะชอบคุณต้นอยู่แล้ว”
“แต่ถ้าพ่อกับแม่พี่รู้ว่าสองคนนี้โกหก ระเบิดไม่ลงหรือพี่ภัทร”
“เดายาก แต่ถึงไม่รู้วันนี้ วันนึงก็ต้องรู้อยู่ดี จะช้าจะเร็วก็เท่านั้นแหละ”
“อืม ก็ขอให้ช้าหน่อยละกันพี่”
นันทิกานต์กับภัทรพลมองพิมภากับฤชวีอย่างเป็นห่วง
พิมภาเข้ามานั่งที่เตียง ฤชวีนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะในห้องนอน
“เมื่อไหร่พี่ภัทรจะกลับซะที” พิมภาบ่นออกมา
“ทำไมครับเบื่อมีต้องมีผมนอนร่วมห้องเหรอครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ”
“ถ้าคุณพิมไม่สบายใจ ผมออกไปนอนข้างนอกก็ได้นะครับ ถ้าคุณภัทรถามผมจะบอกว่าเราทะเลาะกันคุณงอนก็เลยไล่ผมออกจากห้อง”
“คุณต้นไม่ต้องทำให้มันยากขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“อ้าวก็ปกติผมเห็นคุณพิมชอบทำเรื่องง่ายๆ ให้มันเป็นเรื่องยากนี่ครับ”
พิมภาชักไม่พอใจที่ถูกฤชวีกัด
“ไม่ใช่เพราะวันนี้เจอว่าที่คู่หมั้น เลยอยากทำตัวให้ว่างเว้น ฟรีอะไรทำนองนี้เหรอคะ”
“คุณก็ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าไม่ว่าผมว่างหรือไม่ว่าง คุณการะเกตุเค้าก็รอ” ฤชวียั่วกลับ พิมภาอึ้ง ไม่นึกว่าจะถูกฤชวีย้อนแบบนี้
“ถามจริงๆ นะคะคุณ ที่จริงคู่หมั้นคุณก็ไม่เลวนะ ตังค์ก็มี ถ้าคุณยอมแต่งก็ไม่น่ามีปัญหา ดูเหมาะสมกันดี”
“เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องของหัวใจไม่ใช่ความเหมาะสม ถ้าเราจะอยู่กับใครสักคนไปจนตายจะต้องเป็นคนที่ผมตื่นมาเจอเค้าเป็นคนแรกและได้เห็นเขาก่อนหลับตา”
พิมภาได้ยินแล้วรู้สึกชอบในความคิดของฤชวีแต่ทำปากแข็ง
“ฉันว่าคุณเขียนนิยายมากไปแล้วคะคุณต้น” ฤชวีหน้าเสียไปนิดหนึ่ง พิมภานึกได้ “คุณต้นไข่ของเล่นที่เราไขวันนี้ล่ะคะ”
“ผมทิ้งไปแล้ว”
“คุณทิ้งไปทำไมคะ”
“ก็คุณบอกว่ามันทำให้คุณดูเป็นเด็ก”
“ก็ฉัน...” พิมภานึกคำพูดไม่ออก “แต่ก็นั่นแหล่ะ คุณก็ไม่ควรจะทิ้งไป”
“แล้วไม่กลัวว่าคุณตรีวิญรู้ว่าเก็บไว้แล้วจะหาว่าคุณทำตัวไม่เหมาะสม ทำตัวเด็กเหรอครับ”
“แต่ก่อนจะทิ้งของฉันคุณควรถามฉันก่อน”
“ก็ผมทิ้งไปแล้วนี่ครับ จะให้ทำไง ผมง่วงแล้ว นอนก่อนนะครับ”
ฤชวีไปนอนห่มผ้า พิมภาได้แต่มองฤชวีอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วก็ล้มตัวลงนอน ฤชวีที่นอนหันหลังให้พิมภาเอาแหวนที่อยู่ในไข่ขึ้นมาดู อมยิ้มที่ได้รู้ว่าพิมภายังอยากได้อยู่และก็สะใจที่เห็นว่าพิมภาไม่สบอารมณ์ที่บอกว่าทิ้งไปแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อพิมภากับภัทรพลออกมาจากห้อง ฤชวีก็เตรียมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว
“แกนี่โชคดีจริงๆ ไอ้พิมที่มีคนดูแลเอาใจขนาดนี้” ภัทรพลบอก
“เหรอ”
“ผู้ชายดีๆ แบบนี้หาได้ที่ไหน แต่จะว่าไปก็มีอยู่อีกคน”
“ใคร”
“พี่เอง”
“ทานข้าวเถอะครับ อาหารพร้อมแล้ว” ฤชวีบอกแล้วเอาน้ำส้มคั้นมาให้พิมภากับภัทรพล “น้ำส้มคั้นสดครับ”
“วันนี้ฉันไม่อยากดื่ม”
ภัทรพลมองหน้าฤชวีอย่างตั้งคำถามว่าพิมภาไม่พอใจอะไรอีก
“คุณพิมโมโหที่ผมทิ้งแหวนของเล่นที่คุณพิมไขได้ไปน่ะครับ”
“แหวนที่อยู่ในไข่ เหมือนสมัยเราเด็กๆ รึเปล่า”
“ครับ”
“ยายพิม แกชอบมากเลยนี่ แหวนแบบนั้น”
“ไม่ได้ชอบแล้วย่ะ”
“นี่แกงอนที่คุณต้นทิ้งแหวนของเล่นแกเหรอ”
“ไม่ได้งอน ใครจะไปงอน เรื่องไร้สาระ”
“แกไงงอน พักนี้แกงอนคุณต้นบ่อยมากนะ รู้ตัวมั้ย”
“บอกว่าไม่ได้งอนก็ไม่ได้งอนสิ”
ภัทรพลหัวเราะอาการของพิมภา พิมภายิ่งโกรธ แล้วเสียงกริ่งก็ดังขึ้น
“ผมไปเปิดให้ครับ”
ฤชวีไปเปิดประตูเจอภาณุวัฒน์กับพิมมาลาเข้ามา
“ยัยพิม! แกโกหกพ่อทำไม”
พิมภา ฤชวี ภัทรพลตกใจ
ปราสินีกำลังจะหยิบเสื้อเอกพลไปซักแล้วเห็นรอยลิปสติกเลอะที่ปกเสื้อ ปราสินีโกรธพลุ่งพล่านมากจะหันไปเอาเรื่องเอกพลที่เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดีๆ เอกพลเห็นอาการของปราสินี
“มีอะไร”
ปราสินีพยายามระงับอารมณ์
“เปล่าค่ะ นี่พี่เอกจะไปไหนคะ”
“ก็ไปทำงานน่ะสิ” เอกพลหวีผม ฉีดน้ำหอม ปราสินีมองคิดๆ “แล้วเรื่องเด็กจะไปจัดการเมื่อไหร่”
ปราสินีอ้ำอึ้ง
“วันนี้ค่ะ”
“ดี แล้วมีเงินรึเปล่า”
“มีค่ะ”
“ถ้ามีก็ออกไปก่อนแล้วกัน ถือว่าชดเชยที่เธอเลินเล่อปล่อยให้ท้องได้”
ปราสินีได้ฟังแล้วเจ็บแปลบในความร้ายกาจของเอกพล แต่ก็พยายามข่ม
“งานพี่เป็นยังไงบ้างคะ”
“ระดับผู้จัดการบริหารพื้นที่มันก็ต้องดีอยู่แล้ว”
“พี่คะ ปลาไม่อยากอยู่เฉยๆ พี่เอกพาปลาเข้าไปทำงานด้วยสิคะ” เอกพลชะงักมอง
“แล้วทำไมไม่ไปสมัครงานที่อื่น”
“สมัครไปหลายที่แล้ว แต่ว่าไม่มีใครตอบรับเลย”
“มันก็ไม่แปลก ใครๆ เค้าก็คงเห็นคลิปที่เธอไปโง่สารภาพความผิดกับนารี”
น้ำเสียงของเอกพลไม่ได้มีความเห็นใจเลย ปราสินียิ่งช้ำใจ
“พี่เอกช่วยปลาหน่อยได้มั้ยคะ”
“จะดูให้แล้วก็แล้วกัน” เอกพลพูดแบบตัดความรำคาญ
ปราสินีหอมแก้มเอกพลเหมือนไม่มีอะไร เอกพลออกไปปราสินีเดินไปที่เสื้อหยิบขึ้นมามองที่รอยลิปสติกแล้วใช้มือขยำขยี้เสื้ออย่างแค้น
“ปลารู้ว่าเจ้าของรอยลิปนี่มันต้องทำงานอยู่ที่เดียวกับพี่”
สีหน้าของปราสินีมั่นใจว่าถ้าเข้าไปทำงานกับเอกพลจะได้รู้ว่าเจ้าของรอยลิปสติกคือใคร
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ภัทรพล ฤชวี พิมภาอึ้งกับสิ่งที่ภาณุวัฒน์โวยวายเมื่อมาถึง
“ฝัน”
พิมมาลามองภาณุวัฒน์แบบหน่ายๆ
“ก็พ่อแกนะสิ คิดมากเรื่องแกกับตาต้นจนเก็บไปฝัน”
“คิดมากเรื่องอะไรน่ะพ่อ”
“ก็เรื่องที่ไอ้ผู้ชายที่ชื่อตรีๆ อะไรสักอย่างมาตามจีบแกไง”
“พ่อไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน” พิมภานึกได้หันมองภัทรพลอย่างมั่นใจโวยเลย “พี่ภัทรไปฟ้องพ่อกับแม่ว่าคุณตรีวิญมาตามจีบพิมได้ยังไง”
“ได้สิ ก็มันเรื่องจริง แกทำตัวไม่ดี ฉันก็ต้องฟ้อง”
“สรุปว่าคุณภัทรฟ้องคุณพ่อกับคุณแม่เรื่องคุณตรีวิญ คุณพ่อก็เลยเครียดเก็บไปฝันเหรอครับ”
“แต่มันเหมือนจริงมาก พิมกับต้นเข้ามาตรงหน้าพ่อร้องไห้ สารภาพว่าเรื่องแต่งงานของแกสองคนเป็นเรื่องโกหก” ภาณุวัฒน์บอกเสียงจริงจังมาก
“พ่อเขาละเมอโวยวายตื่นมากลางดึกเครียดจนความดันขึ้น แม่เลยต้องพาพ่อมาหาแกมาดูให้เห็นกับตาว่าพวกแกยังอยู่ด้วยกันหรือเปล่า”
“พ่อกับแม่คิดมากไปแล้ว”
“ไม่คิดได้ยังไง แกแต่งกันไม่ถึงอาทิตย์ก็ทะเลาะจนตาต้นหนีไปจันทร์ นี่แกยังมีผู้ชายมาตามจีบอีก พ่อไม่อยากให้ชีวิตคู่แกมีปัญหานะพิม”
“พ่อกับแม่ห่วงลูกมานะ”
“พิมรู้ค่ะ แต่พ่อกับแม่ก็เห็นนี่คะ” พิมภาเข้าไปคล้องแขนฤชวี “ว่าคุณต้นกับพิมยังอยู่ด้วยกัน แสดงว่าฝันของพ่อไม่แม่น สบายใจได้แล้วนะคะ พิมไปทำงานก่อนนะคะ สายแล้ว”
“ยัยพิม”
พิมภาไม่ฟังรีบชิ่งออกไปเลย
“คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ได้ทานอะไรมาใช่มั๊ยครับ” ฤชวีถาม
“รีบออกมาแต่เช้ามืด ยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ”
ฤชวีเข้าครัวไป พิมมาลามองตามฤชวีอย่างชื่นชม
“เออดีนะ ลูกสาวเรามันไม่เอาถ่านเรื่องงานบ้านงานเรือน แต่คุณต้นนี่สิเก่งไปซะหมด”
“เค้าถึงเรียกว่าส่วนเติมเต็มไงครับ”
“ก็นี่ไง ถ้ายายพิมมันโกหกเราจริงๆ มันก็สมควรจะโดน”
ภัทรพลมองพิมมาลากับภาณุวัฒน์อย่างตัดสินใจ
“พ่อกับแม่นี่ลางสังหรณ์แรงมาก”
ภาณวัฒน์กับพิมมาลาชะงัก
“แกหมายความว่าไง”
ภัทรพลมองฤชวีที่ยังไม่ออกมา
“ใจเย็นก่อนสิพ่อ พ่อแม่ต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่เป็นลม”
“เล่ามาให้ไว”
ภัทรพลมองหน้าพิมมาลากับภาณุวัฒน์อย่างรวบรวมพลังจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
ที่บริษัทนารี ลัลนากำลังใช้ยาทานวดข้อเท้าที่ส้น ลัลนานวดเท้าด้วยสีหน้าเหม่อๆ ซูซี่เข้ามายืนมองลัลนา
ลัลนาหันมาเห็นซูซี่ก็ตกใจ
“พี่เข้ามาทำไมเงียบๆ คะ”
“พี่ก็เข้ามาปกติ แต่น้องลัลเองต่างหากที่เหม่อผิดปกติ มองไม่เห็นพี่เอง”
“เหรอคะ”
ซูซี่มองหน้าลัลนา
“น้องลัลนวดฝ่าเท้า แล้วก็เหม่อ อย่าบอกนะคะว่าการนวดฝ่าเท้ามันทำให้น้องลัลคิดถึงใคร เพราะคนที่ถูกนึกถึงคงไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี”
“ลัลคิดถึงเรื่องงานที่ลัลสั่งพี่ไปเมื่อวานค่ะ”
“อ้าว เป็นพี่ซะงั้นเหรอคะ ที่น้องลัลนวดฝ่าเท้าแล้วคิดถึง”
“แล้วเรียบร้อยหรือยังล่ะคะ”
“อุ้ย เข้าตัวเลย เรียบร้อยแล้วค่ะ นี่ค่ะ ทางบริษัทโฆษณาส่งมาให้ดูคร่าวๆ”
ซูซี่เอาไอแพดให้ลัลนาดูเมลงาน
“นี่ยายพิมเห็นรึยังคะ”
“น่าจะเห็นแล้วค่ะ เพราะเค้าส่งมาให้พร้อมกัน แต่พูดถึงน้องพิมแล้วก็อิจฉานะคะได้สามีแสนจะสมบูรณ์แบบซะขนาดนั้น พี่ร้อยไหมอีกซักสามสี่เที่ยว ยังไม่รู้เลยว่าจะหาได้ขนาดนั้นมั๊ย”
“ลัลว่าก็งั้นๆ”
“เป๊ะเว่อร์ขนาดนั้นนะเหรอคะ งั้นๆ”
“เรื่องคู่นี่มันอยู่ที่ความพึงพอใจต่างหากคะพี่ซูซี่ ไม่มีของใครดีกว่าของใครหรอก”
“นี่น้องลัลมีการพัฒนาระดับจิตใจไปอีกขั้นโดยที่ไม่ได้กล่าวเตือนพี่ล่วงหน้าอีกแล้วนะคะ”
“ทำไมคะ ไม่ดีเหรอคะ”
“ดีค่ะ แต่พี่ตามไม่ทัน อยู่ๆ ก็ดีขึ้นมาซะงั้น”
“เมื่อก่อนลัลแย่มากเหรอคะ”
“ก็เปล่าหรอกค่ะ”
“แปลว่าน่าจะแย่อยู่ ลัลว่าลัลจะลองปรับข้อเสียของตัวเองดูบ้างดีมั๊ยคะ”
“น้องลัล ค่อยค่ะ อย่าเปลี่ยนปุบปับแบบนี้ พี่ตามไม่ทัน ใครกันคะที่ทำให้น้องลัลอยากจะเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้”
“ใคร๊ อะไรคะ ลัลอยากเปลี่ยนของลัลเอง”
ลัลนาเสียงสูงขึ้นมาแล้วทำเป็นดูงานในไอแพด ซูซี่มองลัลนาอย่างมั่นใจว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
ภัทรพลมองพ่อกับแม่ที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นร้ายกาจหลังจากรู้เรื่องราวทั้งหมด
“ไอ้พิมมันกล้าหลอกพ่อแม่เหรอ”
“แบบนี้มันโทษหนัก มันต้องโดน”
ฤชวียกอาหารเช้าออกมาวาง
“ทานข้าวครับ”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาเงยหน้าขึ้นมองฤชวีพร้อมกัน ฤชวีตกใจ
“นั่งลงสิ กินด้วยกัน”
ฤชวีเห็นสายตาทั้งคู่แล้วไม่ไว้ใจ
“ไม่เป็นไรครับ”
“นั่ง” ภาณุวัฒน์เสียงแข็งขึ้นมา ฤชวีรู้ว่ามีอะไรแน่จึงนั่งลง
“กล้ามากนะที่แหกตาพวกฉัน”
ฤชวีมองภัทรพล ภัทรพลผายมือยักไหล่เป็นการแสดงว่าช่วยไม่ได้
“มันถึงเวลาแล้ว”
“มีอะไรจะพูดมั๊ยคุณต้น”
“ผมขอโทษครับ”
พิมมาลายังไม่พอใจในคำตอบ
“นอกจากคำว่าขอโทษน่ะ”
“ขอโทษจริงๆ ครับ”
“คุณต้น อย่ามากวนประสาทแม่นะ เสียแรงที่แม่หลงรัก หลงชื่นชม”
“ใจเย็นสิแม่ จะขึ้นก็ต้องขึ้นให้มันถูกคน เรื่องทั้งหมดนี่ไอ้พิมเลยที่เป็นคนจัดมา”
“แต่คุณพิมจำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ นะครับ คุณพิมไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจ เรื่องงานแต่งที่ล่มไปก็เลย...”
“จัดฉากเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ขึ้นมาแทน แล้วมันทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมาหรือไงคุณต้น”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“ไม่รู้แล้วคุณไปช่วยไอ้พิมมันโกหกทำไม”
“ผมไม่รู้ว่าทำแบบนี้มันจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมั๊ย แต่ผมรู้ว่าคุณพิมห่วงความรู้สึกของคุณพ่อ คุณแม่ คุณภัทรถึงได้ทำแบบนี้ ผมอยากให้ทุกคนเห็นใจคุณพิมบ้าง”
ฤชวีมองภาณุวัฒน์ พิมมาลาและภัทรพลอย่างขอความเห็นใจแทนพิมภา
อีกด้านหนึ่งที่ห้องทำงานการะเกตุ เอกพลเข้ามาที่หน้าห้องทำงานจะเข้าไปหาการะเกตุแต่ชะงักที่ได้ยินการะเกตุกำลังโวยให้สินีนาฎฟัง
“นังพิมภาเมียคุณต้นมันร้ายมากเลยนะคะคุณยาย มันหักหน้าเกตุ”
“แกก็ต้องร้ายกว่ามัน แกจะต้องแย่งนายต้นมาให้ได้”
“แค่นั้นไม่พอหรอกเกตุจะเหยียบมันให้จมดิน ให้มันไม่มีที่ยืนอีกเลย”
“ต้องให้มันได้แบบนี้สิหลานยายแล้วมีแผนแล้วหรือไง งานก็คนละสายกัน มันไม่ได้เป็นลูกน้องแก ดังก็ไม่ดังจะทำลายชื่อเสียงก็ไม่เวิร์ค แกจะทำยังไงหะ”
การะเกตุคิดๆ แล้วกดโทรศัพท์ มือถือเอกพลดัง เอกพลกดรับ
“อยู่ที่ไหน”
“ผมกำลังเข้ามาที่หน้าห้องคุณครับ”
เอกพลเปิดประตูเข้ามา การะเกตุมองเอกพลปิดประตูยิ้มให้อย่างรู้ทัน
“แอบฟังฉันอีกแล้วสิ” เอกพลไม่กล้าตอบ “งั้นก็รู้แล้วสิว่าฉันอยากให้ทำอะไร”
เอกพลยิ้มรับ สินีนาฎมองเอกพล
“นายคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงรู้เรื่องของแก”
“เอกพลเป็นผู้จัดการฝ่ายบริหารพื้นที่”
“แล้วจะมาทำอะไรได้”
“เอกพลเป็นคนที่รู้ไส้รู้พุงพิมภาและบริษัทนารีมากที่สุด” เอกพลยิ้มอย่างยินดีรับใช้ “คุณคุ้นกับที่นั่นดีนี่ มีวิธีไหนให้ฉันเข้าไปสนุกในบริษัทนารีได้”
“มีครับ แต่วิธีนี้ต้องลงทุนหน่อย”
“เงินไม่ใช่ปัญหา เอาให้มันสะใจก็แล้วกัน พูดมาเลย” สินีนาฎบอก เอกพลยิ้มรับ
ขณะนั้นพิมภาอยู่ที่ห้องทำงาน เธอหันมาเจอนันทิกานต์กำลังจ้องหน้า
“แกยังไม่เล่าเลยว่าเมื่อวานไปเจอย่าคุณต้นแล้วเป็นไง”
“เป็นความเลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”
“แกโดนย่าคุณต้นเล่นงานมาว่างั้น” พิมภาพยักหน้ารับ อย่างจ๋อยๆ “พอเลย แกไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นฉันว่าอย่างแกก็ต้องเล่นกลับไปเยอะเหมือนกัน”
“ก็นิดนึง แต่ฉันคนเดียวจะไปสู้อะไรเค้าสองคนได้”
“สองคน ใครอีกคน”
“ที่จริงคุณย่าของคุณต้นเค้าเล็งคนที่จะให้แต่งงานกับคุณต้นไว้แล้ว”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”
“มีที่บ้ากว่านั้นอีกนะ ผู้หญิงคนนั้นก็คือยัยการะเกตุ”
“ยัยการะเกตุ”
“ใช่”
“โหย ถ้าคุณต้นแต่งด้วยคงซวยไปทั้งชาติ แล้วแกจะทำยังไง”
“รู้ไส้รู้พุงยายนั่นขนาดนั้นฉันไม่ให้คุณต้นไปติดกับยัยนั่นแน่นอน”
“แน่ะ ทั้งรักทั้งห่วงว่างั้น”
“ไอ้แนนแกเป็นอะไรแยงฉันเรื่องคุณต้นอยู่ได้”
“เขาก็เป็นคนดี ฉันเห็นว่าแกเจอคนดีๆ แล้วก็ไม่อยากให้หลุดมือไป”
“ผู้ชายไม่สำคัญเท่างานหรอกจ้ะ ทำงาน”
ตรีวิญเดินเข้ามา
“เที่ยงแล้วไปทานข้าวกันไหมครับ” ตรีวิญเอ่ยชวน
“ยายพิมไม่ไปหรอกค่ะ เค้าจะทำงาน”
“แนน”
“ก็เมื่อกี้แกบอกฉันเอง”
“ไปเถอะครับพอดีผมมีเรื่องงานจะคุยด้วย”
“แนนไปด้วยค่ะ” ตรีวิญมองนันทิกานต์ “เผื่อมีอะไรในฐานะผู้ช่วยยายพิมแนนจะได้ช่วยจำ”
“ครับ” สีหน้าตรีวิญไม่ค่อยยินดีนักที่นันทิกานต์จะไปกินข้าวด้วย แต่ทำอะไรไม่ได้จึงเดินนำออกไป
“แกทำอะไร” พิมภาหันมาถามนันทิกานต์
“กั๊ก รู้จักมั้ย และการกั๊กครั้งนี้ เพื่อคุณต้นสุภาพบุรุษผู้แสนดีของฉัน”
นันทิกานต์บอกแล้วเดินลอยหน้าลอยตาตามตรีวิญออกไป พิมภาเดินตามไปอย่างเอือมๆ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่คอนโดพิมภา ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาฟังทุกอย่างจนจบฤชวีหน้าจ๋อย
“คุณพ่อคุณแม่จะลงโทษผมยังไงก็ได้ แต่อย่าทำอะไรคุณพิมเลยนะครับ”
“คุณต้น” พิมมาลาเรียกฤชวีเสียงเข้ม
“ไม่ต้องโหดขนาดนั้นก็ได้นี่แม่ นี่แม่จะลงโทษคุณต้นเค้าจริงๆ เหรอ”
“จริง คุณต้นสมควรถูกลงโทษ”
“ครับ ผมเข้าใจ”
“และไม่มีอะไรที่โหดร้ายไปกว่า คุณจะต้องมาเป็นลูกเขยของแม่ตลอดไปห้ามลาออก”
“อะไรนะครับ”
“ก็ถ้าคุณกับยายพิมตกลงกันว่าจะเลิกล้มเรื่องการแต่งงานระหว่างคุณกับยายพิมเมื่อพวกเรารู้เรื่องทั้งหมด” พิมมาลามองหน้าภาณุวัฒน์ให้รับช่วงต่อ
“พวกเราก็จะทำความจำเสื่อม เหมือนกับว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เราไม่รู้เรื่อง ความก็ไม่แตก ก็ไม่ต้องยกเลิก ตกลงตามนี้ก็แล้วกันไอ้ลูกเขย”
“แต่” ฤชวียังงงๆ
“ไม่รู้เหรอ คนเมืองจันทร์คนจริง พูดคำไหนคำนั้น บอกว่าเอาแบบนี้ก็แบบนี้สิอย่าขัดใจให้โมโหได้มั๊ย” ภัทรพลบอก
“งั้นก็ ได้ครับคุณพ่อตา” พิมมาลากระแอม “ครับ คุณแม่ยาย อยากทานอะไรกันอีกรึเปล่าครับ เดี๋ยวผมไปทำเพิ่มให้”
ฤชวีรีบเข้าครัวไปทำอาหารเพิ่มด้วยความอารมณ์ดี ภัทรพลจ้องพิมมาลากับภาณุวัฒน์
“ขอเดาว่าคุณต้นรอด แต่ไอ้พิม ไม่รอด”
“ใช่” ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาบอกออกมาพร้อมกัน
“ในเมื่อมันกล้าโกหกพ่อแม่ มันต้องโดน”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาแค้นลูกสาว ภัทรพลเห็นสายตาทั้งคู่แล้วกลัวแทนพิมภา
ตรีวิญเดินคู่มากับพิมภามา นันทิกานต์เดินตามมา จนมาเจอกับลัลนาและซูซี่
“จะไปทานกลางวันกันเหรอคะ” ลัลนาถาม
“ใช่”
“แล้วสามีไม่มาทานกลางวันด้วยเหรอจ๊ะ ถึงต้องออกไปกับคุณตรีวิญแทน”
“พอดีผมมีเรื่องงานจะคุยกับคุณพิม คุณแนนครับ”
ลัลนามองอย่างไม่อยากเชื่อ
เรื่องงานเหรอคะ งั้นพวกเรารู้ด้วยได้มั้ยคะ”
“ก็ ได้ครับ คุยกันไปพร้อมๆ กันก็ได้”
ลิลลี่วิ่งเข้ามา
“พี่ลัลคะ คุณสุเรียกพบค่ะ คุณตรีวิญกับพี่พิมด้วยนะคะ”
ทุกคนสงสัยว่ามีอะไร
ทั้งหมดมาหาสุกัญญาที่ห้องทำงาน
“ตอนนี้นารีจะมีการขยายสายงานคือรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์อื่น แต่ครั้งนี้จะเป็นสายงานของสินค้าที่เกี่ยวกับผู้ชาย” ทุกคนฟังนิ่ง รอให้สุกัญญาอธิบายเพิ่ม “ทางกรรมการปรึกษากันแล้วว่าจะรับผลิต”
“แต่เราไม่เคยผลิตสินค้าของผู้ชายนะคะ”
“ใช่ ครั้งนี้จึงเป็นการเริ่มต้นของเราและคนที่ต้องรับผิดชอบงานนี้ก็คือ...” ทุกคนรอฟังว่าเป็นใคร “ลัลนา”
ทุกคนงงว่าทำไมเป็นลัลนา
ลัลนายังอึ้งอยู่ที่สุกัญญาจะให้เธอเป็นคนรับผิดชอบโปรเจ็คใหม่
“พร้อมที่จะรับโปรเจคใหญ่ครั้งนี้มั้ย หรือว่าไม่มั่นใจ”
สุกัญญามองลัลนาอย่างต้องการคำตอบ และมองพิมภาหากคำตอบของลัลนาคือไม่ ลัลนามองออกจึงรีบตอบรับ
“พร้อมค่ะ”
“แต่งานนี้เป็นงานใหญ่ และบริษัทเราไม่เคยรับงานแบบนี้มาก่อน”
สุกัญญามองออกว่าตรีวิญอยากให้พิมภาเข้ามาช่วยลัลนา
“ลัล ต้องการคนช่วยมั้ย”
สุกัญญาถามลัลนา ลัลนารู้ว่าหมายถึงพิมภา
“ที่จริงไม่จำเป็นค่ะ แต่ถ้าพิมเขาว่างอยู่แล้วคุณสุอยากให้มาศึกษางานของลัลก็ให้พิมมาช่วยก็ได้ค่ะ”
“ที่จริงพิมไม่ว่างหรอกค่ะ แต่ถ้าลัลเขาเอาไม่อยู่ ให้พิมช่วยก็ได้ค่ะ”
พิมภากับลัลนาเริ่มเปิดศึกกันอีกครั้ง สุกัญญาหน่ายใจ
“ถ้ารู้ว่าเจ้าของสินค้าเป็นใคร เธอสองคนอาจไม่เสียเวลามานั่งทะเลาะกัน”
“ใครคะเจ้าของสินค้า”
“คุณการะเกตุ พรุ่งนี้คุณการะเกตุจะเข้ามาคุยโปรเจคนี้กับเราอย่างเป็นทางการ”
“พรุ่งนี้”
พิมภากับลัลนาอุทานออกมาพร้อมกัน
นันทิกานต์กับซูซี่รอฟังข่าวอยู่ข้างนอก ถ้าทำได้แทบจะอยากแทรกตัวผ่านประตูเข้าไปฟังด้วย พิมภากับลัลนาเปิดประตูออกมา
“เดี๋ยว เธอจะทำงานนี้คนเดียวจริงๆ เหรอ” พิมภาถามลัลนา
“ทำไม เธออยากเกี่ยวด้วยเหรอ เดี๋ยวกรวดน้ำไปให้ก็แล้วกันนะ”
“ฉันว่าเธอดูออกว่ายัยการะเกตุไม่ได้มาดีแน่”
สิ่งที่พิมภาพูดคือสิ่งที่ลัลนากลัวอยู่ แต่ลัลนาทำปากแข็งไม่ยอมรับ
“ฉัน ไม่กลัวยัยนั่นหรอก”
“สะกดจิตตัวเองให้สำเร็จก็แล้วกัน ฉันรู้ว่าเธอกลัว ถ้ายอมรับมา ฉันจะช่วยเธอ” พิมภาเดินประชิด ลัลนาเดินเข้าหา
“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ”
“แหม เผื่อไว้หน่อยก็ดีนะคะน้องลัล เผื่อพลาด แบบไม่เป๊ะอะไรเงี๊ยค่ะ” ซูซี่บอก
“บอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องไงคะ คนอย่างลัลนาไม่มีวันขอความช่วยเหลือจากเธอ พิมภา จำไว้”
ลัลนาบอกแล้วลากซูซี่ออกไป
“ไอ้พิม ไวรัสลงสมองแกรึเปล่า เมื่อกี้แกกำลังขอทำงานกับยัยลัล เสื่อมว่ะแก”
“แกสิเสื่อม ที่ฉันพูดเพราะยัยการะเกตุเป็นเจ้าของงาน”
“ทำไม แกคิดว่ายัยนั่นมีแผน”
“ไม่มีอะไรชัวร์ไปกว่านี้แล้วแนน”
“ขอเหตุผล”
“คราวก่อนตอนที่เจอกันที่บ้านคุณย่าของคุณต้น ฉันเล่นยัยการะเกตุไว้เยอะยัยนั่นคงแค้นฉัน เลยจะมาหาทางเล่นงาน”
“แล้วทำไมเขาถึงเจาะจงให้ยัยลัลเป็นคนรับผิดชอบงาน ไม่ใช่แก”
“ยัยนั่นมันเป็นคนซับซ้อน แกล้งฉันตรงๆ มันไม่ทำหรอก”
“ถ้ายัยนั่นซับซ้อน แกก็สุดยอดความซับซ้อนแล้วไอ้พิม แกรู้ได้ไง”
“เซ้นส์มันบอก”
“โอย ฟังตั้งนานพิมจิตสัมผัสได้ พิมญาณวิเศษซะงั้น”
พิมภามั่นใจว่าการะเกตุไม่น่าจะมาดี เพียงแต่ยังไม่แน่ใจว่าการะเกตุมีแผนอะไรเท่านั้น
อีกด้านหนึ่งเอกพลเดินเข้ามานั่งตรงข้ามการะเกตุด้วยสีหน้ามั่นใจ
“ทำไมคุณถึงมั่นใจว่าถ้าคนชื่อลัลนาเป็นคนรับผิดชอบงานนี้ แล้วจะเล่นงานพิมภาได้”
เอกพลยิ้มอย่างถือดี มีฟอร์มนิดๆ เหมือนกับถือไพ่เหนือกว่าก่อนพูด
“ลัลนาเป็นคู่แข่งของพิมภา”
การะเกตุคิดต่อเข้าใจทันที
“ถ้าให้คู่แข่งมารับผิดชอบงาน แทนที่จะเป็นพิมภา คนถือดีอย่างพิมภาต้องทนไม่ได้”
เอกพลพอใจที่การะเกตุตามเกมทัน
“ครับ”
การะเกตุนิ่งคิดแผนการต่อยอด
“งั้น ฉันจะบีบให้นารีเอาคุณต้นมาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าของฉัน” คราวนี้เป็นเอกพลที่งงว่าการะเกตุจะทำอะไร “ถ้าคิดจะบีบพิมภา ก็ต้องบีบให้แน่น เอาให้เลือดตกใน พิมภาไม่ได้รับผิดชอบงานนี้ แล้วยังต้องให้สามีที่หวงนักหวงหนามาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ฉันด้วย” การะเกตุสีหน้าสะใจกว่าเดิม เอกพลมองการะเกตุอย่างอึ้งๆ นิดหนึ่งที่การะเกตุสามารถต่อยอดแผนการได้ร้ายกาจกว่า “งานนี้คุณคงต้องมีผู้ช่วย”
“ผมมีคนที่เคยมีประสบการณ์ด้านเครื่องสำอางอยู่ พอจะดึงตัวมาช่วยได้ครับ”
“ก็ดี งั้นก็จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
เอกพลจะออกไปจากห้อง สวนกับสินีนาฎที่เข้ามา เอกพลยกมือไหว้สินีนาฎ สินีนาฎรับไหว้แบบเสียมิได้
“รับไหว้ให้มันเต็มใจหน่อยไม่ได้เหรอยาย” การะเกตุพูดทั้งที่ยังก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่
“ฉันไม่ชอบหน้ามัน แกดูออกใช่มั้ย”
“ดูออกสิยาย”
“แต่แกก็ยังเอามันไว้”
“ก็เขาร้ายกาจดี” การะเกตุยิ้มให้สินีนาฎ “ก็เรื่องอะไรที่เราไม่อยากให้เปื้อนมือ ก็ให้เขาทำแทนไงยาย จะลงไปคลุกเองให้เปลืองตัวทำไม”
“แล้วแกจัดการเรื่องคุณต้นไปถึงไหนแล้ว”
“วันนี้เป็นเกตุนะที่ต้องถามยายว่า ยายจะจัดการเรื่องคุณต้นให้เกตุได้หรือยัง”
สินีนาฏมองหน้าการะเกตุ คิดตามไม่ทันว่าการะเกตุต้องการให้ทำอะไรให้
เย็นวันเดียวกันนั้นสินีนาฎจึงมาหาชุติภาที่บ้าน แต่เมื่อมาถึงสินีนาฎเอาแต่นั่งนิ่งจนชุติภาต้องเป็นฝ่ายถามขึ้นมา
“มาหาฉันถึงบ้าน มีเรื่องด่วนเหรอจ๊ะเพื่อน”
“ถ้าจะเอาให้ตรงประเด็นเลย ฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจรึเปล่า เธอถึงไม่ให้เกียรติฉันกับหลานสาวแบบนี้”
“ไม่ให้เกียรติ”
“ก็จะให้มองเป็นอย่างอื่นได้ยังไง เธอให้หลานสาวฉันรอหลานชายเธอทั้งที่หลานชายเธอทั้งรักทั้งหลงเมียขนาดนั้น คนเขาพูดกันว่าไงรู้มั้ย?” ชุติภารอฟัง “หลานสาวฉันไม่มีปัญญาหาผัว สิ้นคิด ต้องรอแชร์จากคนอื่น”
“ตายแล้ว” ชุติภาตกใจ
“เธอไม่สะใจหรอกเหรอที่ทำกับหลานฉันแบบนี้ได้”
“พูดอะไรแบบนั้น ฉันทั้งรักทั้งเอ็นดูหนูการะเกตุมากนะ”
“แล้วมากเท่าหลานสะใภ้เธอรึเปล่า ถ้ามากกว่า เธอก็ช่วยทำอะไรที่มันชัดเจนเพื่อให้ฉันกับหลานสบายใจหน่อยได้มั๊ย” ชุติภาลำบากใจ สินีนาฏรู้สึกว่ากำลังเป็นต่อจึงรุกต่อ “มีอีกเรื่อง” สินีนาฎทำเป็นไม่อยากพูดต่อ “ที่จริงฉันก็ไม่ควรพูดเรื่องนี้กับเธอตอนนี้หรอกนะ”
“พูดมาเถอะค่ะ”
“เรื่องที่ดินฉันที่ขอนแก่น”
ชุติภามีสีหน้าลำบากใจทันที
“ฉันให้คนเช็คแล้ว ที่ของเธอมันไม่ถูกต้อง”
“แล้วเธอพอจะทำให้มันกลายเป็นถูกต้องได้มั้ยล่ะ ยังไงอีกหน่อยเราก็จะต้องกลายมาเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว” ชุติภาลำบากใจ “ดูเหมือนฉันกับหลานจะมีแต่เรื่องที่ทำให้เธอลำบากใจนะ หรือว่าเราสองครอบครัวจะไปกันไม่ได้”
“อย่าเพิ่งคิดไปใหญ่โตขนาดนั้นสิ เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันจัดการอะไรให้ได้ก่อนแล้วเราค่อยปรึกษากันอีกทีเรื่องที่ดินของเธอ”
คืนนั้นเมื่อเอกพลกลับถึงคอนโด เอกพลบอกเปรมสินีเรื่องที่จะดึงเธอมาช่วยงาน ปราสินีดีใจมากเข้ามากอดแขนเอกพล
“จริงเหรอคะ ปลาจะได้เป็นผู้ช่วยพี่เอกจริงๆ เหรอคะ”
เอกพลหันมามองปราสินีนิ่งๆ
“แต่ก่อนจะเริ่มงาน เราต้องตกลงกันก่อน ปลาจะเข้าไปอยู่ในฐานะผู้ช่วยของพี่เท่านั้น”
ปราสินีเริ่มเอะใจ
“พี่หมายความว่ายังไงคะ”
เอกพลมองหน้าปราสินีแบบรู้ดีว่าปราสินีรู้ว่าเอกพลหมายความว่าไง เอกพลไม่ตอบสิ่งที่ปราสินีถาม
“ไปเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้เธอต้องเริ่มงานเลยตามข้อตกลงที่พี่บอก แล้วก็แยกกันไปนะ พี่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราอยู่บ้านเดียวกัน”
เอกพลพูดจบเดินเข้าห้องไป โดยไม่สนใจว่าปราสินีจะว่าไงต่อ ปราสินีช้ำใจแต่ทำอะไรไม่ได้
ทางด้านพิมภาเมื่อกลับถึงคอนโดจึงเห็นภัทรพลกับฤชวีกำลังช่วยกันจัดโต๊ะ
“จะทำสุกี้กันเหรอคะ” พิมภาดีใจเพราะยังไม่รู้ตัวว่าภาณุวัฒน์ ภัทรพลและพิมมาลา รู้เรื่องหมดแล้ว “เห็นมั้ยฉันบอกแล้วว่าบ้านฉันชอบกินสุกี้”
พิมภาหันไปพูดกับฤชวี ฤชวียิ้มให้แบบไม่เต็มที่นัก แอบสงสารพิมภาที่ยังไม่รู้เรื่อง ภัทรพลมองหน้าฤชวีเป็นการบอกว่าให้ตามน้ำไป พิมมาลายกเครื่องสุกี้ออกมา
“ก็เวลาที่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ก็ต้องสุกี้สิจ้ะถึงจะเหมาะ อีกอย่างลูกเขยแม่ยังไม่เคยร่วมวงกินสุกี้กับเราเลย”
ภาณุวัฒน์ยกของออกมาสมทบ
“นั่นสิ มื้อนี้ถือเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่อย่างเป็นทางการ” ภาณุวัฒน์หันไปพูดกับฤชวี “มาลูกเขย มานั่งสิลูก”
“แหมพ่อ เดี๋ยวนี้ลืมลูกสาวเลยนะจ๊ะ”
“ไม่ได้ลืม แต่ลูกสาวมันรู้งานอยู่แล้ว” ภาณุวัฒน์มองหน้าพิมภาแล้วพูดต่อ “แล้วมันก็รู้ดีด้วยว่าอะไรยังไง”
“จ้ะๆ พิมมันรู้ดี งั้นพิมจัดการเลยนะจ๊ะ หิวแล้ว”
พิมภาไปนั่งที่โต๊ะก่อนคนอื่น ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลมองพิมภาอย่างเป็นเหยื่อ ฤชวีแอบมองความสัมพันธ์ครอบครัวนี้อย่างแหยงๆ
“เอาน่าคุณต้น แรกๆ ก็งี้ เดี๋ยวก็ชินกับครอบครัวผม จะกลัวอะไร ทุกคนเขาอยู่ข้างคุณกันหมด”
ภัทรพลกระซิบกับฤชวีพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจฤชวี
พิมภากำลังเอ็นจอยกับการกินสุกี้
“คุณต้นหยิบหัวใจให้หน่อยสิคะ”
“ครับ เดี๋ยวผมลวกให้ครับ”
ภัทรพลมองพิมภาแล้วแยงทันที
“คุณต้นอย่าลวกนานนะ” ฤชวีชะงัก
“ทำไมล่ะครับ”
“เดี๋ยวยัยพิมมันจะใจแข็งเกินไป” ฤชวีอมยิ้ม
“ครับ” ฤชวีลวกหัวใจให้พิมภายิ้มๆ พิมภามองสบตาฤชวีรู้สึกเขินๆ “ได้แล้วครับ หัวใจแบบ ไม่แข็ง”
ฤชวีบอกพร้อมกับคีบให้พิมภา พิมภารับมากินแบบเขินๆ
“ขอบคุณค่ะ”
พิมมาลากับภาณุวัฒน์มองหน้ากัน ภาณุวัฒน์รู้ว่าพิมมาลาให้เดินแผนการต่อ
“พิม ลูกกับคุณต้นก็แต่งงานกันมาหลายเดือนแล้วนะ คิดกันหรือยังว่าจะเอายังไงต่อ”
จู่ๆ ภาณุวัฒน์ก็ถามขึ้นมา พิมภาและฤชวีถึงกับชะงัก
“ก็แต่งงานกันแล้ว ต้องเอาไงต่อด้วยเหรอจะพ่อ”
“พ่อเขาหมายถึง คิดกันหรือยังว่าจะมีหลานให้พ่อกับแม่อุ้มได้เมื่อไหร่”
พิมภากับฤชวีมองหน้ากัน ฤชวีอึกอัก แต่พิมภาโชว์ความเนียนตอบคำถามภาณุวัฒน์ทันที
“เราปรึกษากันว่า รอให้งานของพิมก้าวหน้ากว่านี้แล้วค่อยคิดเรื่องลูกจ้ะ”
“ปรึกษากัน แล้วคุณต้นเห็นด้วยรึเปล่า”
“เห็นด้วยสิจ๊ะ คุณต้นเองนั่นแหล่ะที่อยากให้เราพร้อมกว่านี้อยากให้เราสองคนมีบ้านหลังเล็กๆ ซักหลัง ลูกๆ จะได้วิ่งเล่นในสวน”
“อืมม ก็ดีนะ ถือว่าเป็นการวางแผนครอบครัวระยะยาว”
“พ่อแม่มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ” พิมภาชักสงสัย
“ก็ตั้งแต่ที่...เกิดเรื่องเอกพล พ่อกับแม่ก็เป็นห่วงว่าถ้าลูกมีชีวิตคู่จริงๆ ลูกจะประคับประคองครอบครัวตัวเองได้มั๊ย”
พิมมาลาได้ยินชื่อเอกพลแล้วรู้สึกแค้นนิดๆ
“คุณต้นเป็นคนดี ไม่เหมือนนายเอกพลหรอกจ้ะ” ฤชวีได้ยินพิมภาพูดว่าเขาเป็นคนดี อดรู้สึกดีใจไม่ได้ “พิมเชื่อว่า ครอบครัวที่มีคุณต้นคอยนำทางจะต้องเป็นครอบครัวที่มีความสุข พิมเชื่อว่าคราวนี้พิมมองคนไม่ผิดจ๊ะ”
พิมมาลา ภาณุวัฒน์ และภัทรพลมองหน้ากัน
“แม่ก็เชื่อแบบนั้น แม่กับพ่อก็อยากเห็นคุณต้นดูแลลูกไปจนแก่เฒ่า”
“แน่นอนค่ะแม่” พิมภาคล้องแขนฤชวี
“สงสารคุณต้น” ภัทรพลพูดขึ้นลอยๆ
“อะไรอีกพี่ภัทร ตั้งแต่ใจแข็งใจอ่อนเมื่อกี้แล้วนะ พิมยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะ”
“ก็แกมันเป็นแบบนี้ไงยัยพิม ขนาดกับพี่กับเชื้อแกยังไม่ยอมให้เลย”
“แต่ผมยอมครับ” ฤชวีบอก พิมภามองหน้าฤชวีแบบนึกว่าเขาจะเข้าข้างเธอ
“อะไรของคุณอีกคน”
“ก็ถ้าคุณพิมเป็นฝ่ายไม่ยอม ผมเป็นฝ่ายยอมเองก็ได้ครับ” พิมภาอึ้ง ดีใจที่ฤชวีพูดเอาใจ “จะได้จบ”
พิมภาถึงกับเซ็ง
“คุณต้น คุณก็อีกคนนะ”
“ยอมๆ มันไปก็แล้วกันคุณต้น แต่ถ้ามันมีเรื่องอะไรที่คอขาดบาดตายพ่อกับแม่จะช่วยคุณต้นไม่ให้ยัยพิมมันรังแกคุณต้นเอง ไม่ต้องห่วง”
“อ้าวซะงั้น นี่พิมเป็นนางมารร้ายขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ”
“ใช่”
ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลบอกออกมาพร้อมกัน พิมภาหน้าเสีย ฤชวีอดขำพิมภาไม่ได้ พิมภาทำอะไรคนอื่นไม่ได้เลยหันมางอนฤชวีแทน
“คุณต้น”
“จำไว้นะยัยพิม แกได้เจอคนดีๆ แล้ว ถ้าคราวนี้แกก่อเรื่องอีกพ่อกับแม่ไม่มีทางอภัยให้แกอีกแน่ๆ” ภาณุวัฒน์บอกเสียงจริงจัง
“แหม พิมเหรอจะกล้ารังแกลูกเขยสุดที่รักของคุณพ่อคุณแม่ เล่นออกตัวปกป้องกันซะขนาดนี้” พิมภาคล้องแขนฤชวีอีก คราวนี้เอาหัวซบไหล่ฤชวีโชว์หวานด้วย “ใช่มั้ยคะ คุณสามี”
ฤชวีนึกถึงฐานะตัวเองที่เป็นแค่สามีกำมะลอจึงทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ภัทรพลส่งสายตาให้พิมมาลากับภาณุวัฒน์ดูฤชวี
ฤชวีกำลังล้างจานอยู่ในครัว พิมมาลาเข้ามาช่วย
“มาแม่ช่วย แล้วยัยพิมล่ะ”
“ผมไล่ไปอาบน้ำแล้วครับ คุณพิมมือหนัก เมื่อกี้ก็ทำจานแตกไปสองใบ”
ฤชวีพูดถึงพิมภาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ พิมมาลารู้สึกได้ถึงความจริงใจที่ฤชวีมีให้พิมภา
“คุณต้นคงไม่ลืมที่พ่อกับแม่ขอไว้ใช่มั้ย” ฤชวีชะงัก “ไม่มีใครรู้เรื่องการแต่งงานกำมะลอครั้งนี้ ทุกอย่างยังเป็นความลับเหมือนเดิม”
“แต่ผมไม่อยากโกหกคุณพิม”
“ไม่มีแต่ คุณต้นไม่ได้โกหกอะไรยัยพิม คุณต้นแค่ไม่ได้รับอนุญาตให้บอกอะไรยัยพิมทั้งนั้น เข้าใจมั๊ยจ๊ะ”
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ฤชวีเข้ามาในห้องดมๆ เสื้อตัวนอกของตัวเองรู้สึกว่ามีกลิ่นเหม็นของอาหารติดอยู่ ฤชวีถอดเสื้อเหลือแต่เสื้อกล้าม พิมภาอาบน้ำเสร็จเดินออกจากห้องน้ำพอดีจึงเห็นรูปร่างกำยำของฤชวีจากด้านหลัง พิมภาอดตาโตไม่ได้แต่ก็เขิน ฤชวีหันมาพอดี ฤชวีนึกว่าพิมภาตกใจ
“ขอโทษครับ ผมลืมตัวไป”
“ไม่เป็นไร๊” พิมภาบอกเสียงสูง แล้วก็เดินเช็ดผมไม่กล้าสบตาฤชวี ฤชวีจะหยิบเสื้อมาใส่ใหม่ “ไม่ต้องหรอก มันเหม็นไม่ใช่เหรอ”
“ครับ แต่”
“บอกว่าไม่เป็นไรไง กล้ามคุณไม่มีผลอะไรกับฉันหรอกน่า”
พิมภาพูดไปเช็ดผมไปโดยไม่รู้ว่าอาการท่าทางของเธอเซ็กซี่โดยไม่ได้ตั้งใจ จนฤชวีอ้าปากค้าง
“แต่มีผลกับผมนะ” ฤชวีบอกอย่างลืมตัว
“อะไรนะ” พิมภาหันมา ฤชวีจึงรู้สึกตัว
“เอ่อ...คือ ผม กำลังงงกว่าคุณกล้าพูดแบบนั้นกับพ่อแม่คุณได้ยังไง”
“ฉันก็ต้องพูดเอาตัวรอดไว้ก่อน พ่อแม่ฉันลางสังหรณ์สุดยอด คุณก็รู้ คิดดูคน ที่ไหนจะฝันแม่นได้ขนาดนั้น แต่พิมภาซะอย่างไม่มีทางยอมให้ความแตกแน่”
“คุณไม่อยากให้ความแตกเหรอครับ” ฤชวีจ้องหน้าพิมภา จนเธอต้องหลบหน้า
“ก็ไม่อยากน่ะสิ”
“แต่ถ้าความแตก ผมจะได้ไม่ต้องมาเป็นสามีกำมะลอของคุณไงครับ หรือว่าคุณพิม”
ฤชวีแอบมีความหวังว่าพิมภาจะมีคำตอบที่น่าชื่นใจ แต่พิมภาก็ยังปากแข็งทั้งที่ใจน่ะเริ่มหวั่นไหว
“ฉันไม่อยากให้ความแตกเพราะไม่อยากเห็นพ่อแม่เสียใจ”
ฤชวีเดินเข้าหาพิมภา ทั้งสายตาและกล้ามของฤชวี ทำเอาพิมภาแทบตั้งหลักไม่อยู่
“แค่นั้นเหรอครับ” ฤชวีเดินเข้าหาพิมภาช้าๆ “ไม่มีเหตุผลอื่นใช่มั้ยครับ”
พิมภาอึ้งไปไม่ยอมรับ
“ไม่มี”
ฤชวีผิดหวังนิดหน่อย แล้วถอยออกมา
“แต่ที่คุณวาดโครงการขึ้นมาโกหกพ่อแม่คุณแบบนั้น คุณไม่กลัวท่านจะเสียใจเหรอครับ”
พิมภาอึ้งที่ถูกฤชวีย้อน แต่ไม่ยอมแพ้
“ไม่ต้องมาว่าฉันเลย คุณเองก็เนียนใช่ย่อย”
“ถ้าจะบอกว่าผมไม่ได้เนียน แต่ผมเผลอล่ะครับ”
“เผลอ?”
“รู้มั้ย บางทีผมก็เผลอคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงๆ”
ฤชวีจ้องพิมภาตาหวานเชื่อมอย่างไม่รู้ตัว พิมภาหวั่นไหวกับสายตาของฤชวี ทั้งสองคนจ้องหน้ากันโดยที่ไม่รู้ตัวว่าขยับเข้าใกล้กันเข้าไปเรื่อยๆ แล้วก็เป็นพิมภาที่รู้ตัวก่อน
“คุณนี่ศิลปินจังนะ เจอเรื่องอะไรก็อินไปเรื่อย”
ฤชวีได้ยินสิ่งที่พิมภาพูดแล้วรู้สึกเจ็บ
“คุณคิดแบบนั้นเหรอครับ”
ฤชวีมองหน้าพิมภาแบบอยากรู้คำตอบจริงๆ พิมภาอึ้งไม่รู้จะตอบยังไง ฤชวีเดินไปหยิบผ้าขนหนูจะเข้าไปอาบน้ำ
“คุณต้น” ฤชวีชะงัก แต่ไม่หันมามอง “แต่ฉันก็ไม่ได้โกหกพ่อแม่ฉันทั้งหมดหรอกนะ เรื่องที่บอกว่าคุณเป็นคนดี...ฉันพูดจริง”
“ครับ” ฤชวีเดินเข้าห้องน้ำไป พอเข้ามาในห้องน้ำฤชวีปิดประตูแล้วพึมพำออกมาเบาๆ “เป็นคนดี แต่คุณก็ไม่รัก”
พิมภาที่อยู่ข้างนอกพึมพำออกมาเบาๆ เช่นกัน
“ฉันพูดจริงนะคุณต้น คุณเป็นคนดีจริงๆ ดีจน...ฉัน” เสียงโทรศัพท์มือถือฤชวีดัง พิมภาไปดูเห็นว่าเป็น ชุติภาโทรมา พิมภาชั่งใจแล้วสุดท้ายก็กดรับสาย “สวัสดีค่ะ”
ชุติภาได้ยินเสียงพิมภาเป็นคนรับสายก็ไม่พอใจ
“เธอมารับโทรศัพท์หลานชายฉันทำไม”
“คุณต้นอาบน้ำอยู่น่ะค่ะ พิมก็เลยรับแทน คุณย่ามีอะไรรึเปล่าคะ”
“มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”
พิมภาได้ยินชุติภาตอบแบบนี้ อารมณ์ขึ้นทันที สีหน้าแสดงอารมณ์ว่า “กูว่าจะไม่แล้วนะ”
“สามีภรรยาก็เหมือนคนๆ เดียวกัน เรื่องของคุณต้นก็เป็นเรื่องของพิมเหมือนกันนะคะคุณย่า”
“พิมภา เธอ”
“ถ้าคุณย่าไม่มีอะไร พิมขออนุญาตวางสายนะคะ พอดีคุณต้นจะให้ช่วยถูหลังให้น่ะค่ะ ถ้าคุณย่าจะให้พรพิม ขอยกยอดไปคราวหน้านะคะ”
พิมภากวนประสาทชุติภาจนหนำใจแล้วรีบกดวางสาย
“จะถูหลังให้ผมจริงๆ เหรอครับ”
พิมภาหันไปเห็นฤชวีที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ตกใจ
“คุณต้น”
“ว่าไงครับ”
ฤชวียิ้มกรุ้มกริ่มรอคำตอบจากพิมภา
ชุติภายังอึ้งๆ ที่โดนพิมภาเล่นงาน
“ฉันจะต้องเขี่ยแกให้กระเด็นจากชีวิตหลานชายฉันให้ได้ พิมภา”
ชุติภาบอกอย่างนึกแค้น ขณะนั้นสินีนาฏนั่งจิบชาสมุนไพรอยู่ รอดูชุติภาจัดการพิมภาอย่างที่บอก
“แล้วถ้าหลานชายเธอเป็นฝ่ายไม่ยอมให้เขี่ยเมียเขาออกไปล่ะ เธอจะทำยังไง”
“ตาต้นต้องเลือกย่า ไม่ใช่เมีย”
“พูดยากนะ เขานอนคุยกันทุกคืน ขนาดเธอโทรไป เมียเขายังไม่ยอมให้เธอคุยเลย เธอจะไปทำอะไรเขาได้”
“ยัยพิมภา ทั้งก้าวร้าว ร้ายกาจ ไม่รู้ตาต้นไปหลงกลได้ไง”
ชุติภาคิดหนัก สินีนาฏเห็นว่าเข้าทางจึงพูดยุแยงต่อ
“จะว่าไป ถูกเลี้ยงมายังไงก็เป็นแบบนั้น อยู่ที่พ่อแม่สอนมานะ ร้ายกาจแบบนี้ พ่อแม่ก็คงใช่ย่อย แล้วถ้าทางโน้นเข้ากับเธอไม่ได้ล่ะ...ผัวเมียเขาเลิกกันมานักต่อนักแล้วนะ เพราะครอบครัวฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงเข้ากันไม่ได้”
ชุติภาคิดตาม
“งั้นฉันคงต้องเจอกับพ่อแม่ยัยพิมภาซักหน่อยแล้ว”
สินีนาฏขอตัวกลับ สินีนาฎลุกออกพร้อมรอยยิ้มร้ายกาจ
ทางด้านพิมภา เธอยังทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะตอบคำถามฤชวียังไง
“ว่าไงครับ คุณบอกคุณย่าผมไปแล้วนะว่าจะถูหลังให้ผม”
“คือฉัน”
ฤชวียิ้มๆ แล้วเดินมาที่เตียง เตรียมตัวจะนอน
“อ้าว”
“ผมล้อเล่นครับ ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่ถ้าคุณพิมจะ...”
“ไม่ย่ะ นอนๆ”
พิมภาเองก็เดินไปที่เตียงเตรียมตัวจะนอน
“คุณย่าว่าอะไรคุณหรือเปล่า ผมขอโทษนะครับ”
“คุณต้น เลิกขอโทษได้แล้ว คุณก็รู้ว่าคุณย่าคุณเป็นยังไง และฉันเป็นยังไง คุณย่าคุณใส่มาฉันก็อดไม่ได้ที่จะสวนไปอยู่ดีแหล่ะเอาเป็นว่าเจ๊า คุณไม่ต้องคิดมาก” ฤชวีนิ่ง “อย่าลืมสิ ว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมันคือฉัน แต่ถ้าคุณรู้สึกผิด ก็ชดเชยให้ฉันด้วยการความสะอาดคนเดียวหนึ่งอาทิตย์ จัดมื้อเย็นเป็นซีฟู้ดเด็ดๆ ให้ฉัน แล้วก็...ทำขนมอร่อยๆ ให้ฉันกิน แล้วก็...”
“พอๆ แล้วครับ ผมไม่ได้รู้สึกผิดขนาดนั้น” พิมภากับฤชวีหัวเราะพร้อมกันอย่างมีความสุข จากนั้นทั้งคู่ก็มองหน้ากันด้วยสายตาอ่อนโยน “นอนกันนะครับคุณพิม”
“ฮะ”
“ผมหมายถึง ต่างคนต่างนอนกันนะครับ”
พิมภาเก้อเขินพยายามทำปกติ
“เออ เอาสิ คุณก็นอนของคุณฉันก็นอนของฉันเนอะ”
ฤชวีกับพิมภาล้มตัวลงนอนหันหลังให้กันเขินๆ
“กู้ดไนท์ครับคุณพิม”
“ไนท์”
พิมภาพูดได้สั้นๆ แค่นั้น เพราะเขิน ฤชวีดับไฟหัวเตียง
พิมภากับฤชวีนอนเงียบๆ ในความมืดแต่สายตาดูมีความสุข แต่แล้วจู่ฤชวีกับพิมภาก็หันหน้ากลับมาพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ฤชวีกับพิมภามองตากัน พิมภาหลับตาทำเป็นหลับ ฤชวีหลับตา...ฤชวีกับพิมภาหลับตาอยู่ใกล้ๆ กัน ดูอบอุ่นมีความสุข
วันต่อมาเอกพลเข้าบริษัทแต่เช้าและกำลังเอาอกเอาใจการะเกตุ
“ที่จริง เมื่อวานนี้พอคุณยายคุณกลับไปแล้ว โทรเรียกผมกลับมาก็ได้นี่ครับ”
“ไม่เป็นไร นึกว่าฉันต้องระบายกับคุณคนเดียวหรือไง” เอกพลหน้าเสีย “แล้วไหนล่ะผู้ช่วยที่หามาให้”
เอกพลยังไม่ทันตอบ เสียงมือถือเอกพลดัง
“คงจะมาแล้วครับ” เอกพลบอกการะเกตุแล้วกดรับสาย “มาแล้วเหรอปลา”
ปราสินีเดินเข้ามาอย่างเจียมตัว ยืนอยู่ตรงหน้าการะเกตุและออกอาการประหม่าเล็กๆ กับสายตาที่เฉยชาของการะเกตุ ปราสินีสังเกตเห็นเนคไทของเอกพลที่ยังอยู่บนโต๊ะทำงานของการะเกตุ เอกพลมองตามสายตาของปราสินี รีบเก็บมาแต่ทำเป็นนิ่ง ปราสินีมองหน้าเอกพล
“เป็นใครมาจากไหน”
“เป็นรุ่นน้องผมครับ” ปราสินีรู้สึกสะดุดใจกับคำว่ารุ่นน้องของเอกพล แต่พูดอะไรไม่ได้ “เคยช่วยงานผมมาก่อน ก็เลยดึงตัวมาช่วยงานนี้”
“ไหวแน่นะ”
“ปราสินีเป็นคนคล่องครับ”
“คล่อง? เรื่องอะไรบ้างล่ะ”
เอกพลรู้ว่าการะเกตุแอบซักความสัมพันธ์ของเอกพลกับปราสินีนัยที
“เรื่องงานครับ” เอกพลบอกเสียงหนักแน่น ปราสินีรู้สึกเจ็บกับสิ่งที่เอกพลทำแต่แสดงอาการอะไรไม่ได้ “ปราสินีมีความรู้เรื่องธุรกิจเครื่องสำอางดี และที่สำคัญปราสินีเคยเป็นผู้ช่วยของพิมภามาก่อนครับ”
เอกพลนึกว่าบรรยายสรรพคุณเท่านั้นแล้วจะจบ แต่การะเกตุละเอียดกว่านั้น
“แล้วทำไมถึงไม่ทำงานกับพิมภาต่อ”
การะเกตุมองหน้าปราสินีเป็นการบอกว่าให้ปราสินีเป็นคนตอบ
“เรา มีเรื่องขัดแย้งกันนิดหน่อยค่ะ”
“นิดหน่อยแน่เหรอ”
“ค่ะ”
“ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่” เอกพลกับปราสินีหน้าเสียที่การะเกตุไม่ค่อยเชื่อปราสินี เอกพลส่งสายตาตำหนิปราสินี ปราสินีหลบสายตาเอกพล “แต่ก็ดี” เอกพลกับปราสินีงง “ฉันได้คนที่พิมภาไม่ชอบมาช่วยงาน แถมกลับไปที่นารีในฐานะ
ผู้ช่วยของฉัน สะใจดี ให้มันรู้ไปว่าพิมภาจะไม่อกแตกตาย” การะเกตุมองหน้าเอกพลกับปราสินี “ตกลงฉันรับเธอเข้าทำงาน พร้อมเริ่มงานเลยมั้ย”
“พร้อมค่ะ”
“แล้วนี่เธอโสดหรือว่ามีแฟนล่ะ”
“คะ” ปราสินีงง ที่การะเกตุวกมาถามเรื่องนี้
“ทำงานกับฉันต้องตามใจฉัน งานมันไม่เป็นเวลาจะมาติดลูกติดสามีให้วุ่นวายไม่ได้นะ”
“ปราสินีโสดครับ”
ปราสินีมองหน้าเอกพลอย่างไม่พอใจ
“งั้นก็ดี งั้นเราก็ไปกันได้แล้ว”
การะเกตุเดินนำหน้าไป ปราสินีดึงแขนเอกพลไว้
“พี่เอก”
“ไว้ค่อยคุยกัน”
เอกพลสะบัดจากปราสินี รีบไปเปิดประตูเอาใจการะเกตุ ปราสินีมองอาการของเอกพลออกว่าแอบคั่วการะเกตุอยู่ แต่ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่มองอย่างเจ็บแค้นแล้วตามทั้งคู่ออกไป
ที่บริษัทนารี ลัลนากับซูซี่ยืนรอทีมของการะเกตุอยู่ พิมภากับนันทิกานต์เข้ามา
“โอ๊ย นัดลูกค้าเก้าโมง มายืนตั้งแถวต้อนรับกันตั้งแต่แปดโมง”
“เฮ้ยไอ้แนน แกก็พูดไป เขาอาจจะมากันตั้งแต่เจ็ดโมงก็ได้”
“เออจริง แบบว่ามาตักบาตรทำบุญเอาฤกษ์เอาชัยว่างั้น”
“ก็ใส่ไปได้แค่สององค์เองค่ะ ตอนแรกก็จะใส่ซักสาม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ว่าขาดไปหนึ่ง ใจไม่ดีเลยค่ะเนี่ย” ซูซี่บอก พิมภาจึงพูดเย้ยๆ
“ไหนว่าลัลเป๊ะเวอร์ไม่กลัวอะไรไงจ๊ะ”
“พี่ซูซี่ เมื่อเช้าที่เราใส่บาตรกรวดน้ำรึยังคะ”
“ยังค่ะ กรวดเลยมั้ยคะ”
“ไม่ต้องมากรวดน้ำให้ฉัน ให้ฉันแผ่เมตตาให้เธอดีกว่านะ สัตเพสัตตา”
“ยัยพิม”
ลัลนาจะเข้าปะทะพิมภาแต่ซูซี่ดึงลัลนาไว้ การะเกตุกับเอกพลเข้ามา
“คิดดีแล้วเหรอเอกพล ที่เลือกนารีเป็นสายการผลิตให้เรา”
พิมภากับลัลนามองการะเกตุที่มองอย่างเหยียดๆ สองคนอึ้ง เอกพลมองพิมภากับลัลนา
“ถือเป็นการแสดงต้อนรับของบริษัทนารีก็แล้วกันครับ สองคนนี้เขามีหน้าที่ทะเลาะกันโชว์ลูกค้า เพื่อสร้างความมั่นใจน่ะครับ”
พิมภาข่มความโกรธสุดๆ
“คุณเอกพล”
“ผมกับเจ้านายไม่ได้มาเป็นลูกค้าของคุณ คุณพิมภา กรุณาอย่ามายุ่ง...ไม่คิดจะพาเราไปที่ห้องประชุมเหรอครับคุณลัลนา”
ลัลนาจำต้องกล้ำกลืนพูดเชิญให้การะเกตุกับเอกพลไปที่ห้องประชุม
“เชิญค่ะ ฉันจะนำไปที่ห้องประชุม”
“เดี๋ยว รอคนของฉันก่อน”
พิมภา ลัลนา นันทิกานต์ ซูซี่ รู้สึกสะดุดกับคำว่าคนของฉันของการะเกตุ แล้วทั้งหมดก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นปราสินีเดินเข้ามา การะเกตุสังเกตุเห็นว่าพิมภา ลัลนา นันทิกานต์ ออกอาการไม่ค่อยพอใจที่เห็นปราสินี
“ปลา”
“นี่ปราสินีผู้ช่วยของฉัน ฉันต้องการให้พวกคนให้เกียรติผู้ช่วยฉันให้เหมือนกับให้เกียรติฉัน” การะเกตุมองหน้าพิมภากับลัลนา “ทำได้มั้ย”
ลัลนาเจ็บใจแต่ต้องยอม
“ได้ค่ะ เชิญที่ห้องประชุมค่ะ”
ลัลนาบอกเสียงแข็งแล้วเดินนำไปที่ห้องประชุมก่อนที่จะระงับอารมณ์ไม่อยู่ ซูซี่ตามไป เอกพลมองพิมภาอย่างเย้ยๆ ก่อนที่จะตามการะเกตุไป ปราสินีเดินตามเอกพลและสบตาพิมภาแบบไม่เกรงกลัว พิมภากับนันทิกานต์มองหน้ากัน สีหน้าวิตก
“อีพี่เอกมันคั่วยัยการะเกตุอยู่นี่นา แล้วยัยปลา”
“ฉันล่ะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของคนสมัยนี้จริงๆ”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ที่คอนโดพิมภา ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาเข้ามาประกบภัทรพล
“ตาภัทร เมื่อคืนที่นอนเฝ้าหน้าห้องน้องเป็นไงบ้าง”
“ก็ปวดหลังสิแม่ โซฟาห้องยัยพิมมันแข็งจะตาย นอนไม่สบายเลย”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาจ้องหน้าภัทรพล
“ล้อเล่น ก็สงบเรียบร้อยดี ไม่มีใครออกมาจากห้องอีกเลย กว่าจะเช้าก็คงจัดกันไปหลายขนาน”
“จัดอะไร”
“ถ้าพ่อไม่รู้แล้วใครจะรู้ อายุมากเกินกว่าจะไร้เดียงสาแล้วพ่อ”
“ก็ดีนะแม่ ถ้าคุณต้นขยัน ไอ้พิมมันจะได้ป่องๆ ซะที”
“ก็น้องมันยังไม่อยากมีลูกตอนนี้”
“มันกลัวเสียเมมเบอร์หนุ่มๆ ที่มาตามติดพันมันน่ะสิ นี่ขนาดมันแต่งงานแล้วนะเนี่ย”
“ไม่เคยได้ยินเหรอ ของที่คนอื่นเลือกแล้ว แสดงว่าเป็นของดี ตอนพ่อกับแม่แต่งงานกันใหม่ๆ พ่อส่องไปหลายรายแล้ว”
“จริงเหรอแม่” พิมมาลายิ้มภูมิใจแต่ไม่ตอบอะไร “แล้วพ่อจัดการไง”
“พ่อไม่ได้จัดการ พ่อให้ลูกซองพ่อจัดการ”
“ไม่ได้นะพ่อ พ่อจะไปเที่ยวส่องคนที่มันมาจีบยัยพิมแบบนั้นไม่ได้นะ”
“ไอ้ภัทรพ่อแกไม่ได้บ้านะโว้ย ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง ว่าแต่ไอ้พิมมันมีท่าทียังไงกับหนุ่มที่มาติดพัน”
“มันก็ปลื้มๆ นะพ่อ เห็นชมตลอดว่าเขาเก่งมาก”
“เหมือนแม่มันไม่มีผิด”
“อ้าว เดี๋ยวโดน แล้วจะให้ไอ้พิมมันทำยังไง คนดีจะให้ไปทำร้ายจิตใจใครได้ยังไง แต่แม่เดาว่าไอ้หนุ่มนั้นก็พวกบ้างานเหมือนยัยพิมนี่แหล่ะ”
“แม่รู้ได้ไง”
“แรกๆ ผู้หญิงก็มักจะชอบคนที่ดูแล้วเหมือนๆ เรานี่แล่ะ ซักพักถึงจะรู้ว่าชอบอะไรที่มันต่างออกไป”
“แม่ล้ำลึกมาก แล้วเอาไงดีแม่”
“ถ้าอย่างนั้นต้องกระตุ้นคนของเราซะบ้างล่ะ”
“ทำยังไงล่ะแม่”
พิมมาลายิ้มไม่ตอบแต่เรียกหาฤชวี
“คุณต้น คุณต้น อยู่ไหนลูก”
ฤชวีออกจากห้องมาหาพิมมาลา
“คุณแม่มีอะไรครับ”
“แม่มีเรื่องจะวานหน่อยน่ะ”
พิมมาลายิ้ม ฤชวี ภาณุวัฒน์และภัทรพลงงว่าพิมมาลาจะให้ฤชวีทำอะไรให้
ในห้องประชุมบริษัทนารี ลัลนากำลังจะพรีเซ้นต์งาน
“ลัลขอนำเข้าสู่แผนงานของเราเลยนะคะ”
“ไม่ต้อง” การะเกตุขัด ลัลนา สุกัญญา ตรีวิญ ซูซี่งง
“คุณการะเกตุต้องการยกเลิกแผนงานเดิม เพื่อออกสินค้าที่เกี่ยวกับผู้ชาย ทั้งโฟม ครีม โลชั่น มากส์”
เอกพลบอก ปราสินีเอาเอกสารที่เตรียมมาให้กับสุกัญญา ปราสินีหลบตาสุกัญญาอย่างเกรงๆ แต่กับลัลนาและซูซี่ ปราสินีกลับไม่มีสายตาเกรงใจ สุกัญญาอ่านเอกสารนิ่งๆ
“ไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าคุณการะเกตุอยากเปลี่ยนแผนตอนนี้ก็ยังทันค่ะ”
“แต่ขอย้ำนะคะว่าฉันต้องการให้สินค้าของฉันอยู่ในระดับเดียวกับแบรนด์ฉันนำ ไม่ใช่ระดับเดิมๆ อย่างที่พวกคุณเคยทำกัน”
ลัลนาแค้น ตรีวิญสบตาให้ลัลนานิ่งไว้
“เรื่องนั้นคุณการะเกตุไม่ต้องห่วงครับ คุณลัลนาเป็นมือดีของเรารับรองว่าจัดการได้ตรงตามที่คุณการะเกตุต้องการแน่”
ตรีวิญสบตาลัลนาให้มั่นใจ
“ค่ะ ขอให้คุณการะเกตุมั่นใจ”
“เท่าที่ฉันเห็นคุณกับเพื่อนร่วมงานของคุณทะเลาะกันที่ล็อบบี้ ฉันก็มั่นใจมากแล้วค่ะ” การะเกตุมองข้ามหัวลัลนาไปพูดกับสุกัญญาและตรีวิญ “ฉันอยากให้คุณฤชวีนักเขียนชื่อดัง มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้มั๊ยคะ”
ลัลนา ตรีวิญ สุกัญญา ซูซี่ อึ้ง
“คุณฤชวี สามีน้องพิมน่ะเหรอคะ” ซูซี่พึมพำออกมาเบาๆ
“พี่ซูซี่”
ช่วงพักกลางวันพิมภากับนันทิกานต์กำลังจะไปกินข้าว ตรีวิญเดินเข้ามาหาพิมภา
“คุณพิมจะไปทานข้าวเหรอครับ”
“ค่ะ”
ตรีวิญยิ้มรอเพื่อให้พิมภาชวน พิมภาลังเลใจว่าจะชวนตรีวิญไปด้วยดีมั๊ย แต่ก็ตัดสินใจชวนตามมารยาท
“คุณตรีวิญจะไปด้วยมั๊ยคะ”
“ก็ดีเหมือนกันครับ”
นันทิกานต์รู้สึกขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้ แต่แล้วนันทิกานต์ก็เห็นฤชวีเดินเข้ามา
“ไอ้พิม ฉันว่าแกไปทานข้าวกับใครไม่ได้แล้วล่ะ”
พิมภามองตามสายตาของนันทิกานต์จึงเห็นฤชวี
“คุณต้น”
“คุณแม่ให้ผมเอาอาหารกลางวันมาให้ครับ”
“แต่เรากำลังจะออกไปทานข้าวด้วยกัน พอดี”
ตรีวิญมองหน้าฤชวีแบบไม่กลัว ฤชวีเองก็ไม่ยอมและเล่นเบอร์แรงกว่ากลับไป
“ทานกับคุณหรือกับใครก็คงต้องยกเลิก เพราะคุณพิมต้องทานอาหารที่สามีนำมาให้ และคุณคงไม่ต้องบอกให้คุณพิมเลือกให้เสียเวลา เพราะภรรยาเขาก็ต้องเลือกสามีเขาแน่นอน”
ฤชวียิ้มให้ตรีวิญแต่แสดงถึงความเอาจริง พิมภาอึ้งๆ กับวีรกรรมของฤชวี การะเกตุกับเอกพลที่เพิ่งลงมาจากห้องสุกัญญาเข้ามาซะก่อน
“คุณต้น ดีจังเลยค่ะได้เจอคุณต้น” การะเกตุเข้าไปเกาะแขนฤชวีหลวมๆ “เกตุอยากจะคุยเรื่องที่คุณย่าท่านคุยกับเกตุไว้ เรื่องของเราน่ะค่ะ”
พิมภาหึงขึ้นหน้าเลย คล้องแขนฤชวีหมับ
“คงไม่ได้หรอกค่ะเพราะคุณต้นเอาปิ่นโตมาเพื่อทานข้าวกับภรรยา จริงไหมคะคุณต้น”
“แล้วถ้าเป็นเรื่องที่ นารีต้องเอาคุณต้นมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าของเกตุล่ะคะ จะเสียเวลาคุยด้วยได้มั๊ย”
ฤชวีงง แต่พิมภากับนันทิกานต์เข้าใจทันที
“นั่นไง นางจิ้งจอกหางโผล่แล้ว” นันทิกานต์บอกกับพิมภา พิมภาจ้องหน้าการะเกตุ
“ก็ไม่ได้อีกเหมือนกันค่ะ เพราะงานนี้ภรรยาคุณต้นไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบ ขอตัวนะคะ”
พิมภาลากฤชวีเดินหนีการะเกตุไปเลย นันทิกานต์ตามไป
“คุณต้นคะ”
การะเกตุเรียกแต่ฤชวีไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เอกพลไม่พอใจอาการของการะเกตุ แต่ก็สังเกตเห็นว่าตรีวิญ อยู่ในอาการหน้าเสียมองตามพิมภาไป
พิมภาพาฤชวีเข้ามาในห้องทำงานของเธอ นันทิกานต์ตามมาแล้วก็มองหน้าฤชวี
“คุณต้น ยัยพิม! ฉันเพิ่งนึกได้ว่านัดเพื่อนทานข้าว” นันทิกานต์บอกเสียงดัง
“เพื่อน ใคร ทำไมฉันไม่รู้”
“เพื่อนฉันที่แกไม่รู้จักก็มี แกอย่ารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวฉันได้มั้ย” นันทิกานต์แกล้งหงุดหงิด “หืย หงุดหงิด ไปล่ะเดี๋ยวเพื่อนรอ”
ฤชวีมองตามนันทิกานต์ขำๆ รู้ว่านันทิกานต์ตั้งใจจะปลีกตัวไป ฤชวีหันมาจ้องพิมภา
“อะไรของคุณอีกคุณต้น”
“ผมชอบนะ ที่คุณพิมภาแสดงความเป็นภรรยาต่อหน้าคุณการะเกตุ”
“ทีคุณยังแสดงความเป็นสามีต่อหน้าคุณตรีวิญเลย ไม่ดีหรือไงฉันอุตส่าห์ให้เกียรติคุณนะคะคุณสามี”
“คุณพิมครับ ยังไงตอนนี้ผมก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีคุณอยู่ ถึงจะเป็นแค่สามีกำมะลอ”
พิมภาเข้าใจว่าฤชวีกำลังจะพูดถึงอะไร
“คุณต้นค่ะ ตราบใดที่คุณยังได้ชื่อว่าเป็นสามีฉันอยู่ ฉันจะให้เกียรติคุณทั้งต่อหน้าและลับหลังคุณนะคะ”
“ขอบคุณครับคุณภรรยา”
น้ำเสียงของฤชวีไม่วายจะล้อพิมภา
“แต่ถ้าคุณ อยากจะไปทานข้าวกับการะเกตุฉันก็ไม่ว่านะคะ”
“จริงเหรอครับ โล่งใจที่ไม่ต้องเอ่ยปากเอง”
“คุณต้น นี่คุณจะไปจริงๆ เหรอ ไหนบอกว่าเราต้องให้เกียรติกันไง”
“ผมล้อเล่น” พิมภา อึ้งเขิน ที่ตกหลุมพรางฤชวีอีก “ทานข้าวกับใครจะอร่อยเท่าทานข้าวกับคุณภรรยาล่ะครับ”
พิมยิ้มแก้มแทบปริ แต่ยังไม่วายปากดี
“เหรอค้า คุณสามี”
ฤชวีจัดอาหารให้ พิมภากับฤชวีกำลังจะลงมือทานข้าว ซูซี่เข้ามา
“พระเจ้าเข้าข้างคนสวยแซบ ตอนแรกพี่กะจะมาขอเบอร์คุณต้นจากน้องพิม แต่เจอตัวเป็นๆ ขอคิวเลยนะคะ”
“คิวอะไรครับ”
“ก็คิวถ่ายโฆษณาสินค้าตัวใหม่ของคุณการะเกตุที่น้องลัลเป็นคนดูแลไงคะ”
ลัลนาเดินเข้ามา
“แต่ลัลไม่ได้สั่ง”
“อ้าวเพื่อนลัล นี่ลงทุนจะมาขอคิวคุณต้นด้วยตัวเองเลยเหรอจ๊ะ ไหนบอกว่าเธอจะไม่ขอความช่วยเหลือฉันไงจ๊ะ เปลี่ยนใจแล้วเหรอ”
“เปล่า”
“ถ้าจะขอคิวคุณต้น ก็ควรจะขอต่อหน้าภรรยาเขานะ หรือว่าเธอมันชอบทำอะไรลับหลัง” พิมภาบอก ลัลนา
จ้องหน้าพิมภา
“ถามจริงๆ พิมภา แล้วถ้าฉันขอความช่วยเหลือเธอจริงๆ เธอจะช่วยฉันมั้ย”
พิมภาจ้องหน้าลัลนากลับ
“ไม่! ก็บอกแล้วไงเพื่อนลัล ว่าฉันไม่ยอมให้คุณต้นเป็นพรีเซ็นเตอร์”
“แต่นี้มันงานของบริษัท มันสำคัญมาก”
“ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะว่า ไม่”
ฤชวีดูออกว่าพิมภาต้องการเอาชนะลัลนา
“คุณพิม”
“ไม่ต้องพูดเลยคุณต้น คุณเป็นสามีฉัน ถ้าฉันบอกไม่คือไม่” ฤชวีลำบากใจ พิมภาจ้องหน้า “ว่าไงคะ”
“คุณลัลครับผมช่วยคุณไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะครับ”
ลัลนาผิดหวัง
“พิมว่าคุณต้นกลับไปก่อนดีกว่าค่ะ” ฤชวีลังเลเป็นห่วงความรู้สึกลัลนา “ไปสิคะ”
“ครับ”
ฤชวีจำใจเดินแยกจากทั้งคู่
“เธอน่าจะแยกเรื่องงานกับเรื่องล้างแค้นออกจากกันนะพิม” ฤชวีชะงักนิดหนึ่ง
“นั่นมันงานของเธอนะ ลัล”
“คิดแค่นี้เหรอพิม งานของฉัน ผลงานของฉัน แล้วพิมภาคนที่เคยทำได้ทุกอย่างเพื่อบริษัทล่ะอยู่ที่ไหน ฉันเคยคิดว่าเธอมันโง่มากที่ทุ่มเทรักบริษัทขนาดนั้น แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเป็นฉันต่างหากที่โง่ที่คิดว่าเธอรักบริษัทนี้มากกว่าตัวเอง” สิ่งที่ลัลนาพูดแทงใจดำพิมภาเต็มๆ แต่พิมภาฟอร์มจัด ทำเป็นไม่สนใจ “ถือว่าฉันโชคร้ายเองก็แล้วกัน ที่ตอนนี้เธอมีคุณต้นเป็นอาวุธที่เธอใช้ล้างแค้นฉัน”
ลัลนาพูดจบก็เดินออกไป เหลือแต่พิมภาที่ยืนอยู่ พิมภาเห็นว่าฤชวียังไม่ไปและจ้องหน้าพิมภาต้องการคำตอบที่ลัลนาพูด แต่พิมภาไม่พูดอะไร เดินหนีไปดื้อๆ ฤชวีมองตามพิมภาอย่างผิดหวัง
เมื่อกลับมาที่ห้องทำงาน ซูซี่เดือดร้อนแทนลัลนา
“น้องพิมนี่ร้ายกาจจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะทำกันได้”
“ก็มันทีของเขานี่คะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยคิดหาทางใหม่”
“พี่ช่วยคิดด้วยค่ะ” ลัลนาดูนาฬิกาแล้วบอกออกมาว่า
“พี่ลาไปเข้าเครื่องตีเหนียงไม่ใช่เหรอคะ” ซูซี่จับคอตัวเอง
“เหนียงที่คอพี่ตีเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้น้องลัลกำลังเครียดพี่ทิ้งไปไม่ได้หรอกค่ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ซูซี่”
“เราทีมเดียวกันนี่คะ” ลัลนามองซูซี่อย่างขอบคุณ ซูซี่ใช้ความคิด “หรือว่าเราจะลองคุยกับทางคุณการะเกตุให้เปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ใหม่”
ลัลนานิ่งคิดตาม
ที่ห้องทำงาทนการะเกตุ มือถือเอกพลดัง เอกพลที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยเข้ามารับสายพลางแต่งตัวให้เข้าที่
“ผมจะแจ้งคุณการะเกตุให้ แต่ไม่รับปากนะ”
การะเกตุที่แต่งตัวเรียบร้อยกว่าเอกพลนิดหน่อยเดินเข้ามา แต่ยังจัดแต่งเครื่องแต่งกายให้เข้าที่อยู่
“มีอะไร”
“ลัลนาจะขอเสนอรายชื่อพรีเซ็นเตอร์แทนคุณฤชวีครับ”
การะเกตุดึงโทรศัพท์มาคุยเอง
“เธอคิดว่าเธอเป็นใครถึงกล้ามาต่อรองกับฉัน ถ้าไม่ใช่คุณฤชวี....ทุกอย่างยกเลิก”
การะเกตุวางสายอย่างอารมณ์เสีย ลัลนาหน้าเสีย
“เป็นไงบ้างคะน้องลัล”
“ยัยการะเกตุไม่ยอม”
“แล้วจะทำยังไงดีคะ” ลัลนานิ่งคิด แล้วอยู่ๆ ก็ลุกเดินออกจากห้องไป “น้องลัล จะไปไหนคะ”
ซูซี่ตามไป
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ลัลนามาหาสุกัญญาที่ห้อง ลัลนานั่งตรงข้ามสุกัญญาหน้าเครียด
“จะขอยกเลิกงานนี้”
“ค่ะ”
“พี่ขอเหตุผล”
“ลัลไม่สามารถขอให้คุณฤชวีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ค่ะ ถ้าคุณสุให้พิมทำงานนี้น่าจะเหมาะสมกว่า”
“แน่ใจเหรอ นี่เป็นโอกาสพิสูจน์ตัวเองนะลัลนา”
“บางเรื่องถ้าเกินความสามารถ ลัลก็ต้องยอมรับค่ะ ดีกว่าให้บริษัทเสียหายไปด้วย”
สุกัญญามองลัลนาด้วยสายตาที่ชื่นชมขึ้น
“เธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากนะลัลนา”
“ไม่หรอกค่ะ คุณสุให้กำลังใจลัลมากกว่า ก็ดูอย่างเรื่องนี้สิคะ ลัลยังทำไม่สำเร็จเลย”
“แต่พี่เห็นบางอย่างที่มันพัฒนาในตัวเธอ เอาเป็นว่าลองไปคิดดูใหม่อีกทีดีมั้ย”
“ไม่ค่ะ ลัลคิดดีแล้ว ขอบคุณนะคะคุณสุที่ให้โอกาส แต่ลัลขอโทษค่ะที่ลัลรับโอกาสนี้ไว้ไม่ได้”
ลัลนาเดินออกไปจากห้อง สุกัญญามองตามอย่างเป็นห่วง และคิดจะทำอะไรซักอย่าง สุกัญญาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ท่านคะ”
คืนนั้นเมื่อกลับถึงห้องพิมภานั่งนิ่งคิดถึงสิ่งที่ลัลนาพูดกับเธอเมื่อตอนบ่าย
“แล้วพิมภาที่เคยทำได้ทุกอย่างเพื่อบริษัทล่ะอยู่ที่ไหน ฉันเคยคิดว่าเธอมันโง่มากที่ทุ่มเทรักบริษัทขนาดนั้น แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเป็นฉันต่างหากที่โง่ที่คิดว่าเธอรักบริษัทนี้มากกว่าตัวเอง”
จริงๆ แล้วพิมภาก็รู้สึกผิด แต่ด้วยทิฐิเลยทำให้ไม่ยอมช่วยลัลนา ฤชวีเดินเข้ามา
“คุณพิมครับ เรื่องที่คุณลัลขอให้ผมเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าของคุณการะเกตุ”
“ฉันยอมไม่ได้หรอกนะคะคุณต้น ถ้าฉันยอม คุณย่าคุณ คุณการะเกตุคู่หมั้นคุณ”
“การะเกตุไม่ใช่คู่หมั้นผมครับ”
“นั่นแหละค่ะ พวกเขาก็ต้องมายุ่งวุ่นวายกับเราไม่ยอมจบแน่” ฤชวียิ้ม “ยิ้มอะไร ฉันเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของคุณจริงๆ”
“ไม่ยิ้มก็ได้ครับ” ฤชวีบอกแต่ก็ยังยิ้มอยู่ “ผมชอบที่คุณพูดน่ะครับ...ชีวิตของเรา” พิมภาอึ้ง “ตอนแรกผมนึกว่าคุณอยากจะแก้แค้นคุณลัล อย่างที่คุณลัลว่าคุณ”
“ฉันกับยัยลัลไม่ได้เกลียดกันขนาดนั้น”
“เหรอครับ”
“เสียงแบบนี้ฉันก็ไม่ชอบ คุณหมายความว่าไง”
“ก็เห็นคุณสองคนชอบทะเลาะกัน”
“ก็เรามันคู่แข่งกัน ไม่ทะเลาะกัน จะให้ทะเลาะกับใคร”
“แบบนี้ถ้าขาดใครไปอีกฝ่ายคงเหงาแย่”
“ก็ใช่ แต่ว่าฉันก็ใจอ่อนยอมให้คุณไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้การะเกตุไม่ได้”
“แต่”
“คุณต้น ทีคุณขออะไรฉัน ฉันยังให้เลยนะ”
“ก็ได้ครับ แต่คุณพิมครับ ผมอยากขออะไรคุณอย่างนึง”
“ขออีกแล้ว”
“คุณพิม”
“ก็ได้ ว่ามา”
“เมื่อไหร่ที่คุณรู้ตัวว่าทำอะไรไปเพราะอคติ คุณต้องหยุดและยอมรับความเป็นจริงนะครับ”
“หมายความว่าไง”
“ผมก็แค่เป็นห่วงคุณ อยากให้คุณใช้เหตุผลให้มากกว่าอารมณ์ ผมไม่ได้ขออะไรยากเลยใช่มั้ยครับ”
“ก็ไม่ได้ยาก” พิมภาอ้ำอึ้งเพราะแพ้สายตาฤชวีที่จ้องมา “ก็ได้”
ฤชวีมองพิมภาปลื้มๆ
ทางด้านเอกพลเมื่อกลับถึงคอนโดก็พบปราสินีนั่งรออยู่
“พี่ไปไหนมา”
“ไปธุระกับคุณการะเกตุ”
“ธุระอะไร ปลาไม่เห็นมีในตารางงาน”
“ธุระส่วนตัว” เอกพลจ้องหน้าปราสินีอย่างไม่รู้สึกเกรงใจสักนิด “เสื้อผ้าไม่เกี่ยว มีอะไรมั้ย”
“พี่เอก นี่พี่กับยัยการะเกตุมีอะไรกันจริงๆ เหรอ” ปราสินีโกรธมาก
“ก็เดาได้อยู่แล้วนี่ แล้วมาถามทำไม” เอกพลบีบหน้าปราสินี “หรือว่าโรคจิตอยากได้ยินอะไรที่มันเจ็บปวดๆ”
“พี่เอก” ปราสินีจะตบเอกพล เอกพลคว้ามือปราสินีไว้แล้วเหวี่ยงปราสินีไปกองกับพื้น
“บอกให้นะ นอกจากจะให้เธอไปช่วยทำงาน ฉันตั้งใจจะให้เธอไปเห็นว่า ฉันกับคุณการะเกตุเป็นอะไรกัน เธอจะได้เข้าใจว่าเธอควรจะอยู่ยังไง และถ้าคิดจะขัดขวางความเจริญของฉันเหมือนคราวที่แล้วอีกล่ะก้อเธอตาย”
เอกพลชี้หน้าคาดโทษปราสินีแล้วเดินหนีไป ปราสินีร้องไห้คร่ำครวญเจ็บปวด แต่ทำอะไรไม่ได้
ส่วนลัลนาเมื่อกลับถึงบ้านก็เจอพิพัฒน์ ผู้เป็นพ่อที่มารออยู่ วรรณามองลัลนาอย่างเป็นห่วง
“พ่อ”
“พ่อมีเรื่องจะคุยกับแก”
“เรามีเรื่องต้องคุยกันด้วยเหรอคะพ่อ” ลัลนาจะเดินหนี
“ลัล อย่าทำแบบนี้” วรรณาปรามลูกสาว
ลัลนาชะงักมองแม่ แล้วยอมเพราะไม่อยากให้แม่ลำบากใจ ลัลนาสงบสติอารมณ์นั่งลงฟังพิพัฒน์
“ทำไมแกถึงคืนงานของคุณการะเกตุ”
“ก็ลัลมันคนห่วย ทำงานใหญ่ไม่ได้หรอกพ่อ”
“นี่เป็นงานใหญ่เป็นการขยายสายงานและพ่อก็ต้องการให้แกทำให้สำเร็จ”
“ลัลไม่มีปัญญาหรอกค่ะพ่อ”
“เลิกประชดพ่อซะทียัยลัล แกไม่อยากลบคำสบประมาทที่คนเขาว่าแกหรือไง”
“ทำไมไม่พูดให้มันเต็มๆ เลยล่ะคะพ่อว่า ที่คนเขาว่าลัลมันก็แค่ลูกเมียน้อย ไม่เคยเป็นที่หนึ่ง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ได้แต่อาศัยร่มเงาพ่อ”
“ลัล”
“ขอโทษนะคะแม่ ลัลต้องพูด”
“ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะทำงานนี้ให้สำเร็จ กอบกู้ชื่อเสียงของแกกับแม่แกกลับมา” พิพัฒน์จ้องหน้าลัลนา “พ่อหวังว่าแกคงไม่โง่ถึงขนาดคิดอะไรไม่เป็นนะยัยลัล”
พิพัฒน์ลุกเดินออกไป ลัลนามองตามพิพัฒน์ด้วยความสับสน
รถของพิพัฒน์แล่นออกมาจากบ้านลัลนา ขณะนั้นนวลจันทร์ให้คนรถจอดรถรอดูอยู่ห่างออกไป
“นังลัล” นวลจันทร์นึกแค้น เสียงโทรศัพท์ดัง นวลจันทร์กดรับฟังแล้วยิ่งแค้น “พ่อแกจะเลื่อนตำแหน่งให้นังลัลเหรอ แม่จะจัดการเอง” นวลจันทร์สายตาเคียดแค้น แล้วก็นึกออก “ฉันคงต้องทำให้แกรู้ตัวว่าแกเป็นใคร นังขยะ”
ฤชวีออกมาจากห้องนอนเจอสายตาของภัทรพล ภาณุวัฒน์และพิมมาลาจ้องอยู่
“มีอะไรกันเหรอครับ”
“มีอะไรกันรึเปล่า เห็นเข้าไปคุยกับยัยพิมนานสองนาน”
ฤชวีมานั่งรวมกลุ่ม
“คือ คุณลัลนา”
“คนที่ตาภัทรจีบ”
“ใช่แม่จำได้”
“พ่อ แม่” ภัทรพลขัด
“เล่าต่อคุณต้น”
“คุณลัลนาต้องการให้ผมเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าที่คุณลัลรับผิดชอบอยู่แต่คุณพิมไม่ยอม เพราะมันเป็นสินค้าของคุณการะเกตุ”
“ใคร การะเกตุ” พิมมาลาถามเสียงเอาเรื่อง
“คนที่คุณย่าของผมอยากให้หมั้นด้วย”
พิมมาลา ภาณุวัฒน์หันขวับมาจ้องหน้าฤชวี
“แต่คุณต้นไม่สนใจ” ภัทรพลรีบบอก
“แล้วไป”
“เข้าใจล่ะยัยพิมมันก็เลยไม่ยอม”
“ครับ”
“ไอ้พิมนี่มันร้าย”
ภัทรพลแอบโกรธพิมภาที่ไม่ช่วยลัลนาเสียงโทรศัพท์ดัง ภัทรพลรับโทรศัพท์แล้วรีบออกไป ฤชวี ภาณุวัฒน์ พิมมาลามองตาม
ภัทรพลรีบออกมาพบกับลัลนาท่ามกลางฝนที่ตกลงมา เมื่อมาถึงภัทรพลก็พบลัลนายืนร้องไห้อย่างคนจนหนทาง
“คุณลัล”
ลัลนาเห็นภัทรพลก็ยิ่งร้องไห้เข้ามากอด
“คุณภัทร”
ภัทรพลกอดลัลนาปลอบใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณลัล”
ภัทรพลพาลัลนาที่ตัวเปียกปอนมาที่คอนโดพิมภา ภาณุวัฒน์กับพิมมาลามองลัลนาก็เข้าใจเลยว่าคนนี้แน่คือว่าที่ลูกสะใภ้
“เกิดอะไรขึ้นตาภัทร”
ภัทรพลไม่ตอบเดินตรงไปที่ห้องพิมภา พิมมาลาหาผ้าขนหนูให้ลัลนาแล้วเข้าไปดูแลลัลนา
“เช็ดตัวก่อนนะหนู”
ลัลนารับผ้ามา ที่หน้าห้องพิมภา ภัทรพลเคาะประตูอย่างโกรธๆ
“ยัยพิม แกออกมานี่เลย” พิมภากับฤชวีออกมา “แกกับพี่มีเรื่องต้องคุยกัน”
“มีอะไรพี่ภัทร” พิมภาแปลกใจที่เห็นลัลนาแล้วเข้าใจว่าต้องเกี่ยวกับลัลนา “อ๋อ นี่เข้าทางพี่ภัทรเลยเหรอลัลนา”
ภัทรพลไม่พอใจที่พิมภาพูดจาเย้ยลัลนา
“แค่ให้คุณต้นไปเป็นพรีเซ็นเตอร์มันจะยากอะไรนักหนา”
“พี่ภัทรไม่เข้าใจ เรื่องนี้มันเป็นศักดิ์ศรีของพิม”
“แต่ถ้าคุณลัลทำงานนี้ไม่สำเร็จ พ่อเขาก็จะไม่ยอมรับ”
พิมภามองอย่างไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไร ลัลนาขัดขึ้นไม่อยากให้ภัทรพลพูด
“คุณภัทร !อย่าดึงพ่อฉันเข้ามาเกี่ยวได้มั้ย” ลัลนาหันมามองหน้าพิมภา “ถ้าพิมภายืนยันที่จะไม่ช่วย ก็ไปบังคับเขาไม่ได้ ลัลขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“คุณลัล...งั้นผมไปส่ง”
ภัทรพลมองหน้าพิมภาอย่างโกรธๆ แล้วพาลัลนาออกไป
“คนนี้ใช่มั้ยที่เจ้าภัทรมันชอบน่ะ” ภาณุวัฒน์ถาม พิมภานิ่ง
“ครับ”
ฤชวีมองพิมภาที่ตอนนี้พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้ดีว่าพี่ชายกำลังโกรธมาก
“ถ้าตาภัทรเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้คงเรื่องใหญ่นะลูก...พิม”
“พิมเพลียค่ะแม่ ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
พิมภาตัดบทแล้วเดินเข้าห้องไป
“ปกตินอนตีหนึ่งตีสอง วันนี้ทำเป็นจะนอนหัวค่ำ มันเลี่ยงประเด็นชัดๆ หัวดื้อเหมือนแม่มัน” พิมมาลามองภาณุวัฒน์ดุๆ ภาณุวัฒน์หน้าแหย “แต่ดีที่แม่มันดื้อแป๊บเดียว เดี๋ยวก็มีเหตุผล”
“ดื้อเหมือนแม่ก็ดีกว่าแถกเหมือนพ่อ เอาไงดีล่ะคุณต้น” พิมมาลาหันไปถามฤชวี
“เดี๋ยวผมจะลองคุยให้ครับ”
ฤชวีเข้าไปในห้อง
พิมภาออกมายืนที่ระเบียงเครียดๆ ขัดใจ ฤชวีตามเข้ามายืนใกล้ๆ เงียบๆ ไม่พูดอะไรจนพิมภาอึดอัด พิมภาหันไปมองหน้าฤชวีหลายครั้งแต่ฤชวีก็ไม่พูดอะไร จนฤชวีเห็นว่าพิมภาคงอึดอัดเต็มที่แล้ว
“ผมคิดว่าคุณเห็นนะ ว่าคุณภัทรเป็นห่วงคุณลัลแค่ไหน” พิมภาไม่ตอบเพราะดูออกว่าภัทรพลเป็นห่วงลัลนาแค่ไหน “คุณเป็นคนรักครอบครัวจนยอมทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องความสัมพันธ์ที่มันลึกลับซับซ้อนของเรา”
“ฉันก็แค่อยากให้พ่อแม่พี่ชายฉันสบายใจ”
“ผมรู้ แต่คุณพิม คุณลืมไปอย่างหนึ่งรึเปล่า คำว่าครอบครัวมันหมายถึงคนที่พ่อแม่พี่น้องของเรารักด้วยนะ”
“ฉันรู้ว่าพี่ภัทรคิดยังไงกับลัลนา”
“คุณพิม คุณก็บอกเองว่าที่จริงคุณก็ไม่ได้เกลียดอะไรคุณลัลถ้าคุณจะยอมช่วยคุณลัล ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายอะไร”
“แต่”
“ส่วนเรื่องวุ่นวายที่คุณกลัวว่ามันจะเกิด...” ฤชวีจับตัวพิมภาหันมาเบาๆ แล้วมองตา “ตอนนี้ครอบครัวเรามีกันตั้งหลายคน ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรเราจะช่วยกันแก้ไข ตกลงมั้ย” สายตาของฤชวีทำให้พิมภารู้สึกอุ่นใจ “ช่วยคุณภัทรให้มีความสุข แล้วคุณเองก็จะมีความสุข คุณพิม”
พิมภาฟังฤชวีแล้วนิ่งคิด
ภัทรพลขับรถมาส่งลัลนาที่บ้าน ลัลนายังนั่งเงียบ
“อย่าคิดมากเลยคุณลัล”
“ขอบคุณมากค่ะ คนเป๊ะเวอร์อย่างฉันเป็นอะไรไม่นานหรอก”
ลัลนายังทำปากแข็ง ภัทรพลรู้สึกไม่พอใจนิดๆ กับความปากแข็งของลัลนาเลยพูดดัดนิสัย
“ไม่เป็นไร แล้วคุณไปหาผมทำไม”
ลัลนาอึ้งไม่นึกว่าจะโดนย้อน
“ก็ ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออก”
“มีสัจธรรมอยู่ข้อนึงนะคุณลัล” ภัทรพลจ้องหน้าลัลนาแล้วพูดต่อ “คนเราทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น” ลัลนามองภัทรพลเหมือนจะถามว่าหาเรื่องเธอทำไม “คนเราถ้าเคยทำตัวร้ายกาจไว้ วันนึงถ้าจะหวังให้คนอื่นมีน้ำใจกับเรา
มันก็เป็นเรื่องยาก” ลัลนาถอนหายใจ “ตอนที่ผมบวช พระอาจารย์ของผมเคยสอนไว้ว่าเราขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอนั่นขอนี่ แต่ตัวเราไม่เคยทำบุญ ทำแต่บาป ต้นทุนไม่มีท่านจะให้กำไรมาได้ยังไงจริงมั้ยครับ”
“เอาล่ะๆ ฉันเคยทำตัวร้ายกาจ ทำตัวไม่ดีฉันยอมรับ พอใจแล้วใช่มั้ย”
“ครับ”
“คุณภัทร”
“ผมก็แค่อยากให้คุณหัดยอมรับความจริงบ้าง ยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำ ยอมรับสิ่งที่ตัวเองคิดก็เท่านั้น”
“ก็เท่านั้นเหรอ ไม่ช่วยยังด่าซ้ำอีกนะคุณภัทร”
ลัลนาโกรธน้อยใจจะลงจากรถ ภัทรพลจึงพูดโดยไม่มองหน้าลัลนา
“ขนาดมาส่งยังไม่รู้จักขอบคุณสักคำ” ลัลนาชะงัก
“ขอบคุณ”
ลัลนารีบลงจากรถไป ภัทรพลมองตามยิ้มอย่างพอใจแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าคิดๆ เครียด ก่อนจะออกรถไป
ลัลนามองตามภัทรพลตาละห้อย แล้วจะเข้าบ้านแต่เห็นซูซี่รออยู่
“น้องลัลคะ หายไปไหนมา พี่มารอตั้งนาน”
“พี่ซูซี่มีอะไรคะ”
“พี่เป็นห่วงน้องลัลค่ะ”
คำว่าเป็นห่วงของซูซี่ทำให้ลัลนารู้สึกใจชื้นขึ้นบ้าง
ภัทรพลกลับคอนโดก็เจอพิมภานั่งรออยู่
“แกมีอะไรกับฉัน”
“พี่ภัทรรู้ใช่มั้ยว่ายัยลัลร้ายกาจแค่ไหน”
“รู้ แล้วแกรู้มั้ยว่าเขาร้ายกาจเพราะใคร”ภัทรพลย้อนถาม พิมภางงที่ถูกภัทรพลย้อน “ก็เพราะแกไง เพราะเขามีคู่แข่งที่ร้ายกาจอย่างแก เขาถึงต้องเล่นให้มันสมน้ำสมเนื้อ”
“รวมทั้งเรื่องที่ยัยลัลมาอ่อยพี่ภัทร เพื่อหาข้อมูลของพิมน่ะเหรอ”
“ใช่”
พิมภาชักฉุนเริ่มเสียงดัง
“พี่ภัทรรู้ พี่ภัทรรู้ว่ายัยลัลเป็นยังไง พี่ภัทรยังจะรักยัยลัลอีกเหรอ”
ฤชวี พิมมาลา ภาณุวัฒน์ออกมา
“ข้อดีของอีกฝ่ายยังไงแกก็รับได้ แต่ถ้าแกรู้ว่าเขามีข้อเสียแกยังจะรัก ยังจะรับเขาได้มั้ย เหมือนที่คุณต้นเขาเห็นนิสัยเสียๆ ของแก แต่เขาก็ยังรักยังอดทนกับแกไงยัยพิม”
“พี่ภัทร มันจะมากไปแล้วนะ พูดเรื่องลัลนาแล้วมาเกี่ยวอะไรกับพิม”
“ใจเย็นคุณพิม”
“ฟังนะพี่ภัทรถึงพิมไม่ช่วยยัยลัล พ่อเขาก็ช่วยอยู่ดี”
“คุณลัลเขาไม่โชคดีขนาดนั้นหรอก”
“พี่ภัทรหมายความว่าไง”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นซูซี่ฟังเรื่องจากลัลนาแล้วถึงกับอึ้ง
“นี่ท่านประธานจะให้น้องลัลออกจากออฟฟิศถ้าทำงานนี้ไม่สำเร็จเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“ท่านคงไม่กล้าทำกับลูกสาวแบบนั้นหรอกค่ะ”
คำพูดของซูซี่ทำให้ลัลนารู้สึกน้อยใจพ่อ จนหลุดพูดเรื่องของตัวเองออกมา
“ลูกสาว ลัลมันก็แค่ลูกบ้านเล็กเท่านั้นแหล่ะค่ะพี่ซูซี่”
“ลูก บ้านเล็ก อ้าว...ตลอดเวลาพี่คิดว่า...นี่น้องลัล...”
“ค่ะ”
ซูซี่เข้าใจทั้งหมด และรู้สึกเห็นใจลัลนา
“เรื่องนั้นเราคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่ยังไงน้องลัลก็อย่ายอมแพ้นะคะ”
“ไม่รู้สิคะพี่ซูซี่ ยอมแพ้ตอนนี้ ยังดีกว่าที่ลัลจะต้องเป็นทาสยัยการะเกตุนั่น แค่โดนแม่ใหญ่กับคุณพ่อกดดันมาตลอดชีวิตมันก็มากพอแล้ว”
“แต่พี่ว่ายังไงคุณสุก็ไม่ยอม”
ลัลนาเครียด
ส่วนพิมภา เธอถึงกับอึ้งที่ได้รู้เรื่องลัลนา
“มิน่ายัยลัลถึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้คนยอมรับ”
“รู้แบบนี้แล้ว แกจะช่วยคุณลัลรึยัง”
“ต้องการความช่วยเหลือก็พูดจาให้มันดีๆ หน่อยสิพี่ภัทร”
“พิม”
“ก็จริงนี่จ๊ะแม่ คิดว่าเล่าเรื่องน่าเห็นใจแล้วพิมจะใจอ่อนเหรอ”
“แล้วพิมมานั่งรอตาภัทรทำไม” พิมภาอึ้ง
“ก็มารอกวนประสาทภัทรไงพ่อ ยัยพิมมันไม่พอใจที่ภัทรเข้าข้างคุณลัล”
“รู้ก็ดีแล้ว” พิมภาบอกอย่างประชด
“รู้ซึ้งด้วย ว่าแกมันร้ายกาจ ใจดำ”
ภัทรพลโกรธเดินเข้าห้องไป
“คุณพิม คุณทำแบบนี้ทำไม” ฤชวีถามขึ้นมา
“ทำอะไร”
“ก็มารอหาเรื่องคุณภัทร”
“ฉันมารอหาเรื่องที่ไหนเล่า ฉันมารอพี่ภัทรเพื่อจะถามว่าคิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะให้ฉันช่วยลัลนา”
“คุณจะยอมช่วยคุณลัลแล้วเหรอครับ”
“ตอนแรกว่าจะช่วย แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
พิมภาเดินกลับเข้าห้องไป พิมมาลากับภาณุวัฒน์ได้แต่มองลูกทั้งสองคนหน่ายๆ ฤชวีหันมามองทั้งคู่
“แปลกใจใช่มั๊ยที่พ่อกับแม่ไม่ห้าม”
“ครับ”
“เวลาพี่น้องทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างก็เสียใจ ให้ตาภัทรกับยัยพิมเสียใจกันให้เต็มที่จะได้รู้ตัวว่ารักกันมากแค่ไหน”
“บ้านนี้สอนลูกโหดจังนะครับ”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลายิ้มพอใจไม่สะทกสะท้าน
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อซูซี่มาถึงบริษัท จุ๋มจิ๋มกับลิลลี่ถามซูซี่เรื่องที่ลัลนาต้องเอาฤชวีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ได้
“ตกลงพี่พิมเขายอมให้สามีเขามาเป็นพรีเซ็นเตอร์มั๊ยเจ๊”
“ถ้าเป็นเธอ เธอจะยอมมั้ย”
“ไม่ยอม”
“ถามไม่คิด” จุ๋มจิ๋มต่อว่าลิลลี่ ซูซี่ถอนใจ
“เป็นอะไรเจ๊”
“ก็สงสารน้องลัลน่ะสิ แบบนี้ต้องโดนท่านประธานไล่ออกแน่”
“บ้าน่าเจ๊ ใครเขาจะไล่ลูกตัวเองออก”
“เธอไม่รู้อะไร น้องลัลน่ะเป็นลูกเมียน้อยจะไปมีสิทธิ์มีเสียงอะไร” ซูซี่ลืมตัวพูดออกมาเพราะสงสารลัลนา จุ๋มจิ๋มกับลิลลี่อึ้งมองหน้ากัน “พี่ไปดูน้องลัลก่อนนะ คุณสุเรียกเข้าไปพบแต่เช้าไม่รู้ออกมารึยัง”
ซูซี่รีบออกไป ลิลลี่กับจุ๋มจิ๋มทั้งอึ้งทั้งสงสารลัลนา
“แล้วถ้าพี่ลัลไม่อยู่แล้ว แล้วเราจะทำยังไง”
“เราก็แย่น่ะสิ”
แม่บ้านที่ทำความสะอาดแถวนั้นได้ยินจึงรีบออกไป
ขณะนั้นสุกัญญากำลังคุยเรื่องนี้อยู่กับลัลนา
“พี่อยากให้ลัลคิดถึงความเป็นมืออาชีพ แยกความรู้สึกกับงานออกจากกัน ลัลควรใช้โอกาสนี้พิสูจน์ตัวเอง”
“ไม่ว่าจะพิสูจน์กี่ครั้ง ลัลก็ไม่มีวันมีค่าในสายตาของพ่อ ไม่รู้ว่าลัลจะทนทำไปเพื่ออะไร”
“เพื่อตัวเอง” น้ำเสียงของสุกัญญาอบอุ่นจนลัลนารู้สึกได้ “ลัลต้องสร้างผลงานเพื่อที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง เพื่อสร้างอนาคตให้ตัวเอง ลัลจะมาจากไหนไม่สำคัญ ปัจจุบันและอนาคตต่างหากที่สำคัญ”
ลัลนารู้สึกซึ้งใจ
“คุณสุ คุณสุไม่ได้เกลียดลัลเหรอคะ”
“พี่ไม่เคยเกลียดน้องๆ ของพี่ หรือรักใครมากกว่าใครเลย” สุกัญญาบีบไหล่ลัลนาเบาๆ “พี่เชื่อว่าลัลสามารถเติบโตได้ แต่ลัลต้องรู้จักวางอัตตาไว้ที่บ้าน แต่ถ้าอยากจะย่ำอยู่กับที่ก็เอาแต่คิดน้อยใจ คิดถึงแต่เรื่องตัวเองต่อไป”
ลัลนาตั้งใจฟัง “ลัลไม่ใช่ตัวคนเดียว ลัลยังมีแม่อีกคนไม่ใช่เหรอ”
ลัลนานึกถึงแม่แล้วรู้สึกมีสติขึ้น
“ค่ะคุณสุ”
“พี่ไม่ให้ลัลคืนงาน แต่พี่จะให้ลัลไปเตรียมตัวให้พร้อมรับกับทุกอย่าง”
ลัลนามองสุกัญญารู้ว่าเลี่ยงไม่ได้แล้ว
พิมภากับนันทิกานต์ออกมาจากห้องทำงานเห็นเดีย ฤทธิ์ แม่บ้าน พนักงานกำลังสุมหัวกันใหญ่จึงเข้าไปถามว่ามีอะไรกัน
“พี่แนน พี่พิม รู้เรื่องข่าวใหญ่หรือยัง”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่พี่ลัลเป็นลูกเมียน้อยน่ะสิ”
“เอาอะไรมาพูด”
นันทิกานต์มองหน้าพิมภา พิมภาพยักหน้ารับนิ่งๆ นันทิกานต์ตกใจ
“ทำไม ถ้าฉันเป็นลูกเมียน้อยแล้วจะทำไม”
ลัลนาเดินเข้ามา ลัลนามองหน้าพิมภา
“ลัลนา”
“ฝีมือเธอสินะพิมภา”
“ฉันไม่ได้...”
พิมภายังไม่ทันพูดอะไร นวลจันทร์ก็เดินเข้ามา
“อยู่นี่เองนังตัวดี แม่แกแย่งผัวฉันไม่พอ ยังคิดจะแย่งบริษัทไปอีกเหรอ”
“คุณนวลจันทร์”
“แกกับแม่แกมันปลิงสูบเลือดสูบเนื้อ นึกเหรอว่าฉันไม่รู้ว่าแกอยากจะครอบครองนารีแค่ไหน”
ลัลนาเริ่มอายสายตาทุกคน สุกัญญาเข้ามา
“นี่มันอะไรกันคะคุณนวลจันทร์”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“แต่ตอนนี้ฉันคือผู้บริหารที่นี่ ฉันขอร้องให้คุณกลับไปซะ ไม่อย่างนั้น ฉันคงต้องให้คุณพิพัฒน์มาเชิญคุณกลับไป”
“ขู่ฉันเหรอคุณสุกัญญา อย่านึกว่าเป็นผู้บริหารที่สามีฉัน...แล้วฉันจะต้องฟังคำสั่งคุณนะ”
สุกัญญามองนวลจันทร์แบบไม่เกรง
“เชิญค่ะ”
นวลจันทร์จะเอาเรื่องสุกัญญา แต่เสียงมือถือของนวลจันทร์ดัง นวลจันทร์รับสาย เป็นพิพัฒน์โทรมา
“ฉันไม่กลับ จนกว่าจะไล่นังลัลนาออกจากออฟฟิศก่อน” นวลจันทร์ฟังโทรศัพท์แล้วหน้าเสีย “คุณพิพัฒน์”
“คุณพิพัฒน์คงสั่งให้คุณกลับไป และฉันว่าคุณควรจะทำตาม”
จบตอนที่ 10
อ่านต่อตอนที่ 11 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.