คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 9
ที่คอนโดเอกพล ปราสินีมองนาฬิกาอย่างกระวนกระวาย ปราสินีหยิบที่ตรวจครรภ์ขึ้นมาดูลุ้นๆ เห็นว่าขึ้นสองขีด ปราสินีดีใจมาก ปราสินีรีบออกจากห้องน้ำมาหยิบมือถือโทรออกขณะนั้นเอกพลกำลังจะเดินกลับไปที่ห้องพัก เสียงมือถือเอกพลดัง เอกพลมองแล้วกดรับ
“ว่าไงปลา”
“พี่เอก ปลาท้องค่ะ” ปราสินีบอกอย่างดีใจ
“ว่าไงนะ”
“ปลาบอกว่าปลากำลังท้องลูกของเราค่ะ พี่ดีใจมั้ย”
เอกพลหน้าเครียด
“แล้วปลารู้จักคลินิกที่ไหนบ้างไหม”
“จะให้ปลาไปฝากท้องที่คลินิกเหรอคะ แต่ปลาว่า...”
“ไปเอาออกซะ” ปราสินีตะลึง
การะเกตุเดินเข้ามาเอกพล
“เอกพล” เอกพลหันมา
“สักครู่นะครับคุณเกตุ” เอกพลคุยโทรศัพท์กับปราสินีต่อ “ปลาไปจัดการซะ แค่นี้นะ”
เอกพลกดวางสาย ปราสินีผิดหวังอย่างแรง
“คุณหายไปไหนมา ฉันหิวจะแย่แล้ว” การะเกตุเสียงแข็งใส่เอกพล
“ขอโทษนะครับ งั้นเรารีบไปที่ห้องอาหารดีมั้ยครับ”
การะเกตุเดินนำไป เอกพลรีบตามไป
การะเกตุเดินเข้ามาในห้องอาหารของรีสอร์ทกับเอกพล กลุ่มของบริษัทนารีทั้งหมดหันไปมองเอกพลอย่างเหม็นหน้า
“น้องลัลคะ นั่นมันยัยตัววุ่นวายเมื่อคืนนี่คะ ทำไมมากับนายเอกพลล่ะคะ” ซูซี่สะกิดลัลนา
“ผีเน่ากับโลงผุไงคะ” ลัลนามองเหยียดๆ
สุกัญญาเห็นการะเกตุ สุกัญญาลุกจากโต๊ะเดินไปหาการะเกตุ
“สวัสดีค่ะคุณการะเกตุ”
“น้องลัลดูสิคะ คุณสุลุกไปต้อนรับเองด้วย” ซูซี่สะกิดลัลนา นันทิกานต์ทนไม่ไหวรีบมาหาพิมภา
“ยัยพิม ท่าจะไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาแล้วค่ะ”
“เชิญทางนี้ค่ะ” สุกัญญาพาการะเกตุมาที่โต๊ะ เอกพลตามมา “แนนจ๊ะ ตามลัลนามาให้พี่หน่อย” นันทิกานต์รีบไปเรียกลัลนา ลัลนาลุกเดินมา ซูซี่กับนันทิกานต์ตามมายืนห่างๆ อย่างอยากรู้ “ตรีวิญ พิม ลัล นี่คุณการะเกตุ เจ้าของห้างเจพาร์คที่เรากำลังจะไปลงช็อปใหญ่”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณตรีวิญ” การะเกตุมองตรีวิญแต่ไม่สนใจลัลนากับพิมภาเลย “เรื่องการติดต่อพื้นที่ ดิฉันคงต้องให้เป็นหน้าที่ของคุณเอกพล ผู้จัดการฝ่ายบริหารพื้นที่ของเจพาร์คค่ะ”
“สวัสดีครับ ยินดีนะครับที่เราจะได้ร่วมงานกัน คุณพิม”
เอกพลยื่นมือมาตรงหน้าพิมภา พิมภามองเอกพลอย่างรังเกียจ แต่จำต้องยื่นมือไปจับมือเอกพล เอกพลบีบมือพิมภายิ้มข่มว่าหนีไม่พ้นแน่ พิมภารีบดึงมือออก
“เอ่อ ทานอาหารเช้ากันก่อนดีมั้ยคะ จะได้คุยงานกันไปด้วย”
สุกัญญาตั้งใจพาการะเกตุออกไป เอกพลจะได้ห่างออกมาจากพิมภา
“ยัยเยอะเนี่ยนะ เจ้าของเจพาร์ค” ลัลนาบอกออกมา
“คำว่าเยอะไม่พอหรอก ยัยนี่น่ะมากมาย” ลัลนากับพิมภาสบตากัน “โดนใช่มั้ยเราน่ะ”
“บอกได้เลยว่า แรง”
“อืม”
พิมภากับลัลนามองไปที่การะเกตุ
“ลงช็อปคราวนี้ หืดขึ้นคอแน่”
“แต่ตอนนี้ที่สำคัญ คือยอดซื้อสินค้าจากงานนี้ เธอคงไม่แกล้งลืมหรอกนะ”
“ไปตัดสินกันที่บริษัท”
สองสาวต่างเชิดแยกกันไปที่โต๊ะของตัวเอง ลัลนาจงใจเดินผ่านโต๊ะภัทรพล
“พี่ภัทรเดี๋ยวแนนกลับด้วยนะ ไม่อยากกลับรถตู้”
“เอาสิ”
ลัลนาเดินผ่านภัทรพลก็ไม่มองหน้า ลัลนามองอย่างเริ่มไม่ชอบใจอยากให้ภัทรพลสนใจเหมือนเดิม
ทุกคนเตรียมตัวเดินทางกลับ ภัทรพล ฤชวี พิมภา ลัลนา ซูซี่ นันทิกานต์เดินมาส่งสุกัญญาขึ้นรถตู้ ตรีวิญจะขึ้นรถหันมาหาพิมภา
“คุณพิมจะกลับกรุงเทพฯเลยมั้ยครับ”
ภัทรพลไม่พอใจแทนน้องเขย
“เราคงจะแวะไปเที่ยวถ่ายรูปที่ปาลิโอหน่อย ให้สามีภรรยาได้มีเวลาสวีทกันบ้างน่ะครับ”
ตรีวิญหน้าเสียไปนิด
“งั้นพี่ไปก่อนนะ” สุกัญญาบอก ตรีวิญมองพิมภา
“ไปก่อนนะครับ”
พิมภายิ้มรับ ฤชวีเข้ามาจับมือพิมภา
“เดินทางปลอดภัยนะครับ”
ตรีวิญหน้าตึง สุกัญญาเดินออกไป ตรีวิญเดินตาม พิมภามองมือฤชวีที่จับ
“คุณต้น”
“เนียนไงครับ คุณพิม” ฤชวียิ้มเนียนๆ
ลัลนามองภัทรพลพยายามจะเรียกร้องความสนใจ
“มาเพชรบูณณ์ทั้งที ได้เที่ยวบ้างก็ดีเหมือนกันนะคะ” ลัลนามองภัทรพลอย่างหวังว่าอีกฝ่ายจะชวน แต่ภัทรพลเงียบไม่พูด ลัลนาเสียหน้าหันไปทางซูซี่ “พี่ซูซี่อยากไปก็รีบไปเก็บกระเป๋าสิคะ จะได้รีบไป”
“ฮะ พี่อยากไปไหนเหรอคะ” ซูซี่ถามงง
“เก็บกระเป๋าค่ะพี่ซูซี่” ลัลนาเสียงแข็ง
“รีบไปเอากระเป๋าสิแนน แดดแรงเดี๋ยวจะถ่ายรูปไม่สวย”
ภัทรพลเดินออกไป นันทิกานต์ต้องรีบตาม ลัลนามองไม่พอใจเดินออกไปอีกทาง ซูซี่รีบตามไป ฤชวีมองพิมภา
“เราไปเก็บกระเป๋ากันนะครับ”
“อืม”
ฤชวีกับพิมภากำลังจะเดินไป
“คุณต้นครับ” ฤชวีกับพิมภาชะงัก “คือ คุณหญิงท่านเห็นคุณต้นจากข่าวเมื่อเช้า ท่านถาม ผมเลยจำเป็นต้องบอก”
พิมภามองฤชวีที่หน้าเครียด ฤชวีรู้ว่าเป็นเรื่องแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
ผู้จัดการออกไป ฤชวีหยิบมือถือกดโทรหามิ้นท์ พิมภามองอย่างไม่สบายใจนัก
มือถือมิ้นท์ดัง มิ้นท์กดรับสายสีหน้าไม่ค่อยดี
“พี่ต้น”
“มิ้นท์ คุณย่าเห็นข่าวแล้ว ท่านว่ายังไงบ้าง”
“คุณย่า”
ชุติภาแย่งโทรศัพท์จากมิ้นท์
“ตาต้น”
“คุณย่า” ฤชวีตกใจ
“ตาต้น แกแต่งงานโดยที่ไม่บอกย่าได้ยังไง แล้วแกไปคว้าผู้หญิงที่ไหนมาฮะ”
“คุณย่า ใจเย็นๆ นะครับ”
พิมภามองอาการฤชวีรู้ว่าเป็นเรื่องแน่
“ย่าไม่ยอมให้ผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาเป็นหลานสะใภ้ของย่าแน่ๆ แกโดนมันจับใช่ไหมตาต้น”
“คุณย่าครับอย่าเพิ่งอคติกับคุณพิมแบบนั้นสิครับ” ชุติภายิ่งโกรธ
“นี่ไม่ทันไรแกก็ออกรับแทนเมียแกแล้วเหรอ หน้ามืดตามัวจนไม่สนใจย่าแล้วใช่ไหม”
“คุณย่าครับ ผม”
“ไม่ต้องพูดแล้ว แกกลับมาเมื่อไหร่รีบพาผู้หญิงคนนั้นมาหาย่า”
ชุติภาวางสายมองมิ้นท์ มิ้นท์เลิ่กลั่กแล้วทำจะเป็นลม
“ถ้าคิดจะแกล้งเป็นลมหนีย่าล่ะก็ ย่าจะฟาดแกให้สลบจริงๆ เลย”
“โดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลย ไอ้มิ้นท์เอ๊ย”
ฤชวีสีหน้าเครียด
“มีอะไรเหรอคุณ” พิมภาถามขึ้นมา
“คุณย่ารู้เรื่องของเราแล้ว”
“โกรธมากเลยสิคุณ”
“มาก”
พิมภารู้สึกว่าตัวเองทำให้ฤชวีเดือดร้อน จึงเริ่มเห็นใจเขา
ภัทรพล นันทิกานต์เดินเข้ามาในปาลิโอ ภัทรพลถ่ายรูปตามมุมต่างๆ
“พี่ภัทรจะพาสองคนนั้นมาสวีทไม่ใช่เหรอ ดูโน่นสิพี่”
นันทิกานต์สะกิดภัทรพล ภัทรพลหันไปเห็นฤชวีเครียดๆ ในขณะที่พิมภาก็มองอย่างเป็นห่วง ภัทรพลเดินถอยลงไปให้เท่ากับพิมภา
“ไอ้พิม คุณต้นเป็นอะไร”
นันทิกานต์เดินถอยลงมาประกบอีกคน
“แกหาเรื่องอะไรเขาอีก”
“ฉันเปล่านะ ที่บ้านเขามีเรื่อง”
“น่าเห็นใจนะ ต้องเหนื่อยกับแกมาตั้งเยอะ แล้วที่บ้านยังมีเรื่องอีก เฮ้อ...อุตส่าห์พามาเที่ยวกะว่าจะให้อารมณ์ดีสักหน่อย หน้าเครียดหนักกว่าเดิมอีก”
พิมภาคิดๆ รู้สึกผิดมองฤชวีที่เดินนิ่งๆ เครียดๆ พิมภาตัดสินใจเข้าไปควงแขนฤชวี ฤชวีมองพิมภา พิมภายิ้มให้
“คุณสามีค้า ทำหน้าดีๆ หน่อย พี่ภัทรกับไอ้แนนคิดว่าฉันเป็นนางมารทรมานชีวิตคุณกันหมดแล้ว พี่ภัทร ถ่ายรูปหน่อยสิ” ฤชวียังมองงงๆ พิมภาจับแก้มฤชวีให้ยิ้ม “ยิ้มหน่อยสิคะ ยิ้ม”
พิมภาจับแก้มฤชวีให้ยิ้ม ส่วนพิมภาหันมายิ้มให้กับกล้อง ภัทรพลกดชัตเตอร์ แชะ พิมภามองฤชวีที่ยังยิ้มหน้าเครียด ๆ
“รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันมา” ฤชวียืนรอ ภัทรพลถ่ายรูปให้นันทิกานต์ที่โพสท์อย่างสนุกสนาน พิมภายื่นไอศกรีมมาตรงหน้าฤชวี “อ่ะ กินหวานๆ จะได้ดีขึ้น แต่ถ้าคุณกินของหวานแล้วคุณจะดุไหม”
ฤชวีมองพิมภาที่แซวด้วยหน้าตากวนประสาทมาก
“ผมไม่ดุแต่ผมกัดเลยนะ”
“ล้อเล่ง ล้อเล่ง กินนะจะได้สดชื่น”
ฤชวีค่อยยิ้มออก นันทิกานต์วิ่งเข้ามา
“พิม คุณต้น ถ่ายรูปกันค่ะ”
พิมภา ฤชวี นันทิกานต์โพสท์ท่าถ่ายรูปสนุกๆ
“ไอ้แนน ให้คู่รักเขาถ่ายคู่กันบ้าง เป็นก้างตลอดน่ะแก” ภัทรพลดึงนันทิกานต์ออกมา พิมภากับฤชวียืนคู่กันถ่ายรูปแต่ตัวตรงมาก “นี่ไม่ได้ถ่ายบัตรประชาชน เอาแบบนี้”
ภัทรพลจับให้พิมภาชิดกับฤชวีมีจับท่าให้เหมือนหอมแก้ม
“เฮ้ย ไม่เอาอ่ะพี่ภัทร”
“สามีภรรยากัน แค่ทำท่าหอมแก้ม ทำเขินยังกับไม่ใช่” ภัทรพลจ้องพิมภากับฤชวีอย่างจับผิด “เอ๊ะ หรือว่า”
พิมภาตกใจรีบทำเนียนขยับเข้าไปตั้งท่าเหมือนจะหอมแก้ม
“เอ้า จะถ่ายก็รีบๆ เข้าสิพี่ภัทร”
“มองหน้ากันหวานๆ หน่อย นั่นล่ะ”
ฤชวีมองพิมภาที่ขยับเข้ามาใกล้มาก ฤชวีมองหวานๆ
ภัทรพลถ่ายรูปเสร็จ แต่ฤชวีก็ยังมองพิมภาหวานมากๆ พิมภาหันมาเจอก็ชะงักอึ้งมองเหมือนโดนสะกด ภัทรพลถ่ายอีกรูป เป็นภาพหวานๆ สองคน นันทิกานต์มองฤชวีที่ยังหวานไม่เลิก
“คุณต้นค้า ถ่ายรูปเสร็จตั้งนานแล้วค่า หวานเกินไปแล้ว”
พิมภารู้สึกตัวมองฤชวีอย่างเขินๆ
“ไอ้พิม พี่ไปซื้อน้ำนะ ไปแนน”
“แนนไม่หิวนี่”
“แล้วแกจะอยู่เป็นก้างหรือไง ไป”
“อ๋อ” นันทิกานต์มองพิมภากับฤชวี “เก็ทล่ะ”
ภัทรพลออกไป นันทิกานต์รีบตาม
อีกมุมหนึ่งที่ปาลิโอ ลัลนาเดินมากับซูซี่ ลัลนามองหาพลางเดินจ้ำพรวดๆ ซูซี่ต้องจ้ำตาม
“น้องลัลค้า นี่มาเที่ยวหรือมาตามควายค่ะ เดินเร็วขนาดนี้”
“โอ้ย อยู่ไหนเนี่ย”
“น้องลัลหาใครอยู่คะ”
“ก็หา...” ลัลนาจะบอกอย่างลืมตัวแล้วนึกได้ “เอ่อ หา น้ำกินสิคะ ร้อนจะตาย”
ซูซี่ชี้ด้านหลังลัลนา
“ก็อยู่นี่ไงคะร้านน้ำ” ลัลนาหันไปมอง
“เอ้า ก็ซื้อสิคะลัลร้อน”
ภัทรพลกับนันทิกานต์เข้ามาแล้วชะงักที่เห็นลัลนา ซูซี่หันมาเจอ
“น้องแนน มาพอดีถ่ายรูปให้พี่หน่อยสิคะ น้องลัลมาถึงก็พาเดินๆ หาอะไรไม่รู้ พี่จะถ่ายรูปก็ไม่ยอมถ่ายให้”
นันทิกานต์เห็นภัทรพลกับลัลนายืนมองหน้ากันนิ่งๆ นันทิกานต์เลิ่กลั่กแล้วตัดสินใจคว้ามือซูซี่
“มาพี่ซูซี่ แนนถ่ายรูปให้ มุมโน้นดีไหม”
นันทิกานต์ดึงซูซี่ให้ห่างออกไป ซูซี่ไม่รู้เรื่องโพสท์ท่าถ่ายรูปใหญ่
ภัทรพลจะไป แต่ลัลนาขยับมาขวาง ภัทรพลจะขยับไปอีกทาง แต่ลัลนาเดินมาขวางไว้ ภัทรพลมองว่าจะเอายังไง
“เมื่อคืนคุณมาว่าฉันแล้วก็เดินหนี ฉันไม่ยอมนะ”
“ผมแค่พูดความจริง หรือคุณจะเถียงว่าที่ผมพูดไม่จริง”
“แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉันแบบนั้น”
“ผมรู้ตัวตั้งนานแล้วว่าไม่มีสิทธิ์ แต่มันผิดที่คิดว่ามีหวัง ขอใจผมคืนนะครับ ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้จักคำว่าเจ็บ”
ภัทรพลยิงใส่แล้วก็ไป ลัลนายืนอึ้ง นันทิกานต์หันมาเห็นภัทรพลเดินไปก็รีบคืนกล้องให้ซูซี่แล้วรีบตามไป
“พี่ภัทร รอด้วยสิ”
ซูซี่เข้ามาหาลัลนา
“มีอะไรกันคะน้องลัล”
“ไม่มีอะไรค่ะ ลัลจะกลับบ้าน”
ลัลนาเดินออกไปเลย ซูซี่งง
“อะไรกันว้า รอพี่ด้วยน้องลัล” ซูซี่รีบตามไป
ขณะนั้นพิมภาโพสท์ท่าถ่ายรูปโดยมีฤชวีถ่ายให้ พอฤชวีถ่ายเสร็จพิมภาก็เข้ามาดึงกล้องจากฤชวีแล้วยื่นกล้องแบบถ่ายตัวเองกับฤชวี
“ยิ้มสิคุณ”
ฤชวียิ้ม พิมภาลดกล้องลงมาแล้วเปิดเช็คภาพดู ฤชวีขยับเข้ามาดูใกล้ๆ สองคนมองภาพยิ้มๆ ไม่ทันรู้สึกว่าอยู่ใกล้กันมาก พิมภาขำแล้วหันมาเจอหน้าฤชวีที่อยู่ใกล้ๆ สองคนมองกันนิ่งไปนิด
“ฉันขอโทษนะคุณต้น ย่าคุณคงโกรธมาก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจ”
พิมภายิ่งรู้สึกผิด
“อดทนอีกหน่อยนะ ถ้าฉันคิดหาวิธีเคลียร์เรื่องของเราได้เมื่อไหร่ คุณจะได้กลับไปใช้ชีวิตของตัวเองแล้วก็เลิกวุ่นวายเพราะฉันซะที”
ภัทรพลยืนฟังฤชวีกับพิมภาคุยกันโดยที่ฤชวีกับพิมภาไม่เห็นภัทรพล นันทิกานต์เดินถือแก้วน้ำเข้ามาหาภัทรพล
“มายืนทำอะไรตรงนี้อ่ะพี่”
ภัทรพลหันมองนันทิกานต์
“ไอ้แนน แกไปเรียกสองคนนั้นกลับได้แล้ว พี่รีบ”
“พี่จะรีบไปไหน”
“ให้ไปตาม ไม่ได้ให้ถาม”
“จ้า”
นันทิกานต์รีบไป ภัทรพลมองนันทิกานต์ที่ไปลากพิมภากับฤชวีมาสายตามองอย่างสงสัย
รถการะเกตุเข้ามาส่งเอกพลที่หน้าคอนโด
“ขอบคุณนะครับ”
“เดี๋ยว ผู้หญิงที่ชื่อพิมภานี่เคยมีกรณีกับคุณใช่มั้ย” เอกพลอึ้งไปนิด “ไม่ต้องห่วงเรื่องส่วนตัวฉันไม่สน ฉันแค่อยากรู้ว่ารายละเอียดเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อพิมภา”
“คุณอยากรู้เรื่องของพิมทำไมครับ”
“พูดมาฉันรอฟังอยู่”
เอกพลงรู้ว่าการะเกตุต้องได้ข้อมูลในสิ่งที่อยากรู้เดี๋ยวนี้
เอกพลถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในห้อง ปราสินีออกมาจากห้องดีใจที่เห็นเอกพล
“พี่เอก”
ปราสินีเข้าไปกอดเอกพลจะหอมแก้ม
“จัดการหรือยัง”
ปราสินีชะงักมองเอกพล
“อีกสองสามวันจะไปจัดการค่ะ” เอกพลโอบปลอบ
“ปลาต้องเข้าใจนะว่าพี่ไม่ชอบเด็ก แล้วเราก็ยังไม่พร้อม”
“ค่ะ ปลาเข้าใจ”
เอกพลยิ้ม ปราสินีกอดเอกพลแต่หน้าเสียมาก
รถพิมภาแล่นเข้ามาจอดเอี๊ยด! หน้าคอนโด พิมภานั่งอยู่ด้านหลัง ฤชวีนั่งข้างคนขับ ทั้งคู่หน้าเกือบทิ่ม
“พี่ภัทร ตอนไปส่งไอ้แนนก็ขับเร็วซะอย่างกับอยู่ในสนามแข่ง พี่รีบอะไรนักหนา”
“รีบลงไปเถอะน่าทั้งสองคนเลย พี่มีธุระ”
“พี่จะไปไหน”
“ไม่ต้องรู้หรอกลงไปได้แล้วไป”
พิมภากับฤชวีลงจากรถ ภัทรพลออกรถไปอย่างเร็ว
“พี่ภัทรจะไปไหนของเขานะ”
ชุติภายังอยู่ที่บ้านมิ้นท์และกำลังเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย ชุติภาจะกดโทรศัพท์โทรตามฤชวี มิ้นท์นั่งมองเครียดๆ
“คุณย่าคะ พี่ต้นเขาขับรถทางไกลไปกดดันมากๆ เดี๋ยวจะเป็นอันตรายนะคะ”
ชุติภามองมิ้นท์เห็นจริงก็เลยไม่โทร เสียงมือถือชุติภาดัง ชุติภามองแล้วกดรับ
“สวัสดีสินีนาฎ” ชุติภาฟังแล้วหน้าเสีย “ฉันก็เพิ่งรู้ข่าว เอาอย่างนี้นะ เธอไปรอฉันที่ร้านเดิม เดี๋ยวเจอกัน”
ชุติภาวางสายจะออกไป
“คุณย่าจะไปไหนคะ”
“ย่าจะไปเคลียร์กับว่าที่คู่หมั้นตาต้น แล้วค่อยมาจัดการแก”
มิ้นท์จ๋อย
“พี่ต้น รีบมานะ ไม่งั้นมิ้นท์ตายแน่”
สินีนาฎมาที่ร้านอาหารตามนัด
“ฉันจะเป็นลมตอนที่เห็นข่าว ชุติภา เธอมาทาบทามหลานฉันทั้งที่ตาต้นแต่งงานแล้วมันหมายความว่ายังไง”
สินีนาฎต่อว่า ชุติภาอึ้งไปนิด
“ฉันก็เพิ่งรู้จากข่าวเมื่อเช้า ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“เกตุทราบค่ะ”
สินีนาฎกับชุติภาหันมอง การระเกตุเดินเข้ามา
“หนูรู้เหรอจ๊ะ”
“ค่ะ แต่เรื่องที่หนูรู้คงไม่ดีนัก ไม่รู้ว่าหนูควรจะเล่าดีไหม”
“เล่ามาเถอะจ๊ะ”
การะเกตุมองแบบเข้าทาง
มิ้นท์อยู่บ้านเปิดทีวีแต่สายตาไม่ได้มองทีวีเลย คอยมองที่โทรศัพท์ตลอดเวลา
“ทำไมไม่โทรมาสักทีนะพี่ต้น”
เสียงออดหน้าบ้านดัง มิ้นท์รีบวิ่งออกไปที่หน้าบ้านเปิดประตูแล้วชะงัก
“พี่ภัทร”
ภัทรพลมองมิ้นท์สีหน้าเคร่งเครียด
“พี่มีเรื่องจะคุยกับมิ้นท์” ภัทรพลจ้องหน้ามิ้นท์อย่างกดดัน “สองคนนั้นเป็นสามีภรรยากันจริงหรือเปล่า” คำถามนี้ทำให้มิ้นท์ถึงกับอึ้ง “อึ้งแบบนี้แสดงว่ามิ้นท์รู้ใช่มั้ย”
“คุยที่นี่ไม่เหมาะหรอกพี่ เดี๋ยวโจทย์พี่ต้นกลับมาเห็นจะเรื่องใหญ่”
“โจทย์ หมายถึงใคร”
“เรื่องมันยาวเดี๋ยวจะแจงให้ฟังอย่างละเอียดยิบเลย”
ภัทรพลกับมิ้นท์เปิดประตูห้องทำงานกิ่งแก้วเข้ามา ซึ่งนันทิกานต์นั่งอยู่ในห้องกับกิ่งแก้วแล้ว
“พี่ภัทรให้แนนมาที่นี่ด่วนมีอะไรเหรอ”
กิ่งแก้วมองมิ้นท์ ภัทรพล นันทิกานต์งงๆ
“มีเรื่องอะไรกันเหรอมิ้นท์ แล้ว...”
“พี่ภัทร พี่แนนคะ นี่พี่กิ่งแก้วเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ต้นและมิ้นท์ พี่กิ่งนี่พี่ภัทรกับพี่แนน พี่ชายกับเพื่อนพี่พิมค่ะ”
“พี่ชายคุณพิม คนที่ต้นชอบน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
ภัทรพลหันมาหามิ้นท์
“ตกลงทุกคนในนี้รู้ใช่มั้ยว่าระหว่างพิมกับต้นไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ”
“ค่ะ”
“เล่ามาให้ละเอียดเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เริ่มจากแกก่อนเลยแนน”
นันทิกานต์หน้าเสียแต่รู้ว่าหมดทางปากแข็งแล้ว
“คือ เรื่องมันเกิดจาก...”
พิมภาเดินออกมาจากห้องตัวเองเห็นฤชวีนอนหลับบนโซฟาอย่างหมดสภาพ พิมภามองแล้วเดินไปหยิบเอาหมอนมารองคอให้ฤชวี ฤชวีขยับตัวตื่น
“เอาหมอนรองคอจะได้สบายขึ้นนะ” พิมภาเอามือจับคอฤชวีจะยกเพื่อสอดหมอนแล้วถึงรู้สึก “คุณต้นคุณตัวร้อนนี่”
“นิดหน่อยน่ะครับ คุณพิมหิวมั้ย เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทาน”
ฤชวีจะลุกแต่รู้สึกเพลียมากเซลงนั่ง พิมภาดันให้ฤชวีนอนลงเหมือนเดิม
“คุณนอนเถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง” ฤชวีมองพิมภาแบบแน่ใจเหรอว่าคุณจะทำ “ฉันทำได้น่า นอนนะ”
พิมภาเดินไปที่ครัว ฤชวียิ้มแล้วหลับอย่างรู้สึกดีที่พิมภาเป็นห่วง
ส่วนที่ร้านอาหาร ชุติภาตกใจกับสิ่งที่การะเกตุบอก
“ผู้หญิงคนนั้นเคยแต่งงานมาแล้วเหรอ”
“ค่ะ บังเอิญหนูไปงานเมื่อคืนมาด้วยเลยได้รู้เรื่องจากวงในน่ะค่ะว่าผู้หญิงคนนั้นพองานแต่งงานตัวเองล่มก็มาแต่งงานกับพี่ต้นทันที”
“เละเทะจริงๆ”
ชุติภาหน้าตึงโกรธมาก
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
อีกด้านหนึ่งที่สำนักพิมพ์กิ่งแก้ว ภัทรพลถอนใจอย่างเซ็งๆ
“ไอ้พิมนะสร้างเรื่องได้ตลอดเวลา”
มิ้นท์กับกิ่งแก้วพยายามอธิบาย
“แต่พี่ต้นชอบพี่พิมจริงๆ นะคะ”
“มิน่าล่ะ แนนก็ว่าทำไมถึงยอมช่วยยัยพิมง่ายๆ”
“กิ่งไม่เคยเห็นต้นชอบใครมากเท่าคุณพิมเลยนะคะ”
“พี่ต้นเขาว่าคนนี้ล่ะครึ่งหนึ่งของชีวิตที่ตามหาเลยนะคะ”
ภัทรพลคิดแล้วหันมาถามนันทิกานต์
“แล้วยัยพิมล่ะ”
“ไม่รู้อ่ะพี่ จริงๆ พี่ก็รู้ว่ายัยพิมมันฟอร์มจัด ปากแข็งจะตาย”
“แน่ใจนะว่าคุณต้นรักพิมจริงๆ” ภัทรพลถามย้ำ มิ้นท์กับกิ่งแก้วยืนยันหนักแน่น “ผมเชื่อ”
“เฮ้ย ทำไมเชื่อง่ายจังพี่”
“ถึงคุณกิ่งกับมิ้นท์จะไม่ยืนยัน การกระทำของคุณต้นก็ทำให้ผมเห็นว่าเขารักพิมจริงๆ”
“พี่ภัทรรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แล้วจะทำยังไงต่อคะ”
“ทำให้คุณต้นเป็นน้องเขยของผมจริงๆ ดีไหม”
มิ้นท์ กิ่งแก้ว นันทิกานต์มองแบบไม่อยากจะเชื่อ
“คุณภัทรจะช่วยต้นจริงๆ เหรอคะ”
“ทำไมง่ายอย่างนี้ล่ะพี่ ทีไอ้เอกพลเห็นแง่ง ๆ ไม่ยอมอยู่ตั้งนาน”
“ข้อหนึ่ง คุณต้นเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ ข้อสอง โสด แล้วก็มีงานทำ ข้อสามน้องสาวของพี่ไปกับคุณต้นขนาดนี้แล้ว น้องสาวของพี่เสียหาย คุณต้นต้องรับผิดชอบ”
มิ้นท์ฟังแล้วเห็นด้วยทันที
“เออ จริง พี่ต้นต้องรับผิดชอบ แล้วยังไงต่อล่ะพี่”
“ไม่มีใครค้านใช่ไหม” ทุกคนส่ายหน้า “ตอนนี้เรารู้แล้วว่าผู้ชายน่ะรัก ก็เหลือแต่ยัยพิมที่เรายังไม่รู้ใจ”
“แล้วเราจะทำยังไงถึงจะรู้ล่ะพี่”
“จะรู้ว่าคนมันมีใจหรือเปล่าต้องมีตัวยั่วให้หึง”
“แล้วจะไปหาจากไหนล่ะตัวยั่วน่ะ”
ภัทรพลมองๆ นันทิกานต์ชี้ตัวเอง
“อย่างแกยั่วให้โมโหล่ะได้”
นันทิกานต์เซ็ง
“หนูเป็นน้องตัดออก” มิ้นท์บอก แล้วสายตาทุกคนไปหยุดที่กิ่งแก้ว กิ่งแก้วเห็นทุกคนมองแล้วชักไม่ค่อยดี
“เอ่อ ไม่นะคะ กิ่งไม่...”
ทุกคนยิ้ม กิ่งแก้วหน้าเสียรู้ชะตากรรมเลยว่าซวยแล้ว
ส่วนที่ร้านอาหาร ชุติภาเสียงดังขึ้นมาอย่างยอมไม่ได้
“ยอมไม่ได้ ผู้หญิงแบบนั้นย่าจะไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด หนูเกตุจะต้องช่วยย่านะ ดึงตาต้นออกมาจากผู้หญิงคนนั้น”
“มันจะดีเหรอคะ” การะเกตุมองสินีนาฎทำเป็นลำบากใจ “คุณยายคะ”
“ช่วยคุณย่าเขาเถอะนะ”
“ค่ะ เพื่อคุณย่า เกตุจะทำค่ะ” การะเกตุบอกอย่างจำใจแต่แอบยิ้มพอใจ
“แล้วย่าจะโทรหานะ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณย่า”
ชุติภาออกไป สินีนาฎมองการะเกตุ
“ชอบล่ะสิ งานถนัดนี่” สินีนาฎบอกอย่างรู้ทัน การะเกตุยิ้มรับ
“งานนี้สนุกแน่ๆ”
พิมภายกชามมาม่า มีไข่โปะอยู่ด้านบนมาม่าวางที่โต๊ะรับแขก แล้วหันไปหาฤชวีที่นอนอยู่
“คุณต้น” ฤชวีขยับตัวตื่นมองพิมภา “ตื่นมาทานอะไรหน่อยจะได้ทานยา” ฤชวีมองชามมาม่า “มันไม่มีอะไรในตู้เลย ฉันก็เลย”
“ถ้าเป็นคุณทำผมกินได้หมด” ฤชวีบอกแล้วยิ้ม
“ก็กินสิ” ฤชวีขยับขึ้นมานั่งจะกินเอง พิมภาขยับแก้วน้ำมาให้ฤชวี “ค่อยๆ กินนะคุณ”
ภัทรพลเข้ามาเห็นพิมภาที่ดูแลฤชวี ภัทรพลยืนมองยิ้มๆ แล้วกดโทรศัพท์
“มิ้นท์พี่ว่าพรุ่งนี้ล่ะเริ่มแผนได้เลย”
ภัทรพลหันมองพิมภากับฤชวียิ้มเจ้าเล่ห์
คืนนั้นพิมภาในชุดนอน เดินมาที่เตียงเห็นฤชวียกผ้าห่มกับหมอนจะนอนที่พื้น
“คุณต้น คืนนี้คุณมานอนบนเตียงเถอะ”
“จะดีเหรอครับ คุณไม่กลัวเหรอครับ”
“คุณไม่สบายอยู่จะไปนอนบนพื้นได้ยังไง มานอนนี่เถอะน่า” พิมภาจับฤชวีมานอนบนเตียงแล้วเอาหมอนข้างกั้นตรงกลาง พิมภาเอายากับน้ำให้ฤชวีกินอีกครั้ง “นอนเถอะ ฉันไว้ใจคุณ...ได้ใช่มั้ย”
“ครับ”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
พิมภายิ้มแล้วปิดไฟ พิมภามองแล้วขยับไปนอนอีกด้าน ฤชวียิ้มแล้วหลับตา
นาฬิกาจากสองทุ่มผ่านเวลาเป็นเที่ยงคืน พิมภาลุกขึ้นมามองฤชวี ฤชวีรู้สึกตัวลืมตาแต่ยังนอนนิ่งไม่หันมา พิมภาขยับเอามือมาแตะที่หน้าผากฤชวี ฤชวีพลิกตัวมามองพิมภา
“คุณพิม”
“ไข้ลดแล้ว คุณหายปวดหัวหรือยัง”
“หายแล้วครับแต่มันนอนไม่ค่อยหลับ”
“ทำไม”
“ผมกลัวคุณนอนไม่สบาย”
“ฉันนอนสบาย แต่ถ้าคุณนอนไม่ค่อยหลับล่ะก็ ฉันขออนุญาตนะ”
ฤชวีมองไม่เข้าใจว่าพิมภาขออนุญาตเรื่องอะไร พิมภาหยิบมือถือของฤชวีที่วางตรงหัวเตียงมาเปิดเพลง Lover’consento แล้ววางไว้ที่ข้างหมอน
“คราวนี้คงจะนอนหลับแล้วนะ”
ฤชวียิ้มออกมา
“กู๊ดไนท์ครับ”
“ฝันดีนะ”
พิมพาล้มตัวลงนอน เสียงเพลงดังคลอเบาๆ ในห้องนอนพร้อมกับความรักที่อบอวลอยู่ในห้อง พิมภากับฤชวีต่างนอนหลับไปพร้อมกับอมยิ้มอย่างมีความสุข
เช้าวันรุ่งขึ้น พิมภาแต่งตัวในชุดทำงานเรียบร้อยแล้วเดินออกมามองฤชวีที่ยังนอนหลับ พิมภาเดินมาเอามือแตะหน้าผากฤชวี
“ไข้ไม่กลับแล้วล่ะ ฉันไปทำงานก่อนนะ”
พิมภาเดินออกไป ฤชวีลืมตายิ้ม
เมื่อมาถึงบริษัท พิมภาเจอนันทิกานต์ เดีย ฤทธิ์ที่กำลังจะไปเข้าห้องประชุม
“แนน เขาสรุปยอดการสั่งซื้อสินค้าจากงานหรือยัง”
“เลขาคุณสุกำลังรวบรวมมา”
ลัลนา ซูซี่ จุ๋มจิ๋ม ลิลลี่เดินเข้ามา สองกลุ่มเข้ามาประจันหน้ากัน สุกัญญาเดินขึ้นมากับตรีวิญ
“อรุณสวัสดิ์ทุกคน”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์ครับ” สายตาตรีวิญมองตรงที่พิมภา ลัลนามองอย่างหมั่นไส้
“พี่ได้สรุปผลการสั่งซื้อสินค้ามาแล้ว”
สุกัญญาเดินนำเข้าห้องประชุม ลัลนากับพิมภามองหน้ากัน
“เธอคงไม่ลืมใช่ไหมว่าเคยพูดอะไรไว้”
“ก็เตรียมรับความพ่ายแพ้ไว้ก็แล้วกัน”
ทั้งสองคนเข้าห้องประชุม คนอื่นๆ มองหวั่นๆ รีบตามเข้าไป
ทุกคนนั่งอยู่ในห้องประชุม
“แนน สรุปผลให้ทุกคนฟังสิ” สุกัญญาบอก
“ค่ะ ผลสรุปยอดการซื้อสินค้า ในจำนวนร้อยเปอร์เซ็นต์ของคู่ค้า ลิปสติก longtime มียอดสั่งซื้อ 52 เปอร์เซ็นต์” ลัลนายิ้ม เดีย ฤทธิ์หน้าเสียแต่พิมภายังหน้านิ่ง “แป้งวิงค์มียอดสั่งซื้อ 40 เปอร์เซ็นต์”
“แบบนี้ยอดสั่งซื้อลิปสติกlongtimeก็ชนะสิคะ” ซูซี่บอกอย่างดีใจ
“ยังมีอีกส่วน ร้อยเปอร์เซ็นต์ของลูกค้าวีไอพีที่เป็นผู้บริโภค” สุกัญญามองนันทิกานต์ให้อ่านต่อ
“ลิปสติก longtime มียอดสั่งซื้อ 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแป้งวิงค์มียอดสั่งซื้อ”
ทุกคนลุ้นว่าเท่าไหร่ นันทิกานต์เปิดอีกหน้าสีหน้าอึ้ง
“เท่าไหร่ก็พูดมาสิ”
“70 เปอร์เซ็นต์”
ลัลนากับแก๊งค์ซูซี่อึ้ง เดียกับฤทธิ์ปรบมือดีใจอย่างลืมตัว พิมภายกมือให้หยุด เดียกับฤทธิ์หยุดทันที
“จะเห็นได้ว่ายังแปดเปอร์เซ็นต์ที่เหลือของคู่ค้าที่ไม่สั่งซื้อ แต่ถ้าในส่วนของลูกค้าที่เป็นผู้บริโภค กลับทำยอดได้ถล่มทลาย”
สุกัญญามองตรีวิญ
“พี่ขอให้ทางฝ่ายมาร์เก็ตติ้งทั้งหมดเอาข้อมูลจากงานครั้งนี้ไปวิเคราะห์และทำแผนในการสร้างยอดขายต่อไป”
ทุกคนรับคำ ลัลนากำมือแน่นที่ผลออกมาว่าตัวเองแพ้
ลัลนาเดินกลับหน้าห้องทำงานหน้าเครียด ซูซี่ จุ๋มจ๋ม ลิลลี่ตามเข้ามา
“เราแพ้ มันเป็นไปได้ยังไง พี่ไม่อยากจะเชื่อ”
“ถ้าพี่ลัลแพ้ หมายความว่า”
“พี่ลัลต้องลาออก”
“น้องลัลเป็นถึงลูกสาวผู้ถือหุ้น ใครก็ให้น้องลัลออกจากที่นี่ไม่ได้”
ส่วนที่ห้องทำงานพิมภา นันทิกานต์ปรบมือให้พิมภา
“แกว่ายัยลัลจะยอมลาออกมั้ย”
“ก็จะได้รู้กันไงว่ายัยนั่นจะมีค่าพอที่จะเป็นคู่แข่งฉันหรือเปล่า”
เดียเข้ามาในห้อง
“พี่พิมคะ พี่ซูซี่มาบอกว่าพี่ลัลให้ตามไปที่ห้องคุณสุค่ะ”
“มีเรื่องอะไร”
พิมพาทำหน้าแปลกใจ
ลัลนาถือจดหมายลาออกมาที่หน้าห้องสุกัญญา พิมภาเดินเข้ามาจากอีกทาง สองคนเจอกันชะงักยืนมองหน้ากัน
“เรียกฉันมาคงไม่ได้คิดจะพลิกลิ้นหรอกนะ”
ลัลนาชูจดหมายขึ้นมา
“ฉันเรียกเธอมาให้ดูว่าฉันพูดจริงทำจริง”
“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเธอจะรักษาคำพูด”
“คนอย่างฉันฆ่าได้หยามไม่ได้”
“เธอจะยอมทิ้งอนาคตเพื่อรักษาคำพูดอย่างนั้นเหรอ”
“ให้อยู่อย่างคนไม่มีศักดิ์ศรีฉันทำไม่ได้”
“ดี”
สุกัญญาเข้ามาเห็นลัลนากับพิมภายืนอยู่
“มีเรื่องอะไรกัน”
“ลัลจะมายื่น...” พิมพาพูดขัดขึ้นมา
“ลัลจะมาขอโทษเรื่องที่เขาดีใจกับพิมมากไปหน่อยจนเกือบทำให้เสียงานน่ะค่ะ”
ลัลนามองพิมภาว่าอะไรของมึง
“ไม่ใช่ค่ะ ลัลจะมา...”
“เธอสำนึกคุณสุก็อภัยให้แล้วจริงไหมคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วอย่ากวนคุณสุเลย ไปทำงานดีกว่า” พิมภาจะจูงมือลัลนาออกไป แต่ลัลนาสะบัดมือออก
“คุณสุคะลัลจะ...”
“พี่ไม่ได้มองว่าใครที่ทำยอดขายได้มากกว่ากัน แต่พี่มองที่ทุกคนต่างทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ” สุกัญญาขัดแล้วมองพิมภา “พิมเข้าใจข้อนี้ดีใช่มั้ย”
“ค่ะ”
พิมภายิ้มรับแล้วดึงลัลนาออกไปจนได้ สุกัญญามองตามทั้งคู่ยิ้มๆ
พิมภาดึงลัลนาเข้ามาในห้อง ลัลนางง
“เธอมาขวางฉันทำไม ฉันกำลังทำตามข้อตกลง ฉันแพ้ฉันก็ต้องลาออก”
“ลัลนา ฉันเป็นคนชนะ ดังนั้นเธอจะอยู่หรือว่าจะไปมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉันไม่ใช่เธอ”
ลัลนามองว่าเป็นบ้าอะไร
“จะมาไม้ไหน”
“รู้มั้ยว่าทำงานไม่มีคู่แข่งมันไม่สนุกหรอก โดยเฉพาะคนที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับเรา”
ลัลนามองอย่างเข้าใจ
“ก็แน่ล่ะสิ เป๊ะเวอร์อย่างฉันมีคนเดียวในโลก”
“ฉันเห็นว่าเธอยังแสดงฝีมือไม่ถึงที่สุด ถึงฉันชนะมันก็ไม่สมศักดิ์ศรีของฉัน ครั้งนี้ฉันจะอนุโลมให้เธออยู่ต่อ”
“ฟังดูเป็นบุญคุณมาก”
“ถ้ามีสำนึกก็ช่วยแสดงฝีมือให้มันดีกว่านี้หน่อย”
“เธอนี่โรคจิตนะ แต่ฉันชอบ”
“ถ้าไม่จิตเท่ากันไม่เข้าใจหรอก”
“แล้วเธอจะต้องเสียใจที่ให้โอกาสฉัน”
“ทำให้ฉันเสียใจให้ได้ก็แล้วกัน”
สองคนมองหน้ากันแล้วยิ้มร้ายๆ แต่มิตรภาพแนบแน่นมากขึ้น
พิมภากลับเข้ามาในห้องทำงานแล้วชะงักที่เห็นภัทรพลอยู่ในห้องกับนันทิกานต์
“พี่มาทำอะไร”
“เบื่อก็เลยมาให้แกเลี้ยงข้าว ไป ฉันหิวแล้ว”
ภัทรพลลากพิมภาออกไป
“เฮ้ย อะไรกันเนี่ยพี่”
นันทิกานต์ตามไป
มิ้นท์กับกิ่งแก้วลากฤชวีมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ทำไมต้องมากินไกลถึงแถวนี้” ฤชวีถามอย่างแปลกใจ
“ก็เขาบอกว่าร้านนี้อร่อย นานๆ มิ้นท์จะเลี้ยงสักทีนะ ใช่มั้ยพี่กิ่ง”
“ใช่จ้ะ”
มิ้นท์ลากฤชวีเข้าไปในร้าน ขณะนั้นภัทรพลลากพิมภาเข้ามาที่หน้าร้าน นันทิกานต์ตามมา
“ฉันอยากกินแบบก๋วยเตี๋ยวง่ายๆ จะรีบกลับไปทำงาน”
“ก็พี่จะกินที่นี่ อย่ามากเรื่องน่า”
ภัทรพลมองเข้าไปในร้านเห็นว่ากิ่งแก้วกับฤชวีนั่งโต๊ะติดกระจก ภัทรพลกดมือถือแล้วใส่หูฟัง กิ่งแก้วมองมาเห็นภัทรพล ภัทรพลสบตากับกิ่งแก้ว
“มาแล้ว” กิ่งแก้วบอกมิ้นท์
“อะไรมาแล้ว” ฤชวีถามอย่างไม่เข้าใจ
เสียงมือถือมิ้นท์ดัง มิ้นท์รับโทรศัพท์ใส่หูฟังเหมือนกัน
“พี่กิ่งหมายถึงบริกรจะมาแล้ว งั้นรีบดูเถอะพี่สั่งอะไรกันดี”
ภัทรพลได้ยินการสนทนาก็มองพิมภาแล้วทำเป็นเห็นฤชวี
“เอ๊ะนั่นมันคุณต้นหรือเปล่า มากับใครน่ะ”
พิมภามองตามเห็นฤชวีกับกิ่งแก้ว พิมภาจ้องเลย
“สวยด้วยนะ เอ๊ะ หรือว่าแฟนเขาวะ” นันทิกานต์กระซิบกับพิมภา พิมภากระซิบตอบ
“แต่เขาบอกฉันว่าเขายังโสดนะ ผู้ชายเหมือนกันทั้งโลกโกหก”
ภัทรพลกับนันทิกานต์มองหน้ากันว่ามีปฏิกิริยาเว้ย
“จับมือเลย”
ภัทรพลบอก มิ้นท์มองกิ่งแก้วส่งสัญญาณว่าให้จับมือ กิ่งแก้วมองตอบว่าจะดีเหรอ มิ้นท์พยักหน้าให้ทำเลย
“เป็นอะไรพยักหน้างึกๆ งัก ๆ” ฤชวีถามมิ้นท์
“อ๋อ มันปวดคอน่ะพี่” มิ้นท์ส่งสายตาบังคับกิ่งแก้วว่าให้ทำ กิ่งแก้วจำใจจับมือฤชวีที่วางบนเมนูขยับออกแล้วใช้อีกมือชี้ที่เมนู
“ต้น กินอันนี้ดีมั้ย หรือว่าอันนี้ดี” อีกมือที่จับมือฤชวียังไม่ปล่อย ภัทรพลกับนันทิกานต์ตกใจบิ้วท์กันใหญ่
“เฮ้ยๆๆ จับมือด้วย ยังไงเนี่ยไอ้พิม ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
พิมภาโกรธเลย ภัทรพลยังใส่ต่อแต่ไม่ได้มองพิมภา
“แบบนี้แสดงว่าคุณต้นมีกิ๊กใช่มั้ย นอกใจแก” ภัทรพลยังเนียนเล่นต่อไม่ได้มองพิมภาว่าเดินไปแล้ว “แบบนี้มันต้อง...”
นันทิกานต์สะกิดภัทรพล
“พี่ๆ มันไปแล้ว”
ภัทรพลมองอีกทีพิมภาก้าวฉับๆๆ เข้าไปในร้านแล้ว ภัทรพลเหวอ รีบพูดสมอทอล์ค
“มิ้นท์ หลบเร็ว”
มิ้นท์ได้ยินให้หลบ
“มิ้นท์ไปห้องน้ำก่อนนะ”
มิ้นท์รีบลุกไปห้องน้ำก่อนพิมภาจะเข้ามา
“เดี๋ยวสิมิ้นท์” มิ้นท์รับเดินไป กิ่งแก้วเห็นพิมภาเข้ามา “ทิ้งกันเลย”
พิมภาก้าวเข้ามาที่โต๊ะ
“คุณต้น” พิมภาเสียงแข็ง ฤชวีหันไปเห็นพิมภา
“คุณพิมมาได้ยังไงครับ” ฤชวีถามอย่างแปลกใจ
“ที่ไม่สบายหายแล้วเหรอ” พิมภาถามอย่างห่วงใยแต่สีหน้าคนละเรื่องเลยเอาเรื่องมาก พิมภามองกิ่งแก้วแล้วลงนั่งข้างฤชวีหน้าตาเฉย “สวัสดีค่ะ”
พิมภาทักกิ่งแก้ว กิ่งแก้วยิ้มสู้
“สวัสดีค่ะ”
พิมภายิ้มแต่เชือดเฉือนมาก แล้วหันมาหาฤชวี
“นี่พิมว่าจะรีบกลับไปกลัวคุณจะไข้กลับอีก” พิมภาหันมาหากิ่งแก้วแสดงความใกล้ชิดฤชวีสุดชีวิต “พอดีเมื่อคืนคุณต้นเขาไม่สบายน่ะค่ะ ไข้ขึ้นสูง พิมต้องดูแลเขาทั้งคืน”
กิ่งแก้วมองฤชวี
“ต้นจะไม่แนะนำเพื่อนหน่อยเหรอ”
“ฉันไม่ใช่เพื่อนน่ะค่ะ ฉันชื่อพิมภา...ฉันเป็น ภรรยาคุณต้น”
ฤชวีเหวอ กิ่งแก้วอึ้ง ภัทรพล นันทิกานต์ มิ้นท์ที่แอบฟังตะลึงกับการสวนของพิมภาอย่างคาดไม่ถึงเหมือนกัน
ฤชวีหน้าเหวอกับการประกาศตัวของพิมภา กิ่งแก้วยิ้มขำแต่พยายามเก็บอาการ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ภัทรพล มิ้นท์ นันทิกานต์ที่แอบฟังพากันเยส! อย่างดีใจ
“อาการนี้หึงชัวร์” นันทิกานย์บอกอย่างมั่นใจ
“คุณต้นคะ คุณคนนี้...” พิมภาหันมาถามฤชวี
“เอ่อ นี่กิ่งแก้วครับ ลูกพี่ลูกน้องของผมแล้วก็ควบตำแหน่งเป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์ที่ผมทำงานอยู่ด้วยครับ”
พิมภาอึ้งแต่มองอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“ลูกพี่ลูกน้อง ข้ออ้างหรือเปล่าคะ”
ภัทรพลส่งสัญญาณให้มิ้นท์รีบเข้าไป มิ้นท์รีบเข้าไปที่โต๊ะ
“พี่พิม สวัสดีค่ะ”
“น้องมิ้นท์ สวัสดีจ้ะ”
“พี่พิมคะ นี่พี่กิ่งแก้ว พี่สาวมิ้นท์ พี่กิ่งเป็นลูกคุณป้าน่ะค่ะ”
พิมภามองกิ่งแก้ว เสียงหน้าพิมภาแตกเปรี๊ยะๆ พิมภาถึงกับทำหน้าไม่ถูก
“สวัสดีค่ะ”
“ต้นชมคุณพิมให้ฟังบ่อยๆ ว่าสวยมาก แล้วก็สวยจริงๆ อย่างที่ต้นบอกเลยค่ะ” กิ่งแก้วบอกยิ้มๆ พิมภาหน้าเสีย
“คุณกิ่งแก้วก็น่ารักมากค่ะ” พิมภาเริ่มมองซ้ายมองขวาหาตัวช่วย
“คุณพิมมองหาใครเหรอครับ”
“พอดีพิมมาทานข้าวกับพี่ชายน่ะค่ะ พิมขอตัวก่อนนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ภัทรพลกับนันทิกานต์รีบไปหาโต๊ะนั่งทำเนียน พิมภามองภัทรพลกับนันทิกานต์เอาตัวรอดไปก่อน รีบทำเนียนแยกตัวออกจากกลุ่มของฤชวี “อุ๊ย ได้โต๊ะพอดีเลยค่ะ พิมขอตัวก่อนนะคะ”
พิมภารีบมาหาภัทรพลและนันทิกานต์ จะเอาเรื่อง แต่นันทิกานต์กับภัทรพลเร็วกว่า
“ใช่กิ๊กป่ะแก”
พิมภาลืมตัวตอบ
“เค้าบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
“นั่นไงยายแนน พี่บอกแล้วว่าเธอคิดเยอะไป ใครจะพากิ๊กมากินข้าวกับน้องสาว”
“กิ๊กแบบพรีเมี่ยมไงพี่ภัทร แบบสนิทกันมากและมีอภิสิทธิ์พิเศษให้เจอญาติพี่น้องได้”
แล้วนันทิกานต์กับภัทรพลก็เริ่มบทสนทนาที่คอมเม้นท์เต็มที่ไม่เกรงใจพิมภาที่นั่งอยู่ด้วยเลย
“เออน่าคิด”
“ใช่มะ แนนว่ากลิ่นมันใช่” นันทิกานต์ทำเป็นทอดถอนใจ “ฉันล่ะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของคนสมัยนี้เล๊ย มิน่าคลับฟรายเดย์ของพี่อ้อยพี่ฉอดถึงต้องเป็นที่พึ่งของคนเมืองอย่างเรา”
พิมภาทำเป็นไม่สนใจที่ภัทรพลกับนันทิกานต์คุยกัน ภัทรมองกิ่งแก้ว
“พี่ว่าเค้าสวยนะ หวาน เชื่อง ดูเป็นลูกแมวน่ารักๆ เป็นพี่มากกว่ากิ๊ก พี่ก็ให้ได้นะ”
“อ้าวพี่ภัทร พูดแบบนี้ หญิงมั่นอย่างแนนสะเทือนเลยนะ แบบแนนกับยายพิมไม่ดีตรงไหน”
“ไม่ต้องจัดมาให้ฉันเลย ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย”
“ไอ้พิมไม่รับ จัดมาให้แนนเลยพี่ภัทร เล่ามาให้ละเอียดผู้หญิงอย่างแนนเป็นไง”
“ไร้สาระ” พิมภาพึมพำแล้วทำเป็นไม่สนใจแต่ที่จริงอยากรู้มาก
“ผู้หญิงอย่างพวกเธอ สวย เก่ง แต่เข้มไป ดูเกิน แล้วก็...”
“แล้วก็อะไร” พิมภาถามขึ้นมา นันทิกานต์กับภัทรพลมองหน้าพิมภา พิมภาทำเก๊ก “ไอ้แนน แกอยากรู้แล้วก็ไม่ถามให้หมด ตอบๆ มันไปเหอะพี่ภัทร มันจะได้หายข้องใจ”
“ผู้หญิงอย่างพวกแก ฟอร์มเยอะ ปากไม่ตรงกับใจ มีตรรกะความคิดที่ประหลาด สรุปคือ เข้าใจยาก เพลียเหนื่อยจะตาม”
พิมภาฟังแล้วไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่เก็บอาการ แต่พอหันไปมองฤชวีกับกิ่งแก้วที่ดูคุยกันเข้ากันดี แล้วหงุดหงิด
“กลับเหอะ”
“อ้าว”
“ไม่ต้องอ้าว พิมเพิ่งนึกได้ว่ามีงาน”
“งานอะไร แกเคลียร์หมดแล้วนี่ ตอนก่อนออกมา”
“นึกได้ว่าลืมเก็บรายละเอียดบางอย่าง ผิดมะ ถ้าฉันเป็นคนละเอียด”
พิมภาพูดจบก็เดินนำนันทิกานต์ออกไปเลย
“เออ ไปก็ไป อยากกินข้าวมากเลยนะเนี่ย”
นันทิกานต์ทำเป็นพูดโน่นพูดนี่ แต่ที่จริงสะใจที่พิมภาออกอาการหึงฤชวีให้เห็น ภัทรพลกับนันทิกานต์ลุกขึ้นมองหน้ากันขำๆ แล้วมองไปทางมิ้นท์กับกิ่งแก้ว ภัทรพลยกนิ้วโอเค มิ้นท์ยกนิ้วโอเคตอบ ฤชวีสังเกตเห็น และที่หนักกว่านั้นคือ กิ่งแก้วก็โอเคกับเค้าด้วย
มิ้นท์กับกิ่งแก้วทำท่าทีดีใจที่แผนการสำเร็จ ยิ้มดี๊ด๊าพอใจ แต่พอหันมาเจอฤชวีจ้องอยู่ก็จ๋อย
“จะสารภาพเองหรือว่าให้สอบสวน” ฤชวีถามเสียงเรียบ
มิ้นท์กับกิ่งแก้ว กลืนน้ำลายเอื๊อกรู้ตัวว่าจำนนด้วยหลักฐานต้องสารภาพ
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
พิมภาเดินก้าวฉับๆ ขึ้นมาแล้วเข้าไปในห้องทำงาน ภัทรพลกับนันทิกานต์มองหน้ากันแล้วตีมืออย่างพอใจ
“นาทีนี้ต้องขยี้ให้สุด แนนไปล้วงมาให้เกลี้ยง”
“โอ๊ยพี่ภัทร ไม่ขอก็จะทำให้ จะจัดมาให้สาสมเลยทีเดียว”
นันทิกานต์เดินตามพิมภาเข้าห้องไป ภัทรพลจะเดินลง ลัลนากำลังเดินขึ้นต่างคนต่างชะงัก ลัลนาจะยิ้มแต่ภัทรพลเมินไม่มองเดินลงไปเลย
“อย่ามาทำใจหายลัลนา ใช่มะ ใช่มะ ใช่มะเธอไม่เห็นจะแคร์”
ลัลนาเชิดเหมือนไม่เป็นอะไร แต่สายตาบอกว่ากังวลและปัดความรู้สึกแย่ๆ ออกไปไม่ได้
นันทิกานต์ตามพิมภาเข้ามาในห้องทำงาน
“ผู้หญิงคนนั้น เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกับคุณต้น แกก็ไม่เห็นจะต้องหึงนี่นา”
“ฉันไม่ได้หึง”
“อ๋อ เพิ่งรู้ ไอ้อาการลมออกหู ทนดูไม่ได้ เค้าไม่เรียกว่าหึงก็ได้” นันทิกานต์หันมาทำหน้ากวนประสาทใส่พิมภา “แล้วเค้าเรียกว่าอะไรอะแก”
“ไอ้แนน แกอย่าเพิ่งมากวนประสาทฉัน ฉันแค่ไม่สบายใจที่เสียหน้าต่างหาก”
“เสียหน้าเรื่องอะไร คนอย่างแกอ่ะนะจะเสียหน้าให้ใคร๊ อย่ามาอำ ฉันไม่เชื่อหรอก”
“ก็ฉันดันไปแนะนำตัวกับคุณกิ่งแก้วว่าฉันเป็น...”
“เป็น”
“เป็นภรรยาคุณต้น”
“เสียหน้าตรงไหนว๊า ก็มันเรื่องจริง”
“แกก็รู้ว่ามันไม่จริง”
พิมภาพูดด้วยน้ำเสียงที่แอบมีความน้อยใจนิดๆ
“มันไม่ใช่เรื่องจริงเพราะแกไม่ยอมให้มันเป็นเรื่องจริงต่างหาก ไอ้การที่แกเดินไปบอก คนโน้นคนนี้ว่าแกเป็นภรรยาคุณต้น เพราะคิดว่าเค้าเป็นกิ๊กของคุณต้น แกรู้ตัวมั๊ยว่าแกกำลังทำเหมือนเวลาที่ น้องหมามันฉี่รดเสาไฟฟ้า”
“ไอ้แนน”
“ก็จริงอ่ะ นี่ของฉัน นี่อาณาเขตฉัน แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรกันนะ พบแพทย์มั๊ยพิม ฉันว่าแกสับสนทางอารมณ์มากนะ ไปเยอะแล้วสมองแกดูท่าทาง”
“แกสิไปพบแพทย์ เพ้อเจ้อ”
“คนที่ยืนอยู่บนความเป็นจริงไม่มีทางจะเพ้อเจอ แต่คนหลอกตัวเองอย่างแกต่างหากที่ระวังเพ้อ” พิมภาหันหน้าหนีไม่อยากฟังนันทิกานต์ “ไม่แปลกหรอกนะถ้าแกจะรักคุณต้นขึ้นมาจริงๆ เขาเป็นผู้ชายที่ดี มีความคิด คอย
ช่วยเหลือดูแลแก และที่สำคัญหายากนะ คนที่อดทนคนเรื่องมากอย่างแกได้”
“ฉันไม่ได้รักเค้า”
“ตอนที่แกลืมตัวแล้วเดินไปประกาศว่า ฉันเป็นภรรยาคุณต้น แกรู้สึกยังไง”
พิมภาทบทวนความรู้สึกตัวเอง สีหน้าพิมภาบอกว่าค่อยๆ นึกได้ว่าตัวเอง หวง หึง ฤชวีจริงอย่างที่เพื่อนบอก นันทิกานต์รู้ทันความคิดพิมภา
“แกหวง แกหึง คนเราไม่หวง ไม่หึงหรอกนะ ถ้าไม่รัก” นันทิกานต์จ้องหน้าพิมภา “จำเลยยอมรับกับศาลมาซะ จำเลยรักคุณต้นเข้าให้แล้ว”
“ฉันเนี่ยนะ รักคุณต้น”
“แกถามใคร ถามตัวแกเองเหอะ คุยกับมันดีๆ ล่ะ ไอ้นี่มันปากแข็ง”
นันทิกานต์ยั่วโมโหพิมภาจนได้คำตอบที่มั่นใจว่าพิมภาน่าจะมีใจกับฤชวีแล้วก็เดินออกไป เหลือแต่พิมภาที่ยังสับสนวุ่นวายกับการไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง
นันทิกานต์ออกมาแอบดูอาการของพิมภาอยู่หน้าห้อง แล้วกดโทรศัพท์หาภัทรพล
“ฮัลโหลพี่ภัทร หลักฐานมัดตัวผู้ร้ายปากแข็งซะดิ้นไม่หลุดแล้ว”
ภัทรพลเดินอารมณ์ดีเข้ามาในสำนักพิมพ์กิ่งแก้วเพราะเพิ่งได้รับข่าวจากนันทิกานต์ว่าพิมภาน่าจะมีใจกับฤชวี แต่ภัทรพลก็ต้องชะงักที่เห็นฤชวีอยู่กับมิ้นท์และกิ่งแก้ว
“ไว้ผมมาใหม่ดีกว่า”
ภัทรพลเห็นท่าไม่ดีจะชิ่งก่อน
“คุณภัทร อยู่ทานกาแฟด้วยกันก่อนสิครับ” ฤชวีเอ่ยชวน
“ผมทานมาแล้วครับ”
“ไม่ทานงั้นเข้าเรื่องเลย วันนี้เป็นการจัดฉากใช่มั้ยครับ”
ภัทรพลหน้าวืดนิดหนึ่งที่ฤชวีจับได้ แต่ทำเก๋าข่ม
“คุณน่าจะรู้แล้ว” ภัทรพลมองหน้าฤชวียิ้มๆ รู้ทันว่าฤชวีต้องคาดคั้นถามกิ่งแก้วกับมิ้นท์หมดแล้ว “หรือว่าน้องมิ้นท์กับคุณกิ่งแก้วบอกไม่หมด”
“บอกแล้ว แต่ผมอยากจะฟังจากปากคนบงการ”
“ผมก็แค่อยากจะแน่ใจว่ายายพิมน้องผม มันหลงรักสามีหลอกๆ ของมันเข้าจริงๆ แล้วใช่มั้ย”
“สามีหลอกๆ นี่คุณรู้”
“ครับผมรู้แล้ว แล้วผมก็อยากให้คุณรู้ด้วยว่า ผมอยากได้คุณเป็นน้องเขย”
“ตกลงพี่พิมเขา”
ภัทรพลไม่ตอบมิ้นท์แต่หันมายิ้มฤชวี
“ยายพิมหึง งานนี้มีสิทธิ์นะคุณต้น”
“ขอบคุณที่ให้กำลังใจครับ แต่ผมกับคุณพิมตกลงเป็นสามีภรรยากันแค่หลอกๆ เท่านั้น”
“แล้วตกลงกันไว้ถึงเมื่อไหร่”
“ความแตกเมื่อไหร่ก็เลิก”
“งั้นถ้าคุณภัทรดูไม่ออกว่าต้นกับคุณพิมโกหก ถ้าคุณภัทรจับไม่ได้หรือคุณภัทรไม่รับรู้ว่าต้นกับคุณพิมตกลงกันไว้ว่าไง ความก็ไม่แตก” กิ่งแก้วบอก ทุกคนหันมามองหน้ากิ่งแก้ว “ก็จริงนี่คะ แค่นี้ก็หมดเรื่อง คุณภัทรทำเป็นไม่รู้เรื่องไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ใช่มั๊ยคะ”
“สบายมากครับ” ทุกคนหันมามองฤชวีแทนว่าจะเอายังไง ฤชวีรู้สึกกดดันเล็กๆ “ถ้าคิดจะรัก ต้องไม่กลัวคำว่าเสียใจ ไม่ต้องห่วงนะคุณต้นผมเชียร์คุณเต็มที่”
ฤชวีมองหน้าภัทรพลอย่างขอบคุณ
“แล้วตอนนี้เราควรทำยังไงต่อดีคะ” มิ้นท์ถาม
ภัทรพลยิ้มร้ายๆ เพราะมีแผนการรออยู่แล้ว
“เมื่อกี้ยายแนนเหยี่ยวข่าวของผมโทรมารายงานว่า ยายพิมมันออกอาการหึงหวงคุณจนเก็บอาการไม่อยู่ แบบนี้ต้องซ้ำคุณต้น”
“ซ้ำ”
ภัทรพลหน้าตาสะใจมากที่คนฟอร์มเยอะอย่างพิมภากำลังจะเสียฟอร์ม
“เมื่อกลางวัน ยายพิมมันกินอะไรไม่ลง คาดว่าลมเพชรหึงคงออกหู คุณควรโทรไปชวนยายพิมกินข้าว”
“นี่มันบ่ายมากแล้ว ชวนคุณพิมออกมาทานข้าวตอนนี้ มันจะเสียงานสิครับ”
“ผมหมายถึงข้าวเย็น” ทุกคนงงตามภัทรพลไม่ทัน ภัทรพลพูดต่อ “ไอ้พิมมันคนบ้างาน ถึงกลางวัน มันไม่ได้กินอะไรเลย มันก็จะไม่ออกไปหาอะไรกินแน่ๆ คุณโทรไปหายายพิม บอกว่าให้รีบกลับมาทานข้าว คุณจะทำอาหารเย็นไว้รอ”
“เป็นมิ้นท์ใจไปอยู่กับมื้อเย็นแล้ว”
“นั่นแล่ะที่ผมต้องการ ทรมานให้ยายพิมมันหิว เลิกงานจะได้รีบกลับบ้าน คนฟอร์มเยอะอย่างยายพิมต้องทรมานมันให้เข็ด”
กิ่งแก้วจ้องภัทรพล
“เป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก ต้นคะ นิยายเรื่องหน้า เรามีตัวละครแบบนี้บ้างดีมั้ยคะ ลึกดีนะกิ่งว่า ขนาดกับน้องตัวเองยังทำได้ขนาดนี้”
“ผมถือเป็นคำชมครับ เร็วสิครับคุณต้นรีบจัดการโทรหายายพิม”
ฤชวีลังเลแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจทำตามที่ภัทรพลแนะนำ หยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรพาพิมภา
พิมภารับสายฤชวี
“ค่ะคุณต้น”
“วันนี้คุณพิมกลับเย็นมั้ยครับ ผมจะทำอาหารเย็นไว้รอ”
“คือวันนี้พิม” พิมภาอยู่ในห้องทำงานของตรีวิญกำลังรอตรีวิญดูเอกสารให้เสร็จ ตรีวิญพยักหน้าให้อย่างสุภาพให้พิมภาคุยโทรศัพท์ให้จบ “พิมเสร็จงานแล้วจะรีบกลับก็แล้วกันนะคะ”
“ครับ ผมจะรอนะครับ”
ภัทรพล กิ่งแก้ว มิ้นท์ที่รอฟังอย่างลุ้นๆ อยู่ เห็นอาการของฤชวีรู้ว่าพิมภารับปากจะกลับมาทานอาหารเย็น
ทุกคนดีใจ ฤชวีวางสายยิ้มแก้มแทบปริ
พิมภาวางสายโดยไม่รู้ว่าตัวเองแอบมีสายตาที่มีความสุขเปี่ยมล้น ตรีวิญแอบเห็นอาการพิมภา
“คุณวางแผนงานมาได้รัดกุมมาก ผมพอใจนะ” พิมภาดีใจที่ตรีวิญพอใจกับแผนงาน “คุณพิม” น้ำเสียงของตรีวิญเข้มจริงจังจนพิมภารู้สึกว่าตรีวิญกำลังจะพูดเรื่องสำคัญ “การที่ผมตกลงใจมาอยู่ที่บริษัทนี้ ไม่ใช่ต้องการแต่สร้างความสำเร็จให้นารีเท่านั้นแต่ผมต้องการสร้างให้คนของนารีเติบโตเข้มแข็งไปด้วย” ตรีวิญมองหน้าพิมภาอย่างเชื่อมั่น
“และผมก็เชื่อว่า คุณคือคนที่พร้อมจะไปยืนจุดนั้นได้”
“ขอบคุณที่เชื่อในตัวพิมค่ะ”
“แต่กว่าที่ใครสักคนจะไปยืนตรงจุดนั้นได้ คนคนนั้นก็อาจต้องเสียสละอะไรหลายๆ อย่างแลกกับความสำเร็จ โดยเฉพาะชีวิตส่วนตัว”
ตรีวิญพูดและมองหน้าพิมภา พิมภามองตอบอย่างเข้าใจความหมาย
“คุณตรีวิญคะ พิมเองก็มีเป้าหมายในชีวิตคือ ความสำเร็จในเรื่องงานเหมือนกัน พิมเข้าใจค่ะว่าคุณหมายความว่าอะไร แต่พิมเชื่อว่าพิมแยกแยะได้ค่ะ”
พิมภาพูดอย่างมั่นใจ จนตรีวิญรู้สึกพอใจ
“มีลูกค้าสนใจจะให้นารีเป็นสายการผลิตของผลิตภัณท์บำรุงผิวสูตรเฉพาะของเค้า ผมอยากคุยรายละเอียดกับคุณเย็นนี้ ว่าเรามีความพร้อมแค่ไหน”
“เย็นนี้”
“ติดอะไรรึเปล่าครับ”
พิมภาลังเลใจว่าจะตอบว่ายังไงดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจ
“ไม่ค่ะ”
ตรีวิญมีสีหน้าพอใจ ในขณะที่พิมภาแอบกังวลใจเพราะรับปากฤชวีไปแล้วว่าจะรีบกลับ
อีกด้านหนึ่งที่บริษัทการะเกตุ เอกพลส่งรายงานเรื่องพื้นที่ในห้างเจพาร์คให้กับการะเกตุ
“มีแต่รายงานเรื่องพื้นที่เหรอ”
“แล้วคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมมั้ยล่ะครับ ผมจัดให้ได้นะ”
การะเกตุเงยหน้ามองเอกพล รู้ว่าเอกพลหมายถึงอะไร
“จัดได้ แล้วจัดเต็มมั้ย”
“ก็อยู่ที่ ต้องการให้จัดเต็มแค่ไหน”
การะเกตุกับเอกพลมองหน้ากันแบบรู้นัยยะ สินีนาฏเข้ามาจึงเห็นทั้งสองจ้องตากันอย่างหิวกระหายกันอยู่ การะเกตุกับเอกพลเห็นสินีนาฏเข้ามา รีบทำเป็นไม่มีอะไร สินีนาฏมองทั้งคู่อย่างไม่ไว้ใจ
เอกพลไม่มีท่าทีว่าจะออกไปไหน สินีนาฏเลยจงใจถามเรื่องฤชวีให้ได้ยิน เพื่อเตือนว่าเอกพลอยู่ในฐานะอะไร
“เรื่องนายต้นไปถึงไหนแล้ว” เอกพลได้ยินไม่พอใจแต่เก็บอาการ สินีนาฏหันไปมองหน้าเอกพล เอกพลเกรงใจสายตาของสินีนาฏเลยยอมออกไป แต่ก็ยังแอบฟังอยู่หน้าประตู “บอกแล้วไงว่าชุติภารู้จักกับคนใหญ่คนโตเยอะ ถ้าได้หลานมันมาเป็นเขยไอ้พวกใหญ่ๆ โตๆ ในจังหวัดที่มันจ้องจับผิดที่ยายปล่อยกู้เก็บดอกแพงๆ มันจะได้เกรงใจ”
“เค้าแต่งงานแล้ว จะให้ไปกระชากมายังไงคะ”
“พูดเหมือนแกไม่กล้ากระชาก อะไรๆ ที่แกอยากได้มาจากคนอื่น”
“ก็ลูกไม้ไม่ควรจะหล่นไกลต้นนี่คะ เราคงไม่รวยขนาดนี้ถ้าคุณยายไม่กระชากคุณตามาจริงมั้ยคะ”
สินีนาฏมองหลานสาวอย่างรู้พิษสงดี
“อย่างนายต้นยายว่าไม่น่ายาก เพราะชุติภา ยินดีเป็นแบ็คให้เราอยู่แล้ว”
“ถ้าคุณยายมั่นใจ เกตุจะทำให้ผิดหวังได้ยังไงล่ะคะ คุณต้นไม่พ้นมือเกตุแน่”
“ทำได้อย่างที่พูดก็ดี มีอีกเรื่องที่ยายต้องเตือนความจำแก ยายเคยบอกแล้วนะว่าจะกินอะไรก็เลือกหน่อย ของสกปรกนอกจากจะผิดสำแดง มันยังจะทำให้แกเปรอะเปื้อนไปด้วย ระวังให้มากหน่อย”
“เกตุรู้ค่ะ ว่าอะไรควรกินเล่น อะไรควรกินจริง และคุณต้นก็ดูน่ากินซะด้วย”
ฤชวีหอบข้าวของเข้าคอนโดเพื่อเตรียมทำอาหารเย็น ส่วนที่บริษัทนารีพิมภาเอาเอกสารหอบใหญ่เข้ามาให้ตรีวิญ
ฤชวีกำลังล้างผักเตรียมทำอาหารอย่างสบายอารมณ์ พิมภากำลังอธิบายเรื่องฐานการผลิตให้กับตรีวิญอย่างเอาจริงเอาจัง
ฤชวีกำลังเตรียมอาหารเป็นพวกเมี่ยงปลาง่ายแต่ดูน่ากินฤชวีดูมีความสุข อีกด้านหนึ่งพิมภากับตรีวิญคุยงานกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง พนักงานคนอื่นๆ ของนารีทยอยกันกลับบ้านในขณะที่พิมภากับตรีวิญยังคุยงานกันอยู่
ที่คอนโดฤชวีทำอาหารเสร็จแล้วและเริ่มดูนาฬิกาเฝ้ารอพิมภา
คืนนั้นเมื่อภัทรพลกลับมาจึงมองหาพิมภา
“ยายพิมล่ะคุณต้น”
“ยังไม่กลับมาเลยครับ”
“นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะ”
“น่าจะติดงานแหละครับ”
“ไม่ได้ต้องแผนสอง” ภัทรพลเอาโทรศัพท์มาโทรหาพิมภา “ยายพิม...นี่แกยังไม่เสร็จงานอีกเหรอ... แกไม่ต้องมาพูดเลย คุณต้นทำอาหารรอแกตั้งเยอะ แกไม่มาพี่จะเททิ้ง” ภัทรพลทำเสียงเข้มขู่พิมภาแล้ววางสาย “ไปคุณต้น เราทานกันก่อน ไม่ต้องไปรอยายพิม” ฤชวีงงแปลกใจเพราะภัทรพลเพิ่งขู่จะเทอาหารทิ้ง “โธ่คุณต้น ผมไม่เทอาหารคุณทิ้งหรอกน่าผมแค่ขู่สั่งสอน”
ภัทรพลพูดแล้วก็นำฤชวีลงมือทานอาหาร
“แล้ว แผนสอง”
“ก็นี่ไงผมกำลังดำเนินการตามแผนสองอยู่ กินให้หมด หลอกยายพิมว่าผมโกรธเททิ้งหมดแล้วพอยายพิมกลับมา คุณก็ทำอะไรให้มันทานหน่อย เหนื่อยๆหิวๆ มา ยายพิมมันซึ้งอยู่แล้ว”
“คุณภัทรนี่ร้ายกว่าที่ผมคิดไว้เยอะนะครับ”
“คุณก็ใช่ย่อย ผมรู้คุณก็ไม่เบา เพียงแต่คุณเลือกที่จะร้ายหรือไม่ร้ายใส่ใครก็เท่านั้นเอง ใช่มั้ยน้องเขย”
“ครับ คุณพี่ภรรยา”
“คนอย่างแกมันต้องโดนอย่างนี้ยายพิม”
ภัทรพลลงมือตักปลาใส่ใบเมี่ยงกินด้วยความสะใจ ฤชวีได้แต่มองภัทรพลขำๆ
ที่ออฟฟิศนารี พิมภากำลังจัดการแบ็คอัพข้อมูลลงไอแพทให้กับตรีวิญ
“พิมแบ็คอัพข้อมูลให้คุณตรีวิญเรียบร้อยแล้วนะคะแต่ข้อมูลจากสายโรงงานต้องรอพรุ่งนี้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้รีบอะไร” พิมภาสะดุดกับคำว่าไม่ได้รีบอะไรของตรีวิญ เพราะก่อนหน้านี้ตรีวิญดูเร่งที่จะต้องการข้อมูลทั้งหมด “พิมจะรีบตามให้ก็แล้วกันนะคะ”
ตรีวิญมองนาฬิกาเหมือนกับว่ารอให้เวลาผ่านไปจนเห็นสมควรที่จะปล่อยพิมภากลับได้แล้ว
“นี่ก็เลยเวลางานมากแล้ว คุณพิมจะกลับก่อนก็ได้นะครับ”
พูดจบตรีวิญก็ดูเอกสารต่างๆ ต่ออย่างไม่สนใจพิมภา
“งั้น พิมขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ครับ”
พิมภาออกไป ตรีวิญเงยหน้ามองตาม
ที่ลานจอดรถ พิมภากดรีโมทเปิดรถกำลังจะเดินไปเปิดประตูรถแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าล้อหน้าด้านคนขับแบน
“เฮ้ย ให้มันได้งี้สิ”
ตรีวิญออกมาเห็นพิมภานั่งมองล้อรถ มือแตะ ๆ ที่ยางรถอย่างหัวเสีย ตรีวิญเดินเข้ามาหาพิมภา
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ยางแบนค่ะ นี่ตะปูตัวเบ้อเร่อเลยค่ะ เมื่อเช้าพิมขับผ่านตึกที่เขาก่อสร้าง คงได้มาตอนนั้นแน่เลย” ฤชวีโทรเข้ามาพอดี พิมภารีบรับสาย “คุณต้นรถฉันโดนตะปู ยางแบนแม็กติดพื้นเลยค่ะ”
“ใจเย็นครับคุณพิม หลังรถคุณมียางอะไหล่นะครับ คุณเคยเปลี่ยนยางหรือเปล่า”
“อย่างฉันเนี่ยนะจะเปลี่ยนยางเป็น”
“ผมก็ลืมคิดไป งานบ้านคุณยังทำไม่ค่อยจะเป็นเลย”
“คุณต้น มันใช่เวลาซ้ำเติมกันไหม?”
ตรีวิญมองพิมภาที่กังวลที่รถเสียแต่ก็ดูมีความสุขที่ได้คุยกับฤชวี
“เอางี้ ตอนนี้มีใครอยู่แถวนั้นมั๊ยครับ รปภ.หรือว่าจ้างแท็กซี่สักคันรบกวนให้เขาช่วยเปลี่ยนให้”
พิมภาหันมองตรีวิญ
“คุณตรีวิญพอจะเปลี่ยนเป็นมั้ยคะ”
ตรีวิญอึ้งไปนิด ฤชวีเองก็อึ้งที่รู้ว่าพิมภาอยู่กับตรีวิญ
“เอ่อ ผมไม่ค่อยถนัดน่ะครับ”
“ถ้าฉันเรียกแท็กซี่มันจะปลอดภัยมั้ยล่ะคุณต้น” พิมภาถามฤชวี
“หรือคุณพิมรออยู่ที่นั่นแป๊บนึง เดี๋ยวผมไปหา”
“คุณต้นจะมาเหรอคะ นานมั้ยค่ะ”
ตรีวิญได้ยินว่าฤชวีอาจจะมา
“พิมครับทิ้งรถไว้ที่นี่ก่อน เดี๋ยวผมไปส่งดีกว่าครับ”
ฤชวีได้ยินเสียงตรีวิญ แต่นิ่งก่อน
“แต่คุณต้นบอกว่า...”
“ผมไปส่งดีกว่าครับ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยหาคนมาเปลี่ยนให้” ตรีวิญตัดบท
“ค่ะ...คุณต้นคะ เดี๋ยวเจ้านายพิมจะไปส่งค่ะ”
“เอางั้นเหรอครับ”
“ค่ะ คุณต้นจะได้ไม่ต้องลำบากมาหาพิม อีกอย่าง...”
“ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะไปรอรับหน้าคอนโด”
“ค่ะ”
พิมภาวางสายจากฤชวียิ้มอุ่นใจอย่างประหลาด ตรีวิญสังเกตได้
ระหว่างอยู่ในรถตรีวิญ พิมภานั่งนิ่งแต่สีหน้าดูมีความสุข
“ขอโทษนะครับผมใช้งานคุณพิมดึกไปหน่อย ถ้ารู้ตั้งแต่เย็นเราก็ยังพอเรียกช่างได้”
“ที่จริงถ้าลองเรียกแท็กซี่อย่างที่คุณต้นบอกก็น่าสนใจนะคะ คุณตรีวิญก็อยู่คงไม่น่ากลัวเท่าไหร่”
“ผมว่าให้สามีคุณมารับ หรือกลับกับผมแบบนี้ดีกว่าครับ เพราะมืดแล้วมันอันตราย”
“แต่ที่จริงถ้าลองพยายามถึงที่สุดแล้วมันอาจจะเวิร์คก็ได้นะคะ ถ้าพิมเปลี่ยนเองเป็นก็คงดี รถเราขับเองแท้ๆ แก้ไขเองไม่ได้ พิมว่ามันแย่น่ะค่ะ” ตรีวิญนิ่ง พิมภานึกได้ว่าอาจพูดแล้วทำให้ตรีวิญไม่พอใจ “ขอโทษค่ะ พิมไม่ได้หมายความว่า”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
ตรีวิญขับรถไปเงียบๆ พิมภาแอบมองตรีวิญแล้วแอบคิดเปรียบเทียบตรีวิญกับฤชวีในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตรีวิญขับรถเข้ามาส่งพิมภาหน้าคอนโด
“ขอบคุณค่ะ”
“ครับ คุณพิมครับ...”
“เรื่องงานที่เหลือ พิมจะรีบตามให้นะคะ”
ตรีวิญไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่องงาน แต่ก็จำใจรับ
“ครับ”
พิมภาเห็นฤชวียืนรออยู่จึงรีบลงจากรถ
“พิมไปก่อนนะคะ”
พิมภาลงจากรถไปหาฤชวี ตรีวิญมองพิมภากับฤชวีเหมือนกับสามีภรรยาที่รักและเป็นห่วงกันมาก ตรีวิญเกิดความรู้สึกร้าวๆ ในใจ
ฤชวีเปิดประตูให้พิมภาเข้ามาในห้อง
“พี่ภัทรล่ะ”
“นอนแล้วครับ”
“พี่ภัทรโกรธที่พิมไม่กลับมาทานข้าว” ฤชวีไม่ตอบแต่พูดเรื่องอื่น
“ผมหาน้ำให้ดื่มดีกว่านะครับ”
ฤชวีเดินไปรินน้ำให้พิมภา พิมภาแอบมองปลื้มๆ แต่ก็พยายามเก็บอาการ มือถือฤชวีดัง ฤชวีใช้มือหนึ่งควานหาโทรศัพท์ มือหนึ่งรินน้ำให้พิมภา
“ครับกิ่ง ไม่ยุ่งครับคุยได้”
พิมภาได้ยินชื่อกิ่งแก้ว หน้าเสียทรงนิดหน่อยแต่ก็ยังพยายามทำเป็นไม่สนใจ ฤชวีเดินเอาน้ำมาให้พิมภาแต่ก็ยังไม่วางโทรศัพท์
“กิ่งชอบเหรอครับ โล่งอก นึกว่าจะแป๊กซะแล้ว”
พิมภารับน้ำที่ฤชวีส่งให้อย่างทำตัวไม่ถูก เพราะฤชวีดูแลพิมภาด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย ฤชวีเห็นว่าพิมภาไม่ยอมดื่มน้ำซะที ทำท่ายกแก้วดื่มให้พิมภาดื่มน้ำ พิมภาทำตาม อึ้งๆ งงๆ
“ส่งคอมเม้นของคนอื่นๆ มาดูหน่อยสิครับกิ่ง”
พิมภายังเก้อๆ ที่ฤชวีไม่วางสาย จะลุกขึ้น ฤชวีคว้ามือพิมภาไว้ แล้วถามพิมภาอย่างไม่มีเสียง แต่อ่านปากได้ว่า “หิวมั้ยครับ” ทั้งที่ยังคุยงานกับกิ่งแก้วอยู่ พิมภาทำตัวไม่ถูก ได้แต่พยักหน้ารับ ฤชวีเดินไปอุ่นซุปให้พิมภา พิมภามองตามฤชวีไม่วางตาโดยที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังมองดูฤชวีที่คุยงานไปด้วยเตรียมอุ่นซุปให้พิมภาไปด้วย อย่างมีความสุข ฤชวีหันหน้ามา พิมภาสะดุ้ง ทำเป็นไม่ได้สนใจ ฤชวีคิดว่าพิมภาหิว ยกมือทำท่าทำทางบอกว่าแป๊บนึง ฤชวียกถ้วยซุปมาให้พิมภา แต่ก็ยังคุยโทรศัพท์กับกิ่งแก้วอยู่
“ล้อเล่นรึเปล่าครับกิ่ง หนังสือยังไม่ทันตีพิมพ์ ผู้จัดละครที่ไหนเค้าจะมาจองเรื่องไว้”
พิมภาแอบเซ็งที่ฤชวียังไม่วางสายซะที จะตักซุปกิน แต่ฤชวีคว้ามือไว้ แล้วเอาช้อนที่มือพิมภาคนซุปให้ ปากขมุบขมิบว่า “มันร้อน” แล้วก็คนซุปให้พิมภา ทั้งที่ยังคุยงานอยู่ พอรู้สึกว่าซุปไม่ร้อนเกินไปฤชวีส่งช้อนใส่มือพิมภา มือทั้งสองคนชนกันโดยบังเอิญ ฤชวีไม่ทันรู้ตัวเพราะคุยงานอยู่ แต่พิมภาเป็นฝ่ายที่แสดงอาการเขิน แต่ฤชวีไม่ทันเห็น แล้วพิมภาก็ค่อยตักซุปกิน สีหน้าทั้งสุขทั้งเขิน ทำหน้าไม่ถูก และแอบดูฤชวีที่คุยงานอย่างคล่องแคล่วอารมณ์ดีและดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด
ฤชวีคุยงาน พิมภากินซุปที่ฤชวีทำให้อย่างมีความสุข ทั้งสองอยู่ในกิจกรรมที่ต่างกัน แต่ดูมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันอย่างคนที่มีที่ว่างให้กันอย่างสบายตัว
เอกพลเข้ามาหาการะเกตุที่ห้องทำงานด้วยอาการมาดมั่นว่าการะเกตุต้องอยากออกไปทำกิจกรรมอย่างเคยด้วย
“จะกลับเลยรึเปล่าครับ”
การะเกตุรู้ว่าคำว่ากลับเลยรึเปล่าของเอกพล หมายถึงการชวนไปทำเรื่องอย่างว่า
“วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์นะ บ้านใครบ้านมันก็แล้วกัน”
เอกพลหน้าเสีย แต่ก็พยายามจะอ้อน
“เกี่ยวกับคนที่คุณยายคุณหาให้รึเปล่าครับ”
การะเกตุชักสีหน้าไม่พอใจทันที
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาแอบฟังเรื่องของฉันนะ แต่ถ้าอยากรู้ก็จะบอกให้คุณต้นเป็นคู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จัดหาให้ แล้วฉันก็พอใจ”
“ใจร้ายจังนะครับ พูดแบบนี้ผมก็ใจเสียหมดสิครับ”
“ใจเสียแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” การะเกตุจ้องหน้าเอกพลแล้วพูดต่อ “เข้าใจซะใหม่นะว่าการที่ฉันมีอะไรกับคุณ มันแค่กิจกรรมยามว่าง ถ้าคิดจะผูกพันจริงจังกับฉัน หวังสูงไปรึเปล่าเอกพล”
เอกพลทำเป็นตัดพ้อหวังความเห็นใจ
“ใช่สิครับ ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนนึงเท่านั้น”
“ไปจำคำพูดตัดพ้อแบบนี้จากละครเรื่องไหนมา คิดว่าพูดแล้วฉันจะเห็นใจเหรอ ฉันไม่ชอบนะไอ้พวกผู้ชายฟูมฟายน้ำเน่าน่ะ ถ้ารู้ตัวว่าตัวเองเป็นผู้ชายธรรมดาก็ดีแล้ว จะได้ไม่เอาตัวไปเปรียบเทียบกับคุณต้น ให้ฉันต้องเสียเวลามาอธิบายว่าใครเป็นใคร” การะเกตุมองเอกพลอย่างขู่ๆ “คิดจะอยู่กับฉัน ก็ควรจะรู้ว่าตัวเองควรจะอยู่ตรงไหน จำไว้”
การะเกตุเดินออกไปอย่างไม่สนใจเอกพล เอกพลหัวเสีย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่คิดแค้นฤชวี
“ไอ้ต้น”
ที่คอนโดเอกพล ปราสินีอ่านนิตยสารเกี่ยวกับแม่และเด็ก ปราสินีอ่านไปยิ้มไปแล้วจับที่ท้องอย่างมีความสุข
“ไม่ต้องห่วงนะลูก วันก่อนพ่อเขาคงอารมณ์ไม่ดี เดี๋ยววันนี้แม่จะเกลี้ยกล่อมพ่อเขาใหม่นะลูกนะ”
เอกพลเข้ามา ปราสินีรีบเก็บหนังสือซ่อนใต้หนังสือเล่มอื่นแล้วเข้าไปคลอเคลียเอาใจเอกพล เอกพลสังเกตเห็นหนังสือที่ปราสินีซ่อนดึงออกมา
“นี่อะไร” เอกพลรู้ทันทีว่าปราสินียังไม่จัดการเรื่องเอาเด็กออก “เธอยังไม่ไปเอาออกอีกเหรอ”
ปราสินีถอยห่างเพราะรู้ว่าเอกพลกำลังอารมณ์ขึ้น
“ปลาทำไม่ได้”
“แล้วถ้าไม่ทำตอนนี้ จะทำตอนไหน ไปเอาเด็กออก”
ปราสินีแข็งใจเถียงเอกพล
“ปลาอยากเก็บลูกไว้”
เอกพลดึงตัวปราสินีเข้ามาใกล้ๆ ยิ้มๆ ปราสินีหลงคิดเข้าข้างตัวเองว่าเอกพลอาจจะใจอ่อน
“ฟังออกมั้ยว่ามันเป็นคำสั่ง ไม่ใช่ให้เธอเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ”
“แต่”
เอกพลบีบปากปราสินีเอาไว้แรงๆ ไม่ให้พูด
“เอาเด็กออกซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
แล้วเอกพลก็ผลักปราสินีลงไปกระแทกกับพื้น ปราสินีเจ็บ เอกพลเดินข้ามไปอย่างไม่สนใจ ปราสินีได้แต่ร้องไห้จับท้องตัวเองไว้แน่น เสียใจอยู่คนเดียว ไม่คิดว่าเอกพลจะเลวขนาดนี้
ส่วนที่คอนโดพิมภา พิมภากำลังจับหมอนให้เข้าที่ พอหันมาเห็นฤชวีเดินมาที่เตียง พิมภาตกใจเอาหมอนมากอด ฤชวีชะงักแล้วหยิบหมอนกับผ้าห่มจะขยับลงไปนอนที่พื้น พิมภาหน้าเสียที่แสดงอาการเหมือนรังเกียจฤชวีออกไป
“ผมหายดีแล้ว”
ฤชวีปูที่นอนที่พื้นลงนอน พิมภาลังเลว่าควรจะให้ฤชวีนอนบนเตียงด้วยเหมือนเดิมดีมั๊ย แต่ฤชวีล้มตัวลงนอน
พิมภาถึงรู้สึกผิดแต่ก็จำต้องปล่อยเลยตามเลย ปิดไฟหัวเตียง ฤชวีเรียกพิมภาโดยไม่ได้หันมามองพิมภา
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลผมเมื่อคืน”
พิมภามองฤชวีที่หันหลังอยู่
“ฉันไม่อยากให้คุณมาตายในคอนโดฉัน ฉันกลัวผี”
พิมภาพูดจบก็ห่มผ้าหันหลังให้ฤชวี ฤชวีหันมามองพิมภาที่หันหลังให้ แล้วยิ้มๆ
ฤชวีกับพิมภาหันหลังให้กัน แต่ต่างฝ่ายต่างยิ้มปลื้ม สุขใจในแสงสลัวๆ เสียงโทรศัพท์ของฤชวีดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศ ฤชวีกลัวพิมภาหนวกหู รีบรับโทรศัพท์
“ครับคุณย่า”
พิมภาได้ยินมองฤชวี
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ชุติภาอยู่บ้านที่ปทุมธานี คุยโทรศัพท์กับฤชวีด้วยสีหน้านิ่งแต่เอาเรื่อง
“แกอยู่ที่ไหนตาต้น บ้านเมียแกเหรอ”
น้ำเสียชุติภาประชดจนฤชวีรู้สึกอึดอัด
“คุณย่า”
“ลำบากมากมั้ย ที่ยังนับฉันเป็นย่าแกอยู่ตาต้น”
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับ”
“แกคิดว่าคนที่หลานไม่เห็นหัว แต่งงานโดยไม่บอกไม่กล่าวซักคำจะมีอารมณ์ปั้นคำพูดดีๆ มาคุยกับแกมั้ยตาต้น” ฤชวีหนักใจ “แกไม่รักย่าแล้วใช่มั้ย”
ฤชวีได้ยินคำถามไม้ตายของชุติภาแล้วใจอ่อนยวบยาบ
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับคุณย่า”
“แล้วไม่คิดจะให้ย่ารู้จักเลยเหรอว่าเมียแกเป็นใคร”
“คุณย่าหมายความว่า”
“ในเมื่อแกแต่งกันแล้ว ย่าจะไปทำอะไรได้ หรือว่าไม่เห็นหัวย่าตอนแต่งไปครั้งนึงแล้ว มาถึงตอนนี้แกก็ยังไม่เห็นหัวย่ากันอยู่ดี”
ฤชวีมองพิมภาอย่างลำบากใจ
“ผมคงต้องถามคุณพิมก่อน”
“อ้อชื่อพิมเหรอเมียแกน่ะ”
“ครับ พิมภา”
พิมภาทำหน้าไม่ถูกเมื่อถูกพาดพิง
“งั้นพรุ่งนี้ก็ช่วยพาคุณพิมภาของแก มาหาย่าที่บ้าน เท่านี้นะ”
ชุติภาออกคำสั่งแล้ววางสายโดยไม่เปิดโอกาสให้ฤชวีต่อรองอะไร ฤชวีทำหน้าลำบากใจ
“มีอะไรรึเปล่าคะคุณต้น” พิมภาถาม ฤชวีลังเลไม่กล้าบอกพิมภา “มีอะไรให้ฉันช่วยรึเปล่า บอกมาเถอะค่ะ”
“คุณย่าจะให้ผมพาคุณไปพบ”
“คุณย่าคุณอยากพบฉัน”
น้ำเสียงของพิมภาแสดงความอึ้ง งง จนฤชวีรู้สึกว่ากำลังทำให้พิมภาลำบากใจ
“แต่คุณพิมไม่ต้อง...”
“ไปสิคะ ฉันจะไปพบคุณย่าคุณ”
“แต่ ผมไม่อยากให้คุณลำบากใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดาว่าตอนนี้คุณย่าคุณคงโกรธคุณ ที่...ที่คุณแต่งงานโดยไม่ได้บอกท่าน” ฤชวีลำบากใจ ไม่อยากพูดให้พิมภาลำบากใจไปด้วย พิมภาสบตาฤชวีก่อนจะพูด “ฉันรู้ค่ะว่าตอนนี้คุณลำบากใจ ฉันเองก็ทำให้คุณลำบากใจมามาก ครั้งนี้ถ้าฉันจะทำอะไรให้คุณบ้าง ก็ถือว่าเจ๊ากันนะคะ”
พิมภายิ้มให้ฤชวีอย่างจริงใจ ฤชวีค่อยใจชื้นขึ้น
“ขอบคุณครับคุณพิม”
พิมภาจับมือฤชวี
“ถ้าตอนนี้เราสวมบทบาทเป็นสามีภรรยากัน ก็เท่ากับตอนนี้ฉันมีหน้าที่ต้องเคียงข้างคุณและทำความรู้จักกับครอบครัวของคุณใช่ไหมคะ” ฤชวีอึ้งๆ “ให้ฉันช่วยคุณนะคะ”
ฤชวียิ้มมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พิมภาเห็นรอยยิ้มของฤชวีก็พลอยมีความสุขไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
ขณะนั้นตรีวิญยังจอดรถอยู่หน้าคอนโดพิมภามองไปยังชั้นที่คิดว่าพิมภาน่าจะอยู่ ตรีวิญดูเหงาแล้วก็ออกรถไป
ตรีวิญกลับมาที่คอนโดตัวเอง ที่ห้องพักตรีวิญมีประกาศ ถ้วย โล่ และสิ่งต่างๆ ที่แสดงความสำเร็จของตรีวิญอยู่มากมาย แต่ห้องที่ดูแต่งเรียบๆ มีสไตล์กลับดูซึมๆ เหงาๆ ตรีวิญนั่งอยู่ในแสงสลัวเหงาๆ แล้วตรีวิญก็คิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง ตรีวิญหยิบไอแพดออกมาดูไฟล์งานที่พิมภาเซฟไว้ให้ สีหน้าตรีวิญเหมือนมีแผนการบางอย่างในใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นภัทรพลออกมาเห็นฤชวีที่เตรียมอาหารเช้า
“เมื่อคืนแผนสองเป็นไงบ้าง” ฤชวีไม่ตอบแต่ยิ้มมีความสุขและทำอาหารต่อเงียบๆ “เงียบ เค้าว่าคนเงียบๆ แบบนี้ร้ายทุกคนนะคุณต้นแต่ก็ดีไม่ร้ายเอายายพิมไม่อยู่หรอก แล้วนี่ยายพิมตื่นรึยัง”
พิมภาออกมาในชุดดูเรียบร้อยจนภัทรพลแปลกใจ แต่แอคติ้งว่างอนพิมภา
“พี่ภัทร”
“แกไม่ต้องมาพูดเลยยายพิม เพราะแกผิดเวลา พี่เลยโมโหเทกับข้าวทิ้งหมด แล้วเป็นไงรู้มั้ย ตื่นมาพี่หิวมาก ถึงต้องเดือดร้อนคุณต้นทำอาหารให้แต่เช้า”
“พิมขอโทษ”
“พี่แต่อยากให้แกรู้จักรักษาเวลาบ้าง อย่าลืมสิตอนนี้แกไม่ใช่คนตัวเปล่าแล้ว เลิกงานก็ควรจะรีบกลับบ้านมาให้สามีดูแล”
พิมภากับฤชวีมองหน้ากัน
“ก็บอกแล้วไงว่าพิมขอโทษ”
ฤชวีแอบมองหน้าภัทรพล ขำความร้ายของภัทรพล
“แล้วมันจะมีอีกมั้ยล่ะ ไอ้ผิดเวลาให้คุณต้นรอแบบนี้ นี่ขนาดพี่อยู่นะแล้วถ้าพี่ไม่อยู่มันจะเป็นยังไง”
“จะพยายามให้ไม่มีนะ”
พิมภาตอบเสียงอ่อยๆ ฤชวีกับภัทรพลแอบมองหน้ากันยิ้มๆ
“ทานข้าวเถอะครับ ข้าวต้มกุ้งที่คุณพิมชอบ”
“ยายพิมชอบข้าวต้มกุ้ง แล้วคุณต้นชอบอะไร แกรู้มั๊ยยายพิม”
“เอ่อ”
“ทำไมแกแย่แบบนี้ล่ะยายพิม สามีตัวเองชอบไม่ชอบอะไรแกต้องรู้นะ ใส่ใจหน่อย” ภัทรพลบ่นไปกินไป “ผู้หญิงสมัยนี้ทีเรื่องนอกบ้านล่ะเก่งนักทีเรื่องในบ้านล่ะไม่ได้เรื่อง”
“เยอะไปแล้วพี่ภัทร”
“ไม่เยอะหรอกฉันบ่นเผื่อพ่อกับแม่ด้วย” พิมภาเซ็ง “แล้วจะไปไหนกัน แต่งตัวซะยังก็จะออกงานสันนิบาต”
“ผมจะพาคุณพิมไปพบคุณย่าครับ”
ภัทรพลได้ยินแล้วชะงัก ยิ้มพอใจ แต่ทำเป็นเก็บอาการ
“ก็สมควร แต่งกันมาตั้งนาน แกควรไปกราบคุณย่าคุณต้นเค้าตั้งนานแล้วนะยัยพิม”
“ก็จะไปอยู่นี่ไงคะ”
“ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็มีงานด่วนอะไรขึ้นมาอีกล่ะ แม่คนบ้างาน”
ภัทรพลพูดจบ มือถือพิมภาก็ดัง พิมภารีบรับ
“ค่ะคุณตรีวิญ”
ภัทรพลกับฤชวีมองหน้ากัน
พิมภามีงานด่วนต้องรีบเข้าบริษัท ฤชวีจึงต้องไปพบชุติภาตามลำพัง ชุติภาเดินนำฤชวีเข้าบ้านด้วยท่าทางนิ่งๆ
“แล้วไหนเมียแกล่ะตาต้น”
ฤชวีมีสีหน้าลำบากใจ
ส่วนที่บริษัทนารี พิมภาเข้ามาในห้องทำงานตรีวิญพร้อมกับเอกสาร
“ขอโทษนะครับ พอดีทางผู้ใหญ่เร่งมา ผมเลยต้องเช็คงานทั้งหมดให้เร็วที่สุดผมคิดว่าถ้ารอวันจันทร์จะช้าเกินไป”
“ค่ะ”
พิมภาแอบมีความกังวลที่ต้องให้ฤชวีล่วงหน้าไปก่อน
“ขอโทษนะครับที่ต้องให้คุณพิมมาทำงานวันหยุด”
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่...”
“แต่อะไรครับ”
“คือ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรารีบทำงานกันดีกว่า”
พิมภาจัดการเลือกเอกสารที่ตรีวิญควรจะได้เห็นวางให้ตรีวิญ ตรีวิญมองนิ่งๆ แต่ก็พอใจที่ดึงตัวพิมภามาได้
ทางด้านชุติภา ชุติภานิ่งจนฤชวีรู้สึกอึดอัด
“คือคุณย่าครับ”
“ย่าประทับใจมากนะ ที่เมียแกทำแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน”
“คุณพิมติดงานด่วนล่ะครับ แต่เดี๋ยวจะตามมา”
ชุติภาได้ยินรู้สึกไม่สบายใจนิดๆ ที่พิมภาดูเป็นคนบ้างาน
“เมียแกเป็นพวกบ้างานสินะ” ฤชวีมองหน้าชุติภาแบบต้องการบอกว่าพิมภาก็เหมือนกับชุติภา “แล้วนี่ย่าต้องรอเมียแกนานแค่ไหน”
“ทั้งหมดเป็นข้อมูลของทางโรงงาน เรียบร้อยแล้วนะคะ”
พิมภาบอกกับตรีวิญแล้วเตรียมจะออกไป เสียงเคาะประตูดังขึ้นเจ้าหน้าที่จากโรงงานเข้ามา
“ผมอยากคุยกับเจ้าหน้าที่ทางโรงงานก็เลยเรียกให้มาคุยกับเราเพิ่มเติมเผื่อจะมีไอเดียที่น่าสนใจน่ะครับ เชิญนั่งครับ”
เจ้าหน้าที่นั่งลง ตรีวิญเปิดเอกสารถามเจ้าหน้าที่อย่างไม่เร่งรีบอะไร ทางด้านพิมภาแม้จะตั้งใจทำงานแต่ก็มีความกังวลในสายตา
“ข้อมูลทั้งหมดที่คุณตรีวิญอยากทราบก็มีเท่านี้ล่ะครับ”
พิมภาโล่งใจขึ้นมานิดหนึ่งคิดว่าน่าจะหมดเรื่องแล้ว
“ผมทราบมาว่าเราเคยรับเป็นสายการผลิตให้กับลูกค้ารายอื่นมาก่อนช่วยเรียกให้เขาเข้ามาได้ไหมครับ ผมอยากจะคุยด้วยหน่อย”
พิมภาหน้าเสียที่ตรีวิญยังไม่หมดเรื่อง
“เดี๋ยวผมขอโทรเช็คแป๊บนึงนะครับ”
เจ้าหน้าที่โทรเช็คเรื่องให้ตรีวิญ ตรีวิญหันมาหาพิมภา
“คุณพิมรีบไปไหนรึเปล่าครับ”
“เอ่อ คือ”
พิมภาพูดไม่ออกไม่รู้จะอธิบายยังไง
มิ้นท์อยู่ที่สำนักพิมพ์กิ่งแก้วและกำลังบรรยายสรรพคุณชุติภาให้ทุกคนฟัง
“คุณย่าเป็นคนน่ากลัวมาก เป็นคนจริงจังบ้างาน เข้มงวดกับทุกอย่าง ขนาดปู่ยังชิงตายหนีคุณย่าตั้งแต่ยังไม่ห้าสิบเลย”
“เอ่อ ที่พูดถึงอยู่น่ะคุณย่าของมิ้นท์นะ” ภัทรพลแย้ง
“มิ้นท์พูดความจริงพี่ คุณย่าน่ะเวลาดีดีใจหายเวลาร้าย แค่ปรายตามองอย่างกับโดนอัดไส้ทะลักเลย” ภัทรพลกับนันทิกานต์สยอง “ที่สำคัญคุณย่าทาบทามหลานสาวเพื่อนของคุณย่าให้มาแต่งงานกับพี่ต้น แต่พี่ต้นก็ดันมาแต่งงานกับพี่พิมก่อน ขอบอกว่าคุณย่าโกรธมาก”
“โอย ไม่อยากจะคิด” นันทิกานต์กลัวแทน
“เอ่อ เท่าที่กิ่งเห็นเมื่อวาน คุณพิมคงไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆ ไม่คิดกันบ้างเหรอคะว่า คราวนี้มวยอาจจะถูกคู่ก็ได้”
ทุกคนหันมามองกิ่งแก้ว แบบว่าเรื่องที่กิ่งแก้วพูดมันก็จริงเหมือนกัน
ฤชวียังอยู่ที่บ้านชุติภาและมองนาฬิกาอย่างเครียดๆ
“ไม่คิดจะโทรตามเมียแกบ้างเหรอตาต้น”
“โทรไปถ้างานคุณพิมยังไม่เสร็จ ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดีนี่ครับคุณย่า”
“ไม่มีประโยชน์หรือไม่รู้ว่าจะปั้นคำมาโกหกกับย่ายังไงดี ว่าเมียแกไปไหนกันแน่”
“คุณพิมไปทำงานครับ เสร็จงานแล้วจะรีบตามมา” ฤชวียืนยัน
“งั้น ย่าก็คงต้องรอสินะ ถ้ามามื้อกลางวันไม่ทัน ก็เป็นมื้อเย็นก็แล้วกันนะ” ชุติภาประชด แต่ฤชวีคุมสติได้นิ่งอยู่ “ย่าจะขึ้นไปเอนหลัง เมียแกมาก็ตามย่าก็แล้วกัน ย่าจะรีบมาพบ”
ชุติภายังไม่วายประชดฤชวีก่อนออกไป ฤชวีหนักใจ
ตรีวิญเดินนำพิมภาออกมาจากห้องทำงาน
“ใกล้เที่ยงแล้ว เดี๋ยวผมเลี้ยงอาหารเที่ยงคุณพิมดีกว่าครับชดเชยที่ต้องให้คุณพิมออกมาทำงานวันหยุด”
พิมภาอึดอัดเพราะมันไม่ใช่เวลาที่ไปกินอาหารเที่ยงกับตรีวิญ เธอจึงตัดสินใจขัดตรีวิญ
“คุณตรีวิญค่ะ”
ตรีวิญหันมามองหน้าพิมภา
ภัทรพลขับรถมาส่งนันทิกานต์ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“วันหยุดยังต้องมาดูงานที่ช็อปอีกเหรอ บริษัทแกนี่โหดนะ”
“เค้าเรียกว่าบริษัทของหญิงยุคใหม่ ที่มุ่งมั่นกับความสำเร็จจ้ะ”
“เหรอ มิน่าขึ้นคานกันเป็นแถวๆ เพราะมัวแต่ทำแต่งานรึเปล่า”
นันทิกานต์เหลือบไปเห็นลัลนาที่เดินออกมาจากในห้างกำลังจะไปที่รถ
“ไม่รู้สิ แต่ที่นี่ก็มีคนที่พี่ภัทรอยากให้ลงจากคานไม่ใช่เหรอ”
ภัทรพลมองตามสายตานันทิกานต์เห็นว่าลัลนากำลังจะเดินไปที่รถ ทันใดนั้นมีโจรจะกระชากกระเป๋าลัลนา
ลัลนาไม่ยอมเกิดการยื้อแย่งกัน ลัลนากระชากกระเป๋ากลับมาได้แต่ก็เซ ภัทรพลเข้ามารับตัวลัลนาไว้ได้ทัน
โจรจะเข้ามาเล่นงาน ภัทรพลส่งตัวลัลนาให้นันทิกานต์ประคองไว้ แล้วเอากระเป๋าลัลนาฟาดหน้าโจรอย่างจัง แล้วถีบซ้ำจนโจรเสียหลักวิ่งหนีไป
“แอร์เมสของฉัน”
ภัทรพลเซ็ง ส่งกระเป๋าคืนให้ลัลนา
“ของแบรนด์ไม่พังง่ายๆ หรอกน่า”
“ขอบคุณ”
ลัลนาจะเดินหนีไปแต่เจ็บเพราะข้อเท้าซ้นจะล้ม นันทิกานต์เข้าไปประคองอีก ภัทรพลเข้าไปนั่งตรงหน้าลัลนาแล้วจับข้อเท้าลัลนาข้างที่เจ็บขึ้นมาดู
“คุณจะทำอะไร”
“ก็ผมจะดูให้ บวมนิดๆ สงสัยจะเส้นพลิก” ภัทรพลนวดเบาๆ ลัลนามองภัทรพลที่จับข้อเท้านวดให้อย่างเต็มใจ ลัลนาอึ้งนิด ๆ ประทับใจ “แบบนี้เจ็บมั้ย”
“เจ็บ ยิ่งนวดก็ยิ่งเจ็บ” ลัลนาชักเท้าออก
“ไปหาหมอมั้ย ฉันจะพาไป” นันทิกานต์ถาม
“ไม่ต้อง ฉันจะกลับบ้าน”
“งั้นผมจะพาไปเอง แนนกลับไปทำงานก็แล้วกัน”
“ฉันเอารถมา” ภัทรพลจิ้มที่ข้อเท้าลัลนา “มันเจ็บนะ”
“โดนแค่นี้ยังร้อง แล้วจะขับรถได้ยังไง”
“ได้”
“อย่าฝืนเลยน่า เดี๋ยวตายไม่คุ้ม เอาเป็นว่าฉันจะไม่บอกใครว่าวันนี้เธองดปากดีและฟังพวกฉัน 1 วัน”
นันทิกานต์บอกแล้วส่งตัวลัลนาให้ภัทรพลประคอง แล้วเดินออกไปปล่อยให้เป็นหน้าที่ภัทรพลจัดการ
“ยังไงคุณทีนี้ จะให้ผมไปส่งมั้ย” ลัลนายังท่ามากแต่จะขยับเดินก็ไม่ไหว “หนึ่ง...สอง...สาม”
ลัลนานิ่งไม่ยอมตอบ ภัทรพลปล่อยลัลนาแล้วเดินหนีไป ลัลนาอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก แล้วก็สติแตกร้องไห้ซิกๆ ภัทรพลรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็บแบบนี้ อมยิ้ม แล้วเดินกลับมาหาลัลนา
“จะแสดงฤทธิ์อะไรให้ดูสถานการณ์บ้าง ยืนยังไม่มีปัญญาอย่าหยิ่งไม่ถูกเวลา”
ลัลนาสะอึกแต่ก็ไม่กล้าแผลงฤทธิ์ ยอมให้ภัทรพลพาไปที่รถ
ภัทรพลขับรถมาจอดที่หน้าบ้านลัลนา ลัลนารีบจะลงเข้าไปในบ้านแต่เดินลำบาก
“ผมช่วยดีกว่า”
ภัทรพลพาลัลนาเข้าไปในบ้าน
“ไม่ต้องดีกว่าค่ะ”
“นึกว่าคุณรู้เรื่องแล้ว ว่าไม่ควรออกฤทธิ์ผิดเวลา”
ความเข้มของภัทรพลทำให้ลัลนาไม่กล้าเถียง
“ฉันไม่ได้ออกฤทธิ์ค่ะ แต่”
“แต่อะไรก็เรื่องของคุณ”
ภัทรพลไม่สนใจพาลัลนาเข้าบ้านไป
ลัลนาเข้าบ้านมากับภัทรพลเห็นว่าข้าวของของตัวเองถูกขนมาวางไว้ นวลจันทร์ซึ่งเป็นเมียหลวงออกมากับคนใช้กำลังให้คนใช้ขนของ
“นี่มันอะไรกันคะแม่” ลัลนาถามขึ้นมา
“ฉันจะเอาบ้านนี้เป็นเรือนหอให้ลูกชายฉัน”
ลัลนาโมโหมาก
“พ่อให้บ้านนี้กับแม่ฉัน”
“แต่ชื่อเป็นของพ่อเธอ ซึ่งก็คือผัวฉัน ฉันเป็นเมียหลวงฉันมีสิทธิ์จะไล่พวกกาฝากออกจากที่ของฉัน ขนของออกไป”
“ไม่ได้นะ”
“ปล่อยเค้าเถอะลัล” วรรณา แม่ของลัลนาบอก
“เดี๋ยวก่อน” ภัทรพลขัด ทุกคนชะงักรวมทั้งลัลนา “คุณลัลนาอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้วครับ”
“ยี่สิบปี”
“งั้นตามกฎหมายแล้ว ใครก็ไล่คุณออกจากบ้านไม่ได้”
“แกเป็นใคร” นวลจันทร์ถามอย่างไม่พอใจ
“ผมเป็นใครไม่สำคัญ แต่ถ้าพวกคุณไม่ออกไป ผมก็โทรแจ้งความเลยครับ ข้อหาบุกรุก”
“แกกล้าเหรอ”
“เราเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก คุณไม่รู้หรอกครับว่าความกล้าผมมีมากแค่ไหน” ภัทรพลส่งสายตาท้าทายนวลจันทร์ “ให้ตำรวจตัดสินก็ได้ครับ ว่าใครผิดใครถูกและใครจะถูกเชิญให้ออกไป”
“แก!”
“ผม ภัทรพลครับ เผื่อเจอกันอีกคุณจะได้จำได้ว่าผมแสบแค่ไหน จะได้ไม่เสียเวลามาทะเลาะกับผม ยังไงครับให้โทรแจ้งตำรวจเลยมั้ย”
นวลจันทร์จำต้องถอยออกไป
“สักวันจะไล่พวกแกแม่ลูกออกจากชีวิตผัวฉันให้ได้”
นวลจันทร์ออกไป ลัลนาเข้าไปหาวรรณา
“ไม่เป็นไรแล้วนะคะแม่”
ลัลนากอดแม่ วรรณาเป็นลม ภัทรพลรีบเข้าไปช่วยพยุง ภัทรพลมองลัลนารู้สึกว่าชีวิตลัลนาดูจะมีอะไรที่ซับซ้อนอยู่
ตรีวิญขับรถเข้ามาส่งพิมภาที่หน้าบ้านชุติภา
“พิมมีนัดมากราบคุณย่าของคุณต้นน่ะค่ะก็เลยทานอาหารกลางวันกับคุณตรีวิญไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ รีบเข้าไปเถอะครับ เดี๋ยวคุณต้นจะรอ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
พิมภารีบลงจากรถ ตรีวิญได้แต่มองพิมภาอย่างเศร้าๆ
พิมภาเข้ามาหาฤชวี ฤชวีเห็นพิมภาก็ดีใจ
“คุณพิมมาแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ขอโทษนะคะคุณต้นพอดีงานเพิ่งเสร็จ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณย่าคุณล่ะคะ”
“ท่านขึ้นไปเอนหลัง”
“ท่านคงจะรอฉันนานไปหน่อย” พิมภามีสีหน้าเครียดๆ “คุณว่าย่าคุณจะจำฉันได้มั้ย เรื่องที่สมุยน่ะ”
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะไม่ให้คุณย่าทำอะไรคุณแน่ไว้ใจผมนะครับ” พิมภามองฤชวีแล้วก็จับมือฤชวี “มีอะไรรึเปล่าครับ”
“มาพบคุณย่าสามีทั้งทีต้องแสดงให้แนบเนียนหน่อยจริงมั้ย”
ฤชวีกุมมือพิมภาตอบ
“เมียแกมาแล้วเหรอตาต้น” ชุติภาออกมาเห็นพิมภาก็นึกได้ว่าเคยเจอกันที่สมุย “เป็นเธอนี่เอง”
ชุติภามองพิมภาด้วยสายตานิ่ง ยังไม่แสดงว่าดีหรือร้าย พิมภาถึงจะหวั่นใจแต่ก็เก็บอาการ ฤชวีแสดงท่าทีให้พิมภาอุ่นใจ
ชุติภามองพิมภาไม่วางตา พิมภาทำตัวไม่ถูกได้แต่ยกมือไหว้สวัสดีชุติภา
“สวัสดีค่ะคุณย่า”
“นี่คุณพิมภาภรรยาผมครับคุณย่า”
ฤชวีแนะนำ ชุติภาจึงเปิดฉากก่อน
“เธอ...ฉันเคยเจอกับเธอที่สมุย ฉันประทับใจมาก”
ชุติภาตั้งใจจะเขี่ยเรื่องที่สมุยขึ้นมาให้พิมภาร้อนตัว
“คือเรื่องวันนั้น...”
พอเห็นว่าพิมภาร้อนใจจะขอโทษ ชุติภาก็เปลี่ยนเกมไม่ยอมพูดเรื่องที่สมุย
“ช่างมันเถอะ ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าวันข้างหน้าเราจะต้องมาเจอกันอีกโดยเฉพาะเจอกันแบบนี้” ฤชวีรู้ว่าชุติภาจงใจเปิดฉากเล่นงานพิมภา ฤชวีมองหน้าพิมภาแบบขอให้ใจเย็นก่อน “แสดงว่าที่สมุย แกไปด้วยกันใช่มั้ย อยู่กันก่อนแต่งรึเปล่า”
“เปล่าครับ” ฤชวีรีบตอบ เพราะรู้ว่าชุติภาหมายถึงอะไร “ตอนที่ไปสมุย เราก็พักกันคนละห้องครับคุณย่า”
“มาบอกย่าทำไม ย่าดูออกว่าคุณพิมภา ภรรยาแกน่าจะเป็นผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวอยู่พอสมควร” ชุติภามองหน้าพิมภาแล้วยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่พิมภารู้สึกไม่ไว้ใจเลย “ถ้ายังไม่แต่งงานกันถึงนอนห้องเดียวกัน แกกับภรรยาก็คงจะกุมมือกันหลับไปจนเช้า ไม่เกิดอะไรขึ้น ใช่มั้ยคุณพิมภา” พิมภารู้สึกมั่นใจว่ากำลังถูกเล่นงาน “แปลกนะ คนที่รู้จักคิดอย่างแกสองคน ทำไมถึงแต่งงานกันโดยไม่บอกผู้หลักผู้ใหญ่” ชุติภามองหน้าทั้งสองคน “หรือว่ามันเป็น ความผิดพลาด”
ถึงชุติภาจะพูดโดยที่ไม่รู้เรื่องระหว่างพิมภากับฤชวี แต่มันก็แทงใจดำทั้งคู่อย่างจัง พิมภารับไม่ได้กับคำว่า เป็นเพราะความผิดพลาดจึงลืมตัวคิดแก้เผ็ดชุติภากลับบ้าง
“ขอโทษจริงๆ ค่ะคุณย่า ถึงเราสองคนจะรู้ดีว่าน้ำกับน้ำมันไม่ควรอยู่ใกล้กันแต่เราก็...พลาด จนได้ คุณต้นก็เลยข้ามขั้นตอนที่จะพาพิมมาให้คุณย่าพิจาณาก่อน เรา พลาด จริงๆ คุณย่าเดาถูกค่ะ”
ชุติภาไม่คิดว่าจะถูกพิมภาย้อนแบบนี้ พิมภาจะพูดต่อ แต่ฤชวีบีบแขนพิมภาไว้เบาๆ
“แต่ถึงยังไง คุณพิมก็คือคนที่ผมเลือกแล้วอยู่ดีครับคุณย่า”
“ย่าก็เห็นใจในความผิดพลาดครั้งนี้นะ” ชุติภาเห็นการะเกตุที่เดินเข้ามาพอดี “แต่แค่รู้สึกว่าแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับคนที่ย่าอุตส่าห์เลือกไว้ให้แกแล้ว”
พิมภามองหน้าฤชวีอย่างอยากรู้ว่าชุติภาหมายถึงใคร การะเกตุเข้ามาในวงสนทนา
“นี่เกตุมาสายไปรึเปล่าคะ” พิมภาตกใจที่เห็นว่าการะเกตุปรากฏตัวที่นี่ การะเกตุหันมายิ้มร้ายให้พิมภา “สวัสดีค่ะคุณต้น คุณพิมภา”
การะเกตุยิ้มให้ฤชวีกับพิมภา พิมภารู้สึกไม่ชอบรอยยิ้มนั้นเลยสักนิด
ที่บ้านลัลนา วรรณาได้สติ ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ลัลนาประคองแม่อย่างเป็นห่วง
“เป็นไงบ้างคะแม่”
“ดีขึ้นแล้วลูก” วรรณามองภัทรพล “ขอบคุณมากนะคะคุณ...”
“ภัทรพลครับ”
“ค่ะ คุณภัทรพล” วรรณามองหน้าลัลนาอย่างถามว่าภัทรพลเป็นใคร
“เพื่อนลัลเองค่ะแม่”
วรรณายิ่งมองทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ
“คุณลัลขาแพลงผมก็เลยพามาส่งครับ”
“ขอบคุณจริงๆ ค่ะ วันนี้ถ้าไม่ได้คุณ ฉันกับลูกคงแย่ แล้วเป็นอะไรมากมั๊ยลูก ไปหาหมอรึยัง”
วรรณาจับดูที่เท้าของลัลนาอย่างไม่รังเกียจ ลัลนาชักเท้าหนีแม่เบาๆ เพราะไม่อยากให้แม่จับเท้าตัวเอง ภัทรพลมองออกว่าลัลนารักและให้เกียรติวรรณาแค่ไหน และรู้สึกว่าลัลนาตรงหน้าต่างกับลัลนาที่เคยเห็น
“ไปหาหมอมั้ยครับคุณลัล”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวลัลไปเอง”
ลัลนาจะพูดต่อแต่ภัทรพลไม่ฟัง
“ขออนุญาตพาคุณลัลไปหาหมอนะครับคุณแม่”
“ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
ภัทรพลกับวรรณาตกลงกันโดยไม่ถามความเห็นลัลนาเลย
“แต่”
“ไปครับคุณลัล”
“รีบไปเถอะลูก เดี๋ยวจะบวมกว่านี้”
ภัทรพลไม่รอให้ลัลนาพูดอะไรอีก พาลัลนาออกไป
พอออกมาหน้าบ้าน ลัลนาพูดโดยไม่มองหน้าภัทรพล
“ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเรื่องทุกอย่างวันนี้” ภัทรพลหยุดนิดนึง “แต่นี่ไม่ใช่ต่อหน้าแม่ลัลแล้ว ลัลไปหาหมอเองได้ คุณไม่ต้อง...”
“ผมก็ว่าจะเลิกประคองคุณอยู่พอดี” ภัทรพลตัดบท ลัลนาหน้าเสียเพราะไม่คิดว่าภัทรพลจะทำจริงๆ “ผมว่าเขยกไปแบบนี้มันช้า ขอโทษนะครับ” ภัทรพลอุ้มลัลนาไปที่รถ “แบบนี้เร็วกว่า คุณจะได้ถึงมือหมอซะที”
“คุณภัทร”
ลัลนาพยายามขัดขืน
“ตอนนี่คุณเจ็บ ให้ผมดูแลคุณดีกว่า บอกตรงๆ ผมเป็นห่วง”
“ลัลมีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ”
“เอาตรงๆ นะครับ ตอนนี้ที่บ้านคุณก็มีเรื่องยุ่ง คุณก็เจ็บ บ้าๆ บอๆ อย่างคุณผมกลัวจะรับสถานการณ์ไม่ทัน ให้ผมดูแลคุณดีกว่า”
“คุณภัทร”
ลัลนาจะเอาเรื่องภัทรพล แต่เจอสายตาภัทรพลที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด ลัลนาหลบตา
“ไปหาหมอนะครับคุณลัล”
ภัทรพลทำให้ลัลนารู้สึกอบอุ่นมากขึ้นในยามที่รู้สึกว่าไม่มีใคร
“ค่ะ”
ลัลนาไม่กล้าสบตาภัทรพล ภัทรพลอุ้มลัลนาไปที่รถ
จบตอนที่ 9
อ่านต่อตอนที่ 10 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.