ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 16
ในห้องทำงาน ธรรมรัตน์ตกใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากเหมันต์
“อาจารย์เมฆาตายแล้ว”
“ครับ สินธรเพิ่งส่งข่าวมาว่าท่านวิฑูรนำกำลังทหารมาเผาภูสายธารราบเป็นหน้ากลอง แต่พวกชาวบ้าน ไปซ่อนในอุโมงค์ลับเลยปลอดภัย ยกเว้นอาจารย์เมฆาคนเดียว”
“แล้วองค์ราชาล่ะ”
“สินธรส่งยาให้คุณหฤทัยแล้วครับ เธอกำลังรอจังหวะจะแอบให้องค์ราชาเสวย”
“หวังว่าจะสำเร็จนะ”
“แล้วนี่เราจะบอกคุณคามินมั้ยครับ”
“ตอนนี้คามินยังไม่หายดี บอกไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ยิ่งจะทำให้เครียด อีกอย่าง...ดูยัยมัทมีความสุขมากที่คามินอยู่ที่นี่”
เหมันต์ยิ้มเจื่อนๆ
“ครับ”
“ระหว่างนี้ถ้าสินธรต้องการให้ช่วยอะไรก็จัดไปให้เต็มที่ ฉันจะลองไปปรึกษาผู้ใหญ่ในกองทัพดูว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง คามินหายดีค่อยว่ากัน”
เหมันต์เดินถือไอแพดออกมาจากห้อง คามินยืนแอบฟังอยู่กำมือแน่น เครียด
ในห้องบรรทมราชาอินทราเช้าวันใหม่...พระนางสาวิตรียืนอยู่หน้าเตียงมองราชาอินทราหลับอยู่อย่างสะท้อนใจ
“หากไม่ทรงทำร้ายจิตใจหม่อมฉันก่อน เรื่องราวก็คงไม่ลุกลามบานปลายไปขนาดนี้”
หฤทัยถือถาดซุปเข้ามาชะงักตกใจที่เห็นพระนางสาวิตรีกำลังจะถอย พระนางสาวิตรีหันมาเห็นหฤทัยรีบปรับท่าทางปกติ ลุกขึ้นหันมาถามเรียบๆ
“อ้าว...หฤทัย เอาซุปมาถวายเหรอ”
“เพคะ ทรงประชวรหรือเปล่าเพคะ ดูพระพักตร์ซีดๆ”
“ไม่เป็นไรเราแค่นอนน้อยไปหน่อย” พระนางสาวิตรีจ้องหฤทัย “หฤทัย...เจ้าเคยทำผิดมั้ย”
หฤทัยสะดุ้ง แต่ฝืนยิ้ม
“เคยเพคะ”
“เมื่อรู้ว่าผิดจะทำยังไง”
“ถ้ารู้สึกผิดจริงๆ ก็ควรจะหยุดแล้วแก้ไขซะ”
พระนางสาวิตรีนิ่งคิดพึมพำ
“แต่ถ้ามันสายเกินไปเสียแล้วล่ะ”
“ตรัสว่าอะไรเพคะหม่อมฉันไม่ได้ยิน”
“ไม่มีอะไร ใกล้เวลาจะทรงตื่นบรรทมแล้ว เจ้าคอยป้อนซุปถวายพระองค์เถอะ เราจะไปทำธุระสักหน่อย”
“เอ่อ...แล้วพระโอสถที่ต้องทรงเสวยล่ะเพคะ ให้หม่อมฉันถวายให้ก็ได้นะเพคะ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวเราจะกลับมาจัดการเรื่องยาเอง”
พระนางสาวิตรีออกไป หฤทัยรีบตามไปดูหน้าห้อง เห็นพระนางสาวิตรีไปแน่ เลยรีบกลับมาเรียกราชาอินทรา
“พระองค์เพคะ พระองค์ทรงรีบตื่นบรรทมเถอะ เพคะ”
ราชาอินทรารู้สึกตัวลืมตามอง
“หม่อมฉันนำยาถอนพิษที่ท่านอาจารย์เมฆาปรุงมาให้พระองค์เสวย เร็วเข้าเถอะเพคะ”
ราชาอินทราสายตาตื่นเต้นดีใจ หฤทัยรีบหยิบขวดยาออกมา เทใส่ช้อนป้อน ราชาอินทรารีบกินจนหมด มองอย่างขอบใจ หฤทัยดีใจ
“อีกไม่นานจะทรงหายดีแน่ อดพระทัยรอสักนิดนะเพคะ”
ราชาอินทราพยักหน้า หฤทัยหยิบชามซุปมาป้อน อินทรากินอย่างเต็มใจ สีหน้ามีความสุข
ในห้องพักอัคนีที่โรงพยาบาล อสิตถือนิตยสารเป็นรูปอัคนีขึ้นปกคู่กับมัทนาให้อัคนีดู พยายามฟื้นความจำ
“จำได้มั้ย...ตอนนี้แกอยากขึ้นปกกับยัยมัทนาจนตัวสั่น มาร้องอ้อนวอนให้แด๊ดไปบังคับบก.ให้เปลี่ยนตัวจากคนอื่นเป็นแกไง จำได้บ้างมั้ย”
อีคนีสั่นหน้า หยิบนิตยสารมามองรูปมัทนาชัดๆ
“ทำไมผมต้องอยากถ่ายรูปกับผู้หญิงคนนี้ด้วยล่ะ”
“อ้าวก็แกทั้งรักทั้งหลงแม่นี้จนหัวปักหัวปำ”
อัคนีส่ายหน้า
“เมื่อก่อนผมท่าทางจะปัญญาอ่อนนะ ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ แบบนี้น่ะเหรอที่ผมจะหลงรักได้ขนาดนั้น เฮ้อ...สู้มาลีของผมก็ไม่ได้ มาลี”
อัคนีนึกได้ลุกพรวด อสิตตกใจตะโกน
“เฮ้ย ไอ้ดำไอ้ดอนจับเร็วคุณหนูจะหนี”
ดำกับดอนกระโดดตะครุบตัวไว้ อัคนีดิ้น
“โอ๊ย จะมาจับทำไมเนี่ย ผมไม่ได้หนี”
“แล้วแกลุกพรวดพราดทำไม”
“ผมจะหามาลี มาลีของผมไปไหน มาลี...มาลี”
อัคนีดิ้นหลุดหันขวับจับคอเสื้ออสิต
“เอามาลีไปไว้ไหน หรือว่ามาลี...มาลีจะโดนฆ่าทิ้งซะแล้ว พวกแกมันเลว เลวมาก กล้าทำมาลีของฉัน”
“ไม่มีใครฆ่ามาลีเอ็งของหรอก แด๊ดให้คนเฝ้าไว้ที่ห้องรับรอง”
“อย่ามาโกหก ถ้าไม่เห็นกับตาฉันไม่เชื่อ”
อัคนีวิ่งออกไปนอกห้อง
“มาลีๆ”
“โว้ย...นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูก ฉันจะตบให้ความจำกลับมาแล้วเนี่ย รีบตามไปสิ ยืนบื้ออยู่ได้”
ห้องรับรองของโรงพยาบาล...มาลีเปิดประตูออกมา ยามกั้นเอาไว้
“ถอยไป ฉันจะออกไปข้างนอก”
“ไม่ได้”
“นี่ฉันไม่ใช่นักโทษของพวกแกนะ หลีกไป ฉันจะกลับรายา”
ยามกั้นไว้ แต่โดนมาลีใช้มวยรายาอัดจนต้องปล่อย มาลีจะวิ่งไป แต่อัคนีวิ่งเข้ามาพอดี
“มาลี”
อัคนีโผเข้ากอด
“ดีใจจังที่เธอไม่เป็นไร”
“เฮ้ย ปล่อยนะโว้ย เดี๋ยวตบคว่ำ”
“ขอโทษ ฉันลืมตัวไปหน่อย”
อสิตวิ่งตามมาพูดกับยักษ์ ดอนและดำ
“ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้หนูมันจะเปลี่ยนรสนิยมจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้ กูอยากตาย”
หฤทัยตัดดอกไม้ในสวน มีกระดาษพับเป็นเครื่องบินร่อนจากนอกรั้วมาตกตรงหน้า หฤทัยเก็บมาคลี่ดู
“สินธร”
ในห้องนอนหฤทัย...บุหลันอ่านจดหมาย
“ไปพบที่โรงนาท้ายสวนคืนนี้...ปกติท่านสินธรทำงานคนเดียว ไม่เคยให้ใครมาส่งข่าวแบบนี้”
หฤทัยตกใจ
“หรือว่าสินธรจะเป็นอะไร”
“ดิฉันว่าไม่น่าใช่”
“เอาไว้คืนนี้ก็คงรู้ว่าเรื่องอะไร”
“ดิฉันว่ามันแปลกๆ อย่าไปเลยค่ะคุณหฤทัย”
“แต่สินธรคงต้องการพบฉันถึงได้เจาะจงมา ไม่ต้องห่วงหรอกคุณบุหลัน ฉันจะระวังตัว”
หฤทัยหันไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบชุดมาเตรียมพร้อมผ้าพันคอไว้คลุมผม บุหลันมองนิ่งๆ
ค่ำนั้น บุหลันแต่งตัวด้วยชุดของหฤทัยและโพกผ้า เดินเข้ามาในโรงนา มองหาสินธร มินตราเดินมาข้างหลัง
“มาแล้วเหรอคะคุณหฤทัย”
บุหลันยืนนิ่งค่อยหันมาแล้วเปิดหน้าออก
“นึกแล้วว่าคุณต้องใช้แผนนี้”
“บุหลัน” มินตราตกใจ
“ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าจะมีคนที่เนรคุณยอมทรยศหักหลังผู้มีพระคุณ และยังทะเยอทะยาน
อาจเอื้อมหวังในสิ่งที่สูงเกินตัวอย่างคุณ”
“ใครกันแน่ที่ทรยศ เธอต่างหากที่เข้ามาเป็นสายให้กบฏ”
“ไหนล่ะหลักฐาน”
“ก็การที่เธอออกมาพบกับสินธรตามจดหมายที่นัดนี่ไง”
“แล้วสินธรอยู่ที่ไหนล่ะคะ มันเป็นแผนของคุณที่จะล่อคุณหฤทัยออกมาทำร้ายต่างหาก คิดดูนะว่าถ้าท่านวิฑูรรู้ว่าคุณคิดร้ายต่อลูกสาวท่าน จะเกิดอะไรขึ้น”
“นี่แก...” มินตราอึ้ง
“งูพิษอย่างคุณ ถ้าไม่รีดพิษออกซะบ้าง ก็มีแต่จะลอบกัดลอบทำร้ายคนอื่นอยู่ร่ำไป”
“ไม่มีใครเชื่อเมียกบฏอย่างแกหรอก”
“เดี๋ยวก็รู้”
บุหลันจะเดินออก มินตรากลัวเรื่องแตก หันไปเห็นคราดวางอยู่ เลยหยิบมาฟาดที่หลัง บุหลันล้มลง มินตราจะฟาดซ้ำ บุหลันเจ็บแต่พลิกตัวหลบทัน
“จะทำอะไรน่ะ”
“ถามได้ แกคิดว่างูพิษอย่างฉันจะยอมให้แกรีดพิษง่ายๆอย่างนั้นเหรอ”
มินตราไล่ฟาด บุหลันตะเกียกตะกายหนี
“รู้ไว้ซะด้วยว่าฉันเป็นชายาของเจ้าชายมาคีแล้ว และฉันนี่แหละที่จะได้เป็นราชินีของรายาองค์ต่อไป”
“ไม่มีทาง เธอมันบ้าไปแล้ว”
มินตราฟาดถูกบุหลันล้มลง ฟาดอีกครั้ง บุหลันหมดแรงหนี มินตราขึ้นคร่อมเอาคราดกดคอไว้บุหลันตาเหลือก
“ใช่ ฉันมันบ้า...และฉันจะไม่หยุดบ้าจนกว่าฉันจะได้สิ่งที่ฉันต้องการ เทวดาหน้าไหนก็ขวางฉันไม่ได้ ได้ยินมั้ยๆ ได้ยินมั้ยๆ”
บุหลันสิ้นใจ มินตราหอบหายใจ ทิ้งคราด แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นถอยไป
“แกทำตัวเองนะบุหลัน”
มินตราวิ่งออกไป
หฤทัยนอนอยู่บนเตียงค่อยๆ รู้สึกตัว ตกใจลุกขึ้นเห็นแสงแดดสาดเข้ามา
“แย่แล้ว นี่เราหลับไปได้ยังไงกัน”
หฤทัยนึกถึงเมื่อคืนก่อนที่เธอจะหลับไป...หฤทัยแต่งตัวเสร็จ เอาผ้าพันคอคลุมผมเรียบร้อย บุหลันถือแก้วน้ำสมุนไพรเข้ามา
“จะไปแล้วเหรอคะ”
“ค่ะฉันจะรีบกลับ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ถามหาฉัน คุณบอกว่าฉันไปสวดมนต์ที่วิหารนะคะ”
“ได้ค่ะ ดื่มน้ำสมุนไพรก่อนสิคะ ฉันเห็นคุณไอเมื่อเย็น ถ้าคุณไม่สบายองค์ราชินีอาจไม่ให้คุณเข้าไปถวายงานองค์ราชาก็ได้”
“จริงด้วย คุณบุหลันนี่รอบคอบจริง ขอบคุณค่ะ”
หฤทัยหยิบแก้วน้ำสมุนไพรดื่ม จนหมด บุหลันมองพอใจ
หฤทัยนึกได้ รีบลุกขึ้นโมโห
“ฝีมือคุณบุหลันแน่ๆ”
หฤทัยเดินมองหาบุหลัน เทวีเดินบ่นออกมาจากด้านใน
“อย่าให้เจอตัวนะชักขี้เกียจใหญ่แล้ว อาหารเช้าก็ไม่เตรียมไว้ให้”
“มีอะไรคะคุณแม่”
“นังบุหลันน่ะสิ ไม่รู้หายหัวไปไหน ดูสิแม่ต้องเข้าครัวกำกับนังพวกคนใช้เอง เหนื่อยแต่เช้า ดีนะที่ท่านพ่อรีบออกไปกับสุเทษ ไม่งั้นทำอาหารไม่ทันแน่”
“ท่านพ่อรีบไปไหนคะ”
“เห็นว่ามีคนตายที่โรงนาร้างท้ายสวน แกช่วยดูตั้งโต๊ะด้วยนะแม่จะไปอาบน้ำก่อน”
เทวีเดินออกไป หฤทัยยังยืนตะลึง
หฤทัยวิ่งบ้างเดินบ้างมาทางโรงนา เห็นทหาร นางกำนัลมุงดูซุบซิบกัน หฤทัยแหวกคนเข้าไปดู เห็นนายพลวิฑูรยืนสั่งการอยู่กับสุเทษ นายพลวิฑูรหันมาแปลกใจ
“มาทำไม”
“ใครตายคะคุณพ่อ”
นายพลวิฑูรนิ่งยังไม่ทันตอบ ทหารยกเปลใส่ศพบุหลันออกมา หฤทัยตะลึง
“คุณบุหลัน”
หฤทัยขาอ่อนจะเป็นลม นายพลวิฑูรประคอง
“ทำไม คุณบุหลันตายได้ยังไง”
“พ่อก็ไม่รู้ ทหารยามมาเจอตอนเช้าก็เป็นศพแล้ว”
นายพลวิฑูรสั่งสุเทษ
“เอาศพไปก่อน แล้วจัดการสืบหาให้รู้ตัวคนร้าย ให้เร็วที่สุด บางทีอาจไม่ใช่การฆ่ากันธรรมดา”
นายพลวิฑูรมองสุเทษอย่างรู้กัน
“ครับผม”
หฤทัยสั่นไปหมด สุเทษเดินออกไป
“เมื่อคืนบุหลันไม่ได้อยู่กับลูกเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วบุหลันออกมาทำอะไรที่โรงนานี่ มันอยู่ห่างจากบ้านเรามาก หรือบุหลันจะเป็นสายให้พวกกบฏอย่างมินตราบอก”
หฤทัยเครียด ตกใจ คิดอะไรไม่ออก
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 16 (ต่อ)
ห้องรับรองบ้านมัทนา...ท่านหญิงมาณวิกาเดินออกมา อนงค์กำลังเอาดอกไม้มาเปลี่ยน
“คุณมัทล่ะ”
“อยู่กับช่างที่ห้องรับรองค่ะ”
“ช่าง...”
มัทนาเดินออกมากับช่าง
“ช่วยจัดการให้เร็วที่สุดเลยนะคะ ฉันอยากให้เรียบร้อยภายในอาทิตย์นี้”
“ได้ครับ ผมลาล่ะครับ”
ช่างเดินมาพบท่านหญิงมาณวิกา จึงไหว้ลาแล้วเดินออกไป
“ลูกให้ช่างมาทำอะไรจ้ะ”
“ลูกจะจัดห้องพักให้คามินค่ะ เขาควรจะอยู่ข้างล่าง แล้วก็ต้องเป็นห้องที่ออกแบบเฉพาะสำหรับคนตาบอดด้วย”
“คุณคามินเขาบอกเหรอลูกว่าเขาจะอยู่ที่นี่”
“เปล่าค่ะ แต่มัทปล่อยให้เขากลับรายาในสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถึงต้องล่ามโซ่เอาไว้มัทก็จะทำ”
“แต่คามินไม่ใช่คนที่ลูกจะทำอะไรแบบนั้นกับเขา”
“มัททราบค่ะว่าเขาดื้อขนาดไหน แต่รับรองว่ามัทเอาอยู่”
“แม่ไม่ได้หมายความถึงนิสัย แม่หมายความถึงสถานะของเขา เขาไม่ใช่คนธรรมดา”
“แล้วเขาเป็นอะไรคะ”
คามินถือไม้เท้าเข้ามา
“คุณมัทครับ คุณมัทอยู่ตรงนี้หรือเปล่า”
มัทนารีบวิ่งไปหา
“อยู่นี่ค่ะคามิน คุณอยากได้อะไรคะ ฉันบอกให้กดกริ่งเรียกอนงค์ไง ไปค่ะ...ไปนั่งตรงห้องอาหารก่อนดีกว่า ฉันมีขนมไทยอร่อยๆ ให้ทาน”
มัทนาจูงคามินไป ท่านหญิงมาณวิกามองกลุ้มใจ
มัทนาจูงคามินมา
“เดี๋ยวครับ ผมยังไม่อยากทานอะไร แต่ผมมีเรื่องอยากขอร้อง”
“อะไรคะ”
มัทนาดีดเปียโนแล้วร้องเพลงหลับฝันดี คามินนั่งฟังข้างๆ เผลอมองหน้าจนมัทนารู้สึก เลยหยุดเล่นหันไปสบตา คามินรีบเมิน
“ทำไมหยุดเล่นล่ะครับ”
“ก็ฉันรู้สึกเหมือนคุณกำลังจ้องหน้าฉันอยู่”
“ผมพยายามนึกถึงหน้าคุณตอนที่คุณกำลังเล่นเปียโน คุณคงสวยมาก”
“แค่นี้เหรอคะเรื่องที่อยากให้ฉันทำ”
“ใช่ครับ ผมอยากจะจำเสียงเพลงของคุณเอาไว้”
“ถ้าคุณชอบฉันเล่นให้คุณฟังทุกวัน ทั้งวันก็ได้”
“ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น”
“ไม่จริง เรากำหนดได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
“มัทนา”
“ฉันรู้ว่าคุณจะพูดอะไร แต่ฉันไม่ฟัง...”
มัทนาลุกขึ้น คามินจับมือไว้ แล้วก้มลงจูบมือมัทนา
“ผมขอโทษ อย่าโกรธเลยนะ”
มัทนาใจอ่อนนั่งลง
“ต่อไปอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆ”
“ครับผม เล่นต่อเถอะ...”
มัทนาเล่นดนตรีต่อ คามินแอบถอนใจ
ค่ำนั้น มัทนาพาคามินมานอน แล้วห่มผ้าให้
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
มัทนาก้มมาพูดกับคามินแบบไม่มีเสียง
“ฉันรักคุณ”
คามินอึ้งไป เพราะเห็นชัดเจน แต่มัทนาไม่รู้เดินออกไป คามินลุกขึ้นมองตามถอนใจ
“ผมก็รักคุณมัทนา แต่ชีวิตนี้ผมให้กับแผ่นดินรายาไปหมดสิ้นแล้ว”
คามินลุกขึ้นล็อคประตู ถอดเสื้อ แล้วเริ่มฝึกกล้ามเนื้อวิดพื้น
ในห้องบรรทมเช้าวันใหม่ ราชาอินทรายกแขนได้ หฤทัยดีใจมาก ประคองลุกขึ้น
มัทนาพาคามินเดินเล่นในสวนหน้าบ้าน โทรศัพท์มือถือเข้า มัทนาเลยเดินออกไปรับโทรศัพท์ คามินมองตามแล้วเดินไปที่ต้นไม้ เงยหน้ามองกิ่งไม้ก่อนจะโดดขึ้นโหนตัวขึ้นลงแทนบาร์ พอมัทนาเดินมาก็รีบโดดลง ทำไม่รู้ไม่ชี้
หฤทัยประคองราชาอินทราเดินไปรอบๆ เตียง แล้วลองปล่อย ราชาอินทราเริ่มก้าวเดินได้ ทั้งคู่ยิ้มให้กัน
พระนางสาวิตรีนั่งเครียดอยู่ในตำหนักนึกถึงสิ่งที่ได้คุยกับนายพลวิฑูรก่อนหน้านี้...นายพลวิฑูรพูดซ่อนน้ำเสียงไม่พอใจ
“ผ่านไปตั้งหลายวันแล้วทำไมองค์ราชายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ไม่ทรงต้องการสถาปนาเจ้าชายให้ขึ้นครองราชย์เหรอพะย่ะค่ะ”
พระนางสาวิตรีมองนายพลวิฑูรหนักใจ
“อยากสิ...สิ้นเสด็จพี่ มาคีได้ขึ้นครองราชย์ น้องจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงอย่างนี้ แต่มันยังไม่มีจังหวะ”
นายพลวิฑูรมองพระนางสาวิตรีอย่างหงุดหงิด
“งั้นเกล้ากระหม่อมจะหาคนลงมือ”
พระนางสาวิตรีมองนายพลวิฑูรอย่างหนักใจ
“พระเกียรติของเจ้าพี่สูงส่งเกินกว่าจะสิ้นพระชนม์ด้วยมือสามัญชน...น้องจะลงมือเอง”
นายพลวิฑูรยิ้มพอใจ
“พะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีถอนหายใจอย่างหนักใจ มินตราเดินเข้ามาทำความเคารพสวยงาม
“มีแขกเมืองมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”
พระนางสาวิตรีแปลกใจ
“แขกเมือง...ใคร”
อสิตถือกล่องของขวัญแล้วทำความเคารพ
“ถวายบังคมพะยะค่ะ...เนื่องจากเกล้ากระหม่อมมาเจรจาธุรกิจที่รายาเลยถือวโรกาสศุภวาระดิถีอันเป็นมงคลฤกษ์เอาของกำนัลมาถวายพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีมองอสิตอย่างดูถูก
“ถ้าไม่ถนัด ก็ใช้คำพูดธรรมดาเถอะ”
“ขอบพระทัย...ของกำนัลพะยะค่ะ”
“ขอบใจ”
พระนางสาวิตรีชะงักเมื่อเห็นแหวนพลอยดำที่นิ้วอสิต
“พลอยดำ...พลอยประจำชาติที่มีในรายาเพียงแห่งเดียว”
“ถูกต้องพะยะค่ะ ท่านวิฑูรเอามาขายหลายสิบเม็ดเลย แพงด้วย แต่เกล้ากระหม่อมก็ซื้อไว้หมดเลยนะพะยะค่ะ อุดหนุนเพื่อนฝูง ถ้าพระองค์ทรงโปรด” อสิตถอดแหวน “เกล้ากระหม่อมถวายเลยพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีรับแหวนมามองครุ่นคิด
นายพลวิฑูรอยู่ในห้องทำงานที่บ้านมองกล่องของขวัญมากมายตรงหน้าแล้วหยิบกล่องกำมะหยี่กล่องหนึ่งมาเปิดเห็นเป็นพลอยที่เจียระไนแล้ว
“ขอบคุณมาก ที่จริงไม่ต้องมากพิธีก็ได้ เรามันคนกันเอง”
“ยิ่งคนกันเอง ยิ่งต้องให้ครับ นี่ก่อนมาที่นี่ผมก็แวะเอาของไปถวายองค์ราชินีมานะ ไม่รู้ทรงโปรดของกำนัลหรือเปล่า เพราะพระองค์ไม่ได้เปิดดู แต่ทรงโปรดแหวนพลอยดำมาก...ผมเลยถอดถวายไป”
นายพลวิฑูรนิ่งไป
“องค์ราชินีรับสั่งถามหรือเปล่าว่าเสี่ยได้พลอยดำมาได้ยังไง”
“ผมก็บอกตามตรงว่าซื้อมาจากท่าน”
นายพลวิฑูรหงุดหงิดทันที
“ผมบอกเสี่ยแล้วไงว่าเรื่องขุดพลอยเป็นความลับ”
“อ้าว...แต่องค์ราชินีเป็นพวกเดียวกับเราคงไม่เป็นไรมั้งครับ”
นายพลวิฑูรผลุนผลันออกไป อสิตร้องตาม
“ท่านนายพล...ท่านนายพลจะไปไหนครับ”
อสิตตามออกมาหน้าห้องเห็นยักษ์ยืนโทรศัพท์อยู่
“เสี่ยครับ ทางโรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้คุณหนูยังจำอดีตไม่ได้เหมือนเดิมครับ”
“เออ... ดีแล้ว ขืนจำได้เดี๋ยววุ่นวายขึ้นมาอีกบอกไอ้ดอนไอ้ดำให้เฝ้าไว้ให้ดีนะ เพราะตอนนี้ ลื้อต้องลี้ภัยอยู่ที่นี่ก่อน ไอ้พวกที่ถูกจับมันรู้จัก ลื้อคนเดียว สาวไม่ถึงอั๊วอยู่แล้ว”
“แล้ว เรื่องที่เราฆ่าไอ้คามินไม่ได้ เสี่ยบอกท่านนายพลไปหรือเปล่าครับ”
“ยังโว้ย ขืนท่านอารมณ์เสียเปลี่ยนใจไม่ให้สัมปทาน อั๊วขึ้นมาจะซวย รอให้ได้สัมปทานก่อนค่อยว่ากัน”
นายพลวิฑูรเดินมาตำหนักพระนางสาวิตรีอย่างร้อนใจสวนกับ รมต.กรมทรัพย์ที่เดินออกมา
รมต. ทำความเคารพอย่างไม่เต็มใจแล้วเดินออกไป นายพลวิฑูรรีบเดินเข้าไปหาพระนางสาวิตรี เห็นอ่านเอกสารการสำรวจที่ดินของนายพลวิฑูรอยู่ นายพลวิฑูรทำความเคารพ
“ทรงเรียกรัฐมนตรีกรมทรัพยากรเข้าเฝ้า ทรงมีพระประสงค์สิ่งใดพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีปิดเอกสาร
“ก็แค่อยากรู้เรื่องการสำรวจสายแร่ในรายา”
“เรื่องนั้น เกล้ากระหม่อมเป็นคนควบคุมดูแล มีอะไรก็รับสั่งเกล้ากระหม่อมได้”
“ถ้าอย่างงั้นพี่ก็คงรู้เรื่องการแอบทำเหมืองพลอยเถื่อนด้วยใช่มั้ย”
นายพลวิฑูรอึ้งไปนิดแต่ไม่สลด
“เกล้ากระหม่อมทำไปเพื่อผลประโยชน์ของรายานะพะยะค่ะ”
“ด้วยการทำเหมืองแร่ทั้งๆที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากองค์ราชาแล้วก็เอาพลอยดำที่เป็นทรัพย์ที่มีค่าของแผ่นดินไปขายให้คนต่างชาตินี่น่ะเหรอ”
“ชาวรายาส่วนใหญ่ทำการเกษตรรายได้แค่พออยู่พอกิน ปีๆนึงเราเก็บภาษีได้น้อยมาก หากไม่ทำวิธีนี้ เราจะไม่มีเงินมาพัฒนารายาและที่สำคัญ ไม่มีเงินมาถวายให้พระองค์ กับเจ้าชายทรงใช้จ่ายกันอย่างสบายทุกวันนี้”
พระนางสาวิตรีสะเทือนใจเพราะมีส่วนจริงมาก
“เป็นเช่นนี้จริงเหรอ”
“จะทรงคิดมากไปทำไม ในเมื่อสมบัติในแผ่นดินรายาก็คือสมบัติของพระองค์ครึ่งนึง ทรงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเพื่อพระองค์จะได้ทรงครอบครองทุกอย่างเถิดพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีเครียด
เย็นนั้น มัทนาเดินหิ้วของพะรุงพะรังเข้าบ้านมา อนงค์หิ้วอีกเซ็ทตาม ทั้งของกินทั้งเสื้อผ้า
“คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่เหรอ”
“ท่านออกไปงานเลี้ยงเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ”
“อ๋อจ้ะ พวกของสดกับตำรากับข้าวเอาไปไว้ในครัวนะ เย็นนี้ฉันจะทำกับข้าวเอง”
“ฮ้า...คุณมัทจะเข้าครัวทำกับข้าว” อนงค์อึ้ง
“ไม่ต้องทำหน้าเหมือนผีหลอกอย่างงั้นหรอก ตอนอยู่ที่เกาะ ฉันก็ทำให้คุณคามินกินมาแล้ว”
“ค่ะ แล้วถุงเสื้อผ้านี่ล่ะคะ”
“ของคุณคามินเดี๋ยวฉันเอาขึ้นไปให้เอง”
มัทนาหิ้วถุงมาเคาะประตูห้องคามิน
“ฉันกลับมาแล้วค่ะ ซื้อเสื้อผ้ามาฝากคุณด้วย”
มัทนาเข้าไปในห้องไม่มีคามิน
“คุณคามิน”
มัทไปดูในห้องน้ำก็ไม่มี
มัทนาเดินผ่านห้องทำงานเห็นปิดไม่สนิทเอะใจ แง้มดู คามินกำลังเปิดไอแพดอ่านข่าวรายาอย่างร้อนใจ
“ทหารปิดเมืองตามล่าคามิน ราชองครักษ์ที่เป็นกบฏที่ลอบปลงพระชนม์องค์ราชา...องค์ราชาประชวรหนักเตรียมสถาปนาเจ้าชายมาคีขึ้นครองราชย์”
มัทนาอึ้งไป
คามินถือไม้เท้าเข้ามาในห้อง มัทนายืนกอดอกอยู่ คามินชะงักแต่ทำเป็นไม่เห็น
“ออกไปไหนมาคะ”
“อ้าว...คุณมัท อยู่ในห้องนี้เหรอครับ”
มัทนาแค้นมากที่เขาโกหก
“ค่ะ ฉันเอาชาร้อนมาให้คุณ”
คามินเหลือบมองแก้วชาที่วางอยู่โต๊ะหัวเตียง
“ขอบคุณครับ”
มัทนาต่อยเข้าหน้า คามินหลบอย่างรวดเร็วเช่นกัน มัทนาตามไปต่อยหลายหมัด
แต่ในที่สุดคามินจับไว้ แล้วทั้งคู่ล้มลงไปบนเตียง
“เดี๋ยวก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ตาคุณหายแล้วทำไมถึงไม่บอกฉัน”
คามินอึ้งรู้ตัวว่าพลาด ผละออก
“ที่แท้คุณก็ทดสอบ ประสาทสัมผัสผม”
คามินแกล้งทำเป็นตาบอดต่อ
“เห็นมั้ยว่าฝีมือผมขนาดไหน หมดห่วงผมหรือยัง”
มัทนาลุกขึ้นหยิบถ้วยชาสาดเข้าหน้า คามินตกใจหลบ แต่น้ำชายังโดนแขน คามินหันมองจับแขน แล้วแปลกใจที่น้ำเย็น
“ไม่ต้องตกใจหรอก มันไม่ใช่น้ำร้อน ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณจะโกหกฉันไปถึงแค่ไหน”
มัทนาเดินออกไป
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 16 (ต่อ)
มัทนาเดินลิ่วมาอย่างโกรธ คามินตามฉุดไว้
“คุณมัท...มัทนา...ฟังผมก่อน”
“คุณจะโกหกจะแต่งเรื่องอะไรหลอกฉันอีกคุณนี่น่าจะไปเป็นนักแสดงมากกว่าองครักษ์นะ”
คามินมองมัทนาอย่างหนักใจ
“ยังไงผมก็ต้องกลับรายา ผมกลัวว่าถ้าบอกคุณ คุณจะไม่ยอมให้ผมไป”
“นี่คุณคิดว่าฉันงี่เง่าขนาดนั้นเลยเหรอที่ ฉันไม่อยากให้คุณไปเพราะคุณตาบอด ฉันเป็นห่วงคุณ กลัวคุณจะบ้าบิ่นเอาชีวิตไป เสี่ยงอย่างเปล่าประโยชน์”
“ผมขอโทษ”
“ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าคุณรักรายายิ่งกว่าชีวิต ฉันเองก็อยากจะมีส่วนช่วยกู้ราชบัลลังก์คืนมา เพราะฉันก็มีส่วนที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ นี่ขึ้นมา”
คามินมองมัทนาอย่างรู้สึกผิด
“คุณมัท”
มัทนามองคามินเสียใจ
“แต่ถ้าในความคิดคุณ ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก ก็เชิญคุณทำอย่างที่คุณอยากทำ ฉันจะไม่ห้ามปรามอะไรคุณอีก”
มัทนากับคามินมองกันอย่างเสียใจ มัทนาเดินออกไป คามินกลุ้ม
ในวิหารปรารถนา...หฤทัยนั่งหน้าเทพเจ้าสวดมนต์ให้บุหลัน
“ขอให้ดวงวิญญาณของคุณบุหลันไปสู่สุคติด้วยเถอะ”
สายตาใครคนหนึ่งแอบมองหฤทัยจากมุมหนึ่ง มือคู่หนึ่งปิดประตูวิหาร หฤทัยได้ยินเสียงปิดประตูก็ชะงักเริ่มกลัวแล้วหันไปดู มองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกใจ
“สินธร”
หฤทัยพูดกับสินธรอย่างเป็นห่วง
“รูปกับหมายจับติดเต็มเมืองไปหมดทำไมถึงใจกล้ามาหาฉันกลางวันแสกๆ แบบนี้...หรือว่าเกิดเรื่องอะไร”
สินธรมองหฤทัยอย่างกังวล
“ผมเป็นห่วงคุณ”
หฤทัยมองสินธรงงๆ
“ผมรู้เรื่องคุณบุหลันหมดแล้ว อาจจะมีคนรู้ว่า คุณร่วมมือกับผมเลยจะหลอกคุณออกมาฆ่า
ถ้าคุณบุหลันไม่เอะใจ คนที่ตายคงเป็นคุณ”
“แต่ผลที่ได้มันก็คุ้มค่า เพราะตอนนี้องค์ราชาทรงแข็งแรงจนทรงเคลื่อนไหวพระวรกาย
ได้เกือบเหมือนเดิมแล้ว”
“ดี...ดีมาก คุณเก่งจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ควร ต้องรอต่อไปแล้ว”
ค่ำนั้น คามินแต่งตัวรัดกุมมองซ้ายมองขวาแล้วย่องออกมาหน้าบ้านเห็นมีตำรวจ 2 นายคุ้มกันอยู่หน้ารั้ว คามินวิ่งไปทางข้างบ้าน จัดแจงปีนรั้ว...ตำรวจคนที่ 3 ที่เตร่อยู่รอบตัวบ้านเห็น
“เฮ้ย ใครน่ะ หยุดอยู่ตรงนั้นอย่าขยับ”
คามินไม่ฟังกระโดดลงไปด้านนอก ตำรวจควักปืน แต่ไม่ทันยิง แล้วรีบควักว.ออกมาพูดว่า มีคนร้ายปีนออกไปนอกบ้าน
คามินกระโดดลงมา แล้ววิ่งหนีอ้อมไปทางถนนด้านหลัง ตำรวจวิ่งมาจากประตูบ้านมองหา
คามินวิ่งเข้ามากะจะข้ามถนน รถคันหนึ่งขับมาปาดหน้า คามินชะงักตกใจ มัทนากดกระจกด้านคนขับมองคามินอย่างหมั่นไส้
“ขึ้นรถ”
คามินมองมัทนางงๆ แล้วไม่ยอมขึ้น วิ่งหนีไปอีก มัทนาขับตาม
“ถ้าอยากกลับรายาก็ขึ้นรถมา...เร็วสิ”
“อะไรนะ”
“คุณจะได้เลิกคิดซะทีว่าฉันอยากขัดขวางการกู้ชาติของคุณ”
“แต่ผมไม่อยากให้คุณเป็นอันตราย เพราะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“แล้วคุณคิดว่าผู้ต้องหาคดีกบฏอย่างคุณจะออกไปจากเมืองไทยได้ง่ายๆ เหรอถ้าไม่มีใครช่วย อย่าหยิ่งไปหน่อยเลย อยู่รายาคุณใหญ่ แต่อยู่เมืองไทยฉันใหญ่ นอกจากคุณพ่อก็ไม่มีใครช่วยให้คุณกลับรายาได้เร็วสุดๆ เท่าฉันอีกแล้ว”
คามินตัดสินใจขึ้นรถ มัทนาขับออก ตำรวจวิ่งอ้อมตามมา แต่ไม่เห็นว่าคามินขึ้นรถไป
พระนางสาวิตรีเดินไปมาครุ่นคิดหน้าเครียด เสียงนายพลวิฑูรบอกให้ฆ่าราชาอินทราดังเข้ามาในหัว พระนางสาวิตรีสูดลมหายใจลึกอย่างตัดสินใจ
“เมื่อเราเป็นคนก่อ ทุกอย่างต้องจบเพราะเรา”
พระนางสาวิตรีเดินออกไปอย่างมุ่งมั่น
ทางเดินหน้าห้องเครื่อง...มินตราเดินมาเจอพระนางสาวิตรีเดินออกจากห้องเครื่อง มีนางกำนัลถือถาดเงินมีถ้วยซุปปิดฝาอยู่ มินตราถวายความเคารพ
“องค์ราชินี”
“ไม่เห็นหน้าซะหลายวันนะ ได้ข่าวว่าไม่ค่อยสบายเหรอ”
“เป็นหวัดนิดหน่อยเพคะ ตอนนี้หายดีแล้ว หม่อมฉันเลยรีบมาเฝ้า” มินตราหันไปถามนางกำนัล “จะเอาไปถวายองค์ราชาใช่มั้ย มานี่เราตามเสด็จเอง”
มินตราจะแย่งถาดถ้วยซุปไปถือ พระนางสาวิตรีเอื้อมไปหยิบมาถือเอง
“ไม่ต้อง เราไปเอง แล้วพวกเจ้าก็ไม่ต้องตามไปด้วย รออยู่แถวนี้แหละ เราจะเฝ้าเสด็จพี่ในห้องบรรทมถึงเช้า”
“เพคะ”
พระนางสาวิตรีเดินออกไป มินตราหันมาถามนางกำนัล
“องค์ราชาพระอาการทรุดลงเหรอ”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ดูองค์ราชินีทรงกังวลพระทัยมาก เมื่อกี้ตอนที่ทรงปรุงซุป ฉันสังเกตเห็นว่าพระหัตถ์สั่น แถมยังทรงไล่พวกวิเศษออกไปข้างนอกหมดเลย”
นางกำนัลพูดแล้วก็เดินออกไป มินตราคิดสงสัย
มินตราเดินเข้ามาในห้องเครื่องที่ไม่มีใคร มองๆ สำรวจนั่นนี่ เห็นไม่มีอะไรก็จะออกไปแล้วชะงักเพราะรู้สึกว่าเหยียบอะไรเข้า ปรากฏก้มลงเห็นซองยาพิษตกอยู่ มินตราหยิบขึ้นดู เห็นซองยังไม่ได้ฉีก
ราชาอินทรามองมือที่ขยับได้ช้าๆ ยิ้มดีใจแล้วค่อยๆ เกร็งตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
แล้วในที่สุดก็นั่งได้ ราชาอินทราค่อยๆ ยันตัวขึ้นยืนแล้วลองเดิน เดินได้แค่ก้าวเดียวขาก็อ่อนแรงล้มลง เสียงประตูถูกเปิดออกราชาอินทราหันไปมองอย่างตกใจ
เจ้าชายมาคีเดินเข้ามาที่เตียงเห็นว่าราชาอินทรานอนนิ่งท่าเดิมแต่หมอนไม่เข้าที่ เจ้าชายมาคีมองอย่างสงสาร แล้วจับหัวหมอนให้ตรงกับหัว ราชาอินทรามองเจ้าชายมาคีอึ้งๆไม่คิดว่าจะทำ เจ้าชายมาคีคุกเข่าข้างเตียงมองอย่างสงสาร
“ลูกขอประทานอภัย ลูกไม่คิดเลยว่าเสด็จแม่จะทำร้ายเสด็จพ่อเพื่อลูก”
ราชาอินทราเหลือบมองพระโอรสอยากบอกความจริง และปลอบใจ เจ้าชายมาคีเปลี่ยนอารมณ์
“แต่ลูกไม่เข้าใจ ทำไมเสด็จพ่อทรงรักคามินมากกว่าลูกแท้ๆ ถึงกับจะทรงมอบบัลลังก์ให้”
เจ้าชายมาคียิ่งพูดยิ่งน้อยใจ
“ตอนนี้ไม่มีคามินอีกแล้ว ยังไงเสียลูกก็คงต้องเป็นพระราชา ทั้งๆ ที่ลูกไม่เคยต้องการ แล้วเราก็ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานกันทุกคน นี่ใช่มั้ยคือสิ่งที่เสด็จพ่อต้องการ”
เจ้าชายมาคีก้มหน้าน้ำตาไหล ราชาอินทราจะเอื้อมมือไปจับ แต่เจ้าชายมาคีลุกพรวดพราดหันกลับเดินออกไป ราชาอินทราอึ้ง
“มาคี”
ราชาอินทราคิด ตัดสินใจลุกขึ้น
“ไม่ได้ เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้”
หฤทัยเข้ามา ราชาอินทราเซไปนิดๆ หฤทัยเข้าประคอง
“องค์ราชาทรงลุกขึ้นมาทำไมเพคะ ถ้าใครมาเห็นเข้า...”
“เราแข็งแรงดีแล้ว เราจะเรียกประชุมเพื่อ พิจารณาโทษนายพลวิฑูร”
สินธรเข้ามาในชุดหมอหลวง มีหน้ากากอนามัย
“ทรงทำเช่นนั้นไม่ได้พะยะค่ะ”
ราชาอินทราชะงัก
“หมอ”
สินธรเอาหน้ากากออก
“ตอนนี้นายพลวิฑูรแทบจะยึดครองฝ่ายในเอาไว้ได้หมด หากทรงเปิดเผยว่าทรงเป็นปกติแล้ว เขาต้องไม่ปล่อยพระองค์ไว้แน่”
“แล้วจะให้เราอยู่เฉยๆ รอดูความหายนะของรายาเหรอ”
“เกล้ากระหม่อมจะมาเชิญเสด็จพระองค์ไปประทับในที่ปลอดภัยเพื่อรอท่านคามิน”
ราชาอินทราตื่นเต้น
“คามิน”
ทหารยามนั่งพิงหลับ ในมือยังถือแก้ว มีน้ำส้มเหลือติดก้น พระนางสาวิตรีเข้ามาชะงัก
“นี่เจ้า...หลับยามได้ยังไง”
พระนางสาวิตรี นั่งลงวางถ้วยซุป หยิบแก้วดู หฤทัยกับสินธรรีบพาราชาอินทราเดินออกมา ประจันหน้ากับพระนางสาวิตรี ต่างคนต่างมองกันอย่างตกใจ
“เสด็จพี่ ทำไม”
พระนางสาวิตรีลุกขึ้นมองราชาอินทราหัวจรดเท้า
“ทำไมเราถึงลุกขึ้นมาเดินได้น่ะเหรอ” ราชาอินทราถามเรียบนิ่ง
หฤทัยบอกกับพระนางสาวิตรี
“หม่อมฉันเองเพคะที่เอายาถอนพิษให้เสวย ทรงปล่อยองค์ราชากับสินธรไปเถอะนะเพคะ หม่อมฉันขอร้อง แล้วจะทรงลงโทษหม่อมฉันยังไงก็ได้”
“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะกล้าทำการใหญ่หักหลังทั้งเราและพ่อเจ้า เราประเมินเจ้าต่ำไป”
สินธรชักปืนจ่อ
“เกล้ากระหม่อมขอประทานอภัย แต่เกล้ากระหม่อมจำเป็นต้องพาองค์ราชาเสด็จออกไปจากที่นี่ ขอทรงเปิดทางด้วย”
“ยิงสิ ยิงเลย เพราะเราตายทั้งเป็นมานานแล้ว”
ราชาอินทรามองพระนางสาวิตรีเจ็บปวด
“เรารู้ว่าความรักที่เรามีให้ปรารถนาทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมานแค่ไหน”
ราชาอินทราเดินมาหาพระนางสาวิตรีคุกเข่าลงไป พระนางสาวิตรีอึ้ง
“เราขอโทษ”
สินธรกับหฤทัยมองอย่างงงๆ
มินตราเอาซองยามาให้นายพลวิฑูรที่บ้าน
“ฉันไม่ทราบว่าเป็นยาอะไร ก็เลยรีบเอามาให้ท่านดู นางกำนัลบอกว่าองค์ราชินีมีทรงมีท่าทีพิรุธมาก”
นายพลวิฑูรบ่น
“สะเพร่าที่สุดของสำคัญแบบนี้ทำตกได้ยังไง ขอบใจนะมินตรา”
“ฉันอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณบุหลันกล่าวหา ไม่ว่าเกิดอะไรที่ไม่ปกติ ฉันจะมารายงานท่านทันที”
สุเทษมองแบบไม่เชื่อใจมินตรา นายพลวิฑูรยิ้มบางๆ
“ดีมาก เราเชื่อเจ้า ไปพักผ่อนเถอะ”
มินตราเดินออกไป สุเทษพูดขึ้น
“แต่ผมไม่เชื่อผู้หญิงคนนี้”
“แกคิดถูกแล้ว ผู้หญิงเชื่อไม่ได้แม้แต่คนเดียว...”
นายพลวิฑูรแกะซองดู
“รวมทั้งสาวิตรีด้วย แกเห็นมั้ยยาพิษยังเหลือเต็มซอง”
สุเทษชะงัก
“หมายความว่า...”
พระนางสาวิตรียังยืนอยู่ที่เดิม ราชาอินทราคุกเข่า
“คนๆนึงที่ไม่ว่าเขาจะทำให้เราเจ็บปวดมากแค่ไหนเราก็ฆ่าเขาไม่ลงคนๆนั้นก็คือ...” พระนางสาวิตรีมองราชาอินทรา “คนที่เรารัก”
ราชาอินทรามองอย่างรู้สึกผิด
“เรามาเพื่อทำในสิ่งที่พวกเจ้ากำลังทำ...”
พระนางสาวิตรีเข้าไปประคองราชาอินทราให้ลุกขึ้น
“หม่อมฉันจะพาเสด็จพี่ออกไปจากที่นี่เอง”
ราชาอินทรา สินธร หฤทัย มองอย่างแปลกใจ ราชาอินทราซึ้งในความรักของพระนางสาวิตรีที่มีต่อพระองค์
หน้าวังภายนอก มีรถตู้หรูจอดอยู่ ทหารที่เป็นคนขับวิ่งลงมาทำความเคารพพระนางสาวิตรี
สินธรในชุดหมอแบกร่างของราชาอินทราผูกห่อผ้ามิดชิด พระนางสาวิตรีบอกกับองครักษ์
“นางกำนัลคนนึงของเราตายกระทันหัน หมออยากรีบเอาศพไปพิสูจน์ เพราะอาจเป็นโรคติดต่อ รีบไปเร็ว”
พลขับถามขึ้น
“เอ่อ...ท่านสุเทษทราบรึยังพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีเสียงแข็ง
“ราชินีจะใช้รถสักคันต้องรอคำอนุญาตจากหัวหน้าราชองครักษ์มันเกินไปแล้วนะ ถ้าไม่อยากโดนประหารก็ รีบไปเดี๋ยวนี้”
พระนางสาวิตรีขึ้นไปกับหฤทัย สินธรเอาร่างราชาอินทราวางที่เบาะ พลขับปิดประตูวิ่งไปที่ที่นั่งคนขับ แต่สินธรอ้อมตามไปฟันสันมือใส่ก้านคอ พลขับร่วงไปสลบ สินธรกระโดดขึ้นรถขับออกไป
มัทนาขับรถมาในโรงจอดเครื่องบินเล็กจอดรถใกล้ๆ เครื่องบินแล้วลงจากรถ คามินลงตาม
“ลำนี้แหละมันจะพาคุณไปลงชายแดนประเทศที่ติดกับรายาแล้วคุณค่อยข้ามไป”
“ขอบคุณที่เข้าใจแล้วก็ช่วยผม...” คามินหันมอง “ไม่มีนักบินไม่เป็นไรผมขับได้”
“แต่คนที่พาคุณหนีไม่ได้แวะบ้านคุณเอาใบอนุญาตขับเครื่องบินของคุณมาด้วยขับไปเองก็โดนจับก่อนถึงรายา”
“งั้นคุณคงเตรียมนักบินไว้ให้ผมแล้ว”
“ฉันนี่ไงนักบิน”
“คุณจะไปรายาด้วยเหรอ”
“ฉันจะไปในฐานะนักบินที่มีใบอนุญาต...แต่ถ้าคุณไม่อนุญาตฉันกลับก็ได้นะ”
มัทนาจะเดินไป คามินจับตัวไว้อย่างหมั่นไส้
“เชิญขึ้นเครื่องครับคุณนักบิน”
มัทนายิ้มเยาะสะใจ
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 16 (ต่อ)
สินธรขับรถมามี หฤทัยนั่งข้างๆ พระนางสาวิตรีนั่งเบาะหลัง แก้ห่อผ้าให้ราชาอินทรา
“ปลอดภัยแล้วเพคะ”
ราชาอินทราเอาผ้าคลุมออกค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
“ขอบใจทุกคนมาก...โดยเฉพาะเจ้า”
“มันเป็นความดีเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับความผิดของหม่อมฉันทำกับเสด็จพี่”
“เรื่องที่แล้วก็แล้วกันไปอย่าคิดถึงมันอีกเลย...” ราชาอินทราหันไปถามสินธร “นี่เราจะไปไหนกัน”
“ชายแดนพะยะค่ะ เราต้องหาทางข้ามไป ประเทศไทยให้ได้”
หน้าวัง...พลขับนั่งมึน สุเทษตบหน้าซ้ำ
“ไอ้โง่ ถูกหลอกแค่นี้ก็เชื่อ”
สุเทษซ้อมด้วยความโมโห นายพลวิฑูรห้ามไว้
“พอแล้ว ที่ต้องทำตอนนี้คือสกัดรถคันนั้นให้ได้ ติดต่อไปทุกหน่วยว่าพวกกบฏลักพาองค์ราชาออกไปจากวัง ใครจับพวกมันได้เราจะให้รางวัลอย่างงาม”
“ครับ” สุเทษรับคำ
รีสอร์ตใกล้ชายแดน...โชคเพื่อนรุ่นพี่มัทนาเอากุญแจรถมาให้
“นี่กุญแจรถ นี่กุญแจบ้านพัก ทำไมมาดึกจัง”
“กะทันหันค่ะพี่โชค พอดีเพื่อนมาจากเมืองนอก แล้วต้องรีบกลับค่ะ”
คามินค้อมหัวยิ้มให้ โชคกระซิบ
“เพื่อนหรือแฟน”
มัทนาย่นจมูก
“คิดเอาเอง”
โชคแปลกใจ
“แต่พี่ได้ยินเขาลือกันว่ามัทจะอภิเษกกับเจ้าชายเมืองรายา”
“พี่ก็พูดอยู่แล้วว่าข่าวลือ”
คามินยิ้มเจื่อนๆ
“มัทไปนะคะ ง่วงแล้ว”
มัทนาขับรถมาที่บ้านพัก คามินถามอย่างสงสัย
“คุณมาที่นี่ทำไม”
“ถามได้ เราต้องมีรถ ไม่งั้นเราจะข้ามไปรายาได้ยังไง แล้วรีสอร์ตของพี่โชคนี่แหละที่อยู่ใกล้ชายแดนรายามากที่สุด”
“นี่คุณคงไม่ได้หลอกผมมาเที่ยวเล่นพักผ่อนใช่มั้ย”
“ท่านราชองครักษ์... เลิกสบประมาทฉันซะทีได้มั้ย”
“โอเคๆ ผมขอโทษ แล้วก็ขอบคุณมาก ที่จริงคุณส่งผมแค่นี้พอ ขอแค่แผนที่ผมไปต่อเอง”
“แล้วใครว่าฉันจะให้คุณไปคนเดียว”
“มัทนา...คุณไปไม่ได้”
“คุณก็รู้ว่าคุณห้ามฉันไม่ได้”
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกดื้อซะที” คามินจะบ้าตาย
“แล้วเมื่อไหร่คุณจะเลิกคิดว่าฉันเป็นเด็กดื้อซะที เชื่อสิว่าฉันช่วยคุณได้ เพราะฉันจะไม่ยอมให้
เราสองคนเป็นอันตราย เราต้องได้อยู่ด้วยกัน”
คามินอึ้งไป
“โอเค...ไปก็ไป”
มัทนายิ้มออก
“แต่ผมขอแวะเข้าห้องน้ำที่บ้านพักกันก่อนนะ”
มัทนายืนรอที่รถ
“นึกว่าฉันจะหลงกลคุณอีกเหรอ ไม่มีวันหลอกว่าเข้าห้องน้ำ แล้วก็จะขังฉันไว้ ขโมยรถหนีไปล่ะสิ”
มัทนายืนรอนานมาก
“ทำไมนานนัก หรือว่า แอบหนีไปแล้ว”
มัทนาวิ่งเข้าไปในบ้านพัก
“คามิน”
คามินแอบอยู่ข้างหลัง รวบตัวมัทอุ้มไป
“ปล่อยนะ นายจะทำอะไร”
คามินเอาเชือกที่เตรียมไว้มัดข้อมือมัทนากับเสา
“คนเจ้าเล่ห์ ฉันจะฆ่าคุณ”
“ผมยอมตายร้อยหนก็ไม่ยอมให้คุณไปเสี่ยง”
คามินถอยหลังไป
“คามิน ไม่นะ อย่าไป”
“ขอโทษอีกครั้ง”
คามินออกไป มัทนาโวยวาย
“คามิน คุณทำแบบนี้ไม่ได้ กลับมานะ ฉันขอร้อง”
มัทนาดิ้นรน...คามินขึ้นรถ หยิบไอโฟนจากเป้มัทนามาดูแผนที่หันไปมองที่บ้าน
“ลาก่อนมัทนา”
คามินสตาร์ทรถออกไป
ใกล้ชายแดน...สินธรขับรถมาจอดอย่างรวดเร็วแล้วลงจากรถ หฤทัยลงตาม ฐากูรออกมาจากที่ซ่อนพร้อมวายุและลูกน้องสามสี่คน ฐากูรร้อนใจ
“เป็นไงบ้างครับ”
สินธรยิ้มแทนคำตอบแล้วเปิดประตูรถตู้ พระนางสาวิตรีลงมา ฐากูรมองอย่างแปลกใจทำความเคารพ สินธรเข้ามาบอก
“องค์ราชินีทรงช่วยให้พวกเรารอดมาได้”
ราชาอินทราค่อยๆออกมาจากรถ สินธรกับหฤทัยรีบเข้าไปประคองให้ลง ฐากูร วายุและพวกทำความเคารพ สินธรหันมาหาราชาอินทรา
“ฐากูรหัวหน้าหมู่บ้านภูสายธารที่คอยช่วยเหลือเกล้ากระหม่อมกับท่านคามินพะยะค่ะ ฐากูรจะพาพวกเราข้ามชายแดน...จากนั้นเกล้ากระหม่อมจะติดต่อคุณธรรมรัตน์เพื่อขอความช่วยเหลือ”
พระนางสาวิตรีเห็นด้วย
“ดี เสด็จออกไปให้พ้นจากรายาก่อน เสด็จพี่จึงจะปลอดภัย รีบเสด็จเถอะเพคะ...หม่อมฉันทูลลา”
ทุกคนมองพระนางสาวิตรีแปลกใจ
“แต่ถ้าเจ้ากลับไป เจ้าจะเป็นอันตรายนะ” ราชาอินทราขัดขึ้น
พระนางสาวิตรีหันกลับมา
“พี่วิฑูรไม่ทำอะไรหม่อมฉันหรอกเพคะ แต่หม่อมฉันต้องกลับไปปกป้อง มาคี...ปกป้องผลประโยชน์ของรายาและราชบัลลังก์ เพื่อรอจนกว่าเสด็จพี่จะเสด็จกลับไป”
ราชาอินทราซึ้งในน้ำใจ
“ขอบใจ สาวิตรี ขอบใจมาก”
“หฤทัย ฝากถวายการดูแลองค์ราชาแทนเราด้วย”
“เพคะ”
“รีบเสด็จเถอะพะยะค่ะ” ฐากูรร้อนใจ
สินธรกับฐากูรพร้อมพวก ประคองราชาอินทราเดินไปได้ไม่กี่ก้าว แสงไฟจากรถของนายพลวิฑูรสาดเข้ามา มีรถบรรทุกทหารตามมาคันหนึ่ง เข้ามาจอดดักหน้า ดักหลัง นายพลวิฑูรกับสุเทษลงมา มีลูกน้อง อสิตมาด้วย ทั้งหมดถืออาวุธทันสมัย ครบมือ พระนางสาวิตรีตะลึง
“พี่วิฑูร”
“คิดจะเสด็จไปโดยไม่ร่ำลากันสักนิด ไม่พระทัยร้ายไปหน่อยเหรอ...”
หฤทัยวิ่งเข้ามา
“ท่านพ่อ ปล่อยองค์ราชากับพวกเขาไปเถอะค่ะ ลูกขอร้อง”
นายพลวิฑูรตบหฤทัยกระเด็น
“นังลูกทรยศ แกมันงูพิษแว้งกัดได้แม้แต่พ่อตัวเอง”
“แต่สิ่งที่ท่านพ่อทำมันผิด...ท่านพ่อกำลังทรยศต่อราชบัลลังก์และแผ่นดินรายา”
“ฉันกำลังทำให้รายาก้าวไปสู่ความเจริญต่างหาก จับพวกกบฏให้หมด”
พระนางสาวิตรีเข้าขวาง
“หยุดนะ...ห้ามแตะต้องตัวพวกเขา ในนามของผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเราขอสั่งให้พวกเจ้าถอนกำลังกลับไปให้หมด”
นายพลวิฑูรหัวเราะ
“ฮะๆ...ผู้สำเร็จราชการงั้นเหรอ ฝันไปละมั้ง น่าจะทรงทราบดีว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่เป็นผู้สำเร็จราชการตัวจริง”
“พี่วิฑูร นี่พี่คิดจะยึดอำนาจอย่างงั้นเหรอ” พระนางสาวิตรีอึ้งไป
“ทรงพระปรีชายิ่ง เพิ่งเห็นพูดจาฉลาดๆก็วันนี้ สาวิตรี” นายพลวิฑูรยิ้ม
ราชาอินทราโกรธมาก
“บังอาจ...คนบ้าอำนาจที่มีแต่ความโลภ ความเห็นแก่ตัวอย่างเจ้า ไม่คู่ควรแม้แต่จะเหยียบอยู่บนแผ่นดินนี้”
“ก็อยู่ที่ว่าแผ่นดินรายามันจะกลบหน้าใครก่อน”
นายพลวิฑูรพยักหน้า สุเทษกับทหารกรูเข้าไป พระนางสาวิตรีวิ่งเข้าขวาง
“หยุดนะ”
ทุกคนชะงัก สินธรรีบบอก
“หนีเร็วพะยะค่ะ”
สินธรประคองราชาอินทรา หฤทัยดึงมือพระนางสาวิตรีวิ่งไป ฐากูรกับลูกน้อง ชักปืนยิงคุ้มกัน นายพลวิฑูร สุเทษ ทหาร ยิงลูกน้องฐากูรตายเรียบ ยกเว้นวายุ ฐากูรมองตกใจวิ่งหนีไปกับวายุแต่ยังหันมายิงคุ้มกัน นายพลวิฑูรตะโกนลั่น
“ตามไปจับพวกมันมาให้ได้ ถ้าจับเป็นยากนักก็จับตายให้หมดทุกคน”
สุเทษกับทหาร รีบวิ่งตามไป นายพลวิฑูรเดินตามไปอย่างเลือดเย็น
บริเวณใกล้ลำธารตื้นๆค่อนข้างกว้างคั่นระหว่างสองฝั่งซึ่งถ้าข้ามไปก็เป็นอีกประเทศหนึ่ง สินธรประคองราชาอินทรามาตามทาง ราชาอินทราเข่าอ่อนทรุดลง หฤทัยกับพระนางสาวิตรี วิ่งตามมา ฐากูรตาม วายุวิ่งคุ้มกันมาเป็นคนสุดท้าย สินธรบอกกับราชาอินทรา
“อดทนหน่อยนะพะยะค่ะ”
ฐากูรรีบบอกอย่างร้อนใจ
“พาพระองค์ ข้ามไป ข้ากับวายุจะต้านไว้เอง”
สินธร พระนางสาวิตรี หฤทัย ราชาอินทรากำลังจะลุยน้ำ สุเทษกับทหารวิ่งมาถึง วายุพยายามยิงต้านแต่ ก็ถูกกระสุนที่หัวล้มลงสิ้นใจ ฐากูรตกใจ
“วายุ”
ฐากูรยิงต้าน แต่ถูกกระสุนจากสุเทษที่แขนล้มลงเหมือนกัน สินธรเห็นตกใจแค้นยิงสวนหมดแมก หยิบอาวุธลับซัดใส่ทหารสุเทษล้มไป สุเทษยิ้มเหี้ยม สินธรตั้งการ์ดขวางพระราชาเอาไว้ สุเทษยิงขาสินธรทรุดลง แล้วเตะเสย เหยียบสินธรไว้จะยิง หฤทัยรีบห้าม
“อย่านะสุเทษ...อย่ายิง”
ราชาอินทรายืดตัวขึ้น
“ถ้าอยากได้ชีวิตของเราก็มาเอาไปเลย แต่ขอให้ปล่อยสาวิตรีกับหฤทัยไป”
พระนางสาวิตรีขวางราชาอินทรา
“ไม่ ฆ่าน้องซะ แล้วปล่อยองค์ราชาไป”
นายพลวิฑูรเข้ามา
“ทรงสนิทเสน่หากันเยี่ยงนี้ เกล้ากระหม่อมคงต้องให้เสด็จไปด้วยกันแล้วล่ะ”
นายพลวิฑูรจะยิงพระนางสาวิตรี ราชาอินทราร้องห้าม
“อย่า”
ราชาอินทราวิ่งเข้ากอดถูกยิงเข้ากลางหลัง พระนางสาวิตรีตะลึง
“เสด็จพี่”
นายพลวิฑูรยิ้มเหี้ยมจะซ้ำพระนางสาวิตรีหฤทัยเข้าแย่งปืน สินธรก็กัดฟันเตะขาพับสุเทษล้มแล้วขึ้นคร่อมกลิ้งไปมาสู้กัน
“ปล่อย นังลูกทรพี”
นายพลวิฑูรตบหฤทัยร่วงลงไป แล้วหันกลับมาจะยิงพระนางสาวิตรี ทหารพยายามจะเล็งสินธรแต่ไม่ถนัดจะช่วยนายพลวิฑูรก็กลัวจะโดนหฤทัย ทันใดเสียงเครื่องยนต์และแตรรถดังสนั่นเข้ามาทั้งหมดหันไปเป็นคามินขับรถตะลุยมามือหนึ่งขับรถ มือหนึ่งถือปืน เล็งปืนยิงใส่นายพลวิฑูรกระสุนพุ่งเข้าหัวไหล่ด้านขวา นายพลวิฑูรผงะ สุเทษตกใจ
“ท่านนายพล”
สุเทษวิ่งไปประคองนายพลวิฑูร คามินยิงใส่พวกทหาร จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง หาที่กำบัง หฤทัยดีใจ
“พี่คามิน พี่คามินมาช่วยเราแล้ว รีบเสด็จเถอะเพคะ”
หฤทัยฉุด พระนางสาวิตรีขืนตัวไว้ หฤทัยชะงัก
“เราทิ้งมาคีไปไม่ได้ เจ้าไปเถอะ”
พระนางสาวิตรีสลัดมือ หฤทัยงง
“หฤทัย ขึ้นรถเร็ว” คามินเรียก
พระนางสาวิตรีหยิบปืนที่ตกอยู่ วิ่งไปจ่อหัวสุเทษที่ประคองนายพลวิฑูร
“สั่งให้ทหารหยุดยิงเดี๋ยวนี้”
สุเทษตะโกน
“หยุดยิง”
ฐากูรที่บาดเจ็บลุกขึ้นช่วยพาราชาอินทราขึ้นรถกับหฤทัย คามินตัดสินใจขับรถตะลุยข้ามกลับไป พระนางสาวิตรีมองอย่างอาลัยอาวรณ์ สุเทษแย่งปืนสาวิตรีแล้วเหวี่ยงไป
“คุมตัวองค์ราชินีไว้”
ทหารสองคนเข้ามาจับ พระนางสาวิตรีดิ้นรน
“ตาม มัน ไป...”
ขาดคำนายพลวิฑูรก็สลบไป สุเทษหน้าตื่น
“ท่านวิฑูร”
บ้านพักรีสอร์ท...โชคแก้เชือกให้มัทนาเสร็จ
“แฟนมัทนี่ล้อเล่นกันแรงนะ”
“ค่ะ แรงมาก...ปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องเอาคืน มัทขอยืมรถอีกคันนะคะ”
มัทนาเดินจะออก คามินพรวดเข้ามา
“คุณมัท”
มัทนาเข้าขยุ้มอกเสื้อ โกรธมาก
“คุณทำอย่างงี้กับฉันได้ยังไง หา ฉันจะฆ่าคุณ”
คามินจริงจัง
“มัทนา...คุณจะฆ่าผมก็ได้ แต่ตอนนี้ช่วยองค์ราชาก่อน ผมขอร้อง”
“องค์ราชา...” มัทนาชะงัก
บ้านวิฑูรวันใหม่...เจ้าชายมาคีเดินลิ่วมา สวนกับเทวีที่ถือถ้วยยาเดินออกไป
“เจ้าชาย” เทวีถอนสายบัว
“ท่านลุงเป็นไงบ้าง”
นายพลวิฑูรนอนเอนๆมีหมอนหนุนที่หลัง ใส่เสื้อหลวม แบะอกเห็นผ้าพันแผล อสิตอยู่ข้างๆ
“ไอ้คามินมันพาองค์ราชาหนีไปได้ ทีนี้จะยังไงกันต่อละครับ บัลลังก์ว่าง ไม่มีกษัตริย์ แล้วใครจะมาอนุมัติเรื่องสัมปทาน”
“บัลลังก์ไม่ว่างหรอก เพียงแต่ผมจะให้ใครขึ้นไปนั่งเท่านั้น เสี่ยไม่ต้องกลัวหรอก”
“แล้วทำไม ท่านถึงไม่นั่งซะเองละครับ เรื่องมันจะได้ง่าย ตอนนี้บุญ บารมีท่านนายพลกำลังเจิดจรัส รับรองไม่มีใครคัดค้าน”
นายพลวิฑูรชักเคลิ้ม เจ้าชายมาคีเข้ามา
“ท่านลุง เราไม่เข้าใจ ในวังมีองครักษ์เฝ้าแน่นหนา พวกกบฏมาลักพาตัวเสด็จพ่อไปได้ยังไง”
“ขอบคุณมากนะเสี่ยที่มาเยี่ยม เชิญเสี่ยออกไปก่อน”
อสิตทำความเคารพออกไป นายพลวิฑูรหันมาบอกเจ้าชาย
“ไอ้คามินหลอกให้หฤทัยร่วมมือด้วยกระหม่อมเลยคาดไม่ถึงว่าที่หฤทัยมาดูแลองค์ราชาก็เพื่อจะเปิดทางให้พวกมัน...ดีนะที่กระหม่อมเสี่ยงชีวิตชิงตัวองค์ราชินีคืนมาได้ไม่อย่างนั้นเราอาจจะต้องเสียไปทั้งสองพระองค์”
“พวกมันต้องการอะไร”
“อำนาจไงพะยะค่ะ ไอ้คามินเอาองค์ราชาไปเป็นตัวประกันเพื่อบังคับให้ฝ่าบาทมอบบัลลังก์ให้”
“มันพาเสด็จพ่อข้ามชายแดนไป ทำจดหมายแจ้งไปทุกประเทศว่าคามินเป็นผู้ร้ายข้ามแดนถ้าเจอตัวให้รีบจับตัวมันทันที”
“พะยะค่ะ...กระหม่อมจะตามล่าไอ้คามินแล้วเอา ศพมันมาถวายฝ่าบาทให้ได้พะยะค่ะ”
“ไม่ เราต้องการให้จับเป็น เราต้องการเห็นหน้าไอ้คนทรยศและลงโทษมันด้วยมือของเรา”
เจ้าชายมาคีเดินออกไป นายพลวิฑูรเบ้หน้า
“ไอ้ลูกแหง่ตาขาว...ฉันจะให้แกสั่งฉันได้อีกไม่นานหรอก”
หน้าห้องวีไอพีของโรงพยาบาลหรูมีบอดี้การ์ดยืนเฝ้าหน้าห้อง 4 คน อารักขาเข้มงวด คามินแปะพลาสเตอร์ที่แขนเพราะให้เลือดมา คามินเอนนอนหลับเพราะเพลีย เสียงประตูเปิด คามินสะดุ้ง เห็นสินธรนั่งรถเข็นบุรุษพยาบาลเข็นเข้ามา ในชุดคนไข้ ทำแผลที่ขาแล้ว
“สินธร เป็นไงบ้าง”
“กระสุนไม่ถูกเส้นเลือดใหญ่ ไม่เป็นไรครับแล้วท่าน...เห็นว่าถวายโลหิตให้องค์ราชา”
“แค่เลือดเรื่องเล็ก ชีวิตฉันถวายให้พระองค์ไปตั้งนานแล้ว”
“มหัศจรรย์จริงๆ ที่ท่านคามินมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับองค์ราชา”
เหมันต์เข้ามาหน้าเครียดมาก คามินหันไปถาม
“องค์ราชาทรงปลอดภัยแล้วใช่มั้ยครับ”
เหมันต์ฝืนยิ้ม
“ปลอดภัยแล้วครับ กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญเพียงแต่ยังทรงอ่อนแรงอยู่...ทรงต้องการจะพบคุณคามิน”
คามินยิ้มดีใจรีบไป สินธรทำท่าจะลุกขึ้น เหมันต์รีบถาม
“จะไปไหนครับ”
“ผมอยากขอไปเข้าเฝ้าองค์ราชาด้วย”
“อย่าเพิ่งเลยครับ องค์ราชาทรงมีเรื่องสำคัญต้องตรัสกับคุณคามิน”
สินธรงงๆ
จบตอนที่ 16