xs
xsm
sm
md
lg

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 11

ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล...มายูมิตรวจอาการอาคิโกะ แล้วจึงเอาที่ฟังหัวใจออก
 
“หัวใจเต้นปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ค่ำนี้ฉันจะให้ตรวจคลื่นหัวใจอีกครั้ง ถ้าไม่มีอะไร ได้พักผ่อนเต็มที่สักคืนนึงอาการเวียนศีรษะน่าจะดีขึ้น”
“ขอบคุณมากนะคะ ที่อนุญาตให้ฉันพักฟื้นที่นี่ ในห้องวีไอพีแบบนี้” อาคิโกะมองไปรอบๆ
“คุณอาคิโกะเคยมาช่วยงานการกุศลที่โรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ ถ้าจะปฏิเสธ ท่านผู้อำนวยการคงไม่สบายใจ”
“คุณอามาซาโตะกับอาโคจิก็พักฟื้นที่ชั้นนี้เหมือนกันใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ”
“ขอฉันเข้าไปดูอาการท่านหน่อยได้มั้ยคะ ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันก็ไม่ได้มาเยี่ยมท่านเลย”
อาคิโกะมองมายูมิด้วยแววตาเป็นมิตร

มายูมิเข็นรถเข็นพาอาคิโกะเข้ามาในห้องที่โคจิกับมาซาโตะ นอนหลับไม่ได้สติอยู่คนละเตียงข้างกัน
“ทำไมอาโคจิกับอามาซาโตะยังไม่ฟื้นคะ” อาคิโกะพยายามหาข้อมูล
“อาการสาหัสมาก ถึงหมอจะช่วยให้พ้นขีดอันตราย ก็ต้องรอให้คุณอาฟื้นขึ้นมาด้วยตัวเอง”
“แล้วถ้าไม่ฟื้น”
มายูมิมองอาคิโกะด้วยสายตาไม่ชอบใจ อาคิโกะรีบแก้ตัว
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่า มีทางเป็นไปได้รึเปล่า”
มายูมิไม่ตอบ หันเดินไปตรวจชีพจรมาซาโตะ อาคิโกะหันไปบอกให้พยาบาลเข็นไปที่เตียงโคจิ เธอมองโคจิอย่างต้องการจะรู้ว่าอาการเป็นยังไง เธอละสายตาจากโคจิ เผลอหันไปมองมายูมิด้วยความหมั่นไส้
โคจิค่อยๆ รู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมา สายตาพร่ามัวจนเริ่มมองเห็นภาพภายในห้องชัดเจนหันไปเห็นอาคิโกะกับมายูมิยืนอยู่ โคจิพยายามจะเปล่งเสียงเรียกแต่กลับไม่มีเสียง จึงขยับมือสั่นเทา ยื่นไปแตะแขน อาคิโกะสะดุ้ง สะบัดแขนด้วยความตกใจ ไม่ทันมองว่าอะไรเป็นเป็นอะไร
“ว๊าย”
“อาโคจิ”
มายูมิตื่นเต้นที่เห็นโคจิฟื้น รีบปรี่เข้าไปหาและตรวจอาการโคจิอย่างละเอียด โดยมีอาคิโกะมองอยู่ห่าง ๆ

บ่อนมิซาว่า...มาซารุสีหน้าเครียด เมื่อรู้เรื่องจากยูจิ
“โคจิฟื้นแล้ว”
ยูจิสบตามาซารุกังวล
“โคจิรู้ว่าเราเป็นพวกเดียวกับมิซาว่า มันต้องหาทางเอาคืนเราแน่”
“กลัวเหรอ” ทาคาโอะถามกวนๆ
“ฉันไม่อยากให้ใครมาขัดขวางแผนของท่านยามาโมโต้” ยูจิไม่พอใจ
“โคจิทำอะไรเราตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ” เคนพูดขัดขึ้น
“ทำไม” ยูจิหันไปถาม

มายูมิฟังอาจารย์ฮาร่าอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะเดินมาด้วยกัน
“สมองท่านโคจิได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้ระบบประสาทที่ควบคุมการพูดและการควบคุมแขนขามีปัญหา ยังขยับตัวไม่ได้”
“หมายความว่าอาโคจิจะยังพูดไม่ได้ จนกว่าร่างกายจะค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น” มายูมิฟังอย่างไม่สบายใจ

ยูจินิ่วหน้า ยังไม่สบายใจ
“แต่โคจิก็ยังมีโอกาสหายเป็นปกติ”
“แผนของเราใกล้จะสำเร็จแล้ว ต่อให้โคจิลุกขึ้นมาจับดาบได้โอะนิซึกะก็ไม่มีวันกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม”
มาซารุยิ้มร้าย มาดมั่น

บ้านโอะนิซึกะ...โคจินอนพักอยู่ในห้องรับรองที่ริวให้คนในบ้านจัดไว้ให้เป็นพิเศษ ไทชิ คัตสึ เซกิ ต่างมาเฝ้าโคจิด้วยความดีใจ
“การย้ายอาโคจิกลับมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยน่าจะทำให้อาการดีขึ้น น่าเสียดายที่อามาซาโตะอาการยังไม่ดีขึ้น เลยไม่ได้กลับมาพร้อมกัน” มายูมิอธิบายให้ทุกคนฟัง
“ท่านมาซาโตะเป็นคนดี วิญญาณบรรพบุรุษโอะนิซึกะจะต้องคุ้มครอง ให้ท่านมาซาโตะฟื้นขึ้นมาได้แน่ครับ” ไทชิบอกอ่างมั่นใจ
“จนป่านนี้ คดีลอบทำร้ายโซเรียวและสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะ ยังไม่คืบหน้าไม่รู้พวกตำรวจมัวทำอะไรอยู่” คัตสึหงุดหงิด
โคจิที่พูดไม่ได้ นิ่งฟังอยู่ คิดถึงเหตุการณ์ที่ถูกยูจิยิง และยกเท้าขึ้นมาบดขยี้บาดแผลอย่างเลือดเย็น ก่อนเล็งปืนมาร่างโคจิเพื่อจะยิงซ้ำ
“ปิดตำนานสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะ”

เสียงปืนดังขึ้นในความคิด ร่างโคจิสะดุ้งเฮือก จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไม่มีวันลืม ทุกคนเห็นอาการโคจิ ริวรีบถามด้วยความเป็นห่วง
 
“เป็นอะไรครับ”
โคจิสบตาริว พยายามเปล่งเสียงบอกริวเรื่องยูจิเป็นพวกเดียวกับมิซาว่า แต่มีเพียงเสียงอึกอักผ่านลำคอออกมาเท่านั้น
“อาโคจิจะพูดอะไร”
โคจิพยายามจะพูดอีกครั้งแต่ก็ทำไม่ได้ จนเริ่มท้อ
“ถ้าร่างกายแข็งแรงขึ้น ระบบประสาทที่ควบคุมการพูดของอาโคจิจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นจนพูดได้เหมือนเดิม ไม่ต้องกังวลนะคะ” มายูมิให้กำลังใจ
โคจิพยักหน้ารับรู้ แต่สีหน้ายังคงเคร่งเครียด กับอาการของตัวเอง ริวก้มศีรษะขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ผมขอโทษ ที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ผมปล่อยให้อาคาซูมะตาย ปล่อยให้มิซาว่าเข้ามาแย่งพื้นที่ทางธุรกิจของโอะนิซึกะ ผมเป็นโอะนิซึกะโซเรียวที่แย่ที่สุด”
มือโคจิพยายามยื่นมากุมมือริวแม้จะยากเย็น บีบแน่นอย่างให้กำลังใจ ริวเงยหน้าสบตาโคจิ รับรู้ได้ถึงกำลังใจนั้น
“เราจะลุกขึ้นมากอบกู้โอะนิซึกะให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมนะครับ”
“โอะนิซึกะทุกคนพร้อมจะเป็นกำลังให้โซเรียวค่ะ” มายูมิยิ้มให้
เซกิ คัตสึ ไทชิ สีหน้ามุ่งมั่น จริงจัง ริวยิ้มขอบคุณทุกคนก่อนหันไปสบตาโคจิอีกครั้ง สายตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความหนักแน่น มีความหวัง ให้กำลังใจกันและกัน

มายูมิเปิดล็อกตู้ไม้เก่าแก่ด้านหลังโต๊ะทำงานริว แล้วยกหีบไม้โบราณกว้างราวฟุตครึ่งออกมาวางบนโต๊ะให้ริว
“คุณให้ฉันเอาหีบไม้ออกมาทำไมคะ”
ริวเอากุญแจไขหีบไม้ก่อนเปิดออก เผยให้เห็นเอกสารปึกใหญ่ตั้งสูงอยู่ภายใน
“หีบโบราณใบนี้เป็นสมบัติตกทอดมาจากโอะนิซึกะโซเรียวรุ่นก่อน ๆ เอาไว้เก็บโฉนดที่ดินและเอกสารสำคัญของตระกูล”
“เป็นหีบเก่าแก่ที่งดงามและมีค่ามากนะคะ”
“ผมต้องการให้คุณรู้ที่เก็บเอกสารสำคัญ เผื่อวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นกับผม”
มายูมิแทรกขึ้นทันที
“จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ ชีวิตของฉันเป็นของคุณและโอะนิซึกะ ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นแน่นอนค่ะ”
มายูมิย่อตัวลงไปสวมกอดริวที่นั่งอยู่อย่างอบอุ่น ริวโอบกอดมายูมิ รู้สึกอุ่นใจที่มีเธออยู่ข้างๆเสมอ

ค่ำคืนนั้น พยาบาลเดินเข็นรถพาอาคิโกะ มาตามทางเดินที่ไม่ค่อยมีผู้คนแล้ว
“ผลการตรวจคลื่นหัวใจคุณอาคิโกะปกตินะคะ คุณหมอมายูมิสั่งยาบำรุงไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
“ฉันอยากทานผลไม้ ไปซื้อที่ร้านหน้าโรงพยาบาลให้หน่อย”
พยาบาลชะงักมองอาคิโกะด้วยสายตาแปลกใจ ที่จู่ๆ มาสั่งราวกับเป็นคนรับใช้
“ฉันเป็นคนไข้วีไอพีของผู้อำนวยการ เธอน่าจะรู้ว่าควรจะดูแลฉันยังไง”
“เดี๋ยวกลับที่ที่ห้อง ฉันจะสั่งแม่บ้านให้นะคะ”
“แต่ฉันต้องการเดี๋ยวนี้”
พยาบาลไม่ค่อยพอใจ
“รอฉันตรงนี้สักครู่นะคะ”
พยาบาลเข็นรถอาคิโกะมาหยุดตรงมุมหนึ่งที่มีเก้าอี้วางเรียงรายกันอยู่แล้วเดินแยกไป อาคิโกะมองตามด้วยความสะใจที่วางอำนาจได้ ยูจิเดินออกมาจากอีกมุมหนึ่ง เข็นรถอาคิโกะตรงไปอีกทางหนึ่งทันที อาคิโกะหันมามองหน้าเห็นเป็นยูจิแล้วตกใจมาก

ยูจิเข็นอาคิโกะเข้ามาในห้องเก็บอุปกรณ์ แล้วหันไปปิดประตูไม่ให้ใครเห็น อาคิโกะรีบจะลุกขึ้นมาจากรถเข็น แต่ยูจิเร็วกว่าผลักเธอลงไปนั่งอย่างเดิม
“มาทำไม”
“ที่สั่งให้คุณมาที่นี่ คงไม่ใช่แค่ให้มานอนพักเฉยๆหรอก”
“ฉันก็แจ้งอาการอาโคจิคุณไปแล้วไง”
“แค่นั้นยังไม่พอ ผมมีงานอื่นให้คุณทำ”
ยูจิก้าวมายืนประจันหน้า อาคิโกะมองด้วยความสงสัย

มายูมิเดินออกมาจากห้องผ่าตัดก่อนหันไปกำชับพยาบาลที่เดินตามมาด้วย
“ย้ายผู้ป่วยผ่าตัดไส้ติ่งไปดูแลที่ห้องพักฟื้น ถ้ารู้สึกตัวแล้วให้ขยับและพลิกตะแคงเปลี่ยนท่านอนทุก 1-2 ชั่วโมง จะทำให้ระบบทางเดินอาหารเคลื่อนไหวหลังจากดมยาสลบ ป้องกันไม่ให้ท้องอืด”
“ค่ะคุณหมอ”
มายูมิกำลังจะเดินผละไป นึกขึ้นได้
“คุณอาคิโกะอาการเป็นยังไงบ้าง”

“น่าจะดีขึ้นแล้วนะคะ เมื่อเช้าไม่เห็นบ่นว่าเวียนศีรษะแล้ว”

อาคิโกะก้าวเข้าไปในห้องที่ฮารุนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ร่างกายฮารุเต็มไปด้วยผ้าพันแผลที่เกิดจากบาดแผลไฟไหม้ ระโยงรยางค์ไปด้วยสายน้ำเกลือและอุปกรณ์ตรวจวัดชีพจร
เธอนึกถึงสิ่งที่ยูจิบอก ขณะที่อยู่ด้วยกันในห้องเก็บอุปกรณ์โรงพยาบาล ยูจิยกซองใสสำหรับใส่เข็มฉีดยาหลอดหนึ่ง ซึ่งมีน้ำยาสีเหลืองใสด้านในเข็มฉีดยาให้ดู
“ฉีดยาตัวนี้ให้ฮารุ มิอุระ”
อาคิโกะตกใจ รีบหาข้ออ้างเพื่อปฏิเสธ
“มีตำรวจคุ้มกันแน่นหนา ฉันเข้าไปหาฮารุไม่ได้”
“ฉันจะให้ลูกน้องเปิดทางให้เธอเอง”
อาคิโกะปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยินยอม
“ฉันจะไม่ช่วยคุณฆ่าใครเด็ดขาด”
ยูจิกระชากแขนอาคิโกะ ดึงตัวเธอเข้ามาหาด้วยความโกรธ
“ถ้าเธอไม่ทำ ฉันจะแฉความสัมพันธ์ระหว่างเราให้รู้กันทั่วทุกสื่ออนาคตในวงการบันเทิงของเธอจะดับวูบไอ้ริวก็จะไม่มองเธออีกต่อไป”
“สารเลว”
อาคิโกะเงื้อมืออีกข้างจะตบ แต่ถูกยูจิคว้าและล็อกไว้ได้

ปัจจุบัน...อาคิโกะเอาเข็มฉีดยาที่ซ่อนในกระเป๋าเสื้อออกมาอย่างลังเล แต่เพราะกลัวถูกยูจิเปิดเผยความลับ ตัดสินใจถือเข็มฉีดยาขยับเข้าไปใกล้ฮารุมากขึ้น ตัดสินใจยกเข็มฉีดยาฉีดเข้าไปทางสายน้ำเกลือของฮารุ
ด้านหน้า มายูมิเดินผ่านมาบริเวณหน้าห้องพักฟื้นของฮารุ ชะงักแปลกใจเมื่อไม่เห็นตำรวจยืนเฝ้าหน้าห้องฮารุเลยสักคน
“ตำรวจหายไปไหนหมด”
ในห้อง อาคิโกะกดฉีดยาเข้าไปทางสายน้ำเกลือจนหมด ไม่นานนักร่างฮารุก็เริ่มกระตุกตัวเกร็ง สัญญาณชีพจรดังขึ้น อาคิโกะตกใจกลัววิ่งหลบไปนอกระเบียง
มายูมิเปิดประตูเข้ามาปราดเข้าไปหาฮารุ รีบตรวจม่านตาจับชีพจร และอ่านค่าวัดชีพจรที่หัวเตียงของฮารุ
“รูม่านตาขยาย หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ แย่แล้ว”
มายูมิตกใจ รีบกดออดเรียกพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“ฉุกเฉินค่ะ คนป่วยมีอาการช็อก”
ร่างฮารุกระตุกเกร็งถี่ขึ้น อาคิโกะแอบหันมามองอย่างตื่นตกใจ มายูมิพยายามช่วยปฐมพยาบาลฮารุ ไม่นานนัก...พยาบาลสามคนก็วิ่งกรูเข้ามาในห้องพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต บรรยากาศวุ่นวายของการช่วยปฐมพยาบาลฮารุ อยู่ในสายตาอยากรู้ของอาคิโกะว่าฮารุจะรอดหรือไม่

ห้องพักแพทย์ อาจารย์ฮาร่ายื่นเอกสารผลตรวจเลือดของฮารุให้มายูมิดู
“ผลตรวจเลือดคนไข้ระบุว่า มีสาร Epinephrine (อีพิเนปพริน) ปะปนอยู่ในเลือด ทำให้หัวใจเต้นแรง ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดที่ผิวหนังและอวัยวะภายในบีบตัวจนเกิดอาการช็อก โชคดีเราไปช่วยไว้ได้ทัน”
“เป็นไปได้ยังไง”
“นั่นคือคำถามที่ผมต้องการคำตอบจากคุณ มีรายงานว่าคุณเป็นคนฉีดยาเข้าเส้นให้คนไข้เป็นคนสุดท้าย”
มายูมิมองอาจารย์ฮาร่าด้วยความไม่เข้าใจ
“ท่านมาซารุจะเอาผิดกับทางโรงพยาบาลที่ปล่อยให้พยานในคดีสำคัญตกอยู่ในอันตราย”
“ตำรวจที่เฝ้าหน้าห้องก็ละเลยหน้าที่เหมือนกัน” มายูมิโต้
“โอะนิซึกะมีคดีขัดแย้งกับมิอุระ คุณคือผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจกำลังจับตามอง”
“ฉันไม่ได้เป็นคนวางยาฮารุ”
“มติคณะกรรมการของโรงพยาบาลมีความเห็นว่าควรพักงานคุณชั่วคราว เพื่อกันตัวคุณให้ห่างจากคุณฮารุ เราจะได้ไม่ต้องมีปัญหากับตำรวจ หวังว่าคุณคงเข้าใจ”
มายูมิอึ้ง เครียด งุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก

นานะบ่นด้วยความเจ็บใจแทนมายูมิ
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอต้องโดนลงโทษแบบนี้ คอยดูนะ ฉันเอาเรื่องเข้าที่ประชุมสหภาพ คัดค้านการตัดสินใจของอาจารย์ฮาร่า”
“อย่าเลยนานะ ยังไงฉันก็ควรไป เพื่อรักษาอาชีพที่มีเกียรตินี้ไว้”
มายูมิเดินแยกไปสีหน้าเครียด ๆ นานะถอนใจ มองตามมายูมิด้วยความเป็นห่วง

มายูมเดินมาหยุดห้องพักแพทย์ จดข้อความลงในแฟ้ม กำลังจะปิดแฟ้มลง อาคิโกะใส่ชุดปกติ ถือตะกร้าเล็ก ๆ ใส่ผ้าเช็ดหน้าสีขาว ยื่นให้มายูมิ ยิ้มอย่างเป็นมิตร
“คุณอาคิโกะ อาการดีขึ้นแล้วเหรอคะ”
“ดีขึ้นมาก กำลังจะกลับแล้วค่ะ เอ้อ..ฉันรู้เรื่องทั้งหมดจากพยาบาลแล้ว เห็นใจคุณหมอจริงๆ ก็เลยเอาผ้าอุ่นแต้มกลิ่นสมุนไพรมาให้คุณซับหน้าค่ะ สมุนไพรหอม ๆ จะช่วยให้คลายเครียด”
มายูมิจ้องอาคิโกะอย่างไม่ค่อยเชื่อในความหวังดี อาคิโกะยังตีหน้าซื่อ คะยั้นคะยอ
“วันนี้คุณเจอเรื่องเครียดมาเยอะ เช็ดหน้าให้สดชื่นหน่อยสิ”
มายูมิมองผ้าเช็ดหน้าในตะกร้า ยังไม่ยอมรับไป
“ฉันไม่ใช่นางร้ายแอบซ่อนเข็มไว้ทิ่มมือนางเอกหรอกค่ะ”
อาคิโกะพูดติดตลก ขำ ๆ เนียนมาก มายูมิสองจิตสองใจ ก่อนยื่นมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าในตะกร้า มายูมิร้องสะดุ้ง ปล่อยผ้าเช็ดหน้าหล่นลงพื้น เข็มกลัดรูปผีเสื้ออันที่อาคิโกะเคยให้กลิ้งออกมาจากผ้าเช็ดหน้า มายูมิมองเข็มกลัดรูปผีเสื้อ จำได้ว่าเธอบอกอาคิโกะไปว่า
“ฉันขอคืนเข็มกลัดรูปผีเสื้อ เพราะฉันไม่คู่ควรที่จะได้รับ”
มายูมิมองนิ้วชี้ด้านขวาที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ก่อนหันขวับไปหาอาคิโกะอย่างไม่พอใจ
“ต้องการอะไรกันแน่”
อาคิโกะก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงเข็มกลัดรูปผีเสื้อที่ตกอยู่
“ผีเสื้อเป็นองครักษ์ของดอกไม้ที่สร้างความสวยงามให้ธรรมชาติ ผีเสื้อสวยบางตัววงจรชีวิตสั้น อยู่ได้ไม่นานก็ตาย”
“คุณพยายามเข้าใกล้ฉัน เพื่อหาทางแกล้งฉัน”
“สิ่งที่เธอได้รับจากริว จะไม่มีวันยั่งยืน”
“เรื่องของฉันกับริวจะเป็นยังไง มีแต่เราเท่านั้นที่รู้”
“เดิมพันครั้งนี้ด้วยหัวใจ ฉันจะทำทุกอย่างให้ริวเป็นผู้ชายของฉัน”

อาคิโกะประกาศสงครามกับมายูมิซึ่ง ๆ หน้า เผยตัวตนที่แท้จริง ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ยิ้มกริ่มมีเลศนัย มายูมิมองตามอาคิโกะ เครียดกว่าเดิม

นานะยืนคุยงานกับพยาบาลคนหนึ่งอยู่ก่อนพยาบาลแยกไป ไทชิเดินตามหามายูมิจนมาพบนานะ จึงเข้ามาถามอย่างสุภาพ
 
“เห็นคุณมายูมิมั้ยครับ”
“คงกำลังเครียดน่ะค่ะ”
“เครียด”
“ธรรมดาเวลาเครียด มายูมิชอบไปที่สวนสาธารณะหลังโรงพยาบาล คุณลองตามไปที่นั่นดูสิคะ”
ไทชิพยักหน้ารับคำ

มายูมิมองไปยังสระน้ำเบื้องหน้าภายในสวนสาธารณะอย่างเครียดและเป็นกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ กำลังจะเดินหันหลังกลับไป แต่แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด เธอเริ่มโอนเอนจะยืนไม่อยู่ แต่ก็ยังพยายามฝืนเดินกลับ แต่พอเดินไปได้สามสี่ก้าวก็หน้ามืดเสียหลัก ยูจิปราดเข้ามาประคองรับไว้ได้ทัน
“ระวังครับ”
“ผู้กองยูจิ”
มายูมิมองยูจิ ใบหน้าที่ชัดเจนของยูจิเริ่มพร่ามัว ยูจิเห็นมายูมิมีท่าทางสะลึมสะลือ แสร้งชวนคุย
“ผมจะขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีของโอะนิซึกะคุณมายูมิว่างมั้ยครับ”
“ฉัน...”
ไม่ทันพูดจบ มายูมิก็คอพับคออ่อน สลบไปในอ้อมแขน ยูจิยิ้มพอใจ รีบประคองมายูมิออกไปทันที อาคิโกะแอบมองยูจิอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง สะใจที่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
“คุณมายูมิครับ”
เสียงไทชิดังขึ้น อาคิโกะรีบหลบซ่อนตัวตรงต้นไม้ ไม่ให้ไทชิเห็น ไทชิเดินมาหันมองรอบ ๆ ไม่เจอใคร จึงรีบเดินไปอีกทางอย่างร้อนใจ อาคิโกะยิ้มร้ายสะใจ

ริวมาคอยดูแลโคจิที่นอนอยู่ด้วยตัวเอง
“อาโคจิหน้าตาสดชื่นขึ้นมาก อีกไม่นานก็หาย”
สีหน้าโคจิยังคงกังวล อยากบอกริวเรื่องยูจิ จึงพยายามพูดกับริวอีกครั้ง เสียงอึกอักของโคจิ ทำให้ริวต้องเตือน
“ยังไม่ต้องพูดตอนนี้ก็ได้ครับ ผมไม่อยากให้อาเครียด”
โคจิส่ายหน้าไม่ยอม พยายามเปล่งเสียงพูดจนได้
“ยู...”
ริวฟังไม่ชัด
“อะไรนะครับ”
โคจิไม่ชัดมาก พยามพูดซ้ำ
“ยู...จิ...ยู...จิ”
“ยูจิ หมายถึงผู้กองยูจิเหรอครับ”
โคจิพยักหน้า ดีใจที่ริวเข้าใจ พยายามพูดอีก ริวรออ่านปากโคจิอย่างใจจดใจจ่อ โคจิพูดอึกอักสักพัก จึงเปล่งเสียงได้
“ยิง”
“ยิง” ริวปะติดปะต่อคำ “ยูจิยิง”
โคจิพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น แล้วเลื่อนมือขวามาชี้ตรงแผลที่ตัวเองถูกยิง ริวทบทวนคำพูดและท่าทางของโคจิ เริ่มเข้าใจ ตกใจมาก
“ผู้กองยูจิยิงอาโคจิ !”

ยูจิวางมายูมิลงบนเตียงนอนในห้องพักของเขาอย่างทะนุถนอม มายูมิยังคงสลบ ไม่รู้สึกตัว
ยูจินั่งลงข้างมายูมิ ลูบไล้หลังมือไปบนแก้มนวลของเธอ เสียงอาคิโกะดังขึ้นในความคิด
“ยาสลบที่คมเข็มกลัดผีเสื้อ จะทำให้มายูมิหมดสติทั้งคืน คุณคงรู้ว่าควรทำยังไงกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก”
ยูจิเลื่อนมือไล่ลงมายังคอระหงของมายูมิ จนมาหยุดอยู่ที่กระดุมเสื้อ เขามองเธอด้วยความรักและหลงใหล ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรก

อาคิโกะเดินชมบรรยากาศสดชื่นในสวนสาธารณะอย่างอารมณ์ดี
“มายูมิเป็นของผู้กองยูจิ...ริวก็จะเป็นของฉัน”
อาคิโกะยิ้มร่า มีความสุขมาก

ยูจิเลื่อนมือลงมายังกระดุมเสื้อเม็ดที่สองของมายูมิ กำลังจะปลดกระดุม เขาชำเลืองมองหน้ามายูมิ ชะงักไปเล็กน้อย เขานึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา นึกถึงรอยยิ้มแสนหวานของมายูมิแล้วเปลี่ยนใจ
“รักแท้ ต้องรักด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่การฝืนใจ ผมจะรอวันที่คุณมอบความรักให้ผมด้วยหัวใจ”

ยูจิประคองมือมายูมิขึ้นมาจุมพิตอย่างนุ่มนวลด้วยความรัก

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 11 (ต่อ)

ริวปัดถ้วยชาข้างมือกระเด็นด้วยความโกรธ โมโหมาก
 
“มายูมิถูกพักงาน แล้วหายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นงั้นเหรอ”
ไทชิ เซกิ ลูกน้องโอะนิซึกะ พากันก้มหน้า รู้สึกผิด
“พวกเราหาจนทั่วโรงพยาบาลแล้วครับ แต่ก็ไม่เจอ” ไทชิบอกเครียดๆ
“หาจนทั่วโรงพยาบาลไม่เจอ ก็ต้องหาให้ทั่วเมือง ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินนี้ ฉันก็จะตามหามายูมิให้ได้”
“ครับโซเรียว”
ไทชิกำลังจะหันหลังออกไป แต่คัตสึวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงาน
“คุณมายูมิกลับมาแล้วครับ”
ริวคลายความกังวลทันที

เซกิรีบเข็นรถเข็นให้ริวนั่งออกมาหน้าบ้าน พบยูจิอุ้มร่างมายูมิที่สลบไศลไม่ได้สติเดินเข้ามา อย่างมีมาด ริวอึ้ง มองร่างมายูมิที่อยู่ในอ้อมกอดยูจิด้วยสายตาหึงหวง
“ผมเจอคุณมายูมิสลบอยู่ เลยพากลับมาส่ง”
ยูจิยิ้มให้ริวเหมือนต้องการเย้ยอยู่ในที
“คนพิการไม่สามารถปกป้องใครได้ ผมเลยขอรับอาสาทำหน้าที่นั้นแทน”
ไทชิรีบเข้าไปรับตัวมายูมิมาจากยูจิอย่างรู้หน้าที่ แล้วพามายูมิกลับไปที่ห้อง
“รอยยิ้มปกปิดความชั่วไม่ได้ มาถึงตอนนี้แล้ว จะใส่หน้ากากเป็นคนดีอีกทำไม”
สีหน้ายูจิเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม รู้ว่าริวหมายถึงอะไร
“เมื่อไหร่จะได้ตัวคนร้ายที่ลอบยิงอาโคจิ”
“กำลังรวบรวมหลักฐาน”
“หลักฐานจะไม่จำเป็น ถ้าคนชั่วยอมรับความจริงด้วยตัวเอง”
ริวกับยูจิจ้องหน้ากันเขม็ง ต่างรู้ถึงคำพูดกำกวมที่สื่อถึงกัน
“ไม่นึกว่าผู้รักษากฎหมายอย่างผู้กองยูจิ จะร่วมมือกับมิซาว่าอย่างไร้เกียรติ”
“เกียรติยศมันก็แค่คำสวยหรู ที่พวกขี้แพ้เอาไว้พูดหลอกตัวเองชีวิตจริง คือการอยู่รอด” ยูจิย้อน
“ฉันจะกระชากหน้ากากชั่วของแกออกมาให้ชาวเมืองรับรู้”
“ฮึ ๆ แค่ลุกขึ้นมาช่วยผู้หญิงของตัวเองยังทำไม่ได้ จะมีปัญญาทำอะไร มายูมิเป็นคนที่น่าทะนุถนอม เสียดาย ที่ต้องอยู่กับสามีพิการรอวันตาย”
“พูดอย่างนี้ แกทำอะไรมายูมิ” ริวโกรธมาก
ยูจิเดินเข้ามาหยุดที่หน้ารถเข็น จ้องหน้าริว
“ไม่ต้องกังวลใจ ถึงว่าที่คู่หมั้นแกจะหายไปกับฉันทั้งวัน แต่สุภาพบุรุษไม่วันทำร้ายผู้หญิงที่ตัวเองรัก หมอมายูมิมีค่ามากเกินกว่าจะถูกย่ำยีให้เจ็บช้ำน้ำใจ”
ริวจ้องหน้ายูจิด้วยความเจ็บแค้น
“ฉันจะเป็นคนทำลายโอะนิซึกะให้ล่มสลายเหยียบขยี้ ริว โอะนิซึกะ ให้สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ไม่เหลือแม้แต่คนรัก หมอมายูมิของแกก็ต้องตกเป็นของฉัน ด้วยความเต็มใจ”
ยูจิยิ้มร้ายหันหลังเดินไปอย่างสะใจริวกำพนักแขนทั้งสองข้าง บีบแน่นจนมือสั่นด้วยความแค้นมาก

มายูมินอนหมดสติอยู่ในห้องนอน หลังจากอายะโกะกับฟุมิโกะช่วยกันเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้ว อายะโกะหันไปหาริวที่นั่งเฝ้ามายูมิอยู่ข้าง ๆ
“คงหมดสติอีกนาน โซเรียวพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ ฉันกับฟุมิโกะจะช่วยเฝ้าคุณมายูมิให้เอง”
“ผมอยากดูแลมายูมิด้วยตัวเอง ขอบคุณป้ากับฟุมิโกะมาก”
อายะโกะก้มศีรษะรับคำ แล้วพากันยกอุปกรณ์เช็ดตัวเลี่ยงออกไปจากห้อง ริวดึงผ้าห่มมาห่มให้มายูมิ กระซิบเบา ๆ
“คิมิ...ขอให้ฝันร้ายของคุณกลายเป็นฝันดี ผมจะอยู่ข้าง ๆ คอยดูแลคุณ”
ริวจุมพิตที่หน้าผากมายูมิอย่างอบอุ่น นุ่มนวล ด้วยความรักและความห่วงใยที่ริวมีต่อมายูมิ

เช้าวันใหม่...มายูมิลืมตาตื่นขึ้นอย่างมึน ๆ งง ๆ มองเพดานและรอบห้องก่อนหันไปมองริวที่นอนกอดเธออยู่ ริวรู้สึกตัวตื่น หลังจากที่มายูมิเริ่มขยับตัวในอ้อมแขนของเขา
“อรุณสวัสดิ์”
“ฉันกลับมานอนที่นี่ได้ยังไง”
“ผู้กองยูจิพาคุณมาส่ง”
มายูมิลุกขึ้นนั่งพร้อม ๆ กับริว พยายามทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ครั้งสุดท้ายที่จำได้ ฉันเจอผู้กองยูจิ แล้วก็...ตื่นมาเจอคุณ”
“คุณอาจจะเป็นลมเพราะเครียดที่ถูกพักงาน”
“ฉันไม่ได้เป็นลม ไม่ใช่” มายูมิบอกอย่างมั่นใจ
“งั้นเพราะอะไร”
มายูมิคิดถึงเหตุการณ์ที่อาคิโกะประกาศสงครามกับเธอซึ่ง ๆ หน้า
“เดิมพันครั้งนี้ด้วยหัวใจ ฉันจะทำทุกอย่างให้ริวเป็นผู้ชายของฉัน”
มายูมินึกถึงคำพูดอาคิโกะ แต่ไม่อยากให้ริวไม่สบายใจไปด้วย
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันคงเครียดอย่างที่คุณบอกจริง ๆ โชคดีที่ผู้กองยูจิมาเจอฉัน”
“โชคดีที่มันยอมพาคุณมาส่งโดยปลอดภัยมากกว่า”
ริวพูดด้วยน้ำเสียงแค้นเคือง เจ็บใจ มายูมิรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงและแววตาขุ่นเคืองของริวสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นคะ”

“ผู้กองยูจิเป็นคนยิงอาโคจิ”

อาคิโกะจ้องหน้ายูจิเขม็งด้วยความไม่พอใจ เมื่อเขามาหาที่ห้องพัก และเล่าให้ฟังว่าพามายูมิไปส่งที่บ้านโอะนิซึกะโดยไม่ได้ทำอะไรเลย
 
“เหยื่อวิ่งมาถึงปาก แต่กลับปล่อยไปง่าย ๆ ได้ไง”
“มันเรื่องของผม”
“ถ้าฉันรู้ว่าใจเสาะ ฉันจะไม่ช่วยแต่แรก”
“หุบปากได้แล้วอาคิโกะ”
ยูจิกระชากแขนอาคิโกะเข้ามาด้วยความโมโห
“กักขฬะ หยาบคายแบบนี้เหรอ สุภาพบุรุษที่แสนดีของนังมายูมิ”
“สุภาพบุรุษเค้าเอาไว้ใช้กับสุภาพสตรีที่คู่ควร แต่เธอไม่ใช่”
ยูจิผลักอาคิโกะจนเสียหลักล้มลง
“ว้าย”
“ผู้หญิงสวยแต่เปลือกอย่างเธอ ไม่มีอะไรเทียบกับมายูมิได้ มายูมิคือมีค่ามากกว่าเธอหลายเท่า”
ยูจิเดินออกไปจากห้องอย่างหงุดหงิด อารมณ์เสีย
“นังมายูมิ”
อาคิโกะยังคงนั่งอยู่กับพื้น เล็บมือทั้งสองจิกถูพื้นก่อนกำแน่น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชังมายูมิมาก

โถงในคลับมิซาว่า... ทาคาโอะกับนาบุเดินคุยกันเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เจ้าของที่ดินที่โอะนิซึกะเคยเจรจาขอซื้อ ตกลงยอมขายที่ดินทั้งหมดให้เราแล้วครับ” นาบุรายงาน
“ดีมาก รีบไปจัดการเอกสารสัญญาซื้อขายให้เรียบร้อยด้วย”
“ครับนาย”
นาบุก้มศีรษะรับคำแล้วรีบเลี่ยงไป ทาคาโอะเดินมาหยุดที่รูปริกิกับซาโตชิที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางโถง
“รู้สึกยังไงบ้าง ที่เห็นลูกนอกคอกของมิซาว่ากำลังเหยียบย่ำโอะนิซึกะให้จมใต้ฝ่าเท้า สิ่งที่พ่อใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตคือการเป็นใหญ่เหนือโอะนิซึกะ แต่พ่อไม่เคยทำได้สำเร็จเลยสักครั้ง แต่วันนี้ ลูกที่พ่อไม่เคยรักทำสำเร็จแล้ว”

ในอดีต...ริกินั่งอ่านเอกสารอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมาก ทาคาโอะถือสมุดพกเดินเข้ามาหาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ริกิเงยหน้าขึ้นมาเจอทาคาโอะ ถามเสียงขรึม
“มีอะไรเหรอทาคาโอะ”
“ผมเอาผลการเรียนมาให้พ่อดูครับ”
ทาคาโอะกำลังจะยื่นสมุดพกให้ แต่ถูกริกิตัดบทเสียงดัง
“ฉันยังไม่ว่าง”
ริกิก้มหน้าอ่านเอกสารต่ออย่างไม่สนใจ ทาคาโอะหันหลังเดินออกจากห้องจ๋อย ๆ ซาโตชิถือสมุดพกวิ่งสวนทาคาโอะเข้าไปหาริกิด้วยความดีใจ
“พ่อครับผมสอบผ่าน”
“เก่งมาก ซาโตชิลูกพ่อ”
ริกิละมือจากงานมากอดซาโตชิด้วยความภาคภูมิใจ ทาคาโอะยืนมองริกิกอดซาโตชิ เศร้าที่ตนเองไม่มีตัวตนในสายตาผู้เป็นพ่อเลย

หลายวันต่อมา ซาโตชิกับไอโกะวิ่งไปกอดริกิที่เพิ่งกลับบ้านด้วยความดีใจ
“พ่อกลับมาแล้ว”
“เป็นเด็กดีกันรึเปล่า พ่อซื้อของเล่นมาให้ซาโตชิกับไอโกะด้วยนะ” ริกิยิ้มแย้ม
“เย้...พ่อใจดีที่สุดเลยค่ะ” ไอโกะกอดพ่อแน่น
ริกิเอาของขวัญสองกล่องจากลูกน้องมายื่นให้ซาโตชิกับไอโกะคนละกล่อง ทั้งคู่รีบเปิดกล่องของขวัญของตัวเอง ไอโกะได้ตุ๊กตาโบราณน่ารัก ซาโตชิได้ดาบไม้สั้น
“ดาบตันโตะ” ซาโตชิตื่นเต้น
“วันนี้เป็นดาบไม้ แต่เมื่อไหร่ที่ซาโตชิโตขึ้น ลูกจะได้ครอบครองดาบซามูไรของบรรพบุรุษทั้งหมด ในฐานะมิซาว่าโซเรียว”

ซาโตชิมองดาบไม้ในมือด้วยความดีใจ ทาคาโอะแอบมองซาโตชิอยู่มุมหนึ่ง อยากได้ดาบไม้อย่างซาโตชิบ้าง

ทาคาโอะแอบเอาดาบไม้ของซาโตชิมาเล่นต่อสู้คนเดียวในสวน ซาโตชิเดินตามมาเจอ จึงปรี่เข้ามาแย่งคืน
 
“เอาของฉันคืนมา ไอ้ลูกเมียน้อยขี้ขโมย”
“ไม่”
ทาคาโอะไม่ยอมคืนให้ เด็กทั้งสองจึงยื้อแย่งดาบไม้อย่างไม่ยอมกัน ริกิมาเห็นพอดี
“มีเรื่องอะไรกัน”
ซาโตชิกระชากดาบไม้คืนมาได้ ผลักทาคาโอะล้มลง รีบวิ่งไปฟ้องริกิ
“ทาคาโอะขโมยดาบไม้ผม ต่อยผมก่อน”
ทาคาโอะพยายามอธิบาย
“ไม่จริง ผมไม่ได้ทำอะไรซาโตชิ”
เพี๊ยะ... ริกิตบหน้าทาคาโอะด้วยความโกรธและโมโหมาก
“ต่อไปนี้แกอย่าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นในบ้านนี้อีก ไอ้เด็กเหลือขอ”
ริกิจูงมือซาโตชิกลับเข้าบ้าน ทาคาโอะน้ำตาไหลพราก ด้วยความเก็บกดและน้อยเนื้อต่ำใจที่พ่อไม่รัก

ทาคาโอะจ้องรูปริกิกับซาโตชิเขม็ง แผลใจในอดีต ยังคงเจ็บปวดเสมอเมื่อคิดถึง
“พ่อไม่เคยรัก ไม่เคยสนใจผม แต่วันนี้ ลูกนอกสายตาอย่างผม ทำได้เหนือกว่าซาโตชิลูกรักของพ่อทุกอย่าง”
ทาคาโอะหัวเราะในลำคอ ยิ้มเย้ยรูปริกิอย่างสาแก่ใจมาก

สำนักงานตำรวจ...ฮิโระเดินเลียบๆ เคียง ๆ อยู่บริเวณโต๊ะทำงานของลูกน้องคนหนึ่งที่กำลังรีบเอาแฟ้มเอกสารบนโต๊ะเก็บเข้าตู้เอกสาร ฮิโระไล่สายตาหาแฟ้มที่ตัวเองต้องการ แล้วรีบดึงมาเปิดอ่าน โดยที่ตำรวจไม่ทันตั้งตัว หันมาเห็น ตกใจ
“รองฮิโระ ทำอะไรครับ”
“เอกสารนี้ระบุว่าจับตัวคนของมิซาว่าที่เป็นผู้ต้องสงสัยคดีลอบทำร้ายโอะนิซึกะได้แล้ว แต่ทำไมไม่ส่งฟ้อง”
ตำรวจอึกอักตอบไม่ได้
“หรือว่าตั้งใจยื้อให้ผู้ต้องสงสัยรอดคดี”
“ไม่ใช่หน้าที่ที่รองฮิโระต้องรู้”
มาซารุเข้ามา แย่งแฟ้มเอกสารไปจากมือฮิโระ ตำรวจรีบทำความเคารพมาซารุแต่ฮิโระยืนประจันหน้ามาซารุอย่างไม่เกรงกลัว
“อยากเปลี่ยนที่ทำงานไปอยู่ไกลกว่านี้งั้นเหรอ”
“คนซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ และรักษาคำปฏิญาณอันมีเกียรติ ทำงานเพื่อประชาชนที่ไหนก็ได้”
“ใจซื่อ มือสะอาด สมกับเป็นมือขวาของท่านโอะซะมุ ไม่กลัวจะมีชะตากรรมเหมือนเจ้านายเหรอครับ” เคนที่เดินตามมาพูดเย้ย
“จะช้าหรือเร็วทุกคนก็ต้องตาย ขึ้นอยู่กับว่าจะตายอย่างมีเกียรติ หรือตายอย่างไร้ศักดิ์ศรี”
มาซารุจ้องฮิโระอย่างฝากไว้ก่อน แล้วเดินจากไปเคนรีบตามไป ฮิโระถอนใจเครียด

เคนถามมาซารุอย่างเจ็บใจแทน
“จะให้ผมจัดการไอ้ฮิโระมั้ยครับ”
“รอให้งานของเราคืบหน้ามากกว่านี้ก่อน อีกไม่นานไอ้ฮิโระได้ตามไปรับใช้เจ้านายเก่าของมันแน่” มาซารุบอกเสียงเหี้ยม

ฮิโระมาเยี่ยมโคจิที่บ้านโอะนิซึกะ มองโคจิที่นอนรักษาตัวอยู่อย่างรู้สึกผิด
“ถ้าวันนั้นผมไม่รีบกลับ ก็คงช่วยคุณได้”
โคจิพยายามพูด
“อย่าโทษตัวเอง”
“ไม่นึกเลยว่าผู้กองยูจิจะเดินตามเส้นทางชั่วเหมือนพ่อ”
ริวนิ่ง ปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ทาคาโอะมีมาซารุคอยหนุนหลัง มาซารุเป็นน้องเมียลับ ๆ ของยามาโมโต้ ไอ้ยามาโมโต้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดแน่”
“คนพวกนี้ทำงานกันเป็นขบวนการ ถ้าจะเล่นงานพวกมันก็ต้องมีหลักฐานมัดตัวให้ดิ้นไม่หลุด” ฮิโระบอกอย่างหนักใจ
“เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นแผนชั่วของยามาโมโต้ที่ต้องการครอบครองเมืองนี้ มีวิธีไหนจัดการคนชั่วอย่างมันได้บ้าง”
“สติ”
ริวชะงัก หันกลับมาฟัง โคจิพยายามพูด
“มีสติที่จะจัดการคนชั่ว และอย่าประมาท”
ริวก้มหัวให้
“ขอบคุณอาโคจิที่เตือนสติ ตอนนี้เรายังไม่มีทางเล่นงานพวกยามาโมโต้ แต่ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับพวกมัน จะได้ไม่พลาดอีก”
โคจิ ฮิโระ พยักหน้าเห็นด้วยกับริว สีหน้าริวจริงจังและเคร่งเครียด

ในคลับมิซาว่ายามค่ำคืน ทาคาโอะผายมือเชื้อเชิญให้ยามาโมโต้ มาซารุ เคน ไปที่ห้องรับรองวีไอพี มาซารุกวาดสายตามองสาวสวยในคลับ หันไปถามทาคาโอะอย่างแปลกใจ
“จุนโกะหายไปไหน”
“ลาป่วยครับ” นาบุตอบ
มาซารุหงุดหงิด
“แกรู้ว่าฉันจะมาที่นี่ แต่ให้จุนโกะหยุดงานงั้นเหรอ”
“สาวสวยไนท์คลับนี้มีตั้งเยอะ เปลี่ยนคนบ้างก็ได้” ยามาโมโต้แย้ง
“ถ้าคืนนี้ฉันไม่เจอจุนโกะ ไนต์คลับแกจะถูกสั่งปิดไม่มีกำหนด”
มาซารุขู่ทาคาโอะ จนทาคาโอะจำต้องหันไปสั่งนาบุอย่างขัดไม่ได้
“ไปเอาตามตัวจุนโกะมาต้อนรับท่านยามาโมโต้กับท่านมาซารุ”

นาบุก้มศีรษะรับคำแล้วรีบเลี่ยงไป ยามาโมโต้ มาซารุ เคน เดินไปห้องรับรองวีไอพี ทาคาโอะมองตามมาซารุอย่างไม่ค่อยพอใจ

จุนโกะเดินนำนาบุมาด้วยความหวาดระแวง ใบหน้ามีรอยแผลเป็นจากคมมีดของทาคาโอะที่แก้มซ้ายของจุนโกะ
 
“แผลที่หน้าฉันยังไม่หายดี ถ้าท่านมาซารุถาม...”
“ก็ตอบให้มันดูดีหน่อย เดินเร็ว ๆ สิ”
นาบุดันหลังจุนโกะให้รีบเดินต่อไป

มาซารุเชยคางจุนโกะขึ้นมาเพื่อมองบาดแผลตรงแก้มซ้ายให้ชัด ๆ
“คราวหน้าคราวหลังจะใช้กรรไกรตัดผมตัวเองต้องระวังหน่อยนะ” มาซารุชำเลืองมองทาคาโอะอย่างรู้ทัน “ของมีคมมันอันตราย”
จุนโกะรีบตัดบท เพื่อเลี่ยงบรรยากาศอึมครึม
“เดี๋ยวจุนโกะจัดเครื่องดื่มให้นะคะ”
“น่ารักที่สุด”
มาซารุลูบไล้แก้มนวลของจุนโกะ สายตาหื่นกระหาย จุนโกะแสร้งยิ้มหวาน แต่พอหันหลังมาเทเครื่องดื่ม ก็แอบทำสีหน้าอึดอัดมาก ยามาโมโต้หอมแก้มสาวสวยสองคนที่นั่งขนาบข้างคอยเอาใจ ก่อนหันมาประกาศกับทุกคน
“โอะนิซึกะกับมิอุระกำลังแย่ ไม่มีใครมาขวางทางเราได้ ถ้าจะคิดทำอะไรก็น่าจะเริ่มกันได้แล้ว”
“ท่านหมายความว่า” มาซารุแปลกใจ
“เราจะเริ่มสร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ”
ทาคาโอะรู้ความหมายนัยยะที่แฝงอยู่
“คราวนี้เยอะกว่าทุกครั้งเหรอครับ”
“ท่านยามาโมโต้กำลังจะประกาศอำนาจให้คนทั้งเมืองได้รับรู้ใช่มั้ย”
จุนโกะยกถาดใส่เครื่องดื่มเข้ามาเสิร์ฟให้มาซารุ ยามาโมโต้ ทาคาโอะ อย่างนอบน้อม เอาใจ
ยามาโมโต้ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาชูให้มาซารุกับทาคาโอะ
“อีกไม่นาน เมืองนี้จะตกอยู่ใต้อำนาจของเราทั้งหมด ดื่มให้กับชัยชนะที่กำลังจะมาถึง”
มาซารุ ทาคาโอะ ยกแก้วเครื่องดื่มมาชนแก้วกับยามาโมโต้ แล้วดื่มด้วยกัน จุนโกะลอบมองยามาโมโต้ พยายามตีความกับคำสนทนาของคนกลุ่มนี้ ทาคาโอะชำเลืองมองจุนโกะอย่างไม่ไว้ใจ

จุนโกะหันมาเจอสายตาทาคาโอะ ทำทีปรี่เข้าไปหามาซารุ แสร้งเอาใจเพื่อกลบเกลื่อน ทาคาโอะกับนาบุสบตากัน คอยจับตามองจุนโกะด้วยความระแวง

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 11 (ต่อ)

อพาร์ทเม้นท์หรูอาคิโกะยามค่ำคืน...อาคิโกะนั่งดื่มไวน์อย่างแค้นยูจิและมายูมิ เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่ยูจิผลักเธอจนเสียหลักล้มลง
 
“ผู้หญิงสวยแต่เปลือกอย่างเธอ ไม่มีอะไรเทียบกับมายูมิได้ มายูมิมีค่ามากกว่าเธอหลายเท่า”
แรงโกรธทำให้เธอบีบแก้วแตกคามือ เลือดออกเต็มมือ แต่เธอไม่แยแส
“ฉันจะทำให้แกไม่เหลือค่าในสายตาของริวอีกต่อไป นังมายูมิ”
อาคิโกะมองไปทางเข็มกลัดรูปผีเสื้อ คิดอะไรบางอย่าง

โถงไนต์คลับมิซาว่า...ยามาโมโต้กอดสองสาวสวยขนาบซ้าย ขวาเดินนำทาคาโอะ นาบุไปทางประตู ทางออกของร้าน มาซารุเดินกอดจุนโกะรั้งท้าย โดยมีเคนเดินตาม จุนโกะนึกถึงคำพูดของยามาโมโต้ที่ประกาศกับทุกคน
“เราเริ่มสร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ”
ทาคาโอะ รู้ความหมายนัยยะที่แฝงอยู่
“คราวนี้เยอะกว่าทุกครั้งเหรอครับ”
จุนโกะคิดหาทางส่งข่าวให้ริวรู้ มองไปทางทาคาโอะกับนาบุ ทั้งสองคนลอบมองจุนโกะบ่อยครั้ง จุนโกะเห็นท่าทางของทาคาโอะกับนาบุก็รู้ว่าไม่มีโอกาสแยกตัวไปหาริวตามลำพังได้แน่ เธอมองมาซารุที่เดินกอดนัวเนียเอาหน้า ซุกไซ้อยู่กับซอกคอของเธอ
“เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ด้วยยังไงก็ไม่เคยอิ่ม...”
จุนโกะคิดบางอย่าง แล้วเอียงหน้าคลอเคลียกระซิบมาซารุ ตั้งใจไม่ให้ทาคาโอะกับนาบุได้ยินเสียงยั่วยวน
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ท่านอิ่มแล้วรึยังคะ”
จุนโกะใช้นิ้วไล้คางเรื่อยลงไปที่ลำคอแล้วลงต่ำไป มาซารุมองจุนโกะด้วยสายตาหื่น กอดกระชับร่างเธอแน่นแทบเป็นบีบรัด
“เธอท้าทายผิดคนแล้ว สาวน้อย”
จุนโกะยิ้มเหมือนกำลังเจอเรื่องสนุก แล้วหันหน้าไปอีกทาง เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นใบหน้าเรียบนิ่ง คิดบางอย่าง

ในห้องทำงาน...ริวนั่งฟังไทชิรายงานความคืบหน้าของพวกมาซารุ
“พวกมันอยู่ที่ไนท์คลับมิซาว่า ต้องคิดทำอะไรกันต่อไปแน่ๆ”
“ผมพยายามส่งคนเข้าไปสืบ แต่พวกมันป้องกันแน่นหนามาก”
“แปลว่าเราจะไม่มีทางรู้เลยว่ามันคิดจะทำอะไร” เซกิหน้าเครียด

หน้าไนต์คลับมิซาว่า...รถของยามาโมโต้ขับออกไป จากนั้นรถของมาซารุเคลื่อนเข้ามา ทาคาโอะโค้งคำนับลาโดยแอบบังสีหน้าที่ไม่ได้เต็มใจจะก้มหัวให้นัก มาซารุเดินขึ้นรถ จุนโกะเดินตาม นาบุรีบดึงแขนจุนโกะไว้
“จะไปไหน”
มาซารุมองนาบุด้วยสายตาเฉียบขาด
“มีปัญหาเหรอ”
นาบุมองมาซารุแล้วหันไปมองทาคาโอะด้วยสายตาว่าเอายังไง จุนโกะแกล้งทำหน้าอ้อนวอนทาคาโอะว่าตัวเองไม่อยากไป เพื่อไม่ให้ทาคาโอะสงสัย ทาคาโอะมองจุนโกะอย่างชั่งใจ

ไทชิ คัตซึ เซกิมองริวอย่างไม่อยากเชื่อ
“เรายังมีคนที่อาจจะเป็นคนของเราที่นั่น”
“จุนโกะ” คัตสึแปลกใจ
เซกิหันมาถาม
“ผู้หญิงไนต์คลับมิซาว่าน่ะเหรอครับจะช่วยเรา”
“ฉันคิดว่าดูผู้หญิงคนนี้ไม่ผิด”
ไทชิ คัตซึ เซกิมองริวอย่างไม่อยากเชื่อ
“แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จุนโกะจะรอดสายตาทาคาโอะไปได้ ดีไม่ดี ผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่รอด” ไทชิบอกอย่างหนักใจ

ทาคาโอะหันไปเปิดประตูรถให้มาซารุ
“ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ”

มาซารุยิ้มเยาะเย้ยทาคาโอะว่า นึกว่าจะกล้ามีปัญหา แล้วกอดจุนโกะขึ้นรถไป รถมาซารุเคลื่อนออกไป ทาคาโอะมองตามรถมาซารุอย่างคิดอะไรบางอย่าง

ในรถ...มาซารุนั่งตอนหลังของรถกับจุนโกะ เคนนั่งด้านข้างคนขับ มาซารุโน้มตัวซุกไซ้ซอกคอจุนโกะอยู่อย่างหื่นกระหาย
 
จุนโกะฝืนใจยอมโอนอ่อนให้ทั้งๆที่ในใจขยะแขยง จุนโกะคิดหาแผนว่าจะ ส่งข่าวให้ริวรู้เรื่องยามาโมโต้ยังไง เธอมองมาซารุว่าคนอย่างเขาไม่ได้หลอกง่ายๆแน่ๆ แต่มันต้องมีวิธี ทันใดนั้นเธอก็ผลักมาซารุออกอย่างแรง
“โอ๊ย...”
“เป็นอะไร...” มาซารุชะงัก
“ฉัน...ฉันปวดท้อง โอ๊ย...”
“ลีลาเยอะจริงนะ”
มาซารุซุกไซ้ต่อ แต่จุนโกะออกลีลาอาการมากขึ้นกว่าเดิม
“โอ๊ย...ฉันไม่ไหวแล้วค่ะท่าน ปวดลำไส้เหมือนจะฉีก โอ๊ย...”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง” มาซารุชักจะรำคาญ
“พาฉันไปโรงพยาบาลหน่อยเถอะค่ะ ฉันจะแย่แล้ว โอ๊ย...”
“เอายังไงครับท่าน” เคนหันมาถาม
มาซารุไม่พอใจ หันไปบอกเคน
“ไปโรงพยาบาล”
คนขับเลี้ยวรถไปโรงพยาบาล

ห้องโถงไนต์คลับมิซาว่า...ทาคาโอะเอามีดพับปักลงบนโต๊ะอย่างแรง แล้วหันไปมองลูกน้อง
“ไอ้มาซารุพานังจุนโกะไปโรงพยาบาล”
“ใช่ครับ เพิ่งโทรมาสั่งให้เราไปดูแลมันที่โรงพยาบาลเอง ท่านจะรีบกลับ” นาบุบอก
“นังจุนโกะเป็นอะไร”
“เห็นบอกว่าปวดท้องรุนแรง”
“ฉันไม่ไว้ใจมัน” ทาคาโอะบอกทันที

จุนโกะเดินออกจากห้องฉุกเฉินด้วยท่าทางร้อนรน พยาบาลเดินตามออกมาแปลกใจ จุนโกะมองซ้ายมองขวา
“พวกเขาไปแล้วใช่มั้ยคะ”
“ออกไปเมื่อกี้แล้วค่ะ”
จุนโกะถอนหายใจโล่งอก ขยับกำลังจะเดินออกไป พยาบาลรีบถาม
“จะไปไหนคะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”
จุนโกะมองหาบางอย่าง แล้วหันมาถามพยาบาล
“ฉันอยากใช้โทรศัพท์ โทรศัพท์อยู่ไหนคะ”
พยาบาลชี้ไปทางมุมหนึ่งของทางเดิน ซึ่งเป็นทางเดียวกับที่นานะกำลังเดินมากับหมอฮาร่า

หน้าโรงพยาบาล...นาบุเดินนำลูกน้องมิซาว่าเข้าโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเอาเรื่อง นาบุเปิดประตูโรงพยาบาลเข้าไปอย่างรวดเร็ว

จุนโกะถือนามบัตรของริวยืนที่โทรศัพท์ พร้อมมองซ้าย มองขวาอย่าง หวาดระแวง เธอหมุนหมายเลขด้วยมือสั่นๆ จนกดหมายเลขพลาดยิ่งเร่งยิ่งช้า จุนโกะหงุดหงิดตัวเอง แล้วรีบหมุนหมายเลขใหม่

นาบุเดินนำลูกน้องมิซาว่าตามหา...จุนโกะยืนโทรศัพท์อยู่ด้านหน้านาบุ แต่เขาไม่เห็นเพราะอยู่ตรงมุมตึกซึ่งนาบุต้องเลี้ยวออกมาจึงจะเจอ

จุนโกะกำลังรอสาย
“ฮัลโหล ขอสายโอนิซึกะโซเรียว”
ฟุมิโกะเป็นคนรับสาย
“รอสักครู่นะคะ”
มายูมิเดินเข้ามาพอดี
“ใครโทรมาเหรอ”
“เขาบอกชื่อจุนโกะค่ะ”

จุนโกะยืนรอริวมารับสายอย่างกระวนกระวาย นาบุเดินนำลูกน้องมิซาว่าเดินเลี้ยวจากมุมตึก มาจะเจอจุนโกะ

ไทชิเข็นรถเข็นที่ริวนั่งอยู่ เดินตามมายูมิมาที่โทรศัพท์ โดยไทชิ คัตสึ เซกิมีท่าทางรีบร้อน มายูมิมองท่าทางทุกคนดูมีอะไรบางอย่างกับผู้หญิงที่ชื่อจุนโกะ ริวรีบหยิบโทรศัพท์มาพูด
“ฮัลโหล...ฮัลโหล จุนโกะ”
โทรศัพท์ที่จุนโกะเคยยืนโทรอยู่ ตอนนี้ไม่มีใคร นาบุและลูกน้องมิซาว่ามองหาหันหาไม่เจอเดินไปทางซ้าย จุนโกะเดินออกไปอีกทาง คลาดกันอย่างหวุดหวิด
ริววางหูโทรศัพท์ลงที่แป้นโทรศัพท์ด้วยสีหน้านิ่งเครียด คัตสึหันมาถาม

“จุนโกะโทรมาว่ายังไงบ้างครับโซเรียว”

ไทชิเอาไหล่กระแทกคัตสึให้สงบปาก แล้วเหลือบมองไปทางมายูมิที่กำลังมองทุกคนด้วย สายตาสงสัย
 
“มีอะไรกันเหรอคะ”
ริวนิ่งยังไม่บอก ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ริวรีบรับสาย
“ฮัลโหล...จุนโกะ" ริวชะงัก “คุณหมอนานะ”
มายูมิรับโทรศัพท์จากริวมาพูดกับนานะ
“ว่ายังไงนานะ”
มายูมินิ่งฟังนานะอย่างอึ้งๆ แล้วมองไปทางริว
“นานะไม่ได้โทรมาหาฉัน แต่เขาจะคุยกับคุณ เรื่องผู้หญิงที่ชื่อจุนโกะ”
ทุกคนมองมายูมิทันที เซกิกระซิบคัตสึ
“คุณหมอนานะรู้จักจุนโกะได้ยังไง”

ในห้องทำงานนานะ...กระดาษโน้ตมีรอยพับยับอยู่ ซึ่งเป็นโน้ตที่จุนโกะเขียนให้ นานะนั่งที่โต๊ะทำงานกำลังคุยโทรศัพท์กับริว
“ฉันเจอผู้หญิงที่ชื่อจุนโกะเมื่อกี้นี้ค่ะ”

หน้าห้องฉุกเฉินก่อนหน้านี้...พยาบาลชี้ทิศทางว่าโทรศัพท์อยู่ตรงไหนให้จุนโกะ ทิศทางที่พยาบาลชี้ เป็นทางที่นานะเดินคุยกับอาจารย์หมอฮาร่ามาพอดี
“เราไม่มีทางช่วยมายูมิได้เลยเหรอคะอาจารย์ หนูรู้ว่าอาจารย์ก็ไม่เชื่อว่า มายูมิเป็นคนฉีดยาพลาดให้คนไข้”
“ความเชื่อส่วนตัวเอาไปใช้เป็นหลักฐานไม่ได้”
“นี่สินะ คือสิ่งที่ริวกังวลมาตลอด เขาไม่ต้องการให้มายูมิเดือดร้อนเพราะโอะนิซึกะ ริวถึงไม่ยุ่งกับมายูมิมาตลอด 7 ปี” นานะถอนใจ
จุนโกะเดินผ่านนานะแล้วได้ยินสิ่งที่นานะพูดกับอาจารย์หมอฮาร่า

นานะคุยโทรศัพท์กับริว
“จุนโกะกำชับให้ฉันอ่านโน้ตให้คุณฟัง มันสำคัญมาก ถึงขนาดเขายอมเสี่ยงแลกด้วยชีวิต”
นานะมองข้อความในกระดาษโน้ต

ริวนั่งมองป้ายบรรพบุรุษ สายตาเต็มไปด้วยความเครียดจากเหตุการณ์ที่ประสบอยู่ตอนนี้
“จุนโกะบอกว่ายามาโมโต้กำลังจะขนของล็อตใหญ่ เข้ามาทางคลังสินค้าด้านตะวันตก มูลค่าของสินค้าสูงมากถึงขนาดซื้อทุกอย่างได้ในเมืองนี้ พวกมันต้องการมีอิทธิพลเหนือบารมีที่ถูกต้องอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด”
มายูมินั่งอยู่เคียงข้างริว เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไทชิเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“ขออนุญาตครับโซเรียว”
“มีอะไรไทชิ”
“โรงพยาบาลแจ้งด่วนเข้ามา ท่านมาซาโตะเกิดอาการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง หัวใจหยุดเต้นกะทันหันครับ”
“อะไรนะ...” มายูมิตกใจ
“ท่านมาซาโตะเสียชีวิตแล้วครับโซเรียว”
ริวหน้าเครียดเป็นอย่างมาก น้ำตาเริ่มคลอเบ้าด้วยความอัดอั้นที่แทบระเบิดภายในจิตใจ มายูมิเดินเข้าไปแตะที่ไหล่ อย่างต้องการปลอบใจ แต่ยังไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ริวหันไปทางไทชิ พยักหน้ารับรู้แล้วไทชิเดินกลับไป ริวมองป้ายบรรพบุรุษ แล้วมองไปที่ดาบซามูไรที่วางอยู่เบื้องหน้า
“ฮาราคีรี มาจากคำว่า เซปปูกุ หมายถึงการคว้านท้องด้วยมีดสิ้นจนตาย”
“ค่ะ...ฉันเคยได้ยินพ่อพูดให้ฟัง”
“ซามูไรคือนักรบผู้ห้าวหาญของแผ่นดิน การทำฮาราคีรีถือเป็นความกล้าหาญสูงสุด เพื่อสำนึกผิดต่อสิ่งที่ซามูไรเคยทำความอัปยศหรือทำความผิดร้ายแรงไว้”
“ริว...อาการป่วยของคุณ ไม่ใช่เรื่องอัปยศ”
“ตระกูลโอะนิซึกะเป็นซามูไรปกป้องความถูกต้อง ทุกคนยอมตายเพื่อรักษาความยุติธรรม โซเรียวในแต่ละรุ่นล้วนแล้วแต่ทำหน้าที่ตามอุดมการณ์นี้จนมาถึงผม โอะนิซึกะต้องตกต่ำมากที่สุด แต่ผมทำได้
แค่นั่งรถเข็น ฟังข่าวคนชั่วทำลายบ้านเมือง”
มายูมิเข้าไปกอดเป็นกำลังใจให้ริว ไม่อ่อนแอ น้ำเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง
“คุณไม่ได้นิ่งดูดาย เราแค่รอโอกาส ความอยุติธรรมไม่มีวันเอาชนะความถูกต้องไปได้ เชื่อฉันนะคะริว”

ริวจับขาตัวเองที่เดินไม่ได้แน่น อย่างตัดสินใจแล้วว่าถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยความจริงบางอย่าง มายูมิกอดริวไว้ด้วยความรัก ให้ริวรู้ว่าเธออยู่เคียงข้าง

บ้านโอนิซึกะ ดึกสงัดเงียบ ลูกน้องเดินตรวจเวรยามกันอยู่ ริวซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้พิการ แอบมองลูกน้องอยู่ที่มุมหนึ่งในบ้าน
 
ลูกน้องรู้สึกเหมือนโดนมอง จึงหันไปมองด้านหลังตัวเอง แต่ไม่เห็นอะไร จึงเดินผ่านไป ริวเดินไปทางห้องพักของโคจิอย่างเร็ว
ลูกน้องยืนเฝ้าหน้าห้องพักของโคจิอยู่ 2 คน ทันใดนั้นได้ยินเสียงของบางอย่างตกดัง ตึ้บ ! มาจากทางหนึ่ง คนหนึ่งเดินไปที่ดูที่มาของเสียงอย่างระแวง อีกคนกระชับปืนพร้อมเตรียมยิงทุกเมื่อ สายตามองตามเพื่อนไป
“โอ๊ย”
คนที่ยืนอยู่หน้าห้อง รีบวิ่งไปดูเพื่อน พบว่าเพื่อนโดนไทชิล็อคแขนอยู่
“คุณไทชิ”
“อยู่ๆ ก็โผล่มา ระวังฉันจะซัดล้มทั้งยืน”
“ผมได้ยินเสียงเหมือนของตก นึกว่ามีใครแอบเข้ามาน่ะครับ ไม่คิดว่าเป็นคุณ”
“รีบกลับไปเฝ้าหน้าห้องท่านโคจิได้แล้ว”
ทั้ง 2 คน เดินกลับมาหน้าห้องโคจิ โดยไม่ทันเห็นประตูห้องโคจิที่ปิดอย่าง หวุดหวิด จึงไม่ทันสงสัยอะไร
โคจินอนหลับอยู่ในห้อง รู้สึกเหมือนมีคนยืนจ้องหน้า จึงค่อยๆ ลืมตามอง เมื่อเห็นว่าริวยืนอยู่ข้างเตียง เขาชะงักมอง แล้วยิ้มอย่างยินดีกับสิ่งที่เห็น

มายูมิกำลังหลับอยู่ ผวาลุกขึ้นมาด้วยความตกใจของฝันร้าย
“คุณอาโคจิ”
มายูมิมองรอบๆตัว แล้วจึงรู้ว่าตัวเองฝันไป เธอหันไปมองริวเพื่อจะดูว่าริวยังหลับดีไหม ปรากฏไม่เห็นร่างริวนอนอยู่ที่เตียง
“ริว”
มายูมิตกใจว่าริวหายไปไหน คิดถึงเหตุการณ์ที่ริวพูดเรื่องฮาราคีรี
“ซามูไรคือนักรบผู้ห้าวหาญของแผ่นดิน การทำฮาราคีรีถือเป็นความกล้าหาญสูงสุด เพื่อสำนึกผิดต่อสิ่งที่เขาเคยทำความอัปยศ หรือทำความผิดร้ายแรงไว้”
“ริว อาการป่วยของคุณ ไม่ใช่เรื่องอัปยศ”
“โอะนิซึกะเป็นซามูไรปกป้องความถูกต้อง ทุกคนยอมตายเพื่อรักษาความยุติธรรม แต่ผมกลับนั่งรถเข็น ฟังข่าวคนชั่วทำลายบ้านเมือง”
มายูมิกลัวว่าริวจะทำร้ายตัวเอง รีบออกไปหาริวทันที

เมื่อเดินอกมา มายูมิเห็นริวกำลังประคองตัวเอง เพื่อยืนเกาะอยู่ริมทางเดินด้านหนึ่ง โดยมีรถเข็นอยู่ด้านข้าง
“ริว”
มายูมิรีบเข้าไปประคองริวอย่างเป็นห่วง
“คุณมาทำอะไรตรงนี้”
“ผมนอนไม่หลับ เลยนั่งรถเข็นมาหัดยืนที่นี่”
มายูมิมองริวอย่างเจ็บปวด เพราะรู้ว่าริวพยายามเพื่อจะไปสู้กับพวกยามาโมโต้
“กลับห้องเถอะนะคะ”
“ผมยังไม่อยากกลับ”
“แต่ว่า...”
“ขอผมอยู่ตรงนี้คนเดียวเถอะ” ริวเสียงเครียด
มายูมิชะงักนิ่ง
“งั้นก็ตามใจคุณ”
มายูมิจะเดินไป ริวรู้สึกว่าตัวเองพูดเสียงเครียดใส่มายูมิเกินไป จึงเข้าไปจับมือเธอไว้อย่างรู้สึกผิด
“ผมขอโทษที่เครียดเกินไป”
“ปล่อย”
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
มายูมินึกถึงความฝันของตัวเองแล้วใจเสีย แต่พยายามเข้มแข็งไว้ ไม่อยากให้เขาเห็น สายตาที่แสดงความอ่อนแอ จึงพูดตอบโดยไม่หันไปมอง
“เปล่า”
“มายูมิ คุณปิดผมไม่ได้หรอก”
มายูมิได้ยินเสียงริวที่แสดงความอ่อนโยน ห่วงใย แทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่
“เมื่อกี้ฉันฝัน...ฝันว่าคุณออกไปสู้กับพวกมัน”
มายูมินึกถึงภาพความฝันแล้วเจ็บปวดเพราะสงสารริว
“คุณล้มลง พวกมันรุมคุณอย่างไม่ปราณี เนื้อตัวคุณเต็มไปด้วยเลือด พวกมันกำลังจะรุมยิงคุณ แต่อาโคจิเข้าไปปกป้องคุณไว้ แต่ทั้งคุณกับคุณอาโคจิก็ไม่...”
มายูมิจะบอกว่าไม่รอดแต่พูดไม่ออก น้ำตาเริ่มคลอ
“พอฉันตื่นมาไม่เห็นคุณ ฉันก็นึกว่าคุณ …”
มายูมิพูดต่อไม่ได้ กลั้นเสียงสะอื้นไม่อยู่ ริวขยับตัวเข้าไปกอดเอวเธอไว้ทางด้านหลัง
“ผมยังอยู่ตรงนี้ อยู่กับคุณที่นี่ เราจะก้าวผ่านทุกๆ ปัญหาไปด้วยกัน”

มายูมิเอามือกอดกระชับมือของริวที่กอดเอวตัวเองไว้

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 11 (ต่อ)

เช้าวันใหม่ ที่คลังรถไฟ ทาคาโอะและนาบุกำชับลูกน้องมิซาว่าขนย้ายลังใส่สินค้าจากตู้โบกี้รถไฟ ขึ้นรถเทรเลอร์ขนาดใหญ่หลายคันที่มาจอดเรียงรายกันอยู่
 
มาซารุเดินมาพร้อม ยูจิ เคน ตรวจความเรียบร้อย มาซารุมั่นใจในงานครั้งนี้มาก ทาคาโอะกับนาบุกำชับลูกน้องแต่ละคนท่าทางแข็งขัน

มายูมินอนหลับอยู่ เมื่อรู้สึกตัวตื่น สิ่งแรกที่เธอคิดถึงคือริว รีบหันไปมอง
“ริว”
ริวนอนเอามือนึงเท้าคางมองมายูมิที่กำลังหลับ สีหน้าและท่าทางเต็มไปด้วยความรักในตัวผู้หญิงคนนี้
“ผมอยู่นี่”
ริวค่อยๆ ก้มหน้าไปจูบหน้าผากมายูมิ
“โอะฮะโยโกะไซมัส อรุณสวัสดิ์ คิมิ ของผม”
“ฉันกลัวคุณจะ…”
“กลัวผมจะหายไปจัดการพวกมิซาว่า…”
ริวจับมือมายูมิไว้
“ไม่ต้องห่วงต่อให้ผมไปเล่นงานพวกมัน ผมก็จะอยู่ดูแลคุณ ไม่มีวันห่างจากคุณไปไหน แม้สักก้าวเดียว”
มายูมิมองริวด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว
“ฉันจะไม่ทำตัวเป็นภาระ ฉันเลือกที่จะเป็นผู้หญิงของโอนิซึกะโซเรียว ฉันพร้อมจะเข้มแข็ง ให้สมกับตำแหน่งผู้หญิงของซามูไร”
ริวกอดมายูมิอย่างตื้นตัน เสียงเคาะประตูดัง ลูกน้องเปิดประตูเข้ามา โค้งคำนับให้ทั้งคู่
“โซเรียวครับ ท่านโคจิบอกว่างานกำลังจะเริ่มแล้ว”
ริวยิ้ม มายูมิมองริวอย่างสงสัยว่างานอะไร

โคจิที่อาการดีขึ้น หันไปสั่งให้ลูกน้องนำวิทยุเครื่องหนึ่งมาวางเตรียมไว้ แล้วหันมาเห็นริว กับมายูมิ
“มาได้เวลาพอดีเลย”
“ทำไมวันนี้อาโคจิสนใจฟังข่าวแต่เช้า” มายูมิแปลกใจ
“เพราะวันนี้มีงานสำคัญ”
มายูมิหันไปถามริว
“ตกลงจะบอกฉันได้รึยังคะว่างานอะไร”
“คุณเคยได้ยินมั้ยมายูมิ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่คือชัยชนะที่ไม่ต้องใช้กำลัง ขอแค่เราใช้สมองกับจิตใจที่ดีงาม ความสำเร็จก็จะได้มาโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ…สมัยเด็กๆ อาโคจิเคยกล่าวถึงพฤติกรรมแห่งความวิบัติของมนุษย์มีอะไรบ้างนะครับ…”
“หลงตัวเอง บ้าอำนาจ ทรนงตัวเองมากเกินไป” โคจิตอบ

มาซารุเดินตรวจที่ด้านท้ายคอนเทนเนอร์แต่ละคัน ที่ภายในมีลังบรรจุของอยู่เต็มไปหมด
“ทำงานกันช้าเกินไป เร่งมือหน่อย” มาซารุชี้นิ้วสั่ง
ทาคาโอะหันมามองมาซารุอย่างไม่พอใจนักที่เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง
“งานนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด มั่นใจนะว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่มาขวางระหว่างขนส่ง”
“ลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้ใครใหญ่ที่สุด ทั้งสำนักงานไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ามาซารุ โคบายาชิ อีกแล้ว” มาซารุบอกอย่างมั่นใจ
ทาคาโอะสั่งให้ปิดหลังตู้คอนเทนเนอร์คันหนึ่งไป แล้วหันมาถาม
“คนของผมมาอยู่ที่คลังสินค้าที่นี่ทั้งหมด ท่านส่งคนไปดูความเคลื่อนไหว ของโอะนิซึกะกับมิอุระบ้างมั้ย”

ริวนั่งคุยกับมายูมิกับโคจิอย่างมั่นใจในแผนที่วางไว้
“การประมาทคู่แข่ง หยิ่งยโส ลำพองใจ ถือเป็นพฤติกรรมแห่งความวิบัติอีกข้อหนึ่ง สุภาษิตญี่ปุ่นบทหนึ่งกล่าวไว้ว่าถ้าวิ่งก็จะสะดุด หากเร่งร้อนเกินไป มักจะผิดพลาด แต่ถ้าจำเป็นต้องทำอะไรด้วยความเร่งรีบ ต้องมั่นใจว่าเราทำด้วยความรอบคอบอย่างที่สุด”

ทาคาโอะเดินตามมาซารุ ยูจิ เคน มาตามรถคอนเทนเนอร์ที่กำลังจะขนส่งของออกไป
“ไม่ต้องไปสนใจโอะนิซึกะ คนพิการอย่างไอ้ริวไม่มีวันทำอะไรเราได้”
ยูจิบอกอย่างมั่นใจ มาซารุชี้หน้าทาคาโอะ กำชับแบบเอาเรื่อง
“ถ้าจะพลาดก็พลาดเพราะแกนั่นแหละไม่ใช่เรา ทำงานของแกไป ของล็อตนี้สำคัญมากนะ ท่านยามาโมโต้ต้องการเงินสนับสนุนจำนวนมหาศาล เพื่อจะใช้เงินซื้ออิทธิพลเหนือบารมีของโอะนิซึกะที่มีต่อ
ชาวเมือง”
“รู้...ไม่ต้องย้ำ” ทาคาโอะไม่พอใจ
“ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ให้ออกเดินทางได้เลย ฉันจะรีบกลับไปสำนักงาน สั่งให้เปิดทางทุกด่าน”

มาซารุกับพวกเดินแยกไป ทาคาโอะมองตาม

หน้าคลังรถไฟ ทาคาโอะยืนปล่อยรถคอนเทนเนอร์ทีละคัน โดยมีนาบุยืนอยู่ข้างๆ เคนเปิดประตูให้มาซารุกับยูจิขึ้นไปบนรถส่วนตัวกำลังจะออกไป มาซารุสั่ง
 
“วิทยุไปบอกท่านยามาโมโต้ สินค้าทุกอย่างเรียบร้อย กำลังเดินทางไปที่จุดหมาย”
รถคอนเทนเนอร์แต่ละคันแล่นออกไปเป็นขบวน

รถคอนเทนเนอร์ต่างขับเรียงรายกันมาตามถนน คนขับรถของแต่ละคัน สวมหน้ากากปิดหน้า
ภายในคอนเทนเนอร์ ลูกน้องมิซาว่าเฝ้าลังสินค้าพร้อมอาวุธครบมือ ที่ช่องอากาศคอนเทนเนอร์ มีควันสีขาวพวยพุ่งออกมา ตลบอบอวลเต็มไปทั้งตู้ ลูกน้องมิซาว่าสูดควันเข้าไปล้มทั้งยืน ภายในคอนเทนเนอร์คันอื่นๆ เกิดเหตุการณ์เหมือนๆ กัน ลูกน้องสลบเหมือดคาตู้
คนขับรถคอนเทนเนอร์ 3 คันแรกดึงหน้ากากปิดหน้าออก พวกเขาคือ ไทชิ คัตสึ และ เซกิ ที่กำลังขับรถอยู่ ทั้งสามคนยกมือสั่งสัญญาณให้กันอย่างพอใจที่งานสำเร็จ

ริวสีหน้าและแววตามุ่งมั่นมาก หันมายิ้มกับมายูมิและโคจิ
“ถ้าใช้สมองและการวางแผนที่รัดกุม คนที่เดินไม่ได้แถมว่าที่ภรรยาไม่ยอมให้ห่างไปไหน ก็สามารถนั่งสั่งงานและรอความสำเร็จได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงอันตราย”
โคจิมองริวอย่างชื่นชม มายูมิมองริวอย่างสงสัย
“ความสำเร็จเหรอคะ”
“รายงานข่าวภาคเช้าทางวิทยุไงครับ”
โคจิหันไปเปิดวิทยุ มายูมิมองริวแล้วมองวิทยุอย่างไม่เข้าใจ

มาซารุนั่งทำงานอย่างมีความสุข ทันใดนั้นเคนเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยหน้าตาตื่นตระหนก
“ท่านครับ”
มาซารุมองเคนอย่างตกใจ ที่อยู่ๆ เคนเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะประตู

มาซารุเดินออกจากสำนักงานตำรวจด้วยความร้อนใจ โดยมียูจิกับเคนเดินตามออกมาด้วย มาซารุเห็นรถคอนเทนเนอร์แล้วถึงกับอึ้ง เพราะจำได้ว่าเป็นตู้ที่ขนของมิซาว่า รีบถามเคนอย่างร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้น”
“มีคนเอารถพวกนี้มาจอด”
“ใคร” ยูจิถาม
“ไม่มีใครเห็นคนขับ แต่มีจดหมายระบุว่ามียาเสพติดอยู่ภายในตู้ทั้งหมด”
มาซารุพยายามควบคุมตัวเองให้ปกติที่สุด
“มีคนตรวจในตู้คอนเทนเนอร์รึยัง”
“รอคำสั่งท่านอยู่ครับ”
มาซารุคิดหาทาง
“เพื่อความมั่นใจอย่าเพิ่งทำอะไรทั้งนั้น รอให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานมาก่อน”
พูดยังไม่ทันขาดคำ หลังตู้คอนเทนเนอร์ตู้หนึ่งมีลังถูกยกออกมา มาซารุร้องถามอย่างตกใจ
“เอาของพวกนี้ออกมาทำไม”
ฮิโระเดินมาจากหลังตู้รถคอนเทนเนอร์คันนั้น
“ผมสั่ง...”
มาซารุ ยูจิ เคนมองฮิโระอย่างไม่พอใจ
“ฮิโระ…”
“มีคนโทรนัดให้นักข่าวมาทำข่าวการจับยาเสพติดครั้งใหญ่ เราคงต้องมีของกลางแสดงให้นักข่าวดู”
ทันใดนั้นนักข่าวเป็นสิบๆ คนกรูเข้ามาในบริเวณนั้น มาซารุ ยูจิ เคนมองนักข่าวอย่างตกใจอึ้ง
“ท่านคะ มีผู้ประสงค์ดีแจ้งว่ามีการขนย้ายยาเสพติดเป็นพันๆ กิโลเลยเหรอคะ”
“ใช่ของในรถคอนเทนเนอร์นี่รึเปล่าคะ”

มาซารุพยายามทำตัวให้นิ่งสงบเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ลอบมองของกลางทั้งหมดอย่างเครียดจัด

มาซารุเดินเข้าไนท์คลับมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวโดยมี ยูจิ เคนเดินตามเข้ามา ทาคาโอะเดินออกจากภายใน โดยมีนาบุเดินตามมาด้วย มาซารุพุ่งเข้าไปต่อยหน้าทาคาโอะจนล้มคว่ำ
 
“ทำไมทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้”
มาซารุเข้าไปกระชากคอเสื้อทาคาโอะอย่างโมโหสุดขีด
“แกรู้ไหมว่าผลการผิดพลาดครั้งนี้ จะทำให้ท่านยามาโมโต้โกรธแค่ไหน”
ทาคาโอะปัดมือมาซารุออกจากเสื้อตัวเองอย่างโมโหเช่นกัน
“เตือนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าประมาทไอ้ริว บอกให้ส่งคนไปดูความเคลื่อนไหว ของมันแล้วใช่มั้ย” ทาคาโอะตวาด
“ไอ้ริว...” ยูจิอึ้งๆ
“มันส่งคนมาเล่นงานเรา ถ้าทำอะไรรอบคอบคงไม่เกิดเหตุแบบนี้” ทาคาโอะชี้หน้ายูจิ “เพราะแกบ้าแต่ผู้หญิง ไม่ตั้งใจทำงาน วันๆ คิดแต่จะเอาชนะใจเมียไอ้ริว”
ยูจิพุ่งเข้าไปจะต่อย ทาคาโอะหลบทันแล้วต่อยยูจิคว่ำไป
“ไอ้ผู้กองขี้ยา ชีวิตแกเคยทำอะไรสำเร็จบ้างมั้ยวะ นอกจากมั่วผู้หญิงกับติดยาน่ะ”
มาซารุจ้องหน้ายูจิ เมื่อได้ยินเรื่องที่ทาคาโอะพูดเรื่องยูจิติดยา เพราะเคยสั่งให้เลิกแล้ว ทาคาโอะกระชากคอเสื้อยูจิมาจะชกอีก แต่มาซารุเอามือรับหมัดไว้ แล้วเหวี่ยงหมัดของ ทาคาโอะออกอย่างแรง
“ถ้ามั่นใจว่าโอนิซึกะเป็นคนทำก็ไปจัดการมันสิ ไม่ใช่มากัดกันเอง อย่างน้อยถ้าท่านมายาโมโต้ได้ตัวโอนิซึกะโซเรียว พวกเราจะได้ปลอดภัยบ้าง”
“ผมจัดการเอง อย่าให้พวกดีแต่ปากไปทำเลย” ยูจิเย้ย
“ไม่ต้องยุ่ง แกกับฉันมีเรื่องต้องสะสางกัน”
มาซารุชี้หน้ายูจิอย่างเอาเรื่อง

อพาร์ทเมนท์ยูจิ...มาซารุหยิบกล่องใส่ยากล่อมประสาทของยูจิเททิ้งลงไปที่พื้นกระจาย เอาเท้าขยี้เหยียบด้วยความโกรธมาก ยูจิพยายามขวางมาซารุ
“พ่อ อย่า….”
มาซารุต่อยยูจิล้มกลิ้ง
“ต่อไปนี้อย่าให้ฉันเห็นแกแตะต้องยานี่อีก ไม่อย่างนั้นฉันกระทืบแกตายแน่”
“พ่อก็รู้ว่าถ้าไม่กินยาแล้วผมจะเป็นยังไง”
“นั่นแหละที่ฉันต้องการ นังหมอสาวนั่นมันจะได้รู้ธาตุแท้ของแก แกจะได้เลิกเพ้อฝันถึงมันสักที”
“พ่อ”
“ฉันลงทุนทั้งชีวิต ปูทางไว้ทุกอย่างก็เพื่อให้แกได้ไปถึงจุดสูงสุดอย่างฉัน ฉันจะไม่มีวันให้พังเพราะความรักบ้าบอของแกเด็ดขาด”
มาซารุเดินออกจากห้องไป ยูจิทรุดกองอยู่ที่พื้น มองตามพ่ออย่างโกรธจัด

อาคิโกะแต่งตัวสวย ในมือกำเข็มกลัดรูปผีเสื้อตัวแทนของมายูมิ
“นังมายูมิ นับเวลาถอยหลังที่จะได้อยู่กับริวของฉันได้ ฉันจะเปิดโปงเรื่องของแกกับยูจิ”
อาคิโกะเดินไปเปิดประตู ยูจิโผล่เข้ามาด้วยสภาพโทรมอย่างคนโหยยา
“ผู้กองยูจิ”
อาคิโกะมองยูจิอย่างตกใจ หวาดกลัว พูดไม่ทันจบ ยูจิพุ่งเข้าไปจิกผมแล้วปิดประตูดัง ปัง !
“อ๊ายอย่าทำฉัน” อาคิโกะร้องลั่น

ในสวนสวยในบ้านโอนิซึกะ ริวนั่งรถเข็นมองต้นไม้ในสวนด้วยความสบายใจ ทันใดนั้นได้ยินเสียงภายในบ้านอึกทึกครึกโครมเหมือนคนในบ้านวิ่งกันวุ่นวาย ริวมองไปทางบ้าน มายูมิเดินมาหา
“เกิดอะไรขึ้น”
“คลังสินค้าทั้งสามแห่งของเราโทรเข้ามาบอกว่าไฟไหม้ค่ะ”
“ไฟไหม้ทั้งสามแห่ง เกิดขึ้นพร้อมๆ กันเนี่ยนะ”

ริวตกใจมาก ไม่น้อยไปกว่ามายูมิ

ทาคาโอะแอบเข้ามาในบ้านโอะนิซึกะ ลอบมองไปทางด้านใน นาบุกับลูกน้องมิซาว่าหลายคน เล่นงานลูกน้องโอะนิซึกะในแต่ละมุม จนคนที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดกลายเป็นคนของมิซาว่า

ไทชิเดินนำ คัตสึ และ เซกิ รวมทั้งลูกน้องอีกหลายคนออกมาจากในบ้าน พร้อมๆ กับหันมารายงานริว
“คาดว่าน่าจะเกิดจากการวางเพลิงครับโซเรียว ตอนนี้ตำรวจคุมไฟไว้ได้แล้วสองแห่ง เหลือที่ฝั่งตะวันออกที่ยังสกัดไฟกันอยู่”
“รีบไปประสานงานกับตำรวจเดี๋ยวนี้ ฉันต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ริวสั่ง
“แต่เราต้องดูแลโซเรียว”
“ฉันดูแลตัวเองได้ มายูมิก็อยู่ แต่ที่บริษัทไม่เหลือใคร ตอนนี้พวกนายต้องทำงานแทนฉัน”
ไทชิ คัตสิ เซกิรับคำ
“ครับโซเรียว”
“รีบไปได้แล้ว”
ทั้งสามคนรีบออกไป มายูมิจึงถามริว
“เรื่องไฟไหม้จะเกี่ยวกับพวกมิซาว่ามั้ยคะ ข่าวจับยาเสพติดเมื่อเช้าพูดถึง แต่พวกมิซาว่า…”
ริวจับมือมายูมิ
“คุณรีบโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเราส่งคนไปแล้ว เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ถ้ามีอะไรคืบหน้าให้ติดต่อมาทันที”
“ค่ะ” มายูมิรีบเดินเข้าไปภายในบ้าน
ริวมองไปรอบๆ อย่างใช้ความคิด ทาคาโอะเดินเข้ามายืนข้างหลัง ริวเหมือนยังนั่งมองต้นไม้ แต่ความจริงรู้สึกถึงความเคลื่อนไหว ทันใดนั้นทาคาโอะถีบรถเข็น ริวล้มลงกับพื้น
ทาคาโอะ นาบุ และ ลูกน้องมิซาว่ามองริวที่ล้มกลิ้งเหมือนคนพิการนอนกับพื้นอย่างสะใจ
“ไหนวะ โอนิซึกะที่แสนฉลาด แค่แผนโง่ๆ ก็หลอกคนทั้งบ้านให้แห่ออกไปได้ เหลือผู้หญิงกับคนง่อยไว้”
ริวพยายามจะยันตัวเองให้ลุกขึ้น ทาคาโอะเดินมายืนตรงหน้าริว แล้วเหยียบมือริวที่พยายามยันตัวเอง
“ถ้าตีงูต้องตีให้ตาย ไม่อย่างนั้น มันก็ยังแว้งกัดได้ ขนาดขาพิการมันยังใช้ปากสั่งงาน อย่างนี้คงต้องทำให้มันเป็นอัมพาตไปทั้งตัว”
ทาคาโอะเตะเสยคางริว จนล้มหงาย
“นายครับ แล้วนายหญิงแห่งโอนิซึกะล่ะครับ” นาบุถาม
“ปล่อยไว้ทำไม น่าสงสารที่มีผัวพิการ ฮ่าๆ ไปจับตัวมันมา”
“อย่าแตะต้องมายูมิ” ริวพูดเสียงเข้ม
ทาคาโอะ นาบุ ลุกน้องมิซาว่ามองริวอยู่กับพื้นแล้วหัวเราะเยาะเย้ย
“คำสั่งโอะนิซึกะโซเรียวนี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน อยากปกป้องผู้หญิงของตัวเองเหรอ…ได้ ฉันก็อยากจะเห็นว่าไอ้พิการอย่างแก จะปกป้องนังคุณหมอสาวสวยยังไง” ทาคาโอะหันไปสั่งนาบุ “ไปลากนังหมอนั่นออกมา”
นาบุจะเดินเข้าบ้านไปจับตัวมายูมิ ทันใดนั้นไม่มีใครคาดถึง ริวลุกขึ้น วิ่งสองเท้ากระโดดตัวลอยตรงเข้าถีบนาบุจนล้มทั้งยืน ลูกน้องมิซาว่าจะเข้ามาเล่นงาน แต่กลับโดนริวเล่นงานเข้าไปอีก แบบไม่ทันให้ตั้งตัว ทาคาโอะมองภาพริวกระโดดเตะนาบุล้มในชั่วพริบตาอย่างอึ้ง
“นี่แก”
“ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว ไอ้ทาคาโอะ”

ริวตรงเข้าวาดลวดลายการต่อสู้ เล่นงานทาคาโอะแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ทั้งต่อยทั้งเตะจระเข้ฟาดหางเข้าปลายคางทาคาโอะ จนร่างทาคาโอะหมุนล้มคว่ำไปไม่เป็นท่า ริวตั้งการ์ดเตรียมพร้อมต่อสู้กับทาคาโอะและลูกน้องที่เหลือ


จบตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น