xs
xsm
sm
md
lg

รักต้องอุ้ม ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 7
มินวิ่งหน้าตั้งไม่เหลียวหลัง ชัยที่กวดมาไม่ห่างนักเข้ามาคว้าแขนแล้วกระชากมินไว้ มินพยายามสะบัดสู้เต็มที่ ยุทธเข้ามารวบตัว มินดิ้นสุดชีวิต ลันตาวิ่งตามมาเห็นก็คว้าท่อนไม้เหวี่ยงเข้าตีชัยสุดแรง ชัยผงะไปด้วยความเจ็บแต่ก็ไม่ล้ม ชัยหันกลับมาเหวี่ยงมือตบลันตาดังผัวะ!

“โอ้ย!”
สิปาดันวิ่งตามเข้ามา เขาเห็นตอนที่ลันตาโดนตบพอดีก็โกรธมาก สิปาดันกระโดดเตะชัยสุดตัว แล้วจัดการเตะอัดชัยด้วยความโกรธแบบไม่นับจนชัยสลบคาเท้า

ยุทธตกใจที่เห็นชัยสลบไปทำให้ยุทธเสียจังหวะ มินตัดสินใจเอาหัวกระแทกคางยุทธ ยุทธมึนแต่ยังใช้มือจิกหัวมินไว้ ลันตาเข้ามาจิกหัวยุทธอีกที ยุทธหน้าหงายตามแรงดึงของลันตา มินเห็นเป็นโอกาสก็รีบวิ่งหนีไปทันที
“มิน!”
ลันตาตกใจ
ลันตาหันมาหาสิปาดัน “สิปา ช่วยด้วย”
สิปารีบเข้าไปช่วยล็อคคอยุทธ ลันตาจะเดินไป สิปาดันตกใจ
“ไอ้ลัน!”
สิปาดันละล้าละลังเพราะยังติดพันกับยุทธ “ไอ้กบ!”
กีรติหันมาปั๊บ สิปาดันก็เหวี่ยงยุทธไปทางกีรติทันที “รับต่อที!”
กีรติเห็นยุทธถลามาก็ถีบสวนตามสัญชาติญาณจนยุทธหงายล้มลงไป
“ไอ้สิปา!”
กีรติจะไปแต่ยุทธคว้าข้อเท้าของกีรติไว้ กีรติล้ม ยุทธกระโจนเข้ามาเล่นงาน กีรติตะลุมบอนกับยุทธทำให้แพทตัดสินใจจะอยู่ช่วย แพทจับกระเป๋าตั้งท่าจะเหวี่ยงใส่ยุทธ ทั้งกีรติกับยุทธผลัดกันได้เปรียบไปมาจนแพทง้างหลายทีแต่ก็ลงมือไม่ได้
แพทพยายามเล็งจนงง “นิ่งๆ สิคุณ!”
กีรติกับยุทธไม่ได้ยินทั้งคู่ กีรติพลิกตัวมาได้ก็จับหัวชัยกระแทกพื้น ชัยฮึดแล้วพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน แพทเหวี่ยงกระเป๋าทันทีหวังว่าจะเล่นงานยุทธแต่เป็นจังหวะที่กีรติพลิกตัวขึ้นมาเลยเจอกระเป๋าฟาดเข้าที่หัวกีรติเต็ม ๆ กีรติมึน ยุทธจะลุกขึ้น แพทก็ไวเหวี่ยงกระเป๋าเข้าใส่จนยุทธมึน แพทเหวี่ยงใส่อีกไม่ยั้ง จนยุทธมึน เซล้ม แล้วสลบไป กีรติขยับถอยออกมาด้วยสภาพที่เหนื่อยจากการออกแรง
“เป็นไงมั่งคุณ!” แพทถาม
กีรติพยายามลุกขึ้นมาทั้งที่ยังมึนมาก
“คุณตีผมทำไม” กีรติถาม
แพทรู้สึกผิด “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ลุกขึ้นไหวไหมคุณ”
แพทพยายามดึงกีรติให้ลุกขึ้นมา
“ระวังนะคุณ”
กีรติยังมึน “รีบตามคุณลันไป”
แพทจับแขนกีรติมาคล้องคอไว้แล้วจะพาไป แต่จังหวะก้าวเท้าของแพทเหยียบบนหินที่ไม่เท่ากันทำให้เหยียบพลาดจนเสียหลัก
“เฮ้ย!”
แพทจะหงายหลัง จังหวะจะหงายด้วยความตกใจก็คว้าคอเสื้อกีรติที่ยังตั้งหลักไม่ได้ทำให้ทั้งคู่ล้มกลิ้งลงไปตามทางลาดลงไปจนถึงพื้นด้านล่าง

ลันตาวิ่งเข้ามาในป่าแล้วมองหา ลันตาเห็นมินวิ่งด้วยความคล่องแคล่ว
ลันตาเรียก “หยุดก่อน มิน!”
มินไม่หยุด ลันตาวิ่งตาม สิปาดันที่ตามลันตามาต้องรีบวิ่งตามไปเพราะกลัวคลาดสายตา มินยังคงวิ่ง ลันตากับสิปาดันวิ่งตาม ลันตาเหนื่อยจุกเพราะวิ่งติดกันมานาน ลันตาหยุด
“มินหายไปไหนแล้ววะ สิปา..” ลันตาถาม
สิปาดันมองไปรอบๆ “ไม่เห็นเลยว่ะ”
“โอ้ย...” ลันตาจุกและเหนื่อยจึงนั่งลง “ฉันวิ่งไม่ไหวแล้วนะ จะหนีทำไมเนี่ย!”
“ฉันว่าเรากลับไปรอที่หมู่บ้านดีกว่า ยิ่งตามยิ่งหนี ไม่มีทางได้คุยหรอก” สิปาดันบอก
“ก็คงต้องอย่างนั้นล่ะ ตามไม่ทันแล้วนี่ ไป...”
สิปาดันส่งมือให้ลันตา ลันตาวางมือบนมือสิปาดัน สิปาดันดึงให้เธอลุกขึ้น ทั้งคู่กลับหลังหันจะเดินกลับแล้วก็ชะงัก ทั้งคู่มองไปรอบๆ ก็เห็นว่าทางไหนก็เป็นป่าที่มีหน้าตาเหมือนกันไปหมด
“ทางไหนอ่ะ สิปา...” ลันตาถาม
“ไม่รู้ว่ะ” สิปาดันตอบ
“อ้าว...แล้วตอนแกวิ่งมาทำไมแกไม่จำทางล่ะวะ”
“เอ้า...ก็ฉันเห็นแกวิ่งฉันก็วิ่งตาม เอาสมองช่วงไหนไปจำล่ะ”
“แล้วจะไปทางไหนล่ะเนี่ย”
สิปาดันมองแล้วตัดสินใจ “ทางโน้น...”
“แน่นะ...”
“เชื่อหัวสิปาเหอะน่า ระดับฉันแล้ว ไม่มีพลาด”
ลันตาทำหน้าเซ็งใส่ แต่ก็ผายมือให้สิปาดันนำไป สิปาดันเดินนำ ลันตาเดินตาม

มะนาวยืนมองไปรอบๆ ล็อบบี้ของรีสอร์ท เอื้องคำใช้ไม้เท้าประคองตัวเดินเข้ามา
“รีสอร์ทนี้เป็นของสิปาดัน” เอื้องคำบอก
มะนาวหันมา
เอื้องคำพูดต่อ “ยังมีสวนดอกไม้กับไร่องุ่นที่ทำรายได้ไม่น้อย ทั้งหมดมันควรจะเป็นแกที่ได้ครอบครองมัน รวมทั้งผู้ชายที่แกรัก”
“นาวไม่คิดว่าตัวเองจะทนอยู่กับผู้ชายที่ไม่รักนาวได้”
“แล้วแกทนเห็นผู้ชายที่แกรักมีความสุขกับผู้หญิงอื่นได้งั้นสิ” เอื้องคำถาม
มะนาวสะอึกจนพูดไม่ออก
นวลเดินเข้ามา ตามมาด้วยเหนือที่หอบกระเป๋าตามมา
“เหนือ เอากระเป๋าไปที่ห้องพักนะ” นวลสั่ง
“แต่พ่อจ๋าสั่งให้เหนืออยู่กับย่าจ๋าตลอดเวลา กันโดนสูบ....” เหนือยังพูดไม่จบ
เอื้องคำก็หันขวับไปจิกตาใส่เหนือ เหนือทำหันมองเมินไปทางอื่น
นวลหยิกเหนือ “ย่าบอกให้เอากระเป๋าไปเก็บก็ไปสิ!”
เหนือทำท่าจะดื้อ
“ถ้าไม่เชื่อฟังย่า ย่าจะไม่รักนะ” นวลว่า
เหนือโดนจี้จุดอ่อนเพราะรักครอบครัวสิปาดันมาก “ไปเดี๋ยวนี้เลยจ๊ะ” เหนือมองเอื้องคำอย่างไม่ชอบใจนักแต่ก็จำต้องไป

เหนือหอบกระเป๋าเดินออกไป
“ไปที่ห้องพักเลยไหมคะพี่เอื้อง...”
เอื้องคำพูดด้วยเสียงเอาเรื่อง “เงินไม่กี่ล้าน ทำไมต้องให้ฉันต้องรอถึงพรุ่งนี้”
“ตอนนี้เรื่องในบ้านทุกอย่าง สิปาจะต้องรับรู้และตัดสินใจด้วยค่ะ”
เอื้องคำสบตากับมะนาว “หมายความว่าสิปาอยู่ที่นี่ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯเหรอ”
“ค่ะ...สิปาขึ้นดอยไปกับเพื่อน ๆ คืนนี้คงกลับมา”
“ไม่ว่าสิปาจะอยู่หรือไม่ ผลมันก็ออกมาเหมือนกันอยู่ดี จริงไหม? ถ้าพี่ชายเธอยังอยู่ เขาจะไม่ปล่อยให้ฉันต้องลำบากแบบนี้...ชีวิตฉันต้องพัง เสียขา เสียคนที่รักก็เพราะเธอ”
นวลสะเทือนใจเพราะรู้สึกผิดมาตลอด “นวลขอโทษนะคะพี่เอื้องคำ นวล..”
“คำขอโทษของเธอ มันชดเชยกับการสูญเสียของฉันไม่ได้!” เอื้องคำบอก
“แต่นวลก็พยายามชดใช้ให้ทุกอย่าง”
“แค่เศษเงินที่โยนให้ฉัน มาตราฐานมโนธรรมเธอคงต่ำมากสินะ...” เอื้องคำว่า
นวลเจอสายตากดดันของเอื้องคำก็หลบตา เอื้องคำจงใจปล่อยไม้เท้าทิ้งลงพื้น นวลกับมะนาวมองเอื้องคำ มะนาวจะขยับไปเก็บให้
เอื้องคำเสียงดัง “มะนาว!”
มะนาวชะงักไม่กล้าขยับ
เอื้องคำพูดเสียงเรียบแต่แสดงอำนาจที่เหนือว่านวล “นวล...”
นวลขยับลงไปเก็บไม้เท้าซึ่งมองเห็นได้ว่านวลกำลังก้มลงให้กับเอื้องคำเหมือนอยู่ในอำนาจของเอื้องคำ นวลหยิบไม้เท้าขึ้นมาให้เอื้องคำ
“ฉันเหนื่อย ...ห้องพักฉันอยู่ที่ไหน” เอื้องคำถาม
“นวลจะพาไปนะคะ”
นวลเดินนำไป เอื้องคำหันมองมะนาวส่งสายตายิ้มเยาะมั่นใจในอำนาจต่อรองที่ตัวเองมี ก่อนจะใช้ไม้เท้าค่อย ๆ เดินตามย่านวลไป มะนาวมองรอบๆ ล็อบบี้อีกครั้งแล้วก็ก้าวตามเอื้องคำไป

กีรติกับแพทอยู่ในสภาพที่นอนกอดกันหลังจากกลิ้งลงมาจนถึงด้านล่าง แพทรู้สึกว่าทุกอย่างหยุดแล้วจึงลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่ากีรติอยู่ตรงหน้า แพทอึ้งนิด ๆ ที่ได้อยู่ใกล้กีรติขนาดนี้ กีรติกับแพทนอนนิ่งในสภาพที่กอดกัน กีรติค่อยๆ ลืมตาทั้งที่ยังมึนๆ แล้วขยับขึ้นมานั่ง แพทขยับลุกตามขึ้นมา
“คุณเป็นยังไงบ้าง” กีรติถาม
“ฉันมึน ๆ นิดหน่อย”
กีรติจะดึงหัวแพทมาเพื่อดู
แพทรีบบอก “ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ”
“อย่าประมาท...เผื่อเจ็บจนชาไม่รู้สึก ต้องรอบคอบไว้ก่อน” กีรติจับหัวแพทมามองสำรวจ
แพทรู้สึกว่าอยู่ใกล้กันเกินไปแล้ว เธอเขินจึงดันกีรติออก
“บอกว่าไม่เป็นก็ไม่เป็นสิคุณ” แพทว่า
กีรติปล่อยมือด้วยอารมณ์ก็ตามใจ เขาลุกขึ้นเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน
“สงสัยปีนี้ผมจะชง” กีรติว่า
แพทหันมามอง
“ที่เจอไอ้พวกนั้นตามทำร้ายน่ะเหรอ” แพทถาม
“เพราะเจอกับคุณนี่ล่ะ โดนกระเป๋าฟาดหัว กลิ้งตกเขา ฝีมือคุณทั้งนั้น หรือจะเถียง”
“ก็ตั้งใจจะช่วย คุณไม่ระวังเอง ไม่งั้นฉันจัดการพวกมันได้แล้ว”
“อ๋อ...ผมผิดงั้นสิ”
“ใช่...”
“เอาล่ะ..เลิกเถียงกันแล้วเดินกลับขึ้นไป ผมอยากรีบตามหาสองคนนั้นก่อนที่ฟ้าจะมืด”
กีรติเดินนำขึ้นไป แพทเดินตามอย่างไม่พอใจนัก

ธัญญาเรศคุยมือถือ
“ญ่าสัมภาษณ์แขกรับเชิญเรียบร้อยแล้วค่ะพี่นี จะรีบกลับเข้าไปเร็วที่สุดนะคะ”
มิ้งค์ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์กาแฟ เธอมองจับจ้องที่มือถือของธัญญาเรศตลอด ธัญญาเรศเก็บมือถือลงกระเป๋า มิ้งค์มองอย่างคิดหนักกว่าจะหาทางดูโทรศัพท์ของธัญญาเรศได้ยังไง มิ้งค์รับแก้วกาแฟมา เธอชะงักมองแล้วคิด มิ้งค์เดินมาถึงใกล้ตัวธัญญาเรศแล้วตัดสินใจทำกาแฟหกใส่แขนเสื้อธัญญาเรศ
“ขอโทษค่ะพี่ญ่า มิ้งค์ไม่ได้ตั้งใจ”
“บ้าจริง!”
“รีบไปล้างเถอะค่ะ เดี๋ยวจะล้างไม่ออก”
ธัญญาเรศเดินหัวเสียออกไป มิ้งค์เดินตาม

ธัญญาเรศจะเข้าห้องน้ำ
มิ้งค์เรียกไว้ “พี่ญ่าค่ะ มิ้งค์ถือกระเป๋าให้ดีกว่านะคะ จะได้สะดวก”
ธัญญาเรศไม่ได้สงสัยอะไรจึงส่งกระเป๋าให้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป มิ้งค์มองตามแล้วรีบล้วงเอามือถือธัญญาเรศมาเปิดจะไล่ดูเบอร์แต่ปรากฏว่าติดรหัส
“ใส่รหัสอีก! แล้วมันรหัสอะไรล่ะเนี่ย”
มิ้งค์พยายามกดมั่วๆ อยู่หลายครั้งพลางมองไปทางห้องน้ำด้วยความร้อนใจ

ธัญญาเรศที่อยู่ในห้องน้ำทำความสะอาดมือเรียบร้อยก็เช็คความเรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องน้ำ
มิ้งค์ยังยืนกดโทรศัพท์โดยพยายามจะเปิดดูให้ได้อยู่ข้างนอก ธัญญาเรศกำลังเดินออกมา โดยที่ถ้า
เธอเลี้ยวมาก็จะเห็นว่ามิ้งค์กำลังกดโทรศัพท์อยู่ ธัญญาเรศกำลังจะเลี้ยวโดยที่มิ้งค์ไม่รู้ตัว
มิ้งค์ยังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์วุ่นอยู่กับการพยายามจะปลดล็อคโทรศัพท์
อ่านต่อหน้าที่ 2


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 7 (ต่อ)
ธัญญาเรศก้าวออกมาโดยกำลังจะเห็นมิ้งค์ที่ถือโทรศัพท์มือถือของธัญญาเรศอยู่ในมือ ทันใดนั้นพอลก็พุ่งเข้ามากอดมิ้งค์แบบโผทั้งตัว

“มิ อามอเร่!...”
มิ้งค์ตกใจมากที่จู่ๆ ก็โดนกอด พอเห็นเป็นพอลมิ้งค์ก็โวยวาย
“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”
พอลกระซิบ “ผมช่วยคุณอยู่นะ”
“ช่วยบ้าอะไร ไอ้หื่น ปล่อยฉัน”
พอลกระซิบ “บอกให้นิ่งๆ”
“ไม่!”
ธัญญาเรศเดินเข้ามาหยุดมอง
“มิ้งค์!”
มิ้งค์ชะงักที่ได้ยินเสียงธัญญาเรศ มิ้งค์ตกใจโดยยังถือโทรศัพท์อยู่ในมือ
พอลสั่งด้วยการกระซิบ “เก็บมือถือสิ เร็ว!”
พอลหันไปหาธัญญาเรศ แต่ตัวยังกอดมิ้งค์เพื่อบังเอาไว้
“สวัสดีครับ คุณธัญญาเรศ” พอลทัก
“คุณพอล? ทำไมคุณกับมิ้งค์” ธัญญาเรศงง
จังหวะที่พอลดึงความสนใจมิ้งค์ก็รีบเอาโทรศัพท์มือถือของธัญญาเรศเก็บลงในกระเป๋าอย่างเนียนที่สุด
“ขอโทษทีนะครับ ผมไม่ได้เจอกับเขามาสองวันก็เลยคิดถึงน่ะครับ คิดถึงผมไหม” พอลถาม
“ฉัน...” มิ้งค์อึกอัก
“เขินล่ะสิ... น่ารัก ขี้อายแบบนี้ล่ะครับ มิ อามอเร่”
พอลโอบแบบเนียนมาก
มิ้งค์พยายามจะหยิกมือพอลที่โอบเธออยู่ ธัญญาเรศมองอย่างไม่พอใจ ธัญญาเรศมองผ่านมิ้งค์กับพอลไปเห็นอนุชิตกำลังเดินอยู่กับสุทธิสา
“สิบนาที จัดการธุระให้เรียบร้อย พี่จะไปรอที่รถ” ธัญญาเรศบอก
ธัญญาเรศพูดจบก็ยื่นมือมาตรงหน้ามิ้งค์ มิ้งค์รู้หน้าที่ก็รีบส่งกระเป๋าให้ ธัญญาเรศรีบเดินออกไป มิ้งค์หันมาหาพอลทันที
“คุณรู้ได้ยังไงว่าโทรศัพท์นั่น..”
“ผมเห็นตั้งแต่คุณรับกระเป๋ามาแล้วหยิบโทรศัพท์คุณธัญญาเรศออกมาดูแล้ว แล้วคุณไปแอบดูโทรศัพท์เขาทำไม” พอลถาม
มิ้งค์มองพอลอย่างชั่งใจ
“ถ้าไม่อยากบอกผมก็ไม่เป็นไร งั้นผมไปล่ะ” พอลทำท่าจะเดินไป
“พี่ธัญญ่าคิดไม่ซื่อกับพี่ลัน” มิ้งค์บอก
“พี่ลัน? คุณลันตาน่ะเหรอ”
มิ้งค์พยักหน้ารับ พอลมองว่ามีอะไร

อนุชิตเดินมาส่งสุทธิสาที่รถ
“ขอบคุณน้าสามากนะครับที่ยอมช่วย..” อนุชิตบอก
“ก็แค่ช่วยตั้งต้นให้ พอนุตาม...ใครนะที่จะให้มาบริหารหนังสือเล่มนี้” สุทธิสาว่า
“ลันตาครับ...”
“อืม...พยายามตามมาให้ได้ก่อนเดือนหน้านะ เพราะน้าก็มีจ็อบเหมือนกัน”
“ผู้บริหารสุดฮอทจริงๆ ขอบคุณนะครับ”
อนุชิตยกมือไหว้สุทธิสา สุทธิสาเดินไป อนุชิตหันกลับมาก็ชะงักที่เห็นธัญญาเรศยืนอยู่
“ให้ลันเป็นผู้บริหารหนังสือเล่มใหม่ของคุณงั้นเหรอ” ธัญญาเรศถาม
“ใช่...” อนุชิตตอบ
“แต่ลันเป็นแค่คอลัมนิสต์ ไม่เคยเป็นบ.ก.ด้วยซ้ำ”
“งานนี้ผมไม่ได้เลือกจากประสบการณ์ ผมเลือกจากสถานภาพ...ภรรยาของผม”
“คุณนุ!”
“เธอได้ไปมากแล้วธัญญาเรศ” อนุชิตมีสายตาแข็งกร้าว “อย่าให้มันมากไป”
“ฉันจะ” ธัญญาเรศจะพูดว่าแฉ
“อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าที่อรมาอาละวาดกับลันเป็นฝีมือคุณ”
ธัญญาเรศมีท่าทางไม่ยี่หระ “แล้วยังไง...”
“ผมจะไม่ยอมให้คุณข่มขู่ผมไปตลอดชีวิตแน่!” อนุชิตว่า
“ฉันก็จะไม่ยอมเสียของ ๆฉันไปเหมือนกัน” ธัญญาเรศบอก
“ก็ลองดู...ว่าใครจะชนะเกมนี้”
อนุชิตประกาศกร้าว ธัญญาเรศมองตามไปด้วยสายตาไม่ยอมแพ้ มิ้งค์กับพอลแอบยืนฟังอยู่มุมหนึ่ง สีหน้ามิ้งค์ตกใจมาก
“คุณตกใจอะไร แล้วผู้ชายคนนั้น..” พอลถาม
“ไว้คุยกันที่คอนโด ฉันไปก่อนนะ” มิ้งค์ลา
มิ้งค์ไม่รอให้พอลตอบ เธอรีบเดินเข้าไปหาธัญญาเรศ พอลมองตามอย่างงงๆ ว่าอะไรกันวะ

สิปาดันเดินนำลันตาอยู่ในป่า ลันตามองไปทางไหนก็ดูเหมือน ๆ กันไปหมด
“สิปา...ฉันว่า...เราหลงแล้วว่ะ”
“ว่าจะบอกพอดีเลย”
ลันตาหันมาแบบเอาเรื่อง เธอใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากสิปาดัน “ ไหนว่าเชื่อหัวแกได้ไง หัวขี้เลื่อยน่ะสิ! เอาโทรศัพท์มาเปิดจีพีเอสสิแก เผื่อช่วยได้”
สิปาดันมองอย่างเห็นด้วยแต่พอจะล้วงหาในกระเป๋ากางเกงก็ไม่เจอ
“ฉันไม่ได้เอามาว่ะ สงสัยอยู่ในรถ ของแกล่ะ”
ลันตาตบที่กระเป๋า “ไม่ได้เอามาเหมือนกันว่ะ ซวยแล้ว...แล้วเราจะยังไงต่อดี?”
“ป่าทางโน้นดูจะโปร่งกว่าทางนี้ เราลองไปทางโน้นไหม”
ลันตาหันมาจะง้างปากด่าที่เมื่อกี้พาหลง แต่สิปาดันพูดดักคอ
“ขอให้ตัดสินใจร่วมกันนะ”
ลันตามองหน้าสิปาดันอย่างใช้ความคิดแล้วก็พูด “แกนำเลย ฉันตาม...”
สิปาดันก้าวขึ้นหินแล้วหันมาส่งมือให้ลันตา
“ระวังนะ”
ลันตามองมือสิปาดัน
สิปาดันไม่รู้ว่าลันตาคิดอะไรแต่ก็เร่ง “เร็วสิ”
ลันตาวางมือบนมือสิปาดัน สิปาดันกระชับจับมือของลันตาแล้วจูงมือพาเดินออกไป ลันตาปล่อยให้สิปาดันจูงมือไป ลันตาใช้สายตามองตามหลังของสิปาดันอย่างอ่อนโยน

กีรติกับแพทเดินขึ้นมาถึงด้านบนอย่างทุลักทุเล แพททิ้งตัวลงนอนบนพื้น
“โอ้ย...ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้เนี่ย”
“เดินทางบ่อยไม่ใช่เหรอคุณน่ะ น่าจะแข็งแรงกว่านี้นะ”
“ก็ใช่...แต่นั่นมันทางราบนี่ ฉันทำคอลัมน์สาวๆ ท่องเที่ยว ไม่ใช่เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิคนะคุณ”
กีรติมองไปรอบๆ เขามองท้องฟ้าก็เห็นว่าเริ่มเย็นมากเต็มที
“รีบไปเถอะคุณ ต้องตามคุณลันกับสิปาให้เจอก่อนมืด ไม่งั้นได้นอนแข็งตายในป่าแน่...คุณ”
“รู้แล้วน่า” แพทขยับขึ้นมานั่งตั้งท่าจะลุกขึ้น
กีรติยื่นมือมาตรงหน้า แพทมองที่มือแล้วมองหน้ากีรติ
“ลุกสิ..”
“ฉันลุกเองได้”
“อย่าลีลาน่า...”
กีรติหมั่นไส้จึงจัดการจับแขนเพื่อดึงให้แพทลุกขึ้นมาจนได้
“แล้วจะยังไงต่อ” แพทถาม
กีรติมอง “จากตรงนี้ที่เรากลิ้งลงไป สิปามันวิ่งไปทางด้านโน้น...ไป”
กีรติลืมตัวจูงมือแพทเพื่อจะเดินไป
แพทมองที่มือตัวเองที่ถูกจับอยู่ “ฉันเดินเองได้!”
กีรติชะงักมองแล้วมองที่มือก็เห็นว่าตัวเองจับมือแพทอยู่ก็ปล่อยเลย กีรติเดินนำไป แพทมองตามแล้วมองมือตัวเองข้างที่กีรติจับ แพทกำมือเบาๆ เพราะการสัมผัสนี้มีผลกับหัวใจของเธอ
กีรติหันมาเห็นแพทยังนิ่ง “เร็วๆ สิคุณ”
แพทรู้สึกตัวรีบเดินตามไป

โทรศัพท์ที่อยู่ในรถของสิปาดันดังขึ้น หน้าจอบอกว่าเป็นอินทนนท์โทรมา เสียงโทรศัพท์ดังลั่นรถแล้วก็เงียบไป ที่หน้าจอมีมิสคอลขึ้นมาประมาณห้าสิบกว่าสาย

อินทนนท์พยายามโทรซ้ำด้วยสีหน้าที่เริ่มกังวล นวลเดินเข้ามา เหนือเดินถือแก้วกาแฟมาส่งให้อินทนนท์
“รับโทรศัพท์หรือยัง” นวลถาม
“ยังครับแม่”
“สิปาไม่เคยเงียบไปแบบนี้”
“หรือพี่สิปาจะไปเจอกับไอ้พวกที่ตัดสายเบรกเมื่อคืนล่ะพ่อ”
นวลมีสีหน้ากังวล
“สิปาน่ะมันลูกพ่อ มันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”
“โทรไปจนกว่าจะติด!” นวลสั่ง
อินทนนท์พยายามกดโทรศัพท์ต่อไป

ณ มุมหนึ่ง ใต้ดงต้นไม้ใหญ่ สิปาดันหามุมที่พอจะพิงได้ ลันตานั่งลง
“หนาวจะตาย แกไม่ก่อฟืน จุดไฟเหรอ” ลันตาถาม
“แล้วจะเอาไฟที่ไหนจุด ฉันไม่สูบบุหรี่ ไม่พกไฟแช็ก ถามไม่คิด” สิปาดันว่า
“ก็เอาไม้สีกันแบบตอนลูกเสือไง”
“ลัน...แกก็รู้ว่าตอนโน้น อาจารย์เอาขี้ไต้มาผสมจุดให้ ฉันไม่เคยลองทำสักที หรือแกทำได้”
ลันตานั่งวางมือบนเข่าแล้วก้มหน้ากับเข่าก่อนจะตะแคงหน้าหันไปมองสิปาดัน สิปาดันรู้สึกว่าถูกมองก็หันกลับมา
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ทำไมแกถึงเลิกกับมะนาว” ลันตาถาม
สิปาดันอึ้งไปแล้วก็คิดหาคำตอบอย่างรวดเร็ว “ก็ฉันต้องสอบเป็นนักบิน ต้องอ่านหนังสือ ไม่มีเวลาให้เขา ก็เลยห่างๆ กันไป”
ลันตามองนิ่งๆ อย่างพยายามค้นความรู้สึกของสิปาดัน “แก...รักมะนาวมากใช่ไหม”
“รักเหรอ...ไม่รู้เหมือนกัน ฉันกับนาว เราใช้เวลาเรียนรู้กันน้อยมาก” สิปาดันว่า
“แต่แกไม่เคยมีแฟนอีกเลย ตั้งแต่เลิกกับมะนาว”
“เพราะฉันรักใครไม่ได้อีกแล้ว...”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้วะ”
“บางเรื่อง...ฉันก็อยากเก็บมันไว้” สิปาดันบอก
“แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างฉันน่ะเหรอ”
สิปาดันไม่ตอบแต่มองไปทางอื่น ลันตายิ่งเข้าใจไปอีกว่าสิปาดันรักมะนาวมากจนลืมไม่ได้
ลันตาสะเทือนใจนิด ๆ ที่รู้ว่าสิปาดันมีคนที่รักและลืมไม่ได้อยู่

กีรติใช้หินจุดไฟทำให้เกิดประกายและก่อกองไฟจนสำเร็จ แพทเขี่ยไฟให้ลุกมากขึ้น ส่วนกีรติพยายามจะหักไม้ให้มีขนาดเล็กเพื่อทำเป็นฟืน
“ใส่อีกหน่อยสิคุณ” แพทบอก
กีรติใช้มือจับไม้แล้วใช้เท้าเหยียบให้หัก จังหวะที่เหยียบเขาก็พยายามจับให้มั่นจนมือไปโดนไม้ที่หักแหลมบาดมือ
กีรติร้องเบาๆ “โอ้ย..”
“เป็นอะไรเหรอคุณ” แพทถาม
แพทเห็นกีรติมองที่มือก็เห็นว่ามีเลือดออกนิดหน่อย แพทล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจะซับเลือด
“ไม่เป็นไรคุณ แค่นี้เอง” กีรติตั้งท่าจะเช็ดกับกางเกง
อ่านต่อหน้าที่ 3


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 7 (ต่อ)
แพทเห็นกีรติจะเช็ดมือกับกางเกงก็คว้ามือกีรติไว้ “เฮ้ย...เดี๋ยวแผลสกปรก”

แพทหยิบขวดกระติกน้ำร้อนแบบพกแล้วเปิดเทน้ำล้างแผลให้กับกีรติ
กีรติแปลกใจ “นี่...”
แพทยิ้ม “สาเหตุที่ทำให้คุณมึนไง” แพทจัดการเอาผ้าเช็ดหน้าซับเลือดแล้วจัดการพันปิดแผลไว้ “ปิดแผลกันเชื้อโรค เพราะปกติเชื้อบ้าก็มากแล้ว อย่ามากไปกว่านี้เลย”
“ขอบคุณ....คุณนอนเถอะ เดี๋ยวผมเฝ้าไฟให้เอง”
“ฉันเฝ้าดีกว่า”
“ความดื้อของคุณทำผมเจ็บตัวมาหลายหนแล้ว ถ้าสำนึกผิดจริงๆ ก็นอน...โอเคไหม”
แพทเถียงไม่ได้จึงตัดสินใจหาที่เหมาะๆ ลงนอน แต่สายตามองกีรติที่ยังคอยนั่งเขี่ยไฟ เติมฟืนด้วยสายตาที่ประทับใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ถ้า...” แพทเอ่ย กีรติหันมามอง “ลันไม่ชอบคุณ คุณจะเสียใจไหม”
“คงผิดหวังมากกว่า เพราะเรายังไม่ได้รู้จัก ผูกพันกันมากมาย”
“แต่คุณบอกว่ารักเพื่อนฉัน”
“ผมแค่ชอบ...ผมไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบนะ เห็นหน้าครั้งแรกแล้วก็หัวปักหัวปำจะเป็นจะตาย ความรักมันเหมือนวงปีของต้นไม้ ถ้าคุณมองจะเห็นว่าวงสีเข้มกับสีอ่อนสลับกัน สองวงเท่ากันหนึ่งปี สีอ่อนแทนช่วงเติบโตของต้นไม้ในฤดูฝน สีเข้มจะแทนช่วงเติบโตของต้นไม้ในช่วงฤดูหนาวกับร้อน สองวงเท่ากับ หนึ่งปี กว่าจะใหญ่โตมั่นคงเป็นต้นได้ขนาดนี้ ต้องผ่านร้อน ฝนหนาวมากี่ฤดู ช้า มั่นคง ความรู้สึกของผมก็โตแบบนี้เหมือนกัน”
“ต้องเรียนรู้ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันว่างั้นเถอะ”
“นอกจากคุณจะมีรสนิยมหาแฟนด้วยการจับฉลากชิงโชค”
แพทพูดเสียงเบื่อ ๆ “แฟน? คงเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่ฉันอยากจะมี”
“พูดเหมือนไม่เคยมี”
“ฉันว่ามีแฟนเหมือนมีไส้ติ่งนะ” แพทว่า “ไม่มีประโยชน์ บางครั้งอักเสบก็ทำให้เราเจ็บปวด”
กีรติขำพร้อมกับส่ายหน้ากับความคิดของแพท “คุณยังไม่เคยรักใครจริง เพราะถ้ามีแฟนจะกลายเป็นลมหายใจที่คุณขาดไม่ได้”
“เพ้อนะคุณน่ะ...” แพทว่า
แพทขยับลงนอนเป็นการตัดบท กีรติได้แต่มองขำ ๆ

มาลัยกำลังนั่งสวดมนต์อยู่ต่อหน้าโต๊ะบูชาพระ อังเดินเข้ามาเสียงดังโดยที่ในมือมีหนังสือพิมพ์มาด้วย
“คุณพี่คะ...คุณพี่! เกิดเรื่องแล้วค่ะ คุณพี่!”
มาลัยหันไปมองอย่างหัวเสีย “แม่อัง...ฉันกำลังสวดมนต์อยู่เห็นหรือเปล่า มาขัดขวางแบบนี้มันบาปนะ ให้ฉันสวดมนต์เสร็จก่อน”
“แต่เรื่องนี้มันสำคัญมากนะคะคุณพี่”
“ฉันบอกว่าให้รอ!”
อังอยากจะแย้งแต่เห็นหน้ามาลัยก็ต้องตอบใหม่ “...ค่ะ...อังคิดว่าคุณพี่จะอยากรู้เรื่องที่ไอ้การประกวดนางงามเชียงใหม่ เขาประกาศผลเสร็จไปเรียบร้อยตั้งแต่เดือนที่แล้ว”
มาลัยชะงัก “แกว่าอะไรนะ”
“การประกวดที่หลานบอกว่าจะไปตามติดชีวิตนางงามน่ะค่ะ เขาประกวดจบกันไปตั้งนานแล้ว ก่อนหลานจะมาขอไปเชียงใหม่อีกค่ะ นี่ไงคะ ข่าวนางงามเชียงใหม่คนที่ชนะเขาจะได้ไปประกวดระดับเอเชียแล้ว แล้วที่หลานบอกว่าไปตามติดชีวิตนางงามก็.....”
มาลัยโกรธ “เป็นเรื่องไม่จริง...”
สีหน้ามาลัยดุดันพร้อมเอาเรื่องมาก

ลันตาจามแรงๆ ติดกันสามสี่ครั้ง
“โอ้ย! ใครด่าเนี่ย” ลันตาสงสัย
“คุณย่ามาลัยล่ะมั้ง” สิปาดันว่า
ลันตาตบปากสิปาดันเบาๆ “ในป่าในเขาอย่าทักสิแก”
“ย่ามาลัย คนนะเว้ยไม่ใช่เสือ”
“โอ้ย..น่ากลัวกว่าเสือเยอะ!”
สิปาดันมองลันตาอย่างลังเลแล้วตัดสินใจ
“แล้วแกล่ะลัน”
ลันตาหันมามองงงๆ
“ทำไมแกถึงเลิกกับพี่ภีมล่ะ” สิปาดันถาม
“ก็...ตอนนั้นฉันยังเด็ก เป็นฟงเป็นแฟนอะไรเนี่ยมันจุกจิก ฉันปวดหัวก็เลยเลิก...”
“แล้วแกรักพี่ภีมไหม”
“มันแค่อารมณ์รุ่นน้องกรี๊ดรุ่นพี่ หล่อ เท่ ฉลาด เอาจริงๆ จนป่านนี้ฉันยังไม่รู้จักความรักเลย อยากรู้เหมือนกันนะว่าหน้าตามันเป็นยังไงนะ”
“มันจับต้องไม่ได้หรอก...รู้แค่ว่ามันจะทำให้เรา..ดีใจเมื่อเขามีความสุข...ทุกข์ใจเมื่อเขาเศร้า...ยิ้มได้เมื่อคิดถึง”
ลันตาทำหน้าทึ่งล้อเลียน “ ...กูรู...กูรู้...ผู้เชี่ยวชาญตัวพ่ออยู่ที่นี่เอง”
“ไอ้อนุชิตมันทำให้แกเข็ดที่จะรักไหม...”
“ไม่หรอก...ฉันยังเชื่อว่าความรักมันสวยงาม แต่ฉันซวยที่เจอผู้ชายเลว ๆ เท่านั้นเอง ถ้ามีใครสักคนดีๆ เข้ามา ฉันก็จะลองคบนะ” ลันตามองสิปาดันด้วยความรู้สึกดีๆ ที่มันกำลังก่อตัวขึ้น “บางทีเขาอาจเป็นคนที่ใช่สำหรับฉันก็ได้”
“แกจะเปิดโอกาส” สิปาดันถาม
“ก็คงงั้น...” ลันตาว่า
สิปาดันรู้สึกเจ็บนิด ๆ ที่คิดไปว่ากีรติคือคนที่ลันตาจะให้โอกาส ลันตาหาวแล้วผมก็หล่นมาปรกหน้า สิปาดันใช้มือเก็บผมให้ลันตา
“ง่วงแล้วล่ะสิแก” สิปาดันถาม
ลมหนาวพัดมา เสียงใบสนเสียดสีกันดังจนลันตาที่หนาวอดมองไปรอบๆ อย่างหวาดหวั่นไม่ได้
“สิปา...แกว่าในป่าแบบนี้...จะมี...”
“ผี...” สิปาดันพูดขึ้นมา
ลันตารีบเอามือปิดปากสิปาดัน “ไอ้บ้า...อย่าทักสิวะ เดี๋ยวมา...”

สิปาดันมองมือลันตาที่ปิดปากซึ่งเป็นช่วงจังหวะสบตาที่เหมือนทุกอย่างนิ่งไปชั่วขณะ สิปาดันจับมือลันตาออกไป
“ผีไม่มีหรอก...” สิปาดันบอก
“แล้วเสียงนั่น...” ลันตาถาม
“ใบไม้มันสีกัน อยู่กับฉันผีไม่หลอกหรอกน่า”
“เพราะแกน่ากลัวกว่าผี”
“หล่อจนผีไม่กล้าหลอกเว้ย”
สิปาดันค่อย ๆขยับตัวลงนอน ลันตามองไปรอบ ๆ
“ตรงนั้นแสงอะไรน่ะแก”
“ดาวไง...”
ลันตาค่อยๆขยับตัวลงนอนเบียดกับสิปาดันเพราะต้องการความมั่นใจว่ามีเพื่อนจะได้ไม่กลัว
“กลัวผีตั้งแต่เด็กยันโตเลยนะแก” สิปาดันว่า
“ก็มันกลัวนี่หว่า...”
“อากาศแบบนี้ คิดถึงตอนเก็บตัวทีมนะ กว่าจะได้นอน ซ้อมแล้วซ้อมอีก”
“แต่ฉันคิดถึงมาม่ารอบดึก...ฉันหิว...เคี้ยวใบสนจะอิ่มไหมวะ”
“อดทนไว้..เดี๋ยวก็เช้า”
“ฉันหิวนี่...”
ลันตากับสิปาดันค่อยๆ เบียดตัวเข้าหากันเพราะความหนาว ทั้งสองนอนคุยกันไปเรื่อยๆ

มิ้งค์เปิดประตูเข้ามาในห้องชะงักที่เห็นวัน น้าของพอลที่เป็นพี่สาวของภีม แฟนเก่าของลันตา กำลังอุ้มตาหนูอยู่ มิ้งค์ตกใจ
“ขอโทษค่ะเข้าห้องผิด” มิ้งค์จะหันกลับแล้วนึกได้หันมองเลขห้องก็ใช่นี่หว่า เธอหันมองวันอีกที “เด็กที่พี่อุ้มอยู่นั่น”
เสียงพอลดังขึ้น “ก็ตาหนูไง”
พอลเดินออกมาจากห้องน้ำ
“เฮ้ย...นี่พี่คนนี้เขา” มิ้งค์สงสัย
“น้าวัน” พอลตอบ “เป็นน้าของผมเอง เขาบินมาเที่ยวสองสามอาทิตย์ ผมก็เลยขอให้เขาช่วยเลี้ยงตาหนูตอนผมไปทำงาน”
“สวัสดีค่ะ” มิ้งค์ยกมือไหว้
“น้าวันครับ นี่มิ้งค์” พอลแนะนำ
“แฟนหน้าตาน่ารักดีนะ” วันบอก
มิ้งค์เหวอ
“ครับ...” พอลตอบรับ
“ไม่ใช่นะคะ” มิ้งค์รีบปฏิเสธ
“น้าล้อเล่นน่ะจ้ะ เดี๋ยวน้าจะพาตาหนูไปอาบน้ำก่อนนะ” วันบอก
“เชิญเลยครับน้า”
วันพาตาหนูเข้าไปในห้องน้ำ
“คุณ...พาคนอื่นเข้าห้องพี่สิปา” มิ้งค์ว่า
“น้าวันไว้ใจได้ เขาเป็นเจ้าของร้านอาหารไทย รวยมาก น้าวันเลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็ก ส่งเสียให้ผมเรียนจนได้เป็นเชฟ เขาเอาตาหนูอยู่มือแน่” พอลบอก

มิ้งค์เถียงด้วยเสียงเบาที่สุด “แต่พี่ลันฝากห้องไว้กับฉัน คุณจะคิดจะทำอะไรควรจะบอกฉันก่อน ไม่ใช่คิดเองเออเองแบบนี้”
“คุณฝึกงาน ผมทำงาน เราต้องมีคนช่วยเลี้ยงตาหนู”
“แต่!”
“หรือว่าคุณเอาตาหนูไปที่งานเลี้ยงด้วยได้”
มิ้งค์อึ้ง แต่พอลไม่ยอมปล่อยผ่าน
“ว่าไง...ถ้าคุณทำได้ ผมจะให้น้าวันกลับ แล้วผมจะไม่ยุ่งเรื่องตาหนูอีก”
มิ้งค์มองหน้าพอล พอลมองเพื่อกดดันให้ตอบ
“ฉันทำไม่ได้...” มิ้งค์ว่า
“ถ้างั้นเรื่องนี้ก็จบ เราจะทำตามแผนผมใช่ไหม?” พอลถาม
มิ้งค์จำต้องพยักหน้า “อืม...”
พอลมองอย่างพอใจที่ทำให้มิ้งค์ยอมได้
“เรื่องนี้จบไป ทีนี้..เรื่องที่คุณอยากจะคุยกับผมมันเรื่องอะไร”
มิ้งค์หยิบเอกสาร แผ่นที่ธัญญาเรศขีดฆ่าชื่อลันตาซ้ำ ๆ แล้วขยำลงถังขยะซึ่งมิ้งค์เก็บมาด้วยความสงสัย พอลมองว่าหมายความว่ายังไง

พอลมองกระดาษที่ถูกขีดฆ่าในมือตัวเอง
“ผมเข้าใจแผนผังความสัมพันธ์ของคุณลัน กับผู้ชายที่ชื่ออนุชิตแล้ว ส่วนเรื่องคุณธัญญาเรศ คุณกำลังคิดว่า...”
“พี่ธัญญ่ากับคุณอนุชิตต้องมีความสัมพันธ์ที่เราคาดไม่ถึง” มิ้งค์ว่า
“ครับ..คาดไม่ถึง...แล้วยังไงต่อ”
“ฉันต้องบอกพี่ลันเรื่องนี้”
“คุณเป็นแค่น้อง พวกเขาน่ะเพื่อนสนิทกัน เป็นคุณจะฟังใคร”
มิ้งค์จำใจตอบ “เพื่อน.....”
“ก็ฉลาดนี่”
มิ้งค์ขึงตาใส่ประมาณจะตอกว่าไม่ได้โง่นะ “แต่ถ้าฉันไม่เตือนแล้วเรื่องมันแย่ไปกว่านี้ล่ะ”
“บอกได้เลยว่าคนที่จะแย่สุดคือคุณ”
มิ้งค์ไม่ฟัง เธอพูดแทรก “ให้พี่ลันกลับมา ฉันจะเล่าทุกเรื่องให้เขาฟัง”
พอลจะแย้ง แต่วันอุ้มตาหนูที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วเดินออกมา
“ตาหนู.....มิ้งค์ช่วยนะคะคุณน้า” มิ้งค์เข้าไปช่วย
วันเอาตัวตาหนูวางแล้วจัดการทาแป้ง ใส่ผ้าอ้อม โดยมีมิ้งค์คอยเป็นลูกมือ พอลมองตามแล้วส่ายหน้า
“เปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนอารมณ์ไวจริงๆ ยัยเตี้ย” พอลว่า
ยิ่งมองพอลก็อดจะยิ้มกับความน่ารักของมิ้งค์ไม่ได้
อ่านต่อหน้าที่ 4


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 7 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ สิปาดันนอนกอดลันตาที่ซบอยู่กับอกสิปาดันหลับสนิท ลมหนาวพัดมา ลันตารู้สึกตัวก็ลืมตาตื่นเห็นใบสนร่วงหล่นลงมาที่อกของสิปาดันตรงหน้าของลันตา ลมพัดมาอีกระลอก ลันตาเงยหน้าขึ้นไปเห็นบริเวณรอบๆ ของต้นสน ลันตาจะขยับมองให้ชัด ๆ แต่สิปาดันขยับแขนกอดกระชับลันตาอย่างลืมตัว ลันตาเงยหน้ามองสิปาดันด้วยสายตาเป็นประกายอ่อนโยน สิปาดันเพิ่งรู้สึกตัวตื่นโดยกำลังงัวเงียเล็กน้อย สิปาดันลืมตาเห็นลันตาอยู่ตรงหน้าใกล้มากก็ยิ้มให้

“ตื่นแล้วเหรอ” สิปาดันถาม
“อืม...ลุกเถอะ จะได้ไปต่อ” ลันตาบอก
“แกก็ลุกสิ”
“ฉันก็อยากจะลุกนะ แต่แกกอดฉันอยู่”
สิปาดันรู้สึกตัวก็รีบปล่อยลันตา ลันตาลุกขึ้นมา สิปาดันลุกตาม ลันตามองสิปาดันแล้วรู้สึกว่าแววตาสิปาดันดูแพรวพราวและหล่อเหลา
“สิปา...ถ้าวันนึงฉันไม่เหมือนเดิม...แกจะยังเป็นเพื่อนกับฉันไหม”
“ไม่ว่าแกจะเปลี่ยนไปยังไง ความเป็นเพื่อนของเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงฉันสัญญา โอเคไหม เพื่อน” สิปาดันยกมือซ้ายขึ้น
ลันตามองสิปาดันอย่างรู้สึกอึดอัดแต่ก็กลบเกลื่อนด้วยการตีมือกับสิปาดัน
“แน่นอน ....เพื่อน...” ลันตาถอนใจเบาๆ แล้วกลบเกลื่อนด้วยความร่าเริง “รีบไปกันเถอะ ฉันไม่ยอมนอนในป่าอีกคืนแน่”
“ไปสิ...” สิปาดันจับมือลันตาแล้วพาเดินไปทันที
ลันตามองมือตัวเองที่สิปาดันจับอยู่แล้วจะขืนเพื่อดึงออก สิปาดันหันไปมองว่ามีอะไร
“เปล่า...” ลันตาพูดเบาๆ กับตัวเอง “จะไหวไหมไอ้ลัน”
ลันตาเดินตามแรงจูงของสิปาดันไป


สิปาดันกับลันตาเดินไปด้วยกัน
“สิปา...เราไม่ได้อยู่ในเขาวงกตใช่มะ เราจะรอดใช่มะ” ลันตาถาม
สิปาดันกระชับมือที่จับลันตา “เราต้องรอด”
เสียงเครื่องยนต์รถที่ดังแว่วมา สิปาดันชะงัก
สิปาดันยกนิ้วจุ๊ปาก “ฉันได้ยินเสียงรถ”
“รถเหรอ...”
ลันตาพยายามเงี่ยหูฟัง ทั้งสองพูดพร้อมกัน “ทางโน้น!”
สิปาดันดึงมือลันตาวิ่งไปตามต้นเสียง

สิปาดันกับลันตาวิ่งออกมาจนถึงถนนจนมาเจอกับรถขนฟางที่กำลังวิ่งมา สิปาดันโบกให้รถขนฟางจอด สิปาดันวิ่งเข้าไปคุย ลันตามองอย่างลุ้น ๆ
“เขาจะไปหมู่บ้านไอ้ลัน เรารอดแล้ว” สิปาดันบอก
สิปาดันกับลันตานั่งด้านหลังที่วางฟาง รถแล่นออกไปช้า ๆ สิปาดันนั่งคู่กับลันตาโดยหันหลังให้กองฟางแล้วหันหน้าไปทางด้านหลังรถ สักพักลันตาก็หาว
“ยังง่วงอยู่เลย”
ลันตาจะพิงกับฟาง แต่สิปาดันจับหันลันตาให้พิงมาที่ไหล่ตัวเอง
“จะได้สบายขึ้น” สิปาดันบอก
ลันตาอดยิ้มไม่ได้ เธอพิงหัวกับไหล่ของสิปาดันพลางแอบยิ้มอย่างมีความสุข สิปาดันมองลันตาด้วยสายตาที่อ่อนโยน

รถขนฟางวิ่งมาจนถึงท้ายหมู่บ้าน สิปาดันปลุกลันตา ทั้งคู่ลงมาจากรถขนฟางแล้วมองซ้ายมองขวาว่าจะไปทางไหนดี ลันตาเห็นกีรติกับแพทกำลังกินข้าวจี่ปิ้งที่แบ่งมาจากชาวบ้าน
ลันตาดีใจ “ไอ้แพท!”
แพทกับกีรติหันมาเห็นลันตา แพทก็วิ่งเข้าไปกอดลันตาด้วยความดีใจ
“ไอ้ลัน!”
สองสาวพุ่งเข้ากอดกันด้วยความดีใจ
สิปาดันพูดกับกีรติ “โทษทีนะเว้ย ที่ไม่ได้อยู่ช่วย”
“กระจอกอย่างนั้น มันไม่พอมือฉันหรอก” กีรติคุย
แพทหมั่นไส้ “เหรอ!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะผม ป่านนี้คุณนอนคุยกับรากไม้ในป่าโน้นแล้ว” กีรติว่า
“แล้วมินกลับมาที่หมู่บ้านหรือยังคะ” ลันตาถาม
“ผมไปถามข้างบ้านมิน เขาบอกว่าเมื่อคืนมินกลับมาเก็บของออกไปจากหมู่บ้านตั้งแต่ตอนเย็นแล้วครับ”
ลันตาหันมามองสิปาดัน
“คงไม่กลับมาอีกสักพักแน่ เรากลับไปตั้งหลักที่บ้านฉันก่อน” สิปาดันบอก
ลันตาหน้าเสียเพราะหมดหวัง

ลันตาขึ้นรถด้วยอาการเซ็ง สิปาดัน กีรติกับแพทขึ้นรถ สิปาดันขับรถออกไป ชัยกับยุทธแอบซุ่มมองอยู่ห่างๆ

รถสิปาดันเข้ามาจอดที่รีสอร์ท ย่านวล อินทนนท์ และเหนือเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“ลวกเพ่ มาแล้ว” เหนือดีใจ
“หนูลัน...สิปา” นวลกอด “ย่าเป็นห่วงแทบแย่”
สิปาดันก้าวลงมาจากรถ “ขอโทษครับพ่อ คุณย่า ผมไม่ได้ติดมือถือลงไปด้วย”
“ไม่เป็นไร ออกมาปลอดภัยกันก็ดีแล้ว”
“อุตส่าห์ตามหาจนเจอแล้วแท้ๆ” ลันตาว่า
“ครั้งนี้เจอ ครั้งหน้าก็ต้องเจอ ถ้าเราพยายามมันต้องสำเร็จนะลูกนะ..” นวลอวยพร
“พวกลวกเพ่ไปกินข้าวกันเถอะ ไม่ได้กินอะไรมาตั้งคืนนึง เดี๋ยวก็หน้ามืดพอดี” เหนือบอก
“ไปเถอะลัน...” แพทชวน
แพทพาลันตาเดินออกไป
“ดูคุณลันจะผิดหวังมาก” กีรติว่า
สิปาดันมองตามลันตาไปด้วยความหนักใจ

ลันตายืนนิ่งเหม่ออยู่ที่มุมหนึ่ง สิปาดันเดินเข้ามาด้านหลังแล้วโยกหัวลันตาเบาๆ แบบแกล้ง
“มายืนทำมิวสิคทำไม ไม่ไปกินข้าว”
ลันตาผิดหวังมาก “เราเกือบจะหาทางพาตาหนูกลับบ้านได้แล้วแท้ๆ”
สิปาดันโอบลันตามากอด แล้วก็เผลอจูบที่ขมับลันตาอย่างปลอบโยน ลันตาเผลอกอดสิปาดันด้วยความรู้สึกอยากได้ที่พึ่งพิง สิปาดันเห็นมะนาวยืนมองมาด้วยความเจ็บปวด มะนาวทนเฉยไม่ได้จึงเดินเข้ามาหาแล้วเรียก
“สิปาคะ”
ลันตากับสิปาดันชะงักหันมาแปลกใจที่เห็นมะนาว
“มะนาว...ทำไม” สิปาดันจะถามว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่
“นาวกับคุณป้ารอสิปาอยู่ค่ะ” มะนาวบอก
“คุณป้า?” สิปาดันทวนคำ

สิปาดัน ลันตา และมะนาวเดินเข้ามาที่หน้าบ้าน
“ลัน...” มะนาเรียก
ลันตาชะงักก่อนจะหันมามองมะนาว
“ขอฉันคุยด้วยหน่อยสิ” มะนาวบอก
ลันตาหันไปมองก็เห็นสิปาดันเดินเข้าบ้านไปแล้ว เธอหันมาหามะนาว
“มีอะไรเหรอ” ลันตาถาม
“เธอยังรู้สึกกับสิปาแค่เพื่อน อย่างที่เธอพูดกับฉันเมื่อวันก่อนไหม” มะนาวถาม
“ทำไมเหรอ”
“ฉันยังรักสิปาอยู่ ฉันอยากได้สิปาคืน”
ลันตามีความรู้สึกที่ตอนนี้พูดได้ไม่เต็มปาก “มันอยู่ที่สิปา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉัน”
มะนาวมองอย่างมั่นใจว่าลันตาชอบสิปาดัน “ฉันเข้าใจแล้ว”
ลันตามองว่ามะนาวเข้าใจอะไร แต่มะนาวก็ไม่พูดอะไรต่อ เธอเดินเข้าไปในบ้าน ลันตาเดินตาม

สิปาดันเดินเข้ามาเห็นย่านวล อินทนนท์ และเอื้องคำที่กำลังรออยู่ เอื้องคำหันกลับมา
“กลับมาสักทีนะ ให้ฉันเสียเวลารอทั้งคืน”
สิปาดันยกมือไหว้ตามมารยาท “สวัสดีครับ ย่าเอื้องคำ ขอโทษนะครับที่ผมมาช้า แต่จะช้ากว่านี้ก็คงไม่มีปัญหามั้งครับ” สิปาดันยิ้ม “ถ้าเป็นเรื่องเงิน”
เอื้องคำมองสิปาดันอย่างไม่พอใจ
“สิปา...” นวลส่งสายตาปรามว่าอย่า
มะนาวเดินเข้ามาตามมาด้วยลันตา
เอื้องคำมองไปทางลันตา “แล้วแม่นี่...”
ลันตาหน้าตึงเล็กน้อยแต่ก็ยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ หนูลันตาค่ะ”
“หลานแม่มาลัยน่ะเหรอ หน้าตาอวดดีเหมือนย่าไม่มีผิด” เอื้องคำว่า
“เรื่องที่ป้ารอ...ผมคุยกับสิปาแล้ว เราคงให้ได้แค่ครึ่งเดียว” อินทนนท์บอก
เอื้องคำสวน “แต่ฉันต้องได้ทั้งหมด!”
“กิจการรีสอร์ทเพิ่งเริ่มต้นไม่นาน เงินส่วนใหญ่เป็นทุนหมุนเวียน จะให้ทั้งหมดเป็นไปไม่ได้หรอกครับ”
“ขอโทษจริงๆ นะคะพี่เอื้องคำ”
“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษ!” เอื้องคำบอก
“งั้นก็ไม่ต้องขอโทษ ที่จริงเราก็ไม่ได้ผิดอะไร เงินของเราคนอื่นจะมาเอาแท้ๆ”
“เจ้านนท์!”
อินทนนท์ทำไม่รู้ไม่ชี้ “ถ้าป้าไม่เอาก็ดีครับ ไม่เปลือง”
เอื้องคำมองอินทนนท์กับสิปาดัน พอเห็นการต่อต้านก็รู้ว่ายังไงก็ไม่เปลี่ยนใจแน่ๆ
เอื้องคำถาม “แล้วฉันจะได้เมื่อไหร่?”
อินทนนท์มองไปทางสิปาดัน
สิปาดันหยิบเอกสารกู้ยืมจากลิ้นชักออกมาวางตรงหน้าเอื้องคำ “ทันทีที่คุณย่าเองคำเซ็นชื่อในเอกสารครับ”
“ทำไมฉันต้องเซ็นด้วย แม่นวล! ฉันไม่เซ็นนะ”
“คุณป้าครับ..”
“ไม่ต้องพูด...ทุกครั้งฉันไม่เคยต้องเซ็นเอกสารบ้าบอพวกนี้ ฉันไม่เซ็น”
เอื้องคำกราดมองทุกคนและหยุดสายตาที่นวล
“นี่น่ะเหรอที่เธอพยายามชดใช้ให้กับฉัน เธอกับลูกหลานเธอไม่เคยรู้สึกผิดจริงๆเลยสินะ”
ลันตาเห็นอินทนนท์ สิปาดัน และนวลอึ้งจนพูดไม่ออก
“โอนเงินมาให้ฉันภายในวันนี้” เอื้องคำสั่ง
ลันตาแทรกขึ้นมา “ครั้งนี้ต้องรบกวนให้เซ็นค่ะ”
เอื้องคำหันมามองลันตา
“ขอโทษนะคะที่หนูต้องพูด เพราะคุณย่านวล ลุงนนท์ สิปารู้สึกผิดกับคุณย่าเอื้องคำเสมอ แต่คุณย่าเอาที่ดินมาจำนำ รีบเร่งจะรับเงินโดยไม่ให้เวลาคุณลุงได้เช็คความถูกต้องเลย ทางคุณลุงก็ต้องป้องกันไว้ก่อนค่ะ” ลันตาพูด
“มันไม่ใช่กงการอะไรของหล่อน นี่มันเป็นเรื่องในครอบครัว” เอื้องคำว่า
“พอดีลันก็นับถือย่านวลกับลุงนนท์เหมือนญาติ เหมือนครอบครัวของลันเอง”
เอื้องคำกำลังจะพูดแต่อินทนนท์ชิงพูด
“ลันเป็นเหมือนคนในครอบครัวของเราครับ มีสิทธิ์ช่วยรับรู้และตัดสินใจทุกอย่าง”
เอื้องคำมองอย่างไม่พอใจมาก
“ว่ายังไงครับคุณป้า ถ้าคุณป้าจะเปลี่ยนใจผมก็ยินดีนะครับ” อินทนนท์ว่า
เอื้องคำมองอย่างโกรธมาก
“คุณป้าคะ” มะนาวอยากถามว่าจะเอายังไงดี
เอื้องคำลงนั่งตรงหน้าเอกสารมองราวกับจะเผาให้เป็นจุณ เอื้องคำมองลันตาแต่ลันตาก็มองแบบไม่หลบตา

สิปาดัน ลันตา นวล และอินทนนท์เดินออกมาส่งเอื้องคำกับมะนาวที่หน้าบ้าน
“ผมจะรีบจัดการโอนไปให้เร็วที่สุดนะครับคุณป้า”
“เดินทางดีๆ นะคะพี่เอื้องคำ” นวลอวยพร
สิปาดันกับลันตายกมือไหว้ แต่เอื้องคำนิ่งมองกลับด้วยสายตาเย็นชา
เอื้องคำมองลันตา “ลันตา...เธอนี่สมกับเป็นหลานของมาลัยจริงๆ ชอบหาเรื่องใส่ตัว เชื้อแส่ไม่ทิ้งแถวจริงๆ”
ลันตามองเอื้องคำก็เห็นสายตาที่ดูเกลียดชัง ลันตายกมือไหว้
“การช่วยคนดี ถึงถูกเรียกว่าแส่แต่ถ้าช่วยคนดีได้ ลันก็ถือว่าเป็นคำชม ขอบคุณนะคะสำหรับคำชม”
เอื้องคำมองด้วยสายตาแค้นก่อนจะเดินไปขึ้นรถ มะนาวมองสิปาดันด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
“คงได้เจอกันอีกนะคะสิปา”
สิปาดันทำหน้าไม่ถูกจึงได้แต่ยิ้มรับเก้อ ๆ มะนาวหันไปหาลันตา
“แล้วเจอกันนะลัน..”
ลันตามองสายตามะนาวก็รู้ว่าจริงๆ มะนาวกำลังประกาศว่าจะเอาสิปาคืน มะนาวเดินขึ้นรถไป
รถของเอื้องคำแล่นออกไป ย่านวลถอนใจอย่างโล่งอก
“ถ้าป้าเอื้องคำมาบ่อยๆ แม่คงเป็นโรคหัวใจเข้าสักวันนะ” อินทนนท์บอก
“ก็พวกแกนั่นแหล่ะ...ขยันหาเรื่องกันเหลือเกิน ทั้งลูกทั้งหลานฉันจะบ้าตาย” นวลว่า
ลันตาจับมือนวล “ย่านวลขา เราทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องนะคะ ไม่ได้ทำผิดเลย ไม่ประมาทดีกว่านะคะ”
“ย่ารู้ แต่พี่นวลเป็นคนน่ากลัว ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรตามมาอีก”
แพทวิ่งเข้ามาพร้อมมือถือของลันตา
“ไอ้ลัน! แย่แล้ว! ย่ามาลัยโทรมา”
ลันตาตกใจรีบรับโทรศัพท์มา
ลันตายิ่งกดดูก็ยิ่งตกใจ “มิสคอลเป็นร้อยสายเลย เรื่องอะไรเนี่ย!” ลันตารีบกดโทรกลับไป


มาลัยคุยโทรศัพท์
“กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้!” มาลัยสั่ง
ลันตาที่ถือสายอยู่อึ้ง
“มีเรื่องอะไรคะคุณย่า”
“ถ้าภายในวันนี้แกไม่กลับมา ก็ไม่ต้องกลับมาอีก”
อังรับโทรศัพท์มาจากมาลัย
“ทำไมลันถึงโกหกป้ากับคุณย่า ป้าเสียใจนะลูก” อังบอกกับลันตา
“โกหก..เรื่องอะไรคะ” ลันตาทำไก๋
สิปาดัน อินทนนท์ แพท และนวลมองลันตาที่คุยโทรศัพท์สีหน้าเครียดมากก
“ลันอธิบายได้นะคะ ลันจะรีบกลับเดี๋ยวนี้เลยค่ะป้า”
ลันตาวางสายแล้วหันมาหาทุกคน
“ลันต้องกลับกรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้ค่ะ ย่ารู้แล้วว่าลันโกหกเรื่องงานที่เชียงใหม่”
ทุกคนตกใจ
อ่านต่อตอนที่ 8

กำลังโหลดความคิดเห็น