เรือนริษยา ตอนที่ 7
ยามค่ำคืน ร้านอาหารปิดแล้ว แต่ดวงโคมยังส่องสว่างอยู่ที่เคาน์เตอร์คิดเงินของร้าน แฟนต้ายังคงนั่งคิดบัญชีของร้านอยู่คนเดียวอย่างเคร่งเครียด แล้วก็ต้องหยุดถอนใจจับขมับเป็นระยะๆ
ธีร์เดินเข้าร้านมาหยุดยืน นิ้วเกี่ยวกระเป๋ากางเกงมอง สีหน้าเห็นใจ
"ท่าทางวันนี้จะขายดี เจ้าของร้านถึงดูเหนื่อยขนาดนี้"
แฟนต้าเงยหน้ามองไปเห็นธีร์ยืนอยู่ เธอดีใจที่เขามาหายามดึก
"ขายดีมากเลยพี่ธีร์ เจอฤทธิ์แม่เลี้ยงของนันอาละวาดเข้าไป ลูกค้าตกใจยิ่งกว่าผีหลอก...เปิดหนีหมดเลย"
ธีร์กระโดดขึ้นนั่งห้อยขาบนโต๊ะทำงานของแฟนต้า
"แล้วทำไมไม่แจ้งตำรวจจับซะเลย"
"ขืนแจ้งก็เข้าทางเจ๊แกน่ะซิ พี่ธีร์ เค้ายิ่งอยากเอาเรื่องน้าทิพย์อยู่ด้วย เกิดไปป่าวประกาศว่า แม่ครัวร้านต้าทำอาหารสกปรกให้เค้ากินจนปวดท้องแน่ ทีนี้ล่ะร้านต้าเจ๊งถาวรแน่…เฮ่อ!"
ธีร์มองแฟนต้าอย่างเห็นใจ
"นันฝากมาขอโทษ ที่ทำให้ต้าเดือดร้อนไปด้วย"
แฟนต้าหน้าจ๋อยลงทันที
"แหม...เป็นห่วงนันถึงกับต้องรีบไปดูถึงบ้านเชียวนะ แล้วนันเป็นไงบ้าง เอาคืนแม่เลี้ยงรึปล่าว"
"จะเหลือเหรอ พี่ว่าเรื่องนี้จะไม่น่าจะจบง่ายๆ แล้วตอนที่เค้าตีกันน่ะ เจอลูกหลงบ้างรึปล่าวล่ะเรา"
"ไม่โดน! ไม่ได้ไปร่วมตีกับเค้า ขนาดแค่เข้าไปห้าม ยังโดนคนขับรถชีกระชากแขนแทบหลุด"
แฟนต้าพูดพลางยกท่อนแขนขวาตัวเองขึ้นมาดู เห็นเป็นรอยมือบีบจนเขียวช้ำ ธีร์ตกใจ รีบคว้าแขนมาดูมาดู
"ไหนดูซิ เขียวเป็นจ้ำๆเลย ไปหายาทาไป"
แฟนต้าหยิบยาทาแก้ฟกช้ำที่เอามาวางเตรียมไว้บนโต๊ะ
"นี่ไง! ว่าจะหาอยู่ รอทำงานเสร็จก่อน เดี๋ยวมือมันเลอะ"
"มา! พี่ทาให้"
"เอ่อ...ไม่ต้อง"
แฟนต้าดึงมือกลับ แต่ธีร์ยึดไว้ไม่ยอมปล่อย
"อยู่เฉยๆน่า พี่ทาให้"
ธีร์ใช้เสียงบังคับ แล้วก็เปิดขวดยามาทาๆนวดๆให้ตรงรอยฟกช้ำ แฟนต้ามองหน้าธีร์… เขาทายาพลางเป่าให้เย็นๆ แต่ธีร์ต้องอึ้งเมื่อเห็นเธอกำลังมองจ้องหน้าเขาอยู่ ด้วยสายตาไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารัก
"พี่ธีร์ใจร้ายที่สุด รู้ก็รู้ว่าต้าชอบ ยังจะมาทำให้เราหวั่นไหวอีก"
ธีร์รีบปล่อยแขนแฟนต้า
"เฮ้ย! พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเรานะ ไม่ทาแล้วก็ได้ อึดๆอย่างเรา เดี๋ยวก็หายเอง"
ธีร์คืนกระปุกยาใส่มือแฟนต้าแล้วเดินออกไป แก้เขิน แฟนต้าทำหน้ามุ่ย บ่นอย่างหงุดหงิดพอน่ารัก
"เชอะ! คิดว่าเราไม่มีที่ไปงั้นสิ คอยดูนะเจอหล่อกว่าปุ๊บ! จะไม่เหลียวมามองเลย คอยดู"
ครู่ต่อมา แฟนต้าเดินมาเข้ามาในห้องครัวของร้านเปิดตู้เย็น หยิบน้ำส้มออกมากำลังจะเทใส่แก้ว แล้วนึกถึงธีร์ที่ทายาให้ แล้วก็ยืนเหม่อยิ้มคนเดียว จนน้ำส้มล้นออกจากแก้ว เธอตกใจ
เธอเดินออกมาจากครัว แต่พบว่า ธีร์นอนเหยียดยาวหนุนแขนผล็อยหลับไปที่เก้าอี้โซฟา
"อ้าว เข้าญาณไปซะแล้วพ่อนายแบบ"
เธอวางถาดน้ำส้มลง ยืนมองอย่างเอ็นดูไปที่ธีร์ เธฮยิ้มน้อยๆมีความสุข ก่อนหันเดินไปคว้ากีต้าโปร่งที่วางอยู่บนเวทีเดินมานั่งลง มองไปที่ธีร์รูปงามพลางคิด
"ถึงพี่ธีร์ไม่รัก แค่มาอยู่ใกล้ๆให้ต้าได้เห็นหน้าพี่ ต้าก็พอใจแล้ว "
แฟนต้าเริ่มเกากีต้าร์เบาๆร้องเพลงรักซึ้งๆน่ารักๆ
กลางดึก ขณะเดียวกัน นันทนัชในชุดสบายๆนั่งอยู่บนเตียงพร้อมจะนอน กำลังนึกไปถึงความห่วงใยของธีร์ ที่เขาบอกว่า
"ถ้านันอยู่ พี่ก็จะคอยอยู่ใกล้ๆ ปกป้องนันเอง"
เธอคิดลังเล มือทาบไปที่กลางอกของตัวเอง คิ้วคู่สวยขมวดนิดๆ ถึงจะรู้ว่าธีร์ชอบเธอเปิดเผย แต่ใจนันทนัชก็ยังไม่พร้อมจะปลงใจเป็นแฟนกับเขา แล้วจู่ๆภาพของกฤตพนธ์ก็ถูกแทรกเข้ามา
"เป็นไง ฝีมือผมใช้ได้ไม๊ ท่าดีทีเหลว ยิงไม่แม่น หรือว่าถนัดขี้เก๊ก หื๊อ"
เธอหันขวับไปค้อนใส่เขา ทั้งสองอยู่ใกล้กันแค่คืบ ได้แต่มองอึ้งกัน
เธอสะบัดหน้าตัวเอง
"เห็นแต่หน้านายนั่นอยู่ได้ หลอนจริงๆ"
กฤตพนธ์กำลังเดินอยู่ในบ้านอัศวัติ ที่โออ่ากว้างใหญ่คนเดียว เรื่องของนันทนัชทำให้หนุ่มที่ครองตัวโสดเป็นพ่อพวงมาลัยอย่างเขาถึงกับร้อนรุ่มนอนไม่หลับ
"จริงๆด้วย เข้ากลางเป้าเลย ... เยส!"
เธอจับแขนเขาเขย่าหัวเราะดีใจเหมือนเด็กๆ ไม่มีฟอร์มร้ายๆที่เธอสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเอง เขายิ้มมองเธออย่างหลงรักเงียบๆ
เขายืนที่ระเบียงยิ้มเคลิ้มๆใจลอย แต่แล้วหน้าที่กำลังยิ้มระรื่นก็ต้องชะงัก ภาพของธีร์กับนันทนัชที่ดูสนิมสนมเกินเพื่อน ทำให้เขาดึงสติกลับมา แล้วอยู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้น เขาล้วงมือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเบอร์แล้วรีบกดรับ
"ฮัลโหล... ครับท่านผบ.?...จู่โจมคืนนี้! รับทราบครับ"
เขารีบเดินกลับไปเตรียมตัวออกปฏิบัติงาน
ภายในร้านอาหาร มุมโซฟาหน้าเวที ธีร์รู้สึกตัวตื่นลืมตาขึ้นมองไปที่แฟนต้าที่กำลังจะร้องเพลงจบพอดี...เสียงเพลงของเธอทำให้เขาประทับใจเสมอ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ธีร์แอบชอบแฟนต้าอยู่ข้างในลึกๆโดยไม่รู้ตัว เขายก 2 หัวแม่โป้งกวนๆให้
"สุดยอด! ร้องได้เพราะมั่ก มั่ก...เพราะจนพี่ไม่ต้องหลับต้องนอน" ธีร์ทำเป็นหาว
"ปากเปื่อยจริงๆนะเราน่ะ"
แฟนต้าวางกีต้าร์จะลุกเดินออกไป แต่ธีร์รีบลุกดึงไว้
"ปากเปื่อยแปลว่าไร"
"ปากเปื่อยแปลว่า...อีกนิดนึงก็ใกล้ เน่า แล้วงะ"
ธีร์มองค้อน
"เมื่อไหร่จะเลิกหลอกด่าพี่ซะที เบื่อแล้วนะ ไม่ได้ทำอะไรให้ซักหน่อย"
"โอเค สงบศึกชั่วคราว"
ธีร์ลุกขึ้นเดินไปมุมนึงแล้วคิด
"พี่ว่าน้าทิพย์ดูแปลกๆยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก"
"แปลกยังไง นี่....อย่าบอกนะว่าพี่สงสัยว่าน้าทิพย์จะเป็นฆาตกร"
"แต่พี่ติดใจ มันบังเอิญเกินไป ที่อยู่ๆน้าทิพย์เข้ามาทำงานในร้านต้า โดยไม่รู้ว่าต้ากับนันเป็นเพื่อนสนิทกัน พี่ว่าจับตาดูไว้หน่อยดีกว่า"
"เฮ้ย! จะดีเหรอพี่ธีร์ ถ้านันรู้เข้าต้องโกรธแน่ๆ"
"ก็อย่าให้รู้ซี แอบๆดู ถ้าไม่มีอะไรก็แล้วไป แต่ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็มากระซิบบอกพี่หน่อย เผื่อจะช่วยนันได้อีกทางนึง นะจ๊ะ น้องต้า คนสวยของพี่"
ธีร์ยื่นนิ้วไปแตะๆคางแฟนต้า
"ไม่ต้องมาหลอกใช้เลย"
แฟนต้าปัดนิ้ว ค้อนใส่ ธีร์ยิ้มให้อย่างหล่อ เธอแอบเขิน
ภายในบ้านกลางสวน ในเวลาเดียวกัน ทิพย์เปิดประตูเข้ามาในบ้าน ด้วยใบหน้าที่มีรอยช้ำจากการถูกฤทัยตบตี แววตาที่ดูน่าสงสารเปลี่ยนไปกลับมาแข็ง เต็มไปด้วยเรื่องราวขมขื่นในอดีตเมื่อกลับมาบ้าน ชิดได้ยินเสียงเปิดประตู ก็รีบเดินออกมาดู
"กลับมาแล้วเหรอ"
ชิดต้องตกใจเมื่อเห็นร่องรอยบนหน้าทิพย์
"หน้าทิพย์ไปโดนอะไรมา"
ทิพย์ยิ้ม พลางยื่นมือจับไปที่รอยช้ำที่ปากตัวเอง บ่งบอกอารมณ์ว่าแอบจิตนิดๆ
"ฝีมือนังฤทัยไง มันตามไปหาเรื่องฉันถึงที่ร้าน ไม่รู้มันหาชั้นเจอได้ยังไง"
"ลาออกจากร้านเถอะ"
"ไม่! ฉันหลบๆซ่อนๆมานานพอแล้ว ต่อไปนี้ชั้นจะเผชิญหน้ากับมัน คุณนันของฉันกลับมาแล้ว คุณนันจะช่วยฉัน"
"แน่ใจเหรอทิพย์ ว่าคุณนันจะช่วย"
"ทำไมจะไม่ช่วยล่ะ"
ทิพย์หันมาตาวาวใส่ชิด
"ที่คุณนันมีชีวิตรอดมาได้ทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะอีทิพย์นี่เหรอ"
ในอดีต ภายในเรือนหลังเล็ก เสียงทุบประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องเรียกคร่ำครวญของรำเพย
"เอาลูกฉันคืนมา"
ทิพย์กล่อมนันทนัชวัยแบเบาะให้หลับต้องสะดุ้ง
"ได้ยินไม๊ เอาลูกฉันคืนมานะ เอาลูกฉันคืนมา"
รำเพยเคาะประตูพลางร่ำร้องหาลูกแทบขาดใจ
"ได้ยินไม๊ทิพย์ เปิดประตู ฉันจะหาลูก เอาลูกคืนมาให้ฉัน"
ทิพย์เปิดประตูออกมา แล้วรีบปิดประตูทันที
"เบาๆค่ะคุณรำเพย คุณหนูกำลังหลับอยู่ แกคงตกใจน่ะค่ะ ร้องไห้ตลอดเวลา เพิ่งจะยอมหลับไปเมื่อกี้เอง รอให้คุณหนูตื่นก่อนนะคะ แล้วทิพย์จะเอาไปคืน"
"ไม่ต้องมายุ่ง ฉันจะดูลูกฉันเอง เอาลูกฉันคืนมา"
รำเพยจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่ทิพย์ขวางไว้
"ยังเอาไปไม่ได้ค่ะคุณรำเพย"
"ทำไมจะเอาไปไม่ได้ นั่นลูกชั้นนะ"
"แต่คุณผู้ชายสั่งให้ทิพย์เอามาดูแล ถ้าคุณผู้ชายยังไม่สั่งให้ทิพย์คืนให้คุณ ทิพย์ก็ขัดคำสั่งไม่ได้หรอกค่ะ"
"หลีกไปนะ ฉันจะไปหาลูกฉัน บอกให้หลีก"
ด้วยความโหยหาและเป็นห่วงลูก ทำให้รำเพยเงื้อมือตบลงไม้ลงมือจิกผมทึ้งทิพย์
"ว้าย! ทิพย์เจ็บนะคะคุณรำเพย อย่าทำอย่างงี้เลยค่ะ ทิพย์คืนคุณหนูให้คุณไม่ได้จริงๆ"
ทิพย์ขวางรำเพย ไม่ยอมให้เข้าไป ยิ่งทำให้รำเพยคลั่ง เสียงเด็กน้อยนตกใจตื่น ร้องไห้จ้า
"อ๊าย ลูกแม่ มาอยู่กับแม่เถอะลูก แม่จะไม่ยอมให้ใครพรากลูกไปจากแม่ได้เด็ดขาด ฉันบอกให้หลีกไป หลีกไปซี"
รำเพยตบทิพย์อีกครั้ง เผี๊ยะ! แต่ทิพย์ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากรำเพย ลิตรเข้ามาเห็น ตกใจ รีบเข้ามาดึงรำเพยออกจากทิพย์
"หยุดนะรำเพย ฉันบอกให้หยุด"
ลิตรดึงรำเพยออกมาจากทิพย์ได้
ทิพย์ทรุดลงนั่งหอบหมดแรงกับพื้น ผมเผ้ากระเซิง เสื้อมีรอยขาด หน้าตาถูกตบและมีรอยเล็บข่วนที่คอ มองลิตรอุ้มพาตัวรำเพยแยกไป
ภายในห้องๆหนึ่งของเรือนรัตนะ ทิพย์แอบมองผ่านช่องประตูเข้าไป เห็นรำเพยกำลังร้องไห้ ขณะที่ลิตรพยายามพูดทุกอย่างเพื่อให้รำเพยเห็นใจเขา
"ห่วงแต่ลูก อะไรๆก็ลูก หายใจเข้าออกเป็นลูกไปหมด"
"ก็ลูกฉันทั้งคนนี่ ฉันรักของฉัน"
"แล้วพี่ละรำเพย รำเพยเอาพี่ไปทิ้งไว้ที่ไหน"
"พี่เคยอยู่ที่ไหน พี่ก็อยู่ที่นั่นแหละ พี่ได้ตายจากใจฉันไปนานแล้ว ตั้งแต่วันที่พี่ฆ่าพี่เรไร
ลิตรโผเข้าไปจับแขนรำเพย"
"ใช่ พี่มันเลว แต่ที่พี่ทำลงไปทั้งหมดเพราะใคร เพราะพี่รักรำเพยใช่ไม๊"
"อย่ามาโทษฉันนะ ใจพี่มันอำมหิต พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อสนองตัณหาของตัวเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเงินทองหรือความรัก ถ้าพี่รักฉันจริงอย่างที่ปากพูด ก็ปล่อยฉันกับลูกไปซิ พี่ทำได้ไม๊"
ลิตรส่ายหน้า
"ไม่มีวันที่พี่จะปล่อยเธอไปหรอก"
"ถ้าพี่ไม่คืนลูกให้ฉัน ฉันก็จำเป็นจะต้องเอาพี่เข้าคุก"
"ว่าไงนะ"
"ฉันจะไปบอกตำรวจว่าพี่ฆ่าพี่เรไร"
"ดี...ถ้ารำเพยไปหาตำรวจ ก็อย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะได้เจอหน้าลูกอีก"
"พี่มันเลว...พี่มันเลวที่สุด ฮือๆๆ"
รำเพยทรุดลงร้องไห้คร่ำครวญ เสียงดังออกมาจากเรือนรัตนะ
ทิพย์อุ้มนันทนัช โดยแขนคล้องตะกร้าใส่ข้าวของสัมภาระ ลิตรยื่นกุญแจพวงหนึ่งให้
"นี่กุญแจบ้าน รีบพายัยหนูไปอยู่ที่นั่นก่อนสักพักนะ รอจนกว่ารำเพยยอมฟังฉัน แล้วฉันจะไปรับเธอกับยัยหนูกลับมาเอง"
"มันจะดีเหรอคะคุณลิตร คุณหนูยังเล็ก ถ้าอยู่ห่างแม่...เอ่อ..."
"เธอเลี้ยงดูลูกฉันได้ ฉันมั่นใจ เธอก็รู้ ไม่มีใครช่วยฉันได้อีกแล้วนอกจากเธอ"
ลิตรพูดพลางยื่นมือไปบีบไหล่ทิพย์ มองด้วยสายตาอ้อนวอน ความรักทำให้ทิพย์พยักหน้า
"ถ้าอย่างงั้นคุณผู้ชายไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทิพย์จะดูแลคุณนันให้ดีที่สุดค่ะ"
"รีบไปเถอะ ก่อนที่รำเพยจะออกมาเห็น" ลิตรพูดพลางจับแขนลูก "นันทนัช...พ่อขอโทษนะลูก แล้วพ่อจะไปหา รีบไปเถอะ เร็ว"
ทิพย์รีบอุ้มนันทนัชเดินออกจากประตูรั้วไป
ภายในบ้านกลางสวน ทิพย์เล่าเรื่องราวให้ชิดฟัง
"ชั้นต้องหลบๆซ่อนๆ เลี้ยงดูคุณนันอยู่ที่นี่เป็นเดือนๆ กว่าคุณลิตรจะรับกลับไปเรือนรัตนะ แกก็รู้ว่าที่นี่เมื่อก่อนมันเปลี่ยว แล้วก็โจรเยอะแค่ไหน เพราะอย่างนั้นมีเหรอที่คุณนันจะไม่ปกป้องคนที่บุญคุณอย่างชั้น"
ชิดฟังแล้วพอจะนึกถึงภาพออกว่าในอดีต ที่ตรงบริเวณนี้เป็นอย่างที่ทิพย์เล่าให้ฟังจริง เขารู้สึกเห็นใจทิพย์
แสงสีกรุงเทพยามราตรี บนถนนย่านสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ผู้คน นักเที่ยวพลุกพล่าน บริเวณริมฟุตบาธมุมหนึ่ง กฤตพนธ์กับภานุจอดรถซุ่มอยู่ รอเวลาปฎิบัติการ
"แกกลัวบ้างไม๊วะกฤต"
"ไอ้นุ...ทำงานมาระดับนี้แล้ว แค่บุกจับแก๊งค้าดอลลาร์ปลอมข้ามชาติ จะกลัวไรวะ"
"ไม่ใช่! ฉันถามว่าแกกลัวรถไฟจะชนกันบ้างไม๊ ระหว่างกิ๊กเก่าอย่างคุณกิ๊บ กับกิ๊กใหม่อย่างคุณนันน่ะ แหม...แล้วดันอยู่บ้านหลังเดียวกันซะด้วย เวลาแกจะดอดไปหาใครก็ต้องคอยหลบอีกคน คงลำบากแย่เลยเนอะ ฮ่ะๆๆ"
กฤตพนธ์มองหน้าภานุอย่างหมั่นไส้
"หึ ตลกมากนะแก ทำไมฉันต้องหลบด้วย ไม่เห็นต้องหลบเลย ฉันชอบใคร ก็จะไปหาคนนั้น"
"อัยย่ะ! ตั้งแต่คบกันมา ไม่เคยได้ยินแกพูดแบบนี้กับสาวคนไหนเลย เฮ้ย...นี่แสดงว่ากับคนนี้ แกกำลังถลำลึกแล้วนะเว้ย"
เขายกมือขึ้นห้ามภานุพูด แล้วฟังเสียงผู้บังคับบัญชาสั่งจากหูฟังที่เสียบอยู่
"ครับผม! ไปเร็วไอ้นุ สั่งบุกแล้วเว้ย ลุย"
กฤตพนธ์กับภานุชักรีบลงจากรถในทันที
ภายในสถานบันเทิงครบวงจรขนาดใหญ่ โซนผับชั้น1 ประตูทางเข้าด้านหน้าถูกผลักออก กฤตพนธ์เดินนำภานุและลูกน้อง 5 คน เข้ามาพร้อมๆกับตำรวจกองปราบปรามจำนวนหนึ่ง การ์ดที่เฝ้าประตูผงะ
ตำรวจ1 ชูหมายค้น
"เรามีหมายค้น ให้ความร่วมมือด้วย"
เหล่าการ์ดพากันยืนนิ่งแต่โดยดี ยอมให้ตำรวจเข้าตรวจค้นตัว
ขณะที่ทีมกฤตพนธ์กับหัวหน้าทีมตำรวจเดินลึกเข้ามาภายในที่เปิดเป็นผับ ตำรวจนอกเครื่องแบบที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ภายในมานานแล้วสั่งพนักงานปิดเพลงเปิดไฟสว่าง นักเที่ยวพากันงง
ตำรวจ1 บอก
"ทุกคนอยู่ในความสงบนะครับ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เรามีหมายค้น"
กฤตพนธ์พูดเสริม
"กรุณาให้ความร่วมมือกับเจ้าที่ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ"
ตอนนั้นเองที่แก๊งค้าดอลลาร์ปลอมชาวจีน 5 คนนำโดย “หย่งเล่อ”หัวหน้าแก๊งที่หิ้วกระเป๋าอยู่ตรงกลาง เดินออกมาจากประตูด้านใน
ที่ด้านหลังของสถานบันเทิงเป็นตึก3ชั้น แอบเปิดเป็นห้องวีไอพีจำนวนมากคล้ายห้องคาราโอเกะเพื่อให้ลูกค้ากระเป๋าหนักเล่นการพนันและมั่วสุมค้าทั้งยาและของผิดกฎหมาย
พวกมันเห็นกลุ่มตำรวจแต่ไกลก็ชะงัก ค่อยๆจะเดินถอยหลังกลับ แต่ภานุหันมาเห็นเสียก่อนที่มันจะแฝงไปในกลุ่มนักเที่ยวในผับ ภานุชี้บอก
"เฮ้ย! พวกมันออกมานั่นแล้ว"
"เจ้าโซย"
หย่งเล่อสั่งด้วยภาษาจีนแต้จิ๋วให้ลูกน้องรีบหนีไปก่อน
"Stop!"
2 ในกลุ่มพวกมัน ชักปืนออกมายิงใส่ทันที ปังๆ ทั้งกฤตพนธ์และทุกคนหลบ กระสุนเจาะไปถูกขวดแก้วบนโต๊ะและโคมไฟแตก เสียงผู้คนพากันร้องกรี๊ด หนีกันอลหม่าน พวกมันฉวยโอกาสวิ่งหนีแตกฮือไปคนละทิศ หย่งเล่อกับลูกน้องอีกคนหนีกลับเข้าประตูด้านในที่เพิ่งออกมา ส่วนอีก3คนหนีกระจายไปทางประตูหนีไฟของผับ
กฤตพนธ์ชักปืนออกมาพลางบอกกับหัวหน้าทีมตำรวจ
"ผมจะตามหย่งเล่อเข้าไปด้านในเองครับ"
ตำรวจ1บอก
"ตกลง ระวังตัวนะผู้พัน" จากนั้นหันไปตะโกนสั่งลูกน้อง "ผู้กอง! นำกำลังตามจับตัวไอ้ 3 คนนั่นมาให้ได้"
ตำรวจกระจายกำลังกันออกตามจับคนร้ายทั้ง3 ส่วนกฤตพนธ์หันมาสั่งลูกน้องตัวเอง
"ไอ้นุแกมากับฉัน ที่เหลือ ออกไปรอสกัดคนร้ายข้างนอก เผื่อมันจะหลุดรอดออกไปได้ ทางการจีนประสานมา ต้องการตัวมัน เราต้องจับมันส่งกลับประเทศให้ได้"
ทหารลูกน้องบอก
"ครับผม!"
กฤตพนธ์พยักหน้าเรียกภานุแล้วถือปืนวิ่งเข้าประตูด้านในไปทันที
เรือนริษยา ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในห้องๆหนึ่ง...ที่มีจอขนาดใหญ่ ฟุตบอลอังกฤษคู่สำคัญเพิ่งจะแข่งเสร็จไป นักพนันบอลที่เล่นได้พากันยกมือดีใจ เฮลั่น ส่วนพวกที่แพ้ก็หน้าเซ็ง ควักเงิน ควักเช็คจ่ายกันให้วุ่น
หนึ่งในนั้นคือรณฤทธิ์ที่นั่งลูบขมับหน้าดำคร่ำเครียดอยู่ ต่อหน้าเซียนโต๊ะบอลวัย 50 ที่มีหน้าตาราวเจ้าพ่อ
"เป็นอันว่าหนี้เก่า 2 แสน คุณจ่ายผมหมดแล้ว แต่หนี้ใหม่ 2 ล้านของวันนี้ จะจ่ายเมื่อไหร่ดี..หึๆๆ"
รณฤทธิ์ลุกขึ้น
"มีเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นน่าเฮีย ผมจ่ายทุกทีไม่เคยเบี้ยว"
"ไม่เคยเบี้ยวแต่ต้องให้ทวงตามตลอด ทีเวลาคุณเล่นได้ ผมจ่ายสดๆ ไม่เห็นต้องให้ทวง"
เซียนบอก รณฤทธิ์เถียงไม่ออก
"เอายังงี้แล้วกัน...เห็นแก่ฐานะลูกเลี้ยงเจ้าของโรงสีอย่างคุณ หนี้แค่ 2 ล้าน...จิ๊บจ๊อยมาก ผมให้เวลาอาทิตย์นึงคุณต้องจ่าย!"
รณฤทธิ์มองไปที่สมุนมือขวาของเซียนบอลที่ยืนหน้าเหี้ยมอยู่ข้างหลัง มันมองนิ่งมาที่เขาอย่างขู่ๆ รณฤทธิ์เท้าแขนลงบนโต๊ะ พูดยิ้มๆยวนๆใส่หน้าเซียนบอล
"ผมว่าอาทิตย์นึงมันช้าไปนะเฮีย ผมขอต่อเหลือแค่ 3 วันก็แล้วกัน เห็นใจเฮีย เดี๋ยวหมุนเงินไม่ทัน ฮ่ะๆๆ"
รณฤทธิ์เดินหัวเราะเดินไปออกจากห้อง เซียนบอลมองตามอย่างหมั่นไส้
"เออ...กูจะรอ ถ้า3วันไม่จ่ายนะมึง"
หย่งเล่อหัวหน้าแก๊งค้าแบงก์ปลอมหิ้วกระเป๋าวิ่งหนีมากับลูกน้อง โดยมีกฤตพนธ์กับ
ภานุวิ่งไล่ตามมา
"Stop!"
ยังไม่ทันพูดอะไรมากไปกว่านี้ หย่งเล่อกับลูกน้องหันไปยิงใส่กฤตพนธ์กับภานุทันที... ปังๆๆ
ภานุกระโจนหลบเข้ากำบัง ขณะที่กฤตพนธ์ทิ้งตัวกลิ้งหลบแล้วนอนยิงสวนไป 2 นัดซ้อน ปังๆ
กระสุนเจาะเข้าที่ขาหย่งเล่อ 2 นัดซ้อน
หย่งเล่อเจ็บล้มลง ลูกน้องตกใจรีบเข้าพยุงจะหนี เลยเจอภานุโผล่ออกมายิงใส่เข้าที่ไหล่และมือ
"จะหนีไปไหน"
ลูกน้องร้องลั่นอย่างเจ็บปวด ปล่อยปืนที่ถือร่วงไป
กฤตพนธ์ฉวยโอกาสลุกขึ้น วิ่งนำภานุเข้าประชิดทันที
"บุกเลย!"
กฤตพนธ์กับภานุวิ่งเข้าถึงตัวหย่งเล่อและสมุน ภานุเตะปืนของสมุนที่ร่วงอยู่ออกไปไกล เข้าไปจะจับมัน แต่มันสู้ เลยถูกภานุ เตะขาล้ม จับล็อกแขนมันไว้ แต่หย่งเล่อที่ยังมีปืนอยู่ในมือยกจะยิงใส่กฤตพนธ์อย่างไม่ยอมสิ้นฤทธิ์
"เฮ้ยไอ้กฤต...ระวัง!"
กฤตพนธ์ไวกว่า ตวัดขาเตะไปที่มือมันได้ก่อน ทำให้มันลั่นไกยิงพลาดไป เขาเข้าจับล็อกแขนมัน หักข้อมือมันบิด...เสียงดังกร๊อบ จนมันร้องลั่นยอมปล่อยปืน
"อ๊าก"
"ไม่ต้องร้อง แกหลอกขายแบงก์ปลอมทำให้คนเสียรู้หมดตัวมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว เศรษฐกิจพังเป็นร้อยล้าน ถึงเวลาแกไปเสวยสุขในคุกซะที"
กฤตพนธ์จับแขนมันล็อกไพล่หลัง กดมันลงนอนกับพื้น ตำรวจ1นำกำลังตำรวจตามมาพอดี
"ทางนี้ครับ! ผมจับตัวหย่งเล่อได้แล้ว"
"เยี่ยมเลยผู้พัน! เฮ้ย...จัดการซิ"
ตำรวจ1สั่งให้ลูกน้องเข้ามาช่วยกันจับหย่งเล่อและลูกน้องใส่กุญแจมือ แล้วสั่งต่อ
"ที่นี่เปิดเป็นสถานบันเทิงบังหน้า ด้านหลังเปิดเป็นห้องมั่วสุมทั้งการพนัน ยาและซ่องโจร เข้าตรวจค้นทุกห้องนะ จับกุมทุกคนที่พบ"
เหล่าตำรวจรับคำ
"ครับผม"
ตำรวจกระจายกำลังออกไปตรวจค้นทุกห้อง
ตอนนั้นเองที่รณฤทธิ์เดินลงบันไดมาจากชั้นบน
"ตะกี้เสียงปืนที่ไหน ใครมายิงล้างหนี้กันอีกแล้ววะเนี่ยะ"
รณฤทธิ์เดินลงมาชั้นล่างก็เห็นตำรวจเข้าก็ตกใจ
"เฮ้ย!"
รณฤทธิ์รีบถอยกลับ หลบเข้าผนังข้างบันได แต่กฤตพนธ์ตาไวหันมาเห็นซะก่อน ว่ามีคนหลบอยู่ตรงนั้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เขาเดินถือปืนช้าๆไปยังที่ผนังข้างบันได
"เฮ้ย มีอะไรวะ" ภานุถาม
"ชิ้ว"
กฤตพนธ์ยกนิ้วขึ้นจรดปากบอกให้ภานุเงียบๆไว้ พอเดินไปถึงบันได กฤตพนธ์ก็โผล่หน้าพร้อมกับจ่อปืนไปทันที รณฤทธิ์ที่ยืนแอบอยู่ตกใจยกมือห้าม
"อย่ายิง!"
เขาเห็นเป็นรณฤทธิ์ จึงรีบลดปืนลงทันที
"คุณรณ! มาทำอะไรที่นี่"
"ปละ...ปล๊าว! ผมแค่มาเที่ยวเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรผิด ผมไปได้แล้วใช่ไม๊"
ท่าทางลนลานร้อนตัวของรณฤทธิ์ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่อย่างที่พูด เขายกแขนกัน
"ยังไม่ได้ครับ! ถ้าคุณไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย เดี๋ยวคุณได้ไปแน่ แต่ผมต้องควบคุมตัวให้ตำรวจเค้าสอบสวนก่อน"
กฤตพนธ์เหน็บปืนเก็บใส่ปลอกอย่างใจเย็น
"เฮ้ย! ทำไมต้องสอบสวนด้วยวะ คุณให้ผมไปเลยไม่ได้หรือไง"
"ไม่ได้ครับ! ถ้าผมปล่อยคุณไปก็เท่ากับว่าผมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่"
"ก็เราคุยกันอยู่มุมนี้ คุณปล่อยผมไป ก็ไม่มีใครรู้ใครเห็นหรอกน่า นะคุณกฤต เห็นแก่แม่ผม เห็นแก่พี่กิ๊บ ปล่อยผมไปเถอะ ถือว่าช่วยผมสักครั้ง"
รณฤทธิ์พูดพลางแอบมองไปที่ตำรวจกำลังวุ่นอยู่กับการต้อนคนออกมาจากห้องต่างๆตรวจค้นตัวหาอาวุธและของผิดกฎหมาย
"ให้ผมช่วยอย่างอื่นเถอะครับคุณรณ แต่อย่าให้ผมทำผิดกฎหมายเลย ผมต้องทำตามหน้าที่ เชิญไปที่โรงพักครับ"
กฤตพนธ์ยื่นมือไปเชิญ ทำเอารณฤทธิ์ฉุนขาด ปัดมือ
"กูไม่ไป นี่!"
รณฤทธิ์ถีบเข้าใส่ เขาผงะหลบ จังหวะนั้น รณฤทธิ์ฉวยโอกาสกระโดดข้ามราวบันไดวิ่งหนีไปทางประตูหลัง
"หยุดนะคุณรณ...หยุด! โธ่เอ๊ย"
กฤตพนธ์วิ่งตามไป
ภายในห้องเล่นไพ่ เชนกำลังนั่งเล่นไพ่แบล็กแจ็คอยู่ที่โต๊ะกับเหล่าเซียนพนัน สมหมายเปิดประตูหน้าตาตื่นเข้าห้องมากระซิบที่หูเชน
"แย่แล้วพี่เชน! ผมออกไปเข้าห้องน้ำ เห็นตำรวจมันกำลังค้นทุกห้องเลย"
เชนตกใจ รีบวางไพ่หงาย
"อั๊วหมอบเว้ย"
แล้วเชนก็ก็รีบกวาดหยิบเงินในกองเก็บใส่กระเป๋า ลุกขึ้นจากโต๊ะ ทำเอาทุกคนแปลกใจที่อยู่ๆเชนเลิกเล่น แถมเชนกับสมหมายรีบร้อนเดินออกจากห้องไปทันที
ตอนนั้นเองที่มือถือของนักพนันคนหนึ่งดังขึ้น
นักพนัน1ถาม
"ฮัลโหล! แกอยู่ไหนวะ ขับรถรับฉันหรือยังวะ? อะไรนะ... ทำไมแกจะเข้ามาไม่ได้ ห่ะ ตำรวจปิดล้อมที่นี่หมดแล้วเหรอ"
เสียงนักพนัน ทำเอาทั้งห้องช็อก แตกฮือไปที่ประตู แต่ตำรวจจู่โจมเข้ามาถึงห้องเสียก่อน
"หยุดนะ! ทุกคนอยู่กับที่ อย่าขัดขืนเจ้าหน้าที่เป็นอันขาด"
รณฤทธิ์วิ่งหนีมา กฤตพนธ์วิ่งตามไล่หลัง
"หยุดนะคุณรณ! ยิ่งหนีเรื่องจะไปกันใหญ่"
แต่รณฤทธิ์ไม่หยุด ถีบประตูหลังวิ่งออกมาทางด้านหลังสถานบันเทิงที่เป็นโกดังเก็บฉาก เต็มไปด้วยข้าวของรกๆ กฤตพนธ์วิ่งตาม
"ผมบอกให้หยุด!"
กฤตพนธ์วิ่งตามหลังมาอย่างเร็ว รณฤทธิ์เห็นจวนตัวเลยผลักโต๊ะ กองเก้าอี้ข้าวของขวาง เขาต้องค่อยๆกระโดดข้ามหลบ
แล้วกฤตพนธ์ก็ไล่ทัน ตัดสินใจกระโจนเข้าตะครุบตัวรณฤทธิ์ ทำให้ล้มกลิ้งไปด้วยกัน
"ปล่อยกู!"
รณฤทธิ์ดิ้นหนี เงื้อหมัดต่อย แต่กฤตพนธ์ดึงตัวผงะหลบหมัด ทำให้รณฤทธิ์หลุดจากมือที่จับลุกขึ้นได้ ทำท่าจะวิ่งหนีต่อ แต่เขาลุกตะปบไหล่ไว้
"มอบตัวเถอะคุณรณ นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย คุณจะขัดขืนไปถึงไหน"
"แล้วมึงจะตามกูไปถึงไหนวะ"
รณฤทธิ์พูดพลางคว้าท่อนไม้โครงใกล้มือหันมาฟาดใส่ เขาตกใจ ถอยหลบไม่อยากจะลงมือตอบโต้
"คุณทำอย่างงี้ต่อสู้ขัดขืนทำร้ายเจ้าพนักงานนะคุณรณ วางไม้ลง"
"มึงนั่นแหละ ไสหัวไปให้พ้น"
รณฤทธิ์จะฟาดไม้ไป เขาหลบ ไม้ฟาดไปถูกหลอดไฟสีที่กองอยู่จนแตกกระจาย เขากระโดดหลบไปมา คว้ากระดานแถวนั้นมารับไม้ จนกระดานหักกระจุย ทำเอากฤตพนธ์เหลืออด
"พูดดีๆไม่ฟัง งั้นผมไม่เกรงใจนะ"
รณฤทธิ์ขึ้นไปอยู่บนโต๊ะ ฟาดลงมาที่เขาซึ่งกระโดดหลบไปโหนราวเหล็กเหนือหัวแล้วเตะเข้าหน้ารณฤทธิ์ไปหนึ่งที จนอีกฝ่ายล้มหงายเก๋ง เขากระโดดลงมาคร่อม แล้วคว้าตัวเขาไว้ แต่รณฤทธิ์ยังไม่ยอม เหวี่ยงไม้ฟาดอีก แต่ถูกกฤตพนธ์จับได้ บิดล็อกแขน
"อ๊าก"
"บอกว่าให้ยอมมอบตัวดีๆ ผมไม่อยากทำ คุณบังคับผมเองนะ"
กฤตพนธ์เตะไม้ทิ้งจนหลุดมือ แล้วจับรณฤทธิ์กดคว่ำหน้าลงกับพื้น ตอนนั้นเองที่รณฤทธิ์เห็นเชนกับสมหมายรีบหนีออกมาจากด้านในสถานบันเทิง ทั้งคู่วิ่งลงบันไดหลังลงมาอย่างรีบร้อน จึงตะโกนออกไป
"นายเชน...ช่วยผมด้วย"
กฤตพนธ์มองไป...เชนกับสมหมายมองมา ต่างจำกันได้
"นั่นมัน"
"ห่ะ! ซวยแล้ว รีบไปเร็ว"
เชนกับสมหมายรีบหนีออกไปจากโกดัง กฤตพนธ์จะตามไปก็ติดตรงที่จับรณฤทธิ์อยู่ ภานุวิ่งตามออกมาเห็นพอดี
"ไอ้นุ...มาช่วยจับคุณรณไว้ที...เร็วซีวะ"
"ก็รีบอยู่นี่ไงครับหัวหน้า แกจะเร่งไปไหน"
พอภานุเข้ามาช่วยจับรณฤทธิ์ กฤตพนธ์ก็รีบลุกวิ่งไปทันที
"อ้าวเฮ้ย...แกจะไปไหนอีกวะนั่น"
"ปล่อยกู...ปล่อย"
"ถ้าอยากให้ปล่อย ต้องไปบอกให้แม่มาขอแล้วล่ะคร๊าบ"
"โธ่เว้ย"
รณฤทธิ์แผดร้องอย่างฉุนฉียวสุดๆ
เชนกับสมหมายรีบเดินออกมาจากประตูลับด้านข้างโกดังหลัง ทะลุออกมาเป็นบริเวณมืดๆรกๆไปด้วยหญ้า ตรงไปยังรถตู้ที่จอดอยู่มุมไกล มีลูกน้องเชน 2 คนรออยู่ในรถ
"เฮ้ย ขับมาซีวะ" สมหมายบอก
สมหมายตะโกนกวักมือเรียก กฤตพนธ์วิ่งตามออกมา เห็นเชนกับสมหมายกำลังเดินลิ่วๆไปยังรถตู้
"เฮ้ย หยุดนะ"
"ไอ้เวรนั่นตามมาแล้ว...เร็วๆ"
เชนกับสมหมายรีบไปขึ้นรถ ขณะที่กฤตพนธ์รีบวิ่งเข้าไป
"บอกให้หยุด!"
เชนกับสมหมายกระโดดขึ้นรถตู้ได้ รีบปิดประตูล็อก สั่งลั่น
"รีบขับไปเลย...ไปเร็วๆๆ"
กฤตพนธ์วิ่งเข้าไป รถตู้แล่นพุ่งออกมา อารามอยากได้ตัวเชนไว้เลยตัดสินใจวิ่งขวางทาง ชี้สั่ง
"จอดรถนะ...จอด!"
"ไอ้เวรเอ้ย มันวิ่งขวางทาง อยากตายหรือไงวะ เอาไงดีพี่"
"มันอยากตายก็ให้มันตาย ชนมันเข้าไปเลย เกิดมันตายก็ดี เรื่องลูกสาวนายลิตร จะได้หมดตัวเสือก! ชนมันเลย"
ฤตพนธ์ยังคงวิ่งเข้าหา พยายามจะหยุดรถไว้ให้ได้
"เฮ้ย...บอกให้จอด"
รถตู้พุ่งเข้ามาสาดไฟสูงใส่หน้า
"โอ๊ะ!"
เขายกมือขึ้นกันหน้า แล้วต้องกระโดดกลิ้งตัวลงข้างทางหลบรถตู้ที่พุ่งเข้าชนอย่างไม่ติดเบรก แล้วรีบลุกขึ้น วิ่งตามรถตู้ที่ซิ่งทะยานออกไปทางลัด
"หยุดนะ...หยุด"
ภายในรถตู้ เชนหันไปมองกระจกหลัง เห็นกฤตพนธ์ยังคงวิ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ
"ยังจะวิ่งตามมาอีก ไอ้เวรนี่มันกัดไม่ปล่อยจริงๆ"
เขาเห็นท่าว่า วิ่งตามไปแบบนี้คงไม่ทันแน่ ตัดสินใจวิ่งเลี้ยวไปทางหน้าสถานบันเทิง หวังไปดักหน้า
รถตู้ซิ่งทะยานออกมาจากซอยเล็กๆที่เป็นทางลัดอยู่ข้างๆสถานบันเทิง ขณะที่กฤตพนธ์รีบวิ่งตามออกมาทางด้านข้างตึกสถานบันเทิง ที่มีรถตำรวจจอดอยู่เต็มด้านหน้าสถานบันเทิง กำลังควบคุมตัวเหล่าแก๊งค้าเงินดอลลาร์ปลอม และเหล่านักพนันทั้งหลายให้ขึ้นรถ
แต่พอวิ่งออกมา รถตู้ของเชนก็พุ่งมาที่ออกถนนไปแล้ว เขาหยุดยืนหอบมอง เขวี้ยงหมัดอย่างเจ็บใจ
"มันหนีไปจนได้"
ภายในเรือนรัตนะ กลางดึก นันทนัชพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง มองเวลาที่นาฬิกาปลุก ตี1กว่าแล้ว
จนเธอต้องลุกขึ้นนั่งอย่างยอมแพ้
"เฮ่อ ยังไงก็ไม่หลับ"
นันทนัชเปิดลิ้นชัก หยิบขวดยานอนหลับออกมา กินไปเม็ดหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงเดือนเคาะประตูดังอยู่ข้างนอก
"คุณผู้หญิงคะ คุณผู้หญิง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว"
นันทนัชรีบลุกจากเตียงไป
ฤทัยเปิดประตูห้องออกมา หน้าตาบ่งบอกว่าหลับไปแล้ว
"นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วห่ะนังเดือน ปลุกฉันทำไมยะ"
กนกกรก็เปิดประตูเดินงัวเงียออกจากห้องมาเหมือนกัน
"โอ๊ย...หนวกหูจริงๆเลย มีอะไรห่ะนังเดือน"
"ก็คุณรณน่ะซีคะ กระหน่ำโทร.เข้ามาที่บ้านตั้งหลายหน บอกว่าโทร.เข้ามือถือคุณผู้หญิงไม่ติด"
"ไอ้ลูกบ้า คนจะหลับจะนอน ใครจะเปิดมือถือรอมันล่ะ แล้วมันจะโทร.มาหาพระแสงอะไร ดึกดื่นป่านนี้ ทำไมไม่กลับบ้าน"
ที่มุมไกล นันทนัชแอบเดินมาแอบฟังอยู่
"คุณรณคงกลับมาไม่ได้หรอกค่ะ คุณรณบอกว่า ตอนนี้ถูกจับอยู่ค่ะ ให้คุณผู้หญิงรีบไปประกันตัวด่วนค่ะ"
ฤทัยกับกนกกรตกใจ
"ห่ะ ถูกจับ มันไปมีเรื่องอะไรอีกเนี่ยะ"
"โธ่ แม่ก็รีบโทร.ไปหามันซี จะได้รู้เรื่อง มัวแต่ถามอยู่นั่นแหละ"
ฤทัยรีบเข้าห้องหยิบมือถือมากดเปิด โทร.หาลูกชายอย่างร้อนใจ พลางบ่น
"ไอ้ลูกเวรเอ้ย หาแต่เรื่องมาให้ฉัน" แล้วรอสายสักครู่ "ฮัลโหล! ตารณเหรอ แกไปทำอีท่าไหนห่ะ ถึงได้ถูกตำรวจจับเอาห่ะ ว่าไงนะ...คุณกฤตน่ะเหรอจับแก"
ฤทัยพูดพลางหันไปมองหน้ากนกกรอย่างแปลกใจ
"คุณกฤตเค้าอยู่หน่วยพิเศษของทหารนะแม่ อยู่ๆไปจับมันได้ไง หรือว่ามันเป็นพวกก่อการร้าย จะไปวางระเบิดใครรึปล่าวแม่" กนกกรว่า
"แกจะบ้าเหรอยัยกิ๊บ! รณไหนบอกมาซี มันเรื่องอะไรกันห่ะ"
นันทนัชที่ยืนแอบมองอยู่มุมไม่ไกล มองผ่านประตูห้องเข้าไปทั้งเห็นและได้ยินชัด แปลกใจเหมือนกัน ที่ได้ยินอย่างนั้น เธอกลับเข้ามาในห้อง สีหน้าอยากรู้มาก
"ต้องรู้ให้ได้ นายรณฤทธิ์ถูกจับเรื่องอะไร"
แล้วเธอก็นึกออก
กฤตพนธ์เดินมาส่งนันทนัชที่รถ
"ขอบคุณนะคะที่เสียสละเวลามาช่วยสอนฉัน"
"ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ เพราะยังไงคุณก็ต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้ผมอยู่ดี"
นันทนัชหน้าตึงขึ้นมาทันที
"รู้ค่ะ ว่าค่าเสียเวลาของคุณมันแพง คุณจะคิดเท่าไหร่ก็บอกมาซี"
"เลี้ยงข้าวผม สำหรับค่าเสียเวลาที่ผมสอนคุณไปในวันนี้"
เธอดีดนิ้วแล้วหยิบมือถือมากดส่งข้อความไป
"ตอบกลับมาเร็วๆซี"
บรรยากาศหน้าสถานบันเทิง ตำรวจลำเลียงผู้ต้องสงสัยและลูกค้าที่ควบคุมตัวได้ขึ้นรถไปโรงพักหมดแล้ว
กฤตพนธ์ ภานุและทหารในหน่วยกำลังคุยกับหัวหน้าทีมตำรวจบก.ปที่สนธิกำลังกันมาจับกุมในครั้งนี้ แล้วทุกคนก็แยกย้ายไปทำตามหน้าที่
กฤตพนธ์เดินคุยกับภานุมาที่รถ
"ภารกิจคืนนี้...สำเร็จเกิดคาดจริงๆ"
"หึ เกิดคาดตรงที่แกจับตัวนายรณฤทธิ์น้องชายกิ๊กเก่าได้ด้วยน่ะเหรอ แกไม่กลัวคุณกิ๊บเค้าจะโกรธเหรอวะ"
"ทำตามหน้าที่ ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร จะมาโกรธอะไรฉัน แล้วที่ว่าได้ผลเกินคาด ไม่ใช่เรื่องที่เจอนายรณฤทธิ์
แต่ฉันเจอไอ้คนนึงที่คาดไม่ถึงมากกว่า"
"ใครวะ"
"ไอ้คนที่เข้าไปหาเรื่องกระทืบฉันในห้องน้ำ"
ในห้องน้ำ เชนต่อยสวนคืน แต่กฤตพนธ์จับหมัดเชนล็อกไว้พลางถาม
"พวกแกจงใจมาเล่นฉันใช่ไม๊"
"แล้วมึงไปทำอะไรไว้ ถึงคิดว่ากูมาเล่นมึง ย๊าก"
กฤตพนธ์คิด
"ฉันว่าไอ้นี่มันไม่ธรรมดา มันต้องขาใหญ่มากๆที่นี่ ถึงได้รู้ทางหนีทีไล่ดี มีคนเตรียมพร้อมพาหนีได้ฉลุยแบบนี้ ที่เด็ดไปกว่านั้น ฉันได้ยินนายรณเรียกชื่อมันว่า นายเชน”
"งั้นชัดเจนเลยว่า 2 คนนี้รู้จักกัน!"
"นายรณเรียกขอให้มันช่วยตอนที่ถูกฉันจับตัว"
"ไม่แค่รู้จักธรรมดาซะแล้ว นายรณต้องรู้จักสนิทสนมกับมันเป็นอย่างดี"
"ฉันอยากได้ประวัติของมัน แกช่วยจัดการประสานขอกับทางตำรวจให้ที"
"ได้ครับหัวหน้า ว่าแต่...นี่แกกำลังสงสัยใช่ไม๊ ว่าไอ้เชนคนนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนในเรือนรัตนะ"
"ฉันก็แค่สงสัยเอาไว้ก่อน เพราะจนป่านนี้ ตำรวจยังคลำหาตัวไอ้โม่งที่ดักฆ่าคุณนันไม่ได้เลย"
"อ๋อ...สรุปง่ายๆว่าแกเป็นห่วงคุณนัน"
กฤตพนธ์มองหน้า ภานุรีบตะเบะ
"คร๊าบผู้พัน ผมหมดข้อสงสัยแล้ว จะไปปฏิบัติสืบหาข้อมูลตามคำสั่ง ครับผม!"
ภานุเดินผละไปหาตำรวจ
กฤตพนธ์ยืนเท้าสะเอวส่ายหน้ายิ้มๆให้กับความกวนของภานุ แล้วเปิดประตูขึ้นรถ หยิบมือถือที่ทิ้งไว้ในรถขึ้นมาดู เห็นมีข้อความ…กดอ่าน
"พรุ่งนี้คุณว่างไม๊คะ ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณเป็นค่าจ้างที่สอนฉันยิงปืน"
เขาสุดแสนตื่นเต้นดีใจ ทำท่าจะรีบกดตอบตกลง แต่แล้วก็หยุด…ยิ้มๆ…แกล้งไม่พิมพ์ตอบกลับไปซะงั้น เก็บมือถือ
"ดูซิ ถ้าไม่ตอบ ยัยขี้ยัวะจะเป็นยังไง หึๆ"
เรือนริษยา ตอนที่ 7 (ต่อ)
ตอนสายๆ นันทนัชเดินสะพายกระเป๋าลงบันไดมา มือกดมือถือเช็คข้อความพลางบ่น
"เชอะ...ทำเป็นเล่นตัว ไม่ตอบ นึกว่านันทนัชจะง้อเหรอ หึ!"
แล้วเธอก็ชะงักเมื่อเห็นฤทัยกับกนกกรเดินกลับเข้าบ้านมาพร้อมกับรณฤทธิ์ มีไม้เดินตามหลัง หลังจากไปประกันตัวเพิ่งกลับมา ท่าทางไม่ได้หลับได้นอนกันทั้งคืน
"นี่ดีนะที่ไม่มีนักข่าว ไม่งั้นเกิดมันถ่ายรูปกิ๊บลงไปหน้าหนึ่ง แฉว่าแอบดอดไปประกันตัวน้องชายที่โรงพัก คิดดูซีว่ากิ๊บจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อีพวกไฮโซที่จ้องจะเอาเรื่องกิ๊บ มันได้เมาท์กันแหลกลาญแน่ๆ"
"ก็หมาตัวไหนล่ะที่มันจับฉันให้ตำรวจ ไปด่ามันโน่นไป๊"
กนกกรฉุนขาด ใช้กระเป๋าฟาดๆน้องชาย
"แกซิหมาไอ้รณ อย่ามาด่าคุณกฤตของฉันนะ นี่ๆๆ"
รณฤทธิ์ยกมือปัดป้องสู้
"เจ็บนะเว้ย! พูดมาได้คุณกฤตของฉัน เห็นอ่อยมันมาตั้งนาน มันไม่ยอมฟาดซักที ยังจะไปชอบมันอีก ทีหลังแก้ผ้าให้มันเลยดิ"
"อ๊าย ไอ้รณ ไอ้ปากหมา ฉันอุตส่าห์ไปช่วยประกันตัวแกนะ"
"ช่วยอะไร เห็นไปยืนบิดยั่วตำรวจอยู่นั่น"
"อ๊าย ไอ้เนรคุณ ไอ้ชั่ว"
"โอ๊ย...ฉันจะบ้าตาย มาตีกันทำไมเนี่ยะ หยุดๆ...ฉันบอกให้หยุด" ฤทัยว่า
ไม้ต้องเข้ามาช่วยแยกรณฤทธิ์ที่เริ่มออกหมัด เตะ จิกผมพี่สาว
"อย่าครับคุณฤทธิ์ พอเถอะครับ คุณกิ๊บหยุดครับ"
แต่กนกกรกับรณฤทธิ์ไม่ยอมฟัง ตีกันใหญ่ พอห้ามไม่ฟัง ฤทัยก็ฉุนขาด
"เอาเข้าไป เอาเลย ตีกันให้ตายไปเลย"
เดือนกับศรีวิ่งออกจากครัวมาดู
"เร็วซี มาช่วยกันแยกเร็ว" ไม้บอก
เดือนกับศรีรีบวิ่งแจ้นเข้าช่วยกันดึงกนกกร
"ใจเย็นๆคะคุณกิ๊บ ตีกันเลือดตกยางออก เดี๋ยวไม่สวยนะค๊า" เดือนบอก
"ปล่อยฉันนะอีขี้ข้า อย่ามาแส่"
กนกกรเงื้อมือตบเดือนเต็มพลั่ก
"อ๊าย"
เดือนกระเด็นออกมานอนคว่ำจับแก้มตัวเองอยู่ที่พื้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเท้านันทนัชก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าพอดี
"เป็นไงจ๊ะเดือน เจ็บมากมั๊ย โถ...น่าสงสาร อุตส่าห์จงรักภักดี รักเจ้านาย กลับโดนเค้าตบซะหน้าคว่ำเลย ฮ่ะๆๆ"
เธอเดินหัวเราะผ่านเดือนไป เดือนกัดปากเจ็บราวกับถูกตบอีกที ศรีแอบยิ้มสะใจ
กนกกรกับรณฤทธิ์หยุดตบตีกันทันที เมื่อเห็นและได้ยินเสียงเธอเดินหัวเราะผ่านไป รณฤทธิ์ก้าวเข้ามายืนดักหน้าอย่างโมโห
"หยุดเลยนะ แกหัวเราะอะไร"
เธอไม่กลัว ไม่ถอย ยืนจ้องรณฤทธิ์
"อย่านะ! ถ้าแตะต้องฉันแม้แต่นิดเดียว นายอาจจะตายก่อนมีโอกาสติดคุก อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ"
"แกขู่ฉันเหรอห่ะ! ฉันไม่กลัวแกหรอกเว้ย"
รณฤทธิ์เดินเข้าหา ฤทัยปราม
"อย่าตารณ"
ฤทัยกับไม้ต้องรีบเข้าไปตะครุบตัวล็อกห้ามรณฤทธิ์ไว้ กนกกรเปลี่ยนมารวมหัวกับน้องทันที
"ไปห้ามทำไมแม่ ให้ไอ้รณมันจัดการเลย ทำเป็นมาขู่ เชอะ นึกว่าพวกฉันจะกลัวหล่อนเหรอยะ"
เธอล้วงปืนจากกระเป๋าขึ้นมาแบบหน้านิ่งๆ
"ฉันไม่ได้ขู่หร๊อก"
"ว้าย!"
กนกกรกรี๊ดลั่น หน้าซีดผวาหลบหลังแม่ ทุกคนตกใจ
"นี่เธอถึงกับพกปืนจะมาฆ่าพวกฉันเลยเหรอ"
"ชั้นไม่ทำใครง่ายๆ แต่อย่าให้ชั้นจนตรอกแล้วกัน ถึงตอนนั้นก็ไม่แน่ จำใส่กะลาหัวพวกแกไว้ด้วย"
นันทนัชกวาดปืนชี้ ทำเอาฤทัย รณฤทธ์ กนกกรสะดุ้งผวากลัวปืนโป้งป้าง กรูเข้าเบียดกัน
"ใครที่ทำกับพ่อชั้น หรือคนในบ้านชั้นเอาไว้ ฉันกลับมาเรือนรัตนะครั้งนี้ ฉันเอาจริง"
เธอเก็บปืนใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากบ้านไป ฤทัยยืนกำหมัดแทบกรี๊ด กนกกรเขย่าแขนแม่
"แม่...เห็นมั๊ย นังนั่นน่ากลัวมาก มันพกปืนติดตัว มันพร้อมฆ่ายกครัวพวกเราได้ทุกเมื่อ"
"ฉันเห็นแล้ว! แกอย่าตาขาวไปเลยน่า มันก็เก่งแต่ปาก มันไม่กล้าหรอก"
ฤทัยตวาดลั่น ยืนแค้น
"มันคิดว่ามันมีปืนคนเดียวหรือไง หึ มันเอาจริง มันก็จะได้เจอของจริง"
แล้วรณฤทธิ์ก็นึกถึงหนี้ที่ไปก่อไว้ เดินเข้าไปจูงมือฤทัย
"แม่ รนมีอะไรจะคุยด้วย"
"อะไรของแกอีกห่ะ"
"มาเถอะน่า"
รณฤทธิ์จูงมือฤทัยไป กนกกรมองตามนันทนัชออกไปอย่างเจ็บใจ
ฤทัยแทบช็อก เมื่อรู้หนี้พนัน
"ว่าไงนะ ติดหนี้พนันบอล 2 ล้านเลย แกเล่นยังไงของแกเนี่ยะ"
"ตอนที่เล่น คู่แรกหนูเล่นได้มา 5 ล้านแล้วนะแม่ คู่ 2 หนูมั่นใจว่าต้องได้ชัวร์ หนูก็เลยแทงมันหมดเลย แล้วก็แทงเพิ่มไปอีก 2 แต่มันดันแพ้เละตั้ง 4-0"
"ไอ้ลูกเวร ยังมีน่ามาเล่าให้ฟังอีก ฉันน่าจะปล่อยให้แกติดคุก ไม่น่าไปประกันตัวออกมาเลย"
"ก็ตามใจนะ ถ้าแม่ไม่อยากหาเงินไปใช้หนี้ให้หนู ก็ปล่อยมันอุ้มหนูไปฆ่าล้างหนี้เลยก็แล้วกัน"
เจอไม้นี้เข้า ฤทัยได้แต่จับขมับกลุ้ม
"แกนี่มันจริงๆเล๊ย แล้วเมื่อไหร่ล่ะ แกต้องใช้หนี้มันเมื่อไหร่ห่ะ"
"เอ่อ...3 วัน"
"3วัน!นี่ๆๆ " ฤทัยพลางตีๆรณฤทธิ์ "ฉันจะไปหาเงินที่ไหนมาให้แกทัน"
"เงินของพ่อลิตรในบัญชีตั้งไม่รู้กี่ร้อยล้าน แม่ก็หาทางเบิกมาซี"
"ไอ้โง่เอ้ย ฉันจะเบิกมาได้ยังไง บัญชีมันถูกอายัติไว้ รอเปิดพินัยกรรม"
"แล้วเงินเก็บ เงินปันผลของแม่ล่ะ ไม่มีเลยเหรอ"
"มันจะมีได้ไง พวกแกช่วยกันผลาญไปหมดแล้ว ทุกวันนี้ ที่มีกินมีใช้ก็ได้จากเงินเดือนที่คุณลิตรสั่งให้ฝ่ายการเงินโอนเข้าบัญชีทุกเดือนๆ เฮ่ย เพราะนังนันคนเดียว อีก้างขวางคอ ทำให้ฝันของฉัน ที่จะได้รับมรดกของคุณลิตร เป็นแม่ม่ายพันล้านต้องกลายเป็นฝันสลาย ฉันอยากจะฆ่ามัน ไม่อยากเห็นมันลอยหน้าลอยตาอยู่ในบ้านหลังนี้อีก"
"ไม่ต้องห่วงแม่ หนูนี่แหละ จะช่วยแม่กำจัดมันไปให้พ้นทางแม่เอง มรดกของพ่อลิตรจะต้องเป็นของแม่คนเดียว แต่ตอนนี้แม่ช่วยใช้หนี้ให้หนูก่อน นะครับแม่ ไม่มีใครช่วยหนูได้อีกแล้วนอกจากแม่"
รณฤทธิ์กอดออดอ้อนฤทัย
"เออๆ ขอคิดก่อนได้ไม๊ว่าจะหาเงินมาจากที่ไหน เฮ่ย"
ฤทัยเดินหงิดหงิดออกจากห้องไป รณฤทธิ์ยืนหงุดหงิดถีบเก้าอี้จนกระเด็น คิดแค้นกฤตพนธ์
"หึ ไอ้กฤต มึงทำกูแสบมาก อย่าให้ถึงทีกูบ้างก็แล้วกัน กูจะเอาคืนมึงหลายเท่าเลย คอยดู"
ภายในโรงยิมของหน่วยข่าวกรองฯ มีเพียงกฤตพนธ์กับภานุที่ยืนเต้นฟุตเวิร์กจดๆจ้องๆกันอยู่
ใกล้...แต่สิ่งที่ทั้งคู่คุยกันเป็นเรื่องงาน
"เรื่องนายเชนที่ให้ไปสืบว่าไงวะ"
"ตำรวจยังหาข้อมูลให้อยู่ว่ะ ตอนนี้รู้แต่ว่ามันเป็นลูกค้าประจำ ที่เมื่อคืนแล้วเรื่องที่มันทำมาหากินก็ไม่น่าถูกกฎหมาย"
"แล้วนายรณล่ะ"
"หึ นายนั่นก็ลูกค้าประจำ ชอบเล่นกีฬา พวกพนันบอลน่ะ เสียทีหนักๆ เมื่อคืนที่ถูกจับ ได้ข่าวว่าเสียไป 2ล้าน"
"งานการไม่เห็นทำ เอาเงินที่ไหนมาเสียบอลเป็นล้านๆ"
"แกอย่าลืมซิ พ่อเลี้ยงนายรณน่ะใคร ถ้าได้มรดกไปล่ะก็ วงการโต๊ะบอลคงรวยอื้อซ่าเลยล่ะเว้ย ย๊าก"
ภานุบุกเข้าเตะต่อยกฤตพนธ์ก่อน อีกฝ่ายถอยพลางยกการ์ดกันหมัด แล้วต่อยเตะสวน
ประตูโรงยิมเปิดออก นายทหารคนหนึ่งเดินนำนันทนัชก้าวเข้ามา ชี้ไปที่กฤตพนธ์
"ผู้พันอยู่นั่นไงครับ"
"ขอบคุณมากค่ะ"
"ยินดีครับผม"
นายทหารเดินออกไป ปิดประตู
เธอเดินมองเขากับภานุซ้อมเข้ามาใกล้อย่างเงียบๆ ทั้งคู่ซ้อมกันอย่างจริงจัง ผลัดกันรุกผลัดกันรับ กระโดดเตะพร้อมกัน แต่แล้วภานุก็ถูกกฤตพนธ์เตะเข้าท้อง จนล้มคว่ำลงไป เขายื่นมือไปให้ภานุจับดึงตัวขึ้นมา โค้งให้กัน....แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้น
ทั้งคู่หันไปมอง เห็นเธอยืนปรบมืออยู่ กฤตพนธ์ดูตื่นเต้นดีใจมาก ภาณุเหล่มองเพื่อนรัก
ทั้งคู่เดินเข้ามาหานันทนัช
"สวัสดีครับคุณนันทนัช ผมภานุ เรียกนุเฉยๆก็ได้ครับ"
"ค่ะ คุณนุ เราเคยเจอกันแล้ว แต่ยังไม่เคยได้คุยกันอย่างเป็นทางการน่ะค่ะ"
"แหม แค่เรียกผมว่านุเฉยๆเนี่ยะ ก็ดูสนิทสนมเหมือนรู้จักกัน มานานแล้วล่ะครับ"
"แฮ้ม!"
กฤตพนธ์แอบเหยียบตีนภานุแล้วแอบพูดเบาๆ
"จะไปไหนไปเลย"
ภานุกลั้นเจ็บฝืนยิ้ม
"เอ่อ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับเผอิญนึกขึ้นได้ว่า มีงานต้องรีบไปทำ แฮ่"
"อ๋อค่ะ"
"แล้ววันหลังคุยกันใหม่นะครับ"
ภานุดึงเท้ากลับ แล้วเดินกระเผลกๆไปยังห้องล็อกเกอร์รูม พลางหันมายกหมัดใส่กฤตพนธ์
กฤตพนธ์กับนันทนัชยืนอยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาทำฟอร์มเฉย เดินไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่อ
"มาหาผมมีธุระอะไรรึปล่าวครับ"
นันทนัชทำฟอร์มมั่วตาใส
"ฉันก็มาซ้อมยิงปืนกับคุณไงคะ"
"หึ วันนี้เรานัดซ้อมยิงปืนกันด้วยเหรอ"
"อ้าว ไม่ได้นัดกันหรอกเหรอ ว๊า แย่จริงๆ สมองฉันเบลอแล้วเนี่ยะ ทำไมนะ ถึงคิดว่านัดกับคุณไว้วันนี้"
เธอพูดพลางทำแอบแหยๆที่ต้องพูดสตอเบอรี่ออกไปแบบนั้น กฤตพนธ์ยิ้มๆรู้ว่า นันทนัชฟอร์มโง่ แต่เขาก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากพูดถึงเรื่องแมสเซสที่ส่งเข้ามือถือ
เวลาต่อมา เธอทำเป็นเดินเฉไฉมาดูอุปกรณ์ที่แขวนไว้เรียงราย หยิบเป้าเตะที่รูปร่างคล้ายไม้ปิงปองขึ้นมาดู
"นี่อะไรคะ"
"อ๋อ เป้าเตะลิ้นคู่น่ะ เอาไว้ฝีกความแม่นยำในการเตะ"
"ไหนลองโชว์ให้ฉันดูหน่อยซิ"
เขารู้ว่า เธออยากจะทดสอบฝีมือเขามากกว่าอยากจะรู้จริงๆ
"ได้ คุณขึ้นไปยืนบนเบาะซิ แล้วถือให้สูงที่สุด จับให้แน่นๆนะ"
เธอเดินมายืนถือบนเบาะ กฤตพนธ์จัดท่าให้ เธอโบกมือห้าม
"เดี๋ยว ก่อนจะโชว์ ขอถามหน่อยว่าทำไมไม่ตอบแมสเสจ"
เขาขำ
"ฮ่ะ ๆ ยอมบอกแล้วเหรอ ที่คุณมาหาผมวันนี้ เพราะผมไม่ยอมรับคำเชิญไปทานข้าวกับคุณ หือ"
นันทนัชหน้าเสียที่ดันหลุดปาก แต่ก็ได้โอกาสชวน
"เอ่อ...แล้วคุณจะไปรึเปล่าล่ะ"
"แล้วคุณจะพาผมไปกินที่ไหนล่ะ"
"ร้านยัยแฟนต้าเพื่อนชั้น"
"โอเค พร้อมยัง"
กฤตพนธ์กลับไปยืนกระชับสายคาดเอวก่อนวิ่งเข้าใส่นันทนัช
"ย๊าก"
เธออึ้งที่เห็นท่าเตะของเขา เธอตบมือ
"ว้าว...เตะท่าสูงจริง ๆ ชั้นชักสนใจแล้วสิ"
"นี่อย่าบอกนะว่านอกจากยิงปืน แล้วยังอยากเรียนเทควนโด้อีก"
"กล้าสอนมั้ยล่ะ"
"ไม่ต้องมาใช้มุกนี้ ตั้งใจเรียนยิงปืนให้ดีก่อนเห๊อะ ไม่อยากเห็นคุณเจ็บตัว"
เขาพูดพลางหันหลังจะเดินไป เธอกัดปากหมั่นไส้อยากจะลองวิชา เลยเงื้อเป้าเตะจะตีเข้าทางด้านหลัง
"ย๊ากส์"
"เฮ้ย"
กนกกรเดินเข้ามาในตึกหน่วยข่าวกรองฯ ตรงมาที่ห้องทำงานของกฤตพนธ์ เจอนายทหารคนเดิมที่พานันทนัชไปส่งที่โรงยิม นายทหารชะงักกับชุดกระโปรงสั้นรัดติ้วของเธอ
"เอ่อ...มีอะไรให้ผมช่วยครับ"
"ฉันมาหาผู้พันกฤต เค้าอยู่ไม๊"
"ไม่อยู่ครับ ซ้อมเทควันโด้อยู่ที่โรงยิม"
"อ๋อเหรอ ขอบใจนะ"
กนกกรหันเดินไปทันที นายทหารหนุ่มยืนทำหน้าแหยๆที่ดันบอกออกไปโดยไม่ทันคิด
"รถไฟจะชนกันรึปล่าววะเนี่ยะ"
ด้วยสัญชาตญาณกฤตพนธ์เบี่ยงตัวหลบ มือจับไปที่เป้าเตะและแขนของเธอ แล้วจับทุ่มผ่านไหล่
"อ๊าย!"
แต่จังหวะที่ตัวนันทนัชจะหงายหลังลงเบาะ ด้วยสัณชาตญาณ...2 มือของเธอกอดยึดเขาไว้แน่น ทำให้เขาได้สติ ใช้ 2 แขนโอบประคองหลังเธอไว้ไม่ให้ร่วงกระแทกกับเบาะแรง ทำให้ทั้งคู่ร่วงลงไปด้วยกัน ในท่าที่โอบกอดนอนทับกันอยู่ ใบหหน้าและจมูกต่างจิ้มอยู่ที่หน้าของกันและกัน ทั้ง 2 อึ้ง เธอนอนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก กฤตพนธ์เป็นฝ่ายที่ค่อยๆถอนหน้าขึ้น บอกกับตัวเองว่าเขาหลงรักผู้หญิงคนนี้มากแล้วจริงๆ
สายตาของเขาทำให้เธอหวั่นไหว เผลอไผลสบตาซึ้งกับเค้าไปชั่วขณะ
"เอ่อ จะบ้าเหรอคุณ ฉันล้อเล่นหน่อยเดียว เอาจริงเลยเหรอ อู๊ย...หัวฉัน"
"ก็คุณเล่นไม่รู้เรื่อง อยู่ๆก็พรวดพราดมาตีผมข้างหลัง ผมไม่จรเข้ฟาดหางไปก็บุญเท่าไหร่"
"ทีหลังก็จำเอาไว้ อย่าเล่นกับผมทีเผลออีก เอ่อเจ็บหัวมากเหรอ ไหนดูซิ"
นันทนัชต่อว่าพลางนั่งลูบหัวป้อยๆ เขาเข้ามาจับที่หัวเธอ กนกกรเข้ามาเห็นภาพสองคนในจังหวะนี้พอดี
"คุณกฤตคะ"
ทั้ง 2 คนผละออกจากกัน
"เฮ่อ! ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ"
นันทนัชหันมามองกนกกร แล้วทำลีลาเยาะเย้ยนิดหน่อยใส่หน้า
"ค่ะ"
"เดี๋ยวผมมานะครับคุณกิ๊บ"
กฤตพนธ์เดินออกไป
"แกมาทำอะไรที่นี่"
"พอดีว่า คุณกฤตเค้าไม่มีคู่ซ้อมน่ะ ฉันก็เลยมาเป็นคู่ซ้อมให้"
"ว่าไงนะ คู่ซ้อมเหรอ กล้าพูดออกมาได้ยังไง ไม่รู้จักอาย"
"พูดความจริงทำไมฉันต้องอาย คนที่โกหกตอแหลสร้างภาพยังไม่อาย แล้วชั้นต้องอายใครมิทราบ"
"อ๊าย...หล่อนว่าใครตอแหลห่ะ"
"คิดเอาเองซิ แต่ไม่ใช่ฉันแน่"
นันทนัชเดินผ่านกนกกรไปอย่างไม่ใส่ใจ
"อีนัน! แกกับฉันได้เห็นดีกันแน่วันนี้"
กนกกกรรีบตามฉับๆออกจากโรงยิมไป
"หยุดนะนังนัน...ฉันบอกให้หยุด...นังหน้าด้าน"
เธอชะงักหยุด ฉุนปรี๊ด กนกกรเดินปรี่ชี้หน้าเอาเรื่องเข้ามาหา
"อยากได้คุณกฤตจนตัวซี่ตัวสั่น จนต้องตามมาให้ท่าผู้ชายถึงที่นี่ เลยเหรอยะ"
นันทนัชมองกนกกรหัวจรดเท้า
"ใครกันแน่ที่ตามมาให้ท่าผู้ชาย ต๊ายตาย นี่ใช่มั๊ยที่เค้าเรียกว่า สั้นเสมอสะดือน่ะ"
นันทนัชพูดพลางดึงไปที่ชายกระโปรง ทำเอากนกกรร้องกรี๊ดกราดปัดมือ
"อย่ามาแส่เรื่องฉันนะ"
"ไม่อยากจะแส่เรื่องโง่ๆของเธอหรอก แต่ที่นี่มันสถานที่ราชการนะ ไม่มีใครเคยสอนเหรอว่าแต่งตัวให้สุภาพ อย่าให้มันดูวาบหวิว ลามกอนาจารเหมือนนางเอกหนังโป๊ มันจะเสียชื่อไปถึงพ่อฉันด้วย"
"อีนัน!"
กนกกรเงื้อมือที่ถือกระเป๋าจะตบ แต่เธอก้มหลบ ทำให้กนกกรตบวืดหมุน ส้นสูงจะพาล้ม
"ว้ายๆๆ"
เธอเห็นอย่างนั้นก็ช่วยคว้ามือดึงไว้ไม่ให้ล้ม
"เอ๊าๆระวังหน่อยซี กระโปรงก็สั้น ส้นสูงก็สูงยังกับตึก10ชั้น เดี๋ยวได้ตกมาคอหักตาย"
กนกกรด่าลั่น
"ปล่อยฉันนะอีบ้า แกนั่นแหละจะต้องตกมาคอหักตายเพราะหวังสูง คิดเหรอว่าคุณกฤตเค้าจะจริงจังกับแก ตระกูลอัศวัติไม่มีทางต้อนรับลูกสะใภ้ที่มีประวัติด่างพร้อย มีแม่คลั่งยิงตัวตายอย่างแกหรอก"
"อ๋อเหรอ! ต้องลูกสะใภ้ที่มีประวัติแม่มีหลายสามีอย่างเธอใช่ไม๊!"
เธอผลักมือปล่อยให้กนกกรล้มลงไปกองกับพื้น
"ว้าย! คอยดูนะ ฉันจะฟ้องคุณกฤต ว่าแกด่าอะไรชั้นบ้าง อีปากนกกระจอก"
"รีบไปบอกเร็วๆเลยนะ หรือจะรอให้คุณกฤตของเธอออกมา ชั้นจะได้ด่าโชว์อีกซักรอบ"
นันทนัชเดินหัวเราะไป กนกกรนั่งกรี๊ด
"อีบ้า"
กนกกรยันตัวเองลุกขึ้น เดินกระเผลกไป
ภายในล็อกเกอร์รูม กฤตพนธ์อาบน้ำเสร็จกำลังใส่เสื้อก็ต้องตกใจ เมื่อกนกกรผลักประตูเข้ามาในห้อง
"ผมกำลังจะออกไปครับ แล้วนั่นขาเป็นอะไร"
กนกกรทำเป็นเดินกระเผลกเข้ามาหากฤตพนธ์
"กิ๊บโดนยัยนันแกล้งค่ะ กิ๊บจะเดินมาดูว่าคุณกฤตอาบน้ำเสร็จรึยัง เค้าก็แกล้งขัดขากิ๊บ ...ฮื่อ... กิ๊บทนไม่ไหวแล้วนะคะ เจอหน้ากันทีไรเค้าก็เล่นงานกิ๊บทุกที คุณกฤตต้องช่วยกิ๊บบ้างนะคะฮื่อ ๆ"
กฤตพนธ์อมยิ้ม
"อื่ม! แล้ว...จะให้ผมช่วยยังไงดีครับ"
กนกกรเข้ามาโอบกอดเขา
"ก็...พากิ๊บไปทานข้าวไปปลอบขวัญหน่อย ไปหาที่เงียบ ๆ คุยกัน หรือจะขับรถไปไกล ๆ ไปดูแม่น้ำ ทะเล ขึ้นเขา ลงห้วย กิ๊บพร้อมจะไปกับคุณทุกที่เลยนะคะ ขอแค่เรามีเรา"
เขาได้แต่ยิ้ม ไม่สะทกสะท้านกับท่าทียียวนของกนกกร พลางดึงมือกนกกรที่โอบตัวเขาออก
"โทษทีครับ เผอิญเย็นนี้ผมมีนัดแล้ว"
เขารีบเดินออกไป
กนกกรอึ้ง!
"คุณกฤต"
ในเวลาต่อมา แฟนต้าเดินถือออร์เดอร์เข้ามาในห้องครัวที่มีพ่อครัว แม่ครัวและพนักงานทำกับข้าวให้ลูกค้าอยู่ แฟนต้ามองหาทิพย์ แต่ไม่เจอ เลยเดินเข้ามาหาแม่ครัวอีกคนหนึ่ง
"ออร์เดอร์โต๊ะ 4 จ้ะ น้าทิพย์มารึยัง"
แม่ครัว1บอก
"ยังค่ะ"
"ให้ใครไปดูที่ห้องหรือยังพี่แจว แกไม่สบายรึปล่าว"
"เมื่อคืนน้าแกไม่ได้นอนที่ห้องหรอกค่ะ"
"อ้าว แล้วไปค้างที่ไหน"
"ไม่มีใครรู้หรอกค่า น้าแกทำตัวลึกลับจะตาย พอร้านปิดปุ๊บ แกก็ ไม่ค่อยได้ค้างที่ร้านหรอกค่ะ"
"เหรอ ไม่นอนที่ร้าน เอ้...แล้วแกไปนอนที่ไหน"
แฟนต้ามีสีหน้าสงสัยอย่างมาก
"บ้านญาติค่ะ!"
เสียงทิพย์ตอบมาข้างหลัง แฟนต้าหันไปมองเห็นทิพย์ยืนอยู่
"อ้าวมาแล้วเหรอ"
"ขอโทษนะคะที่มาสาย"
ทิพย์ก้มหัวขอโทษ แต่สายตาแอบมองจิกไปที่แม่ครัว แจวตกใจรีบผละไปทำงาน
"เมื่อคืนน้าไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ก็เลยออกไปหาหมอที่โรงพยาบาล เห็นว่าดึกมากแล้ว น้าก็เลยไปนอนพักบ้านญาติ"
"แล้วน้าเป็นอะไรมากรึปล่าว ไม่ไหวก็พักไปก่อนได้ค่ะ วันนี้ไม่ต้องเข้าครัวหรอก ให้คนอื่นทำแทนไปก่อน"
"น้าหายแล้วค่ะ คุณต้าไม่ต้องเป็นห่วง ออร์เดอร์เยอะไม๊คะ ไหนน้าดูหน่อย"
ทิพย์เดินเข้าไปถามแจว
"เอ่อ...อยู่นี่จ้ะน้า"
แจวส่งออเดอร์ให้ท่าทางกลัวๆเกรงๆ แฟนต้าเดินผละไป ทิพย์แอบเหล่มองตาม แววตานิ่งๆดูน่าขนลุก
เรือนริษยา ตอนที่ 7 (ต่อ)
แฟนต้าหลบมาพูดมือถือกับธีร์ที่มุมปลอดคนของร้าน
"ต้าเพิ่งรู้นะเนี่ยะ ว่าน้าทิพย์ไม่ค่อยได้ค้างที่ร้าน แต่ไปนอนที่อื่น แกบอกว่าไปนอนบ้านญาติค่ะ ทั้งๆที่เคยบอกต้าว่าไม่มีญาติพี่น้อง ที่ไหนอีกแล้ว ตัวคนเดียว ต้าถึงให้อยู่ที่นี่"
มุมมืดด้านหลังแฟนต้า ทิพย์ก้าวโผล่ออกมายืนแอบฟัง
"นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ธีร์ให้ต้าคอยจับตาดู ต้าคงไม่รู้เรื่องนี้เลย แหม...งานที่ร้านก็เยอะไปหมด ใครจะมีเวลามาสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ล่ะค่ะ"
แฟนต้าพูดพลางหันหน้ามายืนพิงระเบียง ทิพย์รีบหลบวูบเข้ามุมมืดทันที สีหน้าไม่พอใจแฟนต้าที่เริ่มระแวงจับผิดตัวเอง
ธีร์กำลังยืนพูดมือถืออยู่ใกล้บู้ทนาฬิกายี่ห้อดังที่กำลังเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ ภายในห้างสรรพสินค้า ด้านหลังเป็นนางแบบ นายแบบ 2 คนกำลังยืนยกมือที่ใส่นาฬิกาโพสต์ท่าให้นักข่าวถ่ายรูป โดยมีเสียงพริตตี้สาวพูดโปรโมตถึงความพิเศษของนาฬิการุ่นใหม่
"โอเค พี่ใกล้เสร็จงานแล้ว เดี๋ยวเจอกันที่ร้าน"
ธีร์วางสาย นึกถึงนันทนัช ล้วงกล่องใส่นาฬิกาที่ซื้อไว้ขึ้นมาเปิดดู... เป็นนาฬิกาแบบผู้หญิงดีไซน์เก๋ เท่ๆ ธีร์ตั้งใจซื้อให้นันทนัชด้วยเงินค่าแรงก้อนแรกที่เขาได้จากการกลับมารับงานที่เมืองไทยครั้งนี้
ธีร์เก็บกล่องนาฬิกา เดินกลับไปที่บู้ท ยกแขนที่ใส่นาฬิกาโพสต์ท่าเท่ๆให้นักข่าวถ่ายรูป
ทิพย์เดินกลับมาจากมุมระเบียงของร้าน มาหยุดยืนบีบมือหน้าเครียด หวั่นใจ เริ่มรู้สึกว่า ร้านแฟนต้าไม่ปลอดภัยอีกแล้ว
นันทนัชเดินมาเห็นทิพย์ยืนเครียด ก็คิดว่าคงกำลังเครียดเรื่องฤทัยมาราวี เดินเข้ามาสวมกอดทิพย์ไว้ทันที
"น้าขา"
ทิพย์ตกใจ
"อุ้ย...คุณหนู! เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง น้าตกใจหมดเลยค่ะ"
"น้าคงยังขวัญเสียไม่หาย ที่ถูกนังแม่เลี้ยงบุกมาฟัดเหมือนหมาบ้า ขวัญเอยมาอยู่กับเนื้อกับตัวนะ นันขอโทษ ที่ไม่ได้มาอยู่ปกป้องน้า"
นันทนัชพูดพลางลูบหลังปลอบทิพย์อย่างน่าเอ็นดู
"โถคุณหนูของน้า อุตส่าห์มาปลอบขวัญน้า แค่นี้ น้าก็ชื่นใจ หายกลัวเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะค่ะ"
นันทนัชผละจากกอดมาจับหน้ารอยช้ำที่มุมปากของทิพย์
"น้าเจ็บมากมั้ยคะ"
ทิพย์ยิ้ม จับมือนันทนัช
"ไม่ต้องห่วงค่ะ นังฤทัยกับไอ้ไม้มันเคยซ้อมน้าปางตายหนักกว่านี้อีก น้ายังรอดตายมาได้เลย เจ็บแค่นี้
น้าไม่ตายหรอก"
พูดแล้วภาพโหดร้ายในวันนั้นก็แว๊บขึ้นมาในสมองทิพย์ โดยที่เธอไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้นันทนัชฟัง
ไม้ใช้มือจิกหัวกระชากตบ แล้วกระทืบไปที่ท้องของทิพย์
"ฉันท้องกับคุณลิตร เด็กในท้องนี่เป็นลูกของเค้า"
"หยุดนะอีไพร่! ขี้ข้าอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาท้องกับผัวฉัน"
"โอ๊ย...อย่า อย่าทำลูกฉัน ฉันไหว้ล่ะ อย่าทำ...อ๊าย"
นันทนัชแปลกใจเพราะไม่เคยรู้การทำร้ายทิพย์มาก่อน
"เค้าทำน้าปางตายเลยเหรอคะ ทำไม นังแม่เลี้ยงฤทัยถึงได้อาฆาต พยาบาทน้ามากขนาดนี้ หรือว่า....ที่ยัยกิ๊บพูดเป็นเรื่องจริง"
ทิพย์ชักหวั่น
"เอ่อ...พูดอะไรคะ ลูกสาวนังฤทัยใส่ร้ายอะไรน้าอีก"
"ยัยกิ๊บบอกว่าน้าแอบเป็นเมียลับๆของพ่อลิตรมานานแล้ว"
"ห่ะ!"
ทิพย์นิ่ง
"แล้วน้าก็แอบไปมีอะไรกับนายชิดจนท้อง แต่น้ากลับไปบอกพ่อว่า น้าท้องกับพ่อ พอพ่อจับได้ว่า น้าโกหกพ่อก็เลยไล่น้าออกจากเรือนรัตนะ"
นันทนัชหันมาจับไหล่ทิพย์คาดคั้น ด้วยความรู้สึกที่รับไม่ได้
"น้าแอบมีอะไรกับพ่อ โดยที่นันไม่รู้เรื่องเลย เรื่องจริงเหรอคะ"
ทิพย์ส่ายหน้าแล้วปล่อยโฮออกมา
"ไม่จริงค่ะ มันใส่ความน้า มันอยากให้คุณหนูเกลียดน้า น้าไม่เคยมีอะไรกับคุณลิตรเลย น้าเคารพรักคุณลิตรในฐานะ เจ้านายกับข้ารับใช้เท่านั้น ไม่เคยมีอะไรเกินเลยไปกว่านี้เลย ฮือๆ"
ทิพย์ปล่อยโฮ ทำเอาเธอใจอ่อนยวบ
"นันขอโทษค่ะน้าทิพย์ ที่ถามน้าแบบนี้ ไม่ต้องร้องไห้นะคะน้า นันก็ไม่เชื่อค่ะ ว่ามันเป็นความจริง นันคิดอยู่แล้วว่ามันต้องใส่ร้ายน้า"
"คุณนันต้องเชื่อใจน้านะคะ อย่าไปฟังคำพูดปลิ้นปล้อนของมันไม่อย่างนั้น คุณนันจะตกเป็นเครื่องมือของพวกมัน คุณนันของน้าจะต้องฉลาด สมกับที่เกิดมาเป็นลูกสาวของแม่รำเพย"
ทิพย์ฉลาดเปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนความสนใจของนันทนัชไปเรื่องอื่น เธออึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อแม่
"รู้ไม๊คะว่าชื่อนันทนัชของคุณหนู ใครเป็นคนตั้งให้"
เธออึ้งมองทิพย์สีหน้าอยากรู้
"แม่รำเพยเป็นคนตั้งให้ใช่ไม๊คะ"
ทิพย์พยักหน้า
"เล่าเรื่องของแม่รำเพยให้นันฟังซีคะ นันอยากฟัง"
ทิพย์กอดลูบหัวเธอก่อนจะเริ่มเล่า
"คุณรำเพยรักคุณนันมาก"
ในอดีต มุมหนึ่งในบ้าน รำเพยก้มลงจูบที่กลางกระหม่อมบางๆของนันทนัชที่ยังอยู่ในวัยแบเบาะ แล้วลูบไปที่ใบหน้ากลมๆแก้มใสๆของลูกน้อยอย่างแผ่วเบา แววตาเปี่ยมด้วยความสุข เด็กน้อยรับรู้ความรักของแม่ กวีดไกวแขนเล็กๆ ส่งเสียอ้อแอ้
ทิพย์นั่งพับเพียบถือขวดนมมองอยู่ห่างๆ
"ยัยหนูลูกแม่ แม่ขอตั้งชื่อหนูว่านันทนัช เพราะชีวิตของหนูเกิดมาเพื่อจะมีความสุข และมอบความสุขให้กับแม่"
รำเพยอุ้มลูกขึ้นมากอดแก้มแนบแก้ม
"ลูกคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแม่ ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับชีวิตแม่ ถ้าไม่มีลูก แม่ก็ไม่รู้จะอยู่เพื่ออะไร แม่คงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้"
"พูดอะไรอย่างงั้นคะคุณรำเพย คุณรำเพยจะต้องได้เลี้ยงดูคุณนันจนโตเป็นสาว" ทิพย์ว่า
"ฉันก็หวังอย่างงั้นจ้ะทิพย์"
รำเพยจับมือเล็กๆของลูกขึ้นมา แล้วพูดกับลูก
"ลูกของแม่จะต้องโตขึ้นอย่างแข็งแรง ฉลาดหลักแหลมนะลูก แม่จะรอถึงวันที่มือเล็กๆมือนี้ โตขึ้นจูงแม่"
รำเพยจูบที่มือลูกสาว
นันทนัชฟังแล้วถึงกับน้ำตาร่วง
"แล้วทำไมแม่ไม่อยู่กับนันล่ะ แม่น่าจะอยู่รอให้นันโตขึ้นจูงแม่อย่างที่แม่หวังไว้ ทำไมแม่ถึงได้รีบทิ้งนันไป เพราะอะไรคะน้าทิพย์ ใครทำให้แม่ต้องฆ่าตัวตาย บอกนันได้ไม๊คะ"
ทิพย์อึ้งๆไป แต่พยายามปกปิดพิรุธ
"เอ่อ...น้าไม่รู้จริงๆค่ะ คุณรำเพยเป็นคนไม่พูด ไม่เคยเล่าอะไรให้น้าฟังเลย มีเพียงคุณลิตรคนเดียวเท่านั้นที่รู้สาเหตุที่แท้จริง แต่ก็อย่างที่คุณนันรู้ คุณลิตรไม่อยากจะพูดถึงมันอีก จะโกรธทุกครั้งที่มีใครเอ่ยเรื่องนี้ให้ได้ยิน คุณนันก็อย่าไปอยากรู้เลยนะคะ ป่านนี้แม่รำเพยกับพ่อลิตรก็คงจะได้อยู่ด้วยกันบนสวรรค์โน่นแล้ว ก็เหลือแต่เรา 2คนนี่แหละค่ะ ที่ยังต้องตกนรกอยู่กับพวกนังฤทัย เช็ดหน้าเช็ดตาซะนะคะ ไปรอที่โต๊ะ เดี๋ยวน้าจะทำของโปรดไปให้ทาน"
เธอพยักหน้า
"ค่ะ พอดีนันนัดเลี้ยงข้าวเพื่อนไว้ด้วย งั้นน้าช่วยจัดเมนูให้สักสามสี่อย่างนะคะ"
"นัดเพื่อนคนไหนเหรอคะ"
"ผู้พันกฤตคนที่ช่วยชีวิตนันเอาไว้ไงคะ"
ทิพย์อึ้งไป
"อ๋อ คนนั้นเอง เดี๋ยวนี้คุณนันสนิทสนมกับคนนี้แล้วเหรอคะ"
"ทำไมเหรอคะน้าทิพย์ หรือว่าน้าไม่ไว้ใจเค้า"
"ก็เค้าสนิทสนมกับยัยลูกสาวแม่ฤทัยไม่ใช่เหรอคะ"
"ตอนแรกนันก็คิดเหมือนกับน้านี่แหละค่ะ"
"แล้วตอนนี้คุณนันคิดกับเค้ายังไงคะ"
"อืม...เค้าก็เป็นคนดีคนนึง ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"
นันทนัชเดินผละไป ทิพย์ยืนถอนใจเครียด ขวางเท่าไหร่ กฤตพนธ์ก็ไม่ยอมไปจากนันทนัชเสียที ยิ่งกลับใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม
กฤตพนธ์เดินเข้าร้านมา มองหานันทนัชที่เพิ่งออกจากห้องน้ำเดินออกมาข้างหน้าพอดี กฤตพนธ์ยิ้มๆ รีบก้าวตามเข้ามาทางด้านหลัง
"รอนานมั๊ยครับ"
นันทนัชชะงักหันมองไป
"มาเร็วเหมือนกันนะนี่ หนีใครมาคะ" นันอมยิ้ม สนุกที่ได้แกล้ง "ยัยกิ๊บล่ะคะ ไม่ตามมาด้วยเหรอ"
"ผมบอกว่านัดกับคุณไว้ก่อน เค้าเข้าใจน่ะครับ ก็เลยไม่มา"
"หึ ฉันว่าคุณคงไม่พูดอย่างงั้นหรอก ไม่งั้นยัยกิ๊บคงไม่ปล่อยคุณมาแน่"
กฤตพนธ์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นันทนัชอมยิ้ม ขำๆท่าทางของเขา แฟนต้าเดินออกมา เห็นภาพทั้งคู่เดินมาด้วยกัน
"เฮ้ย!"
"ต้า!"
นันทนัชยกมือทัก แฟนต้ายิ้มเข้าไปกอดทักทาย
"แกมาได้ไงเนี่ยะ ทำไมไม่โทร.บอกฉันก่อน หวัดดีค่ะคุณกฤต"
"สวัสดีครับ"
"ฉันพาคุณกฤตเค้ามาเลี้ยงข้าวน่ะ เป็นค่าจ้างที่เค้าสอนฉันยิงปืน"
"หา! นี่แกไปเรียนยิงปืนกับคุณกฤตตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นบอกฉันเลย"
"ทำไมฉันต้องบอกแกทุกเรื่อง เมื่อตะกี้ฉันเจอน้าทิพย์ สั่งกับข้าวไปแล้วนะ เชิญไปนั่งโต๊ะโน้นดีกว่าค่ะคุณกฤต"
"ครับ"
"แกไปนั่งก่อนนะ เดี๋ยวฉันตามไป"
แฟนต้ายืนมองทั้งคู่ที่เดินไปนั่งที่โต๊ะด้วยกัน นึกห่วงธีร์
"งานเข้าซะแล้วมั้งพี่ธีร์"
แฟนต้ารีบหลบมากดมือถือโทร.หาธีร์ ตั้งใจจะดักไม่ให้ธีร์มา
"โธ่เอ้ย ดันไม่รับสายอีก ขืนมา...จ๊ะเอ๋กันแน่"
ภายในร้านอาหารแฟนต้า ที่โต๊ะมุมหนึ่งนันทนัชกำลังดูดน้ำผลไม้ในแก้ว พลางแอบมองเขาที่กำลังรินชากลิ่นผลไม้ใส่ถ้วย คีบน้ำตาลกรวดลงไป
"ผมหล่อมากนักเหรอ คุณถึงต้องแอบมอง"
เธอถึงกับสำลัก
"อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ฉันไม่ได้แอบมองคุณเพราะว่าคุณหล่อ"
"งั้นคุณมีอะไรจะถามผม ถึงได้ทำเป็นนัดผมมาเลี้ยงข้าวแบบนี้"
เธอทำหน้าเซ็ง แอบบ่น
"เซ็งจริงๆ รู้ทันไปซะทุกอย่าง"
"ว่าไงคุณ ผมให้เวลา 3 วินะ จะถามหรือไม่ถาม 1...2..."
เธอรีบโพล่งออกมาทันที
"คุณจับนายรณส่งตำรวจข้อหาอะไร"
"อ๋อ อยากรู้เรื่องนี้เองเหรอ ผมไม่ตั้งใจไปจับเค้าหรอก เผอิญไปเจอตอนที่ผมกำลังปฏิบัติภารกิจ เค้าไปเข้าบ่อน เล่นพนันบอล"
"ห่ะ! นายรณน่ะเหรอ เล่นพนันบอล แล้วพอรู้ไม๊ เค้าเป็นหนี้ใครรึปล่าว"
กฤตพนธ์พยักหน้า
"อืม...ได้ข่าวว่าเป็นหนี้อยู่ 2 ล้าน"
"2 ล้านเลยเหรอ"
ขณะเดียวกัน มุมหนึ่งภายในเรือนรัตนะฤทัยกำลังโทรเปิดสมุดนามบัตรโทร.หาคนโน้นคนนี้อย่างร้อนใจมาก
"ไม่สนใจที่จะซื้อข้าวเหรอค่ะเฮีย ฉันขายให้ราคากันเองนะ ออ...มีล้นโกดังแล้วเหรอคะ งั้นไม่เป็นไรค่ะ"
ฤทัยวางสาย เปิดหานามบัตรคนต่อไป
"ข้าวมันจะล้นตลาดได้ไง มันต้องขายได้ซี ใครๆก็ต้องกินข้าวกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่หมูหมากาไก่"
"พี่แอบขายข้าวนอกโรงสีแบบนี้ ไม่กลัวจะมีใครรู้เหรอครับ" ไม้ถาม
"อย่าพูดมากน่าไม้ ฉันทำมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ไม่เห็นจะมีใครจับได้"
"นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ลูกสาวคุณลิตรกลับมาแล้วนะพี่ นังนั่นมันจ้องจับผิดพี่อยู่"
"โฮ่ย...แล้วจะให้ฉันทำยังไงห่ะ ฉันเหลือเวลาอีกแค่2วัน ต้องหาเงิน 2 ล้านไปใช้หนี้บอลให้ไอ้ลูกเวรนั่น ถ้าไม่ทำแบบนี้ ฉันจะไปหาเงินที่ไหนได้ทัน"
ไม้เงียบ เถียงไม่ออก
ฤทัยเปิดนามบัตรเจอนามบัตรคู่ค้าคนสำคัญ
"เจอแล้ว ไอ้เสี่ยเตี้ยหน้าเลือด"
ฤทัยกดโทร. แล้วปั้นเสียงหวาน
"ซาหวัดดีค่ะเฮียเตี้ย ฤทัยเองค่า พอดีข้าวที่โรงสีน่ะค่า มันล้นโกดัง ก็เลยนึกถึงเฮีย โอ๊ะ...ก็ต้องขายถูกซีค้า ถึงได้นึกถึงเฮีย สนใจไม๊ล่ะคะ ถ้าจ่ายสด พรุ่งนี้มารับไปได้เลย เฮียตกลงจะซื้อเหรอคะ! ค่ะๆ จะซื้อเท่าไหร่ล่ะค่ะ พรุ่งนี้เอารถมาขนข้าวไปได้เลย"
ฤทัยดีใจสุด ๆ
นันทนัชหรี่ตาคิดอย่างเคืองแค้นใจ
"หนี้ตั้ง2ล้าน! เงินไม่ใช่น้อยๆ นายนั่นจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ หึ ถ้าไม่ใช่เงินของพ่อฉัน"
"แล้วผมยังไปเจออันธพาล 2 คนที่ดักทำร้านผมในห้องน้ำที่ร้านนี้ด้วย 2 คนนั้นรู้จักกับนายรณ"
"รู้จักกันแล้วไงคะ"
"ถ้าคุณสงสัยว่าคนที่ส่งคนมาฆ่าคุณคือพวกคุณรณ พวกแม่เลี้ยงของคุณ ผมก็อยากให้คุณระวังตัวให้ดี อันธพาล 2 คนนั่นอันตรายมาก ผมเป็นห่วงคุณนะ"
น้ำเสียงที่ดูจริงจังทำให้เธออึ้งมองสบตาเขา ธีร์เดินหน้าตายิ้มแย้มเข้าร้านมา แล้วหัวใจต้องหล่นตุ๊บ! เมื่อมองไปเห็นทั้งคู่กำลังนั่งมองหน้าสบตากันอยู่
จบตอนที่ 7