xs
xsm
sm
md
lg

เรือนริษยา ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรือนริษยา ตอนที่ 6

เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในเรือนรัตนะ นันทนัชแต่งตัวเดินสะพายกระเป๋าลงมาจากชั้นบนจะออกไปข้างนอก ผ่านห้องทานอาหาร หันมองเห็นเดือนกับศรีกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้ากันอยู่

ศรีหันมาเห็นเธอพอดี ก็ทักตามประสาบ่าวออกไป
"รับอาหารเช้ามั้ยคะคุณนัน"
เดือนแว้ดใส่ ยังไม่ทันนันทนัชจะตอบ
"นังศรี! ถามออกมาได้ โง่จริงแก บนโต๊ะเราจัดกี่ที่ล่ะห่ะ"
"เอ่อ...3 ที่"
"ก็ใช่น่ะซิ แล้วจะมีอีกที่ได้ยังไงยะ มันก็เป็น...ส่วนเกินน่ะซี้"
เดือนพูดแล้วยิ้ม เบ้ เหยียดปากใส่สารพัด เพราะรู้ว่านันทนัชไม่เห็นหน้ามา ศรีได้แต่ทำหน้าจ๋อยๆ แต่ถึงเธอไม่เห็นหน้าก็รู้ เลยคิดว่าต้องสั่งสอนนังเดือนซะหน่อย เลยเดินเข้ามาที่โต๊ะ
"ฉันอยากทานน้ำส้ม ขอน้ำส้มส่วนเกินมาให้ฉันซักแก้วซิ"
"อ่า...ค่ะ"
ศรีหยิบแก้วจะรินน้ำส้มจากเหยือกใส่ให้ แต่เดือนมองตาขู่ฟ่อใส่ไม่ให้ริน
"อย่านะอีศรี! ไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณผู้หญิง หรือแกอยากแซ่บห่ะ"
ศรีหยุดกึกทันทีอึ้งมองนันทนัชอย่างลำบากใจ เดือนแอบเบ้ปากพูดพึมพำกับตัวเอง
"ไม่เป็นไรจ้ะศรี...ฉันรินเอง"
เดือนอ้าปากค้าง หันมามองเธอที่เดินเข้ามารับเหยือกน้ำส้มไปจากมือศรีแล้วรินใส่แก้ว ยืนพิงโต๊ะจิบน้ำส้มไปครึ่งแก้ว ก่อนจะทำหน้ายี้สุดๆ
"อึ๋ย์!สาบานนะว่านี่น้ำส้ม จืดยังกับน้ำก๊อก คั้นเองเหรอศรี"
"ป่าวค่ะ" ศรีชำเลืองมองไปทางเดือน
"อ้าวตายแล้ว! งั้นเตรียมรับคำชมแซ่บๆ จากแม่เลี้ยงฉันได้เลย รับรองเธอตายแน่ แม่เดือนดับ"
นันทนัชหันมาพูดขู่ทำเอาเดือนชักประสาทเสีย
"ไม่จริง! ฉันก็ซื้อส้มสดมาคั้นแบบนี้ทุกวัน มันจะจืดได้ยังไงกัน"
"ไม่เชื่อก็ลองชิมดูเอาเองซิ"
เธอยื่นแก้วไปให้ เดือนพาซื่อยื่นมือจะไปรับ แต่ถูกเธอสาดน้ำส้มใส่หน้า ศรีปิดปากตกใจ ขณะที่เดือนกรี๊ดร้องลั่น! เนื้อส้มเลอะเต็มหน้า
"อ๊าย...อ๊าย...อ๊าย"
"เป็นไง...จืดม่ะ...หึ...จำไว้ ทีหลังอย่ามาว่าฉันเป็นส่วนเกินอีก ไม่งั้นเธอจะเจอจืดมากกว่านี้อีก"
นันทนัชวางกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ ศรีแอบยิ้มสมน้ำหน้า เดือนเถียงอะไรไม่ออก ได้แต่กรี๊ดอยู่อย่างนั้น
ไกรภัทรเดินเข้าบ้านมาเห็น ตกใจ...
"มีอะไรกันรึเปล่าครับ เดือนร้องทำไม"
"นั่นซิคะ ร้องทำไม ดูดิ ยังกับผีถูกสาดน้ำมนต์ หึๆ ...คุณไกรภัทรมาหานันรึป่าวคะ"
"ครับ"
"งั้นเราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ ข้างในนี้หนวกหูมาก"
นันทนัชเดินนำออกไป ไกรภัทรรีบตาม พลางมองมาที่เดือนที่ยังร้องอยู่ จนฤทัยเดินเข้ามาอย่างตกอกตกใจ
"อะไรกันๆ นังเดือน! โอ๊ย...แหกปากซะลั่นบ้าน ผีเข้าหรือไง"
ฤทัยเห็นหน้าเดือนแล้วหัวเราะ
"คุณนันสาดน้ำส้มราดหน้าเดือนค่ะ"
"หา มันทำป่าเถื่อนกับแกอย่างนี้เลยเหรอ"
"ค่า"
"หึ นังพ่อแม่ไม่สั่งสอน"
ฤทัยเดินออกไป
"ตกลงด่าใครบ้างวะ"
ศรีแอบทำหน้าเอือมกับนายว่าขี้ข้าพลอยคู่นี้
-
ไกรภัทรยื่นกุญแจรถให้นันทนัช
"นี่ครับของที่ผมบอกจะจัดให้คุณนัน มือถือ แล้วก็กุญแจรถ"
ไกรภัทรส่งกุญแจรถให้
"ขอบคุณค่ะ นันจำเป็นต้องใช้อยู่พอดี"
"รถจอดอยู่นั่นครับ ผมส่งเช็คสภาพและเติมน้ำมันให้เรียบร้อยแล้ว"
เธอหันไปมอง...เห็นรถเบนซ์สปอร์ตเอสแอลเคเปิดประทุนจอดอยู่…ก็จำได้
"นั่น...รถของคุณพ่อ"
"เป็นคันที่คุณลิตรใช้บ่อยที่สุด"
นันทนัชเดินมาลูบไปที่รถ นึกถึงอดีต

เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ลิตรขับรถสปอร์ตสุดเท่เปิดประทุนเข้าเขตรั้วเรือนรัตนะมาแต่ไกล โดยมีฤทัยโอบซบหัวเราะระริกระรี้มาแต่ไกล นันทนัชที่นั่งเหงาอยู่ที่เปลในสวนข้างบ้าน ลุก เดินไปมอง เห็นพ่อขับรถมาจอดหน้าบ้าน ลงจากรถแล้วเดินโอบเอวฤทัยพาจะเข้าบ้านตอนนั้น ลิตรกำลังสนุกกับรักใหม่ครั้งนี้กับฤทัยมาก ๆ
ฤทัยเหลือบตามามองเห็นเธอยืนมองอยู่ก็ทำหน้าร้ายใส่ ปากก็พูดหวานใส่ลิตร
"รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วๆ นะคะคุณลิตร คืนนี้ มีแต่นักธุรกิจกระเป๋าหนักทั้งนั้น คุณไม่ควรไปสาย เดี๋ยวคู่แข่งจะแย่งไปซะหมด"
"ก็ผมมัวแต่ไปรอรับคุณอยู่นี่"
"แหม...ถ้าไม่อยากไปรับ ก็ให้ฤทัยเข้ามาอยู่ซะที่นี่ซีค่ะ"
ฤทัยพูดพลางยื่นหน้ายื่นตายั่วยวน ลิตรจับแก้มฤทัย มองอย่างหลงใหล
"ผมบอกแล้วไง...ขอเวลาหน่อย"
"เฮ่อ...ไม่รู้ลูกสาวคุณจะอคติอะไรกับฤทัยนักหนา ท่าทางแกจะเป็นเด็กมีปัญหาจริงๆ น่าสงสารนะคะ"
เธอหันหน้าหนีภาพนั้น ยืนพิงต้นไม้ทั้งเศร้าและเจ็บใจ เธอไม่ใช่เด็กมีปัญหา แต่ทนไม่ได้ที่พ่อมีหญิงอื่นตลอดเวลา จนลืมเธอ

วันนี้ นันทนัชดูเข้มแข็งขึ้น เธอทำท่าจะเปิดประตูขึ้นรถ แต่ฤทัยตามออกมา
"หยุดนะ...หยู้ด! นั่นมันรถคุณลิตร เธอมีสิทธิ์อะไรจะเอาไปใช้"
"นี่อายคนได้ยินบ้างเถอะค่ะ เธอนั่นแหละมีสิทธิ์อะไร มาห้ามลูกไม่ให้ใช้รถของพ่อเค้าห่ะ"
"ฉันก็มีสิทธิ์ในฐานะเป็นเมียพ่อเธอไง"
"หึ ฐานะเมียของพ่อ ฐานะเธอเองก็ได้ใช้อะไรฟรีๆ ไปเยอะแล้ว กะโลภเอาหมดทุกอย่างไม่แบ่งให้ใครใช้เลยหรือไง ตะกละแบบนี้ ระวังจะท้องแตกตายก่อนจะได้ฮุบมรดกของพ่อชั้นนะ"
"อี..."
ไกรภัทรหันขวับไปบอกเสียก่อน
"เอ่อ คุณนันมีสิทธิ์จะใช้นะครับ ในฐานะ..."
"จะใช้ก็ใช้ไปซี แต่น่าจะบอกฉันสักคำ หรือว่าพอเห็นยัยนี่กลับมา ก็เลยไม่เห็นหัวฉันอีกแล้ว"
"ไม่ใช่อย่างงั้นครับคุณฤทัย"
"ก็หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่ฉันพูดก็แล้วกัน"
นันทนัชยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ ก้าวขึ้นรถ...สตาร์ทเครื่อง ตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 รีบเดินมาจะขึ้นรถเพื่อขับตามไป
"ไม่ต้องตามคุ้มครองฉันอีกแล้วค่ะ"
ตำรวจทั้ง 2 มองหน้ากันอ้ำอึ้ง
"เอ่อ...แต่"
"นับแต่วินาทีนี้ ถ้าฉันขับรถคันนี้ออกไปแล้วเป็นอะไรไป ก็คนในบ้านนี้แหละที่เป็นคนทำ ไม่ต้องสงสัยใครเลย"
ฤทัยเดือด
"เธอหมายถึงใครยะ"

"คงไม่หมายถึงเธอมั้ง กินปูนร้อนท้องไปได้ หึๆ"

ฤทัยสุดทนสะบัดหน้าเดินเข้าบ้านไป
"รบกวนหน่อยนะคะคุณไกรภัทร ช่วยโทร.บอกหมวดเมธแทนนันที ว่านันไม่ต้องให้ตำรวจคุ้มกันแล้ว ต่อไปนี้นันจะดูแลตัวเองค่ะ"
"เอ่อ...ครับคุณนัน ผมจะจัดการให้"
นันทนัชหันมองไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่... ก่อนหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาใส่ เร่งเครื่องเอี๊ยดขับรถออกไป
ไกรภัทรยืนมอง ยิ้มๆ เบื้องหลังรอยยิ้มที่ดูเหมือนหวังดีกับนันทนัชนั้น...แท้จริงเขาดีใจที่นันทนัชกลับมารุกไล่พวกฤทัยตามแผนที่พวกเขาวางหมากไว้แล้ว

ฤทัยเดินกลับเข้ามาในห้องอาหารอย่างโกรธจัด มือตบลงบนโต๊ะจนแก้วจานสะเทือน
"อี้ย์!"
ทำเอาเดือนที่รอรับใช้อยู่สะดุ้ง
"นังเด็กเวร! คิดจะทำสงครามประสาทกับฉันใช่มั้ย แกยังรู้จักชั้นน้อยไป รินกาแฟซี ยืนเป็นสากอยู่นั่นแหละ" ฤทัยตวาดลั่น
"เอ่อ...ค่ะๆ"
เดือนรีบรินกาแฟให้
"แล้วนี่หายหัวไปไหนกันหมด"
กนกกรเดินแต่งตัวสวยลงมาพอดี
"อารมณ์เสียอะไรแต่เช้าแม่"
"น้องล่ะ"
"ตารณยังไม่กลับตั้งแต่เมื่อคืน"
"หึ พอได้เงินก็หายหัวทุกที"
"บ่นทำไมอ่ะ บ่นให้มันได้อะไรขึ้นมา แม่ยังไม่ชินอีกเหรอ"
กนกกรนั่งลงที่โต๊ะ เดือนเสิร์ฟน้ำส้มทันที
"นี่อย่ามายอกย้อนกับชั้นนะ นังเดือน"
"ขา...คุณผู้หญิง"
"วันนี้ไม่ต้องทำกับข้าวนะ ฉันกับคุณกิ๊บจะไปกินข้าวนอกบ้าน"
สายตาฤทัยพร้อมไปเล่นงานทิพย์เต็มที่ แต่...
"อุ้ย...ไม่ได้แม่ วันนี้กิ๊บไม่ว่าง"
"นี่แกคิดจะช่วยอะไรฉันบ้างไม๊ห่ะ"
"ก็กิ๊บมีนัดกับคุณกฤตนี่"
"เค้านัดแกเมื่อไหร่ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย"
กนกกรทำนิ่งหูทวนลมไม่ได้ยิน
"หึ พึ่งลูกไม่ได้สักตัว ไปตามไม้มาหาฉันที่ห้องทำงานซินังเดือน"
"ค่า"
"เร็วๆ ด้วย"
"ค่ะๆ คุณผู้หญิง"
ฤทัยลุกเดินหัวเสียไป กนกกรไม่สนใจ หันไปเล่นมือถือ เดือนรีบเก็บแก้วกาแฟพลางแอบค้อนฤทัยเพราะหึงไม้
-ภายในสตูดิโอ แสงแฟลชสว่างวาบ ตากล้องระดับแนวหน้าของเมืองไทยกำลังกดชัตเตอร์รัวอยู่บนดอลลี่หน้าเวที โดยมีสไตลิสต์ชื่อดังนั่งดูที่จอมอนิเตอร์อย่างปลื้มสุดๆกับนายแบบ
ธีร์เปิดหมวก เหลียวมาดูกล้อง โพสต์ท่าหลายมุม...เขากำลังถ่ายแบบให้นิตยสารเล่มหนึ่งในคอนเซ็ปเท่ๆ สไตล์บรอดเวย์ประยุกต์ มีไฟสปอร์ตไลท์ มีขาไมค์ หมวก ขนนก ไวโอลิน เก้าอี้ หมวกมายากล หน้ากากฯลฯ ประกอบกับการโพสต์ท่า
ภาพหลายคัท เสื้อผ้าหลายชุด ผมที่เรียบแปล้ หน้าเข้ม วาดขอบตา บ่งบอกถึงความเป็นนายแบบหน้าใหม่ส่งตรงจากนอกที่กำลังจะมาดังในเมืองไทย
ตากล้องกดชัตเตอร์แชะ ฟรีซภาพเท่ๆของธีร์ไว้
-
ธีร์เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว นั่งลงให้ช่างทำผมเซ็ตผมทรงใหม่ โดยมีเอก สไตลิสต์ตามเข้ามาตบมือเร่งทีมงาน
"เอาล่ะเสื้อผ้าพร็อพเซ็ตต่อไปเตรียมพร้อม รอนายแบบเซ็มผม 5 นาที"
"พี่เอกครับ วันนี้เราน่าจะถ่ายเสร็จสักกี่โมงครับ"
ธีร์ตามองกระจกไปที่สไตลิสต์ที่ยืนอยู่ข้างหลัง
"คงไม่ดึกหรอกธีร์ ยังไงก็เสร็จวันนี้แหละจ้า เออแล้วธีร์จะกลับอังกฤษเมื่อไหร่ล่ะ"
"ยังไม่มีกำหนดครับ"
"อ้าว ก็ไหนตอนที่รับงานถ่ายแบบให้พี่ ธีร์บอกว่าต้องรีบถ่ายเพราะต้องรีบกลับไปเซ็นสัญญาเข้าสังกัดเอเจนซี่ที่โน่นงัยฮ้า"
"ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะอยู่เมืองไทยไม่นานหรอกครับ อยากกลับไปรับงานเดินแบบที่อังกฤษมากกว่า แต่ว่าตอนนี้...ผมมีคนที่ต้องคอยห่วงอยู่ทางนี้ ผมยังกลับไม่ได้ครับพี่"
"อุ้ยตาย! ใครน่ะ โชคดีจัง"
ธีร์ได้แต่ยิ้มไม่ตอบ หันไปมองแหวนเท่ๆที่ใส่แทบเต็มทุกนิ้ว แอบคิดกรุ้มกริ่มไปถึงนันทนัชอย่างมีความสุข
ทีมงานฝ่ายเสื้อผ้ากระซิบสไตลิสต์
"ดูซินั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นังชะนีคนนั้นเป็นใครกันน้า โชคดีจริง ๆ"
"นี่เก็บปากไว้ด่าชะนีที่กินผัวหล่อนเถอะ ไปเตรียมเสื้อผ้าชุดต่อไปซี ไป!"
ขณะที่เสียงมือถือของธีร์ในกระเป๋าบนโต๊ะหน้ากระจกดังขึ้น ธีร์เปิดกระเป๋าหยิบมือถือออกมาดู แล้วแปลกใจกับเบอร์ไม่คุ้นเคย
"ฮัลโหล...ใครครับ"
นันทนัชกำลังพูดโทรศัพท์แบบไร้สายผ่านระบบบลูทูธในรถ
"ทำอะไรอยู่คะพี่ธีร์"
ทันทีที่ได้ยินเสียงก็ยิ้ม ดีใจตาเป็นประกาย
"นัน"
"ค่าพี่ธีร์ นี่เบอร์ของนันเอง เมมไว้นะคะ นันโทร.มาบอกแค่นี้แหละ"
"ดะ...เดี๋ยวๆซีนัน โธ่...โทร.มาแค่เนี่ยะ จะไม่ถามกันเลยเหรอว่าพี่อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่"
นันทนัชขำ
"เมื่อกี้นันโทร.ไปหาต้า ต้าบอกหมดแล้วล่ะค่ะ นันไม่อยากคุยนาน รบกวนเวลาทำงานของพี่"
ธีร์ทำหน้าเซ็ง
"โธ่เอ้ย...ยัยนั่นแย่งพี่พูดหมดเลย"
เธอหัวเราะ
"ทำงานไปเถอะค่ะพี่ธีร์ เรายังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ"
"แล้วตอนนี้นันอยู่ที่ไหน"
"กำลังออกมาทำธุระค่ะ"
"ธุระอะไร แล้วออกมากับใคร มีคนมาเป็นเพื่อนรึปล่าว"
"พี่ธีร์ ทำงานไปเถอะ ไม่ต้องห่วงนันหรอก นันสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีๆไม่ประมาทเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้วค่ะ"
"โอเค งั้นพี่ทำงานเสร็จแล้วจะรีบโทร.ไปหานะ"
"ค่ะพี่ธีร์"
นันทนัชวางสาย หันไปมองกระเป๋าสะพายของตัวเองที่วางอยู่เบาะข้างๆ ซึ่งมีปืนอยู่ในนั้น แล้วเร่งเครื่องรถต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่เธอตั้งใจไว้

กฤตพนธ์กับภานุหลังจากร่วมประชุมเตรียมพร้อมปฏิบัติการภารกิจสำคัญ กำลังเดินออกจากห้องประชุม ของหน่วยข่าวกรองและปราบปรามการก่อการร้ายข้ามชาติ
ระหว่างเดิน...เสียงมือถือของกฤตพนธ์ดังขึ้น เขาดูเบอร์...
"เบอร์แปลกๆ"
"ก็เที่ยวไปแจกเบอร์ใครไว้" ภานุแซว
"นั่นแกแล้ว ไม่ใช่ฉัน"
กฤตพนธ์มองหน้า ภานุชี้หน้าขำ
"ฮัลโหล"
"คุณกฤตพนธ์ใช่มั้ยคะ"
"ใช่ครับ ขอโทษนะครับ นั่นใคร"
"ชั้นเองค่ะ"
เขาคิดๆ...แล้วก็จำได้
"คุณนัน"
ภานุชี้ "อ่ะๆ"
ภานุถูกกฤตพนธ์ยื่นมือไปปิดปากไว้แทบไม่ทัน
"คุณว่างรึปล่าวคะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ"
"ว่างครับ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน"
นันทนัชบอก...กฤตพนธ์แทบไม่เชื่อหู
"ที่ไหนนะ ได้ครับ"
กฤตพนธ์วางสาย รีบยัดแฟ้มเอกสารใส่อกภานุ แล้วรีบวิ่งไปทันที

"อ้าวเฮ้ย! จะรีบไปไหน"

เรือนริษยา ตอนที่ 6 (ต่อ)

เขารีบวิ่งมา...แล้วก็เห็นเธอยืนรอ หันหลังพิงรถแต่ไกล
"มาถึงนี่จริงๆด้วย"
กฤตพนธ์ตัดสินใจเบรก หยุดวิ่ง รีบยืนเข้าหลบมุมก่อนที่นันทนัชจะเห็นว่าเขาตื่นเต้นกับการมาของเธอ ภานุวิ่งตามมา
"เฮ้ย วิ่งตาลีตาเหลือกมาทำไมวะไอ้กฤต"
กฤตพนธ์ดึงเพื่อนเข้าหลบมุมเหมือนกัน
"โธ่เอ้ย...ยังจะตามมาอีก เบาๆซีวะ เดี๋ยวเค้าได้ยิน"
"ใครๆ...ใครได้ยิน"
ภานุหันมองให้ควั่กแล้วก็เห็นนันทนัชยืนพิงรถรออยู่หน้าตึก
"นั่นๆๆๆแน่"
"หุบปากน่า"
ภานุรีบปิดปาก
"เอ่อ...ขออีกคำถามนึง เค้ามาหาแกทำไมวะ"
"ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน"
"เอ๊า! อยากรู้แล้วทำไมไม่รีบออกไปหาเค้าล่ะ"
"ไม่ต้องรีบหรอก อุตส่าห์มาถึงที่นี่ ยังไงเค้าก็ต้องรอฉัน"
ภานุยิ้มหรี่ตามองเพื่อนรักอย่างรู้แกว
"กลัวเค้าจะรู้ล่ะซี้ ว่าแกก็ ดีใจที่เค้ามาหา"
กฤตพนธ์ชี้หน้าขู่ ภานุรีบปิดปากทำท่าทำทางบอกว่า จะเงียบแล้วๆ เขาแอบมองไปที่เธอพลางมองนาฬิกาตัวเอง...จับเวลา
-
นันทนัชยืนรอนาน ชักหงุดหงิด ทหารหนุ่มๆที่เดินผ่านไปผ่านมา พากันมอง เธอถอดแว่นกันแดดออกหันมองเข้าไปในตึก แล้วพยายามอดทนรอ ยืนอย่างกระวนกระวายใจ
-
ภานุเหล่มองเพื่อนที่ยืนมองนาฬิกาจับเวลา
"หื๊อ? ไอ้กฤต แกล้งให้ผู้หญิงเค้ารอนานแล้วนะเว้ย"
"ฉันไม่ได้แกล้ง ฉันกำลังจับเวลา ว่าผู้หญิงคนนี้จะอึดสักแค่ไหน"
"ห่ะ...อึด! ว้าวๆๆ"
"ไอ้ทะลึ่ง! อึดในที่นี้หมายถึงว่า เค้าจะมีความอดทนในการรอซักแค่ไหนเว้ย"
"ก็ใช่น่ะซิ แล้วแกคิดว่าฉันหมายถึงอะไร"
เขาขี้เกียจจะเถียงกับภานุ หันไป...เห็นนันทนัชหมดความอดทนกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ
"เฮ้ย!"
กฤตพนธ์รีบเดินออกไปทันที ภานุยืนขำ
"ยังงี้ชัดเลย...ชัดเลย"
-
นันทนัชขึ้นมานั่งบนรถอย่างอารมณ์เสีย สตาร์ทรถกำลังจะขับออกไปแต่เขาวิ่งกระโดดไถลตัวผ่านกระโปรงหน้ารถ ลงมายืนอยู่ที่ด้านประตูคนขับ เขาเคาะกระจก เธอรีโมตกระจกลง
"รอนานไม๊ครับ"
"ฉันกำลังจะกลับ"
"1นาที 35 วินาที"
"อะไรของคุณ"
"ความอดทนในการรอของคุณมีแค่นี้เอง"
"คุณแกล้งปล่อยให้ฉันรอใช่ไม๊เนี่ยะ"
"ถ้าคุณคิดว่าการรอผมมันไม่คุ้มค่ากับการเสียเวลาของคุณ ก็เชิญครับ กลับไปได้เลย"
กฤตพนธ์เดินผละ ขณะที่นันทนัชนั่งคิด แล้วก็ตัดสินตะโกนออกไป
"เดี๋ยวคุณ"
เขาหยุดเดิน ซ่อนยิ้ม ก่อนหันไปมองเธอ
"เชิญขึ้นมาบนรถหน่อยค่ะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ"
เขาแปลกใจ

กฤตพนธ์เปิดประตูขึ้นมานั่งที่เบาะข้างคนขับ สายตาอันเฉียบไวของเขามองไปที่ข้างเกียร์ แล้วเห็นนามบัตรของตัวเองวางเด่นอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า นันทนัชมีเบอร์โทร.และมาหาเขาถูกได้ยังไง
"คุณมีอะไรครับ"
นันทนัชเปิดประเป๋าให้เขาดู เขาต้องผงะตกใจเมื่อเห็นปืนอยู่ข้างใน
"นี่คุณ...เอาปืนมาทำไมW
"ไม่เอามาฆ่าใครหรอกน่า ฉันเอ่อ...อยากให้คุณช่วยสอนชั้นยิงปืน ฉัน จะได้มีอะไรไว้ป้องกันตัวบ้าง"
เขานิ่งคิดมองหน้าเธออย่างลังเล เธอพยายามพูดชักจูงใจเขา
"ฉันเคยได้ยินมา ถ้าเรามีปืน เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้มันให้เป็นซะก่อนที่จะลั่นไก คุณเป็นทหารคุณต้องยิงปืนเป็นแน่ ๆ ชั้นคงเลือกคนสอนไม่ผิดหรอก"
ประโยคหลังทำให้กฤตพนธ์พอใจที่จะตัดสินใจสอน
"เอาล่ะ คุณขับรถไปรอผมตรงโน้นนะ สนามฝึกซ้อมยิงปืนของหน่วยผม เดี๋ยวผมจะตามไป แล้วเราค่อยไปคุยกันที่โน่น"
"โอเคค่ะ"
นันทนัชดีใจ ลืมตัว ยกนิ้วโอเค
เขาอดขำท่าทางดีใจสดใสเหมือนเด็กๆของเธอไม่ได้ เธรู้ตัวรีบเอามือลง...เก้อๆ
เขาเปิดประตูลงจากรถ ยืนมองเธอขับรถออกไป
"หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว เฮ่อ! "
เขาบ่นๆแต่ก็พอใจ
-
เวลาต่อเนื่องมา ฤทัยก้าวเข้ามาในร้านอาหารของแฟนต้า โดยมีไม้เดินถือกระเป๋าตามหลังมา เธอหยุดยืนกวาดตามองไปรอบๆร้าน แววตาราวกับจะมาถล่มร้านให้พังราบ
พนักงานเดินเข้ามาต้อนรับ
"สวัสดีครับ กี่ที่ครับ"
"2 ที่" ไม้บอก
"ทางนี้ครับ"
พนักงานจะพาไป แต่ฤทัยไม่ไป
"ฉันจะนั่งตรงไหน ฉันจะเลือกเอง"
พนักงานยืนอึ้งไปเลย แล้วฤทัยก็เดินตรงไปนั่งที่โต๊ะตรงกลางร้าน พนักงานได้แต่เดินถือเมนูตามไป
ฤทัยดูเมนู แล้วแววตาก็ร้ายขึ้นมาทันที เพราะจำได้ดีว่าตอนที่อยู่เรือนรัตนะ ทิพย์เก่งทำอาหารจำพวกสมุนไพรจำพวกที่ปรากฎอยู่ในเมนู
ฤทัยอ่านรายชื่ออาหารด้วยความแค้น
"เมนูพวกนี้ของโปรดของคุณลิตรทั้งนั้น และมีอีคนใช้คนเดียวเท่านั้นที่ทำสนองความอยากให้คุณลิตรได้ เค้าถึงได้หลงเสน่ห์ปลายจวักมันมาเป็นสิบๆปี"

ในอดีต ภายในครัวใหญ่ ทิพย์กำลังซอยหัวกระทือ โดยมีลิตรยืนอยู่ใกล้ๆ บนโต๊ะมีเครื่องปรุงแบบไทยๆที่ดูน่ากิน...ปลาดุกหั่น กะทิ เครื่องแกง มะกรูด พริกชี้ฟ้าแดง มีตะกร้าใส่พวกผัดสดวางอยู่ใกล้ๆ ขณะที่บนเตา กำลังต้มน้ำในหม้อเตรียมทำแกงเลียง มีตำลึง บวบ ฟักทอง เห็ดนางฟ้ารอพร้อมทำ
"คุณผู้ชายออกไปนั่งรอที่ห้องอาหารก่อนนะคะ"
ทิพย์พูดพลางเทเกลือใส่กระทือที่ซอยแล้วขยำๆเพื่อกำจัดน้ำขมออกมา
"ไม่ล่ะ ฉันจะนั่งรอกินฝีมือทิพย์อยู่ในนี้"
ลิตรพูดพลางยื่น 2 มือไปจับที่หัวไหล่ของทิพย์ ยืนดูทิพย์ทำกับข้าว ทิพย์ยิ้มอย่างมีความสุข
นอกครัว ฤทัยเดินตามมาเห็น หยุดแอบดูอย่างแค้นมากๆ 2 มือกำแน่น

"อีทิพย์! กู...สาบาน...กูต้องหาทางกำจัดมึงไปให้พ้นทางกูให้ได้"

ฤทัยปิดเมนูปัง!
"ทั้งหมดที่ฉันสั่ง ไปทำมา"
พนักงานมองรายการอาหารที่จด...นับ
"เอ่อ...ทั้งหมด 11 อย่างนะครับ"
ฤทัยหันไปมองหน้าไม่พอใจ
"สงสัยอะไรห่ะ" ไม้ถาม
แฟนต้าที่กำลังดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นอยู่มองมา สังเกตเห็นสีหน้าพนักงานไม่ดี
"แล้วบอกแม่ครัวทำเร็วๆด้วย ฉันให้เวลา15นาที อาหารทั้งหมดต้องมาวางให้ครบบนโต๊ะ! ฉันหิว เข้าใจไม๊" ฤทัยบอก
"เอ่อ...ครับ แล้วข้าวสวย"
"ถ้าคุณผู้หญิงไม่สั่ง ก็แปลว่าไม่ต้อง รีบไป"
ไม้ยัดเมนูคืนใส่มือ
"ครับ รอสักครู่นะครับ"
พนักงานเดินผละมา ฤทัยยิ้มร้าย พนักงานเดินมาเจอแฟนต้า
"มีอะไรรึปล่าว"
"ลูกค้าโต๊ะนั่นน่ะซิครับ สั่งอาหารหมดเนี่ยะ แล้วบอกให้รีบทำ 15 นาทีอาหารต้องเสร็จ"
"เดี๋ยวฉันจัดการเอง ไปดูแลลูกค้าอื่นไป"
"ครับ"
แฟนต้าถือเมนูรีบเข้าครัวไป

ภายในห้องครัว ทิพย์กำลังยำพล่ากุ้ง คลุกเคล้าส่วนผสมอย่างชำนาญอยู่ในโถแก้ว โรยตะไคร้สับ ต้นหอม ผักชี ใบมะกรูดลงไป ใบสาระแหน่คลุกเคล้าเข้ากัน แล้วตักใส่จาน แต่งหน้าด้วยผักชี
"พล่ากุ้ง...โต๊ะ7เสร็จแล้ว"
แฟนต้าเดินเข้ามาพร้อมออร์เดอร์ในมือ
"น้าทิพย์ค่ะ วางมือเมนูอื่น ให้คนอื่นทำไปก่อน รีบทำออร์เดอร์โต๊ะนี้ดีกว่าค่ะ"
"ทำไมคะคุณต้า"
"ก็ดูเค้าสั่งซีคะ คั่วขนุน...แกงปลาดุกใส่กระทือ...ยำใบชะครามงี้ เค้าเลือกสั่งแต่อาหารสมุนไพรเมนูขึ้นชื่อของน้าทั้งนั้น"
ทิพย์คิด...แอบสงสัยว่าน่าจะเป็นฤทัย
"แล้วต้องรีบทำด้วยนะคะ ลูกค้าโต๊ะนี้ท่าทางจะเอาเรื่อง เค้าบอกว่าต้องเสร็จ ภายใน15นาที"
ทิพย์แอบมั่นใจว่าต้องใช่ฤทัยแน่
"ได้ค่ะ น้าจะรีบ"
แฟนต้าเดินผละออกไป ทิพย์มั่นใจว่าต้องใช่ฤทัยแน่ๆ
"ลูกค้าท่าทางเอาเรื่องงั้นเหรอ หึ ตั้งใจมาเอาเรื่องเลยล่ะ"
ทิพย์หันไปคว้ามีด หยิบขนุนอ่อนที่ปอกเปลือกไว้แล้ว สับๆๆเป็นชิ้นๆแล้วเทใส่หม้อเพื่อต้มให้สุก ทิพย์มองขนุนอ่อนที่ลอยน้ำอยู่ในหม้อแล้วก็คิดย้อนไป

เมื่อ 25 ปีก่อน ในห้องทานอาหาร คั่วขนุนในจานถูกแต่งอย่างผู้ดี ทิพย์ใส่ถาดเดินถือมาวางเสิร์ฟลงบนโต๊ะรวมกับกับข้าวไทยอีกหลายอย่างที่จัดจานอย่างน่ารับประทาน แล้วก็ยืนรอ ลิตรเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเครียดๆ
"แล้วคุณรำเพยล่ะคะ"
"เค้าเอาแต่คลุกอยู่กับลูก ฉันเข้าไปคุยด้วย เค้าก็ไม่คุยกะชั้น" ลิตรถอนใจนั่งลงที่โต๊ะ
"เอ่อ...คุณรำเพยคงยังไม่หิว งั้นคุณผู้ชายทานก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณรำเพยหิวเมื่อไหร่ ทิพย์จะจัดให้ใหม่"
ทิพย์ตักข้าวใส่จานให้ลิตร
"เห็นพักนี้คุณผู้ชายทานอะไรไม่ค่อยลง วันนี้ทิพย์ก็เลยทำกับข้าวที่คุณผู้ชายชอบทั้งนั้นเลย คั่วขนุน ยำใบชะคราม ปลานึ่งขิง ทานเยอะๆ นะคะ"
พอทิพย์วางจานข้าวให้ลิตร ลิตรก็คว้ามือทิพย์จับไว้ ทิพย์ตกใจ
"ขอบใจมากนะทิพย์ มีแต่เธอเท่านั้นที่คอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยฉัน รำเพยเค้าไม่สนใจฉันเลย ตั้งแต่พี่เรไรตาย เค้าก็ทำเหมือนกับว่า ฉันเป็นไอ้มหาโจรที่ฆ่าพี่สาวเค้า ทั้งๆ ที่ฉันทำลงไปทุกอย่างก็เพื่อให้เค้ากับลูกได้อยู่กับฉัน ถ้าพี่เรไรไม่ตาย พี่เรไรก็ไม่มีทางเอารำเพยกับลูกไว้เป็นหนามยอกอกหรอก"
ทิพย์นั่งคุกเข่าลงข้างๆลิตร ปลอบโยน
"ทิพย์เข้าใจคุณผู้ชายค่ะ เข้าใจดีว่าคุณผู้ชายจำเป็นต้องทำลงไปเพราะความรัก ไม่มีทางเลือก"
"ก็แล้วทำไม รำเพยไม่เข้าใจฉันห่ะทิพย์ ทำไมรำเพยไม่ดีกับฉันเหมือนเธอ"
ลิตรจับหน้าทิพย์ มองจ้องหน้า ก่อนยื่นหน้าล้มลงมาจูบ

เวลาต่อมา ทิพย์หลบออกจากบ้านมายืนจับปากตัวเอง เธอหลงรักลิตรอยู่แล้ว ยิ่งมาโดนจูบแบบนี้ ยิ่งทำให้ใจทิพย์เตลิดลุ่มหลงลิตรมากมาย
"เป็นอะไรทิพย์"
ทิพย์ตกใจหันไปมอง เห็นรำเพยกำลังอุ้มนันทนัชในวัยทารกมองอยู่
"เอ่อ...ปละ ปล่าวค่ะคุณรำเพย"
"ท่าทางเธอดูแปลก ๆ มีอะไรรึเปล่า"
"เอ่อ...ไม่มีอะไรจริงๆค่ะคุณรำเพย คุณรำเพยไปทานข้าวเถอะค่ะ คุณผู้ชายกำลังทานอยู่ ส่งคุณหนูมาให้ทิพย์ดูให้"
รำเพยหน้าเศร้า ระทมทุกข์ทันที
"ฉันกินอะไรไม่ลง! ยิ่งเห็นหน้าเค้า คอฉันตีบตันไปหมด แทบจะหายใจไม่ออก ฉันไม่รู้ว่าจะทนอยู่อย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหน"
"คุณรำเพยไม่คิดจะให้อภัยให้คุณผู้ชายบ้างเลยเหรอคะ"
"ฉันไม่เอาเค้าเข้าคุก ยังไม่เรียกว่าให้อภัยเค้าอีกเหรอทิพย์ แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดกะพี่เรไรมากพอแล้ว"
รำเพยปาดน้ำตาเดินอุ้มนันทนัชผละไป ทิพย์ได้แต่ถอนใจ
-
ทิพย์ตกใจวิ่งขึ้นบันไดมาเมื่อได้ยินเสียงเอะอะกันชั้นบน ลิตรกำลังยื้อยุดรำเพยที่กำลังร้องไห้กอดลูก
"วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง"
"ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยฉันนะ ฉันจะเลี้ยงลูก"
"เลิกเอาลูกมาเป็นข้ออ้างหนีฉันซะที เธอเป็นเมียฉันนะรำเพย เธอต้องทำหน้าที่เมีย"
"ฉันไม่อยากทำ"
ลิตรได้ยินอย่างนั้นก็เจ็บมาก
"แต่เธอต้องทำ! เพราะฉันยังต้องการเธออยู่ คนอย่างชั้นไม่ยอมให้ใครมาปฏิเสธเด็ดขาด เอาลูกมานี่"
ลิตรแย่งลูกไปจากมือรำเพยได้ รำเพยถึงกับกรี๊ดลั่น
"แอร๊ย...เอาลูกฉันคืนมานะ"
รำเพยพยายามไขว้คว้าแย่งลูกมา แต่ลิตรอุ้มหลบ เดินเข้ามาส่งลูกให้ทิพย์
"ทิพย์! เอายัยหนูไป...เอาไปให้ไกลๆ"
ทิพย์รับมาอย่างทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก เสียงเด็กร้องจ้า รำเพยพยายามเข้ามาแย่ง
"ส่งลูกมาให้ฉันทิพย์ เอาลูกฉันมา"
รำเพยแผดเสียงร้องลั่น พลางจิกแย่ง จนกระชากเสื้อทิพย์ ทำให้ทิพย์ทรุดลงกองกับพื้น
"ว้าย!"

"ลูกแม่...เอาลูกมาให้ฉัน"

เรือนริษยา ตอนที่ 6 (ต่อ)

แต่ลิตรจับรวบมือรำเพยขวางไว้ แล้วช้อนตัวอุ้มรำเพยไปที่ห้อง
"ปล่อยฉันคุณลิตร...ปล่อย...ฉันไม่อยากอยู่ใกล้คุณ ฉันขยะแขยงคุณ! ปล่อยฉัน"
รำเพยพูดพลางตบตีไปที่อกลิตร ยิ่งเพิ่มโทสะ อยากเอาชนะให้เขา
"งั้นดีเลย วันนี้ฉันจะให้เธอทำหน้าที่เมียทั้งๆ ที่ขยะแขยงผัวตัวเอง"
ลิตรพารำเพยเข้าห้องแล้วปิดประตู ปัง!
ทิพย์อุ้มนันทนัชที่ร้องไห้จ้ามองไปยังห้องที่เสียงโต้เถียงค่อยๆเงียบลง ทิพย์ทรุดนั่งน้ำตาร่วงอยู่ตรงนั้นอย่างเจ็บปวดที่รู้ว่าลิตรที่เธอรักกำลังทำอะไรอยู่ในห้องนั้น

จานอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆควันกรุ่นสีสันน่ากิน แฟนต้าช่วยพนักงานยกเสิร์ฟวางลงบนโต๊ะ
"อาหารที่สั่ง ครบหมดแล้วแล้วนะคะทั้ง 11อย่าง"
ฤทัยกับไม้นั่งหน้าตึง ว่าอะไรไม่ได้
"เชิญทานให้อร่อยนะคะ รับรองว่าอาหารสมุนไพรทุกจานที่คุณเลือกของทางร้านเรา อร่อยทุกจานค่ะ"
แฟนต้าเดินผละมาจากโต๊ะพลางแอบกำหมัดอย่างสะใจ ถอนใจอย่างโล่งอก
"มันทำเสร็จทุกอย่างภายใจ 15นาทีได้ไงเนี่ย" ไม้ว่า
"แหม...นังนี่มันไวไฟมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่งั้นมันจะแอบเล่นจ้ำจี้กะคุณลิตรตั้งแต่นังนันยังเด็กจนโตเป็นสาว โดยที่นังนั่นไม่เคยรู้ระแคะระคายเลย หึๆๆ"
ฤทัยกวาดตามองไปที่อาหารไปโต๊ะทั้ง11จาน ยิ้มๆมีแผน
"ไหนๆ มันก็ทำมาให้กินแล้ว ลองชิมดูหน่อยซิ ไม่ได้ชิมฝีมืออีนังกะลา ก้นครัวนี่มานานแล้ว"
ฤทัยตักอาหารมาชิม
"อืม ทำกับข้าวอร่อยจริงๆ สมควรแล้วที่เกิดมาเป็นอีแจ๋วอยู่ในครัว"
ที่มุมไกล ทิพย์เดินโผล่ออกมาแอบมอง ทิพย์ไม่กลัว เตรียมแผนรับมือไว้แล้ว

กฤตพนธ์เดินนำนันทนัชเข้ามาในสนามซ้อมยิงปืน ที่มีนายทหารซ้อมยิงอยู่แค่ 2-3 คน เขามาพร้อมกับปืนคู่กายของเค้ากับกระเป๋าใส่กระสุน
"นี่กระสุนผมซื้อมาให้คุณ"
"คุณเห็นปืนฉันแว๊บเดียวก็รู้เลยเหรอว่าใช้กระสุนแบบไหน"
"ก็อย่างที่คุณพูด คุณคงเลือกคนสอนไม่ผิดหรอก"
เธอแอบมุ่ยหน้าใส่ให้กับความกวนของเขา เขาหันมามอง เธอรีบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เขาแอบขำ
"คุณเอาปืนนี้มาจากไหน"
เขาถามพลางเดินนำเธอมายังช่องซ้อมยิงบล็อคหนึ่ง
"ปืนของพ่อฉันเอง เอ่อ...ค่ากระสุนเท่าไหร่คะ"
เธอทำท่าควักเงิน
"ไม่เป็นไรครับ ไว้เลี้ยงข้าวผมก็แล้วกัน"
เขาพูดพลางหยิบแว่นใสกันเศษกระสุนกระเด็นเข้าตาขึ้นมาใส่
"งั้น...คุณจะคิดค่าเสียเวลาสอนฉันยิงปืนเท่าไหร่ล่ะ ฉันไม่ให้คุณสอนฟรีๆหรอก"
เขาทำเป็นคิดหนัก พลางหยิบที่ครอบหูลดเสียงปืนขึ้นมาคล้องคอ
"อืม...ค่าเสียเวลาของผมมันแพงนะคุณ มันก็ขึ้นอยู่กับว่า…"
เขาหยุดพูด....พลางบรรจุกระสุนซ้อมใส่ปืน
"อะไรคะ"
"ขึ้นอยู่กับว่าคุณคิดว่าเสียเวลาคุณรึปล่าวที่มาหาผม มาให้ผมสอนน่ะ"
กฤตพนธ์ใส่กระสุนเสร็จ ยกที่ครอบหูใส่ พลางหันมามองตาเธอด้วยสายตาที่คมกริบ
ทำเอาเธอแอบไหวหวั่น ทำหน้าไม่ถูก หันหลบตา
"เอ่อ...มันก็อยู่กับที่ว่า คุณสอนดีรึปล่าว ท่าดีทีเหลว ยิงไม่แม่น หรือว่าถนัดขี้เก๊ก"
เสียงกระสุนแผดขึ้น ปังๆๆ
"ว้าย!"
เธอสะดุ้ง ยกมือขึ้นปิดหูมองไป เห็นเขากำลังยิงไปที่เป้าจนหมดแม็ก ยิงเสร็จ... เขาหันมายิ้มขำท่าที่เธอยืนปิดหูหน้าซีด
"ตกใจเหรอคุณ"
"ตกใจซี เสียงดังมากเลยอ่ะ"
"มา...มาดูนี่"
เขาดึงแขนเธอมา พายืนเกาะไหล่ แล้วชี้ให้มองไปที่เป้ายิง เธอต้องทำปากทึ่ง เพราะเขายิงเข้ากึ่งกลางเป้าแทบทุกนัด
"เป็นไง ฝีมือผมใช้ได้ไม๊ ท่าดีทีเหลว ยิงไม่แม่น หรือว่าถนัดขี้เก๊ก หื๊อ"
นันทนัชหันขวับไปค้อนใส่ที่เขาที่ชอบประชดย้อนเธอทุกครั้ง เขาต้องตีหน้าเฉยรีบผละออกจากเธอ
"คุณพร้อมหรือยัง คราวนี้ถึงทีคุณแสดงฝีมือมั่งแล้ว"
เขาควงปืนของเธอที่ยังไม่บรรจุกระสุนแล้วยื่นส่งให้ เธอหน้าจ๋อยลงไปถนัด มองปืนในมือเขาอย่างหวาดๆ เพราะไม่เคยจับปืนมาก่อน

กนกกรเดินเด้งเข้ามาในหน่วยข่าวกรองฯ ด้วยเรียวขาขาวกับส้นสูงสีแดง มือถือกล่องขนมเค้กเจ้าแพงมาด้วย เหล่าทหารที่เดินผ่านไปผ่านมา พากันมอง เธอเดินมาถึงห้องทำงาน โผล่หน้าเข้าไป ทำเอาภานุกับเหล่าเพื่อนทหารที่กำลังจับกลุ่มจิบกาแฟคุยกันอยู่ พากันหยุดพูด กันมามองเป็นตาเดียว
"คุณกฤตคะ"
กนกกรเดินแหวกภานุและหนุ่มๆเข้ามามองหากฤตพนธ์ที่โต๊ะ แต่ไม่พบ
"อ้าว...คุณกฤตไปไหนคะ"
"อ๋อ นายกฤตอยู่ที่..."
ภานุหยุดกึก เพราะนึกขึ้นได้ว่ากฤตพนธ์กำลังอยู่กับนันทนัช ขืนกนกกรรู้ต้องเกิดเรื่องแน่ๆ
"อยู่ที่ไหนคะ"
"อยู่ที่เอ่อ...นั่นซิครับอยู่ที่ไหน มีใครรู้บ้าง"
ภานุแถไปถามเพื่อนๆซะงั้น ทุกคนทำเป็นไขสือไม่รู้เรื่อง
"ดูซิ กิ๊บอุตส่าห์ไปเข้าคิวรอซื้อขนมเค้กเจ้าอร่อยมาให้ทาน จะเอามาทิ้งเปล่าเหรอเนี่ยะ"
"โอะๆ ไม่ต้องทิ้งหรอกครับ พวกผมก็ทานขนมเค้กเป็น"
กนกกรไม่ให้
"ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวกิ๊บตามหาคุณกฤตเอง คงอยู่แถวๆนี้แหละ ไม่โรงยิมก็สนามยิงปืน" ภานุแอบทำตาโตช็อก เห็นกนกกรจะเดินออกไป ก็ตามไปรีบขวางยกมือห้ามไว้
"หยุดๆๆครับ...หยู๊ด"
เธอเบรกแทบไม่ทัน
"ว้าย! อะไรคะ"
"ไอ้กฤตน่าจะเข้าห้องน้ำน่ะครับ เดี๋ยวผมไปตามให้" ภานุพูดพลางลากเก้าอี้มา "คุณกิ๊บนั่งรอดีกว่านะคร๊าบ หิ้วไปหิ้วมา เดี๋ยวหน้าหนมเค้กจะเละซะหมดก่อนที่ไอ้กฤตจะได้ชิม"
หนุ่มๆพากันยิ้มคะยั้นคะยอ ช่วยกันปัดฝุ่น เช็ดเก้าอี้ให้ กิ๊บรู้สึกว่า ตัวเองสำคัญขึ้นมาทันที
"ก็ได้ค่ะ"
กนกกรนั่งไขว้ห้าง เริ่ด เชิด สวย ภานุรีบเดินออกจากห้องมา แล้วกดมือถือแอบหลบมุมโทรหากฤตพนธ์อยู่หน้าห้อง
เสียงสัญญาณมือถือติดอยู่นาน แต่กฤตพนธ์ไม่รับ
"ไอ้กฤตๆ...รับซี รับซี รับ จ๊ะเอ๋กันเมื่อไหร่หน่วยข่าวกรองต้องราบเป็นหน้ากลองแน่ ๆ รับเว้ยเฮ้ย"

มือถือของทั้งคู่วางอยู่ใกล้ๆกันที่ม้านั่งด้านหลังซึ่งทั้งคู่วางกระเป๋าข้าวของเอาไว้ เสียงปืนที่มีนายทหาร 2-3 คนที่ยิงซ้อมกันอยู่กลบเสียงเรียกเข้าของภานุจนไม่ได้ยิน
กฤตพนธ์กำลังสอนนันทนัชจับปืนเล็งเป้า ท่าทางจับปืนครั้งแรกของเธอดูเก้งก้างไม่มั่นคง
"ไม่ใช่จับอย่างงั้นครับ เอ่อ...ขอโทษนะครับ คงไม่ว่าอะไร ถ้าผมจะจับมือคุณ"
"จับได้ ถ้าไม่ได้คิดอย่างอื่น"
นันทนัชแอบอมยิ้มที่ได้เล่นงานกฤตพนธ์ เขาแอบหมั่นไส้ท่าทางปากดีของเธอ
"ผมเป็นสุภาพบุรุษครับ ไม่ใช่พวกฉวยโอกาส แต่ระวังไว้หน่อยก็ดี เพราะถ้าคุณเล่นงานผมบ่อย ๆ ผมอาจจะคิดขึ้นมาก็ได้ มาส่งปืนมาให้ผมก่อน"
เธอส่งปืนคืนมาให้ หุบยิ้มกลัวเขาเอาจริง
"แล้วส่งมือข้างที่ถนัดของคุณมา"
"อ่ะ!"
นันทนัชส่งมือขวามาให้ เขายื่นมือไปจับมือเรียวเล็กไว้เต็มมืออย่างตั้งใจแกล้ง ราวกับถูกไฟช็อต เธอหน้าตึงร้อนซู่ วูบวาบไปหมดเมื่อมือของเธออยู่ในมืออุ่นๆของเขา
"คุณใช้มือที่ถนัดจับด้ามปืนนะครับ จับให้กระชับ แน่นๆ มั่นคง"
กฤตพนธ์แกล้งจับบีบมือนันทนัชที่ถือด้ามปืนอยู่นั่นแหละ แล้วแอบมองหน้าเธอ
เห็นเธอหน้าแดง เหงื่อแตก ปากที่เก่งก็อึ้งๆเงียบๆไปถนัด
"คุณทำไมหน้าคุณแดง เหงื่อแตกพลั่ก ๆ เป็นอะไรรึเปล่า"
"เอ่อ...ปล๊าว! ฉันสบายดี ก็อากาศข้างในนี้มันร้อนนี่ แล้วฉันก็เป็นคนขี้ร้อนด้วย ก็เลยเหงื่อแตก"
"อ๋อ...เป็นคนขี้ร้อน งั้นต่อนะครับ ส่งมืออีกข้างมาให้ผม"
เธอส่งมืออีกข้างให้ กฤตพนธ์จับไว้เต็มมือเหมือนกัน
"คุณใช้มือข้างนี้ประคองมือข้างที่ถนัดไว้ แบบนี้นะครับ แล้วก็เล็งปืนไปที่เป้า แขนอย่าเกร็งซีครับ ไม่ต้องตึงมาก มา...ผมจัดให้"
ว่าแล้วเขาก็โอบแขน 2 ข้างไปรอบไหล่เธอ จนรู้สึกได้ว่า หลังเธอสัมผัสอยู่กับแผ่นอกของเค้า เธอสมาธิแตกกระเจิง รู้สึกคอแห้ง 2 มือที่ประกบถือปืนอยู่สั่น จนเขารู้สึกได้ เขาแอบยิ้ม
"ถือปืนนิ่งๆ มืออย่าสั่น"
"สั่นอะไร ปล่าวซะหน่อย"

เขาแอบมองเสี้ยวหน้าเธออย่างหลงรัก ก่อนเลิกแกล้ง ผละออกมาจากเธอ

กฤตพนธ์ผละมาคว้ากล่องกระสุนซ้อม
"เอาล่ะไม่มีอะไรยาก มือจับปืนให้นิ่ง เล็งไปที่ตรงกลางเป้า มีสมาธิ เข้าใจนะครับ"
"ค่ะ...เข้าใจค่ะ"
เธอตอบขึงขัง ตาแป๋วแบบนักเรียนเชื่อฟังครู ทำเอากฤตพนธ์พอใจ
"เข้าใจทฤษฎีแล้ว งั้นมา! ปฏิบัติจริง ลองยิงดู"
เขาคว้าปืนจะเอามาจากมือเธอ แต่นันทนัชจับไว้แน่น
"เอ๊า! จับซะแน่นเชียว ปล่อยซีคุณ ผมจะเอามาใส่กระสุนให้"
"เอ่อ...เดี๋ยวขอฉันทำใจสักแป๊บนึงก่อนได้ไม๊คะ"
เขาขำ
"ต้องทำใจเรื่องอะไร ให้ซ้อมยิงเป้านะ ไม่ใช่ยิงแมว"
"ก็คนมันไม่เคยนี่ รออีกหน่อยเถอะ ฉันยิงเก่งขึ้นมา คุณนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายทำใจ"
"อ๋อเหรอ ไม่ทันไร คุยซะแล้ว"
เขาคว้าปืนโอโตเมติกจากมือเธอมาใส่แมกกาซีให้ แล้วส่งปืนไปให้
"อ่ะนี่...ยิงชุดนี้ให้โดนเป้าก่อนเหอะ แล้วค่อยคุยนะครับ"
กระสุนในแมกกาซีนปืนมีทั้งหมด 6 นัดด้วยกัน เขาขยับไปยืนข้างหลัง
"พร้อม! เล็งเป้า! ผมให้สัญญาณแล้วค่อยยิง ยิงให้หมดแมก 6 นัด จนได้ยินเสียงแชะๆนะครับ แล้วค่อยหยุด"
เธอตั้งท่า พยักหน้า จับปืนด้วย 2 มือยกเล็งไปที่เป้าข้างหน้า
เขาก้มลงมอง...เห็นตัวเองยังใส่แว่นและหูครอบลดเสียงยังอยู่ที่คอตัวเอง นึกได้ว่าลืมไป
"เดี๋ยว! คุณอยู่ในท่าเดิมนะ มือไม่ต้องขยับ ขยับแต่หน้า หันมามองผม"
เธอหันมามองเขาอย่างแปลกใจ เขาถอดแว่นใส่ให้เธอ พลางบอก
"ซ้อมยิงปืนทุกครั้งอย่าลืมอุปกรณ์เซฟตี้สำคัญ! แว่นใสนี้ไว้ใส่กันเศษกระสุนกระเด็นเข้าตาเวลายิงนะ แล้วหูครอบนี่ ใส่ไว้ลดเสียงดังจากกการยิงช่วยเซฟแก้วหูของคุณครับ"
กฤตพนธ์พูดพลางใส่ที่ครอบหูให้ และมองหน้าเธอ ทั้ง 2 มองสบตากัน
"เอ่อ...ฉันยิงได้หรือยังคะ"
"อ๋อ…พร้อมนะ"
เขาได้สติ รีบผละกลับมายืนข้างหลังเหมือนเดิม
"หันหน้ากลับไปเล็งที่เป้า! ยิง"
นันทนัชเหนี่ยวไกยิงออกไป ด้วยสีหน้ายังกล้าๆกลัวๆ แต่ก็ตั้งใจยิง

เธอยิงทั้งสิ้น 6 นัดจนเสียงลั่นไกดังแชะๆ เขาคอยมองไปที่เป้าว่ายิงเข้าเป้ากี่นัด
"เอาล่ะหยุด"
เธอลดมือที่ถือปืนลง เป่าปากราวกับเหนื่อยมาก เพราะลุ้นมาก เขาเข้าไปรับปืนมา จัดการปลดแมกกาซีนออกอย่างชำนาญ
"มาดูฝีมือมือใหม่หน่อยซิ ว่ายิงเข้าเป้าไปกี่นัด"
เธอทำหน้าแหยๆ ปลดที่ครอบหูออก ไม่กล้ามอง
"1..2...3..4...5!"
นันทนัชดีใจ
"โฮ้ว...ฉันยิงเข้าเป้าตั้ง 5 นัดเลยเหรอ"
"ทั้ง 5 นัดยิงออกทะเลหมดเลย"
"อุ้ย!"
"แต่มีนัดนึง ที่เข้าเป้าตรงกลางพอดิบพอดีอย่างเหลือเชื่อ"
"ไหน"
เธอหันไปมอง เห็นเป้ากระดาษมีรูกระสุนยิงเข้าตรงกลางเป้าพอดี นันทนัชสุดแสนดีใจ
"จริงๆด้วย ฉันยิงเข้าตรงกลางเป้า ดีใจจังเลย ฮ่ะๆ"
เธอจับแขนเขาเขย่าหัวเราะดีใจเหมือนเด็กๆ ไม่มีฟอร์มร้ายๆที่เธอสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเอง เขาหลงรักเงียบๆ
"ชักสนุกแล้ว ขอนันยิงอีกชุดนะคะ คราวนี้จะยิงให้เข้าเป้าทุกนัดเลย"
เธอพูดกับเขาอย่างเป็นกันเองมากขึ้น ไม่ระแวงเขาเหมือนกับที่ผ่านมา
"ได้ครับ กระสุนมีเพียบ ผมเตรียมไว้ให้แล้ว เดี๋ยวมาลองใส่กระสุนกัน"
เธอฟังเขาสอนอย่างตั้งใจ
มือถือของกฤตพนธ์ ทั้งภานุและกนกกรพยายามโทร.เข้ามา มิหนำซ้ำมือถือของนันทนัชก็มีสายธีร์โทร.เข้ามา แต่ทั้งคู่กลับไม่ได้ยิน
-ธีร์กำลังรอสายเธอ ในสตูดิโอ ทีมงานกำลังจัดไฟ จัดพร็อพ ถ่ายเสื้อผ้าเซ็ตใหม่
เสียงสัญญาณมือถือดังอยู่นาน แต่นันทนัชก็ไม่รับสาย
"มัวทำอะไรอยู่นะนัน"
ธีร์ตัดใจวางสาย เพราะเกรงใจทีมงาน ส่งมือถือฝากกับทีมงาน
"ฝากด้วยครับ ถ้ามีใครโทร.มา บอกว่าผมจะรีบโทร.กลับ"
ธีร์บอกกับเอกที่เอาพร็อพและเสื้อคลุมเข้ามาใส่ให้
"เอาล่ะทุกคน นายแบบพร้อมแล้ว สำหรับเสื้อผ้าเซ็ทสุดท้าย โซโล่ฮะ!"
สไตลิสต์ลงจากเวที ไฟทุกดวงในโรงละครดับลง เหลือแต่ไฟสีและสปอร์ตไลท์บนเวทีที่ส่องไปยังธีร์ ตากล้องเริ่มกดชัตเตอร์ ขณะที่ธีร์ก็โพสต์ท่าอย่างสุดเท่
-
กนกกรเดินรอสายอย่างหงุดหงิดเดินออกมาจากห้องทำงาน
"อยู่ไหนนะโทรศัพท์ก็ไม่รับ"
แล้วกนกกรก็เห็นภานุที่ยืนซุ่มๆ โทร.หากฤตพนธ์อยู่แถวๆ นั้น
"คุณภานุ!"
ภานุสะดุ้ง รีบเลิกโทร.
"ไหนบอกว่าจะไปตามคุณกฤตให้กิ๊บไงคะ มาแอบโทรศัพท์หาใครอยู่ตรงนี้เนี่ยะ"
"อ๋อ...พอดีงานเข้า เอ้ยสายเข้านะครับ แต่ผมไปตามหานายกฤตให้แล้วนะครับ ที่ห้องน้ำก็ไม่มี หาจนทั่วตึก...ก็ไม่มี ผมว่าคุณกิ๊บควรจะ"
"งั้นกิ๊บจะไปตามหาเอง"
กนกกกรเดินไป
"เฮ้ย...เป็นเรื่องแล้ว"
ภานุรีบแจ้นตามกนกกรไป
-
กฤตพนธ์เดินมาส่งนันทนัชที่รถ
"ขอบคุณนะคะที่เสียสละเวลาช่วยสอนฉัน"
"ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ยังไงคุณก็ต้องเลี้ยงข้าวผมเป็นค่าเสียเวลาให้ผมอยู่แล้ว"
เธอหน้าตึงขึ้นมาทันที
"ครับ!แต่คงไม่ใช่วันนี้ ผมต้องอยู่เวร"
"คุณต้องสอนอีกหลายครั้งนะคะ กว่าฉันจะยิงเป็น แล้วคุณจะให้ฉันจ่ายค่าเสียเวลายังไง"
"ผมคงไม่ให้คุณเลี้ยงข้าวทุกมื้อหรอก เอาเป็นว่า...คราวหน้าที่เราเจอกันผมจะบอกคุณเองก็แล้วกัน แต่ถ้าคุณไม่อยากมา ก็ไม่เป็นไรนะครับ"
กฤตพนธ์ยิ้มให้อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ทำเอานันทนัชหมั่นไส้
"ฉันไม่อยากมานักหรอก หึ!"
นันทนัชกดรีโมตรถ กฤตพนธ์รีบเข้ามาเปิดประตูรถให้อย่างสุภาพบุรุษ
"ขับรถกลับดีๆนะครับ"

เธอค้อนๆ ก้าวขึ้นรถ เขาส่งยิ้มให้ เธอทำเฉยใส่ ขับรถออกไป

เรือนริษยา ตอนที่ 6 (ต่อ)

จังหวะนั้นกนกกรเดินมาพอดี นันทนัชขับรถสวนไป จะผ่านพ้นสายตากนกกรอยู่แล้ว
แต่กนกกรดันเหลือบไปเห็นด้านคนขับแวบๆ

"เอ๊ะนั่น! รถที่บ้านนี่ ชั้นจำได้"
ทำเอาภานุที่เดินตามหลังมาตกใจ ขณะที่กฤตพนธ์ได้ยิน หันมามอง แล้วอ่อนใจ
"ไม่ใช่หรอกครับ รถรุ่นนี้ภรรยานายพันในหน่วยผมใช้กันแทบทู๊กคน"
กนกกรค้อนภานุ กนกกรหันมาเห็นกฤตพนธ์ยืนอยู่ รีบเดินเข้ามาหา
"คุณกฤต! อยู่นี่เอง กิ๊บโทร.หาคุณตั้งหลายครั้ง ทำไม่รับสายกิ๊บคะ เอ๊ะ หรือว่า...เมื่อกี้ยัยนันมาหาคุณ...ใช่มั้ย"
"เอ่อ..."
เขาจะตอบ แต่มือถือภานุดังขึ้นเสียก่อน
"ฮัลโหล...ครับผม! ครับ จะรีบแจ้งให้ผู้พันธ์กฤตทราบเดี๋ยวนี้"
ภานุรีบวางสาย
"มีอะไร"
"หัวหน้าเรียกประชุมแผนด่วน พร้อมปฏิบัติการ รีบไปเหอะ ไม่มีเวลาคุยแล้ว"
ภานุได้ทีชวนกฤตพนธ์ชิ่งหนีกนกกร
"ขอโทษนะคุณกิ๊บ พอดีผมมีงานด่วน ไว้คุยกันวันหลังนะครับ"
กฤตพนธ์กับภานุรีบวิ่งกลับไปยังหน่วย
"อ้าว คุณกฤต! โธ่เอ้ย...แล้วหนมเค้กนี่ล่ะ อุตส่าห์ซื้อมาให้กิน อี้ย์...อย่ากินมันเลย"
กนกกรเขวี้ยงทิ้งแผละ แล้วก็นึกไปถึงรถคันที่เห็นขับผ่านไปอย่างระแวง ไม่แน่ใจ
"ต้องใช่นังนันแน่ๆ"
-
กฤตพนธ์เดินรีบร้อน ภานุหันไปมองด้านหลัง เห็นว่าปลอดภัยจึงดึงให้กฤตพนธ์หยุด
"เฮ้ย...หยุด หยุด"
"อ้าวไม่รีบไปประชุมเหรอ"
เขาหันไปถามภานุที่เดินตามเข้ามา
"ประชุมอะไร๊ ตะกี้ที่หน่วยโทร.มาบอกว่าให้ยกเลิกภาระกิจวันนี้ไปก่อน"
"เมื่อกี้โกหกหน้าตายเลยนะแก"
"อ้าว...ฉันช่วยแกชิ่งจากเด็กเก่านะเว้ย เพราะรู้สึกว่าแกจะมีใจให้เด็กใหม่มากกว่า"
กฤตพนธ์สุดจะทน จับล็อกคอเพื่อน
"ถ้าแกไม่เลิกพูดว่าเด็กเก่าเด็กใหม่กับฉัน ฉันจะหักคอแก"
"โอ้ยๆๆไอ้เนรคุณ อุตส่าห์ช่วย ไม่ขอบคุณสักคำ แกระวังเถอะ เด็กเก่าเอ้ย ... คุณกิ๊บจะหักคอคุณนัน ซักวันถ้ารู้ว่าคุณนันมาป้วนเปี้ยนกะแกบ่อย ๆ"
กฤตพนธ์นึกห่วงขึ้นมาทันที

ภายในร้านอาหาร ฤทัยปล่อยช้อนในมือร่วงเสียงดัง พร้อมกับมีท่าทางคลื่นไส้พะอืดพะอม
"คุณผู้หญิง เป็นอะไรครับ"
"รู้สึกคลื่นไส้ยังไงไม่รู้"
ไม้ยิ้ม คิดว่าเป็นแผนของฤทัย
"เพราะกับข้าวห่วย ๆ พวกนี้ใช่มั้ยครับ"
ฤทัยมีอาการคลื่นไส้จะอ้วกมากขึ้น
"ไม้ ...ฉันอยากจะอ้วกจริงๆนะ"
ไม้รีบลุกมา ทำเป็นลูบหลังให้
"ครับๆคุณผู้หญิง! เป็นมากขนาดนี้ กับข้าวมันต้องสกปรกแน่ๆเลย"
"โอ๊ย...ฉันปวดท้องด้วย ฉันเป็นอะไรเนี่ยะ"
ไม้ยิ้มร้าย หันไปโวยลั่นร้าน
"เฮ้ย! ทำอาหารกันยังไง! คุณผู้หญิงฉันกินเข้าไป เป็นแบบนี้เลยเห็นไม๊"
แฟนต้าตกใจ คนทั้งร้านก็พากันหันมามอง เธอรีบเดินเข้ามาที่โต๊ะ
"เอ่อ...เป็นอะไรคะคุณ"
"ถามได้...ฉันก็คลื่นไส้ ปวดท้องจะอ้วกน่ะซิ ทำอะไรมาให้ฉันกินเนี่ยะ อ้วก" ฤทัยทำท่าจะอ้วก
"ไม่เกี่ยวกับอาหารมังคะ คุณคงไม่สบาย"
"อย่ามาพูดมั่วๆนะ ตอนเข้ามาคุณผู้หญิงฉันยังสบายดีอยู่ พอกินกับข้าวใส่พวกนี้ ก็คลื่นไส้ปวดท้อง แม่ครัวต้องเอาของเน่าของเสียมาทำให้ลูกค้ากินแน่ๆ"
แฟนต้าอ้าปากค้าง หันไปมองที่ลูกค้าโต๊ะต่างๆที่ต่างพากันวางช้อน เลิกกินอย่างไม่มั่นใจไปด้วย
"ไม่นะคะ ร้านเราเลือกแต่ของสดๆวัตถุดิบอย่างดีมาทำอาหาร"
"หยุดพล่ามซะทีได้ไม๊ ฉันจะอ้วก! ไปตามแม่ครัวของเธอมา มันทำอะไรให้ฉันกิน มันจะฆ่าฉันหรือไง ไปตามมาเดี๋ยวนี้ ไปเซ่ ไม่งั้นฉันจะฟ้องปิดร้านนี้!"
-พนักงานเสิร์ฟวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในครัว
"น้าทิพย์ครับ...น้าทิพย์...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว"
ทิพย์หันมามอง สีหน้าไม่กลัวเพราะรู้อยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในมือทิพย์ถือดอกรำเพยติดกิ่งอยู่ในมือ ทิพย์หันกลับมาสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกรำเพย ก่อนจะใส่มันลงในกระเป๋าหน้าผ้ากันเปื้อน เดินผละไป
พื้นครัวตรงที่ทิพย์ยืนอยู่...เห็นเป็นยางสีขาวๆของกิ่งรำเพยหยดเลอะอยู่เป็นทาง

แฟนต้าพยายามจะดูแลฤทัย ที่ยังมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง หายใจหอบ เหงื่อแตก โดยชงชามาให้
"ดื่มชาร้อนๆ ก่อนค่ะ เผื่อจะดีขึ้น"
"ฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้น ฉันจะเอาเรื่องนังทิพย์ ไปเรียกมันมา"
ฤทัยปัดมือแฟนต้า จนแก้วชาตกแตกกระจาย แฟนต้าตกใจ
"คุณรู้จักน้าทิพย์ด้วยเหรอ"
"รู้จักซิค่ะคุณต้า รู้จักดีเลยล่ะ"
แฟนต้าหันไปมอง เห็นทิพย์เดินเข้ามา
"นี่แหละค่ะคุณฤทัย แม่เลี้ยงของคุณนัน"
แฟนต้าอ้าปากค้าง รู้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอพึมพำ
"แย่แล้ว...ร้านฉัน"
ไม่ทันขาดคำ ฤทัยก็แผลงฤทธิ์ด้วยการคว้าจานกับข้าวสาดใส่ทิพย์ทันที
"แกใส่อะไรให้ฉันกิน แกวางยาฉันใช่ไม๊ อีบ้า!"
แฟนต้าพยายามเข้าห้าม ขวาง
"หยุดนะคุณ! มีอะไรพูดจากันดีๆก็ได้ ทำไมต้องาทำอย่างงี้ อย่า หยุดนะ"
"คุณนั่นแหละหยุด"
ไม้เข้ามาดึงแขนแฟนต้าห้ามไว้
"คุณผู้หญิงของฉันจะสั่งสอนนังขี้ข้าเก่า คนอื่นอย่ายุ่ง ใครยุ่ง มีเรื่อง"
ไม้ชี้หน้าขู่ ทำให้เหล่าพนักงานไม่มีใครกล้าเข้ามา

ฤทัยลุกเดินเข้ามา ทิพย์ยืนตัวเลอะไปด้วยกับข้าว
"แกรู้ว่าฉันจะมาที่นี่ แกก็เลยวางแผนจะฆ่าฉัน"
"เหมือนกับที่คุณฆ่าคุณลิตรน่ะเหรอ หึ!ฉันไม่ทำหรอก"
"ชั้นไม่ได้ฆ่า!"
ฤทัยตบทิพย์จนหน้าหัน
"ว้าย!"
ฤทัยตามจิกหัวซ้ำ
"แกใช่ไม๊ที่ส่งข่าวคุณลิตรตายไปเสี้ยมนังนันให้กลับมา แกเสือกอะไร คิดจะล้างแค้นชั้นเหรอห่ะ อีไพร่"
ฤทัยตบทึ้งทิพย์ ทิพย์ทำเป็นสู้ไม่ได้ จนดูน่าสงสาร

แฟนต้าพยายามจะเข้าห้าม แต่ก็ถูกไม้ขวางไว้
"นี่หยุดนะ...อย่าทำอะไรน้าทิพย์นะ หลีกซี" แฟนต้าหันไปทางไทยมุงซึ่งเป็นเหล่าพนักงาน "นี่ก็ยืนเฉยกันอยู่ได้ ใครก็ได้โทร.แจ้งตำรวจทีซี"
พนักงานคนหนึ่งรีบผละไปที่เคาน์เตอร์กดโทรศัพท์โทร ไม้เห็นอย่างนั้นก็ตกใจ

"เฮ้ย...อย่านะเว้ย...อย่าโทร."

ฤทัยจิกทิพย์พูดใส่หน้า
"ชั้นเกลียดแก ไปให้ไกล ๆ เลยนะ อย่ามาอยู่ใกล้ๆวนเวียนเสนอหน้าให้ชั้นเห็นอีก"
"ฉันไม่ไป ที่นี่ไม่ใช่เรือนรัตนะที่แกจะมาไล่ฉันได้"
"แกคิดจะอยู่ลองดีกับขั้นใช่ไม๊"
ทิพย์ยิ้มยั่ว
"ก็เอาซี เกลียดฉันมาก ก็ฆ่าฉันเลย แต่ต่อไปนี้ฉันจะไม่หดหัวคอยหนีพวกแกอีกแล้ว หึๆๆ"
"อี...โอ๊ย"
ฤทัยปวดท้อง คลื่นไส้อย่างแรง
"ฉันว่ารีบกลับไปอ้วกแล้วก็เข้าห้องน้ำซะดีกว่านะ เดี่ยวจะเป็นหนัก!"
ทิพย์ผลักฤทัยผงะหงายออกไป
"ว้าย!"
"โอ๊ะ…คุณผู้หญิง!"
ไม้รีบเข้ามาประคองรับฤทัยไว้ทัน โกรธ ชี้หน้าทิพย์
"อีทิพย์! มึงทำคุณผู้หญิงของกูเหรอ"
ไม้จะเข้าไปเล่นงานทิพย์ แต่ฤทัยดึงไว้
"ช่างมัน! ปล่อยมันไปก่อน รีบพาพี่กลับบ้านเถอะพี่ไม่ไหวแล้ว"
"ครับๆ แล้วกูจะมาเอาคืน"
ไม้ชี้หน้าทิพย์ แล้วรีบประคองฤทัยออกจากร้านไป แฟนต้ารีบเข้ามาดูทิพย์
"น้าทิพย์ เจ็บตรงไหนบ้าง"
"น้าไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนักว่านี้ น้าก็เคยเจอมาแล้ว"
"ทำไมแม่เลี้ยงของนันเถื่อนขนาดนี้ ต้าไม่เห็นกะตา ไม่เชื่อนะเนี่ยะ"
"ที่คุณต้าเห็น ยังร้ายไม่ถึงครึ่งที่เค้าเคยทำกับน้าหรอกค่ะ"
"เหรอคะ! แล้วน้าไหวไม๊ ไปหาหมอเถอะ"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่ฟกช้ำดำเขียว ทายาไม่กี่วันก็หาย"
"นี่พวกเธอ...ช่วยพาน้าทิพย์ไปล้างตัวหน่อยไป" แฟนต้าสั่ง
"ไม่เป็นไรค่ะ น้าจัดการเองได้"
ทิพย์หันเดินกลับเข้าครัวไป ขณะที่พนักงานเริ่มมาเก็บกวาด แฟนต้ายืนมองพลางคิดกังวล ตัดสินใจกดโทร.หานันทนัช
"นัน! แกอยู่ไหนเนี่ยะ เกิดเรื่องขึ้นที่ร้านฉันน่ะซิ แม่เลี้ยงแกตามมา
อาละวาดตบตีน้าทิพย์ถึงที่ร้าน อย่างเถื่อน อย่างโหดเลยอ่ะ แม่เลี้ยงแกคนนี้ขึ้นมาจากนรกชัดๆเลย"

ฤทัยกับไม้กำลังจะเดินเข้าบ้าน
"โฮ่ย...ค่อยยังชั่วหน่อย ทั้งอ้วกทั้งถ่ายจนหมดพุงแล้วชั้น"
ไม้ทั้งยื่นยาดมให้ ทั้งพัดวีเอาใจสารพัด
"ตอนแรกผมนึกว่าพี่แกล้งทำ ยังนึกชมเลยว่าพี่แสดงได้เหมือนมากๆ"
"แกล้งทำอะไรล่ะ ไม่รู้มันใส่อะไรในกับข้าวให้พี่กิน คิดๆแล้วสยองไม่หาย"
"ก็คงจะเป็นสลอดน่ะครับพี่"
ฤทัยยกมือทาบอกอย่างโล่งอก
"ก็ยังดีเป็นแค่สลอด ถ้ามันบ้าใส่ยาเบื่อหนูขึ้นมา ป่านนี้พี่คงน้ำลายฟูมปากตายไปแล้ว ไม่น่าเสี่ยงไปกินกับข้าวมันเลยจริงจริ๊ง เจ็บใจนักไล่มันไม่ได้เพราะมีคนให้ท้ายมัน"
"ท่าทางมันไม่กลัวพี่ด้วย คงคิดว่าคุณนันจะคุ้มกะลาหัวมันได้"
ไม้ ฤทัยสะดุ้งเมื่อเห็นนันทนัชยืนรออยู่ เธอยืนกอดอกรออยู่ตรงประตูทางเข้าบ้าน เหมือนรอซ้ำ
"ใช่ ชั้นนี่ล่ะที่จะปกป้องน้าทิพย์ให้พ้นน้ำมือชั่ว ๆ อย่างพวกแก"
"นังนัน!"
"ได้ข่าวว่าอ้วกแตก อ้วกแตน เกือบจะเรี่ยราดเลยเหรอ โถ นี่ขนาดรองพื้นหนาเป็นนิ้ว ๆ ยังมองเห็นเลยว่าหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ฮ่ะ ๆ คงคิดว่าคนอื่นไม่สู้ละสินะ สมน้ำหน้า"
"หัวเราะเข้าไปเถอะ สักวันแกจะต้องเจอดี อีทิพย์นะมันโรคจิต แกรู้ไว้ซะด้วย"
ฤทัยจะเดินออก
"คุณนั่นแหล่ะโรคจิต น้าทิพย์เค้าก็อยู่ของเค้าดี ๆ ยังจะตามไปไล่กัดเค้ายังกะหมาบ้า ป่วยรึเปล่าไปหาหมอบ้าง ไป"
"แกสิหมาบ้า นั่นล่ะโรคจิต อีลูกพ่อไม่รัก มีแม่ก็จิตวิปริต"
คำนี้ราวกับถูกแทงเข้ากลางอก เธอเจ็บแปลบ
"อย่ามาว่าแม่ชั้นนะ"
"ก็หรือไม่จริง ชีวิตแกมันน่าสมเพขรู้ไม๊ แม่...แม่ก็ไม่อยากเลี้ยง ชิงฆ่าตัวตายไปซะอย่างงั้น พ่อ...ก็ไม่สนใจใยดี แล้วไง ขีวิตแกไม่เห็นจะเหลืออะไรเลย นอกจากอีกคนใช้เมียเก็บของพ่อแกคนเดียว ฮ่ะ ๆ"
"ปากสกปรก สิ่งที่แกคิดแกพูด มีแต่เรื่องชั่ว ๆ ทั้งนั้น ชั้นจะลากเธอเข้าคุกให้ได้"
"เออ...ชั้นจะคอยดู ว่าขั้นจะเข้าคุกก่อน หรือชีวิตแกจะวิบัติก่อนกัน"
ทั้ง 2 คนจ้องหน้ากันไม่มีใครยอมใคร

ศาลาในสวนข้างต้นรำเพย นันทนัชแอบมานั่งคิดอยู่คนเดียว ทั้งเครียดทั้งเศร้า ในมือถือดอกรำเพย
"แม่ ทำไมแม่ถึงฆ่าตัวตาย เพราะนันเหรอ"
ธีร์เดินเข้ามา เห็นน้ำตานันทนัชกำลังไหลอาบแก้ม
"นัน!"
"พี่ธีร์!"

รถกฤตพนธ์เข้ามาจอดหน้าตึก ศรีเดินออกมาเห็นพอดี
"สวัสดีค่ะคุณกฤต มาหาคุณกิ๊บเหรอคะ"
แม้ไม่ได้มาหากนกกร แต่ก็จำต้องตอบ
"เอ่อ...ครับ"
"คุณกิ๊บออกไปแต่เช้า ยังไม่กลับเลยค่ะ"
เขารู้สึกโล่งไปเลย
"งั้น...คุณนันล่ะครับ กลับมาหรือยัง"
"กลับมาแล้วค่ะ อยู่ที่ศาลาในสวน"
กฤตพนธ์ สีหน้าดีใจ เดินไปทันที ไม่ทันที่ศรีจะบอกว่ามีแขกมาหาอีกคน
"เอ่อเดี๋ยว...อุ้ย...ไม่ทันแล้ว คุณนันนี่เสน่ห์แรงจริงๆ"
ศรียิ้ม แอบอยู่ข้างนันทนัช

นันทนัชพยายามเช็ดน้ำตา ไม่ให้ธีร์เดินเข้ามาเห็น
"ต้าโทร.เล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว พี่เป็นห่วงนันมากนะ นี่พวกเค้าทำอะไรนันบอกพี่ซิ"
ธีร์จับไหล่ของเธอถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ นันก็แค่เจ็บใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้พวกเค้ารังแกอยู่ฝ่ายเดียว"
"แล้วนันจะอยู่ให้พวกเค้ารังแกทำไม ตัวคนเดียวจะไปสู้อะไรพวกเค้าได้ กลับอังกฤษกับพี่เถอะ...พี่พร้อมจะดูแลนันนะ"
นันทนัชส่ายหน้า น้ำตาเอ่อ กฤตพนธ์เดินเข้ามาเห็น ชะงักเท้า แอบมองอยู่ที่มุมไกล
"นันไปไม่ได้หรอกพี่ธีร์ แต่ที่นี่เป็นบ้านของนัน ถ้านันไป ก็เท่ากับ นันยอมแพ้ แล้วยิ่งถ้ายังจับคนฆ่าพ่อไม่ได้ นันจะอยู่อย่างมีความสุขได้ยังไงคะพี่ธีร์"
เธอสะอื้น ธีร์ดึงมากอดปลอบ
"ก็ได้ ถ้านันอยู่ พี่ก็จะคอยอยู่ใกล้ๆ ปกป้องนันเอง"

กฤตพนธ์อึ้ง ใจห่อเหี่ยว เจ็บแปลบๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเดินผละมาจากภาพนั้นอย่างช้าๆ ยิ้มขำตัวเอง เขากำลังรักนันทนัชเข้าแล้วจริงๆหรือนี่...
 
จบตอนที่ 6 


กำลังโหลดความคิดเห็น