เรือนริษยา ตอนที่ 8
แฟนต้าเดินออกมา ต้องชะงักตกใจ เมื่อเห็นธีร์กำลังยืนมองไปที่โต๊ะมุมไกลที่นันทนัชกับกฤตพนธ์นั่งคุยกันอยู่ เขาขบกรามจนสั่น มือกำหมัดเกร็งด้วยอารมณ์หึง และกำลังจะก้าวเดินไปหา แฟนต้าทำฟอร์ม รีบถลาเข้าไปดึงธีร์หลบเข้ามาอีกมุมทันที
"มาแล้วเหรอพี่ธีร์! มานี่เร็ว...ต้ากำลังคอยอยู่เลยนะเนี่ยะ ป่ะ...ไปคุยตรงนั้นกันดีกว่า" แฟนต้าพยายามเบี่ยงเบนให้ธีร์ไปคุยที่อื่น
"พี่ไม่คุยกับเรา พี่จะไปคุยกับนายกฤต"
ธีร์ดึงแขน ขืนตัวจะเดินกลับ แต่แฟนต้าดึงไว้ไม่ยอมปล่อย
"เดี๋ยว! จะไปคุยกับเค้าเรื่องอะไร"
"ก็ไปบอกให้เค้าอยู่ห่างๆนันไง อย่ามายุ่งกับนันของพี่ พี่รักพี่หวงของพี่"
ทิพย์เดินถือถาดใส่กับข้าวเดินผ่านมา หยุดแอบฟัง
"ฮู้ย! ฟังแล้วความดันจะตก ได้นันมันเคยตกลงเป็นแฟนกะคุณพี่ตอนไหนฮ้า"
ธีร์ชะงักไป จริงอย่างที่ต้าท้วง นันทนัชยังไม่เคยตกลงปลงใจอะไรกับเขาเลย
"โทษนะที่ต้องยิงตรง น้องกลัวคุณพี่จะหน้าแหกหมอไม่รับเย็บน่ะค่ะ นอกจากยังไม่ได้เป็นอะไรกับเค้า แถมอาจโดนนันโกรธว่าพี่ธีร์ไม่มีมารยาทด้วย"
ธีร์เริ่มมีสติ คิดได้
"แล้วพี่ต้องทำยังไง เค้าทำตัวสนิทสนมกับนันมากขึ้นทุกวัน"
ธีร์อึ้ง แฟนต้าพูดแล้วรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจตัวเอง
"ต้าก็ไม่รู้"
"อ้าว...แล้วมาห้ามทำไมไม่ให้เข้าไป แต่ไม่มีทางออกให้ ตกลงจะช่วยพี่หรือไม่ช่วย เอาไง"
แฟนต้าคิด
"แต่เท่าที่ทำมา พี่ธีร์ก็ดูดีในสายตาของนันแล้วนะ ถ้าพี่รักนันจริง ๆ ต้าแนะนำให้ดูแลแบบห่วง ๆ แต่ห่าง ๆ ต้าเชื่อว่าถ้าเรายืนยันที่จะรัก และหวังดีกับใครซักคน วันนึงเค้าอาจจะมองเห็นก็ได้"
ธีร์นิ่งคิด แฟนต้าแอบช้ำ
นันทนัชมองจ้องหน้ากฤตพนธ์อย่างไม่มั่นใจ…ราวกับอยากจะอ่านใจเขาให้ออก
"คุณว่าคุณเป็นห่วงฉันเหรอ ฮ่ะ ๆ"
"ผมพูดตลกตรงไหนเหรอ"
"ก็แอบงง...จู่ๆก็บอกเป็นห่วงทุกทีมองชั้นยังกับเป็นนางยักษ์"
กฤตพนธ์ยิ้ม
"ผมเคยบอกคุณเหรอว่าคุณเป็นนางยักษ์"
"ก็ไม่เคยแต่ตาคุณมันฟ้อง ตอนเจอในงานศพพ่อ ชั้นก็ไม่คิดว่าคุณจะเป็นมิตรกับชั้นเท่าไหร่หรอกนะ"
"ผมว่าคุณอคติมากกว่ามั้ง ผมน่ะไม่มีอะไรหรอก อาจตกใจนิดหน่อย เพราะไม่เคยเห็นใครเหวี่ยงขนาดนี้"
เธอหัวเราะ
"หมาเวลามันจนตรอกมันก็ต้องสู้ ถ้าไม่สู้มันก็จะโดนรุมกัดจนตาย"
"นี่ล่ะ ที่ทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงคุณ และอยากจะดูแลคุณอยู่ห่าง ๆ"
กฤตพนธ์พูดพลางมองเธอด้วยแววตาช่างอ่อนโยนจนเธออึ้งไปอีกครั้ง
ทิพย์เดินถือถาดอาหารเข้ามาหยุดมองอาการของทั้งคู่ ก่อนเดินยิ้มใจดีเข้ามาขัด!
"รอนานไหมคะคุณหนู กับข้าวเสร็จแล้วค่ะ"
ทั้งคู่ผละสายตาออกจากกัน
"ทำไมต้องออกมาเสิร์ฟเองด้วยคะ ให้เด็กมาเสิร์ฟก็ได้"
"ไม่เป็นไรคะ น้าอยากมาดูแลคุณหนูด้วยตัวเอง เหมือนเมื่อก่อนที่น้าเคยเลี้ยงดูคุณหนูมา"
ทิพย์วางจานกับข้าววางลงบนโต๊ะ กฤตพนธ์เห็นรอยบอบช้ำที่หน้าของทิพย์ ก็สงสัย
"ขอโทษนะครับ เอ่อ...หน้าคุณน้าไปโดนอะไรมาเหรอครับ"
"ฝีมือฤทัยแม่เลี้ยงฉันไงคะ พอรู้ว่าอยู่ที่นี่ ก็เลยตามมาอาละวาดร้านแทบแตก"
กฤตพนธ์ตะลึงงัน ทิพย์โอบกอดนันทนัชอย่างแสนรักมากมายให้เขาเห็น
"ไม่ต้องห่วงน้าหรอกค่ะคุณนัน ห่วงตัวเองเถอะค่ะ คุณฤทัยเป็นคนใจร้าย ต่อหน้าคนทั้งร้านมันยังกล้าทำกับน้าได้ แล้วลับหลังคุณหนูจะมั่นใจได้ยังไงว่ามันจะไม่ลงมือเล่นงานคุณหนู 3 แม่ลูกนั่นไม่มีทางปล่อยให้คุณหนูอยู่เกะกะขวางมรดกคุณลิตรแน่ มันต้องทำทุกอย่างที่จะให้คุณหนูไปให้พ้นทางของมัน"
นันทนัชหน้าเครียด กฤตพนธ์มอง...ทว่าไม่ได้เชื่อเสียทีเดียว แต่กำลังคิดตาม
ขณะเดียวกัน กนกกรขับรถเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์อัศวัติ เธอลงจากรถและมองไปที่คฤหาสน์ด้วยอารมณ์ราวนางเสือสาวที่ถูกแย่งคนรัก
"หึ นังนัน อย่าหวังเลยว่าแกจะได้ใกล้ชิดคุณกฤตอีกต่อไป"
กนกกรคว้าตะกร้าของเยี่ยม เดินตรงไปที่บ้านอย่างมีแผน นายธรรมพ่อบ้านเดินออกจากประตูมาดู
"สวัสดีครับคุณกิ๊บ"
"ฉันจะมาหาคุณลุงมานพ ท่านกลับมาจากต่างประเทศหรือยัง"
"ออ...เพิ่งกลับมาถึงเมื่อสักพักนี่เองครับ คุณกิ๊บมีธุระอ่า..."
ไม่ทันจะถามจบ กนกกรก็เดินฉับๆเข้าบ้านไปแล้ว
"อ้าวคุณกิ๊บ เดี๋ยวซีครับ"
นายธรรมถอนใจ รีบเดินตามเข้าบ้านไป
-
มานพกำลังนั่งดื่มชาพักผ่อนอยู่กับเสียงเพลงบรรเลงคลาสสิก เสียงกนกกรก็ดังขึ้น
"คุณลุงคะ สวัสดีค่ะ"
มานพชะงัก หันมา เห็นกนกกรเดินหิ้วตะกร้าปรี่เข้ามา โดยมีนายธรรมรีบเดินตามมาข้างหลัง
"อ้าวหนูกิ๊บ เป็นไง ไปไหนมาหนู"
กนกกรกิ๊บตั้งใจจะมาเยี่ยมคุณลุงนี่แหละค่ะ คุณแม่ฝากความคิดถึงมาด้วยนะคะ"
กนกกรพูดพลางยื่นตะกร้าของเยี่ยมให้ มานพรับ
"ขอบใจมาก นั่งซิหนูกิ๊บ ตามสบายนะ แล้วนี่รู้ได้ยังไงว่าลุงจะกลับมาวันนี้ เอ้...ลุงก็ไม่ได้บอกใครไว้นะ"
มานพถามพลางยื่นตะกร้าของเยี่ยมให้นายธรรมเก็บ นายธรรมส่ายหน้าบอกว่า...เขาไม่ได้บอกนะ
"กิ๊บไม่รู้หรอกค่ะ ลองเสี่ยงมาดู ร้อนใจ หวังว่าจะได้เจอกับคุณลุง เพราะว่ากิ๊บเป็นห่วงคุณกฤตมาก ต้องขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่ช่วยให้กิ๊บได้เจอกับคุณลุงวันนี้"
กนกกรตีหน้าร้อนใจ ห่วงใยแสดงบทบาทนางเอกผู้แสนดี
"ทำไมเหรอหนูกิ๊บ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนายกฤต"
"กิ๊ฟว่าคุณกฤตอาจกำลังโดนหลอกใช้อยู่นะคะ"
"ใคร?กล้ามาหลอกใช้หลานลุง"
"อุ้ย!" กนกกรแกล้งเอามือปิดปาก "คุณลุงไม่ทราบใช่มั้ยคะ"
มานพทำหน้างง
"ลูกสาวแท้ ๆ ของคุณพ่อลิตรค่ะ คุณลุงอาจไม่คุ้น เพราะถูกตัดหางปล่อยวัดไปนานแล้ว เห็นว่าส่งไปเรียนอังกฤษตั้งแต่เด็ก ๆ"
"ลูกสาวนายลิตรเหรอ"
"ค่ะ...กิ๊บว่าเค้าดูไม่ค่อยรักพ่อเค้าเท่าไหร่เลยนะคะ ตั้งแต่กิ๊บอยู่ในเรือนรัตนะ กิ๊บไม่เคยเห็นเค้าดูดำดูดีพ่อเค้าเลย พอพ่อเสีย เค้าก็รีบบินกลับมา สร้างเรื่องใส่ร้ายว่าแม่กิ๊บเป็นฆาตกรฆ่าพ่อลิตร คุณกฤตก็ไม่รู้โดนของหรือเปล่า อยู่ ๆ ก็ตามไปดูแลเค้าจนเสียงานเสียการ ช่วงนี้ตัวติดกันอย่างกับเป็นบอดี้การ์ด"
กนกกรทำเป็นถอนใจ
"เฮ้อ!...กิ๊บละเพลียจริง ๆ เลยค่ะคุณลุง"
-
นันทนัชนั่งยิ้ม...มองทิพย์ตักกับข้าวใส่จานให้อย่างมีความสุข
"ทานเยอะๆนะคะ จะได้มีแรง ไว้สู้กับพวกนั้น จะมาล้มป่วยเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาดนะคะ"
กฤตพนธ์ฟังแล้วแอบกังวล
"ค่า นันจะฟิตตัวเองให้ดีที่สุด สู้ๆค่ะ"
"สู้ๆ ค่ะ น้าไปทำงานก่อนนะคะ"
กฤตพนธ์ส่งยิ้มให้ทิพย์น้อยๆ ทิพย์ส่งยิ้มตอบก่อนหันเดินผละไป นันทนัชยิ้มขำ
"ขำอะไรไม่ทราบ"
"ขำที่คุณคุยกันน่ะซิ เหมือนกำลังออกรบทำสงครามอะไรกันอยู่"
"ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ต่อไปนี้ชั้นจะทำสงครามกับพวกนั้นด้วยมือเล็ก ๆ ของชั้นนี่แหล่ะ"
เธอกำหมัดขวาขึ้นมาทำเข้มใส่หน้าเขา กฤตพนธ์เลยคว้าข้อมือเล็กๆนั้นมากุมไว้
"ฮี้ย! ทำอะไรอ่ะ! อย่ามาแตะอั๋งชั้นนะ"
กฤตพนธ์มองยิ้ม แววตากรุ้มกริ่มปนท้าทาย เธอไม่ยอมแพ้ พยายามดึงมือกลับ แต่สู้แรงเขาไม่ได้เลย ดึงมือไม่หลุด นันทนัชกัดปาดถลึงตาขู่ใส่กฤตพนธ์ แต่เขากลับทำหน้าชื่นตาบานใส่
"เห็นมั้ยว่ามือเล็กๆของคุณ มันไม่มีพิษสงอะไรเลย ชั่วแว๊บเดียวที่คุณประมาท แค่ผมจับมันไว้ คุณก็ไม่มีแรงต่อสู้ดิ้นรนให้พ้นมือผมเลย แล้วยังงี้คุณจะเอาตัวรอดไหวเหรอ"
ตอนนั้น ธีร์เข้ามาจับข้อมือของนันทนัชไว้อีกคน
"ผมนี่ไง! ผมจะช่วยนันให้รอดพ้นจากมือผู้ไม่หวังดีเอง"
ธีร์จ้องประสานตากับกฤตพนธ์...ประกาศความเป็นศัตรูหัวใจกัน
แฟนต้าแอบยืนมองลุ้นอยู่ไม่ไกล
"เย็นไว้นะพ่อนายแบบ"
ทั้ง 2 หนุ่มต่างก็จับมือเธอไว้แน่น เธอเลยยื่นมืออีกข้างไปแกว่งตรงกลางระหว่างหน้าของทั้งคู่
"ฮัลโล่! เป็นอะไรกัน มายืนจ้องหน้ามองตากันแบบนี้ จิ้นกันเหรอ นี่...ปล่อยมือฉันก่อน แล้วค่อยไปปิ๊งกันต่อ"
ทั้งคู่ต่างร้อง
"เฮ้ย!"
ได้ผล...ทั้งคู่รีบปล่อยมือจากข้อมือ วงแตก นันทนัชหัวเราะขำ
"ฮ่ะๆๆพูดแค่นี้ ต้องตกใจด้วย ผู้ชายสมัยนี้ ไว้ใจไม่ได้จริงๆ"
"อย่าพูดหยั่งงี้นะ พี่ไม่ใช่ตุ๊ด พี่ชอบผู้หญิง ชอบคนไหนก็ชอบคนนั้นไม่เคยเปลี่ยนใจ"
ธีร์พูดพลางล้วงกล่องนาฬิกาขึ้นมายื่นต่อหน้าเธอเป็นการบอกนัยๆ กฤตพนธ์อึ้ง เสียหน้าที่ธีร์มาไม้นี้
"กล่องอะไรคะพี่ธีร์"
ธีร์เปิดกล่องออก เป็นนาฬิกาแบบผู้หญิงราคาเหยียบแสน นันทนัชมองอย่างถูกใจ
"เงินก้อนแรก จากจ๊อบแรกของพี่ค่ะ หวังว่าคงถูกใจนัน"
"มามาทำไมคะ ไม่เหนื่อยเหรอคะทำงานฟรี"
"เพื่อเป็นการยืนยันไงครับ ว่าพี่ยังชอบผู้หญิงอยู่"
ธีร์จับข้อมือเธอขึ้นมาสวมนาฬิกาให้ เขาจงใจทำต่อหน้ากฤตพนธ์ นันทนัชถอนใจ ยิ้มน้อย ๆ กับความน่าเอ็นดูของธีร์ แต่แอบส่ายหัวที่ธีร์ทำตัวเหมือนเด็ก ๆ
แฟนต้ามองแล้ว...ซึมไปเลย
กฤตพนธ์ยิ้มๆ แอบคิด
"เล่นแบบนี้ ทีใครทีมันก็แล้วกัน"
เสียงมือถือกฤตพนธ์ดังขึ้น กฤตพนธ์ดูเบอร์ เห็นเป็นรูปมานพ ก็ลุกผละมาจากโต๊ะ
"ฮัลโหลครับคุณลุง กลับมาแล้วเหรอครับ"
-
มานพยืนพูดมือถือด้วยท่าทางเครียด โดยมีกนกกรนั่งอยู่ ส่วนนายธรรมกำลังเสิร์ฟเครื่องดื่มให้
"เพิ่งกลับมาถึงนี่แหละ แล้วตอนนี้หลานอยู่ที่ไหน ทำงานอยู่ที่หน่วยหรือเปล่า"
"เอ่อ...ปล่าวครับ ผมออกมาคุยธุระข้างนอกกับเพื่อนน่ะครับ"
"ธุระ เพื่อนที่หน่วยเหรอ"
"ไม่ใช่ครับ"
มานพคิด เป็นอย่างที่กนกกรบอกจริงๆ กฤตพนธ์ทิ้งงานออกไปกับนันทนัช
"ลุงมีเรื่องจะคุย รีบกลับมาหน่อยนะ"
กนกกรนั่งยิ้มอย่างสะใจ ขณะที่กฤตพนธ์แปลกใจกับน้ำเสียงของมานพ
"คุยเรื่องอะไรเหรอครับ"
"กลับมาคุยกันที่บ้าน ลุงจะรอทานข้าวเย็นด้วย รีบมาเลยนะ"
นันทนัชกำลังนั่งมองนาฬิกาข้อมือ ธีร์นั่งมองมาที่เขาราวกับยกนี้เขาเป็นผู้ชนะ
กฤตพนธ์เดินกลับไปบอกกับเธอที่โต๊ะ
"ผมต้องกลับก่อนล่ะครับ"
"อ้าว จะรีบกลับไปไหนคะ คุณยังไม่ได้ทานข้าวเลย"
"พอดีว่าผมมีธุระด่วนที่บ้านน่ะครับ แค่วันนี้คุณตั้งใจพาผมมาเลี้ยงข้าว ผมก็อิ่มจนทานอะไรไม่ลงแล้วล่ะครับ ไว้โอกาสหน้า ให้ผมเลี้ยงคืนคุณบ้าง ผมไปก่อนนะครับ"
"ค่ะ"
"ผมกลับก่อนนะครับคุณธีร์ ฝากทานแทนผมด้วยนะครับ หึๆ"
กฤตพนธ์เดินหัวเราะหึๆผละไป ทิ้งความเจ็บใจให้ธีร์ ธีร์ลุกเดินไป
"อ้าว จะไปไหนอีกคนล่ะ ช่วยกันหน่อยซี กับข้าวเยอะแยะเลย"
"นันทานไปก่อน พี่เอ่อ...ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมาจ้ะ"
ธีร์รีบเดินผละไป เธอหันไปเห็นแฟนต้า แม้เธอจะรู้สึกดีที่ธีร์ตั้งใจซื้อให้ แต่ก็กังวลใจกับความหวังที่ธีร์มีในตัวเธอ แฟนต้าหันยืนพิงเสา สีหน้าทำใจ
กฤตพนธ์เดินมาที่มุมระเบียงหน้าร้าน ธีร์เดินตามมาข้างหลัง
"เดี๋ยวครับ"
กฤตพนธ์หยุด หันไปมอง ธีร์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเข้มๆเหมือนจะมาเอาเรื่อง
"มีอะไรครับคุณธีร์"
"ผมยังไม่ได้ขอบคุณอย่างเป็นทางการเลย ที่คุณช่วยนันเอาไว้"
กฤตพนธ์ก้มลงมอง เห็นธีร์ยื่นมือมาให้ กฤตพนธ์ยื่นมือไปจับ
"ยินดีครับที่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เราได้รู้จักกัน"
"แต่ผมไม่ยินดี"
กฤตพนธ์ชะงักยิ้ม
"ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นกับนันเลย ไม่อยากให้ชีวิตของนันต้องมาเกี่ยวข้องกับพวกคุณ"
"พวกผม! หึๆๆ พวกไหนเหรอครับ"
ธีร์หัวเราะสวนบ้าง
"หึๆๆ ผมยังต้องบอกอีกเหรอ คุณน่าจะรู้นะ"
ธีร์ดึงมือกลับมายืนล้วงกระเป๋าเผชิญหน้ากฤตพนธ์ ขณะที่กฤตพนธ์รับมืออย่างใจเย็น
"ถ้าคุณหมายถึงพวกคุณฤทัยล่ะก็ ผมอยากให้คุณเข้าใจเสียใหม่ ผมไม่เคยเป็นพวกใคร ผมเป็นตัวของผมเอง และผมมีสิทธิ์ที่จะรู้จักกับใครก็ได้ ไม่ว่าเค้าจะดีหรือเลวในสายตาของคุณ"
"เชิญเลยครับ ผมไม่สนว่าคุณจะรู้จักกับใคร ยกเว้นรู้จักกับนัน" แล้วธีร์ก็ส่งสายตากร้าว "อย่ามายุ่งกับเธอ"
"ผมไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งหรอกนะครับ แต่มันจำเป็น เพราะชีวิตคุณนันตกอยู่ในอันตราย"
ธีร์สวนทันที
"พอเหอะ! ไม่ต้องมาอ้างเหตุผลห่วยๆ ก็รู้ดีกันอยู่แล้วว่าใครที่ปองร้ายนัน แต่ผมนี่แหละ...ผมจะดูแลนันเอง เข้าใจไม๊"
ธีร์หันเดินกลับเข้าร้านไป
"หึ...มันไม่ง่าย เหมือนกันเหลือบริ้นไรไม่ให้กัดเนื้อสาวหรอก พ่อนายแบบ"
กฤตพนธ์ยืนถอนใจเพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ ธีร์ไม่มีทางรับมือได้คนเดียว
รณฤทธิ์กำลังใช้เท้าถีบยันห้องนอนนันทนัชดัง ปังๆๆ ศรีได้ยินเสียงก็วิ่งขึ้นบันไดมาดู เห็นรณฤทธิ์กำลังพังประตู พยายามจะเข้าไปในห้องนอนนันทนัชให้ได้ ก็ตกใจ
ศรีรีบเดินเข้ามาหาเดือนที่ยืนดูอย่างสะใจอยู่
"คุณฤทธิ์จะทำอะไรน่ะพี่เดือน"
"เดี๋ยวจิ้มตาแหก ก็กำลังจะพังห้องคุณนันเข้าไปน่ะซิ เข้าไปได้ล่ะ แกเอ้ย
ม่วนหลายเด้อ ฮิๆ"
"แล้วยืนดูอยู่ได้ ทำไมไม่ไปห้ามล่ะ เดี๋ยวคุณนันกลับมาได้บ้านแตก"
"แตกก็ช่างหัวซิ หรือแกอยากตายก็เข้าไปห้ามเองซี ไปดิๆอีโง่"
เดือนผลักหัวศรีเข้าไป แต่ศรีก็ไม่กล้า หันจะวิ่งกลับไป
"ไม่ต้องไปตามหรอกอีศรี คุณผู้หญิงไม่อยู่ ออกไปธุระกับพี่ไม้"
ตอนนั้นเองที่รณฤทธิ์ถีบประตูเปิดออกได้ ก็รีบเข้าห้องไปทันที
"เอาละเว้ย...เปิดได้แล้ว ตามไปดูกันเร็ว นังศรี"
เดือนลากแขนศรี ไปแอบยืนดูที่นอกประตูห้อง
รณฤทธิ์กำลังรื้อของของภายในห้องจนกระจุยอย่างโกรธจัด
"อี้ย์! อีมารคอหอย มึงกระแดะกลับมาทำไม อยู่ที่เมืองนอกก็ดีอยู่แล้ว ทำให้กูลำบาก ไม่ได้มรดกซะที"
รณฤทธิ์กวาดข้าวของบนโต๊ะข้างเตียง ตกแตกกระจาย
"คอยดูนะ! ถ้ากูไม่ได้สมบัติของพ่อลิตร อย่าหวังว่ามึงจะได้อะไรไปเลย ถ้ากูไม่ได้ มึงก็ต้องไม่ได้ กูจะตามจองล้างจองผลาญมึงจนถึงที่สุด ไม่ให้มึงอยู่ในเรือนรัตนะอย่างมีความสุขคนเดียวหรอกเว้ย"
รณฤทธิ์ยกขากระทืบไปที่กองหนังสือข้าวของที่ตกกับพื้น เหยียบบี้ขยี้ แล้วรณฤทธิ์ก็เห็นรูปถ่ายเก่าๆรูปหนึ่งโผล่ออกมาจากหนังสือ รณฤทธิ์หยิบมันขึ้นมาดู เป็นรูปของรำเพยสมัยยังสาว
"รูปใครวะ"
รณฤทธิ์ผลิกดูหลังรูป เห็นลายมือสมัยตั้งแต่เด็กๆของนันทนัชเขียนไว้ว่า “แม่รำเพย”
"แม่รำรำเพย...อ๋อ...นี่น่ะเหรอแม่ที่ฆ่าตัวตายของนังนัน ฆ่าตัวตายคนเดียวทำไมวะ ไม่เอานังนันไปลงนรกด้วยล่ะ ปล่อยให้อยู่เป็นก้างขวางคอคนอื่นเค้าอยู่ได้ อี้ย์!"
รณฤทธิ์ฉีกรูปแล้วปาทิ้งลงกับพื้น เขาหันรีหันขวาง กระชากโน่นถีบนี่ แล้วหันมาเห็นเดือนกับศรีผลุบๆโผล่ๆแอบดูอยู่ที่ประตู
"นังเดือน"
"ว้าย! ซวยแล้ว"
เดือนกับศรีรีบผลุบหลบหันเดินย่องจะผละไป
"หูแตกหรือไงอีเดือน! ได้ยินที่ฉันเรียกไม๊"
"เย้ย! ดะๆๆได้ยินค่ะ"
เดือนหยุดกึก ศรีจะไป เดือนยึดไว้ให้อยู่เป็นเพื่อน
"แกเข้ามานี่...เข้ามาเซ่"
"ค่ะ..ค่ะ..ค่า! แกจะทิ้งฉันไปไหนอีศรี เข้าไปด้วยกัน ไป"
เดือนดึงศรีเข้าไปในห้องด้วย
"คะ...คุณรณเรียกเดือนทำไมคะ"
"แก 2 คนไปรื้อเสื้อผ้านังนันออกมาจากตู้ให้หมด ฉันจะเอาไปทิ้ง"
ศรีอ้าปากค้าง แต่เดือนยิ้มอย่างสนุก
"ฮิๆ รับแซ่บค่ะคุณรณ! อ้าวนังศรี คุณรณสั่งไม่ได้ยินหรือไง ไปเซ่"
เดือนผลักศรีไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วเดือนก็ทำหน้าที่เปิดตู้กระชากเสื้อผ้านันทนัชที่แขวนอยู่ในตู้ออกมา ศรียืนทำอะไรไม่ถูก
รณฤทธิ์บอก
"ยืนอยู่ทำไมนังศรี กระเป๋านั่น ยัดไปเร็วๆซีเว้ย"
รณฤทธิ์พูดพลางเตะหมอนกระเด็นมาใส่
"ว้าย! ยะๆยัดแล้วค่ะ"
ศรีจำเป็นต้องยัดเสื้อผ้านันทนัชลงกระเป๋าเดินทาง ขณะที่เดือนกระชากเสื้อผ้าในตู้ออกมาอย่างไม่ยั้งมือ
"หึๆๆดูดิ จะทนอยู่ในบ้านนี้ได้สักกี่น้ำ นังคุณหนูกำพร้า อิๆๆ" เดือนว่า
เรือนริษยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
เสื้อผ้าข้าวของนันทนัชถูกรณฤทธิ์ โยนลอยละลิ่วลงมาจากระเบียงห้อง...สู่สวนเบื้องล่าง พร้อมเสียงหัวเราะร้ายๆของรณฤทธิ์ โดยมีเดือนคอยช่วยโยน หัวเราะเอาใจเจ้านาย ศรียืนมองอยู่ข้างหลัง ส่ายหน้าพึมพำนึกสงสารนันทนัช
"โธ่คุณนัน...น่าสงสารจริงๆ เจอฤทธิ์คุณนางฤทัยไม่พอ ยังมาเจออันธพาลครองเมืองอย่างคุณรณอีก เหลือคุณกิ๊บอีกคน ก็ไม่รู้จะแผลงฤทธิ์อะไรใส่อีกรึปล่าว"
กนกกรมองอย่างดีใจเมื่อเห็นกฤตพนธ์เดินเข้าบ้านมา
"คุณกฤตกลับมาแล้วค่ะ"
มานพหันไปมอง ขณะที่กฤตพนธ์ถึงบางอ้อทันทีว่า ทำไมถึงถูกตามตัวกลับบ้าน
"มานานแล้วเหรอครับคุณกิ๊บ"
"เอ่อ...ก็ไม่นานหรอกค่ะ"
"แต่ผมว่า คงสักพักใหญ่แล้วมังครับ เพราะดูเหมือนว่า..." เขามองไปที่แก้วในมือมานพ "คุณลุงจะคุยจนคอแห้งแล้ว"
กนกกรฝืนยิ้มเจื่อนๆ มานพหัวเราะในคอ ลุกขึ้นยืนโอบกอดหลานรัก บ่งบอกว่ารักหลานคนนี้มากเหลือเกิน
"หึๆๆ เป็นไงไอ้หลานรัก พักนี้ลุงมัวเดินสายหาทุนให้มูลนิธิ เราเลยไม่ค่อยมีเวลาเจอหน้าเสวนากัน ได้ข่าวว่าพักนี้เนื้อหอมเหรอ มีสาวเข้ามาตีสนิท"
กฤตพนธ์แอบเหล่มองไปที่กนกกรด้วยหางตา ขณะที่เธอทำเป็นนั่งดูมือถือ ไม่รู้ไม่ชี้
"เนื้อหอมอะไรกันครับคุณลุง ไม่มีหรอกครับ ใครจะเข้ามาตีสนิทผม"
"แล้วผู้หญิงที่ชื่อนันทนัชนั่นล่ะ อย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก"
"อ๋อ คุณนันน่ะเหรอครับ ปล่าว! เค้าไม่ได้เข้ามาตีสนิทกับผมเลย พอดีเค้ามีเรื่อง แล้วเผอิญผมไปช่วยเค้าเอาไว้ เราก็เลยได้รู้จักกัน เอ้...แหล่งข่าวคุณลุงไม่ได้เล่าให้ฟังละเอียดเหรอครับ"
กฤตพนธ์เหล่มองกนกกรอีกรอบ แต่นายธรรมเดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
"ประทานโทษครับ โต๊ะอาหารเย็นจัดเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญได้เลยครับ"
"เชิญหนูกิ๊บที่โต๊ะอาหารก่อนนะ ลุงขอคุยธุระกับเจ้ากฤตหน่อย เดี๋ยวตามไป"
"ค่ะ ไม่เป็นไร กิ๊บยังไม่หิว"
มานพเดินตามออกไป กฤตพนธ์เดินตาม กนกกรเผลอหัวเราะสะใจออกมา พ่อบ้านมอง กนกกรรีบเก็บอาการ
"ขอตัวไปล้างไม้ล้างมือก่อนทานข้าวก่อนนะ คุณแม่สอนเอาไว้"
"เชิญครับ"
กนกกรลุกเดินเชิดไป
มุมพักผ่อนสวยๆ ภายในคฤหาสน์อัศวัติ ยามเย็น มานพนั่งลงพูดกับกฤตพนธ์อย่างไม่อ้อมค้อม
"หนูกิ๊บน่ะเป็นห่วงกฤตมากรู้ไม๊ กลัวจะถูกแม่นันทนัชอะไรนั่นหลอกใช้"
"โธ่คุณลุงครับ...หน้าตาผมมันหลอกง่ายขนาดนั้นเหรอครับ"
"มันก็ไม่แน่ ผู้ชายที่ฉลาดๆ แพ้ทางผู้หญิงเจ้าเล่ห์มานักต่อนักแล้ว"
"แต่คุณนันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างงั้นแน่นอนครับ"
"อะไรที่ทำให้หลานเชื่อใจเค้า"
"งั้นคุณลุงคิดว่า มีเหตุผลอะไร ที่ผมไม่ควรไว้ใจผู้หญิงคนนี้ครับ"
"ตัวเองเป็นลูกสาวแท้ ๆ แต่อายัดศพพ่อไม่ให้ทำพิธีเผาให้ถูกต้องตามพิธีทางศาสนา เพื่อเอาไว้เป็นเครื่องมือต่อรองในการที่จะขอแบ่งมรดกจากแม่เลี้ยงของตัวเอง แบบนี้จะไหวเหรอกฤต"
กฤตพนธ์อึ้งไปเลย
นันทนันนั่งทานข้าวกับแฟนต้าและธีร์ แต่ดูเหมือนเธอจะกินไม่ลง สีหน้าเศร้า
"เมื่อไหร่ผลการชันสูตรศพพ่อจะออกซะที ฉันอยากทำพิธีเผาศพเพื่อส่งวิญญาณของคุณพ่อไปสู่สุขคติซะที"
"นั่นน่ะซิพี่ธีร์ เมื่อไหร่ล่ะห่ะ ช่วยเร่งลุงสันต์ให้หน่อยได้มั้ย" แฟนต้าบอก
แต่ดูเหมือนธีร์จะไม่ได้ฟังเพราะมัวแต่คิดจะหาวิธีพูดกับนันทนัชเรื่องกฤตพนธ์อยู่
"พี่ธีร์"
ธีร์ยังคงเขี่ยข้าวในจานคิด ไม่ได้ยิน แฟนต้าเลยคว้าต้นหอม ใช้ตรงหัวโขกเบาๆไปที่ดั้งธีร์
" พี่ธีร์"
ธีร์สะดุ้ง
"ห่ะ...หา"
"โฮ่ว... ไม่ฟังกันเลยอ่ะ มัวคิดอะไรอยู่ห่ะ"
ธีร์ตัดสินใจวางช้อน โพล่งพูดกับนันทนัชอย่างจริงจัง
"พี่ทนไม่ได้ ที่เห็นนันสนิทสนมกับนายกฤต"
นันทนัช ชะงัก ขณะที่กำลังตักข้าวเข้าปาก ขณะที่ต้นหอมร่วงจากมือแฟนต้า
"ถามจริงๆเถอะ นันกับนายกฤตแค่รู้จักกันธรรมดาๆ หรือว่ามีอะไรมากกว่านั้น"
"ชิ้ว หึงเบาๆดิพี่ธีร์ ได้ยินกันทั้งร้านแล้ว"
"ใช่พี่หึง พี่หวง พี่ห่วงนัน ตอบพี่มาสิ นันกับนายกฤตน่ะมีเอ่อ..."
"เราไม่มีอะไรกันคะพี่ธีร์! นันเห็นว่าเค้าเคยช่วยชีวิตนันเอาไว้ แล้วก็เค้าก็เป็นทหาร นันก็เลยไปเรียนยิงปืนกับเค้า"
"อะไรนะ! นี่ไปเรียนยิงปืนกันด้วยเหรอ"
"ค่ะ เรียนไว้เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ไว้ป้องกันตัว"
ธีร์รีบคว้ามือนันทนัชมากุมไว้ ต่อหน้าต่อตาแฟนต้าที่นั่งมองอยู่ตรงกลาง
"ออกมาอยู่ข้างนอกเถอะนัน ถ้าไม่อยากกลับอังกฤษ ไปหาคอนโดอยู่ที่ไหนก็ได้ พี่จะดูแลนันเอง"
"เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนะคะพี่ธีร์ ไม่ว่ายังไงนันก็ไม่เปลี่ยนใจ นันต้องการคำตอบเพื่อทวงความยุติธรรมให้พ่อ ถ้าจะต้องต่อสู้จนตัวตาย นันก็จะยอม"
มานพพูดกับหลานชาย
"คุณฤทัยน่ะเหรอฆ่าคุณลิตร! หึๆถ้าเป็นอย่างงั้นจริงๆ ป่านนี้ตำรวจจับคุณฤทัยติดคุกไปนานแล้ว คนตายทั้งคนนะกฤต ไม่ใช่ผักใช่หญ้า กฤตก็ทำงานด้านนี้ น่าจะรู้ดี คนถูกฆาตกรรม ยังไงก็ต้องมีหลักฐาน"
"แต่มันมีเงื่อนงำนะครับลุง พอคุณนันกลับมาจากเมืองนอกเพื่ออายัติศพพ่อ คุณนันก็ถูกคนร้ายดักฆ่าระหว่างทางที่กลับจากวัด"
มานพตกใจไม่น้อยที่ได้ยินอย่างนั้น...
"โชคดีที่ผมผ่านไปเจอเข้า ก็เลยช่วยเค้าเอาไว้ทัน"
ภาพนั้นยังกระจ่างชัด เขาโอบรอบเอวบางๆของนันทนัช ถลึงตัว ว่ายพาเธอ ขึ้นสู่เหนือน้ำ ตามด้วยการปั้มหัวใจ ก้มลงประกบปากช่วยผายปอดให้
เมื่อนึกย้อนกลับไปในวันนั้น เขารู้สึกประทับใจ
"มันเหมือนกับว่า พรหมลิขิตชักนำให้ผมมาช่วยเค้าไว้"
"พรหมลิขิตอะไร หึ มันคราวเคราะห์ของหลานมากกว่า ที่ต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องของคนอื่น"
"แต่ถ้าคุณลุงเป็นผม ไปเจอแบบนั้น คุณลุงไม่คิดจะช่วยเหรอครับ"
มานพชะงักไป
"แล้วตำรวจจับคนร้ายได้หรือยัง"
"ยังเลยครับ คุณนันสงสัยว่าจะเป็นฝีมือของคุณฤทัยส่งคนมาเก็บเธอ"
"โฮ่ย...ไปกันใหญ่! ในเมื่อจับคนร้ายไม่ได้ หลักฐานก็ไม่มี จะมาเที่ยวโยนความผิดให้คนอื่นได้ยังไง ลุงไม่ชอบเลยใส่ร้ายกันแบบนี้"
กนกกรแอบย่องมาแอบฟังอยู่ที่ผนังนอกห้อง...ยิ้มสะใจ
"ใครจะไปรู้ ลูกสาวของคุณลิตรคนนี้ อาจจะไปสร้างเรื่องสร้างราวกับใครไว้ก็ได้ เค้าก็เลยมาเอาคืน เห็นว่าเป็นเด็กมีปัญหามาก จนคุณลิตรเองยังเอาไม่อยู่ ต้องตัดหางปล่อยวัดส่งไปเรียนอังกฤษเลยไม่ใช่เหรอ"
"ผมก็ไม่ทราบครับว่าเค้ามีปัญหาอะไรภายในครอบครัว แต่เท่าที่รู้จัก เธอเป็นคนตรงๆ อาจดูเหมือนก้าวร้าว แต่ผมว่าพอเธอเหลือตัวคนเดียว เธอเลยต้องสู้มากกว่าครับ"
"แต่ลุงไม่ปลื้ม"
มานพหันมาบอก กฤตพนธ์ยิ้มขำ พยายามอธิบาย
"คุณลุงยังไม่เคยรู้จักเค้าเลยนะครับ"
"อย่าลืมซิกฤต หลานเป็นทายาทคนเดียวของอัศวัติ ลุงในฐานะที่เหมือนทั้งพ่อและแม่ของหลาน จำเป็นต้องระวังเรื่องผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของหลาน ถ้าไม่มั่นใจ ลุงก็ไม่ยอมเสี่ยงให้หลานคบด้วย"
กฤตพนธ์เถียงไม่ออก ได้แต่ถอนใจ กนกกรทำเป็นเดินเข้ามาสวยๆไม่รู้ไม่ชี้
"หิวกันหรือยังคะ กิ๊บพร้อมแล้วค่ะ"
"เอ๊าไปๆ ไปทานข้าวกัน นานๆ...เรา 2 คนจะมีสาวสวยน่ารักมาร่วมโต๊ะด้วยสักครั้ง วันนี้คงจะเจริญอาหารกันน่าดู"
"แหม คุณลุงก็ชมกิ๊บซะเขินเชียว... เดินระวังๆนะคะ"
กนกกรทำเป็นเดินเกาะแขนเอาใจมานพไป ยิ่งมานพห้าม ยิ่งทำให้กฤตพนธ์รู้สึกเห็นใจนันทนัทมากขึ้น ก่อนจะเดินตามไป
ธีร์กับแฟนต้าเดินออกมารอนันทนัชอยู่หน้าร้าน
"เรื่องน้าทิพย์จะเอายังไงต่ออ่ะพี่ธีร์"
"เราก็ต้องสืบต่อซี ว่าเวลาที่ไม่ได้นอนค้างที่ร้าน น้าเค้าไปนอนที่ไหน ที่บอกว่าไปค้างบ้านญาติน่ะ ญาติคนไหน ทำไมอยู่ๆก็มีญาติคนนั้นโผล่ขึ้นมา ทั้งๆที่บอกว่าไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว"
แฟนต้าพยักหน้า
"งั้นพี่ตามไปส่งยัยนันถึงบ้านแล้ว รีบกลับมานะ"
"อืม...พี่จะรีบกลับมา"
แฟนต้าดีใจ ทำเฉไฉ
"เอ่อ...ยัยนันไปร่ำลาน้าทิพย์ถึงไหนเนี่ยะ ไปซะนาน"
"ต้า!"
แฟนต้าชะงัก ที่อยู่ๆธีร์ก็ยื่นมือมาจับแขน
"เอ่อ...อะ...อะไรเหรอพี่ธีร์"
"ต้าว่านันเค้าจะเข้าใจไม๊ ที่พี่พูดเรื่องนายกฤตกับเค้าออกไปแบบนั้น"
"อู๊ย ไม่เข้าใจก็บ้าแล้ว พี่ออกจะพูดชัดมาก ว่าหึงและหวงยัยนัน"
"นันคงไม่เลิกติดต่อกับนายกฤตแน่ ถึงกับให้เค้าสอนยิงปืน พี่กลัวนันแพ้ความใกล้ชิดอ่ะ"
ธีร์ถอนใจ แฟนต้าจับมือธีร์ให้กำลังใจ
"มัวแต่กลัว ไม่มีประโยชน์หรอกคุณพี่ รีบทำคะแนนซ้า เดี๋ยวจะตามเค้าไม่ทัน ทำให้นันรับรักให้ได้นะ"
"โอเค"
ธีร์กำหมัดพยักหน้าพร้อมสู้
นันทนัชเดินออกมา เห็นแฟนต้าจับอยู่ที่แขนธีร์ ก็นึกเห็นใจเพราะรู้ดีว่าเพื่อนแอบชอบธีร์มานานแล้ว แฟนต้าหันมาเห็นเพื่อนก็รีบปล่อยมือจากธีร์
"นัน! จะกลับแล้วเหรอแก ถึงถึงบ้านแล้วโทร.หาด้วยนะเป็นห่วง"
"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จะส่งนันให้ถึงประตูห้องนอนเลย"
"ไม่ต้องตามไปส่งหรอกพี่ธีร์ ลำบากเปล่าๆ อยู่คุยกับไอ้ต้าไปเถอะ"
"พี่บอกแล้วไงว่าพี่จะคอยดูแลนันให้ปลอดภัยด้วยตัวพี่เอง เพราะฉะนั้นต่อจากไปนี้พี่จะทำตามที่พี่พูด ว่างเมื่อไหร่ บอดี้การ์ดคนนี้ จะคอยมาอยู่ข้างๆนันครับ"
ธีร์เบ่งกล้ามยิ้มให้ นันทนัชยิ้มขำ
"ไปนะ"
"อืม"
แฟนต้ายืนมองธีร์รีบเดินตามนันทนัชออกจากร้านไป สีหน้าทำใจมากๆ
หลังอาหารค่ำ กนกกรยังไม่ยอมกลับ ยังคงทำสวยเดินหมุนซ้ายบิดขวา หมุนเสาราวกับนางเอกหนังอินเดียอยู่ในคฤหาสน์ กฤตพนธ์ก็ต้องคอยอยู่ดูแลตามมารยาทของสุภาพบุรุษ
"ฮ้า บ้านอัศวัตินี่ น่าอยู่จังเลยนะคะ กิ๊บมาทีไรก็ไม่อยากกลับทุกที"
กนกกรพูดพลางหันไปคว้าดอกกุหลาบในแจกันมาดอมดม ปั้นท่าให้ดูน่ารักที่สุด
"เหรอครับ"
แป่ว! กนกกรหันมามุ่ยหน้าอ้อน พลางเดินเข้ามาเกาะแขนกฤตพนธ์
"แหม...ใจดำนักนะคะคุณกฤต ทำไมไม่ชวนกิ๊บอยู่ด้วยสักคำ"
"เอ่อ ผมจะชวนลูกสาวเค้าอยู่ด้วยได้ไงละครับ"
"กิ๊บพูดได้คะ เรารู้จักกันมานานแล้วน้า คุณกฤตจะพูดอะไรกับกิ๊บก็ได้...ทุกเรื่องค่ะ"
กนกกรยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่
"ถ้าอย่างงั้น ผมจะขอพูดเรื่องของคุณนัน"
กนกกรหน้าหุบทันที
"ยกเว้นเรื่องของแม่คนนี้ค่ะ อย่ามาพูดกับกิ๊บ"
กนกกรเม้ง เดินผละไปยืนกอดอกอารมณ์เสีย
"แล้วคุณกิ๊บเอาเรื่องคุณนันมาพูดให้คุณลุงของผมฟังทำไมล่ะคร๊าบ"
"ก็แม่นั่นอยากมายุ่งกับคุณทำไมล่ะคะ! คุณอย่าคิดนะ ว่าแม่นั่นจะสำนึกในบุญคุณที่คุณไปช่วยมันไว้จริงๆ มันกำลังหลอกใช้คุณเพื่อแก้แค้นกิ๊บ ทำให้กิ๊บคลั่งเวลาที่เห็นมันอี๋อ๋อนัวเนียอยู่กับคุณ"
"ถ้ารู้อย่างงี้แล้ว คุณกิ๊บจะคลั่งไปทำไมล่ะครับ"
กนกกรโผเข้ากำหมัดทุบอกกฤตพนธ์อย่างดัดจริต
"บ้าๆๆ คุณกฤตมาด่าว่ากิ๊บคลั่งทำไมคะ"
"โอ๊ะ! ผมไม่ได้ว่า ก็คุณกิ๊บเป็นคนพูดเอง"
เขาจับข้อมือทั้ง 2 หยุดเธอไว้ กนกกรได้โอกาสเอาตัวเบียดชิด มองหน้าอย่างออดอ้อน
"คุณกฤตจะว่ากิ๊บร้ายยังไงกิ๊บก็ยอมค่ะ แต่กิ๊บจะไม่ยอมให้ยัยนันมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชีวิตกิ๊บเด็ดขาด โดยเฉพาะคุณ"
กนกกรพูดพลางซบอก กฤตพนธ์ยืนนิ่งอย่างอ่อนใจ
นันทนัชขับรถเข้ามาจอด ธีร์ขับรถตามหลังเข้ามาจอดด้วย เขารีบลงจากรถอย่างเร็ว วิ่งเข้ามาเปิดประตูรถให้
"เชิญคร๊าบ"
"ไม่ต้องขนาดนี้หรอกพี่ธีร์ แค่ขับตามมาส่งถึงบ้าน นันก็เกรงใจจะแย่แล้ว"
"ทำไมต้องเกรงใจ พี่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของนันนะ นันจะใช้ให้พี่ทำอะไรก็ได้ พี่จะไม่บ่น ไม่อู้ ไม่ทำให้นันต้องหนักใจ"
เธอขำ
"วันนี้เป็นอะไรคะ พูดไม่หยุดเลย กลับไปได้แล้วล่ะ นันถึงบ้านแล้ว"
"ยัง! จนกว่าพี่จะส่งนันถึงหน้าประตูห้องนอนเหมือนที่รับปากกับต้าเอาไว้"
นันทนัชตีแขนธีร์เบาๆ
"อย่ากวนน่าพี่ธีร์ ไปๆ...กลับไปได้แล้ว...ไปซี"
นันทนัชดันธีร์ไป แต่ธีร์ไม่ยอมไป
"ไม่เอา ก็พี่เป็นห่วงนัน รอส่งนันเดินเข้าบ้านไปก่อน เดี๋ยวพี่ก็กลับ"
ตอนนั้นเองที่เขาดึงมือเธอที่ดันเขาออกแล้วจับไว้แน่น เธอหยุดอึ้ง ธีร์มองตาซึ้ง พลางยื่นหน้าจะเข้าไปเหมือนจะจูบ
แต่เธอหลุบตา หันหน้าหลบอย่างเขินเสียก่อน แล้วเธอต้องตกใจ เมื่อตามองไปเห็นกองเสื้อผ้า กระเป๋าข้าวของของตัวเองตกกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นสวนใต้ระเบียงห้องนอนมุมข้างบ้าน
"ห่ะ"
นันทนัชรีบผละจากธีร์ไปทันที
ธีร์ตกใจถาม
"มีอะไรเหรอ"
เธอปรี่เข้ามาดูข้าวของตัว ทั้งโกรธทั้งตกใจจนตัวสั่น ธีร์ตามเข้ามา
"ของนันรึปล่าว ทำไมมาอยู่ตรงนี้"
"นันไม่ได้ทิ้ง มันมากองอยู่ตรงนี้ได้ไงก็ไม่รู้"
นันทนัชเงยหน้ามองขึ้นไปที่ห้อง...นึกห่วงว่าในห้องตัวเองจะเป็นยังไง รีบลุกวิ่งเข้าบ้านไป
"นัน"
ธีร์รีบวิ่งตามเข้าบ้านไปทันที
นันทนัชวิ่งขึ้นบันไดมาตรงไปที่ห้อง โดยมีธีร์วิ่งตาม ศรีเดินโผล่ออกมาเห็น ก็ตกใจ รีบหลบเข้ามุมแอบมองสถานการณ์
นันทนัชเห็นประตูห้องแง้มอยู่ จึงผลักเข้าไป ต้องอ้าปากค้าง ใจหายวาบ เมื่อพบว่าภายในห้องทุกรื้อกระจัดกระจายทั้งเตียง โต๊ะ ตู้ ทั่วทุกมุมห้อง ธีร์โกรธ ปรี๊ดแทน
"ใครมารื้อค้นห้องนันแบบนี้"
"จะมีใคร ก็คนในบ้านนี่แหละ"
"ทำกันถึงขนาดนี้ นี่มันโจรชัด ๆ"
เธอเห็นรูปรำเพยถูกฉีกทิ้งเป็นชิ้นๆกระจายอยู่
"แม่รำเพย!"
เธอรีบถลาไปเก็บ ควานหาแต่ละชิ้น ศรีตามมาแอบยืนโผล่หน้ามองที่ประตูอย่างเห็นใจ
"ทำไมต้องมาฉีกรูปแม่ด้วย นันมีรูปแม่อยู่แค่ใบเดียว มันขาดไปไหนหมดแล้ว...อยู่ไหน...อยู่ไหน!"
นันทนัชรื้อข้าวของหาพลางแผดเสียงลั่น
"นัน! ใจเย็นๆนะ พี่จะช่วยหาให้"
ธีร์รีบควานหาเศษรูป
"นี่ไง! อยู่นี่ชิ้นนึง"
"ยังไม่ครบเลย ช่วยหาอีกเร็วๆ ถ้าไม่มีรูปแม่ แล้วนันจะเจอหน้าแม่ได้ยังไง นันเจอหน้าแม่ได้ก็แต่ในรูปเท่านั้น ยังจะมาฉีกของนันทิ้งอีก ฮือๆ"
นันทนัชนั่งสะอื้น ธีร์หันมามองเธออย่างสงสาร ยื่นมือมาลูบๆไหล่ปลอบ
"โธ่...นัน อย่าร้องไห้นะครับ เข้มแข็งไว้"
"นั่นซินะ ร้องไห้เป็นอีบ้าอยู่ มันช่วยอะไรได้ มันต้องเห็นดีกัน"
นันทนัชปาดน้ำตาแค้น...ลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องไปทันที ศรีรีบหลบอยู่ข้างประตู
"นันจะไปไหนน่ะ...นัน...นัน"
ธีร์รีบตามไป
เรือนริษยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
นันทนัชรีบลงบันไดมาจากชั้นบนมองหาพวกฤทัยไปทั่ว สีหน้าราวกับระเบิดเวลาโดยมีธีร์ตามมา ศรีแอบตามหลังมาดูสถานการณ์
นันทนัชก็เจอเข้ากับเดือนที่ห้องทานข้าวเดินออกมาพอดี ก็ปรี่เข้าหา
"ใครพังห้องเข้าไปรื้อข้าวของฉันห่ะ!"
"ว้าย!"
เดือนตกใจ ถลาถอยหลัง นันทนัชเดินโวยเข้าใส่
"ใครเอาข้าวของฉันมาโยนทิ้ง ฉันถามว่าใคร"
"ไม่รู้! ฉะๆ...ฉันไม่รู้" เดือนบอก
"ฉันเอง!"
รณฤทธิ์เดินซดเบียร์กระป๋องออกมา
"ฉันนี่แหละที่เป็นคนทำ ฮ่ะๆๆๆ สะใจโว้ย"
"คิดแล้วว่าต้องเป็นแก ไอ้กุ๊ย"
"หุบปากนะอีลูกกำพร้า! รีบขนข้าวของแกไสหัวออกจากบ้านนี้ไปได้แล้ว"
"หน้าด้าน"
"ว่าไงนะ"
"เห็นแก่ได้"
นันทนัชเดินปรี่ด่าเข้าหารณฤทธิ์อย่างไม่กลัว ธีร์ตามมารีบดึงแขนรั้งไว้
"นัน...นัน...เดี๋ยว"
นันสะบัดมือธีร์ออก ด่าต่อ
"อยากได้สมบัติของคนอื่นจนตาถลน กล้าไล่เจ้าของบ้านออกจากบ้าน ในสมองคงถูกเลี้ยงดูเสี้ยมสอนมาอย่างดีซินะ" เธอพูดพลางชี้ไปที่ขมับตัวเอง
รณฤทธิ์โกรธมากบี้กระป๋องเบียร์ในมือจนฟู่ แล้วปาใส่เธอ
"อีปากเหม็น"
"ระวังนัน!"
ธีร์ถลาเอาตัวเข้ามาขวางหน้า ทำให้ถูกกระป๋องเบียร์กระแทกเข้าหน้าอกแทน
"มึงเสือกอะไรวะ ถอยไป กูจะตบปากสั่งสอนอีนี่"
รณฤทธ์พูดพลางเงื้อมือปรี่เข้ามา
"ข้ามศพฉันไปก่อนแล้วกัน"
ธีร์ถีบอก รณฤทธิ์เซไปชนโต๊ะ ทำแจกันร่วงตกเพล้ง! นันทนัชตกใจ
เดือนร้อง
"ว้าย!"
"ไอ้เวรเอ้ย! วันนี้มึงได้ตายเป็นศพแน่"
รณฤทธิ์ปรี่เข้ามาต่อยธีร์ จนหน้าหัน ธีร์สวนคืนไปหมัดหนึ่ง จากนั้นก็ตุ๊บตั๊บกันไม่ยั้ง
เดือนรีบถอยไปหลบยืนดูกับศรี
"หยุดเดี๋ยวนะไอ้ลูกติด อยากเอาเรื่อง มาเล่นงานชั้นนี่"
รณฤทธิ์เลือดขึ้นหน้าไม่สนอะไร...พุ่งเข้าชนธีร์ราวกับหมาบ้า พาธีร์ล้มหงายหลังไปบนโต๊ะข้างหลัง ข้าวของบนโต๊ะกระจาย ปล้ำงัดต่อยกัน
"ฉันบอกให้หยุด"
รณฤทธิ์บีบคอธีร์
"มึงตาย"
ธีร์ออกแรงจับแขนรณฤทธิ์ง้างออกแล้วพลิกขึ้นมาได้เปรียบ ค้ำคอรณฤทธิ์ต่อย รณฤทธิ์สู้ไม่ได้ เลยคว้าได้เชิงเทียนที่ระเนระนาดอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเงื้อจะฟาดหัวธีร์
"ลงนรกเถอะมึง"
ปัง! เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด...ตัวรณฤทธิ์มีของเหลวสีแดงกระเซ็นที่เนื้อตัวและหน้า
ศรีกับเดือนปิดหูกรีดร้องดังลั่น
เธอยืนหน้าโกรธถือปืน ที่ปลายกระบอกปืนยังมีควันกรุ่นๆ
-
ฤทัยกับไม้ที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน ยืนเปิดประตูลงมายืนคาประตูรถ...มองตกใจไปที่บ้าน
"ตะ...ตะกี้เสียงอะไรห่ะไม้"
"เสียงปืนครับพี่ ดังมาจากในบ้าน"
ฤทัยอ้าปากค้างใจหายวาบ
"นังนันมันมีปืนนี่ มันยิงใครรึปล่าวเนี่ยะ"
ฤทัยรีบวิ่งเข้าบ้าน ไม้รีบตามเข้าไป
-
รณฤทธิ์ร้องเอะอะลั่น ปล่อยเชิงเทียน ลูบหน้าลูบตา
"อ๊าก...เลือด...เลือด...ฉันถูกยิง"
ธีร์ผละถอยออกมายืนข้างนันทนัช สีหน้าตกใจ
ฤทัยวิ่งตะโกนเข้ามากับไม้
"เสียงปืนที่ไหน! ใครยิง"
"นังนันมันยิงรณอ่ะแม่! ช่วยรณด้วย"
"ว๊ายตายแล้ว! รณลูกแม่"
ฤทัยรีบถลามาประคองลูกชาย
"ถูกยิงตรงไหนลูก เลือดทะลักเต็มไปหมดเลย นังนัน...แกยิงลูกฉันทำไม"
ฤทัยแผดเสียงด่าลั่น แต่นันทนัชกลับหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน
"ฮ่ะๆๆๆเป็นไงล่ะ เวลาที่เห็นลูกตัวเองจะถูกฆ่า ร้องโหยหวนแทบขาดใจ แล้วที่แกฆ่าพ่อฉัน ฉันก็รู้สึกเหมือนกับแกตอนนี้นั่นแหละ แต่เสียดาย...ที่ฉันยังไม่ได้ฆ่า ฉันแค่ยิงขวดซอส"
"ห่ะ...ซอส"
รณฤทธิ์หันไปมองที่โต๊ะกินข้าว เห็นขวดซอสมะเขือเทศถูกยิงแตกกระจายอยู่
ธีร์ ฤทัย ไม้ เดือน ศรีเพิ่งเข้าใจเหมือนกับรณฤทธิ์ ธีร์โล่งอก หันมายิ้มมองความแสบของนันทนัช ฤทัยแตะซอสมะเขือเทศที่เลอะตัวรณฤทธิ์ขึ้นมาดม
"ซอสมะเขือเทศจริงๆด้วย"
รณฤทธิ์ฉุนขาด
"อีนัน...มึงหลอกกู"
รณฤทธิ์ถลาจะลุกเข้าไปเล่นงาน แต่นันทนัชหันปืนมา
"แน่ใจนะว่าจะเข้ามา! รับรองว่านัดต่อไป เป้าไม่ได้อยู่ที่ขวดซอสแน่ ที่อยู่ที่กระบาลแก"
รณฤทธิ์ชะงัก ฤทัยดึงแขนไว้
"อย่ารณลูกอย่าเข้าไป! นังนี่มันบ้าไปแล้ว ฉันจะแจ้งความ ลากแกเข้าตะราง ข้อหาพยายามฆ่าลูกชายฉัน"
"ก็เอาซี้ แจ้งตำรวจเลย ฉันก็จะแจ้งความเอาลูกชายแกเข้าคุกเหมือนกัน ข้อหาทำตัวเป็นโจร บุกรุกขโมยของในห้องนอนฉัน ฉันเลยจำเป็นต้องใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สินในบ้านของฉัน"
"อีตอแหล! ฉันแค่ไปรื้อข้าวของแก ไม่ได้ขโมยของแกเลยสักชิ้นเดียว"
ฤทัยหันขวับมามองรณฤทธิ์
"นี่แปลว่าแกบุกเข้าไปในห้องมันจริงๆเหรอห่ะตารณ"
"ทำไมอ่ะ ก็รณไม่อยากให้มันอยู่ในบ้าน รณจะไล่มันไป"
"ไอ้ลูก" ฤทัยหยุด ไม่อยากด่าว่าโง่ แต่ดึงไปแทน "มานี่เลย"
ฤทัยดึงรณฤทธิ์เดินผละไป ไม้ เดือนตาม รณฤทธิ์ ยังหันมาชี้นิ้วอาฆาตธีร์กับนันทนัช
"จำเอาไว้นะมึง...จำเอาไว้นะ"
นันทนัชเดินออกมาเก็บเสื้อผ้าข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางเพื่อจะเอาขึ้นไปเก็บที่ห้องเหมือนเดิม ธีร์นั่งลงช่วยเก็บ ยื่นให้
"เดี๋ยวนันเก็บเองค่ะ พี่ธีร์กลับไปเถอะ"
"เอะอะก็ไล่ให้พี่กลับ แล้วจะให้พี่กลับได้ยังไง มีหมาบ้าอยู่ในบ้านแบบนี้ เดี๋ยวมันก็หาเรื่องมากัดนันอีก พี่ไม่กลับ! คืนนี้พี่จะอยู่เป็นเพื่อนนัน"
"ขืนพี่ธีร์อยู่ มันต้องคอยหาเรื่องฟัดพี่แน่ แต่นันมีปืน มันไม่กล้าหรอก ตะกี้พี่ธีร์ก็เห็น มันกลัวจนหน้าซีดตัวสั่น ร้องเรียกให้แม่ช่วยแทบไม่ทัน"
"ฮิๆๆจริงค่ะ ศรีเห็น"
นันทนัชหันไปมอง เห็นศรีแอบเดินออกมาช่วยเก็บข้าวของให้
"โธ่ นึกว่าจะแน่ เจอคนจริงเข้าหน่อย คุณรณถึงกับเสียด็อก ฮิๆๆ เดี๋ยวศรีช่วยเก็บของให้ค่ะ"
"ไม่กลัวยัยคุณนายเค้าเห็นเข้าเหรอ"
"ก็อย่าให้เห็นซีคะ ตอนนี้คงมัวเช็ดเลือดให้ลูกชายอยู่ในห้องทำงาน อู๊ย...อีกนานค่ะฮ่ะๆๆ นึกแล้วยังขำไม่หาย เห็นซอสมะเขือเทศร้องยังกับควายถูกเชือด เลือด เลือด ฮิๆๆ"
ศรีขำไป เก็บไป ทำเอานันทนัชยิ้มออก
"นันมีคนช่วยแล้ว พี่ธีร์ไม่ต้องห่วงแล้วนะ ถ้ามีอะไรอีก นันสัญญาว่าจะรีบโทร.บอกพี่ทันที"
ธีร์จำใจ พยักหน้า ลุกขึ้นยืน
"โอเค งั้นพี่กลับล่ะนะ ระวังตัวด้วยนะนัน"
ธีร์ยื่นมือไปจับมือเธอบีบเบาๆ นันทนัชฝืนยิ้มพยักหน้าให้เพื่อไม่ให้ธีร์เป็นกังวล
ภายในคฤหาสน์อัศวัติ กนกกรยังไม่ยอมกลับ ยังจะนั่งดูหนัง ทำให้กฤตพนธ์ต้องนั่งอยู่ตามมารยาท แถมดูหนังสยองขวัญฆาตกรรม
"ว้าย!"
กนกกรทำเป็นตกใจผวาเข้าเบียดซบกฤตพนธ์
"ตื่นเต้นจังเลย หัวใจจะวาย คุณกฤตได้ยินเสียงหัวใจกิ๊บเต้นแรงมั้ยคะ"
"เอ่อ...ถ้าคุณกิ๊บกลัว งั้นเปลี่ยนเรื่องไปดูหนังตลกดีกว่ามั้ยครับ"
"ที่หัวใจกิ๊บเต้นแรง กิ๊บไม่ได้กลัวค่ะ แต่เพราะกิ๊บอยู่ใกล้คุณกฤตต่างหาก"
กฤตพนธ์อึ้งที่กนกกรเข้าใจหามุก เธอยิ้มหวาน ตาเยิ้มมองหน้ากฤตพนธ์
เสียงมือถือกนกกรดันดังขึ้นขัดจังหวะ เธอถึงกับสะดุ้ง
"ใครโทร.มาตอนนี้"
กนกกรดูชื่อแล้วทำหน้าเซ็ง รับสาย
"แหมคุณแม่...ยังไม่ดึกซะหน่อย โทร.ตามซะแล้ว"
กฤตพนธ์แอบเหล่มองนาฬิกาตัวเองที่เวลาปาเข้าไป 4ทุ่มแล้ว
ภายในห้องทำงาน...ฤทัยกำลังพูดสายอย่างเดือดดาล ทางด้านหลัง...รณฤทธิ์กำลังเช็ดหน้าเช็ดตา จับปากที่ถูกต่อยเจ็บ แล้วถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกที่เปื้อนซอสออก แล้วปาให้เดือนอย่างฉุนเฉียว
"แกมัวแต่เที่ยวอยู่นั่นแหละ รู้มั้ยน้องชายแกเกือบถูกอีนันมันยิงทิ้ง"
กนกกรตกใจ ลืมตัว พูดเสียงดัง
"อะไรนะแม่! มันยิงน้องรณเหรอ"
กฤตพนธ์ตกใจ
"ห่ะ! คุณนันยิงเหรอ"
เธอแอบเซ็งที่ตัวเองดันพูดดังออกมา
"แล้วน้องรณเป็นอะไรมากรึปล่าวคะ"
"มันยิงพลาดน่ะซิเลยไม่เป็นอะไร แกเองระวังนะยัยกิ๊บ! คราวหน้าคราวหลัง ถ้าแกจะไปเอาเรื่องมัน ดูให้ดีเสียก่อนนะว่ามันมีปืนอยู่กับตัวรึปล่าว ไม่ใช่สุมสี่สุ่มห้าเข้าไป มันยิงตายเลยนะจะบอกให้ อีนี่มันบ้าเลือด คงอยากได้สมบัติพ่อมันไปเสวยสุขจนคลั่ง"
"คุณแม่ก็รีบจัดการฮุบเอ่อ..." กนกกรนึกได้ว่ากฤตพนธ์นั่งอยู่ จึงรีบเปลี่ยนคำพูด..."เคลียร์เรื่องพินัยกรรมพ่อลิตรเร็วๆเข้าซีคะ พวกเราจะได้เลิกอยู่อย่างหวาดผวาซะที กิ๊บน่ะกลั๊ว..กลัว.. ไม่รู้วันไหนยัยนันจะมายิงเอา"
"แกคิดว่าฉันไม่อยากเคลียร์งั้นเหรอ ก็นังนันมันอายัติศพพ่อมันอยู่ เมื่อไหร่ผลพิสูจน์ศพจะออกมาซะทีไม่รู้ ฉันเครียดจะบ้าอยู่แล้ว อ๊าย"
ฤทัยแว๊ดๆๆๆจนกนกกรแสบแก้วหู เลยตัดบท
"อุ้ย แค่นี้นะคุณแม่ ไว้กลับไปคุยกันที่บ้าน"
กนกรวางสาย ขณะที่กฤตพนธ์รอถามอย่างร้อนใจ
"เป็นไงครับ คุณนันยิงคุณรณจริงๆเหรอครับ"
เธอหันมอย่างไม่สบอารมณ์
"ก็ยิงจริงๆน่ะซีคะ แต่ยิงไม่เป็น ไม่รู้ไปเรียนยิงปืนห่วยๆมาจากที่ไหน ถึงยิงไม่ถูก"
กฤตพนธ์แอบสะอึก
"ถ้าคุณนันยิงปืนไม่เป็น ผมว่าคงยิงถูกไปแล้วล่ะครับ"
"คุณกฤต! นี่คุณเข้าข้างนันทนัชเหรอคะ ทั้งๆที่แม่นันเอาปืนมาไล่ยิงน้องชายกิ๊บนะ"
"ป่าวเข้าข้างครับ ผมสันนิษฐานให้ฟัง คุณรณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วนี่ครับ คุณกิ๊บจะรีบกลับบ้านเลยใช่ไม๊ครับ งั้นผมเดินออกไปส่งที่รถ"
เขาพูดพลางกดรีโมตปิดทีวี เธอรู้สึกเหมือนถูกไล่ทางอ้อม เลยคว้ากระเป๋าลุกขึ้น
"ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ กิ๊บมาเองได้ กิ๊บก็เดินออกไปเองได้"
"งั้นผมส่งแค่นี้นะครับ"
กนกกรประชด แต่กฤตพนธ์ก็ไม่คิดจะง้อ
"อี๋ย์!"
เธอเดินสะบัดหน้าออกไป พอกนกกรออกไป เขาแทบกระโจนมาคว้ามือถือตัวเองมากดโทร. ออกทันที
เสียงสัญญาณติด แต่ไม่รับสายอยู่นาน…กฤตพนธ์เดินรอสายอย่างร้อนใจ
ขณะนั้น นันทนัชกำลังช่วยกันแบกกระเป๋าเดินทางใส่ข้าวของเสื้อผ้าเข้าห้องมากับศรีอย่างทุกลักลุกเล เสียงมือถือในกระเป๋าดังตลอด
"เฮ่อ...ใครโทร.มาตอนนี้นะ...สงสัยจะพี่ธีร์"
"คุณรูปหล่อคนนั้นเค้าห่วงคุณนันมากเลยนะคะ สู้ชนิดถวายหัวกับคุณรณ ปากคอแตก ไม่ห่วงหล่อเลยอ่ะ"
นันทนัชได้แต่ฟัง พอวางกระเป๋าลงก็มองอย่างขอบใจ
"ขอบใจมากนะศรีที่มาช่วย"
ศรีแอบกระซิบเบาๆ
"อุ้ย ไม่ต้องขอบใจหรอกค่ะ ต่อไปมีอะไรจะให้ศรีช่วย"
นันทนัชฝืนยิ้มพยักหน้า
"รีบออกไปเถอะ เดี๋ยวแม่เลี้ยงใจยักษ์ของฉันมาเห็นเราอยู่กับฉันเข้า จะถูกไล่ออก"
"อุ้ย! เสียวสันหลังวาบเลยค่ะ งั้นศรีไปนะคะ"
ศรีรีบเดินออกจากห้องไป นันทนัชดันประตูที่บานพับหลุดปิดงับๆไว้อย่างเซ็ง แล้วล้วงมือถือที่ดังไม่หยุดออกจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาดู
"คุณกฤต"
นันทนัชทรุดนั่งพิงประตู อยากจะรับสาย แต่...
"โทร.มาทำไมตอนนี้ ถ้าเรารับสาย...เราต้องร้องไห้ให้เค้ารู้ว่า เราอ่อนแอแน่ๆ"
นันทนัชเลยไม่ยอมรับสาย กดปิดมือถือไปเลย
กฤตพนธ์ชะงัก ที่อยู่ๆ เธอก็ตัดสายไป
"มีเรื่องอะไรอีกรึปล่าว ทำไมไม่รับสาย"
กฤตพนธ์กดโทร.หาอีกครั้ง แต่คราวนี้มีเสียง... บอกว่าเบอร์นี้ไม่สามารถรับสายได้ ให้ฝากข้อความ
"โธ่เอ้ย...มาปิดมือถือใส่ คนอุตส่าห์เป็นห่วง"
กฤตพนธ์ทรุดนั่งเป็นห่วงนันทนัช
ภายในห้องนอนลิตร นันทนัชกำลังนั่งเรียงรูปรำเพยที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆอยู่บนเตียง น้ำตาไหลเผาะๆ... ชิ้นหนึ่งที่มุมขวาด้านบนที่หายไป
"หายไปไหนชิ้นนึง แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ นันจะหาให้เจอ รูปแม่รำเพยของนัน จะต้องสวยเหมือนเดิม"
นันทนัชปาดน้ำตา กฤตพนธ์นั่งคิดห่วง
ฤทัยใส่ๆยาที่มุมปากให้ลูกชาย
"ซี๊ด....แสบอ่ะแม่"
"ดี...สมน้ำหน้า! จะทำอะไรไม่ปรึกษาแม่ก่อน ทีหลังจะเล่นงานนังนันน่ะต้องให้แม่กับไม้อยู่ด้วยเข้าใจไม๊ เกิดมันสู้ขึ้นมาเหมือนวันนี้ จะได้ช่วยกันรุมยำมัน"
"ก็ไม่รู้นี่ว่ามันจะหิ้วผู้ชายกลับบ้านมากับมันด้วย นี่ถ้ามันกลับมาคนเดียวนะ วันนี้ผมได้ถีบหัวส่งมันออกจากบ้านสำเร็จไปแล้ว"
" จะไล่มันไป มันไม่ง่ายอย่างที่แกคิดหรอกตารณ สายเลือดแท้ๆของคุณลิตรที่ไหลอยู่ในตัวมัน คอยคุ้มกะลาหัวมันอยู่"
"แม่! พูดงี้ยังกับจะยอมแพ้มัน"
ฤทัยผลักหัวลูกชายเบาๆ
"คนอย่างแม่แกเคยยอมแพ้อะไรง่ายๆมั่งห่ะไอ้รณ ไม่งั้นฉันคนเดียว คงไม่ปากกัดตีนถีบเลี้ยงแกกับยัยกิ๊บจนสุขสบายได้อย่างทุกวันนี้หรอก"
"คร๊าบ แม่คนเก่งมากๆ เลย อย่าลืมเงินใช้หนี้บอล 2 ล้านของรณด้วยนะ พรุ่งนี้ครบ 3วันแล้ว มันต้องตามทวงรณแน่ๆเลยแม่จ๋า"
รณฤทธิ์กอดเอวอ้อนฤทัย
"เออน่ารู้แล้ว ไปเข้าห้องนอนได้แล้วไป แล้วคืนนี้ห้ามหนีออกไปเที่ยวอีกนะ ไม่งั้นฉันไม่ใช้หนี้ให้แกเลย"
รณฤทธิ์ทำหน้าเซ็ง แต่ก็ได้แต่เดินเงียบๆเซ็งๆ ออกไป
พอประตูปิด ไม้ก็เดินมากอดฤทัยทางด้านหลัง
"อย่าเครียดไปเลยครับพี่"
"ไม่ได้เครียดอย่างเดียว แต่พี่แค้น กว่าพี่จะพาชีวิตขึ้นมาจากขุมนรกได้ เลือดตาแทบ" กระเด็น
เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในห้องครัว ศรีกำลังล้างแก้วจาน หันมาก็ตกใจเมื่อเห็นนันทนัชยืนอยู่
"อุ้ยคุณนัน! ตกใจหมดเลยค่ะ"
"ชิ้ว! ฉันจะออกไปโรงสี ถ้ามีใครเข้าไปในห้องนอนฉันอีก รีบโทร.บอกฉันนะศรี"
"ค่ะๆ"
ศรีรับกระดาษมา
"แล้วคนอื่นๆไปไหนกันหมด"
"อู๊ย...คุณกิ๊บกับคุณรณสายโด่โน่นแน่ะค่ะกว่าจะตื่น ส่วนคุณนายฤทัยรีบออกตั้งแต่ไก่โห่แล้วค่ะ"
นันทนัชแปลกใจ
"รีบออกไปไหนรู้มั้ย"
เธอกำลังขับรถออกมาจากเรือนรัตนะอย่างร้อนใจ
"ศรีได้ยินคุณนายฤทัยคุยโทรศัพท์ว่า นัดกับใครไว้ที่โรงสีนี่แหละค่ะ แล้วก็รีบออกไปเลย"
เธอย่นคิ้วคิดระแวง
"คนอย่างยัยฤทัยคงไม่รีบไปทำงานที่โรงสีตั้งแต่ 7 โมงเช้าหรอก มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ"
เท้านันทนัชเหยียบคันเร่ง แล่นรถออกไปที่ถนนสายยาวด้านหน้าเรือนรัตนะ
การที่นันทนัชไม่ยอมรับโทรศัพท์ของกฤตพนธ์เมื่อคืน ทำให้เขาร้อนใจ เมื่อโทร.ไปที่เรือนรัตนะ ศรีบอกว่า นันทนัชมาที่โรงสีก็เลยตามมาอย่างเร็ว
รถของกฤตพนธ์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึกสำนักงาน ในโรงสีฤทธานนท์ เขาเปิดประตูก้าวลงจากรถ จะเดินเข้าตึกสำนักงาน แต่ตาเหลือบไปเห็นนันทนัชกำลังเดินลับ ๆ ล่อ ๆ ไปทางโรงสี จึงรีบเดินตามไปดู
เรือนริษยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
นันทนัชเดินมองหาฤทัยมาทางโกดังใหญ่ที่เก็บข้าวเปลือก ซึ่งค่อนข้างปลอดคนมากกว่าทางโรงสีที่กำลังสีข้าวกันอยู่
เขาเดินตามมาข้างหลัง ขณะที่นันทนัชจะเดินทางไปด้านหน้าของโกดัง เห็นฤทัยยืนคุยกับเสี่ยเตี้ย มีไม้กับลูกน้องคุมเชิงอยู่ เธอรีบหลบเข้ากำบัง ระหว่างนั้นก็เห็นรถบรรทุกหลายคันแล่นออกมาจากโกดัง โดยท้ายรถบรรทุกใช้ผ้าใบคลุมไว้จนมิดมองไม่เห็น
นันทนัชคิดสงสัย
"กำลังทำอะไรอยู่ ให้ใครขนอะไรไป"
แอบไปดูข้างหน้าไม่ได้ นันทนัชเลยตัดสินใจเดินเลียบข้างโกดังไปเพื่อมองหาช่องที่จะมองดูเข้าไปด้านในให้ได้ แต่กฤตพนธ์โผล่เข้ามาขวางทาง ทำเอาเธอสะดุ้งเฮือก
"อุ้ย" เธอรีบปิดปากตัวเอง
"คุณนัน...คุณทำอะไรอยู่"
"ชิ้ว! เบาๆซี ฉันจะทำอะไร มันไม่ใช่เรื่องของคุณ"
เธอจะเดินไปต่อ แต่เขาคว้าแขนไว้
"เมื่อคืนคุณคว้าปืนจะยิงคุณรณ วันนี้คุณจะทำอะไรอีกห่ะ"
"ปล่อยฉันนะ คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของฉันเนี่ยะ"
"ผมมีสิทธิ์ยุ่งในฐานะครูสอนยิงปืนคุณไง ผมสอนให้คุณยิงปืน เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว ไม่ใช่เที่ยวเอาไปยิ่งมั่วซั่วข่มขู่ใครๆ"
"ฉันต่างหากล่ะที่โดนข่มขู่ นัยรณฤทธิ์บุกเข้าห้องนอนฉัน ขนเสื้อผ้าฉันเอาไปทิ้งนอกบ้าน ฉันก็เลยจำเป็นต้องป้องกันตัว"
กฤตพนธ์ตกใจ
"คุณรณบุกเข้าห้องนอนคุณงั้นเหรอ"
"ไม่เหมือนที่ยัยกิ๊บเอาไปฟ้องคุณใช่ไม๊ล่ะ ก็แล้วแต่ว่าคุณจะเชื่อใคร ปล่อย"
เธอสะบัดมือเขาออก มองหาช่องไปทางด้านหลังโกดัง กฤตพนธ์ยืนมองตาม
เธอเดินมาทางด้านหลังโกดัง ก็เจอช่องที่จะมองลอดเข้าไปด้านใน เห็นภายในโกดังเต็มไปด้วยกระสอบข้าวเปลือกเรียงซ้อนกันนับหมื่นตัน คนงานกำลังใช้รถแทร็กเตอร์ขนกระสอบข้าวเปลือกทะยอยไปใส่รถบรรทุกที่จอดรออยู่หลายคัน
นันทนัชพึมพำเบาๆ
"กำลังขนกระสอบข้าวใส่รถบรรทุกขนออกไปนี่เอง…แล้วขนไปไหน"
เธอใช้มือถือแอบถ่ายรูปเอาไว้ แล้วพยายามมองอีก...เห็นฤทัยกับไม้กำลังยืนคุยอยู่กับเสี่ยเตี้ยอยู่ที่มุมไกล นันทนัชกดถ่ายรูปไป และแล้วก็เห็นเสี่ยเตี้ยส่งเช็คให้ใบนึง นันทนัชรีบกดถ่าย
อยู่ๆกฤตพนธ์ก็เดินตามมา เห็นนันทนัชกำลังก้มๆเงยๆ ก็เลยมาจับไหล่
"คุณ!ถ้ำมองอะไรอยู่"
นันทนัชตกใจ เลยศอกหลังใส่ เขาไม่ทันระวังตัว ศอกกระทุ้งเข้าเต็มเป้า เล่นเอาจุก ทรุดลงนั่งร้องลั่น
"โอ๊ย!"
เธอตกใจ รีบหันมาใช้มือปิดปากเขาไว้ พาตัวไปพิงแอบกับรถแทร็กเตอร์
"เบาๆสิคุณ"
เขาแทบจะหายจุกเป็นปลิดทิ้ง เมื่อนันทนัชนั่งใช้มือปิดปากเขาแถมนั่งเบียดชิดอยู่กับเขา เธอมองสบตาเขา รู้สึกเขินๆ
"เอ่อ...ฉัน...ฉันจะปล่อยมือจากปากคุณ แต่คุณห้ามเสียงดังเด็ดขาดนะ"
เขาแกล้งทำเป็นพยักหน้าเชื่อฟัง เธอปล่อยมือจากปากเขา และทำท่าจะลุกไป
แต่เขากลับคว้าเอวเธอมากอดไว้
"คุณยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จนกว่าคุณจะบอกผมมาก่อน ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่"
"ทำไมฉันต้องบอกกับคุณทุกเรื่องด้วย ปล่อยฉัน"
เธอเงื้อหมัดจะทุบเขา แต่เขาใช้มืออีกข้างปัดหมัด แล้วกอดเอวนันทนัชแน่นขึ้นอีก
"โอ๊ะ"
เธอเสียสมดุล ตัวเอนไปซบอยู่กับเขา...เธออึ้ง แต่เขารู้สึกดี ตอนนั้นเอง ... ไม้ดันเดินออกมาจากทางด้านหลังโกดัง เห็นทั้ง 2 เข้า แต่เห็นหน้าไม่ถนัดเพราะมีรถแทร็กเตอร์บังๆอยู่
"นั่นใครมาทำอะไรอยู่ตรงนั้น"
นันทนัชรีบผละจากกฤตพนธ์ โผล่หน้ามามอง ไม้เห็นเป็นนันทนัชก็ตกใจ
"ห่ะ"
ไม้รีบหันกลับเข้าโกดังไป
"มันเห็นฉันจนได้ เพราะคุณคนเดียว"
นันทนัชรีบตามไม้เข้าโกดังไป กฤตพนธ์อยากรู้ว่า มันรื่องอะไรกันแน่ เลยรีบลุกตามไป
แม้จะมีจุกๆอยู่บ้างก็ตาม
ภายในโกดังเก็บข้าวเปลือก ฤทัยกำลังคุยกับเสี่ยเตี้ย
"ขอบคุณที่มาอุดหนุนค่า ขอให้เฮียรวยๆๆ"
"แล้วเมื่อไหร่ลื้อจะรวยล่ะอาฤทัย มรดกเสี่ยลิตรน่ะ ยังไม่ล่ายอีกเหรอ ถึงต้องมาขายข้าวกินแบบนี้ หึๆๆ"
เสี่ยเตี้ยปากหมาตามนิสัย ทำเอาฤทัยกัดฟันฉีกยิ้ม ตอนนั้นเองที่ไม้เดินมาอย่างรีบร้อน พร้อมกับตะโกนเรียก
"คุณผู้หญิงครับ"
ฤทัยกำลังอารมณ์เสียๆ อยู่
"อะไรห่ะ! ตะโกนอยู่ได้"
"คือ...คุณ..."
ไม้จะชี้มือบอก แต่ไม่ทัน เธอเดินตามมาอย่างรวดเร็ว
"พวกคุณทำอะไรกันน่ะ"
ฤทัยตกใจ รีบหันไปบอกเสี่ยเตี้ย
"เสี่ยรีบไปเถอค่ะ มีธุระไม่ใช่เหรอ"
"เอ่อ...ฮ่อๆ...งั้นอั๊วไปก่อนนะ"
เสี่ยเตี้ยกับลูกน้องเห็นท่าไม่ดี รีบเดินไป
"จะไปไหนคุณ! คุณมาขนข้าวในโรงสีไปไหน"
"โฮ่ยนี่! เค้าก็เป็นลูกค้าของเราโรงสีน่ะซิ ถามอยู่ได้" ฤทัยว่า
นันทนัชหันมาตอกใส่
"ฉันไม่ได้ถามเธอ ฉันถามอาแปะโน่น นี่คุณ...คุณ"
นันทนัชรีบเดินตาม ทำเอาฤทัยเต้น
"ดูมัน! จะตามเค้าไปทำไมอ่ะ นังบ้าเอ้ย เร็วซิไม้ ไปหยุดนังนั่นไว้"
"ครับๆ"
ฤทัยกับไม้รีบตามนันทนัชไป
กฤตพนธ์ตามเข้ามาจากหลังโกดังพอดี เห็นฤทัยกำลังเอะอะโวยวายตามนันทนัชไป
"แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงมีเรื่องอะไรกันอีก เฮ่อ"
กฤตพนธ์รีบตามไป
เสี่ยเตี้ยเดินเช็ดเหงื่อซกมายังรถที่จอดอยู่หน้าโกดัง นันทนัชตามมาติดๆ
"เร็วๆโว้ย...เร็วๆ รีบไป"
เสี่ยเตี้ยเดินมาเปิดประตูรถจะขึ้น แต่นันทนัชมาขวางประตูไว้
"คุณยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น"
“เฮ้ย หลีกไปนะ! ลื้อเป็นใคร กล้ามาขวางอั๊วเนี่ยะ”
“ชั้นก็เป็นลูกสาวของนายลิตร เจ้าของโรงสีนี้น่ะซิ!”
เสี่ยเตี้ยอึ้งไป
“ลื้อมาขนข้าวในโรงสีของพ่ออั๊วไปไหน บอกมานะ ไม่อย่างนั้นอั๊วจะแจ้งความว่าลื้อเป็นหัวขโมย”
“ห่ะ!”
เสี่ยหน้าซีด แต่ฤทัยกับไม้ตามมาพอดี
“จะมากไปแล้วแม่นัน ไปเสียมารยาทกับเสี่ยเตี้ยเค้าได้ยังไง เค้าเป็นลูกค้าของโรงสีนะ เชิญเสี่ยกลับไปเถอะค่ะ”
ฤทัยพูดพลางเข้ามาดันนันทนัชให้ถอยออกจากประตูรถเสี่ยเตี้ย แต่เธอไม่ยอม
“ฉันไม่เชื่อ! เป็นลูกค้า ไหนล่ะหลักฐานซื้อขาย เอามาให้ฉันดูหน่อยซิ”
“แล้วเธอไปยุ่งกับเสี่ยเค้าทำไม ข้องใจอะไรก็คุยกับฉัน หลีกไปซี...หลีก เสี่ยเค้าจะกลับ”
“ฉันไม่ให้กลับ! เอาหลักฐานมายืนยันฉันก่อน”
“เอ๊ะ! บอกให้หลีก พูดภาษาคนไม่เข้าใจหรือไง ไม้”
ฤทัยมองสั่งไม้ด้วยสายตา ไม้เข้ามาดึงนันทนัชออก
“อย่ามาถูกตัวฉันนะ...ปล่อยฉัน”
จังหวะนั้นเองที่นันทนัชถูกไม้ดึงห่างจากประตูรถมา ฤทัยก็รีบดันเสี่ยขึ้นรถไปกับลูกน้องขับออกไปทันที
“จะหนีไปไหน กลับมานะ...กลับมา! ปล่อยฉันซี มาจับฉันไว้ทำไม”
พลั่ก! นันทนัชสะบัดท่อนแขนเหวี่ยงเข้าหน้าไม้จนหงาย ทำเอามันโกรธ
“โธ่โว้ย!”
ไม้โมโหเงื้อมือจะตบ แต่กฤตพนธ์เข้ามาคว้ามือไม้ไว้เสียก่อน
“หยุดนะ! จะทำอะไรคุณนัน”
ฤทัยมองมาที่กฤตพนธ์อย่างไม่พอใจ
“ก็ยัยนันอยากไปทำไอ้ไม้มันก่อนทำไม มันก็โมโหเอาน่ะซิ ไม้…ถอยไป!”
ไม้เดินจับหน้าที่เจ็บเดินผละออกมาตามคำสั่ง แต่นันทนัชไม่สนเรื่องอะไรทั้งสิ้น
“ถ้าตาเสี่ยนั่นเป็นลูกค้าของโรงสีจริงอย่างที่คุณแม่เลี้ยงพูด ขอหลักฐานมาให้ฉัน” เธอว่าพลางแบมือ “เอามายืนยันว่าข้าวสารที่เค้าขนออกไปจากโกดังน่ะ ซื้อขายอย่างถูกต้อง”
กฤตพนธ์ฟัง สมองวิเคราะห์ว่ากำลังมีเรื่องราวอะไรกัน ฤทัยมองหน้ากฤตพนธ์...ไม่อยากให้เขาเข้ามารับรู้เรื่องนี้ เลยฉีกยิ้ม
“ไม่มีปัญหาจ้ะ ถ้าหนูนันอยากได้หลักฐานฉันก็จะให้ ตามฉันมาสิ นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว เราควรจะคุยกันตามลำพัง คนอื่นไม่เกี่ยว”
ฤทัยพูดบอก แต่อารมณ์สั่งไม้ให้กันกฤตพนธ์ไว้ไม่ให้ตามไป
“ครับคุณผู้หญิง”
ฤทัยเดินนำกลับเข้ามายังโกดัง กฤตพนธ์มองตามนึกห่วงอย่างประหลาด ไม้จับจ้องเขาอยู่ ราวกับผู้คุม
-ฤทัยเดินนำนันทนัชเข้ามาในส่วนที่เป็นโกดังเก็บกระสอบข้าวเปลือกซ้อนเป็นชั้นสูงท่วมหัว เห็นคนงานทำงานกันอยู่ ฤทัยหยุดยืนสั่งอยู่กลางห้อง
“พวกแกออกไปก่อน”
คนงานที่รู้กิตติศัพพท์ของฤทัยดี รีบวางมือจากงาน ออกจากโกดังไป ขณะที่เธอเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างหลังฤทัย
“ไหนล่ะหลักฐานซื้อขายข้าวของตาเสี่ยนั่น”
ฤทัยกำมือทั้ง2ข้าง สีหน้าโกรธราวยักษ์มา
“หลักฐานเหรอ”
เผี๊ยะ! ฤทัยหันมาตบนันทนัชเต็มแรง เธอไม่ทันระวังเพราะไม่คิดว่าฤทัยจะทำแบบนี้ปถึงกับหน้าหัน เซถอยหลัง มึน
“นี่...สำหรับที่แกทำกับลูกชายฉัน”
ฤทัยปรี่เข้ามาตบเธออีกเผี๊ยะ! เต็มแรง จนเธอเซไปชนกองกระสอบข้าวเปลือก มึน
“ส่วนนี่...สำหรับความสาระแนของแก”
ฤทัยตามเข้ามาจิกหัวนันทนัชอีก
“คิดจะไล่บี้เล่นงานฉันให้จนมุมเหรอห่ะ อีเด็กเมื่อวานซืน แกไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอก ฮ่ะๆๆ”
นันทนัชเริ่มหายมึนตามองจ้องฤทัยเขม็ง
“ก็ลองดู...ว่าฉันจะทำได้มั้ย”
นันทนัชกระชากผมฤทัยบ้าง แล้วตบคืนไปทีนึง
“อ๊าย”
ฤทัยเซผงะถอยมาจากนันทนัชทันที เธอจะเข้าไปปะทะกับนันทนัชอีกรอบ ก่อนกลบเกลื่อนความกลัวด้วยการยืนลูบๆ แก้มหัวเราะอย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร
“มีแรงแค่นี้เนี่ยะนะ จะมาสู้รบปรบมือกับฉันฮ่ะๆๆ แกอย่าทนงตัวไปนะ ว่าเป็นลูกสาวแท้ๆ เพียงคนเดียวของนายลิตร ชาติกำเนิดของแกมัน ไม่ได้สูงส่งเลอค่าอะไรเล๊ย ตรงกันข้าม...แกมันก็โสโครกเหมือนแม่แก นั่นแหละ”
“พูดเรื่องอะไรของแก แม่ฉันมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“อุ้ยต๊ายตาย นี่นังทิพย์ยังไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ ว่าตอนที่แม่แกตั้งท้องแกน่ะ พ่อแกเป็นผัวพี่สาวแม่แกอยู่ แต่แม่แกไปแย่งผัวพี่สาวมา”
“หยุดนะ! อย่ามาใส่ร้ายแม่ฉัน”
“ใส่ร้ายเหรอ...ฮ่ะๆๆ ขอเปลี่ยนเป็นสาปแช่งดีกว่า นังรำเพยแม่ของแกน่ะ มันสำควรตายแล้ว มันแย่งผัวพี่สาวที่มีพระคุณของตัวเอง มันทำให้คุณนายเรไรต้องตรอมใจตาย มันเนรคุณ เลี้ยงไม่เชื่อง!”
นันทนัชอ้าปากค้างช็อกกับเรื่องราวที่ได้ยิน
ชั่วเวลาต่อมา กฤตพนธ์เห็นเพียงฤทัยที่เดินกลับมาเพียงคนเดียว ด้วยสีหน้าท่าทางดูสบายอกสบายใจ จนเขารู้สึกแปลกใจ
“อ้าวคุณกฤต นี่ยังอยู่เหรออีกเหรอคะ นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก”
“ผมรอคุยธุระกับคุณนันอยู่น่ะครับ”
“ธุระ! เหอะๆๆ ทำยังกับว่าคุณรู้จักมักจี่กับยัยนันมานานแรมปีงั้นแหละ เดี๋ยวนี้ไม่มีธุระกับยัยกิ๊บแล้วเหรอคะ”
“เมื่อคืนคุณกิ๊บเพิ่งไปทานข้าวที่บ้านผมเองนะครับ”
“อ๋อเหรอ งั้นวันนี้ก็ต้องให้ยัยกิ๊บเลี้ยงคืน ไปค่ะ ตอนนี้ยัยกิ๊บอยู่ที่บ้าน น้ากำลังจะกลับบ้านอยู่พอดี เดี๋ยวน้าจะรีบโทร.ไปบอกให้เตรียมของอร่อยๆไว้รอคุณกฤต”
“เอ่อ...ไว้วันอื่นดีกว่าครับ”
“แต่...”
“วันนี้ผมติดธุระจริงๆ ต้องขอโทษด้วยครับ”
ฤทัยยกมือถือค้าง สีหน้าไม่พอใจนัก
“รู้ตัวรึป่าวคะ ว่าคุณกฤตกำลังทิ้งมิตรแล้วเลือกศัตรู”
“อย่าคิดอย่างงั้นซิครับ ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร แล้วผมก็ยังเป็นมิตรกับทุกคน”
“เป็นมิตรกับทุกคน รวมทั้งกับคนที่ทำตัวเป็นศัตรูกับครอบครัวน้าด้วยเนี่ยะนะ หึ มันก็เหมือนกับว่าคุณกฤตทำตัวเป็นศัตรูกับน้านั่นแหละ มันไม่ต่างกันหรอก! อยากอยู่คุยธุระก็เชิญ ไปไม้...กลับ!”
ฤทัยสะบัดหน้าเดินไป ไม้มองอย่างไม่เป็นมิตร ก่อนเดินตามฤทัยไป กฤตพนธ์ยืนมองเข้าไปในโกดังแล้วถอนใจ แปลกใจที่ไม่เห็นนันทนัชออกมาเสียที
เขาเดินมองหาเธอในโกดังแต่ไม่เห็น แล้วเขาก็ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆดังมาจากมุมหนึ่ง เธอนั่งแอบอยู่ที่กองกระสอบข้าว
“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คุณนัน”
เธอตกใจที่กฤตพนธ์เดินมาเจอ เธอพยายามหลบหน้าไม่ให้เขาเห็นสภาพ
“คุณเป็นอะไรรึปล่าวครับ ผมได้ยินเสียงเหมือนคุณร้องไห้”
“หูฝาดล่ะซิ! ฉันร้องไห้ที่ไหน กลับไปได้แล้ว ไป”
นันทนัชพูดพลางพยายามเดินชิ่งหลบหน้าหลบตา แต่กฤตพนธ์คว้าแขนดึงไว้
“เดี๋ยวก่อน! ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”
“ไม่มีอะไร ปล่อย”
เธอสะบัดแขน กฤตพนธ์ตะลึง...เมื่อเห็นผมเผ้านันทนัชกระเซิง หน้าตามีรอยแดงช้ำเหมือนมีเรื่องมีราวกับใครมา
“ไม่มีอะไร แล้วทำไมหน้าตาคุณเป็นแบบนี้”
กฤตพนธ์ลูบผมเผ้านันทนัชให้เรียบร้อย แตะรอยแดงๆที่แก้มของเธอ มองเต็มตาอย่างเป็นห่วง ทำให้เธอน้ำตาไหลออกมา มองสบตาเขารู้สึกอบอุ่น พูดอะไรไม่ออก
“เอ่อ...คือ”
“คุณน้าฤทัยลงไม้ลงมือกับคุณเหรอ”
นันทนัชกลัวกฤตพนธ์จะว่าอ่อนแอ เลยรีบแก้ตัว...ส่ายหน้าทั้งน้ำตา
“ไม่ใช่ว่าฉันอ่อนแอสู้เค้าไม่ได้นะ แต่ฉันไม่ทันระวังตัวต่างหาก”
เธอพยายามหักห้ามน้ำตา
“และฉันก็เสียเวลาไม่ได้แล้ว ฉันต้องรีบไปจัดการยัยแม่เลี้ยงเดี๋ยวนี้”
นันทนัชเดินผละจากกฤตพนธ์
“คุณนัน! จะทำอะไรอีก”
กฤตพนธ์รีบตาม
ทนายสมุทรชัยกับไกรภัทรเพิ่งมาถึงออฟฟิศ เดินหิ้วกระเป๋าเข้าห้องทำงานมา โดยมีเลขาสาวเดินตามเข้ามา
“รับกาแฟเลยไม๊คะ”
สมุทรชัยพยักหน้าพลางถาม
“เห็นคุณนันหรือคุณฤทัยเข้ามาสำนักงานบ้างไม๊”
“ตั้งแต่ประชุมกรรมการคราวนั้น ก็ไม่ยังเห็นเข้ามาอีกเลยค่ะ”
นันทนัชเดินรีบร้อนมาหน้าห้อง ประตูห้องปิดไม่สนิทเลยได้ยินพอดี นันทนัชเลยผลักเข้ามา
“เข้ามาซิ...ทำไมจะไม่เข้า! ทำงานกันยังไง แม่เลี้ยงฉันยักยอกโรงสีอยู่ที่โกดังโน่น ไม่มีใครรู้เลยเหรอเนี่ยะ”
“ยักยอกโรงสีอะไรกันครับคุณนัน ใจเย็นๆครับ ค่อยๆพูด” สมุทรชัยว่า
นันทนัชตบลงบนโต๊ะ
“ไม่เย็นแล้วลุงทนาย เมื่อกี้นันเห็นยัยแม่เลี้ยงฤทัย แอบให้ใครไม่รู้มาขนกระสอบข้าวออกไปจากโกดัง”
“อาจจะเป็นลูกค้าของโรงสีเราก็ได้นะครับคุณนัน คุณฤทัยก็รู้จักกับลูกค้าของเราแทบทุกคน”
“แล้วทำไมนันขอดูหลักฐานซื้อขาย เค้าถึงไม่ให้นันดูล่ะ คนอย่างยัยแม่เลี้ยง ถ้ามีหลักฐานคงงัดออกมาปาใส่หน้านันแล้ว”
“ถ้าคุณนันอยากรู้ก็ไม่เห็นยากนี่ครับ”
เสียงกฤตพนธ์เอ่ยขึ้น ทำให้ไกรภัทรกับสมุทรชัยหยุด หันไปมอง...เห็นกฤตพนธ์ก้าวเข้าห้องมา
“แค่เอาบัญชีการซื้อขายข้าวในวันนี้มาตรวจสอบดู ก็น่าจะรู้ว่ามีอะไรผิดปรกติรึปล่าว”
นันทนัชสีหน้าดีขึ้นทันที หันไปบอกไกรภัทรกับสมุทรชัย
“โอเคนะคะ นันขอดูเอกสารอย่างที่คุณกฤตบอก นันคงจะมีสิทธิ์ตรวจสอบความโปร่งใสของโรงสี เพราะทางหุ้นส่วนและกรรมการได้ให้สิทธิ์นันไว้แล้ว”
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ คุณนันสงสัยอะไร อยากจะตรวจสอบตรงไหนบอกมาได้เลยครับ ผมยินดีจะช่วยจัดการให้ทุกอย่างด้วยเต็มใจ”
ไกรภัทรยิ้ม ปั้นหน้าเป็นสุภาพบุรุษแสนดี
“ขอบคุณมากค่ะ”
นันทนัชยิ้มออก กฤตพนธ์กับสมุทรชัย มองหน้าไกรภัทรแบบแปลกใจ ที่ทั้งคู่ยิ้มให้กัน
นันทนัชทรุดนั่งลงที่โต๊ะทำงาน...หมดแรง หน้าที่โดนฤทัยตบ ยังระบม
“เจ็บมากเหรอคุณ”
“ฉันแค้นมากกว่า ยังไงฉันก็ขอบคุณมากนะคุณกฤต ถ้าวันนี้ไม่มีคุณอยู่ด้วย ฉันอาจจะถูกยัยแม่เลี้ยงอุ้มไปจากโกดังเก็บข้าวแล้วก็ได้”
“คุณน้าจะทำขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ขนาดส่งคนไปดักฆ่า จับฉันกดน้ำมาแล้ว อุ้มแค่นี้ ทำไมจะทำไม่ได้”
“แต่ตำรวจยังจับตัวคนร้ายไม่ได้นะครับ ผมไม่อยากให้คุณตายใจเกินไป
ว่าเป็นฝีมือของคุณน้าฤทัย คุณควรจะระวังๆคนอื่นเอาไว้บ้าง เพื่อความไม่ประมาท”
“ขอบคุณที่เตือนค่ะ ฉันจะไม่ประมาท คนอย่างฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว อย่างมากก็แค่ตาย
แต่ก่อนตาย…ฉันขอแค่ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีสักครั้ง หาคนที่ฆ่าพ่อให้ได้ แต่พูดไป... ทายาทตระกูลอัศวัติที่เกิดมาเพรียบพร้อมอย่างคุณ คงไม่เข้าใจความรู้สึกลูกกำพร้าอย่างฉันหรอก”
“ทำไมผมจะไม่เข้าใจ ผมเองก็กำพร้าเหมือนกับคุณ”
นันทนัชอึ้งมอง ไม่คิดว่าเขาจะหัวอกเดียวกับเธอ
“พ่อแม่ผมตายตั้งแต่ผมเพิ่งจะหัดเดิน ที่ผมโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะลุงเป็นคนเลี้ยงผมมา”
เธอพูดอะไรไม่ออก แววตากร้าวดูอ่อนลง เห็นใจเขา เขาลุกขึ้น
“ผมกลับล่ะ แล้วอย่าลืมหายาทาที่แก้มนะครับ เดี๋ยวแก้มนุ่มๆ จะช้ำซะหมด”
กฤตพนธ์ยิ้มๆ แล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้นันทนัชนั่งอ้าปากค้าง
“คนทุเรศ! ทำเป็นมารู้ดีว่าแก้มเรานุ่ม รู้ได้ไง”
แล้วนันทนัชก็นึกขึ้นได้
กฤตพนธ์เดินกลับมาที่รถหน้าหนักใจ…ด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งห่วงนันทนัช ทั้งแปลกใจที่มีอะไรดึงเขาให้มารับรู้เรื่องนันทนัชทุกครั้ง
“ขอบคุณที่เตือน แต่อย่างมากฉันก็แค่ตาย ฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว”
กฤตพนธ์ถอนใจ เมื่อเดินมาถึงรถ มือจับไปที่ประตูรถ เขาก็นึกถึงลางบอกเหตุวันนั้น
พ่อเฒ่าวัยชรานุ่งห่มเสื้อผ้าสีหม่นๆเกล้ามวย เดินถือไม้เท้าสวนกับเขาไปพร้อมกับพูดเสียงแหบแห้ง
“มันเกิดมาเพื่อชดใช้เวรกรรม มันจะต้องทุรนทุราย เจียนตาย ถ้าแกไม่ช่วยมัน” ...
“แกคือผู้เปลี่ยนชะตากรรม!”
แล้วประตูลิฟท์ก็ปิดลงพร้อมภาพพ่อเฒ่ายิงฟันดำหัวเราะก้อง
กฤตพนธ์ก้าวขึ้นมานั่งอยู่ในรถ เสียงของเธฮยังก้องอยู่
“แต่ก่อนตาย…ฉันขอแค่ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีสักครั้ง”
“มาถึงขั้นนี้แล้ว... ผมคงปล่อยให้คุณตายไม่ได้”
กฤตพนธ์สตาร์ทเครื่อง ขับรถออกไป
-ไกรภัทรกำลังยกหูพูดสายกับคนงานที่โกดัง
“ไม่มีเหรอ...เช็คดีแล้วนะ...ขอบใจมาก”
ไกรภัทรวางหูอย่างหัวเสียนิดๆ หันมาบอกสมุทรชัย
“พนักงานคุมโกดังข้าวมันบอกว่าไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติ การขนส่งข้าวก็เป็นไปตามออร์เดอร์ที่ทางสำนักงานส่งไปให้”
“หึ คนงานที่โรงสีมีพวกของคุณฤทัยอยู่ไม่น้อย ยิ่งคุณลิตรมาเสียแบบนี้ พวกคนงานก็คงต้องรีบเกาะคุณฤทัยว่าที่นายใหญ่แห่งฤทธานนท์ไว้” สมุทรชัยว่า
“แต่ถ้าข้าวถูกขนออกจากโกดังไปจริงๆ อย่างที่คุณนันว่านะพ่อ ยังไงก็ต้องมีทางตรวจสอบได้ จากจำนวนข้าวที่หลืออยู่ในโกดัง”
สมุทรชัย มองหน้าไกรภัทรอย่างจับผิด ที่จู่ๆลูกชายก็ลุกขึ้นมาออกแรง ช่วยเหลือนันทนัช แบบทุ่มสุดตัว
“งั้นแกต้องเหนื่อยหน่อยล่ะตาภัทร ถ้าจะตรวจสอบแบบนั้น ในโกดังเก็บข้าวเป็นหมื่นๆตันเลยนะ”
“แต่มันก็คุ้มไม่ใช่เหรอครับพ่อ ถ้าเราตรวจสอบพบว่า มีการทุจริตการขายข้าวเกิดขึ้น อย่างน้อยคุณนันก็จะได้มีหลักฐาน มาสู้กับคุณฤทัยได้”
ไกรภัทรพูดถึงนันทนัชด้วยใบหน้า ยิ้มปลื้ม ที่ได้ช่วยเหลือนันทนัช
สมุทรชัย เห็นด้วยกับคำพูดของลูกชาย แต่ก็ยังแปลกใจในอากับกิริยาแปลกๆ ที่ไกรภัทรเป็นอยู่
ภายในเรือนรัตน เวลาต่อมา ฤทัยยื่นเช็คเงินสดส่งให้รณฤทธิ์
“เอาเช็คเงินสดนี่ไปใช้หนี้แกซะ”
“ขอบคุณครับแม่ รณรักแม่ที่สุดในโลกเลย”
รณฤทธิ์กอดออเซาะแม่ แต่กนกกรดึงเช็คไปจากมือรณฤทธิ์
“อ๊าย อะไรเนี่ยะ! แม่สปอยไอ้รณถึงขนาดหาเงินมาให้มันใช้หนี้พนันบอลถึง2ล้านเชียวเหรอ กิ๊บไม่ยอมนะ กิ๊บก็อยากจะได้รถใหม่เหมือนกัน 5ล้านเองแม่”
รณฤทธิ์ดึงเช็คคืนไปจากมือกนกกร
“อยากได้ทำไมต้องควักเงินซื้อเอง ทำให้ได้อย่างแม่ซี ล่อผู้ชายรวยๆมาติดกับให้ได้”
ทำเอาฤทัยสะอึก
“ไม่ใช่ถูกผู้ชายมันล่อไปติดกับให้เปลืองตัวฟรีๆ”
“หุบปากเน่าๆของแกเลยนะไอ้รณ ฉันจะล่อใครหรือให้ใครมาล่อฉัน มันขึ้นอยู่กับความพอใจของฉันย่ะ แกไม่ต้องแส่มาสอนฉัน” กนกกรว่า
“อ๋อ นี่แปลว่าถ้าไอ้ผู้พันกฤตมันล่อฟรีๆ ไม่เอาทำเป็นสะใภ้ตระกูลอัศวัติก็ยอมมันงั้นเหรอ ใฝ่ต่ำว่ะ”
“ไอ้รณ”
“เงียบ! หยุดกัดกันเองสักที แกรู้มั้ย ยายกิ๊บ ตอนนี้นายกฤตมันติด นังนันยังกับอะไรดี ไม่ว่านังนันอยู่ที่ไหน ต้องเจอนายกฤตอยู่ด้วยทุกที”
“ก็...นังนันมันยั่วเค้า มันอยากจะเอาชนะกิ๊บ มันอยากแย่งคุณกฤตไปจากกิ๊บ”
“มันอยากแย่งก็ให้มันไป๊ ฉันเกลียดมากผู้ชายที่ทำตัวเป็นนก2หัว”
“เออ..ใช่ รณทั้งเกลียดทั้งแค้นมัน”
“ช่างหัวซิ! ใครจะเกลียดก็เกลียดไป แต่กิ๊บรักของกิ๊บ กิ๊บจะไม่ยอมให้นังนันแย่งเค้าไปจากกิ๊บได้เด็ดขาด ไม่เชื่อก็คอยดู”
กนกกรเดินอาฆาตแค้นออกไป
“เออ...จะคอยดู” รณฤทธิ์บอก
ฤทัยมองตามลูกสาว กับลูกชาย แล้วถอนใจอย่างเครียดๆ
จบตอนที่ 8