สามี ตอนที่ 11
ราพณ์กับรสิกาไปดูแลเจ้าสัวเรียวที่ห้องพักฟื้น ขณะที่รัตนาวลีอยู่ด้วย ราพณ์กดเปิดซีดีเพลงจีนที่เจ้าสัวชอบ แล้วหันมายิ้มให้
“ฟังเพลงโปรดจะช่วยผ่อนคลายความเครียดได้นะครับ”
รัตนาวลีนวดแขนนวดมือให้กับเจ้าสัวเรียว ราพณ์มองรัตนาวลีทำแล้วช่วยนวดมืออีกข้าง
“ผลการตรวจคราวที่แล้ว คุณหมอบอกว่าร่างกายป๊าดีขึ้นมาก ความดัน เป็นปกติ ถ้าเรายังดูแลอย่างเคร่งครัดตามที่คุณหมอบอก แล้วก็ขยันทำกายภาพ ร่างกายป๊าจะต้องฟื้นตัวแน่ ๆ ครับ”
รัตนาวลียิ้ม
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะดูแลเจ้าสัวอย่างดี”
“ป๊าต้องหายไว ๆ นะคะ”
รสิกาให้กำลังใจ เจ้าสัวเรียวพยายามยิ้ม
“ทำใจให้สบายนะครับป๊า เรื่องในครอบครัว ผมจะดูแลให้เอง ป๊าไม่ต้องห่วงนะครับ”
ลินดาเข้ามากับรามเห็นทุกคนดูมีความสุข ก็มองไม่พอใจแล้วเดินไปกดปิดเพลงอย่างถือวิสาสะ ทุกคนชะงักหันมอง
“สวัสดีค่ะ เจ้าสัว”
ราพณ์ รสิกา รัตนาวลีรู้สึกเซ็งว่าไฟลามเข้าบ้านอีกแล้ว
“ม๊าจะมาเยี่ยมป๊า คงไม่มีใครคิดจะขวางใช่ไหมครับ” รามถาม
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าต้องการแค่มาเยี่ยมจริงๆ ไม่ได้มากวนใจ”
ลินดามองรัตนาวลีอยากจะตอบโต้
“แต่ถ้ามีเรื่องกวนใจ ผมก็จะไม่เกรงใจนะครับ” ราพณ์บอกเสียงเข้ม
ลินดาเลยต้องนิ่งข่มใจ
“ฉันจะนั่งเงียบๆ พอใจรึยัง”
เสียงนาฬิกาจากมือถือของรสิกาดังเตือน รสิกาลุกขยับไปหยิบถาดยา
“ได้เวลาทานยาแล้วค่ะ”
รสิกาหยิบขวดยาออกมาเปิดขวดแล้วเทยาออกมาใส่ถ้วยเล็ก ๆ ป้อนให้กับเจ้าสัวเรียวตามด้วยน้ำ ลินดาจับตาดูเงียบๆ
เสียงมือถือราพณ์ดัง ราพณ์กดมือถือแล้วเครียดทันที เพราะสิริโสภาส่งข้อความมาว่า
‘ถึงเวลาที่คุณหญิงกับรามจะรู้ความจริงเรื่องของ...เรา’
ราพณ์หันมาบอกรสิกา
“เอ่อ...ผมขอไปคุยงานสักครู่นะครับ”
ราพณ์เดินออกไป ลินดายิ้มๆ พอใจ เพาะรู้ว่าเป็นฝีมือสิริโสภา
สิริโสภานั่งอยู่ในห้องน้อนอย่างรอคอย เสียงประตูเปิดเข้ามา สิริโสภายิ้มพอใจหันกลับมาเผชิญหน้ากับราพณ์
“ใจร้อนขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“อย่าทำแบบนี้นะสิ”
“สิทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ได้คุณคืนมา”
“รามเขารักคุณนะ รักมาก อย่าทำร้ายเขา เขาไม่ได้ทำผิดอะไร”
สิริโสภาสวน
“แล้วฉันผิดอะไร ทำไมคุณถึงทำร้ายฉัน ทั้งที่ฉันรักคุณ”
ราพณ์หนักใจ
“ยอมรับความจริงนะสิ มันจบไปแล้ว ลืมทุกอย่างไปซะ ผมขอร้อง”
สิริโสภาไม่ยอมเข้ากอดราพณ์
“สิลืมไม่ได้ ให้สิลืมความรักของเรา สิทำไม่ได้ สิรักคุณ รักคุณคนเดียว”
“ปล่อยผม”
“ไม่…คุณเป็นของสิ ของสิคนเดียว”
สิริโสภาไม่ยอมปล่อย ราพณ์พยายามแกะมือสิริโสภา
ลินดามองขึ้นไปด้านบนคิด ๆ ว่าคงได้เวลาแล้ว จึงหันไปหาราม
“ราม...หนูสิอยู่ไหมลูก แม่อยากชวนหนูสิไปหาอะไรทานนอกบ้าน”
“ดีเลยครับ”
“ฉันไปก่อนนะคะเจ้าสัว” ลินดาพูดกับรัตนาวลี “ดูแลเจ้าสัวให้ดีนะคะ”
ลินดาเดินออกไปกับราม รสิกากับรัตนาวลีรู้สึกสงสัยท่าทีของลินดา
“วันนี้คุณลินดามาแปลกกว่าทุกทีนะคะ มาทีไรต้องเปิดประเด็นให้มีเรื่อง แต่วันนี้นิ่ง”
“เขาอาจจะเบื่อ หรือต้องการความสงบสุขบ้าง มันก็ดีนะ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ดีค่ะ อ้ายก็ชอบความสงบสุขเหมือนกัน”
รัตนาวลียิ้มให้รสิกาแบบอย่าคิดมาก
สิริโสภายังพยายามจะปล้ำ ขณะที่ราพณ์พยายามจะดึงให้หยุด แต่สิริโสภาไม่ยอมกระชากเสื้อของราพณ์จนกระดุมขาดกระเด็น ส่วนตัวสิริโสภาก็ผมเผ้ายุ่งเหยิง พยายามจะปล้ำแต่ราพณ์พยายามจะผลักสิริโสภาออก จนราพณ์ต้องเหวี่ยงสิริโสภาลงบนเตียงให้สงบสติอารมณ์
“พอได้แล้วสิ คุณกำลังจะทำให้ผมหมดความอดทน”
“ทุกคนต้องรู้ความจริง คุณหญิงต้องรู้เรื่องของเรา เขาจะเกลียดคุณ”
“ผมก็จะเกลียดคุณเหมือนกัน”
สิริโสภาชะงัก
“ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไร ผมก็กลับไปหาคุณไม่ได้อีกแล้ว เพราะคนที่ผมรักคือคุณหญิงเพียงคนเดียว...ที่ผมมาไม่ใช่เพราะกลัวคุณ แต่ผมจะมาบอกคุณว่าเลิกเล่นเกมปั่นหัวผมได้แล้ว เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะทำทุกทางเพื่อให้คุณหญิงอภัยให้กับผม ไม่ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม”
สิริโสภาน้ำตาร่วง
“ผมขอโทษสำหรับทุกอย่าง หวังว่าคุณจะเข้าใจและยอมรับมันให้ได้”
ราพณ์จะเดินออกไป
“ดีค่ะ”
ราพณ์ชะงักไปนิด
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า คุณหญิงจะรักคุณมากสักแค่ไหน”
ราพณ์นิ่งไปนิดแต่ไม่หันกลับมา เขาเดินออกไปอย่างเชื่อมั่น สิริโสภามองตามอย่างคลั่งแค้น กรี๊ดแบบไม่มีเสียง แล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าตัวเอง
รามกับลินดาเดินมาเห็นราพณ์ที่ออกมาจากห้องนอน รามชะงักนิดแล้วจะพุ่งไปแต่ลินดาดึงแขนไว้ให้เงียบ รามหันมองว่าหมายความว่ายังไง ลินดาสั่งให้ดูก่อน ราพณ์มองสภาพเสื้อตัวเองที่กระดุมขาดกระจุย ราพณ์ตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อ
“ทำไมราพณ์มันถึงออกมาจากห้องแก สภาพแบบนั้น” ลินดาหาเรื่องทันที
รามรีบเดินเข้าไปในห้อง ลินดาเดินตาม
รามเปิดประตูเข้ามาในห้องเห็นสิริโสภาที่นั่งร้องไห้ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง รามตรงเข้าไปหาสิริโสภา
“มันเกิดอะไรขึ้น เฮียราพณ์เข้ามาในนี้ทำไม แล้ว...”
รามมองสภาพของสิริโสภาที่เสื้อผ้าดูยับเยิน สิริโสภาไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้
“สิ มันเกิดอะไรขึ้น”
สิริโสภาร้องไห้จะเป็นจะตาย รามกำหมัด ลินดามองลีลาสิริโสภาว่าเข้าแผนจริงๆ
ราพณ์เปลี่ยนเสื้อตัวใหม่เข้ามาในห้องพักฟื้น รสิกามองแปลกใจ
“ผมร้อนน่ะ ก็เลยอาบน้ำอีกรอบ” ราพณ์รีบบอก
รุ้งรายเข้ามา
“สวัสดีค่ะทุกคน สวัสดีค่ะป๊า” รุ้งรายเข้ากอดเจ้าสัวเรียว “รุ้งรับโทรศัพท์ปั๊บก็รีบ มาหาเฮียทันทีเลย แล้วก็คิดถึงป๊าด้วยค่ะ”
“เดี๋ยวไปคุยที่ห้องทำงาน...ป๊าครับ พรุ่งนี้ผมจะรับพระลบกลับมานะครับ ปล่อยให้อยู่โรงเรียนประจำนาน ๆ คงน้อยใจแย่”
“ดีเหมือนกันค่ะ เจ้าสัวคงคิดถึงพระลบเหมือนกันใช่ไหมคะ”
เจ้าสัวบีบมือรัตนาวลีเบาๆ
“กลับมาคราวนี้พระลบคงมีความสุขมาก เพราะคราวนี้คุณหญิงคงยอมให้พระลบเรียกหม่าม๊าได้แล้วใช่ไหมคะ งานนี้คุณหญิงคงโดนอ้อนหนักแน่ รายนั้นอยากเรียกหม่าม๊ามานานแล้ว” รุ้งรายแหย่
รสิกายิ้มรับ
“อ้ายจะดูแลพระลบให้ดีที่สุดค่ะ”
ทุกคนยิ้มชื่นใจ
รามกอดสิริโสภาที่ยังร้องไห้ตัวสั่นราวกับกลัวเหลือเกิน
“นี่ราพณ์มันข่มเหงหนูสิใช่ไหม สภาพถึงได้เป็นแบบนี้ คงคิดว่าเป็นเจ้าของบ้านจะทำอะไรก็ได้ เลวจริงๆ” ลินดาพยายามพูดให้รามโกรธ
“คุณราม อย่ารังเกียจสินะคะ สิกลัว อย่าทิ้งสินะคะ”
“เฮียรังแกคุณจริงๆ เหรอ” รามไม่แน่ใจ
สิริโสภาไม่ตอบ ร้องไห้อย่างเดียว รามทนไม่ไหวพุ่งออกไปด้วยความโกรธ สิริโสภากับลินดารีบตามไปดูผลงาน
ขณะที่ทุกคนกำลังยิ้มอย่างมีความสุขในห้องพักฟื้น รามพรวดเข้ามา
“ไอ้สารเลว”
ทุกคนตกใจหันไปยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รามพุ่งเข้ามากระชากราพณ์ขึ้นมาต่อย ผัวะ!
“ไอ้ชั่ว…ไอ้เลว...”
ราพณ์พยายามปัดป้องแต่รามคลั่งมาก ราพณ์ต่อยรามผัวะ!
“เป็นบ้าอะไร”
“มึงรังแกเมียกู”
ทุกคนอึ้งกับคำพูดของราม
“เฮียไม่ได้ทำ”
“มึงไม่ใช่เฮียกู”
รามต่อยราพณ์เป็นพัลวัน ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น ลินดากับสิริโสภายืนมองอยู่ด้านนอก ลินดาสะใจมากที่รามอาละวาดเหมือนหมาบ้า รสิกา รุ้งราย รัตนาวลีพยายามจะเข้าไปแยกแต่ไม่เป็นผล รามสะบัดผลักทุกคนที่เข้ามาใกล้
“หยุดค่ะ คุณราม”
“ไอ้ราม”
แหววที่วิ่งเข้ามาพยายามจะหาทางเข้าช่วยล็อคตัวรามถอยออกมา
“มึงเข้าห้องกู รังแกเมียกู”
รสิกา รุ้งรายหันมองราพณ์
“เฮียไม่ได้ทำเลวๆ อย่างที่แกคิดนะ”
“แล้วคุณเข้าไปในห้องรามทำไม” ลินดาถาม
ราพณ์ชะงัก
“ฉันกับรามเห็นกับตาว่าคุณเดินออกมาสภาพกระดุมเสื้อขาด ตอบทุกคนสิว่าคุณเข้าไปทำไม”
ทุกคนหันมองราพณ์ ราพณ์เองก็แก้ตัวไม่ขึ้นเพราะเข้าไปหาสิริโสภาจริงๆ
“จริงเหรอคุณสิ” รุ้งรายถาม
สิริโสภาไม่ตอบกลับร้องไห้โฮออกมา รามยิ่งคลั่ง
“ไอ้เลว”
รามจะพุ่งเข้าเล่นงานราพณ์ ราพณ์ทนไม่ไหวเข้ากระชากดึงรามออกไปด้านนอก เจ้าสัวเรียวมองตามอึ้งว่าเกิดอะไรกันขึ้น ทุกคนตามออกไปด้วยกลัวจะมีเรื่องอีก
ราพณ์ลากรามออกมา รามพยายามสะบัดตัวโวยวายจนแหววล้มไปกระแทกพื้น
“อูย” แหวนร้องด้วยความเจ็บ
“ปล่อยกู...ปล่อย...”
ราพณ์ต้องจับรามยันไว้กับผนัง
“ตั้งสติหน่อย ฉันไม่ได้ทำอะไรเมียแก”
“มึงลวนลามเมียกู”
ทุกคนที่ตามออกมาชะงักรอ ราพณ์หันมาหาสิริโสภา
“เธอบอกรามว่าฉันลวนลามเธองั้นเหรอ สิริโสภา”
สิริโสภาโดนบีบก็ร้องไห้เอาตัวรอด ราพณ์เสียงดังบีบให้สิริโสภาพูด
“พูดออกมาสิ ว่าฉันทำหรือเปล่า”
ทุกคนมองสิริโสภาอย่างกดดัน บรรยากาศเครียดถึงขีดสุด
“ถ้าไม่ได้ลวนลามแล้วคุณเข้าไปที่ห้องของรามทำไม คุณกับหนูสิมีเรื่องอะไรกัน”
“ผมไม่ได้มีอะไรกับคุณสิ นอกจากความเป็นพี่สามีกับน้องสะใภ้เท่านั้น ถ้าผมทำ คุณสิก็พูดออกมาว่าผมทำอะไร”
สิริโสภาเจอราพณ์ที่โกรธจัดและพร้อมระเบิดทำให้สิริโสภาไม่กล้า ถ้าความแตกคงเป็นสิริโสภาที่โดนให้ออกจากบ้านจะไม่มีโอกาสแก้แค้นอย่างที่หวัง
“คุณราพณ์ไม่ทำเรื่องเลวร้ายแบบที่คุณลินดาคิดแน่ โดยเฉพาะกับภรรยาของน้องชายตัวเอง อ้ายเชื่อในตัวคุณราพณ์” รสิกาพูดเสียงเข้ม
ราพณ์พูดกับราม
“แกถามมา เฮียพร้อมจะตอบ”
“เฮียเข้าไปในห้องผมทำไม”
“ฉันเข้าไปคุยสิริโสภาเรื่องของแก เฮียรู้ว่าเขายังรักอดีตสามีของเขา เฮียไม่อยากให้เขาเห็นแกเป็นแค่ตัวแทนของใคร เพราะแกเป็นน้องของเฮีย”
“เฮียรู้ได้ยังไงว่าเขายังรักอดีตสามีของเขาอยู่”
“ถ้าเขาลืมได้แล้ว เขาคงไม่ร้องไห้และพูดถึงเรื่องเก่าๆ กลางโต๊ะอาหารแบบนั้นหรอก เฮียทนไม่ได้ถ้าเขาจะทำให้แกเสียใจ”
“พอเถอะค่ะ สิผิดเองที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น ให้จบเท่านี้เถอะนะคะ นะคะคุณราม” สิริโสภาไม่กล้าพูดอะไร
ลินดาเห็นว่าพวกราพณ์กำลังจะเป็นต่อ จึงฉากออกไปเดินกลับไปที่ห้องพักฟื้น
“ที่เฮียพูดเป็นความจริงหรือเปล่าครับสิ”
“จริงค่ะ...”
“แล้วทำไม...”
“พอเถอะนะคะ นะคะราม”
สิริโสภาจะดึงรามไป
“เดี๋ยว ราม...แกต้องขอโทษที่เข้าใจเฮียผิด” รุ้งรายสั่ง
รามชะงักมองราพณ์ รู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดแต่เรื่องให้ขอโทษมันยาก
“ไม่เป็นไร...แค่แกเข้าใจเฮียให้ถูกต้องก็พอแล้ว” ราพณ์ตัดบท
สิริโสภาดึงรามออกไปจนได้ ราพณ์มองตามอย่างปวดหัวว่าที่สุดก็มีเรื่อง
“แหวว เป็นยังไงบ้าง” รัตนวลีหันไปถามแหววที่นั่งอยู่
รสิกาเข้ามาประคองแหวว รุ้งรายมองหาไม่เห็นลินดาก็รีบเดินกลับไปหาเจ้าสัวเรียวด้วยความเป็นห่วง
ลินดาเข้าไปนั่งข้างเจ้าสัวเรียว
“สนุกดีนะคะ พี่น้องต่อยกันเพราะผู้หญิง ลินดาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องบัดสีแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านของเจ้าสัว พี่ชายกับน้องชายมีเมียคนเดียวกัน อย่าคิดมากเลยนะคะเจ้าสัว ถ้าหม่อมวลีกับคุณหญิงรู้ ทุกคนในบ้านคงจะมีความสุขมากกว่านี้อีกเยอะ”
เจ้าสัวตะลึง รุ้งรายที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องตะลึงไม่ต่างกัน อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
ราพณ์นั่งเครียดอยู่ในห้องทำงาน รุ้งรายเข้ามาในห้อง ก่อนปิดประตูรุ้งรายเช็คเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีใคร ราพณ์มองท่าทีของรุ้งราย
“มีอะไร ทำไมต้องมีพิรุธขนาดนั้น”
รุ้งรายปิดประตู เดินเข้ามาซักราพณ์ด้วยสีหน้าซีเรียส
“จริงหรือเปล่าที่สิริโสภาเป็นเมียของเฮียเหมือนกัน”
ราพณ์ตัดสินใจ
“มันเป็นเรื่องจริง แต่เฮียบอกเลิกกับเขาเพื่อแต่งงานกับคุณหญิง ระหว่างเฮียกับสิมันเป็นข้อตกลงกัน แต่เขาอยากได้มากกว่านั้น”
“โอ้ย...นี่ถ้าคุณหญิงรู้”
“แล้วรุ้งไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน”
“รุ้งได้ยินคุณลินดาพูดกับป๊า”
ราพณ์ตกใจ
“คุณลินดาเป็นคนพูด...แสดงว่าการที่สิเข้ามาในบ้านนี้ ไม่ใช่แผนของสิคนเดียว” ราพณ์คิดหนัก “แต่รามคงไม่รู้เรื่องนี้”
“ถ้ารามมันไม่รู้เรื่อง เฮียก็ต้องไล่สิริโสภาออกจากบ้านไป ไม่งั้นรามมันต้องโดนปั่นจนเกิดเรื่องวุ่นวายในบ้านแน่ๆ”
“ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะรามดูจะรักสิริโสภามาก”
“ถ้าอย่างนั้นเฮียก็จัดงานแต่งให้มันแล้วก็ซื้อบ้านให้ไอ้รามซะ มันจะได้พาสิริโสภาออกไป”
“งั้นเราจะรีบจัดงานแต่งของรามให้เร็วที่สุด” ราพณ์เครียด มองรุ้งรายแล้วนึกได้ “พรุ่งนี้เฮียอยากให้รุ้งไปเช็คที่โครงการของเฮียชาญชัย เช็คละเอียดแล้วมารายงานเฮีย”
“มีอะไรเหรอเฮีย”
“ให้เฮียแน่ใจก่อนแล้วเฮียจะบอก”
“ค่ะ รุ้งจะจัดการให้ เฮียไปเคลียร์กับป๊าด้วยนะ คุณหญิงอีกคน ไม่รู้ว่าจะคิดยังไงกับเรื่องวันนี้”
ราพณ์เครียดหนักกับปัฐหาชีวิตของตัวเอง
รสิกายืนเครียดคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ รัตนาวลีเดินเข้ามามองด้วยความเป็นห่วง
“คิดมากเรื่องคุณราพณ์ใช่ไหมลูก”
“อ้ายรู้สึกสังหรณ์ใจค่ะหม่อมแม่ คุณสิกับคุณราพณ์ เขาอาจจะรู้จักกันมาก่อน อาจจะ...”
“เป็นอดีต...”
รสิกามองรัตนาวลี
“ถ้าเขาจะรู้จักกันจริง ๆ หรือว่าเคย...อะไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องของอดีตแต่มันจะกลายเป็นเรื่องของปัจจุบันทันที ถ้าอ้ายเก็บมาคิดและพยายามค้นหาความจริง อ้ายอยากให้มันกลายเป็นปัจจุบันไหมล่ะลูก มันอาจจะทำลายทุกอย่างที่ลูกมีในตอนนี้ ความสุข...ความรัก ลูกจะยอมแลกมันเหรอจ๊ะ”
“ไม่ค่ะ อ้ายไม่อยากเสียเขาไป”
“ถ้าอ้ายตัดสินใจแล้ว แม่ขอให้อ้ายหนักแน่น แม่อยากให้อ้ายจำไว้ว่าไฟในอย่านำออกไฟนอกอย่านำเข้า อะไรก็ตามที่จะทำร้ายใจตัวเอง และคนที่เรารักเข้าใจไหมลูก”
รสิกามองรัตนาวลีอย่างคิดตาม
เจ้าสัวเรียวนอนนิ่ง สายตาเหม่อลอยคิดหนัก ราพณ์เข้ามานั่งข้างๆ จับมือพ่อไว้
“ป๊าครับ...ผมขอโทษ ที่ผมไม่เชื่อป๊า ป๊าเคยเตือนผมเรื่องผู้หญิงที่ผมเก็บเขาไว้ ผมประมาทที่คิดว่ารู้จักเขาดีพอ และเชื่อว่าจะจัดการกับเขาได้เมื่อถึงเวลาที่ผมแต่งงาน แต่ผมปล่อยให้ความสงสาร กลายบ่วงกลับมารัดคอผมในวันนี้ ทุกอย่างเป็นอย่างที่ป๊าเตือนผมไว้จริง ๆ”
เจ้าสัวเรียวมองราพณ์ พลางบีบมือราพณ์อย่างให้กำลังใจ
“แต่ผมเชื่อว่าผมจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ ผมจะรักษาครอบครัวไว้ให้ได้ครับ”
เจ้าสัวเรียวมองอย่างให้กำลังใจ ราพณ์ยิ้มให้ความเชื่อมั่น
ราพณ์เข้ามาในห้องนอน รสิกาออกมาจากห้องน้ำ แต่งชุดนอนเรียบร้อย ราพณ์ยืนนิ่งมองรสิกา พยายามคิดหาคำพูด แต่พอจะเริ่มรสิกากลับยิ้มให้
“พาป๊าขึ้นห้องนอนแล้วใช่ไหมคะ”
“ครับ...คุณหญิง ผม..”
รสิกาหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้ราพณ์
“คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อาบน้ำแล้วมาพักผ่อนนะคะ”
ราพณ์งงกับท่าทีของรสิกา
“คุณหญิงจะไม่ถามอะไรผมเหรอครับ”
“อ้ายง่วงแล้วล่ะค่ะ แต่อ้ายอยากกอดคุณก่อนนอน” รสิกายิ้ม “..ถ้าคุณไม่....”
ราพณ์คว้าตัวรสิกาให้มานั่งตัก
“ผมเหนื่อย...นอนเลยได้ไหมครับ”
“แต่...”
“นะครับ...”
รสิกาแพ้ลูกอ้อนได้แต่ยิ้มนิ่งๆ เป็นการตกลง ราพณ์ซบกับรสิกามองเธออย่างภูมิใจ
“ขอบคุณนะครับคุณหญิง...”
ราพณ์จะพูดว่าที่เชื่อใจเขา แต่พูดไม่ออก รสิกามองราพณ์รู้ว่าเป็นเรื่องของสิริโสภา
“นอนไหมคะ พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก”
“ภรรยาว่ายังไงว่าตามกันครับ”
ราพณ์ขยับขึ้นเตียงแล้วรวบรสิกามากอด รสิกากอดตอบด้วยความเต็มใจ
“อยู่ข้างๆ ผมอย่างนี้ตลอดไปนะครับคุณหญิง”
รสิกากอดแทนคำตอบ ทั้งคู่หลับตาดูเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขบนความเข้าใจกันและกัน
รามนอนหลับอยู่บนเตียง สิริโสภาที่นอนอยู่ข้างๆ นอนไม่หลับด้วยความริษยาที่พลุ่งพล่าน เธอลุกขึ้นไปดื่มน้ำ พยายามจะสงบสติอารมณ์ ภาพราพณ์กับรสิกาที่ดูรักและเชื่อใจกันมากสิริโสภาแค้น ที่แก้วในมือสิริโสภาบีบแก้วแน่นขึ้นทุกที
รามที่นอนอยู่บนเตียงขยับจะกอดสิริโสภาแต่ไม่พบ เสียงเปรี๊ยะ! ดังมาจากมุมที่สิริโสภายืนอยู่ รามหันมองตามเสียง
“สิครับ คุณทำอะไร”
สิริโสภาวางแก้วแล้วเดินกลับมานั่งที่เตียง ฝั่งที่ตัวเองนอน
“สินอนไม่หลับน่ะค่ะ สิรู้สึกผิดที่ทำให้รามทะเลาะกับคุณราพณ์ แต่...”
รามตัดบท
“ช่างเถอะครับ มันจบไปแล้วไปนอนนะครับ”
สิริโสภาขยับขึ้นเตียงนอนตามที่รามบอก รามกอดสิริโสภาไว้อย่างมีความสุข สิริโสภาน้ำตาไหล มือของเธอข้างที่บีบแก้วมีเลือดไหลจากแก้วบาด เธอบีบมือแน่นด้วยความริษยา
ชาญชัยคุยโทรศัพท์ลุกพรวดอย่างหัวเสีย
“นังรุ้งรายมันไปขอดูเอกสารที่โครงการงั้นเหรอ” ชาญชัยวางสายพล่านมาก “ต้องเป็นเพราะไอ้ราพณ์แน่ๆ โธ่เว้ย”
ชาญชัยสังหรณ์ใจว่าราพณ์ต้องเริ่มสงสัยอะไรแน่ๆ
รังรองทำงานอยู่ ราพณ์กับรุ้งรายเข้ามา
“วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า ถึงมาหาเจ้พร้อมกันขนาดนี้”
“ช่วงนี้เรื่องงบโครงการต่างๆ เป็นยังไงบ้างครับเจ้”
“ก็เบิกไปตามขั้นตอนของทุกโครงการ ไม่มีปัญหาอะไรนะ”
“โครงการของเฮียชาญชัย เป็นยังไงบ้างคะเจ้” รุ้งรายหยั่งเชิง
“ก็เบิกงบครั้งสุดท้ายไป หลังจากที่ยอดจองเต็มจนปิดเฟสแรกน่ะ”
“แต่รุ้งยังเห็นว่าโครงการของเฮียชาญยังไม่เต็มนะคะเจ้”
รังรองชะงัก
“รุ้งหมายถึงเฟสสองน่ะเหรอ”
“หมายถึงเฟสแรกค่ะ”
“เป็นไปได้ยังไง ก็ทางเฮียชาญส่งยอดจองพร้อมกับยอดเงินจองของลูกค้า ยอดรวมทั้งหมดมันปิดเฟสหนึ่งไปแล้วนี่...ราพณ์กับรุ้ง กำลังจะบอกอะไรเจ้หรือเปล่า”
ราพณ์สบตากับรุ้งรายอย่างหนักใจว่าจะพูดยังไงดี ชาญชัยเปิดประตูเข้ามาชะงักที่เห็นราพณ์กับรุ้งรายอยู่ในห้องของรังรอง
“ทำไมวันนี้ถึงได้มาพร้อมหน้าพร้อมตากันที่นี่”
“ผมจะมาคุยกับเจ้เรื่องจัดงานแต่งงานให้รามน่ะ รายละเอียดเอาไว้คุยพร้อมกับหม่อมวลีแล้วกันนะครับเจ้ จะได้สรุปทีเดียว”
รังรองพยักหน้ารับ
“ไปเถอะรุ้ง เรามีงานต้องทำอีกเยอะ”
ราพณ์สบตากับชาญชัยที่รู้สึกว่าสายตาราพณ์แข็งกร้าว ราพณ์กับรุ้งรายออกไป
“ราพณ์กับรุ้งมาหารองทำไม มีอะไรเหรอ”
รังรองมองชาญชัยรู้สึกว่าควรพูดอย่างที่ราพณ์บอก
“ก็เรื่องงานแต่งของรามน่ะค่ะ เฮียสงสัยอะไรเหรอคะ หรือว่ามีอะไร”
ชาญชัยกลบเกลื่อน
“เปล่า...เฮียจะมาชวนรองไปทานข้าว ไปไหม”
“ค่ะ”
รังรองหยิบกระเป๋า ชาญชัยเดินนำ รังรองเดินตามแต่สายตามองชาญชัยอย่างรู้สึกสงสัย
รัตนาวลีกับรุ้งรายช่วยกันป้อนอาหารให้เจ้าสัวเรียวจนเรียบร้อย รสิกาถือถาดยาเข้ามาจะเอามาป้อนยาเจ้าสัว สิริโสภาตามเข้ามา
“สิช่วยนะคะ”
รสิกาสบตากับสิริโสภาไม่เต็มตานัก แต่ก็ไม่ขัด
“ขอบคุณค่ะ”
“อ้ายไปรับยาของอาทิตย์นี้มาแล้วใช่ไหมจ๊ะ” รัตนาวลีถาม
“ค่ะ”
รสิกาจัดการเทยาแล้วป้อนให้เจ้าสัว สิริโสภามองว่ารสิกายังไม่ได้ปิดฝาขวด
“เดี๋ยวสิเก็บให้นะคะ”
สิริโสภารับขวดยามาจากรสิกาแล้วปล่อยขวดจนตก ยาหก
“อุ้ย”
สิริโสภารีบหยิบแต่จับที่ก้นขวดแล้วทำให้ยาหกออกมาจากขวดจนหมด
“ตายแล้ว สิขอโทษนะคะ ยาหกหมดเลย”
สิริโสภาเอามือพยายามกอบๆยา แต่ยิ่งทำยายิ่งคลุกกับพื้น
รุ้งรายมองอย่างไม่พอใจ
“พอเถอะค่ะ คุณไม่ต้องช่วยอะไรทั้งนั้น”
สิริโสภาสบตารุ้งรายที่แสดงชัดว่าไม่เป็นมิตร สิริโสภาต้องนิ่งหลบตาหันไปเรียกความเห็นใจจากรัตนาวลี รสิกาแทน
“สิขอโทษนะคะ คุณหญิง ขอโทษนะคะหม่อม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แต่ยาคงใช้ไม่ได้แล้วนะอ้าย”
“พรุ่งนี้อ้ายจะไปรับยามาใหม่ค่ะ”
“ถ้างั้น...” สิริโสภาจะอาสา
“รุ้งจะไปเป็นเพื่อนเองค่ะ” รุ้งรายมองสิริโสภาว่าไม่ต้องยุ่ง
สิริโสภานิ่งเงียบไป รสิกาวางขวดยาไว้บนถาดจะเอาไปเก็บทิ้ง สิริโสภามองตามอย่างหมายมาด
แหววเข้ามา
“คุณราพณ์รับคุณพระลบกลับมาแล้วค่ะ”
“คุณพระลบคือใครเหรอคะ” สิริโสภาถาม
“ลูกชายของคุณราพณ์ค่ะ กลับมาจากโรงเรียนประจำ” รสิกาหันไปบอกเจ้าสัว “อ้ายจะไปพาพระลบมาหาป๊านะคะ”
รสิกาออกไป
“สิจะเอาถาดยาไปเก็บให้นะคะ”
สิริโสภายกถาดออกไป รุ้งรายมองตามสิริโสภาอย่างไม่ชอบใจนัก
สิริโสภาถือถาดออกมาเห็นพระลบวิ่งเข้ามากอดรสิกา
“หม่าม๊า พระลบคิดถึงหม่าม๊าที่สุดเลยครับ”
รสิกามองแปลกใจ ราพณ์เดินตามมาอธิบาย
“ผมสอนให้พระลบเรียกเองครับ คุณหญิงอนุญาตให้พระลบเรียกหม่าม๊านะครับ”
รสิกายิ้มกับสายตาอ้อน ๆ ของราพณ์ รสิกาพูดกับพระลบ
“เข้าไปสวัสดีอากงก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่..เอ่อ..ม๊าจะเอาของว่างให้ทานนะคะ”
“ไชโย พระลบรักหม่าม๊าที่สุดเลยค้าบ” พระลบหอมแก้มรสิกา
“ไปหาอากงกันนะครับ”
“ไปพร้อมกันทั้งป่าป๊า หม่าม๊า พระลบเลยนะครับ”
พระลบจูงมือราพณ์กับรสิกาเข้าไปทางห้องพักฟื้น ราพณ์เห็นสิริโสภาแต่ไม่ชะงัก แค่สบตาแล้วเดินเลยผ่านไปอย่างไม่สนใจ
รสิกาจับสังเกตแต่ไม่พูดอะไรเดินตามแรงจูงของพระลบเข้าไป สิริโสภาแค้นเดินออกไป พร้อมทั้งเก็บขวดยาใส่กระเป๋ากางเกง เพื่อนำไปให้ลินดา สับเปลี่ยนยาตามแผนที่คุยกันไว้
สิริโสภาเข้ามาในห้องนอนของราพณ์ เห็นช่อกุหลาบที่ราพณ์ให้รสิกามาเมื่อวันก่อนถูกจัดในแจกัน เธอเดินเข้าไปยืนมองแล้วขยี้ดอกกุหลาบที่ราพณ์ให้จนแหลกเละคามือ กลีบกุหลาบเกลื่อนห้อง สิริโสภามองอย่างสะใจ
พระลบเข้ากอดอาม่าที่นั่งอยู่ข้างเตียงเจ้าสัวเรียว
“พระลบคิดถึงอาม่าครับ”
พระลบหันไปกอดเจ้าสัวเรียว
“พระลบคิดถึงอากงที่สุดในโลกเลยครับ อากงต้องหายไวๆ นะครับแล้วเล่านิทานให้พระลบฟังอีกนะครับ”
“ลื้อต้องหายไว ๆ นะอาเรียว”
อาม่าให้กำลังใจ
สามี ตอนที่ 11 (ต่อ)
เจ้าสัวเรียวมองพระลบ น้ำตาร่วง พระลบใช้มือเช็ดน้ำตาให้
“อากงอย่าร้องไห้นะครับ เจ็บตรงไหนครับ พระลบเป่าให้หายนะครับ เพี้ยงๆ อย่าร้องนะครับ”
พระลบกอดเจ้าสัวเรียว อาม่าน้ำตาซึม คนอื่นๆ พลอยน้ำตาซึมไปด้วย
“กลับมาเหนื่อยๆ คงจะหิวนะ อ้ายพาพระลบไปทานของว่างก่อนสิจ๊ะ” รัตนาวลีหันบอกลูกสาว
“หิวไหมคะ” รสิกาถามพระลบ
“หิวครับ”
“งั้นไปทานของว่างแล้วค่อยกลับมาหาอากงนะ” ราพณ์บอก
“ครับ”
รสิกาพาพระลบออกไป ทุกคนมองตามด้วยความเอ็นดู อาม่าจับมือเจ้าสัวเรียวอย่างให้กำลังใจ
รสิกากำลังป้อนขนมเค้กให้พระลบ สิริโสภาเข้ามา
“สวัสดีค่ะ”
พระลบหันมองสิริโสภางงๆ ว่าเป็นใคร รสิกาแนะนำ
“พี่สิเป็นแฟนเจ๊กรามครับ สวัสดีพี่สินะครับ”
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ คุณพระลบ หน้าตาน่ารักจังเลยนะคะ หล่อเหมือนคุณพ่อขอพี่สิกอดทีนะคะ”
สิริโสภากอดพระลบแน่น จนรสิการู้สึกไม่ดี
รสิกาค่อย ๆ ดึงพระลบกลับมา
“ทานขนมให้เรียบร้อยนะคะ จะได้ไปอาบน้ำ นะครับ”
สิริโสภามองรสิกาที่ดึงพระลบกลับไปด้วยความอิจฉา
รสิกาเข้ามาในห้องนอนแล้วชะงักที่เห็นกลีบกุหลาบกระจายอยู่เต็มพื้น เธอมองที่ก้านกุหลาบเห็นว่ามันไม่ได้หลุดเองตามธรรมชาติ แต่ถูกบี้ทำลาย เธอมองไปรอบๆห้องว่ายังมีอย่างอื่นผิดปกติไหมแต่ไม่มี เธอเริ่มระแวง ราพณ์อุ้มพระลบเข้ามาแบบเป็นยอดมนุษย์ไอรอนแมน
“ ฟิ้ว...”
ราพณ์เห็นรสิกายืนอยู่ท่ามกลางกลีบกุหลาบที่กระจายเต็มพื้น
“ทำไมกลีบกุหลาบมันกระจายเต็มพื้นแบบนี้ล่ะครับ”
รสิกาหันมากำลังจะพูดแต่เสียงของรัตนาวลีดังเตือนเข้ามาในใจ
‘ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า’
รสิกาเห็นราพณ์กำลังยิ้มกับพระลบ ราพณ์มอง...
“มีอะไรเหรอครับคุณหญิง”
รสิกาตัดสินใจ
“มันแห้งก็เลยหลุดร่วงน่ะค่ะ เดี๋ยวอ้ายเก็บแป๊บนึงนะคะคุณพาพระลบไปอาบน้ำก่อนนะคะ” รสิกาพูดกับพระลบ “คืนนี้พระลบนอนกับป่าป๊า หม่าม๊านะครับ”
พระลบดีใจมาก
“เย้ๆ ”
ราพณ์ยิ้ม
“คุณหญิงครับ วันเสาร์นี้ ผมอยากพาป๊าไปทะเลจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
“ก็ดีนะคะ”
“เย้ๆ ไปทะเล ไปทะเล”
“แต่ตอนนี้อาบน้ำก่อนนะยอดมนุษย์”
ราพณ์รีบพาพระลบคว้าผ้าขนหนูแล้วเข้าไปในห้องน้ำ รสิกามองที่ก้านกุหลาบอย่างพินิจแล้วตัดสินใจทิ้งใส่ถังขยะไม่คิดหาคำตอบอีก
ปฐวีเดินคุยโทรศัพท์ออกมาจากบ้าน...
“ผมกำลังจะออกจากบ้านครับ คุณใกล้ถึงแล้วเหรอครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“เจ้าวี”
ปฐวีชะงักเห็นว่าประสิทธิ์กำลังประคองสุรีย์ส่องอยู่
“สุ” ปฐวีเข้ามาดู “สุเป็นอะไรครับพ่อ”
“สุปวดหัว เหมือนหัวจะแตก” สุรีย์ส่องเล่นละครเนียนมาก
“พ่อต้องรีบไปธุระ แกช่วยพาน้องไปหาหมอที”
“เอ่อ...”
“ทำไม แกไม่สะดวกเหรอ”
“เปล่าครับ เดี๋ยวผมพาน้องไปเองครับ”
สุรีย์ส่องกับประสิทธิ์สบตากันอย่างพอใจ
รสิกากับรุ้งรายถือถุงยาออกมาที่ลานจอดรถด้านหน้าโรงพยาบาล
“เดี๋ยวคุณหญิงจะไปที่ออฟฟิศเลยไหมคะ เดี๋ยวรุ้งไปส่ง” รสิกาหันมาถาม
“ขอบคุณค่ะ”
“อ้าย”
รสิกากับรุ้งรายชะงักหันไปตามเสียงเห็นวศินที่กำลังตรงเข้ามาหา
“วศิน”
“รีบไปเถอะค่ะคุณหญิง”
แต่ช้ากว่าวศินที่เข้ามาคว้าแขนรสิกาไว้
“เราต้องคุยกันนะอ้าย”
“ปล่อยอ้าย”
“ไม่ จนกว่าคุณจะฟังผม”
“ปล่อยคุณหญิง” รุ้งรายตวาด
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่าแส่”
วศินมองถุงยาในมือแล้วกระชากถุงยาเขวี้ยงไปที่พื้นอีกทาง
“ไปกับผม”
รุ้งรายจะต่อย แต่วศินปัดแล้วหลังมือใส่รุ้งราย ปึ้ก!
“คุณรุ้ง” รสิการสิกาพยายามจะสะบัดเต็มที่
ปฐวีกับสุรีย์ส่องที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์ ปฐวีเลือดขึ้นหน้าที่เห็นรุ้งรายโดนทำร้าย พุ่งเข้าต่อยวศินที่โต้กลับทันทีเช่นกัน ทั้งคู่ต่อยกันอุตลุต ชุลมุนไปหมด คนเริ่มเข้ามามุง
รสิกากับรุ้งรายพยายามจะเข้าไปห้าม แต่โดนสุรีย์ส่องที่เนียนเข้ามาผลักรสิกา ขณะที่ลินดาก้าวแทรกกลุ่มไทยมุงเข้ามายืนตรงถุงยา แล้วรีบเปลี่ยนถุง โดยที่ความชุลมุน ทำให้ไม่มีใครสนใจ
รปภ.เข้ามาห้ามเหตุการณ์จนแยกปฐวีกับวศินได้ รุ้งรายเข้าไปดูปฐวีอย่างลืมตัว
“คุณวีเป็นยังไงบ้างคะ”
สุรีย์ส่องเข้ามาผลักรุ้งรายออกไป
“อย่ามายุ่งกับพี่ชายฉัน”
รุ้งรายรู้สึกตัวขยับถอยห่างออกมา เห็นวศินที่รปภ.ล็อคตัวอยู่
“ถ้าไม่หยุดวุ่นวายกับคุณหญิง ฉันจะแจ้งความจับคุณ” รุ้งรายหันไปพูดกับรสิกา “คุณหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่ค่ะ”รสิกามองหา “แต่ถุงยาของป๊า”
ปฐวีเห็นถุงยาที่หล่นอยู่ จึงเดินไปหยิบมาส่งให้รสิกา
“ถุงนี้หรือเปล่าอ้าย”
รสิกามองขวดยาในถุงเป็นชื่อเรียว ลิ้มวัฒนาถาวรกุล
“ขอบคุณค่ะ”
รสิกามองผ่านปฐวีไปเห็นลินดาแวบหนึ่งแล้วลินดาก็หายไป รสิกาเพ่งมองอย่างไม่แน่ใจ
“มีอะไรเหรอคะคุณหญิง” รุ้งรายสงสัย
“ไม่มีอะไรค่ะ อ้ายไปก่อนนะคะพี่วี”
รุ้งรายสบตากับปฐวี แล้วเดินออกไปอย่างรู้สถานการณ์ดี สุรีย์ส่องมองตามยิ้มร้ายที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ประสิทธิ์เลื่อนเงินสดให้วศินหนึ่งปึก เมื่อเขามาพบที่ห้องทำงาน พร้อมสุรีย์ส่อง และลินดา
“นายทำได้ดีมาก พวกมันสงสัยไหม”
“ไม่เลยค่ะ พี่วีก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน” สุรีย์ส่องยิ้มอย่างพอใจในผลงาน
“พี่ชายคุณมันต่อยไม่ยั้งเลย” วศินบ่น
“เอาเถอะน่ะ คุณได้เกินคุ้มแล้วนี่”
“ทำไมต้องดึงพี่ชายเธอให้มาวุ่นวายกับเรื่องนี้ด้วย” ลินดาแปลกใจ
“คนทรยศต่อครอบครัวก็ต้องได้รับบทเรียน ส่วนนังรุ้งมันทำไว้เยอะ ครั้งนี้ฉันถือว่าแก้แค้นให้กับตัวเองรวมทั้งคุณด้วยนะวศิน นังรุ้งมันจะต้องเจ็บยิ่งกว่าตาย”
สุรีย์ส่องสีหน้าร้ายมาก ทุกคนรอดูผลงานอย่างใจจดใจจ่อ
วันต่อมา รสิกานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจให้เจ้าสัวเรียวฟัง เจ้าสัวเรียวมองรสิกาด้วยสายตาดูกังวล
“ป๊าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” รสิกาดูสายตานั้นออก “หรือป๊ากังวลเรื่องของอ้ายกับคุณราพณ์”
เจ้าสัวบีบมือรสิกาแทนคำตอบ
“ป๊าคะ อ้ายสัญญานะคะว่าอ้ายจะดูแลคุณราพณ์ให้ดีที่สุด ป๊าจะต้องหายไว ๆ กลับมาเป็นหลักใจให้กับลูกหลานทุกคนนะคะป๊า”
เสียงนาฬิกาเตือนดัง
“ทานยานะคะป๊า”
รสิกาป้อนยาให้เจ้าสัวเรียว ราพณ์กับรัตนาวลีเข้ามา
“ป๊า...ผมจะพาขึ้นไปพักบนห้องนะครับ”
ราพณ์เข็นรถเข็นพาเจ้าสัวเรียวออกไป รัตนาวลีจะตามไป
“เหนื่อยไหมคะหม่อมแม่”
“นิดหน่อยจ๊ะ แต่เริ่มปรับตัวได้แล้ว อีกหน่อยก็คงชินและไม่เหนื่อยเท่านี้”
“อ้ายอยากให้ป๊ากลับมาเป็นปกติ”
“เราจะช่วยกันดูแลให้เจ้าสัวหายนะลูก”
รสิกายิ้มรับ
ราพณ์อุ้มเจ้าสัวเรียววางลงบนเตียง รสิกากับรัตนาวลีตามเข้ามา
“วันหยุดนี้เราจะไปทะเลพร้อมหน้ากันทุกคนนะครับ”
เจ้าสัวเรียวยิ้ม ราพณ์กับรสิกาจะเดินออก รัตนาวลีเดินมาส่ง
“ไปทะเลก็ดีนะคะ เจ้าสัวจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
เจ้าสัวเรียวมีอาการเจ็บปวดทรมานเพราะโดนพิษ พยายามจะพูดแต่พูดไม่ออกขยับไม่ได้
“ไปพักเถอะจ๊ะ พรุ่งนี้ลองถามอาม่าอีกที”
“ครับ”
ราพณ์กับรสิกาเดินออกไป รัตนาวลีปิดประตูหันมาแล้วเดินมาจะขยับผ้าห่มให้ แต่ต้องช็อคสุดขีด รัตนาวลีกรีดร้องด้วยความตกใจ
ราพณ์กับรสิกาชะงักหันมองไปที่ประตูห้อง ราม ระริน สิริโสภาออกมาจากห้องของตนว่าเกิดอะไรขึ้น เง็กพาอาม่าเข้ามา
“เสียงอาหม่อมวลี อีเป็นอะไร”
ราพณ์กับรสิการีบกลับไปที่ห้องของเจ้าสัวเรียว ทุกคนตามไป
ทุกคนเข้ามาในห้องเห็นรัตนาวลีอยู่ข้างร่างเจ้าสัวเรียว พยายามเรียกเจ้าสัวด้วยความตกใจขวัญเสียกับสภาพของเจ้าสัว
“เจ้าสัวคะ เจ้าสัว”
เจ้าสัวเรียวเลือดไหลออกจากมุมปาก ตาค้าง
“ป๊าเป็นอะไร ป๊า!” ระรินร้องถามเรียก
ราพณ์ที่เข้าไปดูอาการ รู้ว่าเจ้าสัวเรียวตายแล้ว เขากอดเจ้าสัวเรียวแน่นน้ำตาร่วง ทุกคนตะลึงกับท่าทีของราพณ์
“อาเรียว” อามาร้องเสียงหลง
“ไม่จริง! ป๊าต้องไม่ตาย ป๊าฟื้นสิ ป๊า” ลูกๆพากันร้อง
รัตนาวลีเป็นลม รสิการีบเข้ามารับร่างรัตนาวลี
“หม่อมแม่”
รามช็อคทรุดลงอย่างหมดแรง ทุกคนอึ้งกับเรื่องที่เกิดขึ้น สิริโสภาแม้จะรู้ว่าต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังอดช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้
ทุกคนยืนอยู่รอบเตียงของเจ้าสัวเรียว อาม่ายืนอยู่ตรงมุมหัวเตียง ราพณ์และทุกคนยืนอยู่บริเวณเตียง ต่างตกอยู่ในอาการโศกเศร้า
สิริโสภายืนห่างออกมามองศพเจ้าสัวเรียวเห็นสายตาที่เบิกโพลงของเจ้าสัวเรียว เธอรู้สึกกลัวเหมือนถูกจ้องจากศพ ความรู้สึกผิดที่ตัวเองก็มีส่วน จนต้องหลบตามองไปทางอื่น
แม่นม และเหล่าคนใช้ ยืนอยู่ด้านนอกห้อง ร้องไห้อย่างพยายามเก็บเสียงเต็มที่ อาม่าน้ำตาร่วงไม่มีแม้เสียงสะอื้น อาม่ายื่นมือมาวางที่หน้าผากลูกชาย
“พักนะ อาเรียว”
อาม่าค่อยๆ ลูบปิดตาเจ้าสัวเรียวอย่างช้าๆ ระรินทนไม่ไหวลงคุกเข่ากอดเท้าเจ้าสัวเรียว
“ป๊า...ป๊า!”
เสียงร้องไห้โหยหวนของระรินสร้างความสะเทือนใจให้กับทุกคน รุ้งรายคุกเข่าลงมือวางบนขาเจ้าสัวเรียว ร้องไห้ด้วยความเสียใจจนพูดไม่ออก ราพณ์จับมือเจ้าสัวเรียวบีบแน่น
“ป๊าไม่ต้องห่วงนะครับผมจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด ผมสัญญา...”
รสิกาจับมือรัตนาวลี
“หม่อมแม่...”
รัตนาวลีร้องไม่ออกได้แต่กอดรสิกาที่น้ำตาร่วง รู้สึกเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ไม่ต่างกับคนอื่นๆ เลย
กันต์ ตำรวจ เจ้าหน้าที่นิติเวชเข้ามาที่ห้องโถง แหววกับเง็กกำลังยืนรอรับอยู่
“คุณราพณ์รออยู่ด้านบนค่ะ”
เง็กนำทุกคนเดินขึ้นไปด้านบน แหววที่รั้งท้ายกำลังจะตามขึ้นไป รามเดินเข้ามาทันเห็นกลุ่มของตำรวจที่กำลังเดินขึ้นไปข้างบน
“ตำรวจ มาทำไม...มีอะไรกัน”
“คุณรามยังไม่ทราบเหรอคะ” แหววหันไปถาม
“รู้แล้วจะถามแกหรือไง มีอะไร”
แหววลำบากใจที่จะพูด
“ท่านเจ้าสัว...จากเราไปแล้วค่ะ”
รามตะลึงแล้วจะพุ่งขึ้นไป แหววพยายามขวาง
“คุณราพณ์ให้รอที่ห้องรับแขกนะคะ ห้ามขึ้นไปค่ะ”
รามไม่สนใจผลักแหววจนล้มลงไปกองกับพื้นแล้ววิ่งขึ้นไปทันที รสิกาออกมาจากห้องรับแขก
“พี่แหวว...มีอะไรคะ”
“คุณรามค่ะ”
แหววชี้ไปด้านบน รสิกามองตามเป็นห่วง
เจ้าหน้าที่นิติเวชถ่ายรูป บางคนกำลังเก็บหลักฐานรอยนิ้วมือ กันต์ยืนดูเจ้าหน้าที่ทำงาน ราพณ์คุยมือถืออยู่มุมหนึ่ง ราพณ์วางสายแล้วเดินมาหากันต์
“เป็นไง” กันต์ถาม
“อาหมอไปดูป๊าแล้ว สภาพศพของป๊าไม่ได้เสียชีวิตเพราะโรคประจำตัวแน่” ราพณ์บอกเครียดๆ
“เป็นอย่างที่แกคิดจริง ๆ ถ้างั้นก็ต้องรอผลชันสูตรศพจากนิติเวช” กันต์หนักใจ
ราพณ์เสียใจและรู้สึกผิด
“ทั้งที่อยู่ในบ้านฉันเองแท้ๆ ฉันยังปกป้องป๊าไม่ได้”
“เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเว้ยราพณ์ ตอนนี้ที่เราต้องทำคือเอาคนร้ายมาลงโทษให้ได้”
ราพณ์ฟังอย่างเข้าใจ
“แกช่วยจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด ฉันอยากจะให้ป๊า....ตายตาหลับ”
ราพณ์พยายามกลั้นน้ำตาถึงที่สุด กันต์แตะบ่าเพื่อนอย่างเข้าใจ ปลอบใจ รามก้าวเข้ามายืนชะงักมองกลุ่มเจ้าหน้าที่นิติเวชที่ทำงาน
“เขามาทำอะไรกัน แล้วป๊าอยู่ไหน”
ท่าทีของรามทำให้ทุกคนชะงัก ราพณ์รีบเข้ามาหาราม
“ราม...”
“เฮียให้พวกมันเข้ามาในห้องป๊าทำไม แล้วป๊าอยู่ไหน”
“ป๊า...”
“ผมถามว่าป๊าอยู่ไหน”
“ป๊าอยู่ที่นิติเวช เราต้องตรวจสอบการเสียชีวิตของป๊า”
“ไม่จริง....ป๊ายังไม่ตาย เฮียโกหก”
“ราม...ป๊า...ตายแล้ว...จริงๆ”
รามตะลึงที่ได้รับการยืนยันจากราพณ์ สายตารามเหมือนเกิดอาการช็อตอย่างรุนแรง ภาพที่รามมองเห็นเหมือนคลื่นทีวีที่รับภาพไม่ชัด
“ราม...” ราพณ์พูด
รามเหมือนไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว เขาเดินออกไปจากห้อง ราพณ์มองอาการน้องชายอย่างรู้สึกเป็นห่วง
รามเดินออกมาที่หน้าห้อง แล้วมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เหมือนหัวจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อไม่อาจยอมรับความจริงที่เจ้าสัวเรียวตายได้ เขากุมหัวร้องลั่นเหมือนสัตว์บาดเจ็บเจียนตาย
ราพณ์กับกันต์เดินออกมาจากด้านในเพราะเสียงของราม ยังไม่ทันจะเข้าไปหา รามที่ปวดหัวรุนแรงก็ก้าวพลาดร่วงถลากลิ้งไปตามบันได
“ราม” ราพณ์ร้องลั่น
ร่างของรามกลิ้งไปตามบันไดไปนอนนิ่งอยู่ชั้นล่าง รสิกากับทุกคนวิ่งมาดูด้วยความตกใจ
“อาราม” อาม่าเป็นห่วง
ราพณ์ กันต์วิ่งตามลงมา รามค่อยๆ ลุกขึ้นยืนขึ้นมามองออกไปข้างหน้าเหมือนไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป ราพณ์เข้าไปแตะที่บ่า
“ราม...”
รามหันมาปัดมือราพณ์ออกทันที
“อย่า”
ราพณ์เห็นสายตาที่เจ็บปวดของราม รู้ว่ารามต้องการอยู่คนเดียวไม่ต้องการให้ใครเห็นความเจ็บปวด จึงยอมปล่อยให้รามไป ทุกคนได้แต่มองตาม
“เฮีย...ทำไมถึงต้องมีเจ้าหน้าที่นิติเวชมาที่บ้านด้วย” รุ้งรายถาม
ราพณ์มองหน้ากันต์ที่พยักหน้าว่าทุกคนควรจะรู้
“ผมมีเรื่องต้องบอกทุกคน”
ทุกคนมองราพณ์ว่าเรื่องอะไร
สิริโสภายืนอยู่หน้าตึกรอคอยอย่างกระวนกระวาย ลินดาที่เพิ่งมาถึง เร่งเข้ามา
“เจ้าสัวตายแน่ใช่ไหม”
“ค่ะ...แต่มีตำรวจ เจ้าหน้าที่นิติเวชมาเก็บหลักฐานตั้งแต่เมื่อคืน ฉันกลัวว่า...”
“พวกมันสงสัยเราไหม”
“ไม่ค่ะ”
“ดี” ลินดาจะเดินเข้าไปในบ้าน
“คุณรามพอรู้เรื่องก็หายตัวไปเลยค่ะ”
“คงช็อค เดี๋ยวก็กลับมาเอง”
ลินดาเดินเข้าไปในบ้าน สิริโสภามองตามลินดาที่ดูเย็นชาแล้วเดินตามลินดาไป
ในห้องรับแขก ทุกคนกำลังอึ้งๆ กับเรื่องที่ราพณ์บอก
“ถ้ามีคนทำร้ายป๊า มันทำได้ยังไง ในเมื่อบ้านนี้มีแต่คนในครอบครัว” รุ้งรายถาม
“นั่นเป็นเรื่องที่เราต้องสืบต่อไป” ราพณ์ตอบ
ลินดาเข้ามาท่าทางเอาเรื่องเต็มที่ ปล่อยโฮออกมาเลย
“เจ้าสัวตายได้ยังไง” ลินดาหันมาแขวะรัตนาวลี “หม่อมดูแลเจ้าสัวยังไง ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ หม่อมทำให้เจ้าสัวตาย”
รัตนาวลีอึ้งๆ เถียงไม่ออก
“ยังไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่าพูดจากล่าวหากันนะคะคุณลินดา” รุ้งรายปราม
“ทำไมจะไม่ใช่ ในเมื่อหม่อมคอยกันคนอื่นไม่ให้เข้าใกล้เจ้าสัว หวงไว้ดูแลคนเดียว ถ้าไม่ใช่หม่อมแล้วจะเป็นใคร หรือว่าเป็นฝีมือคุณหญิง คิดจะเสวยสุขบนกองมรดกใช่ไหม ทุเรศที่สุด” ลินดาหาเรื่องเต็มที่
“หุบปาก” อาม่าเสียงดัง
ลินดาชะงัก ทุกคนก็นิ่งมองอาม่า
“ถ้าปากเน่าๆ ของลื้อมันจะพ่นได้แต่ความคิดสกปรกล่ะก็ไม่ต้องพูด”
“มันทำให้เจ้าสัวต้องตาย ม๊ายังจะเข้าข้างมันอีกเหรอคะ”
อาม่าโกรธมาก
“ลื้อพูดอีกคำเดียว อั๊วจะโยนลื้อออกไป”
ลินดาจำต้องเงียบ รังรองกับชาญชัยเข้ามา
“หม่อมคะ จริงเหรอคะที่ป๊า....” รังรองร้อนรน
“ค่ะ...” รัตนาวลีพูด
รังรองเข่าอ่อน รุ้งรายกับระรินต้องรีบเข้ามาประคองไว้
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ก็รองเห็นว่าอาการป๊ากำลังดีขึ้น”
“ป๊าไม่ได้จากไปเพราะโรคประจำตัว” ราพณ์บอกเครียดๆ
“อุบัติเหตุเหรอ”
“ผมยังตอบอะไรไม่ได้ ต้องรอผลชันสูตรศพ รุ้ง...แจ้งข่าวเรื่องการเสียชีวิตของป๊าว่าท่านเสียเพราะอาการป่วย เจ้รอง เราต้องจัดการเรื่องงานศพป๊าให้เร็วที่สุด”
“แต่ศพป๊าส่งไปที่นิติเวชแล้วนะ”
“จัดเฉพาะพิธีไปก่อน เราปิดข่าวได้ไม่นาน ถ้าปล่อยไว้จนมีข่าวจากทางอื่น คนจะสงสัยขุดคุ้ย วุ่นวาย”
ชาญชัยแอบยิ้มอย่างพอใจ แต่พอมองราพณ์เห็นสายตาราพณ์ที่มองจ้องมา ก็รีบเปลี่ยนท่าที
“เราจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อป๊า เพื่อลิ้มวัฒนาถาวรกุล” ราพณ์บอกเสียงเข้ม
ชาญชัยแอบสบตากับลินดา ทั้งคู่ลอบยิ้มอย่างสมใจ
ประสิทธิ์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ดูใจเย็น ในขณะที่สุรีย์ส่องเดินเข้ามากดรีโมทเปลี่ยนทุกช่อง
“ทำไมมันถึงไม่มีข่าวสักที”
สุรีย์ส่องกระวนกระวายจนนั่งไม่ติด
“ยัยสุ…นั่ง...” ประสิทธิ์พูด
“พ่อจะให้สุนั่งเฉย ๆ ได้ยังไง จนป่านนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าไม่สำเร็จ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ประสิทธิ์ยิ้มอย่างสบายใจ
“จริงเหรอคะพ่อ”
“แกอย่าเพิ่งทำอะไรจนกว่าพ่อจะสั่ง”
สุรีย์ส่องยิ้มพอใจ เสียงกริ่งหน้าบ้าน
“ใครมา...”
สุรีย์ส่องสงสัย เด็กรับใช้เดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟที่มาเสิร์ฟให้กับประสิทธิ์
“แกออกไปดูสิว่าใครมา”
เด็กรับใช้รับคำแล้วรีบออกไป ปฐวีแต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก
“พี่วี...จะไปไหนแต่เช้า”
“ไปทำงานน่ะ ไปก่อนนะครับพ่อ”
ปฐวียังไม่ทันจะก้าวออกไป เสียงตูม! ดังมาจากหน้าบ้าน ประสิทธิ์คว้าสุรีย์ส่องให้หมอบลงไปกับพื้น ปฐวีจะออกไปดู
“เจ้าวี...อย่าออกไป” ประสิทธิ์ตะโกน
แต่ปฐวีวิ่งออกไปแล้ว ประสิทธิ์เป็นห่วงปฐวี รีบตามออกไป สุรีย์ส่องกล้าๆ กลัว ๆ แต่ก็ตามออกไปด้วย
ปฐวีวิ่งออกมาชะงักกับภาพตรงหน้า ประสิทธิ์กับสุรีย์ส่องที่ตามมาพลอยตะลึงอึ้งกับภาพคนรับใช้ที่นอนจมกองเลือดร้องโอดโอยสภาพบาดเจ็บสาหัสข้างกล่องที่ฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปฐวีหยิบโทรศัพท์กดโทรออก
“อย่าแจ้งความ” ประสิทธิ์ยึดมือปฐวีไว้
“มันเป็นไปไม่ได้หรอครับพ่อ เสียงมันดังขนาดนี้”
“พ่อจะจัดการเอง แกรีบเรียกรถพยาบาลมา”
“ครับ..”
ปฐวีกดโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล สุรีย์ส่องมองสภาพคนรับใช้อย่างสยดสยอง
“พ่อ..สุไม่ยอมเป็นอย่างนี้นะ”
ประสิทธิ์เครียดจัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ราพณ์กับรสิกาแต่งชุดดำเรียบร้อยเข้ามาหารัตนาวลี อาม่า และแม่นมที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“ผมกับคุณหญิงจะไปช่วยเจ้รอง จัดการเรื่องงานศพนะครับอาม่า” ราพณ์บอก
“อั๊วไม่ไปงานศพลูกตัวเอง ไม่เด็ดขาด...”
อาม่าพูดแล้วนิ่งอึ้งจุกไปกับความเศร้า
“ไม่เป็นไรนะครับอาม่า ผมกับพี่น้องและทุกคนจะช่วยจัดงานของป๊าให้สมเกียรติแน่นอน”
“อ้ายจะกลับมารับหม่อมแม่ตอนเย็นนะคะ” รสิกาหันไปบอกรัตนาวลีพูด
“คุณราพณ์ไม่ต้องห่วงทางนี้นะคะ ฉันจะดูแลทางนี้เอง” รัตนาวลีบอกราพณ์
“ขอบคุณครับ”
ราพณ์กับรสิกากำลังจะออกไป เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แหววจะขยับไปรับแต่ราพณ์อยู่ใกล้กว่าขยับเข้าไปรับก่อน
“สวัสดีครับ บ้านลิ้มวัฒนาถาวรกุลครับ ผม...ราพณ์ กำลังพูดสายอยู่ครับ...อะไรนะครับ”
ทุกคนมองอาการตกใจของราพณ์อย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
โรงพัก...ในห้องขัง รามยืนอยู่ด้านในสภาพหน้าตาบวมช้ำ ตำรวจนำราพณ์กับรสิกาเข้ามาที่หน้าประตูห้องขัง
“ทะเลาะวิวาทกับแก๊งค์วัยรุ่นครับ สิบต่อหนึ่ง ฝั่งโน้นเจ็บหนักทุกคน เลยต้องให้สงบสติในห้องขัง...นายราม ญาติมารับตัวแล้ว”
ตำรวจเปิดประตูห้องขัง รามก้าวออกมาเดินปกติ มองสบตาราพณ์แต่ไม่พูดอะไรเดินออกไป ราพณ์กับรสิกาตามไป ราพณ์เห็นด้านหลังเสื้อของรามมีรอยขาดมีเลือดออก
“ราม แกบาดเจ็บ”
ราพณ์ดึงไหล่รามให้หยุด รามปัด
“อย่ายุ่งกับผม”
“แกเป็นน้องฉัน ฉันต้องยุ่ง”
รามอึ้งกับท่าทีของราพณ์ที่มองอย่างยืนยันว่าเขาจะต้องทำตามคำสั่ง
ราพณ์ กับรสิกานั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล หมอออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“คุณอาหมอครับ รามเป็นยังไงบ้าง” ราพณ์ถามอย่างร้อนใจ
“ส่วนที่โดนมีดฟัน อาเย็บแผลให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนรอยฟกช้ำที่หน้ากับลำตัวไม่หนักหนาอะไร แต่อาอยากจะขอเจาะเลือดของคุณรามเช็คอย่างละเอียด”
“ทำไมต้องตรวจเลือดด้วยครับ”
“อาขอตรวจให้แน่ใจก่อนนะ แล้วจะแจ้งผลอีกทีนะ”
“ออกไป ไปให้พ้น” รามตะโกน
ราพณ์กับรสิกาชะงักมองไปทางห้องฉุกเฉิน พยาบาลวิ่งออกมา
“คุณหมอคะ คนไข้อาละวาดใหญ่เลยค่ะ”
“เชิญหมอพีระมาหรือยัง”
จิตแพทย์รีบเข้ามา หมอหันไปเรียก
“หมอพีระ เชิญครับ”
“เอ่อ..คุณอาหมอครับ คุณหมอท่านนี้...” ราพณ์แปลกใจ
“จิตแพทย์พีระ เป็นแพทย์ประจำตัวของคุณราม”
ราพณ์กับรสิกาอึ้ง
“จิตแพทย์เหรอคะ”
รสิกาถาม หมอลำบากใจ
“เชิญด้านในดีกว่านะครับ”
ราพณ์มองหน้ากับรสิกาว่าเกิดอะไรขึ้น
ราพณ์กับรสิกาเข้าไปในห้อง เป็นจังหวะที่รามเขวี้ยงของในห้องใส่พยาบาลที่พากันหลบให้วุ่นวาย
“อย่ามายุ่ง ออกไป”
“คุณรามครับ” จิตแพทย์พยายามพูดดีด้วย
รามหันมาเห็นจิตแพทย์
“สวัสดีคุณหมอ”
“ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ”
“ก็ผมไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องคุย นี่หมอบอกพวกนี้ทีว่าผมไม่เป็นอะไรอย่ามายุ่ง...เฮีย พาผมออกไปที ผมจะไปหาป๊า ผมมีโปรเจ็คท์ใหม่จะบอกป๊า รับรองป๊าจะต้องทึ่ง”
ราพณ์กับรสิกามองท่าทางของรามที่แปลกไป
“ว่าไงล่ะเฮีย เอาผมออกไปสิ”
“คุณรามต้องพักสักหน่อยนะครับ จะได้สมองปลอดโปร่งมากขึ้น” จิตแพทย์บอก
สามี ตอนที่ 11 (ต่อ)
รามจะไป หมอเข้ามาขวาง
“ยังไปไม่ได้นะครับ” จิตแพทย์ห้าม
รามหันมาต่อยหมอทันที ผัวะ! หมอล้มคว่ำไป
“ก็ผมบอกว่าจะไปหาป๊า หมออย่ามาขวางผม”
รามจะไป ราพณ์เข้าล็อคตัวรามไว้ รามสะบัดเต็มที่
“ปล่อย กูบอกให้ปล่อย”
ราพณ์จับไว้แล้วพยายามล็อค รามสะบัดจนล้มลงคว่ำไปกับพื้น
“ปล่อยกู…ปล่อย...”
จิตแพทย์หัไปสั่ง
“พยาบาล”
พยาบาลส่งเข็มฉีดยาให้ จิตแพทย์กับอาหมอช่วยกันจัดการฉีดยาให้รามที่แขน รามจากที่ฮึดฮัดค่อยๆ นิ่งอ่อนแรงลงและหลับไป
“ให้นอนไปก่อนสักพัก พยาบาลดูแลคนไข้ด้วยนะ” หมอสั่ง
ราพณ์ร้อนใจ
“อาหมอครับ...น้องชายผมเป็นอะไรกันแน่”
“เชิญที่ห้องอาดีกว่านะ”
หมอเดินนำออกไป ราพณ์กับรสิกาตามไป พยาบาลเข้ามาช่วยกันดูราม
ราพณ์กับรสิกาต่างอึ้งกันไป
“ไบโพล่าร์เหรอครับ” ราพณ์ตกใจกับโรคที่รามเป็น
“โรคอารมณ์สองขั้วใช่ไหมคะ” รสิกาถาม
“ครับ เจ้าสัวให้ผมดูแลอาการของคุณรามมาตั้งแต่คุณรามอายุ 10 ขวบ” จิตแพทย์บอก
“ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย” ราพณ์ไม่สบายใจ
“ท่านเจ้าสัวกังวลว่าถ้ารู้ถึงคนภายนอก จะมีผลกระทบต่ออาการของคุณราม ท่านจึงให้ผมทำเรื่องส่งคุณรามไปรักษาที่อเมริกา แต่ตัวคุณรามไม่ยอมรับการรักษาที่ต่อเนื่อง ทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น”
ราพณ์กับรสิกาต่างอึ้งๆกันไป
ราพณ์กับรสิกากลับเข้ามาในห้องที่รามนอนอยู่ รามไม่ได้บ้าหรือสติหลุดแต่ตกอยู่ในอาการซึมเศร้าเท่านั้น รามน้ำตาร่วงเงียบ ๆ
“เรายังไม่สามารถระบุสาเหตุการเกิดของโรคได้ ครั้งแรกที่ผมทำการรักษา คุณรามเกิดอาการช็อคจากเหตุการณ์ปะทะในครอบครัว และตกอยู่ในภาวะกดดันจากความต้องการการยอมรับอย่างรุนแรง เจ้าสัวให้ข้อมูลกับผมเรื่องปัญหาระหว่างคุณลินดากับคนในครอบครัว เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ส่วนที่
ควบคุมอารมณ์ของคุณรามเสียหาย” จิตแพทย์เล่า
ราพณ์ยืนมองรามรู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเอง ราพณ์เดินกลับออกไป รสิการีบตาม
ราพณ์เดินมาหยุดที่สวนของโรงพยาบาล นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ทุกคนในบ้าน พูดจาทำร้ายจิตใจรามทั้งจากตัวเขาเอง รังรอง รุ้งรายและระริน...
รสิกาตามออกมาเห็นราพณ์ที่ร้องไห้อย่างไม่อาจควบคุม
“รามป่วยนานขนาดนี้ แต่ผมกลับไม่เคยรู้เลย ไม่เคยสนใจ ไม่เคยถามป๊าว่าทำไมถึงต้องส่งรามไป ผมทำร้ายน้องตัวเองมาตลอด ผมเป็นพี่ที่เลว เลวจริงๆ”
“คุณราพณ์ ใจเย็นๆนะคะ อ้ายเชื่อว่าป๊าจะต้องมีเหตุผลของท่าน ที่ไม่ยอมบอกคุณหรือคนในบ้าน แต่วันนี้เรารู้แล้วนะคะ มันยังไม่สายเกินไปนะคะ ยังมีเรื่องในครอบครัวอีกมากที่คุณต้องจัดการ” รสิกาบีบมือราพณ์อย่างให้กำลังใจ
“ขอบคุณนะครับคุณหญิง” ราพณ์มองรสิกาอย่างได้สติ
พยาบาลวิ่งเข้ามาบริเวณสวน เห็นราพณ์ก็รีบวิ่งเข้ามาหา
“คุณราพณ์คะ..คนไข้ฟื้นแล้วค่ะแล้วก็...กำลังจะไป”
ราพณ์กับรสิการีบวิ่งออกไป
รามกำลังเดินออกจากโรงพยาบาล พบรุ้งรายที่เดินมาหา ด้วยอาการโมโหมาก
“ไอ้ราม” รุ้งรายตะโกน
รามชะงักหยุดมองรุ้งราย ปฐวีตามมาด้านหลัง
“ออกจากโรงพักเข้าโรงพยาบาล คนอย่างแกนี่มันไม่น่าเกิดมาให้เป็นตัวปัญหาของตระกูลเลย ป๊าตายทุกคนก็เสียใจมากพออยู่แล้ว แกยังจะสร้างปัญหาไม่เลิกอีก” รุ้งรายโวยวาย
รามมองนิ่งมากแล้วเดินออก รุ้งรายยิ่งอารมณ์ขึ้นที่รามทำเหมือนไม่เห็นหัวตัวเอง
“คุณรุ้ง..ใจเย็นๆ ครับ” ปฐวีปราม
รุ้งรายไม่ฟังกระชากรามให้หันมา
“ฉันพูดกับแกอยู่ไม่ได้ยินหรือไง ไอ้น้องเฮงซวย”
“ถ้าป๊ารู้ว่าเจ้ทำอะไรกับผม เจ้โดนแน่”
“ถึงป๊ารู้ป๊าก็ไม่ทำอะไรฉันที่เป็นลูก ไม่ใช่กาฝากอย่างแกกับม๊าของแก”
ราพณ์กับรสิกาที่วิ่งออกมาชะงักที่เห็นรุ้งรายยืนด่ารามอยู่
“ผมเป็นลูกป๊า ไม่ใช่กาฝาก”
“พวกแกมันตัวซวยอยู่ที่ไหนก็สร้างแต่เรื่องเดือดร้อน”
“ผมไม่ใช่ตัวซวย ไม่ใช่ตัวซวย”
ราพณ์กับรสิการีบเข้ามาพยายามจะแยกรามกับรุ้งราย
“รุ้ง ราม พอได้แล้ว”
“พออะไรล่ะเฮีย เพราะพวกมันทำให้ป๊าคิดมากจนต้องตาย”
รามปวดหัวจี๊ดขึ้นสมอง
“ผมไม่ได้ทำ…ผมไม่ได้ทำ…”
รามมองรุ้งรายอารมณ์พุ่งมาก หายใจแรง กำหมัดแน่น
“เจ้ก็เหมือนม๊าเจ้ อ่อนแอ สุดท้ายก็ต้องตายเพราะแพ้ม๊าผม โง่ที่สุด”
“ไอ้ราม”
รุ้งรายโกรธมากพุ่งเข้าตบหน้าราม ผัวะ! แล้วตีไม่ยั้ง
ราพณ์ตกใจพยายามจะดึงรุ้งรายออกมา ปฐวีกับรสิกาต้องเข้าช่วยจับรุ้งราย
“ฉันจะฆ่าแก ไอ้สารเลว”
รามมองด้วยความเจ็บปวดแล้วเดินออกไปอย่างไม่ยี่หระ รุ้งรายกรีดร้องราวกับสติขาด
“ไอ้ราม”
ราพณ์กับปฐวีรั้งรุ้งรายไว้แน่น ราพณ์มองตามรามไปด้วยความเป็นห่วง
รามเดินขึ้นไปบนชั้นบนดาดฟ้าตึกแถวเก่า ๆของเจ้าสัวเรียว เขามองไปรอบๆ นึกถึงที่เจ้าสัวเรียวเคยเล่า
‘ป๊าต้องอดมื้อกินมื้อ อาศัยห้องเล็ก ๆ ในตึกแคบๆ นี่ ป๊าทำงานอย่างหนักจนมี LK ขึ้นมา ความทรงจำที่เกิดขึ้นที่นี่มันคอยเตือนให้ป๊าจำว่าป๊ามาจากที่ไหน มันทำให้ป๊าไม่เหลิงไปกับลิ้มวัฒนาถาวรกุลที่ร่ำรวย ยิ่งใหญ่ นามสกุลมันเป็นแค่นามสมมติ แต่จิตวิญญาณของป๊าอยู่ที่นี่ ที่จุดเริ่มต้น’
“แค่ตึกเก่าๆ ถนนเน่าๆ”
รามมองไปด้านข้าง เห็นเงาสะท้อนตัวเองกับกระจกเก่าๆ กรำฝุ่น ที่แตกร้าว เขามองตัวเองในกระจก
“ป๊าอยู่ที่นี่ใช่ไหม อยู่ใช่ไหม ตอบผมมาสิ ...ตอบผม ป๊า! ป๊า...เคยเห็นผมเป็นลูกบ้างไหม”
รามนึกถงครั้งที่เจ้าสัวเรียวกอดราพณ์ว่าสมเป็นลูก และมองราพณ์อย่างชื่นชมภูมิใจ ทำให้เขานึกสงสัยเหลือเกินว่าพ่อเคยรักเขาบ้างไหม
“ป๊า...ป๊า.. ”
รามคว้าขอบตึกส่วนที่กั้นเป็นกำแพงระดับเอว ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ ราพณ์ที่ตามมา หยุดยืนมองห่างๆ
“ไหนป๊าบอกว่า จิตวิญญาณป๊าอยู่ที่นี่ไง ทำไมป๊าไม่ออกมาหาผม ป๊าเกลียดผมมากใช่ไหม แล้ว ป๊าให้ผมเกิดมาทำไม ป๊าให้ลูกชั่วๆ อย่างผมเกิดมาทำไม...ทำไม”
รามคร่ำครวญ ร้องไห้อย่างทะลักทะลายปล่อยความเจ็บปวดออกมาเต็มที่ ราพณ์มองน้องชายอย่างสงสารจับใจ
ปฐวีขับรถมาส่งรุ้งรายกับรสิกาที่คฤหาสน์เจ้าสัวเรียว ปฐวีกับรสิกา ต่างก็มอง รุ้งรายที่ยังนั่งนิ่งอยู่ข้างที่นั่งคนขับ
“อ้ายเข้าไปก่อนนะคะ” รสิกาบอกแล้วลงไปจากรถ
“สงบลงหรือยังครับ” ปฐวีถาม
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
รุ้งรายลงจากรถ ปฐวีเดินลงจากรถ
“คุณรุ้ง เข้มแข็งแล้วตั้งสติไว้นะครับ อารมณ์มันไม่ช่วยให้เราผ่านความทุกข์ไปได้หรอกครับ”
“ฉันผิดเองค่ะ ฉันรู้สึกผิดที่ดูแลป๊าไม่ได้ มันหลายเรื่องอัดกันเข้ามา ฉันพาลไประบายลงกับราม” รุ้งรายถอนใจ
“ผมดีใจนะที่คุณรู้ทันตัวเอง ว่าทำไปเพราะอะไร อย่างน้อยคุณก็ยังมีสติ”
“ขอบคุณนะคะ”
ปฐวียิ้มให้อย่างเป็นกำลังใจ รุ้งรายยิ้มขอบคุณ
ประสิทธิ์ยืนจิบกาแฟ คุยโทรศัพท์ไปด้วย
“ปลอดภัยก็ดีแล้ว ให้รักษาตัวที่โรงพยาบาลจนกว่าจะหายดี”
สุรีย์ส่องวิ่งเข้ามาพร้อมกับแท็บเล็ตในมือ
“คุณพ่อคะ...พวกมันออกข่าวแล้ว”
ประสิทธิ์ยิ้มพอใจมาก
“ดี...พ่อจะโทรเจรจากับมิสเตอร์หยางเรื่องวังอีกครั้ง แล้วแกจะจัดการมันเมื่อไหร่”
“สุกำลังรอจังหวะอยู่ค่ะ” สุรีย์ส่องชะงักมองออกไปด้านนอก “แต่คิดว่าคงไม่นานแล้ว”
ประสิทธิ์มองตามสายตาสุรีย์ส่องเห็นปฐวีที่เดินเข้ามา
“เจ้าวี” ประสิทธิ์เรียก
ปฐวีชะงัก
“มีอะไรเหรอครับพ่อ”
“รู้เรื่องเจ้าสัวเรียวแล้วใช่ไหม”
“ครับ ผมเห็นข่าวแล้ว”
“ถ้างั้นแกก็ส่งพวงหรีดไปด้วย”
“ครับ”
ประสิทธิ์มองอย่างจับผิด
“เจ้าวี แกรู้สาเหตุไหมว่าเขาตายเพราะอะไร”
“ผมไม่ทราบหรอกครับ”
“อ้าว...สุก็คิดว่าพี่จะรู้”
ปฐวีสะดุดหูนิดๆ กับคำพูดของน้องสาว
“ทำไมถึงคิดว่าพี่จะรู้”
“ก็ยัยอ้ายมีอะไรก็บอกพี่หมดไม่ใช่เหรอ”
"มันเป็นเรื่องของครอบครัวสามีเขา”
ประสิทธิ์ตัดบท
“ช่างเถอะ ตอนนี้ทาง LK คงกำลังวุ่นวายกับเรื่องนี้ แกรีบจัดการเปิดโครงการใหม่ของเราแล้วโหมโฆษณาให้หนัก เราต้องทำเกมช่วงที่ทางโน้นยังไม่เสถียร”
“ครับพ่อ ผม...มีธุระไปก่อนนะครับ”
ประสิทธิ์ไม่แย้ง ปฐวีออกไป
“ให้พี่วีได้มีความสุขแค่อีกนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น” สุรีย์ส่องยิ้มร้าย
ประสิทธิ์ยิ้มพอใจ
ทุกคนในคฤหาสน์เจ้าสัวเรียวอยู่ในชุดไว้ทุกข์ รังรองกับชาญชัยเดินเข้ามา
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะคะ ทั้งสถานที่ อาหารสำหรับรับแขก เราควรจะไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”รังรองบอก
“คุณราพณ์ให้รอพร้อมหน้ากันก่อนค่ะ เห็นว่าจะมีประชุมครอบครัว” รสิกาเล่า
ลินดาเดินเชิดเข้ามา
“เรียกมาประชุมกันพร้อมหน้าพร้อมตาขนาดนี้ หวังว่าจะเป็นเรื่องดี”
ราพณ์เข้ามา รังรองหันไปถาม
“ราพณ์ มีเรื่องอะไร หรือว่าได้ผลชันสูตรแล้ว”
“ป๊าเสียชีวิตเพราะได้รับสารพิษ”
ทุกคนตะลึง กับสิ่งที่ราพณ์บอก
“จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อคนที่อยู่ใกล้ชิดป๊ามีแต่พวกเรา” รุ้งรายแปลกใจ
“ก็ต้องเป็นใครสักคนในบ้านนี้ ตอนนี้ทางตำรวจกำลังเก็บหลักฐาน เมื่อหาสาเหตุการตายของป๊าได้ ถึงตอนนั้นเราจะได้รู้ว่าใครที่เป็นคนวางยาป๊า”
“วางยา” ลินดาแสร้งตกใจ มองกราด “ใครนะที่จะได้ประโยชน์จากการตายของเจ้าสัว”
ลินดามองไปทางรัตนาวลีกับรสิกาอย่างกล่าวหา
“เงียบ…แล้วอาราม อีเป็นยังไงบ้าง” อาม่าถาม
“เง็ก กิมท้อ แหวว ออกไปแล้วปิดประตูด้วย” ราพณ์สั่ง
สามคนรีบออกไป ราพณ์พูดขึ้นอย่างเครียดๆ
“มีอีกเรื่องที่ทุกคนต้องรู้เกี่ยวกับราม”
ลินดามองราพณ์ว่าหมายถึงอะไร
ทุกคนตะลึงกับสิ่งที่ราพณ์บอก
“รามเป็นโรคจิต” ชาญชัยสะใจ แกล้งพูดเสียงดัง
“ไม่จริง...ลูกฉันไม่ได้เป็นบ้า” ลินดาตวาด
“รามไม่ได้เป็นบ้า เขาแค่มีอาการป่วยที่ต้องได้รับการรักษา” ราพณ์อธิบาย
“แกพยายามจะกันลูกฉันออกจากกองมรดกใช่ไหม แกคิดจะแย่งทุกอย่างไปจากรามใช่ไหม” ลินดาโวยวาย
“หยุดโลภซะที เธอเป็นแม่ประสาอะไร คิดเป็นห่วงลูกตัวเองบ้างไหม คนอย่างเธอมันไม่สมควรเป็นแม่คน” อาม่ารำคาญ
ราพณ์พยายามอธิบายอย่างอดทน
“คุณลินดา ฟังให้ดีนะครับ ป๊าสร้างทุกอย่างขึ้นมาเพื่อให้คนในครอบครัวสุขสบาย รามจะมีสิทธิ์ในเงินทุกบาทเหมือนกับพี่น้องทุกคน ตอนนี้รามต้องการคุณมาก ถ้าคุณยังเห็นเขาเป็นลูก...”
ลินดาขัดขึ้นทันที
“แกพูดแล้วนะ ทุกคนได้ยินกันหมด ถ้าแกคิดจะโกงลูกฉันล่ะก็เห็นดีกันแน่”
ลินดาสะบัดหน้าออกไป ราพณ์หันไปมองสิริโสภาอย่างตำหนิ
“ตอนนี้เธอควรจะอยู่ที่ไหน สิริโสภา”
สิริโสภาอึ้งเห็นทุกคนมองมา รีบออกไป อาม่าคร่ำครวญ เสียใจอย่างหนัก
“อั๊วทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ทำไมลูกหลานของอั๊วถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้”
“นี่เราทำให้เฮียรามเป็นบ้าจริงๆ เหรอเจ้” ระรินใจเสีย
รุ้งรายกับรังรองรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ตอน 10 ขวบก็ตอนที่ม๊าเราตายใช่ไหมราพณ์” รังรองถาม
“เป็นเพราะรุ้งด้วยใช่ไหมเฮีย รุ้งด่าน้อง รังเกียจน้อง รามมันต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด” รุ้งรายบอกอย่างรู้สึกผิด
“มีแม่ก็เหมือนไม่มี อาม่าไม่น่ายอมให้อารามออกไปจากบ้านเลย” อาม่าบอกเศร้าๆ
รัตนาวลีกับแม่นมฟังแล้วรู้สึกสงสารรามมาก
“ทุกคนไม่ได้รังเกียจที่รามไม่สบายใช่ไหมครับ” ราพณ์ถามขึ้น หลังจากสังเกตุท่าทีทุกคน
“รินอยากขอโทษเฮียราม...” ระรินสะอื้น
“เรายังแก้ตัวทันใช่ไหมราพณ์” รังรองถาม
“ผมดีใจที่ทุกคนไม่รังเกียจราม อาการของรามต้องกินยาตลอดชีวิต แต่ไม่ว่าจะยากแค่ไหน เราจะไม่มีวันทิ้งราม เขาจะต้องกลับเข้ามาเป็นน้องชายของเรา เป็นเฮียของริน” ราพณ์บอกอย่างหนักแน่น
“ฉันเชื่อนะคะว่าถ้าคุณรามได้รู้ เขาจะต้องมีความสุขมาก” รัตนาวลีพยายามพูดให้ทุกคนสบายใจ
“วันนี้ป๊าไม่อยู่แล้ว ผมเป็นลูกชายคนโต มีหน้าที่รับผิดชอบทุกข์สุขของทุกคนในครอบครัว ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวผม เชื่อมั่นในคำสอนของป๊า เรา...จะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน”
ราพณ์ประกาศ แล้วเข้าไปกอดอาม่า
“ผมจะดูแลอาม่าเองนะครับ”
ระริน รังรอง รุ้งรายเข้ากอดอาม่า
“เราจะดูแลอาม่านะคะ”
รัตนาวลี แม่นมมองพี่น้องที่รวมเป็นใจเดียวกันพลอยดีใจไปด้วย
“จับคนที่มันทำร้ายป๊าลื้อให้ได้นะอาราพณ์...พวกลื้อทุกคนเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน คำที่ป๊าลื้อสอนให้สามัคคี และกตัญญู สองคำนี้จะทำให้พวกลื้อเจริญรุ่งเรืองตลอดไป จงจำเอาไว้” อาม่าสอนลูกหลาน
“เจ้อยากจะไปรับรามกลับมา อยากจะขอโทษ” รังรองบอกอย่างไม่สบายใจ
“ตอนนี้ให้รามได้อยู่คนเดียวสักพัก ส่วนพวกเรามีหน้าที่ที่ต้องทำในฐานะลูก เราจะส่งวิญญาณของป๊าให้ไปสู่สุขคตินะ”
ทุกคนมองกันอย่างร่วมใจ อาม่ามองราพณ์แล้วยิ้มอย่างยินดี ที่ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น
ลินดาเดินออกมาที่หน้าตึก สิริโสภาตามออกมา
“คุณลินดา” สิริโสภาเรียก
ลินดาชะงักหันมาว่ามีอะไร
“เจ้าสัวก็ตายแล้ว...เมื่อไหร่คุณจะเล่นงานคุณหญิงซะที ฉันอยากให้มันทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น”
“รอ...ไม่เกินสองวัน พวกมันต้องแทบบ้าแน่”
สิริโสภามองลินดาอย่างมีความหวัง
ชนพกับฤดีต่างพากันยินดี เมื่อชาญชัยเล่าว่า เจ้าสัวเรียวเสียชีวิตแล้ว
“ตายซะที นึกว่าจะอึดไปสักกี่น้ำ” ฤดีบอกอย่างสะใจ
“ถ้าเป็นอย่างที่แกว่าเท่ากับว่าตอนนี้พวกมันไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยานที่จะชี้ตัวแกอีกแล้ว” ชนพสบายใจ
รังรองที่แต่งชุดดำเรียบร้อยลงมา ชะงักที่ได้ยินเสียงชนพ
“ตอนนี้ไม่มีใครเอาผิดเราได้อีกแล้ว แกรีบทำลายหลักฐานที่เป็นเอกสารทั้งหมด แล้วหาลูกค้ามาเคลียร์ยอดพวกนั้นซะ”
“แต่ผมว่าไอ้ราพณ์มันเริ่มสงสัย” ชาญชัยกังวล
“ถึงมันรู้แต่ไม่มีหลักฐานก็ทำอะไรเราไม่ได้” ชนพมั่นใจ
“ครับ”
รังรองอึ้งไปสงสัยว่าทั้งสามคนพูดถึงเรื่องอะไร
“แล้วนี่เมียแกทำอะไรอยู่” ชนพถาม
รังรองละล้าละลังตัดสินใจทำเป็นเพิ่งเดินลงมาทำเนียน ๆ
“คุณพ่อคุณแม่คะ รองจะไปดูที่งานก่อน คืนนี้คุณพ่อคุณแม่จะไปหรือเปล่าคะ” รังรองถาม
“ฉันยุ่ง ๆ วันไหนว่างฉันจะไปเอง ไม่ต้องถาม” ฤดีชักสีหน้าไม่พอใจ
“ค่ะ คืนนี้รองจะไปค้างที่บ้านป๊านะคะ” รังรองรับคำนิ่งๆ
“จะไปตายที่ไหนก็ไป”
“รองไปก่อนนะคะ”
ฤดีมองตามเหยียด ๆ
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยคุณ อย่าให้มันแรงนัก” ชนพปราม
“เมื่อไหร่จะไล่มันออกไปซะที แม่เกลียดหน้าโง่ๆ อย่างมัน หมากที่ไม่มีประโยชน์เก็บไว้ก็รกหูรกตา”
“ผมกำลังจะหาทางเปิดโครงการใหม่แล้วจะแยกตัวออกมา ตอนนี้อดทนไปก่อนนะแม่”
รับรังรองที่ยังแอบฟังอยู่ด้านนอก ฟังอย่างรู้สึกเจ็บปวด และเริ่มคิดตัดสินใจ ตัดใจจากชาญชัยอย่างจริงจัง
ราพณ์ รสิกาและรัตนาวลีลงจากรถเดินเข้ามา พบเง็กที่มารอรับ
“พระลบล่ะ” ราพณ์ถาม
“หลับแล้วค่ะ คุณรามกลับมาแล้วนะคะ”
“อืม...อาม่าอยู่ไหน”
เง็กอ้ำอึ้งไปนิดมองไปทางห้องรับแขก ราพณ์ตัดสินใจเดินเข้าไป
ราพณ์เดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมรสิกา ทั้งคู่ชะงักที่เห็นรังรอง รุ้งราย ระรินต่างเข้ากอดอาม่าอย่างต้องการที่พึ่งพิง รัตนาวลีกับแม่นมอยู่ข้างๆ คอยมองไม่ห่าง
ราพณ์ขยับเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงหน้า อาม่าวางมือบนหัวราพณ์
“ลื้อทำดีที่สุดแล้วอาราพณ์ ป๊าลื้อจะต้องภูมิใจในตัวลื้อแน่”
“แล้วต่อไปเราจะเป็นยังไงคะอาม่า” ระรินถาม
“ก็มีชีวิตอยู่ต่อไป...ยืนอย่างเข้มแข็งเป็นลิ้มวัฒนาถาวรกุลที่ป๊าพวกลื้อจะต้องภูมิใจ”
ทุกคนกอดอาม่าอย่างต้องการที่พึ่งพิง อาม่าลูบหัวทุกคนอย่างปลอบโยนในวันที่ยังคงต้องเป็นหลักยึดให้กับลูกหลานทุกคน
รัตนาวลีที่ดูเพลียๆ เดินออกมา รสิกาตามออกมา
“หม่อมแม่...เหนื่อยไหมคะ” รสิกาถาม
“นิดหน่อยจ๊ะ” รัตนาวลีตอบ
รสิกาเข้ากอดรัตนาวลี
“เป็นเพราะอ้ายหรือเปล่าคะหม่อมแม่ ที่เจ้าสัวต้องตายเพราะ....”
“แม่รู้ว่าอ้ายเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม่ก็เสียใจ แต่ถ้าเราปล่อยให้ความเสียใจทำร้ายตัวเรา แล้วครอบครัวของเราจะเป็นยังไง อ้ายเป็นภรรยาคุณราพณ์เป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้านนี้ อ้ายต้องเป็นหลักให้กับสามีและครอบครัว เป็นคู่ทุกข์คู่ยาก”
“คู่ทุกข์คู่ยาก”
“แม่เชื่อว่าอ้ายพบความสุขในชีวิตคู่แล้ว แต่คู่ชีวิตที่แท้จริงจะต้องร่วมทั้งสุขและทุกข์ ทุกข์คือสิ่งที่ผ่านไปได้ด้วยความยากลำบาก วันนี้คุณราพณ์กำลังเจอทุกข์ อ้ายกลัวความยากลำบากหรือเปล่าลูก”
รสิกามองรัตนาวลีอย่างคิดตาม
ราพณ์เดินเข้ามาในห้องทำงานเปิดไฟ มองเก้าอี้ทำงานของเจ้าสัวเรียว เขาขยับไปยืนพิงตรงตู้ส่วนที่วางเครื่องเสียง ราพณ์มองเครื่องเสียงแล้วกดปุ่ม Play เพลง The Missing time ดังไปทั่วบริเวณคฤหาสถ์เจ้าสัว ทุกคนในบ้านต่างพากันเศร้า
อาม่ายืนอยู่หน้าเตากำลังทำน้ำซุป แม่นมยืนอยู่ห่าง ๆ เป็นเพื่อน มือก็ซอยต้นหอมไปพลางมองอาม่าไปอย่างเป็นห่วง ระหว่างที่อาม่าคนหม้อซุปแล้วตักชิม อาม่าน้ำตาร่วงด้วยความคิดถึงเจ้าสัวเรียว
แหวว เง็ก กิมท้อ ต่างนั่งเก็บเช็ดจาน เช็ดน้ำตากันด้วยความเศร้า
มุมห้องรับแขก ระรินนั่งซุกตัวร้องไห้อยู่ข้างโซฟา รุ้งรายนั่งอยู่พื้นข้างเก้าอี้หัวโต๊ะที่โต๊ะอาหาร รุ้งรายซบกับเก้าอี้ ร้องไห้ รังรองกอดรูปเจ้าสัวเรียวนั่งร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่ง
ห้องนอนเจ้าสัวเรียว...รัตนาวลีนั่งลงบนเตียง มือแตะบริเวณที่เจ้าสัวเรียวเคยนอน รัตนาวลีร้องไห้อย่างไม่อาจเก็บไว้ได้
รามนั่งอยู่ที่ด้านนอกระเบียงมองพระจันทร์ แล้วร้องไห้ สิริโสภาที่นั่งมองไม่ได้เสียใจแต่รู้สึกหดหู่กับสภาพของคนทั้งบ้าน
รสิกาเข้ามาเห็นราพณ์ที่นั่งมองเก้าอี้ทำงานของเจ้าสัวเรียว เธอเข้ามายืนด้านหลังเก้าอี้วางมือบนบ่าราพณ์ แล้วค่อยๆ เลื่อนตัวลงมาซบหน้ากับหน้าราพณ์อย่างปลอบโยน ราพณ์ขยับซบหน้ากับหน้ารสิกาทั้งคู่น้ำตาร่วงไม่ต่างกัน
รสิกากับราพณ์เข้ามาในห้องนอน รสิกาส่งผ้าขนหนูให้ เพื่อไปอาบน้ำ
“ขอบคุณนะครับที่ยืนอยู่เคียงข้างผม”
“พักผ่อนเถอะค่ะ คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันจะเตรียมชุดนอนให้”
ราพณ์ยิ้มแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
รสิกาหันกลับมาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วชะงัก เมื่อเห็นว่าชุดของเธอ ถูกฉีกกระชากขาดเป็นริ้วๆ เธอดึงออกมาดูรู้สึกหวั่นๆ สงสัยเหลือเกินว่าฝีมือใคร
สามี ตอนที่ 11 (ต่อ)
วันใหม่ ราพณ์กับทุกคนมาพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร ตามคำสั่งอาม่า
“อาม่าให้ไปตามทุกคนลงมาด่วน มีอะไรเหรอครับ” ราพณ์สงสัย
กิมท้อเดินนำราม กับสิริโสภาเข้ามา
“คุณรามมาแล้วค่ะ”
“เอาล่ะ เช้านี้อาม่าทำโจ๊กซุปไก่ อยากให้ทุกคนมากินพร้อมหน้ากัน จ๋อ ๆ” อาม่า
ราพณ์กับรสิกาจะนั่งที่เดิม
“อาราพณ์ นั่นไม่ใช่ที่ของลื้อ” อาม่าสั่ง
ราพณ์ชะงัก มองอาม่าที่เดินไปที่เก้าอี้หัวโต๊ะ อาม่าวางมือบนเก้าอี้
“ที่ของลื้ออยู่ที่นี่” อาม่าพูด
ราพณ์มองอาม่า รู้หน้าที่แต่ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีบารมีเท่า
“เชิญค่ะคุณราพณ์” รัตนาวลียิ้มให้
ราพณ์จำต้องเดินไปนั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ ราพณ์มองแล้วตัดสินใจลงนั่งท่ามกลางสายตาที่ยินยอมของทุกคน
“อ้ายมานั่งตรงนี้นะลูก” รัตนาวลีชี้ไปที่นั่งเดิมของตัวเอง
“แต่...”
“มันถึงเวลาของลูกแล้ว...”
รสิกาเดินไปนั่งแทนที่รัตนาวลีที่ขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวถัดไปจากอาม่า
“ทุกคนนั่งลง” อาม่าพูด
รามจะขยับเก้าอี้ตัวเดิม
“ราม แกต้องมานั่งตรงนี้” ราพณ์บอก
ราพณ์ชี้ที่เก้าอี้ตัวด้านขวามือที่เขาเคยนั่ง รามอึ้ง
“เฮียจะให้ผมนั่งตรงนั้นเหรอ”
“ใช่ แกเป็นลูกชายของป๊า เมื่อราพณ์ขึ้นเป็นหัวหน้าครอบครัว คนที่ต้องนั่งแทนที่ราพณ์คือแก” รังรองเป็นคนบอก
รามอึ้งไม่อยากเชื่อกับคำที่รังรองพูด
“นี่เจ้เสียสติหรือเปล่า”
“เฮียราม....” ระรินเข้าจับมือราม “มานั่งตรงนี้สิเฮีย”
ระรินดึงรามมานั่งที่เก้าอี้
“ทุกคนคะ” รุ้งรายพูด
รามมองคิดว่ารุ้งรายจะแย้ง
“ทานข้าวกันเถอะค่ะ รุ้งหิวแล้ว...”
ทุกคนลงนั่ง รามยังยืนเก้ๆ กัง ๆ
“นั่งสิราม ไม่กินข้าวหรือไง” รุ้งรายถาม
รามลงนั่งอย่างไม่เข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น
“หนูสิ...นั่งสิจ๊ะ” รัตนาวลีหันไปชวน
สิริโสภานั่งลงข้างราม สิริโสภาสบตากับรสิกาที่เริ่มมองเธออย่างระแวง สิริโสภามองแล้วยิ้มให้สิริโสภาแต่สายตาท้าทายมาก รสิกาพยายามไม่สนใจ
ทุกคนเริ่มทานอาหาร บรรยากาศความเข้มแข็งจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในตัวสมาชิกทุกคนในบ้านอีกครั้ง
รสิกาถือกระเป๋าและข้าวของเดินลงมาจากตึกจะไปที่รถ สิริโสภาตามออกมาในระระยะประชิด
“ฉันช่วยนะคะ”
รสิกาตกใจจนปล่อยของหล่นกระจาย ระรินที่ออกมาเห็นก็โวยวาย
“เธอทำอะไรคุณหญิง”
ระรินผวาเข้ามาเตรียมปกป้องเลยทีเดียว
“คิดจะทำอะไร”
สิริโสภามองไม่หลบตาแต่ไม่ตอบ
“น้องรินคะ คุณสิเขาไม่ได้ทำอะไรพี่ พี่ซุ่มซ่ามเอง ขึ้นรถเถอะค่ะ”
รสิกาดึงระรินไปขึ้นรถ ระรินขัดใจนั่งที่นั่งข้างคนขับ รสิกาขึ้นประจำที่คนขับ สิริโสภายิ้มจิตๆ ชอบใจ แล้วเปิดประตูขึ้นนั่งด้านหลังตรงกับที่นั่งคนขับ
รสิกาสตาร์ทรถ จะขยับรถออก เธอมองกระจกหลังเห็นสายตาสิริโสภาที่จับจ้องมองมาอย่างจิตๆ เธอตกใจเหยียบเบรกกะทันหัน ปึ้ก! ระรินหน้าแทบชนคอนโซล
“คุณหญิงเป็นอะไรคะ” ระรินถาม
“ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มี”
รสิกาตั้งสติ สิริโสภาแอบยิ้มพอใจคิดว่าเขย่าขวัญรสิกาได้
ราพณ์ รุ้งราย และรังรองอึ้ง เมื่อกันต์มาหาที่บริษัท พร้อมข้อมูล
“เราตรวจสอบพบว่าในขวดยาลดคอเรสเตอรอลของเจ้าสัวทั้งหมด เป็นยาปลอม ที่มีส่วนประกอบของสารหนู มีลักษณะและสีคล้ายกับยาที่เจ้าสัวได้รับประจำ แต่ยาปลอมตัวนี้จะไม่มีตรากำกับ”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง” รังรองสงสัย
“ใครเป็นคนดูแลเรื่องยาของเจ้าสัวครับ” กันต์ถาม
“คุณหญิง...” ราพณ์ตอบ
“ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา ยาชุดนี้ฉันกับคุณหญิงเพิ่งไปรับมาใหม่เมื่อวันก่อน” รุ้งรายอธิบาย
“ถ้างั้นก็อาจเกิดการสับเปลี่ยนยา” กันต์เริ่มเดาออก
“เป็นไปไม่ได้ ยาชุดนี้คุณหญิงกับรุ้งรับมาจากโรงพยาบาลแล้วก็ออกมาพร้อมกัน รุ้งอยู่กับคุณหญิงตลอด แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณหญิงจะทำร้ายป๊า” รุ้งรายบอกทันที
“หรือว่าคุณหญิงยังแค้นป๊าอยู่” รังรองสงสัย
“ไม่จริง คุณหญิงไม่ทำแบบนั้นแน่” ราพณ์ยืนยัน
“ยังไงผมก็คงต้องขอให้คุณหญิงให้การกับผม” กันต์บอกทันที
ราพณ์หนักใจมาก แล้วบอกทันที
“ฉันขอให้เรื่องนี้รู้กันแค่เราในห้องนี้ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายอออกไปมันไม่เป็นผลดีแน่”
ทุกคนรับฟังอย่างเข้าใจ
“คืนนี้ฉันจะไปไหว้ป๊าแกนะ” กันต์บอกก่อนกลับ
“แล้วเจอกัน”
กันต์แยกไปอีกทาง ทันทีที่ราพณ์ รุ้งราย รังรอง ก้าวออกมาด้านนอกก็ต้องชะงักที่กลุ่มนักข่าวกรูกันเข้ามา
“คุณราพณ์ครับ ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ ข่าวลือว่าเจ้าสัวเรียวเสียชีวิตเพราะโดนวางยาจากคนใกล้ชิด เป็นความจริงหรือเปล่าคะ”
ราพณ์กันคนอื่นๆ อึ้งว่านักข่าวรู้ได้ยังไง
“ช่วยตอบคำถามด้วยนะคะ คุณราพณ์”
ทั้งสามคนไม่ตอบพากันเดินเลี่ยง กลุ่มนักข่าวยังตามไม่เลิก
“นักข่าวรู้เรื่องได้ยังไง” รุ้งรายสงสัย
“ราพณ์ แบบนี้คุณหญิงจะโดนตามด้วยไหม” รังรองกังวล
ราพณ์เป็นห่วงรสิกามาก
อ่านต่อเวลา 17.00น.
รสิกา กับระรินเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยกัน
“รีบไปตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอคะคุณหญิง” ระรินถาม
“คืนนี้แขกน่าจะเยอะกว่าเมื่อวาน พี่อยากให้แน่ใจว่าทุกอย่างมันจะเรียบร้อยน่ะ”
รสิกาชะงักที่มองไปเห็นสิริโสภากำลังมองมานิ่งๆ ระรินมองตอบอย่างไม่ชอบใจ
“รีบไปเถอะค่ะคุณหญิง”
รสิกายอมเดินตามระรินออกไป แต่พอเปิดประตู นักข่าวก็เข้ามาถ่ายภาพรุมล้อมจนรสิกา ระรินตกใจ
“คุณหญิงรสิกาคะ มีข่าวว่าเจ้าสัวตายเพราะถูกวางยาพิษ และคุณหญิงเป็นผู้ต้องสงสัยเป็นความจริงหรือเปล่าครับ” นักข่าวถาม
รสิกากับระรินตกใจ
“เขาลือว่าคุณหญิงถูกเจ้าสัวบีบให้แต่งงานล้างหนี้ จนเป็นชนวนแค้น”
“คุณหญิงเข้าให้การกับตำรวจหรือยังครับ”
สิริโสภามองเหตุการณ์อย่างสะใจ รถของราพณ์วิ่งเข้ามาจอด ราพณ์รีบลงมาจากรถ
“คุณหญิงครับ”
ราพณ์เข้ามาพารสิกาขึ้นรถ ระรินรีบวิ่งตามขึ้นรถ ราพณ์ขับรถพารสิกาออกไปจากกลุ่มนักข่าวทันที สิริโสภามองตามยิ่งแค้น
รามซึ่งไปพบหมอมา เข้ามาที่บ้านตั้งใจจะมาบอกเรื่องที่ตัวเองเป็นเอดส์ ขณะที่ลินดานั่งรออยู่
“ม๊าครับ...ผมมีเรื่องจะคุยกับม๊า...ผม...”
ลินดาไม่ฟัง
“ราม แกเห็นข่าวหรือยัง มันชั่วช้าจริง ๆ”
“ข่าวอะไรครับม๊า”
“ก็นังคุณหญิงมันเป็นคนวางยาป๊า”
“คุณหญิงน่ะเหรอ” รามอึ้ง
“ใช่...ม๊าก็รู้นะว่ามันโดนบังคับให้แต่งงานล้างหนี้ แต่ไม่คิดว่ามันจะแค้นป๊าแกจนทำเรื่องเลวๆ ได้ลง งูเห่า...ป๊าแกให้พวกมันทั้งแม่ลูกจดทะเบียน ถ้าป๊าแกตาย นังหม่อมวลีมันก็ต้องได้สมบัติป๊าแก นังคุณหญิงมันก็เกลียดป๊าแกที่ไปแย่งแม่มันมา พวกมันคงวางแผนจะเอาสมบัติไปเสวยสุขกันทั้งแม่ทั้งลูก”
ลินดาร้องไห้อย่างคลั่งแค้น ตั้งใจให้รามอารมณ์ขึ้นเต็มที่
“ม๊าเจ็บใจจริงๆ มันแย่งป๊าแกไปไม่พอมันยังฆ่าป๊าแกด้วย พวกมันเป็นฆาตกร มันฆ่าป๊าแก”
รามโกรธมาก ลินดามองอารมณ์รามแอบยิ้มพอใจ
อาม่าหัวเสียมาก เมื่อมีข่าวว่ารสิกาเป็นคนวางยา รัตนาวลี แม่นมที่อยู่ด้วยพากันร้อนใจ
“ทำไมมันถึงมีข่าวแบบนี้ได้” อาม่าโวยวาย
“อาม่าใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ ค่ะ” แม่นมพยายามปลอบ
แม่นมมองรัตนาวลีที่เครียดไม่แพ้กัน แหวววิ่งเข้ามา
“หม่อมคะ ตอนนี้นักข่าวอยู่ที่รั้วบ้านตั้งหลักกันไม่ยอมไปไหนเลยค่ะ”
ลินดากับรามเข้ามา
“มันอยู่ไหน นังคุณหญิงฆาตกร” ลินดาจ้องหน้ารัตนาวลีอย่างเอาผิดเต็มที่ “แกเอาตัวนังฆาตกรไปซ่อนไว้ไหน”
รัตนาวลีลุกพรวดไม่ยอม
“ลูกฉันไม่ใช่ฆาตกร กล่าวหากันแบบนี้ฉันไม่ยอม”
ราพณ์พารสิกาเข้ามา รุ้งรายกับรังรองตามเข้ามา
“โผล่มาแล้วเหรอ” ลินดายิ้มร้าย “นังกิมท้อ”
กิมท้อรีบแล่นเข้ามา
“ขา คุณลินดา”
“ไปเรียกตำรวจมาจับนังฆาตกรเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้อง” ราพณ์จ้องอย่างประกาศต่อลินดา “ห้ามใครทำอะไรทั้งนั้น”
“นี่คิดจะปกป้องฆาตกรที่ฆ่าพ่อตัวเอง จะอกตัญญูใช่ไหม” ลินดาตวาด
“เฮีย มันฆ่าป๊า เฮียยังจะปกป้องมันอีกเหรอ” รามไม่พอใจ
“คุณหญิงไม่ทำแบบนั้นแน่ เฮียยืนยันได้”
“คนที่ดูแลเรื่องยาของเจ้าสัวคือมันคนเดียว มันไม่ทำแล้วใครจะทำ” ลินดาโต้
“ฉันไม่ได้ทำ คนอย่างฉันไม่เคยคิดทำเรื่องเลวๆ แบบนั้น” รสิกาบอกเสียงเข็ม
“รุ้งเชื่อว่าคุณหญิงไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้” รุ้งรายเข้าข้างรสิกา
“พวกแกมันอกตัญญู เข้าข้างงูพิษอย่างพวกมัน” ลินดาไม่พอใจ
“สำหรับพวกเราคุณหญิงคือสะใภ้ เป็นคนในครอบครัว” รังรองสวน
“ฉันก็เป็นคนในครอบครัวนี้ ฉันถึงต้องจับไอ้คนที่มันทำลายครอบครัวเรา”
“ครอบครัวคือศูนย์รวมของคนที่รัก และดูแลกันไม่ใช่จ้องจะทำลายกันอย่างคุณ” รัตนาวลีจ้องหน้าลินดา
“แกไม่ต้องทำเป็นคนดี แกแม่ลูกแต่งงานเข้ามาปอกลอกเงินไปใช้หนี้ไถ่วัง อยู่สุขสบายบนเงินของผัวฉัน แต่มันไม่ทันใจแกใช่ไหมถึงต้องวางยาฆ่าเขา พวกแกสมรู้ร่วมคิดกันใช่ไหม”
“คุณกำลังกล่าวหาฉันด้วยข้อหาที่เลวร้ายที่สุด อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทนกับคุณ” รัตนาวลีไม่ยอม
“ทนไม่ได้ล่ะสิที่ฉันพูดความจริง” ลินดาเยาะ
“คุณลินดา หยุดได้แล้ว” ราพณ์ตวาด
รามสวน
“เฮียนั่นแหละหยุด หยุดหน้ามืดตามัว หลงนังเมียฆาตกรของเฮียได้แล้ว ตั้งแต่พวกมันเข้ามาก็มีแต่เรื่องเสื่อม เพราะมีพวกมันป๊าถึงต้องตาย”
อาม่าเกินจะรับไหว เป็นลมหมดสติ
“อาม่าคะ” แม่นมร้องอย่างตกใจ
ทุกคนตกใจต้องรีบเข้าดูแลอาม่า
“คุณลินดา คุณกลับไปซะ ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งจับข้อหาบุกรุก” ราพณ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แกกล้าเหรอ”
“ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะไม่อดทนอีกต่อไป”
ลินดาเห็นท่าทีของราพณ์เอาจริง ได้แต่สะบัดหน้าออกไป
“นี่เฮียคิดจะเข้าข้างเมียฆาตกรของเฮียเหรอ” รามมองหน้าพี่ชาย
“ฉันไม่ได้เข้าข้างคุณหญิง ฉันรักป๊าเหมือนที่แกและทุกคนรักป๊า แต่ฉันเชื่อมั่นว่าคุณหญิงจะไม่ทำร้ายป๊าอย่างแน่นอน”
“ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเมียเฮียเป็นคนทำล่ะ”
ราพณ์อึ้ง เห็นทุกคนมองราพณ์อย่างรอคอยการตัดสินใจ
“ถ้าคุณหญิงเป็นคนทำจริงๆ ฉันจะเป็นคนจับคุณหญิงส่งตำรวจเอง”
รามมองอย่างคาดคั้น
“เฮียพูดออกมาแล้วนะ”
“ฉันไม่เคยผิดคำพูด”
“ดี ผมจะลากคอฆาตกรที่มันฆ่าป๊าเข้าคุกให้ได้”
ทุกคนต่างอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ราพณ์นิ่งอย่างยืนยัน รามมองไม่ยอมแพ้ รสิกาเครียดที่ตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัย
รสิกายืนนิ่งอยู่ในห้อง ราพณ์เข้ามาอึดอัดใจไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี
“คุณทำถูกแล้วล่ะค่ะ จะปกครองคนก็ต้องยุติธรรม ฉันรู้ว่าคุณเชื่อใจฉันแต่แค่คำพูดมันคงยืนยันความบริสุทธิ์ของฉันไม่ได้”
“ผมจะหาตัวคนร้ายให้เจอ พิสูจน์ให้รามเห็นว่าคุณคือผู้บริสุทธิ์”
รสิกามองราพณ์อย่างขอบคุณที่เชื่อใจ
ราพณ์กับรุ้งรายฟังกันต์ที่แจกแจงรายละเอียดให้ฟังในห้องทำงานที่บริษัท
“บนขวดยาไม่มีรอยนิ้วมือคนอื่นนอกจากรอยนิ้วมือของคุณหญิง เราไม่สามารถหาร่องรอยอื่นได้เลย ทำให้ตอนนี้คุณหญิงจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียว”
“รุ้ง..ลองคิดดีๆ อีกทีสิว่าวันที่ไปรับยา มันมีจังหวะไหนไหมที่ถุงยาไม่ได้อยู่กับคุณหญิง”
รุ้งรายคิดทบทวน
“รุ้งกับคุณหญิงรับยาจากเคาน์เตอร์แล้วก็ออกมาด้านหน้าโรงพยาบาลจะไปขึ้นรถ แล้ว..วศินค่ะ มาจากไหนไม่รู้ พยายามจะดึงตัวคุณหญิงไปคุย ยื้อกันอยู่สักพัก คุณวีก็มาช่วยจนมีเรื่องต่อยกันพอเคลียร์ได้ รุ้งก็พาคุณหญิงกลับมาบ้าน”
“แล้วที่บ้านใครเป็นคนดูแลเรื่องยา” กันต์ถาม
“คุณหญิงกับหม่อมวลี แต่ฉันถามหม่อมแล้วว่ายาถูกวางไว้ตรงจุดที่ป๊านอนพักมีหม่อมวลีคอยเฝ้าตลอด” ราพณ์ตอบ
“แล้วคนที่ป้อนยาให้เจ้าสัวเรียวเป็นครั้งสุดท้าย”
ราพณ์ลำบากใจ แต่จำต้องพูดความจริง
“คุณหญิง แต่ถ้าคุณหญิงคิดจะทำจริงๆ ทำไมต้องทิ้งหลักฐานไว้ให้ตัวเองถูกจับ จริงไหม”
“ฉันเข้าใจ แต่แบบนี้มันรอดยากนะไอ้ราพณ์ ทั้งวัตถุพยาน ประจักษ์พยาน...ทุกอย่างชี้ไปที่คุณหญิงคนเดียว ในช่วงจากโรงพยาบาลมาจนถึงบ้าน จนเจ้าสัวเสียชีวิต มันต้องมีจังหวะที่ถูกสับเปลี่ยนยา แต่นี่ ไม่มีคนอื่นจับถุงยาเลย”
รุ้งรายพยายามคิด แล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่ปฐวีเป็นคนหยิบถุงยามาให้รสิกา
“เป็นไปไม่ได้”
ราพณ์กับกันต์หันมองรุ้งราย
“มีอะไรเหรอรุ้ง นึกออกแล้วใช่ไหมว่าใครที่แตะถุงยานั่นนอกจากคุณหญิง”
รุ้งรายหน้าช็อคมาก
“คุณวี....”
ราพณ์อึ้ง กันต์มองหน้าราพณ์
“หมายถึงปฐวี ลูกชายนายประสิทธิ์น่ะเหรอ”
ราพณ์พยักหน้าสีหน้าเครียด
ปฐวีนั่งอยู่ในร้านอย่างกระวนกระวาย รสิกาเข้ามาหาปฐวี
“อ้าย มีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงอยากคุยกับพี่ด่วน”
“คุณรุ้งรายล่ะคะ” รสิกาถาม
“เดี๋ยวก็คงมา”
“อ้ายรู้สึกว่ามันมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับอ้าย ตั้งแต่คุณสิย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน”
“เรื่องแปลกๆ ...เรื่องอะไร”
รสิกาเตรียมเล่าทั้งหมดให้ฟัง สุรีย์ส่องที่นั่งอยู่มุมหนึ่งนั่งอ่านนิตยสารใช้บังหน้าตัวเอง สุรีย์ส่องเหลือบมองอย่างขัดใจที่เห็นว่าปฐวีมาหารสิกาไม่ใช่รุ้งราย
รุ้งรายรู้สึกสับสน พยายามถามเอาคำตอบจากราพณ์
“เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมเฮีย คุณวีไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ก็น่าคิดนะ” กันต์ออกความเห็น
“เฮีย...เขาไม่ใช่คนแบบนั้นใช่ไหม” รุ้งรายถามย้ำ
“ตอนนี้เรายังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น ทุกคนมีสิทธิ์โดนสงสัย” ราพณ์บอกอย่างหนักใจ
“ระยะนี้ คงต้องขอให้แกกับน้องรุ้งช่วยกันจับสังเกตทุกคนที่แวดล้อม เพราะฟังจากที่คุณรุ้งบอก แสดงว่าการสับเปลี่ยนยาถูกวางแผนมาอย่างดี บางทีเรื่องการชกต่อยที่เกิดขึ้นอาจเป็นการเบนความสนใจเพื่อสับเปลี่ยนยาในตอนนั้น” กันต์อธิบาย
รุ้งรายสับสนแล้วออกไปทันที
“น้องรุ้งเขาเป็นอะไรหรือเปล่า” กันต์งงๆ
“ไม่มีอะไร กันต์ ฉันอยากให้แกตรวจเรื่องกล้องวงจรปิดโรงแรมที่เกิดเหตุอีกที”
กันต์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ปฐวีอึ้งกับเรื่องที่รสิกาเล่า
“อ้ายมั่นใจนะว่ามันเป็นการจงใจทำลายข้าวของอ้าย” ปฐวีถาม
“ค่ะ ดอกกุหลาบมันไม่ได้กลีบร่วงเอง ชุดของอ้ายถูกฉีกขาด”
“แล้วอ้ายคิดว่าเป็นฝีมือของสิริโสภางั้นเหรอ”
“อ้ายอยู่ที่บ้านนี้มาสักพัก ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ มันเกิดหลังจากที่เขาย้ายเข้ามา ที่อ้ายรู้สึกแปลกที่สุดก็ท่าทีของคุณราพณ์ที่มีกับเขามันก็ดูแปลกๆ ทุกครั้งที่คุณสิพูดเรื่องที่เขาโดนกระทำ คุณราพณ์ดูจะโกรธมากเหมือนว่าเรื่องที่พูดมันเกี่ยวกับเขา ส่วนคุณสิพออ้ายมาคิด ๆ ดู เขามักจะมีท่าทีแปลกๆ กับอ้ายหลายครั้ง แต่อ้ายไม่เคยคิดว่าเขาตั้งใจ แต่ตอนนี้อ้ายชักไม่แน่ใจแล้วค่ะ”
“ก็เดาไม่ยากว่าเขาสองคน...” ปฐวีเกรงใจไม่กล้าพูดต่อ
“อ้ายอยากจะแน่ใจกว่านี้ค่ะ ไม่อยากคิดไปเอง”
สุรีย์ส่องมองอย่างรำคาญเห็นว่าไม่มีประโยชน์จะไป แต่หันไปเห็นรุ้งรายกำลังจะเข้ามา สุรีย์ส่องยิ้มเปลี่ยนใจเดินกลับไปที่โต๊ะรสิกากับปฐวี
“สวัสดีอ้าย ช่วงนี้เธอดังมากนี่ ยินดีด้วยนะ”
“ไม่ต้องเดา ฉันก็พอจะรู้ว่าคนที่ช่วยกระพือข่าวน่ะเป็นเธอ บางทีฉันก็แปลกใจนะที่ดูเธอจะรู้ดีราวกับเป็นเหลือบ ริ้นไร แฝงอยู่ตามใต้เตียง” รสิกาโต้
“อย่างฉันไม่ต้องลดตัวลงไปทำอะไรแบบนั้นหรอก สายข่าวฉันมีเยอะแยะ อย่างพี่วีก็คาบข่าวมาให้ฉันกับพ่ออยู่บ่อยๆ”
“พูดอะไรของแก ฉันไม่เคยคาบข่าวอะไรทั้งนั้น” ปฐวีโวย
“พี่วี จะแก้ตัวไปทำไม ยัยอ้ายมันรู้หรอกน่าว่าพี่วีช่วยงานคุณพ่ออยู่ อย่างครั้งนี้ยังส่งเจ้าสัวไปสู่สุขคติเลย พ่อยังชมเลยว่าพี่วีทำงานนี้ได้ดี”
รสิกาหันมาเห็นรุ้งรายที่ยืนอยู่ด้านหลังปฐวี
“คุณรุ้ง”
ปฐวีหันมา เห็นรุ้งรายน้ำตาร่วง รุ้งรายวิ่งออกไปทันที
“คุณรุ้ง” ปฐวีเรียก
ปฐวีรีบตามออกไป รสิกาจะตามแต่สุรีย์ส่องขยับมาขวางไว้
“ถอยไป”
“เธอคงคิดว่าราพณ์มันรักมันหลงเธอ แล้วจะคุ้มหัวเธอไปได้อีกนาน ฉัน...จะรอวันที่แกพลิกคว่ำไม่เป็นท่าเพราะไอ้ราพณ์”
รสิกามองสุรีย์ส่องว่ารู้อะไร สุรีย์ส่องไปทิ้งให้รสิกาคิดหนักว่าหมายถึงอะไร
รุ้งรายเดินหนี ปฐวีตามมาดึงรุ้งรายไว้
“คุณรุ้ง!”
พอปฐวีดึงให้รุ้งรายหันมา รุ้งรายตบปฐวีผัวะ! ปฐวีตะลึง
รสิกาที่ตามมาตกใจ
“ศัตรูก็คือศัตรู นี่ใช่ไหมเป้าหมายของคุณ คุณเข้ามาในชีวิตของฉันเพื่อทำลายครอบครัวฉัน ฆ่าป๊าของฉัน ฉันคงเป็นผู้หญิงหน้าโง่ในสายตาคุณ”
“ผมเคยคิดว่าคุณเห็นตัวตนของผมที่ต่างไปจากพ่อ แต่ผมคิดผิด”
“ฉันก็คิดผิด ผิดไปมาก”
รุ้งรายสะบัดผลักปฐวี แล้วเดินหนีไป สุรีย์ส่องมองอย่างสะใจแล้วเดินกลับไป
“พี่วี...” รสิกาเรียก
รสิกาแค่ก้าวก็เกิดอาการวิงเวียน หน้ามืดแล้วเป็นลมล้มพับไป
“อ้าย” ปฐวีเรียก
ปฐวีตกใจเข้าไปดูแลรสิกา
ปฐวีพารสิกาไปหาหมอที่โรงพยาบาล หลังจากหมอตรวจ เขาช่วยประคองเธอลงมาจากเตียง
“เป็นยังไงบ้างอ้าย”
“มึน ๆ นิดหน่อยค่ะ”
“หมอครับ อาการอ้ายเป็นยังไงบ้าง” ปฐวีหันไปถาม
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ” หมอยิ้มยิ้มให้
ปฐวีกับรสิกาชะงัก
“คุณแม่ตั้งท้องได้สองเดือนแล้วค่ะ”
ปฐวีหันมองอ้ายด้วยความตื่นเต้น รสิกาทั้งดีใจและกังวล
ประสิทธิ์หัวเราะพอใจ เมื่อสุรีย์ส่องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“....เก่งจริงๆที่เขี่ยยัยรุ้งรายออกไปซะได้ เจ้าวีเป็นคนใจอ่อน อาจโดนพวกมันจูงจมูกได้”
“แค่นี้ยังไม่พอหรอกค่ะพ่อ ตอนนี้มันแค่ร้าว แต่สุจะทำให้มันแตกจนต่อไม่ติดอีกเลย”
สุรีย์ส่องยิ้มร้าย
รุ้งรายนั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจอยู่ในสวน ระรินลนลานกับอาการของรุ้งราย
“เจ้...ใครทำอะไรเจ้ บอกรินสิเจ้ รินจะไปเล่นงานมันเอง”
รุ้งรายไม่ตอบร้องไปเงียบ ๆ
“โหย...เจ้ไม่บอกแล้วรินจะรู้ได้ยังไงล่ะเจ้”
รสิกาเข้ามาแตะที่ไหล่ระรินมองว่าจะจัดการเอง ระรินขยับห่างออกมาเปิดทางให้รสิกา
“คุณรุ้งคะ...ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ พี่วีเป็นคนดี ไม่มีวันทำเรื่องร้าย ๆ อย่างนั้นได้แน่”
“เขาเข้ามาใกล้เราเพราะจะหลอกให้เราตายใจ ใช้เราเป็นเครื่องมือทำร้ายป๊า มันชัดเจนทุกอย่างแล้ว ศัตรูก็คือศัตรู รุ้งโง่เองที่ไว้ใจเขา รุ้งทำให้ป๊าต้องตาย”
รุ้งรายชะงักที่เห็นปฐวีก้าวเข้ามา ปฐวีมองรุ้งรายด้วยความผิดหวัง
“ในสายตาคุณ ผมคือศัตรูใช่ไหม...”
“ฉันหวังว่าคุณจะแตกต่าง แต่วันนี้คุณทำให้ฉันเห็นแล้วว่าคุณก็ไม่ต่างจากพ่อของคุณ โหดร้าย เห็นแก่ตัว” รุ้งรายเสียใจ
“งั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันอีก” ปฐวีผิดหวัง
“จบกันแค่นี้"
รุ้งรายเสียใจมาก วิ่งเข้าตึกไป
ระรินรีบวิ่งตามไป
“เจ้รุ้ง...เจ้”
ปฐวีเสียใจที่ถูกรุ้งรายมองว่าเป็นคนเลว รสิกาจับแขนปฐวีอย่างปลอบใจ
“พี่วี”
“พี่ควรจะรู้ว่าเรื่องระหว่างพี่กับเขามันเป็นไปไม่ได้”
“คุณรุ้งเข้าใจผิด ให้เวลาเธอได้คิดสักนิดนะพี่”
“ช่างเถอะ พี่กลับก่อนนะ”
“อ้ายจะเดินไปส่งค่ะ”
รสิกาเดินนำปฐวีจะพาออกไปทางหน้าบ้าน สิริโสภาก้าวเข้ามา รสิกาหันมาตกใจที่เห็นสิริโสภา
“คุณสิ”
“ขอโทษค่ะ สิคงทำให้คุณหญิงตกใจ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
สิริโสภาจะจับมือ แต่รสิกาขยับหนีด้วยความรู้สึกว่ากลัวความหลอน
“ไม่เป็นไรค่ะ ไปค่ะพี่วี”
รสิกาดึงให้ปฐวีรีบเดินห่างจากสิริโสภาออกไป สิริโสภามองตามอย่างสะใจรู้ว่ารสิกากลัวตนเอง ปฐวีมองที่มือของรสิกาที่จับตัวเองอยู่
“อ้าย...ทำไมมือเย็นแบบนี้” ปฐวีเห็นหน้ารสิกาดูซีด ๆ “อ้าย...นี่อ้ายเป็นอะไร”
“อ้ายไม่อยากอยู่ใกล้คุณสิ อ้ายรู้สึกไม่ดีค่ะ”
“อ้ายกลัวเขาใช่ไหม”
รสิกาถอนใจ
“วันนี้อ้ายรู้แล้วว่าอ้ายไม่ใช่ตัวคนเดียว” รสิกาเอามือแตะที่ท้อง “อ้ายไม่กลัวถ้าตัวเองจะเป็นอะไร แต่อ้ายห่วง...” เอามือแตะที่ท้อง
“พี่จะลองสืบดูนะว่าใช่อย่างที่อ้ายคิดหรือเปล่า”
“ขอบคุณนะคะพี่วี เรื่องคุณรุ้ง อ้ายจะช่วยพูดให้นะคะ”
ปฐวียิ้มแบบไม่แน่ใจนัก ว่ารุ้งรายจะยอมฟังไหม
จบตอนที่ 11