บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 15 อวสาน
ตอนกลางวัน ในวันเดียวกัน อิศร์จูงมือแพรพลอยเข้ามาในเซฟเฮ้าส์
“คุณแพร! คุณจะไปที่นั่น ทำไมไม่บอกผม”
“ฉันต้องการไปคุยกับกระต่ายตามลำพังค่ะ”
“แล้วเจอหรือเปล่า”
“เจอ แต่ทิตาหนีไปแล้วค่ะ เขาไม่ยอมมอบตัว”
แพรพลอยหน้าเศร้าถอนใจอย่างท้อแท้ อิศร์ดึงแพรพลอยมากอดอย่างเข้าใจ
“ไม่เป็นไรนะคุณแพร เราต้องหาทางออกอย่างอื่นได้”
“นายสมชายตายแล้วนะคะ เขาพยายามจะฆ่าทิตาตอนที่ฉันไปถึงที่นั่น แต่ถูกทิตาจัดการซะก่อน”
“ก็ดีสิ อย่างน้อยพี่ศูรย์ก็หมดแขนขาไปข้างหนึ่ง บางทีตำรวจอาจจะเชื่อมโยงสมชายกับพี่ศูรย์ได้ อดทนนิดนะครับคุณแพร ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”
อิศร์จูบประทับรับขวัญตรงหน้าผาก แพรพลอยยังเหนื่อยๆ งงๆ อยู่
ขณะเดียวกัน อนุภัทรมารับแฟ้มงานที่บรรเลงฝากสาวใช้ไว้ให้
“ฝากเรียนท่านด้วยนะครับว่าผมมาเอาเอกสารไปแล้ว”
สาวใช้รับคำ มายาวีแต่งตัวสวยเดินผ่านมา เห็นอนุภัทรทำเป็นไม่สนใจ
“อ้าว คุณเมย์ จะไปไหนครับ แต่งตัวซะสวย”
มายาวีทำเชิด ไม่รู้ไม่ชี้ หันไปคุยกับสาวใช้
“เพื่อนฉันมาหรือยัง”
“ยังค่ะ” เสียงบีบแตร “เอ๊ะ นั่นหรือเปล่าคะ”
มายาวีมองออกไป ยิ้มกริ่ม
“งั้นฉันไปล่ะ บอกคุณพ่อด้วยนะว่าจะกลับดึก”
มายาวีเน้นเสียงจงใจบอกอนุภัทร จากนั้นก็เดินตัวปลิวผ่านไป อนุภัทรงงว่าทำไมมายาวีทำกระทบกระเทียบใส่ตลอดเวลา
อนุภัทรเดินตามออกมา เห็นภาพมายาวีวิ่งไปหาเพื่อน กอด หอมแก้มชนกันตามธรรมเนียมฝรั่ง ก็อึ้ง
“เมย์รอตั้งนาน นึกว่าคุณจะไม่มา” เพื่อนคนนี้ชื่อคุณ “ไปกันเลยนะ”
คุณโอบมายาวีไปที่รถ เปิดประตูให้มาดสุภาพบุรุษมากๆ แล้วเงยหน้ายิ้มทักอนุภัทรที่ยืนเหวอๆ
ทั้งสองนั่งรถออกไปแล้ว อนุภัทรเพิ่งได้สติ หันไปถามสาวใช้
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครครับ”
“อ๋อ เพื่อนคุณเมย์ค่ะ เพิ่งกลับจากเมืองนอก”
อนุภัทรมองตาม แอบหึงนิดๆ
คืนนั้นบ้านเดชโชดมน่าจะมีโรงรถใหญ่สำหรับจอดรถทุกคันรวมกัน เพราะบ้านอยู่ในรั้วเดียวกัน ในที่นี้จะใช้โรงรถของบ้านอิศร์หรือบ้านอำพลก็ได้
ธำรงขับรถเข้ามาจอดในลานจอดรถ แล้วเปิดประตูลงมาท่าทางเมามาย จะอาเจียน
ธำรงรีบปิดประตู แล้ววิ่งออกไปอ้วกอยู่หลังโรงรถ แล้วได้ยินเสียงแว่ว
“ไอศูรย์ วันนี้ตำรวจมาถามพ่อเรื่องสมชาย แกรู้เรื่องที่มันตายแล้วใช่ไหม”
ธำรงสร่างขึ้นหลังจากอาเจียนออกไป พอได้ยินอำพลพูดก็หูผึ่ง
อำพลกับไอศูรย์ยืนคุยกันหน้าเครียด เห็นธำรงลัดเลาะอยู่ด้านหลังแนวต้นไม้ แอบฟัง
“ผมรู้แล้ว ผมสั่งให้มันไปฆ่านังทิตา ดันตายซะเอง ไม่ได้เรื่อง”
อำพลอึ้ง “นี่แกสั่งเก็บทิตาด้วยเหรอ”
“ก็มันหักหลังผม พ่อรู้ไหมว่ามันตามไปช่วยนังแพรพลอยกับแม่ของมัน”
“ศูรย์ แกทำเกินไปแล้วนะ แกจะฆ่าคนเป็นผักปลาอย่างนี้ไม่ได้ ทุกอย่างมันควรจะจบที่เจ้าอิศร์คนเดียว”
ธำรงตกใจ ได้ยินทุกอย่างชัดเจน
“ผมบอกพ่อแล้วไงว่าใครที่มันขวางทาง ผมก็ต้องกำจัดให้หมด ! ถ้าเราปล่อยไว้เรื่องไอ้อิศร์มันก็จะแดงออกมาอยู่ดี”
อำพลถอนใจ เห็นด้วยลึกๆ “แล้วแกจะทำยังไงกับไอ้สมชาย”
“ผมบอกตำรวจแล้วว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ตั้งแต่ไอ้อิศร์ตายเราก็เลิกจ้าง มันอาจจะไปทะเลาะกับนักเลงที่ไหนก็ได้ คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกครับ เรื่องนี้ไม่มีทางมาถึงเรา”
ธำรงฟังและแอบอัดเสียงในโทรศัพท์ไว้ ยิ้มแสยะ
คืนเดียวกัน อนุภัทรเดินเข้ามาในผับที่มีคนพลุกพล่าน พยายามมองหามายาวี จนเห็นมายาวีเต้นรำอยู่กับคุณอย่างสนิทสนม คลอเคลียกันไปมา แล้วเปลี่ยนท่ามาเป็นโอบมายาวีไว้ด้านหลังเหมือนประคองกอดกัน
อนุภัทรเห็นแล้วหึง ไม่พอใจ รีบผลักฝูงชนเข้าไป
“มันจะมากไปแล้วนะโว้ย”
อนุภัทรชกหน้าคุณล้มไป มายาวีกับเพื่อนคนอื่นตกใจ
“ผู้กอง คุณทำอะไรเนี่ย”
“ผมดูอยู่นานแล้ว มันจงใจลวนลามคุณ ไอ้บ้ากาม”
อนุภัทรตรงเข้ากระชากเสื้อคุณ มายาวีรีบผลักออก คุณวิ่งไปหลบหลังมายาวี
“อย่าทำบ้าๆ นะผู้กอง”
“มันจะมาลวนลามคุณ”
“แต่เราเต้นกันสนุกๆ”
“แต่คุณมีคู่หมั้นแล้ว ทำตัวแบบนี้มันไม่เหมาะ” คุณยังเกาะมายาวีอยู่ด้านหลัง “ยังอีก”
อนุภัทรจะชกคุณ แต่ชายคนหนึ่งเข้ามากระชากแขนรั้งไว้
“คุณจะทำอะไรแฟนผม”
ชายคนนั้นดึงคุณไปไว้ข้างหลัง ชี้หน้า อนุภัทรเหวอ
“แฟน”
“ใช่ สองคนนี้เขาเป็นแฟนกัน แล้วเขาก็เป็นเพื่อนรักของฉัน”
อนุภัทรอึ้ง หน้าเจื่อนๆ จ๋อยไปถนัดตา
มายาวีเดินพรวดๆ ออกมาหน้าผับ อนุภัทรวิ่งตาม
“คุณเมย์”
มายาวีไม่สนเดินลิ่วๆ อนุภัทรรีบจับมือไว้
“ผมขอโทษ ผมแค่เป็นห่วงคุณ”
“ห่วงในฐานะอะไรคะ ถ้าในฐานะคู่หมั้นจอมปลอม ก็ไม่จำเป็นหรอก เพราะฉันยังมีเพื่อนและครอบครัวที่รักฉันจริง คอยดูแลอยู่ ผู้กองไปดูคนที่ตกทุกข์ได้อยากจริงๆ ดีกว่านะคะ”
“คุณหมายถึงใคร”
“ก็ใครล่ะที่มาร้องทุกข์กับผู้กอง แล้วต้องคอยโทร.หาทุกชั่วโมง บางทีก็มาปรึกษาปัญหาชีวิตถึงที่”
อนุภัทรคิดตาม เพิ่งนึกออกว่ามายาวีหึงไอริณ กลั้นยิ้ม
“คุณหมายถึงคุณริณเหรอ” ผู้กองสบโอกาสแกล้งลองใจ “ไม่ต้องห่วงหรอก เธอดูแลตัวเองได้”
มายาวียิ่งหึง “ฉันก็ดูแลตัวเองได้เหมือนกัน ผู้กองไม่ต้องมาห่วงฉัน”
มายาวีหันหลังจะเดินกลับไป อนุภัทรจะตาม
มายาวีเรียกคนเฝ้าประตู “ผู้ชายคนนี้ก่อกวนฉัน อย่าให้เข้าไปนะคะ”
มายาวีควักเงินทิปให้คนเฝ้าประตูแล้วเดินกลับเข้าไป อนุภัทรจะตาม แต่ชายสองคนยืนตัวพองขวาง เลยได้มองตามอย่างห่วงๆ
ขณะที่ไอศูรย์เดินเข้าบ้าน แต่โทรศัพท์มีข้อความเข้ามา พอเปิดดูก็เห็นคลิปที่ตัวเองคุยกับอำพลเมื่อครู่
“ศูรย์ แกทำเกินไปแล้วนะ แกจะฆ่าคนเป็นผักปลาอย่างนี้ไม่ได้ ทุกอย่างมันควรจะจบที่เจ้าอิศร์คนเดียว”
ธำรงตกใจ ได้ยินชัดเจน
“ผมบอกพ่อแล้วไงว่าใครที่มันขวางทาง ผมก็ต้องกำจัดให้หมด! ถ้าเราปล่อยไว้เรื่องไอ้อิศร์มันก็จะแดงออกมาอยู่ดี”
อำพลถอนใจ เห็นด้วยลึกๆ “แล้วแกจะทำยังไงกับไอ้สมชาย”
“ผมบอกตำรวจแล้วว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ตั้งแต่ไอ้อิศร์ตายเราก็เลิกจ้าง มันอาจจะไปทะเลาะกับนักเลงที่ไหนก็ได้ คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกครับ เรื่องนี้ไม่มีทางมาถึงเรา”
ไอศูรย์หยุดกึก ตกใจ เสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นธำรงเข้ามา
“ฮ่ะๆๆ ปริศนาก็ไขกระจ่างแล้ว คนที่ทำชั่วร้ายในบ้านนี้ทั้งหมดก็คือพี่ศูรย์นี่เอง ผมหลงคิดว่าไอ้อิศร์จะมีเอี่ยวด้วย แต่ที่แท้มันก็คือเป้าหมายของพี่กับลุงอำพลตั้งแต่แรก”
ไอศูรย์ผงะอย่างคาดไม่ถึง
“ใจคอพี่จะฮุบทุกอย่างเอาไว้คนเดียวใช่ไหมพี่ศูรย์ ผมถึงติดร่างแหไปด้วย อีกไม่นานก็คงเป็นพ่อผม แล้วเผลอๆ ก็ยายริณน้องสาวพี่เองสินะ”
“แกพูดอะไรของแก”
ธำรงยิ้มหยัน
“จะให้เปิดคลิปให้ฟังอีกรอบไหม เปิดดังๆ ให้ได้ยินถนัดๆ”
ธำรงหยิบโทรศัพท์ไอโฟนขึ้นมาโชว์แล้วหัวเราะร่า เห็นไอศูรย์ยิ่งผวา ธำรงยิ้มสะใจ
“แต่พี่ไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าผมจะปากโป้ง ผมเองก็ไม่ได้รักใคร่ใยดีอะไรไอ้อิศร์อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า...ถ้าจะให้เรื่องนี้รู้กันแค่เราสามคนระหว่างผม พี่แล้วก็ลุงอำพล มันก็คงต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันหน่อย”
“แกต้องการอะไร”
“มันก็อยู่ที่ว่าพี่ต้องการอะไร หุ้นบริษัทส่วนของไอ้อิศร์ หรือว่าบ้านคุณปู่ หรือว่าทั้งสองอย่าง ไม่ว่าพี่จะต้องการอะไร ผมก็อยากได้...เท่าๆ กัน”
ไอศูรย์โกรธ “ไอ้ธำรง แกนี่มัน...”
“ถ้าพี่จะด่าผม มันก็เหมือนพี่ด่าตัวเอง เพราะประโยชน์อะไรก็ตามที่พี่จะได้จากการตายของไอ้อิศร์ ผมก็จะต้องได้ด้วย ไม่งั้นคลิปนี้อาจจะถูกส่งไปที่ไหนก็ได้”
“แกคิดจะชุบมือเปิบ”
“ก็ช่วยไม่ได้ที่ผมมาถูกที่ถูกเวลาพอดี ฮ่ะๆๆ พี่เก็บคลิปนั้นไว้ให้ดีล่ะ อย่าให้ใครเห็น แบ่งเค้กกันเมื่อไรผมจะยกก๊อปปี้ที่เหลือให้”
ธำรงหัวเราะสะใจ เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แล้วจะเดินกลับบ้าน
ไอศูรย์หน้ามืด ทำอะไรไม่ถูก สายตาเหลือบไปเห็นจอบทำสวนวางพาดอยู่ใต้ต้นไม้ เลยตัดสินใจชั่ววูบคว้ามา
ธำรงเดินกลับบ้านอย่างสบายอารมณ์ ไม่เห็นไอศูรย์ถือจอบตาม แล้วฟันเข้ากลางหลัง ธำรงผวาเฮือก ไม่มีเสียงร้องออกจากปาก ไอศูรย์ฟาดซ้ำลงไปอีกทีอย่างโหดเหี้ยม
“แกมันมาผิดที่ผิดเวลาต่างหาก ไอ้ธำรง”
เวลาเดียวกันอริสราเดินออกมาที่ระเบียงห้อง เห็นเงาไอศูรย์ตะคุ่มๆ ที่สนาม อริสราเขม้นมองอย่างแปลกใจ ว่าใครทำอะไรอยู่ แล้วรีบออกไปจากห้อง
อริสราเดินฝ่าความมืดเข้ามามองหา เห็นเงาตะคุ่ม
“ใครน่ะ ใครอยู่ตรงนั้น ฉันถามว่าใคร”
ไอศูรย์ตัดสินใจโผล่ออกมา เหงื่อท่วมตัว จากการลากศพธำรงไปซ่อน หอบ เหนื่อย “ผมเอง”
“คุณทำอะไรอยู่”
ไอศูรย์ตะกุกตะกัก “ผม...ผมดื่มมากไปหน่อยก็เลยอาเจียน” แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมคุณยังไม่นอนอีก”
“ฉันมองจากบนห้อง เห็นเหมือนคนลับๆ ล่อๆ อยู่ก็เลยนึกว่าจะเป็นคนร้าย”
ไอศูรย์ยิ้มกลบเกลื่อน “ไม่มีอะไรหรอกครับอริส คุณไปนอนเถอะ”
อริสรามองอย่างไม่ไว้ใจ ไอศูรย์เข้ามาโอบ แล้วพาเข้าบ้าน
พอส่งอริสราเข้าบ้านแล้วไอศูรย์รีบออกมา ตรงไปที่โรงรถ หันรีหันขวางแล้วรีบขับรถธำรงออกไปอย่างรวดเร็ว
ฟากอิศร์ผวาเฮือกขึ้นมาระหว่างนอนหลับ เหมือนสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง พอยกขึ้นเอามือลูบหน้าก็พบเหงื่อเต็มหน้า
สักครู่หนึ่งอิศร์เดินลงมาชั้นล่าง เห็นแพรพลอยนอนเอนๆ ดูทีวีฆ่าเวลาเฝ้ายามอยู่
“คุณอิศร์ ยังไม่ถึงเวลาคุณมาเปลี่ยนเวรนี่คะ”
“ผมนอนไม่หลับ”
“แล้วไง จะให้เล่านิทานให้ฟังหรือไง”
“เปล่า แค่อยากเปลี่ยนที่นอน” อิศร์ล้มตัวลงนอนตักแพรพลอย
“เอาอีกแล้วนะ”
“ก็นอนตรงนี้มันหลับสบายนี่ เผื่อจะฝันดีเหมือนคืนก่อน นอนคนเดียวฝันไม่ค่อยดีเลย”
“ฝันว่าอะไรคะ”
อิศร์หน้าขรึมลง “ฝันว่าคุณปู่มาพบผม ท่านร้องไห้ แล้วก็บอกให้ผมกลับบ้านเถอะ ทุกคนต้องการผม” เขาถอนใจเฮือก “ผมก็ใจคอไม่ค่อยดี ไม่รู้ว่าทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง”
แพรพลอยเห็นอิศร์ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็ลูบตรงหว่างคิ้วเบาๆ ปลอบโยน
“อย่าเพิ่งเครียดสิคะ คุณต้องได้กลับไปแน่”
“เมื่อไรล่ะ ผมอยากจะไปซะพรุ่งนี้เลย”
“คุณเป็นคนบอกฉันให้อดทน คุณก็ต้องอดทน รอให้แน่ใจก่อนว่าคุณไอศูรย์จะทำอะไรคุณไม่ได้ แล้วเราค่อยปรากฏตัวนะคะ”
อิศร์ถอนใจ ยังกลุ้มอยู่เห็นได้ชัด
ด้านไอศูรย์ขับรถธำรงมาจอดริมถนน แล้วเปิดกระโปรงรถ เห็นธำรงนอนตายอยู่ภายในรถ ไอศูรย์มองอย่างกระวนกระวายใจ แล้วตัดสินใจดึงร่างธำรงออกมา แล้วลากเข้าไปในป่า
ไอศูรย์ขุดหลุมกว้างลึกขนาดคนนอนได้ แล้วหอบเอาศพธำรงลงไปก้นหลุม ก่อนที่จะเอาดินกลบ ท่าทางไอศูรย์ทั้งตื่นเต้น และเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ค่อยๆ กลบดินจนมิด แล้วปาดเหงื่อ
ไอศูรย์หอบเหนื่อย มองดูผลงานตัวเอง แล้วหยิบจอบเตรียมจะกลับไป แต่พอหันกลับไปก็เห็นอริสรา
ยืนตะลึงแล ส่องไฟฉายมาที่ไอศูรย์
อริสราช็อค “คุณ...คุณทำอะไรลงไป”
ไอศูรย์ตกใจ อึกอัก “ม...ไม่นะอริส ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว ฉันเห็นทุกอย่างหมดแล้ว” อริสราเสียงสั่น “คุณฆ่าธำรงเหรอ”
“ไม่...”
ไอศูรย์จะขยับเข้าไปหา แต่เสียงกริ๊กดังขึ้น ก่อนที่อริสราจะชักปืนออกมา
“อย่าเข้ามานะ”
ไอศูรย์ตกใจที่เห็นอริสรามีปืน “อริส”
อริสราตื่นกลัว เพราะไม่เคยใช้ปืน “ถ้าคุณเข้ามาฉันยิงจริงๆ ด้วย”
“เราค่อยๆ พูดกันดีกว่านะครับอริส ผมอธิบายได้นะ ฟังผมก่อน”
“ไม่ คุณฆ่าคน คุณเป็นฆาตกร” อริสรานิ่งคิด “อย่าบอกนะว่าคุณเป็นคนฆ่าอิศร์ด้วย”
ไอศูรย์หน้าซีดเผือด อริสรายิ่งใจไม่ดี
“ใช่ไหม” อริสราแผดเสียงคาดคั้น
“ฟังผม...”
ไอศูรย์พูดยังไม่จบ อริสราก็ยิ่งเปรี้ยง แต่กระสุนเฉี่ยวไป ไอศูรย์รีบกระโดดหลบ อริสยิ่งมั่วๆ ไปอีก แล้วปืนเกิดขัดลำกล้อง
“อริส อย่าทำอย่างนี้เลยนะ”
อริสราพยายามจะยิ่งอีก แต่ยิงไม่ออก มองไอศูรย์อย่างตกใจ แล้วตัดสินใจวิ่งหนีไป
“อริส”
ไอศูรย์ตกใจ ตามไปติดๆ
อริสราตกใจปนกลัววิ่งหนีเตลิดมาในป่าด้วยความหวาดกลัว ไอศูรย์วิ่งไล่ตามมา
“อริส! กลับมา! มันอันตราย อริส”
อริสราได้ยินเสียงร้องเรียกของไอศูรย์ก็ยิ่งกลัว วิ่งหนีเตลิดไปเรื่อยๆ แล้วสะดุดล้มลง
“โอ๊ย”
ไอศูรย์วิ่งตามมาทัน
“อริส เป็นอะไรหรือเปล่า”
อริสรามองอย่างตระหนก รีบลุกขึ้นคว้าท่อนไม้ที่พื้นขึ้นมา
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ฉันคิดแล้วไม่มีผิดว่าคุณเป็นคนเลว แต่ฉันไม่นึกว่าคุณจะเลวได้ถึงขนาดนี้ คุณฆ่าคน เลวที่สุด”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ตั้งใจหรือไม่ คนเลวอย่างคุณก็ต้องชดใช้”
“คุณจะแจ้งตำรวจจับผมเหรอ”
อริสราบอกปากสั่นๆ กลัวๆ “ใช่”
ไอศูรย์ตกใจ ขยับเข้ามา อริสราถดตัวถอยหนีอีก
“บอกว่าอย่าเข้ามา”
“ผมเป็นสามีคุณนะ ผมทำทุกอย่างก็เพื่อให้เราอยู่ด้วยกัน คุณต้องเข้าใจผม”
“ฉันไม่เข้าใจคุณ ออกไป”
อริสราขยับหนีเมื่อเห็นไอศูรย์ใกล้เข้ามา ไอศูรย์มองแล้วแกล้งตกใจ
“อริสระวัง งู”
อริสราหลงกลหันกลับไปมอง ไอศูรย์ถือโอกาสเข้ามาคว้าตัวแย่งไม้มาได้ แล้วกอดปล้ำกันอุตลุด อริสราตกใจ ดิ้นหนี แล้วเตะไอศูรย์อย่างแรง ก่อนจะรีบวิ่งหนีไป
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
“อริส อย่า” ไอศูรย์วิ่งตาม
อริสราวิ่งไปก็หันมามองไอศูรย์อย่างหวาดกลัว จึงไม่เห็นกิ่งไม้ที่ระมาอยู่ระดับใบหน้าพอดี
“ช่วยด้วย โอ๊ย!” อริสราหันกลับไปมองทางแล้วโดนกิ่งไม้ฟาดหน้าเต็มแรง ล้มลงแน่นิ่งไป
ไอศูรย์วิ่งตามมาถึง มองอริสราที่สลบไปแล้วอย่างตกใจ รีบก้มลงเขย่าตัว
“อริส อริส”
อิศร์กับแพรพลอยนั่งฟังอนุภัทร ด้วยสีหน้าตกใจ
“อริสหายตัวไปเหรอ”
อนุภัทรพยักหน้า “คุณไอริณโทร.มาเล่าให้ฉันฟังว่าไม่มีใครเห็นคุณอริสตั้งแต่เช้า ทั้งที่เมื่อคืนเธอก็ยังอยู่ที่บ้าน แล้วเธอก็ออกไปโดยที่ไม่ได้อะไรไปเลย แม้แต่รถของตัวเอง ที่แปลกกว่านั้นก็คือนายธำรงก็หายตัวไปด้วย”
“สองคนนี้ไปเกี่ยวข้องกันได้ยังไงคะ” แพรพลอยฉงน
“ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ที่บ้านโน้นคงจะยุ่งกันใหญ่” ผู้กองหันมาทางอิศร์ “ฉันว่าจะแวะไปดูว่ะ เผื่อจะมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม”
“ฉันไปด้วย”
“จะบ้าเหรอคุณอิศร์ โผล่ไปตอนนี้เดี๋ยวก็ยุ่งกันใหญ่”
“แต่ผมนั่งรออย่างนี้ไม่ได้ ผมเป็นห่วงอริส”
แพรพลอยชะงัก อดสงสัยไม่ได้ว่าอิศร์ห่วงอริสราในฐานะไหน
ที่สุดอิศร์กับแพรพลอยปลอมตัวเป็นคนกวาดขยะกทม. ทำทีเป็นกวาดขยะอยู่หน้าบ้าน เดชโชดม อิศร์มองเข้าไปด้านใน เห็นอนุภัทรยืนคุยกับตำรวจและคนในบ้านอยู่
อนุภัทรมองมา เห็นอิศร์กับแพรพลอยที่พรางตัวตามนัดกัน จึงเดินแยกมา พูดสื่อสารผ่านไมค์ที่ติดอกเสื้อ
“แกได้ยินเสียงชัดไหมวะ”
อิศร์จับลำโพงที่เสียบในหู “พอได้ว่ะ”
อิศร์พูดพลางก้มหน้าก้มตากวาดขยะไป แพรพลอยกวาดขยะอยู่ข้างๆ หันไปมองเห็นรถของอำพลแล่นเข้ามามีบุญเกิดขับ เรณูนั่งหลัง เปิดกระจกมองเข้าไปในบ้านตื่นๆ
อิศร์กับแพรพลอยรีบก้มหน้าหลบ ทำเป็นกวาดขยะ
มีรถแล่นเข้าไปในบ้าน เรณูใส่ชุดขาวลงจากรถ แล้วตรงไปหาทุกคน
“คุณแม่” ไอริณเข้ากอดเรณูที่ยังงงๆ
“เกิดอะไรกัน ทำไมตำรวจถึงเต็มบ้านอย่างนี้”
ไอศูรย์ก้มหน้าก้มตา อำพลก็อึดอัดไม่อยากพูด อำนวยเลยตอบแทน
“หนูอริสหายตัวไปครับ เจ้าธำรงก็หายไปด้วย”
“คุณพระช่วย”
ไอศูรย์พูดกลบเกลื่อน “ไม่ได้หายไปด้วยกันหรอกครับคุณแม่ บังเอิญน่ะ”
เรณูนั่งอยู่ที่โซฟากับทุกคน คุยกับตำรวจ
“แม่ไม่อยู่แค่อาทิตย์ ทำไมมันเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ โอย จะเป็นลม”
“ริณพยายามติดต่อคุณแม่แล้วไงคะ แต่วัดทางโน้นเขาไม่ให้สื่อสารกัน”
เรณูหน้ามืดจะเป็นลม ไอริณนั่งเกาะแม่แจ อำพล และไอศูรย์เครียด อำนวยกระวนกระวาย ป้าดวงคอยยืนฟังอยู่ห่างๆ กับบุญเกิด
“ตกลงว่าเมื่อคืนมี ใครเห็นทั้งสองคนบ้างครับ” อนุภัทรถาม พลางมองหน้าแต่ละคน
“ป้ากับคุณริณเห็นคุณอริสค่ะ เธอลงมาทานมื้อเย็น แล้วก็ขอตัวขึ้นห้องไปตอนสองทุ่ม”
“แล้วคุณไอศูรย์ล่ะครับ” อนุภัทรถาม
ไอศูรย์อึกอัก “ผม...ไม่เจออริสเลย เมื่อคืนผมกลับดึก”
ตำรวจบอกกับอำนวย “แล้วทางคุณธำรงล่ะครับ”
“ธำรงเพิ่งได้ประกันตัว ผมกลัวมันก่อเรื่องอีกก็เลยคอยโทร.ตามให้มันกลับบ้าน จนครั้งสุดท้ายที่คุยกันเมื่อคืนมันบอกถึงบ้านแล้วกำลังจอดรถ ผมไม่คิดอะไรก็เลยขึ้นไปนอน แต่ตื่นมาตอนเช้าก็ไม่เห็นมันกลับมา ติดต่อไม่ได้”
“ธำรงอาจจะหนีเที่ยวตามประสามันละมั้งอำนวย แต่เรื่องที่อริสหายตัวไปนี่แหละที่น่าสงสัย” อำพลว่า
“อริสอาจจะเคืองผมแล้วก็หนีไปอีกก็ได้” ไอศูรย์แกล้งลุกพรวดพราด “ผมว่าผมออกไปตามหาอีกทีดีกว่า”
ไอศูรย์ผลุนผลันออกไปเลย เพราะไม่อยากเจอตำรวจ
อิศร์กับแพรพลอยอยู่ตรงถนนหน้าบ้านพยายามฟังเสียงจากหูฟัง แต่เกิดเสียงซ่าขึ้นมา
“ไม่ได้ยินอะไรเลย”
“ผมก็ไม่ได้ยิน” อิศร์พยายามติดต่ออนุภัทร “เฮ้ย ภัทร สัญญาณมันขาดไปแล้วว่ะ แกช่วยขยับใหม่หน่อยโว้ย”
อิศร์กับแพรพลอยยังคงได้ยินแต่เสียงซ่า ทั้งสองกระวนกระวาย พยายามมองลอดสอดส่องไปตามประตูรั้ว
“ทำยังไงจะรู้เรื่องกันล่ะเนี่ย”
แพรพลอยชะเง้อมองเข้าไปแล้วหรี่ตา เพราะเห็นแสงขาววาบๆ สะท้อนวัตถุอะไรบางอย่างที่สนามหญ้า โดยไม่รู้ว่ามันเคสไอโฟนชนิดโลหะ
“นั่นอะไรคะ”
“ไหนครับ”
“ที่ตกอยู่ที่พื้นหญ้า คุณเห็นไหม”
แพรพลอยชี้ไป อิศร์มองตาม พยายามหรี่ตามอง
“อะไร”
ทั้งสองมัวแต่แอบมองผ่านรั้ว ไม่เห็นไอศูรย์ขับรถออกมา แล้วเห็นทั้งสองเข้าพอดี
ไอศูรย์จอดรถเปิดกระจก “เฮ้ย พวกแกทำอะไร”
อิศร์กับแพรพลอยหันไปเห็น ก็ตกใจ รีบดึงผ้าขึ้นปิดหน้า แล้วถอยออกมา ไอศูรย์รีบลงจากรถ มาด่า
“พวกแกคิดจะขโมยใช่ไหม”
อิศร์กับแพรพลอยส่ายหน้า ตกใจคิดหาทางออก แล้วอิศร์รีบหยิบไม้กวาดแล้วจูงแพรพลอยวิ่งหนีไป ไอศูรย์รู้สึกทะแม่งๆ
“เฮ้ย หยุดนะ” ไอศูรย์วิ่งตามไป
อิศร์กับแพรพลอยวิ่งหนี ไอศูรย์วิ่งตามเพราะความสงสัย
“ฉันบอกให้หยุด”
อิศร์กับแพรพลอยวิ่งข้ามถนนเข้าไปในซอยเล็กๆ ไอศูรย์จะวิ่งข้ามถนนตามมา แต่มายาวีขับรถพุ่งปราดเข้ามาขวาง ไอศูรย์กระโดดหนีอย่างตกใจ
“ขับรถยังไงของคุณเนี่ย”
“ข...ขอโทษค่ะ คือเมย์ตกใจน่ะค่ะ เมย์ได้ข่าวเรื่องคุณอริส พอเห็นคุณไอศูรย์ก็เลยจะรีบมาถาม ตอนนี้คุณอริสเป็นยังไงบ้างคะ เจอหรือยัง”
ไอศูรย์มองเข้าไปในซอยอย่างเสียดาย แต่ไม่เจอพวกอิศร์กับแพรพลอยแล้ว เลยต้องหันมาตอบมายาวี
“ยังไม่เจอ ผมกำลังจะไปตามหาอยู่เนี่ย”
มายาวีทำหน้าเหรอหรา “อ้าว แล้วคุณไอศูรย์มาอะไรตรงนี้คะ”
ไอศูรย์หงุดหงิดขี้เกียจอธิบาย เลยเดินหนีไปดื้อๆ มายาวีมองตามแล้วถอนใจ
“เกือบไปแล้ว”
มายาวีมองหาอิศร์กับแพรพลอย รู้ว่าทั้งสองเข้าไปซ่อนตัว
ทุกคนในบ้านอิศร์ยังคงนั่งคุยกันเครียดจัด ตำรวจที่มากับอนุภัทรรับโทรศัพท์ แล้วพูดอะไรสองสามคำ ก่อนจะบอกทุกคน
“มีเจ้าหน้าที่พบรถของคุณธำรงจอดทิ้งอยู่แถวๆ บางบัวทองครับ” ตำรวจบอก
อำนวยลุกพรวดขึ้นอย่างมีความหวัง “จริงเหรอครับ”
“รถถูกจอดทิ้งไว้ แล้วใช้กิ่งไม้คลุมเหมือนอำพรางอะไรซักอย่าง ตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่ครับ”
ทุกคนตกใจ
“ให้ผมไปดูเถอะครับ ผมเป็นห่วงลูกผม”
ตำรวจคนนั้นสบตาเป็นเชิงหารือกับอนุภัทร แล้วพยักหน้า ก่อนจะพากันออกไปพร้อมกับอำนวย
ขณะเดียวกัน อริสราค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา นิ่วหน้าด้วยความเจ็บระบม เห็นแผลแดงๆ ที่หน้าผาก หล่อนกลอกตามองเพดานห้องที่ไม่คุ้น
อริสราเริ่มกระสับกระส่ายมองไปรอบๆ เห็นว่าตัวเองอยู่ในห้องพักบังกะโลแห่งหนึ่ง อริสรารู้สึกถึงความผิดปกติ ก้มดูตัวเอง พบว่าตัวเองถูกจับมัดมือ มัดเท้า มีเทปกาวปิดปาก
อริสราดิ้นรนสุดแรงอย่างตกใจ ไอศูรย์รีบเปิดประตูอย่างเร่งร้อน พอเห็นอริสราตื่นแล้วก็ดีใจ
“รู้สึกตัวแล้วเหรออริส เป็นยังไงบ้าง เจ็บไหม”
อริสรามองไอศูรย์อย่างตื่นตระหนกตกใจ ไอศูรย์ขยับเข้ามาหาพร้อมกับถุงของที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ
“ผมจะทำแผลให้คุณนะ แล้วเดี๋ยวกินข้าวกัน”
ไอศูรย์หยิบขวดยาแดงกับผ้าพันแผลออกมา แต่อริสราสะบัดไปมา ไม่อยากให้ไอศูรย์แตะต้อง
“หรือว่าคุณหิว ทานข้าวกันนะ”
ไอศูรย์เปิดกล่องข้าวจะตักป้อน แต่อริสราปัดจนกระเด็นไป แล้วส่งเสียงโวยวาย ไอศูรย์ตัดสินใจแกะที่ปิดปากออก
อริสราโพล่งออกมา “คุณจับฉันมาทำไม”
ไอศูรย์หน้าเศร้า “เพราะ...เพราะคุณจะหนีผม คุณจะไปแจ้งตำรวจว่าผมทำอะไร ผมให้คุณไปไม่ได้”
อริสราอึ้ง “คุณจะฆ่าฉันเหรอ”
“ไม่ ผมไม่มีทางฆ่าคุณ”
อริสราร้องไห้อย่างหวาดกลัว “งั้นก็ปล่อยฉันไปสิ”
ไอศูรย์อึ้งใจอ่อน เห็นอริสราสะอึกสะอื้น กลัวสุดขีด
“ไอศูรย์ คุณกำลังทำผิดนะ อย่าทำผิดให้มากไปกว่านี้เลย ปล่อยฉันไปเถอะ”
ไอศูรย์มองหน้าอริสราใจอ่อนยวบ แต่แล้วทำใจแข็งขึ้นมาอีก
“ไม่! ผมปล่อยคุณไม่ได้ เพราะคุณจะทิ้งผมไป”
“แต่ถ้าคุณทำอย่างนี้ เราก็ไม่มีวันจะอยู่ด้วยกันได้อีก”
“ได้สิ เราจะได้อยู่ด้วยกัน แค่คุณรออีกนิดเดียว ให้อะไรๆ ทุกอย่างเรียบร้อย” ไอศูรย์ปลอบ พลางเช็ดน้ำตาให้ “เมื่อสมบัติของไอ้อิศร์มันถูกแบ่ง ผมจะพาคุณหนีไปจากที่นี่ เราจะไปเริ่มชีวิตใหม่กัน
อริสราตกใจ ไอศูรย์ยิ้มปลอบโยน
“อดทนอีกนิดนะครับอริส อีกนิดเดียว”
ไอศูรย์เอาเทปกาวปิดปากอีก อริสราตาเหลือกลาญด้วยความหวาดกลัว
อนุภัทรกลับมาบอกข่าวกับอิศร์ แพรพลอย มายาวี ที่เซฟเฮ้าส์ น้ำเสียงผู้กองเศร้า
“พบศพธำรงแล้วว่ะอิศร์”
“เฮ้ย! พี่ธำรงตายแล้วเหรอ” อิศร์ตกใจ
เช่นเดียวกับมายาวี “เป็นอะไรตาย ตายได้ยังไง”
“มีร่องรอยถูกทำร้าย แล้วก็ถูกพาไปฝังไว้ในป่า แล้วก็จอดรถอำพรางไว้ ที่เราตามไปพบก็เพราะมีชาวบ้านแจ้งว่าตอนกลางดึกที่ผ่านมามีเสียงปืนดังขึ้นบริเวณนั้นหลายนัด”
“คุณธำรงมีพฤติกรรมติดการพนัน อาจจะถูกพวกมาเฟียเจ้าของบ่อนทำร้ายหรือเปล่าคะ” แพรพลอยตั้งข้อสังเกต
“ตอนแรกตำรวจก็คิดอย่างนั้นครับ แต่ใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุ เราพบสายรัดเอวที่ดูเหมือนจะมาจากเสื้อคลุมผู้หญิงตกอยู่ด้วย ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นของใคร แล้วผู้หญิงคนนั้นหายไปไหน” อนุภัทรบอก
อิศร์แปลกใจ “หรือว่าเป็นเรื่องชู้สาววะ”
“ตำรวจกำลังสืบสวนจากหลายๆ ทางอยู่”
“แล้วเรื่องคุณอริสล่ะคะ” แพรพลอยถามขึ้น
“ยังไม่มีวี่แววเลยครับ เพราะไม่มีใครรู้เรื่องส่วนตัวของคุณอริสเท่าไร เธอไม่ค่อยสนิทกับคนในบ้าน แต่พูดจริงๆ นะ ผมว่าพฤติกรรมของไอศูรย์ก็แปลกๆ ดูเขาไม่ได้ตื่นตระหนกเท่าไรที่คุณอริสหายตัวไป”
มายาวีคิดตาม “หรือว่านายไอศูรย์จะพาคุณอริสไป”
อนุภัทรว่า “ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าเขาจะทำแบบนั้นทำไม”
ทุกคนเต็มไปด้วยความค้างคาใจ
ฟากไอริณ เรณู และป้าดวงแต่งชุดดำเดินออกมาหาอำพล
“ฉันกับริณจะไปช่วยคุณอำนวยจัดการเรื่องงานศพธำรงก่อนนะคะ คุณจะไปด้วยกันไหม”
“เดี๋ยวผมจะตามไปพร้อมไอศูรย์ มันกำลังกลับมา”
เรณูพยักหน้ารับรู้แล้วชวนไอริณออกไป อำพลถอนใจเหนื่อยอ่อน เหมือนจิตตกที่ต้องรับรู้ข่าวคนตายอีกแล้ว
อำพลเดินแยกออกมาจะกลับบ้านตัวเอง แต่สายตามองไปที่สนามหญ้า เห็นวัตถุสว่างวาบจากแดดส่องสะท้อนมาแว้บๆ
อำพลเดินเข้ามาดูใกล้ๆ เห็นชัดว่าเป็นไอโฟนคว่ำอยู่ เคสเป็นโลหะวาว เลยทำให้เกิดแสงสะท้อน อำพลหยิบขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ พลิกเปิดแต่ไม่ติดเหมือนแบตหมดไปแล้ว แต่นิ้วมือที่จับตัวเครื่องด้านหลังมีรอยแดงๆ คล้ายคราบเลือดติดมือมา
อำพลมองรอยแดงที่มืออย่างตกใจ
ไอศูรย์เข้าบ้านมาตอนกลางคืน ท่าทีเหนื่อยล้า เขาชะงักเมื่อเห็นอำพลยืนรออยู่ สีหน้าอำพลดูเช็บช้ำ ตาแดงๆ ตัวสั่นๆ เหมือนสะเทือนใจอย่างที่สุด
“คุณพ่อ คนอื่นไปไหนกันหมดครับ”
อำพลไม่ตอบ แต่ตบหน้าไอศูรย์สุดแรง น้ำตาคลอหน่วย
“แก...แกอีกแล้วใช่ไหม”
“อะไรครับ” ไอศูรย์ทำไขสือ
อำพลยื่นโทรศัพท์ธำรงที่เก็บได้ให้ดู เปิดคลิปไม่มีเสียง ไอศูรย์นิ่งงัน เพิ่งรู้ว่าพลาดไป
“แกมันเกินเยียวยาแล้วศูรย์” อำพลหายใจหอบ อาการป่วยกำเริบ “ต่อไปนี้ฉันจะมองหน้าอำนวยมันยังไง”
ไอศูรย์ขบกรามแน่น “ผมต้องทำนี่ครับคุณพ่อ มันรู้ความลับพวกเรา แล้วคนอย่างไอ้ธำรงมันไม่ซื่อสัตย์ ต่อให้เราปิดปากมันได้ แต่มันก็พร้อมจะแว้งกัดเราทุกเมื่อ ผมไม่มีทางเลือก”
“แล้วอริสล่ะ ที่หายตัวไปเนี่ย ฝีมือแกด้วยหรือเปล่า”
ไอศูรย์นิ่งก้มหน้าต่ำ อำพลใจหายวับ ปวดหน้าอกจี๊ดเพราะอารมณ์เครียดถึงขีดสุด
อำพลเสียงสั่น “น...นี่แก แก...ทำอะไร...อริส ฮะ บอกฉันซิ แกฆ่าเขาเหรอ! ฮะ”
อำพลตะกายเข้าเขย่าตัวไอศูรย์ แล้วตะคอกแรง ก่อนจะปวดจี๊ดจนหมดแรง ค่อยๆ ทรุดลง
“คุณพ่อ”
ไอศูรย์รีบประคองอำพลทีทรุดลง นิ่วหน้าเจ็บปวด
คืนนั้นอิศร์ยืนเหม่อลอย มองฟ้า สีหน้าเครียด รู้ข่าวอำพลป่วยแล้ว แพรพลอยเดินออกมาหา
อิศร์รำพึง “คุณลุงอำพลป่วยเป็นโรคหัวใจมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีอาการหนักแบบนี้มาก่อน นี่แสดงว่าสถานการณ์ในบ้านไม่ดีเลย”
“อาจจะเป็นเรื่องเวรกรรมก็ได้นะคะ คนที่คิดร้ายกับคุณ สุดท้ายก็หาความสุขไม่ได้ แม้แต่ไอศูรย์เอง ฉันว่าเขาก็คงกระวนกระวายที่คุณอริสหายตัวไป”
อิศร์ถอนใจ “ถึงสองคนนั้นจะร้ายกับผมยังไง เขาก็เป็นลุงเป็นพี่ชายผม ผมสมน้ำหน้าเขาไม่ลงจริงๆ”
แพรพลอยมองหน้าอิศร์ ยิ้มบางๆ
“ฉันเชื่อแล้วว่าคุณแค้นใครไม่เป็น”
อิศร์ยิ้ม เขินๆ “จะหาว่าผมโลกสวยล่ะสิ”
“ใช่ คุณมันโลกสวย แต่โลกของคุณก็เลยน่าอยู่กว่าโลกของฉัน” แพรพลอยยิ้มภูมิใจ “ฉันภูมิใจในตัวคุณนะคะ สมแล้วที่คุณปู่คุณอยากให้คุณเป็นผู้นำของเดชโชดม ท่านคงเห็นเนื้อแท้ที่ดีงามของคุณมาตั้งแต่เด็ก”
“คงเป็นเพราะท่านสอนผมมาดี” อิศร์ครุ่นคิด “บางทีที่ท่านมาเตือนให้ผมกลับไป อาจจะเพราะท่านรู้ว่ามันถึงเวลาแล้วหรือเปล่า”
อิศร์ใคร่ครวญ เหมือนตัดสินใจบางอย่าง
อ่านต่อหน้า 2
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
เช้าวันต่อมาไอศูรย์คุยกับที่ประชุมคณะผู้บริหาร ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ผู้บริหาร 1 “คุณอำพลป่วยหนักเลยเหรอครับ
“ก็ไม่ถึงกับหนักมากครับ แต่คุณหมออยากให้คุณพ่อพักฟื้น 3-4 อาทิตย์”
ผู้บริหาร 2 ท้วง “แต่เร็วๆ นี้เราจะต้องสรุปแผนงานปีหน้ากัน”
“ผมเข้าใจครับ ถึงได้เรียกทุกท่านประชุมเพื่อหารือเรื่องที่ผมจะขอเข้ามารักษาการณ์ในตำแหน่งของคุณพ่อเป็นการชั่วคราว เพราะผมเป็นคนที่ทำงานใกล้ชิดกับทุกท่านมากที่สุด ไม่ทราบว่าใครมีความคิดเห็นยังไงบ้าง”
มายาวีเปิดประตูผลัวะออกมา
“ดิฉันเห็นว่าไม่จำเป็นค่ะ”
ไอศูรย์เหลียวขวับ ทุกคนหันไปมอง มายาวียิ้มแฉ่ง
“คงไม่ต้องลำบากคุณไอศูรย์หรอกนะคะ เพราะคนที่จะตัดสินใจแทนคุณอำพลได้ อยู่ตรงนี้”
มายาวีเบี่ยงตัว เผยให้อิศร์ในชุดสูทหล่อลาก ใบหน้าหมดจดไร้ริ้วรอยบาดเจ็บเดินเข้ามา ไอศูรย์ยืนตะลึง จ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตา
ไอศูรย์ช็อกสุดขีด หน้าซีดเป็นไข่ต้ม “อิศร์”
ผู้บริหาร 1 งง “คุณอิศร์ ก็ไหนว่า”
“สวัสดีครับ” อิศร์หันไปหาไอศูรย์ ทำไม่รู้ไม่ชี้ “สวัสดีครับพี่ศูรย์”
ผู้บริหาร 2 ก็งง “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ผมงงไปหมดแล้ว”
“ดิฉันขออนุญาตชี้แจงอย่างนี้นะคะ เรื่องที่คุณอิศร์หายตัวไป จริงๆ แล้วคุณอิศร์ไปรักษาตัวอยู่ค่ะ แต่เพื่อความปลอดภัยก็เลยต้องปิดข่าวไว้ก่อน”
อิศร์ยิ้มแฉ่งให้ทุกคน ขณะที่ไอศูรย์ค่อยๆ เงยหน้ามองอิศร์ ยังไม่หายช็อก
ไอศูรย์เสียงแผ่ว “จริงเหรออิศร์”
“ครับ ผมต้องหลบไปอยู่เซฟเฮาส์ แต่ก็คอยติดตามข่าวคราวทางบ้านตลอดนะครับ จนกระทั่งรู้ว่าคุณลุงป่วย ก็เลยตัดสินใจว่าควรจะกลับมาได้แล้ว”
ไอศูรย์จ๋อย พยายามกลบเกลื่อนอารมณ์ช็อกและความพลุ่งพล่านในอก อิศร์ทำเป็นไม่เห็น
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันว่า คุณอิศร์ควรจะทำหน้าที่รักษาการณ์ในตำแหน่งคุณอำพลไปก่อน ทุกท่านเห็นด้วยไหมคะ”
ทุกคนเออออ ยิ้มย่องกับอิศร์อย่างดีใจ ยกเว้นไอศูรย์ที่ก้มหน้าก้มตา เครียดสุดจะประมาณ
อิศร์นั่งเงียบครุ่นคิด ขณะที่มายาวียิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“สะใจนัก นายเห็นหน้าอีตาไอศูรย์ไหม ลีบเหลือสองนิ้วได้”
“พี่ศูรย์คงแค้นมากตอนนี้”
“แหงสิ แล้วนายจะทำยังไง เกิดเขาอาละวาดฆ่านายขึ้นมาแบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม”
“ก็ต้องทำตามแผนที่ไอ้ภัทรมันวางไว้ ล่อพี่ศูรย์ไปติดกับให้เร็วที่สุด
สีหน้าอิศร์เคร่งเครียด มีแผนบางอย่างในใจ
ต่อมาไม่นานอิศร์นั่งเบียดอยู่กับป้าดวงที่จับมืออิศร์แน่นอย่างดีใจ ไอริณกับเรณูพลอยดีใจไปด้วย ขณะที่ไอศูรย์นั่งหน้าเครียด
“ผมต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่ทำให้เป็นห่วงกันไปหมด”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่คุณอิศร์กลับมาปลอดภัย ป้าก็ดีใจแล้ว”
“แล้วอิศร์จำเรื่องที่ตัวเองถูกทำร้ายได้ไหมลูก” เรณูถาม
อิศร์ชะงักเล็กน้อย เหลือบมองไปทางไอศูรย์ เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าอยู่ โกหกหน้าตายตามแผน
“ผมจำไมได้เลยครับว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาล เพราะมีชาวบ้านมาเจอก็เลยพาไปส่ง โชคดีที่หมอจำได้เพราะผมรับเป็นเจ้าของไข้กรองทอง ก็เลยรีบติดต่ออนุภัทร”
“กรองทอง นี่กรองทองยังไม่ตายเหรอคะ?”
ไอศูรย์เงยหน้าขึ้นอย่างลืมตัว สนใจเรื่องนี้ขึ้นมาทันที อิศร์ทำเป็นไม่เห็น
“กรองทองแค่ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง แต่โดยรวมปลอดภัยดี อีกไม่นานคงจะฟื้น ผมก็เลยทำเรื่องย้ายกรองทองมารักษาตัวต่อที่กรุงเทพ จะได้หายเร็วๆ”
ไอศูรย์ซ่อนสีหน้าตกใจเอาไว้
ไอศูรย์เดินกระวนกระวาย ภายในห้องที่อำพลนอนป่วยอยู่
“นังกรองทองมันกำลังจะฟื้นขึ้นมา มันจะต้องเปิดโปงเราแน่”
อำพลอ่อนเพลียมากๆ “แกจะทำอะไรอีกศูรย์ พ่อขอล่ะ อย่าทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้เลย”
“แต่ถ้าผมหยุดตอนนี้ เราสองคนก็ต้องเข้าคุก”
อำพลหลับตาอย่างกลัดกลุ้ม ไม่อยากคิดถึงอนาคตที่มืดมนของตัวเอง
“แล้วหนูอริสล่ะ แกยังไม่ได้บอกพ่อเลยเกิดอะไรขึ้น”
“อริสปลอดภัยดีครับ ผมไม่มีทางทำร้ายเขา”
“แล้วแกจะทำยังไง ยิ่งดิ้นหนีไปเรื่อยๆ แกกับอริสก็ไม่มีทางที่จะได้อยู่ด้วยกัน”
“เมื่อทุกอย่างจบลง ผมจะพาอริสไปจากที่นี่ เราจะทิ้งเรื่องทั้งหมดไว้ข้างหลัง แล้วจะไม่มีใครพูดถึงมันอีก”
ไอศูรย์พูดอย่างเยือกเย็น ตัดสินใจแน่วแน่ อำพลได้แต่อึ้งนิ่งงันไป
ขณะเดียวกันอริสราที่ถูกมัดอยู่บนเตียง พยายามดิ้นรน ร้องขอความช่วยเหลือ แต่เปล่งเสียงออกมาไม่ได้ อริสราดิ้นไปดิ้นมา เท้าไปเตะขวดแอลกอฮอล์เช็ดแผลหล่นแตกเพล้ง อริสรามองเศษแก้วที่พื้นอย่างตกใจ แล้วเกิดความคิดบางอย่าง พยายามผลักตัวเองตกลงไปจากเตียง
ส่วนไอศูรย์ออกมาจากลิฟต์หน้าห้อง ท่าทางลับๆ ล่อๆ เห็นพยาบาลเวรก้มหน้าทำงานอยู่ ไม่ได้สนใจ จริงๆ ทุกคนรู้อยู่แล้ว เป็นแผนของตำรวจ
ไอศูรย์รีบฉากหลบออกไป แล้วมุ่งหน้าไปตรงทางเดินหน้าห้อง ไล่ดูรายชื่อคนไข้ จนไปหยุดที่ชื่อ “กรองทอง พากเพียร”
ไอศูรย์มองซ้ายมองขวา แล้วรีบเปิดประตูเข้าไป
ไอศูรย์เปิดประตูเข้าไป มองเห็นร่างหนึ่งนอนตะแคงหันหลังอยู่บนเตียง ไอศูรย์ค่อยๆ ย่องไปหยิบหมอนบนโซฟารับแขกมา แล้วชักปืน ย่างสามคุมเข้าไปหา
ไอศูรย์เตรียมกดหมอนแล้วเอาปืนจ่อจะยิง แต่ร่างนั้นพลิกมากลายเป็นแพรพลอย กระชากไอศูรย์เสียหลักไป
“แพรพลอย” ไอศูรย์คาดไม่ถึง
“ใช่ ฉันเอง คุณจนมุมแล้วล่ะไอศูรย์”
ไอศูรย์ลุกขึ้นมาได้ ตะกายจะหยิบปืนที่ตกพื้น แพรพลอยเตะไอศูรย์หน้าหงายแล้วคว้าปืนมาเล็งไว้
อนุภัทรเปิดประตูเข้ามา เล็งปืนมาทางด้านหลังไอศูรย์
“คุณไอศูรย์ ยอมมอบตัวซะ ตำรวจมีหลักฐานทั้งหมดแล้วว่าคุณฆ่าสุนทร พยายามฆ่ากรองทองและอิศร์”
“พวกแกพูดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
“ถึงขนาดนี้ยังจะปฏิเสธอีกเหรอ ไม่มีใครช่วยคุณได้นะถ้าคุณไม่ยอมรับผิด”
ไอศูรย์มองทั้งสองอย่างโมโห แล้วตรงไปกระชากแจกันดอกไม้บนโต๊ะมาปาใส่แพรพลอยให้เสียหลัก
อนุภัทรยิงใส่ทันที แต่ไอศูรย์หลบแล้วพุ่งเข้าชนอนุภัทรเต็มแรง จนล้ม ทั้งสองชกต่อยกัน
แพรพลอยตั้งหลักได้ก็พุ่งเข้ามาจะยิง แต่ไอศูรย์กับอนุภัทรพลิกตัวไปมา แย่งปืนกัน
ไอศูรย์คว้าปืนของอนุภัทรไว้ได้ แพรพลอยเตรียมจะยิง แต่ไอศูรย์หมุนตัวผลักอนุภัทรใส่แพรพลอย แล้วรีบวิ่งออกไป
ไอศูรย์วิ่งหนีออกมา พยาบาลได้ยินเสียงปืนดัง โผล่หน้ามามอง ไอศูรย์ยิงเปรี้ยงๆ ขู่ พยาบาลร้องกรี๊ดวิ่งหลบวูบ ไอศูรย์วิ่งหนีไป มายาวีพรวดพราดออกมาจากลิฟต์
“ว้าย คุณไอศูรย์”
ไอศูรย์เข้ากระชาก เป็นตัวประกัน “มานี่”
“ว้าย ช่วยด้วย”
ไอศูรย์ดึงมายาวีลงลิฟต์ไปด้วยกันอนุภัทรกับแพรพลอยวิ่งตามออกมา เห็นมายาวีแว้บๆ
“คุณเมย์”
ไอศูรย์ลากมายาวีออกมาหน้าโรงพยาบาล รปภ.วิ่งเข้ามา หลังได้รับแจ้ง ไอศูรย์หันไปยิงรปภ.ดิ้น ตำรวจวิ่งเข้ามา
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นผู้หญิงคนนี้ตาย”
ตำรวจชะงัก ลังเล ไอศูรย์ลากมายาวีไปต่อ อนุภัทรกับแพรพลอยวิ่งออกมา
“คุณเมย์”
ไอศูรย์หันไปยิงทางอนุภัทรกับแพรพลอย ทั้งสองรีบหลบ ไอศูรย์วิ่งไปที่รถตัวเอง รีบไขกุญแจ อนุภัทรกับแพรพลอยวิ่งตามมา
ไอศูรย์เปิดประตูรถได้ ผลักมายาวีออกไป แล้วรีบขึ้นรถขับออกไป
“ว้าย”
อนุภัทรกับแพรพลอยวิ่งตามมาหามายาวีที่ล้มอยู่
“คุณเมย์ เป็นยังไงบ้างคะ”
“ขาฉัน โอ๊ย”
อนุภัทรรีบก้มลงดูขามายาวี แล้วมองรถไอศูรย์ที่แล่นออกไปอย่างกังวล
ทางด้านอริสรากลิ้งอยู่ที่พื้นห้อง พยายามบิดตัวเอื้อมมือหยิบเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่ เอามาตัดเขือกที่มัดมือตัวเอง
ไอศูรย์ขับรถไปด้วยความกระวนกระวาย มองกระจกหลัง กุมหัวตัวเองอย่างเครียดจัดที่พลาดท่า
อริสราใช้เศษแก้วเฉือนเชือกฟางไปมาจนค่อยๆ ขาด สีหน้าลุ้นเหงื่อตก
ไอศูรย์ขับรถเข้ามาทางถนนรีสอร์ต แล้วตรงไปจอดหน้าบังกะโล ที่จับตัวอริสราไว้ แล้วรีบวิ่งไปด้านใน
ไอศูรย์ไขกุญแจ เปิดประตูเข้าไปแล้วตกใจเมื่อไม่เห็นอริสรา มีแต่เศษเชือกกับเศษแก้ว
“อริส”
ไอศูรย์วิ่งไปดูในห้องน้ำ แต่ก็ไม่เห็นแม้เงา เริ่มกระวนกระวาย
“อริส”
อริสราวิ่งหนีฝ่าความมืดออกมาอย่างหวาดกลัว กลัวว่าไอศูรย์จะตามมา
ไอศูรย์ขับรถเข้ามาจอดในบ้าน แล้วรีบลงจากรถ วิ่งเข้าบ้านกระหืดกระหอบ
“อริส คุณอยู่ที่นี่หรือเปล่า อริส”
ไอศูรย์จะวิ่งไปที่บ้าน แต่ทิตาโผล่ออกมาจากเงามืด
“ทิตา แกมาทำอะไรที่นี่”
ทิตาแสยะยิ้ม “ลืมไปแล้วเหรอว่าแกส่งคนไปตามฆ่าฉัน คราวนี้ฉันจะมาคิดบัญชี”
ทิตาชักมีดออกมาจะแทงไอศูรย์ ไอศูรย์รีบหลบ ถีบทิตากระเด็น ชักปืนออกมายิงเปรี้ยง
ทิตากระโดดหลบไปได้อีก
ด้านอำพลนอนซมอยู่บนเตียงเพราะอาการป่วย ได้ยินเสียงปืนดังเปรี้ยงก็สะดุ้ง
“ไอศูรย์” อำพลกระวนกระวายใจคอไม่ดี พยายามลุกขึ้นทั้งที่ร่างกายอ่อนแรง
ฟากอิศร์คุยโทรศัพท์กับแพรพลอย
“พี่ไอศูรย์หนีมาได้เหรอครับคุณแพร”
แพรพลอยคุยอยู่ที่โรงพยาบาล ท่าทางร้อนใจ
“ใช่ค่ะ เรากำลังสงสัยว่าคุณไอศูรย์จะไปที่นั่น ตำรวจกำลังมุ่งหน้าไป บอกทุกคนที่บ้านนั้นให้ระวังตัวด้วย คุณไอศูรย์คงกำลังจนตรอก”
“คนอื่นๆ ไปงานศพพี่ธำรงกันหมดครับ มีแค่ลุงอำพลที่พักผ่อนอยู่ข้างบน”
เสียงปืนดังอีกเปรี้ยง คราวนี้ไอศูรย์ได้ยิน
“ผมได้ยินเสียงปืน แค่นี้ก่อนนะ ผมจะรีบไปดู”
“ระวังตัวนะคะคุณอิศร์”
“ครับ”
อิศร์วางสายแล้วรีบออกไป
ทิตาเบี่ยงหลบกระสุนปืนด้วยความว่องไว หลบไปทางหนึ่ง เห็นก๊อกน้ำ ไอศูรย์ตรงเข้ามา ทิตาเปิดน้ำสุดแรง ฉีดใส่หน้าเต็มๆ ไอศูรย์น้ำเข้าตา มองไม่ถนัด สะเปะสะปะ ทิตาได้จังหวะเตะข้อมือไอศูรย์ ปืนกระเด็นไป แล้วคว้าสายยางตามไปรัดคอไอศูรย์
“อ้าก”
“สันดานคนอย่างแก ฆ่าได้แม้กระทั่งสายเลือดเดียวกันเลวยิ่งกว่าเลว นรกเปิดประตูรอแกอยู่แล้ว ไอ้ไอศูรย์”
ทิตารัดคอแน่นเข้าๆๆ
ไอศูรย์ล้ม ตะเกียกตะกาย มือจะคว้าปืนที่อยู่ตรงหน้า แต่ไม่ถึง
อำพลโผล่ออกมา เห็นทิตาพยายามจะฆ่าไอศูรย์ก็ตกใจ
“แกจะทำอะไร”
ทิตาชะงักหันไปมอง ไอศูรย์สบโอกาสผลักทิตากระเด็นไป แล้วพุ่งเข้าไปจะคว้าปืน อิศร์วิ่งเข้ามา
“พี่ไอศูรย์! พอเถอะครับ”
ไอศูรย์ชะงักมองอิศร์ สีหน้าอิศร์ตกตะลึงกึ่งเวทนา
“พี่ทำความผิดมาเยอะแล้ว มอบตัวเถอะครับ”
ทิตาได้จังหวะ พุ่งเข้าใส่ไอศูรย์อีกที ไอศูรย์ได้ทีหันมายิงทิตาเปรี้ยงเข้าที่ไหล่ ทิตาเซจะล้มลง ไอศูรย์จะยิงซ้ำ อิศร์รีบเข้าไปจับแขนไอศูรย์ไว้
“ปล่อย ไอ้อิศร์”
อิศร์ไม่ยอม แย่งปืนกับไอศูรย์ ทิตาเอามือกุมไหล่ แล้วชักมีดออกมา เงื้อจะแทงใส่ไอศูรย์ อำพลวิ่งเข้ามาง้างมือไว้
“อย่าทำลูกฉันนะ”
“ถอยไป”
ทิตาสะบัดมือฟาดอำพลล้มไป ไอศูรย์หันมาเห็น ตกใจเป็นห่วงพ่อ
“คุณพ่อ”
ไอศูรย์เอาปืนตบหน้าอิศร์ ล้มไป แล้วหันมาจะยิงทิตาเปรี้ยง ทิตาล้มทรุดลงอีก
“ตายซะเถอะนังสารเลว”
ไอศูรย์ตรงเข้าไปจะยิงซ้ำ แต่อำพลรีบวิ่งมาขวาง
“ไอศูรย์ หยุด” อำพลหันไปบอกอิศร์ “อิศร์โทรเรียกตำรวจเร็ว”
ไอศูรย์ตกใจ “พ่อจะทำอะไร”
“หยุดซะทีเถอะ พ่อไม่อยากให้แกถลำไปกว่านี้แล้ว ยอมรับเถอะลูกว่าเราพลาด อย่าก่อกรรมมากไปกว่านี้เลย”
ไอศูรย์โกรธ “พ่อไม่ต้องมายุ่ง”
“ไม่ได้ แกเป็นลูกฉัน ฉันไม่อยากให้แกเลวไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
ขณะที่อำพลกับไอศูรย์โต้เถียงกันอยู่ ทิตาก็ค่อยๆ ขยับตัว รวบรวมแรงครั้งสุดท้าย
“ผมเลวเพราะพ่อสอนให้ผมเลว แล้วมาถึงตอนนี้พ่อจะให้ผมหยุดงั้นเหรอ”
อำพลเจ็บปวด ตบหน้าไอศูรย์ฉาดใหญ่ อิศร์พยายามกดโทรศัพท์แล้วมองทั้งสอง ทิตาค่อยๆ ลุกขึ้นมา กำมีดในมือ อิศร์เห็น
“คุณลุง ระวัง”
ทิตาเงื้อมีดพุ่งเข้ามาจะแทงไอศูรย์ อำพลรีบผลักไอศูรย์ออกไปแล้วยืนขวางไว้ มีดแทงเข้าที่ท้องอำพลจังๆ
อำพลตาเหลือกค้าง เอามือกุมท้องตัวเอง ทิตาก็ตกใจ รีบชักมีดออก ไอศูรย์มองอย่างตกใจ
“คุณพ่อ”
อำพลล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
ไอศูรย์มองทิตานัยน์ตาวาวโรจน์ “แก นังทิตา”
ไอศูรย์แค้นสุดขีดยกปืนขึ้นยิงทิตา เปรี้ยงๆๆๆๆ ไม่นับจนกระสุนหมด ทิตาถอยไปตามจังหวะที่ถูกยิง สีหน้าแค้น รวบรวมกำลังครั้งสุดท้าย ปามีดพุ่งเฉี่ยวแขนไอศูรย์ซ้ำรอยเดิม
“โอ๊ย”
ทิตามองไอศูรย์ตาค้างแล้วล้มลงนอนตาย อิศร์ได้สติ รีบวิ่งเข้าไปดูอำพล
“คุณลุงครับ เป็นยังไงบ้าง คุณลุง”
อิศร์เขย่าตัวอำพล ไอศูรย์เพิ่งได้สติจะเข้ามา แต่ได้ยินเสียงไซเรนตำรวจดังลั่น ไอศูรย์ชะงัก ตัดสินใจวิ่งหนีไป อิศร์หันมาเรียก
“พี่ศูรย์”
อิศร์ตามไปไม่ได้เพราะห่วงอำพลที่นอนนิ่งอยู่
วันต่อมาตำรวจเดินตรวจสอบที่เกิดเหตุไปมาอยู่หน้าบ้าน อิศร์ยืนดูคลิปที่ธำรงอัดไว้อยู่กับไอริณและเรณู อนุภัทร
“นี่เป็นคลิปของพี่ธำรงจริงๆ เหรอ”
“ใช่ ฝ่ายเทคนิคแฮคมาจากระบบ cloud ของโทรศัพท์ คาดว่านายธำรงถ่ายคลิปนี้ไว้แล้วก็รีบอัพโหลดขึ้นเก็บไว้ในหน่วยความจำเคลื่อนที่เพราะกลัวว่าจะถูกทำลายโทรศัพท์ทิ้ง”
“ก็สรุปว่าการตายของพี่ธำรงเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดที่พี่ศูรย์กับคุณลุงทำ”
“ไม่น่าเลย” เรณูร้องไห้สะอึกสะอื้น
ไอริณกอดแม่เอาไว้
ไอริณเสียงเครือ “แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อไปคะ พี่ศูรย์หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ริณกลัว”
“เราคงต้องหาวิธีล่อให้คุณไอศูรย์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว” อนุภัทรบอก
ไอริณฉงน “วิธีไหนล่ะคะ ป่านนี้พี่ศูรย์คงหนีเตลิดไปไกลแล้ว”
อริสราต้องเดินเท้ามาทั้งคืน เดินเซซังอ่อนแรงเข้ามา จนมาหยุดอยู่หน้าบ้าน ตำรวจที่เดินตรวจสอบที่เกิดเหตุ เดินไปเดินมาแถวนั้น เห็นอริสราเกาะรั้วมอง อริสรามองตำรวจตาเบลอๆ แล้วก็ล้มหมดสติลง
“อ้าว คุณ” ตำรวจวิ่งไปดู
อริสรารู้สึกตัวขึ้นมาในห้อง ขณะที่ทุกคนรุมล้อมอยู่
“อริส เป็นยังไงบ้างครับ”
อริสรามองเห็นหน้าอิศร์ก็ผวาเฮือก โผเข้าหา
“ไอศูรย์ค่ะ ไอศูรย์ เขาทำทุกอย่าง เขาไม่ใช่คน”
อริสราโผเข้ากอดอิศร์ร้องไห้โฮๆ
“แสดงว่าพี่ศูรย์จับพี่อริสไปเหรอคะ” ไอริณถาม
“เขาบอกว่าจะพาฉันไปเริ่มชีวิตใหม่ที่อื่น แต่ฉันกลัว ก็เลยหนีออกมา”
“โธ่เอ๊ย แล้วหนูอริสรู้หรือเปล่าว่าเขาจะไปไหน”
“ไม่รู้ค่ะ อริสไม่อยากรู้”
อริสรากอดอิศร์ร้องไห้อีก อนุภัทรมองอย่างใช้ความคิด
“ผมว่าผมพอจะมีทางให้คุณไอศูรย์ยอมปรากฏตัวแล้วล่ะครับ”
การตายของทิตาทำให้แพรพลอยพ้นมลทินทุกคดี เวลานี้เธอกับอิศร์และกรณ์อยู่ที่มูลนิธิ ขณะที่อัมพามองดูรูปของทิตาตอนเด็กๆ ด้วยแววตาเศร้าใจ
“กระต่ายบอกกับแพรว่าสิ่งเดียวที่จะหยุดเขาได้ก็คือความตายแบบเดียวกับที่เขามอบให้กับคนอื่น แพรไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ”
“กระต่ายเป็นเด็กที่น่าสงสาร แกโตขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่าชีวิตของแกไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ ก็เลยเลือกที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่ยอมผูกพันกับใครเลย เพราะกลัวว่าตัวเองจะต้องผิดหวังถ้าพบว่าคนรอบข้างไม่ต้องการแกอีก”
“น่าเสียดายนะครับ ถ้ากระต่ายให้เวลาตัวเองปรับตัวในการอยู่ที่นี่อีกซักนิด ผมว่าเขาก็จะถูกหล่อหลอมขึ้นมาเป็นเหมือนเราทุกคน” อิศร์ว่า
“ผมว่าลึกๆ กระต่ายก็สัมผัสถึงความหวังดีของแม่ได้ เขาถึงพยายามจะช่วยปกป้องแม่ ตอนที่คนของไอศูรย์พยายามจะทำร้ายแม่” กรณ์บอก
“ถ้าแพรมีโอกาสกลับเขาอีกนิดเดียว” แพรพลอยถอนใจ
“ไม่ใช่ความผิดของแพรหรอกลูก แพรทำดีที่สุดแล้ว” อัมพาสวมกอดแพรพลอยอย่างภูมิใจ “อย่างน้อยการตายของกระต่ายก็ทำให้ปัญหาทุกอย่างเคลียร์จนหมด แพรไม่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ต้องหาอีกแล้ว”
แพรพลอยยิ้ม กอดอัมพาอย่างดีใจ
“แล้วอย่างนี้ มิสเตอร์ลีเขาจะตามแพรกลับไปทำงานอีกหรือเปล่า”
อิศร์รีบขัด “ไม่ได้แล้วล่ะครับ เขาไล่คุณแพรออกเอง คุณห้ามกลับไปอีกนะ ไม่งั้นผมโกรธจริงๆ ด้วย”
แพรพลอยทำตาปริบๆ กรณ์กับอัมพามองตากัน
“ก็ดีเหมือนกัน แพรไม่ต้องไปฝืนใจหรอก พวกเราหาที่อยู่ใหม่กันได้”
“ทำไมต้องหาที่อยู่ใหม่ด้วยครับ” อิศร์มองทุกคนงงๆ
อิศร์เดินหน้ามุ่ยงอนหนีมา แพรพลอยรีบตามออกมา
“คุณอิศร์”
“มีอะไรคุณก็ไม่เคยบอกผมเลย เห็นผมเป็นคนอื่นคนไกลอยู่ได้”
“ฉันขอโทษ”
“ถ้าคุณบอกเรื่องที่โดนไล่ที่ตั้งแต่แรก เราก็ไม่ต้องผิดใจกัน ผมหาทางแก้ปัญหาให้คุณได้ง่ายนิดเดียว”
“ด้วยเงินของคุณใช่ไหมล่ะ ฉันถึงไม่อยากพูดไง ฉัน...”
อิศร์สวน “เกรงใจ”
แพรพลอยนิ่ง เจื่อนที่อิศร์รู้ทัน
“คุณแพร เราผ่านอะไรด้วยกันมาขนาดนี้แล้ว ผมขอซื้อได้ไหม ไอ้คำว่าเกรงใจเนี่ย”
แพรพลอยบ่นอุบอิบ “ก็ยังคิดจะใช้เงินอยู่ดี”
“ถ้าไม่ให้ซื้อด้วยเงินแล้วจะให้ซื้อด้วยอะไร จะให้ซื้อด้วยหัวใจของผมก็ได้ แต่คุณจะรับหรือเปล่าล่ะ”
อิศร์จ้องตาซึ้ง รอคำตอบ แพรพลอยเขิน หลบสายตาเดินหนี
สองคนอยู่ตรงสวนสวยในมูลนิธิ อิศร์เดินตามแพรพลอย รอคำตอบ
“ว่าไงล่ะครับคุณแพร ตอบให้ชื่นใจหน่อยสิ คุณจะรับหัวใจผมหรือเปล่า”
อิศร์เดินไปดักหน้า
“ถ้าคุณตอบมาคำเดียวว่าไม่ ผมจะเซ้าซี้อีก แล้วผมก็จะเลิกกวนใจคุณ เพราะผมถือว่าคุณคงลำบากใจที่จะเกี่ยวข้องกับผม แต่ถ้าคุณตอบว่ารับ เราก็จะเลิกพูดเรื่องความเกรงใจ เลิกพูดปัญหาของคุณ ปัญหาของผม เพราะต่อไปนี้จะมีแต่ปัญหาของเรา”
แพรพลอยก้มหน้านิ่งครุ่นคิด อิศร์เชยคาง
“ตอบเถอะครับ ผมรับได้ทั้งสองคำตอบ ผมจะซื้อความเกรงใจของคุณด้วยหัวใจผมได้หรือเปล่า”
แพรพลอยสบตากับอิศร์ นึกถึงความหลังที่เคยผ่านด้วยกันมา แล้วยิ้มน้อยๆ ออกมา
“ฉันไม่มีทอนนะคะ”
อิศร์อึ้งๆ เหมือนยังจับใจความไม่ได้ แต่พอเห็นแพรพลอยยิ้มเขิน ก็โล่งใจ
“ผมไม่รับเงินทอน ผมให้หมดเลย เย้”
อิศร์เข้ากอดแพรพลอยตัวลอยแล้วหมุนไปมาเหมือนเด็กๆ
“คุณอิศร์เดี๋ยวล้ม”
แพรพลอยดิ้นๆๆ ตีอิศร์ด้วยความขวยเขิน
อ่านต่อหน้า 3
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
เวลาเดียวกัน บรรเลงประคองมายาวีที่เท้าใส่เฝือกลงมาที่รถเข็นที่จอดอยู่ข้างล่าง
“คุณพ่อไม่ไปทำงานไม่ได้เหรอคะเมย์เหงา”
“ไอ้ลูกคนนี้ ร้อยวันพันปีไม่เห็นติดพ่อ”
“ก็เมย์ไปไหนไม่ได้นี่คะ เมย์ก็อยากมีเพื่อนอยู่ที่บ้าน”
“ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องไปซ่าส์ เดี๋ยวพ่อให้พี่เลี้ยงมาดูแลดีกว่า” บรรเลงมองออกไป “นั่นแน่ะ มาพอดี”
มายาวีมองตาม เห็นอนุภัทรเดินเข้ามา ทำความเคารพ
บรรเลงว่าต่อ “ผู้กองภัทรลางานมาอยู่เป็นเพื่อนเมย์”
มายาวีมองแล้วสะบัดหน้าพรืด
“เมย์ไม่เห็นต้องการเพื่อนเลย”
“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกอยากมีเพื่อนอยู่บ้าน” บรรเลงพูดกับอนุภัทรท่าทีขันๆ “ปราบกันเองนะผู้กอง ผมไปก่อน แล้วเย็นนี้อยู่กินข้าวด้วยกันนะ”
อนุภัทรยกมือไหว้ว่าที่พ่อตาอีกครั้ง บรรเลงเดินยิ้มออกไป
ภายในห้องเหลืออนุภัทรกับมายาวีอยู่ด้วยกันสองคน
“อ้าว คุณเมย์จะไปไหน ช้าๆ สิ”
มายาวีเข็นรถออกมา อนุภัทรเดินตามเพราะเป็นห่วง
“คุณเมย์ ระวัง พื้นมันไม่เรียบนะ”
“อย่ายุ่งกับฉันน่า ฉันดูแลตัวเองได้ คุณกลับไปทำงานเถอะ”
มายาวีเข็นรถหนี อนุภัทรตามไม่ยอมแพ้
“ก็นี่แหละมันงานของผม ภารกิจของผมทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ ผมก็ต้องมาคอยดูแล”
“ฮึ ในที่สุดก็ไม่พ้นเรื่องงาน” มายาวีบ่นงุบงิบ
อนุภัทรได้ยินไม่ถนัด “คุณว่าอะไรนะ”
“เปล่า”
มายาวีเข็นหนี รถเข็นสะดุดก้อนหิน ล้มคว่ำลง
“ว้าย โอ๊ย”
มายาวีล้มลงไปที่พื้น อนุภัทรวิ่งตามมา ถอนใจ
“เตือนแล้วก็ไม่เชื่อ”
“โอ๊ย เจ็บกว่าเดิมอีก” มายาวีบีบนวดขาตัวเอง ท่าทีน่าขำมาก
“เฮ้อ มานี่”
อนุภัทรก้มลงช้อนอุ้มมายาวีขึ้นมา มายาวีตกใจ เขิน แต่ก็ยอมให้อนุภัทรอุ้มโดยไม่ขัดขืน
มายาวีนั่งอยู่ที่เก้าอี้สนาม เหยียดเท้าให้อนุภัทรใช้ครีมนวดเท้าเบาๆ
“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนซุกซน แต่ถ้าอยากจะให้หายเร็วๆ ก็ต้องหัดอยู่นิ่งๆ บ้าง” ผู้กองบีบนวดเท้าไปมา “ดีขึ้นไหม”
“ก็ฉันไม่อยากให้คุณต้องมาลำบากดูแลฉันนี่”
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นความลำบากของผม”
มายาวีตอบไม่ถูก อนุภัทรนวดเท้าต่อ พลางบ่น
“ทีเมื่อก่อน คุณคอยตามผมไปโน่นไปนี่ ขนาดผมบอกว่าคุณทำให้งานผมลำบากขึ้น คุณยังไม่แคร์เลย”
มายาวีฉุน “จะหาว่าฉันจุ้นจ้านใช่มะ”
“ใช่! แล้วตอนนี้ผมจะจุ้นจ้านบ้าง คุณก็ไม่ควรจะห้าม เพราะมันเป็นเรื่องของเวรกรรม ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้อย่างนั้นตอบแทน”
มายาวีรู้ว่าอนุภัทรแหย่เล่น ยิ้มเขิน แล้วแกล้งพูดงอนๆ
“คุณแน่ใจนะฉันจะไม่เบียดบังเวลาอันมีค่าของคุณที่ควรจะให้กับคนอื่น”
“ใคร”
มายาวียักไหล่ ทำไก๋ “เปล๊า ฉันก็พูดไปเรื่อย”
มายาวีหลบสายตา แต่อนุภัทรรู้ว่ามายาวีกำลังหึงเรื่อยเปื่อย กลั้นยิ้ม แล้วนวดเท้าต่อ
วันหนึ่ง ไอศูรย์นั่งกินข้าวอยู่ในร้านอาหาร หนวดเครารุงรัง หน้าตาโทรมสุดขีด ก้มหน้าก้มตากินจนอิ่ม แล้วลุกออกไปไม่สนใจใคร
ที่หัวถนนมีตำรวจสายตรวจขี่มอเตอร์มาจอดคุยกับชาวบ้าน ไอศูรย์ชะงัก ถอยไปก้าวหนึ่ง แล้วเห็นร้านหนังสือ เลยรีบหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ส่งเงินให้ แล้วทำเป็นหยิบขึ้นอ่านบัง
ไอศูรย์แอบมอง เห็นตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ก็จะปิดหนังสือพิมพ์ แต่เห็นประกาศบางอย่าง ชะงัก
ไอศูรย์ทรุดลงนั่งในตรอกลับตาผู้คน เปิดหนังสือพิมพ์อ่านอีกทีอย่างร้อนรุ่ม เขาเห็นประกาศโฆษณา งานสวดอภิธรรมศพ นายอำพล เดชโชดม จัดที่บ้านเดชโชดม
ไอศูรย์มือสั่นสะเทือนใจ
“คุณพ่อ...”
ส่วนอิศร์เรียกประชุมคนในบ้านพร้อมหน้าพร้อมตา โดยมีแพรพลอยอยู่ด้วย
“ผมส่งข่าวให้หนังสือพิมพ์ลงประกาศงานศพของคุณลุงเรียบร้อยแล้ว ระบุด้วยว่าเราจะจัดพิธีที่บ้าน”
“อิศร์แน่ใจเหรอว่าไอศูรย์จะกล้ามา” เรณูถาม ท่าทีกังวล
“ผมว่าพี่ศูรย์ยังห่วงคุณลุงอยู่ สังเกตจากตอนที่คุณลุงถูกแทง พี่ศูรย์เกือบจะเข้ามาช่วยคุณลุง แต่ก็รีบหนีไปเสียก่อนเพราะเสียงไซเรนตำรวจ”
“แล้วริณกับแม่ต้องทำตัวยังไงคะ”
“ทุกคนทำตัวไปตามปกติค่ะ แต่งชุดไว้ทุก ทำเหมือนกับว่าที่บ้านกำลังมีงานจริงๆ เราจะต้องจัดฉากให้เหมือนที่สุด คุณไอศูรย์จะได้ไม่สงสัย”
“ส่วนอริส ก็ทำเหมือนที่เราตกลงกันเอาไว้”
อิศร์หันไปมองอริสราที่นั่งเงียบ สงบเสงี่ยม
เวลาผ่านไป อริสรายืนใส่บาตรอยู่หน้าบ้าน สวมชุดดำ สีหน้าเศร้าโศก ไอศูรย์แอบมาด้อมๆ มองๆ อยู่ที่ไกลๆ เสียงอิศร์ดังขึ้นในหู
“คุณต้องพยายามอยู่ตามลำพังให้มากที่สุด เพื่อให้พี่ศูรย์มั่นใจว่าจะเข้าถึงตัวคุณได้”
ในตอนกลางคืน อริสรายืนรับแขก เห็นแขกแต่งชุดดำเดินเข้ามา ไอศูรย์แอบมาเกาะรั้วมองไกลๆ เห็นในบ้านมีคนชุดดำเดินไปมา
ไอศูรย์มองไปยังอริสราที่ยังรับแขกอยู่ เกาะรั้วมองเข้าไปในบ้าน น้ำตาไหลริน
วันต่อมาอริสราขับรถออกไปจากบ้าน เห็นไอศูรย์แอบมองอยู่ในที่มืดลับตาคน
เสียงแพรพลอยซักซ้อมดังขึ้นในจังหวะนี้ “และเมื่อถึงจังหวะที่เหมาะที่สุด คุณไอศูรย์จะเข้าถึงตัวคุณเอง”
พอตกตอนเย็นอริสรากลับบ้านมา แกล้งทำเป็นใช้รีโมทเปิดประตูไม่ได้ เลยเดินลงไปเปิดเอง ไอศูรย์ที่ซุ่มอยู่ รีบโผล่มาจับล็อคตัวจากด้านหลัง อริสราตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นไอศูรย์ก็ยิ่งเล่นละครดิ้นรนอย่างตกใจ
“ไอศูรย์ คุณ...”
“เงียบนะอริส อย่าพูดอะไรทั้งนั้น”
ไอศูรย์เอามือปิดปาก แล้วเอาสายล็อคพลาสติกรัดมืออริสรา แล้วฉุดไปที่รถอริสรา จับยัดใส่ที่นั่งด้านข้าง แล้ววิ่งมาขึ้นรถขับออกไป
อริสรามองไอศูรย์ตื่นๆ แม้จะรู้แผนทั้งหมดแต่ก็ยังอดกลัวไม่ได้
อิศร์กับแพรพลอย กระวนกระวายรออยู่กับมายาวี อนุภัทรคุยกับตำรวจเสร็จ เดินมาร่วมวง
“ฉันส่งภาพรถกับทะเบียนรถให้เจ้าหน้าที่เพื่อกระจายส่งต่อให้ด่านสกัดแล้ว”
“คุณไอศูรย์คงไม่ทำร้ายคุณอริสรา เพียงแต่สภาพคุณไอศูรย์ตอนนี้เหมือนคนจนตรอก” แพรพลอยว่า
“ถ้าอย่างนั้น แค่รอให้เจออาจจะช้าเกินไป”
“นั่นสิ เดี๋ยวนายไอศูรย์หนีออกประเทศไปซะก่อน” มายาวีว่า
“แพรให้คุณอริสราเติมน้ำมันรถแค่ครึ่งถัง ยังไงก็คงไปไกลไม่ได้ แล้วคุณไอศูรย์ก็คงไม่เสี่ยงแวะเติมน้ำมันแน่ๆ” แพรพลอยบอก
“งั้นเอายังไงต่อล่ะคะ” มายาวีซัก
“เราติดตามได้จาก GPS โทรศัพท์ของคุณอริสไงครับ เธอทิ้งรหัสไว้ให้เราเข้าไปเช็ค”
อนุภัทรเปิดไอแพดขึ้นมา ทุกคนชะโงกมองตาม ที่หน้าจอ แอพแผนที่ มีจุดสีฟ้าเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ
รถคันหนึ่งแล่นด้วยความเร็วมาตามถนนชานเมือง ไอศูรย์ขับรถมาสีหน้าเคร่งเครียด อริสราน้ำตานอง
“คุณจะพาฉันไปไหน”
“เงียบเถอะน่า ผมไม่ฆ่าคุณหรอกอริส”
“ฉันไม่เชื่อ ความเลวของคุณทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งทำให้พ่อของตัวเองตาย”
อริสราพูดแทงใจดำ ไอศูรย์จี๊ดมาก กลั้นน้ำตาและความเจ็บปวด
“พอแล้ว หุบปาก ไม่ต้องพูด ผมไม่อยากได้ยิน ผมไม่อยากฟัง”
ไอศูรย์โวยวาย กระทืบคันเร่ง พุ่งไปแรงเท่าอารมณ์
บนถนนชานเมืองสายนั้น มีตำรวจตั้งด่านสกัด อิศร์ แพรพลอย อนุภัทร มายาวี มองที่ไอแพด
“พี่ไอศูรย์กำลังมุ่งตรงมาทางนี้” อิศร์บอก
“ถ้าเขาเห็นด่าน ไม่รู้ว่าเขาจะยอมหยุดไหม เกิดแหกด่านฝ่ามาล่ะ” มายาวีว่า
“แต่อย่างน้อยก็ถือว่าได้ชะลอเขาได้ระดับหนึ่งนะคะ ที่จริงแพรว่าคุณเมย์ไปรอกับเจ้าหน้าที่ทางโน้นเถอะค่ะ จะปลอดภัยกว่า”
“กลัวก็มาทำไมไม่รู้ น่าจะรออยู่ที่บ้าน”
อนุภัทเป็นห่วงมายาวี แต่ก็ไม่วายเหน็บ ห่วงดีๆ ไม่เป็น มายาวีสะบัดหน้าเชิดใส่
“ก็ฉันอยากดูนี่”
“พี่ศูรย์” อิศร์เงยหน้าจากไอแพด มองตรงไปที่ถนน
สายตาทุกคู่ เห็นรถคันที่ไอศูรย์วิ่งมา ขับตรงมา ทิศทางมุ่งมาทางด่าน
ไอศูรย์มองมาข้างหน้า เห็นด่าน
“ไอ้อิศร์”
“อิศร์มาช่วยฉันแล้ว” อริสราร้องขึ้นอย่างดีใจ
ไอศูรย์หันขวับ เจ็บปวดใจ
“ไม่ใช่ ไม่มีทาง ผมไม่ยอมหรอก ผมไม่ยอม”
ไอศูรย์ตัดสินใจ หักพวงมาลัยจะพุ่งเข้าข้างทาง
“คุณจะทำอะไร ไม่นะไอศูรย์ ไม่”
อริสราแย่งพวงมาลัยจะหักรถกลับคืน
ทั้งหมดมองไปที่รถ พบว่ารถไอศูรย์เบี่ยงไปเบี่ยงมา อิศร์รู้ทันทีว่าอริสราไม่ยอมไอศูรย์และต้องเกิดอะไรขึ้น
“อริส”
“ท่าทางไม่ดีแล้ว คุณเมย์หลบไปเถอะนะคะ” แพรพลอยบอก
“มานี่เถอะคุณ”
อนุภัทรดึงมือมายาวีจากถนนพาไปฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่อีกกลุ่มหนึ่ง
อีกมุมหนึ่ง อนุภัทรกำชับมายาวีเสียงเครียด
“อยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนเด็ดขาด”
“แล้วคุณล่ะ”
“นี่งานของผม ถ้ามันอันตรายก็เป็นเรื่องที่ผมจะรับความเสี่ยงนั้นไว้เอง”
อนุภัทรจะไป มายาวีจับมือไว้ อนุภัทรหันมา พยักหน้าให้ แล้ววิ่งไปที่ด่าน
เพราะไอศูรย์แรงเยอะกว่า แย่งพวงมาลัย แล้วพุ่งรถเสียบลงข้างทาง ทุกคนเห็นเหตุการณ์
“พี่ไอศูรย์ไม่ยอมแน่ๆ”
แพรพลอยบอก “เราต้องรีบช่วยคุณอริส”
รถไอศูรย์จอดสนิท อริสราได้ที รีบลงจากรถ จะวิ่งไปทางด่านสกัด
“อิศร์ ช่วยอริสด้วย อิศร์”
“ไม่ ผมไม่ปล่อยคุณไป”
ไอศูรย์คว้าตัวอริสราไว้ได้ พาลากเข้าไปในป่าข้างทาง พวกอิศร์รีบวิ่งตามไป
“พี่ศูรย์ มอบตัวเถอะพี่”
ไอศูรย์ยิงมั่วซั่วมาชุดหนึ่ง แล้ววิ่งเข้าป่าไป อิศร์ แพรพลอย อนุภัทร กำลังตำรวจ หาที่กำบัง การติดตามล่าช้าลง
ไอศูรย์ลากอริสราเข้ามาในป่า อริสราพยายามดิ้นรนตลอดทาง
“อิศร์ช่วยด้วย ช่วยอริสด้วย”
“เอาเลย เรียกมันมาหาความตาย”
อริสราใจหล่นวูบ รู้ว่าถึงตอนนี้ไอศูรย์คงทำอะไรก็ได้
พวกอิศร์ แพรพลอย อนุภัทรและตำรวจตามเข้ามาในป่า
“พี่ศูรย์ พอเถอะครับ อย่าหนีเลย เราคุยกันดีๆก็ได้”
ไอศูรย์ ตะโกนกลับมา
“คุยเหรอ” ไอศูรย์ยิงตอบกลับ เปรี้ยงๆๆ
ทั้งหมดรีบหลบหลังต้นไม้ อิศร์ดึงแพรพลอยมาโอบด้วยความเป็นห่วง
“คุณไม่เป็นอะไรนะ”
“ค่ะ”
ไอศูรย์บ้าเลือด ยิงกระหน่ำมาอีกชุด
“เรื่องของผัวเมีย ไอ้อิศร์ ถ้าแกเข้ามา แกตาย”
ตำรวจจะยิง แต่แล้วอนุภัทรีบพุ่งเข้าไปห้าม
“อย่ายิง ระวังตัวประกัน”
“ไอ้ภัทรระวังนะ”
เปรี้ยงๆๆๆ ไอศูรย์ยิงไม่ยั้ง
“อ๊ากก” อนุภัทรโดนยิงเข้าสีข้าง ฟุบลงจมกองเลือด
“ไอ้ภัทร”
แพรพลอยตกใจ “ผู้กอง”
ทั้งสองจะเข้าไปดู แต่ถูกไอศูรย์ยิงต้านออกมา ตำรวจยิงกระหน่ำ ไล่ไอศูรย์ไปเรื่อยๆ ไอศูรย์รีบดึงอริสราหลบ
“ผมรักคุณอริส ผมจะไม่ยอมให้คุณเป็นอะไร”
“ปล่อยฉัน ปล่อย ถ้าคุณรักฉันคุณก็ต้องปล่อยฉันไปสิ นี่มันอันตรายนะ”
“ไม่ ผมไม่ปล่อยคุณ เราจะต้องไปด้วยกัน”
ไอศูรย์ลากอริสราวิ่งไปทางหนึ่ง
อิศร์และแพรพลอยมาดูอนุภัทร แพรพลอยรีบห้ามเลือด เรียกสติ
“ผู้กอง”
“ไหว ผมไหว”
“ไม่ได้ นายหยุดตรงนี้ จะต้องไม่มีใครเป็นอะไรเพราะพี่ศูรย์อีก”
อิศร์พยักหน้าให้ตำรวจ ตำรวจสองนายประคองอนุภัทรออกไป อิศร์จะรีบตามไอศูรย์ไปพร้อมตำรวจ แพรพลอยเตือนด้วยความเป็นห่วง
“คุณอิศร์คะ คุณไอศูรย์บ้าเลือดแล้ว ยังไงเขาก็จะฆ่าคุณให้ได้”
“ถ้าเรื่องมันจะจบ ไม่มีใครเป็นอะไรอีก ผมจะลองเสี่ยง”
อิศร์ออกไป แพรพลอยตัดสินใจเด็ดขาดต้องรักษาชีวิตอิศร์ไว้ หล่อนรีบวิ่งไปอีกทางหนึ่ง โดยไม่มีใครสังเกต
ฟากไอศูรย์ลากอริสราหนีกระเซอะกระเซิงกันไป ไอศูรย์เหมือนคนบ้าไปแล้ว
“คุณต้องอยู่กับผม อริส ผมไม่ปล่อยคุณไป”
ส่วนอีกมุมหนึ่ง อิศร์ตามมาในป่าพร้อมเจ้าหน้าที่ ทั้งหมดต้องระวังกระสุนจากไอศูรย์เป็นระยะ
“ระวังนะคุณแพร” อิศร์เหลียวมา ไม่เห็นแพรพลอย ตกใจ
“คุณแพร”
แพรพลอยวิ่งอ้อมมาอีกทาง กระโดดข้ามขอนไม้ที่ขวางทาง วิ่งซิกแซกลัดเลาะต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว บอกตัวเองในใจ
“ฉันไม่ยอมให้คุณเป็นอะไร...คุณอิศร์”
ขณะที่ไอศูรย์ลากอริสรามาหลุดจากชายป่า เจอลานโล่ง แล้วพลันชะงัก เห็นแพรพลอยวิ่งมาดักข้างหน้า เล็งปืนมา
“หยุดเถอะค่ะคุณไอศูรย์”
“แก”
ไอศูรย์จะหนีกลับ หันไปด้านหลัง เห็นอิศร์อยู่ไกลๆ
“ไอ้อิศร์”
อิศร์และตำรวจกำลังวิ่งมาจากป่า แต่ยังอยู่ห่างมาก
“คุณแพร ! คุณจะทำอะไร”
แพรพลอยลดปืนลง แล้วโยนทิ้งไปทางหนึ่ง
“อยากจะหนีต่อหรือเปล่าล่ะคะคุณไอศูรย์ ทางรอดเดียวของคุณคือ ไปกับฉัน”
ไอศูรย์อึ้ง อริสราตกใจ ไอศูรย์หันไปมองทางอิศร์กับตำรวจ
“คุณลากคุณอริสไปอย่างนี้เรื่อยๆไม่ได้หรอก คุณอริสไม่แข็งแรง จะทำให้คุณหนีลำบาก”
“ฉันปล่อยอริสไป ฉันก็ไม่เหลือใคร ไอ้อิศร์มันก็ให้เจ้าหน้าที่ฆ่าฉัน มันต้องฆ่าฉันแน่ๆ”
“ถ้าคุณมีฉัน คุณอิศร์ไม่ฆ่าคุณหรอกค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ปล่อยคุณอริสไป ฉันยอมเป็นตัวประกันให้คุณเอง คุณจะได้หนีไปได้”
อริสรามองที่แพรพลอย แทบไม่เชื่อหู ไอศูรย์เริ่มสับสน ลังเลใจ
“แต่ฉัน” ไอศูรย์มองอริสราอย่างเสียดาย “คุณรักผมใช่ไหมอริส คุณจะไม่ทิ้งผมไป ใช่ไหมอริส”
อริสราเงียบ ร้องไห้ ส่ายหน้าหนี ไอศูรย์เจ็บปวด
“ผมทำให้คุณลำบากมากใช่ไหมอริส ผมทำให้คุณเสียใจมากใช่ไหม”
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอร้อง”
แพรพลอยเร่ง “เร็วสิคุณไอศูรย์”
อิศร์กับตำรวจวิ่งเข้ามาใกล้แล้ว ไอศูรย์จวนตัว เจ็บปวดหัวใจที่สุดเพราะอริสราก็ดูท่าว่าจะไม่มีหัวใจให้ตนอีก ไอศูรย์ตัดสินใจผลักอริสราออกไป อิศร์และตำรวจวิ่งมาถึงพอดี
“อิศร์” อริสรากอดอิศร์แน่น
“แพรพลอย อย่า”
ไอศูรย์กระชากตัวแพรพลอยเข้ามา เอาปืนจ่อที่หลัง
“แกฆ่าฉันไม่ได้ เพราะฉันมีคนที่แกรักอยู่ตรงนี้ แกเข้ามา แพรพลอยก็ตาย”
“พี่ศูรย์ อย่าทำแบบนี้เลย”
“ฉันไม่ฟังแก พอกันที อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นอีนี่ตาย”
ไอศูรย์ลากแพรพลอยออกไป อิศร์จะพุ่งเข้าไป
“ไม่ ผมไม่ยอมให้แพรพลอยเป็นอะไรเพราะพี่”
ไอศูรย์ดึงปืนออกจากแพรพลอย จะยิงอิศร์ จังหวะนั้นเอง แพรพลอยได้ที ฟันศอกใส่ไอศูรย์จนจุก เสียหลัก ไอศูรย์เอาคืนด้วยการโถมกำลังทั้งเตะต่อยใส่แพรพลอย สุดท้ายแพรพลอยเสียหลัก ไอศูรย์เล็ง จะยิง
“พี่ศูรย์ อย่า”
อิศร์พุ่งเข้าใส่ไอศูรย์ เสียงปืนดัง เปรี้ยง กระสุนปืนเฉียดแพรพลอยเส้นยาแดงผ่าแปด
อิศร์รวบตัวไอศูรย์ได้ ล้มลงทั้งคู่ ไอศูรย์ยังไม่ยอมแพ้ ต่อยกันจน ปืนกระเด็นออกไปทางหนึ่ง แพรพลอยรีบวิ่งไปเก็บปืน
ไอศูรย์ดีดอิศร์ออกจากตัว แล้วกระหน่ำทั้งเตะต่อย อิศร์หงายไปทางหนึ่ง แพรพลอยคว้าปืนไว้ได้ แต่แล้วไอศูรย์พุ่งรวบตัวแพรพลอยจากด้านหลัง
แพรพลอยต่อสู้สุดแรง หมุนตัวหนี ไอศูรย์คว้าข้อมือได้ ในที่สุดบิดแขนแพรพลอยจนตัวงอ
อิศร์รีบพุ่งเข้าไปช่วย ดึงแพรพลอยออกไปแล้วต่อสู้กับไอศูรย์ ไอศูรย์ได้ปืนจากแพรพลอย แล้วจับตัวอิศร์ไว้ได้ ใช้ปืนจ่อหัวอิศร์ ทั้งหมดตะลึง !
“คุณอิศร์”
“ไอศูรย์ อย่าทำอะไรคุณอิศร์นะ อย่า” อริสราหวีดร้อง
“หุบปากนะอริส ไอ้อิศร์มันทำให้ฉันต้องเจ็บปวด ผิดหวัง ผมไม่เหลืออะไรแล้ว เงินทองทุกอย่างที่ผมพยายามไขว่คว้ามา สุดท้ายมันก็เป็นของมัน คุณพ่อก็ตายเพราะสงครามในบ้านนี่ กระทั่งอริส คุณก็ทิ้งผม”
อริสราเป็นห่วงอิศร์ พยายามหาทางออก
“ไอศูรย์...คุณอย่าทำร้ายอิศร์เลยนะ ฉันขอร้อง”
“ทำไมผมต้องฟังคุณ ทำไมผมต้องเห็นแก่คุณเพื่อมัน”
อริสราตัวสั่น น้ำตาไหลออกมา แกล้งบีบน้ำตา แต่เล่นเหมือนจริง
“ไม่ใช่เพื่ออิศร์ แต่เพื่อลูก”
“ลูก”
ทั้งหมดงง ไอศูรย์ลังเลใจอย่างหนัก
“ใช่ ลูกในท้องของคุณกับฉัน ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นพ่อคนอีกแล้วนะคะไอศูรย์ คุณจำได้ไหม”
ไอศูรย์ลังเลหนัก ภาพตอนปล้ำอริสราผุดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
อริสราเกลี้ยกล่อมทั้งน้ำตา “คุณอย่าให้ลูกต้องผิดหวังที่พ่อเที่ยวทำร้ายคนอื่น”
“ผมนะเหรอจะเป็นพ่อคน คนอย่างผมน่ะเหรอ”
อริสราสะอื้น สะเทือนใจ
“อย่าทำอะไรอิศร์เลยนะคะไอศูรย์ เห็นแก่ลูกของเราเถอะ”
“ไม่” ไอศูรย์ลังเลหนัก แต่จนตรอกกดปืนลงไปที่หัวอิศร์อีก อริสราขยับเข้าไปอีกก้าว
“เอาอย่างนี้นะคะไอศูรย์ คุณปล่อยอิศร์ แล้วฉัน...ฉันสัญญาว่าจะไปกับคุณ จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ที่มีแต่เราสามคน” อริสราน้ำตาร่วงพรู “คุณต้องการอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ ฉันจะไปกับคุณ ฉันยอมแล้ว” หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้นสมบทบาท
“คุณจะทำอย่างนั้นได้เหรออริส คุณเกลียดผม คุณหาทางไปจากผมตลอดเวลา แต่คุณยอมกล้ำกลืนจะอยู่กับผมเพื่อช่วยไอ้อิศร์”
“ฉันยอมทำทุกอย่าง เพียงแต่คุณอย่าทำร้ายอิศร์นะไอศูรย์ ฉันจะยอม”
ไอศูรย์ขยับนิ้ว ปืนจ่อที่หัวอิศร์ กดปากกระบอกแรงขึ้น
“ฉันขอร้อง ไอศูรย์ ปล่อยเขาไป” อริสราร้องไห้โฮ ทรุดตัวลงกับพื้น
ไอศูรย์เห็นอริสราร้องไห้หนักก็ยิ่งสะเทือนใจ เจ็บปวดไปทั้งหัวใจ เพราะรู้แน่แก่ใจว่าอริสรารักอิศร์จนคิดจะเสียสละอิสรภาพของตัวเองเพื่อให้อิศร์รอดตาย
“คุณ...คุณยอม” ไอศูรย์เสียงสั่น “คุณยอมไปอยู่กับผมเพื่อมัน”
“ใช่ ฉันยอม” อริสราสะอื้นไห้
ไอศูรย์สลดลง “คุณรักผมบ้างไหม อริส”
“ฉันจะบอก แต่คุณต้องปล่อยอิศร์ก่อน”
ไอศูรย์ไม่ฟัง “คุณเคยรักผมบ้างไหม อริส รักผมบ้างไหม”
อริสรามองอิศร์นิ่ง มีแต่น้ำตากับเสียงสะอื้น แต่ไม่มีคำตอบ ไอศูรย์ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ราคาบ หมดสิ้นทุกอย่าง
ไอศูรย์พยักหน้า ชอกช้ำใจ “ผมก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน...คุณเกลียดผม แต่คุณก็พร้อมที่จะฝืนใจอยู่กับผู้ชายที่คุณเกลียด เพียงเพื่อที่จะให้มันปลอดภัย” เขาจี้ปืนเข้าที่หัวอิศร์แรงๆ “ผมรู้แล้วว่าผมสู้มันไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะทำยังไง ผมก็สู้มันไม่ได้”
ไอศูรย์มองอริสราอย่างเจ็บปวด แล้วผลักอิศร์ออกไป
“คุณเอามันคืนไปเถอะ ผมยอมแพ้แล้ว” ไอศูรย์ร้องไห้ออกมา
“ไอศูรย์”
ไอศูรย์มองหน้าอริสรา เหมือนสั่งลา เหตุการณ์ต่างๆ ผุดขึ้นมาเหมือนสำนึกสุดท้าย ทั้งตอนยิงสุนทร
ฆ่าธำรง และยิงทิตา
“ในเมื่อผมไม่มีวันได้หัวใจคุณไปด้วย ผมก็จะไป...ไปตามทางของผมคนเดียว”
ไอศูรย์พูดจบก็หันกระบอกปืนเข้าตัวเอง สีหน้าทุกคนตกใจ อิศร์อ้าปากค้าง ร้องห้าม
“พี่ศูรย์”
เปรี้ยง! อิศร์ตะโกนขึ้นตอนเสียงปืนดังขึ้นพอดี เลือดกระเซ็นเข้าใบหน้าอิศร์
ไอศูรย์ล้มหงายหลังลงไปกับพื้น พร้อมกับเสียงปืนที่ยังกึกก้องไปทั่วราวป่า
พยาบาลเข็นเตียงอนุภัทรออกมาที่ถนน มายาวีรีบวิ่งไปดูอนุภัทร ร้องไห้โฮ
“ผู้กอง ผู้กองอย่าเป็นอะไรนะผู้กอง ตอบฉันสิคะผู้กอง ตอบฉัน”
มายาวีพยายามจะจับตัวอนุภัทร แต่แพรพลอยรีบเข้าไปดึงไว้
“คุณเมย์คะ ให้คุณหมอกับพยาบาลดีกว่าดูแลผู้กองดีกว่านะคะ”
“เขาจะตายไหมคะคุณเมย์” มายาวีสะอึกสะอื้น “เมย์กลัว”
“ไม่หรอกค่ะ ผู้กองถึงมือหมอแล้ว เขาจะต้องปลอดภัยค่ะ”
แพรพลอยกอดประคองมายาวีไว้ ปลอบโยน
อ่านต่อหน้า 4
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
อริสรายังนั่งหน้าซีดอยู่ในรถของตัวเอง อาการยังช็อกๆ อยู่ อิศร์เดินเข้ามาดู
“อริสจะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลหน่อยไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อริสไม่ได้เจ็บตรงไหน”
“แล้ว” อิศร์มองที่ท้อง
อริสรานึกขึ้นได้ เอามือลูบท้องตัวเอง
“อริสเพิ่งทราบตอนออกไปพบหมอเมื่อกลางวันนี้ค่ะ คราวนี้แพ้ไม่มากเหมือนครั้งที่แล้ว ก็เลยไม่รู้ตัว”อริสราลูบท้องตัวเอง หน้าเศร้า
“ผมขอโทษนะครับ ที่มันต้องลงเอยแบบนี้”
“มันไม่ใช่ความผิดของอิศร์หรอกคะ พวกเราทำดีที่สุดแล้วที่จะให้ไอศูรย์กลับตัว แต่เลือกเส้นทางนั้นเอง อริสเสียดายก็แค่ลูกจะไม่มีโอกาสได้พบกับพ่อของแก”
อิศร์คุกเข่า เอามือจับท้องอริสรา
“ไม่ต้องกังวลนะครับอริส ถึงจะไม่มีพี่ศูรย์แล้ว แต่แกยังปู่ ย่าแล้วก็อาๆ ที่จะช่วยดูแลแกกับอริสเป็นอย่างดีตลอดไป”
อริสรามองอิศร์อย่างซาบซึ้ง แพรพลอยเดินผ่านมาเห็น อิศร์กับอริสราลูบท้องด้วยกันใบหน้ายิ้มแย้ม ก็เจื่อนไป เข้าใจผิด
อิศร์กับอริสรา ยืนอยู่หน้าบ้าน มองเข้าไปในบ้านอย่างใจจดใจจ่อ
เรณูกับไอริณประคองอำพลที่ยังเดินไม่ถนัดเพราะอาการบาดเจ็บเข้ามา อิศร์รีบเข้าช่วยประคองนั่งรถเข็น อำพลมองทุกคนขมขื่น
“ในที่สุดบ้านนี้ก็ต้องไว้ทุกข์จริงๆ จนได้ ที่จริงมันควรจะเป็นฉันที่ต้องตายไปซะ”
“คุณลุงอย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ไม่มีใครสมควรต้องจากไปทั้งนั้น”
“อิศร์ไม่ต้องปลอบใจลุงหรอก ลุงทำผิดกับอิศร์ไว้มากมาย ต่อให้ต้องรับกรรมยังไงก็คงชดใช้ได้ไม่หมด” อำพลถอนใจ แล้วกวาดตามองทุกคน “แต่มันก็สาสมแล้ว”
เรณูสะอื้นออกมา ไอริณกอดแม่ไว้ อำนวยรีบเดินเข้ามา
“พี่อำพล”
อำพลหันไปเห็นอำนวย น้ำตาคลอ รู้สึกผิด จับมืออำนวยบีบ
“พี่ขอโทษนะอำนวย ขอโทษแทนสิ่งที่ไอศูรย์มันทำด้วย จะให้พี่กราบก็ยอม”
อำพลทำท่าจะลุกขึ้นกราบ แต่อำนวยประคองไว้
“อย่าครับพี่ ผมไม่มีความแค้นเคืองใครทั้งนั้น ผมอโหสิให้หลาน”
อำพลชะงัก มองหน้าอำนวยน้ำตาคลอๆ อำนวยคุกเข่าตรงหน้าอำพล
“พี่ไม่ต้องห่วงนะครับ ยังไงเราก็คือครอบครัวเดียวกัน ตัดกันไม่ขาด คุณเรณูกับไอริณก็ยังเป็นพี่สะใภ้กับหลานผม ผมจะดูแลพวกเขาแทนที่พี่เอง”
เรณูกับไอริณเข้ามาหาอำพล ทรุดตัวลงกอด ร้องไห้
“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณ ฉันกับลูกอยู่ได้ค่ะ”
“เราจะรอจนวันที่พ่อกลับมานะคะ”
เรณูกับไอริณร้องไห้สะอื้น อำพลร้องไห้ตาม มองไปทางอริสรา
“อริส”
อริสราเดินเข้ามา สีหน้าสลด อำพลเอื้อมมือไปแตะท้อง
“พ่อฝากหลานด้วยนะ เลี้ยงเขาให้ดี เอาใจใส่เขาให้มากๆ อย่าให้เขาโตขึ้นมามีปมด้อยเหมือนพ่อของมัน”
อริสรารับเสียงเครือสั่น “ค่ะคุณพ่อ”
อำพลพยักหน้าพอใจที่ได้สั่งเสียทุกคน ตำรวจขับรถเข้ามาจอด แล้วเดินเข้ามาเตรียมคุมตัวอำพล
“คุณอำพลครับ
อำพลหันไปมอง รู้ชะตากรรมของตัวเอง ยิ้มเศร้าๆ
“ผมพร้อมแล้วครับคุณตำรวจ”
ตำรวจเข้ามาเข็นรถของอำพล แล้วค่อยๆ หันออกไปจากบ้าน ทุกคนมองตามอย่างเศร้าสลด พวกผู้หญิงร้องไห้ระงม
อนุภัทรนอนหมดสติยังไม่ฟื้นอยู่บนเตียงในพยาบาล ที่ข้างเตียงมายาวีนั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วง
มายาวีอังมือที่หน้าผากเพื่อดูว่ามีไข้หรือเปล่า อนุภัทรยังคงไม่รู้สึกตัว มายาวีนั่งเฝ้าจนหลับไป
เวลาผ่านไป มายาวีนอนหลับฟุบข้างเตียงอนุภัทร สะดุ้งตื่นเพราะพยาบาลเดินเข้ามา
“ได้เวลาเช็ดตัวคนไข้แล้วค่ะ ญาติจะทำเองไหมคะ”
มายาวีเหรอหรา แล้วตัดสินใจพยักหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้น...ฉันออกไปรอข้างนอกนะคะ”
มายาวีเดินเขินๆ ออกไป
มายาวีเดินเรื่อยเปื่อย ลงมาด้านล่าง ถอนใจ แล้วมองไปเห็นพระพุทธรูปประจำโรงพยาบาลที่คนมาไหว้มายาวีมองครุ่นคิด แล้วเดินหายไป
พยาบาลเปลี่ยนชุดให้อนุภัทรเรียบร้อย ซักพักอนุภัทรก็ลืมตาขึ้น
“รู้สึกตัวแล้วเหรอคะ วันนี้เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บแผลไหมคะ”
อนุภัทรขยับตัว จับแผล แล้วส่ายหน้า
“ดีขึ้นแล้วครับ”
“งั้นนอนเล่นก่อนนะคะ ใกล้จะได้เวลาอาหารแล้ว”
ทางด้านมายาวีวางพวงมาลัย ไหว้พระรูป
“ขอให้ผู้กองอนุภัทร หายจากอาการบาดเจ็บไวๆ ด้วยเถอะนะคะ แล้วเมย์สัญญาว่าจะงดกินเนื้อสัตว์ หมั่นทำบุญทำทาน แล้วก็ลดช้อปปิ้งแบรนด์เนมด้วยค่ะ สาธุ”
มายาวีกราบพระ
ต่อมาไม่นานนัก อนุภัทรนอนลืมตาอยู่ ได้ยินเสียงเปิดประตู หันไปมอง เห็นไอริณถือกระเช้าเข้ามา
“ผู้กองฟื้นแล้วเหรอคะ เป็นยังไงบ้างคะ”
อนุภัทรฝืนยิ้มให้ไอริณ
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะครับ ที่จริงผมก็ไม่ได้เป็นอะไรหนักหนา แต่เมื่อวานคงจะเสียเลือดมากไปหน่อยก็เลยหมดสติไป”
“ค่อยยังชั่วหน่อย นี่พอคุณแม่รู้ว่าริณจะมาเยี่ยมผู้กอง ก็รีบทำซุปฝากมาให้ ฝากอวยพรผู้กองด้วยว่าให้หายเร็วๆ”
“ขอบคุณนะครับ”
“ทานเลยนะคะผู้กอง เดี๋ยวจะเย็นซะหมด”
อนุภัทรพยักหน้ารับอย่างเกรงใจ ไอริณรีบเปิดกระติกเก็บความร้อน รินซุปใส่ถ้วย
เวลาเดียวกันมายาวีเดินเข้ามาที่ห้องอนุภัทร สีหน้าสดชื่นขึ้น แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ชะงัก เห็นไอริณกำลังป้อนซุปให้อนุภัทรอยู่
“คุณเมย์” อนุภัทรทัก
“ขอโทษ ฉันไม่ทราบว่าคุณมีแขก ตามสบายนะคะ”
มายาวีรีบปิดประตู แล้วออกไปทันที อนุภัทรกับไอริณงง
ไอริณหน้าเจื่อน “ตายล่ะ สงสัยริณจะหางานให้ผู้กองซะแล้ว ริณตามไปอธิบายดีไหมคะ คุณเมย์คงน้อยใจแย่ อุตส่าห์เฝ้าไข้ผู้กองทั้งคืน ดันมาเจอริณ”
“คุณเมย์น่ะเหรอครับเฝ้าไข้ผม”
“ใช่ค่ะ เมื่อกี้พยาบาลหน้าห้องบอก”
อนุภัทรมองไปทางประตู เริ่มเข้าใจอะไรๆ แล้วยิ้มออกมา
มายาวีเดินออกจากโรงพยาบาลมาเช็ดน้ำตาป้อยๆ อนุภัทรในชุดผู้ป่วยรีบตามมา
“คุณเมย์”
มายาวีหยุดกึก อนุภัทรเดินมาดักหน้า
“ร้องไห้ทำไม”
“เปล่าซะหน่อย”
“ก็เห็นอยู่ว่าตาแดงๆ”
“ฝุ่นมันเข้าตาต่างหากล่ะ”
“งั้นผมเอาฝุ่นออกให้นะ”
อนุภัทรจับแก้มมายาวี ปัดฝุ่นออก มายาวีเขินๆ
“เมื่อกี้คุณริณมาเยี่ยม แล้วก็เอาซุปของคุณป้าเรณูมาให้ผม แต่ผมตักเองไม่ถนัด เธอก็เลย...”
มายาวีคอแข็ง หลุดปาก “แล้วมาบอกอะไรฉัน ฉันไม่ได้หึง”
“ผมก็ยังไม่ได้ว่าคุณหึง”
มายาวีทำตาโต รีบเอามืออุดปาก
“หรือว่าคุณหึง”
“ฉันจะหึงทำไม ฉันไม่ได้รักคุณ”
“ถ้าไม่รัก ทำไมต้องมาเฝ้าผมทั้งคืน ทำไมไม่กลับบ้านไปพักผ่อน มาอดหลับอดนอนเฝ้าผู้ชายที่เป็นคนแปลกหน้าคนนี้ทำไม”
มายาวีจนแต้ม ไปไม่เป็น “ก็ฉัน...”
“คุณเมย์” ผู้กองมองจ้องตา “คุณรู้สึกยังไงกับผมกันแน่ ทำไมคุณต้องเฝ้าเป็นห่วงเป็นใยผมจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทำไมคุณต้องร้องไห้ร้องห่มกลัวผมตาย”
“ใครบอกคุณ”
“คุณพยาบาลบอก”
มายาวีหน้าแดง ก้มหน้างุด อนุภัทรเชยคางมายาวีขึ้น
“คุณเมย์ บอกผมมาตรงๆ เถอะ ว่าที่จริงแล้วเราสองคน คิดตรงกันใช่ไหม”
“คิดตรงกัน” มายาวีงง
“ก็คิดว่า ผู้หญิงและผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของตอนนี้ คือคนที่คุณและผมรักและห่วงใยด้วยใจจริง จนอยากจะครอบครองความรู้สึกนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่อยากให้เขาแบ่งบันหน้าที่นั้นไปให้คนอื่น”
มายาวีอึ้ง อนุภัทรยิ้มออกมา
“ผมรู้สึกอย่างนี้มาได้ซักพักนึงแล้ว แต่ผมก็ไม่แน่ใจความรู้สึกของคุณซักที แต่วันนี้ผมคิดว่าผมเริ่มจะมีหวัง ถึงได้อยากถามคุณให้แน่ใจ ว่าเราคิดตรงกันใช่ไหม”
มายาวีน้ำตาคลอ ตื้นตันใจที่อนุภัทรสารภาพความในใจ
“แล้ว...ถ้าใช่ล่ะ”
อนุภัทรยิ้มชื่น “ถ้าใช่ เราก็จะได้ยกเลิกการหมั้นจอมปลอมบ้าๆ นี่ แล้วก็ทำสิ่งที่มันถูกต้องซักที คุณพร้อมหรือเปล่าล่ะที่จะเป็นภรรยาของนายตำรวจฐานะปานกลาง แถมยังเป็นลูกน้องของพ่อคุณอีกด้วย”
“ฉันไม่เคยรังเกียจฐานะหรือตำแหน่งของคุณเลยนะคะผู้กอง” มายาวียิ้มปลื้ม “ฉันพร้อมตั้งนานแล้ว”
อนุภัทรยิ้มดีใจ ดึงตัวมายาวีเข้ามากอดอย่างมีความสุข
วันหนึ่งแพรพลอย อิศร์ มายาวี อนุภัทร อัมพา กรณ์ นั่งคุยกันอยู่ที่มูลนิธิ ทุกคนรู้เรื่องมายาวีกับอนุภัทรแล้ว
“ดีใจด้วยนะคะคุณเมย์ ผู้กอง”
มายาวีกับอนุภัทรยิ้มเขิน อิศร์มองอนุภัทร ทำหน้าหนักใจ ตบไหล่กระเซ้า
“สู้ๆ นะเว้ย ภารกิจเนี้ย ยากกว่าทุกงานของแกแน่เลยว่ะ”
“ภารกิจอะไรยะ” มายาวีงง
“ก็ภารกิจแต่งเลี้ยงเมียอย่างเธอไม่ให้เป็นแม่น่ะสิ ไอ้ภัทรเหนื่อยแน่” อิศร์ส่ายหน้า
“อีตาบ้าอิศร์”
มายาวีทุบอิศร์แก้เขิน ทุกคนหัวเราะขำกัน
“แล้วได้ฤกษ์แต่งหรือยังคะ”
“ผมเพิ่งได้รับคำสั่งให้ไปอบรมที่ต่างประเทศสามเดือนครับ คงต้องรอให้กลับมาก่อนแล้วค่อยวางแผนกัน” พลางอนุภัทรหันมาทางอิศร์ “ระหว่างนี้ฉันก็ฝากว่าที่เจ้าสาวไว้ด้วยนะเว้ยไอ้อิศร์ อย่าใช้งานหนักนัก”
“ใครว่าฉันจะทำงานคะผู้กอง” มายาวีเปิดกระเป๋าหยิบซองขาวออกมา “นี่ ฉันร่างจดหมายลาออกไว้แล้ว ต่อไปฉันจะเตรียมตัวเป็นแม่บ้าน
“อ้าว คุณไม่เห็นบอกผมเลย” อนุภัทรโวย
“ต้องบอกด้วยเหรอคะ ก็คุณจะแต่งงานกับฉัน คุณก็ต้องเลี้ยงฉันสิ หรือคุณจะเปลี่ยนใจไม่แต่ง”
อนุภัทรหน้าเจื่อน “จ้ะๆ แต่งจ้ะ ไม่เปลี่ยนใจจ้ะ”
มายาวียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อิศร์เปิดซองอ่านแล้วอมยิ้ม
“ดีเลย ฉันกำลังหาจะไล่เธอออกอยู่พอดี เพราะยายริณเขาจะไปเรียนรู้งานที่บริษัท แต่ยังหาตำแหน่งลงไม่ได้”
“งั้นเอาคืนมา ฉันไม่ลาออกแล้ว นายต้องไล่ฉันออก แล้วก็จ่ายเงินเดือนล่วงหน้ามาด้วย”
มายาวีรีบดึงซองจดหมายเก็บใส่กระเป๋า ทุกคนขำ
เวลาต่อมาแพรพลอยเดินไปส่งอนุภัทรกับมายาวีกลับบ้าน อัมพา กรณ์ยืนมองอยู่กับอิศร์
“คุณเมย์กับผู้กองอนุภัทรมีข่าวดีแล้ว เมื่อไรสองคนนี้จะมีซักทีล่ะครับ”
อิศร์ยิ้มกริ่ม
“อ๋อ มีแน่ครับ ข่าวดี”
ไม่นานนัก อิศร์หยิบโฉนดที่ดินออกมาจากซอง วางตรงหน้าอัมพา และกรณ์
“อะไรคะนี่” อัมพางงๆ
“ลองอ่านดูสิครับ”
กรณ์หยิบมาอ่าน แล้วรีบบอกอัมพาอย่างดีใจ
“โฉนดที่ดินบ้านหลังนี้กับมูลนิธิครับแม่”
อัมพาตกใจ รีบรับมาดู
“คุณอิศร์ได้มายังไงคะเนี่ย”
“ผมขอซื้อที่ดินผืนนี้จากมิสเตอร์ลีครับ เพราะอยากให้เด็กๆ ได้อยู่ที่เดิม เพราะสังคมของพวกแกอยู่ที่นี่ ทั้งเพื่อนฝูงนอกมูลนิธิแล้วก็โรงเรียน ถ้าย้ายที่อยู่ก็ต้องปรับตัวกันใหม่ ผมไม่อยากให้เด็กๆ มีปัญหา”
กรณ์แปลกใจ “แล้วมิสเตอร์ลียอมเหรอครับ”
“ก็ต้องแลกเปลี่ยนด้วยอะไรบางอย่างน่ะครับ” อิศร์ว่า
“อะไรคะ”
“บริษัทเราจะร่วมมือกันพัฒนาที่ดิน ทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกันเฉพาะกิจครับ โดยใช้จุดแข่งของแต่ละฝ่ายมาร่วมกันเพื่อดึงดูดลูกค้า”
“พวกเราไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณคุณอิศร์ยังไงดี”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมแค่ขอตัวคุณแพรไปช่วยงานที่บ้านก็พอ”
อิศร์ยิ้มเป็นนัย ให้ทั้งสองคน
คืนนั้นแพรพลอยเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า อัมพาเปิดประตูเข้ามา
“จัดกระเป๋าเสร็จหรือยังลูก”
“เสร็จแล้วค่ะ”
อัมพามานั่งข้างๆ แพรพลอยเข้ากอด
“แพรเพิ่งย้ายจากคอนโดมานอนบ้านแม่ได้ไม่กี่คืนก็ต้องไปซะแล้ว บางทีแพรก็สมเพชตัวเองนะคะ ที่ปล่อยให้คนนั้นทีคนนี้ทีแย่งกันซื้อตัวไปมา เหมือนกับ...”
อัมพาสวนออกมา “ฮื้อ คุณอิศร์ไม่ได้ซื้อตัวแพรซะหน่อย เขาอยากได้แพรไปอยู่ด้วย เอ้ย ทำงาน”
“จริงๆ เขาไม่ต้องใช้บอดี้การ์ดแล้วก็ได้นี่คะ”
“เขาอาจจะให้แพรไปช่วยงานอย่างอื่น”
“อย่างแพรจะไปทำอะไรได้”
“ก็ต้องถามคุณอิศร์ดู”
อัมพาจัดหมอนที่บนเตียง
“นอนเถอะแพร พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่หน้าตาจะไม่สดใสนะจ๊ะ”
“คุณอิศร์จะมารับแต่เช้าเลยเหรอคะ ที่จริงแพรไปเองก็ได้”
อัมพาอมยิ้ม ไม่ตอบอะไร แล้วจอดที่นอนให้แพรพลอยต่อ
รุ่งเช้าวันต่อมาแพรพลอยนอนหลับอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงกลองยาวดังแว่วๆ เลยลืมตาตื่น เห็นว่าฟ้าสว่างพอดี
แพรพลอยมองหาอัมพาไม่เจอ แต่เสียงกลองยาวยังแว่วๆ ออกมานอกหน้าต่าง อัมพาแต่งตัวสวยเปิดประตูเข้ามา
“อ้าว แพร ตื่นแล้วเหรอลูก เร็วเข้าลูก มาแต่งตัวเข้า”
อัมพาเอาชุดสวยมาวางไว้บนเตียง แพรพลอยมองงง
“แต่งตัวทำไมคะ แล้วทำไมต้องแต่งแบบนี้”
“ก็คุณอิศร์มาแล้วนี่จ๊ะ”
แพรพลอยงวยงง “คุณอิศร์”
ขบวนแห่ขันหมากครบชุดของอิศร์ เดินทางมาถึงหน้าบ้าน เสียงกลองยาวกึกก้อง มีอำนวยกับเรณูเป็นผู้ใหญ่ มายาวี ไอริณ อริสรา ช่วยถือพานพุ่มขบวนแห่
กรณ์กับเปี๊ยกและเด็กอื่นๆ ออกไปกั้นประตูเงินประตูทอง อำนวยออกหน้าจ่ายเงินค่าผ่านประตู แต่ทันใดนั้นแพรพลอยก็ถลันออกมา
“นี่มันอะไรกันคะ” มองอิศร์ในชุดไทยสุดหล่อ “คุณอิศร์”
อิศร์อึ้ง หน้าเจื่อน เพราะเห็นแพรพลอยเอะอะเสียงดัง ท่าทางไม่พอใจมาก เปี๊ยกโพล่งขึ้นมา
“เย้ พี่แพร พี่แพรจะได้แต่งงานแล้วรู้หรือเปล่า คุณอิศร์เขามาขอ”
แพรพลอยงง มองทุกคน สับสนไปหมด ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ
อิศร์เดินตามแพรพลอยมา จับมือง้องอน
“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง”
“ก็ผมเห็นไอ้ภัทรกับยายเมย์กำลังจะแต่งงาน ผมไม่อยากน้อยหน้าพวกมัน”
“คุณก็เลยเนรมิตขบวนขันหมากขึ้นมากะทันหันแบบนี้เนี่ยนะ”
“ผมไม่อยากให้คุณน้อยหน้าไอ้ภัทรกับยายเมย์”
“คุณบ้าไปแล้ว มีใครที่ไหนเขาจัดขันหมากเซอร์ไพรส์แบบนี้บ้าง”
“สนุกดีออก ออร์แกไนซ์ที่ผมจ้างมาเขาก็สนุก แอบมาเตรียมสถานที่ไว้ตั้งแต่เช้ามืด”
“นี่แม่ฉันก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
“คุณป้า กรณ์ ทุกคนรู้เรื่องนี้หมด ยกเว้นคุณ ฮะๆๆๆ”
“สนุกมากใช่ไหม แต่ฉันไม่สนุก”
อิศร์หุบยิ้ม
“น่าคุณแพร เราสองคนก็ไม่มีอะไรต้องกังขาในความรู้สึกของกันและกันแล้วไม่ใช่ ทำไมคุณถึงยังคิดจะบ่ายเบี่ยงอีกล่ะครับ”
“คุณยังมีภาระต้องรับผิดชอบอีกเยอะนะคะ ควรจะรอให้แน่ใจก่อน”
“ผมไม่รอแล้ว เพราะผมแน่ใจที่สุดแล้วตอนนี้ว่าผมอยากใช้ชีวิตร่วมกับคุณ”
“แล้วคุณอริสราล่ะคะ”
อริสราซึ่งเดินตามมาได้ยินพอดี หยุดฟัง อิศร์ทำหน้างง
“อริสทำไม”
“คุณอริสเธอตัวคนเดียว แล้วก็กำลังจะมีลูก ถ้าคุณปุบปับตัดสินใจแต่งงานกับฉัน คุณคิดบ้างหรือเปล่าว่าเธอจะรู้สึกยังไง เธอเสียสามีไปคนนึงแล้ว ถ้าเธอต้องเสียคุณ...”
อิศร์สวนออกมา “คุณแพร คุณคิดมากไปแล้วนะ”
“ฉันต้องคิดมากค่ะ เพราะฉันเป็นคนใช้ชีวิตแบบยึดหลักเหตุผล ฉันไม่ได้ทำอะไรไปตามอารมณ์หรือความคึกคะนอง”
อิศร์อึ้ง แพรพลอยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณพาขบวนของคุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ให้เวลาฉันคิดมากกว่านี้ แล้วก็ให้เวลาตัวคุณเองด้วย บางทีเมื่อหน้าที่ใหม่ของคุณเริ่มต้น คุณอาจจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นก็ได้ว่าคุณต้องการอะไรและใครกันแน่”
อิศร์หน้าสลด “คุณแพร” มองแพรพลอยอย่างเสียใจ
ขณะเดียวกันภายในบ้านของอัมพา ผู้หลักผู้ใหญ่นั่งกันเตรียมพร้อมรอฟังข่าว เห็นทุกอย่างถูกจัดเตรียมทำพิธีไว้ครบครัน ตกแต่งสวยงาม สักครู่อิศร์เดินคอตกเข้ามา
ไอริณถามทันที “พี่อิศร์ ตกลงว่าไงคะ ทำไมมาคนเดียวล่ะ”
เรณูซัก “หนูแพรพลอยล่ะลูก”
อำนวยงง “นั่นสิอิศร์ เดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์นะ”
อิศร์มองหน้าทุกคนอย่างผิดหวัง
“คุณแพร...ให้พวกเรากลับไปครับ”
ทุกคนส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ
“แปลว่าคุณแพรไม่ตกลงเหรอ” มายาวีตกใจ
อิศร์พยักหน้า เศร้าสุดขีด ทุกคนมองหน้าอึ้งๆ ซุบซิบกัน ท่าทีผิดหวังตามๆ กัน
ส่วนแพรพลอยได้ทอดถอนใจ เพราะสงสารอิศร์และลึกๆ ก็อยากรับรัก อริสราเดินเข้ามาด้านหลัง
“คุณแพรคะ”
แพรพลอยหันกลับไป เห็นอริสราก็ตกใจ
“ฉันได้ยินทุกอย่างหมดแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่คิดถึงความรู้สึกของฉัน”
แพรพลอยฝืนยิ้ม “ด้วยความยินดีค่ะ”
“แต่เรื่องของฉันกับอิศร์มันคงไม่มีทางจะเริ่มต้นได้หรอกค่ะ”
แพรพลอยชะงัก อริสรายิ้มเศร้าๆ
“ที่จริงฉันควรจะยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้มานานแล้ว แต่ฉันก็ปฏิเสธมันมาตลอด จนกระทั่ง...เมื่อคุณทั้งสองคนตามไปช่วยเหลือฉัน คุณอาสาจะเป็นตัวประกันของไอศูรย์แทนฉัน ในวินาทีที่คุณสองคนพยายามปกป้องกันและกันจากไอศูรย์ มันทำให้ละอายใจ แล้วก็เพิ่งสำนึกในตอนนั้นว่าฉันควรจะยอมแพ้ เช่นเดียวกับที่ไอศูรย์ยอมแพ้”
“คุณอริส...”
อริสราลูบท้องเศร้าๆ “วันนี้ฉันกำลังจะมีลูกกับไอศูรย์อีกครั้ง และอิศร์ก็จะเป็นได้เพียงอาของแกเท่านั้น ฉันอยากให้ลูกมีพ่อเพียงคนเดียว แม้เขาสองคนจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก คุณไม่ต้องห่วงความรู้สึกฉันหรอกค่ะ ทำตามใจที่คุณต้องการดีกว่า”
“แต่แพรคิดว่า...”
“คุณแพรคะ ถ้าคุณรักอิศร์ ก็อย่าทำให้เขาต้องเสียใจเลยนะคะ อิศร์เป็นคนดีเกินกว่าที่จะต้องมาผิดหวังซ้ำซากเพราะผู้หญิงที่เขารัก ให้ฉันเป็นคนสุดท้ายที่ทำร้ายเขาเถอะค่ะ”
สองคนสบตากัน อริสรายิ้มให้กำลังใจอย่างจริงใจ ขณะที่แพรพลอยลังเล ครุ่นคิด
อิศร์นั่งเศร้าคอตกอยู่ในงาน มีมายาวีลูบไหล่ปลอบใจ ขณะที่คนอื่นๆ เจื่อนไปตามๆ กัน อำนวยมองไปรอบๆ
“เอา ถ้าเกิดฝ่ายเจ้าสาวเขายังไม่ยอมตกลง ก็ต้องเลื่อนไปก่อนละนะ”
คนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย ทำท่าจะลุกขึ้นเก็บข้าวของ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ทุกคนชะงัก หันไปเห็นแพรพลอยเดินเข้ามาในชุดไทยสวยงามที่อัมพาเตรียมไว้ให้ มีอริสราเดินตามมา
อิศร์และคนอื่นๆ ตกตะลึง
“คุณแพร”
แพรพลอยมองอิศร์ พยายามกลบเกลื่อนความเขิน
“ฤกษ์กี่โมงคะ ยังทันหรือเปล่า”
อิศร์อึ้งๆ แล้วคลี่ยิ้มออกมา รีบลุกขึ้นไปหาแพรพลอย
“ทันสิครับ ทัน” อิศร์รีบถามอำนวย “ใช่ไหมคุณลุง”
อำนวยงงๆ พอได้สติก็รีบพยักหน้า ทุกคนตื่นเต้นดีใจ เมื่ออิศร์ประคองแพรพลอยมานั่งตรงหน้าอำนวย เรณู อัม
อริสรายิ้มมองทั้งคู่อย่างดีใจ แล้วเลี่ยงไปนั่งอยู่กับไอริณ และมายาวี
อำนวยเริ่มพิธีต่อ อิศร์กับแพรพลอยรับไหว้สวมแหวนให้กันและกัน บรรยากาศอุ่นไอไปด้วยความรัก และสีหน้าชื่นมื่นของทุกคน
แพรพลอยเดินจูงมืออิศร์ท่าทางหวานชื่น มือทั้งสองเกาะกุมกันแน่น แพรพลอยยกขึ้นมาดูแหวนที่สวมติดนิ้วอยู่
“แหวนวงนี้ที่ผมคะยั้นคะยอให้คุณลองใส่ แล้วคุณเกือบจะถอดไม่ออก ผมว่ามันคงอยากมาอยู่กับคุณตั้งแต่ตอนนั้น”
“ฉันจำได้ค่ะ แล้วฉันก็รู้มาตั้งนานแล้วว่าคุณซื้อมา”
“อ้าว รู้ได้ไง”
“คุณเอาติดตัวไปตอนที่ถูกมิสเตอร์ลีจับไปซ้อม”
อิศร์เซ็ง “โธ่ อย่างนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ”
แพรพลอยค้อน “แค่นี้ยังไม่เซอร์ไพรส์พออีกหรือไงคะ”
อิศร์ยิ้มอารมณ์ดี โอบแพรพลอยไว้แนบกาย
“เตรียมใจไว้ได้เลยนะคุณแพร แต่งงานกับผมไปคุณต้องเซอร์ไพรส์บ่อยแน่ เพราะผมชอบเรื่องตื่นเต้น”
“คงไม่มีอะไรตื่นเต้นมากเท่าที่ผ่านมาแล้วมั้งคะ ชีวิตคุณคงจะสงบสุขเสียที”
แพรพลอยพูดจบก็มีเสียงปังๆๆๆๆๆ ดังขึ้น
แพรพลอยตกใจ “คุณอิศร์”
แพรพลอยรีบขวางอิศร์ไว้ท่าทีปกป้อง แล้วรีบชักปืนที่เหน็บไว้ในชุดไทยออกมา แต่หันไปเห็นเปี๊ยกกับเพื่อนๆ เล่นจุดประทัดกันอยู่แล้วร้องกรี๊ดกร๊าดสนุกสนาน
“โธ่ เปี๊ยก ซนจริงๆ” แพรพลอยส่ายหน้า
อิศร์โผล่หน้าชะโงกมอง เห็นแพรพลอยถือปืนก็ทึ่ง
“โอ้โหคุณ นี่ขนาดชุดแบบนี้คุณยังเหน็บปืนได้อีกเหรอ”
แพรพลอยยิ้มอวดๆ “ก็ใช้ทริคนิดหน่อย”
“จะเหน็บทำม้ายยย เอามานี่”
อิศร์แย่งปืนไปใส่กระเป๋าตัวเอง แล้วโอบเอวแพรพลอย
“ต่อไปนี้คุณไม่ต้องใช้แล้วนะ ผมขอปลดคุณจากตำแหน่งบอดี้การ์ด ให้เป็นแค่ภรรยานายอิศร์ เดชโชดม มีหน้าที่คุ้มครองหัวใจของผมคนเดียวเท่านั้น โอเค้”
แพรพลอยสบตาอิศร์ ยิ้มเขินพยักหน้าให้ อิศร์ประคองแก้มแพรพลอยด้วยสองมือ แล้วก้มลงจูบอย่างนุ่มนวล ดูดดื่ม หวานฉ่ำ
จบบริบูรณ์