xs
xsm
sm
md
lg

บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 4

ไอริณยิ้มสะใจ แพรพลอยทำหน้าแปลกใจ ผิดหวังออกมาแว่บหนึ่ง แต่แล้วอิศร์ก็พูดต่อ

“ถ้าเขาทำอย่างที่ริณว่า” เขาหันไปมองไอริณ “แต่ที่พี่เห็น ริณหาเรื่องคุณแพรก่อน”
“พี่อิศร์”
“พี่เห็นตั้งแต่ริณเอาขาขัดคุณแพรให้หกล้มแล้วนะ ริณไม่ควรจะทำแบบนั้น”
อิศร์ตำหนิ ไอริณอึ้ง แพรพลอยแอบยิ้ม โล่งใจที่อิศร์เป็นคนยุติธรรม
“คุณแพรเป็นคนของพี่ มีสิทธิ์ที่จะอยู่ตรงไหนก็ได้ในบ้านหลังนี้ ถ้าริณรับกฎของพี่ไม่ได้ ก็ควรจะต่างคนต่างอยู่ จะได้ไม่มีเรื่องกัน”
“พี่อิศร์ไม่ให้ริณมาเหยียบบ้านพี่งั้นเหรอคะ ริณจะจำไว้ว่าพี่เห็นมันดีกว่าน้อง”
ไอริณสะบัดหน้าเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว อิศร์มองตามกลุ้มๆ แล้วถอนใจ ก่อนจะหันมามองแพรพลอย

ไอริณกอดซบอำพลร้องไห้สะอึกสะอื้น ไอศูรย์มองอย่างรำคาญ
“ไม่เอาน่ายายริณ ทำเป็นเด็กโดนแย่งของเล่นไปได้”
“พี่อิศร์เคยรักริณ ตามใจริณ แต่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเพราะนังแพรพลอยนั่น”
ที่นอกห้องอริสราลงมาจากชั้นบนได้ยินชื่อแพรพลอย ก็หยุดฟัง
ไอริณใส่ไข่เพิ่ม “พ่อคิดดูนะคะ พี่อิศร์พูดออกมาได้เต็มปากว่านังแพรพลอยเป็นคนของเขา มันมีสิทธิ์ทุกอย่างในบ้านหลังนั้น แบบนี้มันหมายความว่ายังไง”
อริสรามีสีหน้าตกใจ และวิตกกังวล
“อิศร์มันจริงจังขนาดนั้นเชียวเหรอ แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่บอดี้การ์ดจริงๆ น่ะสิ”
ไอศูรย์สบตากับอำพล ทั้งสองเริ่มสงสัย
“เอาเถอะน่า อิศร์จะคว้าใครมาเป็นเมียก็เป็นสิทธิ์ของมัน แกไม่ดีใจหรือไงที่มันจะมีผู้หญิงเป็นตัวเป็นตน”
“ดีใจสิครับพ่อ ดีใจมาก”
ไอศูรย์ยิ้มกระหยิ่มกับอำพล ส่วนอริสรายืน มีสีหน้าหวาดระแวง
แพรพลอยนั่งลงที่เก้าอี้ริมสระข้างๆ อิศร์กินกาแฟ
“ขอบคุณนะคะ”
“ผมก็ต้องปกป้องคุณบ้างอะไรบ้าง ให้สมกับที่คุณปกป้องผม”
อิศร์ยิ้มให้แพรพลอย พลางกินกาแฟบนโต๊ะ
แพรพลอยนึกได้ เอะใจ “คุณบอกว่าคุณเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง”
อิศร์ลืมตัวเผลอพูด “ใช่ จากข้างบน”
แพรพลอยเงยหน้ามอง “คุณออกมาที่ระเบียงได้ยังไง”
“เออ ผมมองมาจากในห้องน่ะ” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง “เมื่อกี้คุณเล่นโยคะอยู่ เล่นต่อสิ ผมว่าจะมาฝึกกับคุณด้วย”
อิศร์รีบลุกถอดเสื้อคลุม ให้เห็นว่าแต่งตัวมาพร้อม
“คุณเนี่ยนะจะเล่นโยคะ”
“ก็ผมเห็นคุณเล่นแล้วสวยดี” พอเห็นแพรพลอยมองดุ ก็รีบแก้ “ท่าสวยดี สอนผมหน่อยสิ ผมอยากแข็งแรง จะได้ไปต่อยตีกับคนที่มันทำร้ายผมได้ไง”

อิศร์ยิ้มอ้อน ทำท่าเบ่งกล้ามให้ดู แพรพลอยเอนเอียงเพราะเหตุผลอิศร์

ด้านธำรงเดินออกมาข้างบ้าน ท่าทางหันรีหันขวาง แล้วคุยโทรศัพท์

“สวัสดีครับคุณชานนท์ โธ่ ผมไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ พอดีที่บ้าน” เขามองซ้ายมองขวา “มีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อย แต่เดี๋ยวเสร็จเรื่องแล้วผมจะรีบดำเนินการต่อทันทีเลยครับ” ธำรงชะงัก “โทษทีครับ ผมมีสายเข้า เดี๋ยวค่อยคุยกันนะคุณชานนท์”
ธำรงวางสายแล้วกดดูอีกสายที่เข้ามา แล้วรีบกดรับ เหมือนมีคนแอบมองธำรงเดินคุยโทรศัพท์อยู่จากมุมสูง
“หวัดดีครับเสี่ย แหม จำได้สิครับ ผมไม่ลืมหรอกน่า แต่ว่าตอนนี้เงินมันช็อตนิดหน่อย เสี่ยรอก่อนไม่ได้เหรอครับ” ธำรงฟังแล้วตกใจ "อย่าครับๆ เสี่ยอย่าทำอย่างนั้น เอางี้ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้เลย” น้ำเสียงเขาละล่ำลักแล้ว “เย็นนี้แน่นอนครับเสี่ย”
ธำรงกดวางสาย แล้วรีบเดินเข้าบ้านไป

คนที่มองธำรงอยู่คืออนุภัทรที่ปีนต้นไม้ และกำลังติดบ้านนกหลังเล็กๆ อยู่ที่กิ่งไม้ใกล้บ้านอำนวย

ธำรงเดินเข้ามาในห้องพระ ท่าทางลุกลี้ลุกลน เพราะโดนทวงนี้พนัน จะขโมยของไปขาย

“เอาไงดีว้า”
ธำรงเดินเข้ามามองๆ พระพุทธรูปที่อำนวยเก็บไว้ ครุ่นคิดว่าจะหยิบอันไหนดี

อนุภัทรอยู่บนต้นไม้ แอบชะโงกมองธำรงอย่างสงสัย แล้วค่อยๆ เอากล้องสอดแนมติดไว้ที่บ้านนก ธำรงกวาดตามองพระพุทธรูป แล้วหยิบมาเลือก เทียบกันไปมา
“อันไหนแพงกว่ากันวะ”
อนุภัทรยังติดกล้องไม่เสร็จ สายตาก็ยังมองธำรงอย่างสงสัย เลยไม่เห็นมายาวีที่เดินมา
มายาวีเดินมาใต้ต้นไม้ เงยหน้ามองอนุภัทร นึกว่าอนุภัทรปีนต้นไม้เล่นอยู่ ธำรงหยิบเลือกพระพุทธรูป แล้วตัดใจคว้ามาหนึ่งองค์
อนุภัทรมองอย่างสงสัย รู้แล้วว่าธำรงจะขโมยพระ
แต่ทันใดนั้นต้นไม้ก็เขย่าอย่างแรง อนุภัทรก้มลงไปมองอย่างตกใจ
“เฮ้ย”
ธำรงได้ยินเสียงอนุภัทรก็หันมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นอนุภัทรปีนต้นไม้อยู่ ทันใดนั้นอนุภัทรก็หล่นลงไปเพราะทรงตัวไม่อยู่ ดังตุ้บ
ธำรงตกใจรีบซุกพระไว้ แล้วชะโงกหน้าลงไปมอง

อนุภัทรนั่งก้นกระแทก ร้องโอดโอย เห็นเศษใบไม้ใบหญ้าติดตามตัวเพราะหล่นมาบนกองไม้พอดี มายาวีขยับเข้าไปดูใกล้ๆ เป็นห่วง
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
“ก็เจ็บน่ะสิ คุณทำบ้าอะไรของคุณ”
“ก็ฉันเห็นคุณปีนต้นไม้เล่นอยู่ ก็เลยจะมาทัก”
อนุภัทรของขึ้น “ไม่ได้ปีนเล่น ผมทำงานอยู่”
“ทำอะไร เก็บมะม่วงเหรอ”
“ผมกำลังจะติด...”
อนุภัทรพูดไม่ทันจบ ธำรงก็พรวดพราดออกมาชี้หน้า ท่าทางระแวงเต็มที่
“ไอ้คนสวน แกขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้บ้านฉัน”
อนุภัทรตกใจ ออกอาการเลิกลัก “เอ่อ ผม...
ธำรงปราดเข้าถึงตัว กระชากคอเสื้ออนุภัทรให้ลุกขึ้นมา
“แกคิดจะสอดแนมอะไรพวกฉัน บอกมานะโว้ย”
อนุภัทรตกใจจริง “เปล่านะครับ ผมเปล่า”
“ก็ฉันเห็น”
“ผมแค่...”
อนุภัทรมองมายาวีอย่างกล่าวโทษ มายาวียิ่งหน้าเสีย
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณธำรง”
“ขอโทษนะครับคุณเมย์ คนของคุณมาวุ่นวายที่บ้านผม แบบนี้เอาไว้ไม่ได้”
“พ่อเป็นคนสั่งนายมิตรเอง”
อนุภัทรกับธำรงหันไปมอง เห็นอำนวยเดินเข้ามา

อนุภัทรนั่งจ๋องที่พื้น ก้มหน้าก้มตาตรงหน้าธำรง
“พ่อเรียกนายมิตรมาช่วยติดบ้านนกไว้บนต้นไม้ มันจะได้ไม่ไปทำรังบนเสาไฟฟ้า แกมีปัญหาอะไร”
“ก็ผมคิดว่ามันมาสอดแนม เตรียมวางแผนขโมยของ”
“เปล่านะครับ ผมไม่เห็นคุณธำรงด้วยซ้ำ”
“แน่นะ”
อนุภัทรในคราบนายมิตรบอก “ครับ”
“คุณธำรงคงเข้าใจผิดไปนะคะ นายมิตรไม่ได้มีพฤติกรรมลักขโมยหรอกค่ะ เขาซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ เมย์รับรอง” มายาวียิ้มหวาน เอาใจ ธำรงหน้าชื่นขึ้น
“ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็สบายใจครับ” หันมาทางอนุภัทรอีก “แต่แกไม่ต้องปีนต้นไม้แล้ววันนี้ ไปล้างรถให้ฉันดีกว่า เดี๋ยวฉันให้ค่าจ้าง ตามมา”
ธำรงยักคิ้วหลิ่วตา แล้วลุกไปอารมณ์ดี” เพราะจะได้มีเวลาไปขโมยพระต่อ
“อ้าว ไอ้นี่ แย่งคนของพ่อไปเฉยเลยโว้ย”

อนุภัทรกำลังล้างรถให้ธำรง แล้วหันมาบ่นกับมายาวี
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ นี่ถ้าผมโดนสั่งห้ามไม่ให้มาที่บ้านนี้ งานคงพังไม่เป็นท่าแน่”
“ฉันขอโทษ ให้ฉันช่วยคุณล้างรถเป็นการชดเชยก็ได้นะ”
“คุณจะบ้าเหรอ อยู่ๆ ลูกสาวรัฐมนตรีมาช่วยคนงานล้างรถเนี่ยนะ”
“งั้นฉันขึ้นไปติดบ้านนกให้เอาไหม”
“ไม่ต้อง”
“ก็ฉันอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์”
“คุณจะมีประโยชน์มากที่สุดเวลาไม่ทำอะไรเลย”
อนุภัทรพูดพลางย้ายที่ล้างรถต่อ มายาวีเท้าเอว หมั่นไส้ เหลือบไปเห็นธำรงยืนมองก็รีบเล่นละคร จิกใช้อนุภัทร
“นี่ เช็ดตรงนี้ให้มันสะอาดหน่อยสิ ไม่ใช่เอาน้ำราดๆ แล้วก็ไป สอนตั้งหลายครั้งแล้วไม่รู้จักจำนะนายมิตร”
อนุภัทรงง แต่พอเหลือบมองเห็นธำรงยืนอยู่ก็เข้าใจ
“ฉันต้องคงคอยตามกำกับนายทำงานต่อไปเรื่อยๆ ไม่งั้นคงเสียชื่อฉันกับคุณพ่อหมด ไม่ได้เรื่อง”
อนุภัทรเห็นธำรงเดินกลับเข้าบ้าน ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไหนครับคุณเมย์ จะให้ผมล้างตรงไหน ตรงนี้เหรอ”
อนุภัทรแกล้งฉีดน้ำแรงๆ ไปที่รถ น้ำเลยกระเด็นใส่มายาวีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“ว้าย อีตาบ้า ฉันเปียกหมด”

อนุภัทรมองมายาวีวิ่งหนี แล้วยิ้มขำๆ ก่อนจะหันมาล้างรถต่อ

ฟากแพรพลอยยืนอยู่ตรงหน้าอิศร์ ในท่าเตรียมพร้อม

“ฉันจะสอนคุณให้ทำท่าง่ายๆ ก่อนแล้วกันนะ มันอาจจะทรมานสำหรับคนที่ไม่เคยทำมาก่อน ห้ามโอดครวญ ห้ามทำเล่นๆ”
“คร้าบ คุณครู”
“งั้นนอนลง”
แพรพลอยนอนทำหงาย ทำท่าให้ดู อิศร์รีบทำตาม
“เออ ก็ง่ายดีเนาะ”
“ทีนี้ค่อยๆ ยกขาขึ้น ตั้งให้ได้ 60 องศา”
“สบายมาก”
แพรพลอยทำให้ดู อิศร์มองแล้วยกตาม
“แล้วค้างไว้”
อิศร์เกร็งขาตาม แพรพลอยหยุดทำ แล้วลุกขึ้นมอง
อิศร์เริ่มเมื่อย ขาสั่นไปหมด กำลังจะเอาลง
แพรพลอยตีเผียะ “ฉันบอกให้ค้างไว้”
“ทีคุณยังเอาลงได้เลย”
“ก็ฉันกำลังสอนคุณอยู่”
อิศร์จำต้องเกร็งขาค้างไว้ เริ่มเมื่อย
เวลาผ่านไปอิศรเปลี่ยนท่าเป็นงอตัวเอามือแตะปลายเท้า แต่แตะไม่ถึง
แพรพลอยเดินเข้ามาดู จับตัวอิศร์ยืด
“โอ๊ย ใจเย็น โอ๊ย”
อิศร์เปลี่ยนมาเป็นท่ายืน เกร็งขาแบบนั่งบนเก้าอี้ อิศร์สั่นๆ โงนเงน แพรพลอยเดินเอามือมาตีให้อิศร์อยู่เฉยๆ อิศร์สะดุ้ง
ต่อมาอิศร์ยืนขาเดียว ตัวโงนเงนไปมา ใกล้ๆ สระน้ำ แพรพลอยยืนกอดอกมอง เช็คความถูกต้องของท่า
“เอาลงได้ยังคุณ”
“เข็ดแล้วเหรอ โธ่เอ๊ย แล้วทำเป็นพูดดีว่าอยากแข็งแรง อย่างคุณคงอีกนาน กว่าจะสู้ใครเขาได้”
อิศร์พูดไปเกร็งไป “ฮึ นี่มันดูถูกกันนี่ ได้ผมไม่บ่นแล้วก็ได้”
แพรพลอยยิ้มเหยียด มองอิศร์เกร็ง ตัวเริ่มโงนเงนไปมา
อิศร์พยายามฝืนไปพูดไป “ผม...จะ...สู้ ผม...ต้อง...ทำ...ได้”
อิศร์พูดจบก็ทรงตัวไม่อยู่ เอียงตกลงไปในสระน้ำ ตูม แพรพลอยหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“อยากเล่นน้ำก็ไม่บอก ตามสบายนะคุณ ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำล่ะ”
แพรพลอยเก็บของจะเดินออกไป อิศร์ทะลึ่งพรวดพ้นน้ำขึ้นมา
“ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย”
แพรพลอยชะงักหันมา ตกใจแว่บนึง แล้วรู้ทัน
“เวอร์”
แพรพลอยจะหันไปอีก แต่อิศร์ยังตะเกียกตะกาย ทะลึ่งน้ำ
“ผม...ผมเป็นตะคริว ผมปวดขา โอ๊ย”
อิศร์เอามือจับขาตัวเองแล้วดำลงไปอีก
แพรพลอยเริ่มกังวล วิ่งมาชะโงกหน้าดู อิศร์พรวดขึ้นมาอีก
“ช่วยด้วยคุณแพร ช่วยด้วย”
แพรพลอยเริ่มคิดว่าอิศร์เป็นตะคริวจริงๆ ทิ้งของแล้วกระโดดตูมลงไป
แพรพลอยคว้าตัวอิศร์ไว้ได้ แล้วพยายามจะประคองมาขอบสระ
“เป็นยังไงบ้างคุณอิศร์”
“ผ...ผมไม่ไหวแล้ว”
อิศร์ทำท่าเหนื่อยหอบ แล้วหลับตาหมดสติ จะทิ้งตัวลงน้ำ
“คุณอิศร์”
แพรพลอยรีบกอดอิศร์แน่น แล้วลากเข้าฝั่ง อิศร์สลบซบไหล่แพรพลอย แพรพลอยประคองอิศร์มาขอบสระ แล้วพยายามจะพยุงขึ้น
“คุณอิศร์คะ”
แพรพลอยเขย่าตัวเรียก ทันใดอิศร์ก็ลืมตาขึ้น หัวเราะร่า
“จ๊ะเอ๋ หลอกง่ายเหมือนกันนะคุณเนี่ย”
แพรพลอยตกใจที่ถูกหลอก “คุณอิศร์ เล่นอะไรบ้าๆ”
“อากาศแบบนี้ เล่นน้ำจะได้หายบ้าไงคุณ”
อิศร์หัวเราะร่า วักน้ำใส่แพรพลอยสนุกสนาน พยายามชวนเล่นด้วย
“อยากเล่นมากใช่ไหมน้ำ เอาสิ”
แพรพลอยแกล้งจับไหล่อิศร์สองข้างกดลงน้ำ
“โอ๊ยๆ ยอมแล้วๆ”
แพรพลอยไม่ฟังจะจับอิศร์กดน้ำอีก อิศร์สำลักน้ำหน้าตาตื่น
ที่มุมหนึ่งใกล้ๆ สระ แลเห็นอริสรายืนมองทั้งคู่ สายตาเจ็บช้ำ มือกำแน่น

อิศร์เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว แต่ยังฮัดชิ้วไม่หยุด เพราะน้ำเข้าจมูก เสียงเคาะประตูดังขึ้น อิศร์หันไปมอง แล้วเห็นอริสราเปิดประตูเข้ามา
“อริส”
อริสรายิ้มให้อิศร์ แล้วถือแก้วน้ำกับยามายื่นให้
“ยาแก้แพ้ค่ะ อิศร์สำลักน้ำเข้าไปเยอะ เดี๋ยวคงเป็นหวัดแน่”
“คุณเห็นเหรอครับ”
อริสรายิ้มกลบเกลื่อน “อริสเดินผ่านมาน่ะค่ะ เห็นคุณกำลัง...เล่นน้ำกับคุณแพรอยู่ เลยไม่อยากเข้าไปรบกวน”
อิศร์รับยามากิน “ขอบคุณนะครับ”
อริสรามองอิศร์ ถามหยั่งเชิง
“คุณแพรเธอพักที่ไหนเหรอคะ”
“ห้องข้างๆ นี่แหละครับ”
อริสราหน้าเสีย แล้วรีบกลบเกลื่อน
“แหม ต้องอยู่ใกล้กันตลอดเลยเหรอคะ ในบ้านคงไม่มีใครมาทำอะไรอิศร์หรอกมั้ง”
“ผมอยากให้คุณแพรอยู่สบายๆ น่ะ”
อริสราได้จังหวะเข้าประเด็น “แต่คนอาจจะคิดไม่ดีได้นะคะ แค่นี้อริสก็ได้ยิน เอ้อ คนในบ้านอริสพูดถึงคุณแพรไม่ค่อยดีเท่าไร อริสสงสารเธอ อิศร์เปลี่ยนบอดี้การ์ดเป็นผู้ชายไม่ดีกว่าเหรอคะ จะได้ไม่มีปัญหา”
อิศร์อึ้งไป อริสรารีบออกตัว
“คือ อริสเห็นใจคุณแพรในฐานะผู้หญิงด้วยกันน่ะค่ะ เธอกำลังถูกมองว่าอิศร์เอามาทำหน้าที่อื่น ไม่ใช่จ้างมาคุ้มครองอิศร์”
“แต่ผมไว้ใจคุณแพร เพราะที่ผ่านมา เวลาเกิดเรื่องอะไรกับผม คุณแพรนี่แหละที่ช่วยผมไว้ทุกครั้ง”

อิศร์พูดหนักแน่น อริสราเจื่อนไป รู้ว่ากล่อมอิศร์ไม่สำเร็จแน่

ส่วนแพรพลอยอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เปิดระเบียงออกไปนอกห้องของตัวเอง ได้ยินเสียงแว่วๆ มาจากห้องอิศร์เลยหันไปมอง เห็นอิศร์กับอริสรากำลังคุยกันอยู่ ได้ยินเสียง

ฟากอริสราทำทีเป็นฝืนยิ้มกลบเกลื่อน
“อริสคงคิดมากไปเอง ขอโทษด้วยนะคะ”
“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”
“มันเป็นสิ่งเดียวที่อริสสามารถทำให้คุณได้ไม่ใช่เหรอคะ”
อริสราสบตากับอิศร์ซึ้งๆ สักพักอิศร์ก็จามอีก อริสราถือโอกาสเอามือแตะหน้าผากอิศร์ทันที
“อิศร์ตัวร้อนนะคะ แต่อริสไปเอายาแก้ไข้มาให้กินดีกว่า”
แพรพลอย เห็นอริสราเอามืออังแก้มอิศร์อย่างทะนุถนอม ไม่อยากดูต่อ ถอยกลับเข้าห้องมา
“ตกลงจะหว่านเสน่ห์ผู้หญิงในบ้านนี้หมดเลยใช่ไหมเนี่ยนายอิศร์”
แพรพลอยถอนใจเคืองๆ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังหึง

อริสรากลับมาที่บ้านเปิดตู้หยิบยา เหตุที่ต้องมาเอายาที่บ้าน เพราะถ้าขอยาจากป้าดวง อริสรารู้ว่าตัวเองต้องโดนไล่กลับบ้าน เพราะป้าดวงจะพยาบาลอิศร์เอง ไอศูรย์เดินเข้ามายืนมอง
“คุณไม่สบายเหรออริส”
อริสราสะดุ้ง หันกลับมา ไอศูรย์ปราดถึงตัวเสียงอ่อนโยน
“เป็นอะไร”
อริสราสะบัดออก “ไม่มีอะไรค่ะ คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ”
“นี่ผมอุตส่าห์เป็นห่วงคุณนะ”
“ก็ฉันบอกว่าไม่เป็นไรไง”
อริสราจะเดินออกจากบ้าน
“แล้วนั่นคุณจะออกไปไหน ทำไมไม่กินยาแล้วขึ้นไปนอนพัก”
“อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหมคุณไอศูรย์ ฉันไม่ใช่เด็กที่คุณต้องมาคอยบอกให้ทำอะไร ฉันโตแล้ว”
ไอศูรย์เดินตามมา มองเห็นอริสรากำยาไว้ เอะใจ
“คุณไม่ได้ป่วย แต่มาเอายาไปให้คนอื่น ไอ้อิศร์ใช่ไหม มันเป็นอะไรอีกล่ะ เมื่อไรมันจะตายซักที”
อริสราฉุนกึก “เขาคงจะอยู่รอให้คุณเลิกกับฉันก่อนมั้งคะ”
ไอศูรย์โมโหปรี๊ดจับแขนอริสราแน่น
“นี่คุณยังเพ้อถึงวันที่คุณกับมันจะได้ร่วมหอลงโรงกันอีกเหรอ จะหน้ามืดตามัวไปถึงไหน ไม่เห็นหรือว่าไอ้อิศร์มันไม่ว่างสำหรับคุณแล้ว มันควงยายมายาวีตอนกลางวัน พอตกกลางคืนก็นอนกกนังบอดี้การ์ด ผมถามจริงๆ อริส คุณจะแทรกไปอยู่ตรงไหนในชีวิตของมัน”
อริสราสะอึก เจ็บปวดขึ้นมา จนน้ำตาคลอ เพราะโดนจี้ใจดำ แต่ก็ฮึดสู้
“ปล่อยฉันได้หรือยัง อิศร์เขาไม่สบาย เขารอฉันอยู่”
ไอศูรย์โมโหจัด ลากแขนอริสราออกไปจากบ้าน
“ปล่อยให้มันตายไป เพราะคุณต้องไปกับผม”

แพรพลอยเดินคุยกับมายาวี แต่สายตามองไปที่หน้าบ้านอำพล เห็นภาพไอศูรย์จับอริสราขึ้นรถ อริสราพยายามสะบัดไม่ยอมไป ไอศูรย์ไม่ได้ทำรุนแรง แต่ขู่บังคับ
“คุณเมย์ ดูนั่นสิคะ”
มายาวีมองตาม เห็นอริสราถูกพาตัวขึ้นรถไปจนได้ ไอศูรย์ขับพรวดออกจากบ้าน
“เรื่องปกติของผัวเมียคู่นี้ค่ะ”
“เพราะคุณอิศร์ใช่ไหมคะ”
มายาวีสบตากับแพรพลอย ถอนใจ ลังเลว่าจะเล่าดีไม่เล่าดี

ครู่ต่อมาแพรพลอยนั่งจิบน้ำชาคุยกับมายาวี
“เท่าที่เมย์รู้ อิศร์กับคุณอริสราคบกันมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายรับรู้ จนกระทั่งอิศร์ไปเรียนต่อเมืองนอก ถึงได้เลิกกัน”
“เพราะอะไรคะ”
“เพราะพ่อแม่ของคุณอริสรายกเธอให้คุณไอศูรย์ แลกกับการล้างหนี้ธุรกิจของครอบครัว ตอนนั้นอิศร์เสียใจมากนะคะ ไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่พักนึง”
“พอกลับมาอยู่เมืองไทย เขาก็เลยพยายามทวงคุณอริสคืน” แพรพลอยมีสีหน้าเป็นคำถาม
“อุ๊ย ไม่ใช่ค่ะ อิศร์ไม่เคยคิดอย่างนั้น หลังจากที่เขาเฮิร์ตอยู่เกือบปี อิศร์ก็ทำใจได้ ถึงได้กลับเมืองไทย แต่ก็ไม่ได้คิดจะมาชิงนางกับใครนะคะ เพราะเขาถือว่าคุณอริสเป็นพี่สะใภ้ไปแล้ว และคุณไอศูรย์ก็รักคุณอริสมาก”
แพรพลอยอึ้งไป ตัวเองคาดการณ์ผิด
“อิศร์รักครอบครัวมากค่ะ เพราะว่าเขาไม่มีพ่อแม่ มีแค่คุณปู่แล้วก็ญาติๆ รอบตัว อิศร์พูดเสมอว่าถึงไม่มีคุณปู่ที่เป็นเสาหลักของตระกูลแล้ว เขาก็จะพยายามทำให้คนในบ้านเดชโชดมอยู่ร่วมกันอย่างมีความุข ไม่ใช่บ้านแตกสาแหรกขาดเหมือนพี่น้องบางบ้าน เพราะฉะนั้นอะไรที่อิศร์ทำเพื่อประคับประคองความสุขคนในบ้านได้ เขาก็จะทำ”
“แต่เท่าที่แพรเห็น ดูเหมือนว่า...”
“คุณอริสคือคนที่ไม่ยอมจบค่ะ แต่ก็โทษเธอไม่ได้ เพราะคุณไอศูรย์ไม่ใช่คนที่เธอเลือก แต่ที่เมย์ไม่สบายใจก็คือคุณไอศูรย์เป็นคนโมโหร้าย เมย์กลัวว่าถ้าเรื่องนี้ยังคาราคาซังไปเรื่อยๆ บ้านนี้ก็คงหาความสงบสุขไม่ได้”
แพรพลอยนิ่งคิด รวบรวมข้อมูลหลายๆ อย่าง ประเมินเหตุการณ์
“คุณเมย์คิดว่าคุณไอศูรย์โมโหร้ายพอที่จะ เอ่อ คิดไม่ดีกับคุณอิศร์หรือเปล่า”
“อุ้ย คงไม่หรอกค่ะ ยังไงก็พี่น้องสายเลือดเดียวกัน คงไม่ถึงขนาดฆ่ากันเพราะผู้หญิงคนเดียวหรอกมั้งคะ”
แพรพลอยพยักหน้าคล้อยตามมายาวี ไล่ความคิดนั้นออกไปจากสมอง

อริสรานั่งอยู่ในรถที่กำลังแล่นเร็วไปตามถนน
“คุณจะพาฉันไปไหน ไอศูรย์”
ไอศูรย์หันมองยิ้มๆ “คุณอยากไปไหนล่ะ”
“ฉันไม่ไป! ฉันจะกลับบ้าน” อริสราพยายามเปิดประตู แต่ติดล็อคจากข้างนอก “ปล่อยฉันลงนะ”
“อย่าหวังเลยว่าผมจะปล่อยให้คุณกลับไปพะเน้าพะนอไอ้อิศร์”
ไอศูรย์เพิ่มความเร็วรถขึ้นอีก ยิ้มเย้ย
“ในเมื่อคุณไม่ยอมตัดสินใจว่าเราจะไปไหนกัน ผมจะเลือกที่ฮันนีมูนของเราให้เอง”

รถวิ่งไปตามถนนราวกับจะเหาะ จนอริสราออกอาการตื่นกลัว

บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 4 (ต่อ)

อิศร์ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นป้าดวงนั่งอยู่ข้างๆ ถือชามข้าวต้ม

“เป็นยังไงบ้างคะคุณอิศร์ ทานข้าวต้มซักนิดนะคะ”
“คุณแพรไปไหน ทำไมไม่มาดูแลผม”
ดวงค้อนขวับ “แหม ให้เธอพักบ้างเถอะค่ะ คุณแพรเธอไม่ใช่พยาบาลซะหน่อย”
“แต่ถ้าผมป่วยตายไปโดยบอดี้การ์ดไม่ดูแล ก็เป็นความผิดของบอดี้การ์ดนะครับ”
อิศร์ลุกขึ้น เดินเซๆ ออกไป เพราะมึนหัว นอนนาน
ป้าดวงมองตาม ส่ายหน้า
อิศร์เคาะห้องนอนแพรพลอย
“คุณแพรครับ” เขาทำเสียงอ้อน “ผมไม่สบาย มาป้อนข้าวต้มผมหน่อย...น้า คุณแพร”
อิศร์เคาะซ้ำอีกที แต่ข้างในยังเงียบ
“คุณแพร ผมเปิดเข้าไปนะ อย่าเพิ่งยิงนะ”
อิศร์เปิดประตูเข้าไป ไม่เห็นใครอยู่ในห้อง แปลกใจ

อนุภัทรในคราบนายมิตรทำทีเป็นรดน้ำต้นไม้ แล้วชะเง้อมองไปยังบ้านอำนวย จู่ๆ ก็ถูกกระชากตัวไป
“ไอ้บ้าอิศร์ ! ตกใจหมด”
“งานแกไปถึงไหนแล้ว”
อนุภัทรส่ายหน้า “ยังไม่คืบหน้า แต่ฉันแอบติดกล้องสอดแนมไว้ที่บ้านนายธำรงแล้ว”
อิศร์พยักหน้ารับรู้ แล้วถามต่อ
“แกเห็นคุณแพรหรือเปล่า”
“ฉันก็ทำงานอยู่ตรงนี้ จะไปเห็นได้ยังไง”
“คุณแพรหายไปไหนไม่รู้”
อีกด้านหนึ่ง กรองทองหิ้วตะกร้าของสดมาจากหน้าบ้าน เห็นอิศร์ยืนคุยกับอนุภัทรอยู่ ก็จะเข้าไปทัก เผื่ออิศร์อยากกินอะไรเป็นพิเศษ แต่ได้ยินเสียงอนุภัทรพูดดัง
“แกนี่ทำเป็นเด็กติดพี่เลี้ยงไปได้ ให้เขามีเวลาส่วนตัวบ้างเถอะวะ”
กรองทองชะงัก แปลกใจที่อนุภัทรพูดกับอิศร์ด้วยภาษากันเอง เหมือนเพื่อนคุยกัน
“พูดเหมือนป้าดวงไม่มีผิด”
“ก็คุณแพรเขาเป็นบอดี้การ์ด แต่แกทำเหมือนเขาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หายไปก็ต้องตามหาทั่วบ้าน ท่าจะบ้า”
อนุภัทรส่ายหัวแล้วเดินหนีไป
กรองทองทำหน้าฉงน ทำไมอนุภัทรกับอิศร์ดูไม่เหมือนเจ้านายกับลูกน้อง

กรองทองหั่นผักอยู่ในครัว หันไปคุยกับสุนทรที่เข้ามาช่วย
“แปลกจังเลยนะจ๊ะพ่อ เมื่อกี้กรองเจอคุณอิศร์กับนายมิตรยืนคุยกัน สองคนนั้นท่าทางไม่เหมือนเจ้านายกับลูกน้องเลย”
สุนทรที่กำลังล้างผักชะงัก แต่ทำเป็นเหมือนไม่ได้สนใจมาก
“ทำไม”
“ก็นายมิตรพูดกับคุณอิศร์เหมือนเป็นเพื่อนกัน เรียกคุณอิศร์ว่าแกด้วยค่ะ”
สุนทรชะงักมือ นิ่งคิด สงสัยมากขึ้นว่าอนุภัทรเป็นใครกันแน่

อิศร์กับอนุภัทรเดินเข้ามาในบ้าน
“แกไม่สบายก็กลับไปนอนพักเถอะอิศร์ คุณแพรคงไปเดินสำรวจแถวๆ นี้แหละ”
“แต่ฉันถามคนงานแล้ว ไม่มีใครเห็นเลย” อิศร์เอะใจ “หรือว่าจะโกรธฉันเลยเก็บของออกจากบ้านไปแล้ว”
“โกรธเรื่องอะไร”
“ก็ฉันแกล้งจมน้ำให้เขาโดดลงไปช่วย”
“งั้นก็สมควรแล้ว ไอ้อิศร์เอ๊ย” อนุภัทรส่ายหน้า
“ฉันขึ้นไปดูก่อนดีกว่าว่าคุณแพรหนีไปแล้วจริงหรือเปล่า”
อิศร์ใจไม่ดี จะวิ่งขึ้นห้อง แต่มายาวีเข้ามาพอดี
“ใครจะหนีไปไหนเหรอจ๊ะ”
อิศร์เห็นมายาวีก็โล่งใจ รีบปรี่ขึ้นมาถาม
“คุณแพรล่ะเมย์ เห็นบ้างไหม”
“คุณแพรมีธุระด่วนต้องไปโรงพยาบาล ฉันเพิ่งไปส่งเมื่อกี้นี่เอง”

อริสราลงจากรถไอศูรย์ ชะงักมองบ้านหลังเก่าของตัวเอง
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“มารำลึกความหลัง”
อริสรามองบ้านของตัวเอง น้ำตาคลอ นึกถึงพ่อกับแม่ ไอศูรย์ดึงแขนเข้าบ้านไป

อริสราเดินเข้าไปในบ้าน เห็นสภาพบ้านยังเหมือนเดิม มีรูปถ่ายพ่อแม่ลูกติดผนัง ไอศูรย์ตามมา
“ผมยังเก็บทุกอย่างเอาไว้เหมือนสมัยที่คุณกับพ่อแม่คุณอยู่ที่นี่”
อริสราน้ำตาคลอ เมื่อเห็นรูปภาพครอบครัวใกล้ๆ นึกถึงตอนที่อยู่กันพร้อมหน้า
“แต่วันนี้มีคนมาขอซื้อบ้านหลังนี้ยี่สิบล้าน”
อริสราตกใจ “ไม่ได้นะ ฉันไม่ขาย”
ไอศูรย์ยิ้มเย้ย “แต่บ้านหลังนี้เป็นชื่อของผม เพราะพ่อแม่คุณเอามาจำนองไว้”
อริสราชะงัก นึกได้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ และเริ่มระแวงว่าไอศูรย์จะทำอะไร
“ผมเคยอยากเก็บบ้านหลังนี้ไว้ให้คุณ แค่คุณบอกมาคำเดียวว่าเราจะลืมอดีตทุกอย่าง แล้วเริ่มสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน” สีหน้าไอศูรย์โหดขึ้น “แต่ ผมรู้แล้วว่าคุณไม่เคยมีความคิดอย่างนั้น หัวใจคุณร่ำร้องหาไอ้อิศร์ตลอดเวลา”
“คุณไอศูรย์”
อริสราใจไม่ดี กลัวไอศูรย์ขายบ้าน ไอศูรย์เห็นแล้วสะใจ เงยหน้ามองตัวบ้าน
“เจ้าของคนใหม่ เขาจะทุบบ้านหลังนี้ทิ้ง แล้วสร้างใหม่เป็นสถานทูต” เขายิ้มเยาะอีกที “ผมรับดูแลการก่อสร้างให้ใหม่หมด”
“ไม่นะคุณไอศูรย์ ! บ้านหลังนี้พ่อกับแม่ฉันสร้างมันขึ้นมาด้วยความรัก ความทรงจำทั้งหมดของฉันอยู่ที่นี่ คุณอย่าทำแบบนั้นนะ” อริสราน้ำตาไหล
“อ้อนวอนผมสิ”
“ฉัน...” อริสราลังเล ไม่รู้จะขอร้องไอศูรย์ยังไง
“ถ้าคุณรักบ้านหลังนี้ ไม่อยากให้มันกลายเป็นแค่เศษปูน คุณก็ต้องอ้อนวอนผมมากๆ”
อริสราน้ำตาไหล สะเทือนใจ “คุณจะให้ฉันทำยังไง กราบคุณเหรอ ฉันยอม”
อริสราทรุดลงจะกราบ แต่ไอศูรย์ประคองไว้
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ทำให้ผมเห็นสิว่าคุณรักผม”
ไอศูรย์พูดจบก็ประคองอุ้มอริสราขึ้น อริสราอึ้ง เริ่มรู้ว่าไอศูรย์ต้องการอะไร
ไอศูรย์ยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วอุ้มอริสราขึ้นบันไดไป
แพรพลอย กรณ์ อัมพาเดินมาที่ห้องคนไข้รวม
“เย็นแล้ว แพรกลับบ้านไปเถอะลูก เดี๋ยวคุณอิศร์จะว่าเอา”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรหายไปสองสามชั่วโมง คงยังไม่มีใครฆ่าเขาหรอก”
“ดูพูดเข้า ยังไงเขาก็เป็นนายจ้างของแพรนะ”
กรณ์หัวเราะ “สรุปว่าผมคิดถูกหรือผิดเนี่ยแม่ ที่ยุให้คุณอิศร์จ้างแพรไปคุ้มครอง”
แพรพลอยมองค้อนกรณ์ แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องรวม แต่ไม่เจอเด็กๆ ในห้องนั้น
“เอ๊ะ! เด็กๆ ไม่อยู่นี่คะ”
“คุณพระช่วย” อัมพรหน้าเสีย เสียงสั่น “มีอะไรหรือเปล่ากรณ์ ไปถามพยาบาลซิ”
อัมพาใจไม่ดี ยืนไม่อยู่ นึกว่าเด็กป่วยหนัก แพรพลอยจับมือไว้ กรณ์รีบเดินไปหาพยาบาลที่เข้ามา
“คุณพยาบาลครับ น้องๆ ผมไปไหน”
“คุณหมอให้ย้ายขึ้นไปที่ห้องรวมพิเศษค่ะ”
แพรพลอยงง “ย้ายไปทำไมคะ เกิดอะไรขึ้น”
เสียงของอิศร์ดังขึ้น “ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นหรอกครับ แต่ผมสั่ง”
ทั้งสามหันไป เห็นอิศร์เดินยิ้มเข้ามา

แพรพลอยกอดอก อ้าปากจะพูด แต่อิศร์รีบยกมือห้าม
“ก่อนที่คุณจะว่าผมเจ้ากี้เจ้าการ ผมต้องว่าคุณก่อนที่ทิ้งหน้าที่มาโดยไม่บอก”
แพรพลอยนิ่ง ยอมรับ
“ขอโทษด้วยค่ะ พอดีฉันร้อนใจ พอแม่โทรมาบอกก็เลยรีบออกมา”
“เด็กๆ คงไม่เป็นอะไรแล้ว หมอที่นี่เก่ง”
“ที่จริงคุณไม่ควรต้องลำบาก เรื่องแค่นี้พวกเราจัดการกันเองได้”
“ตอนนี้ผมเป็นเจ้านายคุณแล้วนะ อย่าลืม เห็นลูกน้องเดือดร้อนก็ต้องช่วย”
“แต่มันมากเกินไป”
“น้องๆ คุณกำลังป่วย ควรจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด มันมากไปตรงไหน”
แพรพลอยไม่มีเหตุผลจะเถียงสู้
“คุณดูแลผม ผมก็ดูแลครอบครัวคุณ ถือว่าตอบแทนกัน”
“แต่ฉันรับเงินเดือนจากคุณแล้วนะ”
“งั้นผมถือว่าเป็นโบนัส เอาน่า ผมรวย ให้ผมได้ใช้เงินเถอะ ไม่งั้นผมจะเครียด”
อิศร์ยิ้มทะเล้นให้แพรพลอยแล้วเดินออกไป

แพรพลอยมองตาม รู้ว่าอิศร์ทำด้วยน้ำใจจริงๆ แต่แกล้งพูดเล่น ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

แพรพลอย อัมพาและกรณ์มองดูเด็กๆ นอนอยู่ในห้องรวม 4 เตียง สภาพห้องดูดี ไม่แออัด พยาบาลเดินเข้ามา ตรวจอาการเด็กๆ

“ผมจ้างพยาบาลพิเศษมาประจำไว้แล้ว คุณป้ากับคุณกรณ์กลับไปพักผ่อนเถอะครับ” อิศร์บอก
“ไม่เป็นไรครับ ผมกับแม่ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเด็กๆ ด้วย พวกแกตื่นมาจะได้ไม่กังวล”
“งั้นแพรอยู่ด้วย”
“จะอยู่ได้ยังไงล่ะแพร คุณอิศร์อุตส่าห์มาตาม” อัมพาท้วง
แพรพลอยนึกได้ หันมองอิศร์อย่างขอร้อง อิศร์แกล้งทำมึนหัวแล้วทำเสียงเพลียๆ
“จริงด้วยครับ นี่ผมก็ไม่ค่อยสบาย สงสัยไข้จะกลับ คุณต้องกลับไปดูแลผมนะ”
เขาสำทับด้วยการแกล้งไอ อัมพากับกรณ์แอบมองหน้ากัน ยิ้มขำ
“ถ้าคุณไม่สบายก็ให้หมอตรวจที่นี่เลย ฉันจะได้อยู่กับน้องๆ” แพรพลอยรู้ทัน
“แพร ไปเถอะลูก อย่าให้คุณอิศร์ลำบากใจเลย”
แพรพลอยจ๋อย เหลือบมองอิศร์ เห็นอิศร์ยิ้มเหมือนเด็กที่แย่งของเล่นได้

สองคนเดินออกมาจากโรงพยาบาล
“ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม” อิศร์ชวน
“ไหนบอกว่าไม่สบายไง”
“แค่คุณยอมกลับบ้าน ผมก็รู้สึกหายป่วยได้อย่างปาฏิหาริย์”
อิศร์ยิ้มตาใส แพรพลอยค้อน
“อย่าเลยค่ะ มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวพยาบาลส่วนตัวคุณจะรอเปล่าๆ”
“พยาบาลที่ไหน”
“ก็คุณอริสรา พี่สะใภ้คุณไง ฉันเห็นเธอขึ้นมาตรวจไข้คุณบนห้อง”
“นี่คุณแอบดูผมเหรอ”
แพรพลอยลืมตัว “ฉันไม่ใช่พวกโรคจิตนะ จะได้แอบดูคนจู๋จี๋กัน ก็ห้องมันติดกันจะให้ทำไง ถ้าคุณกลัวฉันเห็นก็ย้ายฉันไปนอนที่อื่นสิ”
อิศร์อึ้งๆ เมื่อเห็นแพรพลอยดูโมโหเกินเหตุ ก็นึกอยากลองใจ ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่มีทาง ผมเป็นคนชอบโชว์ ยิ่งมีคนมานอนห้องติดกันยิ่งอยากโชว์”
“งั้นคุณนั่นแหละที่โรคจิต”
แพรพลอยเดินหนีไปอย่างฉุนๆ อิศร์มองตามยิ้มกระหยิ่มใจ
“แน่ะ หึงละซิ”
อิศร์เดินตามแพรพลอยไป อย่างเบิกบาน คิดในใจว่าต้องหาทางพิสูจน์ใจแพรพลอยว่าคิดยังไงแน่

ฟากอนุภัทรนั่งกินส้มตำ น้ำตกอยู่ที่หลังบ้านกับเบญและบุญเกิด อิ่มพอดี
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอพี่มิตร”
อนุภัทรยกน้ำกิน “พี่เผ็ดน่ะ”
“พี่มิตรนี่กินได้แต่ของจืดๆ นะ ทำเป็นลูกผู้ดีไปได้” เบญเย้า
อนุภัทรยิ้มแหยๆ “พี่ไปก่อนนะ ต้องไปทำงานต่อ”
อนุภัทรลุกออกไป บุญเกิดกับเบญนั่งกิน นั่งเม้าท์กันต่อ

สุนทรในชุดดำสนิทเข้ารื้อค้นที่นอนอนุภัทรกระจุยกระจาย สุนทรไม่เจออะไรใต้ที่นอน ก็มาเปิดตู้เสื้อผ้าค้นต่อ ระหว่างนั้นอนุภัทรเปิดประตูเข้ามาพอดี
“แกจะทำอะไร”
สุนทรตกใจ หันไปทางหน้าต่างจะปีนหนี แต่อนุภัทรพุ่งเข้ามาเค้นคอ
“ฉันถามว่าแกเป็นใคร เข้ามาทำอะไร”
สุนทรไม่ยอมตอบ ยื่นมือไปกระชากราวในตู้เสื้อผ้าถล่มลงมา แล้วดึงแท่งเหล็กมาฟาดใส่อนุภัทรเต็มแรง จนอนุภัทรล้มลง สุนทรจะปีนไปที่หน้าต่าง อนุภัทรกระโดดรวบตัวล้มลงบนเตียง ต่อยกันนัวเนีย
อนุภัทรพยายามกระชากไอ้โม่งออก สุนทรเอาหัวโขกอนุภัทร หน้าหงายไป แล้วรีบปีนออกไปจากหน้าต่าง

เบญกับบุญเกิดยังนั่งกินอยู่ ไม่เห็นสุนทรวิ่งตรงมา อนุภัทรวิ่งตามออกมา เห็นเลือดออกจมูก
“หยุดนะ”
เบญกับบุญเกิดหันไปมอง เห็นสุนทรกระโจนมาที่วงข้าว เหยียบจานชามกระจาย
“จับมันไว้ มันเป็นโจร”
เบญตกใจงุนงง บุญเกิดได้สติ ลุกขึ้นจะคว้าตัว แต่สุนทรถีบบุญเกิดกระเด็น
“พี่บุญเกิด อ๊าย” เบญตกใจมาก
เบญถูกตบล้มไป สุนทรผลักโต๊ะเก้าอี้ล้มใส่ ขวางไม่ให้อนุภัทรตาม

สุนทรวิ่งลัดสนามไปทางรั้วบ้าน อนุภัทรวิ่งตามมา อิศร์ขับรถเข้ามา เห็นอนุภัทรวิ่งกุมจมูกเลือดอาบก็รีบจอด ตกใจ
“ภัทร” อิศร์ดันเผลอเรียก “เกิดอะไรขึ้น”
“มีคนบุกเข้าไปในห้องฉัน มันวิ่งไปทางโน้น”
อิศร์ชี้มือไป แพรพลอยเห็นเงาสุนทรไวๆ ก็รีบวิ่งตามไป
“คุณแพร”

สุนทรวิ่งมาที่รั้วบ้านเตรียมจะปีนออกไป แต่แพรพลอยพุ่งตัวมากระชากลงมา สุนทรหันไปบู๊กับแพรพลอย แพรพลอยหลบหลีก เตะสุนทรกระเด็นไป
“แกเป็นใคร”
สุนทรไม่ตอบ หยิบท่อนไม้ที่พื้นขึ้นมา พุ่งมาฟาดใส่แพรพลอย แพรพลอยแย่งท่อนไม้ไว้ ฟาดกลับ ถลาไป สุนทรรู้ตัวว่าไม่รอดแน่ ชักปืนออกมา สุนทรพกอาวุธ แต่ไม่ได้คิดทำร้ายใครในตอนแรก แต่ตอนนี้คับขัน ยิงไปที่พื้นใกล้ๆ แพรพลอย 2-3 นัด
แพรพลอยกระโดดหนีอย่างตกใจ สุนทรเลยถือโอกาสกระโจนปีนข้ามรั้วออกไปได้ อิศร์กับอนุภัทรได้ยินเสียงปืน รีบวิ่งตามมา
“คุณแพร เป็นอะไรหรือเปล่า”
แพรพลอยส่ายหน้า มองสุนทรที่กระโดดลงไปจากรั้ว อย่างเจ็บใจ

ทุกคนมารวมตัวกันในห้องรับแขกตึกใหญ่กันพร้อมหน้า มองดูเบญกับบุญเกิดและอนุภัทรที่ใบหน้าฟกช้ำ เพราะถูกทำร้าย อำพลเอ่ยขึ้น
“นอกจากสามคนนี้ มีใครเป็นอะไรอีกหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ ฉันพยายามจะจับตัวคนร้าย แต่มันหนีไปได้”
อำพลเหลือบมองแพรพลอย เริ่มรู้แล้วว่าหล่อนฝีมือไม่ธรรมดา และรู้ว่าคนร้ายคือสุนทร เพราะตัวเองสั่ง
“แล้วมีอะไรหายบ้าง” เรณูถาม
ไอริณหาว “พวกมันเป็นคนใช้นะคะคุณแม่ จะมีของอะไรให้ขโมยกัน”
“นั่นสิ แกไม่น่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะอิศร์ แค่คนใช้โดนโจรปล้น เสียเวลานอนพวกฉัน” ธำรงโวยวาย
“ที่ผมเรียกทุกคนมาก็เพราะอยากรู้ว่ามีอะไรผิดปกติที่บ้านหรือเปล่า”
อำนวยบอก “บ้านลุงก็ไม่มีนะ”
“งั้นก็แยกย้าย” อำพลบอกแล้วหันมาทางอนุภัทร “แล้วถ้าแกอยากจะเอาเรื่อง พรุ่งนี้ก็ค่อยเรียกตำรวจมาเก็บลายนิ้วมือก็แล้วกัน”
อำพลตัดบท ทุกคนพากันลุกขึ้น ท่าทีง่วงๆ

อนุภัทรเปิดฝ้าห้องน้ำ แล้วปีนขึ้นไปหยิบกระเป๋าเป้ของตน ที่ใส่อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์กับคอมพิวเตอร์ลงมา
“ฉันคิดไว้แล้วว่าถ้ามีคนบุกเข้ามา คงซ่อนของไม่ทัน ก็เลยเอามาเก็บไว้ที่นี่”
“แต่ห้องน้ำนี่ใครๆ ก็ใช้ได้ แกไม่กลัวมีใครมาเจอเหรอวะ”
“ที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือที่ที่อันตรายที่สุด”
“เอาไปไว้ที่ห้องคุณอิศร์หรือห้องแพรดีกว่าไหมคะ เผื่อว่ามันจะกลับมาอีก”
“คุณคิดว่าโจรมันต้องการของในนี้เหรอ”
“มันจงใจบุกเข้ามาในห้องผู้กอง ทั้งที่มีบ้านหลังใหญ่ๆ ให้ปล้นตั้งสามหลัง ฉันว่ามันผิดปกติ” แพรพลอยตั้งข้อสังเกต
อนุภัทรเห็นด้วย “ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน บางทีอาจจะมีคนสงสัยผม” บอกกับอิศร์ “ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงต้องเร่งมือสืบสวนเรื่องนายธำรงให้เสร็จไวๆ แล้วล่ะ”

อิศร์พยักหน้าเห็นด้วย พร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่

ด้านกรองทองยืนกระวนกระวายอยู่ที่หน้าบ้าน เห็นสุนทรซึ่งเปลี่ยนชุดแล้ว เดินมาจึงรีบเข้าไปหา

“พ่อ! พ่อไหนมาจ๊ะ”
สุนทรไม่ตอบและพยายามเอียงหน้าหลบ เพราะหน้ามีรอยช้ำนิดๆ
“ไปทำธุระให้นาย”
“เมื่อตอนค่ำมีโจรบุกเข้ามาปล้นเรือนเล็ก ทำคนเจ็บไปตั้งสามคน กรองเป็นห่วงพ่อแทบแย่”
สุนทรพยักหน้า กรองทองสังเกตเห็นรอยช้ำ
“เอ๊ะ ! นี่หน้าพ่อไปโดนอะไรมา”
“หกล้ม กรองไปนอนเถอะไป๊” สุนทรเห็นกรองทองนิ่งก็ดุใส่ “ไปสิ”
กรองทองจ๋อย เดินเข้าบ้านไป แต่ใจยังนึกเป็นห่วงพ่อ ส่วนสุนทรเอามือจับหน้าตัวเองที่เป็นรอยฟกช้ำ
ต่อมาไม่นานสุนทรมายืนรายงานอำพล ทั้งที่หน้าช้ำ
“ผมไม่เจออะไรในห้องมันเลยครับ เหมือนมันเข้ามาในบ้านนี้ตัวเปล่าๆ”
“ถ้ามันเป็นเพื่อนไอ้อิศร์จริง ก็คงระวังตัวอยู่ ฉันอยากรู้ว่ามันมีเจตนาอะไรกันแน่”

เรณูเดินผ่าน เห็นไฟห้องทำงานเปิด จะเข้ามาเรียก แต่ได้ยินเสียงคุยกัน
“ผมจะลองบุกเข้าไปใหม่ ตอนที่มันไม่อยู่บ้าน” เสียงสุนทรดังออกมา
เรณูนิ่วหน้าสงสัยว่าคุยอะไรกัน
“ไม่ต้อง! รอดูมันไปก่อน ขืนแกลงมืออีกตอนนี้ อาจจะเจ็บตัวกว่าเดิม นังบอดี้การ์ดนั่นฝีมือไม่ธรรมดาไม่ใช่เหรอ”
เรณูเอามือปิดปาก ด้วยความตกใจ
อำพลยื่นเงินให้ “ช่วงนี้หลบไปก่อน จะได้ไม่มีใครถามถึงแผลที่หน้าแก”
สุนทรไหว้ รับเงินแล้วรีบออกไป
อำพลลุกออกไปยืนเหม่อคิด หันหลังให้ประตู เลยไม่เห็นเรณูเดินเข้ามา
“คุณให้สุนทรบุกเข้าห้องนายมิตรเหรอคะ”
อำพลหันกลับมา เห็นเรณูมองอยู่ ตกใจนิดๆ แต่รีบตัดบท
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
เรณูเห็นอำพลตัดบท ก็ไม่กล้าถามต่อ เพราะเกรงสามี
“แต่ถ้าอิศร์รู้ เขาคงไม่พอใจแน่ๆ คุณทำแบบนั้นทำไม”
“มันไม่มีทางรู้ ถ้าเธอไม่ปากสว่าง”
อำพลทำหน้าดุใส่ แล้วเดินออกไป เรณูไม่สบายใจ เพราะไม่รู้ว่าอำพลคิดจะทำอะไร

แพรพลอยเดินมาส่งอิศร์ที่ห้อง
“ขอโทรศัพท์คุณหน่อย”
อิศร์งงๆ แล้วส่งให้ แพรพลอยรับมากดเบอร์ตัวเองทิ้งไว้เป็นเบอร์สุดท้าย
“เอาโทรศัพท์ไว้ใกล้ๆ ตัว ถ้ามีอะไรผิดปกติ ไม่ต้องส่งเสียง แต่กดโทรศัพท์มาหาฉัน”
“คุณคิดว่ามันจะมีอะไร”
“ฉันไม่รู้ว่าคนร้ายมันจะกลับมาอีกหรือเปล่า”
“ไหนคุณบอกว่าเป้าหมายมันคือไอ้ภัทรไง”
“ตอนนี้วางใจอะไรไม่ได้หรอก คุณระวังตัวด้วยก็แล้วกัน ฉันไปล่ะ”
แพรพลอยจะเดินกลับไป
“เดี๋ยว” อิศร์หันไปหอบหมอนผ้าห่มอย่างไวว่อง “งั้นผมไปด้วย”
“ไปไหน”
อิศร์บอกหน้าตาย “ไปนอนห้องคุณ ผมกลัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นคุณจะมาช่วยผมไม่ทัน ให้ผมไปนอนด้วยนะ”
“จะบ้าหรือไง ก็บอกแล้วไงว่าถ้ามีอะไรให้รีบกดโทรศัพท์มาหาฉัน”
“ถ้าคุณมาไม่ทันแล้วผมตายก่อนล่ะ” อิศร์ใช้ลูกอ้อน
แพรพลอยเซ็ง ไม่น่าเปิดทางให้อิศร์ทำตัววุ่นวาย
อิศร์ยังอ้อนต่อเหมือนเด็กๆ “ให้ผมไปนอนห้องโน้นด้วยนะ ผมนอนที่พื้นก็ได้”
“ไม่ได้” แพรพลอยเสียงแข็ง
อิศร์หน้าม่อย น้อยใจ “คุณคงอยากให้ผมตาย จะได้ไม่ต้องอยู่ที่นี่ ไม่ต้องมีผมมาวุ่นวาย”
“อย่าดราม่าได้ไหมคุณอิศร์” แล้วตัดสินใจ “ตามฉันมา”

แพรพลอยเดินเข้ามาในห้องยกหมอนที่นอนขึ้น พอหันมาก็เห็นอิศร์หอบหมอนกับผ้าห่มตามมา หน้าระรื่นสุดขีด
“คุณจะเอามาทำไม”
“อ้าว ก็คุณบอกให้ตามมา”
“ฉันให้คุณตามมาแต่ตัว เอ้านี่”
แพรพลอยยัดปืนใส่มืออิศร์
“คุณใช้เป็นนะ”
อิศร์พลิกปืนไปมา พยักหน้า
“เอาไว้ใกล้ๆ ตัวคุณ ถ้ามีอะไรก็ใช้มัน”
“คุณเคยบอกว่าต้องเอามันไว้ข้างๆ ตัวทุกคืนไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ แต่ฉันให้ยืม คุณจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างที่จะมานอนห้องนี้ ไปได้แล้ว”
“แต่ว่า...” อิศร์อิดออด
“ถ้ามีปัญหาอีก ฉันจะให้ผู้กองภัทรขึ้นมานอนเป็นเพื่อนคุณ หรือจะเอาป้าดวง”
อิศร์หน้ามุ่ย ส่ายหน้าไม่เอาใครทั้งนั้น แล้วหอบหมอนกับผ้าห่มไปแบบจ๋อยๆ แพรพลอยถอนใจ มองไปที่ใต้หมอน ที่ว่างเปล่า
“แล้วเราจะนอนหลับไหมเนี่ย”

แพรพลอยบ่น เพราะทุกคืนที่ผ่านมาเวลานอนหล่อนมักมีปืนอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา ด้วยนิสัยหวาดระแวง และไม่ไว้วางใจคน

ในเวลานั้นอริสรานอนอยู่บนเตียง น้ำตาไหลนองหน้า เห็นไอศูรย์นอนหลับอยู่ข้างๆ ภาพอดีตผุดขึ้นมาในห้วงคิด

เหตุการณ์ตอนนั้น อริสรากับไอศูรย์สวยหล่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าพ่อกับแม่ของอริสรา
“อริส หลังจากนี้หนูกับไอศูรย์เป็นเหมือนคนคนเดียวกันแล้ว จะทำอะไรขอให้ใช้สติคิดให้รอบคอบ”
“หนูเป็นภรรยา ต้องรักและเคารพสามีให้มากๆ อย่าทำให้คุณไอศูรย์ลำบากใจนะลูกนะ”
ไอศูรย์ฟังพ่อแม่สอนอริสราอย่างพอใจ อริสรากล้ำกลืน ช้อนสายตามองไอศูรย์อย่างเจ็บช้ำ
“เพราะเขาเป็นเจ้าชีวิตของเราสามคนใช่ไหมคะ”
พ่อกับแม่เจื่อนเหลียวมองหน้ากัน ไอศูรย์หน้าเสีย อริสราจ้องไอศูรย์อย่างชิงชัง
“หรือฉันควรจะเรียกคุณว่าเจ้าหนี้ดี” หล่อนบอก
พ่อกระซิบดุ “อริส! อย่าทำให้พ่อขายหน้านะ”
อริสราน้ำตาคลอด้วยความน้อยใจ ลุกพรวดหนีไป พ่อกับแม่ตกใจ

อริสราหลบมายืนร้องไห้อยู่อีกมุมของบ้าน แม่กับพ่อตามมา พ่อกระชากตัวหล่อนรุนแรง ด่าว่าอย่างกราดเกรี้ยว
“กลับเข้าห้องหอเดี๋ยวนี้ แกอยากให้ไอศูรย์โกรธแล้วยกเลิกการแต่งงานหรือไง”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีสิคะ” อริสราย้อนอย่างขมขื่น
“แล้วฉันล่ะ! ฉันสองคนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไม่มีทั้งเกียรติยศ ทั้งบ้านจะอยู่ แกนึกบ้างไหมนังลูกอกตัญญู”
พ่อเริ่มเอะอะเสียงดัง แม่ปรามพ่อให้เสียงเบาลง แต่ก็ร้องไห้ออกมา
“อริส...ลูกทำเพื่อพ่อกับแม่ไม่ได้เหรอลูก”
อริสรามองพ่อกับแม่ที่ร้องไห้เศร้าใจ ก็น้ำตาไหลตามออกมา หมดหนทาง

คิดเรื่องนี้แล้ว อริสรานอนสะอื้นเงียบๆ บนเตียง ซักพักไอศูรย์ก็พลิกตัวมากอดซบทางด้านหลัง
อริสรานิ่งเป็นหุ่นไม่ขัดขืน เพราะต้องยอมตามใจไอศูรย์ เพื่อแลกกับการคงอยู่ของบ้านหลังนี้ แต่ก็ยังร้องไห้เงียบๆ อยู่อย่างนั้น

ส่วนแพรพลอยกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ ล้วงมือไปใต้หมอน เจอแต่ความว่างเปล่า ไม่มีปืนแล้ว
แพรพลอยนึกได้ว่าให้อิศร์ไป พยายามข่มตาให้หลับ แต่หลับไม่ลง ลืมตาโพลงขึ้นมาอีก

อิศร์ใส่ชุดคลุมนอน เดินมาเคาะห้องแพรพลอย
“คุณแพรครับ คุณแพร หลับหรือยัง”
อิศร์เงี่ยหูฟังเสียงตอบ แต่ทุกอย่างเงียบกริบ เขาเลยลองบิดประตู ทันใดนั้นเองร่างของอิศร์ก็ถูกกระชากอย่างแรง แล้วดันไปติดผนัง
“จะเข้าไปทำอะไรในห้องฉัน” แพรพลอยเอามีดจี้หลัง
อิศร์ตกใจ แล้วสะดุ้งเมื่อรู้สึกมีอะไรแหลมๆ แทงที่หลัง
“เฮ้ย คุณ อ...อะไรน่ะ”
“นึกแล้วเชียวว่าคุณมันไว้ใจไม่ได้ ถึงต้องลงไปเอาอาวุธมาเตรียมไว้ อยากตายใช่ไหม”
“ด...เดี๋ยวครับคุณแพร ใจเย็นๆ ก่อน ผมไม่ได้จะมาทำร้ายคุณนะ”
“ฉันไม่เชื่อ”
แพรพลอยเอามีดจิ้มเบาๆ แต่อิศร์ร้องลั่น
“โอ๊ย! อย่าฆ่าผมๆ ผมกลัวแล้ว”
ดวงได้ยินเสียงดัง เปิดประตูพรวดพราดออกมาจากในห้องของตัวเอง
“คุณอิศร์ คุณแพร มีอะไรกันคะ” แล้วรีบเปิดไฟระเบียงหน้าห้อง “ว้าย คุณพระช่วย”

ป้าดวงตกใจเมื่อเห็นแพรพลอยเอามีดจี้หลังอิศร์อยู่

อ่านต่อหน้า 3

บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 4 (ต่อ)

ครู่ต่อมาอิศร์นอนถลกเสื้อด้านหลัง ให้ป้าดวงเอายาหม่องแต้มรอยที่ถูกมีดจิ้ม

“ไม่มีแผลนี่คะคุณอิศร์ ยังเจ็บอยู่หรือเปล่าคะ”
อิศร์ส่ายหน้า “ผมไม่เจ็บ แค่กลัว”
แพรพลอยวางมีดในมือลง สีหน้ารู้สึกผิด
“ก็คุณทำให้ฉันระแวง คนยิ่งนอนไม่หลับ ดันมาเดินเพ่นพ่านกลางดึก”
“ผมก็กลัวคุณจะนอนไม่หลับ ถึงได้ตั้งใจจะเอาไอ้นี่ไปคืน” อิศร์ควักปืนออกมาจากเสื้อคลุม “ไม่รู้นี่ว่าคุณระแวงขนาดลงไปหยิบมีดในครัวมานอนเป็นเพื่อนแล้ว”
แพรพลอยมองมีดในมือ แล้ววางลง หน้าจ๋อย รู้สึกผิดมากๆ
ดวงเหวอ “ค...คุณแพรเอามานอนเป็นเพื่อน”
แพรพลอยยิ้มแหยๆ “ปกติแพรจะเก็บอาวุธไว้ใกล้ๆ ตัวน่ะค่ะ ไม่งั้นนอนไม่หลับ มันระแวง”
ดวงสงสาร “โถ...”
“ฉันขอโทษนะคุณอิศร์ คุณเก็บปืนไว้เถอะ ส่วนมีดนี่ แพรคืนให้ป้าก็ได้ค่ะ” แพรส่งมีดให้ป้าแพรหน้าเจื่อนๆ
“ให้ป้าไปนอนเป็นเพื่อนไหมคะ จะได้ไม่กลัว”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแพรจะลองสวดมนต์ ใจจะได้สงบ”
แพรพลอยฝืนยิ้มแล้วจะเดินออกจากห้อง อิศร์นึกได้ เรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนคุณแพร”

อิศร์เข้ามาในห้องแพรพร้อย วางตุ๊กตาเหล่า Avengers จนเต็มเตียง ทำหน้าระรื่นภูมิใจนำเสนอ
“แท่นแทนแท้น The Avengers พร้อมทำหน้าที่ปกป้องคุณผู้หญิงแล้วครับ”
“อะไรกันเนี่ย”
“ผมฝากให้พวกมันปกป้องดูแลคุณ จะได้หลับสบาย ไม่ต้องพกทั้งมีดทั้งปืน”
แพรพลอยเซ็ง “แค่ตุ๊กตาเนี่ยนะ”
“อ๊ะๆๆ อย่าดูถูกเหล่าอเวนเจอร์สิคุณ ไม่เคยดูหนังเหรอ เก่งทุกตัวเลยนะ รับรองคืนนี้ไม่มีใครมาทำอะไรคุณแน่ อ้ะ เอาไปนอนกอด” อิศร์ยื่นให้ตัวหนึ่ง
“เพ้อเจ้อ”
“อย่าติดใจก็แล้วกัน” อิศร์ลูบหัวเจ้าตุ๊กตาที่แพรพลอยอุ้มอยู่ “ฝากด้วยนะเพื่อนยาก แล้วอย่าปล้ำบอดี้การ์ดฉันล่ะ คนนี้โหดนะเว้ย บอกซะก่อน”
อิศร์ทำเป็นป้องปากกระซิบกับตุ๊กตาแล้วเดินลอยชายออกไป
แพรพลอยมองค้อน แล้วหันมามองตุ๊กตาที่อุ้มไว้ กับอีกหลายตัวบนเตียง
“อ้ะ ลองดูซักคืนนึง”
แพรพลอยวางตุ๊กตาลงข้างหมอน แล้วเผลอยิ้มเอ็นดูกับตุ๊กตา

เช้าวันใหม่ อำนวยนำเอาแฟ้มงานมาให้อิศร์อ่านที่ห้องรับแขก
“เรื่องที่อิศร์วานให้ลุงติดต่อให้เรียบร้อยแล้วนะ”
“ขอบคุณครับลุง”
อิศร์เซ็นเอกสารแล้วส่งคืนอำนวย เห็นแพรพลอยเดินเข้ามาพอดี
“คุณแพร เดี๋ยวเราออกไปข้างนอกกันเถอะ”
“ฉันจะไปโรงพยาบาล”
“ไม่ได้ คุณต้องไปกับผม”
อิศร์ลุกขึ้นดึงแขนแพรพลอยออกไปต่อหน้าอำพลที่มองตามงงๆ
อิศร์ลากแพรพลอยออกมาจากบ้าน เห็นอนุภัทรกำลังเตรียมรถอยู่
“ขอฉันแวะไปเยี่ยมเด็กๆ ที่โรงพยาบาลก่อนไม่ได้หรือไง”
“ไม่ต้องเยี่ยมหรอก ผมจ้างพยาบาลพิเศษดูแลแล้ว นายมิตร ออกรถ”
อนุภัทรรีบเปิดประตูรถให้
แพรพลอยบ่น “เอาแต่ใจ”
“ก็ผมเป็นนายจ้างคุณ”

แพรพลอยหน้าคว่ำ ก้าวขึ้นนั่ง อิศร์อมยิ้มแล้วรีบขึ้นตามไป

อนุภัทรขับรถพาสองคนเข้ามาที่มูลนิธิบ้านโอบไอรัก แพรพลอยมองอย่างแปลกใจ

“คุณจะมาที่นี่ทำไมคุณอิศร์ แล้วนั่นอะไรกัน”
แพรพลอยมองเห็นพวกคนงานก่อสร้างเดินขวักไขว่ รีบเปิดประตูลงไป เปี๊ยกวิ่งเข้ามา โผเข้ากอดมายาวีแน่น อัมพากับกรณ์ตามมา ทุกคนแต่งตัวทะมัดทะแมง เตรียมพร้อมทำงานเล็กๆ น้อยๆ เช่นย้ายของ ทาสี
“พี่แพรมาแล้ว”
แพรพลอยงุนงง “เกิดอะไรขึ้นเปี๊ยก คนพวกนี้มาทำไม อย่าบอกนะว่าจะมาไล่ที่”
อัมพาหัวเราะ “ไม่ใช่หรอกลูก เขาเป็นคนงานของคุณอิศร์”
แพรพลอยหันไปมองอิศร์อย่างไม่เข้าใจ
“บริษัทคุณอิศร์ส่งคนมาซ่อมตึกนอนให้เด็กๆ น่ะแพร” กรณ์บอก
“ติดแอร์ให้ด้วยนะพี่แพร เย้ๆๆๆ ขอบคุณนะครับพี่อิศร์”
เปี๊ยกเข้าไปกอดอิศร์ แพรพลอยยังงงอยู่
“งานนี้นายอิศร์เป็นสปอนเซอร์เต็มที่ คุณแพรอยากจะต่อเติมตรงไหน เอาให้เต็มที่เลยค่ะ” มายาวีแกล้งกระซิบ “ล้มทับซะให้เข็ด”
อิศร์ยิ้มกริ่ม “ผมอยากให้งานเสร็จให้เร็วที่สุด เด็กๆ จะได้อยู่สบายขึ้น วันนี้นายอิศร์ก็เลยเตรียมตัวมาเป็นคนงานด้วย”
“ผมด้วยครับ” ผู้กองเอาด้วย
“ขอบคุณมากนะคะ”
“งั้นเชิญทางนี้เลยครับ ผมจะพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
กรณ์พาอิศร์กับอนุภัทรไป
“แหม สนุกกันใหญ่ ให้เมย์ไปด้วยสิ”
“เปี๊ยกไปด้วย”
มายาวีตามพวกหนุ่มๆ ไป แพรพลอยทำหน้าเพลียใส่อัมพา

แพรพลอยกับอัมพาเดินคุยกัน ได้ยินเสียงตอกไม้เป็นระยะ
“นายอิศร์นี่เจ้ากี้เจ้าการจริงๆ”
“แม่ก็เกรงใจคุณอิศร์เหมือนกัน แต่แกบอกว่าเป็นห่วงเด็กๆ แม่ก็เลยไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรมาขัด”
“แต่เขาก็ไม่สมควรต้องลงทุนให้มูลนิธิมากขนาดนี้นะคะ เงินเราก็มี”
“แม่ก็บอกแล้วว่า ขอจ่ายส่วนหนึ่งเอง แต่คุณอิศร์ไม่ยอม แพรก็ลองพูดเองดูสิลูก”
“ไม่สำเร็จหรอกค่ะ ดื้อจะตาย ตาคนนี้” แพรพลอยหน้ามุ่ย “นี่คงเห็นว่าเป็นเรื่องเล่นสนุกน่ะสิ”
“เอาเถอะลูก คุณอิศร์แกชอบแจกจ่ายน้ำใจเพราะเป็นเรื่องสนุกก็ปล่อยแก เราก็ทำได้แค่หาทางตอบแทนทุกครั้งที่มีโอกาสเท่านั้นก็พอ”
“อย่างนี้แพรไม่ต้องเป็นบอดี้การ์ดให้เขาไปตลอดชีวิตหรือไง”
“แม่ว่าดูๆ คุณอิศร์ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นนะ ว่าแต่แพรนั่นแหละ ยินดีหรือเปล่า”
อัมพายิ้ม มองแพรพลอยอย่างแซวๆ จนบอดี้การ์ดสาวเขิน แต่รีบกลบเกลื่อน
“ไม่เอาหรอกค่ะ ให้จบภายในสองอาทิตย์นี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวแพรจะหาวิธีทดแทนบุญคุณเขาทางอื่น”
แพรพลอยมองไปยังอิศร์ที่เปลี่ยนมาสวมชุดทำงานเก่าๆ โทรมๆ เตรียมพร้อม แล้วถอนใจ

ด้านอนุภัทรปีนขึ้นไปซ่อมหน้าต่างตึกเรียน ไฮโซสาวจอมจุ้นมายาวีเดินมาด้อมๆ มองๆ อนุภัทรหันไปเห็นจึงบอก
“ผู้หญิงไม่ควรจะมาแถวนี้นะคุณ”
“ฉันจะมาช่วย”
อนุภัทรแขวะ “ฮึ ช่วยให้พังสิไม่ว่า”
“นายมิตร! เดี๋ยวเถอะ ฉันก็อยากบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวมเหมือนกันนะ คิดว่างานอย่างนี้ผู้ชายทำได้คนเดียวหรือไง”
“คุณหนูอย่างคุณเนี่ยนะ เกิดมาเคยจับค้อนตอกตะปูหรือไง”
“มันจะยากอะไรนักหนา ลงมาสิ”
มายาวีโมโหเขย่าๆบันได อนุภัทรเซ็งๆ ที่ถูกขัดจังหวะ แต่ก็อยากสั่งสอนให้มายาวีเข็ดเลยปีนลงมา มายาวีรับค้อนกับถุงตะปูจากอนุภัทร ปีนขึ้นบันไดอย่างคล่องแคล่ว
“ตอกให้สนิทกันใช่ไหม โธ่เอ๊ย เรื่องง่ายๆ”
มายาวีจับค้อนกระชับมือแล้วตอกตะปูลงไปบนแผ่นไม้ที่หน้าต่าง แต่เบาเกิน ตะปูร่วงผล็อย
“อุ๊ย”
มายาวีลองตอกใหม่แต่ไม่เข้าเนื้อไม้อยู่ดี
“แหม คุณหนูครับ มือเบาขนาดนั้นจะตอกไปถึงปีหน้าเลยหรือไง นี่แหละน้าคนผอมแห้งแรงน้อย”
มายาวีหันมาค้อน แล้วจับตะปูให้ตรง แล้วเงื้อค้อนสุดแรงกระแทกลงไป ดังปัง!
มายาวีหันมาถามอย่างสะใจ “แรงพอไหม หรือจะเอาแรงกว่านี้อีก”
มายาวีเอาค้อนทุบตะปูแรงๆ อีกที บานหน้าต่างเหวี่ยงไปกระแทกผนัง แล้วกระดอนกลับมาหามายาวี
มายาวีรีบเอามือกันแล้วหงายหลังตกลงมาจากบันได
“คุณเมย์”
อนุภัทรกระโจนเข้าไปประคองรับตัวมายาวีไว้ได้
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
มายาวีอึ้งๆ ตะลึงมองหน้าอนุภัทร แล้วตอบใจลอย
“ไม่ แต่หน้าฉันไม่เสียโฉมใช่ไหม”
มายาวีเอามือจับหน้าตัวเอง แล้วลุกขึ้น
“ก็บอกแล้วว่างานนี้มันอันตราย คุณไปเล่นกับเด็กๆ ดีกว่า เดี๋ยวบาดเจ็บขึ้นมา ผมไม่รู้จะอธิบายกับคุณพ่อคุณยังไง”
“แต่ฉันอยากช่วยนี่”
“คุณไปช่วยดึงความสนใจเด็กๆ ไม่ให้มาเล่นซนบริเวณที่เขาทำงานกันก็ถือเป็นการบำเพ็ญประโยชน์แล้วน่า”
มายาวีมองไปเห็นเด็กๆ เล่นลิงชิงบอลกันอยู่ มีเปี๊ยกอยู่กลางวง ถูกเขียนหน้าเพราะแย่งบอลไม่ได้
“พี่เมย์” เปี๊ยกโบกมือให้
“ตายแล้วเปี๊ยก เล่นอะไรกันทำไมเลอะอย่างนั้น ให้พี่เล่นด้วยสิ”

มายาวีโลดแล่นตามไปรวมกลุ่มกับเด็กๆ อนุภัทรมองตามส่ายหน้าอย่างขำๆ ปนเอ็นดู แล้วปีนขึ้นไปทำงานต่อ


อิศร์ยืนทาสีอยู่ เพิ่งเห็นว่าสีในกระป๋องหมด จะหันไปหยิบ แต่มีมือยื่นมาให้เสียก่อน แพรพลอยเป็นคนยื่นให้ อิศร์ยิ้มชื่น

“จะช่วยผมเหรอ ไม่ต้องหรอก ยืนเป็นกำลังใจก็พอแล้ว”
“ฉันจะออกค่าอุปกรณ์กับวัสดุทั้งหมดเอง คุณรับผิดชอบเรื่องคนงาน ตกลงไหม”
อิศร์ทำหน้างง แล้วนึกออกว่าแพรพลอยพูดอะไร
“ไม่ตกลง”
“อย่าทำให้ฉันลำบากใจได้ไหมคุณอิศร์ พวกฉันรับความช่วยเหลือมากมายจากคุณไม่ได้”
“ทำไมถึงรับไว้ไม่ได้ คุณช่วยชีวิตผมไว้ตั้งสองครั้ง ผมช่วยแค่นี้ถือว่าเล็กน้อย”
“ฉันไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนอะไรจากคุณ”
อิศร์พูดจริงจัง หนักแน่น “แต่ผมอยากให้ ! น้ำใจจากผมมันน่ารังเกียจมากนักเหรอ คุณถึงไม่อยากรับ”
เห็นอิศร์มีสีหน้าเหมือนน้อยใจ แพรพลอยก็รู้สึกผิด
“คุณแพร ถึงผมจะเป็นคนไม่เข้าท่าเท่าไร แต่ผมก็ไม่เคยลืมบุญคุณคน ถ้าคุณไม่ยอมรับน้ำใจจากผมผมก็คงคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากตัวเองคงน่ารังเกียจมากในสายตาคุณ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
อิศร์ตัดบท “งั้นเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก ผมจะรับผิดชอบเรื่องการซ่อมมูลนิธิทั้งหมด งบจะบานปลายไปเท่าไรก็ช่างมัน ผมยินดีจ่าย”
แพรพลอยทำหน้าตกใจ จะแย้ง แต่อิศร์แย่งพูด
“เผื่ออนาคตผมเหลือแต่ตัวจะได้มาขออาศัยนอนที่นี่ โอเค้”
แพรพลอยรู้ตัวว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ เลยถอนใจ อิศร์ยิ้มขำ
“ส่วนถ้าคุณอยากจะช่วย นี่” อิศร์หยิบแปรงอีกอันให้ “ทำแค่นี้พอ”
แพรพลอยรับแปรงมา อิศร์มองยิ้มๆ เอาแปรงตัวเองจุ่มสีในกระป๋อง แล้วทาผนังต่อ
แพรพลอยมองอิศร์ที่ทำงานด้วยสีหน้าตั้งใจ แล้วยิ้มออกมา ก่อนจะลงมือช่วยอิศร์

ขณะเดียวกัน ไอศูรย์ขับรถมาจอดหน้าบ้าน อริสรารีบเปิดประตูลงจากรถ สีหน้าไม่สบอารมณ์
ไอริณกับเรณูเดินออกมา ไอริณแกล้งขวางทาง แล้วถามเยาะเย้ย
“เป็นยังไงคะพี่อริส ไปฮันนีมูนมาสนุกไหม”
อริสราไม่อยากมีเรื่อง พยายามจะเลี่ยงหนี แต่ไอริณขวางอีก
“ถามก็ไม่ตอบ หรือว่าความสุขมันล้นทะลักจนพูดไม่ได้”
อริสราเงยหน้ามองไอริณ เห็นสีหน้าเยาะเย้ยก็ยิ่งเจ็บใจ
“อย่ากวนใจพี่เขาสิริณ ให้หนูอริสไปพักผ่อนเถอะ”
“บอกเขาไปสิอริส ว่าเรามีความสุขแค่ไหนเมื่อคืนนี้”
ไอศูรย์เดินมาโอบไหล่ อริสราปัดออก แล้วมองหน้าไอริณอย่างเชือดเฉือน
“ถ้าน้องคุณอยากรู้นัก ฉันจะหาผู้ชายซักคนมาทำกับเขาเหมือนที่คุณทำกับฉัน จะได้เลิกสอดรู้สอดเห็นซักที!”
อริสราพูดจบก็เดินออกไป ไอริณอ้าปากค้าง พอได้สติก็กรี๊ดไล่หลัง
“พี่อริส! มันหมายความยังไง กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องนะ พี่อริส”
ไอริณปรี๊ดแตกจะตามไปเอาเรื่อง แต่เรณูจับไว้ ไอศูรย์มองตามอริสราอย่างไม่พอใจ

อริสราทิ้งตัวลงบนเตียง ร้องไห้น้ำตาไหลพราก เสียใจที่เมื่อคืนถูกไอศูรย์ข่มเหงอีกแล้ว เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงไอศูรย์
“อริส! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ อริส”
อริสรานอนสะอื้น ไม่สนใจเสียงเรียกของไอศูรย์ ที่เคาะประตูกระหน่ำ อริสราเอามือปิดหู ร้องไห้อย่างอัดอั้น

เวลาเดียวกันแพรพลอยเทน้ำหวานใส่แก้วหลายใบ เตรียมเอาออกไปเสิร์ฟ เห็นกรณ์เดินเข้ามา ท่าทางเหนื่อยล้าเอาการ กรณ์เอ่ยขึ้น
“ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยว่าไปอยู่บ้านคุณอิศร์เป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดี” แพรพลอยตอบไปทำงานไป
“แล้วครอบครัวคุณอิศร์เป็นยังไง ต้อนรับแพรดีหรือเปล่า”
“มีทั้งดีทั้งไม่ดี คุณอิศร์มีญาติตั้งหลายคน”
กรณ์แกล้งถาม “แต่ยังไงแพรก็ต้องทำตัวดีๆ นะ จะได้ไม่มีปัญหาครอบครัวในอนาคต”
แพรพลอยสะดุ้ง ทำน้ำกระฉอก เงยหน้ามองกรณ์
“ห๊ะ ยังไงนะ”
“ก็อนาคตข้างหน้า แพรคงต้องอยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิตมั้ง”
“แปลว่าอะไรกรณ์”
“คุณอิศร์พาแพรเข้าบ้านไปแล้ว เขาคงไม่ปล่อยให้แพรออกมาง่ายๆ หรอก คิดล่วงหน้าไว้ได้เลยว่า หลังแต่งงานจะมีลูกกี่คน แล้วจะเป็นบอดี้การ์ดต่อหรือเป็นคุณนายนั่งนับแบงค์”
“บ้า ไม่มีวันนั้นหรอกย่ะ ฉันจะอยู่เป็นโสด ช่วยแม่เลี้ยงเด็กๆ”
“น้ำหยดลงหินทุกวันมันยังกร่อน แล้วหัวใจแพรพลอยจะไม่กร่อนจริงอะ”

กรณ์ยิ้มมีเลศนัยแล้วเดินออกไป แพรพลอยมองตามค้อนขวับ

ต่อมาไม่นาน แพรพลอยถือถาดน้ำหวานเดินมาที่สนาม เห็นอิศร์ มายาวี เล่นลิงชิงบอลกับพวกเด็กๆ แล้วถูกจับเขียนหน้า ส่วนอนุภัทรนั่งอยู่ที่ข้างสนาม แพรพลอยเอาน้ำมาให้ แล้วนั่งดูทั้งสองคนเล่นกะเด็กๆ

“ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ คุณอิศร์ถึงไปวิ่งเล่นกับเด็กๆ ได้”
“เจ้าอิศร์มันก็ห่วงเล่นตลอดเวลาแหละครับ พอเด็กๆ มาชวนก็เอาใหญ่เลย สองคนนี้สงสัยจะอายุสมองเท่ากับเด็กๆ”
แพรพลอยยิ้มขำ เห็นด้วย “พอมารวมกลุ่มเล่นกันยิ่งเจี๊ยวจ๊าวใหญ่”
มายาวีถูกเด็กๆ รุมเขียนหน้า แล้วหันมาเห็นแพรพลอยกับอนุภัทรนั่งอยู่ด้วยกันก็ชี้ให้เปี๊ยกดู เปี๊ยกวิ่งมาหาสองคน มายาวีกับอิศร์วิ่งตามมา
“พี่แพร มาเล่นกันเร็ว”
“ไม่เอา พี่ไม่อยากเปื้อน”
“เปื้อนก็ล้างออกได้ค่ะคุณแพร มามะ” มายาวีคะยั้นคะยออีกแรง
“แกด้วยไอ้ภัทร” อิศร์บอก
อนุภัทรร้อง “เฮ้ย”
แพรพลอยกับอนุภัทรถูกลากไปกลางวงลิงชิงบอล ทั้งสองตกกระไดพลอยโจน แพรพลอยกับอนุภัทร เล่นแย่งบอลกับเด็กๆ แต่แย่งไม่สำเร็จ โดนสีเขียนหน้า อิศร์เขียนให้แพรพลอย มายาวีเขียนให้อนุภัทร อิศร์แกล้งเขียนเลอะๆ เลยโดนแพรพลอยเอาคืน บรรยากาศสนุกสนานครึกครื้นสุดๆ

อัมพากับกรณ์เดินออกมามอง เห็นแพรพลอย อิศร์และคนอื่นๆ เล่นกับเด็กๆ อย่างเพลิดเพลิน
“ไม่เห็นแพรเขาสดชื่นแบบนี้มานานแล้วนะครับแม่”
“ใช่ นานจนแม่จำไม่ได้”
“แสดงว่าคุณอิศร์นี่มีอิทธิพลกับแพรจริงๆ”
“แพรเขายังไม่รู้ตัวหรอก แต่อีกไม่นานเขาจะรู้” อัมพามองไปที่แพรพลอยยิ้มๆ
“เราเป็นหนี้บุญคุณคุณอิศร์เขาเยอะเลยนะครับแม่”
กรณ์กับอัมพายิ้มให้กัน แล้วมองไปที่แพรพลอยอย่างมีความสุข

ฟากไอศูรย์เดินเข้ามาในห้องทำงานอำพล
“คุณพ่อบอกว่าไอ้อิศร์มันเอาคนงานบริษัทไปทำอะไรนะครับ”
“สร้างมูลนิธิเด็กกำพร้า”
“ไอ้อิศร์เนี่ยนะ มันจะทำไปทำไม สะเดาะเคราะห์เหรอ” ไอศูรย์หัวเราะเหยียดหยาม
“แกคงไม่รู้ว่าบอดี้การ์ดของเจ้าอิศร์โตมาจากบ้านเด็กกำพร้า ยายนั่นคงเห็นอิศร์มันรวย ก็เลยอ้อนให้ไปช่วยซ่อมบ้านเด็กกำพร้าให้ เบิกงบบริษัทไปเป็นล้าน”
“ผมนึกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีเจตนาแอบแฝง”
“ไม่รู้ว่ายายแพรพลอยนี่มีดีอะไรนะ มันถึงต้องทุ่มทุนสร้างขนาดนั้น”
ไอศูรย์นิ่งคิด แล้วยิ้มร้ายออกมา
“ช่างมันเถอะครับพ่อ มันใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายได้ เราก็ใช้ได้เหมือนกัน”
“แกจะทำอะไร”
ไอศูรย์ไม่ตอบ แต่ยิ้มมีเลศนัย

ขณะที่อำนวยอ่านหนังสือจัดสวนอยู่ ธำรงเดินมา ยื่นโบรชัวร์รถลงตรงหน้า
“อะไรของแกวะธำรง”
“พ่อช่วยผมเลือกหน่อยสิว่าจะเอาคันไหนดี”
อำนวยดูโบรชัวร์ “นี่แกจะเปลี่ยนรถอีกแล้วเหรอ”
ธำรงยักไหล่ “ก็คนมันรวย”
“รวยบ้าบออะไรวะ เงินเดือนยังใช้เดือนชนเดือน ที่ยืมพ่อไปก็ยังไม่คืน”
ธำรงทรุดลงนั่งประจบพ่อ
“โธ่ พ่อ รับรองอีกสองอาทิตย์ผมจะคืนให้หมดทุกบาททุกสตางค์ แถมดอกเบี้ยให้อีกด้วยเอ้า แต่ตอนนี้พ่อช่วยผมเลือกหน่อยนะ ผมตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอาคันนี้ หรือว่าคันนี้ดี พรุ่งนี้ต้องรีบไปจองแล้ว” เขาหยิบโบรชัวร์มาเทียบกัน “หรือเอาทั้งสองคันเลยดี”
“แกไปถูกหวยที่ไหนมา”
“หวยที่ไหนเล่า เมื่อกี้ลุงอำพลกับพี่ศูรย์เรียกผมไปคุยเรื่องงานมา บอกว่าจะให้ผมไปเจรจาซื้อเครื่องจักรกับโรงงานที่จีน”
“แล้วไง”
“ก็ถ้าผมตกลงราคาได้ถูกกว่าที่ตั้งไว้ งบที่เหลือก็เข้ากระเป๋าผมเน้นๆ เป็นหลักสิบล้าน”
“ปัดโธ่เอ๊ย นึกว่าอะไร รอให้มันได้จริงๆ ก่อนเถอะวะธำรง ยังไม่ทันได้ลงมือทำงานเลย ดันคิดถึงเรื่องใช้เงินแล้ว”
“พ่อคิดว่าผมจะทำไม่ได้เหรอ? งั้นคอยดูก็แล้วกัน ผมจะทำให้พ่อเห็น”
ธำรงเซ็ง พูดอย่างมุ่งมั่น แล้วเปิดโบรชัวร์รถดูอย่างหลงใหล อำนวยได้แต่ส่ายหน้า

แพรพลอย อิศร์ อนุภัทรเดินมาส่งมายาวีกลับบ้าน
“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยงานวันนี้ ขับรถดีๆ นะคะคุณเมย์” แพรพลอยบอก
“ยินดีค่ะ มีอะไรสนุกๆ อีกก็บอกเมย์ได้เลย เมย์จะรีบมา”
“รีบมาป่วนใช่ไหมครับ”
มายาวีตาเขียวใส่อนุภัทร
“คนอื่นเขาเห็นฉันมีน้ำใจกันทั้งนั้น มีแต่คุณนั่นแหละเห็นฉันเป็นตัวยุ่ง”
“ก็คุณชอบมายุ่งกับงานผม”
“งั้นก็เชิญทำงานของคุณให้เสร็จเร็วๆ ฉันจะได้ไม่ต้องยุ่ง พ่อฉันรอความคืบหน้าอยู่”
“ท่านฝากมาบอกเหรอ”
“ฉันบอกเอง”
มายาวีบอกหน้าตาย แล้วเดินเชิดออกไป อนุภัทรถอนใจ บ่นบ้าอย่างหงุดหงิด
“เฮ้อ ทำไมฉันต้องเจอลูกสาวนายแบบนี้ด้วยวะ”
“คุณเมย์คงหวังดีมั้งคะ” แพรพลอยแก้ต่างให้
“หวังดีประสงค์ร้ายน่ะสิ แต่ผมคงต้องเร่งมือทำงานให้เสร็จจริงๆ นั่นแหละ ก่อนที่คุณหนูเมย์จะทำแผนผมพังหมด”
“แกจะให้ฉันช่วยอะไรก็บอกได้เลยเพื่อน”
อนุภัทรพยักหน้า มองหน้าอิศร์ครุ่นคิด

สองพ่อลูกอยู่ในห้องทำงานอำพล ที่บริษัทเดชโชดม
ไอศูรย์วางสาย แล้วหันมาบอกอำพลด้วยรอยยิ้ม
“ธำรงมันบินไปจีนแล้วครับ พอผมส่งรายชื่อบริษัทที่มันต้องไปติดต่อให้ มันก็รีบเดินทางเลย สงสัยกลัวจะได้เงินช้า”
“มันไม่รู้ใช่ไหมว่าบริษัทที่ให้ไปคุย มีเราสองถือหุ้นอยู่”
“คนโง่ๆ อย่างมันไม่เอะใจหรอกครับ คงจะมัวแต่ดีใจที่การเจรจาง่ายเกินคาด”
อำพลคิดตาม แล้วยิ้มพอใจ
“มันได้เงินส่วนต่างจากงบจัดซื้อ แต่ค่าเครื่องจักรเข้ากระเป๋าเราเต็มๆ”
“แถมคนโง่อย่างไอ้ธำรง จ้างให้ก็ไม่รู้ว่าซื้อเครื่องจักรมือสองใกล้พังมาให้บริษัท”
อำพลกับไอศูรย์หัวเราะกัน เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้น
อำพลเปิดสปีกเกอร์ถามเลขา “ว่าไงรุจี”
“คุณอิศร์มาค่ะท่าน”
อำพลกับไอศูรย์ชะงัก มองหน้ากัน
“ไอ้อิศร์! ร้อยวันพันปีมันไม่เคยมาเหยียบบริษัทนี่ครับ มันมาทำไม”

อำพลนิ่งนึกตรึกตรอง ระแวงว่าอิศร์มาทำไม

อ่านต่อหน้า 4

บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 4 (ต่อ)

ไอศูรย์กับอำพลพรวดพราดออกมาจากห้องทำงาน เจออิศร์มาพร้อมพรพลอยและมายาวี อำพลรีบปั้นหน้าทัก

“อิศร์ มาเที่ยวบริษัทเหรอ ทำไมไม่บอกลุงก่อนจะได้มาด้วยกัน”
“ไม่ได้มาเที่ยวครับลุง ผมมาทำงาน”
อำพลกับไอศูรย์ตกใจ โดยเฉพาะไอศูรย์อุทานอย่างไม่อยากเชื่อ
“มาทำงาน”
มายาวีตอบแทนเป็นชุด “อิศร์อยู่ว่างๆ จนเบื่อแล้วน่ะค่ะ เขาก็เลยอยากจะลองมาทำงานออฟฟิศดู เมย์ก็เบื่อเหมือนกัน ก็เลยตามมาสมัครเป็นผู้ช่วยอิศร์ เราจะใช้ห้องไหนได้คะ”
อำพลกับไอศูรย์ยิ่งอึ้งกว่าเดิม ไอศูรย์ได้สติรีบทักท้วงก่อน
“แต่แกเคยบอกว่าไม่ชอบงานบริหารนี่ มันหนักนะ ที่จริงฉันกับคุณพ่อก็ดูแลเดชโชดมกรุ๊ป ให้แกมาตลอด หรือว่ามีปัญหาอะไร”
“ไม่มีครับ ผมก็แค่...อยากทำงาน ขอลองดูซักวันสองวันนะครับ” ไอศูรย์ยิ้ม
อำพลกับไอศูรย์มองหน้ากันเลิ่กลั่กอีกรอบ ไม่รู้จะกันท่าอิศร์ยังไง
แพรพลอยจับสังเกตท่าทีพิรุธของทั้งสองคน ระหว่างนั้นมายาวีก็เดินออกไป
“เอ ห้องนี้ใช้ได้ไหมคะ กว้างดี”
ไอศูรย์หันไปมอง เห็นมายาวีเปิดห้องทำงานตัวเองเข้าไปอย่างถือวิสาสะก็ร้องลั่น
“เฮ้ย”

ไอศูรย์รีบวิ่งมาขวางไม่ให้มายาวีเข้า เพราะเอกสารหลักฐานโกงเงินบริษัทอยู่ในนี้
“นี่มันห้องผม”
“อ้าวเหรอคะ” มายาวีชะโงกดู พลางพูดแดกดัน “แหม แต่ห้องกว้างดีจัง ตกแต่งดีด้วย ยกให้อิศร์ไม่ได้เหรอคะคุณไอศูรย์ เพราะเท่าที่เมย์รู้ อิศร์เขาน่าจะสำคัญที่สุดในบริษัทนี้”
“ใครจะสำคัญมาจากไหนผมไม่สน แต่นี่คือห้องทำงานส่วนตัวของผม ออกไป”
ไอศูรย์ลืมตัวทำท่าจะเข้ามาขย้ำมายาวี จนแพรพลอยต้องเข้ามาช่วยกัน
“ค่อยๆ พูดกันไม่ดีกว่าเหรอคะ”
ไอศูรย์ทำท่าจะหันไปพาลใส่แพรพลอยอีกคน แต่อำพลรีบไกล่เกลี่ย
“ห้องไอศูรย์มีเอกสารเรื่องงานเยอะ มันจะใช้เวลานานในการขนย้าย แล้วถ้าเกิดสูญหายไปจะยิ่งลำบาก เอาอย่างดีกว่า ถ้าอิศร์อยากจะมาทำงานจริงๆ ลุงจะให้เขาจัดห้องให้ใหม่”

มายาวีเดินเข้ามาสำรวจห้องทำงานใหม่ของอิศร์ ที่อำพลให้คนจัดให้ ปากก็บ่นบ้าไปตามเรื่อง
“ก็โอเคนะ แต่หมั่นไส้อีตาไอศูรย์พี่ชายเธอนะอิศร์ แค่แหย่เล่นนิดหน่อย ไม่รู้จะโกรธอะไรกันนักหนา”
“เธอก็รู้ว่าพี่ไอศูรย์เป็นคนยังไง เขาคงไม่ได้คิดว่าเธอแหย่เล่นหรอก” อิศร์ว่า
“ก็แล้วจะหวงทำไมกับแค่ห้องทำงาน ทำอย่างกับซ่อนอะไรไว้”
แพรพลอยเห็นด้วย “แพรก็รู้สึกเหมือนกันค่ะ”
อิศร์กับมายาวีหันไปมองอย่างแปลกใจ แพรพลอยสีหน้าครุ่นคิด
“ท่าทางของคุณอำพลกับคุณไอศูรย์เหมือนตกใจที่เห็นคุณอิศร์มาที่นี่ แล้วก็ไม่อยากให้คุณอยู่ที่นี่ด้วย มีอะไรหรือเปล่า”
อิศร์อึ้งๆ แล้วหัวเราะออกมา ประสาคนมองโลกสวย
“พวกคุณคิดมากไปแล้ว ไม่มีอะไรหรอก พี่ศูรย์กับลุงอำพลคงเซอร์ไพรส์ที่ผมนึกอยากทำงานขึ้นมา เพราะผมมันขี้เกียจ เรียนก็ไม่ได้เรื่อง ต้องเข็นตั้งนานกว่าจะจบปริญญา แล้วดันอยากจะมาเป็นผู้บริหาร” เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “นี่ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ภัทร ผมก็คงไม่มาหรอก”
“เอ๊ะ พูดถึงนายผู้กองตัวดี ทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่ขึ้นมาอีก”

ในขณะที่อนุภัทรเดินออกมาจากลิฟต์ ตรงมาที่ห้องของอิศร์ เห็นรุจีซุ่มแอบฟังอยู่ ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรหรือเปล่า อนุภัทรจึงแกล้งกระแอม
“อะแฮ่ม มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
รุจีสะดุ้งหันมา พอเห็นว่าเป็นคนขับรถก็สะบัดหน้า
“ไม่มีย่ะ” แล้วทำเป็นเคาะประตู “ขออนุญาตค่ะคุณอิศร์”
รุจีเดินนำเข้าไป อนุภัทรมองอย่างสงสัยแล้วเดินตาม

รุจีรายงานอิศร์ท่าทางนอบน้อม
“คุณอำพลให้มาเรียนถามว่า คุณอิศร์ต้องการอะไรในห้องทำงานเพิ่มไหมคะ ดิฉันจะจัดหาให้” รุจีหยิบบันทึกขึ้นมาจด
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าผมอยากได้อะไรจะให้เลขาจัดหาเอง”
อิศร์พยักเพยิดไปทางมายาวีที่ก้มหน้าแชทมือถืออยู่ แพรพลอยรีบสะกิด มายาวีสะดุ้งเงยขึ้นมา ทำหน้าเหรอหรา
“ผมมีเลขาแล้วครับ ฝากขอบคุณคุณลุงด้วย”
มายาวีรับลูก “อ๋อ ใช่ค่ะ คุณอิศร์รับดิฉันเข้าทำงานแล้วค่ะ ยังไงรบกวนจัดโต๊ะทำงานด้านนอกให้ด้วยนะคะ”
รุจีพยักหน้ารับงงๆ

รุจีเข้ามารายงานอำพลทันที
“คุณอิศร์มีเลขาส่วนตัวแล้วค่ะ”
“ใคร? ลูกรมต.สมองกลวงนั่นน่ะเหรอ” ไอศูรย์เยาะ ยังฉุนไม่หาย
“ไม่เอาน่าศูรย์ หนูเมย์เขาก็จบเมืองนอกเมืองนามา คงจะมีความรู้บ้างแหละน่า” อำพลพยักหน้าให้รุจีออกไป
“หึ ก็ความรู้ระดับเดียวกับไอ้อิศร์มั้งครับ ปริญญาห้องแถว”
“ไม่ดีเหรอ คนโง่กับคนโง่มาอยู่ด้วยกัน ไอ้อิศร์มันอยากทำอะไรก็ให้มันทำไป เพราะยังไงก็ไม่มีทางตามทันเรา”
อำพลเริ่มสบายใจขึ้นมา เพราะคิดว่ามายาวีคงไม่มีพิษสง โดยไม่สำเหนียกว่าตัวเองคิดผิด!

ด้านมายาวีเปิดแฟ้มในกระเป๋า หยิบวางให้อิศร์บนโต๊ะ
“นี่คือข้อมูลของเดชโชดมกรุ๊ปที่ฉันทำการบ้านมา ก่อนอื่นนายควรจะอ่านให้หมดนะอิศร์ จะได้รู้ว่าตัวเองเป็นเจ้าของอะไรบ้าง”
อิศร์เปิดแฟ้มดู พอเห็นตัวอักษรเป็นพรืดก็ผลักหนี
“โอ๊ย เยอะแยะขนาดนี้ไม่เอาหรอก คุณแพรอ่านแล้วกัน” โดยผลักไปให้แพรพลอย
“ฉันเกี่ยวอะไรล่ะ”
“คุณอ่านแล้วก็บรีฟให้ผมฟังหน่อย”
“ฉันเป็นบอดี้การ์ด ไม่ใช่เลขาคุณ แล้วอีกอย่าง คุณควรจะเรียนรู้งานด้วยตัวเอง”
“ผมไม่อยากเรียนรู้งานซะหน่อย ผมมาที่นี่ก็เพราะไอ้ภัทร” เขาหันมาทางอนุภัทร “แกจะทำอะไรก็รีบๆ ทำสิวะ เสร็จงานแกฉันจะได้กลับไปอยู่บ้านเฉยๆ”
อิศร์พูดจบก็เอนหลัง เปิดคอมพิวเตอร์เล่นอินเตอร์เน็ต
แพรพลอยส่ายหน้าเอือมระอา “คุณไม่คิดจะทำตัวให้เป็นประโยชน์เลยหรือไงคุณอิศร์”
“ก็นี่ไง ผมยินดีช่วยไอ้ภัทรเต็มที่” หันมาทางอนุภัทรอีก “แกจะให้ฉันช่วยอะไรก็ว่ามา อยากจะเรียกดูเอกสารหลักฐานอะไร เดี๋ยวฉันจัดการให้” อิศร์ยกหูโทรศัพท์จะโทร.เรียก
“พี่ชายแกคงไม่เก็บหลักฐานไว้ให้เรียกดูง่ายๆ หรอก ฉันคงต้องไปค้นหาเอง” อนุภัทรบอก
“ที่ไหน”
“ห้องทำงาน ฉันได้ยินว่านายธำรงไปจีนตั้งแต่เช้า วันนี้โอกาสเหมาะที่สุด”

อิศร์กับแพรพลอยเดินขึ้นมาที่ชั้นทำงานของอำนวย เหลือบมองไปยังห้องธำรงที่ติดกับห้องอำนวย มีชื่อแปะอยู่ ทั้งสองใช้เลขาร่วมกัน
เลขาเห็นรีบลุกขึ้นต้อนรับ “สวัสดีค่ะคุณอิศร์ คุณอำนวยรออยู่ในห้องค่ะ”
“ขอบคุณครับ” อิศร์ทำเป็นนึกได้ “ผมขอกาแฟซักสองแก้วนะ”
“ได้ค่ะ”
เลขารีบออกไปชงกาแฟ อิศร์เดินเข้าห้องอำนวย แพรพลอยยืนคุมเชิงอยู่หน้าประตู แล้วมองไปทางลิฟต์ ส่งสัญญาณ อนุภัทรทำท่าลับๆ ล่อๆ แล้วแอบเปิดประตูเข้าห้องธำรงไปอย่างรวดเร็ว

แพรพลอยดูทางครู่หนึ่งแล้วจึงตามเข้ามาในห้องอำนวย เห็นอำนวยกำลังคุยกับอิศร์
“ลุงดีใจนะที่อิศร์ตัดสินใจมาช่วยกันทำงาน บริษัทจะได้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น”
“ครับ ผมคงต้องขอคำชี้แนะจากคุณลุงเยอะเลยครับ” อิศร์หัวเราะกลบเกลื่อน
“นี่ขึ้นมาหาลุง แสดงว่ามีอะไรจะให้ชี้แนะล่ะสิ”
อิศร์เอ๋อไป เพราะเขาไม่มีธุระ แค่หาทางให้อนุภัทรได้เข้าห้องธำรงเท่านั้น
อำนวยคะยั้นคะยอ “พูดมาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”
อิศร์อึ้งๆ เอ๋อๆ มองหน้าแพรพลอย ขอความช่วยเหลือ แพรพลอยกลอกตาใส่ที่อิศร์ขณะบอก
“คุณอิศร์อยากรู้เรื่องบริษัทไม่ใช่เหรอคะ”
“อ๋อ ช...ใช่ครับใช่ ผมอยากรู้ความเป็นมาของบริษัทน่ะครับ ตั้งแต่เริ่มแรก คือ...คุณปู่เคยเล่าให้ฟังตอนเด็กๆ แต่ผมลืมไปหมดแล้ว”
“เอางั้นเลยเหรอ”
อิศร์แถไปเรื่อย “ครับคุณลุง คือผมว่าก่อนที่เราจะลงมือทำอะไรก็ควรต้องศึกษาให้ถ่องแท้ก่อนน่ะครับ ผมก็เลยอยากจะรู้ประวัติทุกแง่มุมของเดชโชดม”
อำนวยทำหน้าคิด “ลุงว่าเรามีสไลด์พรีเซ็นเตชั่นอยู่ในห้องประชุมนะ”
“ดีเลยครับ รบกวนคุณลุงด้วยนะครับ”
อำนวยพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น แล้วเดินนำไป
แพรพลอยเดินรั้งท้าย ทิ้งระยะห่าง แล้วรีบหยิบโทรศัพท์มากดหาอนุภัทร
“คุณอิศร์คงถ่วงเวลาได้อีกพักใหญ่ค่ะ ทางโน้นเป็นยังไงบ้าง”

อนุภัทรเข้ามาข้นเอกสารในตู้อย่างรีบเร่ง หนีบโทรศัพท์ไว้ข้างหู
“ยังไม่เจออะไรเลยครับ แต่ผมกลัวจะมีคนเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน นี่คุณเมย์ขึ้นมาหรือยัง”
น้ำเสียงผู้กองหนุ่มร้อนรนใจ

เลขาตามเข้ามาเสิร์ฟกาแฟในห้องประชุม เห็นอำนวยเปิดสไลด์ภาพ อธิบายให้อิศร์ฟังอยู่
ภาพหน้าจอเป็นรูปขาวดำของ เดช เดชโชดม ที่ถ่ายหน้าตึกแถวเก่าๆ ที่ตั้งแรกเริ่มของบริษัท
“บริษัทเดชโชดมของเรา ก่อตั้งมาตั้งแต่...” อำนวยเริ่มบรรยายที่ไปที่มาของ อาณาจักรเดชโชดม แล้วร่ายยาว

มายาวีในชุดเครื่องแบบแม่บ้าน มีผ้าปิดปาก ลากเครื่องดูดฝุ่นมาอย่างรวดเร็ว จะไปที่ห้องธำรง เลขาออกมาจากห้องประชุม รีบเข้ามาขวาง
“เดี๋ยวเธอ จะเอาไปไหนจ๊ะ”
มายาวีทำหน้าตกใจ แล้วรีบพูดเสียงเหน่อๆ แบบสาวสุพรรณ ทั้งที่ยังมีผ้าปิดปากอยู่
“คุณธำรงสั่งให้หนูมาดูดฝุ่นค่ะ”
“คุณธำรงไม่อยู่นี่” เลขาท้วง
“เธอสั่งไว้ก่อนไปเมืองนอกค่ะ บอกว่าคราวที่แล้วหนูทำไม่สะอาด หนูขอไปทำก่อนนะคะ”
มายาวีรวบรัดแล้วรีบเข้าห้องธำรงไป เลขามองอย่างสงสัย แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก ลงนั่งทำงานต่อ

มายาวีเข้ามาในห้อง รีบถอดผ้าปิดปากออก
อนุภัทรเหน็บ “กว่าจะมาได้นะคุณ”
“ก็กว่าจะหาทางจิ๊กชุดแม่บ้านมาได้มันยากนี่ คุณเจออะไรบ้างหรือยัง”
อนุภัทรส่ายหน้าเซ็ง “ยัง”
“เร็วเข้าสิ ฉันจะคอยดูลาดเลาให้”

มายาวีพูดพลางสวมผ้าปิดปาก เปิดเครื่องดูดฝุ่นทำงาน แล้วค่อยๆ แอบแง้มประตูชะโงกมอง เลขานั่งทำงานง่วนอยู่หน้าห้องไม่สนใจ

ส่วนในห้องประชุม อิศร์นั่งเอนตัวพิงเก้าอี้ผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ อำนวยฉายสไลด์ถึงตอนสุดท้ายพอดี

ภาพในจอขึ้นเป็นกิจการต่างๆ ของบริษัท
อำนวยอิบายทิ้งทวน “ปัจจุบันนี้เดชโชดมกรุ๊ปต้องดูแลธุรกิจหลายอย่าง นอกจากธุรกิจก่อสร้างที่เราทำเป็นหลัก ยังมีอสังหาริมทรัพย์ทั้งโรงแรมและบ้านจัดสรร รวมไปถึงห้างค้าปลีกและร้านอาหาร อิศร์สนใจด้านไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”
แพรพลอยที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นอิศร์ไม่ตอบก็หันไปถองเต็มแรง
อิศร์สะดุ้งร้อง “โอ๊ย” พรวดพราดลุกขึ้นตอนที่อำนวยเปิดไฟพอดี อำนวยเลยไม่เห็นว่าอิศร์แอบหลับ
อิศร์ทำท่ากระตือรือร้น “มีอะไรครับลุง”
อำนวยยิ้มเอ็นดู เพราะคิดว่าอิศร์กระตือรือร้น ไม่รู้ว่าหลับ “ลุงถามว่าอิศร์สนใจธุรกิจในเครือของเราตัวไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”
อิศร์อึกอัก เพราะไม่รู้อะไรเลย เนื่องจากไม่ได้ฟัง
“ไม่เป็นไร คิดเล่นๆ ไปก่อน ยังมีเวลาให้ศึกษาอีกเยอะ แต่เดี๋ยวลุงต้องออกไปประชุมกับบอร์ดห้างสรรพสินค้า”
อิศร์ปล่อยไก่ “ห้าง? เรามีห้างด้วยเหรอครับ”
“อ้าว ก็เมื่อกี้ลุงเพิ่ง...”
แพรพลอยรีบพูดแทน กลัวความแตกว่าอิศร์ไม่ได้ตั้งใจดูและฟัง “คุณอิศร์น่าจะลองไปสำรวจดูนะคะ”
“เอาสิ ถ้าอิศร์สนใจจะเข้าประชุมด้วยก็ได้ เผื่อจะรู้อะไรมากขึ้น”
อิศร์ยังเหรอหราอยู่ จับต้นชนปลายไม่ถูก

อำนวยเดินออกจากบริษัทไปขึ้นรถบุญเกิดที่จอดรอ อิศร์กับแพรพลอยเดินตามมา
อิศร์ดึงแพรพลอยมากระซิบ “ทำไมเราต้องไปด้วยล่ะคุณ”
แพรพลอยกระซิบกลับ “คุณควรจะตามประกบคุณลุงเอาไว้ ผู้กองกับคุณเมย์จะได้ทำงานสะดวก”
“แต่ผมขี้เกียจเข้าประชุมนี่”
อิศร์บ่ายเบี่ยง อำนวยหันมาเรียก
“อิศร์”
แพรพลอยรีบผลักอิศร์ไปขึ้นรถ แล้วก้าวขึ้นนั่งตอนหน้า อิศร์เซ็งๆ

อำนวยพาอิศร์มาแนะนำให้กลุ่มผู้บริหาร บอร์ดของห้างรู้จัก แพรพลอยยืนอยู่ห่างๆ
“อิศร์เป็นลูกชายของอำนาจ น้องชายคนสุดท้องผม”
ผู้บริหาร 1 ทัก “อ๋อ ที่บอกว่าไปเรียนต่างประเทศหลายปี จำได้แล้วครับ”
บอร์ดทุกคนทักทายชื่นชมอิศร์ อำนวยยิ้มภูมิใจ ดูนาฬิกา
“จะได้เวลาแล้ว ไปอิศร์”
อำนวยโอบไหล่อิศร์ตามพวกบอร์ดเข้าห้องประชุม อิศร์ลุกลี้ลุกลน
“เอ่อ คุณลุงครับ ผมขออนุญาตไปห้องน้ำ แล้วจะตามไปนะครับ”
อำนวยพยักหน้า เดินคุยกับบอร์ดคนอื่นเข้าไป อิศร์รีบแยกตัวออกมา วิ่งมาหาแพรพลอยที่ยืนอยู่ห่างๆ แล้วดึงแขนไปทันที
“คุณอิศร์ จะไปไหน”
อิศร์ไม่ตอบ รีบลากแพรพลอยวิ่งออกไปจากออฟฟิศ

อิศร์พาแพรพลอยวิ่งเข้ามาในห้าง ท่าทางเหมือนหนีอะไรซักอย่าง
“คุณอิศร์ หยุด! คุณจะไหน การประชุมจะเริ่มแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ผมไม่เข้าประชุมหรอก เข้าไปก็ฟังไม่รู้เรื่อง แถมยังมีแต่คนแก่ๆ แม้แต่เลขาก็ยังแก่”
“แต่คุณตามคุณลุงมาทำงาน” แพรพลอยทักท้วง
“ก็นี่ไงงาน ผมจะเดินสำรวจห้างของผม และคุณก็ต้องไปด้วยกัน”
อิศร์ลากแขนแพรพลอยไป

อิศร์พาแพรพลอยแวะร้านอาหารในห้าง บ๋อยเอาอาหารมาเสิร์ฟ แพรพลอยมอง แล้วถอนใจเฮือก
“คุณบอกจะสำรวจห้าง แล้วมานั่งกินข้าวเนี่ยนะ”
“ก็ต้องสำรวจร้านอาหารก่อน ว่าอร่อยหรือเปล่า ถ้าไม่อร่อยจะได้ยกเลิกสัญญา แล้วเอาร้านอร่อยๆ เข้ามาแทน ลองชิมดูสิ”
“ฉันไม่หิว”
อิศร์ตักอาหารใส่จานให้หล่อน “ไม่ได้นะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงคุ้มกันผม เราต้องไปอีกหลายร้าน”
“นี่อย่าบอกนะว่าคุณจะตระเวนกินทุกร้านในห้างนี้”
“ทั้งกินทั้งช็อป แล้วถ้าเบื่อๆ ก็ขึ้นไปดูหนังกัน” อิศร์เคี้ยวข้าวหน้าระรื่นชวนหมั่นไส้
“คุณนี่ไม่คิดจะทำตัวให้เป็นประโยชน์จริงๆ ใช่ไหมคุณอิศร์” แพรพลอยชักเซ็ง
อิศร์หยุดกิน มองแพรพลอยที่ส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“แล้วถ้า...ผมป้อนข้าวคุณ จะเรียกว่าทำตัวให้เป็นประโยชน์ไหม”
แพรพลอยอึ้ง “อะไรนะ”
อิศร์ลุกเดินมานั่งฝั่งเดียวกับแพรพลอย ดึงจานแพรพลอยมาตักข้าว
“ก็คุณเป็นเด็กดื้อ ถึงเวลากินข้าวไม่ยอมกิน มัวแต่ตั้งคำถามเป็นคุณหนูจำไมอยู่ได้ ผมป้อนให้เลยแล้วกัน” อิศร์ตักข้าวจะป้อน
“นี่ อย่านะ” แพรพลอยหันไปมองรอบๆ ท่าทีอายๆ
“งั้นก็เลิกถาม แล้วกินข้าวซะ เราจะได้ไปเดินเล่นกันต่อ”
แพรพลอยมองค้อนประหลับประเหลือก อิศร์หันไปมองรอบร้านอีกครั้ง
“หรือคุณอยากจะให้ผมป้อนจริงๆ จะได้เป็นเป้าสายตาคนในร้าน”
แพรพลอยผลักอิศร์ให้ห่างออกไป “ฉันจะกินแล้ว คุณก็กลับไปนั่งที่เดิม รีบๆ กินรีบๆ ไป”
แพรพลอยก้มหน้ากินข้าว อิศร์มองยิ้มๆ แล้วลุกขึ้น จะกลับมาที่เดิม แต่เสียงคุ้นหูดังขึ้น
“อิศร์คะ”
อิศร์กับแพรพลอยหันไป เห็นอริสรายืนอยู่
อริสรายิ้มดีใจ “อริสเห็นอิศร์จากหน้าร้าน แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า” พลางเหลือบตามองมาทางแพรพลอย “มาทานข้าวกันเหรอคะ”
“เอ่อ ครับ พอดีผมตามคุณลุงอำนวยมาดูงานที่ห้าง”
อริสราฉงน “ดูงาน?”
“ผมจะเริ่มทำงานที่บริษัท”
อริสราตื่นเต้นไปด้วย “จริงเหรอคะ?”
อริสราคุยกับอิศร์ โดยไม่สนใจแพรพลอย เหมือนแพรพลอยไม่มีตัวตน จนแพรพลอยอึดอัด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี แพรพลอยเลยถือโอกาสชิ่ง
“ขอตัวซักครู่นะคะ”
แพรพลอยรีบเดินออกไป อิศร์มองตาม แต่ในที่สุดก็จำใจเชิญอริสรานั่ง

แพรพลอยออกมาคุยโทรศัพท์กับมายาวี
“เป็นยังไงบ้างคะคุณเมย์”

มายาวีคุยโทรศัพท์จากห้องธำรง เหลือบมองอนุภัทรที่วุ่นวายกับการเปิดตู้เอกสาร
“ยังไม่ได้อะไรเลยค่ะ ไม่ได้เรื่อง”
อนุภัทรสะดุ้งหันมามอง
“เมย์เหนื่อยแล้วล่ะค่ะ เกิดมาก็ไม่เคยต้องดูดฝุ่นบ้านตัวเอง อยู่ๆ ก็ต้องมาเป็นแม่บ้านออฟฟิศ”
“เอาเถอะค่ะคุณเมย์ คุณเมย์อยากช่วยผู้กองไม่ใช่เหรอคะ”
“เมย์อยากช่วยคุณพ่อต่างหาก ก็ได้ค่ะ เมย์จะทน”
มายาวีวางสาย อนุภัทรเงยหน้าขึ้นบ่น
“คุณนี่นะ พอขอให้ช่วยก็บ่น แต่พอไม่อยากให้ช่วยล่ะก็ ยุ่งจริง”
“ก็ฉันนึกว่าคุณจะทำงานแบบสายลับในหนังฝรั่ง นี่อะไรกันแฮ็คคอมพิวเตอร์ก็ไม่เป็น แต่ได้อ่านเอกสารที่ละแผ่น เฮ่อ...ไม่ได้เรื่อง”
อนุภัทรรำคาญ หยิบเครื่องดูดฝุ่นที่พิงผนังมายัดใส่มือมายาวี แล้วเปิดสวิทช์
“อย่าบ่น ทำงานต่อไป แล้วคอยแอบมองหน้าห้องให้ผมด้วย”
อนุภัทรทำงานต่อ มายาวีแกล้งเป้ปากใส่ แล้วรีบใส่ผ้าปิดหน้า ก่อนจะย่องไปชะโงกมองหน้าห้อง
ไอศูรย์เปิดประตูเข้ามาพอดี
มายาวีตกใจร้อง “ว้าย”

แพรพลอยเดินกลับเข้ามาในร้าน เห็นอริสรานั่งแทนที่ตนเองไปแล้ว เตรียมกินข้าวด้วย
อริสราทักเสียงหวาน “คุณแพรคงไม่รังเกียจที่จะให้อริสร่วมโต๊ะนะคะ”
แพรพลอยฝืนยิ้ม “ไม่เลยค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ”
อริสรายิ้มหวาน ตักอาหารให้อิศร์อย่างเอาใจ แล้วชวนอิศร์คุยเหมือนอยู่กันสองคนในโลก
“อริสไม่นึกเลยว่าอิศร์จะเข้ามาดูแลงานที่บริษัท”
อิศร์แก้ตัว ไม่บอกเหตุผลที่แท้จริง “ก็...อยู่บ้านมันเบื่อน่ะครับ”
“ก็ดีแล้วล่ะค่ะ บริษัทนี้เป็นของอิศร์”
“เป็นของทุกคนในเดชโชดมแหละครับ ผมเองคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้แน่ๆ”
“ถ้ามีอะไรให้อริสช่วยก็บอกนะคะ”
แพรพลอยก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ เหมือนไม่มีตัวตน จนอิศร์สงสาร พยายามจะตักอาหารให้ อริสราเห็นเข้า รีบตักให้แทน
“คุณแพรตักไม่ถึงเหรอคะ นี่ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
แพรพลอยรับฝืนๆ แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ
อริสราหันไปชวนคุยอิศร์จ้อต่อ ไม่สนใจแพรพลอยอีก
“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้ว อิศร์ไม่มีธุระอะไรใช่ไหมคะ อริสอยากมีเพื่อนช้อปปิ้ง”
อิศร์อึกอัก อยากปฏิเสธ เหลือบมองแพรพลอยให้ช่วย
แต่แพรพลอยเมินหน้าหนี ไม่อยากยุ่งด้วย เพราะเริ่มเซ็งๆ ที่ต้องตกอยู่ในบรรยากาศ...ส่วนเกิน

ไอศูรย์เดินเข้ามาในห้องสีหน้าขึงขัง มายาวีถอยกรูด
“ทำไมต้องทำท่าตกอกตกใจขนาดนั้น”
มายาวีตั้งสติพูดเสียงเหน่อ “น...หนูขอโทษค่ะ”
ไอศูรย์มองไปทั่วๆ ห้อง ไม่เห็นอนุภัทร แต่เห็นมีเอกสารเรียงรายอยู่เต็มห้อง
“แล้วนี่อะไรกัน ทำไมถึงได้รกขนาดนี้”
ที่แท้อนุภัทรซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะทำงาน
“ค...คุณธำรงทำไว้ค่ะ! หนูกำลังจะเก็บ”
มายาวีรีบทำเป็นรีบเรียงเอกสาร ท่าทางลุกลี้ลุกลน
“เธอชื่ออะไร”
มายาวีอึ้ง อึกอัก คิดไม่ทัน
“ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร ไหนเปิดหน้ากากออกมาดูหน่อยซิ”

มายาวีเหงื่อแตก กลัวโดนจับได้ อนุภัทรที่หลบอยู่ใต้โต๊ะ ใจเต้นระทึก พลอยเป็นห่วงไปด้วย

ฝ่ายอริสราเดินควงคู่คุยกับอิศร์มาถึงหน้าร้านเสื้อ สีหน้าเบิกบานสดชื่นรื่นรมย์สุดประมาณ

“อริสกำลังจะหาชุดใส่ไปงานแต่งงานญาติ อิศร์ไปช่วยดูหน่อยนะคะ”
อิศร์ทำหน้าอึดอัด “เรื่องเสื้อผ้าผู้หญิงผมคงไม่ถนัดหรอกมั้งครับ” เขารีบดึงแพรพลอยมา “อริสไปกับคุณแพรดีไหมครับ ผมจะไปเดินเล่น...”
อิศร์พยายามชิ่ง แต่อริสราดึงแขนไว้
“ก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละค่ะ แต่อริสอยากให้อิศร์ช่วยเลือก เพราะอิศร์น่าจะรู้ดีกว่าคุณแพรว่าอะไรเหมาะกับอริส” อริสรายิ้มข่มแพรพลอยอยู่ในที
อิศร์จนมุม ไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงยังไง ได้แต่พยักหน้า อริสราดีใจ รีบออกเดิน
อิศร์เตร่เข้ามาใกล้แพรพลอยกระซิบบ่นต่อว่า “ไม่เคยคิดจะช่วยผมเลยนะ นี่ผมกำลังโดนจู่โจม”
“ไม่ดีเหรอคะ คุณจะได้มีเพื่อนรู้ใจเดินช็อปปิ้งไง ฉันจะรอข้างนอกนะคะ”
“ไม่ได้ คุณต้องไปกับผม”
อิศร์ดึงแพรพลอยให้เข้าร้านไปด้วยกัน

ทางด้านมายาวียืนตัวสั่นงันงกอยู่ตรงหน้าไอศูรย์ ไอศูรย์โมโห เอามือทุบโต๊ะปัง
“ว่าไง ฉันบอกให้เปิดหน้าออกมาดูหน่อย ทำไมฉันไม่คุ้นท่าทางเธอเลย”
มายาวีอึกอักกลัวความแตก อนุภัทรพลอยเครียดไปด้วย
“หนู...หนูเป็นหวัดค่ะ” มายาวีแกล้งจาม “ฮัดชิ่ว”
“ฉันชักไม่ค่อยเชื่อแล้ว ถอดออกมา! เร็ว! หรือเธอจะให้ฉันถอดให้”
มายาวียิ่งตกใจ รีบส่ายหน้าค่อยๆ แกะสายหน้ากากออกข้างนึงแต่เอามือปิดปากไว้แล้วแกล้งจาม
ไอศูรย์สั่ง “เอามือลง”
มายาวีแกล้งจามหนักๆ “ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณติดโรคนะคะ” มายาจามต่อเนื่อง
ไอศูรย์พยายามจะบังคับมายาวีอีก แต่โทรศัพท์ดังขัดขึ้นเสียก่อน
ไอศูรย์กดรับ “ครับพ่อ...ผมมาหาอาอำนวย แต่แกออกไปประชุมข้างนอก...” ฟังแล้วตกใจ “ลูกค้ามาถึงแล้วเหรอครับ ได้ครับ ผมจะรีบลงไป”
ไอศูรย์มองมายาวีอย่างติดใจสงสัย แต่ก็รีบร้อนออกจากห้องไป มายาวีถอนใจเฮือก รีบถลาไปปิดประตู อนุภัทรรีบโผล่หน้าออกมา
“เขาทำอะไรคุณหรือเปล่า”
มายาวีส่ายหน้าตื่นๆ “ยังหรอก แต่ถ้าไม่ได้โทรศัพท์ช่วยไว้ ฉันโดนฉีกเป็นชิ้นๆ แน่”
อนุภัทรนิ่งคิด “ผมว่าเราออกไปจากที่นี่เถอะ”
“อ้าว คุณเจอเอกสารแล้วเหรอ”
“ไม่เจอ แต่ผมเป็นห่วงคุณ เดี๋ยวจะเดือดร้อนไปด้วย”
อนุภัทรพูดพลางเก็บเอกสารที่เรี่ยราดให้เป็นระเบียบ มายาวีมองอนุภัทร อึ้งนิดๆ ที่ได้ยินว่าเขาอุตส่าห์เป็นห่วงหล่อน

อริสราลองชุดสวย เดินออกมาจากห้องแต่งตัวมาหาอิศร์
“อิศร์คะ ชุดนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ก็สวยดีนี่ครับ คุณแพรว่าไง”
อิศร์ยิ้มฝืนๆ หันไปถามความเห็นแพรพลอย แต่อริสราตัดบทเพราะไม่ใส่ใจแพรพลอย กระเง้ากระงอดใส่อิศร์
“อิศร์ยิ้มอย่างนี้แสดงว่ายังดูไม่ดีพอ งั้นอริสจะไปลองชุดใหม่ อยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ”
อริสรากลับเข้าห้องแต่งตัวไป แพรพลอยเจื่อน รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
“ฉันจะออกไปรอข้างนอกนะคะ”
แพรพลอยเดินออกไปหน้าร้าน ผ่านหญิงวัยกลางคนแต่งตัวดีที่กำลังยืนเลือกเสื้อผ้ากับพนักงานอยู่
หญิงคนนั้นหันมาเห็นแพรพลอย “รูปร่างเท่าหนูคนนี้แหละจ้ะ ลูกสาวฉัน”
แพรพลอยชะงักงงงัน คุณป้าคนดังกล่าวรีบเดินเข้ามาหาแพรพลอย ยิ้มอย่างเป็นมิตร
“หนูจ๋า ขอโทษนะจ๊ะ” พลางเอาชุดที่ถือมา ทาบตัวแพรพลอย “ตัวนี้น่าจะพอดี” แล้วเอาอีกตัวทาบ “แต่แหมตัวนี้ก็สวย เลือกไม่ถูกจริงๆ”
แพรพลอยได้แต่งุนงง ป้าทำท่านึกได้
“เอางี้ดีกว่า หนูมีธุระอะไรที่ไหนหรือเปล่าจ๊ะ ฉันจะรบกวนหน่อย”
“อะไรเหรอคะ”
“ป้ากำลังหาชุดใส่ไปงานจบมหาวิทยาลัยให้ลูกสาวน่ะจ้ะ แกไม่มีเวลามาเลือกเอง หนูช่วยลองให้หน่อยได้ไหม”
แพรพลอยอึ้ง ยิ้มเจื่อนๆ หญิงวัยป้าคะยั้นคะยอ
“นะจ๊ะ แป๊บเดียว หรือว่าหนูจะรีบไป”
แพรพลอยหันไปมองอิศร์ เห็นอิศร์เดินเบื่อๆ รออริสราอยู่มุมหนึ่ง เลยตอบตกลง
“ก็ได้ค่ะ”
“ขอบใจมากจ้ะ” ป้ายิ้มแฉ่ง รีบส่งชุดให้พนักงาน
พนักงานเดินนำแพรพลอยไปที่ห้องแต่งตัว

อิศร์เดินเบื่อๆ สลับดูนาฬิกา พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นอริสราในชุดใหม่ยืนอยู่
“ดีขึ้นไหมคะอิศร์”
อิศร์ยิ้มฝืดๆ “ครับ สวยครับ ผมว่าเอาชุดนี้ก็ได้นะครับอริส เราจะได้รีบ...”
อิศร์หยุดพูดเพราะมองไปด้านหลังอริสรา เหมือนตะลึงอะไรบางอย่าง
“อิศร์แน่ใจนะคะ”
อิศร์นิ่งไม่ตอบ แต่มองเหม่อๆ จนอริสราแปลกใจ หันกลับไปดูตาม
ทั้งคู่เห็นแพรพลอยในชุดราตรีสวย ยืนเก้ๆ กังๆ ให้ป้ากับพนักงานดูชุดอยู่
“สวยมากเลยจ้ะหนู ลองปล่อยผมให้ดูนิดนึงได้ไหมจ๊ะ” ป้าว่า
แพรพลอยปล่อยผมที่มัดอยู่ให้สยายออก อิศร์ที่มองอยู่ยิ่งตกตะลึง
อริสราเคืองที่อิศร์มัวแต่ตะลึงมองแพรพลอย “อิศร์คะ”
แต่อิศร์เหมือนถูกมนต์สะกด เดินตรงไปหาแพรพลอยทันที
“คุณแพร นี่คุณจริงๆ เหรอ เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย”
แพรพลอยหันมามองอิศร์อย่างตกใจ เขินอาย หญิงหันมายิ้มกับอิศร์
“สงสัยว่าคุณจะเป็นแฟนหนูคนนี้ เธอสวยใช่ไหมล่ะคะ” ป้าแซว
แพรพลอยตกใจ พยายามจะปฏิเสธ แต่อิศร์พูดแทรกขึ้นมาสายตาปลื้มปริ่ม
“ครับ สวยมาก”
“ป้าวานให้แฟนคุณลองชุดแทนลูกสาวหน่อย เดี๋ยวลองให้ป้าดูอีกชุดนะจ๊ะ”
อิศร์มองแพรพลอยสายตาวิบวับปลาบปลื้ม จนแพรพลอยต้องหลบสายตา รีบเดินกลับเข้าไป อริสราเดินตามมาเรียก
“อิศร์คะ ตกลงชุดนี้...”
“เอาชุดนี้แหละครับอริส ผมว่าสวยแล้ว”
อิศร์พูด แต่สายตายังมองตามแพรพลอยไปอย่างหลงใหล ไม่สนใจอริสราเลยสักนิด อริสรามองแพรพลอยด้วยความเจ็บใจ

อริสราเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดเดิม มองกระจกด้วยความหงุดหงิดที่โดนแพรพลอยแย่งซีน อยากจะระบายอารมณ์ใส่เสื้อผ้าในมือ อริสราเปิดม่านออกมา พนักงานเห็นเข้าก็ทักเสียงแจ่มใส
“เป็นไงคะ ชอบไหม”
อริสรากำลังจะตอบ แต่เห็นแพรพลอยออกมาจากห้องลองชุดข้างๆ อยู่ในชุดราตรีสวยสง่า ดูดีมาก ก็อารมณ์เสีย
“ไม่ชอบซักชุด ขอบคุณนะคะ”
อริสราเดินคอแข็งออกไป แพรพลอยมองตาม จับอาการได้ว่าอริสราอารมณ์เสียเพราะตัวเอง

แพรพลอยเดินออกมาโชว์ตัวให้ป้ากับอิศร์ดู
“เป็นไงบ้างคะคุณ” ป้าถามอิศร์
“สวยกว่าเดิมอีกครับ ผมว่าชุดนี้ดีกว่า”
แพรพลอยเกรงใจป้า “นี่ คุณไม่ได้เป็นคนซื้อนะ”
ป้าหัวเราะชอบใจ “ ไม่เป็นไรจ้ะ ป้าก็เห็นด้วย” ป้าหันมาทางพนักงาน “ตกลงฉันเอาชุดนี้จ้ะ”
พนักงานรีบพาแพรพลอยกลับเข้าไปเปลี่ยนชุด อริสรารีบดึงมืออิศร์จะออกไป
“อริสอยากไปดูร้านอื่นแล้วค่ะอิศร์”
“คงไม่ได้แล้วล่ะครับ เมื่อกี้คุณลุงอำนวยโทรมาตามแล้ว เดี๋ยวผมคงต้องกลับไปที่บริษัท อริสจะไปหาพี่ศูรย์ด้วยไหม”
อริสราหน้าเสีย “จะทิ้งให้อริสอยู่คนเดียวเหรอคะ”
“ผมว่ามันเย็นมากแล้ว อริสค่อยมาช็อปวันหลังไม่ดีกว่าเหรอ ชวนพี่ศูรย์มาด้วยสิครับ”
อริสราเซ็ง หน้าเสียกว่าเดิม “ไม่เป็นไรค่ะ อริสจะไปคนเดียว”
อริสราเดินออกไปจากร้านทันที อิศร์มองตาม ถอนใจออกมา หน้าขรึมลงอย่างรู้สึกผิดที่ตัดรอนอริสรา

แพรพลอยกับอิศร์ออกมาจากร้าน เตรียมจะขึ้นไปหาอำนวย
“คุณอริสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ถึงรีบร้อนกลับไปก่อน”
“คงจะกลัวรัศมีความสวยของคุณน่ะ” อิศร์สัพยอก
แพรพลอยชะงัก มองอิศร์อย่างฉงน อิศร์หัวเราะออกมา
“ผมพูดเล่น อริสเขาอยากไปเดินช้อปปิ้งต่อ”
“นึกว่าเธอโกรธอะไรฉันซะอีก”
“ผมไม่เห็นคุณทำอะไรนี่ นอกจากสวยกว่า” อิศร์หยอกเย้าไม่เลิก
แพรพลอยฉุน “คุณอิศร์”
“ผมพูดจริงนะ คุณแต่งตัวแบบนั้นแล้วดูดีมาก น่าจะใส่บ่อยๆ ผมชอบ เอ ผมเป็นนายจ้างคุณนี่นา ผมควรจะเลือกเครื่องแบบให้บอดี้การ์ดใส่ได้ไม่ใช่เหรอ”
“คุณจะให้ฉันแต่งตัวอย่างนั้น แล้วคอยตามคุ้มครองคุณน่ะเหรอบ้าไปแล้ว”
“ก็ผมชอบนี่”
อิศร์พูดพลางส่งสายตาวิบวับ แพรพลอยมองแล้วเขิน
“แต่ฉันไม่ชอบ ฉันแต่งตัวแบบนี้จนชินแล้ว อย่าให้ฉันเปลี่ยนเลยค่ะ เปลี่ยนบอดี้การ์ดง่ายกว่า”

แพรพลอยมองค้อนแล้วเดินหนีไป อิศร์ยิ้มขำ

ไอศูรย์นั่งกินข้าวเย็นกับครอบครัว อริสราเดินเข้ามาได้ยินพอดี

“วันนี้อิศร์ไปทำงานที่บริษัทเหรอคะ”
“ต๊าย จริงเหรอคะ พี่อิศร์เนี่ยนะ” ไอริณไม่อยากเชื่อ
“ครับแม่ ไม่รู้ว่าใครไปปลุกผีมันขึ้นมา อยู่ๆ ถึงอยากจะทำตัวเป็นเจ้าของบริษัท แต่ผมกับพ่อยังไม่กล้าให้มันทำอะไรหรอก อิศร์มันโง่จะตาย โง่กว่าไอ้ธำรงอีก”
อริสราชักสีหน้าไม่พอใจที่ได้ยิน ยังหยุดฟังต่อ
“แหม แต่พี่อิศร์เขาก็เหมือนเป็นเจ้าของบริษัทนะคะ เพราะเขาถือหุ้นใหญ่”
“ถือแต่หุ้น ไม่มีอำนาจ ไม่มีสมอง ก็เหมือนหุ่นไล่กาในบริษัท คนอย่างเจ้าอิศร์มันไม่จริงจังหรอก เห่อเป็นพักๆ เดี๋ยวก็เบื่อ สุดท้ายพ่อนี่แหละก็ต้องบริหารเดชโชดมแทนมันต่อไป” อำพลว่า
“นี่ผมก็รออยู่ อยากให้เลือกกรรมการผู้จัดการแทนคุณปู่เสียที คุณพ่อจะได้ไม่ต้องมีคำว่ารักษาการนำหน้า”
“งั้นประชุมผู้ถือหุ้นพรุ่งนี้แกก็เสนอสิ” อำพลบอก
ไอศูรย์กับอำพลยิ้มย่องใส่กัน อำพลตบไหล่ไอศูรย์อย่างชอบใจ
อริสรา นิ่งคิด ตัดสินใจอะไรบางอย่าง

ขณะที่ป้าดวงเปิดประตูออกมา เห็นอริสราก็เซ็ง
“คุณอิศร์ขึ้นไปพักผ่อนแล้วค่ะ”
“แต่ฉันอยาก...”
ดวงขัดขึ้น “คุณอริสขา ไว้พรุ่งนี้ได้ไหมคะ วันนี้คุณอิศร์ของป้าเหนื่อยมาทั้งวัน ให้เธอพักผ่อนเถอะค่ะ”
อริสราหน้าจ๋อย
“ถ้าอย่างนั้นฝากป้าดวงบอกอิศร์ด้วยนะคะ ว่าพรุ่งนี้เขาต้องไปถึงบริษัทภายในเก้าโมงครึ่ง”
“มีอะไรเหรอคะ”
“มีประชุมผู้ถือหุ้นค่ะ”
ดวงฟังแล้วตกใจ

รุ่งเช้าดวงกับแพรพลอยเคาะห้องอิศร์ระรัว
“คุณอิศร์ขา ตื่นหรือยังคะ”
“ได้เวลาทำงานแล้วนะคะคุณอิศร์”

อิศร์นอนหลับอุตุ ได้ยินเสียงเคาะประตูแต่ไม่ยอมลุกไปเปิด อิศร์พลิกตัวมือปาดไปโดนนาฬิกาปลุกหล่นลงมา เห็นนาฬิกาบอกเวลาแปดโมงครึ่ง

ดวงกับแพรพลอยพยายามเคาะเรียกอิศร์กันอยู่มายาวีกับอนุภัทรตามขึ้นมา
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอคะ”
“ยังค่ะ ปกติคุณอิศร์แกตื่นเช้าติดๆ กันไม่ไหว ต้องพยายามเรียกนิดนึง” ป้าดวงเคาะประตูต่อ “คุณอิศร์ขา”
อนุภัทรพยายามบิดประตู “มีกุญแจสำรองไหมครับ”
“อยู่ที่ห้องแพรค่ะ
แพรพลอยรีบวิ่งไปที่ห้องตัวเอง มายาวี ป้าดวง และอนุภัทรช่วยกันเคาะเรียกอิศร์อยู่อย่างนั้น

ไอศูรย์กับอำพลเดินคุยกันเข้ามาในห้องทำงานไอศูรย์ เจออริสรานั่งรออยู่ ไอศูรย์แปลกใจ
“อริส! คุณมาทำอะไรที่นี่”
อริสรายิ้มให้ไอศูรย์อย่างมีเลศนัย
“ก็มาประชุมน่ะสิคะ วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นไม่ใช่เหรอ”
ไอศูรย์กับอำพลทำหน้าแปลกใจ
“คุณลืมไปหรือเปล่าคะไอศูรย์ ว่าฉันมีหุ้นในบริษัทนี้”
ไอศูรย์ฉงน “แต่คุณไม่เคยสนใจเรื่องของเดชโชดมกรุ๊ป มีอะไรแอบแฝงกันแน่”
“ไม่มีหรอกค่ะ แค่อยากมารักษาผลประโยชน์ตัวเองบ้าง เห็นอิศร์เขามาทำงานแล้ว อริสก็เริ่มคันไม้คันมือเหมือนกันนะคะ เดี๋ยวอริสจะไปรอที่ห้องประชุมนะ”
อริสราลุกเดินออกไป ทิ้งให้สองพ่อลูกมองตามอย่างสงสัย
“เมียแกแปลกๆ นะวันนี้ เขามีแผนอะไร”
ไอศูรย์ส่ายหน้า ไม่รู้เหมือนกัน

ด้านอิศร์ยังนั่งงัวเงียอยู่บนเตียง งอแงใส่ทุกคนที่รุมล้อม
“โอ๊ย ผมต้องไปจริงๆ เหรอ เมื่อวานก็ไปมาแล้วนี่นา” หันมาต่อว่าอนุภัทร “แกไม่เห็นจะหาอะไรเจอเลย พักซักวันสิวะ”
“วันนี้ฉันพักแน่ แต่แกต้องไป”
“อะไรวะ”
“คุณอิศร์ ไปเถอะนะคะ คุณอริสบอกป้าว่าวันนี้บริษัทมีประชุมใหญ่ ใครๆ คงอยากจะเจอคุณนะคะ” ป้าดวงกล่อม
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่รู้เรื่องธุรกิจ ไปก็ไปนั่งเซ่อ เผลอๆ ก็หลับอีก”
“ฉันจะไปนั่งประกบเธอไม่ให้หลับ ไม่ต้องกลัวหรอก เร็ว ลุกขึ้น ไปอาบน้ำ”
มายาวีพยายามดึงอิศร์ให้ลุก แต่อิศร์ทิ้งตัวลงนอนต่อ
“นายอิศร์” มายาวีเซ็ง
“ลากเถอะค่ะ ไม่งั้นไม่ได้ไปแน่” แพรพลอยบอก
อนุภัทรกับมายาวีทำหน้าแบบเอาจริงเหรอ แพรพลอยเข้าไปดึงแขนนำก่อน
อิศร์ร้อง “โอ๊ย”
อนุภัทรกับมายาวีเห็นก็ช่วยกันดึงขา ป้าดวงดึงแขนอีกคน
“เฮ้ยๆๆ ทำอะไรเนี่ย ปล่อยโผม...”
“ป้าดวงไปเปิดน้ำในอ่างไว้เลยค่ะ ถ้าไม่ยอมอาบก็จับโยนทั้งอย่างนี้แหละ”
แพรพลอยสั่งแล้วออกแรงลากอิศร์ลงมาจากเตียง อิศร์หล่นโครม ร้องเสียงดังลั่นบ้าน

ภายในห้องประชุมที่คับคั่งไปด้วยผู้ถือหุ้น บนหน้าจอสไลด์ มีตัวเลขรายงานผลประกอบการของบริษัท โดยไอศูรย์เป็นผู้แจกแจงอย่างคล่องแคล่ว
“ทุกท่านคงจะเห็นแล้วนะครับว่าบริษัทของเรามีความก้าวหน้าไปด้วยดีตลอดมา โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา แม้เดชโชดมกรุ๊ปจะต้องเผชิญกับวิกฤตครั้งสำคัญ นั่นคือการสูญเสียคุณปู่ของผมซึ่งเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในบริษัท”
ไอศูรย์เหลือบมองอำพล ที่นั่งข้างๆ อำนวย เก็บอาการนิ่งสนิท
“เราผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมาได้ และเดชโชดมกรุ๊ปก็ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ส่วนหนึ่งก็เพราะการทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ของคุณอำพล เดชโชดม พ่อของผมเอง”

อิศร์ยืนหลับกรนอยู่หน้ากระจก ขณะที่อนุภัทรช่วยเอาเสื้อใส่ในกางเกงแสล็คอยู่ มายาวีช่วยเซ็ทผมให้ ส่วนแพรพลอยผูกเนคไทเข้าที่คอ กระตุกแรงจนแน่น อิศร์สะดุ้งตื่น ทำท่าหายใจไม่ออก แพรพลอยรีบช่วยแก้ปมเนคไทให้หลวมขึ้น
ป้าดวงวิ่งเอาเสื้อสูทเข้ามาช่วยสวมให้อิศร์ที่ยังไม่หายงัวเงีย

ฟากไอศูรย์ยังคงพูดต่อเนื่องในที่ประชุม
“ผมว่าถึงเวลาแล้วที้เราควรจะมีผู้นำคนใหม่อย่างเป็นทางการเสียที เพื่อให้เดชโชดมกรุ๊ปก้าวหน้าไปอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน”
“ผมเห็นด้วยนะ เราควรตั้งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ได้แล้ว” อำนวยเสริม
คนอื่นๆ ในห้องประชุมเออออตามๆ กัน ไอศูรย์ลอบยิ้มกับอำพลอย่างพอใจ
“ผมดีใจที่เราเห็นตรงกันครับ โดยส่วนตัวแล้วผมขอเสนอคุณพ่อ ให้ขึ้นมาเป็นกรรมการผู้จัดการเต็มตัวแทนคุณปู่ มีใครคัดค้านไหมครับ”
ไอศูรย์มองไปรอบๆ เห็นคนอื่นๆ ทำท่าจะเออออ แต่อยู่ๆ อริสราก็ยกมือขึ้นมา
“ดิฉันคัดค้านค่ะ”
ทุกคนชะงัก มองอริสราเป็นตาเดียว
“หนูอริส” อำพลไม่พอใจ
อริสรายกมือไหว้ “อริสกราบขออภัยนะคะคุณพ่อ แต่เพื่อความเหมาะสมอริสคิดว่าเราไม่ควรจะรีบร้อน การแต่งตั้งกรรมการคนใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ควรจะให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นทุกคนควรมีสิทธิ์ได้ใช้เวลาพิจารณาให้ถี่ถ้วน แล้วอีกอย่างในวันนี้สมาชิกก็ยังไม่ครบองค์ประชุม เพราะยังขาดคนที่สำคัญที่สุด”
ไอศูรย์ อำพล และอำนวยต่างงงงัน
ผู้ถือหุ้น 1 ถาม “ใครเหรอ”
อริสราบอกอย่างภาคภูมิ “คุณอิศร์ เดชโชดมค่ะ”
ผู้ถือหุ้น 2 บอก “หลานชายคนเล็กของคุณเดช”
“ใช่ค่ะ คุณอิศร์เป็นเจ้าของหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของเดชโชดมกรุ๊ป เท่ากับว่าเขาคือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของบริษัท ดิฉันว่าการโหวตเลือกตำแหน่งสำคัญแบบนี้ ไม่มีคุณอิศร์รู้เห็นคงไม่เหมาะ”
“แต่นายอิศร์มันไม่สนใจงานบริษัท คุณจะลากมันมาเกี่ยวทำไม” ไอศูรย์โมโห
“เมื่อวานคุณอิศร์มาทำงานไม่ใช่เหรอคะ” อริสราท้วง
ทุกคนชะงัก เริ่มคุยกันเสียงดัง อริสรายิ้มสะใจ
“ดิฉันเข้าใจว่า คุณไอศูรย์คงยังไม่ได้เรียนให้ทุกท่านทราบว่า คุณอิศร์เริ่มงานที่บริษัทแล้วตั้งแต่เมื่อวาน”
ไอศูรย์มองอริสราอย่างเดือดดาล รู้แล้วว่าอริสราคิดจะหักหน้าเขาอย่างเจ็บแสบนี่เอง
“แต่วันนี้นายอิศร์คงไม่มาหรอกครับ ผมว่าเรายกวาระนี้ออกไปก่อนก็แล้วกัน”
อำพลพูดจบ มายาวีก็เปิดประตูผัวะเข้ามาส่งเสียงหวาน
“คุณอิศร์มาแล้วค่ะ”

อิศร์พรวดพราดตามหลังมายาวีเข้ามา ทุกคนมองจ้องเป็นตาเดียว อิศร์อึ้งๆ สีหน้าเจื่อนๆ พอตั้งสติได้ก็ปรับสีหน้ายกมือไหว้ทุกคน

อ่านต่อตอนที่ 5
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 3
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 3
เช้าวันเดียวกัน บรรเลงสวมแว่นตานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ มายาวีเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ หน้าตูมมากๆ “คุณพ่อคะ คุณพ่อต้องไล่คนของคุณพ่อออกนะคะ” บรรเลงตกใจ เงยหน้ามอง “อะไรกันลูก หมายถึงบอดี้การ์ดคนใหม่เหรอ เขาเพิ่งมาทำงานนะ” “ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นตำรวจลูกน้องคุณพ่อ” บรรเลงฉงน “ตำรวจคนไหน” “เมย์ไม่รู้จักชื่อ แต่เป็นชายผิวเข้มๆ หน้าแขกๆ” บรรเลงนึกออก “ใคร ผู้กองภัทรเหรอ เมย์ไปเจอเขาได้ยังไง” “เขาแกล้งเมย์มาหลายครั้งแล้วค่ะ ครั้งนึงเคยทำให้เมย์เกือบตาย ! เพราะโดนคนร้ายเอาปืนจี้หัว” “ฮ้า ตั้งแต่เมื่อไร” “หลายวันแล้วค่ะ แต่เมย์ไม่ได้เล่า เพราะไม่อยากให้พ่อตกใจ”
กำลังโหลดความคิดเห็น