ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 7
บื้อเดินไปเดินมา ชะเง้อมองเข้าไปในบ้านเพราะเป็นห่วงห่าน
“ทำไมป่านนี้ยังไม่ออกมา” บื้อหยุดเดิน กังวลใจ “หรือว่า เป็นอะไรไปรึเปล่าวะ”
บื้อตัดสินใจพุ่งเข้าไปในบ้าน
ที่โต๊ะอาหาร จานเปปเปอร์สเต็กถูกวางตรงหน้าห่าน ห่านตื่นตาตื่นใจ เซอร์ไพร์สสุดๆ หันไปมองคุณชาย
“เปปเปอร์สเต็กที่ผมรับปากว่าจะทำให้คุณฮันนี่ทาน”
ดาหลา ดารัณ คุณหญิงรื่นฤดีอึ้ง ดาหลากำมือแน่น ชนะศึกอมยิ้มชอบใจ คุณหญิงรื่นฤดีหันไปมอง ชนะศึกทำเป็นหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“คุณชายไม่ลืม”
“อะไรที่ผมรับปากคุณฮันนี่แล้ว ผมไม่มีทางลืม เพราะคุณฮันนี่คือคนสำคัญของผม”
ดาหลาจะโวยแต่หันไปเห็นสายตาดารัณที่มองปรามและส่ายหัว ชนะศึกกระซิบกับคุณหญิงรื่นฤดี
“หวานไม่แคร์สื่อเลยนะคุณ”
คุณหญิงรื่นฤดีค้อนขวั่บ ชนะศึกรีบเอาน้ำขึ้นมาดื่มอีก
“คุณฮันนี่ลองทานดูสิครับ ไม่รู้รสชาติจะถูกปากรึเปล่า”
“ค่ะ”
ห่านจับมีดกับส้อมจะหั่น แต่คุณชายจับมือห่านเอาไว้
“ผมทำให้ดีกว่า” คุณชายหั่นสเต็ก เอาส้อมจิ้มขึ้นมา แล้วยื่นไปตรงหน้าห่าน ห่านชะงัก “ทานสิครับ”
“ฮันนี่ทานเองก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้ครับ นะครับ อย่าขัดใจผม”
ดาหลาแทบจะดูไม่ไหว คุณหญิงรื่นฤดีกับดารัณไม่พอใจอย่างแรง ชนะศึกยิ้มตลอดเวลา ห่านกินสเต็กที่คุณชายป้อน
บื้อที่แอบดูอยู่ถึงกับอึ้ง จ๋อย
“ตรงนี้ไม่ได้อยู่กันแค่สองคน ยังมีแม่ คุณดารัณ แล้วก็หนูดาหลาอีก” คุณหญิงรื่นฤดีพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“แล้วผมล่ะคุณ” ชนะศึกถาม
“อย่างคุณ ไม่ได้อยู่ในสายตาฉัน”
“อ้าว”
“ฮันนี่ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษทำไมครับ” คุณชายหันไปหาแม่ “ผมกับคุณฮันนี่ไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณชายบอกพร้อมกับโอบห่านเข้ามา “คนรักกัน เค้าก็ทำกันแบบนี้”
ดาหลาปรี๊ดแตก ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน
“รักกัน คุณชายหมายความว่าไง”
ดารัณห้ามไม่ทัน คุณหญิงรื่นฤดีอึ้ง ชนะศึกแอบทำท่าเยสเงียบๆ คนเดียว
“ก็หมายความตรงตัว คุณฮันนี่เป็นคนรักของผมและตอนนี้เราก็กำลังคบกัน นี่คือสิ่งที่ผมอยากบอกให้ทุกคนรู้ในวันนี้ครับ”
บื้อค่อยๆ เดินออกไปอย่างอกหัก
“ตะกี๊คุณชายพูดว่าอะไรนะคะ”
“ผมพูดว่าผมกับคุณฮันนี่ เรากำลังคบกันครับ”
ดาหลาจะกรี๊ด ดารัณตกใจมาก แกล้งมึนหัว
“โอ๊ย”
ดาหลา คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึก คุณชาย ห่าน หันไปมอง
“คุณดารัณเป็นอะไรครับ”
“รู้สึกเวียนหัวน่ะค่ะ ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนดีกว่า ลูกดาหลามาประคองแม่ที”
ดาหลาไม่ยอมไป ดารัณขยิบตา ดาหลาฮึดฮัดเดินมาประคองดารัณ คุณหญิงรื่นฤดีลุกขึ้นยืน สีหน้าไม่สู้ดี
“เป็นอะไรมากมั้ยคะ”
“คิดว่ากลับไปนอนพักที่บ้านก็คงจะดีขึ้น ฉันลานะคะ”
“สวัสดีค่ะ”
ดาหลาหันไปมองคุณชายด้วยแววตาน้อยใจ แล้วก็หันไปมองห่านด้วยแววตาโกรธแค้น ห่านยิ้มพร้อมยักคิ้ว ยิ่งทำให้ดาหลาหงุดหงิด แต่แสดงออกไม่ได้ ดาหลาประคองดารัณออกไป คุณหญิงรื่นฤดีหันมามองคุณชายไม่พอใจอย่างแรง
ดาหลาประคองดารัณพาเดินออกมาหยุดตรงแถวๆ รถห่าน ดารัณเห็นว่าพ้นสายตาแล้วก็เลิกแกล้ง
“ไม่ต้องประคองแม่แล้ว”
“อ้าว แม่หายแล้วเหรอ” ดาหลางง
“แม่ไม่ได้เป็นอะไร”
“อ้าว ถ้างั้นดาหลาจะกลับเข้าไปตบนังฮันนี่”
“หยุดนะดาหลา อย่าลืมว่าลูกเป็นกุลสตรี เป็นผู้หญิงแสนดีและอ่อนหวานในสายตาของคุณหญิง เพราะฉะนั้นลูกห้ามทำแอ๊บแตกกรี๊ดกร๊าดอาละวาดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นลูกไม่ได้คุณชายมาครอบครองแน่”
“ถ้าดาหลาไม่ทำอะไร ดาหลาก็ไม่ได้คุณชายมาครอบครองเหมือนกัน คุณแม่ก็เห็นว่าคุณชายเรียกนังนั่นว่าคนรักเต็มปากเต็มคำ”
“ก็แค่คนรัก ยังไม่ได้แต่งงาน และถึงแต่งงาน เราก็แย่งได้ ไม่มีปัญหา รักแท้คือการแย่งชิง รักไม่จริงคือการเสียสละ ลูกเคยได้ยินมั๊ย”
“แสดงว่าดาหลายังมีโอกาส”
“ยังมีโอกาสอีกมากเลยล่ะจ๊ะ เพียงแต่วันนี้ไม่ใช่วันของเรา ถ้าเราทำอะไรวู่วาม เราจะเสียเปรียบ เพราะฉะนั้นเราต้องค่อยๆ คิด วางแผนให้รัดกุม ทำให้นังฮันนี่มันเละเป็นโจ๊ก และเมื่อนั้น...”
“คุณชายก็จะเป็นของดาหลา”
ดารัณพยักหน้า ดาหลายิ้มมีความสุขมาก สองแม่ลูกเดินผ่านรถห่านไป ไม่นานกระจกรถถูกลดลง บื้อนั่งอยู่ในรถได้ยินทุกอย่าง สีหน้าเป็นห่วงห่านแบบสุดๆ
ห่านยกมือไหว้ชนะศึกและคุณหญิงรื่นฤดี คุณหญิงรื่นฤดีไม่รับไหว้ห่านหน้าเจื่อน หันมาทางชนะศึกที่ยกมือรับไหว้ สีหน้ายิ้มแย้มอย่างใจดี มีคุณชายยืนข้างห่าน
“ว่างๆ ก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านอีกนะลูก” ห่านยิ้มดีใจ แต่คุณหญิงรื่นฤดีแอบหยิกเอวด้านหลังของชนะศึก ชนะศึกร้องลั่น “อ๊าก”
“คุณพ่อเป็นไรครับ”
“ยุงลูก ยุงแถวนี้มันร๊ายร้ายไ คุณหญิงรื่นฤดีถลึงตาใส่ ชนะศึกไม่กล้า “กัดจนพ่อเจ็บจุงเบย”
ชนะศึกทำท่าแอ๊บแบ๊วน่ารัก คุณชายกับห่านหัวเราะ แต่คุณหญิงรื่นฤดีไม่ขำ ทุกคนก็เลยเจื่อน
“ผมออกไปส่งคุณฮันนี่ก่อนนะครับ”
คุณหญิงรื่นฤดีเชิดใส่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน คุณชายได้แต่ส่ายหัว ชนะศึกตบแขนคุณชายเบาๆ ให้กำลังใจ ห่านมองคุณชายสีหน้าไม่สบายใจ
คุณชายกับห่านเดินออกมาด้วยกัน คุณชายจับมือห่านเอาไว้ ทำให้ห่านหยุดเดินหันมา
“ต้องขอโทษแทนคุณแม่ด้วยนะครับ ถ้าหากคุณแม่ของผมทำอะไรให้คุณฮันนี่ไม่สบายใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฮันนี่เข้าใจ”
“เพราะคุณฮันนี่เป็นแบบนี้ผมยิ่งรักมากขึ้นไปอีก”
ห่านอายมาก อายจนหน้าแดง อายม้วน หันไปเห็นบื้อยืนใส่หมวกอยู่ข้างรถ ห่านชะงัก หันไปทางคุณชาย
“ฮันนี่ต้องกลับแล้วล่ะค่ะ”
“ให้ผมไปส่งนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คนรถของฮันนี่รออยู่” ห่านหันไปทางบื้อ คุณชายหันไปมองตามแต่ไม่เห็นหน้าบื้อ
“งั้นถ้าคุณฮันนี่ถึงบ้านแล้ว โทรบอกผมด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง”
“ค่ะ”
คุณชายยิ้มแล้วก็เอามือห่านขึ้นมาหอม บื้อเห็นก็ใจแป้วมาก รีบหันหลังเพราะไม่อยากมอง
“คุณชาย อายเค้าค่ะ”
“ผมอยากหอมแฟนของผมไม่ได้เหรอครับ” ห่านเอาแต่ยิ้ม พูดไม่ออก บอกมาถูก ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า “ผมไปส่งที่รถนะครับ”
ห่านพยักหน้า คุณชายกับห่านเดินไปที่รถ คุณชายจะเปิดประตูด้านหลังให้แต่บื้อแย่งเปิด คุณชายชะงักหันไปมองบื้อที่ก้มหน้างุดเลยทำให้ไม่เห็นหน้าชัดๆ ห่านหันไปทางคุณชาย
“ฮันนี่ไปนะคะ” คุณชายหันมายิ้มให้ห่าน
“ครับ”
ห่านขึ้นรถ บื้อรีบปิดประตูแล้วก็ขึ้นรถ ห่านเปิดกระจก
“บะ(บาย)...” ห่านยังไม่ทันได้พูดเพราะบื้อกระชากรถออกไปทันที ห่านถึงกับเหวอ คุณชายเองก็เหวอ ห่านได้แต่โบกมือหยอยๆ คุณชายโบกมือตอบ ยิ้มออกมาอย่างสุขหัวใจ
บื้อขับรถหน้าหงิก ห่านยื่นหน้ามาตรงกลาง สีหน้าไม่พอใจ
“นายจะรีบออกรถมาทำไม ฉันยังไม่ทันได้บ๊ายบายกับคุณชายเลย”
“จะตายอยู่แล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก” ห่านนิ่วหน้า
“หมายความว่าไง”
บื้อเอารถจอดเข้าข้างทาง แล้วลงจากรถ ปิดประตูดังปัง ห่านสะดุ้งไม่เข้าใจ แล้วก็เปิดประตูรถตามบื้อลงไป
“นายบื้อ นายเป็นบ้าอะไร” บื้อหันมา
“ฉันจะเป็นบ้าก็เพราะเธอนั่นแหละ ฉันได้ยินคุณดาหลากับแม่ของเค้าพูดกันว่าจะจัดการเธอให้เละเป็นโจ๊ก”
ห่านอึ้งตกใจ บื้อขยับมาตรงหน้าห่าน แล้วจับไหล่ทั้งสองข้าง “เรื่องมันชักจะไปใหญ่ ฉันขอ...หยุดเถอะ”
“ฉันหยุดไม่ได้จริงๆ ฉันไม่ยอมให้แม่ลูกคู่นั้นมาทำลายความฝันของฉันเด็ดขาด” ห่านบอกเสียงหนักแน่น บื้อหัวเสีย เอามือออก
“เธอจะทำให้ฉันห่วงไปถึงไหนห๊ะ” ห่านอึ้ง บื้ออึ้ง “ฉันไม่น่าช่วยเธอตั้งแต่แรกเลยจริงๆ ฉันขอถอนตัว ฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องของเธออีกแล้ว”
บื้อถอยหลังจะเดินกลับไปที่รถ ห่านหน้าเสีย รีบวิ่งมาขวางทาง บื้อหยุดเดิน
“ถ้านายไม่ช่วยฉัน แล้วฉันจะทำยังไง”
“ฉันไม่รู้ มันเรื่องของเธอ”
“ทำไมนายเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ นายทิ้งฉันได้ลงคอเหรอนายบื้อ นายไม่สงสารฉันบ้างเหรอ” ห่านจับแขนบื้อเขย่า บื้อแกะมือห่านออก
“แล้วเธอ ไม่สงสารฉันบ้างเหรอ” ห่านผงะ ไม่เข้าใจ
“สงสารนาย”
“ช่างเหอะ ฉันก็พูดไปงั้นแหละ”
“แล้วตกลงนายยังช่วยฉันอยู่ใช่ป่ะ” ห่านส่งแววตาอ้อนวอน
“ไม่ ฉันจะไม่ช่วยเธออีกแล้ว”
ห่านกำมือแน่นด้วยความโมโหสุดๆ
“ไอ้บื้อบ้า ไอ้คนไม่มีน้ำใจ ไอ้คนนิสัยไม่ดี ฉันจะไม่พูดกับนายอีกแล้ว”
ห่านจ้ำเดินไปตามทาง บื้อหันไปมองตามห่านหน้าเศร้า พยายามตัดใจ เดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที ห่านเห็นรถบื้อแล่นแซงหน้าไปก็หยุดเดินอ้าปากค้าง
“เฮ้ย ทิ้งกันจริงๆ เหรอเนี่ย”
ห่านฮึดฮัด โมโห หงุดหงิดสุดๆ
บื้อขับรถมือกำพวงมาลัยแน่น มองไปที่กระจกด้านข้างเห็นห่านกำลังเดินด้วยความโมโห
“ฉันขอโทษนะห่าน ถ้าฉันอยู่ใกล้เธอ ฉันคงไม่มีทางจะตัดใจจากเธอได้”
บื้อเศร้าสุดๆ
บื้อเอารถมาคืนเฮียเจ้าของร้านจักรยาน บื้อส่งกุญแจรถคืนให้เฮีย
“ขอบคุณมากนะครับเฮีย”
“ไม่เป็นไร ทำไมทำหน้าเป็นหมาเศร้าแบบนี้ อกหักเหรอ” คำถามนี่ทำให้บื้อแทบจุก
“ผมยังไม่มีแฟนซักหน่อย”
“ไม่มีแฟนก็อกหักได้เว๊ย อารมณ์รักเค้าข้างเดียวไง ฮ่าๆๆ” บื้อหัวเราะไม่ออก เฮียเงียบ
“ผมกลับนะเฮีย”
บื้อไหว้ลาแล้วเดินออกไป
ห่านกำลังเคาะประตูบ้านเช่าบื้อ สีหน้าโมโหมาก
“นายบื้อ เปิดประตู ฉันรู้ว่านายอยู่ในนั้น ออกมา นายบื้อ” โย่งเปิดประตู ห่านท้าวเอว “บื้ออยู่ไหน”
“ไปแล้ว” ห่านงง เอามือลง
“ไปไหน”
โย่งมองหน้าห่าน
ที่ท่ารถ พนักงานปิดประตูช่องขายตั๋วแล้วก็หันมาทางบื้อ
“รถไปชลบุรีเที่ยวสุดท้ายเพิ่งออกไป น้องต้องรอเที่ยวแรกวันพรุ่งนี้แล้วล่ะ”
“กี่โมงเหรอครับ”
“หกโมงเช้า”
พนักงานพูดจบก็เดินออกไป บื้อเดินหงอยๆ มานั่งที่เก้าอี้ นั่งนิ่งๆ นั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร
ห่านกลับเข้าบ้าน แหม่มมองห่านด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“บื้อกลับบ้านที่ชลบุรี” ห่านพยักหน้า สีหน้าเป็นกังวลใจ “ทำไมถึงรีบกลับ”
ห่านนิ่งไปนิดนึง
“คงโกรธที่ฉันไปด่าเค้า”
“แกด่าบื้อเรื่องไร”
“บื้อบอกว่าจะไม่ช่วยฉันแล้ว ฉันก็เลยด่า แต่ไม่ได้ด่าแรงซักหน่อย”
“ปากอย่างแกเนี่ยนะด่าไม่แรง แบบนี้แสดงว่าบื้องอนแกชัวร์”
“ผู้ชายอะไร ขี้งอนเหมือนผู้หญิง”
แหม่มคิดแล้วนึกย้อนไปตอนที่เห็นบื้อขยี้หัวห่านจนผมยุ่ง มองห่านแววตาเอ็นดู แหม่มสังเกตเห็นแววตานั้นก็สงสัย
“หรือว่าบื้อจะชอบแก” ห่านผงะ “ก็เลยเสียใจที่แกเป็นแฟนกับคุณชาย บื้อก็เลยกลับบ้านไปทำใจ”
“บ้าสิ ไม่มีทาง ไอ้หมอนั่นชอบกัดจิกฉันจะตาย แกก็เห็น เค้าไม่มีทางชอบฉันหรอก”
ห่านพูดจบก็ลุกเดินออกไป แหม่มยังสงสัยไม่หาย
จบตอนที่ 7
อ่านต่อตอนที่ 8 เวลา 17.00น.
จีจี้ผงะ “ความลับแตก” จีจี้กระดึบๆ เข้าไปใกล้มากขึ้นแล้วเงี่ยหูฟังเต็มที่ แต่เจ๊มะพร้าวดันหันมาเห็นบั้นท้ายจีจี้โผล่มา
เจ๊มะพร้าวหันไปเอานิ้วแตะปากตรงหน้าแหม่ม แหม่มผงะ เจ๊มะพร้าวบุ้ยใบ้ไปทางจีจี้ แหม่มมองตาม เห็นจีจี้ก็ตกใจ เจ๊มะพร้าวกับแหม่มย่องไปด้านหลังจีจี้ โดยที่จีจี้ไม่รู้ตัว จีจี้ยังพยายามตั้งใจฟัง
“ทำไมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย” จีจี้ใช้มือดึงหูตัวเองให้เปิดกว้าง โดยไม่รู้ว่าข้างหลังเจ๊มะพร้าวยกเท้าถีบบั้นท้ายจีจีเต็มแรงดังผลั่ก “อ๊ายยย”
จีจี้หน้าคะมำ ถลาไปบนพื้น ที่คาดผมหลุดกระเด็น พนักงานและลูกค้าหันมามองเป็นตาเดียว แหม่มแทบจะขำออกมา เจ๊มะพร้าวหันไปทางพนักงานและลูกค้า
“ไม่มีอะไรคะคุณลูกค้าขา แค่ช้างล้ม เชิญช็อปฯกันต่อเลยค่ะ”
จีจี้คว้าที่คาดผมขึ้นมาคาด แล้วลุกขึ้นยืน หันขวับไปทางเจ๊มะพร้าว แววตาแค้นเคือง เห็นบั้นท้ายมีรอยรองเท้าที่เจ๊มะพร้าวใส่
“นังจีจี้ ทำเป็นแอบ นึกว่าตัวเล็กเหรอไงห๊ะ! แกมันก็เหมือนช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดไม่มิด”
จีจี้ผงะ ยกมือทาบอก
“เจ๊หยาบคาย! หนูรับไม่ได้”
“หนู” หรือ “หมู” พูดให้ถูก”
“เจ๊”
“ทำไมทำไม เรียกฉันทำไม อยากมีเรื่องกับฉันเหรอนังช้างน้ำ” เจ๊มะพร้าวแอ่นอกท้าทาย “ห๊ะ ห๊ะ ไปเจอกันหลังห้างฯ แล้วตบกันเลย เอามั๊ยๆ”
เจ๊มะพร้าวแอ่นอกดันจีจี้จนจีจี้ถอนร่นไม่กล้า
“เอานมเจ๊ออกไปจากตัวฉันนะ” เจ๊มะพร้าวผละออก “ฝากไว้ก่อนเถอะ”
จีจี้สะบัดหน้าพรืด รีบเดินออกไป เจ๊มะพร้าวถอนใจ หันมาทางแหม่ม
“นังจี้มันจะได้ยินอะไรมั๊ยอ่ะเจ๊”
เจ๊มะพร้าวไม่ตอบ แต่สีหน้ากังวลใจสุดๆ
แอปเปิ้ล ปีโป้ยืนคุยอยู่กับจีจี้ที่ห้องอาหารพนักงาน
“แกแน่ใจนะจีจี้ ว่าฟังไม่ผิด”
“คนอย่างจีจี้ ไม่เคยฟังอะไรผิด ฉันได้ยินเต็มสองรูหูว่านังแหม่มมันบอกว่ากลัวความลับแตก”
“ชัดเลยว่าสามคนนั้นต้องทำอะไรอยู่แน่ๆ”
“ความจริง ฉันไม่ใช่คนขี้เม้าท์ และชอบสาระแนเรื่องชาวบ้านหรอกนะ”
จีจี้รีบออกตัว แอปเปิ้ล ปีโป้มองแบบไม่เชื่อ
“เหรอออ”
จีจี้พยักหน้าหนักแน่น
“อือ แต่ฉันเคืองที่โดนนังเจ๊มันถีบ” จีจี้จับก้นตัวเองที่ยังเจ็บอยู่ “อุ๊ยยส์! เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ ถ้าเธอสองคนต้องการแนวร่วม ขอให้บอก ฉันจะช่วยเหลือเต็มที่”
แอปเปิ้ลกับปีโป้ยิ้มมุมปากร้ายกาจ
“คราวนี้ล่ะ นังห่าน ฉันจะเชือด แล้วก็สับๆๆ สับแกให้เละเป็น “ห่านบะช่อ” เลย ฮ่าๆๆ”
ในห้องพักห่าน ห่านยังนอนอยู่ในท่าเดิม ห่านขยับตัวตื่นขึ้นมาแล้วก็ผงะ ที่ตัวเองนอนในห้อง ห่านตาสว่างเด้งตัวขึ้นมานั่ง
“ทำไมเรามานอนอยู่นี่ได้ เมื่อคืนเรารอนายบื้อที่หน้าห้องไม่ใช่เหรอ”
ห่านคว้าแว่นตามาใส่แล้วลุกเดินออกไปทันที
ห่านออกมาในชุดเดิม เคาะประตูห้องบื้อ ไม่นานบื้อเปิดประตู บื้อชะงักที่เห็นห่านสภาพเพิ่งตื่น หน้าทรุด ผมเผ้ายุ่งเหยิง
“เมื่อคืนนายพาฉันกลับเข้าไปในห้องเหรอ”
“อือ”
“ทำไมนายไม่ปลุกฉัน”
“เรียกแล้ว แต่เธอไม่ตื่น”
“นายกลับมากี่โมง”
“ตีสองมั๊ง”
“ตีสอง นายไปไหนมา หรือว่า นายกลับไปรอฉัน”
“ฉันไม่ได้กลับไปรอเธอ ฉันเห็นเธอกับคุณชาย” ห่านโล่งอก
“งั้นก็แล้วไป ขอบใจนายอีกครั้งนะ”
บื้อยังไม่ทันตอบ เสียงเปิดประตูดังขึ้น บื้อกับห่านหันไปเห็นคุณชายเดินออกมา ห่านตกใจมาก บื้อเอามือคว้าเอวห่านแล้วดึงเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตู
คุณชายหันมาไม่เห็นใคร เดินยิ้มไปที่หน้าห้องห่าน คุณชายเคาประตู ไม่มีเสียงตอบ
“คุณฮันนี่ครับ คุณฮันนี่” คุณชายเคาะประตู ก็ยังเงียบ “หรือว่าลงไปแล้ว”
คุณชายเดินออกไป
ในห้องพักบื้อ บื้อกับห่านอยู่ในท่ากอดกัน ห่านหลังติดกำแพง บื้อยืนด้านหน้า สองคนเงี่ยหูฟัง ไม่ได้ยินเสียงคุณชายแล้วก็หันมา ทำให้จมูกชนกัน บื้อกับห่านตกใจ บื้อรีบผละออกห่าง ทำหน้าไม่ถูก
“คุณชายคงไปแล้ว ฉันไปนะ”
บื้อพยักหน้า ห่านเปิดประตูโผล่หน้าออกมามอง ไม่เห็นใครก็รีบเดินออกไป บื้อปิดประตู พลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
กรุงเทพ ที่โรงพยาบาล น้อยกำลังป้อนข้าวต้มให้คุณหนูจ๋า
“หนูจ๋าอิ่มแล้วค่ะป้า”
“อีกซักคำนะคะ คุณหนูจ๋าเพิ่งทานไปนิดเดียวเอง”
“หนูจ๋าไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ ขอเป็นน้ำผลไม้ดีกว่า”
“ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวป้าไปซื้อให้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
น้อยลุกเดินเอาชามข้าวต้มไปวางบนโต๊ะแล้วก็เดินออกไปจากห้อง คุณหนูจ๋าพลิกตัวหันหลังให้ประตู ไม่นานเสียงประตูเปิด
“ทำไมป้ากลับมาเร็วจังคะ” คุณหนูจ๋าหันไป ปรากฏว่าเป็นโจ๊ก ที่สะพายกระเป๋าใส่อูคูเลเล่เดินเข้ามา คุณหนูจ๋าลุกขึ้นนั่ง “โจ๊ก”
โจ๊กยิ้มให้คุณหนูจ๋า แล้วก็เดินมายืนข้างเตียง
“หายแล้วเหรอครับ”
“ดีขึ้นแล้ว แต่หมออยากให้อยู่โรงพยาบาลคืนนี้อีกคืนเพื่อรอดูอาการ ขอบใจโจ๊กมากนะที่ช่วยฉัน”
“เล็กน้อยมากครับ”
คุณหนูจ๋าเห็นอูคูเลเล่
“โจ๊กเอาอูคูเลเล่มาทำไม”
“ผมกลัวคุณหนูจ๋าเซ็ง เพราะไม่มีไรทำ เลยเอามาให้นะครับ”
“ก็จริงอ่ะนะ กำลังเซ็งเลย โจ๊กเล่นให้หนูจ๋าฟังดีกว่า”
“ครับ”
โจ๊กเอาอูคูเลเล่ออกมาจากกระเป๋า
น้อยกำลังรอลิฟต์ แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ มองที่แขนตัวเอง
“โธ่เอ๊ย ลืมกระเป๋าตังค์ เฮ้อ”
น้อยหันหลังเดินกลับไปที่ห้อง
น้อยเดินกลับมา ได้ยินเสียงร้องเพลงและเสียงดนตรี ก็ชะงัก ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปเห็นโจ๊กกำลังเล่นอูคูเลเล่ ร้องเพลง “ทุกอย่าง” ของวง สครัป
“จะทำทุกๆ อย่าง จะทำทุกๆ ทาง มันทำให้ฉันนั้นรู้ดีว่า จะเป็นเช่นไร แม้เธอจะมีใครไม่สำคัญ แค่เพียงเธอมองมาที่ฉัน เท่านั้นก็พอใจอยู่ภายใจ แม้เธอจะมีใครไม่สนใจ แม้ความเป็นจริงเป็นเช่นไร ไม่รู้แค่มีเธออยู่ในใจ จะทำทุกๆ อย่าง จะทำทุกๆ ทาง ให้เธอได้รู้สึกอบอุ่นหัวใจไปกับฉัน...”
คุณหนูจ๋าฟังโจ๊กแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแบบไม่ได้คิดอะไร ส่วนโจ๊กมองคุณหนูจ๋าสายตามีความหมายมาก น้อยมองโจ๊กกับคุณหนูจ๋าก็ยิ่งใจคอไม่ดี น้อยแกล้งตะโกนเสียงดัง
“อ้าว โจ๊ก”
โจ๊กชะงัก หันไปเห็นน้อยก็รีบลุกขึ้นยืนไหว้ คุณหนูจ๋ามองน้อย
“ได้น้ำผลไม้มาแล้วเหรอคะ”
“ยังคะ ป้าลืมกระเป๋าตังค์” น้อยหยิบกระเป๋าบนโต๊ะขึ้นมา “โจ๊ก ลงไปซื้อน้ำเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
“ครับ”
น้อยเดินออกไป โจ๊กเดินตาม
โจ๊กกับน้อยเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยกัน น้อยหันไปทางโจ๊ก
“ฉันเปลี่ยนใจ ฉันว่าฉันไปซื้อของเองดีกว่า เธอกลับบ้านไปเถอะ” โจ๊กเหวอ
“เออ...ครับ ถ้างั้นผมขึ้นไปบอกคุณหนูจ๋า...”
“ฉันบอกให้เอง เดี๋ยวเราเดินออกไปด้วยกัน”
น้อยยิ้ม โจ๊กงงๆ แล้วก็เดินออกไปพร้อมกับน้อย
ที่สวิสเซอร์แลนด์ ห่านกำลังยืนมองวิวทิวทัศน์รอบๆ อย่างที่ต้องการจะจดจำมันเอาไว้ ด้านหลังเห็นคุณชายเดินมา
“เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกินนะครับ” ห่านชะงัก หันไปเห็นคุณชาย คุณชายเดินมายืนข้างๆ “เราต้องกลับกรุงเทพกันแล้ว”
“ใช่ค่ะ เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ”
“แล้วคุณฮันนี่มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ”
ห่านหันไปมองรอบๆ
“ฮันนี่อยากจดจำทุกอย่างเอาไว้ในความทรงจำ ว่าครั้งนึงฮันนี่เคยมาที่นี่...กับคุณชาย” ห่านหันมาทางคุณชาย “ซึ่งมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย”
“ทำไมคุณฮันนี่พูดแบบนี้แหละครับ เราต้องได้มาเที่ยวด้วยกันอีกสิครับ”
“ฮันนี่ไม่แน่ใจ คือ...คุณหญิงแม่ไม่ค่อยชอบให้ฮันนี่ไปที่ไหนค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปขออนุญาตท่านด้วยตัวเอง”
“อย่าเลยค่ะคุณชาย”
“ไม่ได้ครับ กลับกรุงเทพคราวนี้ ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่าผมจะไปกราบคุณแม่ของคุณฮันนี่” ห่านกลืนน้ำลายเอื๊อก “ผมอยากให้ท่านเห็นความจริงใจของผมที่มีต่อลูกสาวท่าน” ห่านอึ้ง คุณชายจับมือห่านสองข้าง สีหน้าจริงจัง
“เมื่อวานนี้ สิ่งที่ผมพูดกับน้องนุชในโบสถ์ ผมหมายถึงคุณฮันนี่นะครับ” ห่านตะลึงงัน “ผู้หญิงที่ผมอยากแต่งงาน และอยากใช้ชีวิตด้วยกัน คือคุณ” ห่านถึงกับพูดไม่ออก บอกไม่ถูก “ผมรักคุณครับคุณฮันนี่” ห่านหัวใจเต้นแรง น้ำตารื้นเหมือนฝันที่เป็นจริง “รักตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ผมรู้ทันทีว่าคุณคืออีกครึ่งชีวิตของผมที่หายไป”
ห่านมองคุณชายด้วยความซาบซึ้ง คุณชายมองห่าน แววตาเต็มไปด้วยความรัก แล้วก็ค่อยๆ เคลื่อนหน้าเข้าไปจะจูบห่าน ห่านหลับตา ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่หัวใจต้องการ แต่บื้อเดินเข้ามาเห็นภาพตรงหน้าก็อึ้ง บื้อกัดกรามแน่น แล้วก็ตัดสินใจ...
“คุณชายครับ” คุณชายกับห่านชะงัก รีบผละออกจากกันแล้วหันมาทางบื้อ ห่านมองบื้อไม่ค่อยพอใจที่บื้อมาขัดจังหวะ “รถที่มารับเราไปสนามบิน มาแล้วครับ”
คุณชายพยักหน้า บื้อหันไปมองห่าน แล้วก็เดินออกไป
“ไปกันเถอะครับ”
“ค่ะ”
คุณชายยื่นมือออกไป ห่านจับมือคุณชาย สองคนยิ้มให้กัน แล้วก็เดินออกไป ทิ้งให้บื้อยืนเศร้าอยู่เพียงลำพัง
เมื่อกลับถึงเมืองไทย รถคุณชายแล่นมาจอดหน้าคอนโดสุรเดช สมลงมาเปิดท้ายรถเพื่อเอากระเป๋าเดินทางของห่านออกมา ในรถคุณชายนั่งที่เบาะหลังกับห่าน คุณชายหันไปทางห่านที่นั่งข้างๆ
“ให้ผมขึ้นไปส่งคุณฮันนี่นะครับ”
ห่านผงะ บื้อที่นั่งด้านหน้าชะงัก หันไปมองห่าน ห่านเหล่มองบื้อแล้วก็หันมาทางคุณชาย
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณชายรีบกลับบ้านไปพักเถอะนะคะ เดินทางมาเหนื่อยๆ ฮันนี่ขึ้นไปเองได้ ฮันนี่ไปก่อนนะคะ” ห่านรีบตัดบท บื้อจึงรีบพูดขึ้นมา
“ผมขอลงตรงนี้เลยนะครับคุณชาย ขอบคุณมากนะครับ สำหรับทุกอย่าง”
คุณชายพยักหน้าให้บื้อแล้วก็หันไปยิ้มให้ห่าน
“ผมคงคิดถึงคุณฮันนี่แย่”
ห่านยิ้มหวาน บื้อถอนใจ
“ถ้าคุณชายคิดถึงฮันนี่ เรานัดเจอกันก็ได้นี่คะ”
“มันไม่เหมือนตอนอยู่สวิสนี่ครับ เราได้เจอกันทุกวัน ทั้งวัน” คุณชายบอกด้วยน้ำเสียงอ้อน บื้อทนไม่ไหว
“แฮ่ม” คุณชายกับห่านหันมา “ผมไปนะครับ สวัสดีครับ”
บื้อรีบลงจากรถทันที ห่านมองตามบื้อ แล้วก็หันมายิ้มให้คุณชาย
“ถ้าคุณชายถึงบ้านแล้ว โทรบอกฮันนี่ด้วยนะคะ”
“ครับ”
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 7 (ต่อ)
บื้อเดินมาเอากระเป๋าจากสม
“ขอบคุณครับ”
“ครับ”
บื้อกับสมหันไปเห็นคุณชายจับมือห่านขึ้นมาหอมพอดี บื้อใจแป้ว สมชะงัก
“คุณพระช่วย” สมหันไปทางบื้อสีหน้าอยากรู้ “นี่คุณหนูกับคุณผู้หญิงคนนั้น เป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ยครับ ถึงได้จับมือถือแขน จุ๊บจุ๊บกันได้แบบนั้น”
“ผมไม่รู้ ผมไปก่อนนะครับ”
บื้อรีบลากกระเป๋าออกไปจากที่ตรงนั้นทันที เพราะทนเห็นภาพบาดตาไม่ไหว สมหันไปมองคุณชายกับห่านอีกครั้ง เห็นคุณชายยิ้มให้ห่าน
“ชัดเลย”
ห่านเขินอายมาก ค่อยๆ ดึงมือออกจากคุณชาย
“ฮันนี่ไปนะคะ บ๊ายค่ะ” ห่านหันหลังจะเปิดประตู
“คุณฮันนี่ครับ” ห่านหันมา “คุณจำที่ผมบอกคุณ ก่อนที่เราจะกลับมาได้ใช่มั้ยครับ”
ห่านคิดย้อนกลับไป
“ผมรักคุณครับคุณฮันนี่” ห่านหัวใจเต้นแรง น้ำตารื้นเหมือนฝันที่เป็นจริง “รักตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ผมรู้ทันทีว่าคุณคืออีกครึ่งชีวิตของผมที่หายไป”
“ค่ะ”
“ผมหมายความตามนั้นทุกคำจริงๆ คุณฮันนี่เชื่อผมนะครับ”
“ค่ะ ฮันนี่เชื่อคุณชายค่ะ” คุณชายดีใจมาก “ฮันนี่ไปจริงๆ แล้วนะคะ”
“ครับ”
ห่านยิ้มแล้วก็เปิดประตูรถลงไป
ห่านยืนข้างกระเป๋าเดินทาง หันไปมองตามรถคุณชายที่แล่นออกไปไกล แล้วก็กรี๊ดออกมาดังลั่นด้วยความดีใจสุดๆ
“อ๊ายยย! อ๊ายยย” รปภ.เดินออกมาดู ห่านตกใจ รีบปิดปาก พร้อมยกมือไหว้ “ขอโทษค่ะ” รปภ.ส่ายหัวแล้วเดินเข้าไป ห่านยิ้มไม่หุบ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ “บื้อ”
ห่านมองไปรอบๆ มองหาบื้อ แต่ไม่เห็น ห่านนิ่วหน้า
บื้อลากกระเป๋าเดินมาตามทางหน้าอย่างเซ็ง พลันเสียงมือถือดังขึ้น บื้อหยิบมือถือออกมาเห็นชื่อก็ชะงักตัดสินใจว่าจะรับดีหรือไม่
ห่านยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าคอนโดสุรเดช มีกระเป๋าเดินทางข้างตัว
“อยู่ไหน”
บื้อเดินอยู่
“ป้ายรถเมล์”
ห่านลากกระเป๋าเดินทางแล้วเดิน
“รอฉันตรงนั้น ฉันไปด้วย”
ห่านวางสาย เร่งฝีเท้าเดิน บื้อเซ็ง
บนรถเมล์ บื้อกับห่านนั่งกันตรงที่นั่งหลังสุด ห่านนั่งริมหน้าต่าง บื้อนั่งถัดมา มีกระเป๋าเดินทางสองใบวางข้างบื้อ ห่านเริ่มง่วง หาว ตาค่อยๆ ปิด จนหลับไป ห่านสัปหงก หัวเอนไปมาแล้วก็มาซบตรงไหล่บื้อ
บื้อผงะ หันมามองห่านที่ซบไหล่เค้า บื้อค่อยๆ เอามือจะยกหัวห่านออกไป แต่กลับเปลี่ยนใจ ค่อยๆ วางหัวห่านไว้ที่ไหล่ตัวเอง บื้อหลุบตามองห่าน แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี มีความสุขที่สุด
สมกำลังขับรถ ลอบมองกระด้านหน้าเห็นคุณชายนั่งยิ้มอยู่คนเดียว สมแปลกใจมาก พึมพำเสียงเบา
“ยิ้มคนเดียวซะด้วย อาการหนัก”
คุณชายได้ยิน หันมา
“ฉันได้ยิน”
สมสะดุ้ง ยิ้มแหย
“อุ้ย...แหม ผมว่าผมพูดเบาแล้วเชียว”
“สงสัยอะไรก็ถามมาตรงๆ ไม่ต้องพูดลับหลัง” สมหน้าแหย
“คุณหนูกับคุณผู้หญิงคนนั้น...”
“คุณฮันนี่”
“อ๋อ ชื่อหันหนี” คุณชายยิ้มขำ
“ฮันนี่ ไม่ใช่หันหนี”
“ขอโทษครับ คุณฮันนี่”
“เค้าเป็นผู้หญิงที่ฉันรัก และจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันจะแต่งงานด้วย มีอะไรสงสัยอยากถามอีกมั๊ย”
“ชัดขนาดนี้ ไม่มีไรจะถามแล้วล่ะครับ แต่...” สมทำสีหน้าลำบากใจ “คุณหญิงจะอนุญาตให้คุณหนูคบกับคุณหันหนี เอ๊ย...คุณฮันนี่เหรอครับ ผมล่ะกังวลใจแทน เพราะระหว่างที่คุณหนูไม่อยู่ คุณดาหลากับคุณดารัณมาที่บ้านทู้กกกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ”
“ขอบใจที่กังวลใจแทนฉัน แต่ฉันเชื่อว่าซักวันคุณแม่จะต้องเข้าใจ และยอมรับคุณฮันนี่ได้อย่างแน่นอน”
คุณชายบอกด้วยสีหน้ามั่นใจ แต่สมลอบถอนหายใจ พลางมองคุณชายทางกระจกหน้ารถอย่างไม่เชื่อ
บื้อกับห่านลากกระเป๋าเดินทางมาตามทาง ห่านหาวไม่หยุด แล้วบื้อก็เห็นลุงจ๊อดล้างตุ๊กตุ๊กอยู่หน้าบ้าน บื้อ หยุดเดิน ทำให้ห่านที่เดินตามมาชนหลังเต็มๆ
“โอ๊ย หยุดทำไม”
บื้อหันมาเอามือปิดปากห่าน ห่านตกใจ บื้อบุ๊ยใบไปทางลุงจ๊อด ห่านหันไปมองตาม
“ลืมไปแล้วเหรอว่าลุงจ๊อดไม่รู้ว่าเราไปสวิสฯด้วยกัน”
ห่านเอามือบื้อออก
“จริงด้วย แล้วทำไง”
“หลบก่อน”
บื้อกับห่านรีบย่องเข้าไปหลบ ลุงจ๊อดหันขวับไม่เห็นใครแล้ว
บื้อกับห่านยืนอยู่ด้วยกัน
“ฉันจะหันเหความสนใจจากลุงจ๊อด ส่วนเธอก็รีบเดินกลับไปที่บ้าน โอเค้”
“อือ”
บื้อรีบลากกระเป๋าเดินทางเดินออกไป ห่านมองตาม
ลุงจ๊อดร้องเพลงไป ล้างตุ๊กตุ๊กไป หันมาเห็นบื้อ็ก็ดีใจ ทิ้งผ้าในมือ แล้ววิ่งมาหา
“ไอ้บื้อ ไอ้บื้อ เอ็งกลับมาแล้ว” ลุงจ๊อดโผกอด “ข้าล่ะคิดถึงเอ็งจริงจริ๊ง” บื้อผละออก
“คิดถึงจนต้องมาใช้น้ำบ้านผมเลยเหรอลุง”
“ชะอุ่ย” ลุงจ๊อดยิ้มแหย “ข้าเห็นไอ้โย่งอยู่คนเดียว กลัวว่าจะใช้น้ำไม่คุ้ม ข้าก็เลยมาช่วยใช้”
บื้อยิ้มๆ แล้วก็โอบบ่าลุงจ๊อดให้หันหน้าเข้าบ้าน หันหลังให้ตรงที่ห่านซ่อนตัวอยู่
“ลุงเข้าไปช่วยฉันรื้อกระเป๋าดีกว่า ฉันมีของมาฝากลุงด้วย”
“จริงเหรอวะ”
“อื้อ”
ลุงจ๊อดดีใจ รีบเดินเข้าไปในบ้านกับบื้อ ด้านหลังเห็นห่านค่อยๆ โผล่หน้าออกมามอง ถอนหายใจโล่งอก แล้วก็รีบลากกระเป๋าเดินทางออกมา
ที่บ้านคุณชาย ชนะศึกกับคุณหญิงรื่นฤดีกำลังทานอาหารเย็นด้วยกัน ไม่นานคุณชายเดินเข้ามา ชนะศึกเห็น ก็ชะงัก คุณชายยกมือไหว้ชนะศึก
“ตาชาย”
“เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็ง นึกอยากจะไปจะมา เมื่อไหร่ กับใคร เค้าก็ไป โดยไม่เห็นหัวงอกหัวดำแถวนี้” คุณหญิงรื่นฤดี พูดขึ้นลอยๆ ชิดๆ แล้วก้มหน้าทานข้าว ชนะศึกใจคอไม่ดี หันไปกระซิบกับคุณชาย
“ครั้งนี้แม่แกโกรธมาก”
คุณหญิงรื่นฤดีวางช้อนกับส้อมดังโครม ชนะศึกกับคุณชายตกใจ หันไปมอง คุณหญิงรื่นฤดีเช็ดปากแล้วก็ลุกขึ้นยืน
“อิ่มแล้วเหรอคุณ”
“ค่ะ ทานไม่ลงแล้ว ฉันขอตัว”
คุณหญิงรื่นฤดีขยับตัวเดินผ่านคุณชาย
“แม่ครับ”
แต่คุณหญิงรื่นฤดีไม่สน ทำเหมือนคุณชายไม่มีตัวตน เดินออกไป คุณชายถอนหายใจ ชนะศึกจับไหล่คุณชาย
“รีบตามแม่เค้าไป”
คุณชายพยักหน้า แล้วเดินออกไป ชนะศึกส่ายหัวด้วยความเอือมระอา
คุณหญิงรื่นฤดียืนกอดอกสีหน้าไม่สบอารมณ์ คุณชายเดินออกมาจากข้างหลัง มาหยุดยืนข้างแม่
“ผมขอโทษนะครับคุณแม่” คุณหญิงรื่นฤดีเบือนหน้าไปทางอื่น “ผมรู้ว่าผมผิด ที่ไม่บอกคุณแม่เรื่องที่พาคุณฮันนี่ไปด้วย แต่ผมไปทำงานจริงๆ นะครับ”
“ไม่ต้องอธิบาย แม่ไม่อยากฟัง”
คุณชายเดินอ้อมมาตรงหน้า
“โธ่คุณแม่ นี่ผมต้องทำยังไง คุณแม่ถึงจะหายโกรธครับ”
คุณหญิงรื่นฤดีหันมามองหน้าคุณชายสีหน้าเอาจริงเอาจัง
“สิ่งเดียวที่จะทำให้แม่หายโกรธก็คือ ลูกต้องหมั้นกับหนูดาหลา” คุณชายชะงัก
“แต่ผมไม่ได้รักคุณดาหลา ผมรักคุณฮันนี่”
“ตาชาย”
“ผมจะแต่งงานกับคนที่ผมรักเท่านั้น”
“แต่แม่ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น” คุณชายสวนกลับทันที
“ทำไมคุณแม่ถึงไม่ชอบเค้าล่ะครับ คุณแม่ยังไม่เคยทำความรู้จักกับเค้าซักนิด ผมขอโอกาสให้กับคุณฮันนี่ซักครั้งจะได้มั้ยครับ”
คุณชายส่งสายตาวิงวอน คุณหญิงรื่นฤดีคิดนิดนึง แล้วก็ตัดสินใจ
“ก็ได้ แม่จะให้โอกาสผู้หญิงคนนั้น”
คุณชายยิ้มออกมาด้วยความดีใจมาก แต่คุณหญิงรื่นฤดีมีแผนในใจ
คืนนั้นที่บ้านเช่าห่าน แหม่มกลับเข้ามาในบ้าน แล้วต้องแปลกใจที่บ้านเปิดไฟสว่างทั้งหลัง
“นี่เราลืมปิดไฟก่อนออกจากบ้านเหรอ” แหม่มนิ่วหน้า เดินเข้าไปก็ผงะเห็นอาหารเต็มโต๊ะ แหม่มยิ้มออกมา อย่างนึกออก “ไอ้ห่าน”
แหม่มหันไปเจอห่านถือจานไข่เจียวเดินออกมา
“ก็ฉันน่ะสิ ไม่อยู่แค่ไม่กี่วัน ลืมเพื่อนไปเลยเหรอ”
แหม่มยิ้มร่าเข้ามากอดห่าน
“ฉันดีใจจริงๆ ที่แกกลับมา” แล้วท้องแหม่มก็ร้อง ห่านผงะ แหม่มผละออกมายิ้มแหย เอามือจับท้องตัวเอง “หิว”
“รู้แล้ว”
ห่านหัวเราะ แหม่มพลอยหัวเราะไปด้วย
แหม่มกินไม่หยุด จนห่านมองด้วยความประหลาดใจ
“ช่วงที่ฉันไม่อยู่บ้าน แกอดอยากมากขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใช่น่ะสิ วันๆ กินแต่อาหารถุง”
“เมื่อก่อนแกก็กินได้”
“แต่พอฉันมาอยู่กับแก ได้กินกับข้าวฝีมือแก มันก็เคยตัว ไปกินที่ไหนก็ไม่อร่อย”
“ปากหวานนะเราน่ะ”
“เลิกพูดเรื่องฉันได้แล้ว เล่าเรื่องไปสวิสให้ฉันฟังทีสิ ฉันอยากรู้ว่าแกกับคุณชายถึงไหนๆ กันแล้ว”
“ทะลึ่ง”
“อย่ากั๊ก เม้าท์ด่วน”
ห่านมองแหม่มแล้วก็ยิ้มปลาบปลื้ม
ที่บ้านเช่าบื้อ บื้อกำลังนั่งดูรูปห่านที่บื้อแอบถ่ายที่สวิสฯ บื้อมองภาพนั้นจากบนมือถือ บื้อมองห่านแล้วก็ยิ้มมีความสุข โดยไม่ทันสังเกตว่าโย่งย่องเข้ามาทางข้างหลัง
“ยิ้มอะไรวะไอ้บื้อ”
บื้อตกใจมาก รีบเก็บมือถือ โย่งเห็น
“ดูอะไร ขอฉันดูบ้าง”
“ไม่มีอะไร”
“ไม่มีได้ไงก็ฉันเห็น”
“ก็บอกว่าไม่มี”
โย่งไม่เชื่อเข้ามาแย่ง บื้อไม่ยอม
“ขอดูหน่อย”
“อย่านะเว๊ย”
บื้อหันหลังหนี แต่กลับสะดุดล้มไปบนโซฟา โย่งสะดุดตาม ล้มทับหลังบื้อ ลุงจ๊อดกับโจ๊กเดินถือถุงกับข้าวเข้ามาพอดี สองคนเห็นก็ตกตะลึง ลุงจ๊อดรีบเอามือปิดตาโจ๊ก
“ตายแล้ว บัดสีบัดเถลิง ห้ามดูนะไอ้โจ๊ก เดี๋ยวจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”
บื้อกับโย่งหันมามองหน้ากัน
“เฮ้ย”
บื้อกับโย่งรีบลุกออกจากกันทันที โจ๊กเอามือลุงจ๊อดออกมา มองไปที่บื้อกับโย่ง
“มันไม่ใช่อย่างที่ลุงคิด”
“มันมากกว่าที่ข้าคิด” ลุงจ๊อดยิ้ม
บื้อกับโย่งหันมาสะดุ้งใส่กัน
“หึ้ย”
“ผมกับลุงซื้อข้าวมาให้พวกพี่”
บื้อกับโย่งหันไป โย่งรีบมารับถุงกับข้าว
“ขอบใจ”
มีขนมด้วยนะเว๊ย ข้าวเหนียว”ถั่วดำ”
โย่งกับบื้อสะดุ้งอีกครั้ง “เฮ้ย”
ลุงจ๊อดกับโจ๊กหัวเราะ
แหม่มมองห่านสีหน้าอึ้งตะลึงงัน
“คุณคุณชายบอกรักแก!”
ห่านพยักหน้า ท่าทางขวนเขินที่สุด
“โรแมนติกที่สุด หยั่งกับเรื่องซินเดอเรลล่าที่หญิงสาวชาวบ้านได้พบรักกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ แกเป็นผู้หญิงที่โคตรโชคดีเลยว่ะ”
“ไม่รู้ว่า โชคดีเกินไปรึเปล่า”
“แกจะกังวลทำไมห๊ะ โชคดีก็ดีแล้ว ใครๆ ก็อยากเป็นแบบแกด้วยกันทั้งนั้น ฉันเองก็อยากเจอผู้ชายที่เพอร์เฟค
เหมือนกัน” แหม่มนึกได้ หันไปทางห่าน “ว่าแต่แกกับคุณชายจะแต่งงานกันเมื่อไหร่”
“บ้าเหรอ ฉันกับเค้าเพิ่งรู้จักกันเองนะ ยังต้องศึกษากันอีกนาน”
“เพิ่งรู้จักสิดี จะได้ไม่ต้องรู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมาก แกขอเค้าแต่งงานไปเลย”
“บ้า ฉันเป็นผู้หญิง จะให้พูดก่อนได้ไง”
“สมัยนี้หญิงชายเท่าเทียมกันแล้วเว๊ย อย่ามาแอ๊บสร้างภาพ ไม่งั้นชวดฉลูขาลเถาะ”
ห่านเขินจนพูดต่อไปไม่ไหว
“เลิกพูดเรื่องฉันได้แล้ว เออ! จริงสิ ตอนที่ฉันไม่อยู่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง...เล่าซิ” แหม่มชะงัก แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ แหม่มหน้าซีดจนห่านสงสัย “เป็นไร”
แหม่มมองหน้าห่านพลางกลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความกังวลใจ แล้วก็รีบฝืนยิ้มออกมา
“ไม่มีไร”
แหม่มยิ้มแห้งๆ แล้วก็หันไปทางอื่น ทำหน้าวิตกกังวล ห่านมองสงสัย
เช้าวันรุ่งขึ้น ชามข้าวต้มหมูวางอยู่บนโต๊ะ โย่ง ลุงจ๊อดและโจ๊กยืนอยู่ที่โต๊ะอาหารกับห่าน โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กสูดกลิ่นข้าวต้มเข้าเต็มปอด
“หอม” ลุงจ๊อดหันไปทางโย่ง
“น่ากิ๊นน่ากิน” โย่งหันไปทางโจ๊ก จึงโจ๊กกินแล้ว ลุงจ๊อดกับโย่งผงะ
“ไอ้โจ๊ก! ซัดก่อนซะแล้ว”
“จะมัวพูดกันทำไมล่ะครับ ผมหิว”
“ข้าก็หิว”
“ผมก็หิว”
ลุงจ๊อดกับโย่งนั่งกินข้าวต้ม ห่านอมยิ้ม
“บื้อล่ะ”
ไม่ตื่น บอกว่ายังปรับเวลาไม่ได้”
ห่านเบ้หน้าหมั่นไส้
“เวอร์แหละ น่าหมั่นไส้จริงๆ ฉันขึ้นไปปลุกเอง”
ห่านจ้ำเดินออกไป โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กกินข้าวอย่างไม่สนใจ
ห้องนอนบื้อ บื้อนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว กำลังใส่กางเกง ทันใดนั้นห่านเปิดประตูพรวดเข้ามา
“นายบื้อ” บื้อหันขวับไปเห็นห่านก็ตกใจ ห่านเองก็ตกใจเช่นกัน “อ๊ายยย”
บื้อลนลานทำอะไรไม่ถูกแล้วก็สะดุดขากางเกงที่กำลังใส่ล้มหน้าคว่ำไปบนพื้นเสียงดังโครม ห่านทำอะไรไม่ถูก จะหันหลังเดินออกไปก็เจอโย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กเดินมา
“ห่านเป็นไร”
ห่านไม่ตอบ รีบเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กหันไปเห็นบื้อนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเดินออกมา สามคนมองบื้อสีหน้าตะลึงงัน
ทุกคนลงมาที่ห้องรับแขก ลุงจ๊อดมองหน้าบื้อ
“ข้าว่าเอ็งกับหนูห่านนี่ต้องเกิดมาคู่กันแน่ๆ เหมือนพระเอกกับนางเอกในละครไม่มีผิด แง๊วๆ ใส่กันตลอดเวลาแบบนี้ สุดท้ายได้กันชัวร์! ฮ่าๆๆ”
บื้อผงะ หน้าถอดสี เขินๆ โย่งกับโจ๊กอมยิ้ม
“ฉันไม่คุยกับลุงแล้ว ไปทำงานเว๊ยไอ้โย่ง”
บื้อรีบเดินออกไป โย่งรีบเดินตาม ลุงจ๊อดอมยิ้ม หันมาเจอโจ๊กหน้านิ่งก็สะดุ้ง
“เห็นหน้าเอ็งแล้วเปลี่ยนฟิลแทบไม่ทัน”
ลุงจ๊อดลุกเดินออกไป โจ๊กส่ายหัว
มุมหนึ่งของห้างฯ BKK Plaza ห่านยื่นถุงไปตรงหน้าเจ๊มะพร้าว มีแหม่มยืนอยู่ด้วย
“ของฝากจ๊ะเจ๊”
เจ๊มะพร้าวรับถุงมาเปิดดู
“มาสคาร่า ยี่ห้อดังซะด้วย”
“มันกำลังลดราคา หมดอายุวันพรุ่งนี้แล้ว เจ๊ต้องรีบใช้นะ”
“ถามจริง” เจ๊มะพร้าวหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ล้อเล่น”
ห่านหัวเราะ เจ๊มะพร้าวมองห่านด้วยความสบายใจ
“เห็นแกยิ้มได้ เจ๊ก็สบายใจ แสดงว่าแกไม่คิดมาก”
“คิดมากเรื่องไรเหรอเจ๊”
แหม่มชะงัก หน้าถอดสี เจ๊มะพร้าวนิ่วหน้า หันไปมองแหม่ม
“นี่แกยังไม่ได้บอกนังห่านมันเหรอ”
ห่านหันไปทางแหม่ม
“บอกเรื่องไรแหม่ม” แหม่มกลืนน้ำลายเอื๊อก
“เออ...คือ...”
ห่านหันไปมองเจ๊มะพร้าว
“มีเรื่องไรกันแน่เจ๊”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองห่านหน้าเครียด ห่านสงสัยมาก
ห่านเดินสีหน้าไม่สู้ดีมาตามทางเจอแอปเปิ้ลกับปีโป้ก็ชะงักหยุดเดิน แอปเปิ้ลกับปีโปยิ้มเยาะ เดินมาตรงหน้าห่าน
“ไปทำนา แต่ตัวไม่เห็นดำเลยเนอะ”
“นั่นจิ...ขาวกว่าเดิมอีกต่างหาก” ห่านอึกอัก
“ฉัน...ฉันใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว แล้วก็ใส่หมวก มันก็เลยไม่ดำ”
“เหรอ”
ห่านทำหน้าไม่ถูก จะเดินออกไป แต่พรเพ็ญเดินมา ห่านหน้าซีดลงไปถนัดตา แอปเปิ้ลกับปีโป้อมยิ้มสะใจ รีบเดินไปหาพรเพ็ญ
“สวัสดีค่ะคุณผู้จัดการ”
พรเพ็ญรับไหว้เสร็จแล้วหันไปทางห่าน
“หฤทัย ไปคุยกับฉันที่ห้อง”
ห่านกลืนน้ำลายเอื๊อก
“ค่ะ”
พรเพ็ญเดินออกไป ห่านยืนตัวแข็ง แอปเปิ้ลกับปีโปเดินมาประกบห่าน แล้วพูดใส่กัน เหมือนไม่มีห่านอยู่
“ปีโป้ เธอรู้มั้ยว่าคนเราทำอะไรเอาไว้ก็จะได้อย่างนั้น อย่างเช่น ทำดีได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว” ห่านชะงัก
“แล้วถ้าคนขี้โกหกล่ะ จะได้อะไร”
“อันนี้คงต้องถามห่านแล้วล่ะ เพราะห่านน่าจะรู้ดีที่สุด”
ห่านสะดุ้ง เสียววาบ หันไปเจอแอปเปิ้ลกับปีโป้จ้องหน้า ห่านพูดไม่ออก รีบจ้ำฝีเท้าเดินออกไป แอปเปิ้ลกับปีโป้กอดอกยิ้มด้วยความสะใจ
ที่แผนกเครื่องสำอาง เจ๊มะพร้าวกำลังกันคิ้วให้อาซ้อ
“เอาให้สวยเลยนะอามะพร้าว”
“สวยแน่นอนค่ะซ้อ นี่เป็นเทรนด์การแต่งคิ้วล่ามาแรงจากรันเวย์นิวยอร์คแฟนชั่นวีคเลยนะคะ คิ้วต้องหนาและเข้ม”
อาซ้อยิ้มพอใจและหลับตา ระหว่างนั้นห่านเดินมาหาเจ๊มะพร้าว
“เจ๊...” เจ๊มะพร้าวหันไป “ซวยแล้วเจ๊”
“สวยแล้วเหรอ” อาซื้อถามโดยไม่ลืมตา เจ๊มะพร้าวหันไปทางอาซ้อ
“ใช่ค่ะใช่ ซ้อสวยแล้วค่ะ” เจ๊มะพร้าวหันไปพูดกับห่านเสียงเบา “มีเรื่องอะไร”
“คุณผู้จัดการเรียกฉันเข้าไปคุย” เจ๊มะพร้าวตกใจ มือยังคงวาดคิ้วอาซ้อไปเรื่อยๆ “แล้วยัยแอ๊บกับยัยปลากะโห้ก็พูดจากับฉันแปลกๆ หรือว่าพวกเค้าจะรู้ว่าฉันทำอะไร”
“เค้าจะรู้ได้ไง ในเมื่อพวกเราไม่เคยพูดอะไรออกไป แกอย่าเพิ่งตื่นตูม บางทีคุณผู้จัดการอาจจะเรียกแกเข้าไปคุยเรื่องอื่น”
“เหรอเจ๊”
“รีบไปก่อนเถอะ ถ้าไปช้า คุณผู้จัดการจะสงสัย” ห่านพยักหน้า “ทำใจดีสู้เสือไว้แก”
ห่านพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก แล้วก็เดินออกไป เจ๊มะพร้าวหันมาเห็นคิ้วอาซ้อก็ตกใจ เพราะคิ้วหนาเข้มเหมือนชินจัง แถมหางคิ้วก็ลากยาวไปจนถึงขมับ
ห้องทำงานพรเพ็ญ ห่านนั่งเอามือถูไปมาด้วยความกังวลใจสุดๆ พรเพ็ญเดินถือแฟ้มเอกสารเข้ามานั่งตรงข้ามห่าน ห่านหน้าเครียด เงยหน้ามองพรเพ็ญด้วยอาการตกประหม่า
พรเพ็ญวางแฟ้มลงบนโต๊ะ ห่านสะดุ้ง พรเพ็ญเปิดแฟ้มหยิบเอกสารออกมาแผ่นนึง แล้วยื่นไปตรงหน้าห่าน
“เซ็นชื่อซะ”
ห่านใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
“คุณผู้จัดการจะไล่ฉันออกเหรอคะ”
“ทำไมฉันต้องไล่เธอออกด้วย”
“เออ...ก้อ...” ห่านอึกอัก
“เธอกลับมาทำงานช้าไปหนึ่งวัน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ฉันไม่ไล่เธอออก” ห่านยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ “แต่เธอต้องเซ็นชื่อเอาไว้”
“ได้ค่ะ” ห่านก้มหน้าเซ็นชื่อ
“ทำไมต้องกลัวว่าฉันจะไล่ออก หรือว่าเธอโกหกเรื่องที่กลับไปช่วยที่บ้านทำนา”
ห่านแทบช็อก อ้าปากค้าง ตาโต พรเพ็ญจ้องหน้าห่าน ห่านยังช็อก จะเป็นลม
ห่านมีสีหน้าอิดโรยขณะออกมาจากห้องพรเพ็ญ เจอแอปเปิ้ลกับปีโป้ดักรออยู่ สองคนเห็นสีหน้าห่านก็เตรียมเยาะเย้ยเต็มที่
“ห่านจ๊ะ อยากให้เราสองคนช่วยหางานใหม่ให้มั๊ย”
“ทำไมฉันต้องหางานใหม่ด้วย”
แอปเปิ้ลกับปีโป้มองหน้ากัน ไม่นานพรเพ็ญเดินออกมา
“หฤทัย” ห่าน แอปเปิ้ล ปีโป้หันไปมองพรเพ็ญ “ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย ก็บอกมา ไม่ต้องเกรงใจ”
ห่านยิ้มพร้อมไหว้
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณผู้จัดการ”
“นี่คุณผู้จัดการไม่ได้ไล่นัง...เออ ห่านออกเหรอคะ” แอปเปิ้ลถามอย่างประหลาดใจ
“ทำไมฉันต้องไล่หฤทัยออก”
“เพราะเค้าโกหก เค้าไม่ได้กลับไปช่วยที่บ้านทำนาซักหน่อย”
“นั่นสิคะ คุณผู้จัดการไม่ได้โทรไปถามครูสมพรเหรอคะ”
ห่านชะงัก หันไปมองแอปเปิ้ลทันที
“ไม่จำเป็น เพราะหฤทัยสารภาพกับฉันแล้ว ว่าเค้าโกหก แต่ที่ต้องโกหก เพราะเค้าอาย”
ห่านแกล้งทำหน้าเศร้า แอปเปิ้ลกับปีโป้สงสัยมาก
“อาย”
“หฤทัยไปเซ็นคำประกันให้เพื่อน แต่เพื่อนไม่มีปัญญาใช้หนี้ หฤทัยก็เลยต้องไปเป็นเด็กนั่งดริ้งค์” แอปเปิ้ลกับปีโป้ผงะมองห่านไม่เชื่อ ห่านแกล้งทำหน้าเศร้า “หฤทัยกลัวทำให้ห้างฯเราเสียชื่อ ก็เลยขอลางานเท่ากับจำนวนวันที่ต้องไปทำงานใช้หนี้แทนเพื่อน เข้าใจเหรอยัง”
แอปเปิ้ลกับปีโป้ยังไม่เชื่อ
“ไม่จริง มันโกหกค่ะคุณผู้จัดการ คุณผู้จัดการโทร”
“อรนภา หัดมีน้ำใจกับเพื่อนซะบ้าง แม้หฤทัยจะโกหก แต่มันก็เป็นโกหกสีขาว คนเราน่ะนะ ยามเพื่อนกำลังลำบาก เราต้องให้กำลังใจ ไม่ใช่ไปซ้ำเติม หรือหาเรื่องคอยจับผิด”
“แต่...”
พรเพ็ญนึกขึ้นมาได้
“เธอสองคนทิ้งแผนกมาแบบนี้ แล้วใครขายของ”
แอปเปิ้ลกับปีโป้หน้าเสีย
“ไม่มีค่ะ”
“ตายแล้ว รีบกลับไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะลงโทษพวกเธอ”
ปีโป้กับแอปเปิ้ลไม่กล้า จำต้องรีบเดินออกไป แต่แอปเปิ้ลไม่วายหันมามองห่านสีหน้าไม่พอใจ ห่านโล่งใจสุดๆ หันไปทางพรเพ็ญ
“ฉันขออนุญาตไปทำงานนะคะ”
พรเพ็ญพยักหน้า ห่านรีบเดินออกไป พรเพ็ญมองตามตาละห้อย
“โถ...น่าเวทนาจริงๆ แม่คุณ”
ที่ห้องอาหารพนักงาน ห่าน เจ๊มะพร้าว และแหม่ม ดีใจเฮดังลั่น
“นังห่านเอ๊ย ฝีมือการแสดงของแกนี่สุดยอด”
“ดราม่าตัวแม่ ข้าน้อยขอคารวะ”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มทำท่าคารวะห่านพร้อมกัน ห่านยิ้มยืด แล้วก็นึกขึ้นได้
“เดี๋ยวๆ นี่ชมหรือด่าเนี่ย”
แหม่มกับเจ๊มะพร้าวอมยิ้ม
“ก็ต้องชมสิ อย่าคิดซับซ้อนหลายชั้น” ห่านยิ้มออกมาอีกครั้ง “ถ้าไงเย็นนี้หมูกะทะกันป่ะ ฉลองที่แกเอาตัวรอดมาได้อย่างไร้ที่ติ”
“กู๊ดไอเดีย”
ห่านกับแหม่มตีมือกันสีหน้าลัลล้า เจ๊มะพร้าวยกมือสองข้าง
“สต๊อป อย่าเพิ่งร่าเริงเกินเหตุ วันนี้รอด ใช่ว่าวันหน้าจะโชคดีเหมือนวันนี้ อย่าลืมว่ามีคนจ้องจับผิดแกอยู่ ทั้งนังแอ๊บแบ๊ว นังปลากะโห้ นังช้างน้ำจีจี้ แกยังต้องระมัดระวังตัว ห้ามทำอะไรให้พวกมันจับได้อีกเด็ดขาด”
ห่านกับแหม่มมองหน้ากัน ห่านสีหน้ากังวลใจขึ้นมาทันที
แผนกรองเท้าสตรี แอปเปิ้ลจะปารองเท้าลงบนพื้น ปีโป้รีบมาคว้าแขนแอปเปิ้ลเอาไว้ได้ทัน
“อย่าเพื่อนแอ๊ป มันแพง” ปีโป้เอารองเท้าในมือแอปเปิ้ลมาเก็บ “ถ้าเธออยากปารองเท้า” ปีโป้ถอดรองเท้าตัวเองยื่นให้ “มาปารองเท้าฉันนี่ คู่ละ 99 เอง”
ปีโป้ยื่นรองเท้าไปผ่านหน้าจีจี้ที่ยืนอยู่พอดี จีจี้ได้กลิ่น ยกมือบีบจมูกเพราะเหม็นมาก
“มีหนูเน่าในรองเท้าแกรึเปล่าห๊ะนังปีโป้”
ปีโป้เอารองเท้ามาดม แล้วหันไปทางจีจี้
“ไม่เห็นเหม็นเลย หอมจิตาย”
“เหม็นจนตายมากกว่า แหวะ”
“หยุดเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระซักที ตอนนี้เราต้องสามัคคีกัน” แอปเปิ้ลบอกอย่างรำคาญ
“จริงด้วย สามัคคีคือพลัง...นำชาติให้พ้นภัย หนึ่งสอง หนึ่งสองสาม หนึ่งสอง หนึ่งสอง หนึ่ง...”
“หยุด” จีจี้ผงะ ยิ้มแหย “คอยดูนะนังคอห่าน ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าความลับของแกคืออะไร”
แอปเปิ้ลหน้าเหี้ยมเอาจริง จีจี้พยักหน้าเห็นด้วย ปีโป้นึกอะไรขึ้นมาได้ เดินมาสะกิดแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลหันไป
“ฉันว่างานนี้แค่พวกเราสามอาจจะทำลายนังห่านไม่ได้ เราต้องระดมสมองระดมกำลัง”
แอปเปิ้ลกับจีจี้มองปีโป้อย่างเห็นด้วย
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ดาหลาหันมาทางแอปเปิ้ล ปีโป้และจีจี้
“มันถึงเวลาที่เราต้องทำให้นังคอห่านออกไปจากที่นี่แล้วนะคะ”
ปีโป้กับจีจี้พยักหน้าพร้อมกัน
“แล้วทำไมฉันต้องช่วยพวกแกด้วย” ดาหลาย้อนถาม
“เอ้า ก็เราเคยตกลงกันไว้ จำไม่ได้เหรอคะ”
“ฉันมีเรื่องมากมายให้ต้องจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องคุณชาย ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก”
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ชะงัก พลันเสียงมือถือดาหลาดังขึ้น ดาหลาหยิบขึ้นมากดรับสาย น้ำเสียงดาหลาเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานทันที
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ดาหลาว่างสำหรับคุณแม่เสมอค่ะ ได้สิคะ เจอกันค่ะ” ดาหลาวางสาย “ฉันต้องไปแล้ว”
ดาหลาเชิดใส่แอปเปิ้ล ปีโป้และจีจี้ ก่อนจะเดินออกไป
“แล้วเราจะทำไงต่อไปอ่ะเพื่อนแอ๊บ เราจะล้วงแคะแกะแงะเอาความลับของนังห่านได้ยังไง”
แอปเปิ้ลหน้าเครียด คิด แล้วก็หันไปทางจีจี้
“จีจี้ ช่วงนี้แกต้องพยายามเกาะติดนังเจ๊ เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรดีดีมาบ้าง แล้วก็อย่าทำให้นังเจ๊รู้ตัวล่ะ”
“รับทราบครับ”
จีจี้ทำความเคารพ แอปเปิ้ลหรี่ตาร้ายกาจ แล้วจีจี้ก็เดินออกไป แอปเปิ้ลกับปีโป้เดินไปอีกทาง บื้อออกมาจากตรงมุมหนึ่งได้ยินทุกอย่าง
“แย่แล้วยัยห่าน” บื้อเป็นห่วงห่านมาก
ห่านเดินมาตามทาง มองหาบื้อ
“นายซื่อบื้ออยู่ที่ไหน” ไม่นานมีมือมาจับแขนห่านแล้วดึงเข้าไปในซอกหลึบ ห่านตกใจพอหันไปเห็นบื้อก็โล่งอก “นายดึงฉันเข้ามาในนี้ทำไม หรือว่านายจะทำมิดีมิร้ายกับฉัน”
บื้อรีบปล่อยแขนห่าน
“บ้าสิ”
“ฉันพูดเล่น นัดฉันมาตรงที่ลับๆ ล่อๆ แบบนี้ มีไร”
บื้อมองห่านหน้าตาซีเรียส
ดาหลากับดารัณมาบ้านคุณชาย สองแม่ลูกมองหน้าคุณหญิงรื่นฤดีด้วยความประหลาดใจมาก
“คุณแม่จะชวนพวกเราร่วมโต๊ะทานข้าวกับยัยฮันนี่เนี่ยนะคะ”
“ใช่จ๊ะ”
“ฉันนึกว่าคุณหญิงไม่ชอบขี้หน้ายัยนั่นซักอีก”
“ก็เพราะไม่ชอบ ถึงต้องชวนคุณดารัณกับหนูดาหลาให้มาช่วยกันรุมมันยังไงล่ะคะ”
“ดาหลาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ”
“ตาชายขอร้องฉันให้โอกาสแม่นั่น ถ้าฉันไม่ให้ ก็ดูฉันจะแล้งน้ำใจไปซักนิด แล้วตาชายก็อาจจะเห็นฉันเป็นนังมาร ฉันถึงต้องทำให้ตาชายเห็นว่าฉันเปิดใจยอมให้โอกาสแม่นั่น”
ดาหลากับดารัณพยักหน้าอย่างเข้าใจแจ่มแจ้ง
“คุณแม่นี่ฉลาดจริงๆ เลยนะคะ”
“อย่าลืมสิจ๊ะหนูดาหลาว่าหนูคนเดียวที่แม่จะยอมรับเป็นสะใภ้”
ดาหลากับดารัณหันมายิ้มให้กัน แล้วดารัณก็หันไปทางคุณหญิงรื่นฤดี
“คุณหญิงอยากให้ฉันกับลูกทำอะไรก็บอกมาเลยนะคะ พวกเราจะช่วยเต็มที่”
คุณหญิงรื่นฤดียิ้มอย่างพอใจ
ห่านมองหน้าบื้อสีหน้าตกใจมาก
“นังแอ๊บ นังปลากะโห้ นังจี้กำลังสืบหาความลับของฉัน นายแน่ใจนะว่านายฟังไม่ผิด”
“เลิกปลอมตัวเป็นคุณฮันนี่เถอะ” ห่านกลืนน้ำลายเอื๊อก หน้าแย่มาก “เชื่อฉันเถอะห่าน หยุดตอนนี้ยังไม่สาย”
“นายจะให้คุณฮันนี่หายตัวไปเฉยๆ ได้ไง แล้วคุณชายจะรู้สึกยังไง”
“ห่วงตัวเองก่อนดีมั้ย”
“ไม่ดี” บื้ออึ้ง “คนไม่เคยมีความรักอย่างนายมันจะไปรู้อะไร? คนรักกันเค้าก็จะต้องห่วงกัน อย่างที่ฉันกำลังห่วงคุณชายอยู่นี่แหละ รู้มั้ย”
บื้ออึ้ง ก่อนจะพูดขึ้น
“รู้สิ ทำไมฉันจะไม่รู้” ห่านไม่ทันสนใจสิ่งที่บื้อพูด
“ที่สำคัญที่สุด นับจากนี้ไป ฉันทำร้ายจิตใจคุณชายไม่ได้ เพราะว่าคุณชายบอกรักฉันแล้ว” บื้ออึ้ง ตะลึงงัน รู้สึกหน้าชาไปทั้งแทบ “เค้าบอกฉันตอนวันที่เรากำลังจะกลับจากสวิส เค้าพูดว่า “เค้ารักฉัน”
บื้อยังอึ้ง แล้วก็นึกย้อนกลับไปตอนที่เค้าเห็นคุณชายกำลังจะจูบห่าน
บื้อเข้าใจว่าเป็นวันนั้นนั่นเอง ห่านจับแขนบื้อแน่น
“ความฝันของฉันเป็นจริงแล้ว ฉันจะไม่มียอมทำลายมันเด็ดขาด”
“แต่เธอโกหกคุณชาย”
ห่านนิ่งคิดตามที่บื้อพูด แล้วก็ตัดสินใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกความจริงกับคุณชายว่าฉันเป็นใคร”
ห่านสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง จนบื้อรู้สึกได้
“ท่าทางเธอคงจะรักคุณชายมาก” ห่านพยักหน้า
“ฉันรักคุณชาย ฉันรักเค้าจริงๆ เค้าทำให้ฉันมีความสุข ถ้านายมีความรัก นายจะเข้าใจฉันนะบื้อ”
“แล้วใครบอกเธอว่าฉันไม่มีความรัก” ห่านชะงัก
“นี่นายรักใครอยู่เหรอ”
บื้อมองห่านนิ่งนาน อยากบอกใจจะขาดว่า “กูรักมึงนั่นแหละ”
พลันเสียงมือถือห่านดังขึ้น ห่านหยิบออกมาเห็นชื่อคุณชายก็ยิ้มดีใจมาก
“คุณชายโทรมา” ห่านบอกบื้อแล้วกดรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะคุณชาย”
บื้อมองห่านที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหน้าเศร้า ก่อนจะเดินคอตกออกไป
บื้อวักน้ำจากน้ำก๊อกล้างหน้าตัวเองอย่างแรง ก่อนจะเงยหน้ามองกระจก
“ทำไมมันเจ็บงี้วะ”
บื้อเอามือมากุมหน้าอกตัวเอง
คืนนั้นคุณชายนัดเจอกับห่านที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ห่านมองคุณชายด้ฝวยสีหน้าตกใจมาก
“คุณแม่ของคุณชายชวนฮันนี่ให้ไปทานข้าวที่บ้านเย็นวันพรุ่งนี้เหรอคะ”
“ใช่ครับ นั่นแสดงว่าคุณแม่ของผมท่านยอมเปิดใจกับคุณแล้ว”
คุณชายจับมือห่านกุมแน่น
“ผมดีใจมากเลยนะครับคุณฮันนี่”
เออ...ฮันนี่...ก็...ดีใจค่ะ”
คุณชายยิ้ม ห่านยิ้ม แต่แววตาห่านมีความกังวลใจเต็มเปี่ยม
นีรนุชกำลังนั่งทำงานกับโน้ตบุ้ก ไม่นานเสียงมือถือดังขึ้น นีรนุชหยิบมือถือขึ้นมามอง เห็นชื่อ “ชาย” นีรนุชยิ้มดีใจ กดรับโทรศัพท์
“กำลังว่าจะโทรไปหาพอดี แป๊บนะ ตรงนี้สัญญาณไม่ดีเลย”
นีรนุชลุกเดินออกไป
มุมหนึ่งในบ้านคุณชาย คุณชายกำลังยืนคุยโทรศัพท์สีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี
“ให้ฉันพูดเรื่องฉันก่อน เพราะเรื่องของฉันสำคัญกว่าของแกแน่นอน” นีรนุชทำหน้าหมั่นไส้
“ขนาดนั้นเลย อ่ะอ่ะ ให้พูดก่อนก็ได้” นีรนุชฟังแล้วชะงัก “แม่แกชวนคุณฮันนี่มาทานข้าวที่บ้าน”
“ถูกต้องแล้วครับ และถ้าคุณแม่ได้รู้จักคุณฮันนี่ ท่านจะต้องรักคุณฮันนี่เหมือนกับที่ฉันรัก เรื่องฉันจบแล้ว ถึงตาแกพูดบ้าง”
“ฉันกำลังจะกลับเมืองไทย”
“จริงดิ งั้นฉันจะพาแกเที่ยวให้ทั่วเลย”
“แกลืมไปแล้วเหรอว่าฉันต้องเตรียมงานโปรโมทโรงเรียนและการท่องเที่ยว และแกก็ต้องช่วยฉันด้วย”
“จริง ลืมไปเลย มัวแต่ดีใจที่แกกลับมา แล้วเจอกันที่กรุงเทพนะน้องนุช”
“อื้อ...แล้วเจอกัน บ๊าย”
นีรนุชวางสาย สีหน้ามีความสุขที่ได้กลับบ้าน
ห่านกับแหม่มเคาะประตูและช่วยกันเรียกบื้อ
“บื้อ นายซื่อบื้อ นายบื้อ”
แต่ไม่มีใครได้ยิน ห่านกับแหม่มถอยหลังออกมามองไปที่บ้าน เห็นทั้งหลังมืดสนิท
“ฉันว่าหลับไปแล้วว่ะ ไว้พรุ่งนี้มะ”
“พรุ่งนี้จะไม่ทันน่ะสิ แกรอฉันตรงนี้แป๊บนะ”
ห่านรีบกลับไปที่บ้าน แหม่มหันไปมองตามด้วยความสงสัย
ห่านถือไฟฉายอันใหญ่เดินออกมา แหม่มยังสงสัยไม่หาย
“แกเอาไฟฉายออกมาทำไม”
ห่านไม่ตอบ แล้วก็เปิดเสียงไซเรนจากไฟฉายจนดังสนั่นไปทั่ว แหม่มถึงกับสะดุ้ง รีบยกมืออุดหู
“ไฟไหม้ ไฟไหม้”
ห่านแหกปาก เท่านั้นแหละ ลุงจ๊อดกับโจ๊กช่วยกันแบกตู้เย็นออกมาจากบ้านเช่าตัวเอง ห่านกับแหม่มหันไปมองอึ้ง
“เร็วไอ้โจ๊ก ฉิบหายแล้ว หมดตัวแล้วกู”
ไม่นานบื้อกอดหมอนวิ่งออกมา พร้อมกับโย่งที่ยกโต๊ะทั้งตัวออกมา
“ไฟไหม้ที่ไหนวะ ไหนวะ”
ห่านรีบปิดเสียงไซเรนเพราะเห็นท่าไม่ดี บื้อ โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กหันไปมองห่าน ห่านยิ้มแหย
“เออ ห่านล้อเล่น”
“ล้อเล่น” ห่านพยักหน้า “ไอ้โจ๊กเอาตู้เย็นเข้าบ้าน”
ลุงจ๊อดปล่อยมือจากตู้เย็น โจ๊กเหวอ
“อ้าวลุง ไหงไม่ช่วยกันล่ะ”
“ว่าจะเนียนซักหน่อย” แล้วลุงจ๊อดกับโจ๊กก็ช่วยกันแบกตู้เย็นกลับเข้าไปในบ้าน “ทำไมตอนยกออกมามันเบาวะ” ลุงจ๊อดบ่น
บื้อกับโย่งหันไปมองห่าน
“ล้อเล่นอะไรแบบนี้ห๊ะ”
“นายอยากหลับเร็วทำไม”
“แล้วเกี่ยวไรกับฉัน”
“ห่านเค้าจะคุยกับเธอ”
“ใช่ ไปคุยกันที่บ้านฉัน แค่นายคนเดียวเท่านั้น”
ห่านเหล่โย่ง โย่งสะดุ้ง
“ชวนผู้ชายเข้าบ้านดึกๆ น่าไม่อาย”
“นายซื่อบื้อ” บื้อยักไหล่ “ตามฉันมาเร็วเข้า”
ห่านหันหลังเดินนำไปก่อน บื้อเอาหมอนวางบนโต๊ะที่โย่งถือ แล้วก็เดินตามห่านออกไป โย่งสงสัยหันไปทางแหม่ม
“ห่านจะคุยไรกับบื้อเหรอ” แหม่มมองหน้าโย่งนิ่งๆ โย่งรู้ตัว “จะบอกว่าฉันยุ่งใช่ป่ะ”
แหม่มพยักหน้า โย่งหน้าแหย แล้วแหม่มก็เดินตามห่านกับบื้อเข้าไป โย่งสงสัยมาก
บ้านเช่าห่าน บื้อหรี่ตามองหน้าห่าน มีแหม่มอยู่ข้างๆ ทั้งหมดนั่งอยู่ด้วยกัน
“ให้ฉันยืมรถเฮียเจ้าของร้านจักรยาน และให้ฉันปลอมเป็นคนขับรถ เพื่อรับใช้คุณฮันนี่อีกงั้นเหรอ”
ห่านตบเข่าฉาด
“ถูกต้อง นายนี่หัวไวจริงๆ” ห่านลูบหัวบื้อ “พูดครั้งเดียวก็เข้าใจแจ่มแจ้ง”
บื้อปัดมือห่านออก แล้วลุกขึ้นยืน
“ฉันไม่ทำ”
บื้อหันหลังจะเดินออกไป ห่านไม่พอใจมาก รีบลุกเดินไปขวางหน้า บื้อหยุดกึก แหม่มรีบตามายืนข้างห่าน
“อย่าลืมสิว่านายกับฉันกินช็อคโกแล็ตร่วมสาบานกันแล้ว” แหม่มงง
“เคยได้ยินแต่ดื่มน้ำร่วมสาบาน”
“ถ้านายผิดคำสาบาน นายต้องโดนหมากัด ถูกรถชน โดนหญิงทิ้ง เดินไปไหนก็ขอให้เหยียบแต่ขี้หมา”
“โว๊ย พอแล้ว เออๆ ช่วยก็ช่วย ฉันไม่น่าหลงกลเธอเลยจริงๆ ยัยตัวยุ่ง”
บื้อขยี้หัวห่านจนผมยุ่ง มองห่านด้วยแววตาเอ็นดู แหม่มสังเกตเห็นแววตานั้นก็สงสัย บื้อเดินออกไป ห่านหันไปทางบื้อ พูดไล่หลัง
“ทำใจซะเถอะ นายกับฉันลงเรือลำเดียวกันแล้ว” ห่านเอามือสางผมให้เรียบร้อย หันไปเห็นแหม่มมองตามบื้อ สีหน้าสงสัย ก็แปลกใจ “มองนายนั่นทำไม”
“เปล่า” แหม่มหันมา ห่านชี้หน้า
“อ๊ะๆ อย่าบอกนะว่าชอบนายซื่อบื้อ”
“ไม่ได้ชอบ”
"งั้นก็แล้วไป ฉันไปนอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้หน้าจะไม่เฟรช"
ห่านเดินลัลล้าออกไป สีหน้ามีความสุข แหม่มยังนิ่วหน้าสงสัยไม่หาย
วันต่อมาห่านนั่งให้เจ๊มะพร้าวแต่งหน้าให้ มีแหม่มช่วยดู
“แต่งหน้าโทนนี้ หน้าไอ้ห่านมันดูหว๊านหวานนะเจ๊”
“ไปเจอผู้ใหญ่มันก็ต้องทำให้หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มจุ๋มจิ๋มงุงิ”
“พอได้แล้วเจ๊ พูดมาก เดี๋ยวเขียนคิ้วฉันเบี้ยว”
“มือเทพขนาดนี้ ไม่มีคำว่าเบี้ยวจ้า”
ระห่างนั้นจีจี้เดินมาเห็นห่านกำลังแต่งหน้า ก็นึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของแอปเปิ้ล มีหน้าแอปเปิ้ลผุดขึ้นมาข้างหูจีจี้
“จีจี้ ช่วงนี้ แกต้องพยายามเกาะติดนังเจ๊ เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรดีดีมาบ้าง แล้วก็อย่าทำให้นังเจ๊รู้ตัวล่ะ”
จีจี้หรี่ตาร้ายกาจ เดินมาหาเจ๊มะพร้าว ห่านและแหม่ม
“อุ๊ยตายแล้วห่าน” สามคนหันไปทางจีจี้ไม่ไว้ใจ “แต่งหน้าซะเช้ง จะไปไหนหรอ”
“อยากรู้เหรอ”
“ถ้าไม่อยากรู้ คงไม่ถามหรอกเจ๊”
“มาใกล้ๆ” จีจี้ขยับเข้ามาใกล้ “ยื่นหูมา”
จีจี้รีบหันหูให้เจ๊มะพร้าว เจ๊มะพร้าวตะโกนใส่หู
“สา-ระ-แน”
จีจี้ตกใจขี้หูแทบร่วง ห่านกับแหม่มหัวเราะ
“ว๊ายเจ๊อ่ะ” จีจี้เอานิ้วแยงรูหู “เกิดฉันหูหนวกไป เจ๊จะรับผิดชอบไหวมั๊ย”
“ไหวสิ เจ๊จะโทรไปโรงพยาบาล”
“ให้มารับฉันไปหาหมอ”
“เปล่า ให้มาเชิญแกไปเป็นอาจารย์ใหญ่”
ห่านกับแหม่มขำกัน
“อุ๊ย ฉันจบม.3 เป็นอาจารย์ใหญ่ได้ด้วยเหรอ”
“ได้สิ แกแค่นอนเฉยๆ แล้วพวกนักศึกษา ก็จะช่วยกันแก้ผ้าให้แก”
“ว้าย...เจ๊อ่ะ พูดไรไม่รู้ สยิวไปหมด”
“เก็บความสยิวไว้ก่อน เจ๊ยังพูดไม่จบ จากนั้นพวกนักศึกษาแพทย์เค้าก็จะเอามีดมาชำแหละศพของแก” จีจี้สะดุ้งเริ่มเข้าใจ “เพื่อดูตับไตไส้พุงของแกว่ามันมีช้างอยู่ในนั้นทั้งโขลงรึเปล่าแกถึงได้บวมขนาดนี้นังจี้”
“อ๊ายยย เจ๊ว่าหนูอีกแล้วนะ”
“รีบไสหัวออกไปก่อนที่ฉันจะเอามาสคาร่า” เจ๊มะพร้าวชูขึ้นมาพร้อมทำท่า “จิ้มก้นแก” จีจี้สะดุ้ง
“ว้าย”
จีจี้รีบเอามือปิดก้น แล้วก็เดินสะบัดออกไป
“ใจเย็นเจ๊ หอบแล้วเนี่ย”
“วันๆ ทะเลาะกับนังจี้ เหนื่อยยิ่งกว่ายืนขายของอีก เฮ้อ...ขอเจ๊ตั้งสติก่อน”
แหม่มกับห่านขำ
จีจี้นำเรื่องนี้ไปฟ้องแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลมีสีหน้าไม่พอใจ
“ทำไมแกถึงไม่ด่าอีเจ๊กลับไปห๊ะ”
“จะด่าไงไหว ปากหยั่งกะกรรไกร ขืนพูดอะไรออกไป โดนตัดเลือดสาด”
“นังห่านให้อีเจ๊แต่งหน้าให้ แสดงว่าต้องไปงานอะไรที่มีความสำคัญ” ปีโป้บอก แอปเปิ้ลคิดตาม
“ฉันเห็นด้วยกับแก”
“เราต้องทำยังไง ถึงจะรู้ว่ามันไปไหน”
แอปเปิ้ลมองหน้าปีโป้กับจีจี้สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก
แอปเปิ้ล จีจี้ ปีโป้ เดินมาด้วยกันตามทางจนมาถึงหน้าห้องน้ำ
“เพื่อนแอ๊บเปิ้ล คิดออกยังว่าจะจัดการนังห่านยังไง”
“เรื่องไรมาพึ่งฉันคนเดียว ทำไมพวกแกไม่ช่วยกันคิดห๊ะ”
“ฉันโง่นี่ คิดไรแบบนี้เป็นที่ไหน” แอปเปิ้ลเซ็งมาก
“เข้าห้องน้ำก่อน ค่อยว่ากัน” แอปเปิ้ลเปิดประตูจะเข้าห้องน้ำ แล้วก็ตกใจ รีบถอยออกมา หันไปทางปีโป้กับจีจี้ “นังห่านอยู่ในนั้น ฉันคิดออกแล้วว่าจะเล่นงานมันยังไง”
แอปเปิ้ลหน้าร้าย ปีโป้กับจีจี้สงสัย
ห่านกำลังเช็กหน้าตัวเองที่หน้ากระจก ยิ้มอารมณ์ดี แล้วก็ดูเวลา
“อุ๊ย หกโมงเย็นแล้ว”
ห่านเอามือถือออกมากดโทรออก
“นายบื้อ เจอกันที่หลังห้างฯ อย่าให้ใครเห็นล่ะ” ห่านวางสาย เอามือถือเก็บ ก่อนจะสะพายกระเป๋า เดินไปที่ประตูจะเปิดประตูดันออกไป แต่เปิดไม่ได้ ห่านแปลกใจมาก “ทำไมเปิดไม่ออก”
หน้าห้องน้ำจีจี้เอาตัวดันประตูไว้ทำให้ห่านดันประตูออกมาไม่ได้ แอปเปิ้ลกับปีโป้หันไปทางลูกค้าผู้หญิงที่กำลังจะเข้าห้องน้ำ
“ห้องน้ำเสีย เชิญชั้นสองนะคะ”
ลูกค้าผู้หญิงเดินออกไป แอปเปิ้ลกับปีโป้หันมาทางประตูห้องน้ำ สีหน้าร้ายกาจ ห่านพยายามดันประตูออกไปเต็มแรง แต่เปิดไม่ได้เลย
“ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็นแบบนี้ ทำไมต้องมาเป็นวันนี้ด้วยนะ คนยิ่งรีบๆ อยู่ ใครอยู่ข้างนอกช่วยด้วยค่ะ มีคนติดอยู่ในนี้” ห่านทุบประตูปังๆๆ แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้อมยิ้มสะใจ
“ห่านจ๋า”
ห่านชะงัก ชักเอะใจบางอย่าง
“แอปเปิ้ล ฝีมือแกใช่มั๊ย”
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้อ้าปากขำเบาๆ
“ไม่นึกเลยว่าแกจะฉลาด ใช่! ฝีมือฉันเอง ถ้าแกอยากออกจากห้องน้ำ แกต้องบอกฉันมาก่อนว่าแกจะไปไหน ถึงต้องแต่งหน้าซะสวย” ห่านชะงัก
“ฉันแค่ให้เจ๊ลองเครื่องสำอาง ไม่ได้จะไปไหน”
จีจี้ดันประตูไปพูดไป
“โกหก ตอนนั้นที่ฉันถาม ทำไมแกถึงไม่ตอบแบบนี้ห๊ะ”
ห่านเงียบ หน้าเสีย ปีโป้เดินมาตรงหน้าประตู พูดใส่หน้าจีจี้
“เงียบแบบนี้ แสดงว่ามีอะไรซ่อนเร้น ถ้าเธอไม่บอก ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ออกไป ฮ่าๆๆ” ลมปากปีโป้ปะทะหน้าจีจี้เต็มๆ
“นังปีโป้ หุบปากไปเลย ทั้งเท้าทั้งปากกลิ่นเดียวกัน”
ปีโป้รีบปิดปาก ห่านหน้าแย่มาก ดูเวลาเห็นว่าใกล้หกโมงครึ่งแล้ว
“ใกล้เวลานัดคุณชายแล้ว ทำไงดี”
ที่บ้านคุณชาย ขณะนั้นคุณชายกำลังทำซอสเปปเปอร์เพื่อราดสเต็ก มีสมคอยเป็นลูกมือข้างๆ คอยส่งโน่นส่งนี่ให้ คุณชายทำน้ำซอสเสร็จก็ตักขึ้นมาชิม พร้อมกับยิ้มพอใจ สมกลืนน้ำลายเอื๊อก
“คุณหนูครับ ผมช่วยชิมมั้ยครับ”
“ได้สิ” คุณชายตักน้ำราดใส่ช้อน แล้วยื่นเข้าปากสมทันทีโดยที่สมไม่ทันตั้งตัว สมแทบสำลัก คุณชายอมยิ้ม
“รสชาติเป็นไง” สมยกนิ้วโป้ง
“สุดยอดเลยครับคุณหนู เหมือนอาหารในโรงแรมระดับหกดาว”
“เคยทานอาหารโรงแรมระดับหกดาวด้วยเหรอ”
“ไม่เคยครับ จำเค้ามาอีกที เฮอะๆๆ”
“พี่สมว่า คุณฮันนี่จะชอบมั้ย”
“ผมมั่นใจว่าคุณฮันนี่ต้องชอบเปปเปอร์สเต็กฝีมือคุณชายแน่นอนครับ”
คุณชายยิ้มมีความหวัง
คุณชายกับสมยังง่วนกันอยู่ในครัว คุณหญิงรื่นฤดีเห็นแล้วก็โมโห จะเดินเข้าไป แต่เจอชนะศึกเดินมาขวาง
“อยู่นี่เอง ผมตามหาตั้งนาน”
“มีอะไร”
“ผมอยากให้คุณช่วยเลือกชุดให้ผม”
“ฉันไม่ว่าง”
“ผมไม่เห็นคุณทำอะไร”
“ฉันจะเข้าไปคุยกับลูกของฉัน ดูสิ เพราะนังผู้หญิงคนนั้น ทำให้ลูกชายของฉันต้องลำบาก เข้าครัวทำอาหาร”
“คุณรื่นฤดี ถ้าคุณขืนเข้าไปพูดกับตาชายแบบนั้น ลูกจะโกรธเอานะ เพราะคุณเป็นคนให้โอกาสหนูฮันนี่เองไม่ใช่เหรอ” คุณหญิงรื่นฤดีเงียบ ชนะศึกเข้ามาโอบให้ใจเย็น “ไปช่วยผมเลือกชุดดีกว่า แล้วอีกอย่าง คุณก็ควรจะเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่สวยนะ”
คุณหญิงรื่นฤดีพยายามอดกลั้น แล้วก็เดินออกไป ชนะศึกหันไปมองคุณชายสีหน้าเป็นห่วง แล้วก็ตามคุณหญิงรื่นฤดีออกไป
ส่วนที่ห้าง BKK Plaza หน้าห้องน้ำหญิง เสียงเคาะประตูดังปังๆๆ ห่านสะดุ้ง เสียงแอปเปิ้ลดังขึ้น
“ตกลงจะบอก หรือไม่บอก”
ห่านเครียด ไม่รู้จะทำยังไงดี
“โอ๊ย ทำไงดี คิดสิห่าน คิดๆๆ” ห่านนึกออกหยิบมือถือออกมากดโทรออก “เจ๊ ช่วยฉันด้วย”
แหม่ม เจ๊มะพร้าวจ้ำเดินมาตามทาง สีหน้าหงุดหงิดเต็มที่
“นังพวกนั้น ซักวันมันต้องตายด้วยน้ำมือฉัน”
“ใจเย็นนังแหม่ม แกอย่าเอาอนาคตดีดีของแกไปแลกกับคนชั่วๆ อย่างพวกมัน”
ทันใดนั้นโย่งกระโดดออกมาขวางทาง แหม่มกับเจ๊มะพร้าวสะดุ้งตกใจ
“ว้าย”
“มาหาเพราะรัก มาหาเพราะคิดถึง”
แหม่มยกมือไปตรงหน้าโย่ง
“หยุด ฉันไม่มีเวลามาฟังอะไรเน่าๆ ฉันกำลังรีบ”
“จะไปไหน”
“ถ้าอยากรู้ก็ไปด้วยกัน”
“เจ๊ชวนมันทำไม”
“พวกมันมีสาม แต่เรามีสอง จะสู้ไหวได้ไง มีน้องโย่งอีกคนจะได้หายห่วง”
“หายห่วง หรือมีห่วงกันแน่ เฮ้อ”
แหม่มหันไปมองโย่งที่ยิ้มแฉ่ง แล้วก็จ้ำเดินออกไป โย่งหันไปทางเจ๊มะพร้าว
“ไปไหนเหรอครับเจ๊”
“เดี๋ยวก็รู้ ตามเจ๊มา”
เจ๊มะพร้าวเดินออกไป โย่งเดินตามไปแบบงงๆ
หน้าห้องน้ำหญิง จีจี้หน้าแย่ เริ่มเมื่อย หันไปทางแอปเปิ้ลกับปีโป้
“ฉันจะดันประตูไม่ไหวแล้วนะ เมื่อยไปหมดแล้ว” จีจี้พูดเสียงสั่นเพราะออกแรง
“อดทนหน่อยสินังจี้ อีกไม่นานนังห่านต้องคายความลับของตัวเองออกมา”
เสียงเจ๊มะพร้าวดังขึ้น
“ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้”
จีจี้ แอปเปิ้ล ปีโป้หันไปเห็นแหม่ม เจ๊มะพร้าว โย่งยืนอยู่ แอปเปิ้ลกับปีโป้เดินมาตรงหน้าเจ๊มะพร้าว
“ไม่ปล่อย มีไรป่ะ” แอปเปิ้ลบอก ปีโป้หัวเราะ
“ฮ่าๆๆ”
เจ๊มะพร้าวสุดทนตบหน้าปีโป้อย่างแรง ทุกคนตกใจ ปีโป้ถึงกับมึน
“แหม่ม ไปช่วยห่านออกมา”
แหม่มรีบเดินออกไป แอปเปิ้ลตามมาขวาง แล้วตบแหม่มเพี๊ยะ แหม่มหน้าหัน โย่งโมโหมาก
“อย่าทำอะไรแหม่มของฉันนะ” โย่งพุ่งเข้าไป เจอแอปเปิ้ลเอานิ้วจิ้มตาสองข้าง โย่งร้องลั่น “อ๊าก!”
ห่านเอาหูแนบประตูแอบฟัง
“เสียงดังโวยวายขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
ปีโป้พุ่งเข้ามากอดเจ๊มะพร้าว เจ๊มะพร้าวเอากำปั้นทุบหลังปีโป้ดังอั่ก ส่วนแอปเปิ้ลกับแหม่มก็จิกผมดึงผมกันไปมา โย่งเจ็บตามาก แหม่มหันไปทางโย่ง
“โย่ง รีบไปเปิดประตูห้องน้ำ ช่วยห่านออกมา”
“ไม่ไหว ปวดตา”
“ถ้านายช่วยห่านออกมาได้ ฉันจะไปกินข้าวกับนาย”
โย่งเด่งตัวยืนตรงทันที พร้อมเสียงดังขันแข็ง
“ครับพ้ม”
โย่งหันไปหาจีจี้ จีจี้ตื่นกลัว โย่งพุ่งเข้ามากอดจีจี้พยายามดึงออกไป
“โย่ง อย่ากอดเค้าสิ โอ๊ย”
จีจีอ่อนแรง เริ่มระทวย ไม่มีแรงดันประตู โย่งเห็นจีจี้ผละออกห่างประตูก็รีบตะโกนเข้าไปในห้องน้ำ
“ห่าน ออกมาได้แล้ว”
จีจี้ยังระทวย ไม่มีสติ แอปเปิ้ลกับปีโป้หันไปเห็นจีจี้ออกห่างประตูก็ตกใจ จะเข้าไป เจอแหม่มกับเจ๊มะพร้าวล็อกตัวเอาไว้ ห่านเปิดประตูออกมา
“รีบไปนังห่าน”
ห่านพยักหน้า แล้วก็รีบวิ่งออกไปทันที แอปเปิ้ลกับปีโป้หน้าตาตื่น
“ปล่อยฉัน”
แหม่มกับเจ๊มะพร้าวปล่อยปีโป้กับแอปเปิ้ล สี่คนประจันหน้ากัน
“วันนี้นังห่านโชคดี แต่วันหน้าไม่มีทางโชคดีเหมือนวันนี้แน่ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าพวกแกมีความลับอะไรกัน”
“จ้างให้ก็ไม่มีทางรู้”
“พูดงี้แสดงว่ามีความลับจริงๆ” แหม่มผงะที่หลุดปาก เจ๊มะพร้าวหน้าแย่ แอปเปิ้ลยิ้มมุมปาก “ความลับไม่มีในโลกหรอกนะจะบอกให้”
แอปเปิ้ลทำท่าปาดคอก่อนจะเดินออกไป ปีโป้เดินตาม แหม่มหันมาทางเจ๊มะพร้าวหน้าแย่มาก
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะเจ๊”
“ฉันรู้ ใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งตื่นตูม”
พลันเสียงโย่งดังขึ้นโหยหวน
“ช่วยด้วย!”
แหม่มกับเจ๊มะพร้าวหันไปเจอจีจี้กอดโย่งอยู่อย่างแนบแน่น แหม่มกับเจ๊มะพร้าวสะดุ้งโหยง
“งานนี้ช่วยไม่ไหวล่ะน้องโย่ง ช่วยตัวเองเถอะ”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มรีบออกไป โย่งพยายามเอามือดันตัวจีจี้ออกไปสีหน้าหวาดกลัวสุดๆ
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ด้านหลังห้าง บื้อใส่ชุดคนขับรถ รวบผมยืนรอห่านอยู่ สีหน้าร้อนรน ดูเวลา
“จะทุ่มหนึ่งอยู่แล้ว ยังไม่มาอีก เป็นอะไรรึเปล่า”
บื้อเริ่มกังวล ไม่นานห่านวิ่งกระหืดกระหอบออกมาบื้อเห็นห่านยังไม่ได้เปลี่ยนชุด
“เธอไปไหนมา แล้วทำไมถึงยังไม่เปลี่ยนชุดอีก”
อย่าเพิ่งถามได้ป่ะ ขึ้นรถก่อนเหอะ ซิ่งเลยนะนายบื้อ เอาให้ทันหนึ่งทุ่มล่ะ”
ห่านร้อนรนรีบขึ้นรถ บื้อส่ายหัว
“ดีแต่สั่ง เฮ้อ”
บื้อขึ้นรถ รีบขับออกไป
นาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรง คุณหญิงรื่นฤดีหน้าง้ำงอไม่พอใจ คุณชาย ชนะศึก สมยืนอยู่ด้วยกัน
“สีหน้าอย่างนี้ ลักษณะว่าจะไม่ดีแน่นอนครับคุณชาย”
สมกระซิบกับคุณชาย คุณหญิงรื่นฤดีหันมา สมกับชนะศึกรีบหลบตาพร้อมกัน
“หนึ่งทุ่มแล้ว ไหนล่ะแม่ฮันนี่ของลูก ทำไมถึงยังไม่มา”
“เพิ่งทุ่มเดียวเองนะครับคุณแม่ ให้โอกาสคุณฮันนี่อีกหน่อยสิครับ” ระหว่างนั้นมีเสียงรถแล่นเข้ามา ทุกคนหันไปมองที่หน้าประตู คุณชายยิ้มนึกว่าเป็นห่าน “คงจะมาแล้วล่ะครับ”
ชนะศึกกับสมโล่งอก คุณหญิงรื่นฤดีทำหน้านิ่งอย่างรู้ว่าใครกันแน่ที่มา ไม่นานคนที่เดินเข้าประตูมาก็คือดาหลากับดารัณ ทำเอาคุณชายหุบยิ้มแทบไม่ทัน ชนะศึกกับสมมองหน้ากันด้วยความงง
“สวัสดีค่ะคุณหญิง คุณชนะศึก”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่ คุณชาย”
คุณหญิงรื่นฤดี ดาหลา ดารัณ ยิ้มให้กันอย่างพอใจ
“แม่ชวนหนูดาหลากับคุณดารัณให้มาทานข้าวด้วยกัน หวังว่าลูกคงไม่ขัดข้องนะจ๊ะ” คุณหญิงรื่นฤดีบอกลูกชาย คุณชายพูดไม่ออก คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางดาหลากับดารัณ “เราไปที่โต๊ะทานข้าวกันดีกว่าค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดี ดาหลา ดารัณเดินออกไป ชนะศึกกับสมขยับมาประกบคุณชาย
“พ่อตะหงิดๆ อยู่แล้วว่าคราวนี้แม่แกใจดีเกินไป ที่แท้ก็มีแผน”
“งานนี้คุณชายเจอศึกหนักแล้วนะครับ” สมตบบ่าคุณชาย คุณชายหันมามองสม พร้อมหลุบตามองมือ สมรู้ตัว สะดุ้งนิดๆ “อุ้ย...ขอโทษครับ”
สมรีบเอามือออก คุณชายกังวลใจมากๆๆ
บื้อกำลังขับรถอยู่ดีๆ ก็มีบางอย่างถูกโยนมาข้างๆ บื้อชะงัก เอามือหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดูปรากฏว่ามันคือเสื้อพนักงาน บื้อตกใจ เผลอหันขวับไปทางห่าน
“เฮ๊ย! ทำบ้าอะไรน่ะ”
ห่านกำลังเปลี่ยนเสื้อด้านหลังเบาะที่นั่งของบื้อ ถึงกับตกใจที่บื้อหันมา รีบหาอะไรมาปิดตัวไว้
“นายขับรถอยู่นะ หันมาทำไม”
บื้อนึกได้ “จริงด้วย” รีบหันกลับไป หน้าแดงซ่านด้วยความเขิน
“ถอดเสื้อทำไม เกิดหื่นขึ้นมาเหรอไง”
ห่านโผล่แต่หน้ามาข้างหลังบื้อ
“บ้าสิ ฉันกำลังเปลี่ยนชุด นายห้ามแอบมองฉันเด็ดขาด หน้าที่ของนายก็คือ รีบขับรถไปให้ทันตามนัด” ห่านผลุบกลับลงไป
“คงจะทันหรอกนะยัยคอห่าน นี่มันทุ่มสิบห้าแล้ว”
ห่านโผล่หน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“ทุ่มสิบห้า แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน”
านอยากจะบ้า บื้อส่ายหัวด้วยความเซ็งสุดขีด
คุณหญิงรื่นฤดีนั่งที่หัวโต๊ะ ชนะศึกกับดารัณนั่งข้างกัน ตรงข้ามเป็นคุณชายกับดาหลา คุณชายนั่งติดคุณหญิงรื่นฤดี
“แม่ให้โอกาส 15 นาที แต่ก็ยังไม่มา แบบนี้เค้าเรียกว่าเป็นคนยังไงนะคะคุณดารัณ”
“ไม่รู้จักกาลเทศะค่ะคุณหญิง”
“ผมว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับคุณฮันนี่แน่ๆ ครับ คุณฮันนี่ไม่ใช่คนแบบนี้”
“ลูกเพิ่งรู้จักกับเค้าได้ไม่นาน รู้ได้ยังไงจ๊ะ”
คุณชายยังไม่ทันพูด เสียงมือถือคุณชายดังขึ้น คุณชายหยิบขึ้นมาก็ยิ้มดีใจ รีบกดรับสาย
“คุณฮันนี่ถึงแล้วเหรอครับ”
คุณหญิงรื่นฤดี ดาหลา ดารัณ มองหน้ากัน ขณะนั้นห่านเปลี่ยนเสื้อไปคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“อีกไม่เกิน 10 นาที ฮันนี่จะถึงบ้านคุณชายค่ะ ฮันนี่ขอโทษนะคะ พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อย”
คุณชายสีหน้าเป็นกังวลใจ
“แล้วคุณฮันนี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
คุณหญิงรื่นฤดี ดาหลา ดารัณ ทำหน้าหมั่นไส้ที่เห็นสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยของคุณชาย
“ฮันนี่ไม่เป็นอะไรค่ะ ถ้าไงฝากขอโทษคุณพ่อคุณแม่ของคุณชายด้วยนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”
ห่านวางสาย รีบจัดองค์ทรงเครื่อง บื้อลอบมองห่านทางกระจกด้านหน้าแล้วก็ได้แต่เจ็บลึกๆ
รถที่ห่านนั่งแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านคุณชาย ห่านนั่งนิ่งฝในรถสีหน้าตื่นเต้น บื้อหันไปมองห่านแปลกใจ
“ถึงแล้ว ทำไมไม่รีบลงไป”
“ฉัน...ฉันตื่นเต้น” ห่านจับแขนบื้อ บื้อผงะ
“มือเย็นมาก”
“ฉันทำตัวไม่ถูก ฉันกลัวพ่อแม่คุณชายไม่ชอบฉัน แล้วถ้าเกิดเค้าไม่ชอบฉัน ฉันจะทำยังไง” ห่านเริ่มลนลาน บื้อจับมือห่าน
“ใจเย็น เธอเป็นคนดีอยู่แล้วนะห่าน ถึงแม้...เธอจะโกหก”
“นายบื้อ” ห่านฉุนดึงมือออก
“เดี๋ยวสิ ฟังให้จบก่อน” ห่านเงียบ “ฉันมั่นใจว่าถ้าใครได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ ก็จะชอบเธอทุกคน เหมือนอย่าง ฉ...(ฉัน)” บื้อชะงัก
“เหมือนอย่างใคร”
“เออ...คุณชายไง” ห่านรู้สึกดีขึ้น พยักหน้าให้บื้อ ไม่นานคุณชายเดินออกมา บื้อกับห่านหันไปเห็น “รีบไปเถอะ โชคดี”
“ขอบใจ” ห่านจับมือบื้อ
บื้อมองมือห่านที่จับมือเค้าอย่างรู้สึกดี บื้อยิ้มให้ห่าน ห่านยิ้มตอบ แล้วก็พ่นลมหายใจออกมาเพื่อคลายความตื่นเต้น ก่อนจะลงจากรถ
”
“น้องเป็นใคร”
“ผม...ผมเป็นเพื่อ (น) เออ เป็นคนขับรถคุณฮันนี่ครับ”
“เตรียมสตาร์ทรถไว้เลยน้อง พี่ไปแอบดูมาเมื่อกี๊ ข้างในบรรยากาศมาคุสุดๆ อีกไม่นานเจ้านายของน้องคงร้องไห้ขี้มูกโป่งออกมา”
สมส่ายหัวทำหน้าแย่ๆ แล้วก็เดินออกไป บื้อหน้าเสีย เป็นห่วงห่านมากขึ้นไปอีก
ทั้งหมดกำลังทานข้าว ห่านเอาแต่กินอย่างเดียว คุณหญิงรื่นฤดีเริ่มแผนต่อไป หันไปทางห่าน
“คุณฮันนี่” ห่านเงยหน้าขึ้นมามองคุณหญิงรื่นฤดีระแวง “ครั้งที่แล้วเรายังคุยกันไม่จบเลยนะ”
“คุยอะไรเหรอคะ” ห่านย้อนถามงงๆ
“เรื่องครอบครัวของคุณไง ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณพ่อของคุณ ชื่ออะไรน้า”
ห่านจำไม่ได้ว่าบอกชื่ออะไรเอาไว้
“สมชายค่ะ” ดาหลานิ่วหน้า
“ครั้งที่แล้ว เธอไม่ได้บอกว่าพ่อเธอชื่อสมชาย ชื่อเคเคต่างหาก”
“จำชื่อพ่อตัวเองไม่ได้เหรอ” ดารัณจ้องห่านอย่างจับผิด ห่านรีบแก้ตัว
“เคเคเป็นเชื่อเล่นของคุณพ่อค่ะ พอดีคุณพ่อของฮันนี่ เรียนที่อเมริกาตั้งแต่เด็กก็เลยมีชื่อเล่นเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ส่วนสมชายเป็นชื่อจริง”
“แล้วตกลงพ่อของคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร”
“เออ...” ห่านอึ้ง คิดแล้วเห็นผักบนโต๊ะ “ทำผักออร์กานิคส่งออกต่างประเทศค่ะ”
“ฟังดูเป็นธุรกิจที่น่าสนใจมาก”
“ใช่ค่ะใช่ ธุรกิจของคุณพ่อ ปีๆ หนึ่งทำกำไรได้หลายล้านเลยนะคะ จนตอนนี้มีนักธุรกิจจากหลายประเทศอยากมาร่วมลงทุนกับคุณพ่อด้วย คุณพ่อก็กำลังพิจารณาอยู่ค่ะ”
“ถ้าวันไหนผมว่าง ผมขอไปเที่ยวสวนผักออร์กานิคของคุณพ่อคุณฮันนี่จะได้มั๊ยครับ”
“ได้สิคะ” ห่านหันไปทางทุกคน “เชิญทุกคนเลยนะคะ” ห่านพูดไปก็ผงะ หน้าถอดสี คิดในใจ “ตายแล้ว ปากหนอปาก ไม่น่าโม้ไปเยอะเลยเรา แล้วแบบนี้จะไปหาฟาร์มผักออร์กานิคได้ที่ไหน”
ห่านพยายามฝืนยิ้ม แล้วคุณชายก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“ผมเกือบลืมไปแล้ว ผมมีเมนูพิเศษสำหรับคุณฮันนี่โดยเฉพาะ รอซักครู่นะครับ”
สีหน้าคุณชายมีความสุขมาก รีบลุกเดินออกไป ห่าน กับคนอื่นแปลกใจ
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
บื้อเดินไปเดินมา ชะเง้อมองเข้าไปในบ้านเพราะเป็นห่วงห่าน
“ทำไมป่านนี้ยังไม่ออกมา” บื้อหยุดเดิน กังวลใจ “หรือว่า เป็นอะไรไปรึเปล่าวะ”
บื้อตัดสินใจพุ่งเข้าไปในบ้าน
ที่โต๊ะอาหาร จานเปปเปอร์สเต็กถูกวางตรงหน้าห่าน ห่านตื่นตาตื่นใจ เซอร์ไพร์สสุดๆ หันไปมองคุณชาย
“เปปเปอร์สเต็กที่ผมรับปากว่าจะทำให้คุณฮันนี่ทาน”
ดาหลา ดารัณ คุณหญิงรื่นฤดีอึ้ง ดาหลากำมือแน่น ชนะศึกอมยิ้มชอบใจ คุณหญิงรื่นฤดีหันไปมอง ชนะศึกทำเป็นหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“คุณชายไม่ลืม”
“อะไรที่ผมรับปากคุณฮันนี่แล้ว ผมไม่มีทางลืม เพราะคุณฮันนี่คือคนสำคัญของผม”
ดาหลาจะโวยแต่หันไปเห็นสายตาดารัณที่มองปรามและส่ายหัว ชนะศึกกระซิบกับคุณหญิงรื่นฤดี
“หวานไม่แคร์สื่อเลยนะคุณ”
คุณหญิงรื่นฤดีค้อนขวั่บ ชนะศึกรีบเอาน้ำขึ้นมาดื่มอีก
“คุณฮันนี่ลองทานดูสิครับ ไม่รู้รสชาติจะถูกปากรึเปล่า”
“ค่ะ”
ห่านจับมีดกับส้อมจะหั่น แต่คุณชายจับมือห่านเอาไว้
“ผมทำให้ดีกว่า” คุณชายหั่นสเต็ก เอาส้อมจิ้มขึ้นมา แล้วยื่นไปตรงหน้าห่าน ห่านชะงัก “ทานสิครับ”
“ฮันนี่ทานเองก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้ครับ นะครับ อย่าขัดใจผม”
ดาหลาแทบจะดูไม่ไหว คุณหญิงรื่นฤดีกับดารัณไม่พอใจอย่างแรง ชนะศึกยิ้มตลอดเวลา ห่านกินสเต็กที่คุณชายป้อน
บื้อที่แอบดูอยู่ถึงกับอึ้ง จ๋อย
“ตรงนี้ไม่ได้อยู่กันแค่สองคน ยังมีแม่ คุณดารัณ แล้วก็หนูดาหลาอีก” คุณหญิงรื่นฤดีพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“แล้วผมล่ะคุณ” ชนะศึกถาม
“อย่างคุณ ไม่ได้อยู่ในสายตาฉัน”
“อ้าว”
“ฮันนี่ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษทำไมครับ” คุณชายหันไปหาแม่ “ผมกับคุณฮันนี่ไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณชายบอกพร้อมกับโอบห่านเข้ามา “คนรักกัน เค้าก็ทำกันแบบนี้”
ดาหลาปรี๊ดแตก ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน
“รักกัน คุณชายหมายความว่าไง”
ดารัณห้ามไม่ทัน คุณหญิงรื่นฤดีอึ้ง ชนะศึกแอบทำท่าเยสเงียบๆ คนเดียว
“ก็หมายความตรงตัว คุณฮันนี่เป็นคนรักของผมและตอนนี้เราก็กำลังคบกัน นี่คือสิ่งที่ผมอยากบอกให้ทุกคนรู้ในวันนี้ครับ”
บื้อค่อยๆ เดินออกไปอย่างอกหัก
“ตะกี๊คุณชายพูดว่าอะไรนะคะ”
“ผมพูดว่าผมกับคุณฮันนี่ เรากำลังคบกันครับ”
ดาหลาจะกรี๊ด ดารัณตกใจมาก แกล้งมึนหัว
“โอ๊ย”
ดาหลา คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึก คุณชาย ห่าน หันไปมอง
“คุณดารัณเป็นอะไรครับ”
“รู้สึกเวียนหัวน่ะค่ะ ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนดีกว่า ลูกดาหลามาประคองแม่ที”
ดาหลาไม่ยอมไป ดารัณขยิบตา ดาหลาฮึดฮัดเดินมาประคองดารัณ คุณหญิงรื่นฤดีลุกขึ้นยืน สีหน้าไม่สู้ดี
“เป็นอะไรมากมั้ยคะ”
“คิดว่ากลับไปนอนพักที่บ้านก็คงจะดีขึ้น ฉันลานะคะ”
“สวัสดีค่ะ”
ดาหลาหันไปมองคุณชายด้วยแววตาน้อยใจ แล้วก็หันไปมองห่านด้วยแววตาโกรธแค้น ห่านยิ้มพร้อมยักคิ้ว ยิ่งทำให้ดาหลาหงุดหงิด แต่แสดงออกไม่ได้ ดาหลาประคองดารัณออกไป คุณหญิงรื่นฤดีหันมามองคุณชายไม่พอใจอย่างแรง
ดาหลาประคองดารัณพาเดินออกมาหยุดตรงแถวๆ รถห่าน ดารัณเห็นว่าพ้นสายตาแล้วก็เลิกแกล้ง
“ไม่ต้องประคองแม่แล้ว”
“อ้าว แม่หายแล้วเหรอ” ดาหลางง
“แม่ไม่ได้เป็นอะไร”
“อ้าว ถ้างั้นดาหลาจะกลับเข้าไปตบนังฮันนี่”
“หยุดนะดาหลา อย่าลืมว่าลูกเป็นกุลสตรี เป็นผู้หญิงแสนดีและอ่อนหวานในสายตาของคุณหญิง เพราะฉะนั้นลูกห้ามทำแอ๊บแตกกรี๊ดกร๊าดอาละวาดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นลูกไม่ได้คุณชายมาครอบครองแน่”
“ถ้าดาหลาไม่ทำอะไร ดาหลาก็ไม่ได้คุณชายมาครอบครองเหมือนกัน คุณแม่ก็เห็นว่าคุณชายเรียกนังนั่นว่าคนรักเต็มปากเต็มคำ”
“ก็แค่คนรัก ยังไม่ได้แต่งงาน และถึงแต่งงาน เราก็แย่งได้ ไม่มีปัญหา รักแท้คือการแย่งชิง รักไม่จริงคือการเสียสละ ลูกเคยได้ยินมั๊ย”
“แสดงว่าดาหลายังมีโอกาส”
“ยังมีโอกาสอีกมากเลยล่ะจ๊ะ เพียงแต่วันนี้ไม่ใช่วันของเรา ถ้าเราทำอะไรวู่วาม เราจะเสียเปรียบ เพราะฉะนั้นเราต้องค่อยๆ คิด วางแผนให้รัดกุม ทำให้นังฮันนี่มันเละเป็นโจ๊ก และเมื่อนั้น...”
“คุณชายก็จะเป็นของดาหลา”
ดารัณพยักหน้า ดาหลายิ้มมีความสุขมาก สองแม่ลูกเดินผ่านรถห่านไป ไม่นานกระจกรถถูกลดลง บื้อนั่งอยู่ในรถได้ยินทุกอย่าง สีหน้าเป็นห่วงห่านแบบสุดๆ
ห่านยกมือไหว้ชนะศึกและคุณหญิงรื่นฤดี คุณหญิงรื่นฤดีไม่รับไหว้ห่านหน้าเจื่อน หันมาทางชนะศึกที่ยกมือรับไหว้ สีหน้ายิ้มแย้มอย่างใจดี มีคุณชายยืนข้างห่าน
“ว่างๆ ก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านอีกนะลูก” ห่านยิ้มดีใจ แต่คุณหญิงรื่นฤดีแอบหยิกเอวด้านหลังของชนะศึก ชนะศึกร้องลั่น “อ๊าก”
“คุณพ่อเป็นไรครับ”
“ยุงลูก ยุงแถวนี้มันร๊ายร้ายไ คุณหญิงรื่นฤดีถลึงตาใส่ ชนะศึกไม่กล้า “กัดจนพ่อเจ็บจุงเบย”
ชนะศึกทำท่าแอ๊บแบ๊วน่ารัก คุณชายกับห่านหัวเราะ แต่คุณหญิงรื่นฤดีไม่ขำ ทุกคนก็เลยเจื่อน
“ผมออกไปส่งคุณฮันนี่ก่อนนะครับ”
คุณหญิงรื่นฤดีเชิดใส่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน คุณชายได้แต่ส่ายหัว ชนะศึกตบแขนคุณชายเบาๆ ให้กำลังใจ ห่านมองคุณชายสีหน้าไม่สบายใจ
คุณชายกับห่านเดินออกมาด้วยกัน คุณชายจับมือห่านเอาไว้ ทำให้ห่านหยุดเดินหันมา
“ต้องขอโทษแทนคุณแม่ด้วยนะครับ ถ้าหากคุณแม่ของผมทำอะไรให้คุณฮันนี่ไม่สบายใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฮันนี่เข้าใจ”
“เพราะคุณฮันนี่เป็นแบบนี้ผมยิ่งรักมากขึ้นไปอีก”
ห่านอายมาก อายจนหน้าแดง อายม้วน หันไปเห็นบื้อยืนใส่หมวกอยู่ข้างรถ ห่านชะงัก หันไปทางคุณชาย
“ฮันนี่ต้องกลับแล้วล่ะค่ะ”
“ให้ผมไปส่งนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คนรถของฮันนี่รออยู่” ห่านหันไปทางบื้อ คุณชายหันไปมองตามแต่ไม่เห็นหน้าบื้อ
“งั้นถ้าคุณฮันนี่ถึงบ้านแล้ว โทรบอกผมด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง”
“ค่ะ”
คุณชายยิ้มแล้วก็เอามือห่านขึ้นมาหอม บื้อเห็นก็ใจแป้วมาก รีบหันหลังเพราะไม่อยากมอง
“คุณชาย อายเค้าค่ะ”
“ผมอยากหอมแฟนของผมไม่ได้เหรอครับ” ห่านเอาแต่ยิ้ม พูดไม่ออก บอกมาถูก ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า “ผมไปส่งที่รถนะครับ”
ห่านพยักหน้า คุณชายกับห่านเดินไปที่รถ คุณชายจะเปิดประตูด้านหลังให้แต่บื้อแย่งเปิด คุณชายชะงักหันไปมองบื้อที่ก้มหน้างุดเลยทำให้ไม่เห็นหน้าชัดๆ ห่านหันไปทางคุณชาย
“ฮันนี่ไปนะคะ” คุณชายหันมายิ้มให้ห่าน
“ครับ”
ห่านขึ้นรถ บื้อรีบปิดประตูแล้วก็ขึ้นรถ ห่านเปิดกระจก
“บะ(บาย)...” ห่านยังไม่ทันได้พูดเพราะบื้อกระชากรถออกไปทันที ห่านถึงกับเหวอ คุณชายเองก็เหวอ ห่านได้แต่โบกมือหยอยๆ คุณชายโบกมือตอบ ยิ้มออกมาอย่างสุขหัวใจ
บื้อขับรถหน้าหงิก ห่านยื่นหน้ามาตรงกลาง สีหน้าไม่พอใจ
“นายจะรีบออกรถมาทำไม ฉันยังไม่ทันได้บ๊ายบายกับคุณชายเลย”
“จะตายอยู่แล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก” ห่านนิ่วหน้า
“หมายความว่าไง”
บื้อเอารถจอดเข้าข้างทาง แล้วลงจากรถ ปิดประตูดังปัง ห่านสะดุ้งไม่เข้าใจ แล้วก็เปิดประตูรถตามบื้อลงไป
“นายบื้อ นายเป็นบ้าอะไร” บื้อหันมา
“ฉันจะเป็นบ้าก็เพราะเธอนั่นแหละ ฉันได้ยินคุณดาหลากับแม่ของเค้าพูดกันว่าจะจัดการเธอให้เละเป็นโจ๊ก”
ห่านอึ้งตกใจ บื้อขยับมาตรงหน้าห่าน แล้วจับไหล่ทั้งสองข้าง “เรื่องมันชักจะไปใหญ่ ฉันขอ...หยุดเถอะ”
“ฉันหยุดไม่ได้จริงๆ ฉันไม่ยอมให้แม่ลูกคู่นั้นมาทำลายความฝันของฉันเด็ดขาด” ห่านบอกเสียงหนักแน่น บื้อหัวเสีย เอามือออก
“เธอจะทำให้ฉันห่วงไปถึงไหนห๊ะ” ห่านอึ้ง บื้ออึ้ง “ฉันไม่น่าช่วยเธอตั้งแต่แรกเลยจริงๆ ฉันขอถอนตัว ฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องของเธออีกแล้ว”
บื้อถอยหลังจะเดินกลับไปที่รถ ห่านหน้าเสีย รีบวิ่งมาขวางทาง บื้อหยุดเดิน
“ถ้านายไม่ช่วยฉัน แล้วฉันจะทำยังไง”
“ฉันไม่รู้ มันเรื่องของเธอ”
“ทำไมนายเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ นายทิ้งฉันได้ลงคอเหรอนายบื้อ นายไม่สงสารฉันบ้างเหรอ” ห่านจับแขนบื้อเขย่า บื้อแกะมือห่านออก
“แล้วเธอ ไม่สงสารฉันบ้างเหรอ” ห่านผงะ ไม่เข้าใจ
“สงสารนาย”
“ช่างเหอะ ฉันก็พูดไปงั้นแหละ”
“แล้วตกลงนายยังช่วยฉันอยู่ใช่ป่ะ” ห่านส่งแววตาอ้อนวอน
“ไม่ ฉันจะไม่ช่วยเธออีกแล้ว”
ห่านกำมือแน่นด้วยความโมโหสุดๆ
“ไอ้บื้อบ้า ไอ้คนไม่มีน้ำใจ ไอ้คนนิสัยไม่ดี ฉันจะไม่พูดกับนายอีกแล้ว”
ห่านจ้ำเดินไปตามทาง บื้อหันไปมองตามห่านหน้าเศร้า พยายามตัดใจ เดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที ห่านเห็นรถบื้อแล่นแซงหน้าไปก็หยุดเดินอ้าปากค้าง
“เฮ้ย ทิ้งกันจริงๆ เหรอเนี่ย”
ห่านฮึดฮัด โมโห หงุดหงิดสุดๆ
บื้อขับรถมือกำพวงมาลัยแน่น มองไปที่กระจกด้านข้างเห็นห่านกำลังเดินด้วยความโมโห
“ฉันขอโทษนะห่าน ถ้าฉันอยู่ใกล้เธอ ฉันคงไม่มีทางจะตัดใจจากเธอได้”
บื้อเศร้าสุดๆ
บื้อเอารถมาคืนเฮียเจ้าของร้านจักรยาน บื้อส่งกุญแจรถคืนให้เฮีย
“ขอบคุณมากนะครับเฮีย”
“ไม่เป็นไร ทำไมทำหน้าเป็นหมาเศร้าแบบนี้ อกหักเหรอ” คำถามนี่ทำให้บื้อแทบจุก
“ผมยังไม่มีแฟนซักหน่อย”
“ไม่มีแฟนก็อกหักได้เว๊ย อารมณ์รักเค้าข้างเดียวไง ฮ่าๆๆ” บื้อหัวเราะไม่ออก เฮียเงียบ
“ผมกลับนะเฮีย”
บื้อไหว้ลาแล้วเดินออกไป
ห่านกำลังเคาะประตูบ้านเช่าบื้อ สีหน้าโมโหมาก
“นายบื้อ เปิดประตู ฉันรู้ว่านายอยู่ในนั้น ออกมา นายบื้อ” โย่งเปิดประตู ห่านท้าวเอว “บื้ออยู่ไหน”
“ไปแล้ว” ห่านงง เอามือลง
“ไปไหน”
โย่งมองหน้าห่าน
ที่ท่ารถ พนักงานปิดประตูช่องขายตั๋วแล้วก็หันมาทางบื้อ
“รถไปชลบุรีเที่ยวสุดท้ายเพิ่งออกไป น้องต้องรอเที่ยวแรกวันพรุ่งนี้แล้วล่ะ”
“กี่โมงเหรอครับ”
“หกโมงเช้า”
พนักงานพูดจบก็เดินออกไป บื้อเดินหงอยๆ มานั่งที่เก้าอี้ นั่งนิ่งๆ นั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร
ห่านกลับเข้าบ้าน แหม่มมองห่านด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“บื้อกลับบ้านที่ชลบุรี” ห่านพยักหน้า สีหน้าเป็นกังวลใจ “ทำไมถึงรีบกลับ”
ห่านนิ่งไปนิดนึง
“คงโกรธที่ฉันไปด่าเค้า”
“แกด่าบื้อเรื่องไร”
“บื้อบอกว่าจะไม่ช่วยฉันแล้ว ฉันก็เลยด่า แต่ไม่ได้ด่าแรงซักหน่อย”
“ปากอย่างแกเนี่ยนะด่าไม่แรง แบบนี้แสดงว่าบื้องอนแกชัวร์”
“ผู้ชายอะไร ขี้งอนเหมือนผู้หญิง”
แหม่มคิดแล้วนึกย้อนไปตอนที่เห็นบื้อขยี้หัวห่านจนผมยุ่ง มองห่านแววตาเอ็นดู แหม่มสังเกตเห็นแววตานั้นก็สงสัย
“หรือว่าบื้อจะชอบแก” ห่านผงะ “ก็เลยเสียใจที่แกเป็นแฟนกับคุณชาย บื้อก็เลยกลับบ้านไปทำใจ”
“บ้าสิ ไม่มีทาง ไอ้หมอนั่นชอบกัดจิกฉันจะตาย แกก็เห็น เค้าไม่มีทางชอบฉันหรอก”
ห่านพูดจบก็ลุกเดินออกไป แหม่มยังสงสัยไม่หาย
จบตอนที่ 7
อ่านต่อตอนที่ 8 เวลา 17.00น.