xs
xsm
sm
md
lg

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 4

ลุงจ๊อดยื่นกุญแจรถให้บื้อ ห่าน โย่ง โจ๊กยืนอยู่ด้วย ข้างๆ มีรถตุ๊กตุ๊กจอดอยู่

“ลุงเอากุญแจให้ฉันทำไม”
“ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ เคยได้ยินมั้ย ข้าไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน อ่ะ..เอาไป เชิญขับกันเอาเอง”
ลุงจ๊อดยัดกุญแจรถใส่มือบื้อ แล้วก็หาวหวอด หันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน บื้อ ห่าน โย่ง โจ๊กมองหน้ากัน
“โจ๊ก แกขับเป็นป่ะ” โจ๊กรีบส่ายหัว
“ไม่เป็น”
“ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปเหอะเร็ว”
บื้อโดดขึ้นไปนั่งตรงคนขับทันที ห่านกับโย่งนั่งข้างหลัง บื้อสตาร์ท
“แล้วเฮียขับเป็นเหรอ” โจ๊กถามอย่างสงสัย
“ไม่เป็น”
บื้อบอกอย่างหน้าตาเฉย ทั้งหมดร้อง “เฮ๊ย!” แต่ไม่ทันแล้ว บื้อเข้าเกียร์ เหยียบคันเร่ง รถพุ่งออกไปอย่างแรง ห่านกับโย่งเกาะเสาคนล่ะข้างแล้วร้องลั่น
“อ๊าก!”
“เวย!”
โจ๊กมองตาม แล้วทำหน้าหวาดเสียว

ที่อพาร์ทเม้นท์แหม่ม เสื้อผ้าข้าวของแหม่มกระจายเต็มพื้น แหม่มกำลังโวยวายกับเจ๊เจ้าของตึก
“เจ๊มีสิทธิ์อะไรโยนข้าวของฉันออกมาแบบนี้”
“สิทธิ์ที่ฉันเป็นเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ ในเมื่อแกผิดสัญญา แกก็ต้องออกไปจากที่นี่”
“พูดกันดีๆ ก็ได้”
“ฉันพูดดีกับแกมาสามเดือนแล้ว แต่แกก็ยังไม่ยอมจ่ายค่าเช่า” แหม่มจ๋อย “เพราะฉะนั้นอย่ามาโทษฉัน”
แหม่มหน้าแย่มาก ระหว่างนั้นบื้อขับตุ๊กตุ๊กเข้ามาจอด เจ๊ แหม่มหันไปเห็นบื้อ ห่าน โย่งลงจากรถ แหม่มดีใจมาก ห่าน บื้อ โย่งเดินมาหาแหม่ม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“รีบไสหัวออกไปจากอพาร์ทเม้นท์ฉันได้แล้ว”
“พูดจาให้มันดีหน่อย ให้เกียรติเพื่อนฉันบ้าง”
“ถ้าอยากให้ฉันให้เกียรติ ก็จ่ายค่าเช่าทั้งหมดมาก่อนสิ”
“เท่าไหร่”
“9000 บวกดอกเบี้ยที่จ่ายช้า ก็เป็น 10000 บาทถ้วน” เจ๊แบมือไปตรงหน้าห่าน “มีมะ”
“เจ๊โหด หน้าเลือด ใจร้าย ใจดำ แล้งน้ำใจ เห็นแก่เงิน นิสัยไม่ดี”
แหม่ม บื้อ โย่งเหวอที่ห่านด่าเป็นชุด เจ๊กำมือแน่นโมโห บื้อรีบเข้ามาห้าม
“พอได้แล้วยัยคอห่าน” ห่านหันขวับไป
“อย่ายุ่ง” ห่านหันไปทางเจ๊ “ฉันขอให้กิจการของแกเจ๊ง ไม่มีคนเช่า โดนโกง มีผัวผัวก็ทิ้ง มีลูก ลูกก็ไม่เลี้ยงดู”
แหม่ม บื้อ โย่งเห็นท่าไม่ดี
“อ๊าย!” เจ๊สุดทนห่านเงียบ “มันจะมากเกินไปแล้ว แบบนี้ต้องโดนสั่งสอน”
ห่านท้าทาย ถกแขนเสื้อเตรียมบู๊สุดขีด
“สั่งสอนมาเลย ฉันไม่กลัว”
“เด็กๆ” ห่าน แหม่ม บื้อ โย่งชะงัก หันไปเห็นชายกล้ามโตสองคนเดินออกมา สี่คนผงะ กลืนน้ำลายเอื๊อก “จัดการ”
ห่านกับแหม่มตกใจมากรีบถอยไปหลบหลังบื้อกับโย่ง บื้อกับโย่งชะงัก
“อ้าวเฮ้ย มาหลบหลังฉันทำไมเนี่ย”
“ฉันเป็นผู้หญิง จะไปสู้พวกมันได้ไง นายสิ”
ห่านผลักบื้อ บื้อเหวอ หันไปมองหน้ากับโย่ง เห็นชายกล้ามโตสองคนเดินมา บื้อกับโย่งถอยมารวมกับห่านและแหม่ม
“ฉันนับหนึ่งถึงสาม รีบไปขึ้นรถนะ” โย่ง ห่าน แหม่ม พยักหน้า “หนึ่ง”
ยังไม่ทันจะสอง ห่านกับแหม่มรีบวิ่งไปขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก บื้อกับโย่งตกใจ ยังไม่ทันหนี ชายกล้ามโตเข้ามาประกบ กำลังจะต่อย บื้อกับโย่งร้องลั่น แล้วหดหัวหลบ ทำให้ชายกล้ามโตชกหน้ากันเอง ชายกล้ามโตร้องลั่น
“อ๊าก!”
บื้อกับโย่งรีบวิ่งมาที่รถตุ๊กๆ
“งี่เง่า อย่าให้พวกมันหนีไปได้” เจ๊บอกอย่างโมโห
ชายกล้ามโตรีบออกตัวไล่ตามบื้อกับโย่ง บื้อรีบขึ้นรถ โย่งขึ้นไปนั่งข้างหลังกับสองสาว บื้อสตาร์ทแต่ไม่ติด โย่ง ห่าน แหม่มตกใจ
“รถเป็นไร”
“สตาร์ทไม่ติด”
“ห๊ะ ทำไมต้องมาเป็นตอนนี้ด้วยเนี่ย”
ชายกล้ามโตพุ่งเข้ามา บื้อก็ยังสตาร์ทไม่ติด ชายกล้ามโตเข้ามาจับตัวบื้อ แต่บื้อไม่ยอม โย่งเข้ามาช่วย ล็อกคอชายกล้ามโตเอาไว้ ส่วนอีกคนก็เข้ามาจับตัวแหม่ม แหม่มร้องลั่น
“อ๊าย!”
ห่านรีบช่วยเพื่อน ตีๆๆ ไปที่แขนชายกล้ามโตไม่หยุด มันไม่ปล่อย ห่านกัดแขน ชายกล้ามโตร้องลั่น ปล่อยมือจากแหม่ม ส่วนโย่งล็อกคอชายกล้ามโตลากออกมาจากบื้อ บื้อสตาร์ทอีกครั้ง รถติด บื้อ แหม่ม ห่านดีใจมาก
“ไอ้โย่งขึ้นรถ”
โย่งปล่อยมือจากชายกล้ามโต แล้วกระโดดขึ้นรถ บื้อรีบขับออกไป ชายกล้ามโตรีบตามแต่ไม่ทัน

แหม่มดื่มน้ำอักๆๆ จนหมดแก้ว ห่าน บื้อ โย่งอยู่ด้วย
“ขอบใจทุกคนมากนะ ถ้าทุกคนมาไม่ทัน ฉันตายแน่”

“เพื่อนกันคิดไรมาก”

 
บื้อเหล่ห่านอย่างหมั่นไส้
 
“แต่เธอน่ะ หัดคิดให้มากหน่อยก็ดีนะ” ห่านค้อนขวับ
“ข้าวของไม่ได้เอาออกมาซักชิ้น”
“พวกนั้นมันของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้”
“พูดจาดีๆ กับเค้าก็เป็นนี่หว่า” ห่านบอก บื้อเซ็ง “เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นด้วยกับนาย” บื้อชะงัก “หลังจากวันนี้แกก็มาอยู่กับฉันที่นี่” โย่งตาโต
“อย่าเลย ฉันจะรีบหาที่อยู่ใหม่ จะได้ไม่รบกวนแก”
“แกไม่ได้กวนฉันซักนิด อยู่ที่นี่นั่นแหละ ออกค่าเช่าคนล่ะครึ่งก็ได้”
“ไอเดียดีมากเลยคับพ้ม” โย่งหันไปมองแหม่มพยักหน้าหงึกๆ แบบว่าเชียร์เต็มที่ ห่าน บื้อ แหม่มหันไปมองโย่ง
“แกเกี่ยวไรด้วยเนี่ย” บื้อถาม โย่งยิ้มแหย
“ก็...เออ แค่เห็นด้วยกับห่านน่ะ”
แหม่มหันไปทางห่าน
“ตกลง ฉันจะอยู่ที่นี่กับแก”
“สุดยอดที่สุดครับพ้ม”
บื้อ ห่าน แหม่มหันไปมองโย่งอีกครั้ง โย่งยิ้มแหย ไม่พูด แต่หันไปมองแหม่มแล้วก็ยิ้ม บื้อมองโย่งสงสัย

ห่านกับแหม่มออกมาส่งบื้อกับโย่ง ห่านมองบื้อลังเลนิดนึง
“ขอบใจ” บื้อชะงัก
“เธอพูดว่าอะไรนะ”
“ขอบ-ใจ” บื้ออมยิ้ม “ไม่ต้องยิ้ม” บื้อหุบยิ้มแทบไม่ทัน “ฉันไม่ได้รู้สึกกับนายดีมากขึ้น แต่ฉันเป็นคนที่สำนึกในบุญคุณคน ไปแหม่ม เข้าบ้าน”
ห่านจับแขนแหม่ม พาเข้าไปในบ้าน บื้อได้แต่ถอนใจหันไปเห็นโย่งมองตามแหม่มยิ้มตาค้าง
“โย่ง” โย่งยังไม่ได้ยิน บื้อจึงตะโกนใส่หู “ไอ้โย่ง” โย่งสะดุ้ง
“เฮ้ย จะบ้าเหรอไอ้บื้อ”
“แกสิบ้า ยืนยิ้มบ้าอะไรอยู่คนเดียว”
“เปล่า”
“โกหก ฉันเห็นแกยิ้ม”
“ไม่ได้ยิ้ม” โย่งเปลี่ยนเรื่อง ทำเป็นหาว “ง่วงแล้วเว้ย”
โย่งรีบหลบตาบื้อ แล้วเดินออกไป บื้อหรี่ตามองตามแล้วก็โพล่งออกมาเสียงดัง
“แกชอบแหม่มเหรอ”
โย่งหันขวับ ตกใจตาเหลือก
“จะตะโกนทำไม”
“ตอบ”
“ฉัน เออ...”
“ถ้าแกไม่ตอบ ฉันจะถามซ้ำ แฮ่ม...” บื้อกระแอมแล้วพูดเสียงดัง “แก...ชอบ...แหม่ (ม)”
โย่งรีบปิดปากบื้อทันที
“หยุด” บื้อจ้องหน้าโย่ง “เออ แต่แกห้ามบอกให้แหม่มรู้เด็ดขาด เข้าใจป่ะ”
บื้อพยักหน้า โย่งปล่อยมือจากปากบื้อ แล้วเดินออกไป บื้ออมยิ้มพลางส่ายหัวเอ็นดูเพื่อน
“ไอ้โย่ง”

ห่านกับแหม่มอยู่ในชุดนอน นั่งอยู่บนเตียง
“พอใส่ได้นะ เสื้อชั้น” ห่านถามแหม่ม
“อือ ขอบใจแกมากนะห่าน”
“เปลี่ยนเป็นเลี้ยงข้าวได้มะ”
“พรุ่งนี้เช้า โจ๊ก”
“ว่าแต่ ทำไมแกถึงไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
แหม่มชะงัก ฝืนยิ้ม
“ไม่มี...นอนกันเหอะ ฉันง่วงแล้ว”
แหม่มรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วล้มตัวลงนอน ห่านมองแหม่มสงสัย

เช้าวันต่อมาในห้องน้ำหญิงของห้างBKK Plaza เจ๊มะพร้าวกำลังแต่งหน้า มีห่านยืนข้างๆ
“ที่นังแหม่มมันไม่มีเงินค่าเช่า เป็นเพราะมันเอาเงินซื้อรองเท้าคู่นั้นให้แก” ห่านอึ้งมาก เจ๊มะพร้าวหันมา “ทีแรกเจ๊ว่าจะช่วยกันออกคนล่ะครึ่ง แต่เจ๊ดันต้องจ่ายค่าแชร์ นังแหม่มมันก็เลยออกค่ารองเท้าเองเกือบหมด แกก็รู้ว่าราคารองเท้าคู่นั้นเกือบเท่าเงินเดือนของพวกเราทั้งเดือน”
ห่านรู้สึกแย่มากๆ ระหว่างนั้นแหม่มเดินเข้ามา
“มาอยู่นี่กันเอง” ห่านไม่พูดพล่ามทำเพลงเข้ามากอดแหม่ม แหม่มตกใจมาก “แกเป็นไรห่าน”
ห่านผละออกมา
“ฉันขอโทษ ที่ทำให้แกไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า” แหม่มหันไปมองเจ๊มะพร้าว
“เจ๊บอกมันทำไม”
“ฉันบังคับให้เจ๊เล่าเอง ขอบใจนะ ขอบใจ ขอบใจ ขอบใจ ขอบคุณที่เราสามคนได้เจอกัน ได้เป็นเพื่อนกัน เจ๊กับแหม่มคือคนที่ดีที่สุดในชีวิตของห่านเลยรู้มั๊ย”
“อย่าทำเจ๊ร้องไห้ เดี๋ยวมาสคาร่าเลอะ” แต่เจ๊มะพร้าวน้ำตาไหล มาสคาร่าเปรอะ ห่านกับแหม่มหัวเราะ เจ๊มะพร้าวแปลกใจหันไปมองกระจก “ดูสิ เลอะจริงๆ ด้วย”

ห่านกับแหม่มช่วยกันเอากระดาษซับน้ำตาให้เจ๊มะพร้าว สามคนหัวเราะ และยิ้มให้กันทั้งน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง

อ่านต่อเวลา 17.00น.

ห่านเดินมาตามทาง เห็นสายตาของพวกเพื่อนพนักงานที่กำลังจัดของในบูธตัวเองต่างมองเธอเป็นตาเดียว และซุบซิบกัน ห่านแปลกใจ สงสัย
“เห็นหงิมๆ ติ๋มๆ แต่ไม่นึกเลยว่าจะแรง”
“นั่นสิ สงสารแอปเปิ้ลนะเธอ ที่โดนเพื่อนร่วมแผนกแย่งแฟนไปต่อหน้าต่อตา”
ห่านชะงัก หันขวับไปมองพนักงาน 2 คน
“ที่พูดหมายความว่าไง” พนักงาน 2 คน ไม่ตอบ รีบเดินหนี ห่านจะตาม แต่กลับเจอจีจี้เดินมา ห่านรีบเดินไปกางแขนตรงหน้าจีจี้  “เดี๋ยวก่อนจีจี้”
“อย่าด่าฉันนะห่าน ฉันไม่รู้เรื่อง แอปเปิ้ลเป็นคนบอกให้ฉันพูด” จีจี้บอกอย่างร้อนใจ ห่านนิ่วหน้า
“พูดเรื่องอะไร”
“อ้าว นี่เธอไม่รู้เรื่องเหรอ”
ห่านมองจีจี้ หน้าตาเอาเรื่อง จีจี้กลืนน้ำลายเอื๊อก
 
บื้อกำลังเอากางเกงในใส่หุ่นโชว์ หันไปเจอห่านยืนหน้าง้ำอยู่ก็สะดุ้ง
“มาเงียบๆ ตกใจหมด”
“มันเป็นเพราะนาย เพราะนายคนเดียว”
“ขอเนื้อๆ  น้ำไม่เอา  เข้าประเด็นเลยได้มั้ย”
“ตอนนี้คนทั้งห้างฯ เค้าเม้าท์กันว่าฉันแย่งนายมาจากยัยแอปเปิ้ล นี่เป็นเรื่องเสื่อมเสียที่สุดตั้งแต่ฉันเกิดมา”
บื้อเงียบ หันไปเห็นทุกคนมองมาที่เค้ากับห่าน ห่านหันไปมองตามบื้อแล้วก็ตกใจ ก่อนจะขยับมาใกล้ “ออกไปคุยกับฉัน”
 
รถคุณชายแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ ระหว่างนั้นมีสายตาใครคนหนึ่งแอบมองคุณชาย คุณชายเปิดประตูลงจากรถ คนๆ นั้นรีบหลบ คุณชายปิดประตูเดินมาเปิดท้ายรถ
คนร้ายจ้องคุณชายด้วยความโมโห เห็นคุณชายเปิดเอาของหลังรถ คนร้ายกระชับมีดสั้นในมือ แล้วเดินตรงมาที่ข้างหลังคุณชาย ก่อนจะเอามีดจี้ไปที่หลัง
“ส่งของมีค่ามาให้หมด” คุณชายชะงัก
 
บื้อกับห่านเดินออกมาด้วยกัน
“นายต้องแก้ข่าวที่เกิดขึ้น”
“ทำตัวเป็นซุปตาร์ไปได้”
“ฉันไม่ได้ทำตัวเป็นซุปตาร์ แต่ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วฉันก็ไม่อยากเป็นอะไรกับนายด้วย”
บื้อมองห่านด้วยความหมั่นไส้  แล้วก็เหลือบไปเห็นคนร้ายกับคุณชาย บื้ออึ้ง ห่านจะพูดต่อ บื้อรีบปิดปากห่าน
“ชู่ว์” ห่านอู้อี้ๆ บื้อชี้ไปที่คุณชาย ห่านหันไปมองแล้วก็ตกใจ “เธอรีบไปตามคนมาช่วย”
บื้อปล่อยมือจากห่าน แล้วรีบย่องออกไป ห่านหน้าตาตื่น รีบกลับเข้าไปในห้าง
 
คุณชายยังยืนนิ่ง
“เอาของมีค่ามาให้หมด เร็ว” คุณชายตัดสินใจ หันไปแย่งมีดกับคนร้าย ชายคนนั้นตกใจมาก “เฮ้ย”
คุณชายกับคนร้ายสู้กัน แต่คุณชายสู้ไม่ได้ โดนคนร้ายต่อยเต็มแรง คุณชายเซไปกระแทกกับรถ คนร้ายจะเข้ามาซ้ำ แต่บื้อพุ่งเข้ามาช่วยได้ทัน คุณชายหันไปมองบื้อ เห็นบื้อพยายามจะแย่งมีด คนร้ายไม่ยอม สองคนยื้อแย่งกัน คุณชายมองบื้อเป็นห่วง
บื้อยังคงแย่งมีดกับคนร้าย จนทำให้มีดบาดหลังมือขวาของบื้อ บื้อตกใจ คนร้ายชกท้องบื้อจนจุก ก่อนจะเข้ามาแทงบื้อซ้ำ แต่คุณชายเข้ามาจัดการคนร้ายจากข้างหลัง บื้อกับคุณชายช่วยกันสู้กับคนร้าย คนร้ายเห็นท่าว่าตัวเองจะสู้ไม่ได้เลยวิ่งหนี แต่ไม่รอด เพราะเจอโย่งเป่านกหวีดปิ๊ดปี้ปิ๊ดวิ่งมาขวางหน้า
คนร้ายหน้าตาตื่นตระหนก หันหลังจะหนีอีกทางก็เจอคุณชายกับบื้อขวางไว้
 
พรเพ็ญยืนอยู่กับคุณชายที่หน้าห้องพยาบาล
“คนร้ายคนนั้น เป็นอดีตพนักงานของเราค่ะคุณคุณชาย เค้าขโมยของในห้างฯ ก็เลยถูกไล่ออกเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนที่คุณคุณชายจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง”
คุณชายพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่นานคุณหญิงรื่นฤดี ดารัณ ดาหลาก็กรูกันเข้ามา ทันทีที่เห็นปากคุณชายมีรอยช้ำก็พากันตกใจโอเวอร์
“ตายแล้ว ชายลูกแม่ โถๆๆ ดูที่มันทำกับลูกแม่สิ”
“คุณชายเจ็บมากมั้ยคะ ดาหลาเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดแทน”
“ไม่นึกเลยว่ามันจะกล้าทำร้ายหลานชายของป้า คุณหญิงต้องเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุดนะคะ”
“ปล่อยเค้าไปเถอะครับคุณแม่” คุณชายบอก
“ปล่อยได้ยังไง เค้าทำร้ายลูกขนาดนี้”
“ให้อภัยเค้าเถอะครับคุณแม่ อโหสิ เลิกแล้วต่อกันดีกว่า จะได้ไม่เป็นข่าวใหญ่โตด้วย”
“แต่ว่า...” พรเพ็ญจะแย้ง คุณชายจึงตัดบท
“ตามนี้นะครับ”
คุณหญิงรื่นฤดีนิ่งคิดนิดนึง
“งั้นก็ตามใจ” คุณชายยิ้ม 
“โถหลานชายของน้าช่างเป็นคนดีจริงๆ”
“คุณชายเจ็บมากมั๊ยคะ”
“มีคนโดนหนักมากกว่าผมอีกครับ”

คุณหญิงรื่นฤดี ดารัณ ดาหลานิ่วหน้าแปลกใจ ไม่นานบื้อซึ่งมีผ้าพันแผลที่มือ ห่าน โย่งเดินออกมา ทุกคนหันไปมอง ห่านไม่ค่อยกล้าสบตาใครมาก

            “ถ้าไม่ได้บื้อช่วยผมไว้ ผมคงโดนทำร้ายหนักมากกว่านี้ ขอบใจคุณมากที่ช่วยชีวิตผม” คุณชายหันไปพูดกับบื้อ
“ไม่เป็นไรครับ”
คุณหญิงรื่นฤดีเปิดกระเป๋า หยิบเงินยื่นให้บื้อ บื้อชะงัก
“สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ”
“ผมรับไม่ได้ครับ”
“ทำเป็นหยิ่ง” ดาหลาต่อว่า ห่าน พรเพ็ญมองดาหลาไม่พอใจ
“ผมไม่ได้หยิ่ง การที่ผมช่วยคุณชาย ผมไม่ได้หวังอะไรตอบแทน และเงินก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนอย่างผม”
ห่านกับพรเพ็ญอมยิ้มกับสิ่งที่บื้อพูด ดาหลากับดารัณไม่พอใจบื้อ
“ไปทำงานต่อกันได้แล้ว หฤทัยดูแลแฟนเธอให้ดีล่ะ” พรเพ็ญบอก ห่านผงะ บื้อชะงัก โย่งเหวอ ห่านหันไปมองคุณชายพูดไม่ออก จำต้องเดินออกไปพร้อมกับบื้อและโย่ง “พรเพ็ญขออนุญาตกลับไปทำงานนะคะ”
“เชิญ”
พรเพ็ญเดินออกไป
“ผมก็ต้องไปทำงานต่อแล้วเหมือนกัน ขอตัวนะครับ”
คุณชายเข้ามากอดคุณหญิงรื่นฤดี ผละออกมา ดาหลารอส่งยิ้มให้ แต่คุณชายกลับเดินออกไปเลย ดาหลาไม่พอใจอย่างแรง

ดาหลาจ้ำเดินมาตามทาง สีหน้าไม่สบอารมณ์ มีดารัณเดินมาข้างๆ ดาหลาหยุดเดินหันไป
“เห็นสายตาเย็นชาของคุณชายแล้วใช่มั้ยคะคุณแม่ เป็นเพราะนังฮันนี่ที่ดาหลาเคยเล่าให้คุณแม่ฟังนั่นแน่ๆ ตกลงคุณแม่คิดแผนเล่นงานนังฮันนี่ออกเหรอยังคะ ดาหลาทนไม่ไหวแล้วนะคะ”
ดารัณนิ่งคิด แล้วนึกออก
“แม่นึกออกแล้วลูก”
ดาหลาหันไปมองดารัณด้วยความสงสัย
 
ห่านกำลังโวยวายกับบื้อด้วยความโมโห มีโย่งยืนอยู่ด้วย
“เพราะนายคนเดียว แม้กระทั่งคุณผู้จัดการยังเข้าใจว่านายกับฉันเป็นแฟนกัน”
“แกสองคนเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่” โย่งถามขึ้นมา
“ฉันกับเพื่อนเธอ ไม่ได้เป็นแฟนกัน นี่ก็เชื่อคนง่ายจริงๆ เลย นายต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
ห่านชี้หน้าบื้อ แล้วก็จ้ำเดินออกไป บื้อถอนหายใจ โย่งหันมาทางบื้อ
“นี่มันเรื่องอะไรกันวะ”
“ไม่รู้ซักเรื่องได้มั้ย”
บื้อเดินออกไป โย่งเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ
“อะไรวะ โย่ง งง”
 
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองห่านไม่พอใจ
“พูดกับน้องบื้อของเจ๊แบบนั้นได้ยังไง น้องบื้อเค้าช่วยแกตั้งหลายครั้งแล้วนะ”
“นั่นสิ ไอ้คนไม่สำนึกบุญคุณคน”
            เจ๊มะพร้าวกับแหม่มรุมต่อว่าห่าน
“โฮ...ไรเนี่ย มาถึงก็รุมด่าฉัน ฉันเป็นฝ่ายเสียหายนะ”
“เสียหายตรงไหนไม่ทราบ ดูๆ ไปบื้อเค้าก็โอเคออก”
“นั่นสิ ความจริงแกก็ดูเหมาะสมกับน้องบื้อดีนะ”
“ตบปากตัวเองเลยเจ๊ ชาตินี้ฉันไม่มีวันชอบไอ้หมอนั่นเด็ดขาด”
ห่านจ้ำเดินออกไป เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองตาม
“แล้วเจ๊จะคอยดู โบราณว่าเกลียดอย่างไหนได้อย่างนั้น ไอ้พวกที่ปากบอกว่าไม่ไม่เนี่ยแหละ เจ๊เห็นสุดท้ายก็ฟีเจอริ่งกันทู้กกกราย”
แหม่มพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ทั้งคู่ขำกันคิกคัก
 
ที่ห้องทำงานคุณชาย คุณชายกำลังทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
ดาหลาเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับกล่องใส่อาหาร
“ดาหลาเอาอาหารกลางวันมาส่งค่ะ”
คุณชายผงะ ดาหลาเดินเข้ามา แต่ปิดประตูไม่สนิท ดาหลาเอากล่องอาหารวางบนโต๊ะ
“ขอบคุณนะครับ แต่ผมยังไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องทานค่ะ นี่เลยเที่ยงมาแล้ว เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะนะคะ” ดาหลาเปิดกล่องอาหาร “ดาหลาเตรียมของชอบของคุณชายมาให้ทั้งนั้นเลย เห็นมั้ยคะ น่าทานออก” ดาหลาเอาส้อมจิ้มอาหารขึ้นมา แล้วยื่นไปตรงหน้าคุณชาย “ทานสิคะ”
“วางไว้เถอะครับ ผมทานเองได้”
“ให้ดาหลาป้อนนะคะ ป้อนคำนี้ แล้วดาหลาจะไม่รบกวนคุณชายอีก นะคะ”
คุณชายมองดาหลาแล้วก็ตัดสินใจกินอาหารที่ดาหลาป้อน ที่หน้าห้อง ตุ๊กติ๊กเอามือถือออกมาถ่ายรูปดาหลากับคุณชาย ดาหลายิ้มพอใจแล้วก็ทำเป็นตกใจ
“ปากคุณชายเลอะน่ะค่ะ” ดาหลาเอาทิชชู่ออกมาเช็ดปากให้คุณชาย ตุ๊กติ๊กถ่ายรูปไม่หยุด แล้วก็ยิ้มพอใจ
“ทานให้หมดนะคะคุณชาย ดาหลาไม่กวนเวลางานของคุณชายแล้ว ดาหลาไปล่ะค่ะ”
ดาหลายิ้มแล้วก็เดินออกไป คุณชายไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
ดาหลาเดินออกมา ผ่านโต๊ะทำงานตุ๊กติ๊ก ตุ๊กติ๊กหันไปยกมือโอเค ดาหลามีสีหน้าพอใจมากๆๆ
 
เย็นวันนั้นหลังจากเลิกงานโย่งจูงจักรยานมาหาป้าแม่บ้านที่กำลังจะขึ้นนั่งจักรยาน จักรยานของแม่บ้านเป็นแบบมีเบาะซ้อนข้างหลัง
“ป้าครับป้า”  แม่บ้านหันมา “ผมมีเรื่องอยากรบกวนป้าน่ะครับ”
แม่บ้านมองโย่งแปลกใจ โย่งยิ้มแฉ่ง
ป้าแม่บ้านขี่จักรยานโย่งออกไป ส่วนโย่งจูงจักรยานป้าแม่บ้านเดินมาตรงประตูด้านหลังห้าง ชะเง้อมองพนักงานห้างฯที่เดินออกมา ไม่นานก็เห็นแหม่ม โย่งดีใจมาก รีบเดินเข้าไปหาแหม่ม
“สวัสดีครับพ้ม” แหม่มตกใจ
“พูดเบาๆ ก็ได้ อยู่ใกล้กันแค่เนี้ย” โย่งยิ้มแหย
“กลับบ้านด้วยกันมั้ยครับ”
แหม่มมองจักรยาน มองหน้าโย่งที่ยิ้มเห็นฟัน ก็ถอนหายใจ
“ฉันกลับรถเมล์ได้”
แหม่มเดินออกไปเลย โย่งเหวอมาก 
 
รถติดเต็มท้องถนน แหม่มยืนรอรถเมล์กับคนมากมาย ไม่นานรถเมล์แล่นมาจอด แหม่มขยับตัวแต่ไม่ทัน โดนแซง โดนชน โดนคนอื่นแย่งขึ้นรถเมล์ รถเมล์แน่นจนคนออกมายืนตรงบันได แหม่มหน้าเสีย
“เฮ้ย” แหม่มขึ้นรถเมล์ไม่ทัน รถเมล์แล่นออกไป แหม่มเซ็งมาก  “โธ่เว้ย” ทันทีที่รถเมล์แล่นออกไป โย่งก็ขี่จักรยานมาจอดตรงหน้าแหม่ม แหม่มผงะที่เห็นโย่ง “นี่นายยังไม่ไปอีกเหรอ?”
“ผมก็มารอแหม่มนั่นแหละครับ”
แหม่มมองโย่งที่ยังยิ้มเห็นฟัน
โย่งขี่จักรยานให้แหม่มซ้อนท้าย โย่งมีความสุขมาก ส่วนแหม่มหน้าเซ็งสุดขีด

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 4 (ต่อ)

บื้อมองจักรยานของป้าแม่บ้านที่จอดอยู่หน้าบ้าน ก่อนจะหันไปทางโย่ง
“แกเอาจักรยานของแกแลกกับจักรยานคันนี้”
“อือ”
“แกบ้าป่ะเนี่ย”
“ฉันไม่ได้บ้า ก็จักรยานคันนั้นมันไม่มีที่นั่งซ้อนท้ายแบบนี้”
“แล้วแกจะเอาที่นั่งซ้อนท้ายไปทำไม” โย่งยิ้มเขิน
“เอาให้แหม่มนั่งไง”
โย่งเขินมาก แล้วก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน บื้อส่ายหัว
“เป็นเอามากนะเนี่ย เฮ้อ”

เช้าวันต่อมาแอปเปิ้ลกับปีโป้กำลังอ่านคลิปข่าวในมือถือ
“สาวน้อยสาวใหญ่ต้องนั่งน้ำตาตกในไปตามๆ กัน เมื่อมีภาพหลุดคุณชาย ลูกชายคุณหญิงรื่นฤดีเจ้าของห้างBKK Plazaกับนางสาวไทยสยามปีล่าสุด ดอดป้อนข้าวป้อนน้ำกันถึงที่ สงสัยต้องเปลี่ยนตำแหน่งจากนางสาวไทยสยามมาเป็นสะใภ้ห้างฯซะแล้ว”
“งั้นก็แสดงว่านังฮันนี่อะไรนั่น ก็เป็นแค่กิ๊ก”
“ก็ใช่น่ะสิยะ ไม่มีใครที่เหมาะสมกับคุณชายมากไปกว่าคุณดาหลาอีกแล้ว”
ห่านที่นั่งจดสต็อกรองเท้า ได้ยินทุกอย่าง ถึงกับอึ้ง และใจไม่ดี

เจ๊มะพร้าวกับแหม่มกำลังดูภาพข่าวคุณชายกับดาหลา
“ห้ามให้ห่านรู้เด็ดขาดนะเจ๊ ไม่งั้นมันเสียใจแน่ๆ”
เจ๊มะพร้าวพยักหน้าเห็นด้วย แต่ห่านยืนอยู่ข้างหลัง
“ฉันรู้แล้ว”
แหม่มกับเจ๊มะพร้าวตกใจ หันไปมองเห็นห่านยืนหน้าเศร้า สองคนรีบลุก
“แกห้ามเชื่อข่าวเด็ดขาด ไอ้พวกนี้มันก็เม้าท์ไปเรื่อย”
“ใช่ๆ”
“ไม่ต้องปลอบใจห่านหรอกเจ๊ มันไม่แปลกถ้าคุณชายกับคุณดาหลาจะชอบกัน เค้าสองคนเหมาะสมกันดี
บางทีฉันอาจจะต้องตื่นจากความฝัน”
“อย่าเพิ่งท้อสิห่าน แกยังไม่ได้ฟังจากปากคุณชายเลย”
“โทรหาคุณชาย ถามไปเลยว่าความจริงเป็นยังไง”
“ฉันไม่กล้า”
“แกต้องกล้า ไม่งั้นแกจะไม่มีทางได้รู้ความจริง”
ห่านเครียดสุดๆ เอามือถือออกมาดู
“โทรเลย”
ห่านไม่กล้า พลันเสียงมือถือดังขึ้น ห่านตกใจมาก
“คุณชาย”
“กดรับเลย”
“ไม่...เกิดคุณชายโทรมาบอกว่าข่าวนั่นเป็นความจริง และไม่ต้องการเจอฉันอีก ฉันจะทำยังไง”
ห่านกดปิดเครื่องทันที เจ๊มะพร้าวกับแหม่มอึ้ง ห่านหน้าเสียอย่างแรง

คุณชายพยายามโทรหาห่านอีกครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้ คุณชายเครียดสุด หันไปมองข่าวของเค้ากับดาหลาที่หน้าจอไอแพด คุณชายถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไง”
เสียงมือถือนีรนุชดังขึ้น นีรนุชกำลังหลับ เอามือควานหามือถือบนโต๊ะข้างเตียงจนเจอ นีรนุชกดรับน้ำเสียงงัวเงียเต็มที่
“Allo”
“ฉันเอง”
นีรนุชนิ่วหน้า
“ชาย นี่มันตีห้า โทรมาทำไม” นีรนุชถามเสียงงัวเงียแล้วตาสว่าง “เป็นอะไรรึเปล่า”
คุณชายหน้าแย่สุดๆ
“ฉันขอโทษที่โทรมาปลุก ฉันมีเรื่องไม่สบายใจ มีข่าวกอซซิบ ฉันกับผู้หญิง ฉันโทรหาคุณฮันนี่ เธอไม่รับสาย แล้วก็ปิดเครื่องไปเลย ท่าทางเธอจะโกรธ ฉันทำไงดีวะนุช” นีรนุชถอนใจเฮือก
“โอเค ใจเย็นๆ นะ อย่าเพิ่งคิดมาก ฉันว่า...”
นีรนุชพูดปลอบคุณชาย

ดาหลา ดารัณ นั่งอยู่กับคุณหญิงรื่นฤดีและชนะศึกที่ห้องรับแขกบ้านคุณชาย
“ฉันกับลูกไม่สบายใจจริงๆ กับข่าวที่ออกมา”
ดาหลายกมือไหว้คุณหญิงรื่นฤดีกับชนะศึก
“ต้องกราบขอประทานโทษอย่างมากเลยนะคะคุณลุงกับคุณป้า”
“จะขอโทษทำไมล่ะจ๊ะ หนูไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วอีกอย่างข่าวที่ออกมา ก็ไม่ได้ทำให้เกิดเรื่องเสียหาย กลับเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ สาวๆ คนอื่นจะได้รู้ว่าลูกของป้ามีเจ้าของแล้วคือหนูดาหลา”
ดาหลากับดารัณลอบมองหน้ากันแล้วยิ้ม ชนะศึกมองคุณหญิงรื่นฤดีไม่เห็นด้วย ระหว่างนั้นคุณชายเดินออกมาเห็นดาหลาก็ผงะ คุณชายยกมือไหว้ดารัณ
“สวัสดีครับ”
ดารัณรับไหว้ ดาหลาหันไปยิ้มให้คุณชาย
“จะไปทำงานแล้วเหรอลูก”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากหนูดาหลาติดรถไปด้วยคนนะ”
คุณชายหันไปมองดาหลาอย่างพูดไม่ออก

คุณหญิงรื่นฤดียิ้มปลาบปลื้ม
“น่ารัก น่าเอ็นดู เหมาะสมเป็นคู่กิ่งทองใบหยกจริงจริ้ง” คุณหญิงรื่นฤดีหันไปเจอชนะศึกมองหน้าก็ผงะ หุบยิ้มทันที “มองฉันแบบนี้ หมายความว่ายังไงคะคุณชนะศึก”
ชนะศึกจ๋อยๆ ถอนใจนิดนึง ก่อนจะตัดสินใจพูด อย่างเกรงใจ
“ผมว่าลูกเรามันก็โตแล้วคุณควรจะปล่อยให้ลูกได้มีสิทธิ์เลือกคู่ด้วยตัวเอง”
“ลูกเราถึงจะโตแล้ว แต่ประสบการณ์ชีวิตยังไม่มี ฉันจะไม่มีวันยอมให้ลูกได้กับคนที่ไม่คู่ควร ไม่เหมาะสม ไม่มีประโยชน์ และไม่ช่วยส่งเสริมครอบครัวของเรา”
“พูดแบบนี้ แสดงว่าคุณไม่ได้รักลูก”
“คุณชนะศึก”
ชนะศึกกลืนน้ำลายเอื๊อก และไม่อยากต่อความยาวเลยเดินออกปากก็พูดว่า

“ไปตีกอล์ฟดีกว่า”

คุณชายจ้ำเดินมาตามทาง โดยไม่รอดาหลาที่เดินตามมา
“คุณชาย รอดาหลาด้วยสิคะ”
คุณชายไม่สนใจ ดาหลาโมโห เลยแกล้งทำเป็นข้อเท้าพลิก
“โอ๊ย”
คุณชายตกใจ หันขวับไปดูเห็นดาหลาหยุดเดิน ทำสีหน้าเจ็บปวด ก็เดินมาหา
“คุณดาหลาเป็นอะไร”
“เพราะดาหลารีบเดินตามคุณชาย ก็เลยทำให้ข้อเท้าพลิกน่ะค่ะ ดาหลาเจ็บจังเลย”
คุณชายรู้สึกผิดเลยประคองดาหลาเอาไว้ ดาหลาลอบทำหน้าสีหน้าพอใจ ก่อนจะหันมาทำหน้าเจ็บปวด
“เดินไหวมั้ยครับ”
“พอไหวค่ะ”
คุณชายจับมือดาหลาอีกมือประคองแขน แล้วก็พาดาหลาเดิน ดาหลามีความสุขมาก
ห่านมองคุณชายกับดาหลาก็อึ้ง น้ำตารื้นขึ้นมาทันที ก่อนจะหันหลังจ้ำเดินออกไป บื้อเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง หันไปมองห่านเป็นห่วง

ห่านยืนร้องไห้เงียบๆ บื้อเดินออกมามองห่าน แล้วก็เดินมายืนข้างๆ ก่อนจะยื่นแขนออกไปตรงหน้า ห่านชะงัก หันไปมองบื้อแปลกใจ
“อะไรของนาย”
“ฉันไม่มีผ้าเช็ดหน้า เช็ดแขนเสื้อฉันแหละกัน”
ห่านอึ้ง เอามือขึ้นมาเช็ดน้ำตา แต่เช็ดไม่หมด บื้อเลยเอาแขนเสื้อเช็ดๆ น้ำตาให้ห่าน
“พอแล้ว”
“ไม่ต้องกลัวเป็นสิวหรอก เสื้อฉันสะอาด ก็เธอเพิ่งซักให้เมื่อวานไง” ห่านอดค้อนไม่ได้ บื้อเอาแขนเสื้อซับน้ำตาให้ห่านจนเสร็จ “ฉันเห็นคุณชายกับคุณดาหลา”
“ฉันว่าฉันคงใกล้จะตื่นจากความฝันแล้วล่ะ”
ห่านเศร้ามาก น้ำตาคลออีกครั้ง
“อยากร้องไห้ก็ร้องมาเหอะ ฉันไม่บอกใครหรอก”
ห่านก้มหน้าร้องไห้ บื้อได้แต่ยืนข้างๆ มองห่านอย่างเป็นห่วง ทำตัวไม่ถูก ยกมือจะโอบไหล่ปลอบ แต่ก็ไม่กล้า เงอะๆ งะๆ อยู่อย่างนั้นล่ะ

ห่านกับบื้อเดินมาตามทางด้วยกัน ห่านหยุดร้องไห้แล้ว
“รู้สึกดีขึ้นแล้วยัง”
“ยัง สิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ก็คือรองเท้า”
บื้อผงะ หยุดเดิน หันไปมองห่านสีหน้านึกไม่ถึง
“อย่าบอกนะว่าเธอต้องดมรองเท้าถึงจะหายเศร้า”
“บ้าสิ นายสิดม เวลาฉันมีเรื่องไม่สบายใจ ฉันต้องซื้อรองเท้า ไม่งั้นฉันบ้าตายแน่” ห่านดูนาฬิกา “ว้าย แต่เช้าอย่างนี้ ตลาดนัดหลังห้างฯก็ยังไม่เปิด จะทำไงดี”
“เธอนี่เป็นคนประหลาดจริงๆ”
แล้วห่านก็นึกออก หันไปทางบื้อพร้อมกับยิ้มออกมา
“นึกออกแล้ว นายช่วยฉันทีนะ”
“อีกแล้วเหรอ” ห่านพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา บื้อได้แต่ทอดถอนใจ “อะไรวะ”

บื้อกับห่านอยู่ในห้องสต็อก สีหน้าห่านมีความสุขมาก บื้อมองห่านอย่างไม่เข้าใจ
“เหลืออีกสิบห้านาที ห้างฯจะเปิด ฉันขอเสพความสุขให้เต็มที่ก่อน นายช่วยเฝ้าต้นทางให้ฉันที ฉันไม่อยากให้นังแอ๊ปกับนังปลากะโห้เห็น”
“เธอจะขโมยรองเท้าเหรอไง”
“ฉันไม่ได้ขโมย แค่อยากใส่รองเท้าทุกคู่ที่ฉันอยากได้ก็เท่านั้น เผื่อมันจะช่วยทำให้จิตใจฉันกระชุ่มกระชวยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง” บื้อมองห่านอึ้งๆ “นายอาจจะคิดว่าฉันบ้า...”
“บ้าแน่ๆ บ้าชัดๆ” บื้อสวนใส่หน้า ห่านยื่นหน้ามาใกล้บื้อ
“แต่ฉันไม่ได้บ้า” หน้าห่านใกล้บื้อมาก ทำเอาบื้อหวั่นไหวแปลกๆ ห่านผละออกมาพูดต่อ “สำหรับฉัน การได้ใส่รองเท้าสวยๆ ก็เหมือนการได้ยืนอยู่ยอดเขาที่งดงาม รองเท้าคือชีวิตจิตใจของฉัน” ห่านบอกด้วยสีหน้าเพ้อๆ ยิ้มๆ แล้วก็หันมาทำหน้าโหดพร้อมเท้าเอว “รีบออกไปดูต้นทางได้แล้ว”
ห่านชี้มือไปที่ประตู บื้อส่ายหัวหน้าเอือมๆ ห่านถอดรองเท้า บื้อมองไปที่รองเท้าห่านแวบนึง แล้วก็เดินออกไป ห่านปิดประตู รีบเข้าไปเปิดกล่องรองเท้าเห็นรองเท้าคู่สวยนอนอยู่
“สวยจังเลย”
ห่านหยิบรองเท้าขึ้นมาแนบอก สีหน้าปลาบปลื้มตื้นตัน แล้วก็บรรจงวางรองเท้าลงบนพื้นด้วยความเบามือที่สุด
บื้อยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง ยื่นหน้าเอาหูไปแนบกับประตู
“ทำไมเงียบวะ เป็นลมตายไปแล้วมั้ง”
รองเท้าคู่สวยหลายคู่วางอยู่บนพื้น ห่านใส่รองเท้าแล้วเดินอย่างมีความสุข ห่านเปลี่ยนรองเท้าสี่ห้าคู่ เดินไปเดินมาราวกับเป็นนางแบบ แล้วก็โพสท่าคนเดียวในห้อง สีหน้าดีขึ้นมาก
บื้อดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็กอดอก
“นานไปมั้ยเนี่ย”
แล้วบื้อก็เห็นแอปเปิ้ลกับปีโป้เดินมา บื้อตาเหลือก รีบเคาะประตูห้องเก็บสต็อก
“ยัยคอห่าน ออกมาได้แล้ว นี่...”
ห่านได้ยินเสียง เดินไปใกล้ประตู พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ฉันยังไม่ฟิน”
“แอปเปิ้ลกับปีโป้กำลังเดินตรงมาทางนี้”
ห่านตกใจ อ้าปาก หันไปเห็นรองเท้าเต็มพื้น ก็ตกใจ ตวาดแว๊ด
“แล้วทำไมไม่รีบบอกยะ หึ้ย ถ่วงเวลาให้ฉันก่อน” บื้อนึกยัวะ
“ใครไม่รีบบอก เธอนั่นแหละ มัวแต่ดราม่า”
“ดราม่าบ้านนายสิ” ห่านรีบเก็บรองเท้า “นี่ ถ่วงเวลาให้ฉันก่อน”
“ไม่”
ห่านไม่พอใจ แต่จำต้องง้อ
“ฉันจะรับใช้นายเพิ่มอีก 5 วัน โอป่ะ”

บื้อยืนนิ่งแล้วยิ้มสะใจ

บื้อเดินมาหาแอปเปิ้ลกับปีโป้
“แอปเปิ้ล ปีโป้”
แอปเปิ้ลกับปีโป้เห็นบื้อก็ชะงัก บื้อเดินอ้อมมาทางด้านหลังสองสาว ทำให้สองสาวต้องหันไปตามบื้อ เลยยืนหันหลังให้ห้องเก็บสต็อก
“บื้อมาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่ามาหายัยแว่น”
“เปล๊า มาหาเธอสองคน”
บื้อยิ้มแฉ่ง แอปเปิ้ลกับปีโป้มองหน้ากันด้วยความงง แล้วก็หันไปทางบื้อพร้อมทั้งชี้หน้าตัวเอง
“มาหาฉัน” แอปเปิ้ลกับปีโป้ถามพร้อมกัน
“ถูกต้อง”
แอปเปิ้ลกับปีโป้ยิ้มเขิน บื้อเหลือบไปที่ห้องเก็บสต็อกยังไม่มีวี่แววห่านออกมา บื้อเริ่มร้อนรน แอปเปิ้ลเห็นบื้อ มองไปทางด้านหลังก็แปลกใจจะหันไปมอง บื้อรีบเอามือจับหน้าแอปเปิ้ลให้หันมา
“แอปเปิ้ล”
บื้อเรียกเสียงดังลั่นจนแอปเปิ้ลตกใจ ปีโป้ชะงัก บื้อปล่อยมือจากแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลรีบจับมือบื้อขึ้นมาจับหน้าตัวเองใหม่โดยเอามือตัวเองจับไว้แน่น
“ไม่เป็นไร แอ๊ปไม่โกรธ แอ๊ปชอบ” บื้อจำเป็นต้องจับหน้าแอปเปิ้ลไว้อย่างนั้น “มีอะไรเหรอจ๊ะบื้อ”
“เอ่อ...ฉันอยากชวนเธอสองคนไปดูหนัง”
แอปเปิ้ลกับปีโป้ยิ้มดีใจมาก
“ไปดูหนัง”
“ใช่ ไปดูหนัง”
“ไปสิจ๊ะ รอบนี้เลย” ปีโป้บอกแอปเปิ้ลเหล่ปีโป้ที่ตอบก่อนเธอ “อุ้ย...”
“ไปสิบื้อ รอบนี้เลยนะ”
“เออ...” บื้อลอบมองไปที่ห้องเก็บสต็อก “หลังเลิกงาน วันพรุ่งนี้ดีกว่ามั๊ย”
“โห! ทำไมต้องพรุ่งนี้ด้วยล่ะ”
ห่านออกมาจากในห้องพอดี บื้อโล่งอกสุดๆ ห่านยกมือโอเคแล้วย่องเดินออกไปอีกทาง บื้อทำท่าโอเคด้วย
“โอเค เอ่อ...คือ ฉันไปทำงานก่อนนะ” บื้อบอกแล้วรีบเดินไป
“อะไรของเค้าวะ” แอปเปิ้ลกับปีโป้มองหน้ากันงง
“อย่าลืมนะ พรุ่งนี้เลิกงาน ดูหนังนะ”
แอปปิ้ลตะโกนตามหลังบื้อ จากนั้นสองสาวก็ยิ้มฝันหวาน

บื้อเดินกลับมาเจอคุณชายยืนอยู่ก็แปลกใจ คุณชายหันมาเจอบื้อ รีบเดินมาหา
“คุณบื้อ ว่างคุยกันหน่อยมั๊ย”
“ครับ” บื้อตอบรับอย่างงๆ

คุณชายหันมาทางบื้อที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ผมไม่รู้จะปรึกษาเรื่องนี้กับใคร”
“เรื่อง อะไรเหรอครับ”
“เวลาแฟนคุณงอนคุณ คุณทำไง” บื้ออึ้งไปนิด
“ผมยังไม่มีแฟนครับ”
“อ้าว แล้วผู้หญิงใส่แว่นที่ทำงานแผนกรองเท้าสตรี ไม่ใช่แฟนคุณเหรอ” บื้อผงะนึกได้
“เออ อ่า ใช่ครับใช่ คือ ผมกับเค้าเพิ่งตกลงเป็นแฟนกัน ก็เลยยังไม่ชินอ่ะครับ” คุณชายพยักหน้า
“แล้วตกลงเวลาคุณง้อแฟน คุณง้อยังไง”
“คนที่คุณชายง้อ เป็นใครเหรอครับ ขอโทษนะครับที่ต้องถาม เพราะผู้หญิงแต่ละคนอาจจะชอบอะไรที่ไม่เหมือนกันก็ได้”
“จริงด้วย คุณฮันนี่” คุณชายตัดสินใจบอก บื้อชะงัก “คุณเคยเจอแล้วนี่ พอจะบอกผมได้มั้ยว่าผู้หญิงอย่างคุณฮันนี่ น่าจะชอบอะไร ไม่ชอบอะไร”
บื้อมองคุณชายนิ่งไป แล้วก็นึกย้อนกลับไปถึงคำพูดห่านก่อนหน้านี้
“สำหรับฉัน การได้ใส่รองเท้าสวยๆ ก็เหมือนการได้ยืนอยู่ยอดเขาที่งดงาม รองเท้าคือชีวิตจิตใจของฉัน”
บื้อหันไปมองคุณชาย เห็นสีหน้าตั้งใจจริงของคุณชายก็อดจะบอกไม่ได้
“รองเท้า” คุณชายชะงัก
“รองเท้า”
“ครับ ผมว่าผู้หญิงอย่างคุณฮันนี่น่าจะชอบรองเท้า”
คุณชายยิ้มอย่างดีใจ แล้วก็หุบยิ้มทันที
“แต่ผมไม่รู้ไซส์รองเท้าของคุณฮันนี่”
บื้อนิ่ง นึกย้อนกลับไปอีก ตอนที่มองรองเท้าห่าน บื้อเป็นเบอร์ที่พื้นรองเท้าแว๊บๆ
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นเบอร์ 35 นะครับ” คุณชายมองบื้อแล้วยิ้มแฉ่ง
“ขอบคุณขอบคุณมาก คุณบื้อ”
คุณชายรีบออกไปทันที
บื้อมองตามอย่างรู้สึกแปลกๆ

ห่านส่งถุงรองเท้าให้ลูกค้าถือ ก่อนจะยกมือไหว้
“ขอบพระคุณมากค่ะ”
ลูกค้าเดินออกไป เสียงเมสเสจดังขึ้น ห่านหยิบมือถือออกมากดเปิดอ่านก็ชะงัก เสียงคุณชายดังออกมา
“ตอนนี้ผมอยู่ร้านแรกที่เราเจอกัน ผมจะรอจนกว่าคุณจะมานะครับ” ห่านอึ้ง
“คุณชาย”

ที่ห้องน้ำหญิง เจ๊มะพร้าวเช็คห้องทีล่ะห้องว่ามีคนรึเปล่า พอเห็นว่าไม่มี ก็หันมาทางห่านกับแหม่มที่ยืนหน้ากระจก
“คุณคุณชายเมสเสจมาขนาดนี้ แสดงว่าเค้าแคร์แกมาก แกต้องไป”
“เจ๊แน่ใจได้ไงว่าเค้าไม่ได้อยากเจอเพื่อจะบอกเลิกฉัน”
“ถ้าเค้าจะบอกเลิกแก เค้าจะเมสเสจมาหาแกทำไม โทรมาบอก ง่ายกว่าป่ะ”
“จริงวะห่าน ฉันก็คิดแบบเจ๊นะ”
ห่านนิ่ง สีหน้ายังลังเล
“ถ้าแกไม่เชื่อที่เจ๊พูด งั้นก็ต้องทดสอบ”
“ยังไงอ่ะเจ๊”

เจ๊มะพร้าวยิ้มมีแผนการ ห่านกับแหม่มมองหน้าเจ๊มะพร้าวสงสัยมาก

คุณชายนั่งรอห่านที่ร้านกาแฟด้วยความรู้สึกลุ้นๆ ตื่นเต้นว่าห่านจะมาหรือไม่ คุณชายมองไปที่ถุงรองเท้าที่วางบนพื้น แล้วก็ดูเวลา พลันเสียงบรรยายของเจ๊มะพร้าวดังขึ้น
“ตอนนี้บ่ายโมง แกไปหาคุณคุณชายหลังเลิกงาน คือตอนเย็น ถ้าแกไปถึง และเค้ายังรอแกอยู่ก็แสดงว่าเค้าจริงใจไม่จิงโจ้กับแก”
“แล้วถ้าเกิดฉันไป แล้วเค้าไม่อยู่”
“แกก็จะได้รู้ว่าผู้ชายอย่างคุณคุณชายไม่ได้คิดจริงจังกับแก เพราะถ้าเค้าคิดจะจีบแกจริง ...เค้าต้องรอ”
คุณชายถอนหายใจเฮือกใหญ่

แก้วกาแฟหลายแก้ววางเต็มโต๊ะ คุณชายดูเวลาหกโมงเย็น คุณชายหน้าเศร้า สีหน้าสิ้นหวังมาก ด้านหลังเห็นห่านซึ่งแต่งตัวเป็นฮันนี่เดินเข้ามา พอเห็นคุณชายก็ดีใจ ตื้นตันจนน้ำตารื้นขึ้นมา ห่านเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหล แล้วก็เดินมาใกล้คุณชาย
“คุณชายคะ”
คุณชายหันขวับไปเห็นห่านก็ดีใจสุดๆ จนยิ้มกว้างออกมา คุณชายลุกขึ้นยืน สองคนยิ้มให้กันด้วยความดีใจ
คุณชายกับห่านนั่งตรงข้ามกัน
“คุณชายไม่ได้เป็นอะไรกับคุณดาหลาเหรอคะ”
“นักข่าวเค้านั่งเทียนเขียน ไม่เป็นความจริงซักนิด คุณฮันนี่เชื่อผมนะครับ” สายตาคุณชายบ่งบอกความจริงใจ
“ค่ะ ฮันนี่เชื่อ” คุณชายชะงัก ห่านแปลกใจ “คุณชายเป็นไรคะ”
“คุณฮันนี่เชื่อเร็วมากครับ เอ่อ...คือ ผมนึกว่า ผมต้องอธิบายมากกว่านี้” ห่านยิ้มแหย
“ก็ฮันนี่เห็นความจริงใจของคุณชายแล้วนี่คะ ที่บอกว่าจะนั่งรอจนกว่าฮันนี่จะมา”
คุณชายดีใจแล้วนึกขึ้นได้
“เอ้อ ผมมีของให้คุณฮันนี่ด้วยนะครับ” ห่านแปลกใจ คุณชายหยิบถุงรองเท้าบนพื้นขึ้นมาแล้วยื่นให้ห่าน ห่านรับถุงมามองอย่างงงๆ “เปิดดูสิครับ ผมอยากรู้ว่าคุณฮันนี่จะชอบรึเปล่า”
ห่านเปิดถุงเห็นเป็นกล่องรองเท้าก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ค่อยๆ หยิบกล่องออกมา ห่านเปิดฝากล่องเห็นเป็นรองเท้าสวยงามเหมือนรองเท้าแก้ว ห่านอ้าปากค้างด้วยความตะลึง นิ่งงันไป คุณชายเห็นห่านนิ่ง ใจไม่ดี
“คุณฮันนี่ไม่ชอบเหรอครับ”
ห่านแสดงออกถึงความดีใจสุดๆ
“ชอบสิคะ ชอบมาก ชอบมากที่สุด ฮันนี่ฝันอยากมีรองเท้าสวยๆ แบบนี้มานานแล้ว คุณชายรู้ใจฮันนี่จริงๆ” ห่านพลิกดูไซส์ “ต๊าย แถมยังรู้ไซส์รองเท้าฮันนี่ด้วย” คุณชายยิ้มดีใจและโล่งใจที่ห่านชอบ ห่านปลาบปลื้มจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา “ฮันนี่ขอใส่เลยได้มั้ยคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ในเมื่อรองเท้าคู่นี้เป็นของคุณฮันนี่แล้ว”
ห่านจะวางรองเท้าลงบนพื้นก็ชะงัก นึกขึ้นมาได้ หันไปเอากระดาษบนโต๊ะคลี่ออกแล้ววางบนพื้นก่อน คุณชายมองตามอย่างงง ฮันนี่เอารองเท้าแก้ววางบนกระดาษอีกที ถอดรองเท้าตัวเองออกมา
เท้าห่านค่อยๆ ใส่ลงในรองเท้าแก้ว แต่ห่านใส่ไม่ค่อยลง ห่านพยายามอย่างมาก คุณชายมองแปลกใจ
“ใส่ไม่ได้เหรอครับ”
ห่านหน้าแหย พยายามจะยัดเท้าเข้าไปให้ได้ คุณชายนิ่งไปแป๊บนึง แล้วตัดสินใจ ย่อตัวลงตรงหน้าห่าน ห่านตกใจ
“คุณชายจะทำอะไรคะ”
“ขออนุญาตนะครับ”
ห่านงง คุณชายใส่รองเท้าให้ห่าน ห่านอึ้ง มองคุณชายด้วยความซาบซึ้ง
“ซินเดอเรลลาชัดๆ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซินเดอเรลลาที่มีเจ้าชายมาสวมรองเท้าแก้วให้เลยอ่ะ”
ห่านคิดในใจแล้วมองคุณชายน้ำตาจะไหล คุณชายใส่รองเท้าเสร็จเงยหน้าขึ้นมาเห็นน้ำตาห่านก็ตกใจ
“ผมทำคุณฮันนี่เจ็บเหรอครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ” ห่านรีบเช็ดน้ำตา “ฝุ่นมันเข้าตาน่ะค่ะ”
ห่านยิ้มให้คุณชายแววตาเป็นประกาย แล้วก็ก้มมองรองเท้าอย่างตื้นตันหัวใจเป็นที่สุด

อีกด้านหนึ่งดาหลา แอปเปิ้ล ปีโป้เดินมาด้วยกัน ดาหลาอยู่ตรงกลาง
“ตกลงคุณดาหลากับคุณคุณชายคบกันตามที่เป็นข่าวจริงๆ ชิมิคะ” แอปเปิ้ลถามขึ้นมา
“ข่าวออกชัดเจนขนาดนั้น ยังต้องให้ฉันพูดอีกเหรอ” ดาหลายิ้มอย่างมั่นใจ
“ปีโป้ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณดาหลากับคุณคุณชายเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากที่สุด”
“เหมือนผีเน่ากับโลงผุยังไงยังงั้นเลย โฮะๆๆ”
แอปเปิ้ลช็อกมากที่เพื่อนพูดคำนี้ออกมา ดาหลาเบรคเอี๊ยดแทบไม่ทัน แอปเปิ้ลกับปีโป้ต้องหยุดเดิน และหันไปทางดาหลา
“เมื่อกี๊แกพูดอะไรนะ ยัยหน้าหัก”
ปีโป้สะดุ้ง หน้าแหย
“ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มีอะไร แอปเปิ้ลขอพูดแทนนะคะว่าคุณดาหลากับคุณคุณชายช่างเหมาะสมกันราวกับสวรรค์เสกสรรมาให้ คนหนึ่งก็หล่อเหมือนเทวดา อีกคนก็ส้วยสวยเหมือนนางฟ้า”
ดาหลายิ้มพอใจ
“ถูกใจ”
ดาหลาเดินต่อไป แอปเปิ้ลหันไปค้อนปีโป้ ปีโป้จ๋อย แล้วสองคนก็เดินตามดาหลาไปติดๆ อย่างเอาใจ

ห่านเดินออกมากับคุณชาย ห่านลอบมองรองเท้าที่คุณชายซื้อให้ สีหน้าปลาบปลื้มมาก คุณชายหันมา
“คุณฮันนี่ครับ”
ห่านหันไปทางคุณชาย
“คะ”
“เร็วๆ นี้จะมีงานเลี้ยงครบรอบ 50 ปีของห้างBKK Plaza งานนี้เป็นงานภายใน ผมอยากให้คุณฮันนี่มานะครับ”
“งานเลี้ยงเหรอคะ? เออ...” ห่านอึกอัก
“อย่าปฏิเสธผมเลยนะครับ” คุณชายส่งสายตาวิงวอน “ผมอยากให้คุณฮันนี่มาในฐานะ เอ่อ...คนพิเศษของผม”
“คนพิเศษ”
“ใช่ครับ คนพิเศษ”
ห่านอึ้ง รู้สึกดีมากๆ จนต้องตอบตกลง
“ค่ะ ได้ค่ะ ฮันนี่จะไปค่ะ”

คุณชายกับห่านยิ้มให้กัน

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 4 (ต่อ)

ค่ำวันเดียวกันนั้นขณะที่บื้อกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน ห่านยิ้มแย้มเดินมา ในมือถือถุงรองเท้าที่คุณชายให้ ทันใดนั้นน้ำจากสายยางบื้อกระเด็นมาโดนตัวห่าน
“ว้าย” ห่านร้องลั่น บื้อตกใจ รีบปิดน้ำแล้วเดินออกมาเห็นห่านตัวเปียกก็ตกใจ แหม่ม โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊ก รีบออกมาดู ห่านหันไปมองบื้อไม่พอใจ “นายซื่อบื้อ นอกจากซื่อบื้อแล้ว ยังตาบอดอีกเรอะ ไม่เห็นรึไงว่ามีคนเดินมาห๊า”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็ไม่นึกว่า... คน”
“ไอ้บ้า” ห่านปี๊ดแตกเงื้อถุงรองเท้าจะฟาดบื้อ แล้วก็เห็นถุงใส่รองเท้าเปียก ห่านยิ่งปี๊ดแตกขึ้นอีก “อ๊ายยย”
ทุกคนตกใจ แหม่มรีบเดินมาหาห่าน
“เป็นอะไรแก”
“รองเท้า แย่แล้ว รองเท้าแก้วของฉัน” ห่านรีบเอากล่องรองเท้าออกมาจากในถุง แล้วหันไปทางแหม่ม “ยื่นมือมา” แหม่มยื่นมือสองข้างออกไป “ถือนี่ไว้ ถือดีๆ นะ”
แหม่มรับกล่องรองเท้ามาถืออย่างงงๆ บื้อ โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กมองไม่เข้าใจ ห่านรีบเปิดกล่องเห็นรองเท้ายังอยู่ดีก็ โล่งอก แหม่มเห็นรองเท้าก็ตะลึง
“โอ้โฮ สวยมาก”
ห่านยิ้ม บื้อมองห่านรู้ทันทีว่าคุณชายเป็นคนให้รองเท้า ลุงจ๊อดกับโจ๊กรีบเข้าไปดู
“ไหนของข้าดูหน่อยสิว่าสวยแค่ไหน” ลุงจ๊อดเข้ามาดูรองเท้า “โฮ่! ก็งั้นๆ แหละวะ”
“ลุงมีตาดูป่ะเนี่ย”
“เอ้า...แล้วไอ้ที่เอ็งเห็นเนี่ย” ลุงจ๊อดชี้ที่ตาตัวเอง “ไม่เรียกว่าตาเหรอไง”
“ตาปลาน่ะสิ” ลุงจ๊อดสะดุ้ง “ถึงไม่เห็นคุณค่าของมัน” บื้อหมั่นไส้ในความเวอร์ของห่าน เลยคิดอยากแกล้ง เดินมาหยิบรองเท้า ห่านตกใจ ““ไอ้บื้อ วางมันลงที่เดิมเดี๋ยวนี้”
บื้อเหล่ห่าน หน้าเจ้าเล่ห์
“ไอ้โจ๊ก รับโว้ย”
บื้อโยนรองเท้า ห่านตาเหลือก แทบกรี๊ด โจ๊กเกือบรับไม่ทัน ห่านหัวใจจะวาย
“เอาคืนมา”
“โจ๊ก” บื้อกวักมือ
โจ๊กโยนกลับไปให้บื้อ ห่านโล่งอกนึกว่าบื้อจะคืน แต่...บื้อหันไปทางโย่ง
“โย่ง”
บื้อขว้างรองเท้าออกไปไกล ห่านอึ้ง เหวอ
“นี่...หยุด...หยุดนะ” โย่งรับหมับ ห่านวิ่งไปทางโย่ง “โย่ง เอารองเท้าฉันคืนมา”
“ส่งมาให้ฉันโย่ง”
“รองเท้าฉันไม่ใช่ลูกบอล พอได้แล้ว รู้มั๊ยว่าคู่นี้ตั้งหลายหมื่น”
โย่ง แหม่ม ลุงจ๊อด โจ๊กแทบช็อค
“ห๊ะ หลายหมื่น”
“บระเจ้า งั้นเอาคืนไปเถอะจ๊ะ”
โย่งจะเอาคืนห่าน แต่บื้อตัดหน้ารับมาแทน ห่านโมโหมาก
“เอารองเท้าฉันคืนมา”
บื้อยื่นรองเท้าไปตรงหน้า ห่านยังไม่ทันรับ บื้อก็ปล่อย ห่านตกใจมากรีบพุ่งเข้ามาตะครุบเอาไว้จนตัวเองหกล้ม เข่ากระแทกพื้นจนเป็นแผล บื้อ แหม่ม โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊ก ตกใจ
“โอ๊ย!”
บื้อหน้าเสีย แหม่มรีบเข้ามาดูห่าน
“ห่านเป็นไง”
“เจ็บน่ะสิ” ห่านเงยหน้าจ้องบื้อเขม็ง น้ำตาคลอ แล้วแหกปากลั่น “สนุกมากใช่มั๊ย ไอ้บื้อบ้า”
ห่านปาดน้ำตา บื้ออึ้ง
“ท่าทางงานจะเข้า เราเข้าบ้านกันดีกว่าลุง” โจ๊กกระซิบกับลุงจ๊อด
“จะอยู่ทำไมล่ะ”
ลุงจ๊อดกับโจ๊กย่องเข้าไปในบ้าน แหม่มประคองห่านให้ลุกขึ้นยืน ห่านจ้องหน้าบื้อโมโหมาก ไม่พูดอะไรออกมา แหม่มลากห่านเข้าบ้านไป บื้อหันไปมองตามห่านแอบรู้สึกผิด โย่งเดินมาหาบื้อ
“ฉันว่าแกเล่นแรงไปนะคราวนี้ ไปขอโทษเค้าเหอะ”
โย่งพูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้บื้อยืนจ๋อยเพียงลำพัง

ห่านเดินเข้ามาในห้องนอนมีผ้าขนหนูคล้องคอ หันไปมองเห็นแหม่มหลับไปแล้ว
“อ้าว หลับซะแหละ” ห่านเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง รู้สึกแสบแผลที่เข่า ห่านก้มมอง “อุ๊ยส์ ไอ้บื้อนะไอ้บื้อ นรกส่งมาเกิดจริง”
ห่านหงุดหงิดหันไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบปลาสเตอร์ออกมาแปะที่แผล ก่อนจะเหลือบไปมองถุงรองเท้า ห่านหยิบกล่องรองเท้ามาวางบนตัก เปิดฝากล่อง หยิบรองเท้าออกมาวางบนโต๊ะเครื่องแป้ง เอามือลูบรองเท้า สีหน้ามีความสุขมาก พลางนึกย้อนกลับไปตอนที่คุณชายสวมรองเท้าให้เธอ
ห่านเขินอายอยู่คนเดียว แล้วพอเงยหน้ามองกระจก ก็ต้องช็อกสุดขีดเพราะแหม่มยืนหัวฟูปิดหน้าปิดตาอยู่ข้างหลัง...ตึง
“ว้าย” ห่านหันไปเห็นว่าเป็นแหม่มก็โล่งอก “ไอ้แหม่ม ฉันนึกว่าผี แกนอนไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แปรงฟัน ว่าแต่แกเหอะ ยิ้มไรคนเดียว”
“เรื่องของฉัน ไปแปรงฟันเลยไป”
แหม่มเสยผม หาวปากกว้าง แล้วก็เดินออกไป ห่านหันมาปลื้มกับรองเท้าต่อ แล้วก็เก็บรองเท้าใส่กล่อง ก่อนจะลุกขึ้น ลากเก้าอี้มาตรงหน้าตู้เสื้อผ้า ปีนเก้าอี้ เอากล่องรองเท้าเก็บไว้ข้างบนตู้ สีหน้าสุขหัวใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นบื้อเดินออกมาเห็นโย่งเดินมาหา
“แกยังไม่ไปขอโทษห่านใช่ป่ะ”
“ทำไม”
“ทำไม” โย่งหยิบคัพโจ๊กในมือขึ้นมาแล้วโวยลั่น “ฉันเลยต้องมานั่งกินไอ้นี่ยังไงล่ะ”

บื้อสะดุ้ง โย่งเดินหัวเสียออกไป บื้อหันไปมองบ้านเช่าห่าน สีหน้าเป็นกังวล

ห่านเดินออกมาที่หน้าบ้าน พลางหันไปตะโกนในบ้าน
“แหม่ม สายแล้ว” ห่านหันมาก็สะดุ้ง เพราะเจอบื้อยืนอยู่ ห่านยังโมโหจึงกระชากเสียงถาม “มาไม”
“ฉัน เออ...ขอโทษ” ห่านอึ้ง “ยังเจ็บอยู่ป่ะ”
ห่านก้มมองที่เข่า
“ไม่แล้ว”
บื้อมองไปที่เข่าห่านเห็นพลาสเตอร์หลุด
“รอฉันก่อนนะ”
บื้อรีบวิ่งกลับไปที่บ้านเช่า ห่านแปลกใจว่าบื้อจะทำอะไร
บื้อวิ่งกลับมา เจอห่านนั่งรอที่หน้าบ้าน บื้อย่อตัวตรงหน้าห่าน ห่านตกใจ
“จะทำไรอ่ะ”
ห่านระแวง บื้อเอาพลาสเตอร์ออกมาชูให้ดู ห่านนั่งนิ่ง บื้อดึงพลาสเตอร์ที่หลุดออก แล้วเอาพลาสเตอร์อันใหม่แปะเข้าไปแทนที่ ระหว่างนั้นแหม่มเดินออกมา
“ไปได้แล้ว” แหม่มเห็นบื้อกับห่าน “อ้าว”
บื้อกับห่านรีบลุกขึ้นยืน
“จะไปทำงานแล้วเหรอ”
“อือ”
“ฉันกับไอ้โย่งไปด้วยนะ วันนี้ว่าจะไม่ขี่จักรยานไป”
“อ้าว...ดีกันแล้วเหรอ” แหม่มแกล้งถาม ห่านจึงทำเชิด
“วันนี้วันพระ นึกซะว่าเมตตาสัตว์โลก”
“โห” บื้อสะดุ้ง ห่านสะใจ แหม่มอมยิ้ม

บื้อ ห่าน แหม่ม โย่ง เดินมาตามทาง โย่งขยับมาเดินข้างแหม่มแบบเนียนๆ แหม่มรู้สึกได้ หันไปมอง โย่งยิ้มหวานให้ แหม่มเอือมมาก หันไปทางอื่น โย่งจ๋อย
ด้านหลังเห็นรถคุณหนูจ๋าแล่นมาชะลอข้างๆ บื้อ ทำให้บื้อ ห่าน แหม่ม โย่ง หยุดเดินหันไปมอง รถคุณหนูจ๋าจอด กระจกรถลดลงมา
“อ้าว คุณหนูจ๋า”
ห่าน แหม่ม โย่งหันไปมองบื้อแปลกใจว่าบื้อรู้จัก
“พี่บื้อจะไปไหนคะ”
“ไปทำงานครับ”
“ห้างBKK Plazaใช่มั้ยคะ”
“ครับ”
“งั้นขึ้นรถมาเลยค่ะ หนูจ๋าต้องผ่านอยู่แล้ว”
“อย่าเลยครับ เกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ” คุณหนูจ๋าหันไปมองห่าน แหม่ม โย่ง “พี่ๆ ขึ้นมาเลยค่ะ”
บื้อยังนิ่ง ห่านสะกิด
“ขึ้นรถสินายบื้อ ประหยัดค่ารถเมล์” บื้อถอนใจ ยังไม่ทันตอบ ห่านชะโงกหน้ามองคุณหนูจ๋า “ขอบคุณนะคะ ใจดีจัง”
ห่านรีบเปิดประตูด้านหลัง เข้าไปนั่ง แหม่มกับโย่งรีบเข้าไปนั่งตาม บื้อจำต้องนั่งด้านหน้า

ห่าน แหม่ม โย่ง นั่งเบียดกันข้างหลัง โย่งนั่งแนบชิดกับแหม่มมาก แหม่มเหล่โย่งรำคาญเพราะอึดอัด ส่วนโย่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุข บื้อหันไปทางคุณหนูจ๋า
“ขอบคุณคุณหนูจ๋ามากนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ห่านมองบื้อกับคุณหนูจ๋าสงสัยเลยเอาตัวดันแหม่มเพื่อที่จะยื่นหน้ามาตรงกลาง ทำให้แหม่มเซเบียดไปกับโย่ง โย่งหน้ากระแทกกับกระจกเจ็บปวด แต่สุขใจเพราะหัวแหม่มมาซบที่ไหล่เค้าพอดี๊พอดี
“ชื่อคุณหนูจ๋าใช่มั๊ยคะ” ห่านถาม
“ค่ะ”
บื้อหันไปเห็นหน้าห่านอยู่ข้างๆ ก็ตกใจ เลยรีบเอนหลังไปติดประตู ห่านไม่รู้เรื่องยังคงคุยกับคุณหนูจ๋า
“พี่ชื่อห่านนะคะ เพื่อนพี่อีกสองคนชื่อ แหม่มกับโย่ง”
“ค่ะ พี่ห่าน พี่แหม่ม พี่โย่ง”
“คุณหนูจ๋ารู้จักกับไอ้...” ห่านหยั้งปากได้ทัน “เออ บื้อได้ไงอ่ะคะ”
“อือ จะเล่าไงดีนะ เรื่องมันยาวค่ะ”
“คุณหนูจ๋าเป็นลูกคุณนายเจ้าของบ้านเช่า” บื้อสวนขึ้นมา ห่าน แหม่ม โย่งตาโต ห่านเปลี่ยนท่าทีทันที
“ตายแล้ว พี่ห่านมีตาหามีแววไม่ถึงมองไม่ออกว่าคุณหนูจ๋าเป็นใคร น่าอายจังเลยค่ะ”
“เวอร์” บื้อบ่นเสียงเบา
แต่ห่านได้ยิน หันขวับไปมองบื้อ ทันใดนั้นมีคนวิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถ คุณหนูจ๋าตกใจ เบรกเอี๊ยด ห่านที่ยื่นหน้ามาตรงกลาง พุ่งมาด้านหน้าทั้งตัว หน้ากระแทกกับคอนโซลอย่างแรง
“ว้าย”
ส่วนแหม่มกับโย่งหน้าแทบคะมำ หัวเลยโขกกันดังโป๊ก
“โอ๊ย!”
คุณหนูจ๋าหน้าเสีย หันไปยกมือไหว้ทุกคน
“หนูจ๋าขอโทษค่ะ”
ห่านเจ็บปวดมาก บื้ออมยิ้มขำ ห่านหันขวับมาค้อน บื้อทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้เรื่อง

บื้อ ห่าน แหม่ม โย่ง เดินมาด้วยกัน ห่านเจ็บหน้า แหม่มกับโย่งยังเจ็บหัว บื้อเดินสบายๆ
“ฉันไปก่อนนะห่าน” แหม่มบอก ห่านพยักหน้า
“โชคดีครับพ้ม” โย่งบอกเสียงดัง แหม่มสะดุ้ง หันขวับ
“นี่ พูดเสียงเบาหน่อยได้มั๊ย หัวใจจะวาย” แหม่มต่อว่าโย่งหน้าเสีย
“ขอโทษครับพ้ม” แหม่มสะดุ้งอีก
“โอ๊ย”
แหม่มหงุดหงิดแล้วก็เดินออกไป โย่งจ๋อย หันมาทางบื้อกับห่าน
“ฉันไปนะ”
บื้อพยักหน้า โย่งรีบวิ่งออกไป ห่านหันมาทางบื้อทันที
“ร้ายเหมือนกันนะเราน่ะ”
“อะไร” บื้อนิ่วหน้า
“คุณหนูจ๋าไง” บื้อขมวดคิ้ว “ รู้จักเลือกคบคนซักด้วย ก็ดีเหมือนกัน เผื่อวันไหนฉันไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า จะได้ขอให้นายช่วย”
“นี่ๆๆ ฉันไม่ได้เป็นแบบที่เธอเข้าใจ ฉันไม่ได้รู้จักกับคุณหนูจ๋าเพราะมีจุดประสงค์แบบนั้น เข้าใจไว้ด้วย”
“แค่นี้ทำไมต้องเสียงดังด้วยห๊ะ”
แอปเปิ้ลกับปีโป้เดินมาเห็นห่านกับบื้อ ก็รีบสะกิดกันเดินเข้าไปหา

“ทะเลาะกันอยู่เหรอจ๊ะ”

บื้อกับห่านหันไปเห็นแอปเปิ้ลกับปีโป้เดินมา
“ไม่ได้ทะเลาะ”
“จะเชื่อดีมั้ยน้า”
“นั่นสิ จะเชื่อดีมั๊ยเอ่ย”
“อ่ะอ่ะ เชื่อก็ได้” แอปเปิ้ลเดินมาใกล้บื้อแล้วจับแขน “อย่าลืมนัดเย็นนี้ของเรานะจ๊ะบื้อ”
บื้อผงะ นึกขึ้นมาได้ “ฉิบหายแล้ว” แอปเปิ้ลขยิบตาให้หนึ่งข้างแล้วเดินออกไป ปีโป้เดินมาทำปากจู๋จุ๊บๆ ใส่บื้อแล้วเดินออกไป บื้อสยองมาก ห่านนิ่วหน้าสงสัย
“นัดอะไรของนาย”
บื้อหันไปมองห่านด้วยความโมโห

บื้อหันขวับมาทางห่าน สีหน้าไม่สบอารมณ์
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันช่วยเธอเมื่อวานก็คงไม่ต้องซวย ไปดูหนังกับยัยสองคนนั่น ฉันจะเสียตัวมั้ยเนี่ย” ห่านตบบ่าบื้อ
“งั้นก็ทำใจซะตั้งแต่ตอนนี้ เสียไปจะได้ไม่เสียใจ”
“เฮ้ย” ห่านขำก๊าก
“ฉันล้อเล่น ฉันซาบซึ้งจริงๆ ที่นายช่วยฉัน” บื้อมองนิ่ง “ฉันพูดจริง ไม่ได้เวอร์ และฉันก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้คุณคน นายเองก็ช่วยฉันหลายครั้งแล้ว เพราะฉะนั้นครั้งนี้ฉันจะช่วยนาย”
ห่านยิ้มมุมปาก บื้อมองสงสัย

คุณชายอยู่ที่ห้องทำงานและกำลังคุยโทรศัพท์กับนีรนุชที่อยู่ GLION
“คุณฮันนี่เข้าใจฉันแล้วนะ”
นีรนุชกำลังคุยโทรศัพท์ขณะที่เดินฝ่าอากาศหนาวอยู่หน้าโรงเรียน
“ดีใจด้วย” คุณชายยิ้มไม่หุบ
“แล้วอีกอย่าง เค้าจะมางานฉลอง 50 ปีของห้างฯฉันด้วย ฉันกะว่าจะใช้งานนี้ทำให้ทุกคนเห็นว่าคุณฮันนี่เป็นคนพิเศษของฉัน”
“ทุกคนของแก หมายถึงแม่ของแกกับนางงามคนนั้นใช่ป่ะ” คุณชายยิ้ม
“แกนี่รู้ใจฉันที่สุด” นีรนุชหยุดเดิน
“เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล จะไม่รู้ใจได้ไง ฉันรู้ใจแกมากกว่าที่แกรู้ใจฉันด้วยซ้ำ”
“เฮ้ย ฉันก็รู้ใจแกนะโว้ย แกเอาอะไรมาวัดว่าแกรู้ใจฉันมากกว่าฉันรู้ใจแกห๊าไอ้นุช” นีรนุชอึ้งไปนิด
“รู้ละกันน่ะ แค่นี้นะ ฉันถึงโรงเรียนแล้ว” นีรนุชวางสาย ถอนใจเดินต่อ
คุณชายวางสาย แล้วก็กดรูปคู่ของเค้ากับห่านขึ้นมาดู สีหน้ามีความสุขมากที่สุด

คุณหญิงรื่นฤดี ชนะศึก ดาหลา ดารัณ นั่งทานข้าวด้วยกัน
“งานฉลองครบ 50 ปีห้างBKK Plaza เชิญคุณดารัณกับหนูดาหลามาด้วยนะคะ”
“ถึงคุณหญิงไม่เชิญ ฉันก็มาค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีกับดารัณหัวเราะชอบใจ ชนะศึกเหล่ด้วยความหมั่นไส้ ดาหลายิ้มแฉ่งมาก
“ถ้ายังไง วันนั้น เราไปพร้อมกันนะคะ” คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางดาหลา “ป้าอยากให้หนูดาหลาเข้างานพร้อมกับชาย เพราะไหนๆ อีกไม่นาน หนูกับชายก็ต้องหมั้นกัน”
ดาหลากับดารัณมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองคุณหญิงรื่นฤดี
“หมั้นเหรอคะ”
“หรือว่าหนูดาหลายังไม่พร้อมค่ะ”
“พร้อมค่ะ” ดาหลารีบพูด ดารัณแอบหยิกขาดาหลา “โอ๊ย” ทุกคนตกใจมอง “เอ่อ...โอย ดาหลาคิดว่าพร้อมนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ป้าจะรีบหาฤกษ์ที่เร็วที่สุด หมั้นกันไว้ก่อน ใครๆ จะได้รู้ว่าชายมีเจ้าของแล้ว อ้อ อีกอย่าง...ต่อไปนี้หนูดาหลาเรียกป้าว่าแม่ได้แล้วนะจ๊ะ”
“ค่ะคุณแม่”
ดาหลากับคุณหญิงรื่นฤดีจับมือกัน
“ต๊าย น่าเอ็นดู” ชนะศึกเหล่เมียด้วยความเซ็ง คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางชนะศึก “เอ้า คุณชนะศึก ไม่พูดอะไรบ้างเหรอ เรามีลูกสาวเพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้วนะ”
“มันดีใจ จนจุก พูดไม่ออกน่ะจ๊ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีค้อนขวับแล้วหันมายิ้มกับดาหลาและดารัณ ชนะศึกหันไปทำหน้าเครียดเป็นห่วงคุณชาย

คุณชายคุยกับพรเพ็ญอยู่ในห้องทำงาน
“ผมอยากให้พนักงานคิดการแสดงเพื่อโชว์ในงานครบรอบ 50 ปี ผมจะมีเงินรางวัลให้สำหรับทีมที่ทำการแสดงได้สนุกที่สุด รางวัลเงินสด 50000 บาท คุณพรเพ็ญว่าดีมั๊ยครับ”
“เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเลยค่ะ พวกพนักงานต้องดีใจกันมากแน่ๆ พรเพ็ญฟันเฟิร์ม...”คุณชายนิ่วหน้า “คอนเฟิร์มค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณพรเพ็ญช่วยทำป้ายประกาศติดไว้เลยนะครับ”
“ค่ะ” พรเพ็ญลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่ชนะศึกเปิดประตูเดินเข้ามา พรเพ็ญรีบยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“สบายดีนะคุณพรเพ็ญ”
“สบายตามสภาพเศรษฐกิจค่ะท่าน ขอบพระคุณค่ะท่าน พรเพ็ญขออนุญาตไปทำงานก่อนนะคะ”
“เชิญ” พรเพ็ญเดินออกไป ชนะศึกหันมาทางคุณชายสีหน้าไม่สู้ดี “แย่แล้วไอ้ชาย”
“มีอะไรเหรอครับคุณพ่อ?”
คุณชายมองหน้าชนะศึกด้วยความตกใจ
“คุณแม่จะให้ผมหมั้นกับคุณดาหลา” ชนะศึกพยักหน้า “แต่ผมไม่ได้รักคุณดาหลานะครับ”
“พ่อรู้ พ่อถึงแอบมาบอกเรายังไงล่ะ พ่อเคยพูดกับแม่เค้าแล้ว แต่เค้าไม่ฟัง แม่เราเป็นประเภทเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ลองตัดสินใจอะไรแล้ว ก็จะไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆ”
คุณชายถอนใจ ครุ่นคิด
“แต่ครั้งนี้ ผมจะไม่มีวันทำตามที่คุณแม่บอกเด็ดขาดเพราะผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้วครับพ่อ” ชนะศึกชะงัก “และผมจะพาเค้ามาพบคุณแม่”

คุณชายมีสีหน้ามุ่งมั่น

พรเพ็ญเอาประกาศมาติด ด้านหลังถูกรุมล้อมไปด้วยห่าน บื้อ โย่ง แหม่ม เจ๊มะพร้าว แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ และพนักงานคนอื่น ทุกคนหน้าตาอยากรู้มากว่ามันคืออะไร พรเพ็ญถูกเบียดไปเบียดมาก็สุดทนหันมาแว๊ดใส่โทรโข่ง
“สลายการชุมนุมเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นจะโดนตัดเงินเดือน” ทุกคนชะงักรีบถอยออกห่าง พรเพ็ญเอาโทรโข่งขึ้นมาแล้วพูด “ประกาศ ในงานฉลอง 50 ปี จะมีการประกวดการแสดงร้อง เต้น หรือจะทำอะไรก็ได้ เพื่อชิงเงินรางวัล 50000 บาท”
ทุกคนตาโต อ้าปากค้าง พากันส่งเสียง “ห้าหมื่น ห้าหมื่น”
“หยุด”
“ขอโทษนะคะคุณผู้จัดการ จำกัดจำนวนคนที่แสดงรึเปล่าคะ”
“จะมาเดี่ยว มาคู่ หรือหมาหมู่” ทุกคนสะดุ้ง “เอ๊ย มาเป็นหมู่ก็ได้” เจ๊มะพร้าวหันไปมองห่านกับแหม่มแล้วยิ้ม บื้อกับโย่งมองหน้ากัน “ใครที่สนใจจะประกวด ภายในวันพรุ่งนี้ ให้มาลงชื่อกับฉันโดยพร้อมเพรียงกัน”
พรเพ็ญพูดจบก็เดินฉับๆ ออกไป ทุกคนแยกย้ายกันเดินออกไป เหลือโย่งกับบื้อ
“โห ไอ้บื้อ ตั้งห้าหมื่น”
“ไม่เอาอ่ะ บ้าบอ”
บื้อส่ายหัวแล้วก็เดินออกไปอย่างไม่สนใจ

ที่ห้องอาหารพนักงาน ห่านนั่งลงตรงข้ามเจ๊มะพร้าวกับแหม่ม
“ไม่ ฉันไม่เอานะเจ๊” ห่านปฏิเสธ
“ทำไมล่ะ เงินตั้งห้าหมื่นเลยนะ แกจะปล่อยให้มันหลุดลอยไปต่อหน้าเรอะนังห่าน”
“เจ๊อย่าลืมสิว่าวันนั้นฉันต้องเป็นคุณฮันนี่”
“เออจริง”
“โฮ้ย เซ็งเลยอ่ะ เจ๊กับนังแหม่มสองคน จะไปหนุกอะไร”
“ขอโทษนะเจ๊ ไม่ได้จริงๆ อ่ะ” เจ๊มะพร้าวถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ว่าแต่เย็นนี้ เจ๊ว่างรึป่าว ไอ้แหม่มด้วย”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองหน้าห่าน
“ทำไมวะ”

ค่ำวันเดียวกันนั้นที่โรงหนัง แอปเปิ้ลกำลังแต่งหน้าก่อนจะหันไปทางปีโป้ที่ยืนหันหลัง
“ปีโป้ ฉันสวยยัง” ปีโป้หันมา ครั้งที่แล้วปากแดง คราวนี้ปากส้มแปร๋น แอปเปิ้ลสะดุ้งตกใจ “ว้าย”
“แล้วฉันล่ะ สวยยัง”
แอปเปิ้ลอยากจะบ้า แล้วก็เห็นบื้อเดินมา แอปเปิ้ลดี๊ด๊ารีบเซ็ทผม แล้วก็เดินเข้าไปหาบื้อกับปีโป้ แอปเปิ้ลกับปีโป้ควงแขนบื้อคนล่ะข้าง
“บื้อจ๋า”
“บื้อจ๋า”
“ไปซื้อตั๋วกันเถอะ”
บื้อยิ้มแหย รีบเอามือออกจากแอปเปิ้ลและปีโป้ ก่อนจะผละออกห่าง
“มีคนไปซื้อตั๋วให้เราแล้ว”
แอปเปิ้ลกับปีโป้แปลกใจ หันไปมองเห็นห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวเดินเรียงหน้ากระดานเข้ามา ราวกับเดินแบบอยู่บนแคทวอร์ค โดยมีโย่งถือป๊อปคอร์นสองถัง น้ำดื่มสามแก้วรั้งท้าย
แอปเปิ้ล กับปีโป้อ้าปากค้าง ก่อนจะหันไปมองบื้อ
“อะไรกัน นี่บื้อชวนยัยคอห่านมาด้วยเหรอ”
ห่านถลาเข้ามาจับมือบื้อ บื้อชะงัก ห่านเชิดหน้าใส่แอปเปิ้ล
“คนเป็นแฟนกัน มันก็ต้องมาด้วยกัน” ห่านหันไปทางบื้อพร้อมส่งตาหวาน “จริงมั้ยจ๊ะที่รัก”
ห่านซบไหล่บื้อ บื้อเอาแต่ยืนยิ้ม แหม่ม เจ๊มะพร้าวอมยิ้มสะใจ โย่งเอาแต่มองแหม่ม
“จริงมั้ยครับ” โย่งบอกอย่างเผลอๆ แหม่มหันมาต่อว่า
“ทะลึ่งแระ ทะลึ่ง”
โย่งจ๋อย ห่านหยิบตั๋วหนังออกมา
“นี่ของเธอสองคน เอาตังค์มาด้วย” แอปเปิ้ลกับปีโป้เหวอ ห่านยื่นมือไปตรงหน้า “เอามาสิ 240”
“นี่แกจะบ้าเหรอยัยคอห่าน บื้อเค้าชวนฉัน 2 คนมาดูหนังนะยะ”
“ก็เออสิ บื้อเค้าชวนเธอ 2 คนมาดูหนังแล้วยังไง ก็จ่ายค่าตั๋วมาสิยะ ชวนมาดูเฉยๆ ย่ะ ไม่ได้บอกว่าจะเลี้ยงซะหน่อย” ห่านหันมาทำหวานกับบื้อ “จริงมั๊ยจ๊ะที่รัก” บื้ออมยิ้ม ห่านแว้ดใส่แอปเปิ้ลกับปีโป้ “240”
แอปเปิ้ลเคืองสุดๆ แต่จำต้องเอาเงินให้ห่าน ห่านหันไปมองปีโป้ ปีโป้พูดกับแอปเปิ้ล
“ฉันมีแค่ 50 แกออกให้ก่อนนะ”
“นึกว่าไม่มี ‘ดั้ง’ อย่างเดียว ‘ตังค์’ ก็ไม่มีด้วยนะ นังปีโป้”
“โห แรงนะเนี่ย”
แอปเปิ้ลหัวเสีย แต่ก็จำต้องออกให้ปีโป้ ห่านยิ้ม หันไปทางแหม่ม เจ๊มะพร้าว โย่ง
“ใกล้เวลาแล้ว เข้าไปกันเหอะ ไปค่ะที่รัก”
ห่านควงแขนบื้อเดินออกไป บื้อหันไปลอบยิ้มพอใจ โย่งผายมือให้แหม่ม
“เชิญครับพ้ม”
แหม่มจับมือเจ๊มะพร้าวเดินเข้าไป แอปเปิ้ลมองตามด้วยความโมโห
“ไม่ต้องดูมั๊ยเพื่อนแอ๊ปเปิ้ล”
“จ่ายตังค์ไปตั้ง 240 ยังไงก็ต้องดู”
แอปเปิ้ลกับปีโป้เดินเข้าไป

ปีโป้ แอปเปิ้ล ห่าน บื้อ เจ๊มะพร้าว แหม่ม โย่ง นั่งเรียงกันในโรงหนัง ทั้งหมดกำลังดูหนัง แอปเปิ้ลเหล่ห่านตาขวาง ไม่พอใจอย่างแรง ห่านรู้ว่าแอปเปิ้ลแอบมองเลยหันไปยื่นป๊อปคอร์นตรงหน้าบื้อ บื้อหันมามองห่านด้วยความงง
“อะไร”
ห่านไม่ตอบ ยัดป๊อปคอ์นเข้าปากบื้อ บื้อเกือบสำลัก ห่านเหล่ไปทางด้านหลัง บื้อค่อยๆ เหล่มองแอปเปิ้ล เห็น แอปเปิ้ลมองมาก็เข้าใจทันที บื้อกินป๊อปคอร์นจากมือห่าน
“ขอบใจนะจ๊ะที่รัก ขอน้ำด้วยสิจ๊ะ คอแห้งจังเลย”
ห่านเอาน้ำให้บื้อดื่ม บื้อดูดจ๊วบจ๊วบ
“ปากเลอะเลยอ่ะบื้อ”
ห่านเช็ดปากให้บื้อ บื้อมองหน้าห่านแล้วก็ยิ้มอย่างรู้สึกดี แอปเปิ้ลมองแค้น ทันใดนั้นปีโป้ร้องขึ้นมาดังลั่น
“โอ๊ย”
แอปเปิ้ล ห่าน บื้อ แหม่ม เจ๊มะพร้าว โย่ง คนทั้งโรงหันขวับมามองปีโป้เป็นตาเดียว
“แหกปากทำไม ยังไม่ถึงตอนผีออกมาซักหน่อย” แอปเปิ้ลต่อว่าปีโป้เสียงเบา
“แกจิกแขนฉัน”

แอปเปิ้ลก้มมองเห็นเล็บจิกแขนปีโป้ก็ตกใจรีบเอามือออก ปีโป้สีหน้าเจ็บปวด แอปเปิ้ลหันไปมองห่านไม่พอใจ

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 4 (ต่อ)

เสียงเพลงตื่นเต้นจากในหนังทำเอาปีโป้ แอปเปิ้ล ห่าน บื้อ เจ๊มะพร้าว แหม่ม โย่ง จ้องกันตาแทบไม่กระพริบ สีหน้าลุ้นมาก ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องจากในหนังดังขึ้น ทำเอาทุกคนร้องลั่น แอปเปิ้ลกับปีโป้หันมากอดกัน ห่านตกใจสุดขีดหันมาเอาหน้าซบไหล่บื้อ บื้อชะงัก เหล่มองห่านแล้วลอบยิ้ม โย่งหันมากอดแหม่มเอาไว้ แหม่มตีแขนโย่งเพี๊ยะ! โย่งสะดุ้ง เห็นตัวเองกอดแหม่มก็ยิ้มแหยรีบเอามือออก แหม่มหันไป ไม่เห็นเจ๊มะพร้าวก็ตกใจ
“เจ๊หาย”
“เจ๊อยู่นี่”
แหม่มก้มมองเห็นเจ๊มะพร้าวลงไปนั่งคุดคู้บนพื้น
“ลงไปนั่งตรงนั้นทำไม”
“เจ๊กลัวนี่”
แหม่มส่ายหัว หันไปเห็นห่านซบบื้อก็รีบสะกิดเจ๊มะพร้าว เจ๊มะพร้าวยืดตัวขึ้นมานั่ง หันไปเห็นห่านกับบื้อก็ผงะ
บื้อเอามือโอบห่านเอาไว้
“ไม่ต้องกลัว ผีไปแล้ว”
ห่านหันมาแล้วก็โล่งอก ก่อนจะนึกได้ หันไปเห็นมือบื้อโอบตัวเองก็หยิกพุงบื้อ
“อุ๊ย”
ห่านมองไปที่มือบื้อที่อยู่บนไหล่เธอ บื้อรีบเอามือออก แล้วก็หันไปอมยิ้ม แต่เจอเจ๊มะพร้าวมองก็รีบทำหน้านิ่งหันไปดูหนัง
แอปเปิ้ลกับปีโป้ยังกอดกันอยู่
“ผีไปยังปีโป้”
“ไม่รู้ ไม่กล้าดู”
แล้วแอปเปิ้ลกับปีโป้ผละออกมามองหน้ากัน เพราะหน้าปีโป้ใกล้แอปเปิ้ลมาก ทำให้แอปเปิ้ลตกใจสุดขีด
“อ๊ายยย”
คนดูที่นั่งข้างหลังทนไม่ไหว
“ออกไปเลยไป แหกปากกันอยู่ได้สองคนเนี้ย”
คนทั้งโรงโห่ ทำให้แอปเปิ้ลกับปีโป้หน้าเสีย หันไปมองเห็นสีหน้าห่านมองเยาะก็ยิ่งโกรธ

ห่านควงแขนบื้อเดินออกมาพร้อมกับโย่ง แหม่ม เจ๊มะพร้าว แอปเปิ้ล และปีโป้
“หนังเมื่อกี๊น่ากั๊วน่ากลัว นี่ถ้าไม่มีบื้อนั่งข้างๆ ห่านคงไม่มีใครให้กอด”
ห่านบอก บื้อยิ้ม แอปเปิ้ลทนไม่ไหว
“จะเลี่ยนกันไปถึงไหนยะ ฉันจะอ้วกกก ปีโป้ กลับบ้าน”
“อ้าว จะรีบกลับไปไหนล่ะแอ๊ป...เปิ้ล”
แอปเปิ้ลค้อนห่าน แล้วก็สะบัดหน้าพรืดเดินออกไปพร้อมกับปีโป้ ห่านยิ้มสะใจสุดๆ แต่ยังไม่เอามือออกจากแขนบื้อ
“แฮ่ม” บื้อกระแอมห่านหันมา “เอามือออกได้แล้ว”
ห่านผงะ รีบเอามือออก
“ไม่ได้อยากจับซักหน่อย”
ห่านปัดมือแล้วก็เดินมาหาแหม่มกับเจ๊มะพร้าว
“หิวละ ไปกินข้าวต้มกันมั๊ย”
บื้อชวน ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวมองด้วยความสนใจ

ร้านข้าวต้มริมถนน บื้อ ห่าน แหม่ม โย่ง เจ๊มะพร้าว กำลังเอร็ดอร่อยกับข้าวต้มข้างทาง ห่าน แหม่ม พูดคุย ยิ้ม หัวเราะ เจ๊มะพร้าวออกลีลาในการเม้าท์ บื้อแอบมองห่านที่หัวเราะอย่างไม่ห่วงสวย กินข้าวคำโตก็อมยิ้ม สายตาที่มองห่านมีความอ่อนโยนมากขึ้น
ด้านโย่งก็มองแหม่มยิ้มตาค้าง เขินอายคนเดียว บรรยากาศการทานข้าวด้วยกันเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และมีความสุข

เช้าวันรุ่งขึ้นโจ๊กกำลังอาบน้ำสระผม พอเปิดน้ำฝักบัวปรากฎว่าน้ำหมด โจ๊กชะงัก พยายามปิดเปิดสองสามรอบ ไม่มีน้ำออกมา โจ๊กโมโหมาก
“ลุงจ๊อด!”

โจ๊กยืนฟองเต็มหัว นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวยืนอยู่กับลุงจ๊อด
“ลุงยังไม่ได้ไปจ่ายค่าน้ำใช่มั้ย”
“ถูก”
“แล้วทำไมลุงไม่ไปจ่าย”
“ก็ว่าจะไปจ่ายเมื่อวาน แต่...” ลุงจ๊อดหยิบล๊อตเตอรี่ออกมา “เลขเด็ดเว๊ย ข้าเลยทุ่มสุดตัว ถ้าถูก ได้ตั้งหลายหมื่น”
“ลุงเอาเงินค่าน้ำไปซื้อไอ้เศษกระดาษพวกนี้เนี่ยนะ”
“เศษกระดาษที่ไหน นี่มันขุมทรัพย์ทั้งนั้น มันต้องเสี่ยงเว๊ยไอ้โจ๊ก ไม่งั้นมันจะรวยเหรอวะ”
“เล่นหวยยังไงก็ไม่มีวันรวยหรอกลุง”
ลุงจ๊อดเอาล๊อตเตอรี่ตบปากโจ๊ก โจ๊กสะดุ้ง
“ไอ้ปากเสีย ปากไม่เป็นมงคล เอ็งไปอาบน้ำบ้านไอ้บื้อเลยไป งวดนี้อาศัยเพื่อนบ้านไปก่อน”
ลุงจ๊อดเดินออกไป โจ๊กได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

คุณหนูจ๋าหิ้วกระเป๋าใส่กีตาร์ ยืนโทรศัพท์อยู่ที่หน้าบ้านเช่าบื้อ
“พี่บื้อคะ หนูจ๋าอยู่หน้าบ้านแล้วค่ะ...เข้าไปได้เลยนะคะ”
คุณหนูจ๋าวางสาย แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ไม่นานโจ๊กนุ่งผ้าวม้า ฟองยังเต็มหัวเดินมาที่หน้าบ้านเช่าบื้อ
คุณหนูจ๋าเดินเข้ามาในบ้าน มองสำรวจไปรอบๆ เห็นรูปถ่ายบื้อกับโย่ง เอากีตาร์วางบนเก้าอี้ แล้วเดินเข้าไปหยิบรูปขึ้นมาดู พลางอมยิ้ม
โจ๊กกำลังจะก้าวเข้ามาในบ้าน แต่ฟองแชมพูบนหัวไหลมาเข้าตา โจ๊กแสบตา คุณหนูจ๋ายังดูรูป ด้านหลังเห็นโจ๊กเดินหยีตาเข้ามา เพราะมองไม่เห็นทางเลยเตะโครมเข้าที่เก้าอี้
“โอ๊ย”
คุณหนูจ๋าได้ยิน หันไปเห็นโจ๊ก ในสภาพเปลือยท่อนบนก็ตกใจมาก ทำกรอบรูปหล่นลงพื้น
“อ๊ายยย”
โจ๊กได้ยินเสียง ตกใจ พยายามลืมตาเห็นคุณหนูจ๋ายืนยกมือปิดตาก็ตกใจมาก
“คุณหนูจ๋า ผมไม่รู้ว่าคุณหนูจ๋าอยู่ในนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ระหว่างนั้นลุงจ๊อดพรวดเข้ามาเห็นก็ตกใจ หันไปตบหัวโจ๊ก “ลุงตบผมทำไม”
“ไอ้หลานเวร ไอ้หลานไม่รักดี เอ็งทำอะไรคุณหนูจ๋า”
“ผมเปล่า ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ไอ้โกหก”
ลุงจ๊อดตีโจ๊ก คุณหนูจ๋าไม่กล้ามองโจ๊กเต็มๆ ตาเพราะอาย
“ลุงจ๊อดคะ โจ๊กไม่ได้ทำอะไรหนูจ๋าค่ะ” ลุงจ๊อดค้างท่าไหนท่านั้น “หนูจ๋าตกใจเฉยๆ น่ะค่ะ”
“เห็นมั๊ยลุง บอกแล้วว่าไม่ได้ทำอะไร”
บื้อเดินออกมาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็งงสุดๆ
“เกิดอะไรขึ้น”

โจ๊ก คุณหนูจ๋า ลุงจ๊อดหันไปมองบื้อ

โจ๊กแต่งตัวเสร็จแล้วออกมานั่งเอียงอายข้างลุงจ๊อด มีคุณหนูจ๋ากับบื้อนั่งอยู่ด้วย โจ๊กไม่ค่อยกล้าสบตาคุณหนูจ๋า คุณหนูจ๋าก็เช่นกัน ลุงจ๊อดตบหัวโจ๊ก
“ขอโทษคุณหนูจ๋าซะ”
“ผมขอโทษครับคุณหนูจ๋า”
“ไม่เป็นไร ก็โจ๊กไม่ได้ตั้งใจ”
“ตกลงเคลียร์กันแล้วนะครับ”
คุณหนูจ๋าพยักหน้า โจ๊กโล่งอก ยิ้มสบายใจ
“หมดเรื่องแล้ว ข้าออกไปทำมาหากินก่อนล่ะเว๊ย”
ลุงจ๊อดเดินออกไป บื้อหันไปทางคุณหนูจ๋า
“เริ่มเลยนะครับ”
“ค่ะ”
บื้อเหล่มองโจ๊ก ยิ้มอย่างรู้ใจ
“โจ๊ก อยู่ช่วยสอนคุณหนูจ๋าด้วยกันนะ” โจ๊กยิ้มแฉ่ง
“ได้เลยเฮีย”
โจ๊กหันไปมองคุณหนูจ๋าสีหน้าดีใจสุดๆ จนคุณหนูจ๋าแปลกใจว่ามันเป็นอะไร

บื้อจับคอร์ทซีให้คุณหนูจ๋าทำตาม คุณหนูจ๋ามองมือบื้อ มีโจ๊กมองคุณหนูจ๋าไม่วางตาอยู่ข้างๆ
“นิ้วชี้กดลงบนสาย 2 เฟร็ตที่ 1”
“เฟร็ตคือไรคะ”
โจ๊กรีบช่วยอธิบาย
“ช่องนี้ครับเรียกว่าเฟร็ต”
คุณหนูจ๋ายิ้มและพยักหน้า ก่อนจะกดนิ้วชี้บนสายสอง
“ต่อนะครับ นิ้วกลางกดลงบนสาย 4 เฟร็ตที่ 2 และนิ้วนางกดลงบนสาย 5 เฟร็ตที่ 3 นี่เรียกว่าคอร์ทซี เป็นคอร์ทแรกที่ทุกคนต้องรู้จัก ลองเล่นดูครับ แบบนี้...”
บื้อตีคอร์ทให้คุณหนูจ๋าทำตาม คุณหนูจ๋าเล่นตามบื้อ แต่เสียงบอด
“ทำไมเสียงเป็นแบบนี้คะ”
“คุณหนูจ๋าต้องใช้ปลายนิ้วจิกลงไป” คุณหนูจ๋าทำไม่เป็น “ขอโทษนะครับ”
บื้อวางกีตาร์ แล้วเข้าไปจับนิ้วคุณหนูจ๋า คุณหนูจ๋าหวั่นไหวที่บื้ออยู่ใกล้มาก ก็เลยยิ้มน้อยๆ ออกมา พร้อมกับมองบื้อตาเป็นประกาย โจ๊กมองคุณหนูจ๋าที่มองบื้อก็รู้สึกแปลกๆ

ที่ห้างBKK Plaza ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวเดินมาด้วยกันตามทาง
“ฉันอิ่มจังเลยอ่ะเจ๊”
“ฉันก็เหมือนกันท้องจะแตกแล้วเนี่ย”
“ไม่อิ่มก็บ้าแล้ว พวกแกเล่นซัดทั้งข้าวทั้งก๋วยเตี๋ยวแถมปิดท้ายด้วยขนมอีก แหม...ยังกะปอบ”
ห่านกับแหม่มยิ้ม พลันได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายดังขึ้น สามคนหยุดมองหน้ากัน
“เสียงไรอ่ะ”
“เสียงคุ้นๆ”
ว่าแล้วเจ๊มะพร้าวก็เดินนำห่านกับแหม่มไปตามที่มาของเสียงจนเจอแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้กำลังซ้อมเต้นกันอยู่โดยมีจีจี้เต้นโชว์
“ต้องท่านี้เลยค่ะ รับรองเลิศ ชนะที่หนึ่งได้ห้าหมื่นชัวร์ แอร๊ยย”
จีจี้ออกมาเต้นท่าเกาหลีๆ แล้วก็ชะงักเพราะเห็นเจ๊มะพร้าว แหม่ม ห่านยืนอยู่ จีจี้ถอยมาตั้งหลักรวมกลุ่มกับแอปเปิ้ลและปีโป้
“นึกว่าเสียงอะไร ที่แท้ก็เสียงช้างป่าคลอดลูก” เจ๊มะพร้าวมองหน้าจีจี้
“คำก็ช้าง สองคำก็ช้าง ยังกะผอมมากนะเจ๊น่ะ”
“ไอ้จิรศักดิ์”
“อ๊ายยย”
แอปเปิ้ลก้าวออกมาหน้าเอาเรื่อง
“นี่...ถ้าไม่มีธุระอะไร ก็รีบไปซะ เพราะพวกเรากำลังซ้อมการแสดงที่ดีที่สุดอยู่”
ปีโป้เดินมาตรงหน้าเจ๊มะพร้าว
“ใช่”
“ถุย” ใส่หน้าปีโป้ ปีโป้สะดุ้ง
“แอร๊ยยย! ถุยน้ำลายใส่หน้าฉันทำไม”
“อ้าวนี่หน้าเหรอ นึกว่าโถส้วม” ปีโป้ด่าไม่ออก เจ๊มิพร้าวมองหน้าเรียงตัว “แก แกและนังช้างป่าอย่าเพิ่งมั่นใจนัก เจอฉันกับนังแหม่มซะก่อน แล้วจะหนาววว”
แอปเปิ้ลเดินมาประจันหน้าเจ๊มะพร้าว
“เจ๊ต่างหากที่อย่าเพิ่งมั่นใจ เจ๊กับนังหัวฟูเนี่ยนะจะมาสู้อะไรพวกฉันได้ เงินห้าหมื่นต้องเป็นของพวกฉัน”
“ฉันว่าพวกเราเต้นโชว์เป็นแซมเปิลให้เจ๊เค้าดูหน่อยดีมะ” จีจี้บอก
“โอเค...สาม สอง หนึ่ง”
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้เต้นพร้อมกันประมาณสามสี่ท่า ทำเอาเจ๊มะพร้าว ห่าน แหม่ม อึ้งแดก ปากค้างในความพร้อมเพรียง แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้หันมาทางห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่ม แอปเปิ้ลกอดอก ยิ้มเยาะ
“ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ”
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ หัวเราะสะใจพร้อมกัน เจ๊มะพร้าวกับแหม่มพูดอะไรไม่ออก แต่ห่านกำมือแน่นด้วยความโมโห ก่อนจะก้าวมาตรงหน้าแอปเปิ้ล ปีโป้และจีจี้
“หัวเราะทีหลังดังกว่า เคยได้ยินป่ะ” แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้หยุดหัวเราะพร้อมกันทันที เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองห่านงงๆ “ทีมของฉัน ต้องชนะทีมของพวกเธอแน่”
แอปเปิ้ลเข้ามาประจันหน้าห่าน
“ท้าทายฉันเหรอ”
“ใช่...ฉันขอท้าเธอ ถ้าฉันชนะ เธอสามคนต้องเป็นทาสรับใช้พวกฉันหนึ่งวัน”
“แล้วถ้าเธอแพ้ เธอ เจ๊มะพร้าว กับนังฝรั่งหัวฟู ก็ต้องเป็นทาสรับใช้ฉันหนึ่งวันเหมือนกัน”
“ตกลง”

ห่านกับแอปเปิ้ลปรี่เอาอกชนกันมองหน้าท้าทายอย่างไม่มีใครยอมใคร

เจ๊มะพร้าวส่องกระจกปัดบรัชออนที่แก้มอย่างแรง ทาไม่หยุด เพราะเครียด
“แกไปท้าทายบ้าๆ บอๆ กับนังแอ๊ปทำไม เห็นๆ อยู่ว่าเจ๊กับนังแหม่มสู้พวกมันไม่ได้ โอ๊ย เครียด”
เจ๊มะพร้าวหันมาทางห่านกับแหม่มสีหน้ากังวลมาก และยังคงปัดๆๆ แก้มไม่หยุด
“ใครจะปล่อยให้เจ๊กับแหม่มไปสู้กับนังพวกนั้นสองคนล่ะ”
“แกหมายความว่าไง”
“ฉันจะร่วมแสดงด้วยน่ะสิ”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มผงะ เจ๊มะพร้าวหยุดปัดบรัชออน เห็นว่าแก้มแดงเว่อร์เป็นตูดลิง สองคนดีใจ
“จริงดิห่าน”
“เออ...เรื่องไรจะทิ้งให้เจ๊กับแหม่มไปสู้กับนังมารร้ายพวกนั้นตามลำพัง”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มเข้ามากอดห่านพร้อมกัน
“นังน้องเลิฟ ฉันรักแกจริงจริ๊ง”
“ฉันก็รักแก”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหอมแก้มห่านคนล่ะข้าง ห่านขนลุก
“พอแล้ว ขนแขนสแตนอัพไปหมดแล้วเนี่ย”
“เฮ้ย! แต่เดี๋ยวก่อน” เจ๊มะพร้าวนึกขึ้นมาได้ “วันนั้นแกต้องแปลงโฉมเป็นคุณฮันนี่ไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องนี้ห่านคิดทางแก้เอาไว้แล้ว เจ๊ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าเราจะแสดงอะไรที่แซบเว่อร์ ไม่เหมือนใคร ที่สำคัญต้องชนะนังแอ๊บแบ๊วกะนังปลากะโห้นั่นได้”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองหน้ากัน สามสาวคิดหนัก

บื้อกับโจ๊กออกมาส่งคุณหนูจ๋าที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณพี่บื้อมากนะคะ” บื้อยิ้มและพยักหน้า “แล้วค่าเรียนเท่าไหร่คะ”
“ไม่ต้องหรอก”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร” คุณหนูจ๋าจะอ้าปากพูด บื้อจึงพูดต่อ “ถ้าให้ค่าเรียนพี่ พี่ไม่สอนนะ”
คุณหนูจ๋ายิ้มปลื้มบื้อมากขึ้นไปอีก
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ พี่บื้อใจดีจังเลย” บื้อหันไปทางโจ๊ก
“โจ๊ก ช่วยไปส่งคุณหนูจ๋าที่บ้านที”
โจ๊กผงะ เห็นบื้อส่งซิกขยิบตาให้หนึ่งข้าง โจ๊กยิ้มรับ
“ได้ครับเฮีย”
“จะเรียนอีกทีวันไหน บอกโจ๊กมานะ”
“ค่ะ”
บื้อเข้าไปในบ้าน คุณหนูจ๋ายังมองตามบื้อ แล้วก็ยิ้มออกมา โจ๊กเห็นแววตาของคุณหนูจ๋าที่มองบื้อแล้วก็ชักหวั่นๆ

โจ๊กกับคุณหนูจ๋าเดินมาด้วยกัน โจ๊กถือถุงใส่กีตาร์ให้คุณหนูจ๋า แอบลอบมองเห็นคุณหนูจ๋าหน้าตาเปื้อนยิ้มตลอดเวลาก็แปลกใจ
“คุณหนูจ๋ายิ้มไรครับ”
คุณหนูจ๋าผงะหันมา
“หนูจ๋ายิ้มเหรอ”
“ครับ ยิ้มตั้งแต่ออกมาจากบ้านเฮียบื้อแล้ว”
“อืมม์...โจ๊ก โจ๊กรู้จักพี่บื้อมานานยัง”
“เพิ่งรู้จักที่นี่แหละครับ ไม่กี่เดือนเอง”
“พี่บื้อเค้าน่ารักดีเนอะ” สีหน้าคุณหนูจ๋าปลื้มสุดๆ โจ๊กชักใจแป้ว “ไม่ยอมเอาตังค์ค่าสอนกีตาร์ด้วยอ่ะ น่ารักสุดๆ เลย โจ๊กว่ามั๊ย”
“ครับ”
คุณหนูจ๋ายังยิ้มไม่หุบ โจ๊กได้แต่ถอนหายใจ หน้าเศร้า

ที่ตู้เอทีเอ็มใกล้บ้านเช่า โย่งกำลังกดเงินพลางคุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย
“ฉันอยู่ตลาด กำลังกดตังค์ จะเอาไปจ่ายค่าเช่าบ้าน แกจะฝากซื้อข้าว เอาไรอ่ะ”
โย่งกดตัวเลข 5000 ด้านหลังโย่งมีชายท่าทางลับๆ ล่อๆ คนหนึ่ง กำลังแอบมองโย่งสีหน้าเจ้าเล่ห์ ไม่นานโย่งกดเสร็จ ถือเงินไว้ในมือ ยังไม่ได้เก็บใส่กระเป๋ากางเกง ชายคนนั้นมองเงินในมือโย่ง
โย่งเดินออกมาจากตู้เอทีเอ็ม ยังคุยโทรศัพท์เลยไม่ได้สังเกตว่าชายคนนั้นกำลังเข้ามาใกล้
“ข้าวมันไก่พิเศษ” ทันใดนั้นชายคนนั้น พุ่งเข้ามากระชากเงินไปจากมือโย่ง โย่งตกใจมาก หันไปมองตามชายคนนั้นที่วิ่งไปแล้ว “เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะบื้อ” โย่งกดวางสาย แล้ววิ่งไล่ตามชายคนนั้นไปทันที “ไอ้หัวขโมย อย่าหนี นะเว๊ย”

คืนนั้นเมื่อโย่งกลับถึงบ้านเช่า บื้อมองโย่งสีหน้าตกใจมาก โย่งหอบเหนื่อย สภาพโทรมสุดๆ
“โดนขโมยฉกเงินค่าเช่าบ้าน”
โย่งพยักหน้า หน้าเศร้ามาก ซึ่งลุงจ๊อดกับโจ๊กอยู่ด้วย
“เวรแล้วไอ้บื้อ”
“ฉันวิ่งไล่ตามมัน แต่ตามไม่ทัน”
“ไอ้โย่ง แกเป็นยามภาษาอะไรวะ”
“ยามนะเว๊ย ไม่ใช่นักวิ่งโอลิมปิก”
“แล้วงี้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเช่าบ้าน”
บื้อนึกขึ้นได้ หันไปทางลุงจ๊อดกับโจ๊ก
“ลุง...โทษทีนะ เงินที่ยืมผมไป พอจะมีคืนผมมั่งมั้ย”
“มี”
บื้อกับโย่งยิ้มดีใจ ลุงจ๊อดล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบเงินออกมาส่งให้บื้อ บื้อรับมาแล้วก็ผงะ
“หกสิบบาท”
“ข้ามีอยู่แค่เนี้ย”
โจ๊กหยิบเงินออกมาจากในกระเป๋ากางเกง
“ฉันช่วยพี่” โจ๊กส่งเงินให้บื้อ บื้อรับเงินมา
“สี่สิบบาท รวมกันร้อยนึง แกมีเท่าไหร่วะ” บื้อหันไปถามโย่ง โย่งหยิบแบงค์ร้อยออกมาส่งให้บื้อ
“ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลืออยู่ร้อยเดียว”
บื้อล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบออกมาบ้าง
“สองร้อย รวมเป็นสี่ร้อยบาท โธ่เว๊ย”

โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กสะดุ้ง บื้อเดินไปคว้ากีตาร์ขึ้นมา โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กมองบื้อว่าจะทำอะไร

 
ที่บ้านเช่าห่าน ขณะนั้นห่านกำลังรีดเสื้อเชิ้ตให้บื้อ แหม่มเดินออกมาเห็น
 
“รีดเสื้อให้บื้อเหรอ”
“อือ” แหม่มอมยิ้ม
“นี่ถ้าไม่รู้ว่าแกกับบื้อมีข้อตกลงกัน ฉันคงจะนึกว่าแกเป็นเมียเค้า”
“บ้าสิ ฉันไม่มีทางเอาคนอย่างนั้นเป็นผัวหรอก”
“เออๆ แล้วจะคอยดู ว่าแต่แกคิดออกยังว่าเราจะแสดงอะไรให้ชนะนังตัวแสบ 2 คนนั่น”
“ยังคิดไม่ออก”
“เหลือเวลาไม่กี่วันแล้วนะ”
ห่านถอนใจ พลันเสียงกีตาร์ของบื้อดังขึ้น ห่านได้ยินก็นึกอะไรออกทันที
“ฉันนึกออกแล้ว”
แหม่มมองห่านด้วยความสงสัย

บื้อกำลังเล่นกีตาร์อย่างบ้าคลั่ง โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กปวดประสาทหู
“อะไรมันจะแสบหูขนาดนี้วะ”
“เวลามันโกรธ แล้วไม่มีที่ระบาย มันจะคลั่งแบบนี้แหละลุง”
บื้อเล่นๆๆ ระหว่างนั้นห่านกับแหม่มเดินเข้ามา พอได้ยินเสียงกีตาร์บื้อใกล้ๆ ก็แสบหูไปเหมือนกัน
“บื้อ” โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กหันไปมองห่านกับแหม่ม แต่บื้อไม่ได้ยิน ห่านเดินเข้ามา “บื้อ”
บื้อยังไม่ได้ยิน กำลังรี๊ดกีตาร์อย่างเมามันส์ ห่านสุดทน หันไปคว้าหมอนบนโซฟาปาใส่หัวบื้อเต็มๆ บื้อหยุดกึก
“โอ๊ย! ใครวะ” บื้อหันมาจึงเห็นห่านยืนท้าวเอว
“ฉันเอง”
บื้อมองห่านไม่เข้าใจ

ห่านยืนกอดอกตรงหน้า บื้อ โย่ง แหม่ม ลุงจ๊อด โจ๊กที่นั่งอยู่
“ประกวดการแสดง”
“ไอ้ที่ถ้าชนะได้เงินห้าหมื่นใช่ป่ะ”
ห่านกับแหม่มพยักหน้า บื้อนิ่งคิด ลุงจ๊อดกับโจ๊กตาโต
“ข้าประกวดด้วยได้ป่ะ อยากได้ห้าหมื่นอ่ะ”
ลุงจ๊อดถาม ทุกคนยกเว้นโจ๊กตอบออกมาพร้อมากัน
“ไม่ได้”
“แหม สามัคคีกันขึ้นมาเชียวอ่ะ”
ห่านนั่งลงข้างบื้อ
“ฉันเห็นว่านายมีความสามารถ” ห่านมองกีตาร์ที่บื้อถืออยู่ “ก็เลยอยากให้นายช่วย ฉันมั่นใจว่าเราต้องคว้าชัยชนะมาได้แน่”
“ถ้าได้เงินรางวัลมา..เราก็แบ่งกันใช่มั๊ย”
“ถูก สี่คน ฉัน แหม่ม เจ๊มะพร้าว แล้วก็นาย”
“รวมฉันเข้าไปด้วยคนสิ ฉันอยากแสดงด้วย” โย่งบอก
“ก็ได้ ถ้างั้นก็ห้าคน คนล่ะหมื่น”
บื้อกับโย่งหันขวับมามองหน้ากัน ลุงจ๊อดกับโจ๊กเองก็ตาโต
“ค่าเช่าบ้าน” โย่งกระซิบกับบื้อ บื้อหันไปทางห่าน แล้วยื่นมือออกไป
“ตกลง”
ห่านกับแหม่มดีใจ แล้วห่านก็หันมาจับมือบื้อ สองคนยิ้มให้กัน

หลายวันต่อมา บื้อเล่นกีตาร์ท่าเท่ห์ๆ ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวมองทึ่ง โย่งเดินออกมาเต้นท่าหุ่นยนต์ ทำเอาห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มหัวเราะ
เจ๊มะพร้าวกำลังคิดท่าให้ ห่าน แหม่ม และโย่ง แต่โย่งเต้นไม่ได้เลย พอหมุนตัวก็ชนแหม่ม หมุนอีกก็ชนอีก หมุนอีกก็ชนอีก จนแหม่มสุดทนไล่ตีโย่ง โย่งวิ่งหนี
วันถัดมา ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่ม จำท่าได้แล้ว กำลังเต้นพร้อมกัน บื้อที่กำลังนั่งปรับสายกีตาร์ ลอบมองห่านที่กำลังเต้น สะบัดผม ส่ายสะโพก แล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ โย่งเองก็นั่งเท้าคางมองแหม่ม ยิ้มจนน้ำลายแทบหยด
วันถัดมา บื้อกำลังเล่นกีตาร์ โย่งออกมาเต้นท่าหุ่นยนต์ ไม่นานห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มออกมาเต้นข้างหลังบื้อกับโย่ง ระหว่างนั้นโจ๊กถือถาดวางถ้วยมาม่าคัพออกมา พร้อมกับลุงจ๊อดที่หิ้วถังน้ำออกมา
ทุกคนมานั่งกินมาม่าคัพด้วยกัน บรรยากาศสนุกสนาน เต็มไปด้วยความอบอุ่น

ห่านเอาตะกร้าใส่เสื้อผ้าวางบนโต๊ะก่อนจะหันไปทางบื้อ
“พรุ่งนี้ไปเจอที่งานเลยนะตอนหกโมงเย็น”
“อือ”
“แต่งตัวหล่อๆ ล่ะ บอกเพื่อนนายด้วย”
“ไม่ต้องแต่ง ก็หล่ออยู่แล้ว”
“แหวะ”
บื้อยิ้มๆ ระหว่างนั้นเสียงมือถือห่านดังขึ้น ห่านหยิบออกมา เห็นชื่อคนโทรเข้ามาก็ดีใจมาก
“คุณชาย” ห่านหันไปทางบื้อ “ฉันไปนะ”
บื้อพยักหน้า ห่านเดินออกไป บื้อมองตามห่านรู้สึกใจแป้วๆแปลกๆ

คุณชายยืนคุยโทรศัพท์กับห่านสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“คุณฮันนี่ไม่ลืมใช่มั๊ยครับว่าพรุ่งนี้เรามีนัดกัน”
“ค่ะ ฮันนี่ไม่ลืม”
“ให้ผมไปรับคุณฮันนี่ที่คอนโดนะครับ” ห่านชะงัก
“เออ พรุ่งนี้ฮันนี่จะไม่ได้อยู่คอนโดตอนช่วงเวลานั้นค่ะ ฮันนี่ต้องไปทำธุระกับคุณหญิงแม่ตั้งแต่เช้า เสร็จแล้วก็ว่าจะเลยไปงานเลี้ยงของคุณชายเลยค่ะ”
คุณชายพยักหน้าเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราเจอกันนะครับ” ห่านยิ้ม
“ค่ะ กู๊ดไนท์นะคะคุณชาย”
“กู๊ดไนท์ครับ ฝันดีนะครับคุณฮันนี่”
ห่านยิ้มปลาบปลื้ม กดวางสาย แล้วก็ร้องออกมาเบาๆ อย่างมีความสุข

นีรนุชนั่งทำงานที่หน้าโน้ตบุ๊ค พลางดื่มชาร้อนไปด้วย พลันเสียง SKYPE ดังขึ้น นีรนุชมอง เห็นว่าเป็นคุณชายก็ยิ้ม แล้วก็กดเปิดหน้าจอ พร้อมกับใส่หูฟังที่มีไมค์ยื่นออกมา ไม่นานภาพคุณชายปรากฎขึ้นที่หน้าจอ
“Salut” (ซาลู คำทักทายแบบเป็นกันเองภาษาฝรั่งเศส)
“โทรมาเวลานี้ มีไรให้ช่วยอ่ะดิ”
“รู้ใจอีกแล้วเพื่อนเลิฟ แกช่วยเลือกชุดไปงานให้ฉันหน่อยดิ ฉันเลือกไม่ถูก” คุณชายหันไปหยิบชุดสองชุดขึ้นมาโชว์ที่หน้าจอ “ชุดไหนฉันใส่แล้วหล่อกว่ากัน”
“ทาบกับตัวทีล่ะชุดสิ” คุณชายทำตามอย่างว่าง่าย นีรนุชมองๆ “อีกชุดหนึ่ง”
คุณชายวางชุดที่ถืออยู่ แล้วเอาอีกชุดมาทาบกับตัว ก่อนจะแอคท่าเท่ห์
“ตกลงชุดไหน”
“ชุดแรกดีกว่า ดูสบายๆ กว่ากันเยอะ”
คุณชายเอาชุดแรกขึ้นมาทาบกับตัวอีกครั้ง
“แกไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ ถ้าฉันขาดแกไปซักคน จะทำไงวะเนี่ย”

นีรนุชกับคุณชายยิ้มให้กัน

จบตอนที่ 4

อ่านต่อตอนที่ 5 เวลา 17.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น