xs
xsm
sm
md
lg

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 2

ที่ห้องทำงานคุณชาย ขณะนั้นคุณชายนั่งมองมือถือห่านสีหน้าครุ่นคิด

“คุณฮันนี่จะโทรมารึเปล่านะ”
อีกด้านหนึ่ง บื้อมองหนังสือพิมพ์ตาค้าง จนโย่งสงสัย
“มีข่าวอะไรน่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
บื้อไม่ตอบ สายตาบื้อมองภาพข่าวคุณชายกับห่านที่เห็นแต่ด้านหลัง บื้อมองชุดมองรองเท้าห่านแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนตอนที่เจอห่านในงานเลี้ยง และรองเท้าที่เขาเอามาคืนให้ห่านเมื่อเช้า บื้อปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ได้ทันที บื้อยิ้มมุมปากร้ายกาจ
“เสร็จฉันแน่ ยัยคอห่าน”

มุมลับตาคน ห่านกำลังรอสาย มีแหม่มกับเจ๊มะพร้าวยืนประกบสองข้างเอาหูมาแนบข้างๆ มือถือ ห่านตื่นเต้นมากๆ
“ติดแล้ว แต่ไม่มีคนรับสาย”
“เพิ่งติดได้ไม่นานเองแก อย่าใจร้อน”
“มันตื่นเต้นนี่เจ๊”
ทันใดนั้นคุณชายรับสาย
“ฮัลโหล”
ห่านตกใจมาก รีบยื่นมือถือออกไปพร้อมเอามือปิดตรงที่คุย หน้าตาลนลานสุดๆ
“รับแล้วรับแล้ว”
“รับแล้วก็คุยสิ มันเปลืองค่าโทรศัพท์ฉัน”
แหม่มบอกเสียงเบา คุณชายแปลกใจเพราะได้ยินเสียงแคร่กแคร่ก
“ฮัลโหล...ฮัลโหล...”
ห่านสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมาอย่างแรงก่อนจะเอามือถือมาพูดดัดเสียงสวย
“ไม่ทราบใครเก็บมือถือห่าน...” ห่านนึกได้ว่าไม่ได้ใช้ชื่อนี้ “หาน....ฮ่านนี่ได้คะ”
คุณชายดีใจมาก
“คุณฮันนี่ ผมคุณชายครับ”
ห่าน แหม่ม และเจ๊มะพร้าวดูตื่นเต้นมาก
“อ๋อ คุณนั่นเอง คุณเก็บมือถือฮันนี่ได้เหรอคะ”
“คุณฮันนี่ทำหล่นไว้ที่งานเลี้ยงเมื่อคืน เราออกมาเจอกันมั๊ยครับ ผมจะได้เอามือถือคืนให้”
ห่านจะตอบตกลง แต่เจ๊มะพร้าวจับมือห่าน แล้วเอานิ้วชี้ที่ขมับตัวเอง ห่านเก็ท
“อืมม์ ขอห่านเช็คตารางงานกับเลขาซักครู่นะคะ” เจ๊มะพร้าวกับแหม่มยกนิ้วโป้งให้ว่า...เลิศ ห่านเอามือปิดมือถือแล้วหันไปทางเจ๊มะพร้าวกับแหม่ม “เอาไงดี”
“นัดเย็นนี้เลย”
“เย็นนี้ แต่ฉันยังไม่เลิกงาน”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา ผู้ชายสำคัญกว่า เชื่อเจ๊กับแหม่ม”
ห่านพยักหน้าหนักแน่น แล้วคุยโทรศัพท์ต่อ
“เย็นนี้ฮันนี่พอมีเวลาว่างค่ะ”
คุณชายดีใจสุดๆ ทำท่าเยส
“ถ้างั้นห้าโมงเย็น เจอกันที่ร้านกาแฟโรงแรม...นะครับ”
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าว หน้าตาเบิกบาน
“ตกลงค่ะ แล้วเจอกัน”
ห่านวางสายหันไปกรี๊ดใส่เจ๊มะพร้าวกับแหม่ม
“ได้ดีแล้วอย่าลืมเพื่อนนะห่าน”
“นี่มันเพิ่งเริ่มต้น อย่าเพิ่งฝันสูง เอาล่ะ หยุดดีใจกันได้แล้ว รีบไปเตรียมตัวเพราะงานนี้แกต้องไปคนเดียว” ห่านหุบยิ้ม
“อ้าว แล้วเจ๊กับแหม่มล่ะ”
“ขืนลากันสามคนบ่อยๆ มีหวังคุณผู้จัดการเอาตายสิ” ห่านกลุ้ม “ไม่มีไรน่ากลัวหรอกเชื่อเจ๊ แล้วก็แผนเดิม เดี๋ยวแกเปลี่ยนกระเป๋ากับแหม่ม”
ห่านพยักหน้า แต่หน้าตาดูไม่ค่อยมั่นใจ
“แกทำได้” แหม่มชูกำปั้นขึ้นมา “เชื่อมั่น”
ห่านพยักหน้าหนักแน่น
“อย่ามัวโอ้เอ้ เดี๋ยวไปไม่ทันนัด”
“GoGoGo”
ทั้งหมดเดินออกไปด้วยกัน บื้อแอบอยู่ได้ยินทุกอย่างก็ยิ้มมุมปาก

บื้อเดินมาหาโย่ง โย่งเห็นก็แปลกใจ
“จะไปไหน”
“ธุระ”
“ธุระอะไร”
“ธุ-ระ” บื้อเน้นเสียง
“เดี๋ยวนี้มีความลับกับฉันเหรอ”
บื้อพยักหน้า แล้วก็รีบจ้ำเดินออกไป โย่งหัวเสีย
“บื้อ”

ที่บ้านดาหลา เสียงร้องของดาหลาดังออกมานอกบ้านจนสะเทือนไปหมด ดารัณถึงกับสำลักน้ำชาที่กำลังดื่ม หันขวับไปมองดาหลาที่จ้ำเดินออกมาพร้อมกับถือไอแพดในมือนั่งลงตรงข้างดารัณ
“ริดซี่ดวงแตกเหรอจ๊ะลูก”
ดารัณถามอย่างตกใจ ดาหลาไม่ตอบ แต่ยื่นไอแพดไปตรงหน้า
“คุณแม่ดูนี่สิคะ”
“ครีมดูมดูม อัพจากคับเอเป็นคับซี”
“ดาหลาไม่ได้ให้คุณแม่ดูโฆษณา ดูข่าวนี่สิคะ” บนหน้าจอไอแพด เห็นภาพที่คุณชายเต้นรำกับห่าน โดยเห็นแต่ด้านหลังของห่าน “รูปคุณคุณชายของดาหลาเต้นรำกับใครก็ไม่รู้ ชุดมันผ่าเว้าหลังจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนน่าเกลี๊ยด น่าเกลียด ดาหลาอยากจะเห็นหน้านังนี่ จะได้ตามไปตบมันถูก”
ดารัณตกใจกับกิริยาแม่ค้าของลูกสาว
“นี่ดาหลา ลูกเป็นนางงามนะจ๊ะ ต้องรักเด็ก จิตใจดี มีมารยาท และต้องดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ขืนไปมีข่าวตบกับใคร รับรองโดนริบมงกุฎไปแน่”
ดาหลาลุกขึ้นกอดอกหน้าเชิด
“ไม่เห็นจะสนใจเลย อยากริบก็ริบไป ดาหลาไม่เห็นอยากได้ เพชรก็เก๊ ทำไมไม่ทำมงกุฎไข่มุกแบบนางงามจักรวาลก็ไม่รู้ เวลาช็อตจะได้แงะเอาไข่มุกไปขายได้บ้าง” ดารัณเหวอกับความแรงของลูกสาว “แต่พูดไปก็เท่านั้น
เพราะถ้าดาหลาได้เป็นลูกสะใภ้ของเจ้าของห้างเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็ราบรื่น”

ดารัณลุกมายืนข้างๆ
“ลูกพูดถูกต้องเลยจ๊ะ”
“แต่ท่าทางคุณคุณชายจะไม่สนใจดาหลาซักนิด คุณแม่ก็เห็นจากงานเมื่อคืน”
“เรื่องนี้ไม่ยาก ในเมื่อคุณคุณชายไม่ได้เป็นฝ่ายเดินมาหาลูก ลูกก็ต้องเป็นฝ่ายรุก แต่รุกในที่นี้ต้องรุกแบบมีมารยาท ไม่ใช่เดินเข้าไปโท่งๆ ว่าอยากได้เค้าเสียเหลือเกิ๊น”
“ยังไงอ่ะแม่”
“เดี๋ยวลูกขึ้นไปแต่งตัวให้สวยที่สุด แล้วก็ไปหาคุณคุณชาย หาซื้ออะไรไปแสดงความยินดีกับเค้าเรื่องที่ได้มารับตำแหน่ง แค่นี้ก็พอ ค่อยๆ คืบคลานเข้าไป อย่าให้ไก่ตื่น ใช้ความดีและความสวยที่มี” ดารัณจับหน้าดาหลา “ให้เป็นประโยชน์ แม่เชื่อว่าลูกทำได้สบายมาก”
ดาหลายิ้มอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม

ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มเดินมาตรงหน้าโย่ง แหม่มสะพายกระเป๋าของห่าน ห่านกับเจ๊มะพร้าวไม่ได้สะพายกระเป๋า
“สวัสดีครับสาวๆ เอ ทำไมวันนี้มีคนกลับบ้านแต่หัววัน จะไปไหนกันครับพ้ม”
“ไม่ได้ไปไหนหรอกจ๊ะโย่ง” แหม่มบอกเสียงหวาน โย่งถึงกับยิ้มตาเยิ้ม “ฉันกับเจ๊จะมาส่งห่านขึ้นรถ ห่านมันไม่ค่อยสบาย ก็เลยว่าจะไปหาหมอ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
“แล้วต้องตรวจกระเป๋ามั๊ยเอ่ย”
แหม่มจับกระเป๋าของห่านที่สะพายแน่นแอบลุ้น โย่งนึกย้อนกลับไปตอนเห็นถุงใส่กางเกงในของแหม่ม ก็หน้าแดงขึ้นมาอีก
“ไม่ต้องครับ ออกไปส่งกันแค่นี้เอง”
“น้องโย่งนี่น่ารักจริง” เจ๊มะพร้างหยิกแก้มโย่ง
ขณะที่สามสาวกำลังจะเดินออกไป ปีโป้กับแอปเปิ้ลดันเดินออกมาเห็น
“จะไปไหนกัน”
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าว โย่งหันไปเห็นปีโป้กับแอปเปิ้ลเดินมา สามสาวถึงกับเซ็ง
“มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ”
“ไม่ใช่ธุระกงการของฉันก็จริง แต่พวกเธอกลับบ้านก่อนเวลาแบบนี้มันน่าสงสัย จริงมั้ยปีโป้”
“จริงจ้ะ เพื่อนแอปเปิ้ล”
“ห่านจะไปหาหมอ พวกฉันจะไปส่งที่ด้านหน้าห้าง ไม่ได้ลาไปพร้อมกันสามคนซักหน่อย”
ปีโป้หันไปทางแอปเปิ้ล
“จริงด้วย”
“นังปีโป้แกเป็นพวกฉัน ไม่ใช่พวกมัน”
“เออ...จริงด้วย”
“ไปหาหมอ อ๋อ หรือว่าจะไปให้หมอเอาหมาในปากออก ฮ่าๆๆ”
“ฮ่าๆๆ จริงด้วย”
ปีโป้กับแอปเปิ้ลหันมาหัวเราะใส่หน้ากัน แล้วก็ตกใจหน้าตากันเอง
“ว๊าย”
“หน้าตาแกน่ากลัวมาก นังปีโป้”
“อ้าว”
แอปเปิ้ลหันไปทางห่าน
“ตกลงจะหนีงานไปไหนกัน”
“ถ้างั้นไปด้วยกันมั้ยล่ะ จะได้ให้หมอเอาหมาออกจากปากพร้อมกันเลยทีเดียว”
ห่านบอก ปีโป้กับแอปเปิ้ลเลือดขึ้นหน้า โย่งเห็นท่าไม่ดีรีบห้าม
“เออ...”
ทุกคนหันขวับไปทางโย่ง
“อย่ายุ่ง”
โย่งสะดุ้ง ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก เจ๊มะพร้าวรำคาญ หันไปทางห่านกับแหม่ม
“พวกเรารีบไปกันเถอะ อย่ามามัวไร้สาระกับคนพรรณนี้เลย เหมือนเห็น...” เจ๊มะพร้าวหันไปทางปีโป้กับแอปเปิ้ล “ขี้ แล้วเอามือไปแหย่”
ปีโป้กับแอปเปิ้ลโมโหมาก ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวจะเดินออกไป
“จะออกไปข้างนอก ให้โย่งตรวจกระเป๋าเหรอยัง” สามสาวชะงักหันขวับ “ฉันไม่เห็นโย่งตรวจกระเป๋าของเธอเลยแหม่ม”
แหม่ม เจ๊มะพร้าว ห่านหน้าเหรอหรา
“ไม่จำเป็นต้องตรวจ เพราะฉันกับแหม่มแค่ออกไปส่งห่านเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
“แต่...แปลกเนอะ ทำไมคนที่จะออกไปหาหมอถึงไม่สะพายกระเป๋าน้า”
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวหน้าถอดสี ว่าแล้วปีโป้ก็เข้ามากระชากกระเป๋าจากแหม่ม แหม่มตกใจรีบดึงกระเป๋าไว้ได้ทัน
“ปล่อยนะยัยปลากะโห้”
“ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง ก็ไม่เห็นต้องกลัวนิ”
แอปเปิ้ลเข้ามาช่วยแย่งกระเป๋า ห่านกับเจ๊มะพร้าวเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาช่วยแหม่ม ห้าสาวแย่งกระเป๋ากันด้วยความดุเดือด โย่งเห็นท่าไม่ดี รีบเป่านกหวีดเสียงดังลั่น ทำให้สาวผละออกจากกันด้วยความหนวกหู โย่งหันไปทางปีโป้ แอปเปิ้ล
“นี่เป็นหน้าที่ของผม คุณสองคนไม่เกี่ยว” ปีโป้ แอปเปิ้ลจ๋อย โย่งหันไปทางสามสาว แล้วผายมือ “เชิญครับพ้ม” เจ๊มะพร้าว ห่าน และแหม่มถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็เดินออกไป โย่งหันมาทางปีโป้กับแอปเปิ้ล “ถ้าคุณสองคน ไม่กลับไปทำงาน ผมจะรายงานผู้จัดการ”
ปีโป้กับแอปเปิ้ลไม่กล้า จำต้องเดินออกไป โย่งส่ายหัวด้วยความเหนื่อยหน่าย

แท็กซี่แล่นมาจอดตรงหน้าห่าน แหม่มและเจ๊มะพร้าว แต่ยังไม่ทันที่ห่านจะขึ้นรถ รถคันหลังแท็กซี่ก็บีบแตรดังลั่น ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มหันไปมองรถคันหลังไม่พอใจ ดาหลาเปิดกระจกรถ โผล่หน้าออกมา ทันทีที่สามสาวเห็นดาหลาก็จำได้ทันที ดาหลาไม่ได้มองหน้าห่านกับแหม่มเพราะมัวแต่จ้องหน้าเจ๊มะพร้าว
“จะสั่งเสียกันอีกนานมั๊ยป้า”
ดาหลาจ้องหน้าเจ๊มะพร้าวเอาเรื่อง เจ๊มะพร้าวเลือดขึ้นหน้า
“เรียกป้าเลยเหรอ! มันจะมากเกินไปแล้ว”
เจ๊มะพร้าวเดินไปเอาเรื่องดาหลา ห่านกับแหม่มเหวอ ห่านรีบหันไปทางคนขับแท็กซี่
“แป๊บนึงนะพี่”
ห่านกับแหม่มรีบตามไปห้ามเจ๊มะพร้าว แต่ไม่ทัน ดาหลาตกใจที่เจ๊มะพร้าวเดินมาด้วยท่าทางเอาเรื่องก็รีบกดปิดกระจก
“แน่จริงก็อย่าปิดกระจกสิ แหกตาดูสิว่านี่มันเป็นที่จอดรถแท็กซี่ ถ้าจะเข้าห้างก็ออกไปอีกเลนหนึ่ง เป็นถึงนางงามแต่อ่านหนังสือไม่ออกเหรอไง”

ดาหลาโมโหเลยเปิดกระจก
“อีบ้า! แกนึกว่าแกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาด่าฉันอีพวกสถุล”
ห่านกับแหม่มอึ้ง เจ๊มะพร้าวควันออกหู ตบที่ฝากระโปรงรถดาหลาดังปัง! ดาหลาตกใจ
“ถือว่าตัวเองเป็นนางฟ้านางสวรรค์เหรอไงถึงเที่ยวด่าคนอื่นว่าไพร่สถุล แน่จริงลงมาเลย” เจ๊มะพร้าวเตะไปที่ล้อรถ “แม่จะตบให้ลืมทางกลับบ้านเลย ลงมาสิ ลงมา”
ดาหลาโมโหสุดๆ
“คอยดูนะ ฉันจะฟ้องคุณคุณชาย เอาให้พวกแกทุกคนถูกไล่ออก”
เจ๊มะพร้าวสิ้นฤทธิ์ทันทีที่ได้ยินคำนี้ ดาหลารีบหักรถขับออกไป
“ซวยแล้วอ่ะเจ๊ เจ๊ไม่น่าไปด่าเค้าเลย ฉันกับไอ้ห่านเลยพลอยโดนหางเลขไปด้วย” แหม่มบอก
“ถ้ามันไม่เรียกฉันว่าป้า ของก็ไม่ขึ้นแบบนี้หรอก โอ๊ย! แล้วฉันจะทำยังดีเนี่ย แต่พนักงานมีตั้งเยอะ ยังไงมันก็ไม่รู้หรอกว่าเราชื่ออะไร และอยู่แผนกไหน”
“คอยหลบให้ดีแล้วกันเจ๊”
คนขับแท็กซี่เปิดประตูลงมา
“ตกลงจะไปมั้ยเนี่ย”
สามสาวหันไปด้วยความลืมว่าให้แท็กซี่รอ
“ไปสิจ๊ะไป ฉันไปก่อนนะ”
“ห่าน ยังมีอีกอย่างที่แกต้องจำไว้ ถ้าคุณคุณชายชวนแกไปทานอาหารเย็นต่อ แกต้องปฏิเสธ อย่าใจง่ายรับปาก ไม่งั้นเราจะดูไม่มีคุณค่า”
ห่านพยักหน้า แล้วขึ้นแท็กซี่ รถแท็กซี่แล่นออกไป เจ๊มะพร้าวกับแหม่มเข้าไปในห้าง ไม่นานมีรถแท็กซี่อีกคันแล่นออกมาจากมุมหนึ่ง บื้อนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ บื้อจ้องไปที่รถแท็กซี่ที่ห่านนั่งด้วยสายตามุ่งมั่น
“ตามเลยพี่”
บื้อหน้าตาเจ้าเล่ห์ คนขับรีบขับตามรถแท็กซี่ของห่านไปทันที

ดาหลาลงจากรถที่จอดแล้วพร้อมกับถุงของขวัญ หันไปเห็นคุณชายรีบเดินออกมาจากห้าง กำลังจะยกมือเรียก แต่คุณชายรีบเดินมาขึ้นรถ ดาหลาชะงักค้างท่าไหนท่านั้น แล้วคุณชายก็รีบขับรถออกไป
“คุณชายรีบร้อนจะไปไหน หรือว่าคุณชายจะมีนัดกับนังผู้หญิงคนเมื่อคืน”
ดาหลาคิดแล้วก็ตกใจ รีบขึ้นรถแล้วขับตามคุณชายไปทันทีด้วยความอยากรู้

รถแท็กซี่ที่ห่านนั่งมาจอดหน้าโรงแรม ห่านรีบลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในโรงแรม ไม่นานรถแท็กซี่ที่บื้อนั่งมาก็แล่นมาจอด บื้อรีบลงจากรถแล้วมองไปที่โรงแรม
“โรงแรม เฮ๊ย อย่าบอกนะว่าแอบรับจ๊อบ”
บื้อรีบตามเข้าไปในโรงแรมทันที
เมื่อเข้ามาในโรงแรมห่านรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำหญิง บื้อที่เพิ่งตามเข้ามา ไม่เห็นห่านก็แปลกใจ
“หายไปไหน”
บื้อเดินออกไปอีกทาง

ระหว่างนั้นดาหลากำลังขับรถตามรถคุณชายไปตามทาง
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าแกเป็นใคร นังมารหัวใจ”
บื้อยังคงมองหาห่านไปรอบๆ แล้วก็เห็นห่านในชุดเสื้อผ้า ทำผม แต่งหน้าใหม่เดินออกมาจากห้องน้ำ บื้อเห็นก็ตกใจแกมตะลึงเล็กๆ ก่อนจะรีบหาที่หลบ พลางแอบมองตามห่านไป บื้อเห็นห่านท่าทางลับๆล่อๆ ดูระแวดระวังของห่านก็ยิ่งแปลกใจ
“ทำตัวลับๆ ล่อๆ” บื้อมองตามห่าน เห็นห่านเข้าไปนั่งในร้านกาแฟ บื้อหันมองตามแล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเจอพนักงานมองหน้า “เฮ้ย”
“ขอประทานโทษครับ ท่านมีอะไรจะให้ผมช่วยมั้ยครับ”
“ไม่มี กำลังรอเพื่อน”
บื้อยิ้ม แล้วก็รีบจ้ำเดินออกไปที่ร้านกาแฟ พนักงานมองตามบื้อด้วยความสงสัย

บื้อเข้ามานั่งตรงมุมด้านในเพื่อแอบมองดูห่าน พนักงานเอาเมนูมาให้ บื้อรับเมนูมาอ่านแล้วก็ตกใจแทบเป็นลม แหกปากลั่น
“กาแฟบ้าอะไรวะ แก้วละสองร้อยห้าสิบ”
พนักงานขมวดคิ้ว
“คุณว่าอะไรนะคะ”
“ปะ...เปล่า...เปล่า...คือ...ผม ขอน้ำเปล่าดีกว่า” บื้อยิ้มแฉ่งให้พนักงาน พนักงานยิ้มตอบ แต่แล้วบื้อก็แหกปากลั่นเมื่อเห็นราคาในเมนู “ร้อยแปดสิบ น้ำเปล่าร้อยแปดสิบ”
“น้ำเปล่าที่ทางโรงแรมเรานำมารับรองลูกค้าเป็นน้ำแร่จากฝรั่งเศสค่ะ”
“ผมเอาน้ำเฉยๆ ไม่ต้องแร่ แล้วก็ไม่ต้องจากฝรั่งเศสก็ได้ครับ” พนักงานมองงงๆ “คือ หมอห้ามครับ ห้ามกินของแพง ช่วงนี้ขอให้กินของฟรี น้ำเปล่ามีมั้ยครับ”
“ซักครู่ค่ะ”
พนักงานเดินไป บื้อเอาเมนูมาบังหน้าแอบมองห่านต่อไป

คุณชายเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาในโรงแรม พลางดูนาฬิกาข้อมือไปด้วย ไม่นานดาหลารีบเดินตามเข้ามาหน้าตาสงสัย
“คุณชายจะรีบไปไหน”
ขณะที่ดาหลากำลังจะถึงตัวคุณชายก็มีคณะทัวร์เดินผ่าหน้าดาหลา ดาหลาเบรกเอี๊ยด คณะทัวร์หันไปเห็นดาหลาก็จำได้
“นางสาวไทยสยาม”
ทุกคนหันขวับ ดาหลาเหวอ แล้วก็รีบฉีกยิ้ม โบกมือ ทำท่านางงามทันที คณะทัวร์เข้ามารุมด้วยความชื่นชมผลัดกันถ่ายรูปขอลายเซ็น
“ตัวจริงส้วยสวย / สวยเหมือนนางฟ้าเลยอ่ะ”
ดาหลาปลาบปลื้ม หลงคำป้อยอเลยลืมภารกิจไปจนหมดสิ้น

ห่านมีสีหน้าตื่นเต้นมาก นั่งไม่เป็นสุข ด้านหลังเห็นบื้อนั่งมองอยู่ ห่านหันไปทางบื้อเพื่อมองหาคุณชาย บื้อรีบก้มหน้าทันที ห่านหันกลับมาก็ผงะเพราะคุณชายมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว
“ขอโทษนะครับที่มาช้า”
ห่านตื่นเต้นมาก
“ไม่เป็นไรค่ะ ห่า...ฮานนี่ก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
คุณชายนั่งตรงข้ามห่าน แล้วก็โบกมือเรียกพนักงาน บื้อเงยหน้ามองเห็นคุณชายก็ตกใจเพราะจำได้
“ลูกชายเจ้าของห้าง” บื้อพึมพำออกมา
“คุณฮันนี่จะรับน้ำอะไรดีครับ” คุณชายถามห่าน
“ขอเป็นน้ำส้มคั้นดีกว่าค่ะ” บื้ออึ้ง
“ฮันนี่” บื้อแบะปาก เลียนเสียงกระแดะๆ “น้ำส้มคั้น”
คุณชายเอามือถือออกมาคืนให้ห่าน ห่านทำตาโต
“ขอบคุณคุณคุณชายอีกครั้งนะคะ นี่ถ้าหายไป ฮันนี่คงเสียดายแย่ เพราะเมมเบอร์สำคัญๆ ไว้เยอะเลยค่ะ”
“น่ารักดีนะครับ”
“ว่าไงนะคะ”
“เอ่อ...คือ...มือถือน่ะครับ มือถือคุณฮันนี่น่ารักดี ผมไม่เคยเห็นรุ่นนี้มาตั้งนานแล้ว”
“เอ่อ” ห่านอึ้ง คิดแผน “คือฮันนี่คิดว่าโทรศัพท์มือถือไม่ใช่สิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญมากมาย จุดประสงค์ของมันจริงๆ คือรับสายโทรเข้าและโทรออก ในเมื่อมันยังใช้งานได้ดี ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ให้กลายเป็นเศษขยะอิเลคทรอนิกส์รกโลกเปล่าๆ คุณชายว่าจริงมั้ยคะ”
คุณชายยิ่งประทับใจห่านมากยิ่งขึ้น
“จริงครับ ผมก็คิดเหมือนคุณฮันนี่ ตอนเรียนอยู่ที่สวิส เค้ารณรงค์เรื่องนี้กันมาก”
“แน่นอนค่ะ”
บื้อที่ได้ยินทุกอย่างถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่มเสียงดัง
“แค่กแค่ก”
ห่านกับคุณชายหันไปมอง บื้อรีบเอากระดาษมาปิดหน้าปิดปากและก้มหน้าไอโขลกๆๆ ห่านทำท่าแขยงๆ ค้อนๆ
“ไม่สบายทำไมไม่นอนอยู่บ้าน มาปล่อยเชื้อโรคให้คนอื่น แย่จริงๆ”
ห่านกับคุณชายไม่ได้สนใจอะไรอีก หันหน้ามาคุยกัน ต่างฝ่ายต่างเงียบ คุณชายดูเก้อเขิน แต่ห่านดูลำบากใจ
“ฉันควรสารภาพกับเค้าดีมั๊ยนะว่าจริงๆ ฉันเป็นใคร”
ห่านถามตัวเองในใจ ทำให้ยิ่งกลัดกลุ้ม แล้วก็ตัดสินใจ พูดขึ้นมาพร้อมกับคุณชาย
“คุณฮันนี่ครับ / คุณชายคะ”
ห่านกับคุณชายชะงัก
“คุณฮันนี่พูดก่อนครับ”
“คุณชายพูดก่อนเถอะค่ะ”
คุณชายนิ่งไปครู่หนึ่ง
“หลังจากที่เราเจอกันในงานเลี้ยง ผมก็คิดถึงคุณมาตลอด” ห่านอึ้ง “ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ ไม่ทราบคุณจะให้โอกาสผมได้มั้ย”
ห่านถึงกับทำอะไรไม่ถูก เหมือนความฝันที่เป็นจริง บื้อตาโต ยังไม่ทันที่ห่านจะตอบพนักงานเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้คุณชายกับห่าน แล้วก็เดินออกไป
“ว่าไงครับคุณฮันนี่”
“คือ”
“คุณฮันนี่คงกำลังจะปฏิเสธผม”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”
“แสดงว่าคุณตอบตกลง” คุณชายยิ้มอย่างดีใจ ห่านพูดไม่ออก
“เออ”
“ผมถือว่านี่คือคำตอบนะครับ” ห่านได้แต่ยิ้มออกมารู้สึกดีใจแต่ก็รู้สึกผิดด้วย “วันนี้อยู่ทานดินเนอร์กับผมก่อนนะครับ”
ห่านอึ้งที่คุณชายชวน นึกย้อนกลับไปถึงกับคำพูดของเจ๊มะพร้าว
“ถ้าคุณคุณชายชวนแกไปทานอาหารเย็นต่อ แกต้องปฏิเสธ อย่าใจง่ายรับปาก ไม่งั้นเราจะดูไม่มีคุณค่า”
“เจ๊โคตรแม่นเลยอ่ะ” ห่านพึมพำออกมา
“ว่าอะไรนะครับ”
“เออ คือ เฮ้อ ฮันนี่ไปไม่ได้ค่ะ วันนี้ต้องไปทำธุระกับคุณหญิงแม่ ต้องขอโทษด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับความกรุณาที่เก็บมือถือฮันนี่ไว้”
“โกรธผมรึเปล่าครับเนี่ย”
“บ้า ใครจะโกรธ” ห่านโพล่งออกมาอย่างลืมตัว “เอ๊ย ไม่ใช่ ฮันนี่ไม่ได้โกรธคุณชายนะคะ แต่มีนัดกับคุณหญิงแม่จริงๆ ฮันนี่ต้องกลับแล้วล่ะค่ะ”
ห่านลุกขึ้น คุณชายลุกขึ้นยืนตาม
“เราคงมีโอกาสได้พบกันอีกนะครับ”
“ค่ะ แน่นอนค่ะ”
ห่านยกมือไหว้คุณชายอย่างอ่อนน้อมแล้วหันหลังเดินออกไป คุณชายมองตามห่านด้วยสีหน้าประทับใจมาก ห่านเดินผ่านบื้อที่นั่งเอี้ยวตัวไปอีกทาง บื้อค่อยๆ ชะเลืองมองห่านที่เดินพ้นไปแล้ว แล้วก็รีบลุกเดินออกไปทันที

ห่านรีบเดินออกมาจากโรงแรมในชุดพนักงานห้าง รีบร้อนโบกเรียกแท็กซี่ หันซ้ายหันขวา กลัวคุณชายเห็น แท๊กซี่จอด ห่านรีบขึ้นไปนั่ง
ห่านปิดประตูรถ แต่ยังไม่ทันบอกคนขับว่าไปไหน บื้อก็เปิดประตูเข้ามานั่งจากอีกทาง ห่านหันไปเห็นบื้อก็ตกใจมาก
“ไอ้ซื่อบื้อ นะนาย นายมาที่นี่ได้ไง”
บื้อไม่ตอบ หันไปทางคนขับ
“ออกรถเลยลุง”
คนขับขับรถออกไป ห่านหันไปเหวี่ยงใส่คนขับทันที
“นี่ลุง หนูขึ้นมานั่งก่อนนะ ลุงไปฟังเค้าได้ไง”
“ใจเย็นน่าอีหนู ผัวเมียมีอะไรไม่เข้าใจก็ค่อยๆ พูดกัน อย่าใส่อารมณ์แบบนี้ มันไม่ดี”
“บ้า หนูไม่ได้เป็นอะไรกับไอ้บ้าเนี่ย” บื้อขำ “ญาติเสียเหรอไง หัวเราะอยู่ได้”
“พูดจาไม่น่ารักเลยนะคุณฮันนี่”
“ฉันก็ไม่ได้อยากให้นายมารักฉันซักหน่อย” ห่านชะงัก นึกได้ “เมื่อ...เมื่อกี๊นายเรียกฉันว่าไงนะ”
“คุณ-ฮัน-นี่”

ห่านหน้าซีด บื้อยักคิ้วให้ห่านหน้ากวน ห่านกำมือแน่น หันหน้าไปทางกระจกอยากจะบ้าตาย

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 2 (ต่อ)

คุณชายกลับเข้ามาในบ้าน แต่ยังไม่ทันเดินเข้าไปในห้องรับแขก ชนะศึก พ่อของคุณชายก็ออกมาฉุดแขนลูกชายให้เข้ามุม คุณชายตกใจหันไปเห็นชนะศึก
“พ่อ”
“ชู่ว์...อย่าเสียงดัง แกก็รู้ว่าแม่แกหูดีขนาดไหน”
คุณชายนิ่วหน้า เสียงเบา
“พ่อมีอะไรครับ”
“แกฟังให้ดีว่าได้ยินเสียงอะไร”
คุณชายตั้งใจฟังมีเสียงหัวเราะแหลมๆ ลอยมา คุณชายถอนใจเฮือก
“แม่แกกับหนูดาหลา” คุณชายชะงัก “ยิ่งกว่าผีหลอกอีกใช่มั้ย” คุณชายพยักหน้า “แกอ้อมไปเข้าด้านหลัง ที่เหลือพ่อจะจัดการให้เอง” แต่ไม่ทันแล้วเพราะคุณชายเห็นคุณหญิงรื่นฤดียืนอยู่ข้างหลัง “มองอะไร” ชนะศึกถามแต่พอหันไปก็เห็นคุณหญิงรื่นฤดียืนหน้าง้ำ “เยย”
ชนะศึกพูดไม่ออก ได้แต่เหล่มองกับลูกชาย หน้าจ๋อย

คุณชาย ดาหลา คุณหญิงรื่นฤทัย ชนะศึกนั่งอยู่ในห้องรับแขก
“น้องมารอลูกนานแล้วนะจ๊ะ”
ดาหลาลุกเดินเอาของขวัญมาให้คุณชาย
“ดาหลาเอาของขวัญมาให้คุณชาย สำหรับการรับตำแหน่งใหม่ ยินดีด้วยนะคะ”
คุณชายรับของขวัญมา
“ขอบคุณครับ”
“ความจริงวันนี้ดาหลาไปหาคุณชายที่ห้าง แต่เห็นคุณชายขับรถออกไป ดาหลาตามคุณชายไปถึงที่โรงแรม แต่ก็หาคุณชายไม่เจอ”
คุณชายหน้าถอดสี เมื่อเห็นสายตาคุณหญิงรื่นฤดีที่มองมา
“ลูกไปที่โรงแรมทำไม”
คุณชายกลืนน้ำลายเอื๊อก ชนะศึกเห็นท่าไม่ดีเลยรีบช่วย
“ลูกไปทำธุระให้ผม” คุณหญิงรื่นฤดีกับดาหลาหันไปมองชนะศึก “เอาของไปให้เพื่อนของผมที่มาจากสวิส” ชนะศึกโอบบ่าคุณชาย คุณหญิงรื่นฤดีเหล่อมอง
“เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชายคะ”
“เฮ้ย เพื่อนผู้ชายสิ ไม่เอาน่า ปูนนี้แล้ว อย่ามาทำหึง”
“ใช่ครับคุณแม่ เพื่อนคุณพ่อจริงๆ”
คุณหญิงรื่นฤดีพยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร คุณชายโล่งอก

คุณชายรีบปิดประตูห้องนอนแล้วหันมาทางชนะศึก
“ถ้าพ่อไม่ช่วยผม ผมแย่แน่”
ชนะศึกหรี่ตามองลูกชาย
“ถ้างั้นก็ถึงเวลาสารภาพบาปกับพ่อแล้วว่าลูกไปทำอะไรที่โรงแรม” คุณชายยิ้มเขิน
“ผมมีนัดครับ”
“ถ้าให้พ่อเดา หน้าตาแบบนี้ ต้องนัดสาวแน่นอน” คุณชายยิ้มอย่างยอมรับ “บอกพ่อมาว่าใคร”
“เอาให้ผมมั่นใจมากกว่านี้ แล้วผมค่อยเล่าให้พ่อฟังดีกว่าครับ”
“ท่าทางแบบนี้ แสดงว่าลูกชายของพ่อกำลังอินเลิฟ ชัวร์ ชิมิๆๆ”
คุณชายไม่ตอบ เอาแต่ยิ้มไม่หุบ

โรงเรียน GLION ที่สวิสเซอร์แลนด์ นีรนุชหรือน้องนุช ยกมือไหว้ผู้ปกครองกับนักเรียนไทยที่ยืนอยู่ตรงข้าม
“ขอต้อนรับสู่ Glion institute of higher education ดิฉันชื่อ นีรนุช เป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ จะเป็นคนพาคุณเยี่ยมชมโรงเรียน เชิญค่ะ”
นีรนุชแนะนำตัวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส ก่อนจะเดินนำผู้ปกครองกับนักเรียนไทยเข้าไปด้านในตัวอาคาร
นีรนุชพาผู้ปกครองกับนักเรียนไทยมาที่ Terrace ด้านหน้า The Club นีรนุชกำลังอธิบาย ผู้ปกครองกับนักเรียนไทยตั้งใจฟัง
นีรนุชพาผู้ปกครองกับนักเรียนไทยเข้ามาด้านในของ The Club เห็นครูกำลังสอนนักเรียนจัดโต๊ะอาหาร เวลาผ่านไปเห็นนักเรียนกำลังใช้ครีมวาดลวดลายลงบนกาแฟ ผู้ปกครองกับนักเรียนไทยให้ความสนใจกันมาก
ถนนขึ้นเขา นีรนุชแนะนำสองข้างทางให้ผู้ปกครองกับนักเรียนไทยได้ชม
ใน Restaurant Hotel Des Alpes มีนักเรียนออกมาต้อนรับนีรนุช นีรนุชทักทายกับนักเรียนแล้วพาผู้ปกครองกับนักเรียนไทยเยี่ยมชมด้านใน พาไปดูอาหารนานาชนิดที่วางเรียงรายกันอยู่

นีรนุชเดินออกมาส่งผู้ปกครองกับนักเรียนไทยที่ลานจอดรถ
“ขอบคุณมากนะครับคุณน้องนุช โรงเรียนน่าเรียนมากจริงๆ แต่ผมมีข้อสงสัยว่าถ้าจบการศึกษาจากที่นี่ จะต้องทำแต่งานด้านโรงแรมเท่านั้นรึเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะ โรงเรียนเราสอนให้นักเรียนจบไปแล้วเป็นผู้บริหาร ดิฉันเองก็จบจากที่นี่ และมีเพื่อนของดิฉันคนหนึ่งที่จบจากที่นี่และตอนนี้ก็ไปเป็นผู้บริหารของห้างฯ BKK Plazaค่ะ”
“BKK Plaza สุดยอดเลย”
ผู้ปกครองมีสีหน้าพอใจมาก นีรนุชยื่นนามบัตรให้
“นี่นามบัตรของดิฉันนะคะ ถ้ามีอะไรโทรมาหาดิฉันได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
นีรนุชยกมือไหว้ ผู้ปกครองกับนักเรียนไทยเดินออกไป พลันเสียงมือถือดังขึ้น นีรนุชหยิบขึ้นมา พอเห็นชื่อก็อมยิ้มแล้วก็กดรับสาย
“ตายยากจริง เพิ่งพูดถึงอยู่เลย”

คุณชายอยู่ที่ห้องนอนและเป็นคนโทรศัพท์หานีรนุช คุณชายคุยโทรศัพท์ด้วยแววตาเป็นประกายตื่นเต้นยังกับเด็กๆ ได้ของเล่น
“เจอแล้ว ไอ้นุช เจอแล้ว”
นีรนุชนิ่วหน้า ก่อนจะขำ
“เจอไร เจอผีเหรอยะ”
คุณชายยิ้มไม่หุบ
“ไม่ใช่ผี แต่เป็น นางในฝัน เว๊ย”
นีรนุชชะงักนิดนึงก่อนจะตื่นเต้นตามไปด้วย
“จริงดิ ชื่อไร อายุเท่าไหร่ ทำงานที่ไหน แล้วเจอกันเมื่อไหร่”
“ใจเย็น ตอบไม่ทันแล้ว ฉันรู้จักแต่ชื่อ เธอชื่อว่า...” นีรนุชตาโต
“ฮันนี่ ชื่อหวานม๊ากก” ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่มาตามนีรนุช นีรนุชหันไปพยักหน้า “แค่นี้ก่อนนะ ชั้นต้องไปทำงานแล้ว ไว้เม้าท์กันนะๆๆ บาย”
นีรนุชวางสาย แล้วเดินออกไป คุณชายลุกเดินมายืนริมหน้าต่าง ยิ้มมีความสุขอยู่คนเดียว
“คุณฮันนี่”

ห่านจ้ำเดินมาตามทาง มีบื้อมาตามติดๆ
“นี่เธอ” ห่านไม่หัน “เธอเธอเธอ”
ห่านหยุดเดินหันมา
“เว๊ย ฉันบอกนายแล้วไงว่านี่เป็นเรื่องของฉัน นายไม่จำเป็นต้องรู้”
“งั้นฉันต้องบอกคุณพรเพ็ญที่เธอเอาของห้างไปใช้”
ห่านกำมือแน่นอย่างแค้นใจ
“นายมีหลักฐานอะไรมากล่าวหาฉัน”
บื้อเหล่มองกระเป๋าสะพายของห่านแล้วคว้ามาโดยที่ห่านไม่ทันตั้งตัว บื้อเอาชุดออกมาจากกระเป๋า ห่านตกใจหน้าซีดหดเหลือสองนิ้ว
“ป้ายราคายังไม่ได้เอาออก มีไรจะแก้ตัวมั้ย”
ห่านหน้าเสีย เสียงอ่อย
“ไม่มี”
“เฮ้ย ยอมรับง่ายๆ งี้เลยเหรอ ไม่แก้ตัวเลยเหรอ” บื้องง
“เอ้า จะเอาไงแน่ยะ ตกลงจะให้รับหรือไม่รับ”
“ก็เห็นว่ามันผิดวิสัยกะล่อนของเธอน่ะสิ”
“นายสิไอ้กะล่อน” ห่านตั้งท่าจะด่าต่อ แต่บื้อรีบเบรก
“เอาล่ะๆ เล่าเลยว่าเธอไปเจอกับคุณชายทำไม”
ห่านกลืนน้ำลายเอื๊อก
“ฉันไม่บอก”
เธอ เจ๊มะพร้าวและแหม่ม คิดจะหลอกคุณคุณชายใช่มั้ย สิบแปดมงกุฎ”
“ฉันไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎ แล้วก็อย่าเอาเจ๊กับแหม่มมาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ฉันรับผิดชอบคนเดียว”
“ถึงเจ๊มะพร้าวกับแหม่มจะไม่เกี่ยว ยังไงตำรวจก็ต้องสอบสวน”
“ไอ้บ้าปากมอม นี่นายคิดจะแจ้งความเหรอ ไอ้คนใจดำ ไอ้คนใจร้าย”
“ถ้าไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ เล่าความจริงมา” บื้อชี้หน้า ห่านมองบื้อด้วยความเจ็บใจ บื้อมองเย้ยอย่างแต้มเหนือกว่า

ลุงจ๊อดกับโจ๊กยืนซดบะหมี่สายตาจับจ้องไปที่บื้อกับห่าน ไม่นานเห็นห่านกระชากบื้อเข้าไปในบ้านเช่าของตัวเอง ห่านดูระแวดระวัง แล้วก็ปิดประตู ลุงจ๊อดกับโจ๊กหันขวับมามองหน้ากัน
“ชัดเลย ไอ้หนุ่มบื้อกับสาวห่าน เข้าไปในบ้านกันสองต่อสอง กลางค่ำกลางคืนแบบนี้”
“มันต้องตามไปดู”
ลุงจ๊อดกับโจ๊กวางชามบะหมี่แล้วรีบพรวดพราดออกไป

ลุงจ๊อดกับโจ๊กมาด้อมๆ มองๆ ที่หน้าบ้านห่าน
“ไม่ได้ยินอะไรเลยอ่ะลุง”
“ออกมานี่ ข้าเอง”
ลุงจ๊อดเอาหูแนบประตู จนหน้าแทบจะเป็นผืนเดียวกับประตู
“ได้ยินป่ะลุง”
“ชู่ว์”
“แสดงว่าได้ยิน”
“เออ ได้ยิน ได้ยินแต่เสียงเอ็งไงไอ้โจ๊ก หุบปากหยุดพูดซะทีสิเว๊ย”
โจ๊กจ๋อย แล้วลุงจ๊อดกับโจ๊กก็พยายามจะแอบฟังให้ได้

ภายในบ้านเช่าห่าน ห่านเล่าทุกอย่างให้บื้อฟังจนหมดสิ้น
“ปลอมตัวจับเจ้าของห้าง นี่ดูละครมากไปรึเปล่าแม่คู้ณ”
“ไอ้บ้า ฉันไม่ได้จะจับคุณชาย แต่ฉันยังไม่มีโอกาสได้บอกความจริงกับเค้า”
“ไม่มีโอกาสหรือไม่อยากบอก”
ห่านหน้าถอดสี รีบแก้ตัว
“ไม่มีโอกาสต่างหาก ฉันเล่าให้นายฟังทุกอย่างแล้ว เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งกับฉันอีก”
บื้อคิดนิดนึง หน้าเจ้าเล่ห์
“ฉันจะยุ่ง” บื้อย่างสามขุมเข้ามาจ้องหน้าห่านใกล้ๆ “ฉันต้องยุ่ง”
ห่านตกใจถอยกรูด

หน้าบ้านเช่า ลุงจ๊อดกับโจ๊กยังพยายามแอบฟัง โย่งเดินมาถึงหน้าบ้าน แต่เหลือบไปเห็นท่าทางลุงจ๊อดกับโจ๊กที่หน้าบ้านห่านก็แปลกใจ เลยเดินเข้าไปสะกิดไหล่ลุงจ๊อด
“เดี๋ยวก่อน”
ลุงจ๊อดบอกโดยไม่หันมา โย่งสะกิดไหล่โจ๊ก
“เดี๋ยวๆ”
“ทำอะไรกัน”
โย่งถามเสียงดังฟังชัด ลุงจ๊อดกับโจ๊กหันไปพอเห็นโย่งก็ตกใจ
“ชู่ว์” ลุงจ๊อดกับโจ๊การีบบอก
“ลุงกับโจ๊กมาทำอะไรที่หน้าบ้านห่านครับ” โย่งถามเสียงเบา
“อยากรู้จริงป่ะ”
โย่งพยักหน้าหงึกๆ
“ข้าก็อยากรู้เหมือนกันเพราะเพื่อนเอ็งอยู่ในนั้นกับหนูห่าน”
โย่งผงะ ร้อง “ห๊า” สีหน้าอยากรู้ขึ้นมาทันที แล้วก็รีบเอาหูแนบกับประตูทันที ไวยิ่งกว่าจ๊อดและโจ๊ก ว่าแล้วลุงจ๊อดกับโจ๊กก็รีบเอาหูแนบกับประตูแอบฟังต่อ

ภายในบ้าน ห่านยังคงถอยไปเรื่อยๆ ไปทางประตูหน้าบ้าน
“อย่าคิดจะทำมิดีมิร้ายกับฉันนะ ฉันรู้ตัวดีว่าฉันสวยเกินจะอดใจไหว แต่ฉันไม่ได้ง่ายกับผู้ชายทุกคนโดยเฉพาะผู้ชายปากมอมแบบนาย”
“โห กล้าพูด” บื้อมองทั่วตัวห่านแล้วส่ายหน้า “พูดเยอะเกินรูปร่างหน้าตา หน้ายังงี้ หุ่นยังงี้ ฝันไปเหอะ ให้ฟรียังไม่เอา”
“ไอ้...บ(บ้า)” ห่านจะด่าแต่บื้อสวนขึ้นมาทันควัน
“ที่มองเพราะคิดว่าจะให้เธอซักผ้า ล้างจาน หรือว่าทำอะไรดี”
“หมายความว่าไง”
“ถ้าไม่อยากให้แผนลับจับผู้ชายของเธอปูดออกมา” บื้อชี้หน้าห่าน “เธอต้องรับใช้ฉันเป็นเวลาสองอาทิตย์”
“ไอ้...” ห่านอึ้ง
“สามอาทิตย์”
“ไอ้...”
“สี่อาทิตย์”
ห่านอ้าปากค้างพูดไม่ออก โกรธจนตัวสั่น แล้วก็ร้องออกมาดังลั่นอย่างสุดทน
“อ๊ายยย”
บื้อรีบยกมืออุดหู โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กตกใจหันมามองหน้ากัน
“น่านไง ข้าว่าแล้วว่าต้องเกิดเรื่อง”
โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กรีบเปิดประตูเข้าไป บานประตูกระแทกหลังห่านอย่างแรงดัง “อั่ก” ห่านถลาพุ่งเข้าหาบื้อ บื้อตกใจสุดขีด
“เวย”
“อ๊าย!”
ห่านกระแทกบื้อล้มไปบนพื้นปากห่านประกบปากบื้อแนบแน่น เป็นที่ประจักษ์กับสายตาของโย่ง ลุงจ๊อด และโจ๊ก สามคนอ้าปากค้าง ตาโต อึ้งตะลึง

โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊ก นั่งจ้องหน้าบื้อกับห่านที่นั่งตรงข้าม บื้อทนไม่ไหวลุกขึ้นยืนพรวด ทำเอาทุกคนตกใจ
“มันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นนะโว้ย”
ห่านรีบลุกขึ้นยืนสนับสนุน
“ใช่ ถ้าทุกคนไม่เปิดประตูกระแทกหลังฉัน ฉันก็ไม่ล้มทับแล้วก็...จะ...” จะพูดว่าจูบ แต่พูดไม่ออก “ไอ้ปากมอมเนี่ยหรอก”
“เรียกฉันปากมอมอีกคำเดียว ข้อตกลงเป็นโมฆะ”
ระหว่างที่สองคนเถียงกัน โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊ก หันมองหน้าสองคนไปๆ มาๆ
“ข้อตกลงอะไรไม่ทราบ ฉันยังไม่ได้ตอบอะไรนายทั้งนั้น”
บื้อหรี่ตามองห่านแล้วหันไปทางโย่ง ลุงจ๊อด และโจ๊ก
“ทุกคน ฉันมีเรื่องประกาศ”
ห่านตกใจ บื้อกำลังอ้าปากพูด ห่านรีบปิดปากบื้อแน่น โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กชะงัก อึ้ง งง
“ตกลง ฉันตกลงแล้ว”
บื้อเอามือห่านออกแล้วยิ้มมุมปาก
“ตกลงเรื่องอะไรกัน” โย่งถามอย่างแปลกใจ
“หลังจากวันนี้ เราจะมีแม่บ้านมาทำงานบ้านให้เป็นเวลาหนึ่งเดือน” บื้อบอก ทุกคนอึ้งๆ มองงงๆ บื้อผายมือไปที่ห่าน “เย้”
โย่งหันไปทางห่านแล้วลุกขึ้นยืน
“จริงเหรอห่าน”
“เออ” ห่านตอบรับอย่างไม่เต็มใจ ลุงจ๊อดกับโจ๊กลุกขึ้นยืนดีใจตามไปด้วย
“มาช่วยทำบ้านข้าด้วยได้มั๊ย”
“อย่ามาเนียนลุง ไม่เกี่ยว”
ลุงจ๊อดกับโจ๊กสะดุ้งหน้าแหย ห่านหันไปมองบื้อที่ยิ้มพร้อมยักคิ้วกวนประสาทก็ยิ่งเจ็บใจ

ห่านเอาหน้าจุ่มลงไปในอ่างล่างมือที่เต็มไปด้วยน้ำแล้วแหกปากสุดเสียงด้วยความโมโหสุดๆ
“อ๊ากกกก” ห่านเงยหน้าขึ้นมา น้ำหยดติ๋ง “นึกว่าจะเหนือคนอย่างนังห่านได้เหรอ ฝันไปเหอะไอ้บื้อ”

เช้าวันรุ่งขึ้น บื้อกับโย่งโยนเสื้อผ้าใส่ในกะละมังให้ห่าน ลุงจ๊อดกับโจ๊กเข้ามาเนียนด้วยแต่เจอห่านหยิบเสื้อผ้าสองลุงหลานปากลับคืนไป
ห่านกำลังขะมักเขม้นทำอาหารเช้าอยู่ในครัว ห่านตักข้าวต้มเครื่องใส่ชามให้บื้อกับโย่ง หันไปเจอลุงจ๊อดกับโจ๊กถือชามยืนอยู่ ลุงจ๊อดกับโจ๊กวิ่งหนีออกมาแทบไม่ทัน
ห่านกำลังซักผ้าของบื้อกับโย่ง ห่านหยิบขึ้นมาเป็นบ๊อกเซอร์ ห่านทำหน้ารังเกียจ แล้วก็ขยี้ๆๆ

บื้อกำลังซ่อมจักรยาน โย่งตามมายืนข้างๆ
“ทำไมห่านต้องมาทำงานบ้านให้เราด้วย”
“อาหารที่ยัยนั่นทำอร่อยป่ะ”
“อร่อย”
“บ้านยัยนั่นสะอาดป่ะ”
“สะอาดสุดๆ”
“อยากได้แบบนั้นบ้างป่ะ”
“อยาก”
“งั้นก็จบ โอป่ะ”
บื้อไม่รอคำตอบ หันมายุ่งกับจักรยานต่อ ทิ้งให้โย่งยืนอย่างไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไหร่

ห่านกำลังซักผ้าด้วยความโมโหมากๆ ขยี้ๆ ไม่หยุด
“ไอ้ซื่อบื้อได้ทีใช้ใหญ่เลยนะ”
ห่านลุกขึ้นเข้าไปในกะละมังแล้วก็เหยียบๆๆ ผ้าไม่หยุด พลันเสียงมือถือดังขึ้น ห่านหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ แล้วเอามือถือมากดรับ หน้าจอไม่ได้โชว์ว่าเป็นเบอร์ใคร
“ฮัลโหล”
ห่านเสียงดังกระโชกโฮกฮากเพราะกำลังหงุดหงิด คุณชายสะดุ้ง
“นั่นใช่เบอร์คุณฮันนี่รึเปล่าครับ”
ห่านกำลังหัวเสียเลยไม่มีสติ
“ฮันนี่ไหน ไม่มี ที่นี่มีแต่หะ...” ห่านนึกได้ รีบเอามือปิดโทรศัพท์ “ฮันนี่...คุณชาย” ห่านรีบปรับโทนเสียงและสีหน้าทันที “ฮันนี่พูดสายอยู่ค่ะ ไม่ทราบนั่นใครคะ”
คุณชายยิ้มออกมาอย่างสบายใจ
“ผมชายนะครับ”
ห่านยิ้มหวาน พลางเหยียบผ้าไปด้วยแบบนุ่มๆ
“อ๋อคุณชายนั่นเอง เมื่อซักครู่คลื่นมันแทรกก็เลยไม่ได้ยินเสียงคุณชาย เป็นเสียงป้าที่ไหนก็ไม่รู้พูด ไม่ทราบว่าคุณชายได้เบอร์ของฮันนี่มาได้ยังไงคะ”
คุณชายยิ้มแก้มแทบปริ
“ผมต้องขอโทษคุณฮันนี่ด้วยที่เสียมารยาท ก่อนที่ผมจะคืนโทรศัพท์ให้คุณ ผมใช้เครื่องของคุณโทรเข้ามือถือผมน่ะครับ”
“ฉลาดที่สุด” ห่านเผลอบอกออกมา
“อะไรนะครับ”
“เอ่อ คือ...อะไรคะ คลื่นแทรกอีกแล้วเหรอคะเนี่ย”
“นี่คุณฮันนี่กำลังทำอะไรอยู่ครับ”
“ ซักผ้าค่ะ”
ห่านเผลอตอบความจริง แล้วนึกได้รีบตบปากตัวเองแต่ไม่ทันแล้ว คุณชายประหลาดใจมาก
“ซักผ้า คุณฮันนี่ซักผ้าเองด้วยเหรอครับ”
ห่านพยายามคิดหาทางแก้
“เออ...คือ ฮันนี่คิดว่าการซักผ้าเป็นการออกกำลังกายอย่างนึงนะคะ คือ เอะอะ เอะอะก็เข้าฟิตเนส ฮันนี่เบื่ออ่ะค่ะ น่าเบื่อมากกก คุณชายเห็นด้วยมั้ยคะ”
“ก็จริงนะครับ”
“นั่นล่ะค่ะ ฮันนี่ก็เลยสลับกัน ให้แม่บ้านไปเข้าฟิตเนสแทนฮันนี่ ส่วนฮันนี่ก็มาซักผ้าแทน”
“คุณฮันนี่น่ารักมากเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ อ้อ...อีกอย่างนึงตอนที่เรียนที่อเมริกา ฮันนี่ก็ซักผ้าเองนะคะ เดี๋ยวนี้เวลาคิดถึงสมัยเรียน ฮันนี่ก็เลยซักผ้าเพื่อเป็นการย้อนวันวานยังหวานอยู่อ่ะค่ะ...ฮิฮิ”
คุณชายพยักหน้าหงึกๆ
“เอ่อ จริงสิ คุณฮันนี่เรียนที่ไหนเหรอครับ รัฐไหน”
“รัฐ...” ห่านชะงักกึก “รัฐ เอ่อ...” ห่านหันไปเห็นกระป๋องไก่เท็กซัสบาร์บีคิวที่ใส่ผงซักฟอกอยู่จึงตอบอย่างมั่นใจ “รัฐเท็กซัสค่ะ”
“เท็กซัส ยูอะไรครับ”
“เอ่อ...อะไรนะคะ” คราวนี้ห่านถึงกับเหวอ
“สงสัยคลื่นจะไม่ค่อยดีจริงๆ” คุณชานพึมพำแล้วถามต่อ “คือ ผมถามว่าคุณฮันนี่เรียน “ยู” ไหนน่ะครับ”
“ย ยู เอ่อ...เอ่อ...” คุณชายรอฟังอยู่ จู่ๆ ห่านก็ร้องโวยวาย “ว๊ายๆ ว๊ายๆ ช่วยด้วยย”
“คุณฮันนี่ เกิดอะไรขึ้นครับ คุณฮันนี่” คุณชายถามอย่างตกใจ
“ แมลงสาบค่ะ แมลงสาบ”
“แมลงสาบ”
“ค่ะ แมลงสาบมันเข้ามาในคฤหาสน์เราได้ไงเนี่ย นมแจ่ม นมแจ่ม ตามพ่อบ้านมาจับแมลงสาบหน่อยนะจ๊ะ” ห่านแกล้งตะโกนแล้วปลอมเสียงเป็นคนแก่ “ค่ะ..คุณหนู” จากนั้นก็กลับมาเป็นเสียงเดิม “ฮันนี่ขอตัวก่อนนะคะคุณชาย แล้วคุยกันใหม่นะคะ”
“ครับ แล้วผมจะโทรหาอีกนะครับ”
“ค่ะ บ๊ายค่ะ”
คุณชายวางสายสีหน้ามีความสุขมาก
ห่านรีบวางสาย ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะยิ้มปลื้มฝันหวาน หันหลังกลับมาผงะเพราะป๊ะหน้าใกล้กับบื้อ ที่ยืนหัวฟูอยู่อย่างชิดหน้าห่าน”
“ว้าย” ห่านยกกะละมังตีหัวบื้ออัตโนมัติรัวๆๆ “แมลงสาปๆๆ”
บื้อปัดป้องพัลวัน
“เฮ้ย คนโว๊ย ไม่ใช่แมลงสาป จะบ้าเรอะ”
“นายสิบ้า มายืนหัวฟูทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้”
“ก็มาดูคนบ้าไง” บื้อเลียนเสียง เลียนท่าเว่อร์ๆ ของห่าน “แมลงสาปค่ะ แมลงสาป มันเข้ามาในคฤหาสน์เราได้ไงเนี่ย” ห่านเหวอ “นมแจ่ม นมแจ่ม” บื้อทำท่ากระแดะมากๆ “ตามพ่อบ้านมาจับแมลงสาปหน่อยจ้ะ” บื้อทำเสียงคนแก่ “ค่ะ...คุณหนู” บื้อกลับมาตะคอกใส่หน้าห่าน “บ้า บ้าไปแล้ว”
ห่านทั้งโกรธ ทั้งอาย เถียงไม่ออกเลยพาลใส่
“ถึงฉันจะบ้าแต่ฉันก็ไม่หน้าด้านแอบฟังคนอื่นเค้าพูดโทรศัพท์เหมือนอย่างนายหรอก ไอ้โรคจิต ไม่มีมารยาท”
“ยัยโรคจิต โรคประสาท” บื้อสวนใส่หน้า ห่านอ้าปากจะด่าตอบ บื้อรีบตัดบท “มัวแต่ดราม่า ซักผ้าเสร็จรึยัง”
“ฉันไม่ได้ดราม่า ฉันเอาจริง”
“ซักผ้าเสร็จรึยัง”
“ยัง” ห่านจ้องหน้าบื้ออย่างโมโห “แต่กำลังจะเสร็จ”
ห่านฟาดผ้าของบื้อลงพื้นผลัวะๆ แล้วเหยียบๆ อย่างแรง บื้ออึ้งยัวะ
“เฮ้ย เกินไปแล้วยัยห่าน”
“ไม่เกิน น้อยไปด้วยซ้ำ”
“ใช้เท้าเนี่ยนะ ไม่เกิน”
“เออสิ ฉันไม่อยากให้มือฉันต้องแปดเปื้อนความสกปรกของนาย”
ห่านเหยียบๆๆ ลงไปในเสื้อผ้าที่อยู่ในกะละมัง บื้อกระชากแขนห่าน
“หยุด” ห่านกระชากแขนกลับ
“ไม่หยุด ปล่อย” บื้อปล่อยผลัวะ ห่านเสียหลัก ล้มก้นจ้ำเบ้าในกะละมัง บื้อขำก๊าก “ไอ้บ้า ปล่อยทำไม”
“เอ้า บ้าจริงเว๊ยยัยนี่ ตะกี๊บอกให้ปล่อย พอปล่อยก็ดันมาถามว่าปล่อยทำไม ก๊ากๆๆ”
บื้อขำ ห่านโกรธ เอาฟองแฟ้บในกะละมังโปะหัวบื้อ บื้อเบรกขำเอี๊ยด คราวนี้ห่านขำแทน
“ฮ่าๆๆ”

บื้อสุดทนเอาฟองแฟ้บป้ายหัวห่านคืน ห่านทนไม่ไหว สองคนเอาฟองแฟ้บป้ายกันไปป้ายกันมาอย่างไม่มีใครยอมใคร

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 2 (ต่อ)

เสื้อผ้าบื้อกับโย่งกระจายเต็มพื้น บื้อกับห่านหมดสภาพยืนกันอยู่ ตามตัวมีฟองแฟ้บ
“ซักใหม่ทั้งหมดใหม่เดี๋ยวนี้” บื้อบอกเสียงเข้ม
“มันเป็นเพราะนาย ถ้านายไม่มาแอบยืนหัวฟูอยู่มืดๆ ให้ฉันตกใจ ป่านนี้ฉันซักผ้าเสร็จแล้ว”
“เฮ้ย ยังจะมาโทษฉันอีก ด่าฉันแมลงสาปงี้ เอากะละมังตีหัวฉันแทบแตกงี้ ฉันยังไม่ว่าอะไรซักคำ”
“ไม่ว่าอะไรซักคำ หืมม์ ด่าเป็นชุด ผู้ชายอะไรปากจัด เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น”
“ใช่เซ่ ใครมันจะไปปากหวานเท่า” บื้อทำหน้าตาเลียนแบบห่านกระแดะๆ “คุณชายคะ คุณชายขา บ๊าย”
ห่านโมโหมาก เดินมาตรงหน้าบื้อ แล้วตะคอกใส่หน้า
“พอแล้ว ฉัน-ไม่-ทำ-แล้ว-เว๊ย”
“งั้น-ก็-ไม่-ต้อง-ทำ แต่เตรียมตัวถูกคุณพรเพ็ญไล่ออกจากห้างได้เลยเว๊ย”
บื้อหันหลังจะเดิน ห่านตกใจ พึมพำ
“โดนไล่ออกก็อดเจอคุณชายสิวะ” ห่านรีบวิ่งมาขวาง “ฉันทำแล้ว ฉันทำแล้ว”
บื้อยิ้มพร้อมยักคิ้ว
“ก็แค่เนี้ย”
บื้อเดินผิวปากเข้าไปในบ้าน ห่านอยากจะบ้าตาย แต่ต้องอดกลั้นความโกรธเอาไว้

กองบก.หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ดาหลากำลังมอบกระเช้าดอกไม้ให้กับหัวหน้ากองบก.หน้าป้าย “หนังสือพิมพ์ข่าวไทย” มีดารัณยืนอยู่ด้วย
“ดาหลาต้องขอบคุณพี่ๆ นักข่าวทุกคนเป็นอย่างมากนะคะที่ให้การสนับสนุนดาหลา”
“คนสวยและจิตใจดีอย่างคุณดาหลา ผมต้องสนับสนุนเต็มที่ เชิญถ่ายรูปกันดีกว่าครับ”
พนักงานกรูกันเข้ามาถ่ายรูปหมู่ ดาหลากับดารัณฉีกยิ้มไม่หุบจนดาหลาเริ่มเมื่อย
“แม่คะ กลับกันได้เหรอยัง ดาหลายิ้มจนหน้าเมื่อยไปหมดแล้ว” ดาหลาพูดเสียงเบากับดารัณโดยยิ้มไปด้วย
“อดทนค่ะลูก อย่าลืมว่าเราเป็นนางงาม เราเป็นนางเอก เรารักทุกคน ยิ้มเข้าไว้ค่ะ”
ดาหลาฉีกยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหู แล้วก็ทนไม่ไหว
“ทุกคนคะ ดาหลาขอตัวไปห้องน้ำซักครู่นะคะ”
ดาหลาเดินออกไป พอพ้นสายตาทุกคนก็หุบยิ้มหน้าหงิกทันที

ดาหลาเดินมาตามทาง พลางเอามือนวดหน้าไปด้วย
“ยิ้มจนปวดกราม หน้าย่นไปหมดแล้ว เสียเวลาไปโบท็อกซ์อีก...หึ้ย”
ระหว่างนั้นนักข่าวคนเดียวกับในงานเต้นรำเม้าท์เสียงดังอยู่กับเพื่อน
“รูปผู้หญิงที่เต้นรำกับคุณคุณชายในงานวันเปิดตัวที่แกถ่ายได้”
ดาหลาได้ยิน หันขวับ แอบฟัง
“หัวหน้าพอใจมาก เพราะเราเป็นหนังสือพิมพ์เล่มเดียวที่ได้รูป”
นักข่าวกับเพื่อนเดินออกไป ดาหลาโผล่ออกมามองตามด้วยความสนใจ

ดาหลาเดินเข้ามาเห็นนักข่าวคนนั้นกำลังเปิดรูปในงานเปิดตัวคุณชายที่หน้าจอคอมพิวเตอร์พอดี ดาหลารีบยิ้มหวาน
“สวัสดีค่ะพี่ๆ ทุกคน” ทุกคนหันไปเห็นดาหลาก็ยิ้มดีใจ ดาหลาทำเป็นเพิ่งเห็นภาพที่หน้าจอคอม “อุ๊ย นี่ภาพงานวันเปิดตัวคุณคุณชายนี่คะ”
“ใช่ครับ”
“ดาหลาอยากได้จังเลยค่ะพี่”
“ได้สิครับ เดี๋ยวผมไรท์รูปที่มีคุณดาหลาให้”
“เอารูปมาทั้งหมดเลยก็ได้ค่ะ พี่จะได้ไม่เสียเวลาหารูปดาหลา ดาหลาไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของพี่”
“แหม คุณดาหลาสวยแล้วยังมีน้ำใจอีกนะครับ”
ดาหลายิ้มแล้วก็หันไปลอบทำหน้าเจ้าเล่ห์

เย็นวันเดียวกันนั้นที่บ้านดาหลา ดาหลากำลังเปิดดูรูปกับดารัณ
“รูปตั้งพันกว่ารูป มันต้องมีซักรูปที่เห็นหน้ามัน”
ดาหลากดไล่หาไปจนเจอรูปห่านที่เต้นรำกับคุณคุณชาย สองแม่ลูกยังคงหาต่อไป
“ไม่เห็นมีรูปไหนที่เห็นหน้ามันเลย”
ดาหลาพยายามซูมเข้าไป ปรับแสงให้สว่างยังไงก็ไม่เห็นหน้าห่าน ดาหลาหัวเสีย
“มันเป็นใครกันนะ ดาหลาต้องรู้ให้ได้”
“วิธีเดียวที่จะทำให้ลูกรู้ว่านังนี่เป็นใคร ก็คือลูกต้องอยู่ใกล้คุณชาย เพื่อที่ลูกจะได้เห็นคนที่ไปมาหาสู่กับคุณชายได้ตลอดเวลา”
“แล้วจะอยู่ใกล้ได้ไงคะแม่ คุณชายเข้าถึงตัวยากจะตาย” ดารัณนึกอะไรออก แล้วก็หรี่ตา ดาหลาเห็น “หรี่ตาแบบนี้ แสดงว่าคุณแม่นึกอะไรออกแล้วใช่มั้ยคะ”
ดารัณหันมายิ้มมุมปาก

อีกด้านหนึ่งที่บ้านเช่าบื้อ ห่านกำลังทำกับข้าว หน้ามัน หัวฟู ด้านหลังเห็นบื้อเดินมายืนตรงประตูแล้วเคาะจาน ห่านหันขวับไปมองไม่พอใจ
“เสร็จยัง”
“ยัง ถ้าหิวนักก็ไปกินหญ้าก่อนไป๊”
“โทรหาคุณพรเพ็ญดีกว่า”
ห่านตกใจรีบปรับโทนเสียง
“รอซักครู่นะคะคุณบื้อ อีกไม่เกินสิบนาทีค่ะ” บื้อผิวปากเดินออกไปด้วยความสะใจ ห่านโมโหมาก “จำไว้เลย
ไอ้บื้อบ้า อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน”

ห่านหันไปเห็นพริกป่นก็นึกอะไรชั่วๆ ออก

ห่านวางกับข้าวลงบนโต๊ะ หน้าตาน่ากินมาก โย่งกับบื้อนั่งอยู่แล้ว
“ห่าน กินด้วยกันสิ” โย่งชวน ห่านชะงัก
“ไม่ล่ะ ฉันยังไม่หิว”
บื้อหันไปมองห่านเห็นห่านดูมีพิรุธก็สงสัย
“กินเหอะ” ห่านอึกอัก
“ฉันกำลังลดความอ้วน ไม่ทานข้าวเย็น”
แต่ท้องห่านร้องดังออกมาเสียงดัง ห่านตกใจหน้าถอดสี รีบจับท้องตัวเอง บื้อยิ่งสงสัย
“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก”
“ฉันตักข้าวให้ เดี๋ยวจะว่าฉันใจร้าย”
บื้อตักข้าวให้ห่าน ห่านยังยืนนิ่งหน้าเสีย บื้อเดินมาจับห่านให้นั่งลงข้างเค้า ห่านไม่มีทางหนีจำต้องนั่งลง บื้อตักกับข้าวให้ห่าน ห่านมองบื้อ คิดว่าบื้อต้องรู้แน่ๆ ว่าเธอใส่อะไรลงไปในอาหาร ห่านไม่กล้ากิน
“ทำไมไม่กิน” โย่งกำลังจะกิน บื้อรีบห้าม “อย่าเพิ่ง” โย่งอ้าปากค้าง “ให้สุภาพสตรีกินก่อน”
บื้อจ้องหน้าห่าน ห่านมองอาหารตรงหน้าไม่กล้ากิน แล้วห่านก็ทนไม่ไหว
“เลิกแกล้งฉันซักที”
“ใครกันแน่ที่แกล้ง” บื้อลุกขึ้นยืน “ใส่อะไรลงไปในนี่”
ห่านหน้าเสีย ทำโวยวายกลบเกลื่อน
“ฉันเปล่า”
“งั้นกินให้ดูดิ”
ห่านจำต้องกิน บื้อจ้องหน้า โย่งแปลกใจ แล้วห่านก็หน้าแดง เหงื่อท่วม ห่านพยายามอดทนแต่ทนไม่ไหว
ห่านคว้าน้ำมาดื่มอักๆๆ จนหมดแก้ว แต่ก็ยังไม่พอใจ คว้าขวดมาเปิดดื่มอักๆๆ ไม่หยุด ก่อนจะมองบื้อด้วยความโมโห บื้อยิ้มมุมปากสะใจแล้วก้มมาพูดใกล้หูห่าน
“แผนตื้นๆ สมองตื้นๆ ก็คิดได้แค่เนี้ย ไปไอ้โย่ง ไปหาเตี๋ยวกินกัน”
สองหนุ่มเดินออกไป โย่งยังงงๆ ห่านเจ็บใจแต่พูดไม่ออก เพราะเผ็ดจนปากแดง ได้แต่ดื่มน้ำอักๆ ก่อนจะตะโกนตามหลัง
“จำไว้ ไอ้บื้อบ้า ไอ้ซื่อบื้อ จำไว้”
ห่านซดน้ำโฮกๆ ต่อ

ที่บ้านคุณชาย คนใช้กำลังตักข้าวให้คุณชาย คุณหญิงรื่นฤดีและชนะศึก ระหว่างนั้นสมเดินพาดาหลากับดารัณเข้ามา
“ขอประทานโทษครับ คุณดาหลากับคุณดารัณมาขอพบครับ”
คุณชาย คุณหยิงรื่นฤดี ชนะศึก หันไปเห็นดาหลากับดารัณที่ยกมือไหว้
“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณหญิงที่มาตอนเวลาทานข้าว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็มาทานด้วยกันเลย” คุณหญิงรื่นฤดีบอกแล้วหันไปทางดาหลา “หนูดาหลามานั่งข้างชายสิจ๊ะ”
ดารัณเดินมานั่งข้างคุณหญิงรื่นฤดี ดาหลาทำเอียงอายเดินมาหาคุณชาย
“ดาหลาขออนุญาตนั่งด้วยคนนะคะ”
คุณชายจำต้องลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้ดาหลา คุณหญิงรื่นฤดีกับดารัณมองปลื้ม
“คุณชายเป็นสุภาพบุรุษมากเลยค่ะ เห็นแล้วก็ปลื้มใจแทนคุณหญิงที่มีลูกชายน่ารักแสนดีแบบนี้”
“คุณดารัณก็น่าอิจฉาไม่แพ้ฉันหรอกค่ะ ที่มีลูกสาวสวยน่ารักเรียบร้อยอย่างหนูดาหลา” ดารัณกับคุณหญิงรื่นฤดีหัวเราะร่วน คุณชายกับชนะศึกมองตากัน ดาหลาทำอาย “ว่าแต่คุณดารัณมาหาฉันนี่มีธุระอะไรรึเปล่าคะ”
“ฉันเห็นคุณหญิงเป็นคนกว้างขวาง ก็เลยอยากรบกวนให้คุณหญิงช่วยอนุเคราะห์หางานให้ดาหลาน่ะค่ะ”
“เรื่องแค่นี้เอง สบายมาก” คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางดาหลา “หนูดาหลาเรียนจบอะไรมาจ๊ะ”
“ดาหลาจบด้านการแสดงมาค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีอึ้งไปนิด
“จบการแสดง งั้นก็น่าจะทำพีอาร์ได้ เพราะการประชาสัมพันธ์มันต้องใช้การแสดงเพื่อทำให้ลูกค้าประทับใจ ถ้าอย่างนั้นก็มาฝึกงานเป็นพีอาร์ที่ห้างเราก็แล้วกัน” คุณชายแทบสำลัก ทุกคนหันไปมอง “สงสัยจะดีใจที่หนูดาหลามาทำงาน” คุณชายพูดไม่ออก “ฝากน้องด้วยนะลูกนะ”
“ดาหลาขอฝากเนื้อฝากตัวกับคุณชายด้วยนะคะ”
คุณชายจำต้องยิ้มรับอย่างพูดอะไรไม่ออก คุณหญิงรื่นฤดีกับดารัณหันมายิ้มให้กัน มีแต่ชนะศึกคนเดียวที่รู้ทันภรรยา ชนะศึกหันไปกระซิบคุณชายที่นั่งข้างๆ
“หนีไม่พ้นแล้วล่ะไอ้ลูกชาย”
คุณชายได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

ห่านเดินกลับมานั่งลงที่ม้านั่งหน้าบ้านในภาพที่หมดแรงสุดๆ
“อีกตั้งสามอาทิตย์กับหกวัน ฉันจะตายมั้ยเนี่ย เมื่อยแขนเมื่อยตัวไปหมดแล้ว”
ห่านเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วก็เห็นหน้าคุณชายโผล่ขึ้นมาพร้อมกับยิ้มให้
“สู้ๆ นะครับ เพื่อวันของเรา”
ห่านมีกำลังใจขึ้นมาทันที
“ค่ะคุณชาย ฉันจะสู้...เพื่อเรา”
ห่านยิ้มอย่างหายเหนื่อย

วันต่อมาที่ห้างสรรพสินค้าBKK Plaza คุณชายยืนหันหลังสีหน้ากลัดกลุ้ม เสียงเคาะประตูดังขึ้น คุณชายหันไป
“เชิญครับ”
พรเพ็ญเปิดประตูเข้ามา
“คุณคุณชายมีอะไรให้พรเพ็ญรับใช้คะ”
คุณชายมองหน้าพรเพ็ญ

ล็อบบี้ตรงโซนออฟฟิศ ดาหลากอดอก มองหน้าพรเพ็ญไม่พอใจ
“คุณชายติดประชุม? ฉันจะเข้าไปรอคุณชายในห้อง”
ดาหลาขยับตัวจะเดิน พรเพ็ญรีบขวาง
“ไม่ได้ค่ะ” ดาหลาสะดุ้ง “คุณคุณชายสั่งให้พรเพ็ญเป็นคนแนะนำคุณดาหลาเรื่องงาน” พรเพ็ญผายมือ “เชิญค่ะ”
“แกเป็นใครริอ่านจะมาแนะนำชั้น คุณชายคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควรจะแนะนำชั้นได้ หลีกไป”
ดาหลาจะเข้าไปให้ได้ พรเพ็ญจับแขนดาหลาเอาไว้ ดาหลาชักสีหน้าไม่พอใจ
“พรเพ็ญให้คุณเข้าไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
ด้านหลังดาหลาเห็นคุณชายย่องออกมา พรเพ็ญเห็นคุณชาย ขยิบตาให้รีบออกไป คุณชายพยักหน้า ดาหลาเห็นสีหน้าพรเพ็ญก็เอะใจ จะหันไป แต่พรเพ็ญจับหน้าดาหลาเอาไว้แน่น
“แกจับหน้าฉันทำไมเนี่ย ปล่อย”
“หน้าคุณเปื้อนค่ะ”
คุณชายรีบวิ่งออกไปที่หน้าลิฟต์ แต่เห็นลิฟต์อยู่ที่ชั้นล่างเลยตัดสินใจเปิดประตูบันไดหนีไฟ รีบวิ่งออกไป ประตูปิดดังปัง ดาหลาเอามือพรเพ็ญออก หันไปมอง ก่อนจะนึกอะไรได้
“คุณชาย”

ดาหลารีบวิ่งไปเปิดประตูบันไดหนีไฟ พรเพ็ญตกใจเพราะห้ามไม่ทัน

ดาหลาก้มมองเห็นหลังคุณชายวิ่งลงบันไดแว๊บๆ ก็หน้าตาตื่น
“คุณชายจริงๆ ด้วย คุณชายขา รอดาหล้าด้วย”
พรเพ็ญตามออกมา จะคว้าตัวดาหลา แต่ไม่ทัน ดาหลาวิ่งลงบันไดไปแล้ว
“คุณดาหลาจะไปไหนคะ” ดาหลาไม่ตอบ รีบวิ่งตามคุณชายไม่หยุด พรเพ็ญหน้าเสีย “แย่แล้ว”

คุณชายเปิดประตูพรวดออกมาก็ตกใจ เพราะเกือบชนกับบื้อที่ถือของเดินมา
“เวย...คุณคุณชาย”
คุณชายหันไปมองตรงประตูบันไดหนีไฟหันไปมองบื้ออย่างนึกอะไรออก บื้อมองคุณชายอย่างสงสัย
ดาหลารีบเปิดประตูออกมาเจอบื้อถือกล่องเดินมาขวางทางพอดี ดาหลาหัวเสีย
“หลีกไป” ดาหลาไปทางไหน บื้อก็ขวาง ทำให้ดาหลาไปไม่ได้ “โอ๊ย จะยืนเกะกะทำไมเนี่ย”
“ขอโทษครับ”
ดาหลาดันบื้อออกไปแล้วก็วิ่งไปตามทาง พลางมองหาคุณชายไปด้วย แต่ก็ไม่เห็น ดาหลาเดินเลี้ยวไป บื้อมองตามจนเห็นดาหลาไปลับตาก็รีบวางกล่อง แล้วเดินมาที่หน้าห้องๆ หนึ่ง บื้อเคาะประตู ไม่นานคุณชายเปิดประตูออกมา
“ไปแล้วครับ”
คุณชายโล่งอก
“ขอบใจ” บื้อจะเดินออกไป แต่คุณชายเรียกเอาไว้ “เดี๋ยว” บื้อหันมา “คุณชื่ออะไร”
“บื้อครับ”
“อยู่แผนกไหน”
“ชุดชั้นในชายครับ ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
บื้อเดินไปหยิบกล่องขึ้นมาถือแล้วเดินออกไป คุณชายมองตามบื้ออย่างถูกชะตา

รถคันสีดำดูน่าเกรงขามแล่นมาบนถนนหน้าบ้านเช่า ทำเอาคนเช่าแถวนั้นที่กำลังตากผ้า ตำน้ำพริก กวาดพื้น รดน้ำต้นไม้ หันไปมองตามเป็นตาเดียวด้วยความตื่นกลัว ขนลุกเกรียว ก่อนจะทิ้งกิจกรรมที่ทำทุกอย่างแล้ววิ่งเข้าบ้าน ปิดประตูปังปังปังปัง
โจ๊กเดินออกมาหาลุงจ๊อดที่กำลังล้างรถตุ๊กตุ๊ก สองคนหันไปมองเห็นรถสีดำที่กำลังชะลอความเร็ว ก็หน้าตาตื่นไม่แพ้คนอื่น
“ฉิบหายแล้ว เข้าบ้าน”
ลุงจ๊อดกับโจ๊กรีบเข้าบ้าน ปิดประตูปัง
ไม่นานรถคันนั้นจอดสนิทที่หน้าบ้านลุงจ๊อด ทั้งถนนเงียบสงบ มีแต่ลมพัดใบไม้ปลิว น้อยลงจากรถ พลางกวาดตามองไปทุกบ้านด้วยสีหน้าที่เอาเรื่อง
“สิ้นเดือนทีไร หายหัวกันทุกที คิดเหรอว่าแค่นี้จะทำให้ฉันเก็บค่าเช่าไม่ได้”

เสียงเคาะประตูดังปังปังปัง ลุงจ๊อดกับโจ๊กสะดุ้งโหยง หน้าซีด เหงื่อตก น้อยกำลังทุบประตูอย่างแรง
“ไอ้จ๊อด ออกมา ฉันรู้ว่าแกอยู่ข้างใน”
ลุงจ๊อดกับโจ๊กมองหน้ากัน แล้วโจ๊กก็ดันเอามือปัดไปโดนแจกัน แจกันร่วงจะหล่นพื้น แต่ลุงจ๊อดรับได้ทัน สองลุงหลานถอนหายใจ รอดไปได้อย่างหวุดหวิด แต่โจ๊กทำแจกันอีกอันหล่นแตกเพล้ง สองลุงหลานหน้าซีด
น้อยชะงักเพราะได้ยินเสียง ลุงจ๊อดร้องเสียง “เมี๊ยว” ออกมา น้อยหรี่ตาไม่เชื่อแล้วก็นึกอะไรออก
“ไอ้แมวขโมยนั่นเอง”

ลุงจ๊อดกับโจ๊กเห็นว่าเสียงเงียบไปแล้ว
“เงียบไปแล้วโว๊ย”
“กลับไปแล้วมั๊งลุง”
ลุงจ๊อดกับโจ๊กค่อยๆ เดินไปที่หลังประตู โจ๊กค่อยๆ เปิดประตูออกมาช้าๆ ลุงจ๊อดหลบอยู่ข้างประตู โจ๊กเดินออกไปก็ผงะ เพราะน้อยยืนอยู่ข้างประตู น้อยเอานิ้วแตะปากตัวเองไม่ให้โจ๊กพูด ลุงจ๊อดยังหลบอยู่ข้างประตู
“ไอ้โจ๊ก ไปยังวะ”
ไม่นานน้อยก้าวเข้ามาในบ้าน ลุงจ๊อดถึงกับตาเหลือกด้วยความตกใจมาก
“เยยย”
น้อยท้าวเอว ยืนหน้าโหด

ลุงจ๊อดยื่นเงินให้น้อยด้วยมือที่สั่นเทา น้อยจับเงิน ลุงจ๊อดไม่ยอมปล่อย น้อยตีมือเพี๊ยะ ลุงจ๊อดสะดุ้งรีบปล่อยมือออกจากเงินแทบไม่ทัน น้อยเอานิ้วแตะน้ำลายแล้วนับเงินสีหน้าพอใจ แล้วก็สะบัดพรืดเดินออกไป ลุงจ๊อดนั่งยองๆด้วยความเซ็ง
“หมด...หมดกัน แล้วเดือนนี้ทั้งเดือน จะเอาอะไรกินวะไอ้โจ๊ก”
โจ๊กมองลุงจ๊อดด้วยความเห็นใจ ก่อนจะนั่งยองๆ ลงข้างๆ พลางถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

ที่ห้างสรรพสินค้าBKK Plaza ดาหลาเดินมาเจอพรเพ็ญก็ผงะ
“เจอคุณคุณชายมั้ยคะ”
“ไม่เจอ”
“พรเพ็ญเรียนคุณแล้วว่าคุณคุณชายประชุม และคุณคุณชายก็ได้มีคำสั่งให้พรเพ็ญพาคุณไปชมส่วนต่างๆ ของห้างเรา คำสั่งของคุณคุณชาย หวังว่าคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เชิญค่ะ”
พรเพ็ญผายมือ ดาหลาจ้ำเดินออกไปด้วยความกระฟัดกระเฟียด

พรเพ็ญเดินนำดาหลามาตามทาง
“ชั้น 1 จะเป็นแผนกเครื่องสำอาง แผนกนาฬิกา แผนกชุดสตรี และแผนกรองเท้า”
ดาหลาเดินตามพรเพ็ญอย่างเซ็งๆ พลางหาวไปด้วย
ที่แผนกเครื่องสำอาง เจ๊มะพร้าวกำลังเขียนขอบตาให้ลูกค้าวัยกลางคน
“เขียนอายลายเนอร์แบบคมเข้ม เด่นชัด มีหางด้านหลังแบบตาแมว เหมาะกับหน้าคุณลูกค้าม๊ากมาก เก๋สุดๆ”
ทันใดนั้นเจ๊มะพร้าวโดนบางอย่างชนเข้าที่บั้นท้ายอย่างแรง ทำให้เจ๊มะพร้าวพลาดเขียนหางตาลูกค้ายาวไปเกือบถึงหู ลูกค้าตกใจ เจ๊มะพร้าวหันขวับไปเจอจีจี้ รุ่นน้องร่วมแผนก ก็ไม่พอใจทันที
“จิระศักดิ์ แกไม่เห็นเหรอว่าฉันแต่งหน้าให้ลูกค้าอยู่ เดินชนมาได้ ทำตัวให้ผอมกว่านี้หน่อยได้มั๊ย”
“น้องชื่อจีจี้ค่ะ กรุณาเรียกให้ถูกด้วย แล้วอีกอย่าง ก่อนจะมาบอกให้น้องผอม บอกตัวเองให้ผอมก่อนเถอะค่ะ ตัวหยั่งกะโอ่งมังกร”
เจ๊มะพร้าวโมโหมาก หันไปมาท้าวเอว หน้าเอาเรื่อง สองคนเอาหน้าผากชนกัน เอาตัวดันกันเหมือนซูโม่ เจ๊มะพร้าวกับจีจี้พุงแทบจะชนกันเพราะบู๊ธมันแคบ ลูกค้าเห็นแล้วก็กลืนน้ำลายเอื๊อก
“พูดเหมือนตัวแกผอมนักนี่ นังก้านกล้วย”
เจ๊มะพร้าวเอาตัวชนจีจี้ จีจี้เกือบล้ม ดีที่ทรงตัวได้ทัน จีจี้โมโหมาก เอาตัวกระแทกเจ๊มะพร้าวเต็มแรง ทำให้เจ๊มะพร้าวเซชนไปลูกค้าตกเก้าอี้โครม เจ๊มะพร้าวกับจีจี้ตกใจ
“ว้าย”
ลูกค้าหน้าเหยเก ระหว่างนั้นพรเพ็ญพาดาหลามาถึงพอดี

“ตายแล้ว” พรเพ็ญรีบเข้ามาประคองลูกค้าให้ลุกขึ้น “นี่มันเกิดอะไรขึ้นห๊ะ”

พรเพ็ญหันไปทางเจ๊มะพร้าวกับจีจี้ สองคนก้มหน้างุด พรเพ็ญหันไปทางลูกค้าพร้อมกับยกมือไหว้ “พรเพ็ญต้องกราบขอประทานโทษคุณลูกค้าเป็นอย่างสูงที่ลูกน้องของพรเพ็ญทำให้ท่านล้ม”
“ไม่เป็นไร” ลูกค้ากุมสะโพกระบม “อูย...ไม่เป็นไร” เจ๊มะพร้าวกับจีจี้ยิ้มอย่างโล่งใจ ลูกค้าแว๊ดขึ้นมา “แต่ฉันจะไม่มาซื้อของที่ห้างนี้อีกแล้ว”
เจ๊มะพร้าวกับจีจี้หุบยิ้มแทบไม่ทัน ลูกค้าจ้ำเดินออกไปทันที พรเพ็ญหันมาทางเจ๊มะพร้าวกับจีจี้หน้าตาไม่พอใจ
“ทำรายงานเรื่องนี้มาส่งฉัน ทั้งคู่”
“ค่ะ”
แล้วเจ๊มะพร้าวก็เพิ่งสังเกตเห็นดาหลา เจ๊มะพร้าวตกใจมาก ดาหลามองหน้าเจ๊มะพร้าวแล้วก็นึกย้อนกลับไป
“แน่จริงก็อย่าปิดกระจกสิ แหกตาดูสิว่านี่มันเป็นที่จอดรถแท็กซี่ ถ้าจะเข้าห้างก็ออกไปอีกเลนหนึ่ง เป็นถึงนางงามแต่อ่านหนังสือไม่ออกเหรอไง”
“อีบ้า แกนึกว่าแกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาด่าฉันอีพวกสถุล”
ห่านกับแหม่มอึ้ง เจ๊มะพร้าวควันออกหู ตบที่ฝากระโปรงรถดาหลาดังปัง ดาหลาตกใจ
“ถือว่าตัวเองเป็นนางฟ้านางสวรรค์เหรอไงถึงเที่ยวด่าคนอื่น แน่จริงลงมาเลย” มะพร้าวเตะไปที่ล้อรถ “แม่จะตบให้ลืมทางกลับบ้านเลย ลงมาสิ ลงมา”
ดาหลาจ้องหน้าเจ๊มะพร้าวแล้วก็ยิ้มมุมปาก เจ๊มะพร้าวหน้าซีด รีบก้มหน้างุดทันที พรเพ็ญนึกขึ้นมาได้
“อ้อ ลืมแนะนำไป ว่าคุณดาหลา จะเข้ามาฝึกงานที่ห้าง ทำความรู้จักไว้สิ เพราะคงจะได้เจอกันทุกวัน”
เจ๊มะพร้าวตกใจสุดขีด จีจี้ยกมือไหว้ดาหลา ดาหลารับไหว้แล้วปรายตามองเจ๊มะพร้าว
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณ” ดาหลามองป้ายชื่อ “สมรศรี”
เจ๊มะพร้าวกลืนน้ำลายเอื๊อก หน้าซีด เหงื่อตก

ห่านกับแหม่มตกใจมากเมื่อเจ๊มะพร้าวโทรมาเล่าเรื่องดาหลา
“ยัยนางงามมาฝึกงานที่นี่”
“ใช่ ถ้ายัยนั่นจำเจ๊ได้ มันต้องไปฟ้องคุณชายให้ไล่เจ๊ออกจากที่นี่แน่ๆ”
เจ๊มะพร้าวหน้าแย่ ห่านกับแหม่มหน้าเสีย

ขณะที่ห่านคุยโทรศัพท์ก็เห็นพรเพ็ญเดินมากับดาหลา ห่านตาเหลือก
“แค่นี้ก่อนนะ ยัยนางงามมาที่แผนกฉัน”
ห่านรีบวางสาย สีหน้ากังวลใจมากแล้วก็รีบก้มหน้าก้มตา ทำความสะอาดรองเท้า ระหว่างนั้นพรเพ็ญพาดาหลามาถึงแผนกรองเท้าสตรี
“นี่คือแผนกรองเท้าสตรี ซึ่งเป็นแผนกที่มีลูกค้ามากที่สุดค่ะ”
แอปเปิ้ลกับปีโป้เห็นดาหลาก็รีบเสนอหน้าเข้ามาหาทันที
“คุณดาหลาสวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อแอปเปิ้ล”
“ดิฉันชื่อปีโป้ค่ะ”
“หลังจากวันนี้ คุณดาหลาจะเข้ามาฝึกงานเป็นพีอาร์ที่ห้างของเรา”
แอปเปิ้ลกับปีโป้แทบกรี๊ด
“โอ๊ะ ตายแล้ว ห้างของเราได้นางงามสุดสวยอย่างคุณดาหลามาเป็นพีอาร์ คงจะทำให้ห้างBKK Plaza ขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามากกว่าเดิม”
“และคงจะเป็นห้างเดียวที่มีพีอาร์สวยที่สุดในประเทศไทย”
“พูดจาดี” ดาหลาชอบใจ
พรเพ็ญเอือมๆ เพราะรู้สันดานสองคนนี้ดี พลันเสียงมือถือดังขึ้น
“ขออนุญาตรับสายซักครู่นะคะ” พรเพ็ญกดรับสาย “ฮัลโหล...” พรเพ็ญฟัง แล้วชะงัก ดูมีพิรุธ “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” พรเพ็ญวางสายหันมาทางดาหลา “ฝ่ายสต็อกมีปัญหานิดหน่อย พรเพ็ญต้องรีบไปจัดการ”
“รีบไปเถอะค่ะคุณพรเพ็ญ พวกเราจะดูแลคุณดาหลาให้เอง”
พรเพ็ญเดินออกไป
“เชิญชมรองเท้าก่อนมั้ยคะ”
ดาหลาพยักหน้าเข้ามาดูรองเท้า แอปเปิ้ลกับปีโป้ดีใจ ห่านทำความสะอาดไปก็ลอบมองดาหลาใจเต้นไม่เป็นสุข ดาหลาหันไปเห็นรองเท้าที่ห่านกำลังทำความสะอาดก็สนใจ เดินไปหาห่าน ห่านเห็นทางหางตาว่าดาหลาเดินมาก็ยิ่งตื่นเต้น
“นี่เธอ” ห่านแทบช็อก ไม่กล้าหันไป “ขอดูรองเท้าที่เธอถือหน่อย”
ห่านไม่ทันหันไป แอปเปิ้ลก็เข้ามากระชากรองเท้าจากมือห่าน ห่านผงะ
“เอามานี่ ฉันจัดการเอง ทำอะไรชักช้า” แอปเปิ้ลหันไปทางดาหลาเอาใจ “เชิญลองได้เลยค่ะ”
ดาหลานั่งลงหันหลังให้ห่าน ห่านหันมามองเห็นแอปเปิ้ลย่อตัวถอดรองเท้าให้ดาหลา ห่านถอนหายใจโล่งอก

พรเพ็ญยืนอยู่กับคุณชายในห้องทำงาน
“ขอบคุณคุณพรเพ็ญมากนะครับที่ช่วยผม”
“พรเพ็ญมีข้อสงสัยอยากถามค่ะ”
“ถามมาได้เลยครับ”
“คุณคุณชายจะหลบคุณดาหลาได้ทุกวันเหรอคะ”
คุณชายเงียบไป คิดตาม แล้วก็กลุ้ม
“นั่นสิครับ แล้วผมจะทำยังไงดี”
“พรเพ็ญขออนุญาตแนะนำนะคะ”

คุณชายหันไปมองพรเพ็ญด้วยความสนใจ

อ่านต่อเวลา 17.00น.

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 2 (ต่อ)

ที่แผนกรองเท้าสตรี มีรองเท้าหลายคู่เกลื่อนเต็มพื้น ดาหลาหันไปมาทางแอปเปิ้ลกับปีโป้
“ฉันเอาทุกคู่ แต่ขอใหม่ทั้งหมด”
แอปเปิ้ลกับปีโป้ตาโต อ้าปากค้าง
“ได้เลยค่ะ รอซักครู่นะคะ ปีโป้ ไปเอาของ”
ปีโป้กับแอปเปิ้ลรีบเดินออกไปด้วยความดีใจ ระหว่างนั้นคุณชายเดินมาหยุดมองดาหลา ดาหลายังไม่เห็นคุณชายเพราะกำลังชื่นชมกับรองเท้า คุณชายมองดาหลาแล้วก็นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ตอนที่คุยกับพรเพ็ญ
“จากการที่พรเพ็ญได้พบคุณดาหลา พรเพ็ญสามารถวิเคราะห์ได้ว่าคุณดาหลาเป็นคนหัวสูง แบ่งชนชั้น เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ ไม่มีน้ำใจ” คุณชายนิ่งไปขณะที่พรเพ็ญพูด พรเพ็ญชะงัก “อุ้ย...พรเพ็ญคงพูดมากเกินไป ขอประทานโทษค่ะ”
“ไม่เลยครับ ที่คุณพรเพ็ญพูดมา ถูกทุกอย่าง แล้วผมควรทำยังไง”
“คุณคุณชายไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ แค่เป็นตัวของตัวเอง แล้วคุณดาหลาเธอก็จะไปจากคุณคุณชายเอง”
คุณชายมองพรเพ็ญแล้วก็คิดตาม
คุณชายสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะเดินไปหาดาหลา
“คุณดาหลาครับ”
ดาหลาหันมาเห็นคุณชายก็ดีใจมาก
“คุณชาย”
“นี่ก็เที่ยงแล้ว ผมจะมาชวนคุณดาหลาไปทานอาหารครับ” ดาหลายิ้มปลื้ม
“ได้สิคะ อาหารญี่ปุ่น หรืออาหารอิตาลีดีคะ”
คุณชายมองดาหลา ยิ้ม ไม่พูดอะไรออกมา

บรรยากาศพักเที่ยงที่โรงอาหารพนักงาน พนักงานกำลังเข้าแถวซื้ออาหาร ห่าน แหม่มนั่งข้างเดียวกัน เจ๊มะพร้าวนั่งตรงข้าม เจ๊มะพร้าวกินไปพูดไป ห่านแค่จิ้มๆ ส่วนแหม่มกำลังแต่งหน้า
“ความสุขของเจ๊กำลังจะหมดไป เพราะยัยนางงามเรื่องเยอะคนนั้น”
“ห่านว่าเราก็ตัดปัญหา โดยการไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับเค้า ถ้าเจอ ก็หลบ”
“จริงอย่างที่ห่านมันพูด เจ๊อย่าเซ็งเลย”
ระหว่างนั้นบื้อกับโย่งเดินเข้ามา เจ๊มะพร้าวเห็น
“เจ๊ไม่เซ็งแหละ” ห่านกับแหม่มสงสัย หันไปเห็นบื้อกับโย่ง ห่านชะงัก เจ๊มะพร้าวยกมือเรียก “น้องบื้อ น้องโย่ง มานั่งข้างเจ๊นี่มา”
“เรียกมานั่งด้วยทำไมเจ๊”
“ที่นั่งมันเต็ม แกไม่เห็นเหรอไง” เจ๊มะพร้าวตบเก้าอี้ข้างๆ “มามะ เด็กๆ”
บื้อกับโย่งเดินมานั่งประกบเจ๊มะพร้าว ห่านเมินหน้าหนีไปทางอื่น โย่งยิ้มให้แหม่ม แหม่มย่นจมูกให้ โย่งจ๋อย
ระหว่างนั้นพรเพ็ญเดินพาคุณชายกับดาหลาเข้ามา ดาหลาชะงัก หันไปมองคุณชายสีหน้าประหลาดใจ
“อย่าบอกนะคะว่าคุณชายจะทานอาหารที่นี่”
“ครับ”
คุณชายไม่สนใจดาหลาเดินไปยืนข้างพรเพ็ญ ดาหลาเบ้หน้ารังเกียจทันที พรเพ็ญพูดใส่โทรโข่ง
“ขออภัยที่ต้องขัดจังหวะการทานอาหารเที่ยง”
ทุกคนหันไปมองพอเห็นคุณชายก็ตกใจ ห่านถึงกับทำช้อนหล่น หน้าซีดอย่างแรง หันไปเจอสายตาบื้อที่มองเธอด้วยความสะใจ สติก็จะแตก เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันมาทางห่าน
“เวรแล้วไงนังห่าน เจ๊ว่าแกรีบหาทางมุดหนีออกไปเหอะ”
“จะออกไปได้ไงเจ๊ ยืนขวางประตูขนาดนั้น”
“วันนี้ห้องอาหารพนักงานของเราได้รับเกียรติจากคุณคุณชาย ผู้บริหารระดับสูงของห้าง ให้เกียรติมาร่วมรับประทานอาหารกับเราด้วย”
พนักงานปรบมือ ส่งเสียงเฮฮา คุณชายโปรยยิ้มไปรอบๆ ดาหลากอดอก ยืนเซ็ง ห่านหน้าซีดเหลือสองนิ้ว
“ทำไงดีอ่ะเจ๊ แหม่ม”
“เตรียมคำสารภาพบาปเอาไว้เถอะ” บื้อบอก
“เก็บปากไว้กินข้าวดีกว่ามั้ยยะ”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองห่านกับบื้อสงสัย
“น้องบื้อรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
ห่านพยักหน้า เจ๊มะพร้าวกับแหม่มตกใจ โย่งงง
“รู้เรื่องอะไรกันเหรอครับ”
“รู้เรื่องที่แกไม่ต้องรู้ไง”
โย่งยิ่งไม่เข้าใจ คุณชายก้าวมาด้านหน้า
“เชิญทุกคนตามสบายนะครับ ผมอยากรู้ว่าพนักงานมีความสะดวกสบายมั๊ย อาหารถูกสุขลักษณะหรือไม่ เผื่อมีข้อบกพร่อง ผมจะได้แก้ไข”
คุณชายค้อมตัว ทุกคนปรบมือ มองด้วยความชื่นชม
“หล่อ แสนดี จนอยากเอาใส่ถุงกลับบ้าน” เจ๊มะพร้าวเพ้อ
“อย่าเพิ่งเพ้อได้มั้ยเจ๊ ช่วยคิดหาทางให้ฉันก่อน”
ห่านอยากจะบ้าตาย
“คุณคุณชายจะรับอะไรดีคะ”
“ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวก็ได้ครับ คุณดาหลาล่ะครับ”
“สปาเก็ตตี้คาโบนาร่ามีมั้ยคะ”
“ไม่มีค่ะ มีแต่เส้นเล็กแห้ง รับมั้ยคะ”
“ไม่” ดาหลาหันไปทางคุณชาย “เชิญคุณชายตามสบาย ดาหลายังไม่หิว ขอตัว” ดาหลาหันหลังเดินฉับๆ ออกไป คุณชายไม่สนใจ ดาหลาใจเสีย หยุดเดินหันมา “ดาหลาไปจริงๆ นะคะคุณชาย”
คุณชายยิ้มอย่างสุภาพพร้อมผายมือ
“เชิญครับ”
คุณชายหันมาทางพรเพ็ญ สองคนลอบยิ้มให้กัน ดาหลาหัวเสียมากๆ กระทืบเท้าจ้ำเดินออกไปทันที
“ถ้าอย่างนั้นพรเพ็ญขออนุญาตไปสั่งอาหารให้คุณชาย คุณชายเชิญหาที่นั่งได้ตามสบายเลยค่ะ”
คุณชายพยักหน้า พรเพ็ญเดินออกไป คุณชายหันไปเห็นบื้อนั่งอยู่ก็จำได้เลยเดินมาหา แหม่มเห็น หันขวับมาทางห่านที่นั่งเอามือถูกันด้วยความกังวลใจมากๆ
“ไอ้ห่าน ที่สิบห้านาฬิกากำลังพุ่งมาทางนี้”
ห่านตกใจมาก ค่อยๆ หันไปมองเห็นคุณชายที่กำลังพุ่งมาที่โต๊ะก็ตกใจมาก หันมา บื้อขำ
“ญาติเสียเหรอไง”
“ญาติชั้นไม่เสียหรอก แต่เธอเหอะเตรียมตัว ‘เสียคน’ ไว้ให้ดี” บื้อบอก ห่านลุกพรวด
“ไปล่ะโว้ย”
“ไม่ทันแล้ว”
ห่านตกใจมาก คุณชายมาหยุดยืนด้านหลังห่าน

“สวัสดีครับคุณบื้อ”

ห่านชะงัก ทำไมคุณชายรู้จักกับนายซื่อบื้อ โย่งรีบลุกขึ้นยืน ทำความเคารพเสียงดัง
“สวัสดีครับ ผม นายยิ่งยง เป็นรปภ.ประจำห้างฯครับพ้ม”
คุณชายขำกับท่าทางของโย่ง
“สวัสดีครับ นั่งตามสบายเถอะ”
“ขอบคุณครับ”
คุณชายยิ้มให้เจ๊มะพร้าว แหม่มและโย่ง เจ๊มะพร้าวส่งยิ้มหวาน พร้อมลุกขึ้นยืนไหว้นอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณคุณชาย ดิฉันชื่อ สมรศรี หรือ มะพร้าว อยู่แผนกเครื่องสำอาง สัดส่วน...”เจ๊มะพร้าวโพสต์ท่าตามไปด้วย “สามสิบสี่ ยี่สิบสี สามสิบห้า สูงร้อยกว่ากว่า ชอบไหมชอบไหมชอบไหม” เจ๊มะพร้าวเริ่มร้องเพลงพร้อมเต้นด้วยความลืมตัว “สะโพกขนาดนี้ เซ็กซี่ขนาดไหนไม่ต้องบรรยาย รับรองจะต้องผวา ทุกส่วนเต่งตึง ไม่เคยดึงหน้าตา”
แหม่มรีบสะกิด
“พอได้แล้วเจ๊”
“อุ้ย...เจ๊ลืมตัว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากให้ทุกคนเป็นกันเองกับผมแบบนี้แหละครับ”
คุณชายหันไปมองด้านหลังห่าน ห่านไม่หันมา นั่งนิ่งรีบเอาผมมาปิดหน้าด้านข้าง คุณชายเดินอ้อมมาตรงหน้าห่าน เห็นสภาพห่านก็ผงะด้วยความแปลกใจ
“ถ้ายังไงผมขอนั่งด้วยคนนะครับ” คุณชายถามทุกคน บื้อรีบพูด
“ได้เลยครับ นั่งตรงที่ผมก็ได้”
ห่านชะงัก ลอบมองบื้อผ่านเส้นผมที่ปรกมาบังหน้าด้วยความโมโห รู้ว่าบื้อจงใจแกล้ง บื้อขยับ ให้คุณชายนั่งตรงข้ามห่านพอดี๊พอดี
ห่านเสียววาบ หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ทุกคนมองห่านเป็นห่วงมาก ยกเว้นบื้อที่ดูว่าห่านจะหนีรอดไปจากตรงนี้ได้ยังไง ส่วนโย่งงงๆไม่เข้าใจ คุณชายมองห่านเห็นห่านตัวสั่นก็แปลกใจ
“คุณไม่สบายรึเปล่าครับ ทำไมตัวสั่นแบบนี้”
“ใช่ค่ะ เพื่อนฉันไม่ค่อยสบาย ถ้าไม่ไหว ก็รีบไปที่ห้องพยาบาลเถอะ” แหม่มรีบบอก
ห่านพยักหน้า รีบลุกขึ้น แต่เร็วไปหน่อย ทำให้สะดุดขาโต๊ะล้มจับกบ ตรงหน้าพรเพ็ญที่เดินถือจานข้าวกะเพราเดินมา ทุกคนในนั้นต่างหัวเราะกับท่าทางของห่าน
“เอ้า เดินยังไงล้มหัวทิ่มแบบนั้นห๊ะยัยหฤทัย”
ห่านไม่ตอบ รีบลุกแล้ววิ่งออกไปทันที คุณชายมองตามห่านงงๆ บื้ออมยิ้มขำๆ เจ๊มะพร้าว แหม่มถอนหายใจอย่างโล่งอก

มุมหนึ่งภายในห้าง ห่านหันมาทางเจ๊มะพร้าวกับแหม่มหน้าแย่มากๆ
“ไม่ไหวแล้ว ถ้าต้องตื่นเต้นแบบนี้ทุกวัน หัวใจวายตายแน่”
“แกแน่ใจว่าไม่อยากอยู่ในความฝันอีกแล้ว”
“ความฝัน ยังไงก็คือความฝัน ซักวันเราก็ต้องตื่น เพียงแต่ความฝันครั้งนี้ เราตื่นขึ้นมาเร็วหน่อยก็เท่านั้นเอง ห่านไม่อยากโกหกคุณชายอีกต่อไป ห่านจะบอกความจริงกับเค้า”
“หมายความว่าชั้นต้องแอบเอาชุดให้แกอีกแล้วใช่มั๊ย”
“ไม่ต้อง ฉันไม่อยากให้แกกับเจ๊เดือดร้อน แค่รองเท้าคู่เดียวก็พอ ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ฉันมีชุดก็อปแบรนด์หรูๆ พอถูไถไปได้”
“ถ้างั้น แกไปรอหลังห้าง ฉันจะเอารองเท้าออกไปให้แกเอง”
ห่านพยักหน้า สีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองมองหน้ากัน เหมือนคิดอะไรได้บางอย่าง

คุณชายกำลังคุยโทรศัพท์กับห่าน สีหน้าตื่นเต้นดีใจ
“คุณฮันนี่จะนัดดินเนอร์กับผมคืนนี้เหรอครับ ด้วยความเต็มใจครับ”
คุณชายวางสายเดินยิ้มมีความสุขออกไป
ดาหลาเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา เห็นคุณชายกำลังยิ้มๆ ก็ชะงัก ตุ๊กติ๊กรีบตามเข้ามาหน้าอย่างเสีย
“ขอโทษนะคะคุณชาย คือดิฉันห้ามคุณดาหลาแล้วแต่เธอไม่ฟัง”
“ไม่เป็นไร คุณออกไปเถอะ”
ตุ๊กติ๊กรีบออกไป ดาหลามองคุณชายไม่ค่อยพอใจ
“ทำไมคุณชายทิ้งดาหลาเอาไว้คะ” คุณชายชะงัก “คุณหญิงแม่บอกให้คุณชายคอยดูแลสอนงานให้ดาหลาไม่ใช่เหรอคะ คุณชายทำแบบนี้เหมือนรังเกียจดาหลา”
“ผมไม่ได้ทิ้งคุณนะครับ ผมชวนคุณทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่คุณขอตัวออกไปเอง” ดาหลาหน้าเสีย
“แต่ถึงอย่างนั้น คุณชายทานเสร็จก็ควรจะโทรหาดาหลาซักนิด ไม่ใช่ปล่อยให้ดาหลาเคว้งคว้าง ไม่มีที่ไป ดาหลาไม่พอใจนะคะเนี่ย” คุณชายถอนใจเซ็ง
“แล้วคุณดาหลาจะให้ผมทำยังไง”
ดาหลายิ้มพร้อมจับแขนคุณชาย คุณชายผงะ
“คุณชายไปต้องดินเนอร์กับดาหลาเย็นนี้ค่ะ”
คุณชายแกะมือดาหลาออกอย่างมีมารยาท
“วันนี้ผมมีนัดแล้วครับ”
“มีนัดกับใครคะ”
คุณฮัน...”คุณชายตกใจที่เกือบหลุดปาก ดาหลาหรี่ตามอง คุณชายรีบเปลี่ยนคำพูด “คุณเฮนรี่ ลูกค้าของบริษัทน่ะครับ”
“เหรอคะ? ให้ดาหลาไปด้วยได้มั้ยคะ”
“ผมเกรงว่าจะไม่สะดวก เดี๋ยวคุณดาหลาจะเบื่อ”
“ถ้างั้นดาหลาไม่ไปด้วยก็ได้ค่ะ แต่ครั้งหน้าคุณชายห้ามปฏิเสธดาหลาอีกนะคะ” คุณชายยิ้ม “ดาหลาไปล่ะค่ะ”
ดาหลาเข้ามาหอมแก้มคุณชายโดยที่คุณชายไม่ทันตั้งตัว ทำเอาคุณชายอึ้ง ดาหลาส่งยิ้มหวานแล้วเดินออกไป คุณชายเอามือเช็ดแก้มตัวเองแล้วเซ็ง

“นี่หรือนางสาวไทยสยาม”

น้อยเดินเข้ามาในบ้าน พลางบ่นไปไม่หยุด
“เก็บยากเก็บเย็นเหลือเกินไอ้ค่าเช่าเนี่ย พูดจนปากเปียกปากแฉะ”
ด้านหลังน้อย มีบางคนแอบมองอยู่ เท้าคู่นั้นค่อยๆ ย่องออกมาก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากบ้าน น้อยหยุดเดิน หันขวับไปมอง เพราะรู้สึกมีบางอย่างวิ่งออกไป
“นั่นใคร”
เงียบไม่มีเสียงตอบ น้อยคิดนิดนึงแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ก่อนจะตกใจ
“คุณหนูจ๋า”

น้อยวิ่งออกมาเห็นรถแล่นออกไปช้าๆ น้อยตกใจมาก รีบตามมาข้างรถ แล้วเคาะกระจก
“คุณหนูจ๋า คุณหนู...” กระจกเปิด คุณหนูจ๋า ยิ้มให้น้อย “คุณหนูจะเอารถไปไหนคะ”
“ไปซื้อของหน้าปากซอย”
“ให้คนขับขับไปสิคะ”
“ก็ได้”
คุณหนูจ๋าจอดรถ น้อยโล่งอก ถอยหลังออกมา แต่คุณหนูจ๋ากลับซิ่งออกไปทันที น้อยตกใจ
“คุณหนู” คุณหนูจ๋ายื่นมือออกมาบ๊ายบาย แล้วก็ขับรถออกไป น้อยถอนใจ “หลอกน้อยอีกแล้ว”

โจ๊กกำลังเก็บผ้าที่ตาก แต่ผ้าปลิวออกไปกลางถนน โจ๊กรีบออกไป ขณะนั้นรถคุณหนูจ๋าแล่นมาตามทาง
ในรถ คุณหนูจ๋าหยิบซีดีออกมาจะใส่เข้าไป แต่ซีดีหล่นพื้นตรงที่นั่งข้างคนขับ คุณหนูจ๋าเอื้อมมือไปเก็บ แต่เก็บไม่โดน เลยหันไปมอง โจ๊กวิ่งมาเก็บผ้าที่หล่นกลางถนน หันไปเห็นรถคุณหนูจ๋าแล่นมา โจ๊กตกใจมาก
คุณหนูจ๋าหยิบซีดีขึ้นมา หันไปมองด้านหน้า เห็นโจ๊กยืนอยู่ก็ตกใจสุดๆ รีบหักหลบ โจ๊กยืนตัวแข็ง หน้าซีด พูดไม่ออก รถคุณหนูจ๋าเบรกเอี๊ยด คุณหนูจ๋ารีบลงจากรถมาหาโจ๊กที่ยืนหันหลังให้
“ขอโทษนะคะ”
โจ๊กโมโหมากหันไป
“ขับรถภาษาอะไร...”
ทันทีที่เห็นหน้าคุณหนูจ๋าโจ๊กถึงกับอึ้งตะลึงในความน่ารัก คุณหนูจ๋าเห็นโจ๊กนิ่งไปก็ใจเสีย
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
“ปะ...เปล่า...”
ระหว่างนั้นลุงจ๊อดวิ่งออกมา
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้โจ๊ก”
“หนูจ๋าเกือบขับรถชนเค้าน่ะค่ะ” คุณหนูจ๋าบอก ลุงจ๊อดรีบมาดูโจ๊ก
“แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าห๊ะ”
“ไม่เป็นลุง”
“แน่ใจนะ” ลุงจ๊อดนึกอะไรขึ้นมาได้ หันไปทางคุณหนูจ๋า “ภายนอกไม่เป็นอะไร แต่หลานผมมันคงขวัญเสียไปแล้วล่ะครับ หนูดูหน้ามันสิ ซีดหยั่งกับไก่ต้ม ดีนะที่มันไม่ช็อก มันยิ่งเป็นโรคหัวใจอยู่” โจ๊กงง
“โรคหัวใจ”
ลุงจ๊อดขยิบตาส่งซิกให้โจ๊ก
“เออ...” ลุงจ๊อดดึงโจ๊กมากอด “ใจเย็นนะหลานรักของลุง อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ ลุงมีเอ็งเป็นหลานคนเดียว” ลุงจ๊อดแกล้งร้องไห้ “ถ้าเกิดเอ็งเป็นอะไรขึ้นมา แล้วลุงจะทำยังไง โฮๆ” โจ๊กงงมาก คุณหนูจ๋าหน้าเสีย
“มีอะไรให้หนูจ๋าช่วยมั๊ยคะ”
ลุงจ๊อดหันไปมองคุณหนูจ๋าสีหน้าเจ้าเล่ห์

ลุงจ๊อดนับเงินเดินเข้ามาในบ้าน สีหน้ามีความสุขมาก โจ๊กตามเข้ามา
“ลุงไปหลอกเอาเงินเค้าทำไม”
“ข้าไม่ได้หลอกนะโว้ย นี่เป็นค่าทำขวัญที่เอ็งสมควรจะได้ ... รอดไปอีกเดือนแล้วกู”
ลุงจ๊อดมีความสุขมาก โจ๊กได้แต่ถอนหายใจ รู้สึกผิดกับคุณหนูจ๋า

หน้าห้องทำงานคุณชาย ดาหลายื่นแบงค์พันหลายใบให้ตุ๊กติ๊ก ตุ๊กติ๊กตาลุกวาว
“คุณดาหลาให้ดิฉันทำไมคะ”
“ต่อไปนี้ เธอต้องคอยเป็นสายรายงานฉันว่าคุณชายไปไหน ไปกับใคร และทำอะไร เริ่มจากเย็นนี้ หาคำตอบให้ฉันว่าคุณชายไปดินเนอร์ที่ไหน”
ตุ๊กติ๊กรีบเอาเงินมาเก็บ แล้วก็พยักหน้ารับ

แผนกรองเท้าสตรี แหม่มเอารองเท้าสีทองใส่ถุง แล้วก็ใส่กระเป๋าสะพาย ก่อนจะเดินออกไป แอปเปิ้ลกับปีโป้มองตามแหม่มด้วยความสงสัย
“นังแหม่มมันเอาอะไรใส่กระเป๋า”
ปีโป้มองไปตรงที่วางรองเท้าสีทอง ไม่เห็นรองเท้าก็ตกใจ
“รองเท้าคู่สีทองหายไป”
แอปเปิ้ลรีบวิ่งมาดู พร้อมกับปีโป้ เห็นว่ารองเท้าหายไปจริงๆ
“หายไปจริงๆ ด้วย”
แอปเปิ้ลครุ่นคิดบางอย่างหรี่ตาร้ายกาจ

แหม่มกับเจ๊มะพร้าวรีบออกมาหาห่านที่รออยู่ แหม่มเอาถุงรองเท้าออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นให้ห่าน
“รีบไปได้แล้วแก”
ห่านรับถุงรองเท้ามา กำลังจะเดินออกไป แต่พรเพ็ญ แอปเปิ้ล ปีโป้ เดินออกมา
“อย่าเพิ่งไป”
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวหันไปก็ผงะ
“ผู้จัดการ”

“ขอดูของในถุง”

 
ห่านหน้าซีด แหม่มกับเจ๊มะพร้าวดูชิลมาก แอปเปิ้ลเข้ามากระชากถุงในมือห่านส่งให้พรเพ็ญโดยที่ห่านไม่ทันตั้งตัว ห่านคิดว่าแย่แน่ พรเพ็ญเปิดถุงเอารองเท้าออกมา แอปเปิ้ลกับปีโป้ยิ้มสะใจ
 
“เป็นอย่างที่แอปเปิ้ลบอกมั้ยคะผู้จัดการขา หฤทัยสมรู้ร่วมคิดกับเพื่อน ขโมยของในห้าง”
“ใช่ค่ะ”
ห่านรีบออกตัว
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแหม่มและเจ๊มะพร้าวนะคะ ห่านเป็นคนต้นคิดทุกอย่าง ห่านขอรับผิดชอบคนเดียวค่ะ”
“นางเอกมั่กๆ แต่ถึงจะเป็นนางเอก แต่ก็ต้องโดนไล่ออกอยู่ดี”
“ถูก”
“เงียบ” แอปเปิ้ลกับปีโป้เงียบ “ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“คุณผู้จัดการคะ อย่าไปเชื่อสองคนนี้เลยนะคะ”
“หลักฐานคาตา ยังจะมีอะไรแก้ตัวอีก”
แหม่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรง หยิบใบเสร็จออกมา ยื่นไปตรงหน้าพรเพ็ญ
“รองเท้าคู่นี้ แหม่มกับเจ๊มะพร้าวซื้อแล้วค่ะ”
ห่านอึ้ง แอปเปิ้ลกับปีโป้เหวอ พรเพ็ญรับใบเสร็จมาดู แอปเปิ้ลกับปีโป้ชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย
“รองเท้าคู่นี้ถูกซื้อแล้วจริงๆ”
“ผู้จัดการอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็นคะ บางทีมันอาจจะทำปลอมขึ้นมาก็ได้” แอปเปิ้ลรีบบอก
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญผู้จัดการตรวจสอบได้เลยค่ะ”
พรเพ็ญหันไปมองห่าน แหม่มและเจ๊มะพร้าว

พรเพ็ญเปิดสมุดเช็คสินค้า ก่อนจะปิด แล้วก็หันมาทางห่าน เจ๊มะพร้าวและแหม่ม แอปเปิ้ลกับปีโป้สีหน้าพร้อมทับถม ซ้ำเติมทันที
“พวกมันโกหกใช่มั๊ยคะผู้จัดการ”
“พวกเธอ...” พรเพ็ญยังพูดไม่ทันจบ ปีโป้ระเบิดหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า”
“ฉันยังพูดไม่จบ” ปีโป้รีบปิดปากแทบไม่ทัน พรเพ็ญหันไปทางห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าว “พวกเธอไปได้”
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวดีใจมาก แอปเปิ้ลกับปีโป้เหวอ
“พวกมันขโมยของในห้าง ผู้จัดการปล่อยไปได้ไงคะ”
“พวกเค้าไม่ได้ขโมย พวกเค้าซื้อรองเท้าแล้ว ถ้าไม่เชื่อ ก็ดูซะ” แอปเปิ้ลกับปีโป้รีบเข้ามาดูเอกสาร “คราวหน้าคราวหลัง ถ้าจะรายงานเรื่องอะไร กรุณาเช็คข้อมูลให้ดีก่อน เสียเวลาฉันจริงๆ”
พรเพ็ญเดินออกไป แอปเปิ้ลกับปีโป้พูดไม่ออก หันไปมองห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวด้วยความเจ็บใจ ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวกอดอก พร้อมเชิดใส่ แล้วหันหลังเดินออกไปพร้อมกัน แอปเปิ้ลแค้นใจสุดๆ

ห่านยกมือไหว้เจ๊มะพร้าว แล้วก็ผละออกมา
“ขอบใจเจ๊” ห่านหันไปทางแหม่ม “กับแกมากนะ รองเท้าคู่นี้ไม่ใช่ถูกๆ ราคาเท่ากับเงินเดือนเกือบทั้งเดือน”
“เจ๊กับนังแหม่มออกกันคนล่ะครึ่ง และที่ซื้อให้ก็เพราะรู้สึกว่าพวกเราทำไม่ถูกที่เอาของในห้างออกไปใช้ คิดไปคิดมา มันก็ไม่ต่างขโมยจริงๆ นั่นแหละ”
“ถ้าไงห่านจะรีบหาเงินมาคืน”
“ไม่ต้องเลยแก ฉันกับเจ๊อยากซื้อให้แก พวกเราอยากเห็นแกมีความสุข”
ห่านซาบซึ้งมาก เข้ามากอดเจ๊มะพร้าวกับแหม่ม
“ดีใจจริงๆ ที่มีเจ๊กับแกเป็นเพื่อน”
เจ๊มะพร้าว ห่าน แหม่มผละออกจากกัน
“เลิกทำซึ้ง แล้วรีบไปได้แล้ว ไม่งั้นจะไม่ทันนัดคุณคุณชาย”
ห่านพยักหน้าแล้วก็รีบเดินออกไป แหม่มกับเจ๊มะพร้าวมองตามด้วยความเป็นห่วง

ตุ๊กติ๊กเดินตามมาส่งคุณชายที่รถ คุณชายเปิดรถแล้วหันไป
“ขอบใจที่มาส่ง ความจริงไม่ต้องมาก็ได้”
“ม่ได้ค่ะ ดิฉันเป็นเลขาของคุณคุณชาย เพราะฉะนั้นดิฉันต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุดค่ะ”
คุณชายยิ้มๆ ขึ้นไปนั่งในรถ แล้วก็กดไปที่เครื่องจีพีเอสที่ติดหน้ารถเพื่อล็อกเป้าหมายที่จะไป ตุ๊กติ๊กพยายามจะชะเง้อมองแต่มองไม่เห็น ตุ๊กติ๊กเลยแกล้งหน้ามืด
“โอ๊ย”
คุณชายเห็นตกใจรีบเข้ามาประคอง
“คุณเป็นอะไร”
“อยู่ดีดีก็หน้ามืดค่ะ ถ้าได้นั่งพักซักเดี๋ยวคงจะดีขึ้น”
“งั้นนั่งในรถผมก่อน”
คุณชายเปิดประตูด้านหลัง ตุ๊กติ๊กเข้าไปนั่งแล้วก็แอบมองที่เครื่องจีพีเอส เห็นสถานที่ที่คุณชายจะไป ก็ลอบยิ้มดีใจ แล้วก็หันไปทางคุณชาย
“ดิฉันหายแล้วค่ะ”
คุณชายเหวอ
“ทำไมเร็วจัง”
ตุ๊กติ๊กลงจากรถ
“ขอบคุณคุณชายมากนะคะ ตุ๊กติ๊กลาล่ะค่ะ”
ตุ๊กติ๊กยกมือไหว้คุณชายแล้วรีบเดินออกไป คุณชายงงๆ แต่ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรต่อ ขึ้นรถแล้วขับออกไป ตุ๊กติ๊กหันมามองตามรถคุณชาย แล้วเอามือถือออกมากดโทรหาดาหลาทันที

“ดิฉันทราบแล้วค่ะว่าคุณคุณชายไปที่ไหน”

จบตอนที่ 2

อ่านต่อตอนที่ 3 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น