บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 5
ไอศูรย์โมโหมาก ลากอริสราเข้ามาในห้องทำงานตัวเอง อำพลเดินตามเข้ามายืนฟังเงียบๆ ท่าทางข่มอารมณ์เต็มที่
“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง ฉีกหน้าผมจนไม่มีชิ้นดี”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันมาปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง” อริสราบอก
“ผลประโยชน์ของไอ้อิศร์มันต่างหาก”
อริสราแค่นยิ้ม “ก็ทั้งคู่ ของฉันกับอิศร์”
ไอศูรย์โกรธจัด “อริสรา คุณนี่มัน...”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด สิ่งที่ฉันพูดมันเป็นความจริงทุกอย่าง อิศร์ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท แต่คุณกำลังจะทำเหมือนไม่เห็นหัวเขา มันไม่ถูกต้อง”
“ไอ้อิศร์มันคงไม่แคร์หรอกว่าผมจะเห็นหัวหรือไม่ ตราบใดที่มันมีเงินใช้อู้ฟู่ มันก็อยู่ของมันได้ แต่คุณ” ไอศูรย์ชี้หน้าอริสรา “คุณกำลังลากมันเข้ามาทำให้บริษัทนี้ปั่นป่วน”
“ที่ประชุมตกลงให้โอกาสอิศร์ 3 เดือน คุณก็ควรจะให้โอกาสเขานะคะ บางทีบริษัทนี้อาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้” อริสราหัวเราะเย้ยหยัน
อำพลเหลืออด หยิบแฟ้มขว้างข้ามห้องมาหาอริสรา จนอริสราตกใจ ถอยหนี
“มันจะมากไปแล้วนะอริสรา เธอคิดว่าเธอเล่นอยู่กับใคร”
“คุณพ่อ”
อริสราตกใจมาก เพราะไม่เคยเห็นอำพลเกรี้ยวกราดใส่มาก่อน
“ฉันไม่สนว่าเธอว่ากับไอ้ศูรย์จะมีปัญหาอะไรกัน แต่ทำอย่างนี้มันมากเกินไป ถ้าไม่เห็นแก่หน้าฉันที่เป็นพ่อผัวเธอ ก็ขอให้จำใส่สมองไว้ว่าเมื่อไรที่ไอ้อิศร์มันขึ้นมาเป็นใหญ่ที่นี่ เธอก็จะไม่ได้เสวยสุขอย่างที่เคยเหมือนกัน”
จากนั้นอำพลผลุนผลันออกจากห้องไป อริสรามองตามใจหายใจคว่ำ ไม่เข้าใจว่าอำพลหมายถึงอะไร
ฟากอิศร์เดินวนไปรอบห้อง ท่าทางตื่นตระหนก ต่อหน้ากองเชียร์ และกุนซือทั้งสามคน
“ไม่ ฉันทำไม่ได้ ฉันทำไม่ได้แน่ๆ ฉันไม่ทำดีกว่า”
“อิศร์ ใจเย็นๆ สิวะ” อนุภัทรปลอบ
“แกจะให้ฉันเย็นได้ยังไง ฉันมีเวลา 3 เดือนสำหรับการเรียนรู้งานทุกอย่างในบริษัทนี้ แล้วแกรู้ไหมว่าบริษัทมันมีกิจการอะไรบ้าง ฉันจะไปรู้หมดได้ยังไง”
แพรพลอยเปิดแฟ้มดู อ่านดังๆ
“เดชโชดมกรุ๊ปมีกิจการและบริษัทในเครืออีก 36 แห่ง ถ้าคุณอ่านดูตั้งแต่เมื่อวานก็คงรู้แล้ว”
อิศร์ตีโพยตีพาย “เห็นไหม ตั้ง 36 แห่ง สรุปว่าฉันต้องเรียนรู้ธุรกิจเดือนละ 12 ชนิด”
“จะกลัวอะไรนักหนา พวกเราพร้อมจะช่วย ฉันจบบริหารมานะยะ แล้วฉันก็เป็นผู้ช่วยของนาย” มายาวีว่า
“แต่ฉันไม่อยากทำ ฉันไม่อยากแบกรับเรื่องใหญ่แบบนี้ ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันจะไปบอกคุณลุงว่าฉันทำไม่ได้”
อิศร์ผลุนผลันออกไป ทุกคนถอนใจเฮือก เซ็งไปเป็นแถบ
อิศร์เดินไปที่ลิฟต์ เตรียมจะลงไปหาอำพล แพรพลอยรีบตามออกมา
“คุณอิศร์”
อิศร์ชะงักหันมา แพรพลอยเดินตรงมาหา สีหน้าถมึงทึง
“คุณขึ้นมาสูงขนาดนี้ โดยที่แทบจะไม่เสียเหงื่อซักหยด ทุกคนอำนวยความสะดวก ปูทางให้คุณทุกอย่าง แต่คุณกลับคิดจะเดินลงไปง่ายๆ อย่างไม่แคร์อะไรเลยงั้นเหรอ”
“ก็ผมทำไม่ได้”
“แต่คนอื่นๆ เขาบอกว่าคุณทำได้ คุณถึงได้รับโอกาสจากพวกเขา โดยเฉพาะจากคุณปู่ของคุณ...คุณเคยบอกว่าตัวเองเป็นหลานที่สนิทกับท่านที่สุด ท่านก็คงคิดอย่างนั้น ถึงคาดหวังให้คุณมีบทบาทในบริษัทนี้ แม้จะรู้ดีว่าคุณไม่สนใจงานด้านนี้เลย คุณคิดว่าท่านทำอย่างนั้นทำไม เพื่อทรมานคุณอย่างนั้นเหรอ? หรือว่าเพื่อจะให้บริษัทที่ตัวเองสร้างมากับมือ ย่อยยับด้วยฝีมือของหลานคนโปรด”
“ไม่ คุณปู่รักบริษัทนี้มาก” อิศร์บอก
“ก็ใช่น่ะสิ การที่คนเราจะยอมยกสิ่งที่มีค่าที่สุดให้คนอื่นดูแล มันต้องมีเหตุผลที่ดีอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงจะเอาของมีค่าของคุณปู่ไปโยนทิ้ง”
อิศร์นิ่งคิด ถอนใจออกมา ยังท้อแท้ใจอยู่ดี
“ฉันรู้ว่าถ้าคุณยอมแพ้ตอนนี้ มีคนอีกเยอะที่โล่งใจ เช่นลุงของคุณที่ไม่ต้องมาเหนื่อยสอนงานต่างๆ หรือแม้แต่พนักงานในบริษัท ที่ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนกับผู้บริหารหน้าใหม่ขาดประสบการณ์ ที่ไม่รู้ว่าจะนำพาชีวิตเขาไปทางไหน คุณมีเหตุผลเหล่านี้ที่จะให้ตัวเองยอมแพ้ แล้วคุณก็จะไม่เสียอะไรเลย แต่ถ้าคุณสู้ต่อแล้วชนะ คุณจะได้อะไรอีกมากมาย รวมถึงการทำให้คุณปู่ที่รักคุณมากภาคภูมิใจในตัวคุณด้วย”
อิศร์ค่อยๆ กระจ่างใจ เงยหน้ามองแพรพลอย
“ฉันคงบังคับคุณไม่ได้หรอกนะคะ แต่ลองเอาไปคิดดูแล้วกัน”
แพรพลอยหันหลังเดินจากไป อิศร์ครุ่นคิดหนัก
อิศร์เดินเข้าบ้านมาหยุดยืนตรงรูปเต็มตัวของ เดช แล้วถอนใจ
“ปู่อยากให้ผมดูแลบริษัทของเราจริงๆ เหรอครับ”
เสียงไอศูรย์ดังขึ้น “ถ้าอยากรู้มากนักก็จุดธูปถามเลยสิ”
อิศร์หันกลับไปมองอย่างแปลกใจ ไอศูรย์ยิ้มเย้ยๆ
“แค่ตัดสินใจเองยังทำไม่ได้เลย แล้วคิดจะมาเป็นใหญ่ในเดชโชดมกรุ๊ปงั้นเหรอวะ”
“พี่ศูรย์พูดอะไร”
ไอศูรย์เหยียดยิ้ม “ฉันถามจริงๆ เถอะ ใครเป่าหูแกให้อยากให้ลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้ทำงาน ร้อยวันพันปีฉันเห็นแกนั่งกินนอนกินมากกว่าใช้สมอง”
อิศร์ชักเริ่มเคืองเมื่อถูกหยาม “ถ้าผมอยากทำตัวเป็นคนมีประโยชน์กับเขาบ้างล่ะครับ”
“ประโยชน์ของแกมันไม่น่าจะอยู่ที่บริษัท แต่น่าจะอยู่ที่บ้าน ให้แก่คนรับใช้ได้บริการให้คุ้มค่าจ้าง หรือไม่ก็ให้บอดี้การ์ดได้อารักขามากกว่านะ”
ไอศูรย์นิ่งไป แต่นึกบางอย่างได้ ระเบิดหัวเราะออกมา
“ฉันรู้แล้วว่าใครเป่าหูแก บอดี้การ์ดสาวของแกนี่เอง ยายนั่นคงจะรู้เห็นอะไรเยอะจนเกิดโลภขึ้นมา เลยวางแผนระยะยาวปูทางให้ตัวเองได้เป็นคุณนาย”
อิศร์หน้าตึง “พี่เข้าใจผิดแล้ว”
ไอศูรย์หัวเราะหยัน “ใครว่า ฉันเข้าใจดีเลยล่ะว่าคนที่นอนคุยกันบนเตียง มันมีอิทธิพลกับชีวิตผู้ชายอย่างเราแค่ไหน”
“พี่ศูรย์! ผมบอกว่าพี่เข้าใจผิด! อย่าดูถูกคุณแพรแบบนั้น”
ไอศูรย์เห็นอิศร์เป็นฟืนเป็นไฟ ก็ยิ่งมั่นใจว่าคิดถูก หัวเราะลั่น
“ขอเตือนไว้อย่างนะน้องชาย ผู้หญิงรอบตัวแกน่ะ ส่วนใหญ่รู้มูลค่าของแกทั้งนั้น พวกเขาจะพูดอะไรก็ได้ที่ตัวเองได้ประโยชน์ ถ้าแกเชื่อไปซะทุกอย่าง ระวังจะกลายเป็นไอ้โง่”
ไอศูรย์ตบไหล่อิศร์แล้วเดินออกไป อิศร์กำหมัดแน่น
ธำรงกับอำนวยคุยกันในบ้าน
“ไอ้อิศร์น่ะเหรอครับจะไปทำงานที่บริษัท”
“ใช่”
สองพ่อลูกไม่เห็นว่า ที่พุ่มไม้นอกบ้าน เห็นกล้องสอดแนมติดซุกอยู่เพื่อเก็บภาพภายในบ้านธำรง ไฟกะพริบวาบหนึ่ง เพราะกล้องทำงานอยู่
ธำรงหัวเราะลั่น
“ท่าทางบ้านเราจะเกิดพายุใหญ่จนน้ำท่วมอีกแน่ๆ”
“ทำเป็นพูดดีไปเถอะธำรง อิศร์อาจจะทำงานได้ดีกว่าแกก็ได้ แล้วถ้าแกยังเช้าชามเย็นชามต่อไป ฉันก็ไม่รับประกันว่าเจ้าอิศร์มันจะเอาแกไว้”
ธำรงเอะใจ หุบยิ้ม “พ่อหมายความว่ายังไง”
“ก็อิศร์มันจะกำลังจะขึ้นเป็นเจ้าของบริษัทน่ะสิ”
ธำรงอึ้ง มีสีหน้าตกใจ
อนุภัทรเปิดดูกล้องสอดแนมผ่านคอมพิวเตอร์ จึงเห็นว่าหน้าจอมีกล้องจับอยู่หลายจุดในบ้านธำรง เป็นจอเล็กจอน้อย แต่จอใหญ่ฉายภาพห้องนั่งเล่น ที่กำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่ เห็นธำรงผลุนผลันออกไป
อนุภัทรควบคุมกล้องไล่ตามความเคลื่อนไหวของธำรง โทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผู้กองหนุ่มกดรับ
“ฮัลโหล”
เป็นมายาวีที่โทร.มา และคุยโทรศัพท์อยู่ในบ้าน
“ผู้กองขา คุณพ่อให้ถามว่าผู้กองจะว่างวันไหน จะเชิญมาทานข้าวที่บ้าน”
อนุภัทรสอดส่ายมองความเคลื่อนไหว ตามกล้องต่างๆ ภายในบ้าน กำลังติดพันเลยไม่อยากคุย
“ผมยังไม่รู้เลย กำลังยุ่งอยู่ แค่นี้ก่อนนะ” อนุภัทรตัดสายไปเลย
“อ้าว ตาบ้า ! นี่คุณพ่ออุตส่าห์เชิญ กล้าเล่นตัวได้ยังไง” มายาวีโมโหกดไปใหม่
อนุภัทรยังมองไม่เห็นว่าธำรงอยู่ตรงไหนของบ้าน ไล่กล้องดูต่อ เสียงโทรศัพท์มือถืออนุภัทรดังอีก อนุภัทรกดดู พอเห็นเป็นมายาวีก็ส่ายหน้า กดปิด แล้วดูคอมพ์ต่อ
“ผู้กองอนุภัทร จะลองดีกับฉันใช่ไหม” หล่อนกดโทรศัพท์อีกครั้ง แต่พบว่าอนุภัทรปิดเครื่องไปแล้ว
อนุภัทรมองดูคอมพ์ เห็นความเคลื่อนไหวของธำรงเดินเข้าห้องนอน รีบดึงกล้องขยายภาพขึ้น
ภาพในกล้องเห็นธำรงเดินเข้ามาในห้อง รีบกดโทรศัพท์ ท่าทางร้อนใจ ภาพจากกล้องที่ติดอยู่บนบ้านนก บนต้นไม้ตรงกับหน้าต่างห้องธำรงพอดี
“ขอเรียนสายกับท่านอธิบดีครับ”
อนุภัทรได้ยินธำรงคุย ใจเต้น เหมือนจะได้หลักฐานเพิ่มเรื่องการทุจริต เร่งเสียงขึ้น ภาพในคอมพิวเตอร์ เห็นธำรงคุยกระวนกระวาย
“ท่านอธิบดีครับ ผมเอง ธำรง! ผมจะโทร.มาคุยกับท่านการประมูล” ธำรงหันซ้ายหันขวา “ผมว่าเราต้องเร่งมือแล้วล่ะครับ”
อนุภัทรฟังอย่างตั้งใจ ธำรงกำลังจะพูดต่อ แต่แล้วโปรแกรมโทรศัพท์ผ่านอินเตอร์เน็ต ก็เด้งขึ้นมาบังจอกล้องวงจรปิดเสียก่อน
“โธ่เว้ย”
อนุภัทรพยายามกดปิด แต่ซักพักโปรแกรมก็เปิดขึ้นมาอีก อนุภัทรทั้งเซ็งทั้งร้อนใจ รีบกดรับ
“ปัดโธ่ คุณเมย์! เล่นบ้าๆ อะไรตอนนี้ผมกำลังยุ่งอยู่”
ภาพมายาวีจากหน้าจอ ถือไอแพดอยู่
“ก็คุณตัดสายฉันทำไม รู้ไหมว่าฉันไม่ชอบ”
“ผมทำงานอยู่”
“ดี คุณพ่ออยากคุยด้วยพอดี” สาวจอมจุ้นหันไปเรียก “คุณพ่อขา”
อนุภัทรถอนใจ เซ็งอย่างแรง
มายาวีส่งไอแพดให้บรรเลง
“ผู้กอง ผมเอง”
“สวัสดีครับท่าน”
“กำลังยุ่งอยู่หรือเปล่า”
อนุภัทรเหลือบมองธำรงที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่อย่างเสียดาย แต่ไม่กล้าตอบ
“เอ่อ ก็...นิดหน่อยครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก ผมอยากรู้ความคืบหน้าเรื่องคดีทุจริตน่ะว่าไปถึงไหนแล้ว”
“ผมกำลังพยายามรวบรวมหลักฐานอยู่ครับท่าน แต่ว่า...ยังไม่ค่อยคืบหน้าเลยครับ”
“เอางี้นะ เดี๋ยวคุณว่างวันไหน เข้ามากินข้าวกัน จะได้คุยกัน ถ้าเจอทางตันเราจะได้หาช่องทางใหม่”
“ได้ครับท่าน”
“งั้นผมไม่กวนละ ตามสบายนะ”
“สวัสดีครับ”
บรรเลงกดตัดการติดต่อ หน้าจอดับไป อนุภัทรเรียกดูภาพภายในห้องธำรงอีกที แต่ธำรงหายไปแล้ว
“เกือบแล้วเชียว”
ขณะอนุภัทรจะปิดเครื่อง แต่เห็นจากกล้องธำรงเดินออกมาหน้าบ้าน
อนุภัทรวิ่งออกมาดักธำรงที่กำลังจะไปขึ้นรถตรงหน้าบ้าน
“คุณธำรงครับ คุณธำรง”
ธำรงชะงักมอง “มีอะไรวะไอ้มิตร”
อนุภัทรในคราบนายมิตรคนสวย ทำท่าสงบเสงี่ยม “เอ่อ คุณธำรงจะไปข้างนอกเหรอครับ ผมขับรถให้ไหมครับ”
ธำรงนิ่งคิด แต่เกิดระแวง ระวังตัวขึ้นมา “ไม่ต้องหรอก ฉันรีบ”
ธำรงจะเดินไปที่รถ อนุภัทรวิ่งไปดักตื้ออีก
อนุภัทร ผมขับเร็วได้นะครับ รับรองว่าทันเวลา ไม่ทราบคุณธำรงจะไปไหนครับ
“ฉันบอกว่าไม่ต้อง”
“แต่ว่าผม...”
“ไอ้มิตร! แกจะมาสาระแนอะไรเรื่องของฉันวะ หรือว่าพ่อฉันให้มาสอดรู้”
“เอ่อ ป...เปล่าครับ”
“งั้นก็จำไว้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครเซ้าซี้ หรือว่าอยากโดนเตะ”
ธำรงเงื้อเท้าใส่ อนุภัทรรีบถอยหนี ปล่อยให้ธำรงเดินไปขึ้นรถขับออกไปอย่างเสียดาย
ส่วนบรรเลงส่งไอแพดคืนมายาวี
“ฮึ เห็นไหมคะคุณพ่อ ทำงานไม่ได้เรื่องเล้ย ผู้กองคนนี้ ไหนว่าจบมาจากสถาบันเดียวกับพวกเอฟบีไอ”
“เพราะเราไปมัวขัดแข้งขัดขาผู้กองอนุภัทรอยู่หรือเปล่าล่ะ”
มายาวีร้อนตัว “เขาฟ้องคุณพ่อเหรอคะ”
“เปล่า แต่พ่อว่าเราต้องไปวุ่นวายกับงานของผู้กองแน่ ถึงได้หาเรื่องไปหานายอิศร์ทุกวัน”
“เปล่าซะหน่อย เมย์ก็ไปทำหน้าที่ของเมย์ บอกแล้วไงคะว่าตอนนี้เมย์มีงานทำแล้ว”
บรรเลงยิ้ม “ตำแหน่งผู้ช่วยของอิศร์น่ะเหรอ ก็ไหนเมย์บอกว่าอิศร์ยังไม่ตอบตกลงทำงานเลยไม่ใช่เหรอ”
มายาวีนิ่งไป เพิ่งนึกได้
“นั่นสิคะ คุณแพรกล่อมสำเร็จหรือยังก็ไม่รู้”
คืนนั้นอิศร์ขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานในบ้าน ครุ่นคิด สายตามองเหม่อ เห็นเกียรติประวัติและรูปถ่ายมากมายของเดชติดอยู่ที่ผนังห้อง หวนนึกถึงเหตุการณ์ในห้องนี้ เมื่อ 15 ปีก่อน
ตอนนั้นเดชมองคำประกาศเกียรติคุณบำเพ็ญประโยชน์ลูกเสือของอิศร์ ส่วนอิศร์อยู่ในชุดลูกสือสามัญ ทำวันทยหัตถ์พูดกับเดชแข็งขัน
“คำปฏิญาณลูกเสือสามัญข้อ 1 ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ข้อ 2 ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ ข้อ 3 ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ”
เดชลูบหัวอิศร์อ่อนโยน “ใบประกาศเกียรติคุณบำเพ็ญประโยชน์อันนี้ เป็นเครื่องหมายว่าอิศร์ทำหน้าที่ได้ครบสามข้อแล้ว ปู่ภูมิใจมาก”
“ขอบคุณครับ” อิศร์วันทยหัตถ์แข็งขัน
เดชยิ้มเอ็นดูหลานรัก เอาใบประกาศในกรอบหาที่แขวนผนัง แล้วเอาใบประกาศผลการเรียนดีเด่นอีกใบของไอศูรย์ลง เพื่อแขวนของอิศร์แทน
“นั่นมันรางวัลผลการเรียนดีเด่นของพี่ศูรย์นี่ครับ คุณปู่เอาออกทำไม”
“จะได้โชว์รางวัลของอิศร์บ้างไง”
อิศร์จ๋อย “ผมแค่ช่วยเก็บขยะกับจูงคนข้ามถนนเอง เอาไว้ให้ผมเรียนได้สี่...”
“แค่นี้ก็อวดได้แล้ว ปู่ไม่เคยอยากให้หลานทุกคนเก่งเท่าๆ หรือแข่งกันเก่ง ปู่อยากให้หลานๆ แข่งกันดีมากกว่า และตอนนี้อิศร์ก็เป็นคนแรกที่ทำให้คนอื่นเห็นได้...ปู่ภูมิใจในตัวอิศร์นะ”
เดชลูบหัวอิศร์ด้วยความรัก อิศร์มองหน้าปู่อย่างซาบซึ้งใจ
อิศร์ดึงความคิดตัวเองกลับมา เขาหยิบใบประกาศในกรอบรูปออกมาดูชัดๆ มองชื่อตัวเอง เขายิ้มภูมิใจ มีกำลังใจมากขึ้น
สองคนอยู่ในห้องรับแขกบ้านอิศร์ อำพลทำหน้าแปลกใจพอฟังที่อิศร์พูดจบ
“อิศร์จะไปเรียนรู้งานกับลุงเหรอ”
“ครับ ถ้าคุณลุงไม่รังเกียจ”
อำพลอึ้ง เซ็ง แต่รีบปรับอารมณ์เป็นเสแสร้งดีใจ
“จะรังเกียจทำไมล่ะ ดีใจต่างหาก ลุงเองก็อยากให้อิศร์มารับช่วงต่อเหมือนกัน เพราะลุงแก่เต็มทีแล้ว”
“ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ ให้สมกับความตั้งใจของคุณปู่”
“ให้มันได้อย่างนั้นสิหลานชาย งั้นพรุ่งนี้เราไปเจอกันที่บริษัทนะ”
อำพลฝืนยิ้มเดินออกไป แต่พอพ้นสายตาอิศร์ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมเคียดขึ้ง
อำพลเดินหน้าบึ้งเข้ามา เจอไอศูรย์ดักรออยู่ อริสราเดินออกมามองเงียบๆ
“มันว่ายังไงเหรอครับพ่อ”
“ที่แกไปพูดยั่วมันเมื่อตอนเย็นได้ผลน่ะสิ”
ไอศูรย์ยิ้มสมใจ “แสดงว่ามันเปลี่ยนใจกลับมานั่งๆ นอนๆ เหมือนเดิม”
อำพลตาวาว “เปล่า! มันเกิดลูกฮึดจะไปทำงานกับฉัน ! เพราะแกคนเดียว”
อำพลผลักอกไอศูรย์อย่างฉุนๆ แล้วเดินออกไป ไอศูรย์เซ็ง หันมาเห็นอริสราก็พาลใส่
“สมใจคุณแล้วไง คุณทำลายความสุขในบ้านหลังนี้ราบคาบหมดแล้ว เสียแรงที่คุณพ่อรักเอ็นดูคุณ แต่คุณกำลังทำให้ท่านเกลียดขี้หน้า”
ไอศูรย์ผลุนผลันออกไป อริสรามองตาม ชิงชัง
“ฉันไม่สนหรอกว่าพ่อคุณจะคิดยังไง แต่อิศร์จะต้องเห็นความดีของฉัน”
อริสรายิ้มพอใจหมายมาด
แพรพลอยยกแฟ้มเอกสารเข้ามาให้อิศร์ในห้องทำงาน ซึ่งเป็นห้องทำงานเดิมของเดช
“รายงานการประชุมของบริษัท คุณอำนวยฝากมาให้คุณศึกษาดู”
อิศร์รับแฟ้มมาเปิดๆ ดู แล้วทำหน้ามุ่ย
“ถ้าผมไปไม่รอด คุณต้องรับผิดชอบ”
“ต้องรอดสิคุณอิศร์ เลิกดูถูกตัวเองแล้วก็ตั้งใจกับสิ่งที่ต้องทำ หน้าที่ดูถูกคุณเป็นของคนอื่นที่เขาไม่เคยเห็นความสามารถของคุณมาก่อน ส่วนหน้าที่ของคุณคือต้องทำให้เขาผิดหวัง”
อิศร์ซึ้ง “คุณจะไม่เป็นคนพวกนั้นใช่ไหม”
“ฉันเชียร์คุณขนาดนี้แล้ว คงย้ายข้างไม่ทันหรอก”
อิศร์ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แพรพลอยเขิน หันหลังจะเดินออก อิศร์เริ่มดึงมือ
“จะไปไหนล่ะครับ”
“หมดหน้าที่ฉันแล้วนี่คะ ฉันจะไปพักผ่อน คุณทำงานไปเถอะ”
“แต่ผมต้องการกำลังใจ” อิศร์อ้อน “คุณอยู่ข้างเดียวกับผมแล้ว อย่าทิ้งกันนะ”
แพรพลอยสบตากับอิศร์ ใจอ่อน
“งั้นฉันจะไปชงกาแฟมาดื่ม จะได้ถ่างตารอคุณไหว คุณจะเอาด้วยไหม”
อิศร์พยักหน้า แล้วก้มลงอ่านแฟ้มประชุมอย่างตั้งใจ
ไม่นานต่อมาอริสราเดินยิ้มดีใจหาเรื่องมาพบอิศร์ แต่ป้าดวงรีบออกมาขวางไว้
“จะรีบไปไหนคะคุณอริส”
“อิศร์ล่ะคะ” อริสราดักคอ “อย่าบอกนะว่า นี่เพิ่งสองทุ่ม”
“ยังไม่นอนค่ะ ทำงานอยู่”
“งั้นฉันจะไปดูหน่อย”
อริสราจะเดินไป แต่ป้าดวงขวางไว้
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณอริส ตอนนี้คุณแพรเธอดูแลคุณอิศร์อยู่เป็นอย่างดีแล้วค่ะ ป้าเพิ่งเห็นเธอชงกาแฟเข้าไปในห้อง คงจะชวนกันนั่งปรึกษาเรื่องงานกันกระหนุงกระหนิงทั้งคืน”
อริสราหน้าเผือดลงไปทันตา ป้าดวงแกล้งหาว
“แต่ป้าสิคะ ง๊วงง่วง คงจะรอปิดประตูให้คุณอริสไม่ไหวแล้ว เชิญคุณอริสกลับไปก่อนดีกว่านะคะ”
ป้าดวงวิ่งไปเปิดประตูรอท่า อริสรามองป้าดวงอย่างขัดใจ แล้วหันหลังเดินกลับไป สีหน้าเจ็บใจ คิดหาทางจัดการกับอริสรา
อำพลกับไอศูรย์ยืนคุยกับกลุ่มนักธุรกิจ เจ้าของโปรเจคท์ก่อสร้างพันล้าน มายาวีเดินนำหน้าอิศร์พาแทรกเข้ามาในกลุ่มนักธุรกิจ แพรพลอยเดินประกบตาม
“คุณอิศร์มาแล้วค่า”
มายาวีจงใจแหวกอิศร์เข้ามา ทำให้ไอศูรย์ต้องขยับถอยออกไป อำพลยิ้มฝืน หันมาแนะนำกับลูกค้า
“นี่อิศร์ หลานชายผมครับ ลูกชายของอำนาจครับท่าน”
ลูกค้า 1พยักหน้า “อ้อ ลูกชายคุณอำนาจ แสดงว่าเป็นหลานคนโปรดของคุณเดชน่ะสิ ผมจำได้ แกพูดถึงบ่อยๆ”
อิศร์ยกมือไหว้บรรดาผู้ใหญ่ท่าทีนอบน้อม แต่ไอศูรย์หน้าเจื่อน เสียหน้า
ลูกค้า 2 สัพยอก “อย่างนี้แสดงว่าจะมาสืบทอดเจตนารมณ์คุณปู่ละมั้ง”
“ก็ทำนองนั้นแหละครับ” อิศร์ยิ้มรับ
“ดีนะคุณอำพล มีลูกหลานช่วยกันทำงาน จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
อำพลยิ้มฝืนๆ ฝืดคอเต็มที ไอศูรย์พยายามซ่อนความหงุดหงิดรำคาญใจไว้ แพรพลอยกับมายาวีสบตากันยิ้มๆ ดีใจที่อิศร์เริ่มมีโอกาสเปิดเผยตัว
บรรยากาศภายในห้องประชุมใหญ่ อำพลกับลูกค้าลงนามเซ็นสัญญาก่อสร้าง เสร็จแล้วจับมือกัน ถ่ายรูปชื่นมื่น
อำพลถ่ายรูปเสร็จจะให้ไอศูรย์เข้ามาแทน แต่ลูกค้าเชิญให้อิศร์ให้มาถ่ายคู่ ไอศูรย์หน้าเสีย
ต่อมาอำพล พาอิศร์ ไอศูรย์ มายาวี เดินตรวจไซต์งาน มีวิศวกรให้คำแนะนำ แพรพลอยเดินตามห่างๆทั้งหมดผ่านกลุ่มคนงานจกกินส้มตำกันอยู่ คนงานรีบลุกขึ้นยกมือไหว้อำพลกับไอศูรย์อย่างเกรงขาม
อำพลกับไอศูรย์เดินผ่านไป อิศร์มองวงส้มตำอย่างสนใจ เข้าไปคุยด้วย ขอชิม พวกคนงานรู้สึกคลายความขยาดกับอิศร์ลง
เวลาผ่านไป อิศร์ อำพล มายาวี และแพรพลอยเดินตรวจงานในห้าง ผ่านกลุ่มสาวๆ ช้อปปิ้งที่นั่งคุยกันในร้านกาแฟ เปิดนิตยสาร แล้วชี้ให้ดูอิศร์ที่เดินผ่านไป
นิตยสารเห็นว่าเป็นคอลัมน์สัมภาษณ์อิศร์ ในฐานะผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรง
อิศร์นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะมาดเข้ม มายาวีเอาหนังสือพิมพ์ธุรกิจมาวางให้ เป็นภาพอิศร์ขึ้นหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์ และนิตยสารธุรกิจ บรรยายเกี่ยวกับซีอีโอหนุ่มรุ่นใหม่ของเดชโชดมกรุ๊ป
อิศร์เดินเข้ามาพร้อมกับมายาวี แพรพลอย เห็นทีมงานเตรียมจัดไฟถ่ายบทสัมภาษณ์
“ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอเมย์ จริงๆ ฉันไม่อยากเป็นเซเล็บเลยนะ”
“สมัยนี้เป็นนักธุรกิจก็ต้องโปรโมทตัวเอง กิจการจะได้ยิ่งรุ่งเรืองยิ่ง เชื่อฉันเถอะ หนังสือเล่มนี้อิมเมจดี คนอ่านเยอะด้วย”
บก.สาวมั่น หันมาเห็นอิศร์ รีบเดินเข้ามาหา
“สวัสดีค่ะคุณอิศร์ น้องเมย์ เชิญทางนี้เลยค่า”
ทีมงานเข้ามาเชิญอิศร์ไปที่นั่งที่จัดไว้ แล้วส่งกระดาษให้
บก.สาวเอ่ยขึ้น “นี่เป็นบรี๊ฟคำถามสัมภาษณ์นะคะ ถ้าไม่ชอบข้อไหนบอกได้ เราจะตัดออกให้” หันมาทางมายาวี “เดี๋ยวเรานั่งคุยกันก่อนแล้วค่อยถ่ายแฟชั่นนะคะน้องเมย์”
“งั้นเมย์ขอไปดูเสื้อผ้านะคะ”
ฝ่ายเสื้อผ้าพามายาวีออกไป บก.หันมานั่งตรงข้ามอิศร์ เปิดเครื่องบันทึกเสียงเริ่มสัมภาษณ์ แพรพลอยยืนเก้ๆ กังๆ ไม่มีใครเชิญนั่ง จนได้ยินเสียงดังขึ้นด้านหลัง
“หลบหน่อยครับๆ”
แพรพลอยตกใจเห็นทีมงานยกของผ่านมา รีบถอยให้ รู้สึกว่าตัวเองเกะกะคนอื่นมากขึ้นทุกที ขณะที่อิศร์ก็นั่งให้สัมภาษณ์ จึงไม่ได้สนใจแพรพลอย ที่สุดแพรพลอยเลยค่อยๆ หลบออกไปจากห้อง
อิศร์ให้สัมภาษณ์เสร็จ ยืนถ่ายแบบมุมต่างๆ ในออฟฟิศ มายาวียืนคุมการถ่ายแบบ คุยกับบก.อย่างสนิทสนม เข้าไปช่วยจัดท่า
อริสราเดินมาดู แล้วเห็นแพรพลอยยืนมองอยู่ห่างๆ จึงเดินเข้าไปหา
“อิศร์ดังใหญ่แล้วนะคะคุณแพร”
แพรพลอยชะงักหันมามอง เห็นอริสรายิ้มๆ ก็ยิ้มตอบ
“ตั้งแต่เปิดตัวว่าเป็นทายาทรุ่นใหม่ของเดชโชดมกรุ๊ป ก็มีแต่สื่อให้ความสนใจ ทั้งวงการธุรกิจ วงการบันเทิง หลังจากนี้คงมีคนเข้าหาอิศร์เยอะขึ้นอีก คุณแพรเตรียมรับมือไว้หรือยังคะ”
“ฉันเคยทำงานกับคนที่ถูกห้อมล้อมมากกว่าคุณอิศร์มาแล้วค่ะ” แพรพลอยบอกนิ่งๆ
“แต่กรณีของอิศร์มันจะไม่เหมือนที่คุณแพรเคยเจอแน่ค่ะ อิศร์กำลังจะกลายเป็นคนสำคัญของวงการธุรกิจ เขาจะไม่ได้มีแต่คนรุมล้อมให้ความสำคัญ แต่จะมีคนรุมล้อมเพื่อหาจังหวะจัดการกับเขาด้วย”
แพรพลอยหันมาสบตากับอริสรา สีหน้าอริสราจริงจังและยิงตรงเข้าประเด็น
“เดชโชดมกรุ๊ปเป็นบริษัทใหญ่ มีศัตรูทางธุรกิจเยอะ ชีวิตอิศร์หลังจากนี้จะอันตรายกว่าเดิมมาก คุณแน่ใจว่าจะทำหน้าที่อารักขาเขาได้ดีพอไหมคะ”
แพรพลอยเริ่มเอะใจ “คุณอริสรากำลังจะบอกอะไรฉันหรือเปล่าคะ”
“อริสไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับอิศร์ค่ะ เลยอยากจะแน่ใจว่าเขาควรจะได้รับการคุ้มครองอย่างดีที่สุด เพราะถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ทุกคนในครอบครัวเราคงจะเสียใจมาก”
แพรพลอยเริ่มเข้าใจความหมายของอริสรา ยิ้มออกมา
“ถ้าคุณอริสสงสัยเรื่องความสามารถของฉัน ติดต่อไปทางบริษัทของฉันได้นะคะ หรือถ้าคิดว่าคุณอิศร์ควรจะเปลี่ยนบอดี้การ์ดนี้ก็ติดต่อไปได้เช่นกัน เพราะสัญญาการทำงานของฉันที่กำลังจะหมดพอดี นี่ค่ะนามบัตร”
แพรพลอยยื่นนามบัตรให้ แล้วเดินออกไปทันที
อริสรารับนามบัตรมาดู ยิ้มกระหยิ่มพอใจที่รู้ว่าแพรพลอยกำลังจะไปจากชีวิตอิศร์
คืนหนึ่งอิศร์แต่งตัวมางานเลี้ยงในโรงแรมหรู พร้อมกับแพรพลอย และมายาวี เห็นผู้หลักผู้ใหญ่แวดวงธุรกิจและการเมืองเต็มงาน
“โอย คนเยอะแยะอย่างนี้ ฉันจำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นใครบ้าง กลับเถอะคุณแพร”
อิศร์หันหลังจะดึงมือแพรพลอยกลับ มายาวีรีบดึงอิศร์ไว้
“นายอิศร์! จะหนีกลับได้ยังไง เจ้าภาพอุตส่าห์เชิญ”
“ใจเย็นๆ สิคุณ อย่าเพิ่งสติแตก คุณเมย์จัดการได้”
อิศร์ทำหน้าพิศวง มายาวีพยักหน้าอย่างมั่นใจ
อิศร์เดินเกร็งๆ เข้าไปในงาน มีแพรพลอย มายาวีประกบ สายตามายาวีสอดส่อง
“จำไว้ว่าทุกคนรู้จักนายหมดแล้ว นายต้องก็รู้จักพวกเขาหรือทำเป็นรู้จัก ห้ามปล่อยไก่เด็ดขาด” มายาวีมองไปทางชายชื่อ นิวัฒน์ “ดูอย่างคนนั้น”
นิวัฒน์หันมาเรียกอิศร์พอดี
“คุณอิศร์ เชิญทางนี้”
อิศร์ทำหน้าเหรอหรา เพราะจำไม่ได้ มายาวีรีบกระซิบข้างหู
“ท่านเลขานิวัฒน์ เลขารมต.แรงงาน ภรรยาเพิ่งคลอดลูกชาย”
อิศร์มั่นใจมากขึ้น รีบเดินนำเข้าไปหา
“สวัสดีครับท่าน ยินดีด้วยนะครับที่ได้ลูกชาย เดี๋ยวผมจะส่งของขวัญไปให้”
“คุณทราบด้วยเหรอ ขอบคุณมาก”
นิวัฒน์ยิ้มพอใจ คุยกับอิศร์อย่างสนิทสนม
ครู่ต่อมาอิศร์เดินอยู่อีกมุมของงาน มายาวีมองไปทางคุณหญิง แล้วกระซิบ
“นั่นคุณหญิงแป้งร่ำ คุณสุชาติสามีเพิ่งออกจากไอซียู”
อิศร์รีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณหญิง คุณลุงสุชาติเป็นยังไงบ้างครับ”
คุณหญิงทำท่าซึ้งใจ จับมืออิศร์ ทำท่าจะฟูมฟาย มายาวีกับแพรพลอยมองหน้ากันยิ้ม
ต่อมาไม่นาน ท่าทีของอิศร์ดูมั่นใจขึ้น เงี่ยหูฟังมายาวีพูดแป๊บเดียวก็รีบเข้าไปทักแขกอย่างคล่องปรื๋อ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับคุณชาย สบายดีนะครับ” อิศร์เดินไปทัก พูดคุยกับแขกอีกหลายๆ กลุ่ม ท่าทางผ่อนคลายลง เข้าสังคมได้คล่องแคล่วขึ้น แพรพลอยเริ่มถอยห่างออกมา ปล่อยให้อิศร์ทักทายคนนั้นคนนี้ ไม่เข้าไปเกะกะ
“คุณแพร นึกแล้วว่าต้องเจอกันที่นี่” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น
แพรพลอยหันไปมอง แล้วทำสีหน้าแปลกใจ ที่เห็นหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดของบริษัท
ครู่ต่อมาแพรพลอยยืนคุยกับหัวหน้าอยู่ในมุมเงียบๆ
“แพรกำลังคิดว่าอาทิตย์หน้าจะเข้าไปที่บริษัทอยู่พอดีเลยค่ะ”
“สัญญาทำงานของคุณอิศร์กำลังจะหมดแล้วล่ะสิ แล้วคุณอิศร์จะให้แพรทำต่อหรือเปล่า”
แพรพลอยนิ่งนึกถึงสิ่งที่อริสราพูดตอนเผชิญหน้ากันในออฟฟิศอิศร์
“เดชโชดมกรุ๊ปเป็นบริษัทใหญ่ มีศัตรูทางธุรกิจเยอะ ชีวิตอิศร์หลังจากนี้จะอันตรายกว่าเดิมมาก คุณแน่ใจว่าจะทำหน้าที่อารักขาเขาได้ดีพอไหมคะ”
แพรพลอยเริ่มเอะใจ “คุณอริสรากำลังจะบอกอะไรฉันหรือเปล่าคะ”
“อริสไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับอิศร์ค่ะ เลยอยากจะแน่ใจว่าเขาควรจะได้รับการคุ้มครองอย่างดีที่สุด เพราะถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ทุกคนในครอบครัวเราคงจะเสียใจมาก”
แพรพลอยดึงความคิดกลับมาฝืนยิ้ม
“คงไม่มั้งคะ”
“อ้าว ทำไมเป็นงั้น ผมนึกว่าคุณอิศร์จะติดใจแพรซะอีก”
แพรพลอยไม่ตอบ ได้แต่ฝืนยิ้ม
“ไม่เป็นไร เก่งๆ อย่างแพรผมไม่ให้ว่างงานนานหรอก เดี๋ยวเดือนหน้าจะมีประชุมสุดยอดผู้นำที่ภูเก็ต แพรสนใจจะไปดูแลพวกวีไอพีซักอาทิตย์ไหมล่ะ”
แพรพลอยยิ้มดีใจ กระตือรือร้นกับงานใหม่
เช้าอีกวันหนึ่งไอศูรย์นั่งกินอาหารเช้าอยู่ อำพลถือหนังสือพิมพ์เดินเข้ามา แล้วกระแทกลงตรงหน้า เปิดให้เห็นภาพข่าวงานสังคม ให้อำพลดู เห็นอิศร์ถ่ายรูปกับพวกแขกผู้มีเกียรติในแวดวงการเมืองและธุรกิจ
“อะไรครับคุณพ่อ” ไอศุรย์งง
“งานแต่งงานลูกสาวนายประกอบ เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรที่เป็นลูกค้าเรา มันไม่เชิญพ่อกับแกไปร่วมงาน แต่ดันเชิญไอ้อิศร์”
ไอศูรย์เห็นเข้าก็เซ็ง ทิ้งมีดส้อมในมือ กินไม่ลง
“นี่สรุปว่าทุกคนยอมรับว่าไอ้อิศร์เป็นตัวแทนของบริษัทเรากันหมดแล้ว ถึงให้ความสำคัญมันขนาดนี้”
“ก็คงเป็นอย่างนั้น” อำพลออกอาการแค้นเคือง “มันกำลังจะเอาทุกอย่างที่แกกับฉันสร้างมากับมือไป เพราะปู่แกคนเดียว ปู่แกมันไม่ยุติธรรม”
“เราจะทำยังไงกันดีครับพ่อ จะยอมให้มันมาชุบมือเปิบง่ายๆ อย่างนี้เหรอ”
ไอศูรย์มีสีหน้าเคร่งเครียด เจ็บใจ
ด้านอนุภัทรตัดแต่งพุ่มไม้อย่างตั้งใจ พอหันมาก็เห็นแพรพลอยยื่นกระติกน้ำให้
“คุณแพร”
“กำลังจะแอบติดกล้องสอดแนมอีกตัวเหรอคะผู้กอง”
“เปล่าหรอกครับ อยากจะโชว์ฝีมือแต่งสวนดูบ้าง ก่อนจะโดนเพ่งเล็งว่าไม่ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน ผมกลัวจะโดนไล่ออกก่อนงานสำเร็จ” ผู้กองหัวเราะขันๆ
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ไม่มีใครไล่นายมิตรได้นอกจากคุณอิศร์”
“นั่นแหละครับที่ผมยิ่งกลัว ยิ่งได้อภิสิทธิ์จากคุณอิศร์เท่าไร ผมว่าตัวเองจะยิ่งถูกเพ่งเล็งมากเท่านั้น” อนุภัทรรีบเปลี่ยนเรื่อง “เออ แล้วนี่มันนอนยังไม่ตื่นเหรอครับ คุณแพรออกมาเดินเล่นได้ เพราะทุกทีผมเห็นมันเกาะแจอย่างกับปลิง”
“ตื่นแล้วค่ะ กำลังคุยเรื่องงานกับมายาวีอยู่”
“ฮ้า! นี่คุณหนูเมย์ก็พลอยตื่นเช้าไปด้วยเหรอเนี่ย โลกมันอยู่ยากขึ้นทุกวันนะครับคุณแพรว่าไหม”
อนุภัทรกับแพรพลอยหัวเราะให้กัน จากนั้นอนุภัทรก็หันไปตัดแต่งพุ่มไม้ต่อ
ฟากมายาวีจามออกมาติดๆ กัน ขณะนั่งทำงานอยู่กับอิศร์
“ใครนินทาฉันเนี่ย จามขนาดนี้ต้องอยู่ในระยะเผาขนแน่ๆ มองไปรอบๆ อย่างระแวง”
อิศร์เงยหน้าจากคอมพิวเตอร์ “ฉันไม่ได้นินทาเธอในใจแน่ๆ”
มายาวีจามอีก “ป้าดวงก็ไปตลาด คุณแพรก็ไม่ใช่คนพูดมาก” หล่อนไล่เรียงโจทก์ “งั้นก็เหลือคนเดียว นายมิตร คนสวน”
มายาวีลุกพรวดขึ้น จามฟึดฟัดต่อ
“อ้าว จะไปไหน” อิศร์งง
มายาวีจามอีก “ฉันจามขนาดนี้ แสดงว่านายนั่นยังเม้าท์ฉันไม่หยุด แบบนี้มันต้องเห็นดีกัน”
มายาวีโลดแล่นออกไป อิศร์มองตามแล้วส่ายหัวขำคนเดียว ก่อนจะหันไปทำงานต่อ
อ่านต่อหน้า 2 / 17.00 น.
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 5 (ต่อ)
อนุภัทรกับแพรพลอยยังคุยกันอยู่ที่เดิม อนุภัทรแต่งกิ่งไม้ไปคุยไป
“ไม่น่าเชื่อว่าสองคนนั้นจะลุกขึ้นมาทำตัวเอางานเอาการได้นะครับ แต่ผมว่าคงแค่ชั่วคราวแหงๆ”
“แต่แพรก็เห็นคุณเมย์กับคุณอิศร์สนุกกับการทำงานดีนะคะ”
“ก็เหมือนเด็กเล่นของเล่นใหม่นั่นแหละครับ เห่อเป็นพักๆ ยิ่งไอ้อิศร์ผมยิ่งรู้ดีว่ามันขี้เบื่อ”
มายาวีพรวดพราดออกมา มองเห็นอนุภัทรยืนคุยอยู่ แต่ยังไม่เห็นแพรพลอย
“ฮึ่ม นายมิตร นายจริงๆ ด้วย” หล่อนจามไม่เลิก
มายาวีหันรีหันขวาง เห็นสายยางฉีดน้ำวางอยู่ที่พื้น ก็ฉวยขึ้นมา กะจะฉีดใส่ แต่หาก๊อกไม่เจอ เลยย่องตามสายยางไปใกล้ๆ อนุภัทร ถึงเห็นว่าแพรพลอยยืนคุยอยู่ด้วย
“อ้าว คุณแพร นี่เป็นไปกับนายมิตรด้วยเหรอ” มายาวีบ่นพึมพำ “เม้าท์อะไรกัน”
มายาวีย่องเข้าไปใกล้ๆ ได้ยินเสียงอนุภัทรกับแพรพลอยชัดขึ้น แต่ทั้งสองไม่เห็นมายาวี
“ผมให้ไม่เกินเดือนนึงสองคนนั้นก็กลับมาไร้สาระเหมือนเดิม ไม่เชื่อคุณแพรคอยดู”
แพรพลอยหัวเราะขำ “แพรคงไม่มีโอกาสได้คอยดูหรอกค่ะ”
“ทำไมเหรอครับ”
“ก็แพรตกลงรับงานคุณอิศร์ไว้แค่สองอาทิตย์ แล้วนี่ก็ใกล้จะครบกำหนดแล้วด้วย”
อนุภัทรอึ้งไป มายาวีที่ได้ยินด้วย ทำหน้าแปลกใจ รีบแนบหูฟังใกล้ชิดอีก
“แปลว่าคุณแพรจะไม่อยู่ที่นี่แล้วเหรอครับ”
“คุณอิศร์คงไม่จำเป็นต้องใช้แพรหรอกค่ะ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีอะไร ส่วนเรื่องที่โดนปองร้าย คนบงการอาจจะไม่กล้าอีก เพราะตอนนี้ใครๆ ก็รู้จักคุณอิศร์”
อนุภัทรซึมๆ “คุณแพรตัดสินใจเด็ดขาดแล้วใช่ไหมครับเนี่ย”
แพรพลอยพยักหน้า “ชีวิตคุณอิศร์กลับสู่สภาวะปกติแล้ว แพรก็เหมือนผู้ติดตามที่ไร้ประโยชน์ แต่แพรคิดว่าความสามารถของแพรยังจำเป็นสำหรับใครอีกหลายคนค่ะ”
อนุภัทรฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มเศร้า ยอมรับการตัดสินใจของแพรพลอย
มายาวียังช็อกกับสิ่งที่แพรพลอยบอกไม่หาย รีบวิ่งแจ้นออกไป
อิศร์ตกใจ เมื่อรู้เรื่องจากมายาวี
“อะไรนะ คุณแพรจะลาออก! ไม่เห็นเขาบอกเรื่องนี้กับฉันเลย”
“ไม่ได้ลาออก แต่ว่าหมดสัญญา นายตกลงจ้างคุณแพรไว้สองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ ไหนดูซิ” หล่อนรีบเปิดไอแพด “เหลืออีกห้าวัน”
อิศร์ไม่ยอม “ไม่ได้นะ คุณแพรจะไปจากฉันไม่ได้ ฉันไม่ยอม ! ยายเมย์ เธอเป็นเลขาฉัน ต้องหาทางห้ามไม่ให้คุณแพรไป”
“จะให้ทำยังไงล่ะ ตอนคุณแพรเลิกเป็นบอดี้การ์ดให้คุณพ่อ ฉันยังไม่มีปัญญาจะห้ามเลย”
อิศร์นิ่งคิด เห็นด้วยกับมายาวี แต่เกิดฮึดฮัดขึ้นมา
“ฉันจะไปคุยกับคุณแพรให้รู้เรื่อง”
“หยุด! คิดเหรอว่าจะสำเร็จ! จำได้ไหมว่าฉันขอร้องให้นายไปตื๊อคุณแพรกลับมาทำงานให้คุณพ่อ นายก็ไม่มีปัญญาเหมือนกัน”
อิศร์นิ่งคิดอีก “เออ นั่นสิ แล้วจะทำยังไง ฉันไม่อยากเสียคุณแพรไปนะ ถ้าไม่มีเขา ฉันก็ไม่รู้จะพยายามทำทุกอย่างนี่ไปทำไม งั้นไม่ทำแล้ว! เลิกให้หมด”
อิศร์ปิดคอม ผลักแฟ้มเอกสารออกไปจากโต๊ะ เสียงดังโครมคราม
มายาวีรีบห้าม “นายอิศร์ จะบ้าเหรอ ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิดสิ”
อิศร์นึกได้ ชี้หน้ามายาวี “หน้าที่นี้มันเป็นของเธอยายเมย์! เธอเป็นเลขา เพราะฉะนั้นเธอต้องทำยังไงก็ได้ให้คุณแพรอยู่กับฉัน ไม่งั้นฉันไล่เธอออก”
มายาวีโอดครวญ “ก็บอกแล้วไงว่าฉัน...”
มายาวีหยุดพูด จู่ๆ ก็นึกถึงสิ่งที่แพรพลอยพูดออกมา
“คุณอิศร์คงไม่จำเป็นต้องใช้แพรหรอกค่ะ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีอะไร ส่วนเรื่องที่โดนปองร้าย คนบงการอาจจะไม่กล้าอีก เพราะตอนนี้ใครๆ ก็รู้จักคุณอิศร์”
อนุภัทรซึมๆ “คุณแพรตัดสินใจเด็ดขาดแล้วใช่ไหมครับเนี่ย”
แพรพลอยพยักหน้า “ชีวิตคุณอิศร์กลับสู่สภาวะปกติแล้ว แพรก็เหมือนผู้ติดตามที่ไร้ประโยชน์ แต่แพรคิดว่าความสามารถของแพรยังจำเป็นสำหรับใครอีกหลายคนค่ะ”
มายาวีได้ไอเดีย ยิ้มกว้างออกมา
“ฉันรู้แล้วว่าเราจะทำยังไง”
อิศร์สงสัยวิธีการของเพื่อสาวจอมจุ้น
ทางด้านอำพลยืนมองหนังสือหลายเล่มที่อยู่บนโต๊ะ มีทั้งหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวอิศร์ และนิตยสารแวดวงเซเล็บ อำพลเกิดอารมณ์เดือดดาลขึ้น ระเบิดอารมณ์ฉีกหนังสือเหล่านั้นจนกระจุยกระจาย
เหตุการณ์ในห้องทำงานเดช 20 ปีก่อน ผุดขึ้นมาหลอกหลอน
ในตอนนั้นอำพลผลุนผลันเข้ามาในห้องทำงานเดช ท่าทางเดือดดาล อำนวยตามเข้ามาพยายามห้าม
“คุณพ่อไม่ยุติธรรม”
เดชค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองท่าทีสงบ สุขุม
“คุณพ่อตั้งไอ้อำนาจให้มีตำแหน่งสูงกว่าผม แล้วผมจะอธิบายกับคนอื่นว่ายังไง”
“ก็อธิบายว่าอำนาจทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่มากับฉัน ส่วนแก...เพิ่งจะเข้ามามีตำแหน่งตอนที่บริษัทไฟแนนซ์ของแกมันเจ๊งไม่เป็นท่า”
“แต่ผมก็ทุ่มเททำงานให้คุณพ่อเต็มที่ ทำไมไม่เห็นความดีผมบ้าง”
“เพราะฉันรู้ว่าแกไม่มีที่ไป ตอนที่ฉันล้มลุกคลุกคลานกับอำนาจ แกไม่เคยคิดจะยื่นมือมาช่วยเหลือ มัวแต่ภูมิอกภูมิใจกับบริษัทของตัวเอง ถ้ามันไม่ล้มละลายซะก่อนแกก็คงไม่ยื่นจมูกเข้ามาหายใจที่นี่”
“ทำไมคุณพ่อไม่มองว่าผมสร้างผลประโยชน์ให้บริษัทเท่าไร โครงการใหญ่ๆ ที่เราได้มาก็ความคิดของผมทั้งนั้น ไม่ใช่ของไอ้สองคนนั่น”
“แกหาเงินเข้าบริษัท ฉันก็ตอบแทนด้วยเงินโบนัสแล้ว แต่แกจะไม่มีวันได้ตำแหน่งสูงเท่าอำนาจ เพราะแกไม่ใช่คนสร้างที่นี่ขึ้นมา”
เดชก้มหน้าทำงานต่อ ส่วนอำพลมองพ่ออย่างหัวเสีย
อำพลมองรูปของอิศร์ที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ อย่างแค้นใจ
“ไอ้อิศร์มันก็ไม่ใช่คนสร้างบริษัทนี้ขึ้นมาเหมือนกัน แต่คุณพ่อก็ยังจะตะแบงยกให้มัน เพราะมันเป็นลูกไอ้อำนาจ! ผมไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรอก”
อำพลขยำรูปอิศร์อย่างอาฆาตแค้น
วันต่อมา ขณะที่อนุภัทรนอนหลับอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงเคาะประตูปังๆ เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“ใครวะ”
อนุภัทรลุกขึ้นเซ็งๆ แล้วเดินไปเปิด เห็นมายาวียืนอยู่
“คุณเมย์” อนุภัทรถอนใจเซ็งๆ “อะไรของคุณ อยู่ๆ ก็มากวนผมแต่เช้าเลย”
“ฉันจะมารับตัวคุณไปทำธุระ”
“ธุระอะไร ผมไปไม่ได้หรอก ต้องขับรถให้ไอ้อิศร์”
“ฉันลางานให้แล้วน่า ไปอาบน้ำแต่งตัวเร็วเข้า”
มายาวีวิ่งไปหยิบขันกับผ้าเช็ดตัวยัดใส่มืออนุภัทร แล้วผลักไปที่ห้องน้ำ อนุภัทรงงๆ แต่ก็เข้าห้องน้ำไป มายาวีรีบกดโทรศัพท์ไปหาอิศร์
“อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกัน”
แพรพลอยเงยหน้าจากการจิบกาแฟ ท่าทีแปลกใจ
“วันนี้ฉันต้องขับรถให้คุณเหรอ”
“ใช่ พอดี เอ้อ ไอ้ภัทรมันต้องไปพบนายที่กระทรวงน่ะ ผมรบกวนหน่อยนะครับ”
แพรพลอยลังเล “แต่ถ้าฉันขับรถ จะคุ้มกันคุณได้ยังไง”
“โธ่เอ๊ย แค่วันเดียวเอง คงไม่มีใครมาทำอะไรผมหรอก...มั้ง”
อิศร์สบตากับป้าดวงอย่างมีเลศนัย
แพรพลอยยังลังเลอยู่ “แล้วบุญเกิดล่ะ วานเขาซักวันไม่ได้เหรอคะ”
“อุ๊ย บุญเกิดมันไม่ว่างค่ะ คือ...มันต้องไปขับรถให้คุณผู้หญิง แฮ่”
ป้าดวงบอกพลางยิ้มกลบเกลื่อน แพรพลอยรู้สึกแปลก แต่ยังไม่เอะใจ
อิศร์แกล้งพูดประชด “ถ้าคุณไม่อยากขับ เดี๋ยวผมขับให้เองก็ได้ แต่คุณต้องนั่งไปเป็นเพื่อนผม”
“งั้นไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันขับเอง ไปกันหรือยัง”
แพรพลอยลุกขึ้น หยิบปืนที่เหน็บออกมาเช็ค ก่อนจะเอาเก็บแล้วเดินออกไป ป้าดวงเห็นแล้วหน้าเสีย รีบปรี่เข้าไปหาอิศร์
“จะไหวเหรอคะคุณอิศร์ ป้าเห็นปืนแล้วกลัวจังเลย”
“ไม่มีอะไรน่าป้า ผมรับรองว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อย”
อิศร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ มั่นใจ แล้วรีบตามออกไป
แพรพลอยขับรถให้อิศร์ รถแล่นมาตามถนนเส้นหนึ่ง บอดี้การ์ดสาวสายตาสอดส่องระมัดระวัง อิศร์มองดูป้ายถนนแล้วรีบสะกิด
“คุณๆๆ เดี๋ยวเลี้ยวไปเส้นนี้นะครับ”
“ทำไมคะ มันไม่ใช่ทางไปออฟฟิศนี่”
“เอ่อ คือ...ผมจะแวะไปดูไซต์งานที่ปทุมหน่อย”
“อ้าว แล้วไม่ไปรับคุณเมย์ก่อนเหรอคะ”
“เมย์เหรอ เอ่อ...” อิศร์คิดหาข้ออ้าง “ด...เดี๋ยวไปเจอกันที่โน่น ผมนัดไว้ว่าจะไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือกัน”
แพรพลอยพยักหน้า ไม่สงสัยอะไร เลี้ยวรถไปตามป้าย
อิศร์ถือโอกาสเอียงตัวตามที่แพรพลอยหักเลี้ยว เอนมาซบแพรพลอย พลางแกล้งหาว
“เฮ้อ ง่วงจัง” หนุ่มจอมกะล่อนแกล้งซบอยู่อย่างนั้นไม่ยอมเอนกลับ
แพรพลอยเหล่ หักเลี้ยวอีกที อิศร์เอนไปกระแทกประตูรถดังโครม บ่นอุบ
“อู้ย เล่นแบบนี้เลยเหรอ”
“ใจร้อนจัง หิวก๋วยเตี๋ยวใช่ไหมล่ะ”
แพรพลอยอดขำไม่ได้ ยิ้มออกมา แล้วขับรถต่อ อิศร์ยังคงยิ้มกรุ้มกริ่มน่าสงสัย
ฟากมายาวีวิ่งนำอนุภัทรมา หล่อนถือถุงมาด้วย ท่าทางหลุกหลิกส่อพิรุธ
“คุณพาผมมาที่นี่ทำไมคุณเมย์”
มายาวีทำเสียงชู่ว์ แล้วย่องแบบหมอบๆ ไปตามแนวสวน
“จะพาผมมาฆ่าหรือไงเนี่ย”
“ฆ่าทำไมให้ตายเปล่า คุณยังมีประโยชน์กับฉันอยู่ อ้ะ ถือไว้”
มายาวียื่นถุงให้ อนุภัทรรับมาเปิดดู เป็นตะปูเรือใบ
“เฮ้ย อะไรเนี่ย คุณจะทำอะไร”
มายาวีไม่ตอบ แต่เปิดโทรศัพท์ดู GPS ของอิศร์ว่าอยู่ไหนแล้ว แล้วดูนาฬิกาไปด้วย
“โอเค อีกห้านาที เตรียมลงมือได้! เอาถุงมาให้ฉัน”
มายาวียื่นมือ แต่อนุภัทรไม่ยอมให้
“ผู้กอง ไม่ได้ยินหรือไง เอามาให้ฉัน แน่ะ นายมิตร”
“ผมไม่ให้ จนกว่าคุณจะบอกว่ากำลังทำอะไรอยู่”
มายาวีดูนาฬิกา “อธิบายตอนนี้ไม่ได้ จะได้เวลาแล้ว”
“ไม่! ต้องอธิบาย! ไม่งั้นผมจะโยนทิ้ง” อนุภัทรทำท่าจะโยนทิ้ง
“อย่าๆๆ เดี๋ยวก่อน”
อนุภัทรชะงัก จ้องหน้าสาวเจ้าจอมจุ้นรอฟังคำอธิบาย
รถอิศร์ที่แพรพลอยขับมา แล่นผ่านย่านชานเมืองอย่างรวดเร็ว ในรถแพรพลอยเหลือบมองกระจกมองข้างและมองหลังสลับกัน รู้สึกผิดปกติ
สายตาแพรพลอย ที่กระจกมองข้าง เห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับตามมา
“มอเตอร์ไซค์คันนั้นตามเรามา”
อิศร์ทำเป็นพูดเล่น “งั้นก็ให้เขาแซงสิ คุณจะได้เป็นฝ่ายตามเขาแทน”
“พูดเป็นเล่นอยู่ได้ นั่งดีๆ ค่ะ”
แพรพลอยมอง ลองเร่งเครื่องดู ปรากฏว่ามอเตอร์ไซค์ก็เร่งตาม แต่ไม่ยอมแซง แพรพลอยเริ่มระแวง
“มันเร่งเครื่องตามเรามา ไม่ทิ้งระยะ”
“คุณคิดมากไปหรือเปล่า ไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
อิศร์เอี้ยวตัว จะเหลียวไปมองหลัง แพรพลอยกางมือมากัน
“นั่งดีๆ นะคะ” แพรพลอยเหยียบคันเร่งจนมิด
รถอิศร์ เร่งเครื่องแรงพุ่งทะยานไปด้านด้านหน้า แซงออกขวา มอเตอร์ไซค์แซงขวาตาม พอรถอิศร์แซงซ้าย มอเตอร์ไซค์แซงซ้ายเช่นกัน
แพรพลอยคิด หาจังหวะจะจัดการมอเตอร์ไซค์
“ไม่ปล่อยใช่ไหม”
“ก็คุณบอกให้ผมจับเบาะแน่นๆ”
“ฉันหมายถึงมอเตอร์ไซค์ที่ตามเราไม่ปล่อย”
อิศร์ยิ้มออก แล้วปล่อยมือจากเบาะ ปลดเข็มขัดนิรภัย นั่งสบายๆ แพรพลอยไม่ได้มองว่าอิศร์ปล่อยมือจากเบาะ เพราะมัวแต่มองกระจกข้าง
แพรพลอยเหยียบเบรกกะทันหัน มอเตอร์ไซค์พุ่งเข้ามาเกือบชนท้าย แต่หักหลบทันหายไป
“มันไปแล้วค่ะ” แพรพลอยมองกระจก แล้วหันมามองอิศร์ “ว้าย! คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
อิศร์หน้าคะมำทิ่มคอนโซลหน้ารถ ค่อยๆ เงยขึ้นมา เห็นหน้าผากแดงๆ
“ผมว่าผมจะเป็นอะไรไปก็เพราะคุณนี่แหละ ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์คันนั้นหรอก”
แพรพลอยหัวเราะขำ แล้วขับรถต่อ อิศร์ค้อนตาคว่ำ
“คนใจร้าย ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
แพรพลอยส่ายหน้า ไม่ใส่ใจ เข้าเกียร์ ขับรถออกไป
รถของอิศร์แล่นมาตามถนนเปลี่ยวชานเมือง แพรพลอยขับมา แล้วมองไปข้างหน้า เหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ร้องขึ้น
“ไม่”
อิศร์งง มองไปข้างหน้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนเห็นว่าที่ถนนด้านหน้ารถ มีตะปูเรือใบโรยอยู่เกลื่อนทุกช่องจราจร
แพรพลอยเหยียบเบรกเอี๊ด หักรถออกข้างทาง ล้อรถเหยียบตะปูเรือใบ ดังปุปะๆๆ
ด้านมายาวีได้ยินเสียงดังก็ตกใจสะดุ้งโผเข้ากอดอนุภัทร
“ว้าย”
“อะไรเล่าคุณ เอาไปวางเองกลัวเองซะงั้น”
มายาวีนึกได้ เงยหน้ามอง อนุภัทรมองตามทั้งลุ้นทั้งกังวล
แพรพลอยพุ่งตัวเข้ากดอิศร์ให้นอนราบลงไป ขณะเสียงยางแตกค่อยๆ หยุดลง มอเตอร์ไซค์คันเดิมขับย้อนศรพุ่งตรงมาแล้วจอดทะมึนอยู่ตรงหน้าห่างๆ คนขับใส่หมวกกันน็อคเต็มใบปกปิดใบหน้ามิดชิด
แพรพลอยเงยหน้ามอง เห็นคนขับยกปืนขึ้นเล็ง ปังๆๆ ไม่รู้ว่าเป็นกระสุนเปล่า แพรพลอยโถมตัวบังอิศร์อีก
“คุณอิศร์ ก้มไว้ อย่าเงยขึ้นมา”
“ย๊ากกก ตายแน่ๆๆ” อิศร์ร้องเวอร์
แพรพลอยหยิบปืนที่เหน็บออกมา อิศร์มองเห็นตกใจ กลัวแพรพลอยยิงสวนออกไป
“ค...คุณ จะทำอะไร”
“อย่าเงยขึ้นมา”
แพรพลอยที่ก้มอยู่ พยายามจับปืน จะยิง แต่ยังไม่ถนัด อิศร์ตกใจ ร้องห้าม
“อย่า คุณแพร ! อย่ายิง”
“แต่มันจะยิงเรา”
“ไม่ ปล่อยๆ มัน...” อิศร์พยายามจะแย่งปืนมา
แพรพลอยงงระคนแปลกใจ “คุณอิศร์ คุณจะทำอะไร เอาปืนฉันมานะ”
อิศร์ไม่ยอม รีบเปิดประตูฝั่งตัวเองแล้วแกล้งโยนปืนลงไป
“คุณอิศร์”
“ปืนหล่นไปแล้ว เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ”
แพรพลอยเงยหน้ามอง เห็นมือปืนยังระดมยิงใส่ เลยล้วงเข้าไปในกระเป๋า หยิบระเบิดควันออกมา
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
“ฉันกำลังหาทางให้เราออกจากรถนี่”
แพรพลอยเปิดประตูรถฝั่งตัวเอง โดยนระเบิดควันออกไป เกิดกลุ่มควันพวยพุ่งจากระเบิดควัน
ฟากมายาวีกับอนุภัทรยังคงแอบดูอยู่
“นายอิศร์ทำอะไร ทำไมควันเยอะอย่างนั้น”
“ฝีมือคุณแพรแน่ๆ” อนุภัทรประเมินเหตุการณ์
“ตายแล้ว”
แพรพลอยในรถรรีบบอกอิศร์ หลังจากควันหน้าตัวขึ้น
“คุณหลบหลังประตูรถก่อน พอฉันบอก คุณวิ่งไปที่ป่าข้างทางโน่นทันที”
ท่ามกลางควัน มีเสียงปืนเปรี้ยงๆ อิศร์เปิดประตูรถ ดูงงๆ แพรพลอยลงจากรถอีกฝั่ง อ้อมหลังรถมาหาอิศร์
“ไปค่ะคุณอิศร์”
อิศร์งงๆ แพรพลอยจับมือพาวิ่งฝ่าควันออกไปในป่าข้างทาง มายาวีกับอนุภัทรชะโงกมอง เห็นอิศร์กับแพรพลอยวิ่งลงข้างถนน
“สองคนนั่นไปโน่นแล้ว”
ควันบนถนนค่อยๆ จางหาย มือปืนจ้องมองมาเห็นไม่มีคนในรถ จึงเหลียวมองเลิ่กลั่กมาทางมายาวี
มายาวีส่งสัญญาณชี้ว่าอิศร์กับแพรพลอยไปทางไหน
มือปืนรีบเก็บปืน แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตามทั้งสองไป
แพรพลอยดึงมืออิศร์วิ่งไปในป่า เป็นทางลูกรัง ติดท้องร่องสวนมะพร้าว และมีท้องร่องแห้งๆ เสียงมอเตอร์ไซค์แว้นตาม เสียงดังสนั่นไล่หลังฟังดูน่ากลัว แพรพลอยกระโดดข้ามท้องร่อง หันมายื่นมือให้อิศร์
“คุณอิศร์ กระโดดค่ะ”
อิศร์อิดออด “โห กว้างอ่ะ ผมกลัวตก”
แพรพลอยฉุน “ตกหรือตาย เลือก”
อิศร์รีบกระโดดข้ามท้องร่อง แต่แรงน้อยข้ามเกือบไม่ถึงอีกฝั่ง แพรพลอยคว้ามืออิศร์ช่วยดึงเต็มแรง ร่างอิศร์ถลาเข้าซบแพรพลอย
“อูย ค่อยยังชั่ว”
คนร้ายขับมอเตอร์ไซค์ข้ามท้องร่องไม่ได้ ยิงปืนเข้ามา เปรี้ยงๆๆๆ
แพรพลอยพาอิศร์วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน
อีกด้านหนึ่งเห็นมายาวีกับอนุภัทรวิ่งไล่ตามมาดูอยู่ห่างๆ หลบหลังต้นไม้
อิศร์มองเห็นทั้งสองคน กลัวแพรพลอยหันไปเห็น รีบดึงแพรพลอยให้หันหลังกลับ แล้วทำเป็นโอบบังไว้
“คุณแพร หลบเร็ว อันตราย”
“ไม่ต้องกอดฉันขนาดนี้ก็ได้”
“ผมกลัวคุณเป็นอันตราย ผมจะปกป้องคุณเอง”
“ฉันต่างหากที่เป็นบอดี้การ์ดคุณ”
อิศร์ยิ้มปลื้ม แพรพลอยเขินเล็กน้อย พยายามจะมองคนร้าย แต่อิศร์กดหัวไว้ กลัวความแตก
“อย่าโผล่ออกไปสิ เดี๋ยวมันเห็น”
“เราจะหลบอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอก มันคงตั้งใจจะทำร้ายคุณให้ได้”
แพรพลอยกวาดตามองรอบตัว พลางชำเลืองไปทางคนร้าย พยายามหาต้นเสียงมอเตอร์ไซค์ที่ยังขี่วนไปมา เห็นคนร้ายขี่รถ เบิ้ลเครื่องเสียงดังข่มขู่อยู่ไม่ไกลนัก
แพรพลอยเหลือบไปเห็น มะพร้าวแห้งตามท้องร่อง แพรพลอยหยิบมะพร้าวลูกที่มีก้านช่อ หรือ หางหนู เป็นส่วนที่เคยเป็นช่อดอกและติดกับผลมะพร้าว
“คุณจะทำอะไร”
“ตอนเด็กๆฉันเคยเป็นนักกรีฑา ขว้างค้อน”
“อย่าบอกว่าเป็นแชมป์”
“ทำลายสถิติ 3 ปีซ้อน คอยดูนะ”
แพรพลอยจับก้านดอกมะพร้าว เหวี่ยงลูกมะพร้าวในมือ ตาเล็งไปที่คนร้ายที่ชะเง้อชะแง้อยู่อีกฝั่งหนึ่งของท้องร่อง ท่าของแพรพลอยเหมือนเป็นนักกรีฑาขว้างค้อน กำลังเตรียมเหวี่ยง
“ด...เดี๋ยวคุณ อย่าเพิ่ง”
แพรพลอยไม่ฟัง หมุนตัวแล้วเหวี่ยงมะพร้าวออกไป
มะพร้าวปลิวหวือข้ามท้องร่อง โดนหัวคนร้ายที่อยู่บนมอเตอร์ไซค์เต็มแรง คนร้ายเซคะมำตกมอเตอร์ไซค์ อิศร์อ้าปากหวอ มายาวีกับอนุภัทรอึ้งไปด้วย
“เป๊ะเวอร์”
อนุภัทรได้สติจะวิ่งไปดู แต่มายาวีดึงไว้
“คุณจะไปไหน”
“ก็จะไปดู”
“บ้าเหรอ เดี๋ยวก่อน มันไม่ตายหรอก มีหมวกกันน็อค”
แพรพลอยมองดูคนร้ายที่แน่นิ่ง แต่ซักพักก็เห็นผงกหัวขึ้นมาอีก
“มันยังไม่น็อค”
แพรพลอยหยิบลูกที่สอง เหวี่ยง กะน้ำหนัก ให้พุ่งไปที่เป้าหมายอีกครั้ง คนร้ายเงยหน้าขึ้นได้ ก็โดนมะพร้าวฟาดหงายกลับไปเหมือนเดิม
“โธ่ ตายแน่คราวนี้” อิศร์คราง “ตายแน่!”
“ยังไม่ตายหรอกค่ะ...อย่างมากก็แค่สลบ คุณอยู่นี่ ฉันจะไปจับตัวมัน”
“เฮ้ย อย่า”
อิศร์ดึงตัวแพรพลอยที่กำลังจะกระโดดข้ามท้องร่อง
“อะไรคุณอิศร์”
“อย่าไปเลย คุณแพร มันมีปืนนะ”
“ตอนนี้มันสลบไปแล้ว ทำอะไรเราไม่ได้แล้วค่ะ”
“งั้นก็ปล่อยมันไปเถอะ เรารีบหนีกันดีกว่า”
“นั่นคนร้ายนะคะ เขาตามมาฆ่าคุณ เราจะปล่อยเขาไปเหมือนปล่อยนกปล่อยปลาไม่ได้”
“เลิกแล้วต่อกันเถอะนะ เดี๋ยวเขาก็โดนกรรมสนองเข้าสักวันแหละน่า”
“คนทำผิดควรให้กฎหมายจัดการ จะให้เวรกรรมจะทำงานระบบเดียวไม่ได้”
แพรพลอยไม่ฟังกระโดดข้ามท้องร่องไป อิศร์กุมขมับ พิรุธออกเต็มๆ มองไปที่คนร้าย แล้วรีบกระโดดข้ามท้องร่องตามไป
คนร้ายซึ่งนอนนิ่งอยู่ที่พื้นตรงร่องสวน โดยยังใส่หมวกกันน็อคอยู่ เริ่มขยับตัว แพรพลอยเข้ามาใกล้คนร้าย อิศร์วิ่งพรวดแซงเข้ามา เตะเขี่ยคนร้ายอย่างสะใจ
“เฮ้ย คราวนี้ฉันไม่ตาย ฉันถือว่าแกดวงยังดีที่ฉันจะไม่เล่นงานแกกลับ”
“คุณอิศร์ จับมันสิคะ”
“ไม่ ผมจะปล่อยมันไป ไปสิ รีบไป”
แพรพลอยมองอิศร์ รู้สึกประหลาดใจ
“คุณไม่โกรธเขาหรือคะที่เขาต้องการทำร้ายคุณ”
“พูดแล้วก็เหมือนหล่อนะ...แต่ที่จริง ผมไม่โกรธเลย ไม่อาฆาต ไม่พยาบาท ไม่ถือสาด้วยซ้ำ...” เขาเตะเขี่ยคนร้าย “เฮ้ย ไปได้แล้ว”
“ถึงคุณจะให้อภัย แต่อย่างน้อย เราต้องรู้ว่าใครจ้างมันมา”
แพรพลอยกระชากตัวคนร้ายขึ้นมา ดึงหมวกกันน็อคออกอย่างรวดเร็ว แต่แล้วต้องตกใจ
“บุญเกิด”
บุญเกิดอยู่ในอาการสะลึมสะลือ ตาเขียว หัวโนเพราะโดนลูกมะพร้าวจนน่วม
“ค...คุณอิศร์ ช...ช่วยผมด้วย...” บุญเกิดหมดสติ คอพับไป
“ไอ้บุญเกิด”
“นี่มันอะไรกันคะเนี่ย”
แพรพลอยมองไปรอบๆ อย่างงวยงงไม่เข้าใจ มายาวีกับอนุภัทรวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพอดี
“คุณเมย์ ผู้กอง”
มายาวีมองทั้งสามคนไปมา งงไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อ่านต่อหน้า 3
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 5 (ต่อ)
แพรพลอยรู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนของอิศร์กับมายาวี แถมรูปการออกมาเหมือนว่าผู้กองอนุภัทรร่วมมือด้วย หล่อนโกรธจัดเดินลิ่วเข้าบ้าน สามคนวิ่งตามเข้ามา
“คุณแพร! ฟังผมก่อนสิครับ”
แพรพลอยไม่หยุด ไม่รอ เพราะโมโหมากที่โดนหลอก อิศร์ตัดสินใจดึงแขนไว้ แพรพลอยหันมาบิดแขนอย่างแรง อิศร์ร้องลั่นแทบทรุดลงไป
อิศร์เจ็บแต่ยังพยายามพูด “ผมอธิบายได้นะ”
“ฉันยอมเข้ามาอารักขาคุณ เพราะคนรอบข้างเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ แต่คุณกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกที่มีบอดี้การ์ดมาคอยตามประกบ ฉันไม่ได้อยากเป็นตัวตลกให้คุณแกล้งเล่น”
“โธ่ คุณแพร มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ผมมีเหตุผล”
มายาวีรีบช่วยพูด “ใช่ค่ะ อิศร์มีเหตุผลนะคะคุณแพร”
อนุภัทรแทรกขึ้น “แต่ผมไม่เกี่ยวนะครับ!”
อิศร์กับมายาวีชะงัก ร้อง “อ้าว” ขึ้นมาพร้อมกัน
“ผมตกกะไดพลอยโจน อยู่ๆ เมื่อเช้าคุณเมย์ก็มาลากผมออกไป ไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“อ๊าย ผู้กอง ทำไมเอาตัวรอดอย่างนี้ล่ะ!” มายาวีเม้งแตก
“ก็มันจริงนี่”
“แพรทราบค่ะว่าผู้กองคงไม่เกี่ยว เพราะเรื่องแบบนี้” หล่อนมองอิศร์กับมายาวีอย่างเย็นชา “คงมีคนคิดได้แค่ไม่กี่คน”
มายาวีรู้สึกละอาย เหมือนเด็กถูกจับได้ สารภาพเสียงอ่อย
“คุณเมย์คะ ถ้าจะโกรธก็โกรธเมย์คนเดียวเถอะค่ะ เพราะเมย์เป็นคนยุอิศร์ให้ใช้วิธีนี้”
“แพรโกรธทุกคนแหละค่ะ คุณเมย์เคยทำอย่างนี้กับแพรมาแล้วครั้งนึง แพรให้อภัยได้ แต่ครั้งนี้...”
แพรพลอยส่ายหน้าแล้วเดินหนีไปอย่างผิดหวัง
อิศร์วิ่งตามไปเคาะประตูระรัว มายาวี อนุภัทรช่วยลุ้น
“คุณแพรครับ ออกมาคุยกันก่อน”
แพรพลอยเปิดประตูออกมา แต่มีกระเป๋าเดินทางมาด้วย
“คุณจะไปไหน”
“ฉันขอยกเลิกสัญญาจ้างก่อนกำหนด แล้วจะให้บริษัทจะส่งบอดี้การ์ดคนอื่นมาให้”
แพรพลอยทำหน้าขึงขังเย็นชาจะเดินออกไป มายาวีจะร้องไห้
“คุณแพร มีอะไรค่อยๆ พูดกันนะคะ”
“แพรจริงจังกับงานมากแค่ไหน คุณเมย์น่าจะทราบดี คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว ลาก่อนค่ะ”
แพรพลอยจะออกไป อิศร์ไม่รู้ทำไง กระโจนกอดเอวแพรพลอยไว้ดื้อๆ
“ไม่! ผมไม่ให้คุณไป!”
แพรพลอยฉุน “คุณอิศร์!”
ขณะที่ไอริณกับกรองทองเดินเข้ามาในห้องโถง ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านบน
เสียงแพรพลอยบอก “ปล่อยฉันนะคุณอิศร์”
ตามด้วยเสียงอิศร์ “ไม่!”
ไอริณอยากรู้อยากเห็น รีบเดินขึ้นบันไดไป
ที่ทางเดินบริเวณหน้าห้องนอน อิศร์ยังคงกอดเอวแพรพลอยแน่น ซบหน้ากับไหล่ แพรพลอยพยายามแกะไม่สำเร็จ
“ผมไม่ปล่อยหรอก คุณจะไปจากผมไม่ได้นะ”
“ฉันบอกให้ปล่อย”
“เฮ้ย อิศร์” อนุภัทรจะปราม
“แกไม่ต้องมายุ่ง นี่เป็นเรื่องของฉันกับคุณแพรสองคน คนอื่นไม่เกี่ยว”
ไอริณกับกรองทองขึ้นบันไดมาเห็น ไอริณกรี๊ด
“ว้าย ตายแล้ว พี่อิศร์ ทำอะไรคะ”
แพรพลอยเห็นสองคนขึ้นมาก็ยิ่งอาย พยายามสะบัดตัวอิศร์
“คุณอิศร์ อย่าบังคับให้ฉันทำอะไรรุนแรงนะ”
“เอาเลย คุณจะทำอะไรกับผมก็เอาเลย ผมยอมทั้งนั้น แต่ขออย่างเดียวนะครับคุณแพร อย่าไปจากผม”
ไอริณอ้าปากค้าง เหวอ กรองทองก็ตกใจ
“เพราะถ้าไม่มีคุณ ชีวิตที่นี่มันก็ไม่มีความหมายสำหรับผมอีกแล้ว” อิศร์บอก
ไอริณกับอิศร์อึ้งคำรบสอง อนุภัทรกับมายาวีอึ้งไปด้วย
“คุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ยังไงฉันก็จะไม่อยู่ที่นี่อีก ปล่อยนะ”
“ไม่ปล่อย”
“คุณอิศร์” แพรพลอยเริ่มโกรธขึ้นมาอีก
อิศร์กอดแพรพลอยแน่นขึ้น แพรพลอยตัดสินใจถองอิศร์เข้าเต็มรัก แล้วพลิกตัวหันมาเงื้อหมัดจะชก ไอริณวิ่งถลาเข้ามาขวาง
“อย่านะ! แกอย่าทำอะไรพี่ชายฉันนะ นังกรอง! โทรศัพท์แจ้งตำรวจเลย พี่อิศร์ถูกทำร้ายร่างกาย”
กรองทองงกๆ เงิ่นๆ ไม่กล้า ไอริณเข้าประคองอิศร์ไว้
“ฉันไม่บังอาจทำอะไรพี่ชายคุณหรอก เขาพูดไม่รู้เรื่อง” แพรพลอยบอก
“แกจะลาออกใช่ไหม ไปเลย ไปให้พ้นจากบ้านนี้ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก ไป๊” ไอริณตะเพิดส่ง
อิศร์โมโห “ริณ”
ไอริณโยนกระเป๋าเดินทางลงไปที่ชั้นล่างอย่างสะใจ แพรพลอยมองอย่างข่มอารมณ์ แล้วเดินหนีไป
“คุณแพร อย่าไป”
แพรพลอยไม่สนใจเสียงเรียกของอิศร์ เดินลิ่วออกไปเลย
แพรพลอยหิ้วกระเป๋าเดินตัวตรงออกมาจากบ้าน อนุภัทรวิ่งตามลงมา
“ถ้าคุณแพรจะไปจริงๆ ให้ผมขับรถไปส่งนะครับ”
“แพรเรียกแท็กซี่ไปเองได้ค่ะ ผู้กองอยู่ดูแลคุณอิศร์เถอะค่ะ”
แพรพลอยเดินออกไป มายาวีวิ่งตามออกมา
“นายมิตร! ยืนบื้ออยู่ทำไม ทำไมไม่ไปรั้งคุณแพรไว้”
“รั้งไปก็เท่านั้น คุณแพรไม่เปลี่ยนใจหรอก ดูที่คุณกับไอ้อิศร์ทำไว้สิ ไม่ใช่เพราะแผนบ้าๆ ที่จะรั้งเธอไว้ตั้งแต่แรกเหรอ คุณแพรถึงได้โกรธขนาดนี้”
อนุภัทรส่ายหน้าเอือมระอาแล้วเดินหนีไป
มายาวีบ่นบ้าไล่หลัง “หน็อยแน่ะ ถ้านายฉลาดนัก วันหลังก็มาช่วยฉันคิดสิ ตาบ้า”
แล้วถอนใจอย่างเซ็งๆ
ไอริณประคองอิศร์มานั่งที่โซฟาในห้องรับแขก
“พี่อิศร์อย่าไปคิดอะไรมากเลยนะคะ บอดี้การ์ดเก่งๆ ในประเทศนี้มีตั้งเยอะแยะ ริณว่าคุณพ่อต้องรู้จักแน่ๆ เลยค่ะ เดี๋ยวริณจะบอกให้คุณพ่อหามาให้ใหม่”
“ไม่ พี่ไม่ต้องการ”
“ทำไมล่ะคะ”
“พี่ต้องการคุณแพรคนเดียว”
“วุ้ย ทำอย่างกับมันเป็นคนรักพี่อิศร์อย่างนั้นแหละ ก็แค่รปภ.ส่วนตัว”
อิศร์ลุกพรวด “ริณจะคิดยังไงก็ช่าง แต่สำหรับพี่เขาเป็นมากกว่านั้น”
กรองทองใจหล่นวูบ เมื่อคิดว่าอิศร์เหมือนจะหลงรักแพรพลอย
อิศร์จะเดินออกไป ไอริณรีบเรียก
“พี่อิศร์ จะไปไหนล่ะคะ”
“พี่จะไปตามคุณแพร”
อิศร์ผลุนผลันออกไป
อำพลรู้เรื่องจากลูกสาวก็ทำหน้าแปลกใจ
“บอดี้การ์ดเจ้าอิศร์ลาออกงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ เก็บข้าวของออกไปหมดเลย ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร”
“อาจจะไม่มีก็ได้ แต่ยายนั่นอาจจะเจอที่หมายใหม่ ประเภทหล่อกว่า หรือไม่ก็รวยกว่า เลยทิ้งไอ้อิศร์ไปดื้อๆ มันเป็นบอดี้การ์ดจริงๆ ที่ไหน ก็แค่นางบำเรอ” ไอศูรย์เหยียดยิ้ม
“งั้นก็ยิ่งดี เพราะริณไม่ชอบมัน ไม่ว่าในฐานะไหนทั้งนั้น คุณพ่อหาบอดี้การ์ดให้พี่อิศร์ใหม่เถอะค่ะ คราวนี้ขอผู้ชายนะคะ”
อำพลมีสีหน้าครุ่นคิด
“ต้องถามอิศร์ก่อนว่ามันต้องการหรือเปล่า ถ้ามันยังอยากได้ พ่อก็จะจัดให้”
ไอศูรย์เข้ามาคุยกับอำพลตามลำพังในห้อง
“พ่อจะเรียกลูกน้องของสุนทรมาให้ มีคนของเราตามประกบ มันไปไหนทำอะไรจะได้อยู่ในสายตาเรา”
“แสดงว่าเราจะปล่อยให้มันลอยชายไปเรื่อยๆ งั้นเหรอครับพ่อ”
“ทำไงได้ ก็ถ้าที่ประชุมบอร์ดเลือกมันเป็นประธานบริษัทคนใหม่ เราก็ต้องใจเย็น รอเวลาแซะขาเก้าอี้มัน”
“ชาติไหนล่ะครับพ่อกว่ามันจะตกเก้าอี้ ! ผมว่าเราน่าจะใช้โอกาสตอนที่มันยังเคว้งคว้างไม่มีคนประกบให้เป็นประโยชน์ไม่ดีกว่าเหรอ”
“แกคิดอะไร”
ไอศูรย์มองอำพลด้วยสีหน้าร้ายกาจ คิดฆ่าอิศร์
ด้านอัมพากับกรณ์นั่งคุยกับอิศร์ ทั้งสองคนรู้อยู่แล้วแต่แกล้งทำไม่รู้ตามที่แพรพลอยขอไว้
“ยายแพรไม่ได้มาที่นี่หรอกค่ะคุณอิศร์”
อิศร์จ๋อย “งั้นเหรอครับ”
“เห็นแพรบอกว่าช่วงนี้กำลังยุ่ง นึกว่าอยู่กับคุณอิศร์ซะอีก” กรณ์ว่า
อิศร์ยิ้มเจื่อนๆ “คือ...คุณแพรเพิ่งขอลาออกน่ะครับ”
อัมพาแกล้งถาม “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ผมทำให้คุณแพรโกรธนิดหน่อยครับ อยากจะขอโอกาสอธิบาย แต่คุณแพรไม่ยอมฟัง”
“เรื่องร้ายแรงเหรอครับ”
อิศร์ทำหน้าจ๋อยๆ ตั้งท่าจะเล่าให้ฟัง โดยไม่รู้ว่าแพรพลอยแอบฟังอยู่หน้าห้อง
“ก็...ไม่ร้ายแรงเท่าไรหรอกครับ แต่คงทำให้เธอเสียความรู้สึก คือผมแกล้งหลอกคุณแพรว่ามีคนปองร้ายน่ะครับ”
อิศร์เล่าให้อัมพาฟัง ส่วนอีกมุมหนึ่งนอกห้องเห็นแพรพลอยแอบฟังอยู่ รู้เหตุผลของอิศร์แล้ว
แพรพลอยมีสีหน้าอ่อนลงเมื่อรู้ว่าอิศร์ทำไปเพื่ออะไร
อัมพาเดินไปส่งอิศร์หน้ามูลนิธิ โดยมีแพรพลอยแอบมองอยู่ไกลๆ พอหันกลับมาก็เห็นกรณ์
“แพรทำให้เรากับแม่ต้องโกหกไปด้วย”
“ก็แพรยังไม่อยากเจอเขานี่”
กรณ์ถอนใจ “ที่จริงคุณอิศร์ก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่อยากให้แพรอยู่กับเขาต่อไป”
“เจตนาดี แต่วิธีการไม่ดี แพรไม่ชอบโดนหลอก”
“แต่ถ้าคุณอิศร์พูดกับแพรตรงๆ ว่าอยากให้แพรดูแลเขาต่อไปอย่างไม่มีกำหนด แพรจะยอมหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่”
“เห็นไหมล่ะ คุณอิศร์ถึงต้องใช้วิธีนี้ไง”
“กรณ์ไม่เข้าใจ ชีวิตคุณอิศร์กำลังจะกลับสู่สภาวะปกติ เขาไม่ต้องมีฉันก็ได้”
“แต่เขาก็อยากจะมีแพรอยู่ข้างๆ เพราะอะไรแพรก็รู้ดี”
แพรพลอยหลบสายตา
“ทำไมล่ะแพร คุณอิศร์ก็ไม่ใช่ว่าเลวร้าย ทั้งฉันทั้งแม่ แล้วก็เด็กๆ ทุกคนก็ชอบคุณอิศร์หมด ทำไมแพรถึงพยายามหนีจากเขา”
“เพราะว่าแพรเป็นแค่บอดี้การ์ด ส่วนเขาคือนักธุรกิจระดับพันล้านน่ะสิ”
แพรพลอยเดินหนีไป กรณ์ส่ายหน้า
คืนเดียวกันบรรเลงเงยหน้าจากเอกสารที่อนุภัทรเอามาให้ดู แล้วพูดกับลูกสาว
“เฮ้อ ยายเมย์ พ่อจะไปช่วยอะไรได้เล่า นี่มันเรื่องของเด็กๆ”
“ช่วยไม่ได้เลยเหรอครับ” อิศร์รบเร้า
“แกไม่ควรรบกวนท่านเรื่องนี้นะอิศร์” อนุภัทรหันมาทางบรรเลง “นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเงินของนายธำรงครับ”
อนุภัทรจะยื่นอีกแฟ้มให้บรรเลง แต่มายาวีกระชากมา
“คุณนั่นแหละ เลิกรบกวนพ่อฉันซักที เราจะคุยกันตามประสาพ่อลูก ตามมาทำไมก็ไม่รู้”
“เอ่อ ขอโทษนะครับ คุณลืมไปหรือเปล่าว่า ผมเป็นตำรวจสืบสวนที่กำลังสืบคดีทุจริตข้าราชการ ผมไม่ได้ตามคุณมา แต่ผมมาทำงาน”
“แต่นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วฮะ มันไม่ควรจะเป็นเวลาทำงานนะคะคุณพ่อ”
บรรเลงเสียงดัง “ยายเมย์! งานของพ่อมันสำคัญกว่าเรื่องหนูแพรโกรธแกกับตาอิศร์เยอะนะ”
มายาวีหน้าม่อย ส่งแฟ้มคืน บรรเลงส่ายหน้า
“เราไปคุยกันที่ห้องทำงานดีกว่าผู้กอง ปล่อยให้เด็กๆ เขาหาทางออกเอาเอง เรียนผู้ก็ต้องเรียนแก้ซะบ้าง จะได้สำนึก”
บรรเลงลุกนำอนุภัทรไป อนุภัทรมองมายาวีเย้ยๆ แล้วเดินตามไป
“ดูนะอิศร์ ดูเพื่อนนายแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ฉัน”
มายาวีพูดเวอร์ไปงั้นพอหันกลับมาเห็นอิศร์นั่งเศร้าซึม ก็จ๋อย
“ก็จริงของคุณลุงนะ ฉันก่อเรื่อง ก็ควรจะแก้ปัญหาเอง” อิศร์ลุกขึ้น
“แล้วนายจะไปไหน”
“เดี๋ยวฉันมา บอกให้ไอ้ภัทรรอที่นี่ก่อน”
อิศร์รีบรุดเดินออกไป
ขณะที่แพรพลอยนั่งดูโปรไฟล์ของเพื่อนร่วมงานจากคอมพิวเตอร์ มือคุยโทรศัพท์กับเจ้านาย
“แพรได้รับโปรไฟล์คนที่บอสเลือกมาให้แล้วนะคะ เดี๋ยวแพรจะส่งให้ผู้ของคุณอิศร์”
“แสดงว่าคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วใช่ไหม เรื่องงานที่เขาใหญ่” เสียงหัวหน้าดังลอดออกมา
“ค่ะ พรุ่งนี้แพรจะเข้าไปพบนะคะ”
แพรพลอยวางสาย แล้วกดดูรูปบอดี้การ์ดชายหลายคน รูปร่างกำยำ ท่าทางโหด โทรศัพท์ของแพรพลอยดังขึ้นอีก แพรพลอยหยิบมาดู เห็นเป็นชื่ออิศร์
“นายอิศร์” แพรพลอยมองโทรศัพท์อย่างลังเลแล้วกดตัดสาย
ฟากอิศร์มองโทรศัพท์เซ็งๆ
“โธ่ คุณแพร” อิศร์จะเดินเข้าไปในตึก แต่รปภ.มาขวางไว้
“มาพบใครครับ”
“เอ่อ คุณแพรพลอยครับ”
“ห้องไหน”
“เอ่อ ไม่ทราบครับ”
“งั้นคุณก็เข้าไปในล็อบบี้ไม่ได้ครับ นอกจากเจ้าของห้องจะแจ้งลงมาว่ามีแขกมาพบ”
รปภ.เลิกสนใจ อิศร์เซ็ง หยิบโทรศัพท์มากดโทร.หาอีกครั้ง
โทรศัพท์ของแพรพลอยดังขึ้นอีก แพรพลอยหยิบขึ้นมาดู แล้วถอนใจ
“กดตัดสายแล้วยังไม่เข้าใจหรือไงว่าไม่อยากคุยด้วย” คราวนี้หล่อนกดปิดเครื่อง
อิศร์ฟังเสียงสัญญาณปิดเครื่องแล้วถอนใจ
“อ้าว ปิดเครื่องซะงั้น”
อิศร์หงุดหงิด หันรีหันขวาง เหลือบไปเห็นโทรโข่งอยู่ในป้อมยาม
อิศร์ชี้ “พี่ๆ ผมขอยืมหน่อยได้ไหม”
รปภ.ทำหน้างง แต่ก็หยิบส่งให้อิศร์
แพรพลอยใส่ชุดคลุม มัดผมเตรียมอาบน้ำอยู่หน้ากระจก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้น
เสียงอิศร์ตะโกน “แพรพลอย ผู้หญิงใจร้ายชื่อแพรพลอยอยู่ที่ไหน ออกมา”
แพรพลอยสะดุ้ง หันขวับ “ห๊ะ”
อิศร์ยืนถือโทรโข่ง พูดเสียงดังขึ้นมาจากด้านล่าง
“ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะคุณแพร คุณจะทิ้งผมอย่างนี้ไม่ได้ คุณแพรพลอย พรรณรี”
แพรพลอยได้ยินอิศร์เรียกชื่อเต็มยศก็ปราดมาที่ระเบียง
“คุณอิศร์ จะบ้าหรือไง ไปให้พ้นนะ”
อิศร์เงยหน้าเห็นแพรพลอยก็ยิ้มออก
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าคุณไม่กลับไปอยู่กับผม”
แพรพลอยอายคนอื่น “เงียบๆ นะ เดี๋ยวคนเข้าใจผิด”
อิศร์ยิ่งได้ใจ “ดี ให้เขารู้กันให้ทั่วเลย ว่าคุณเป็นผู้หญิงเบื่อง่ายหน่ายเร็ว ทิ้งผมเหมือนกระดาษทิชชู่” เขาตะโกนดังขึ้น “พ่อแม่พี่น้องคร้าบ ออกมาดูเลยครับ มาดูให้เต็มตาว่าผู้หญิงใจร้ายหน้าตาเป็นแบบนี้ อยู่ห้อง เอ่อ” อิศร์เอามือนับ “ห้อง 333 ออกมาดูเลยครับพ่อแม่พี่น้อง”
คนห้องอื่นๆ โผล่หน้าออกมาที่ระเบียงทันที
“เป็นไงล่ะ เห็นไหม มีแต่คนอยากเห็นหน้าคุณ กลับไปกับผมซะ ไม่งั้นคุณต้องโดนประณามจนอยู่ไม่ได้แน่ จริงไหมครับพี่น้อง”
“โอ๊ย รำคาญ ฉันออกมาดูหน้าแกต่างหาก”
“โวยวายอยู่ได้ ไปไหนก็ไปไป๊”
อิศร์สะดุ้ง อ้าว เป็นงั้นไป พวกชาวบ้านเริ่มเอากล่องกระดาษ ข้าวของขว้างปาใส่อิศร์
“อ้าว อะไรเนี่ย เดี๋ยวสิครับพี่น้อง เดี๋ยว...”
อิศร์พูดจบก็โดนน้ำสาดลงมาเต็มหัวเปียกโชก
แพรพลอยสะใจ “สมน้ำหน้า”
อิศร์โดนรปภ.หิ้วปีกออกมาหน้าคอนโดทั้งที่เปียกโชก
“คุณกลับไปได้แล้ว อย่ารบกวนลูกบ้านของผม”
“แต่ว่า...”
“หรือจะให้ตำรวจมาจับ”
อิศร์จ๋อยไม่กล้า พวกรปภ.เดินออกไป
ขณะที่อิศร์ทำท่าจะกลับไปขึ้นรถ แต่เหลือบมองไปที่กำแพงคอนโดอยู่ไม่ไกลจากตัวตึกนัก ก็คิดอะไรได้ ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
แพรพลอยอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เห็นอิศร์เงียบไป เลยเดินออกไปดูที่ระเบียง มองลงไปที่หน้าคอนโดไม่เห็นอิศร์แล้ว
“สงสัยโดนไล่กลับไปแล้ว ดี จะได้เข็ด”
เสียงอิศร์ดังขึ้น “ยัง”
แพรพลอยสะดุ้งมอง เห็นอิศร์กำลังปีนขึ้นมาจากขอบตึกข้างๆ
“คุณอิศร์”
“ช่วยผมหน่อย”
อิศร์ยื่นมือมา แต่แพรพลอยยืนนิ่ง ไม่ช่วยจับ
“อ้าว คุณ เร็วๆ สิ เดี๋ยวผมตกลงไปตาย คุณต้องรับผิดชอบนะ”
“ทำไมฉันต้องรับผิดชอบ ในเมื่อคุณบุกรุกเข้ามาเอง แล้วฉันก็ไม่ใช่บอดี้การ์ดของคุณแล้ว”
“ใจร้าย”
อิศร์ฮึดฮัด ขยับตัวจะไต่มาเอง แต่แล้ว แต่เท้าลื่น เหยียบพลาด จะตกลงไป
“เฮ้ยๆ”
“คุณอิศร์”
แพรพลอยอดไม่ไหว รีบเข้าไปจับแขนอิศร์ ดึงตัวอิศร์กระชากเข้ามา แล้วล้มโครมทับกัน อิศร์ทับตัวแพรพลอยอยู่ที่ระเบียง มือแพรพลอยจับแขนอิศร์ไว้ทั้งคู่สบตากันซึ้งอยู่สักพัก
“คุณนี่ยังไง เจอผมทีไร ถึงเนื้อถึงตัวตลอด”
แพรพลอยเขิน รีบผลักตัวอิศร์ออก แล้วกลายเป็นการจัดการล็อคตัวอิศร์
“โอ๊ยๆ คุณ จะทำอะไร อ๊าก”
อิศร์ถูกแพรพลอยลากเข้าห้อง
อิศร์ถูกแพรพลอยเหวี่ยงลงบนเตียง
“เฮ้ยๆๆ เอาอย่างนี้เลยเหรอคุณ” อิศร์นิ่งคิด “เอาซี้ ทีแรกผมตั้งใจจะมา “นั่ง” คุย แต่ถ้าคุณอยาก “นอน” คุย ก็โอเค้”
อิศร์ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลา กระดิกนิ้วเชื้อเชิญ แพรพลอยทั้งรำคาญทั้งโมโห อิศร์ยังไม่รู้ตัว
“ขอบคุณนะที่ช่วยชีวิตผมเมื่อกี้ เห็นไหม คุณยังมีวิญญาณของการเป็นบอดี้การ์ดอยู่ แล้วคุณจะทิ้งผมไปทำไม”
“ฉันไม่ต้องการทำงานกับคนที่เห็นฉันเป็นตัวตลก”
“ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นตัวตลกเลยนะคุณแพร เพราะผมจริงจังกับคุณต่างหาก ถึงได้หาทางเอาตัวคุณไว้กับผมตลอดไป” เขาลุกมาอ้อนแพรพลอยใกล้ๆ “ให้โอกาสผมเถอะครับ ผมสัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“มันจะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ เพราะเราจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก”
“คุณแพร” อิศร์ผิดหวัง
“ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ฉันส่งโปรไฟล์บอดี้การ์ดคนอื่นไปให้คุณเลือกแล้ว เช็คเมล์ดูได้”
“ไม่ ผมไม่เลือก” อิศร์เดินกลับไปนั่งที่เตียง “แล้วผมก็จะไม่ไปจากที่นี่ด้วย ผมจะนั่งตื๊อนอนตื๊ออยู่ที่นี่แหละ จนกว่าคุณจะใจอ่อน” เขานั่งคุกเข่าเลียนแบบจอมยุทธ์ในหนังจีน “เข้าใจไหมท่านอาจารย์! ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าทันอาจารย์ไม่เปลี่ยนใจ!”
อิศร์ทำท่าคำนับฟ้าดินแบบตลกๆ แต่พอเห็นแพรพลอยไม่สนใจก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปล้มลงบนเตียง
“คุณอิศร์”
“ผมง่วงละ ถ้าคุณง่วงก็มานอนนะ” อิศร์แกล้งหาว แล้วตบที่ว่างข้างๆ ตัว
“ตกลงเราพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องใช่ไหม”
“เอาไว้พรุ่งนี้เช้าแล้วกัน ฮ้าว”
อิศร์หาวหวอดๆ
แพรพลอยมองเคืองๆ แล้วเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบเข็มขัดออกมาสะบัดขวับๆ อิศร์ลืมตาขึ้นมอง
“อะไรน่ะคุณ”
แพรพลอยสะบัดเข็มขัด ย่างสามขุมเข้าหา
“ออกไปจากห้องฉัน”
“ไม่” อิศร์ยืนกราน
แพรพลอยฟาดเข็มขัดใส่ก้นอิศร์ดังเพี๊ยะ อิศร์ร้องลั่น สะดุ้งโหยง
“เฮ้ย เอาจริงเหรอ”
“ยิ่งกว่าจริงซะอีก จะไปไม่ไป”
“คนซาดิสต์”
“ใช่ เพิ่งรู้เหรอ จะไปหรือไม่ไป”
แพรพลอยฟาดอีกที คราวนี้อิศร์หลบ แพรพลอยพุ่งตัวจับ อิศร์กระโดดหนี เกิดการไล่จับกัน ถึงเนื้อถึงตัว ล้มโครมลงไปที่พื้น หน้าจิ้มกัน จมูกปากจิ้มกัน
แพรพลอยตะลึง รีบถอยออกมา หน้าแดงจัด เอามือปิดปากตัวเอง
“โอ้ว คราวนี้ใกล้กว่าเดิมอิ๊ก”
อิศร์ลูบปากตัวเองที่ได้จุ๊บแพรพลอย แล้วยิ้มกริ่ม แพรพลอยยิ่งยั๊ว ตะกายคว้าแขนอิศร์สองข้างทีเผลอ รวบแล้วมัดด้วยเข็มขัดไว้กับขาเตียง
“คุณจะทำอะไรผม ปล่อยนะ”
“ฉันไม่พูดกับคุณแล้ว เดี๋ยวจะให้คนอื่นมาจัดการ”
แพรพลอยเดินออกไปจากห้อง อิศร์ดิ้นรน โวยวายไม่หยุดปาก
ไม่นานต่อมาอนุภัทร มายาวี บรรเลงรีบรุดมาที่โรงพัก เห็นอิศร์นั่งจับเจ่าอยู่ในห้องขัง
“อิศร์ ตายแล้ว” มายาวีโวยวายกับร้อยเวร “ถึงกับต้องเอาเข้าห้องขังเลยเหรอคะ”
“คุณอิศร์บุกรุกบ้านคนอื่นยามวิกาลครับ ผู้เสียหายแจ้งว่ามีอาการคลุ้มคลั่งเหมือนคนเมา ผมเลยให้เข้าไปสงบสติอารมณ์”
อิศร์เถียง “ผมไม่ได้เมา! จะให้บอกกี่ครั้งว่าไม่ได้เมา”
“แล้วไหนล่ะครับผู้เสียหาย”
ร้อยเวรบุ้ยใบ้ไปที่แพรพลอยที่เดินเข้ามา
“นั่นไงครับ”
สามคนอุทาน “คุณแพร” / “หนูแพร”
แพรพลอยแยกออกมาคุยกับบรรเลงและอนุภัทร อย่างเกรงใจ
“แพรไม่นึกเลยว่าจะทำให้ท่านต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“มีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะหนูแพร ฉันว่าอิศร์คงไม่ได้คิดจะทำอันตรายหนูหรอก”
“แพรก็แค่อยากสั่งสอนให้เขาสำนึกตัวค่ะ ว่าไม่ควรไปวุ่นวายที่นั่น”
“หนูจะไม่กลับไปทำงานให้นายอิศร์แล้วจริงๆ ใช่ไหม”
“แพรไม่ค่อยถนัดคุ้มครองนักธุรกิจ บางทีอาจจะมีคนที่ทำหน้าที่ได้ดีกว่าค่ะ”
บรรเลงยิ้มขำ “หนูแพรให้เหตุผลเหมือนกับตอนที่ไม่ยอมกลับไปทำงานกับฉัน”
“ไม่เหมือนค่ะท่าน แพรลาออกจากท่านเพราะความผิดพลาดที่แพรก่อ แต่กรณีของคุณอิศร์ แพรยอมรับงานนี้เพราะคุณเมย์ ทั้งที่แพรไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ดีตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่แพรควรจะกลับไปทำสิ่งที่ถนัดเสียที”
บรรเลงพยักหน้ารับฟัง ไม่เซ้าซี้ต่อ
ร้อยเวรพาตัวอิศร์ออกมาจากห้องขัง ตรงไปหาอนุภัทรกับมายาวี
“ฉันพ้นข้อหาแล้วใช่ไหมวะ” อิศร์ถาม
“พ้นแล้วย่ะ คุณแพรยอมรับว่าเข้าใจผิด”
อิศร์ได้ทีทำเป็นกร่าง “งั้นก็ดี คุณตำรวจครับ ผมขอแจ้งความกลับ”
อนุภัทร มายาวีตกตะลึงพรึงเพริด แพรพลอยกับบรรเลงเดินกลับเข้ามาพอดี
“ผมถูกคุณแพรพลอยใช้กำลังข่มขืน เอ๊ย ข่มขู่ ทำร้าย มีหลักฐานเป็นรอยฟกช้ำดำเขียวที่ก้น แถมยังรอยจูบที่ปากอีก นี่” เขาชี้ปากตัวเอง
“คุณอิศร์” แพรพลอยทั้งโกรธ ทั้งอาย
“ถ้าคุณจะให้เรื่องนี้จบง่ายๆ ล่ะก็ คุณต้องกลับไปทำงานชดใช้ให้ผม ไป”
อิศร์ลากแขน แพรพลอยกำหมัดแน่น อนุภัทรพยายามปราม
“พอแล้วไอ้อิศร์”
อิศร์ไม่สน พยายามจะลากแพรพลอยด้วยอาการเด็กดื้อ เอาแต่ใจ แพรพลอยสะบัด
“เลิกทำตัวเป็นเด็กๆ ได้แล้วคุณอิศร์! ฉันลาออกก็เพราะนิสัยแบบนี้ของคุณ เพราะฉะนั้นฉันจะไม่กลับไปอีก”
“คุณแพร” อิศร์ตกใจ
“ฉันขอร้องนะคะ ขอให้เราเลิกแล้วต่อกันด้วยดี อย่าให้เราต้องเกลียดกันเลย”
แพรพลอยพูดจบก็เดินตัวตรงออกไป อิศร์เศร้า รู้ว่าบังคับแพรพลอยไม่ได้จริงๆ
อนุภัทรพาอิศร์มาส่งที่บ้าน ท่าทางอิศร์ซึมๆ
“ทำใจเถอะวะอิศร์ คุณแพรคงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว”
“ฉันไม่นึกเลยว่าเรื่องเล็กๆ ที่ทำลงไป จะทำให้คุณแพรรู้สึกติดลบกับฉันขนาดนี้ ไม่หน้าเล้ย ไอ้อิศร์เอ๊ย” อิศร์ตีหน้าผากตัวเอง “ถ้าคุณแพรเกลียดฉันขึ้นมาจริงๆ ฉันคงทนไม่ได้ว่ะ”
อนุภัทรกำลังจะปลอบต่อ แต่เห็นกรองทองเดินเอาน้ำมาเสิร์ฟ ก็รีบทรุดตัวลงนั่งที่พื้น กรองทองไม่สังเกตอะไร เอาน้ำมาเสิร์ฟ แล้วนั่งพับเพียบเรียบร้อยข้างๆ
“คุณอิศร์ทานข้าวมาหรือยังคะ ถ้ายังกรองจะอุ่นอาหารให้”
“ฉันไม่หิวหรอกกรอง ขอบใจนะ”
“คุณอิศร์ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไปทำงานไม่ไหว”
อิศร์พยักหน้า เซื่องซึม
ไม่นานต่อมา อนุภัทรกับกรองทองเดินคุยกันออกมาจากบ้านอิศร์ โดยอริสราให้กรองทองมาสืบข่าว
“ตกลงคุณแพรพลอยจะไม่กลับมาแล้วเหรอจ๊ะพี่มิตร”
อนุภัทรพยักหน้า “คงงั้น”
“กรองยังไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณอิศร์ทำอะไรให้เธอโกรธ”
อนุภัทรตัดบท “พี่ไม่รู้หรอก กรองก็ระวังไว้หน่อยแล้วกัน อย่าเผลอพูดเรื่องนี้ให้คุณอิศร์ฟัง”
กรองทองพยักหน้า แล้วตัดสินใจเลียบๆ เคียงๆ
“กรองเห็นคุณอิศร์ดูเสียใจมาก อย่างกับถูกแฟนทิ้ง หรือว่าคุณอิศร์แอบคิดอะไรกับคุณแพรจ๊ะพี่มิตร”
อนุภัทรนิ่ง แล้วส่ายหน้า
“เรื่องของเจ้านายเขาน่า กรองกลับบ้านไปได้แล้ว เดี๋ยวพ่อจะมาตาม”
กรองทองจ๋อย ฝืนยิ้ม แล้วเดินตัวลีบออกไป อนุภัทรเดินแยกไปอีกทาง กรองทองเดินออกมาไปทางบ้านของอำพล จู่ๆ อริสราก็โผล่มาขวางทาง
กรองทองเอามือทาบอก “คุณอริส”
“เธอสืบอะไรมาได้บ้าง”
กรองทองมองอริสราอย่างเกรงๆ
อ่านต่อหน้า 4
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 5 (ต่อ)
ทางด้านแพรพลอยเดินเข้ามาในห้องนอน เก็บหมอนและผ้าห่มที่หล่นพื้นจากการไล่จับอิศร์ขึ้นมาวางบนเตียงเหมือนเดิม พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนค่ำ
ทั้งตอนที่วิ่งไล่จับ จนล้มทับจูบกัน จนถึงตอนที่อิศร์บอกให้ทุกคนรู้ว่า
“ผมถูกคุณแพรพลอยใช้กำลังข่มขืน เอ๊ย ข่มขู่ ทำร้าย มีหลักฐานเป็นรอยฟกช้ำดำเขียวที่ก้น แถมยังรอยจูบที่ปากอีก นี่”
แพรพลอยหันมองกระจก แล้วเอามือลูบปากตัวเองอย่างเขินๆ
“คนบ้า”
เสียงโทรศัพท์มือถือของแพรพลอยกรีดเสียงขึ้น แพรพลอยมองเบอร์อย่างไม่คุ้น แต่ก็กดรับ
“สวัสดีค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะที่ไม่ต้องทำให้ฉันเหนื่อยเกลี้ยกล่อมอิศร์”
แพรพลอยแปลกใจ พยายามนึก “คุณอริสรา”
อริสราคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งของบ้าน
“หวังว่าคุณแพรคงจะเข้าใจเจตนาของฉันเมื่อวันก่อนว่าฉันพูดไปเพราะเป็นห่วงอิศร์ ไม่ใช่เพราะต้องการกีดกันคุณ”
คู่สายเป็นแพรพลอย “ฉันเข้าใจค่ะ”
“คนอย่างอิศร์ ควรจะมีบอดี้การ์ดผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ซัก 2-3 คน ป้องกันไม่ให้คนที่ปองร้ายเข้าถึงตัวเขาได้ คุณแพรพอจะแนะนำใครให้ฉันได้ไหมคะ”
“ฉันจะส่งข้อมูลไปให้นะคะ”
“ขอบคุณมากนะคะ ฉันจะรีบเอาไปเสนอในที่ประชุม เพราะต่อไปนี้ชีวิตและความปลอดภัยของอิศร์ จะไม่ใช่เรื่องของเขาคนเดียว แต่จะเป็นเรื่องของคนในเดชโชดมกรุ๊ปทุกคน”
อริสราวางสายแล้วยิ้มกริ่ม ไอศูรย์เดินเข้ามา
“เจ้ากี้เจ้าการนักนะ”
อริสราตกใจที่ไอศูรย์มาได้ยิน “หรือที่ฉันพูดมันไม่จริง อิศร์เป็นคนสำคัญที่สุดในบริษัทตอนนี้ เขาควรจะมีทีมอารักขาเก่งๆ ไม่ใช่ผู้หญิงกะโหลกกะลาแบบนั้น”
ไอศูรย์ยิ้มเยาะ รู้ทัน “นี่ถ้าคุณฟิตซักหน่อย ผมว่าก็คงจะวิ่งแร่ไปอารักขามันแทนยายแพรพลอยแล้วสินะ”
“ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะฉันแน่ใจว่ายอมตายเพื่ออิศร์ได้”
ไอศูรย์ฉุน “แต่มันคงไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาหรอก เพราะคนอย่างคุณแค่จะช่วยเหลือตัวเองยังไม่มีปัญญาเลย”
ไอศูรย์กระชากอริสรามากอดจูบ อริสราตกใจ
“คุณไอศูรย์ อย่าทำฉันนะ ปล่อย”
ไอศูรย์ไม่สน ผลักอริสราล้มลงไปบนเตียงโถมตัวลงไปหา
ในที่ประชุม อิศร์ลุกขึ้นประกาศเสียงดังฟังชัด
“ไม่ครับ ผมไม่ต้องการบอดี้การ์ดคนไหนทั้งนั้น”
ทุกคนเลิ่กลั่กตกใจ พยายามทำท่าจะปรามอิศร์
“แต่ในฐานะว่าที่กรรมการผู้จัดการ อิศร์ควรจะมีนะคะ เพื่อความปลอดภัย” อริสราท้วง
กรรมการ 1 เห็นด้วย “นั่นสิครับ อย่างคุณอำพลที่เป็นรักษาการก็ยังมีคนของตัวเองคอยคุ้มครอง วงการธุรกิจสมัยนี้มันประมาทไม่ได้นะคุณอิศร์”
ทุกคนส่งเสียงเห็นด้วย อำพลชักสีหน้าหมั่นไส้ที่ทุกคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“เอาไว้ให้ถึงเวลานั้นก่อนก็แล้วกันครับ ตอนนี้ผมยังไม่ต้องการถ้าบอดี้การ์ดคนนั้นไม่ใช่คุณแพรพลอย” อิศร์ย้ำชัด
อริสรามองอิศร์อย่างหึงหวง ไอศูรย์มองท่าทางอริสราแล้วสะใจ ทุกคนค่อยๆ ทยอยกันออกมาจากห้อง อิศร์กับมายาวีรั้งท้ายอยู่กับไอศูรย์และอริสรา
“ไม่รู้ว่ายายแพรพลอยทำให้อะไรนายติดใจนักหนา อย่างนี้ฉันถ้าจะจ้างมาทดลองงานดูบ้าง เขาจะรังเกียจไหมวะ”
ไอศูรย์ทำสีหน้ามีเลศนัย อิศร์เม้มปากไม่พอใจ
“อย่ายุ่งกับคุณแพรนะครับพี่ไอศูรย์”
“ก็แค่แซวเล่น ฉันคงไม่กล้าจ้างบอดี้การ์ดสาวหรอก เดี๋ยวเมียด่าตาย”
ไอศูรย์แกล้งโอบอริสราอวดที่ประชุม คนอื่นๆ หัวเราะเอ็นดู รู้ไม่ทันไอศูรย์ อำพลนั่งหน้าเครียด ครุ่นคิดอยู่ตามลำพัง ตัดสินใจตัดบทขึ้นมา
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้วไอศูรย์” อำพลพูดกับทุกคน “ที่ผมเรียกประชุมวันนี้ เพราะอยากจะหารือเรื่องกำหนดเลือกตั้งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ ทุกท่านมีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ”
อำพลกวาดตามองไปรอบๆ บรรยากาศเริ่มเป็นการเป็นงานขึ้น
มายาวีเดินครุ่นคิดไปมา
“ตายแล้วๆๆ มีเวลาอีกแค่เดือนเดียว เราจะทำยังไงกันดี”
อิศร์ยักไหล่อย่างไม่แคร์ เดินไปเปิดทีวีในห้องทำงาน
“ก็ไม่เห็นต้องทำยังไง แค่รอเวลาประชุมใหญ่ ถ้าฉันได้รับความไว้วางใจให้ทำงาน ฉันก็ยินดีทำ แต่ถ้าไม่ ก็ให้คุณลุงอำพลดูแลบริษัทต่อไป”
“ไม่ได้นะ แล้วที่เราทำมาทั้งหมดล่ะ”
“อย่าลืมว่าฉันมาที่นี่เพื่อเปิดทางให้ไอ้ภัทรมันเข้ามาสืบข้อมูลของพี่ธำรง”
“แล้วที่แกรับปากกับคุณแพรไว้ล่ะ” อนุภัทรย้อน
อิศร์นิ่งงันไป ซึมถนัดตา
“ก็เขาไม่อยู่แล้ว สิ่งที่ฉันพูดไว้ก็เป็นอันล้มเลิก ฉันจะกลับไปเป็นนายอิศร์ผู้ไม่แคร์โลกเหมือนเดิม”
อิศร์เดินไปหยิบเครื่องเกมเพลย์สเตชั่นออกมาเสียบกับทีวี
“เฮ่ย แต่ถ้าคุณแพรรู้เธอจะผิดหวังนะ”
อิศร์น้อยใจ “เขาคงไม่สนใจหรอกว่าฉันจะเป็นยังไง เพราะเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับฉันเองนี่” เขาโยนจอยสติ๊กให้อนุภัทร “เอ้า ไอ้ภัทร มาเล่นกัน”
อนุภัทรรับมาอย่างงงๆ อิศร์เปิดเกมขึ้นหน้าจอ เป็นเกมแนวกีฬาเอ็กซ์ตรีม มายาวีมึน แล้ววิ่งไปขวางหน้าทีวี
“นี่จะทำอะไรกันเนี่ย”
“เล่นเกม พักผ่อนสมอง หลบไปเมย์”
“ไม่” มายาวีรีบปิดทีวี
“ยายเมย์”
“ฉันอุตส่าห์เหนื่อยยากปลุกปั้นนายขึ้นมา ฉันไม่ยอมให้นายล้มเลิกทุกอย่างง่ายๆ แบบนี้ นายต้องกลับไปทำงาน แล้วก็ต้องช่วยคิดหาทางทำคะแนนโค้งสุดท้ายก่อนประชุมใหญ่ของบริษัท ไม่งั้นฉันจะ...
มายาวีคิดแล้วเดินไปดึงแผ่นเกมออกมา
“ฉันจะเอาไปทิ้งให้หมด”
“ไม่ได้นะ เอามานี่” อิศร์เข้าไปแย่ง
“ไม่ให้”
“ไอ้ภัทร ช่วยหน่อยสิวะ”
มายาวีชี้หน้าอนุภัทร “อย่าเข้ามานะผู้กอง ถ้าขัดขวาง ฉันจะแฉความจริงให้คนในตึกนี้รู้ว่าผู้กองเป็นใคร แล้วงานผู้กองก็จะไม่สำเร็จ”
อนุภัทรชะงัก กลัวความบ้าบิ่นของมายาวี อิศร์ทำท่าท้อแท้
“แล้วเธอจะให้ฉันทำอะไรเมย์ ก็รู้อยู่ว่าฉันมันไม่ได้เรื่อง ยังไงคนในบริษัทก็ต้องดูออกว่าฉันเป็นผู้นำพวกเขาไม่ได้”
มายาวีมองอิศร์อย่างขัดใจ ใจอ่อนจะส่งเกมคืนให้ แต่เห็นรูปภาพกีฬาเอ็กซ์ตรีมบนแผ่น ก็ชะงัก ยิ้มออกมา “แต่ถ้านายมีผลงาน ฉันแน่ใจว่าเขาจะต้องมองเห็นความเป็นผู้นำในตัวนายแน่”
อิศร์กับอนุภัทรทำหน้างงๆ
ไม่นานต่อมา อำนวยทำหน้าแปลกใจเมื่อได้ฟังอิศร์บอกจนจบ
“อิศร์จะจัดงานมอบอุปกรณ์กีฬาให้เด็กเหรอ”
อิศร์อึกๆ อักๆ มายาวีกระทุ้งให้พูดต่อ
“ครับ คือผมเห็นว่าเร็วๆ นี้เราจะทำพิธีเปิดอาคารเรียนที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จ ก็เลยคิดว่าน่าจะจัดกิจกรรมเพื่อเด็กด้วย”
“จะทำทำไมให้วุ่นวายยุ่งยากวะ เปลืองงบบริษัทเปล่าๆ” ธำรงติง
“ไม่เปลืองหรอกครับ เพราะเราจะเชิญชวนบริษัทห้างร้านอื่นๆ มาร่วมทำบุญให้เด็กๆ ที่ขาดแคลนด้วยกัน” อิศร์บอก
“ถือเป็นการประชาสัมพันธ์เดชโชดมกรุ๊ปไปในตัวด้วยไงคะ แล้วก็จะได้เปิดตัวอิศร์ให้บริษัทคู่แข่งเราได้รู้จักอย่างเป็นทางการ”
“ที่แท้เหตุผลมันก็อยู่ตรงนี้เอง ฮึ ทำบุญเอาหน้า” ธำรงแขวะ
อิศร์หน้าเผือดไป มายาวีเลิ่กลั่ก
“แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำบ้าอะไรเลยอย่างแก”
ธำรงอึ้ง “อ้าว พ่อ”
“อิศร์ อาเห็นด้วยนะ บริษัทเราไม่ได้จัดกิจกรรมแบบนี้มานานแล้ว ทำบุญใหญ่ๆ ซักทีก็ดีเหมือนกัน อิศร์ไปคิดรายละเอียดมาว่ามีอะไรบ้าง ถ้าติดขัดอะไรอาจจะช่วย” อำนวยว่า
อิศร์กับมายาวียิ้มออกมาอย่างดีใจ ขณะที่ธำรงหมั่นไส้
ธำรงเข้ามาฟ้องอำพลกับไอศูรย์อย่างหงุดหงิด
“ไอ้อิศร์มันเจ้าหน้าเจ้าตาใหญ่แล้ว ผมล่ะหมั่นไส้มันนัก สรุปว่ามันจะขึ้นมาเป็นเจ้านายพวกเราทุกคนจริงๆ ใช่ไหมครับคุณลุง พี่ศูรย์”
“คณะกรรมการกำลังพิจารณากันอยู่” อำพลบอก
“แต่ตอนนี้มันคงลำพองไปแล้วว่ามันใหญ่คับบริษัทนี้ มันถึงได้เดินไปสั่งพ่อผมให้ช่วยจัดการโน่นนี่ให้มัน เดี๋ยวเถอะครับ มันคงมาชี้นิ้วสั่งคุณลุงกับพี่ศูรย์แน่ ฮะๆๆ”
ไอศูรย์ถาม “มันจะทำอะไร”
“ทำบุญแจกของให้เด็ก ในงานเปิดอาคารเรียนแห่งใหม่ที่เราเพิ่งสร้างเสร็จ ดูสิพี่ศูรย์ ไอ้โปรเจคท์อาคารเรียนนี้พี่ศูรย์กับคุณลุงปั้นมากับมือ แต่พอเสร็จแล้วเป็นไงล่ะ ไอ้อิศร์มันก็ได้หน้าคนเดียว”
ไอศูรย์กับอำพลอึ้ง คล้อยตามสิ่งที่ธำรงเสี้ยม
ตอนกลางวัน วันต่อมา แพรพลอยรับการ์ดเชิญจากอนุภัทรมาเปิดดูอย่างสนใจ
“งานแจกอุปกรณ์กีฬาให้เด็กๆ เหรอคะ”
“ครับ เป็นไอเดียของอิศร์กับคุณเมย์เพื่อเปิดตัวผลงานของอิศร์ให้คณะกรรมการบริษัทและคู่แข่งเห็น”
แพรพลอยนิ่งฟัง แล้วส่งการ์ดให้อัมพากับกรณ์อ่าน
“อิศร์มันยังตั้งใจทำงานอย่างแข็งขันอยู่นะครับคุณแพร”
“แล้วมาบอกแพรทำไมคะ”
อนุภัทรหน้าเจื่อน “ก็...นึกว่าคุณแพรอยากจะรู้”
อัมพาอ่านการ์ด “น่าสนุกจังเลยนะคะ มีโชว์กีฬาเอ็กซตรีมด้วย เด็กๆ น่าจะชอบ”
“อิศร์ฝากบอกว่าให้พาน้องๆ ไปให้หมดทั้งมูลนิธิเลย จะได้ได้ของทั่วถึง ไม่ต้องแย่งกัน”
“แล้วคุณอิศร์ฝากมาบอกหรือเปล่าครับ ว่าอยากให้ใครพาไป”
กรณ์ถาม พลางแกล้งมองเหล่แพรพลอยยิ้มๆ แพรพลอยรีบโบกมือ ร้อนตัว
“แม่ไปกับกรณ์นะคะ แพรจะเฝ้าบ้านให้”
“แพรนั่นแหละไปกับกรณ์ แม่แก่แล้วไปดูเขาแข่งกีฬาอะไรคงไม่สนุกหรอก”
“แต่แพรไม่อยากไป” แพรพลอยหน้ามุ่ย
“ไปเถอะครับคุณแพร ผมรับรองว่าคราวนี้อิศร์มันจะไม่มาเซ้าซี้ วุ่นวายกับคุณแพรแน่นอน”
“เพื่อน้องๆ น่าแพร เราไปคนเดียวก็เหมือนจับปูใส่กระด้ง ดูแลไม่ไหวหรอก”
แพรพลอยยังคงมีสีหน้าลังเล
“ถ้าแพรไม่ไป ก็ไม่ต้องไปกันหมดนี่แหละ เด็กๆ ก็ไม่ต้องเอาของ ฝากขอโทษคุณอิศร์ด้วยนะครับ” กรณ์แกล้งส่งการ์ดคืนอนุภัทร
แพรพลอยตกใจ รีบดึงไว้ “เดี๋ยวสิ ไปก็ได้ ใจร้อนจริง”
แพรพลอยมองค้อนกรณ์ตาคว่ำ กรณ์กับอนุภัทรยิ้มให้กัน
คืนนั้นไอศูรย์เหวี่ยงการ์ดเชิญลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด
“การ์ดเชิญร่วมกิจกรรมปันน้ำใจเพื่อน้อง หึ งานนี้ไอ้อิศร์มันได้ภาพพระเอกเต็มๆ ส่วนเราก็เป็นแค่ขี้ข้าอยู่หลังบ้าน”
อำพลเอนหลังนิ่ง สีหน้านิ่งสงบ ไม่ตอบโต้ ไอศูรย์หงุดหงิด
“คุณพ่อ นี่คุณพ่อไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือยังไงครับ หรือคุณพ่อยอมแพ้มัน ปล่อยให้มันเหยียบคุณพ่อขึ้นมาเป็นใหญ่ในบริษัทเรา”
“ไอศูรย์ พ่อของแกไม่ใช่คนขี้แพ้หรอกนะ”
“แล้วคุณพ่อจะเอายังไงครับ”
อำพลไม่ตอบ แต่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใคร” อำพลตะโกนถาม
เสียงสุนทรดังเข้ามา “ผมเองครับ”
“เข้ามา”
ไอศูรย์หันไปมอง เห็นสุนทรค่อยๆ แง้มประตูเข้ามา
“แกเคยยุให้ฉันทำอะไรบางอย่างที่ฉันไม่อยากทำ แต่ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วไอศูรย์ ถึงเวลาแล้วจริงๆ”
อำพลพูดอย่างเยือกเย็น พลางมองหน้าสุนทรที่ก้มหัวรับคำบัญชา
ส่วนที่งานเปิดตึกอาคารเรียนแห่งใหม่ ตรงบริเวณด้านหน้าอาคารเป็นลานกว้างสำหรับจัดกิจกรรม มีประดับประดาลูกโป่ง มุมหนึ่งมีรถจักรยาน ลูกฟุตบอล บาสเก็ตบอลและอุปกรณ์กีฬาอื่นๆ จัดเตรียมไว้แจกเด็กๆ
แขกทยอยเข้ามาในงาน แต่งตัวแบบนักธุรกิจดูดี มีเด็กใส่ชุดนักเรียน ครูบาอาจารย์อีกกลุ่มหนึ่ง แพรพลอยกับกรณ์พาเปี๊ยกและเด็กๆ คนอื่นเข้ามาในงาน
“โห นั่นไงๆ บีเอ็มเอ็กซ์ เปี๊ยกอยากขี่แล้วอ่ะ พี่แพรต้องสอนเปี๊ยกนะ”
“เขายังไม่ทันแจกเลย อาจจะไม่มาถึงเราก็ได้”
“ได้ไงล่ะ เชิญเปี๊ยกมาก็ต้องให้เปี๊ยกสิ เดี๋ยวเปี๊ยกไปจองไว้ก่อนดีกว่า”
เปี๊ยกวิ่งตื้ออออกไป แพรพลอยตกใจ กลัวเปี๊ยกไปวุ่นวายกับการเตรียมงาน
“เปี๊ยก กลับมาก่อน”
แพรพลอยรีบตามเปี๊ยกออกไป มายาวีเดินออกมาเห็นกรณ์กับเด็กที่เหลือก็รีบเข้ามาหา
“คุณกรณ์ สวัสดีค่ะ เดี๋ยวเชิญที่เต็นท์เลยค่ะ เมย์กันที่นั่งไว้ให้แล้ว”
แพรพลอยวิ่งตามเปี๊ยกเข้ามาในงาน มองหา เห็นอิศร์เดินจูงมือเปี๊ยกมาพอดี
“เปี๊ยก อย่าซนได้ไหม เขากำลังเตรียมงานกันอยู่ ถ้าดื้อพี่จะพากลับบ้านนะ จักรยานก็ไม่ต้องเอาด้วย”
“พี่อิศร์รับปากจะให้เปี๊ยกแล้ว ใช่ไหมครับพี่อิศร์”
“ใช่ แต่เปี๊ยกต้องไม่ดื้อไม่ซนอย่างที่พี่แพรบอกนะ”
“โห่ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเล้ย เตี๊ยมกันมาป่ะเนี่ย เปี๊ยกไปหาพี่กรณ์ดีกว่า”
เปี๊ยกวิ่งออกไป อิศร์หันมายิ้มกับแพรพลอยอย่างดีใจ
“ผมดีใจนะครับที่คุณมา”
“ฉันมาช่วยกรณ์ดูแลเด็กๆ น่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่จัดงานนี้ขึ้นมา”
“เป็นความคิดของเมย์น่ะครับที่อยากให้บริษัททำอะไรเพื่อสังคมบ้าง จะได้ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ ลำพังผมเองคงคิดไม่ได้”
“เดี๋ยวพอคุณอินกับการเป็นผู้บริหาร ก็จะคิดได้เองว่าต้องทำยังไงบ้างเพื่อให้บริษัทก้าวหน้า ไม่ต้องรีบร้อนหรอก” หล่อนนึกขึ้นได้ จึงมองหา “แล้วตกลงคุณได้บอดี้การ์ดคนใหม่หรือยังคะ”
“ห่วงผมเหรอ”
แพรพลอยค้อน “ฉันห่วงน้องๆ ในบริษัทที่กำลังว่างงานอยู่ต่างหาก”
“ผมปฏิเสธไปหมดแล้ว เก็บตำแหน่งนั้นไว้รอคุณดีกว่า”
“รอจนแก่ฉันก็ไม่กลับไปหรอก”
“โธ่ คุณแพรอ้ะ ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะใจอ่อน”
“คุณงอแงอีกแล้ว ฉันไปดีกว่า”
แพรพลอยหันหลังกลับ เกือบชนกับแก๊งสเก็ตบอร์ดที่สไลด์ผ่านหน้ามา
“อุ๊ย”
อิศบอก “ระวัง”
อิศร์รีบดึงแพรพลอย รวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
นักสเก็ต 1“โทษทีครับพี่”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
แพรพลอยอึ้งๆ เมื่อพบตัวเองอยู่ในอ้อมกอดอิศร์ อริสราเดินมาเห็นพอดี
“อิศร์คะ”
แพรพลอยหันไปเห็นอริสรา ก็รีบผละออกมา อริสรายิ้มหวานใส่
“คุณแพร สบายดีไหมคะ ดูๆ ไปก็เหมือนคุณแพรยังไม่ได้ไปไหนไกลจากอิศร์เลยนะคะเนี่ย เพราะไปที่ไหนก็เจอ” ท้ายประโยคหล่อนจงใจเหน็บ
แพรพลอยหลบสายตา ไม่อยากมีเรื่อง อริสราหันไปหวานใส่อิศร์
“อิศร์คะ พวกแขกมากันเยอะ แล้วมีคนสำคัญคนหนึ่งที่อริสอยากให้อิศร์พบด้วย เชิญทางนี้หน่อยนะคะ”
อริสรารีบลากอิศร์ออกไป แพรพลอยมองตามแล้วถอนใจ รู้ดีว่าอริสราหึงหวงอิศร์มากขึ้น
มายาวีว้าวุ่นหนักเดินไปเดินมาอยู่ในงาน เข้าไปบรีฟงานกับทีมงานและกลุ่มนักกีฬาเอกซ์ตรีม ท่าทางแข็งขัน อนุภัทรเดินปะปนเข้ามาหยุดมอง เห็นมายาวีอธิบายอะไรในไอแพดให้ทีมงานดูพลางปาดเหงื่อไปเหนื่อยๆ
“แข็งขันดีเหมือนกันนะยายคุณหนู”
อนุภัทรเห็นพนักงานเสิร์ฟน้ำถ้วยเดินผ่านมา เลยหยิบแล้วเดินไปหามายาวีที่เลี่ยงมานั่งพัก
“คอแห้งไหมล่ะคุณ เห็นทั้งพูดทั้งวิ่งไปโน่นมานี่ตลอด”
“โอ๊ย จะตายให้ได้ ฉันไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเล้ย รู้งี้จากออแกไนซ์ก็หมดเรื่อง เฮ้อ”
มายาวีรับน้ำถ้วยมา พยายามเอาหลอดปักเจาะ แต่ปักไม่ลง สาวจอมจุ้นเซ็งๆ
“ดูสิ ฉันเหนื่อยจนไม่มีแรงแม้แต่จะปักหลอด”
อนุภัทรหัวเราะ ดึงน้ำถ้วยมาปักให้ แล้วส่งคืน
“ขอบคุณนะนายมิตร”
มายาวีดื่มน้ำ พัดวีตัวเอง สายตาเหลือบไปเห็นเงาสะท้อนจากไอแพดที่ปิดไว้
“ตายแล้ว เหงื่อท่วมขนาดนี้เชียวเหรอฉัน ถ้านักข่าวมาเห็นล่ะก็ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ฉันไปเติมแป้งก่อนนะ”
มายาวีจะวิ่งออกไป อนุภัทรรีบดึงไว้
“คุณต้องไปเตรียมตัวที่โพเดียมไม่ใช่เหรอ งานจะเริ่มแล้ว”
มายาวีมองนาฬิกา แล้วชะงัก ท่าทางเลิ่กลั่ก
“แต่ฉันโทรมขนาดนี้ เอาปี๊บมาคลุมหัวกันเลยดีกว่า”
อนุภัทรหัวเราะ หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ายื่นให้ “เอ้า ถ้าคุณไม่รังเกียจ”
มายาวีมองผ้าเช็ดหน้าของอนุภัทร อึ้งๆ ก่อนจะรับมาซับหน้า แล้วเห็นอนุภัทรมองมา
“ฉันเยินมากเหรอคุณ มองตาไม่กะพริบเชียว”
“เปล่า ผมว่าคุณตอนผมยุ่งๆ หน้าไม่ค่อยฉ่ำแบบนี้ก็ดูน่ารักไปอีกแบบนะ”
อนุภัทรพูดพลางอมยิ้ม มายาวีทำหน้าเขิน ซับหน้าต่อ
อริสราดึงแขนอิศร์เข้ามาที่เต็นท์วีไอพี เห็นอำพล อำนวย ไอศูรย์ ธำรงกำลังรับแขกอยู่
“อิศร์มาพอดีเลย มานี่ลูก”
อำนวยกวักมือเรียกอิศร์กับอริสราเข้าไปทักทายแขกผู้ใหญ่ โรเจอร์ ลี ที่อยู่ในกลุ่มแขกค่อยๆ หันมา
โรเจอร์ ลี คนนี้ เป็นนักธุรกิจเชื้อสายฮ่องกง จะแต่งตัวสากลสไตล์นักธุรกิจฮ่องกง มีบอดี้การ์ดมาดเข้มล้อมรอบตลอดเวลา ดูแล้วเหมือนเจ้าพ่อ น่ากลัว บุคลิกนิ่งๆ พูดจาดูเหมือนมีลับลมคมใน ไม่น่าไว้ใจ แต่จริงๆ ไม่มีอะไร มักถูกตัดสินภายนอกว่าเป็นคนอันตรายแต่จริงๆ เนื้อแท้เป็นคนดี โหดแค่ในด้านธุรกิจ
อำนวยแนะนำ “อิศร์ นี่มิสเตอร์โรเจอร์ ลี เจ้าของบริษัท Lee Development หลานคงเคยได้ยินมาบ้างใช่ไหม”
อิศร์ทำหน้างุนงง อริสรากระซิบบอก
“บริษัทของมิสเตอร์ลีเป็นคู่แข่งสำคัญของเราค่ะอิศร์”
“อ๋อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ผมได้ยินเรื่องของคุณอิศร์มาบ้าง ดีใจที่วงการเรามีคนหนุ่มหน้าใหม่มาสร้างสีสันนะครับ” โรเจอร์ยิ้มหยันสบประมาท
อิศร์รู้ตัวว่าโดนดูถูก “ถึงผมจะหน้าใหม่ แต่เดชโชดมกรุ๊ปก็ถือว่าอยู่มานาน ผมคงจะไม่ได้สร้างสีสันหรอกครับ ตั้งใจจะสร้างสิ่งใหม่ๆ แบบที่คู่แข่งคิดไม่ถึงมากกว่า”
โรเจอร์มองอิศร์อย่างประเมินท่าที แล้วระเบิดหัวเราะชอบใจ
“ความคิดเข้าท่า ถ้างั้นเราคงได้พบกันอีกจนเบื่อเลยล่ะ”
“วันนี้มิสเตอร์ลีเอาของมาร่วมบริจาคด้วย แต่จะไม่ได้อยู่ร่วมงาน” อำนวยว่า
“หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจนะ”
“ผมยินดีมากกว่าครับที่ได้ร่วมทำบุญด้วยกัน”
“ขอบคุณ งั้นผมลาล่ะ”
โรเจอร์จับมือกับอำนวยและอิศร์อีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป เห็นบอดี้การ์ดตามประกบ คนอื่นๆ แหวกกันเป็นทาง เหมือนเกรงบารมี
รถของอำพลค่อยๆ แล่นเข้ามาในงาน โดยมีสุนทรเป็นคนขับ กระจกหลังค่อยๆ เปิดออก เห็นสองพ่อลูกนั่งอยู่
“งานใหญ่ไม่ใช่เล่นนะครับพ่อ”
“ก็ดี ยิ่งงานใหญ่ ก็ยิ่งเป็นข่าวดัง” อำพลยิ้มร้าย
สุนทรเดินมาเปิดประตูรถให้ทั้งสองลงมา
“หวังว่าทุกอย่างที่แกเตรียมไว้จะพร้อมนะสุนทร” ไอศูรย์ว่า
“ผมย้ำกับพวกมันแล้วครับว่างานนี้ห้ามพลาด”
ไอศูรย์กับอำพลทำหน้าพอใจ แล้วเดินเข้ามาในงาน
บรรยากาศที่ลานจัดงานเป็นไปอย่างคึกคัก เห็นการโชว์สเก็ตบอร์ด ประกอบเพลง แขกและคนดูปรบมือเป็นระยะ แพรพลอย กรณ์ และเปี๊ยกดูอยู่ที่มุมหนึ่งของเต็นท์ ขณะที่อิศร์กับครอบครัวอยู่ที่โซฟาหน้าสุด
กลุ่มของแพรพลอย กรณ์ และเด็กๆ ที่ดูอยู่ เปี๊ยกมองตาวาว
“โอ้โฮ โคตรเทพ” เปี๊ยกทำท่ามันเขี้ยว
“ผาดโผนจะตาย ไม่รู้คุณอิศร์คิดอะไรถึงเอาโชว์แบบนี้มาให้เด็กๆ ดู” แพรพลอยรู้สึกหมั่นไส้
“มองให้เป็นกีฬามันก็คือกีฬานะแพร แล้วอีกอย่างมันก็เป็นสไตล์ของคุณอิศร์อยู่แล้วนี่ เขาชอบอะไรธรรมดาๆ ที่ไหนกัน ต้องพิเศษหวือหวานิดนึง”
กรณ์เหล่มองแพรพลอยเหมือนจะบอกว่าแพรพลอยก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาเหมือนกัน แพรพลอยรู้ตัว ถองกรณ์กลบเกลื่อนความเขิน แล้วดูการแสดงต่อ
การแสดงชุดแรกจบ ทีมจักรยานผาดโผนก็พุ่งตัวเข้ามา จากเนินสไลด์ และแสดงลีลาผาดโผน คนดูตบมือกันเกรียวกราว
เปี๊ยกชอบมากๆ “เปี๊ยกต้องเป็นแบบนี้ให้ได้พี่แพร พี่กรณ์ โฮ้ย อยากกลับบ้านไปหัดแล้วโว้ย”
“เอาแค่ขี่สองล้อได้ ไม่ทำตัวเองกับคนอื่นเจ็บตัวซะก่อนเถอะเจ้าเปี๊ยก”
กรณ์ขยี้หัวเปี๊ยกอย่างเอ็นดู แล้วดูการแสดงลีลาจักรยานโชว์จนจบ เสียงมายาวีในฐานะพิธีกรก็ซ้อนขึ้นมา
“ท่านผู้มีเกียรติคะ คุณอิศร์ เดชโชดมในนามของตัวแทนเดชโชมดมกรุ๊ป และ มีความภาคภูมิในที่ได้เป็นสะพานให้กลุ่มบริษัทร่วมทุนและคู่ค้าของเรา ได้มีโอกาสทำหน้าที่ตอบแทนสังคม”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีก หลายคนมองมาทางอิศร์อย่างชื่นชม จนอิศร์เขิน
“และดิฉัน ในนามของคุณอิศร์ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตให้กับเด็กๆ ทุนการศึกษารวมถึงอุปกรณ์กีฬาต่างๆที่ทุกท่านได้ร่วมกับบริจาค จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิตเยาวชนในมูลนิธิต่างๆได้ต่อไป”
อำพลกับไอศูรย์กวาดตามองแขกที่ชื่นชมอิศร์พร้อมกับปรบมืออย่างหมั่นไส้ แต่ก็ปรบมือตาม
“ทำได้ดีมาก อิศร์”
“เปิดตัวแรงแบบนี้ แกคงแซงพ่อฉันขึ้นมาเป็นกรรมการผู้จัดการได้แน่” ไอศูรย์เย้า
“ผมยังไม่คิดถึงเรื่องนั้นหรอกครับ”
ไอศูรย์แค่นยิ้ม ด้วยไม่เชื่อ
“และหลังนี้ ขอเชิญคุณอิศร์ร่วมส่งต่อลูกโป่งแห่งความฝันให้กับน้องๆ เยาวชนจากโรงเรียนและมูลนิธิต่างๆ ด้วยค่ะ”
อิศร์ค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งเดินไปทางด้านหน้า กรณ์กับแพรพลอยมองดู
“คุณอิศร์เขาเป็นพระเอกของงานจริงๆ นะแพรว่าไหม”
“ก็เขาเป็นเจ้าภาพ ก็ต้องออกหน้าสิ”
“เสียดายนะ ถ้ามีนางเอกด้วยงานนี้คงเพอร์เฟคท์มาก”
แพรพลอยค้อนกรณ์อย่างรู้ทัน พยักพเยิดไปที่อริสรา
“ไม่ต้องห่วงหรอก มีคนอยากเป็นนางเอกให้คุณอิศร์เยอะไป”
“ยกเว้นเธอ”
แพรพลอยตีแขนกรณ์หมั่นเขี้ยว “พาเด็กๆ ออกไปเตรียมตัวได้แล้ว”
กรณ์ลุกขึ้นนำเปี๊ยกและเด็กๆ ไป แพรพลอยลุกตาม เสียงมายาวีอ่านชื่อมูลนิธิต่อเนื่อง
ส่วนอีกมุม ธำรงแอบเบ้ปากหมั่นไส้อิศร์ เปรยกับอำนวย
“ฮะๆ งานเปิดตัวมีแจกลูกโป่งให้เด็ก สร้างสรรค์ตายล่ะ”
“นายอิศร์คงแจกเป็นสัญลักษณ์ ไม่ใช่บ้องตื้นไร้สมองตีความไม่ออกอย่างที่แกเข้าใจหรอก”
“พ่อ”
อำนวยนิ่งๆ ไม่ต่อปากให้มากความ มองไปที่อิศร์ ที่กำลังแจกลูกโป่งพร้อมกับอุปกรณ์กีฬา
พริตตี้สาวสวยถือลูกโป่งพวงใหญ่มากเข้ามาเพิ่ม เป็นลูกโป่งหลายสิบลูกรวมกันดูยิ่งใหญ่อลังการ สีสันสวยงาม บางลูกใหญ่ขนาดบอลลูนย่อมๆ ก็มี
ไอศูรย์เห็นอริสรามองอิศร์อย่างชื่นชม ก็หมั่นไส้ เอนตัวกระซิบ
“อย่าออกนอกหน้าให้มันมากนัก ไว้เป็นงานผมคุณค่อยระรื่น”
“งานคุณน่ะหรือ ฉันจะใส่ชุดดำ ทาปากแดง นั่งฟังพระสวด ฟังไปยิ้มไป”
“อริส”
ไอศูรย์โกรธ บีบแขนอริสราอย่างแรง อริสราสะบัด แล้วรีบลุกหนีไปหาอิศร์ ไอศูรย์อยากจะตามไป แต่เกรงใจแขกอื่น ได้แต่นั่งฉุน
อริสรารีบแทรกตัวมาอยู่ข้างๆ อิศร์ ในจังหวะที่เปี๊ยกและเด็กจากมูลนิธิบ้านโอบไอรักต่อแถวรับแจกอุปกรณ์พอดี
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีแก๊งจักรยานเอ๊กซ์ตรีมและสเก็ตบอร์ดอีกกลุ่มพรวดพราดตัวกระโดดข้ามจากซ้ายและขวา แตะมือกันกลางอากาศ อิศร์ มายาวีและคนอื่นตกใจ เพราะไม่มีในคิว ทันใดนั้นลูกโป่งพวงใหญ่ในมือพริตตี้ก็ระเบิดบึ้ม! ผู้คนกรีดร้อง วงแตกกระเจิง
กรณ์ต้อนเด็กๆ หนีไป เหลือแต่แพรพลอยที่ยังตกใจอยู่ อิศร์รีบพุ่งเข้ารวบตัวแพรพลอยไว้
“คุณแพร หลบ”
แพรพลอยวิ่งหลบไปทางอิศร์ แล้วมองเห็นกรณ์พาเด็กๆ วิ่งไปอีกทาง
แพรพลอยโวยใส่ “คุณอิศร์ เล่นอะไร นี่มันไม่ตลกเลยนะ”
“ผมไม่ได้เล่น”
ขาดคำอิศร์ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอีก ผู้คนแตกกระจายไปคนละทาง เสียงกรีดร้องดังลั่น
อิศร์มองเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งล้มอยู่กลางลาน ก็ถลาจะวิ่งไปช่วยโดยไม่ห่วงตัวเอง
“คุณแพร หนีไป”
แพรพลอยยังมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก ทันใดนั้นก็มีกลุ่มบีเอ็มเอ็กซ์พุ่งเข้ามาหลายทิศทาง
“คุณอิศร์ ระวัง”
แพรพลอยพุ่งเข้าหาอิศร์ คว่ำตัวอิศร์ลงไปกับพื้นพร้อมเด็กหญิงเคราะห์ร้าย
ส่วนอีกมุมหนึ่ง มายาวีทรุดตัวอยู่ใต้โพเดียม กรี๊ดสลบ อนุภัทรวิ่งเหยาะๆ เข้ามาถึงตัว
“คุณเมย์ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ช่วยด้วย ฉันกลัวๆ”
มายาวีโผเข้ากอดอนุภัทรแน่น อนุภัทรรีบดึงมายาวีไป
“มากับผม”
อิศร์และแพรพลอยกอดกันอยู่ ร้องถามออกมาพร้อมๆ กัน อย่างเป็นห่วงอีกฝ่าย
“คุณไม่เป็นอะไรนะ”
แพรพลอยหันไปประคองเด็กขึ้นมา
“หนูล่ะจ๊ะ”
เด็กหญิงส่ายหน้า อิศร์รีบบอก
“พาเด็กหลบไปก่อนคุณแพร”
แพรพลอยพยักหน้าแล้วรีบประคองเด็กออกไป อิศร์มัวแต่มองแพรพลอย หันมาอีกทีก็เจอชายชุดดำยืนอยู่ด้านหลัง ตรงเข้ามากกระชากอิศร์
“โอ๊ย พวกแกเป็นใคร”
แพรพลอยพาเด็กวิ่งหนี พอได้ยินเสียงก็หันกลับมา เห็นอิศร์ถูกซ้อม พยายามจะให้หมดแรงขัดขืน
“คุณอิศร์”
“ไม่ต้องห่วงผม คุณหนีไปเร็ว ช่วยคนอื่นด้วย”
อิศร์พยายามฝืนต่อสู้กับชายชุดดำ กระซวกหมัดขวา ชายชุดดำหลบได้ อีกคนตุ๊ยท้องสวนเข้าไป
แพรพลอยเห็นท่าไม่ดี รีบบอกเด็ก “หนูวิ่งตามเพื่อนๆ ไปนะ อย่าย้อนกลับมา”
แพรพลอยวิ่งกลับมาช่วยอิศร์ แต่แก๊งจักรยานพุ่งเข้ามาขวางไม่ให้แพรพลอยเข้าไปช่วยอิศร์ได้
จักรยานวิ่งตีวงล้อมรอบแพรพลอยเป็นวงกลม แพรพลอยกวาดตามองระแวดระวัง แล้วเหวี่ยงขา เป็นวงกว้าง ฟาดก้านคอจักรยาน1 ล้มลง
“คุณแพรไม่ต้องห่วงผม ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อน”
อิศร์ร้องบอกเสียงจุกๆ เพราะโดนชายชุดดำต่อยอีกทีก่อนจะลากออกไปจากโรงเรียน
“คุณอิศร์”
แพรพลอยเข้าไปกระชากจักรยาน1 ขึ้นมา จะขี่ตามไป แต่ทันใดนั้นจักรยาน 2 พุ่งเข้าจะชนข้างหลังแพรพลอยยันเท้าไปข้างหลัง ถีบเข้าคอจักรยาน 2 ทำให้มันหงายเงิบไป
แพรพลอยรีบขี่จักรยานตามอิศร์ไปทันที
ชายชุดดำสองคน ลากอิศร์ออกมาริมถนน พยายามจะเอาตัวขึ้นรถตู้ อิศร์พยายามขัดขืน
“ใครส่งพวกแกมา”
คนร้ายไม่ตอบ คว้าแขนอิศร์บิด จนอิศร์หมุนตาม เตะเข้าชายโครงคนร้าย 1 อิศร์หลุดจากการเกาะกุม รีบวิ่งไม่คิดชีวิต คนร้าย 2 สั่งการ
“แกขับรถตาม ฉันจะไปลากมันเอง”
คนร้าย 1 รีบขึ้นรถตู้ คนร้าย 2 วิ่งตามอิศร์ไป
รถตำรวจวิ่งเข้ามาหาจุดที่อนุภัทรกับมายาวียืนอยู่
“ผมจะให้ลูกน้องผมไปส่งคุณ”
“อ้าว แล้วทำไมคุณไม่ไปกับฉัน”
“ผมต้องทำงาน ไม่มีเวลาเป็นยามดูแลคุณหรอก”
อนุภัทรพูดอย่างหัวเสีย ตำหนิมายาวีที่นึกถึงแต่ตัวเอง
มายาวีท้วง “แต่มันอันตราย อย่าเสี่ยงเลย”
อนุภัทรอึ้งไป มองอย่างขอบใจ แต่ปากแข็ง ไม่พูด
“หน้าที่ต้องมาก่อน” อนุภัทรสั่งลูกน้อง “จ่า ผมฝากคุณมายาวีด้วย”
อนุภัทรวิ่งออกไป มายาวีตะโกนไล่หลังอย่างเป็นห่วง
“นี่ผู้กอง เสร็จงาน จะกินอะไร”
อนุภัทรชะงัก “ทำไม จะเลี้ยงเหรอ”
“หมายถึงถ้าตาย อยากกินอะไร ฉันจะสั่งไปงานศพให้”
มายาวีทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมแล้วปิดประตูรถ มองด้วยความเป็นห่วงอนุภัทร
อนุภัทรกัดฟัน ทั้งขำทั้งโมโห แล้วรีบวิ่งออกไปจากโรงเรียน พร้อมกับลูกน้องอีกคน
แพรพลอยปั่นจักรยานมาตามถนน มองหาอิศร์ที่หายตัวไป แก๊งจักรยานตามแพรพลอยมา แล้วขึ้นประกบ พยายามจะเบียดแพรพลอยให้ล้ม
แพรพลอยปั่นหนีไม่รอดโดนเบียดล้มลงไป จักรยานพุ่งมาหาจะเหยียบแพรพลอย แต่แพรพลอยพลิกตัวเอาขาเตะล้มลงไป เทกระจาดไปยังคันต่อๆ มาเป็นโดมิโน อนุภัทรกับลูกน้องวิ่งออกมาเห็นแพรพลอยพอดี
“คุณแพร เป็นอะไรหรือเปล่า”
“พวกมันจับตัวคุณอิศร์ไปแล้ว ฉันจะตาม”
“อย่า มันอันตาย”
แพรพลอยลืมตัว “ฉันเป็นบอดี้การ์ดของเขาค่ะ”
แพรพลอยคว้าจักรยานคนร้ายแล้วรีบขี่ตามออกไป
คนร้ายที่กองอยู่ 4 คน จะลุกหนี อนุภัทรออกแรงบู๊ เตะคว่ำหนึ่งคน อีกคนเหวี่ยงจักรยานใส่ อนุภัทรเอนตัวหงายหลังหลบวูบ จักรยานลอยไปโดนคนร้ายด้วยกันอีกคน สลบเหมือด
“จักรยานเค้ามีไว้ปั่นเพื่อสุขภาพ จำไว้”
อนุภัทรคว้าจักรยานคันหนึ่ง รีบปั่นตามแพรพลอยออกไป
อ่านต่อตอนที่ 6