บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 8
อิศร์ถือถ้วยมาม่าคัพออกมานั่งที่เก้าอี้สนาม เริ่มเครียดอีกเมื่อนึกถึงปัญหาที่บ้าน คำพูดของธำรงที่โวยวายใส่หน้าเขาดังขึ้นมาในหู
“คุณปู่รักแกมากกว่าใคร มีสมบัติเท่าไรก็ประเคนให้แกหมด ทั้งที่แกไม่ต้องออกแรงทำอะไรซักอย่าง พวกฉันทำงานงกๆ ได้ส่วนแบ่งแค่หยิบมือ ถึงต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างนี้ไง”
อิศร์เงยหน้ามองฟ้า นึกถึงความหลัง ที่สนามบ้านเดชโชดม เมื่อสิบกว่าปีก่อน
ตอนนั้นอำนาจจูง เด็กชายอิศร์ในวัย 10 ขวบกว่าๆ ที่แต่งตัวน่ารักๆ เตรียมถ่ายรูปครอบครัวออกมาจากบ้าน มองไปที่สนาม เห็นคนอื่นๆ ทั้งไอศูรย์ ไอริณ ธำรง ล้วนอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันทั้งสิ้น กำลังเตรียมความพร้อมอยู่ที่บริเวณถ่ายรูปหมู่
อำนาจโอบไหล่อิศร์พยักหน้าให้ดูญาติๆ สั่งสอนลูกชายให้รักพี่น้อง
“จำไว้นะลูก ชีวิตของอิศร์ไม่ได้มีแค่พ่อ แต่อิศร์มีคุณปู่ คุณลุงคุณป้า แล้วก็พี่ๆ น้องๆ อีกหลายคน อิศร์ต้องรักเขาให้มากๆ โดยเฉพาะพี่ๆ น้องๆ เพราะในอนาคตอิศร์กับพวกเขาต้องจับมือกันดูแลบริษัทของเราให้ก้าวหน้า เข้าใจไหมลูก”
อิศร์มองไปที่พี่ๆ น้อง แล้วพยักหน้า “ครับ”
อำนาจลูบหัวอิศร์เอ็นดู แล้วพาเดินเข้าไปรวมกลุ่ม
“อิศร์ มายืนข้างๆ ปู่มา” เดชดึงอิศร์กับอำนาจเข้าไปยืนตรงกลางใกล้ตนเอง
อำพลกับไอศูรย์ปรายตามอง เห็นเดชโอ๋สองพ่อลูกก็นึกอิจฉา มองหน้าแบบรู้ใจกันมาตั้งแต่เด็ก
อิศร์ดึงตัวเองกลับมา หลับตานิ่งใช้ความคิดหนัก แล้วสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามีคนมานั่งข้างๆ
“คุณแพร”
“ง่วงก็เข้าไปนอนในบ้านสิคุณ”
“ยังหรอก” นึกได้รีบยื่นถ้วยมาม่า “นี่ ผมทำมาเผื่อ
แพรพลอยเขี่ยมาม่าในถ้วย “อืดหมดแล้ว”
“ก็เมื่อกี้คุณเล่านิทานอยู่ เลยไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะ”
“อ๋อ ซ้อมละครกันน่ะค่ะ พรุ่งนี้จะมีคณะส.ส.มาทำบุญเลี้ยงอาหารกลางวัน”
อิศร์ยิ้ม “น่าสนุกจัง”
“วันหลังก็มาแจมสิคะ เราเล่นละครกันบ่อย มีตัวแสดงเยอะๆ สนุกดีออก เด็กๆ คงชอบ”
“แสดงว่าผมมาค้างที่นี่ได้อีกใช่ไหม”
แพรพลอยยิ้มเขิน “ถ้าคุณเบื่อนอนเตียงใหญ่ๆ นุ่มๆ เมื่อไรก็มาได้ แต่ถ้ามาบ่อยๆ ฉันจะให้จ่ายค่าน้ำค่าไฟด้วยนะ”
“งั้นผมย้ายมาอยู่นี่ตลอดไปเลยดีกว่า จ่ายค่าเช่าให้แม่คุณซักเท่าไรดี” อิศร์นิ่งคิด “เอ...หรือผมจะมาสมัครเป็นคนงาน ทำความสะอาด ขับรถรับส่งเด็กๆ ไปโรงเรียน ไม่ต้องทำมันแล้วงานออฟฟิศ อยู่กับเด็กๆ สนุกกว่า”
แพรพลอยชะงัก สีหน้าซีเรียสด้วยความเป็นห่วง “ไหนบอกจะไม่ยอมแพ้ปัญหาไงคะ”
อิศร์หัวเราะชอบใจ “ผมพูดเล่น ยังไม่ยอมแพ้หรอกน่า ที่จริงนิทานที่คุณเล่าเมื่อกี้ก็พอจะทำให้ผมคิดออกว่าควรจะจัดการยังไง”
อิศร์ยิ้มเหมือนมีแผนบางอย่างในใจ
วันต่อมาอำพลคุยโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน ด้วยท่าทางตกใจ
“อะไรนะ อิศร์มันเรียกดูเอกสารทั้งหมดงั้นเหรอ บัดซบ”
อำพลกระแทกหูโครม ไอศูรย์ถามอย่างว้าวุ่น
“มีอะไรครับพ่อ”
“เมื่อเช้านี้ไอ้อิศร์มันไปที่บริษัท สั่งให้รุจีเอาเอกสารเกี่ยวกับบริษัทคู่ค้าของเราทั้งหมดไปดู”
“มันคงเตรียมเล่นงานเราแน่ เอายังไงดีครับ”
อำพลกระสับกระส่าย ไม่สบายใจ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไอริณก้าวเข้ามา
“คุณพ่อ พี่ศูรย์ พี่อิศร์เชิญที่บ้านค่ะ”
อำพลกับไอศูรย์ เครียดหนักมองหน้ากันอย่างไม่สบายใจ
ทุกคนมาพร้อมหน้ากันที่ห้องรับแขกบ้านอิศร์ แพรพลอยช่วยป้าดวงเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟ แล้วคอยอยู่ฟังด้วย อำพลรีบออกตัวชี้แจงก่อนที่อิศร์จะถามด้วยซ้ำ
“อิศร์ ให้ลุงอธิบายก่อนนะ ลุงอธิบายได้”
“ไม่จำเป็นหรอกครับคุณลุง เอกสารทั้งหมดที่ผมได้รับเมื่อเช้า มันเคลียร์ทุกอย่างชัดเจนแล้ว”
“แต่...” อำพลจะโกหกต่อ
“ผมคงต้องขอยกเลิกสัญญากับบริษัททั้งหมดที่มีชื่อคุณลุงกับพี่ไอศูรย์ไปเกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดความคลางแคลงใจในบริษัทอีก”
อำพลกับไอศูรย์หน้าซีด ธำรงยิ้มสะใจ
“ส่วนเรื่องพี่ธำรง ผมจะเสนอให้ที่ประชุมถอนตัวออกจากทุกโครงการเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เราคงต้องเคลียร์ตัวเองก่อน ถึงจะเดินหน้าต่อไปได้ พี่คงต้องถูกพักงานอย่างไม่มีกำหนด แต่จะยังได้รับเงินเดือน...จากผม”
ธำรงฮึดฮัดไม่พอใจ แต่อ่อนลงเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายจากอิศร์
“ส่วนเรื่องคดีก็คงต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ทนายเราจะช่วยดูแลเต็มที่”
“ขอบใจมากนะอิศร์” อำนวยพยักหน้าเป็นเชิงสั่งให้ธำรงขอบคุณ
ธำรงเซ็งจำต้องฝืนใจบอก “ขอบใจ”
ไอศูรย์หมั่นไส้ “มีคำสั่งให้รับทราบแค่นี้ใช่ไหมครับคุณอิศร์”
“ยังเหลืออีกเรื่องหนึ่งครับ...เรื่องหุ้น”
อิศร์เว้นจังหวะ มองไปยังทุกคนอย่างชั่งใจครั้งสุดท้าย
“ผมจะโอนหุ้นส่วนหนึ่งของผมให้กับพวกเราทุกคน เป็นจำนวนเท่าๆ กัน”
ทุกคนฮือฮาขึ้นมา ด้วยความแปลกใจ แพรพลอยเองก็มองหน้าอิศร์อย่างคาดไม่ถึง
“เพื่อตัดปัญหาเรื่องความไม่ยุติธรรมที่ทำให้หลายคนไม่พอใจคุณปู่ และผมคิดว่าเมื่อพวกเรามีสิทธิ์ในบริษัทอย่างเท่าเทียมกัน ก็คงจะทำงานร่วมกันอย่างโปร่งใสและจริงใจมากขึ้น เพื่อให้เดชโชดมกรุ๊ปก้าวหน้า ทุกคนเห็นว่ายังไงครับ”
อำพลกับไอศูรย์มองหน้ากัน แต่อำนวยมีสีหน้าไม่สบายใจ และไม่เห็นด้วย
“อิศร์ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้หรอกนะ อะไรที่คุณปู่มอบให้อิศร์ ก็ควรเป็นของอิศร์”
ธำรงโวยวาย “โธ่ คุณพ่อ อิศร์มันมีอุตส่าห์มีน้ำใจ เดี๋ยวมันเสียกำลังใจหมด ดีมากอิศร์ ว่าง่ายอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าน้องพี่”
ธำรงเปลี่ยนท่าทีเข้าไปตบไหล่อิศร์อย่างสนิทสนม พอใจที่ได้ส่วนแบ่งเพิ่ม
อำพล ไอศูรย์ ไอริณ กลับมาที่บ้านด้วยความโล่งอก
“เป็นอันว่าจบลงด้วยดีแฮ้ปปี้เอนดิ้งแล้วนะคะ เราไม่เสียอะไร แถมยังได้หุ้นเพิ่ม คุณพ่อกับพี่ศูรย์ก็อย่ามุบมิบทำอะไรอีกก็แล้วกันนะคะ เดี๋ยวพี่อิศร์จะเปลี่ยนใจ”
“นี่แกเป็นแม่ฉันตั้งแต่เมื่อไรฮะยายริน” อำพลฉุน
“รินก็แค่เตือน ไม่อยากให้เราต้องมาทะเลาะกันเพราะผลประโยชน์ ยังไงเราก็นามสกุลเดียวกัน”
“พวกฉันรู้ว่าควรจะทำอะไร แกไม่ต้องมาสอน”
ไอศูรย์ผลักไอริณออกไปจากห้อง แล้วปิดประตู หันมาเห็นอำพลนั่งครุ่นคิด
“คุณพ่อคิดอะไรอยู่ครับ”
“พ่อไม่นึกว่าอิศร์มันจะใจป้ำขนาดนี้ ไม่เอาเรื่องเราสองคน แถมยังยกหุ้นให้”
“มันก็คงคิดว่าเราหิวเงินเหมือนไอ้ธำรงไงครับ แต่มันไม่ได้จะถอนตัวจากการบริหารบริษัท เราอาจจะได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น แต่อำนาจก็ยังเป็นของมันอยู่ดี”
“แกคิดอย่างนั้นเหรอ”
“ไอ้อิศร์มันฉลาด เล่นบทพระเอกซื้อใจคน เพราะมันรู้ว่ามันมีแต่ได้กับได้ ยังไงเราก็ยังเป็นเบี้ยล่างมันอยู่”
ไอศูรย์โน้มน้าวพ่อ เพราะรู้ว่าอำพลเริ่มใจอ่อนลง เมื่อได้ผลประโยชน์มากขึ้น
ส่วนป้าดวงร้อนใจมาก รีบเข้ามาหาอิศร์ที่นั่งเซ็นเอกสารเรื่องโอนหุ้นอยู่ แพรพลอยตามมา
“โธ่เอ๊ย คุณอิศร์ ทำตัวเป็นพระเวสสันดรไปได้ อยู่ๆ ก็ยกโน่นยกนี่ให้คนอื่นเขา ไม่กลัวลำบากบ้างหรือไงคะ”
“ป้าครับ ผมไม่ได้หมดเนื้อหมดตัวซักหน่อย ก็แค่แบ่งสันปันส่วนให้ยุติธรรมมากขึ้นเท่านั้น บ้านเราจะได้สงบสุข”
“แต่คุณแก้ปัญหาง่ายไปหรือเปล่า คนที่ทำผิดไม่ถูกลงโทษ แล้วเขาจะสำนึกได้ยังไง” แพรพลอยคาใจ
“ผมรู้ว่าเขาทำผิดเพราะต้องการอะไร ถ้าเราให้สิ่งที่เขาต้องการ เขาก็คงไม่ทำผิดซ้ำสองอีก
“ความโลภของคนมันไม่มีจุดสิ้นสุดหรอกนะคุณอิศร์ คุณให้เขาวันนี้ เขาก็จะต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ”
“ผมก็จะให้เขาอีกเท่าที่ผมให้ได้ เพราะเขาคือครอบครัวของผม ถ้าผมอิ่ม เขาก็ควรจะอิ่มเหมือนกัน เอาน่า ถ้าผมให้จนหมดตัวเหมือนพระเวสสันดรจริง เดี๋ยวเราค่อยหิ้วกระเป๋าไปขออาศัยมูลนิธิคุณแพรเนอะป้าเนอะ”
“พูดเป็นเล่นไปได้คุณอิศร์นี่”
ป้าดวงตีแขนอิศร์เบาๆ แต่อิศร์ยังกอดป้าดวงอารมณ์ดี
แพรพลอยส่ายหน้า ไม่เข้าใจ และไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของอิศร์ เพราะสังหรณ์ใจบางอย่าง
เช้าวันหนึ่งบรรเลงอ่านจดหมายลาออกที่อนุภัทรยื่นให้ แล้วพับใส่ซองเหมือนเดิม เงยหน้ามองอนุภัทร
“เราปิดคดีได้เรียบร้อย แล้วทำไมคุณถึงยื่นจดหมายลาออกล่ะผู้กองอนุภัทร”
“เพราะแผนการของผมทำให้เกิดเรื่องบานปลายจนมีคนบาดเจ็บและเสียชีวิต ผมต้องการแสดงความรับผิดชอบครับ”
“ผมอ่านรายงานของคุณแล้ว เข้าใจว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย” บรรเลงมองอนุภัทรที่นิ่งอึ้ง “บอกมาเถอะว่ามีเหตุผลอะไรกันแน่ เราพูดกันได้ทุกเรื่อง”
อนุภัทรก้มหน้านิ่ง แล้วตัดสินใจสารภาพ
“ยังไงผมก็ต้องแสดงความรับผิดชอบที่ทำให้คุณมายาวีตกอยู่อันตรายครับ”
“อ้อ เรื่องนั้นเอง”
“มันเป็นความสะเพร่าของผมเองครับ ผมไม่ควรเอาเธอมาเกี่ยวข้องกับงานนี้”
“ผมก็บ่นยายเมย์ไปหลายกระบุงเหมือนกัน แต่เมย์เป็นคนดื้อ ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ คงคิดแบบเด็กๆ ว่านี่เป็นเกมสนุกๆ ก็เลยเสนอตัวช่วยคุณ”
อนุภัทรงง “เสนอตัวเหรอครับ?”
“ยายเมย์บอกว่าเขาอาสาปลอมตัวไปเป็นแคดดี้ให้คุณ ทั้งที่คุณมีแผนจะใช้ตำรวจนอกเครื่องแบบสวมรอยเข้าไป”
อนุภัทรเอ๋อ บรรเลงอธิบายต่อ
“เขาบอกว่าตัวเองเหมาะสมกว่า เพราะเป็นโปรกอล์ฟ รู้เรื่องศัพท์เทคนิคอะไรดีกว่าคนของคุณ แต่ก็นั่นแหละ ที่พลาดไม่ใช่เรื่องกอล์ฟ แต่ดันพลาดตอนแอบถ่ายรูปหลักฐานนี่แหละ”
“คุณเมย์พูดอย่างนั้นเหรอครับ”
อนุภัทรฉงนหนัก ทำหน้าประหลาดที่มายาวีรับผิดชอบเองหมด
มายาวีเดินเข้ามานั่งเบื่อๆ ในห้องรับแขก หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะขึ้นมาดู แล้วถามสาวใช้
“เช้านี้มีใครโทร.มาหาฉันบ้างไหม”
“ไม่มีนี่คะ”
“ไม่มีซักสายเลยเหรอ” มายาวีย่นจมูกใส่โทรศัพท์ “ฮึ คนบ้า พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่งเชียวนะ”
“คุณเมย์พูดถึงใครเหรอคะ”
มายาวีรู้สึกตัว “เอ้อ เปล่า”
สาวใช้ได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้าน เลยชะโงกหน้ามอง
“ใครน่ะ ถ้าเพื่อนๆ ฉันมา บอกว่าฉันนอนอยู่นะ ขี้เกียจรับแขก”
“ผู้กองอนุภัทรค่ะ”
มายาวีหน้าชื่นขึ้นทันควัน วิ่งออกไปหน้าบ้านอย่างลืมตัว เกือบชนกับอนุภัทรที่เดินเข้ามา
“อุ๊ย”
อนุภัทรประคองมายาวีไว้ทัน ทั้งสองจ้องหน้ากัน มายาวีดีใจ แต่ก็รีบเก๊กหน้าฟอร์มใส่
สองคนเดินคุยกันอยู่มุมสวนสวยรื่นรมย์
อนุภัทรยื่นถุงขนมสวย ให้อย่างเอาใจ มายาวีแง่งอนใส่นิดๆ แต่ก็รับมา
“ผมเอาขนมมาฝาก ขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาเยี่ยมให้เร็วกว่านี้”
“รู้ตัวเหมือนกันเหรอ ฉันนึกว่าคุณจะลืมไปแล้วว่ายังมีฉันอยู่บนโลก”
“โธ่ ใครจะลืมคุณได้”
อนุภัทรยิ้มเอาใจ มายาวีเริ่มเขิน ก้มหน้าหลบสายตา
“ผมไม่กล้ามาเพราะคิดว่าคุณคงจะโกรธที่ผมทำให้คุณถูกจับตัวไป วันนี้ผมก็เลยเข้าไปขอลาออกกับคุณพ่อของคุณ”
มายาวีตกใจ “ตาบ้า! ฉันไม่ได้โกรธ อย่าลาออกเชียวนะ!”
มายาวีเผลอโวยวายเป็นห่วง อนุภัทรมองแล้วยิ้ม
“ท่านไม่ให้ผมออก เพราะคุณออกรับแทนผมไปหมดแล้วว่าเป็นคนเสนอตัวทำงานเสี่ยงนี้เอง คุณทำอย่างนั้นทำไม ผมควรจะต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเองนะ”
มายาวีเฉไฉ ไม่กล้ายอมรับว่าเป็นห่วงอนุภัทร
“ฉันผิดเองที่ทำงานพลาด เลยไม่อยากให้คุณเดือดร้อน เดี๋ยวจะตกงาน”
“ทำไมถึงจะต้องไม่อยากให้ผมตกงาน”
อนุภัทรจ้องหน้ามายาวีอย่างคาดคั้น มายาวีเฉไฉ ยกถุงขนมขึ้นดู
“ขนมอะไรเนี่ย น่ากินจัง เดี๋ยวฉันเอาไปใส่จานดีกว่า”
มายาวีจะไป อนุภัทรดึงถุงขนมไว้
“คุณเมย์ ตกลงคุณช่วยผมไว้ทำไม”
มายาวีสบตาอนุภัทร อึกอัก “ฉัน...ฉันก็แค่เป็น...” จะบอกว่าเป็นห่วง
มายาวีอ้อมแอ้มจะตอบตามตรง โทรศัพท์ดังอนุภัทรดังขัดขึ้น
“ฮัลโหล ไอ้อิศร์ ว่าไง อ๋อ ได้ๆ”
อนุภัทรเดินเลี่ยงออกไปคุยกับอิศร์
มายาวีแอบถอนใจโล่งอก บ่นกับตัวเอง
“เฮ้อ...รอด”
เวลาต่อมา อิศร์พาอนุภัทรมาขอโทษญาติพี่น้องของตน มีมายาวีกับแพรพลอยตามมาด้วย
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ที่นี่โดยปิดบังความจริงเรื่องการสอบสวนเอาไว้ ถ้าทุกคนไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ขอให้คิดว่าเป็นความผิดของผมแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ความผิดของอิศร์”
อนุภัทรยกมือไหว้อำพล อำนวย และเรณู
อำพลรับไหว้ “ไม่เป็นไรหรอก ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่ช่วยทำให้เรารู้ความจริงเกี่ยวกับธำรง เพราะแม้แต่พ่อแท้ๆ ของมันยังไม่รู้ลูกชายคิดการใหญ่ขนาดนี้”
พลางอำพลปรายตามองอำนวยที่มีสีหน้าละอาย
“ผมเองก็ต้องขอโทษคุณลุงอำนวยที่ปิดบังเรื่องนี้ไว้เหมือนกันครับ”
“ลุงเข้าใจ สิ่งที่ทำธำรงทำมันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการสอบสวน” อำนวยหันมาทางอนุภัทร “ผมไม่ติดใจอะไรคุณหรอกนะ”
สายตาไอริณเป็นประกายวิบวับ ปลาบปลื้มขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ฐานะที่แท้จริงของอนุภัทร
“น่าตื่นเต้นจังเลยนะคะ มีนายตำรวจปลอมตัวมาเป็นคนสวนในบ้านเรา อย่างกับหนังไทยสมัยก่อน ผู้กองนี่ใช่ยศร้อยตำรวจเองด้วยหรือเปล่าน้า”
“ร้อยตำรวจโทครับ ร้อยตำรวจโทอนุภัทร”
“แหม แต่จับคนร้ายรายใหญ่ขนาดนี้ ยังไงก็ต้องได้เลื่อนขั้นเป็นร้อยเอกแน่ๆ ถ้าฉลองตำแหน่งเมื่อไร อย่าลืมบอกนะคะ ริณจะไปร่วมแสดงความยินดี”
ไอริณทำตาหวาน มายาวีมองไอริณทีอนุภัทรที แอบหึง
ไอศูรย์หันไปหาแพรพลอย “แล้วเธอล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นตำรวจหญิงปลอมตัวมาอีกคน”
“เปล่าคะ ฉันก็เป็นแค่บอดี้การ์ดธรรมดา” แพรพลอยย้อนถามหน้าตาย “คุณไอศูรย์กลัวตำรวจเหรอคะ”
มายาวีชอบใจหัวเราะคิก ไอศูรย์ชักสีหน้ายั๊ว อำพลตัดบทเสียก่อน
“เอาล่ะ ก็เป็นอันว่าเราเข้าใจกันดีแล้ว คุณไม่ต้องคิดมากนะผู้กองอนุภัทร”
“ตอนนี้ผู้กองไม่ใช่คนสวนแล้ว แต่ก็ยังแวะมาค้างที่บ้านเราได้เสมอนะคะ ริณยินดีต้อนรับ”
ไอริณยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่อนุภัทรอย่างออกนอกหน้า อนุภัทรได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้
อิศร์เดินกลับมาที่บ้านตัวเอง บ่นกับอนุภัทรอย่างระอา
“เป็นไงล่ะน้องฉัน พอรู้ว่าแกเป็นตำรวจ ไม่ใช่คนงานต๊อกต๋อยก็เปลี่ยนท่าทีขึ้นมาเชียว”
“แบบนี้ไม่ต้องรอเลื่อนขั้นหรอก รางวัลใหญ่อย่างตำแหน่งลูกเขยเดชโชดมกรุ๊ปออกจะเปิดกว้าง...” ท้ายประโยคมายาวีลากเสียงประชด
“ขำๆ น่า คุณไอริณคงแหย่เล่น” อนุภัทรว่า
“ถ้าผู้กองสนใจจริงๆ คุณอิศร์ก็คงสนับสนุนนะคะ”
แพรพลอยพูดทีเล่นทีจริง โดยไม่รู้ว่ามายาวีแอบหึง
“เออ ฉันก็ยินดีต้อนรับแกนะเว้ยเพื่อนเขย ยายริณน่ะดีทุกอย่างสวยรวยเก่ง เสียอย่างเดียว...นิสัย ฮ่าๆๆๆ”
อิศร์กับอนุภัทรหัวเราะครื้นเครงกัน แต่มายาวีหน้าหงิกงออยู่คนเดียว
“เห็นไหม ใครๆ ก็เชียร์ทั้งนั้น ผู้กองก็ลาออกจากตำรวจเลยแล้วกัน จะได้ตกถังข้าวสารเร็วๆ”
มายาวีสะบัดหน้าเดินออกไป ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน
“อ้าว คุณเมย์ จะไปไหนคะ”
“กลับบ้านค่ะ เมย์จะรีบไปบอกให้คุณพ่ออนุมัติใบลาออกให้คนบางคน” มายาวีปรายตามองอนุภัทรเหวี่ยงใส่ แล้วออกไป
“อ้าวคุณ ผมยังไม่ได้พูดซักคำว่าจะลาออก กลับมาก่อน”
อนุภัทรวิ่งตามมายาวีไป อิศร์มองตามทั้งสองแบบงงๆ
“ยายเมย์เป็นอะไร อยู่ๆ ก็เหวี่ยงขึ้นมาซะงั้น”
แพรพลอยคิดอะไรบางอย่างแล้วยิ้มมีเลศนัย “ฉันว่าฉันรู้”
คล้อยหลังอิศร์ไม่นาน ไอริณกำลังจะเดินขึ้นห้อง ถูกเรณูเรียกไว้
“เมื่อกี้ทำตัวไม่งามเลยนะยายริณ เป็นสาวเป็นนางพูดเชื้อเชิญผู้ชายอย่างนั้นมันน่าเกลียด”
“นี่มันโลกยุคใหม่แล้วค่ะคุณแม่ ผู้ชายเขาชอบผู้หญิงชัดเจน มัวแต่สนิมสร้อยเขาจะรู้ได้ยังไงเราว่าทอดสะพานให้”
เรณูเอามือทาบอก “ตายจริง พูดออกมาได้”
“นี่แกสนใจไอ้ผู้กองนั่นจริงๆ เหรอ”
“ก็ออกจะหล่อคมเข้ม มาดแมนซะขนาดนั้น ไม่สนได้ยังไงล่ะคะ”
ไอริณทำตาชวนฝัน อำพลยิ้มออกมา
“ก็ดีเหมือนกันนะ มีลูกเขยตำรวจ อาจจะเป็นประโยชน์ในอนาคต ฮ่ะๆๆ”
อำพล ไอศูรย์หัวเราะกัน ไอริณยิ้มระรื่น เรณูได้แต่ส่ายหน้าที่ลูกผัวเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
อิศร์เดินตามแพรพลอยเข้ามาในบ้าน ถามอย่างข้องใจ
“คุณรู้อะไรมา”
“ไม่บอก”
แพรพลอยเดินหนี อิศร์รั้งแขน แกล้งขู่
“คุณแพร นายฐานะนายจ้าง ผมขอสั่งให้คุณห้ามปิดบังผมทุกเรื่อง”
“ซักวันนึงคุณจะรู้เอง” แพรพลอมยิ้มกระหยิ่มมีเลศนัย
“ผมจะรู้วันนี้ ถ้าคุณไม่บอก ผมจะ...”
อิศร์แกล้งรั้งตัวแพรพลอยเข้ามาใกล้ จะขู่จูบ
เสียงอริสราดังขึ้น “อิศร์คะ”
อิศร์กับแพรพลอยชะงัก หันไปมองอริสรา เพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายยืนอยู่นานแล้ว
“อริส เมื่อกี้ผมก็ไปที่บ้านคุณลุงมา นึกว่าคุณไม่อยู่”
“อยู่ค่ะ แต่ไม่อยากลงไป เบื่อคน” อริสรามองแพรพลอยอย่างหึงหวงแว่บนึง “อริสอยากคุยกับคุณค่ะ ... ตามลำพัง”
อริสราเน้นเสียงซีเรียสให้แพรพลอยรู้ตัว
แพรพลอยเหม่อออกไปนอกบ้าน ป้าดวงเดินเข้ามา รู้ว่าแพรพลอยเป็นห่วงอิศร์
“คงไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณแพร คุณอริสเธอมาถามหาคุณอิศร์ตั้งแต่เมื่อวันก่อน เพราะเป็นห่วงเรื่องบริษัทน่ะค่ะ”
แพรพลอยรู้สึกตัว หันมาฝืนยิ้มให้ป้าดวง
“แพรก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ”
“ป้าก็เล่าให้ฟังเฉยๆ ค่ะ คุณแพรจะได้ไม่ต้องกังวล”
ป้าดวงยิ้มอย่างรู้ทัน แล้วออกไป แพรพลอยยิ้มเก้อๆ
สองคนอยู่ในสวน อิศร์เดินคุยกับอริสราอย่างอึดอัด มองซ้ายมองขวา
“ไม่ต้องกลัวคุณไอศูรย์จะมาเห็นหรอกค่ะ เขาออกไปทานข้าวนอกบ้านกันทั้งครอบครัว”
“แล้วทำไมอริสไม่ไปกับเขาล่ะครับ คุณก็เป็นหนึ่งในครอบครัวพี่ศูรย์”
“ไม่ค่ะ อริสไม่อยากเป็น”
“อริส...”
“อริสรู้เรื่องที่ไอศูรย์กับคุณพ่อของเขากอบโกยผลประโยชน์จากบริษัทแล้ว ทำไมอิศร์ถึงไม่เอาเรื่องล่ะคะ”
อิศร์ถอนใจอย่างอึดอัก
“หรือคุณไม่มีหลักฐานมัดตัว อริสจะช่วยหาให้”
“ผมมี แล้วผมก็จัดการเรื่องนี้ไปแล้ว”
“ด้วยการที่คุณแบ่งหุ้นให้พวกเขา เพื่อให้เขาสุขสบายกว่าเดิมเนี่ยเหรอคะ”
“มันก็ดีกว่าลงโทษพวกเขา สร้างความโกรธแค้นจนมองหน้ากันไม่ติด อริสเองก็จะตกที่นั่งลำบากไปด้วย”
“แต่อริสอยากจะหย่ากับเขา ถ้าเขาทำร้ายอริส มันก็จะเป็นข้ออ้างให้อริสเป็นอิสระ แล้วเราจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม จะไม่มีใครขัดขวางเราได้อีก”
อริสราเข้ากอดแขนอิศร์อย่างอ้อนวอน ขณะที่อิศร์ได้แต่อึ้ง
“อริสกำลังรอวันนั้นอยู่ วันที่เราจะได้มีความสุขกันไงคะ”
อิศร์ตกใจที่อริสราเข้ามากอดอ้อนวอนแน่นขึ้น พยายามแกะออก
“อริสไม่ควรคิดอย่างนี้ ดีร้ายยังไงพี่ศูรย์ก็คือสามี อริสควรจะอยู่เคียงข้างเขา”
“แต่อริสไม่ได้รักเขา อิศร์ก็รู้นี่ อริสรักอิศร์”
อริสราโผเข้ากอดอิศร์อีก คร่ำครวญ อิศร์ตกใจ พยายามแกะมือออก
“เรายังมีความรักให้กันเสมอ...ในฐานะเพื่อน จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้”
อริสรากรีดร้อง ผละออก “เพื่อนเหรอคะ? ตอนนี้อิศร์ให้อริสได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้นจริงๆ เหรอ”
“ใช่ เพราะคุณมีครอบครัวแล้ว มีชีวิตคู่ที่น่าอิจฉา พี่ไอศูรย์ก็รักอริสมาก แล้วอีกไม่นานอริสก็จะมีลูก...”
อริสราได้ยินคำว่าลูก ปรี๊ดขึ้น “ไม่! อริสจะไม่มีวันมีลูก อริสจะไม่ยอมให้มีพยานความเกลียดชังระหว่างเขากับอริสเกิดขึ้นมาเป็นอันขาด!”
“คุณคิดอย่างนี้ไม่ได้นะอริส ถ้าพี่ไอศูรย์ได้ยินเข้าจะเสียใจ” อิศร์ตำหนิ
“ดี ถ้าอริสมีความสุขไม่ได้ ไอศูรย์ก็ไม่ควรมีความสุข”
อริสราวิ่งร้องไห้ออกไป อิศร์อึ้งงวยงงระคนตกใจ
อริสราวิ่งมายังรถของตัวเองที่จอดอยู่หน้าบ้าน กรองทองออกมาเห็นพอดี
“คุณอริสจะไปไหนคะ”
อริสราไม่สนใจ ขับรถพุ่งออกไปเกือบชนกรองทอง กรองทองได้แต่มองตะลึง
อิศร์คุยกับแพรพลอยอย่างกลัดกลุ้ม
“ผมเป็นห่วงอริสจัง นับวันความรู้สึกของอริสที่มีต่อพี่ศูรย์ก็มีแต่จะยิ่งแย่ลง”
“คนไม่รักทำยังไงก็ไม่รัก พี่ชายคุณก็ผิดที่ไปหักหาญน้ำใจเธอ”
“ผมเองก็ผิดที่ปกป้องอริสไม่มากพอ แต่จะให้ผมยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาสองคน ก็คงทำให้ปัญหาบานปลายออกไปอีก แค่อยู่เฉยๆ ก็ยังโดนเขม่น”
“คุณทำถูกแล้วล่ะค่ะ”
“ผมอยากให้อริสซาบซึ้งในความรักที่พี่ศูรย์มีให้เขามากกว่านี้ จะได้สร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกันซักที ไม่ใช่เอาแต่คิดอาฆาตว่าจะทำให้พี่ศูรย์ไม่มีความสุข หรือคิดว่าลูกคือพยานความเกลียดชังของเขากับพี่ศูรย์”
แพรพลอยสะดุดใจ นิ่งคิด “คุณอริสพูดถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ แปลกจัง...”
“ทำไมเหรอครับ”
แพรพลอยทำหน้าชั่งใจ แล้วตัดสินใจบอกที่หล่อนเห็นอริสราที่โรงพยาบาลหลายวันก่อน
“ก็ตอนที่อยู่โรงพยาบาล ฉันคิดว่าฉันเห็นคุณอริสที่นั่น พอกลับมาแล้วถึงได้ชวนคุณไปเยี่ยมเธอที่บ้านไงคะ”
“อริสก็ไม่สบายจริงๆ นี่ครับ”
“แต่ตอนที่ฉันเห็นคุณอริส เธออยู่ที่แผนกฝากครรภ์นะคะ”
อิศร์ฟังแล้วตกใจมาก
กรองทองถูกอิศร์กับแพรพลอยถามหาอริสราก็ออกอากาศล่ะล่ำลัก
“ค...คุณอริสออกไปข้างนอกแล้วค่ะ”
“ออกไปไหน”
“กรองไม่ทราบค่ะ แต่เธอดูรีบร้อนออกไป”
“ที่ผ่านกรองสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับคุณอริสบ้างหรือเปล่า”
กรองทองทำหน้าคิด “กรองเห็นคุณอริสอาเจียนบ่อยๆ แล้วก็อยากทานของแปลกๆ พอทักว่าเธอท้องหรือเปล่า คุณอริสก็บอกว่าเป็นโรคเครียด แต่กรองเห็นเธอซื้อเครื่องตรวจครรภ์มาเยอะเลยนะคะ”
อิศร์ใจไม่ดีแล้ว “ผมว่าไม่ค่อยดีแล้วล่ะ”
เขารีบกดโทรศัพท์หาอริสรา อย่างว้าวุ่นใจ
อริสราขับรถไป มองเห็นโทรศัพท์มีไฟวาบๆ ขึ้นตลอดเวลา แต่ไม่ยอมกดรับ ขับต่อไปเรื่อยๆ ไม่สนใจ
ฟากกรองทองหยิบกล่องตรวจครรภ์ขึ้นมาจากถังขยะให้ดู
“นี่แหละค่ะ กรองเจออีกหลายอัน แต่คุณอริสยืนยันว่าไม่ได้ท้องนะคะ แล้วก็ห้ามกรองไม่ให้บอกใครด้วย”
“อริสคิดจะทำอะไร” อิศร์ยังคงรอฟังอริสรารับสาย
“การตั้งท้องเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าคุณอริสไม่บอกคนในบ้าน ก็น่าจะปรึกษาใครซักคน”
แพรพลอยประเมินเหตุการณ์อย่างกระวนกระวาย ก่อนจะมองไปรอบๆ เห็นแล็บท็อปอริสราตั้งอยู่บนโต๊ะมุมห้อง รีบตรงเข้าไปดู
อริสราขับรถเข้ามาจอดในซอยเล็กๆ แห่งหนึ่ง หันไปมองโทรศัพท์ที่เงียบไปแล้ว ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับไว้ออกมากาง
เห็นว่ากระดาษแผ่นนั้นเป็นแผนที่คร่าวๆ ที่ปรินท์มาจากเว็บไซต์ มีตัวหนังสือเขียนเป็นชื่อ “นุชจรีการแพทย์”
-อริสราตัดสินใจแน่วแน่ พับกระดาษใส่กระเป๋า สวมแว่นดำแล้วลงจากรถ
-ตัดไป-
แพรพลอยใช้คอมพิวเตอร์ของอริสราเช็คดูข้อมูลย้อนหลังที่อริสราเปิดจากเว็บไซต์
“คุณอิศร์คะ มาดูนี่สิ”
อิศร์ที่พยายามโทร.หาอริสรา รีบเดินมาดูคอมพิวเตอร์
“คุณอริสเซิร์ชหาเรื่องพวกนี้ค่ะ”
หน้าข้อมูลย้อนหลังของกูเกิ้ลและเว็บต่างๆ ที่ล้วนมีแต่คำว่า “ทำแท้ง” และ “คลินิกวางแผนครอบครัว”
อิศร์ตะลึง “อริสคิดจะทำแท้งจริงๆ ด้วย”
“ตายแล้ว จะทำยังไงดีคะ”
อิศร์กดโทรศัพท์หาอีก อย่างวุ่นวายใจ “อริสไม่รับสายผม”
“เราต้องออกตามหาเองแล้วล่ะค่ะว่าตอนนี้เธออยู่ไหน กรองทองคอยโทรหาคุณอริสไว้ ถ้ารับสายก็บอกว่าคุณอิศร์กำลังจะไปพบ”
แพรพลอยรีบลุกขึ้น อิศร์เดินตาม ยังข้องใจ
“แต่คลินิกเยอะแยะแบบนี้เราจะตามเจอได้ยังไง”
แพรพลอยบอก “เราต้องให้ผู้กองช่วย”
อิศร์คุยโทรศัพท์ขณะรีบเดินออกจากบ้านมากับแพรพลอย
“ไอ้ภัทร ฉันต้องการชื่อกับที่อยู่ของคลินิกทำแท้งทุกแห่งในกรุงเทพ แกพอจะหาได้ไหมวะ”
อนุภัทรเพิ่งทานอาหารเย็นกับมายาวีและบรรเลงเสร็จ กดรับสายอิศร์
“แกจะเอาไปทำไม” ผู้กองนิ่งฟังแล้วตกใจ “ว่าไงนะ เออๆ เดี๋ยวรีบจัดการให้”
อนุภัทรวางสาย สีหน้ายุ่งยากใจ
“ผมคงต้องขอตัวก่อนครับท่าน พอดีเจ้าอิศร์มันมีเรื่องด่วน”
“อิศร์ถูกทำร้ายอีกแล้วเหรอ” บรรเลงถาม
“ไม่ใช่ครับ แต่ว่าคุณอริสหายไปจากบ้าน อิศร์มันสงสัยว่าเธออาจจะตัดสินใจไปทำแท้ง”
บรรเลงกับมายาวีตกใจ
มายาวีอาสาไปด้วย หล่อนขับรถออกจากบ้าน อนุภัทรเปิดไอแพดเช็คเมล
“ที่จริงคุณไม่ต้องมาก็ได้นะ”
“ขืนปล่อยให้คุณขับรถคันเก่าๆ ของตัวเองไป คงตามไปห้ามคุณอริสไม่ทัน ไปรถฉันนี่แหละ บอกทางมาแล้วกันว่าจะเริ่มที่ไหน”
“โอเคๆ” เขากดโทรศัพท์หาอิศร์ “อิศร์ ฉันได้ข้อมูลแล้ว กำลังส่งไปให้แก เดี๋ยวเราจะแยกกันหา”
อนุภัทรวางสาย แล้วเริ่มดูข้อมูลคลินิกทำแท้งของตำรวจ
อริสราเดินเข้ามาในคลินิกทำแท้งแห่งหนึ่ง เป็นตึกแถวท่าทางทรุดโทรม บรรยากาศน่ากลัวๆ อริสรามองเห็นพยาบาลนั่งอยู่ ก็ข่มความตื่นเต้นเดินเข้าไป
“เอ่อ ฉันมาพบหมอค่ะ โทรมานัดไว้แล้ว”
พยาบาลเช็ครายชื่อ แล้วชี้ให้อริสราเดินเข้าไป
อริสราเดินเข้ามาด้านใน มองไปที่บันไดมืดๆ ดูน่ากลัว แล้วตัดสินใจก้าวช้าๆ ขึ้นไป ใจสั่น
ชายหนุ่มคนหนึ่งพยุงหญิงสาวท่าทางทรุดโทรมเดินสวนลงมา หญิงสาวหน้าซีด ดูรู้ว่าเพิ่งทำแท้ง
ทั้งสองเดินผ่านอริสราไปโดยไม่มอง แต่อริสรามองตาม เริ่มหวั่นใจ
ทางด้านอิศร์กับแพรพลอยวิ่งจูงกันไปบนฟุตบาธ อิศร์มองดูป้ายคลินิก แล้วชี้ลากแพรพลอยเข้าไป
ส่วนที่คลินิกอีกแห่ง อนุภัทรกับมายาวีเดินออกมา ท่าทางผิดหวัง เพราะอริสราไม่ได้อยู่ที่นั่น
อริสรานั่งรออยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องทำแท้ง มองไปรอบๆ เห็นหญิงสาว 2-3 นั่งรอ ท่าทางดูเป็นทุกข์ บางคนก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร อริสรายิ่งรู้สึกอึดอัด
แพรพลอยกับอิศร์เข้าไปที่อีกคลินิก เอารูปอริสราให้ดูพร้อมกับซักถาม พยาบาลเคาน์เตอร์ส่ายหน้าบอกว่าไม่เคยเห็น
มายาวีกับอนุภัทรมาถึงอีกคลินิก เห็นเด็กผู้หญิงวัยรุ่นเดินเซซังออกมา ขึ้นแท็กซี่ ท่าทางอ่อนเพลีย มายาวีมองเห็นเลือดไหลซึมที่ขา หันไปทำหน้าหวาดเสียวกับอนุภัทร
อริสราดูนาฬิการะหว่างรอ เห็นผู้หญิงคนข้างๆ เดินเข้าห้องผ่าตัดไป จู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งวิ่งขึ้นบันไดมาตรงเข้าไปหาพยาบาลหน้าห้อง กอดรัดฟัดเหวี่ยงแสดงความเป็นแม่ลูกกัน อริสรามองดู สัมผัสได้ถึงเยื่อใยแม่ลูกที่ไม่เคยใส่ใจมาก่อน สีหน้ายิ่งสับสน เพ้อฝันไปไกล
เห็นเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากในสวน อริสราโผล่หน้าออกมา
“ยายหนูลูกแม่ อยู่ไหนลูก”
อริสราหันไปเห็น เด็กหญิงน้อยวิ่งเข้ามาหา กระโจนกอดอริสราเต็มตัว อริสรากอดลูกไว้แน่น สีหน้ายิ้มละไมมีความสุขเหมือนที่เห็นแม่ลูกกอดกันเมื่อครู่
เสียงพยาบาลเรียกดังขึ้น
“คุณคะ คุณ”
อริสราสะดุ้งเรียกสติกลับมา เห็นพยาบาลเอามือแตะไหล่
“ถึงคิวของคุณแล้วค่ะ”
อริสรากะพริบตามึนงงเหมือนเพิ่งได้สติ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นช้า สายตาเหลือบไปเห็นเด็กหญิงที่นั่งขีดเขียนเล่นยังคงมองตามด้วยแววตาคำถาม อริสรารู้สึกร้อนวูบวาบนึกละอายใจ
อิศร์กับแพรพลอยเดินมาถึงหน้าคลินิก หยุดคุยโทรศัพท์กับอนุภัทร
อิศร์ส่ายหน้าท้อแท้ “ฉันก็ไม่เจอเหมือนกันว่ะ นี่เป็นที่สุดท้ายแล้ว ถ้าอริสไม่อยู่ที่นี่ ฉันก็หมดปัญญา”
แพรพลอยหันไปมองคลินิก เตรียมจะเข้าไป แล้วชะงัก
“ยังไงก็ขอบใจแกกับเมย์มากนะ เดี๋ยวเจอกันที่บ้าน”
“คุณอิศร์คะ”
อิศร์กดวางสาย แล้วหันมา มองตามแพรพลอยไป เห็นอริสราเดินก้มหน้าออกมาจากคลินิก พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นทั้งสองก็ตกใจ
“อริส คุณ...”
อิศร์มองสำรวจ อริสรารู้สึกละอาย อดสูใจจนสะกดอารมณ์ไม่ไหว โผเข้ากอดอิศร์ร้องไห้
“อริสทำไม่ได้ อริสทำร้ายเขาไม่ลงจริงๆ”
อริสรากอดอิศร์แน่น สะอื้นตัวโยน อิศร์ถอนใจโล่งอก กอดตอบ แล้วลูบหลังปลอบ
“คุณทำถูกแล้วอริส ถูกต้องที่สุดแล้ว”
อริสราร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมแขนของอิศร์
แพรพลอยมองอย่างโล่งใจ แต่ก็แอบหวิวๆ ที่เห็นเขากอดกัน จนต้องเบือนหน้าหนีจากภาพบาดตานั้น
อิศร์พาอริสราออกมาจากห้องตรวจร่างกาย
“ร่างกายอริสสมบูรณ์ดี ไม่มีอะไรต้องห่วงเลยนะครับ แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
“อริสไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือว่าเสียใจ”
“ต้องดีใจสิครับ ชีวิตอริสกำลังจะสมบูรณ์แบบขึ้นอีกขั้นนึงด้วยการเป็นแม่ แล้วต่อไปอริสก็จะไม่เหงาอีก”
“แต่อริสไม่พร้อม”
“ผมเชื่อว่าคนเป็นแม่จะพร้อมเสมอเมื่อได้เห็นหน้าลูก ยังมีเวลาอีกเยอะให้เตรียมตัว ไม่ต้องกังวลหรอกครับ”
“อิศร์จะช่วยอริสใช่ไหม”
อริสราจับมืออิศร์ไว้เป็นที่พึ่ง อิศร์หนักใจแต่ต้องพยักหน้ารับไว้ก่อน และกุมมือปลอบ แพรพลอยเดินเข้ามาพอดี เห็นทั้งสองจับมือกันก็ชะงัก ก่อนจะรีบปรับอารมณ์เดินเข้ามา
“ทานน้ำหน่อยนะคะคุณอริส”
อริสราพึมพำขอบคุณ แล้วรับน้ำมาดื่ม อิศร์ช่วยประคองขวดน้ำให้อย่างเอาใจ โดยไม่เห็นว่าไอศูรย์เดินตึงๆ เข้ามา มีอำพล ไอริณ เรณู
“ไอ้อิศร์”
อิศร์หันขวับไปมอง ไอศูรย์ปราดเข้ามาถึงตัวพอดี กระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้นมาแล้วชกโครม พวกผู้หญิงร้องกรี๊ดตกใจ
“แก ไอ้สารเลว ! แกพาเมียฉันไปทำแท้ง ไอ้ชั่ว”
ไอศูรย์ตามเข้าไปกระทืบอิศร์อีก แพรพลอยกับอำพลรีบเข้ามาแยก
“แกคิดจะแก้แค้นฉันงั้นเหรอ ฮะ แกตาย”
อิศร์ลุกไม่ขึ้นเพราะถูกไอศูรย์ทั้งเตะทั้งถีบ อนุภัทรกับมายาวีวิ่งมาถึง รีบตรงเข้าแยก
“หยุดก่อนครับหยุด”
มายาวีโมโห “อะไรกันคะ ทำไมถึงอันธพาลแบบนี้”
“คนอื่นอย่าแส่! นี่มันเรื่องของฉันกับไอ้ชู้รักนี่” ไอศุรย์เดือดดาล
แพรพลอยเข้าประคองอิศร์ให้ลุกขึ้น อิศร์เช็ดเลือดแล้วพยายามอธิบาย
“พี่ศูรย์ พี่กำลังเข้าใจผิดนะครับ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว ฉันรู้ว่าแกเกลียดฉันที่แย่งอริสมา แต่ถ้าจะแก้แค้นฉันก็ใช้วิธีอย่างลูกผู้ชายสิวะ ไอ้ลูกหมา”
ไอศูรย์จะถลันเข้าไปหาอิศร์อีก อริสรารีบถลันเข้ามาขวาง ผลักไอศูรย์ออก
“อย่านะ”
“ถอยไปอริส” ไอศูรย์ชี้หน้า “ผมมันทนมานานแล้ว คราวนี้มันต้องสั่งสอนให้สำนึก”
ไอศูรย์เงื้อหมัดจะชกใส่อิศร์ อริสราถอยไปขวางอิศร์ไว้ เลยโดนหมัดของไอศูรย์เฉี่ยวกระเด็นไป อริสราพุ่งเข้าไปกระแทกมุมโต๊ะ แล้วทรุดลง
“คุณอริส”
แพรพลอยกับมายาวีวิ่งเข้าไปหา ไอริณเห็นอะไรบางอย่างก็ตกใจ ร้องเรียกเสียงสั่น
“คุณแม่ขา เลือดค่ะเลือด”
ทุกคนมองตามที่ไอริณชี้ เห็นเลือดไหลซึมออกมาจากช่วงขาของอริสราที่กุมท้องด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ทุกคนกระสับกระส่ายรออยู่หน้าห้องฉุกฌแน ด้วยความกังวลใจ หมอเปิดประตูออกมา ทุกคนกรูกันเข้าไปหา แย่งกันถามเสียงสั่น
“ใครคือสามีของคนไข้ครับ”
“ผมครับ ผม” ไอศูรย์แทรกเข้ามา ร้อนใจ “ภรรยากับลูกผมเป็นยังไงบ้าง”
“ตัวคุณแม่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ แต่ลูก...”
ทุกคนอึ้ง ไอศูรย์หน้าซีดเผือด พอเดาคำตอบได้ หมอสลด
“หมอเสียใจด้วยนะครับ”
ไอศูรย์รับไม่ได้ “ไม่! ไม่จริง หมอโกหกผมใช่ไหม ลูกผมไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“หมอพยายามที่สุดแล้วครับ”
หมอเดินออกไป ไอศูรย์ตามพยายามคว้าตัวหมอไว้ สติแตกคร่ำครวญ
“หมอ! หมอต้องช่วยลูกผม อย่าเพิ่งไป! หมอ!”
คนอื่นๆ รีบช่วยเข้ามาดึงไอศูรย์ออกจากหมอ ไอศูรย์โวยวายดังลั่น เสียใจสุดๆ
อริสรานอนน้ำตาไหลเป็นทาง หลังจากรู้ข่าวร้ายเรื่องลูก ไอศูรย์ค่อยๆ เปิดประตูเข้ามา คอตก
“อริส...”
ไอศูรย์ยื่นมือแต่ อริสราสะบัด เมินหน้าหนี น้ำตาไหลเงียบๆ
“ผม...ผมขอโทษ” ไอศูรย์ทรุดลงนั่ง ซบหน้ากับแขนอริสราอย่างสำนึกผิด
อริสราพูดเสียงเย็นเฉียบ โดยยังไม่หันมามอง “ไม่ต้องขอโทษหรอก นี่คือสิ่งที่คุณสมควรได้รับแล้ว”
ไอศูรย์ชะงักค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง
“คนอย่างคุณ ไม่สมควรจะเป็นพ่อเขาตั้งแต่แรก เขาตายไปซะได้ก็ดีแล้ว”
ไอศูรย์นิ่งงัน อริสราค่อยๆ หันหน้ามา แววตาอำมหิตเย็นชา
“ตอนแรกฉันอยากจะกำจัดเขาด้วยตัวเอง แต่ใจฉันไม่แข็งพอ” อริสราแค่นยิ้ม ฝืนใจพูดเพื่อกรีดใจไอศูรย์ ทั้งเสียใจอยู่เหมือนกัน “อิศร์เขาก็ไม่อยากให้ฉันทำ แต่ตอนนี้เขาโกรธฉันไม่ได้แล้ว ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้ฉันสมหวัง”
ไอศูรย์ตะลึง ค่อยๆ ผละออกจากอริสรา ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“คุณเกลียดลูกเราขนาดนี้เชียวเหรอ”
“ใช่ เพราะมันเป็นผลผลิตจากความเกลียดชังของเราสองคน”
ไอศูรย์น้ำตาคลอ เจ็บปวดสุดซึ้ง ค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างไร้วิญญาณ
“ผมมองคุณผิดไปมากจริง อริส คุณมันไม่มีหัวใจ”
อริสราสบตากับไอศูรย์เยือกเย็นและท้าทาย ไอศูรย์ซมซานออกจากห้องไป
ลับร่างไอศูรย์ อริสราหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอีก ลึกๆ ก็เสียใจไม่น้อยที่ลูกต้องตายไป
แพรพลอยพาอิศร์ที่ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบแก้มที่ถูกชกออกมาหามายาวีและอนุภัทร
“เป็นไงบ้างวะอิศร์ ต้องแอดมิทอีกคนไหม”
อิศร์ส่ายหน้า “แค่นี้ชิลล์ๆ ว่ะ ช่วงนี้ฉันโดนบ่อยจนชินแล้ว”
มายาวีแค้นไม่หาย “แหม มันน่าจะซี่โครงหักซักท่อน หรือไม่ก็ม้ามแตก จะได้เอานายไอศูรย์เข้าคุกไปเลย”
“นี่เข้าข้างหรือจะแช่งกันเนี่ย” อิศร์โวยวาย
“ฉันแค่ไม่อยากให้นายนั่นลอยนวล วู่วามทำร้ายคนอื่นก็ต้องรับผิดชอบบ้างสิ”
“แพรว่าตอนนี้คุณไอศูรย์คงได้รับบทลงโทษหนักพอแล้วล่ะค่ะ รู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูกได้ไม่เท่าไรก็ต้องเสียแกไปซะแล้ว”
“คุณแพรพูดถูก เรื่องนี้ฉันไม่โทษใครหรอก กลับเถอะ”
อิศร์ลุกขึ้น คนอื่นๆ ลุกตาม แต่โทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน กดรับ
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” อิศร์นิ่งฟัง แล้วต้องตกใจ “อะไรนะครับ”
อิศร์กับคนอื่นๆ รีบเดินตามพยาบาลมาที่ห้องอริสรา ท่าทางร้อนใจ
“ญาติๆ กลับไปหมดแล้วค่ะ เธอเรียกหาแต่คุณอิศร์คนเดียว”
พยาบาลรีบเปิดประตูเข้าไป อิศร์โผล่พรวดเข้าไปเห็นอริสรายืนอยู่ที่ด้านนอกระเบียง กำลังโวยวายใส่บุรุษพยาบาลที่จะเข้ามาจับตัว
“อย่านะ อย่าแตะต้องตัวฉัน ไม่งั้นฉันโดดจริงๆ ด้วย”
อิศร์ตกใจ “อริส! อย่านะครับ”
อริสราหันไปเห็นอิศร์ที่ถลันเข้ามา ยิ่งน้ำตาแตก
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ อริสต้องการอะไร บอกผมสิ”
อริสราสะอื้น “ไม่มีใครให้อริสได้หรอก แม้แต่อิศร์ เพราะอริสสูญเสียมันไปแล้ว” หล่อนคร่ำครวญแล้วเหนี่ยวตัวออกไปอีก
“คุณอริส ใจเย็นนะคะ” แพรพลอยขยับไปใกล้
อริสราตวาดแว๊ดทันที “อย่าเข้ามานะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
แพรพลอยถอยเพราะกลัวอริสราโดด อริสรากวาดตามองทุกคน ตะโกนลั่น
“ออกไปให้หมด ฉันต้องการอิศร์คนเดียว ออกไป”
อิศร์พยักหน้าให้ทุกคนออกไป อนุภัทรดึงแขนแพรพลอยกับมายาวีให้ถอยออกมานอกห้อง
อิศร์ค่อยๆ เข้าไปหา “อริส กลับเข้ามาก่อนนะครับ มาคุยกัน”
อริสราส่ายหน้า “อริสไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว แม้แต่ลูกที่เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้อริสมีความสุข เขาก็จากอริสไป”
“อย่าเพิ่งหมดหวังสิครับ ลูกอาจจะคิดว่าอริสยังไม่พร้อมที่จะดูแลเขา แต่ก็ไม่ใช่ว่าอริสจะหมดโอกาสเป็นแม่ วันหนึ่งที่อริสพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจจริงๆ เขาคงจะกลับมาอยู่กับอริสเอง”
อิศร์ค่อยพูดและขยับเข้าไปใกล้เรื่อยๆ
“มันจะมีวันนั้นจริงๆ เหรอคะ”
“มีสิครับ อริสต้องให้โอกาสตัวเอง อย่าคิดสั้นแบบนี้อีก เพราะมันไม่ใช่ทางออก เชื่อผมนะ”
อริสรามองอิศร์อย่างซาบซึ้ง แล้วโผเข้ากอดแนบแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน
อิศร์โอบกอดตอบ ลูบหลังอริสราอย่างให้กำลังใจ และไม่เห็นว่าอริสราเผยอยิ้มทั้งน้ำตานองหน้าที่แผนสำเร็จได้ใกล้ชิดอิศร์อีกครั้ง
ส่วนที่ช่องประตู แพรพลอยมองภาพนั้นอยู่ แล้วรีบเบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพบาดตา
อิศร์ออกมาคุยกับแพรพลอย มายาวี อนุภัทรที่รออยู่ข้างนอก
“คุณแพรกลับบ้านเถอะครับ คืนนี้ผมคงต้องอยู่เป็นเพื่อนอริสก่อน”
“อ้าว ทำไมล่ะ พยาบาลก็ออกจะเยอะแยะ ฝากให้เขาดูแลสิ”
“อริสขอให้ผมอยู่เป็นเพื่อนน่ะ”
อนุภัทรติง “แล้วแกแน่ใจเหรอว่าพี่ชายแกจะไม่โผล่มา แล้วก็เข้าใจผิดอีกน่ะ”
“ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม เดี๋ยวฉันอยู่ข้างนอกนี่แหละ” แพรพลอยอาสา
“อย่าเลย เดี๋ยวจะอดนอนซะเปล่าๆ คืนนี้คงไม่มีอะไรหรอกครับ คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ ผมอยู่กับอริสได้” อิศร์หันมาทางอนุภัทร “ฝากไปส่งคุณแพรด้วยนะ”
อนุภัทรพยักหน้าลุกขึ้น พามายาวีกับแพรพลอยออกไป อิศร์กลับเข้าห้องปิดประตูลง แพรพลอยอดมองตามไม่ได้
ทั้งหมดเดินออกมาหน้าโรงพยาบาล แพรพลอยสีหน้าเศร้าหมอง ดูนอยด์ๆ
“นายอิศร์นี่ก็แปลก อยู่ๆ ก็เข้าไปยุ่งเรื่องผัวเมียเขา ไม่เข็ดหรือไงนะ”
“สถานการณ์มันตึงเครียดอยู่นี่คุณ อิศร์มันก็คงอยากเป็นกำลังใจให้คุณอริสล่ะมั้ง”
“ฉันเคยเตือนอิศร์แล้วเรื่องความสงสารจะเป็นบ่อเกิดของความรัก หวังว่าอิศร์มันจะไม่เผลอตกบ่อสงสารเข้าจริงๆ”
มายาวีกับอนุภัทรเดินออกไป ทิ้งให้แพรพลอยคิดตาม เริ่มสงสัยเหมือนกันว่าอิศร์หวั่นไหวกับอริสราหรือเปล่า
ฟากกรองทองเช็ดถูห้องครัวเสร็จ ปิดไฟ กำลังจะออกจากบ้าน ได้ยินเสียงดังเพล้งออกมาจากห้องรับแขก
กรองทองเดินเข้ามาดู เห็นไอศูรย์นอนเอนอยู่บนโซฟา โต๊ะข้างๆ มีขวดเหล้ากับแก้ววางเกลื่อน ถังน้ำแข็งหล่นลงไปคว่ำกับพื้น น้ำนอง
“คุณไอศูรย์”
กรองทองรีบเข้ามาช่วยเก็บ แล้วเอาผ้าเช็ดพื้น ไอศูรย์ขยับพลิกตัวเหมือนนอนไม่สบาย
กรองทองเข้าไปปลุก แล้วชะงักกลิ่นเหล้าหึ่ง “คุณศูรย์คะ ขึ้นไปนอนข้างบนเถอะค่ะ”
ไอศูรย์พลิกตัวกลับมา รู้สึกเหมือนถูกเขย่า ปรือตามอง แต่เห็นกรองทองเป็นอริสรา
“อริส...คุณกลับมาแล้วเหรอ” ไอศูรย์ดีใจ “คุณไม่เกลียดผมแล้วใช่ไหม ผมขอโทษนะอริส ผมขอโทษ”
ไอศูรย์ไขว่คว้าตัวกรองทองที่เห็นเป็นอริสราเข้ามากอด ยิ่งอริสราขัดขืนไอศูรย์ก็ยิ่งพยายามกอดจูบ
กรองทองตกใจ พยายามปัดป้อง โวยวาย ขณะที่ไอศูรย์กอดจูบรุนแรง
“อุ๊ย คุณศูรย์ ปล่อยกรองค่ะคุณศูรย์” กรองทองออกแรงผลัก
ไอศูรย์ถูกผลักแรงๆ ก็เหมือนได้สติ ตาสว่างขึ้น มองเห็นกรองทองตัวสั่นอยู่ตรงหน้า
“กรองทอง เธอ...มาอยู่ตรงนี้ทำไม”
“กรองเห็นคุณหลับอยู่ก็เลยจะมาปลุกให้ขึ้นห้องค่ะ”
กรองทองรีบลุกขึ้นท่าทางกลัวๆ คว้าแก้วเหล้ากับถังน้ำแข็งแล้ววิ่งเข้าครัวไป
ไอศูรย์มองตาม แล้วลูบปากกับแก้มตัวเอง เหมือนสับสนกับรสสัมผัสวาบหวามเมื่อครู่นี้
กรองทองวิ่งเข้ามาในบ้าน ปิดประตูล็อค ใจเต้นระรัว เพราะความกลัว หันมาเห็นสุนทรก็สะดุ้งอีก
“หนีอะไรมา”
กรองทองสะดุ้งหันไป “พ่อ”
“แกเป็นอะไรไป ทำหน้าอย่างกับเห็นผี”
“เอ่อ...เปล่าจ้ะ”
กรองทองฝืนยิ้มแล้วรีบเดินออกไป สุนทรมองตาม รู้สึกคาใจว่าเหตุใดกรองทองทำท่าแปลกๆ
ทางด้านอริสราลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นห้องมืดสนิท รีบหันมองหาอิศร์แต่ไม่เห็น
“อิศร์” หล่อนจะร้องไห้ “อิศร์”
อิศร์เปิดประตูห้องน้ำออกมา รีบเข้ามาหาที่เตียง
“ผมอยู่นี่อริส”
อริสรารีบจับมืออิศร์ไว้แน่น
“อริสนึกว่าอิศร์ทิ้งอริสไปแล้ว อย่าไปไหนนะคะ อยู่ใกล้อริสๆ นอนเป็นเพื่อนอริสคืนนี้นะคะ”
อิศร์หนักใจ แต่ก็พยักหน้า ไม่อยากให้อริสราจิตตกไปกว่านี้ หันไปลากเก้าอี้มาข้างเตียง
“ผมอยู่ตรงนี้แหละ อริสนอนนะครับ พรุ่งนี้จะได้สดใสขึ้น
อริสรายิ้มพยักหน้า แล้วค่อยหลับตาลง โดยที่ยังกุมมืออิศร์ไว้”
อิศร์ลอบถอนใจหนักอก กลัวถูกอริสราลากเข้าไปพัวพันมากกว่านี้
รุ่งเช้า เรณูตักบาตรรับพรเสร็จ เตรียมจะถือสำรับเข้าบ้าน แพรพลอยวิ่งออกกำลังผ่านมา รีบเข้าไป
“หนูช่วยค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
“วันนี้วันเกิดคุณเรณูเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ ฉันมาทำใส่บาตรให้หลานน่ะ ลูกของอริสกับตาศูรย์ไง” เรณูถอนใจ หน้าเศร้าๆ “บุญน้อยเหลือเกิน หวังว่าจะช่วยต่อบุญให้แกกลับมาเกิดเป็นหลานฉันอีกซักครั้ง”
เบญปัดฝุ่นรถอยู่หน้าบ้าน ไอริณเดินออกมา
“คุณแม่ล่ะ”
“ออกไปใส่บาตรค่ะ อุ๊ย มาพอดีเลยค่ะ”
ไอริณมองตามเห็นแพรพลอยช่วยยกถาดสำหรับอาหารเดินเข้ามา
“ทำไมแกไม่ไปช่วยดูแลคุณแม่ ปล่อยให้นังนั่นประจบจนได้”
เบญงง ไอริณกระฟัดกระเฟียดใส่แล้วขึ้นรถขับออกไป
แพรพลอยกับเรณูเดินคุยกันเข้าบ้านมา ไม่เห็นไอริณที่ติดเครื่องรถเตรียมออกไปข้างนอก ไอริณหันรถจะออกจากบ้าน มองแพรพลอยอย่างหมั่นไส้ แล้วแกล้งเหยียบคันเร่งแรงๆ พุ่งเข้าหา
แพรพลอยคุยเพลิน หันมาอีกทีก็เห็นไอริณพุ่งรถเข้ามา รีบถอยหนีจนเซล้มลง ข้าวของกระจาย
“ว้าย หนูแพร” เรณูหันไปด่า “ยายริณ ขับรถยังไง”
ไอริณจอดรถดูนิดหนึ่ง แล้วเปิดกระจกมายิ้มเยาะ แล้วขับต่อไปไม่สนใจ เรณูรีบเข้าไปดู
“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
แพรพลอยส่ายหน้า รีบก้มลงเก็บของ แล้วมองตามรถไอริณไปอย่างไม่ชอบใจ
ต่ อ จ า ก ต อ น ที่ แ ล้ ว
ที่สำนักงานหน่วยสืบสวนพิเศษ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานนี้รวมทั้งผู้กองอนุภัทร ล้วนไม่ต้องสวมใส่เครื่องแบบ ทุกคนสวมสูทมาทำงานเหมือนออฟฟิศทั่วไป
ขณะที่อนุภัทรง่วนกับงานเอกสารภายในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
อนุภัทรก้มหน้าทำงานต่อ จนรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ตรงหน้า เลยเงยหน้ามอง
“คุณเมย์ มาทำอะไรที่นี่”
“ก็มาให้ปากคำเรื่องคดีเสี่ยทรงยศน่ะสิ”
“แล้วเป็นไงบ้าง”
มายาวียิ้มมั่นใจ “มายาวีซะอย่าง ปิดจ็อบเรียบร้อย นี่ฉันก็เลยมาจิกให้คุณพาไปเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน”
“ได้สิ คุณเลือกร้านนะ”
“ฉันเลือกไว้แล้วย่ะ”
อนุภัทรยิ้ม ลุกขึ้น ยื่นแขนให้มายาวีควง
“งั้นเชิญครับคุณผู้หญิง”
มายาวีควงแขนอนุภัทรออกมาอย่างสดชื่น แต่ชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่ออนุภัทรดังขึ้น
“ผู้กองขา”
อนุภัทรกับมายาวีหันไป เห็นไอริณเดินยิ้มแย้มเข้ามา
“เจอตัวพอดีเลย กำลังจะไปไหนกันเหรอคะ”
“เอ่อ...จะออกไปทานข้าวน่ะครับ”
“แหม นี่ริณก็ว่าจะมารับผู้กองไปทานข้าวเหมือนกันนะคะเนี่ย”
อนุภัทรเหวอ มองหน้ามายาวี เห็นมายาวีทำหน้าเซ็ง
“คือริณมีเรื่องอยากจะปรึกษาผู้กองน่ะค่ะ” ไอริณทำสีหน้ากลุ้มๆ “พักหลังๆ ริณรู้สึกว่าตัวเองถูกปองร้าย ไม่รู้ว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกับพี่อิศร์หรือเปล่า ริณกลัว”
“เอ่อ ผมว่าเรื่องนี้คุณริณน่าจะแจ้งตำรวจนะครับ”
“แจ้งแล้วค่ะ แต่ริณอยากจะหาวิธีป้องกันตัวเองด้วย ก็เลยอยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับการป้องตัว ผู้กองมีเวลาจะคุยกับรินไหมคะ” ไอริณปรายตามองมายาวี พูดข่มเน้นทุกคำ “เพราะเรื่องของริณค่อนข้างด่วนแล้วก็สำคัญมาก”
“เอ้อ แต่ว่า” อนุภัทรอยากปฏิเสธ แต่เกรงใจเลยต้องชวน “งั้นก็ไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ”
มายาวีหันขวับมองอนุภัทรไม่พอใจที่ชวนไอริณ แต่ไอริณยิ้มร่า
“งั้นทานข้าวเสร็จแล้วผู้กองไปดูโรงเรียนสอนยิงปืนกับริณนะคะ”
อนุภัทรยิ่งเหวอที่โดนมัดมือชก มายาวีหมั่นไส้ ปล่อยมือจากอนุภัทรทันที
“ถ้าเร่งด่วนขนาดนั้น คุณริณไปกับผู้กองภัทรเลยก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เสียเวลา”
“อ้าว ไปด้วยกันสิคุณ”
“ฉันไม่ว่าง จะไปทานข้าวกับคุณพ่อ”
มายาวีสะบัดเดินเชิดไป อนุภัทรเสียดาย ไอริณรีบเกาะแขน
“งั้นไปกันเลยนะคะ เดี๋ยวรถจะติด”
ไอริณฉกอนุภัทรไปทันที มายาวีเดินๆ แอบหันมามองเห็นอนุภัทรถูกไอริณลากไปก็ยิ่งหงุดหงิด
ไอริณเกาะแขนอนุภัทรเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาที่หน้าทางเข้าห้องน้ำ อนุภัทรเลิกลักพยายามเอาตัวรอด
“เอ่อ คุณริณครับ ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวริณโทร.จองโต๊ะเลยนะคะ ริณเลือกร้านอาหารไว้แล้ว”
“ครับๆ”
อนุภัทรยิ้มกลบเกลื่อนแล้วรีบเข้าห้องน้ำไป ไอริณยิ้มเป็นสุข รีบโทรศัพท์จองโต๊ะ
อนุภัทรรีบเข้ามาในห้องน้ำ ปิดประตู แล้วรีบพุ่งออกไปที่หน้าต่าง
ส่วนไอริณกำลังยืนโทรศัพท์จองโต๊ะหน้าระรื่น โดยไม่เห็นว่าที่ด้านหลัง อนุภัทรโผล่ออกอีกทางชะโงกมอง แล้วรีบย่องลงไป
ขณะที่มายาวีขับรถออกมาจากหน่วยอย่างเซ็ง จู่ๆ อนุภัทรก็โผล่พรวดมา
“ว้าย” มายาวีเปิดกระจกด่า “จะบ้าหรือไงคุณ”
อนุภัทรทำมือให้เงียบแล้ววิ่งมาเปิดประตู
“ผมไปด้วย”
“อ้าว แล้ว...”
อนุภัทรตัดบท “ไปเถอะน่า”
อนุภัทรกระโจนขึ้นรถ
ฟากไอริณยืนอยู่ชั้นบนหันลงมาเห็นอนุภัทรกระโจนขึ้นรถมายาวีพอดี
“อ้าว ผู้กอง จะไปไหนคะ ผู้กองภัทร”
ไอริณพยายามเรียก แต่รถของมายาวีรีบพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ไอริณได้แต่ดีดดิ้นขัดใจ
อิศร์ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงอริสราค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นหน้าอริสราอยู่ใกล้ก็ตกใจ รีบผละออก
“อริส”
“ปวดหลังไหมคะ อริสรู้สึกผิดจังที่ทำให้อิศร์ต้องลำบาก”
“ไม่เป็นไรครับ อริสล่ะเป็นยังไงบ้าง ยังปวดท้องอยู่หรือเปล่า”
อริสรายิ้มออกที่อิศร์ยังห่วง
“ไม่แล้วค่ะ อริสหลับสบายมาก แล้วก็ฝันดีที่สุดเลย”
อริสราพูดพลางสบตาอิศร์อย่างมีความหมาย อิศร์รีบถอยห่างออก
“งั้นก็ดีเลย เดี๋ยวผมจะไปตามหมอมาดู ถ้าไม่เป็นไรอะไรแล้ว เรากลับบ้านกันนะ”
อริสราหน้างอทันที “อริสยังไม่อยากกลับ”
“แต่ถ้าอริสหายดีแล้ว กลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนดูแลใกล้ชิดไงครับ ทุกคนที่บ้านพี่ศูรย์ก็คงเป็นห่วงคุณอยู่”
อริสราออกอาการน้อยใจ “อิศร์คงเบื่อ ไม่อยากอยู่เฝ้าอริสแล้ว”
“ไม่ใช่นะครับอริส แต่ผมไม่อยากให้พี่ศูรย์ไม่พอใจอีก ช่วงนี้อริสน่าจะอยู่ใกล้ชิดกับพี่ศูรย์หน่อยนะครับ”
อริสราเซ็ง แต่ไม่มีทางเลี่ยง
ทางด้านเรณูเดินสั่งงานให้เบญกวาดใบไม้อยู่หน้าบ้าน หันมาอีกทีก็เห็นอิศร์จูงอริสรามา
“อ้าว หนูอริส” เรณูปรี่เข้าไปประคอง “คุณหมอให้กลับบ้านได้แล้วเหรอลูก”
อริสราฝืนยิ้มพยักหน้าเนือยๆ
“ขอบใจอิศร์มากนะจ๊ะ ไปเยี่ยมหนูอริสก็ไม่บอกป้า จะได้ไปด้วย”
“อิศร์ไปนอนเฝ้าอริสมาค่ะ” อริสราโพล่งขึ้น
เรณูอึ้ง อิศร์ก็เหวอเพราะไม่ได้อยากให้อริสราบอกใคร กลัวเป็นเรื่อง ไอศูรย์ออกมาได้ยินพอดี
“ว่าไงนะ แกไปเฝ้าอริสมาเหรอ”
เรณูปราม “ศูรย์”
ไอศูรย์ไม่ฟังแม่ โกรธขึ้นมาทันที กระชากคอเสื้ออิศร์เข้ามาใกล้
“แกมันก็ปากว่าตาขยิบ คราวที่แล้วบอกว่าฉันเข้าใจผิดไปเอง แล้วนี่จะแก้ตัวว่ายังไง”
“พี่ก็ยังเข้าใจผิดเหมือนเดิม” อิศร์เซ็ง
“ใช่ เพราะฉันเป็นคนเรียกให้อิศร์ไปนอนเฝ้าฉันเอง” อริสราแหย่รังแตนอีก
ไอศูรย์ขึ้นเสียง “อริส”
“ถ้าคุณจะโกรธก็มาตบตีฉัน แต่อย่าไปทำอิศร์”
อริสราเข้าไปแกะมือไอศูรย์ให้ปล่อยอิศร์ ไอศูรย์ยิ่งโมโห ชกอิศร์ดังโครม
“พี่ศูรย์ พี่มีสติบ้างสิ! ฟังผมอธิบายก่อน”
ไอศูรย์ไม่สนใจ เงื้อหมัดจะชกอิศร์อีก แต่อิศร์หลบ ชกสวนไอศูรย์หงายไป ไอศูรย์ยิ่งโมโหใหญ่ เพราะไม่เคยถูกอิศร์ชก
“ไอ้อิศร์”
ไอศูรย์ปราดชกอิศร์เอาคืน เรณู และเบญที่อยู่ด้วยพยายามเข้าไปห้าม เสียงดังเอะอะ
แต่ไอศูรย์ไม่สนใจเสียงห้ามของใคร ชกอิศร์อีกทีล้มลง จะเข้าไปซ้ำแต่แพรพลอยพุ่งมาทางด้านหลังบิดแขนไอศูรย์เอาไว้
“เฮ้ย ปล่อยนะโว้ย” ไอศูรย์ดิ้นรนขัดขืน
“ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บนะคุณไอศูรย์ ยืนนิ่งๆ”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน”
“คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเจ้านายของฉัน”
แพรพลอยบิดแขนไอศูรย์แรงขึ้นอีก ไอศูรย์ร้องลั่นทรุดฮวบลง อำพลวิ่งออกมาดู
“อะไรกัน”
แพรพลอยพูดเสียงดัง “คุณอริสบอกทุกคนไปสิคะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณอิศร์ถึงต้องอยู่เฝ้าคุณ อย่าให้คนอื่นเข้าใจผิดมากไปกว่านี้”
อริสรามองแพรพลอยอย่างไม่พอใจ แทนที่จะอธิบายกลับสะบัดหน้าหนีเข้าบ้าน เรณูรีบวิ่งตามไป
“เมื่อคืนตอนที่ทุกคนกลับไปแล้ว อริสเขาจะฆ่าตัวตายครับลุง ผมก็เลยต้องอยู่เป็นเพื่อน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผมรับรองได้” อิศร์บอกกับไอศูรย์ “ผมไม่มีวันหักหลังพี่ศูรย์ เหมือนที่พี่ทำกับผมหรอก”
“ไอ้” ไอศูรย์จะสะบัด แต่เจ็บแปล๊บเพราะแพรพลอยยังไม่ปล่อย “โอ๊ย”
“ปล่อยลูกฉันได้แล้ว” อำพลสั่งอยู่ในที
แพรพลอยปล่อยไอศูรย์ทันที ไอศูรย์ฮึดฮัดจะเข้าไปซัดอิศร์ แต่แพรพลอยพุ่งเข้ามาขวางไว้ทันที
“ไปเถอะค่ะคุณอิศร์”
พอสองคนกลับไป อำพลเอะอะโวยวายใส่ไอศูรย์
“แกจะบ้าไปถึงไหน มีสติหน่อยสิวะ”
“นี่คุณพ่อก็เข้าข้างมันเหรอครับ”
“ฉันไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น แต่ที่ฉันเห็นตอนนี้ก็คือความวู่วามของแกที่มันสร้างเรื่องวุ่นวายขึ้น แกทำลูกตัวเองตายไปคนนึงยังไม่พอใจหรือไง” อำพลอดไม่ได้
“คุณพ่อ” ไอศูรย์สะอึกถูกจี้แผล นึกเสียใจ
“ฉันไม่เห็นว่าอิศร์มันจะสนใจใยดีอะไรเมียแกนักหนา มีแต่อริสนั่นแหละที่วิ่งตามมัน แทนที่จะทำตัวดีๆ ซื้อใจเมียกลับมา แกก็ดันเป็นบ้าอาละวาดแบบนี้ แล้วผู้หญิงที่ไหนมันอยากจะอยู่ด้วย”
“พ่อก็รู้ว่าผมพยายามทำดีทุกอย่าง แต่อริสเขาไม่เคยมองเห็น มันถึงต้องเป็นอย่างนี้”
อำพลทอดถอนใจ อารมณ์สงบลงเพราะเข้าใจไอศูรย์ ไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์ไปกว่านี้
“งั้นมันก็อาจจะถึงเวลาที่แกต้องยอมรับความจริง ปล่อยเขาไปเป็นอิสระ แกอาจจะมีความสุขมากกว่านี้นะไอศูรย์”
อำพลตบไหล่อย่างเห็นใจลูกแล้วเดินออกไป ไอศูรย์อึ้ง ที่อยู่พ่อก็เชียร์ให้เลิกกับเมีย
“ไม่มีทาง”
ไอศูรย์รำพึงคนเดียวอย่างดื้อดึง แววตาแค้นสุดขีด
มายาวีกะอนุภัทรแวะมาหาอิศร์ที่บ้านพอดี มายาวีโวยวายทันทีเมื่อรู้เรื่อง
“เป็นเอามากนะนายไอศูรย์ ถึงว่าเมียเลยไม่อยากจะอยู่ด้วย ต้องวิ่งมาเกาะนายอิศร์เป็นปลิง” แล้วหันมาเหวี่ยงใส่อิศร์ต่อ “ทีนี้เข็ดหรือยังล่ะ”
“ทำอย่างกับฉันอยากหาเรื่องใส่ตัวนักนี่” อิศร์ถอนใจกลุ้มๆ “ฉันคงต้องหนีไปไหนซักพัก ไม่งั้นอริสกับพี่ศูรย์คงมีปัญหากันมากกว่านี้”
“ดีๆ แกจะหนีไปไหน ฉันไปด้วยเว้ย” อนุภัทรเชียร์ เห็นดีด้วย
แพรพลอยฉงน “ผู้กองหนีอะไรมาเหรอคะ”
มายาวีแดกดันทันที “ก็สาวบ้านโน้นอีกคนไงคะ กำลังปลาบปลื้มผู้กองภัทรสุดหล่อของเรา ไม่รู้ว่าไปหว่านเสน่ห์ไว้ตอนไหน” ปิดจ๊อบด้วยการค้อนอนุภัทร
แพรพลอยอึ้ง “คุณริณเหรอคะ”
อนุภัทรพยักหน้ายิ้มเจื่อนๆ มายาวีค้อน ยังหมั่นไส้อยู่
“เฮ่ย เอาจริงเหรอเนี่ย” อิศร์หันขวับมามองอนุภัทร
“แกอย่ามองฉันอย่างงั้น ฉันไม่ยอมเป็นพี่เขยแกแน่! เพราะฉะนั้นแกจะไปหลบที่เซฟเฮาส์ไหน ฉันไปด้วย!”
แพรพลอยจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เตรียมไปต่างจังหวัดพรุ่งนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนอิศร์เข้ามา
“คุณจัดกระเป๋าเสร็จหรือยัง”
“ใกล้เสร็จแล้วค่ะ คุณจะเอาอะไร”
“เปล่า แต่ผมมีของมาให้”
เขายิ้มมีเลศนัยแล้วเอามือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังออกมา ยื่นอะไรบางอย่างให้หล่อน แพรพลอยรับมา เห็นเป็นผ้าชิ้นเล็กๆ พอกางออกดู ถึงรู้ว่าเป็นชุดว่ายน้ำสองชิ้น
“นี่มัน” แพรพลอยเงยหน้ามองหน้าอิศร์ทันที
“คือเราจะไปทะเลกัน แต่ผมคิดว่าคุณคงไม่มีชุด ก็เลยให้ผู้จัดการที่ห้างเลือกแล้วก็ส่งมาให้ด่วน เพราะพรุ่งนี้เราต้องออกแต่เช้า คุณพอจะใส่ได้ไหม”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มี” หล่อนกางดูไซส์อีกที “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่า...ฉันใส่ไซส์ไหน”
แพรพลอยมองดูชุด แล้วเสียงเบาลงเพราะความเขิน
“ผมก็กะเอา ก็น่าจะถูกไซส์นะ”
อิศร์มองชุดในมือแล้วมองตัวแพรพลอย แพรพลอยสะดุ้งรีบเอามือกอดอก หน้าแดงขึ้นอีก
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไม่มีฉันก็ไม่ใส่ ฉันไม่ใส่ทูพีซอย่างนี้เด็ดขาด”
“อ้าว หรือคุณจะเอาแบบเต็มตัว หรือแบบมนุษย์กบ ผมโทรไปบอกให้เขาส่งมาใหม่ได้นะ”
“ไม่ต้อง เอาคืนไป” แพรพลอยปาชุดใส่อิศร์ อิศร์หัวเราะถอยออกไป
“ตามใจ เดี๋ยวพอเห็นทะเลที่กระบี่แล้วอย่าเปลี่ยนใจละกัน”
แพรพลอยได้ยินเข้า ชะงักทันที นึกถึงบ้านที่ตัวเองเคยอยู่ตอนเด็กๆ อยู่แถวนี้เหมือนกัน
“นี่เราจะไปกระบี่เหรอคะ”
“ใช่สิ บ้านพักยายเมย์อยู่กระบี่ ทำไมเหรอ”
แพรพลอยอึ้ง แล้วรีบตัดบทกลบเกลื่อน “ไม่มีอะไรค่ะ คุณไปได้แล้ว ฉันจะจัดกระเป๋าต่อ”
“ไม่เอาแน่นะ” อิศร์หยิบชุดมาโบกล่อ
แพรพลอยหันไปหยิบไม้แขวนเสื้อข้างตัว ทำท่าเหมือนจะขว้างใส่ อิศร์รีบวิ่งออกไป
แพรพลอยมองตามบานประตูที่ปิดลง สีหน้าเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม เหมือนมีอะไรในใจรำพึงเบาๆ
“กระบี่”
เช้าวันต่อมาอริสราลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียง เห็นกรองทองเข้ามาในห้อง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณอริส” กรองทองรีบเข้ามาดูแล “กรองทำข้าวต้มเสร็จพอดีเลยค่ะ คุณอริสทานเลยนะคะ”
กรองทองยกชามข้าวต้มจะป้อน แต่อริสรายังเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
“มีใครอยู่บ้าง”
“ไม่มีค่ะ คุณผู้ชายกับคุณไอศูรย์ไปทำงาน ส่วนคุณผู้หญิงกับคุณริณก็ออกไปข้างนอกแต่เช้าแล้ว”
“แล้วอิศร์ล่ะ ฉันจะไปหาอิศร์”
อริสราลุกขึ้นรวดเร็ว กรองทองรีบผวาประคอง
“คุณอิศร์ไปต่างจังหวัดค่ะ”
อริสราชะงัก “อะไรนะ ไปไหน”
“ไม่ทราบค่ะ ป้าดวงบอกว่าคุณอิศร์ไปพักผ่อน”
“พักผ่อน? ทั้งที่ฉันไม่สบายอยู่เนี่ยนะ เขาไม่ห่วงฉันเลยเหรอ”
อริสราเสียงเครือทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง สะเทือนใจ กรองทองเห็นใจ แต่ไม่กล้าปลอบ พยายามจะเอาข้าวป้อน
“คุณอริสทานอะไรหน่อยนะคะ จะได้แข็งแรงเร็วๆ”
“ไม่! ฉันไม่กิน จะได้ตายๆ ไปซะ”
อริสราทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้กรองทอง หงุดหงิด เสียใจ กรองทองได้แต่ยืนอึ้ง ไม่รู้จะทำยังไงดี
ไอริณเกาะเคาน์เตอร์คุยกับประชาสัมพันธ์
“อะไรนะ ผู้กองอนุภัทรไม่อยู่”
“ท่านลาพักร้อนไม่มีกำหนดค่ะ”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น เมื่อวานเขาก็มาทำงานนี่”
“ไม่ทราบค่ะ”
ไอริณเดินหน้าง้ำหงุดหงิดออกมา บ่นงึมงำ “หนีให้ได้ตลอดนะผู้กองอนุภัทร”
ด้านอิศร์ขับรถมาตามถนนนอกเมือง สองข้างทางมีแต่ทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา
แพรพลอยนั่งคู่เหม่อมองไร้จุดหมาย คิดถึงบ้าน ด้านหลังมายาวีกับอนุภัทรช่วยกันดูแผนที่
อิศร์เห็นแพรพลอยซึมก็ชวนคุย “คุณแพร เป็นอะไรหรือเปล่าครับ นั่งเงียบตลอดทางเลย”
แพรพลอยรู้สึกตัว รีบขยับตัว “เปล่าค่ะ”
“หรือว่าคุณจะหิว แวะทานข้าวกันก่อนไหม” อิศร์เอาใจใส่
“ไม่หรอกค่ะ หาที่พักให้เจอก่อนดีกว่า”
“ตกลงต้องเลี้ยวตรงไหนเนี่ยยายเมย์ อะไรกัน บ้านตัวเองแท้ๆ ไม่รู้เรื่อง”
“ก็ฉันไม่ได้มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนไปเรียนต่อ”
อนุภัทรมองไปด้านนอก “ไม่เห็นจะมีป้ายบอกตรงไหนเลย แผนที่คุณนี่มั่วจริงๆ ดูไม่เห็นรู้เรื่อง”
แพรพลอยช่วยมองด้านนอก แล้วคิดอะไรบางอย่าง
“เอาแผนที่ให้คนแถวนี้ดูไหมคะ เลี้ยวซ้ายถนนเล็กๆ ข้างหน้าจะมีปั๊มน้ำมันเล็กๆ อยู่ น่าจะเจอคนบ้างนะคะ”
“คุณรู้ได้ยังไง เคยมาเหรอ”
แพรพลอยนิ่ง ไม่ตอบ อิศร์มองอย่างสงสัย แต่ก็เลี้ยวตามที่บอก
อนุภัทรกับมายาวีมอง เห็นปั๊มข้างหน้าจริงๆ มีชาวบ้านเดินหิ้วปิ่นโตทำบุญออกมาพอดี
“มีปั๊มอยู่จริงๆ ด้วย คุณแพร รีบลงไปถามเลยผู้กอง เอาไป”
อนุภัทรรับแผนที่แล้วรีบลงจากรถตรงไปหาชาวบ้าน ส่วนแพรพลอยมองวัดแล้วน้ำตาคลอๆ อดคิดถึงพ่อกับแม่ไม่ได้
อิศร์ขับรถมาจอดหน้าบ้านพักติดทะเล มายาวีรีบนำทุกคนลงมา
“ถึงแล้วค่า บ้านพักตากอากาศของตระกูลศรัทธาสิทธิ์”
“แพรไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณเมย์มีบ้านพักที่นี่”
“เมย์ไม่ค่อยได้มาหรอกค่ะ คุณพ่องานยุ่งตลอด เข้าไปดูในบ้านกันนะคะ”
มายาวีเดินนำแพรพลอยไป ปล่อยให้อิศร์กับอนุภัทรช่วยกันขนกระเป๋าตามมา
ครู่ต่อมามายาวีเดินนำชี้ให้ดูห้องนอนที่มีสองห้อง
“พวกหนุ่มๆ อยู่ห้องฝั่งโน้นนะคะ สาวๆ จะนอนฝั่งนี้”
“อ้าว ตกลงแบ่งห้องอย่างนี้เหรอ ฉันน่าจะได้อยู่ใกล้ๆ กับบอดี้การ์ดของฉันมากกว่านะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น”
“มากไปย่ะ ใครจะตามมาฆ่านายถึงที่นี่ หรือถึงจะตามมาก็ให้ผู้กองรับหน้าไปซิ คงไม่ไร้ฝีมือขนาดปกป้องเพื่อนรักไม่ได้หรอกมั้งคะผู้กอง”
มายาวีปรายตามองเย้ย อนุภัทรถองอิศร์ “เป็นไงล่ะ ฉันอยู่ของฉันดีๆ โดนกระทบชิ่งไปด้วย”
“แพรขอสำรวจรอบๆ บ้านก่อนก็ดีค่ะ”
“โธ่คุณแพร อย่าไปฟังนายอิศร์สิคะ บ้านเมย์ปลอดภัยค่ะรับรองได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็ควรจะระวังตัวเอาไว้ก่อน จะได้พักผ่อนกันอย่างสบายใจ”
“คุณเมย์ต้องทำงานจนได้ งั้นก็คิดค่าโอทีให้หนักๆ เลยนะคะ ซักชั่วโมงละพันงี้ เอาให้นายอิศร์ขนร่วงทั้งตัวเลย”
มายาวีลากกระเป๋าเดินเข้าห้องไปก่อน ทุกคนแยกย้าย แพรพลอยเดินออกไปจากบ้าน
แพรพลอยเดินสำรวจรอบๆ ตัวบ้าน ดูทางหนีทีไล่อย่างละเอียด เห็นว่าบ้านของมายาวีเป็นที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวเป็นส่วนตัว ไม่มีบ้านใกล้เรือนเคียง มีแต่ป่า
แพรพลอยเดินออกมาสำรวจดูที่หาดกว้าง แล้วมองเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่บนโขดหินริมหาดไกลๆ
ทั้งสองฝ่ายจ้องมองกัน แพรพลอยเริ่มสงสัยจะเข้าไปใกล้ แต่มั่นหันหลังกลับวิ่งหายไปในป่า
แพรพลอยวิ่งตามเข้าไปในป่า แต่ไม่เห็นเงาของมั่นแล้ว แพรพลอยชักปืนออกมาเตรียมพร้อมแล้วย่องต่อไป ทันใดนั้นก็มีเสียงแหวกใบไม้ดังขึ้นด้านหลัง แพรพลอยหันขวับไป เตรียมจะพุ่งเข้าเล่นงานทันที แต่กลายเป็นอิศร์ ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเล่นน้ำโผล่มา
“เย้ย อย่าๆๆๆ ผมกลัวแล้ว”
“คุณอิศร์ เข้ามาทำไมที่นี่”
“ก็ผมอยากรู้ว่าคุณตามมาดูอะไร”
“ฉันเห็นคน”
“โธ่ ก็นี่มันชายทะเลมันก็ต้องมีคนสิคุณ ไม่ใช่ดาวอังคารซักหน่อย คงเป็นชาวบ้านมั้ง” อิศร์ว่า
“แต่เขาวิ่งหนีฉัน”
“ก็คุณแต่งตัวไม่เหมือนมาเที่ยวทะเล แถมยังพกอาวุธ ใครจะไม่หนีล่ะ” อิศร์เอานิ้วดันปากกระบอกปืนให้พ้นจากตัว
แพรพลอยรู้สึกตัวรีบเก็บปืน แต่ยังมองอย่างระแวง
“เรามาพักผ่อนกันนะคุณแพร รีแลกซ์หน่อยสิครับ ไปเล่นน้ำกันดีกว่า ผมพร้อมแล้ว”
“คุณไปเถอะค่ะ ฉันจะเดินดูอะไรแถวนี้”
แพรพลอยเดินออกไป อิศร์เซ็ง เดินตามไปรวบตัวแพรพลอยอุ้มขึ้นมา
“คุณอิศร์! ทำอะไรเนี่ย”
“ในฐานะนายจ้าง ผมขอสั่งให้คุณไปเล่นน้ำ”
“คุณอิศร์”
แพรพลอยดิ้นไม่ยอม อิศร์ใช้มือปลดปืนแล้วโยนไว้กับพื้นทราย ก่อนจะอุ้มแพรพลอยวิ่งไปที่หาด
มายาวีกับอนุภัทรเล่นน้ำอยู่ หันมาเห็นอิศร์อุ้มแพรพลอยก็ส่งเสียงเชียร์
“ไม่เอานะคุณอิศร์ อย่า” แพรพลอยร้องลั่น
อิศร์ไม่สนใจ พาแพรพลอยวิ่งลงมาในน้ำแล้วโยนตูม มายาวีกับอนุภัทรหัวเราะชอบใจ
“คนบ้า” แพรพลอยโผล่ขึ้นมา วักน้ำใส่อิศร์อย่างโมโห
“เบรกเรื่องงานไว้ก่อนเถอะครับคุณแพร มาเที่ยวทั้งทีควรจะทำตัวให้สนุกมากกว่านะ” ผู้กองวักน้ำใส่
“ผู้กองก็เป็นไปกับเขาด้วย” วักน้ำคืน
“เดี๋ยวเมย์ช่วยค่ะ หมั่นไส้มานานแล้ว”
มายาวีช่วยสาดน้ำใส่อนุภัทรกับอิศร์ ทั้งสี่เริ่มแบ่งทีมชายหญิงแกล้งกัน สาดน้ำ จับอุ้มโยนน้ำ แพรพลอยเริ่มคลายกังวล กลายเป็นคนสนุก หัวเราะครื้นเครง
ตะวันคล้อยต่ำลง แพรพลอยเปลี่ยนชุดใหม่ นั่งถอดชิ้นส่วนปืนออกมาเช็ดฝุ่นทรายออก เพราะอิศร์โยนไว้ริมหาด มายาวีตัวเปียกโชกเดินเข้ามา แล้วตีเผียะอย่างหมั่นเขี้ยว
“ตายแล้วคุณแพร ยังจะหลบมาขัดปืนอีกเหรอคะ ไม่เอาค่ะพอแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวไปกินข้าวกัน”
มายาวีลากตัวแพรพลอยจะเข้าบ้าน แพรพลอยมองไปที่หาด
“แล้วสองหนุ่มนั่นยังไม่เลิกอีกเหรอคะ”
“ยังเลยค่ะ สงสัยจะรอให้นางเงือกโผล่มาก่อนละมั้ง ถึงจะขึ้นจากน้ำได้”
“เดี๋ยวแพรไปเรียกให้ค่ะ ใกล้จะค่ำแล้ว”
แพรพลอยเดินออกไป
แพรพลอยเดินตรงมาที่หาด เห็นอนุภัทรดำผุดดำว่ายอยู่ริมหาด
“คุณอิศร์ล่ะคะ”
“โน่นครับ”
แพรพลอยมองไปในทะเล เห็นอิศร์ว่ายน้ำออกไปไกลจากฝั่ง อิศร์หันมาเห็นแพรพลอยเลยโบกมือให้ แต่แพรพลอยมองไปกลางทะเลเห็นเรือเร็วลำหนึ่งแล่นมา
แพรพลอยเอะใจขยับเข้าไป เรือเร็วลำนั้นตีโค้งแล้วแล่นตรงมาใกล้กับที่อิศร์ว่ายน้ำอยู่
“คุณอิศร์”
แพรพลอยออกวิ่งลุยน้ำลงไป เรือเร็วแล่นเข้าใกล้อิศร์ทุกทีๆ เหมือนจะเกิดเรื่อง
“คุณอิศร์ระวัง”
“อะไรนะ” อิศร์งง
แพรพลอยตะโกน “ดำลงน้ำไป”
อิศร์งงๆ ได้ยินเสียงเรือเลยหันไปมองเห็นเรือแล่นมา แพรพลอยวิ่งลุยน้ำไปเกือบครึ่งตัว รีบชักปืนออกมาเล็งเตรียมยิงไปที่เรือ
มายาวีโผล่หน้าออกมาเห็นก็ตกใจ ร้องลั่น
“คุณแพร! อย่าค่ะ! อย่ายิง ผู้กองห้ามคุณแพรที”
แพรพลอยหันมา เห็นอนุภัทรกับมายาวีวิ่งเข้ามาหา มายาวีพุ่งเข้าคว้าปืน
“อย่ายิงค่ะคุณแพร เขาเป็นคนเฝ้าบ้านของเมย์ค่ะ”
แพรพลอยมองไปที่ทะเล เห็นเรือเร็วลำนั่นแล่นเข้ามาจอดริมหาด มั่นกระโดดลงจากเรือ
“คุณเมย์ สวัสดีครับ”
มั่นยกมือไหว้แล้วมองแพรพลอยกับปืนอย่างตื่นๆ อิศร์วิ่งตามขึ้นมาจากน้ำ
“มีอะไรกันเหรอครับ”
มั่นนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าทั้งสี่ เอากุญแจเรือวางบนโต๊ะ
“กุญแจเรือครับคุณเมย์”
“นายมั่นเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้ค่ะ เมย์โทร.สั่งให้เขาหาเรือมาให้พวกเรา เผื่อจะขับออกไปเที่ยวเกาะกัน”
“เกือบไป หายตกใจยังน้อง”
อนุภัทรตบไหล่ มั่นพยักหน้าเจื่อนๆ
“เธอคือคนที่แอบมองฉันแล้วก็วิ่งหนีเข้าป่าไป” แพรพลอยว่า
“ก็ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร เห็นท่าทางดุๆ ก็เลยกลัว”
“เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้ว” อิศร์ว่า
แพรพลอยหน้าเสีย “ฉันขอโทษนะ”
“เอาปืนมานี่เลยคุณแพร” อิศร์แบมือขอปืน
อิศร์ถือปืนเดินเข้ามาในห้อง แพรพลอยรีบตามมา
“คุณอิศร์ จะทำอะไรคะ”
“คืนนี้จะเป็นคืนแรกที่คุณจะไม่ได้นอนกับเจ้านี่ เพราะมันจะนอนกับผมที่นี่”
อิศร์ยกที่นอนขึ้น แล้วเอาปืนยัดลงไปใต้ที่นอน
“มันเป็นของฉันนะ เอาคืนมา”
แพรพลอยพยายามจะแย่ง แต่อิศร์ทิ้งตัวล้มลงนอนบนเตียง ไม่ให้แพรพลอยลุก อนุภัทรกับมายาวีเดินตามเข้ามา
“เชื่ออิศร์เถอะครับคุณแพร ถือซะว่าสองสามวันนี้เป็นการมาชาร์จแบต ไม่ต้องคิดเรื่องการคุ้มครองนายอิศร์ ไม่ต้องคิดเรื่องนายจ้างลูกจ้าง มีแค่เพื่อนสี่คนมาพักผ่อนสมองกัน แล้วค่อยกลับไปสู้ใหม่”
“ถูก” อิศร์เห็นด้วย
“แต่ถ้าคุณแพรห่วงอิศร์จริงๆ ผมก็ยินดีแลกห้องให้นะครับ” อนุภัทร์ยิ้มมีเลศนัย
“อ้าว แล้วฉันล่ะ คุณจะมานอนใกล้ๆ ฉันไม่ได้นะ” มายาวีโวย
“ทำไม คิดว่าผมจะทำอะไรคุณเหรอไง ปัดโธ่ ต่อให้นอนห้องเดียวกันผมก็ไม่กล้าแตะต้องหรอก”
“อ๊าย ทำไมยะ ฉันเป็นยังไงคุณถึงไม่กล้าแตะ” มายาวีลืมตัว
อนุภัทรงง “อ้าว เอ๊ะ คือตกลงอยากให้แตะใช่ไหมเนี่ย”
มายาวีสะดุ้งรู้สึกตัว เอามือปิดปาก หันมองเห็นแพรพลอยกับอิศร์กลั้นยิ้ม
มายาวีรีบลุกขึ้นกลบเกลื่อน “กวนประสาทอยู่ได้ผู้กองเนี่ย ไปนอนดีกว่า”
“ฉันไปมั่งดีกว่า เจอกันพรุ่งนี้นะครับคุณแพร”
อนุภัทรลุกตามมายาวีออกไป ทิ้งแพรพลอยกับอิศร์อยู่ตามลำพัง
“ตกลงคุณจะอยู่ข้างบนหรือข้างล่าง”
“บ้า ทะลึ่ง” แพรพลอยคว้าหมอนฟาดตุ้บตั้บ “คุณจะเก็บมันไว้ก็เรื่องของคุณ แต่อย่าให้หายเชียวนะ ไม่งั้นพรุน”
แพรพลอยสะบัดหน้าเดินออกไป อิศร์เอามือลูบหัวที่โดนหมอนฟาด
“อะไรว้า แค่อยากรู้ว่าจะนอนบนเตียงหรือนอนที่พื้น แค่นี้ก็โกรธ”
ทิตาออกมาจากอพาร์ทเมนท์ เดินตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ในลานจอดรถ เหมือนมีสายตาจากระยะไกลมองตาม แล้วขยับเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ทิตาเดินไปจะถึงรถแล้วชะงัก รู้ว่าถูกตาม เลยเปลี่ยนใจเดินออกจากหน้าอพาร์ทเมนท์ไป
ทิตาเดินออกจากอพาร์ทเมนท์ไปตามซอยมืดที่ไม่มีคน กล้องแทนสายตาตามไปเรื่อยๆ และเดินเหมือนไม่รู้ว่าถูกตาม จู่ๆ ก็เดินเลี้ยวหายเข้าไปในตรอกแคบอย่างรวดเร็ว ใครคนนั้นเลี้ยวตามไป แล้วหยุดนิ่ง เพราะไม่เห็นทิตาในตรอกนั้น
ที่แท้คนที่ตามมาคือไอศูรย์ เขามองไปรอบๆ อย่างงงๆ แต่แล้วจู่ๆ ทิตาก็จู่โจมด้านหลังอย่างเร็ว พุ่งเข้าล็อคคอเอามีดจ่อ
“แกตามฉันมาทำไม”
“ย...อย่า อย่าทำฉัน!” ไอศูรย์ร้องลั่น
“ฉันถามว่าแกตามฉันมาทำไม”
ทิตาเหวี่ยงไอศูรย์กระเด็นล้มไปที่กองไม้ในตรอก แล้วพุ่งเข้ากดเข่าลงไปที่หน้าอก เงื้อมีดขึ้น
“ฉ...ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ! ฉันไม่ได้มาร้ายนะ นี่ๆ” ไอศูรย์ลนลานล้วงกระเป๋าเงินนามบัตรมือสั่นส่งให้ “ฉันชื่อไอศูรย์ เป็นเจ้านายไอ้สุนทร เธอก็รู้จักมัน”
ทิตาชะงัก มองไอศูรย์อย่างระแวง แต่ก็รับนามบัตรมาดูชื่อ เห็นนามสกุลเดชโชดม
สองคนอยู่ในตึกร้าง ทิตาเดินเข้ามาเผชิญหน้าไอศูรย์
“คุณต้องการอะไร”
“ฉันมาทวงถามความคืบหน้าของงาน เพราะไอ้อิศร์มันยังลอยนวลอยู่ ทำไมไม่ทำอะไรซักอย่าง”
“ฉันกำลังเตรียมการอยู่”
“จะเตรียมการถึงเมื่อไร มันกำลังจะทำให้ฉันกับเมียหย่ากันอยู่แล้ว”
ทิตาเลิกคิ้ว ถามยั่วๆ “ตกลงเหตุผลที่สั่งเก็บญาติตัวเอง ไม่ใช่เรื่องแย่งสมบัติเรื่องเดียวหรอกเหรอ นี่ยังแย่งผู้หญิงกันด้วย ท่าทางจะรักกันมากนะ”
ไอศูรย์ชะงัก รู้สึกละอายหน่อยๆ
“มันเป็นศัตรูของฉันทุกด้าน ฉันถึงต้องการให้มันไปลงนรกให้เร็วที่สุด ถ้าเธอทำงานเร็ว ฉันก็มีพิเศษให้” ไอศูรย์ควักเงินยื่นเช็คให้ “นี่เป็นก้อนแรก”
ทิตาดูตัวเลขในเช็ค แล้วพับใส่กระเป๋า ไม่ปฏิเสธ
“ตอนนี้พวกมันอยู่อยู่ต่างจังหวัด เป็นโอกาสดีของเธอแล้ว ถ้าทำงานเสร็จเร็ว ฉันจะมีโบนัสให้”
ทิตาสบตากับไอศูรย์จังๆ เป็นเชิงรับคำ
อ่านต่อตอนที่ 9