xs
xsm
sm
md
lg

บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 14

อนุภัทรหันไปมองเห็นรถของอำพลแล่นเข้ามาตรงจุดเกิดเหตุ อำพลลงมาจากรถ พร้อมกับไอศูรย์ ไอริณ และอริสรา ท่าทางร้อนใจกันทุกคน

“ผู้กองอนุภัทร เป็นยังไงบ้าง เจออิศร์ไหม”
“ยังไม่พบศพครับ”
“ไฟไหม้ทั้งคันขนาดนั้น อาจจะเป็นเถ้าถ่านไปแล้วหรือเปล่าผู้กอง” ไอศูรย์ว่า
“ไม่นะ ไม่จริง” อริสราร้องตะโกนหา “อิศร์! อิศร์”
อริสราจะวิ่งเข้าไปดู ไอริณกับไอศูรย์ช่วยกันจับไว้
“พี่อิศร์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” ไอริณถามขึ้น
“ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่คิดว่าน่าจะถูกไล่ยิงมา เพราะห่างไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรเราพบศพชายสองคนคาดว่าจะเป็นมือปืนถูกรถชนเสียชีวิตอยู่”
ไอศูรย์ลอบยิ้ม ทำหน้าดีใจ
“โธ่” ไอริณครวญ
“ไม่ ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ”
อริสรารับไม่ได้กรีดร้องดังลั่นแล้วเป็นลมไป ทุกคนตกใจ ช่วยกันประคอง อำพลเหลือบมองไปเห็นมายาวีประคองแพรพลอยที่อ่อนแรงกลับขึ้นมา
ไอริณก็เห็น “เอ๊ะ ยายนั่นมาทำไมที่นี่คะ”
อนุภัทรตัดบท กลัวมีเรื่อง “ผมว่าทุกคนกลับไปก่อนดีกว่านะครับ แล้วถ้ามีความคืบหน้าอะไร ผมจะรีบแจ้งไปทันทีเลย”
อำพลพยักหน้าแล้วช่วยไอศูรย์ประคองอริสราออกไป ไอริณมองแพรพลอยแล้วรีบตามพ่อไป

มายาวีพาแพรพลอยกลับมาที่มูลนิธิ แพรพลอยนั่งเหม่อลอยไร้ชีวิตจิตใจ มายาวี และกรณ์ มองอย่างเป็นห่วง และสงสาร
อัมพาชงกาแฟมาให้ทุกคนแล้วนั่งร่วมวงด้วย บีบแขนแพรพลอยเบาๆ ให้กำลังใจ
“คุณแพร อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะคะ อาจจะจริงอย่างที่คุณแพรบอก อิศร์อาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ นายนี่ชอบล้อเราเล่น”
“ใช่ลูก รอให้ตำรวจเขายืนยันมาอีกทีดีกว่า”
แพรพลอยส่ายหน้า น้ำตาไหลพรู พอมีสติก็รู้ความเป็นไปได้น้อย
“เพราะแพร ทั้งหมดนี่เป็นเพราะแพรเอง ถ้าแพรอยู่ปกป้องดูแลเขา ไม่ลาออกมา เรื่องนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิแพร ที่แพรทำไปก็เพราะพวกเราทุกคน ถ้าแพรโทษตัวเอง พวกเราไม่ผิดยิ่งกว่าเหรอ”
“แต่คุณอิศร์ไม่ควรต้องมีจุดจบแบบนี้ ยังไงแพรก็มีส่วน”
แพรพลอยสะอื้นร้องไห้ออกมา อัมพากอดปลอบด้วยความเห็นใจ

กลับถึงบ้านอำพลนั่งเครียดอยู่ที่โต๊ะ ไอศูรย์ถือขวดไวน์กับแก้วสองใบเดินเข้ามายิ้มกระหยิ่ม
“มาฉลองกันหน่อยไหมครับคุณพ่อ ในที่สุดวันของเราก็มาถึง”
ไอศูรย์ยิ้มแย้มแจ่มใส รินไวน์ใส่อำพล
อำพลมองหน้า “ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ ว่านี่ต้องเป็นฝีมือแก”
“จะใครซะอีก ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ยังไงผมก็ต้องส่งไอ้อิศร์ลงนรกไปให้ได้”
ประตูห้องเปิดพรวด ไอริณถลันเข้ามาทันที
“อะไรนะ พี่ศูรย์ฆ่าพี่อิศร์เหรอคะ”
อำพล ไอศูรย์ตกตะลึงเมื่อเห็นไอริณพรวดพราดเข้ามาแบบนั้น และได้ยิน
“นี่มันไม่จริงใช่ไหม มันไม่จริงใช่ไหม”
ไอริณตรงไปจ้องหน้าคาดคั้น ไอศูรย์หลบตา อำพลรีบลุกขึ้นมาปราม
“ริณ เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่...” อำพลจะช่วยปฏิเสธ
แต่ไอศูรย์ดันสวนขึ้นมา “ใช่! ฝีมือพี่เอง มันสมควรตายแล้ว เราจะได้อยู่อย่างสงบสุข”
ไอริณช็อกคาที่ อ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“พี่ศูรย์ พี่คิดอะไรของพี่ นี่มันฆ่าคนนะพี่ มันผิดกฎหมาย”
ไอศูรย์กระชากแขนน้องเต็มแรง “แล้วแกจะไปบอกใครทำไม แกก็รู้ว่าฉันกับมันเป็นศัตรูกัน ไม่มีมันซักคนนึงอริสจะได้เลิกคิดทิ้งฉัน แล้วสมบัติมันก็ต้องตกเป็นของเรา”
ไอริณอึ้ง คิดอะไรได้ หันไปมองอำพล
“แสดงว่าคุณพ่อก็รู้เห็นเป็นใจด้วยงั้นเหรอคะ”
อำพลหน้าซีด รู้สึกละอายใจขึ้นมา แต่ไม่กล้ายอมรับ ไอริณยิ่งเดาออก
“คุณพ่อ ริณยอมหุบปากเงียบตอนที่รู้ว่าคุณพ่อกับพี่ศูรย์เล่นไม่ซื่อแอบยักยอกเงินบริษัท แต่นี่คุณพ่อกับพี่ศูรย์ร่วมมือกันฆ่าพี่อิศร์ เขาเป็นพี่ชายคนหนึ่งของริณเหมือนกันนะคะ”
“มันไม่ใช่ลูกพ่อแม่เดียวกับเรา มันไม่ใช่พี่น้องฉัน”
“พี่ศูรย์ พี่นี่มันอสูรชัดๆ” ไอริณด่าอย่างเหลืออด
ไอศูรย์ขบกรามแน่น แล้วหันมาตบไอริณดังฉาด อำพลตกใจ
“พี่ศูรย์”
“ฉันนี่! คือพี่ชายของแก ไม่ใช่ไอ้ลูกกำพร้าที่คุณปู่เลี้ยงมาอย่างลำเอียงนั่น แกต้องเคารพฉัน”
ไอริณน้ำตาคลอ ทั้งเจ็บทั้งผิดหวัง
“หรือแกคิดจะปากโป้ง ห๊ะ” ไอศูรย์เงื้อมืออีก
อำพลขึ้นเสียง “ศูรย์ อย่าทำน้องนะ”
ไอริณถอนสะอื้น แล้ววิ่งร้องไห้ออกไปทันที

ไอริณนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง อำพลเปิดประตูเข้าไปมอง
“ริณ”
ไอริณสะอื้น “คุณพ่อ...บอกริณสิคะว่าคุณพ่อไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับพี่ศูรย์ คุณไม่ได้รู้เรื่องนี้”
อำพลก้มหน้า โกหกไม่ออก ไอริณน้ำตาไหล
“แสดงว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดกับพี่อิศร์ มีคุณพ่อกับพี่ศูรย์อยู่เบื้องหลังมาตลอด”
อำพลนิ่งอยู่นาน ก่อนจะแก้ตัว
“พ่อทำเพื่อทุกคนนะ คุณปู่ของริณไม่ยุติธรรม”
“แล้วพี่อิศร์จำเป็นต้องรับเคราะห์ด้วยเหรอคะ มันไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วหรือไง หุ้นบริษัทเขาก็ยกให้เราตั้งเยอะ”
“แต่มันก็ยังมีอำนาจบริหารอยู่ ถ้าอิศร์มันได้เป็นใหญ่ เดชโชดมกรุ๊ปอาจจะไปไม่รอด เพราะมันยังขาดประสบการณ์ พ่อยอมให้บริษัทที่พ่อดูแลมาพังลงไม่ได้”
“ริณเชื่อว่าคุณพ่อมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ แต่คุณพ่อไม่ทำ! คุณพ่อปล่อยให้พี่ศูรย์เอาความหึงหวงมาครอบงำ เพราะถ้าพี่ศูรย์กำจัดพี่อิศร์ได้ คุณพ่อก็จะพลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย คุณพ่อรู้สึกผิดบาปน้อยลงไหมล่ะคะ ที่ปล่อยให้ลูกชายฆ่าหลานชายตัวเอง”
ไอริณจ้องเข้าไปในดวงตาอำพลแล้วร้องไห้ อำพลถูกแทงใจดำ เหมือนเพิ่งได้คิดว่าจริงหรือเปล่า?

อำพลเดินซึมลงมาข้างล่าง เห็นไอศูรย์ยังนั่งดื่มอยู่ อาการกึ่มๆ “เป็นยังไงครับคุณพ่อ นังน้องไม่รักดีมันยังจะปากโป้งหรือเปล่า ผมจะได้เก็บมันอีกคนนึง”
“แกอย่าพูดบ้าๆ น่าไอศูรย์”
ไอศูรย์หัวเราะ “พูดเล่น”
อำพลส่ายหน้าเหนื่อยใจ จะเดินออกไป ไอศูรย์ร้องเรียก
“ไม่มาฉลองหน่อยเหรอครับคุณพ่อ เนื่องในโอกาสที่ศัตรูของผมมันหายไปจากโลกพร้อมกันตั้งสามคน ฮ่าๆๆๆ”
ไอศูรย์หลุดปากดื่มหมดแก้วแล้วหัวเราะร่า อำพลหยุดนิ่งคิด เอะใจบางอย่าง

อำพลเดินออกมาดูรถที่ไอศูรย์ใช้ผ้าคลุมไว้ นึกถึงท่าทีไอศูรย์ที่รีบร้อนคลุมรถแล้วเงยหน้ามาเห็นตน
อำพลเดินไปที่ท้ายรถ เปิดผ้าคลุมขึ้นมา เห็นรอยบุบ นึกถึงคำพูดไอศูรย์เมื่อกี้อีก
“ไม่มาฉลองหน่อยเหรอครับคุณพ่อ เนื่องในโอกาสที่ศัตรูของผมมันหายไปจากโลกพร้อมกันตั้งสามคน ฮ่าๆๆๆ”
อำพลนิ่งตัวชา ไอศูรย์เดินเข้ามา หยุดยืนเงียบ
“พ่อไม่ควรออกมาหาคำตอบด้วยตัวเองเลย ถามผมก็หมดเรื่อง”
อำพลค่อยๆ หันมองไอศูรย์ สีหน้าไอศูรย์เย็นชา ไม่สำนึกผิด
“แกขับรถชนกรองทอง”
“ผมกะชนมันทั้งพ่อทั้งลูก แต่ไอ้สุนทรมันรอดไปได้ แต่มันก็หนีไม่พ้นลูกปืน” ไอศูรย์ยิ้มอำมหิต “สะใจชะมัดที่เห็นสีหน้าจนตรอกของมัน”
อำพลตะลึง “นี่...แกเป็นคนฆ่าสุนทรเองเหรอ”
ไอศูรย์ยิ้มเลือดเย็น “ตามนั้นระยะเผาขน แบบนี้”
ไอศูรย์ทำท่ายิงให้ดูอย่างสะใจ อำพลแทบล้มทั้งยืน
“แก...แกทำได้ยังไง สุนทรมันเป็นลูกน้องที่ดีที่สุดของฉัน กรองทองมันก็ไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย”
“มันสองพ่อลูกกุมความลับของผมไว้ แถมนังกรองทองมันอาจจะทำให้อริสเอาไปอ้างฟ้องหย่าผมได้ ผมก็ต้องปิดปากมัน”
ไอศูรย์ยิ้มเหี้ยมเกรียม ดุดัน อำพลอึ้ง ไม่นึกว่าไอศูรย์จะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้

รุ่งเช้าวันนั้นอนุภัทรกำลังเดินมาตามทางด้วยท่าทางรีบร้อน โทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
มายาวีอยู่ในบ้านคุยโทรศัพท์กับอนุภัทร
“ผู้กอง ฉันให้คุณแพรไปอยู่ที่มูลนิธิชั่วคราวนะคะ จะได้มีคนดูแล้ว”
“ก็ดีแล้ว ขอบคุณมากนะคุณเมย์”
“แล้วนี่ตำรวจเจอศพอิศร์หรือยัง”
อนุภัทรอึกอัก “ยัง เท่านี้ก่อนนะคุณ ผมยุ่งอยู่”
อนุภัทรตัดสายแล้วรีบเดินไป พบว่าเขาอยู่ที่โรงพยาบาล
“ตาบ้า เสียมารยาทจัง จะถามว่าเราเป็นไงซักคำก็ไม่ได้”
มายาวีหงุดหงิด กระเง้ากระงอด ตามประสา

อนุภัทรตรงเข้ามาพบกับหมอในห้อง ถามอาการใครคนหนึ่ง
“เป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“อาการโดยรวมปกติดีครับ คนเจ็บโชคดีมากนะครับที่ดีดตัวเองออกมาจากรถได้ทันเวลา แถมยังตกลงในพุ่มไม้พอดี ก็เลยมีแค่รอยบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีบาดแผลไฟไหม้ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะรู้สึกตัวครับ”
อนุภัทรทอดสายตามองไป เห็นว่าคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงก็คืออิศร์นั่นเอง
“แต่ผมคงต้องรบกวนให้โรงพยาบาลปิดเรื่องของอิศร์ไว้ก่อนนะครับ เพี่อความปลอดภัยของเขา”

หมอพยักหน้าเข้าใจ

อริสราใส่ชุดดำเดินออกมาหน้าบ้านอำพลกับสาวใช้ที่ถือถาดของใส่บาตร ไอศูรย์เดินสวนเข้ามา

“จะไปไหนกัน”
สาวใช้หลบวูบ ไม่กล้าพูดกลัวไอศูรย์โมโห อริสราไม่ตอบจะเดินผ่านไป
ไอศูรย์ดึงแขนไว้ “ผมถามว่าจะไปไหนกัน”
อริสราเค้นคำบอก “ฉันจะไปใส่บาตร...ให้อิศร์”
ไอศูรย์ยิ้มเยาะ “ก็แค่นั้นแหละ คิดว่าผมจะห้ามหรือไงถึงไม่กล้าบอก คุณอยากจะทำก็ทำไปเถอะ ทำบุญทำทานให้คนตาย กุศลแรงดี”
ไอศูรย์ยิ้มมีความสุขแล้วเดินไป อริสรากล้ำกลืนน้ำตาคลอ แล้วเดินออกไป

อริสรายืนสมทบอยู่กับป้าดวง พระเดินมาถึงพอดี ขณะอริสรากับป้าดวงช่วยกันตักข้าว ประเคนของ อยู่ๆ ก็มีอีกมือยื่นเข้ามาช่วย ทั้งสองหันไปมอง เป็นไอริณในชุดดำไว้ทุกข์ ท่าทางเศร้าโศกเช่นกัน ยืนอยู่ข้างๆ
“ให้ริณใส่บาตรด้วยนะคะ”
อริสรากับป้าดวงอึ้งๆ แต่เห็นสีหน้าเป็นทุกข์ของไอริณก็เห็นใจกัน ขยับให้ไอริณช่วยใส่
ทั้งสามคนช่วยกันใส่บาตรเสร็จ มากรวดกรวดน้ำให้อิศร์อย่างเงียบๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“ตกลงคุณอำพลจะให้ป้าจัดการยังไงคะ เรื่องงานศพคุณอิศร์” ป้าดวงถอนสะอื้นเบาๆ)
“คุณพ่อไปตามเรื่องอยู่ค่ะ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเจอศพพี่อิศร์”
อริสราสะอื้น ปาดน้ำตา
“ใครที่เป็นคนทำแบบนี้ ตำรวจเขาจะจับตัวได้ไหม”
ไอริณสะอึก รีบเบือนหน้าหนีซ่อนความรู้สึก
“ต้องจับได้สิคะ คนชั่วที่มันทำกับคุณอิศร์ต้องได้รับกรรมแน่ๆ” ป้าดวงนึกได้ “คุณริณคะ แล้วคุณเรณูล่ะคะ”
“คุณแม่ถือศีลอยู่ค่ะ ริณเลยยังติดต่อไม่ได้ คงต้องรอให้คุณแม่ติดต่อมาเอง”
ป้าดวงกับอริสราเศร้า แต่ไอริณทอดถอนใจเป็นทุกข์เหลือเกิน

แพรพลอยเดินเหม่อลอยอยู่ในมูลนิธิ นัยน์ตาแห้งแล้งเหมือนคนอดนอน คิดถึงตอนที่อิศร์กับตัวเองแช็ทแหย่กันทางไอแพด ตอนเช็ดตัวให้อิศร์ ช่วยกันทาสี และตอนที่อิศร์กับแพรพลอยแกล้งเขียนหน้ากันไปมา
แพรพลอยทำตาร่วงคิดถึงอิศร์เหลือแสน อัมพาเดินเข้ามา
“แพร”
แพรพลอยรีบเช็ดน้ำตา แต่อัมพาก็ยังเห็นอยู่ดี เลยเดินเข้ามาหา
“ไปกินอะไรซะบ้างเถอะลูก”
“แพรไม่หิวค่ะ”
“ไม่กินไม่นอนแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายจนได้ แล้วนี่แพรไม่ไปทำงานเหรอ”
“แพรลางานค่ะ ตั้งใจว่าจะแวะไปถามข่าวคุณอิศร์จากผู้กองอนุภัทรว่าเจอเขาหรือยัง”
“ถ้าเขายังไม่ติดต่อมาก็อาจจะยังไม่เจอ คิดในแง่ดีคุณอิศร์อาจจะหนีไปได้”
อัมพายิ้มให้ความหวัง แพรพลอยกอดอัมพา สบายใจขึ้น
เสียงกรณ์ดังขึ้นมา “แพร! แม่!”

แพรพลอยกับอัมพาเดินเข้ามาในบ้านพัก เห็นกรณ์อยู่กับตำรวจ หน้าตาตื่น
“คุณแพรพลอย เราขอจับกุมคุณในข้อหาฆาตกรรมคุณอิศร์ เดชโชดม ขอเชิญไปที่โรงพักด้วยครับ”
แพรพลอยตกใจ อึ้ง ตำรวจเข้ามารวบตัวใส่กุญแจมือ อัมพากับกรณ์ตกใจ
“ค...คุณตำรวจ เดี๋ยวก่อน อะไรกันคะ”
“ไม่จริงนะครับ พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว”
“เมื่อคืนวานมีพยานเห็นคุณไปที่งานศพที่คุณอิศร์เป็นเจ้าภาพ และโต้เถียงกันก่อนคุณอิศร์เสียชีวิต”
แพรพลอยมึนงง พูดอะไรไม่ออก ตำรวจนำตัวออกไปเลย
“แพร” อัมพาจะร้องไห้
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ แพรไมได้ทำ แพรไม่ได้ทำจริงๆ”
แพรพลอยพูดก่อนถูกนำตัวออกไป อัมพาแทบทรุด กรณ์ประคองไว้

อัมพา กรณ์ คุยกับแพรพลอยผ่านลูกกรงห้องขัง บนโรงพัก
“ทนายของคุณเมย์พยายามยื่นประกันตัว แต่ทางตำรวจไม่ให้ บอกว่าคดีนี้เป็นคดีใหญ่ ตอนนี้เขากำลังออกหมายจับมิสเตอร์ลีเหมือนกัน”
“โธ่ แพร ลูกแม่”
อัมพาร้องไห้ จับมือแพรพลอยผ่านนอกกรง
“แต่แพรไม่ได้ทำ เรามั่นใจ”
“แพรจะทำร้ายคุณอิศร์ได้ยังไง” น้ำเสียงหล่อนสั่นเครือ
อัมพาสะอื้นไม่หยุด แพรพลอยจับมือแม่ปลอบโยน
“ไม่ต้องห่วงนะคะแม่ แพรมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่ว่าเขาจะขังแพรไปอีกกี่เดือนกี่ปี แต่แพรก็เชื่อว่าความจริงจะต้องเปิดเผยในที่สุด”
อัมพาสะอื้นไห้ให้แพรพลอยผ่านลูกกรง

เวลาเดียวกันไอศูรย์เรียกประชุมทุกคนในบ้าน
“ตอนนี้ตำรวจจับตัวแพรพลอยไป แล้วเพราะสงสัยว่าจะรับคำสั่งจากมิสเตอร์ลีมาเก็บเจ้าอิศร์”
“หนูแพรน่ะเหรอ จะเป็นไปได้ยังไงกัน” อำนวยท้วง
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ครับอา ก็ไอ้มิสเตอร์ลีมันต้องการฆ่าอิศร์ มันถึงดึงตัวแพรพลอยไปเพื่อวางแผนเข้าถึงตัวอิศร์ไงล่ะ”
ไอริณไม่เชื่อ สะบัดหน้าพรืด
“แต่อิศร์ตายจริงหรือเปล่าเราก็ยังไม่รู้” อริสราว่า
“จนป่านนี้คุณยังจะละเมอเพ้อพกว่ามันยังมีชีวิตอยู่อีกเหรออริส ตี่นได้แล้ว! ชีวิตเราทุกคนในบ้านนี้ต้องดำเนินต่อไป ไม่ใช่เวลามาเศร้าโศก”
ไอริณทนฟังไม่ไหว ลุกพรวด
ไอศูรย์ไม่พอใจ “แกจะไปไหนยายริณ”
“ก็ไปดำเนินชีวิตต่อไงล่ะคะ เดี๋ยวชีวิตริณจะกลับสู่สภาพปกติไม่เร็วทันใจพี่”
ไอศูรย์ปราดจะเข้าเล่นงานไอริณ เงื้อมือจะตบ
“แกอย่ามาอวดดีกับฉันนะ”
อำพลขึ้นเสียงดุ “ไอศูรย์”
ไอศูรย์ลดมือลงอย่างขัดใจ ไอริณเดินหนีไป
ป้าดวงถามขึ้น “แล้วเรื่องงานศพคุณอิศร์ล่ะคะ จะเอายังไงกัน”
“แต่พี่อำพลบอกว่าตำรวจยังไม่เจอศพอิศร๋ใชไหม ถ้าอิศร์เขายังไม่ตายล่ะ” อำนวยถาม
ไอศูรย์ฉุนเฉียว “ก็ผมบอกแล้วไงว่ามันตายไปแล้ว มันอาจจะถูกระเบิดชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนหาไม่เจอก็ได้”
อริสราสะดุดหู “ทำไมคุณถึงแน่ใจขนาดนั้น”
ไอศูรย์อึ้ง ไม่กล้าพูดอะไรต่อ อำพลตัดบท
“เอาล่ะๆ รอไปซักหน่อยก็ได้ อีกสองวันตำรวจคงจะยืนยันได้”

ไอศูรย์หงุดหงิดที่เห็นทุกคนยังไม่เชื่อว่าอิศร์ตายแล้ว

ด้านอิศร์นอนหลับอยู่ตามลำพัง เริ่มออกอาการกระสับกระส่ายทีละนิดๆ แล้วผวาตัวแรงขึ้นเหมือนฝันร้าย

ในหัวเขานึกถึงเหตุการณ์ตอนเขาขับรถหนีคนร้าย โดยอิศร์ขับรถหนีคนร้ายที่ไล่ยิง เลยขับรถชนคนร้าย จากนั้นอิศร์ขับรถมาจนถึงถนนตรงจุดที่ทิตาดักรออยู่ แล้วจุดไฟราดน้ำมัน ไฟพุ่งเข้าหน้ารถอิศร์
อิศร์ดิ้นอย่างรุนแรง ลุ้นสุดขีด ภาพเหตุการณ์ผุดขึ้นในความคิดเขาอย่างต่อเนื่อง ลูกไฟมวลขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาที่รถ อิศร์ตัดสินใจเปิดประตู พุ่งตัวออกจากรถลงจากไหล่ถนนอย่างเฉียดฉิว รถระเบิดตูม
พยาบาลเปิดประตูเข้ามา เห็นอิศร์ดิ้นรนกระสับกระส่ายใหญ่ ก็ตกใจรีบวิ่งออกไปตามหมอ

ฟากอริสราสะอื้นคิดถึงอิศร์ ไอศูรย์เปิดประตูเข้ามา
“ยังเล่นบทโศกไม่เลิกอีกเหรออริส ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าผัวตัวเองตายบ้าง คุณจะเสียใจเท่านี้ไหม”
อริสราปาดน้ำตา “ถ้าอยากรู้คุณตายซะทีสิ”
ไอศูรย์กระชากอริสราเข้ามาใกล้
“คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่เป็นต่อผมอีกแล้ว เพราะตอนนี้ไอ้อิศร์มันก็ไม่อยู่แล้ว คุณไม่มีเหตุผลต้องทิ้งผมไปอีกแล้ว”
“คุณคิดว่าอิศร์เป็นเหตุผลเดียวที่ฉันจะทิ้งคุณงั้นเหรอ” อริสราเหยียดยิ้มอย่างรังเกียจ “คุณนี่มันโง่สิ้นดี”
ไอศูรย์ชะงัก เสียเซ้ลฟ์ เพราะคิดว่าเข้าใจถูกมาตลอด
“ฉันอยากไปจากคุณ ก็เพราะว่าฉันไม่ได้รักคุณ ต่อให้ไม่มีอิศร์ฉันก็ไม่อยากอยู่กับคุณ”
“แต่คุณต้องอยู่ คุณจะไปไหนได้ พ่อญาติพี่น้องคุณก็ไม่มี จะมีผู้ชายซักกี่คนที่มันอยากได้แม่ม่ายที่เหลือแต่ตัว”
อริสราเจ็บใจตบหน้าไอศูรย์เต็มแรง ไอศูรย์โกรธจับแขนอริสราบีบ
“คุณเป็นเมียผมแล้ว ก็ต้องเป็นตลอดไป ชั่วชีวิต”
ไอศูรย์พุ่งเข้ากอด ซุกไซ้อริสราซึ่งกรีดร้องขัดขืน แต่ก็ไม่อาจต้านแรงรักแรงแค้นของเขาได้ อริสราโดนปล้ำอีกแล้ว

อิศร์ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับอาการปวดหัว พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นอนุภัทร
“อิศร์! แกเป็นยังไงบ้าง”
อิศร์กะพริบตาถี่ เรียกสติตัวเองกลับมา แล้วพยายามลุกขึ้น อนุภัทรรีบประคอง เอาน้ำให้กิน
“ฉันยังไม่ตายเหรอวะ”
อนุภัทรหัวเราะออกมา “ยังสิวะ แกจำไม่ได้หรือไงว่าแกรอดมาได้ยังไง”
อิศร์หลับตานิ่ง เหตุการณ์ร้ายผุดขึ้นมาแว้บๆ
“ฉันโดดหนีออกมา”
“ใช่ แล้วเมื่อตอนเช้ามืดมีคนแถวนั้นไปเจอ เขาก็เลยรีบพาแกส่งโรงพยาบาล หมอจำได้ว่าแกเป็นเจ้าของไข้กรองทองก็เลยรีบโทร.หาฉัน”
อิศร์นิ่งไป อนุภัทรแปลกใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่า แกปวดหัวเหรอ”
อิศร์เค้นคำพูดออกมาอย่างเจ็บปวด “คุณแพร...คุณแพรทำ”
“อะไรวะ”
อิศร์เจ็บปวดใจ จนน้ำตาคลอ “คุณแพรพยายามจะฆ่าฉัน”

เลขามิสเตอร์ลีกับทนายเดินเข้ามาบนโรงพักเพื่อพูดคุยแพรพลอย
“มิสเตอร์ลีสั่งให้ผมมาดูแลคุณ”
“เขาเป็นยังไงบ้างคะ ฉันไม่ได้ทำนะ”
“ท่านปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าคุณทำก็เป็นความขัดแย้งส่วนตัว”
“ไม่! ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันไม่ได้ทำ! ฉันไม่ได้ฆ่าเขา”
“งั้นคุณก็ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจของคุณเอง ทางของเราไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย เพราะมันจะมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ของบริษัท”
“แต่ว่าฉัน...”
เลขาตัดบท “ผมจะส่งสัญญาเลิกจ้างและเงินเดือนที่เหลือทั้งหมดของคุณไปให้ที่มูลนิธิ”
จากนั้นเลขากับทนายเดินออกไปเลย แพรพลอยอึ้ง

อิศร์เหม่อลอย หลังจากพูดออกไป
“แกเข้าใจผิดแล้วเว้ยอิศร์ คุณแพรไม่ได้ทำอย่างนั้นแน่”
“แต่ฉันเห็นเขาอยู่ที่นั่น”
อนุภัทรท้วง “แกแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นคุณแพร ไม่ใช่คนอื่น ไม่ใช่ไอ้นักฆ่าหญิงที่มันตามล่าแกอยู่”
อิศร์อึ้ง นึกถึงภาพตอนที่เห็นทิตาอยู่ไกลๆ เข้ามาแว่บๆ
อนุภัทรเห็นอิศร์นิ่งไปเพราะความไม่แน่ใจ ก็พูดต่อ
“อิศร์ ถึงฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น ฉันก็มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่มีทางที่คุณแพรจะทำร้ายแก”
อิศร์ทำหน้างง มองอนุภัทรเหมือนสงสัย
เสียงกรองทองดังขึ้น “ใช่ค่ะ เพราะคนที่ทำร้ายคุณอิศร์อยู่ใกล้ตัวมากกว่านั้น”
อิศร์กับอนุภัทรหันไปมอง เห็นกรองทองในชุดคนไข้เดินเข้ามา
“กรองทอง”

อิศร์ทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจปนกัน

ฟากอำพลเดินเข้ามาในบ้านอิศร์ มองดูรูปเดชนิ่ง ไอศูรย์ตามเข้ามา

“เป็นไงครับคุณพ่อ คิดเอาไว้หรือยังว่าจะรีโนเวทบ้านหลังนี้ยังไง”
อำพลมองไปรอบๆ อย่างระแวง
“แกจะมาพูดบ้าอะไรที่นี่ เกรงใจปู่แกบ้าง”
ไอศูรย์เงยหน้ามองรูปเดช
“คุณปู่คงไปเกิดนานแล้วล่ะคุณพ่อ เผลอๆ หรือไม่ก็กำลังนั่งรอไอ้อิศร์ปีนต้นงิ้วให้เสร็จ จะได้จูงกันไปเกิดเป็นปู่หลานกันอีกซักชาติ ฮะๆๆๆ”
ไอศูรย์หัวเราะสะใจแล้วเดินออกไป อำพลถอนใจกับความกร่างของลูกชาย พอหันกลับมาดูรูปเดช ก็รู้สึกเหมือนถูกรูปพ่อมองมาด้วยสายตาตำหนิ แกมสมเพชเวทนา
อำพลไม่กล้าสบตากับรูปเดช เดินเลี่ยงไป

กรองทองนั่งคุยกับอิศร์และอนุภัทร น้ำตาไหล
“กรองรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อแล้ว ในที่สุดมันก็ทำสำเร็จจนได้ มันตั้งใจจะฆ่ากรองกับพ่อเพื่อปิดปาก ไม่ให้คุณอิศร์รู้ว่าใครกันแน่ที่ปองร้ายคุณมาตลอด”
“ใคร”
“คุณไอศูรย์กับคุณอำพลค่ะ” กรองทองบอกเสียงเข้ม
อิศร์ตกตะลึงแทบช็อก กรองทองสะอื้นออกมาอีก
“กรองรู้เรื่องนี้เพราะคุณไอศูรย์กับพ่อคุยกันเรื่องวางแผนฆ่าคุณอิศร์ แต่กรองไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวพ่อจะติดคุก กรองขอโทษนะคะ”
กรองทองยกมือไหว้แล้วจะก้มลงกราบ แต่อิศร์ประคองไว้
“อย่ากรอง”
กรองทองยิ่งร้องไห้หนัก สะเทือนใจใหญ่หลวง “พวกเขาสองคนพ่อลูก วางแผนกำจัดคุณอิศร์มาตลอดนะคะ เพราะเขาอยากได้สมบัติของคุณอิศร์ แล้วคุณไอศูรย์ก็กลัวคุณอริสจะทิ้งเธอไป”
“แสดงว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับอิศร์...” อนุภัทรพูดเป็นเชิงถาม
“ใช่ค่ะ พ่อรู้เห็นทุกอย่าง ตอนนี้พ่อถึงรับกรรมอย่างสาสม กรองทองเองก็ต้องรับผิดชอบที่ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้” กรองทองร้องไห้โฮ
“อย่างนี้นี่เอง คุณแพรถึงบอกว่ามิสเตอร์ลีไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
อิศร์งงอีกรอบ “คุณแพรบอกแกเหรอ”
“ใช่ นี่แหละคือเหตุผลที่คุณแพรทิ้งแกไปทำงานที่นั่น เธอต้องการสืบว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังแผนฆ่าแก”
อิศร์อึ้ง นิ่งงันไป
“คุณแพรสืบมาตลอดจนล่าสุดที่คุยกับฉัน เธอบอกว่านักฆ่าหญิงที่ตามฆ่าแกแอบพบกับนายสมชาย บอดี้การ์ดคนใหม่ของแก ทั้งหมดมันวนกลับมาเจอกันอย่างนี้เอง”
อิศร์อึ้งอีก “สมชายเหรอ”
“ใช่ นายสมชายที่พี่ชายกับลุงส่งมาอารักขาแกนั่นแหละ” อนุภัทรว่า
อิศร์ได้แต่นั่งอึ้ง โทรศัพท์อนุภัทรดังขึ้น
อนุภัทรหยิบมาดู ตกใจ “ตายล่ะ ยายเมย์มา! แกหลบไปก่อนนะ”

มายาวีเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาใกล้ๆ กับจุดที่พวกอิศร์นั่งอยู่ไม่รู้ตัว

“ผู้กอง แหม กว่าจะรับสายได้นะ”
อนุภัทรเดินเลี่ยงออกมา คุยโทรศัพท์อย่างร้อนใจ
“คุณมาทำไมที่นี่”
“ก็มีเรื่องด่วนน่ะสิ ออฟฟิศคุณเขาบอกว่าคุณอยู่ที่นี่ คุณมาทำอะไร มาเยี่ยมกรองทองเหรอ แล้วนายอิศร์ล่ะ เจอหรือยัง”
อนุภัทรอึกอัก คิดข้ออ้างไม่ออก แต่มายาวีเดินอยู่ข้างหลังไกลๆ พอดี
“ว้ายนั่น ฉันเห็นคุณแล้ว”
อนุภัทรตกใจหันไปเห็นมายาวีวิ่งเข้ามาหา อนุภัทรรีบเบรก
“หยุ๊ด! จะไปไหน”
“คุณคุยอยู่กับใครน่ะ ฉันเห็นแว้บๆ”
“เอ้อ ป...เปล่านี่”
อนุภัทรยืนบังอยู่ เห็นอิศร์กับกรองทองซ่อนอยู่หลังตึกใกล้ๆ มายาวีทำท่าจะชะเง้อคอมอง อนุภัทรพยายามบังก็แล้วไม่รู้จะทำยังไง เลยโผกอดมายาวี
“ว้าย ทำอะไรนะ”
อนุภัทรกอดแน่น “ผ...ผมคิดถึงคุณ คิดถึงจังเลย”
“จะบ้าเหรอ ปล่อยฉัน”
“ไป เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่านะคุณนะ แถวนี้ร้อน”
“นี่ ประเจิดประเจ้อ คุณจะมากอดฉันทำไม”
“หรือจะให้จูบจ๊ะ จูบก็ได้นะ” ผู้กองยื่นหน้ามาทำท่าจะจุ๊บปากอีกต่างหาก
มายาวีเอากระเป๋ายันอกอนุภัทรออก แล้วตีเข่าเต็มแรง
“อีตาบ้า! มัวแต่เล่นอยู่ได้ ฉันมีเรื่องด่วนนะ”
อนุภัทรจุกเจ็บ กุมเป้า “อูย เรื่องอะไร”
“คุณแพรถูกตำรวจจับไปแล้ว ข้อหาฆ่านายอิศร์”
อนุภัทรอึ้ง อิศร์ทนไม่ไหว โผล่พรวดออกมาทันที
“อะไรนะ คุณแพรถูกจับเหรอ”

มายาวีแทบช็อก ที่เห็นทั้งอิศร์และกรองทองตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้า

อ่านต่อหน้า 2

บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 14 (ต่อ)

มายาวีรู้ทุกเรื่องจนหมดไส้แล้ว กำลังโวยวายใส่อนุภัทรอย่างงอนๆ

“ทำไมต้องปิดบังฉันด้วย เห็นฉันเป็นคนอื่นคนไกลหรือไง”
“ไม่ใช่อย่างงั้นน่า อนุภัทรมันยังไม่อยากให้เรื่องแพร่งพรายออกไป เพื่อความปลอดภัยของฉันกับกรอง” อิศร์อธิบาย
“ฮึ เห็นฉันปากมากล่ะสิ”
“ใช่ เอ๊ย ! ไม่ใช่ คนอะไรว่าตัวเองก็เป็น”
อนุภัทรเข้ามา สีหน้าเครียด
“ตอนนี้คดีของแกถูกโอนไปที่หน่วยฉันแล้วล่ะ เพราะเป็นคดีใหญ่ พรุ่งนี้ตำรวจจะส่งตัวคุณแพรไปให้เจ้าหน้าที่สอบสวน”
“ผู้กองต้องช่วยคุณแพรนะคะ คุณแพรไม่เกี่ยวจริงๆ” กรองทองบอก
“ฉันคงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะฉันกับคุณแพรรู้จักกัน มันผิดวินัย”
“งั้นฉันจะไปปรากฏตัวล้างผิดให้คุณแพร”
มายาวีห้าม “ไม่ได้นะ ถ้าแกโผล่ไปตอนนี้ นายไอศูรย์มันรู้ว่าแกยังไม่ตาย แกก็โดนตามล่าอีกแน่”
“ฉันไม่สน ฉันต้องปกป้องคุณแพรบ้าง”
อนุภัทรเห็นด้วยกับคุณหนูไฮโซ “อย่าเพิ่งวู่วามน่าอิศร์ ถ้าคุณแพรบริสุทธิ์ซะอย่าง ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้หรอก หน้าที่ของแกตอนนี้คือระวังตัวเองให้ปลอดภัย เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณแพรพยายามทำเพื่อแกมาตลอดนะโว้ย”

อิศร์เข้ามาในเซฟเฮ้าส์ที่มายาวีจัดการให้ มีอนุภัทร มายาวี และกรองทองตามเข้ามา
“บ้านหลังนี้พ่อฉันซื้อไว้ปล่อยเช่า มันอยู่แถบชานเมือง ไม่มีใครสังเกตนายกับกรองทองแน่”
“จะให้ฉันนั่งจับเจ่าอยู่อย่างนี้ทั้งที่คุณแพรกำลังเดือดร้อน ฉันทำไม่ได้หรอก”
มายาวีระอา “ดื้อจริงเลย”
อิศร์อ้อน “ฉันอยากเจอคุณแพร ฉันคิดถึง เป็นห่วง อยากขอโทษด้วย”
มายาวีแขวะ “อยากหลายอย่างไปละ เก็บไว้ก่อน”
อิศร์หน้ามุ่ย เดินหนีไปนั่งเหมือนเด็กๆ อนุภัทรส่ายหน้าอ่อนใจ
“เอางี้ ถ้าแกอยากเจอจริงๆ ฉันจะให้แกไปเจอ แต่แกต้องระวังตัว อย่าให้ใครเห็นว่าเป็นแกเด็ดขาด เพราะเราไม่รู้ว่าพวกนายไอศูรย์จับตามองอยู่หรือเปล่า อย่าลืมว่าพวกเรายังไม่เจอศพแก”

ณ สถานที่เปลี่ยว ในวันเดียวกัน ทิตาหิ้วกระเป๋าเป้เดินเข้ามาในจุดนัดพบ เห็นไอศูรย์กับสมชายรออยู่
“งานเสร็จแล้ว ฉันต้องการค่าจ้าง”
ไอศูรย์พยักหน้าให้สมชาย สมชายยื่นกระเป๋าเงินให้ ทิตาเปิดดู คำนวณด้วยสายตา แล้วปิดกระเป๋าอย่างแรง
“นี่มันไม่ครบ จะตุกติกกันหรือไง”
“ก็เพราะงานมันยังไม่เสร็จ”
“ไอ้อิศร์มันก็ตายไปแล้ว หรือคุณจะรอเห็นศพก่อน ฉันไม่มีให้หรอก ศพโดนระเบิด ถ้าไม่เป็นตอตะโก ป่านนี้ก็คงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย”
“เรื่องไอ้อิศร์ ฉันไม่ห่วงเท่าเรื่องนังแพรพลอยหรอก ตอนนี้คดีไอ้อิศร์มันกลายเป็นคดีใหญ่ไปแล้ว จะต้องมีการสอบสวนอย่างหนักแน่ ถ้าตำรวจเจอพิรุธ แพรพลอยมันอาจจะหลุด แล้วทุกอย่างมันก็จะย้อนมาหาฉัน”
ทิตาอึ้ง นิ่งงันไป
“พรุ่งนี้จะมีการส่งนำตัวแพรพลอยไปหน่วยสืบสวน เธอต้องตามไปปิดปากมัน ในฐานะคนของมิสเตอร์ลี”
ไอศูรย์จ้องทิตาอย่างเยือกเย็น

ที่หน้าสำนักงานสืบ มีนักข่าวพลุกพล่านรอทำข่าว ตำรวจเดินไปเดินมา มายาวีกระวนกระวายรออยู่มุมหนึ่ง อนุภัทรเดินเข้ามา
“คุณแพรใกล้จะมาถึงหรือยัง”
“ยัง กำลังจะออกจากสน. แล้วไอ้อิศร์ล่ะ”
“ไม่รู้ โทร.หาไม่ติด หรือว่านอนตื่นสายเลยเบี้ยวไม่มาแล้วมั้ง”

อนุภัทรส่ายหน้า ถอนหายใจอย่างระอา

ที่หน้าสถานีตำรวจเวลานั้น ผู้คนพลุกพล่าน เห็นนักข่าวยืนรายงานข่าวอยู่หน้ากล้องทีวีช่อง 7 สี

“ในตอนเช้าวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนางสาวแพรพลอย พรรณรี ผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่านายอิศร์ เดชโชดมไปยังหน่วยสืบสวนพิเศษ เพื่อทำการสอบปากคำอีกครั้ง ความคืบหน้าจะเป็นอย่างไรเราจะนำเสนอให้ทราบต่อไปค่ะ”
ที่หน้าสถานี เห็นแพรพลอยถูกตำรวจคุมตัวออกมา
อัมพากับกรณ์ชะเง้อมองอยู่ใกล้ๆ ประตูพร้อมกับพวกไทยมุง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยกัน
“แพร...แพรลูกแม่”
อัมพาปาดน้ำตา พยายามยื่นมือให้แพรพลอยจับ
แพรพลอยมองอัมพากับกรณ์อย่างสลด แต่จับไม่ได้ เพราะถูกใส่กุญแจมือและมีตำรวจขนาบข้างตำรวจนำตัวแพรพลอยไปที่รถลูกกรง นักข่าวกรูกันถ่ายภาพ
ที่หัวมุมถนนไม่ไกล มีมอเตอร์ไซค์สีดำคันหนึ่งแล่นมาจอดรอดู คนขับแต่งดำทั้งชุด ท่าทางดูน่าสงสัย

ที่ถนนชานเมืองสายเปลี่ยว กลุ่มรถตำรวจซึ่งประกอบด้วยรถติดไซเรน วิ่งนำรถเคลื่อนย้ายผู้ต้องหา
ซึ่งในรถแพรพลอยนั่งอยู่มุมหนึ่ง ใส่กุญแจมือ มองออกไปนอกลูกกรง

ขบวนรถตำรวจขับผ่าน ทิตามองตามขบวนรถ พยักหน้าให้สมชายและลูกน้อง ทุกคนพรางตัวคล้ายๆ กับอิศร์ คือสวมดำทั้งหมด
สมชายพาดปืนลูกซองลำกล้องเรียบขึ้นบ่า แล้วขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ลูกน้องคนหนึ่ง ทิตาขึ้นรถตู้ ลูกน้องเลื่อนประตูปิด ที่ประตู เป็นโลโก้ “Lee Development” (ลีเดเวลลอปเม้นท์) ของมิสเตอร์ลี
รถตู้และมอเตอร์ไซค์สมชายเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว

แพรพลอยนั่งนิ่งตั้งสติ มองไปนอกลูกกรง พลันเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นตามมาอย่างผิดสังเกต
“จ่าไม่ได้แจ้งขนย้ายผู้ต้องหากับทางหลวงใช่ไหมคะ”
จ่าตำรวจในรถชื่อ ประสิทธิ์ เห็นแพรพลอยดูมีอาการผิดปกติ
“จะหาทางหนีเหรอ ไม่มีทางหรอก”
“ไม่ใช่ค่ะ จ่าดูนั่น”
แพรพลอยชี้ให้ดู ตำรวจยิ้ม ไม่ชำเลือง
“ผมไม่หลงกลคุณหรอก”
“จ่า ระวัง”
แพรพลอยพุ่งเข้าหา จ่าตำรวจตกใจคิดว่าแพรพลอยจะต่อสู้ จึงถีบแพรพลอยออก
“อย่าแม้แต่จะคิด”
“คนคิดทำร้ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มีแต่พวกชั่วเท่านั้นแหละ”
จ่าประสิทธิ์มองแพรพลอยงงๆ
ทันใดนั้น เปรี้ยง! เสียงปืนดังขึ้น แหวกเข้ามาในรถลูกกรง
“จ่า หลบ” แพรพลอยพุ่งรวบตัวจ่าให้หมอบลงพื้น

มอเตอร์ไซค์คนร้ายที่สมชายซ้อนมา ขี่ขึ้นมาเทียบรถลูกกรง ยิงกระหน่ำเข้ามา ตำรวจยิงสู้ แต่แล้วโดนปืนของสมชายเจาะทะลุตัวถังรถ เข้าช่องท้องจ่าประสิทธิ์
“จ่า”
จ่าฟุบลงกับพื้นรถ แพรพลอยจับพลิกมา พบว่าจ่าบาดเจ็บหนัก เลือดแดงฉานออกเต็มช่องท้อง
“พวกมัน...”
“ฉันไม่รู้พวกมันเป็นใคร แต่จ่าต้องไปโรงพยาบาล”
แพรพลอยพยายามห้ามเลือดให้จ่า แต่ไม่ถนัด จ่าหายใจรวยริน แพรพลอยดึงวิทยุของจ่าออกแล้วกดส่งวิทยุพูดออกไป
“จ่าโดนยิงค่ะ อย่าหยุดรถนะคะ อย่าเพิ่งย้ายฉัน เราต้องไปโรงพยาบาล”

ตำรวจที่นั่งในรถลูกกรง หันไปมองช่องมองด้านหลัง
“จ่าสิทธิ์โดนยิง”
ตำรวจที่ขับรถ ตกใจ
ที่ด้านข้างรถ สมชายซ้อนมอเตอร์ไซค์ลูกน้องตีคู่ขึ้นมา เล็งปืน มาทางตำรวจที่ขับรถ แล้วยิงปัง
รถลูกกรงเสียการควบคุม ส่ายไปส่ายมาน่าหวาดเสียว

ในลูกกรงแพรพลอยกดห้ามเลือดให้จ่า
“ทำใจดีๆไว้จ่า อดทนไว้”
“คุณช่วยผมทำไม คุณเป็นผู้ต้องสงสัย...”
“จ่าสงสัยในตัวฉัน แต่ฉันไม่สงสัยตัวเอง ฉันยืนยันกับตัวเองว่าฉันไม่เคยทำชั่ว ถึงฉันจะโดนจับ แต่ฉันเคารพกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมต้องทำงานอย่างเป็นอิสระ”
“แล้วไอ้พวกที่มา...”
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันจะไม่หนีคดี”
รถเหวี่ยงไปซ้ายขวาอย่างรุนแรง แพรพลอยช่วยตำรวจอย่างทุลักทุเล
ในรถฝั่งคนขับ ตำรวจซึ่งโดนยิงเข้าที่หน้าอก จะฟุบไม่ฟุบแหล่ เพื่อนตำรวจอีกคนช่วยจับพวงมาลัยไว้

อีกมุมบนถนน มอเตอร์ไซค์ลูกน้องและสมชายเร่งเครื่องขึ้นหน้า ตำรวจที่อยู่ในรถกระบะนำขบวน ยิงปืนออกมาจัดการคนร้าย ลูกน้องซิ่งมอเตอร์ไซค์เร่งขึ้นหน้าหนีวิถีกระสุน
รถตู้ทิตาแล่นตามขึ้นมา ประตูรถตู้เปิดกว้าง ทิตาประทับปืนลูกซองสั้น ส่องเปรี้ยงๆ ใส่รถนำขบวนอย่างแม่นยำ

รถนำขบวนโดนยิงยางระเบิด เสียหลักแล้วพุ่งเข้าลงป่าข้างทาง ดังโครม!

แพรพลอยชะโงกมองด้านนอกลูกกรง เห็นว่ารถนำพุ่งเข้าป่าชนกับต้นไม้จอดสนิทไปแล้ว รถลูกกรงที่ควบคุมแพลพลอยส่ายไปมา

มอเตอร์ไซค์ลูกน้องทิตาที่เคยแล่นนำหน้า ลดความเร็วช้าลงแล้วตีหมุนย้อนกลับมา สมชายยืนขึ้น แล้วเล็งปืนมาที่รถลูกกรง ยิงเปรี้ยง เปรี้ยง เจาะยางล้อหน้าทั้ง 2 ข้าง แตกกระจุย
เพื่อนตำรวจช่วยคนขับประคองพวงมาลัย แต่แรงยางระเบิดทำให้รถพุ่งทิ่มแบริเออร์ข้างทาง รถจอดแน่นิ่งสนิท แพรพลอยตั้งสติ นิ่งมากขึ้น รู้ว่าใกล้เวลาวิกฤติ
“จ่า...” จ่ามองหน้าแพรพลอย

รถลูกกรงจอดนิ่งสนิท มีรถตู้ปราดมาขวางหน้า มอเตอร์ไซค์ที่สมชายซ้อนมาจอดลง ตำรวจที่อยู่หน้ารถลูกกรง ยิงกระหน่ำสวนออกมา
ทิตาและลูกน้องตั้งป้อมยิงถล่มรถตำรวจจนพรุน ส่วนในลูกกรง แพรพลอยหมอบราบกับพื้นพร้อมกับจ่า
โดยเหนือหัวแพรพลอยยามนี้ เห็นแต่ห่ากระสุนพุ่งผ่านไปมา แพรพลอยเหลียวมองที่ช่องกระจก เห็นตำรวจที่โดนยิงเลือดสาดเต็มห้องกระจก
ควันจากกระสุนปืนคลุ้งไปหมดทั้งคันรถ ทิตาลงจากรถตู้ เปิดประตูรถลูกกรง ร่างตำรวจไหลลงมา เลือดอาบ เสียชีวิตแล้ว
ทิตา สมชาย และลูกน้องมาถึงด้านหลังรถลูกกรง เห็นว่ามีกุญแจล็อคอยู่
“เอานังแพรพลอยออกมา”
สมชายเล็งปืนที่กุญแจ ยิงเปรี้ยงๆ แพรพลอยตกใจตะโกนก้อง
“จ่า ระวัง”
“แกเล่นละคร พวกแกมาช่วยแกใช่ไหม”
จ่าไม่เชื่อ หันมาเล็งปืนใส่แพรพลอย”
แพรพลอยนั่งตัวแข็ง ตกใจ หลังยันติดกับผนังลูกกรง จ่าหันหลังให้ประตูรถ
จ่าเหนี่ยวไก เปรี้ยง! แพรพลอยตาโต
ประตูรถลูกกรงเปิดออก เป็นทิตายิงเปรี้ยงเข้าหลังจ่า จ่าตาเหลือก เลือดออกปาก
แพรพลอยรีบไปดูจ่า
“จ่า”
ทิตาสั่งเข้ม “ลากมันออกมา”
สมชายและลูกน้องขึ้นไปลากตัวแพรพลอยที่ตะลึงอยู่
แพรพลอยดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต แต่มีสติฉวยกุญแจตรงเอวจ่าประสิทธิ์ ดึงออกมาได้ และกำไว้แน่น
“ปล่อยฉัน จะพาฉันไปไหน”
“ตายตรงนี้มันง่ายไป นังแพรพลอย” ทิตาคำราม
สมชายและลูกน้องลากแพรพลอยลงมาจากรถได้

แพลพลอยถูกคุมตัวอยู่หลังรถ แอบไขกุญแจมือตัวเองอยู่
สมชายโวย “ทำไมไม่ฆ่ามันซะตรงนี้”
“ตายตรงนี้ไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ตรงนี้มันจะเป็น...แพรพลอย อดีตบอดี้การ์ดสาวที่ฆ่านายเก่าตัวเอง เกิดหลบหนีระหว่างการขนย้ายผู้ต้องหา และสังหารเจ้าหน้าที่ตายเรียบ” ทิตาจ้องตาแพรพลอย
แพรพลอยโกรธ “เธอมันบ้าไปแล้วทิตา”
“เป็นนักฆ่า จำเป็นต้องมีคุณธรรมด้วยเหรอ” หล่อนสั่งการสั่งสมชาย “เอาปืนยัดใส่มือมัน ประทับรอยนิ้วมือมันไว้”
ลูกน้องจับแพรพลอยที่ดิ้นขัดขืนใหญ่ สมชายเอาปืนใส่มือแพรพลอย จับนิ้วแพรพลอยบีบกับปืนให้แน่น
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก” แพรพลอยมีปืนในมือแล้ว ยิ้มมุมปาก
ทิตาเลิกคิ้ว มีลางสังหรณ์ ใจหล่นวูบ
แพรพลอยกระชากมือทั้งสองข้างออกจากกัน เห็นว่ากุญแจมือถูกไขออกแล้ว แพรพลอยยิงกระหน่ำออกไป ทิตาม้วนตัวหลบ สมชายยิงสวนกลับ
ลูกน้อง 1 อยู่ใกล้สุด โดนแพรพลอยล็อคคอเข้ามา ลูกน้องโดนสมชายยิงตาย แพรพลอยใช้ร่างลูกน้องเป็นกำบัง แล้วหาจังหวะหลบไปข้างรถลูกกรง
ทิตา สมชาย และลูกน้องยิงกระหน่ำ แพรพลอยหลบที่ล้อ ย่อตัวลง ยิงสวนไปใต้ท้องรถ ลูกน้องคนหนึ่งโดนยิงขาทรุดลง แพรพลอยกระหน่ำ ลูกน้องดับ
สมชายส่งสัญญาณ อ้อมมาทางหน้ารถ ทิตาแยกไปข้างหลังรถ แพรพลอยระวังทางหลัง ยิงสวนต่อสู้ทิตา
ที่ด้านหลังแพรพลอยสมชายเข้ามา รวบหลังคอแพรพลอย ล็อคแน่น ทิตาเข้ามาจ่อปืน แพรพลอยหนีไม่รอด
ร่างแพรพลอยโดนกระชากมากลางถนน ทิตาจ่อปืน สมชายล็อคคอไว้
“ตอนแรกฉันก็ว่าจะทำบุญกับเธอ จะให้เธอไปตายที่เดียวกับที่ฉันจัดการนายอิศร์ แต่จิ้งจอกอย่างเธอ ตายตรงนี้ดีกว่า”
ทิตาเล็งปืน
ทันใดนั้น มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ตรงเข้ามา สมชายล็อคคอแพรพลอยไว้ แต่ก็หันตัวไปยิงสกัดมอเตอร์ไซค์
ทิตาหันไปยิงกระหน่ำ ลูกน้องที่เหลือช่วยกันยิง
มอเตอร์ไซค์คันนั้นเลี้ยวหลบซ้ายขวา ขับซิกแซกไปมาอย่างมือาชีพ แพรพลอยมองมอเตอร์ไซค์ งง ไม่รู้ว่าเป็นใครอีก
มอเตอร์ไซค์พุ่งเข้ามา แหวกกลางวง แล้วโยนระเบิดควันแล้วพุ่งผ่านไป
มอเตอร์ไซค์ไปตั้งหลักที่มุมหนึ่ง คนขับใส่หมวกกันน็อคพร้อมชุดหนังป้องกันครบเช็ต จัดเต็ม หล่อ เท่ สุดๆ
ลูกน้องทิตากระเจิงออกท่ามกลางหมอกควัน
ท่ามกลางควัน แพรพลอยได้จังหวะ ซัดศอกเข้าหน้าสมชายเต็มแรง แล้วบิดตัว ต่อสู้กับสมชายจนหลุดรอดมาได้
ทิตาและสมชายเจอควัน ยิงสะเปะสะปะ
มือบนแฮนด์มอเตอร์ไซค์ บิดคันเร่งบรื้นนนๆ
ทิตายิงจนหมดแม็ก ทิ้งปืนสั้นคว้าลูกซองจากลูกน้อง แล้วเล็ง มอเตอร์ไซค์เร่งเครื่องพุ่งตรงมา
แพรพลอยวิ่งฝ่าควันออกมา สวนทางกับมอเตอร์ไซค์ที่พุ่งเข้ามา
ส่วนในกลุ่มหมอกควัน ทิตาและสมชายเดินออกมา เล็ง ยิงตามหลังแพรพลอยไม่ยั้ง
มอเตอร์ไซค์ตีวงหมุนรอบตัวแพรพลอย คนขับหมุนมอเตอร์ไซค์เป็นวง เพื่อป้องกันแพรพลอย
แพรพลอยยืนงงอยู่ตรงกลาง คนขับมอเตอร์ไซค์หมุนมอเตอร์ไซค์พลางยิงปืนไปทางทิตาและสมชาย
อิศร์ซึ่งใส่หมวกกันน็อคปิดหน้าเห็นแค่ตาตะโกนบอก “ขึ้นมา”
“คุณเป็นใคร”
อิศร์ไม่ตอบ ดึงตัวแพรพลอยขึ้นซ้อนท้าย แพรพลอยขึ้นซ้อนงงๆ อิศร์เร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ออกไป

ทิตาและสมชายวิ่งตามยิงกระหน่ำไล่ตามไป แต่ไม่ทันแล้ว

แพรพลอยนั่งซ้อนอยู่หลังมอเตอร์ไซค์ ใครคนหนึ่งเป็นคนขับขี่มา ใต้หมวกกันน็อค เห็นชัดว่าเป็นแววตาของอิศร์นั่นเอง

อิศร์ดึงมือแพรพลอยมาเกาะรวบทั้งตัวเขาไว้ แพรพลอยงงมาก

ไม่นานต่อมาไอศูรย์เอะอะโวยวายใส่สมชายกับทิตา อยู่ในห้องที่บ้าน
“บัดซบ พวกแกปล่อยมันไปได้ยังไง เดี๋ยวก็ได้พินาศกันหมดหรอก”
“มีคนมาช่วยมัน” ทิตาบอก
“ฉันไม่สนว่าจะมีใครหน้าไหนมาช่วยมัน ! เพราะมันเป็นหน้าที่ของแกที่ต้องหยุดพวกมันให้ได้”
อำพลได้ยินเสียงเอะอะ เดินเข้ามา
“ผมจะไปตามล่ามันเอง”
“ไปเลย ถ้าไม่ได้ศพนังนั่นมาให้ฉันดู แกก็ไม่ต้องโผล่มาที่นี่อีก” ไอศูรย์ชี้หน้าทิตา “เธอด้วย! ถ้าอยากได้เงินที่เหลือก็ทำงานให้เสร็จ”
ทิตาจ้องหน้าไอศูรย์อย่างไม่พอใจ เริ่มไม่ชอบการวางก้าม แต่ก็ออกไปกับสมชาย

อำพลฉุน เรียกไอศูรย์ออกมาตักเตือนที่พาทิตาและสมชายเข้ามาในบ้าน
“นี่แกถึงขั้นพามันเข้ามาในบ้านเลยเหรอ ประเจิดประเจ้อเกินไปแล้วนะ”
“ใครมันจะมาทำอะไรล่ะครับคุณพ่อ นี่มันบ้านเราเองแท้ๆ”
“แต่ถึงยังไงมันก็ไม่ควร พางูเห่าเข้าบ้านซักวันมันจะแว้งกัดเอา”
“ไอ้งูเห่าพวกนี้ ผมเลี้ยงไว้ฉกศัตรู มันหมดประโยชน์เมื่อไรก็จะเด็ดหัวมันทิ้งให้หมด”
ไอศูรย์ยิ้มไม่แคร์โลกแล้วเดินออกไป อำพลถอนใจหนักหน่วง รู้สึกควบคุมไอศูรย์ยากขึ้นทุกวัน

มายาวีกับอนุภัทรนำข่าวมาบอกที่มูลนิธิ อัมพากับกรณ์ตกใจ
“อะไรนะคะ รถที่แพรนั่งถูกดักโจมตี”
“แล้วแพรล่ะครับ”
มายาวีกับอนุภัทรมองหน้ากัน ท่าทีอึดอัดที่ต้องโกหก
“ยังไม่พบตัวเลยครับ มีคนพาคุณแพรไปได้”
“แปลว่าแพรหนีไป ตายแล้ว แบบนี้จะไม่ยิ่งแย่เหรอคะ ตำรวจจะยิ่งคิดว่าแพรเป็นคนทำหรือเปล่า
“ก็แย่น่ะสิคะ อุ๊บ”
มายาวีหลุดปาก ถูกอนุภัทรสะกิดให้หยุดพูด
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เราจะต้องตามตัวคุณแพรกลับมาให้ได้อย่างปลอดภัย
อัมพากับกรณ์กอดปลอบกัน อนุภัทรกับมายาวีสบตากันกลุ้มๆ แต่รู้ว่าอิศร์พาแพรพลอยหนีไป

อิศร์ขี่มอเตอร์ไซค์มาตามถนนสวยงามร่มรื่น มีแพรพลอยนั่งซ้อนท้ายไป แต่ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่าใคร
แพรพลอยชะโงกหน้าถาม “นี่คุณ คุณเป็นใคร ทำไมถึงมาช่วยฉัน”
อิศร์ขี่มอเตอร์ไซค์ต่อไปไม่ยอมตอบ แพรพลอยกระตุกเสื้อ
“ฉันถามว่าคุณเป็นใคร”
อิศร์ยังนิ่ง แพรพลอยทนไม่ไหว
“ถ้าคุณไม่บอกฉันจะลงนะ จอด! จอด”
แพรพลอยเขย่าตัวอิศร์ ทำท่าจะโดดลง
“โอ๊ยๆๆ จอดแล้วๆ ใจเย็นๆ”
อิศร์จอดรถริมถนน แพรพลอยก็โดดลงมา แล้ววิ่งไปหยิบก้อนหินขนาดเขื่อง ข้างถนนขึ้นมาจะทุ่ม
“เฮ้ย จะทำอะไร”
แพรพลอยตวาด “คุณเป็นใคร! บอกมานะ”
แพรพลอยเข้าไปขู่ใกล้ๆ อิศร์ค่อยๆ ถอดหมวกกันน็อคออกมา ยิ้มเผล่
“คุณอิศร์” แพรพลอยตัวชา ปล่อยหินหลุดจากมือ
อิศร์ยิ้ม “ในที่สุดผมก็ได้เป็นคนปกป้องคุณบ้างแล้ว ผมดีใจนะที่คุณปลอดภัย”
แพรพลอยน้ำตาคลอ ทั้งซึ้งใจและดีใจที่อิศร์ยังไม่ตาย
อิศร์ดึงตัวแพรพลอยเข้ามากอด คราวนี้แพรพลอยไม่ขัดขืน ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

ทั้งสองกอดกันอยู่อย่างดื่มด่ำ หลั่งความรักความคิดถึงให้กันและกัน กลางบรรยากาศริมถนนแสนสวย

อ่านต่อหน้า 3

บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 14 (ต่อ)

หลังจากนั้นอิศร์พาแพรพลอยมาหลบที่เซฟเฮ้าส์ พอเจอหน้าสองคน มายาวีดึงหูอิศร์เข้าบ้าน อนุภัทรกับแพรพลอยเดินตาม

“มานี่เลยๆ แกนะแก ทำเรื่องจนได้”
“ก็แกจะให้ฉันทำยังไง ตอนนั้นคุณแพรอยู่ในอันตราย ฉันก็ต้องช่วย”
“แต่แกช่วยอย่างนี้ คุณแพรยิ่งถูกเข้าใจว่าพยายามหนีคดี”
“งั้นแพรจะไปมอบตัว”
“ไม่ได้นะคุณแพร ถ้ากลับไปตอนนี้แล้วพวกพี่ศูรย์รอเล่นงานอยู่ล่ะ พี่ศูรย์ทำถึงขนาดนี้ ไม่มีทางถอยกลับง่ายๆ จนกว่าจะกำจัดเราทั้งคู่”
“แต่คุณแพรอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ”
“งั้นก็ให้ไอ้ภัทรหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้คุณแพรให้ได้ก่อนสิ ไม่มีใครเป็นพยานได้เลยหรือไงว่าพวกมันจงใจจะฆ่าคุณแพร ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยให้คุณแพรไปเสี่ยง
อนุภัทรนิ่งคิด อิศร์จับไหล่อนุภัทร พูดจริงจัง
“ภัทร แกให้ฉันมาอยู่ที่นี่เพื่อความปลอดภัยของฉัน แล้วไม่นึกถึงความปลอดภัยของคุณแพรบ้างเหรอวะ”

ภายในห้องประชุม บริษัทเดชโชดม วันหนึ่ง ไอศูรย์กับอำพลประชุมร่วมกับผู้ถือหุ้นบริษัท
ผู้บริหาร 1 เอ่ยถามขึ้น “แน่ใจแล้วหรือครับว่าคุณอิศร์เสียชีวิต”
ไอศูรย์ตีหน้าเศร้า “ผ่านมาสี่วันแล้ว ตำรวจยังไม่พบศพ แต่นายอิศร์ก็ไม่ยอมปรากฏตัว ผมคิดว่าคงไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นหรอกครับ”
ทุกคนในห้องประชุมนิ่งขึงไปตามๆ กัน
“ผมคิดว่าในสถานการณ์อย่างนี้ เราควรจะโหวตกรรมการผู้จัดการคนใหม่ เพราะการสูญเสียอิศร์ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและนักลงทุน”
ผู้บริหาร 2 แย้ง “แต่คุณอิศร์เป็นได้รับเสนอชื่อคู่กับคุณอำพลนะครับ
ทุกคนมองอำพลเป็นตาเดียว อำพลสีหน้าอึดอัด แต่ไม่พูดอะไร พยายามไม่ออกหน้า
ไอศูรย์ออกหน้า “ก็นั่นน่ะสิครับ ในเมื่อไม่มีอิศร์แล้วก็เหลือแต่คุณพ่อของผม ไม่ทราบว่ามีท่านใดต้องการจะเสนอตัวขึ้นมาชิงตำแหน่งนี้อีกหรือเปล่า”
ไอศูรย์กวาดตามองไปทั่วห้อง ทุกคนนิ่งสนิท ไอศูรย์ยิ้มออกมาอย่างพอใจ

ไอศูรย์เดินตามอำพลเข้ามาในห้องทำงาน ท่าทางสบายใจ
“ยินดีด้วยนะครับคุณพ่อ กับตำแหน่งกรรมการใหญ่อย่างเป็นทางการ ผมพาพ่อมาส่งถึงเส้นชัยจนได้ อย่าลืมขึ้นเงินเดือนให้ผมล่ะ”
อำพลถอนใจ “แต่ระหว่างเส้นทางของแก มันแลกกับชีวิตคนมากี่ชีวิตแล้วล่ะศูรย์ พ่อชักไม่แน่ใจว่ามันคุ้ม”
“จะคิดมากทำไมล่ะครับ ใครตายก็ตายไปสิ แต่เรายังอยู่ซะอย่าง ฮ่ะๆๆๆ” ไอศูรย์หัวร่อร่า
“ที่เรายังอยู่ตอนนี้ ก็เพราะความจริงข้างนอกนั่นมันยังไม่ถูกขุดคุ้ย แต่ถ้าเมื่อไรที่...”
“ไม่มีวันนั้นหรอกคุณพ่อ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาขุดคุ้ย ความจริงจะต้องตายไปพร้อมกับนังแพรพลอย!”
ไอศูรย์พูดอย่างเกรี้ยวกราด หน้าตาเหี้ยม อำมหิต!

สมชายกับไอศูรย์รออยู่แล้ว ทิตาเข้ามาจุดนัดพบย้อนถามอย่างตกใจ
“คุณจะทำอะไรนะ”
“หูตึงหรือไง คุณไอศูรย์บอกว่าเราต้องไปจับตัวแม่นังแพรพลอยมา”
“แม่? หมายถึงครูอัมพาน่ะเหรอ”
“เธอรู้จักชื่อมันได้ยังไง”
ทิตาชะงัก รีบกลบเกลื่อน “ฉันก็ต้องหาข้อมูลศัตรูฉันไว้บ้างสิ”
“นั่นแหละ แกต้องไปจับมันมา แล้วใช้มันเป็นเหยื่อล่อให้นังแพรพลอยปรากฏตัว แล้วก็เก็บพวกมันซะ”
ทิตาหน้าเครียด อึ้ง เพราะยังสำนึกบุญคุณแพรพลอยอยู่
“แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย เขาไม่ใช่แม่ลูกกันจริงๆ ด้วยซ้ำ”
“นังแพรพลอยรักยายอัมพาอะไรนั่นมาก ถ้าแม่มันโดนจับ เพราะฉะนั้นมันต้องออกมาช่วยแน่ๆ”
ทิตาตัดสินใจเด็ดขาด “ไม่! ฉันไม่ทำ”
“ว่าไงนะ” ไอศูรย์ฉุนกึก
“ที่จริงงานฉันควรจะจบตั้งแต่ฆ่านายอิศร์ตายแล้ว คุณจะไปฆ่าใครอีกก็ไม่เกี่ยวกับฉัน แล้วฉันก็ไม่ต้องการรับงานจากคุณอีกแล้ว พอกันที”
“ทิตา”
“คุณมันบ้ากว่าที่ฉันคิด ฉันไม่อยากทำงานกับคนบ้า”
ทิตาพูดใส่หน้าแล้วผลุนผลันออกไป ไอศูรย์ขบกรามแน่นไม่พอใจมาก

ค่ำนั้นแพรพลอยเทผัดผักที่เพิ่งผัดใส่ควันฉุยใส่จาน แล้วหันไปตีไข่เตรียมเจียวไข่ต่อ อิศร์เดินตามกลิ่นเข้ามาในครัว
“หอมจังเลยยย”
อิศร์ฉวยโอกาสยื่นหน้ามาหอมแพรพลอย แพรพลอยรีบเบี่ยงตัวหลบ หยิบจานผัดใส่มือ
“เอากับข้าวออกไปข้างนอกเลย แล้วก็เตรียมจัดโต๊ะด้วย”
อิศร์มองดูอาหารหลายอย่างบนโต๊ะ “หลายอย่างจัง ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะเป็นแม่ศรีเรือนขนาดนี้นะเนี่ย”
แพรพลอยตีไข่ไปพูดไป “ก็ฉันต้องดูแลตัวเองตั้งแต่เด็กนี่นา ไม่ได้มีแม่ครัวทำให้กินเหมือนคุณ”
“ผมก็ทำได้เหมือนกันล่ะน่า”
“อย่ามา”
“ไม่เชื่อลองดู เอามานี่”
อิศร์แย่งชามไข่จากแพรพลอยมาตี เปิดเตาแก๊สไฟแรง
“ไข่เจียวท่าจะให้ฟูๆ อร่อย มันต้องตีให้ขึ้นฟองอย่างนี้ อุ้ย” อิศร์ตีแรงๆๆๆ จนไข่กระเด็นใส่หน้าตัวเอง เอานิ้วป้าย “เออ อร่อยแล้ว ทีนี้ก็เท”
อิศร์เทไข่เจียวลงกระทะ แต่น้ำมันร้อนจัดกระเด็นใส่
“เฮ้ยๆๆๆ น้ำมันระเบิด ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย”
อิศร์ตกใจวิ่งหลบไปมา หลบเข้าหลังแพรพลอย
แพรพลอยทั้งขำทั้งรำคาญ “คุณอิศร์ ! บ้าจริงเชียว ไหนบอกจะปกป้องฉัน แล้วมาหลบหลังฉันทำไม”
อิศร์กอดเอวหลบหลัง ถูกแพรพลอยเอาตะหลิวตี แล้วรีบหันไปกลับไข่ในกระทะ อิศร์กอดเอวไม่ปล่อย แกล้งหยอกล้อ สองคนไม่รู้ว่ากรองทองแอบมองอยู่เงียบๆ ใบหน้าเศร้า

ขณะที่กรองทองจุดธูปแล้วก้มลงกราบพ่อ น้ำตาไหลนอง เสียงเคาะประตู
“กรอง อยู่ในนี้หรือเปล่าจ๊ะ ไปทานข้าวกันเถอะ”
แพรพลอยค่อยๆ แง้มประตูออกมา เห็นกรองทองนั่งอยู่ ก็ขยับเข้าไปหา อิศร์ตามไป
“กรองมากราบพ่อน่ะค่ะ กรองคิดถึงพ่อ” หล่อนเริ่มสะอื้น “พ่อไม่น่าอายุสั้นเลย แล้วกรองจะอยู่ยังไง”
แพรพลอยโอบกรองทองปลอบใจ แล้วพยักหน้าให้อิศร์ช่วยปลอบ
“กรองไม่ต้องห่วงนะ ยังไงก็ยังมีฉันกับคุณแพร เราสองคนไม่ทอดทิ้งกรองหรอก”
“แต่กรองไม่ใช่...”
“ถึงเราจะไม่ได้เป็นญาติกัน แต่ฉันก็เห็นกรองมาตั้งแต่เล็ก เป็นเพื่อนเล่นกันมา ฉันถือว่ากรองเป็นน้องสาวคนนึง ยังไงกรองก็จะไม่มีวันอยู่ตัวคนเดียวบนโลก”
“แต่กรองจะกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นได้ยังไงคะ ในเมื่อคุณไอศูรย์”
“เขาจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เขาจ้ะกรอง ฉันให้สัญญา เขาจะต้องได้รับกรรม”

แพรพลอยโอบกรองทองไว้ อิศร์จับมือปลอบอีกคน กรองทองถอนสะอื้นเบาๆ รู้สึกดีขึ้น

แพรพลอยเดินลงมาข้างล่าง เห็นอิศร์นั่งลูบปืนอยู่ทีโซฟา

“ทำไมคุณยังไม่นอนล่ะคะ”
“ผมน่าจะถามคุณมากกว่า ทำไมไม่นอนพร้อมกับกรอง”
“หลับกันทั้งบ้านคงไม่ดีหรอกค่ะ ฉันไม่รู้ว่าพวกมันรู้ความเคลื่อนไหวของเราหรือเปล่า มันอาจจะบุกเข้ามาเมื่อไรก็ได้”
“ผมก็คิดเหมือนคุณ ถึงได้นั่งเฝ้าอยู่นี่ไง”
“คุณไปนอนเถอะ ฉันเฝ้าเอง”
แพรพลอยจะหยิบปืน แต่อิศร์แย่งไป
“ของผม ไอ้ภัทรให้ไว้ป้องกันตัว”
“ฉันใช้คล่องกว่า”
“ฝีมือผมก็ไม่เลวหรอกน่า วันนี้คุณก็เห็น”
อิศร์ทำท่าเล็งปืนยิงโชว์ แพรพลอยชักสีหน้า
“ให้โอกาสผมได้ดูแลคุ้มครองคุณบ้าง คุณเหนื่อยมาเยอะแล้วนะคุณแพร พักผ่อนเถอะครับ”
“มันเป็นงานของฉันนะคะ คุณอย่ามาแย่งงานฉันดีกว่า”
แพรพลอยยื่นมือขอปืน อิศร์มอง ในที่สุดก็ยอมส่งให้
“โอเค ผมให้คุณอยู่เวรหกชั่วโมง เดี๋ยวใกล้ๆ สว่างผมจะมาต่อ”
“ว่าง่ายๆ จะได้โตเร็วๆ”
แพรพลอยรับปืนมายิ้มๆ แล้วนั่งลง แต่แล้วจู่ๆ อิศร์ก็เอนตัวลงนอนหนุนตักแพรพลอยบนโซฟานั่นเอง
“งั้นผมจะนอนตรงนี้แหละ คุณก็เฝ้ายามไปแล้วกันนะ”
“คุณอิศร์”
“แหม หมอนใบนี้หนุ่มสบายดีจริ๊ง ชวนง่วง” อิศร์แกล้งหาว “ฮ้าววว ราตรีสวัสดิ์นะครับคุณแพร”
อิศร์ทำเป็นหลับปุ๋ยบนตัก แพรพลอยพยายามเขย่า
“คุณอิศร์ ลุกขึ้น ไปนอนที่ห้องสิ” แพรพลอยเขย่าตัวอีก “ฉันเมื่อย”
อิศร์แกล้งกรนดังไม่รู้ไม่ชี้ แพรพลอยมองแบบเซ็งปนเขิน

บรรยากาศมูลนิธิยามค่ำคืน เงียบสงัด ที่กำแพง ร่างๆ หนึ่งโหนตัวกระโดดเข้ามา พอร่างเหยียดตัวตรงขึ้นก็เห็นว่าเป็นทิตา
ทิตาเดินเข้ามากวาดตามอง ไปที่บ้านของอัมพา หวนนึกถึงความหลัง ตอนอัมพาพาทิตามาแนะนำให้แพรพลอยกับกรณ์รู้จัก
“กระต่ายจ๊ะ นี่แพรพลอย กับ กรณ์”
แพรพลอยกับกรณ์ยิ้มเป็นมิตรให้กระต่าย
“ตั้งแต่วันนี้กระต่ายจะมาอยู่กับพวกเราที่นี่ หนูสองคนจะช่วยแม่ดูแลกระต่ายได้ไหม”
ทิตามีสีหน้าสลดลงเมื่อนึกถึงความหลัง ลึกๆ ยังซาบซึ้งพระคุณของอัมพาที่พยายามช่วยตน
“ฉันไม่ยอมให้แกทำอะไรครูอัมพาหรอกไอศูรย์”
แววตาทิตาแข็งกร้าว หรุบหมวกปิดหน้าลง แล้วเดินฝ่าความมืดไป

อัมพานั่งเย็บซ่อม ปะชุนเสื้อผ้าให้เด็กๆ กรณ์นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ
“กรณ์สนเข็มให้แม่หน่อยสิ เดี๋ยวนี้ตาไม่ดีแล้ว ไม่เหมือนสมัยสาวๆ”
อีกมุมหนึ่งทิตาย่องเข้ามา เห็นอัมพากับกรณ์คุยกันกระหนุงกระหนิง เสียงหน้าต่างบ้านถูกลมพัดปิดปัง อัมพาหันไปมอง
“ฝนจะตกอีกแล้ว เด็กๆ นอนปิดหน้าต่างกันดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวฝนสาด”
“เดี๋ยวผมไปดูเองครับ”
กรณ์ยื่นเข็มคืนอัมพาแล้วออกจากเฟรมไป ทิตารีบหลบ

อัมพาเดินมาปิดหน้าต่างหลังบ้าน กลัวฝนสาด หันหลังให้ประตูบ้าน โดยที่ประตูหลังบ้านถูกแง้มออกช้าๆ แล้วปิดลง
“เรียบร้อยแล้วเหรอกรณ์”
อัมพาหันขวับมาแล้วตกใจเมื่อเห็นสมชายยืนอยู่กับลูกน้อง ทั้งสามรีบพุ่งเข้าจับตัวอัมพาทันที อัมพาดิ้นรน ส่งเสียงอู้อี้ ชนข้าวของดังโครม
ทิตาที่ซ่อนตัวอยู่ ได้ยินเสียงโครมครามก็หันขวับ พุ่งตัวออกไป

สมชายวิ่งนำลูกน้องมา เห็นทั้งสองจับตัวอัมพาที่มัดปากไว้
“เอาตัวไปขึ้นรถ”
ทิตาพุ่งตัวออกมาจากทางหลังบ้าน รีบยิงใส่เปรี้ยงๆๆๆ สมชายกับลูกน้องหันไปเห็น รีบพุ่งหลบ เพ่งมองดูทิตาชัดๆ เพื่อให้แน่ใจ
“นังทิตา”
สมชายยิงตอบโต้กลับไป แล้วหันไปสั่งลูกน้อง
“ไป”
สมชายยิงทิตากันไว้ ขณะที่ลูกน้องช่วยกันจับอัมพาไป
ทิตายิงตอบโต้ แล้วต้องคอยหลบไปด้วย สมชายได้โอกาสวิ่งออกไป

ทิตาไล่ตามสมชายกับพวกมา ยิงกันอุตลุด สมชายยิงไปหลบไป โดยลูกน้อง 1 ย่องเข้ามาทางด้านหลัง ทิตารู้ตัว หันไปตวัดขาเตะลูกน้อง 1 ล้มลง
ลูกน้อง 1 ตั้งหลักได้ จะยิงใส่ แต่ทิตาเตะปืนหลุดมือไป ลูกน้อง 1 จะชก ทิตาหลบเฉียดฉิว แล้วศอกใส่มันเซไปชนต้นไม้
เสียงอัมพาร้องดังลั่น “ช่วยด้วย”
ทิตาหันไปตามเสียงแล้วรีบวิ่งไป

ทิตาวิ่งมองหาสมชาย แต่ไม่เจอ ลูกน้อง1วิ่งเข้ามาพร้อมท่อนไม้ ท่าทางสะบักสะบอม แต่พยายามจะฟาดทิตา ทิตาหลบวูบ จับท่อนไม้ไว้แล้วกระแทกเข้าหน้าลูกน้อง1หน้าหงาย ก่อนจะปรี่เข้าไปจะยิงซ้ำ
สมชายตวาด “หยุด”
ทิตาเหลียวขวับไป สมชายและลูกน้อง 2 พาตัวอัมพาเข้ามา ใช้ปืนจ่อไว้ ผ้าที่ปิดปากอัมพาหลุดมาอยู่ที่คอ
“วางปืนซะ ไม่งั้นนังแก่นี่ตาย”
ทิตาชะงัก อัมพามองทิตากับพวกสมชายอย่างงงๆ ว่าเป็นใครกัน
“พวกแกเป็นใครกันน่ะ”
“หุบปาก” สมชายหันไปสั่งทิตา “วางปืน”
ทิตามองสมชายอย่างโกรธๆ แล้ววางปืนลง
ส่วนอีกด้านกรณ์ได้ยินเสียงปืนรีบวิ่งเข้ามา เห็นอัมพาโดนคนร้ายจับไว้ก็ตกใจ
“แม่ ! พวกแก...”
อัมพาร้องบอก “กรณ์ ระวัง”
สมชายหันไปเล็งทางกรณ์ ทิตารีบตะโกน
“หลบไป ! อย่าเข้ามา”
สมชายยิงไปทันทีเปรี้ยงๆๆๆ กรณ์รีบหลบ ทิตาพุ่งเข้าคว้าปืนที่กระเด็นไปแล้วล้มตัวยิงสมชายเปรี้ยงๆ สมชายเสียจังหวะ ลูกน้อง 2 เห็นสมชายจะโดนยิง ก็ผลักอัมพาไปแล้วชักปืนออกมายิงใส่ทิตา กระสุนเฉี่ยวแขน
“โอ๊ย”
ลูกน้อง2จะยิงทิตาอีก อัมพาตั้งหลักได้ หยิบกรรไกรตัดกิ่งที่วางอยู่ใกล้ๆ ตนไม้ พุ่งเข้ามาแทงกลางหลังลูกน้อง 2
ทิตาพลิกตัวกลับมายิงลูกน้อง 2 ที่ขา มันทรุดลงไป “โอ๊ย”
สมชายตั้งหลักได้จะยิงทิตา ทิตากลิ้งหลบกระสุน ได้ทัน แต่เห็นลูกน้องทรุดลงก็เห็นท่าไม่ดี
“ไป”

สมชายวิ่งนำ ลูกน้อง 1 รีบเข้าประคองลูกน้อง 2 แล้ววิ่งตามสมชายไป

ทิตาพยายามยิงตามไล่หลังไปจนกระสุนหมด แล้วปวดแปลบที่ไหล่จนปืนหลุดมือ อัมพากับกรณ์ได้สติรีบวิ่งออกมาดู

“ใครครับแม่”
“ไม่รู้ ช่วยเขาก่อนเร็ว”
อัมพากับกรณ์รีบเข้าประคองทิตาให้ลุกขึ้น แต่ทิตาจะขัดขืน
“อยู่นิ่งๆ สิคุณ เดี๋ยวแผลก็ฉีกหรอก”
ทิตาหันไปมองสบตากับอัมพาจังๆ อัมพามองตาทิตาแล้วชะงัก เหมือนสัมผัสอะไรบางอย่างได้ ภาพตอนอัมพากอดเด็กหญิงกระต่ายปลอบโยนผุดขึ้นมาแวบๆ
ตอนนั้นอัมพารู้เรื่องหมดแล้ว รีบเข้ามาดูแล
“โถ หนู...ไปอยู่กับครูนะจ๊ะ จะไม่มีใครทุบตีทำร้ายหนูอีกแล้วนะ”
ทิตาหลบตาวูบ
“แม่ว่าพาไปหาหมอดีกว่านะ”
“ไม่ ! ฉันไม่ไป”
“อย่าดื้อน่า”
“ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปหาหมอ”
ทิตาสะบัดแล้วเซซังออกไป

แพรพลอยตกใจมาก หลังจากฟังเรื่องจากมายาวีในตอนเช้าอีกวัน
“แม่ถูกลอบทำร้ายเมื่อคืนเหรอคะ แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
“คุณป้าบอกว่าพวกมันพยายามจะจับตัวคุณป้าไป แต่มีคนมาช่วยเอาไว้ทันค่ะ ก็เลยไม่มีใครเป็นอะไร”
อิศร์อึ้ง “ผู้หญิงเหรอ ผู้หญิงที่ไหน”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
แพรพลอยชะงัก นิ่งคิด
“คุณป้ากับคุณกรณ์บอกว่า ตอนนี้ผู้ชายสามคนจะจับตัวคุณป้าไป ผู้หญิงคนนี้ก็เข้ามายิงสู้จนพวกมันหนีไปหมด ตัวผู้หญิงคนนี้ก็บาดเจ็บ แต่เธอไม่ยอมให้พาไปหาหมอ แล้วรีบหนีไปเลย”
“หรือว่าจะเป็นกระต่าย”
อิศร์ฉงน “ใครครับคุณแพร”
“กระต่ายค่ะ กระต่ายคือนักฆ่าที่รับงานตามฆ่าคุณอิศร์กับฉัน เมื่อวันก่อนที่ขบวนรถตำรวจถูกโจมตีก็เป็นฝีมือของกระต่ายกับนายสมชาย”
“แล้วเขาไปเกี่ยวอะไรกับแม่คุณ”
“คุณจำเด็กที่ชื่อกระต่ายที่ฉันเล่าให้ฟังไม่ได้เหรอ”
ภาพตอนดูรูปหมู่ เพ่งมองหน้าของกระต่ายผุดขึ้นในห้วงคิดของอิศร์ เขาคิดตามและนึกออก
“เด็กคนนั้น...ที่หนีออกไปจากมูลนิธิของคุณ”
“ใช่ ที่แท้แล้วเขาคือคนของคุณไอศูรย์”
“แล้วทำไมกระต่ายถึงกลับมาช่วยแม่คุณ เขาต้องการอะไร”
แพรพลอยร้อนใจ “แพรอยากไปหาแม่ค่ะ อยากไปคุยกับท่าน”
“ไม่ได้นะคุณแพร คุณออกไปไม่ได้”
“แต่ฉันเป็นห่วงแม่”
มายาวีเตือนสติ “อย่าเพิ่งเลยนะคะ ตอนนี้คุณแพรยังถือเป็นผู้ต้องหาอยู่ ถ้าเกิดมีคนพบเข้า หรือคนอื่นรู้ว่าคุณแพรไปที่มูลนิธิ คุณป้ากับทุกคนอาจจะเดือดร้อนไปด้วย”
“แต่แม่แพรกำลังตกอยู่ในอันตราย”
“ขอเมย์ปรึกษากับผู้กองภัทรก่อนนะคะ ว่าเราควรทำยังไงกันดี บางทีเมย์อาจจะส่งคนไปคุ้มกันที่มูลนิธิให้ได้ค่ะ”

ขณะเดียวกันอริสรายืนอยู่หน้ารูปของเดช ดวงตาเศร้าหมอง
“คุณปู่คะ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ชะตากรรมของอิศร์เลย คุณปู่ช่วยดลบันดาลให้ความเปิดเผยออกมาทีเถอะค่ะ อย่าให้พวกเราต้องรอคอยด้วยความทุกข์ทรมานแบบนี้”
อริสราได้ยินเสียงเอะอะหันไปมอง เห็นไอศูรย์เดินเข้ามา
“เชิญเลยครับ บ้านหลังนี้แหละ เดี๋ยวเข้าไปสำรวจได้ตามสบายเลยนะ ลองดูซิว่าพอจะตกแต่งใหม่ตามที่ผมขอได้ไหม”
อินทีเรียกับทีมเขียนแบบเข้าไป อริสราหันมองไอศูรย์
“อะไรกันคะ”
“พวกออกแบบภายในน่ะ ผมให้เขาเตรียมรีโนเวทบ้านหลังนี้ใหม่เป็นของขวัญให้คุณพ่อ เราจะได้อยู่บ้านเดิมกันตามลำพังสองคนไงจ๊ะ”
ไอศูรย์จะกอด แต่อริสราสะบัดหนี
“แต่บ้านนี้มันเป็นของอิศร์นะ”
“ก็มันตายไปแล้ว”
ไอริณเดินออกมาจากด้านในบ้าน ได้ยินเสียงไอศูรย์คุยกับอริสราพอดี
“ยังไงมรดกของมันก็ต้องตกมาเป็นของคุณพ่อ เพราะมันไม่มีทายาทที่ไหนอีก บ้านหลังนี้ควรจะเป็นของพ่อผมแต่แรกด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่คุณปู่ทำพินัยกรรมไว้”
“แต่เรายังไม่รู้...”
ไอศูรย์สวนออกมา “คุณจะหลอกตัวเองไปถึงเมื่อไร” พลางมองด้วยแววตาเยาะหยัน “ฮึ ถ้าคุณเชื่อจริงๆ ว่าไอ้อิศร์มันยังอยู่ คุณจะแต่งดำแช่งมันอย่างนี้เหรอ”
ไอริณยืนกอดอกมองไอศูรย์ ส่ายหน้าสมเพชกับความหน้าด้านของพี่ชาย

ในเวลาต่อมาอนุภัทรนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เลยเงยหน้ามอง เห็นไอริณเดินเข้ามา
อนุภัทรรีบลุกขึ้นต้อนรับ “คุณไอริณ”
ไอริณยิ้มเจื่อนๆ ดูไม่สดใสอย่างเคย “ริณไม่ได้มารบกวนผู้กองใช่ไหมคะ”
อนุภัทรอึดอัด กระอักกระอ่วน เพราะจริงๆ ไม่อยากอยู่ใกล้ไอริณเท่าไร
“เอ่อ ไม่หรอกครับ คุณริณมีธุระอะไรหรือเปล่า”
ไอริณอึกอัก ท่าทีลังเล “ริณมีเรื่องจะปรึกษาผู้กองนิดหน่อยค่ะ”
“ได้สิครับ ด้วยความยินดีเลย”
ไอริณนิ่ง ลังเลอีก ไม่รู้จะพูดยังไงดี
“คือ...ริณอยากจะปรึกษาผู้กองเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมน่ะค่ะ คือริณอยากรู้ว่าโทษฆ่าคนตายมันนักมากไหมคะ” สีหน้าไอริณกังวลมาก
อนุภัทรอึ้ง เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล ไอริณรีบแก้ตัว
“คือ” ไอริณเฉไฉหยั่งเชิง “ร...ริณมีเพื่อนคนนึงเขาขับรถชนคนตายโดยประมาทน่ะค่ะ ตอนนี้เขาหนีคดีอยู่ แต่ริณอยากรู้ว่าถ้าเขาถูกจับได้ เขาจะถูกประหารไหมคะ”
ไอริณถามพลางทำหน้าเศร้า อนุภัทรเริ่มจับต้นชนปลายได้ ทำเป็นเล่นไปตามบท
“ศาลก็จะดูที่เจตนาน่ะครับ ถ้าเป็นการทำโดยประมาทก็อาจจะมีโทษไม่นักมาก แต่ถ้าเป็นการฆ่าโดยการวางแผนไว้ก่อน ก็อาจจะมีโทษนักถึงประหาร”
ไอริณได้ยินก็จิตตก สีหน้าแสดงชัดพะอืดพะอมเหมือนจะร้องไห้
อนุภัทรมองนิ่ง ประเมินอาการ “คุณริณครับ...มีอะไรที่คุณอยากจะบอกผมหรือเปล่า”
ไอริณค่อยๆ เงยหน้ามองอนุภัทร กลัวว่าจะแสดงออกมากเกินไป รีบลุกขึ้น
“ม...ไม่มีค่ะ ขอบคุณนะคะ” ไอริณผลุนผลันจะออกไป

“คุณริณ” อนุภัทรรีบตามไป

ไอริณเดินปาดน้ำตาออกมา อนุภัทรวิ่งตามมาแล้วดึงแขนไว้

“คุณริณครับ เดี๋ยวก่อน คุณเป็นอะไรไปครับ ทำไมถึงร้องไห้”
ไอริณส่ายหน้า เช็ดน้ำตา “ผู้กองอย่าถามอะไรริณเลยนะคะ ริณตอบไม่ได้จริงๆ”
“แต่ผมรู้ว่าคุณริณอยากบอกอะไรผม ไม่งั้นคุณคงไม่มาที่นี่”
ไอริณก้มหน้าสะอื้นเบาๆ อนุภัทรควักผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้ จังหวะนั้นมายาวีก็เดินออกมจากลิฟต์ ตรงมาทางหน้าห้องพอดี
มายาวีมองเห็นอนุภัทรยื่นผ้าเช็ดน้ำให้ไอริณ อีกมือยังมือจับมือไอริณอยู่ ก็ตัวแข็งทื่อ
“ถ้าคุณริณอึดอัดใจกับอะไรบางอย่าง เล่าให้ผมฟังได้นะ ไม่ต้องพูดกับผมในฐานะที่ผมเป็นตำรวจก็ได้ พูดกับผมในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนของอิศร์ พี่ชายของคุณ”
ไอริณยิ่งสะเทือนใจกับคำหว่านล้อมของอนุภัทร เงยหน้าสบตา
“ถ้าคุณไม่สะดวกใจที่จะพูดที่นี่ เราไปคุยกันที่อื่นดีไหมครับ”
ไอริณมองอนุภัทรอย่างลังเล แล้วพยักหน้าเศร้าๆ
อนุภัทรรีบพาไอริณเดินมาทางลิฟต์ที่มายาวียืนอยู่ มายาวีหลบวูบ แอบมองอนุภัทรที่ประคองไอริณหลวมๆ เดินผ่านไป
สีหน้ามายาวีเจ็บปวด น้อยใจ เข้าใจผิดไปใหญ่

วันต่อมากรณ์ถือตะกร้าของสดมาส่งให้อัมพา
“ที่จริงผมไปจ่ายตลาดให้ก็ได้นะครับแม่”
“ฮื้อ กรณ์เลือกของสดเป็นที่ไหน เดี๋ยวก็ซื้อผิดซื้อถูก แม่ไปเอง ไม่เป็นไรหรอก อยู่ดูน้องๆ เถอะลูก”
อัมพาก้าวขึ้นรถตุ๊กๆ ออกไป กรณ์มองตาม เป็นห่วงนิดๆ แล้วปิดประตูรั้ว

รถตุ๊กๆ ที่อัมพานั่งมาแล่นมาระยะหนึ่งถนนที่ไม่พลุกพล่านนัก จู่ๆ รถตู้คันหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาเที่ยบแล้วปาดหน้าจอด คนขับตุ๊กๆ เบรกตัวโก่ง สมชายกับพวกรีบลงมาจากรถตู้ อัมพาตกใจ แต่ยังไม่ทันร้องโวยวาย สมชายก็ตรงเข้าไปยิงคนขับรถตุ๊กๆ ลูกน้อง 2 คนเข้าโปะยาสลบอัมพา แล้วพาขึ้นรถตู้ออกไปอย่างรวดเร็ว

แพรพลอยรู้เรื่องจากอนุภัทรตกใจแทบทรุด ได้อิศร์ประคองไว้
“แม่ถูกจับตัวไปเหรอคะ”
“เมื่อตอนสายวันนี้ครับ ตอนที่คุณป้าออกไปตลาด คนร้ายคงแอบเฝ้ารอจังหวะอยู่หลังจากที่ทำงานพลาดเมื่อคืน”
“แม่” แพรพลอยจะร้องไห้
อิศร์กอดแพรพลอยไว้
“แล้วตำรวจทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”
“มันโทร.มาต่อรองให้คุณแพรไปแลกตัวกับคุณป้า”
แพรพลอยอึ้ง อนุภัทรทำหน้าขรึม
“ฉันจำเป็นต้องรายงานเรื่องที่คุณแพรซ่อนตัวอยู่ให้ท่านอธิบดีทราบ ท่านยินดีจะกันคุณแพรไว้เป็นพยาน ถ้าเราจับตัวคนร้ายทั้งหมดได้”
“ฉันไม่ต้องการการคุ้มครองพยานค่ะ ฉันยินดีจะแลกตัวเองกับแม่
“คุณแพร” อิศร์ตกใจ
“ชีวิตแม่ฉันทั้งคน ถ้ามันอยากได้ตัวฉันก็เอาไป แต่แม่ต้องปลอดภัย” แพรพลอยพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว
อิศร์กับอนุภัทรกลุ้ม

ฟากไอศูรย์กับสมชายคุยกันในมุมมืดของโกดังร้างแห่งหนึ่ง ดูรูปถ่ายอัมพาถูกมัดมืดมัดเท้าอย่างพอใจ
“แฟกซ์รูปนี้ไปที่มูลนิธิ ฉันแน่ใจว่าแพรพลอยต้องได้เห็น แล้วจะแจ้นมาหาเราแทบไม่ทัน”
“คืนนี้ผมจะเตรียมคนของตัวเองให้พร้อม มันจะไม่ได้กลับออกไปจากโกดังนั่นอีก ทั้งแม่ทั้งลูก”
ไอศูรย์หัวเราะในลำคออย่างพอใจ
“ส่วนทิตา นังคนทรยศ มันจะต้องเป็นรายต่อไป”
ที่มุมใกล้ๆ เห็นทิตาแอบฟัง สีหน้าเจ็บแค้นที่อัมพาถูกจับจนได้

บรรยากศรอบโกดังในตอนกลางคืนเงียบสงัด ที่ด้านหน้าตึก สมชายเดินเวรยามรอบๆ พร้อมกับลูกน้อง
“จับตาดูให้ดี นังแพรพลอยมันต้องบุกมาแน่ๆ กระจายตัวเฝ้าให้รอบ”
ลูกน้องกระจายตัวไปตามหน้าโรงงาน ด้านข้าง เดินรอบอย่างระแวดระวัง สมชายรีบเดินกลับเข้าไปในโกดัง

สมชายเดินเข้ามา ตรงมายังอัมพาที่นั่งงงอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
“พวกแกต้องการอะไร จับฉันมาทำไม”
“ชีวิตลูกสาวแกไง”
อัมพาหัวใจหล่นวูบ เพิ่งรู้ว่าแพรพลอยมาเกี่ยวข้องด้วย
“แก...ที่แท้แกคือพวกที่พยายามฆ่าแพรใช่ไหม ลูกฉันไปทำอะไรให้แก”
สมชายหัวเราะหึๆ ไม่ตอบ อัมพายิ่งตระหนก ร่ำร้องอ้อนวอน
“อย่านะ อย่าทำอะไรแพรนะ เอาชีวิตฉันไป อย่าทำร้ายลูกฉัน”
สมชายไม่ฟัง สั่งลูกน้อง “เฮ้ย”
ลูกน้องเข้ามา สวมถุงผ้าครอบหัวอัมพา แล้วดึงอัมพาเข้าไปในห้องหนึ่งในโกดัง
“เอามันไปเก็บไว้ก่อน”
อัมพาพยายามขัดขืน แต่ไม่มีแรงสู้คนร้าย

“อย่าทำร้ายแพรพลอย อย่า”

อ่านต่อหน้า 4

บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 14 (ต่อ)

แพรพลอยมีสีหน้าวิตกกังวลมาก อิศร์ อนุภัทร และลูกน้องซุ่มอยู่ในพงหญ้าข้างทาง ใกล้กับโกดัง

“แม่ถูกจับมาขังอยู่ในนี้เหรอคะ”
“นี่แหละครับ ตามที่อยู่ที่มันแฟกซ์มาที่มูลนิธิ”
ลูกน้องอนุภัทรคนหนึ่งย่องเข้ามา ในมือลูกน้องมีกล้องส่องทางไกล
“สายยืนยันที่นี่แน่ครับ เมื่อสักครู่ผมส่องดูข้างใน มันย้ายครูอัมพาไปไว้ในห้องหนึ่งในโกดัง”
“มีพวกมันเฝ้าอยู่ข้างนอก 3 ข้างในไม่รู้ แล้วเราจะเข้าไปยังไงไม่ให้พวกมันรู้ตัว” อิศร์ว่า
“ก็ไม่ต้องให้พวกมันรู้ตัว” แพรพลอยยิ้มดุดัน

ลูกน้องสมชายกระจายตัวกันเฝ้าอยู่ ด้านหน้า ด้านข้าง ส่วนที่ด้านข้างโกดัง อนุภัทรย่องมาเงียบ อนุภัทรพยักหน้าให้ทีม ทำนองว่า จัดการคนละคน
อีกมุมหนึ่ง แพรพลอยย่องมาอย่างเงียบๆ ขยับร่างกายเตรียมลงมือ
เช่นเดียวกับอีกมุมหนึ่ง อิศร์ขยับตัว แต่มีเสียงดังแกรบ ลูกน้องสมชายหันขวับ
แพรพลอยแก้ทาง หยิบหินปาไปทางหนึ่ง ลูกน้องสมชายทั้ง 3 มองตาม แพรพลอยพยักหน้าให้จังหวะ อิศร์ อนุภัทร แล้วค่อยย่องไปทางด้านหลังทั้ง 3 จับคู่จัดการ
อนุภัทรฟันสันมือลงคอ ลูกน้อง1เหลียวมา อนุภัทรต่อยเข้าหน้า แล้วปิดปากฮุคเงียบ ลูกน้อง 1 ร่วงลงไร้เสียง
อิศร์ล็อคคอคนร้าย 2 แต่คนร้ายยังไม่นิ่งสนิท เริ่มส่งเสียง อนุภัทรจัดการลูกน้อง 1 เสร็จ เข้ามาช่วย ตุ๊ยท้องคนร้าย 2 อิศร์ปล่อย ลูกน้อง 2 ร่วง แต่โงหัวขึ้นมาจะโวยวาย
อิศร์ยกขาถีบออกข้าง สุดเท่ ลูกน้อง 2 ถลาหงายหลังเข้าไปในพุ่มไม้ แน่นิ่ง
แพรพลอยเข้าด้านหลังลูกน้อง 3 สะกิดที่ไหล่ คนร้ายหันมา แพรพลอยตวัดขาเตะปืนหลุดจากมือคนร้าย ก่อนที่คนร้ายจะโวยวาย แพรพลอยซัดปลายคางคนร้ายหงายหลังสลบเหมือดลงไปกอง
ทั้งสามจัดการคนร้ายที่เฝ้าด้านหน้าโกดังได้ แพรพลอยจะเข้าไป อิศร์จะตาม
“คุณอิศร์ หลบอยู่ข้างนอกดีกว่าค่ะ ฉันจะเข้าไปเอง ผู้กองเตรียมกำลังรอฉันให้สัญญาณนะคะ”
“ไม่ ผมไม่ยอมให้คุณเสี่ยงชีวิตคนเดียวหรอก” อิศร์เสียงเข้ม
“แต่ไอ้พวกนั้นยังไม่รู้ว่าแกยังไม่ตาย ถ้าแกเข้าไป จะทำให้คุณแพรตัดสินใจลำบาก เพราะพวกมันต้องเก็บแกแน่”
อิศร์ไม่ฟัง เว้าวอน “คุณแพร อย่าทำอะไรเสี่ยงๆ รักษาชีวิตไว้ เพื่อผม”
“ฉันรับปากไม่ได้หรอกค่ะ คนที่ถูกจับคือแม่ฉัน ฉันไม่ยอมให้แม่เป็นอะไร”
“คุณต้องรับปากผม คุณจะไม่เป็นอะไร จะรอบคอบ จะให้สัญญาณให้พวกเราช่วย”
อิศร์ส่งสายตาอ้อนวอนจนแพรพลอยใจอ่อน พยักหน้ายอม อิศร์ดึงแพรพลอยมากอดแน่น แพรพลอยผละออก แล้วไปที่ประตูโกดังอย่างระแวดระวัง

แพรพลอยเดินผงาดเข้าไปในโกดังอย่างกล้าหาญ กวาดตามอง แต่เห็นทุกอย่างสงบเงียบ
“ฉันมาแล้ว แม่ฉันอยู่ไหน”
เสียงแพรพลอยก้องแล้วเงียบไป ก่อนที่สมชายจะค่อยๆ โผล่ออกมา
“แกมาคนเดียว”
แพรพลอยมองสมชายอย่างเข่นเขี้ยว “เป็นแกจริงๆ ไอ้สมชาย”
สมชายหัวเราะยียวน ยักไหล่ ออกคำสั่ง
“วางปืนลง”
“แม่ฉันอยู่ทีไหน ปล่อยแม่ฉันก่อน”
สมชายเหลียวไปทางหนึ่ง ลูกน้องพาหญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดเหมือนกับอัมพาเด๊ะ แต่มีถุงผ้าคลุมหัวทำให้ไม่เห็นหน้า
“แม่” หญิงคนดังกล่าวส่งเสียงอู้อี้ ออกมา

อัมพาตังจริงโดนมัดปากอยู่อีกห้อง ไม่มีผ้าคลุมหัว ร้องอู้อี้ๆ เหมือนจะส่งเสียงขอความช่วยเหลือ

แพรพลอยขยับเข้าไปใกล้แม่อีกก้าว แต่สมชายรีบตวาด
“วางอาวุธ”
“ปล่อยแม่ฉันก่อน”
“ก็ได้”
สมชายดันร่างผู้หญิงคนดังกล่าวให้เดินไปข้างหน้า ผู้หญิงคนนั้นเดินมาอย่างช้าๆ เพราะมีผ้าคลุมหัว
แพรพลอยเห็นว่าน่าจะใช่อัมพา เพราะรูปร่างและท่าเดินคล้ายกัน เลยยอมวางปืนลงข้างหน้าตัวเอง ชูมือขึ้น
“แม่”
อัมพาก้าวช้าๆเข้ามา แพรพลอยยื่นมือดึงผ้าคลุมหัวออก ปรากฏว่าไม่ใช่อัมพา แต่เป็นลูกน้องชายอีกคนของสมชาย ที่แต่งตัวเลียนแบบอัมพา
แพรพลอยตะลึง อัมพาตัวปลอมเตะปืนแพรพลอยออกไปไกล แล้วกระชากมือที่ถูกมัดออกอย่างง่ายดาย ด้วยคลายเชือกไว้ มันชักปืนขึ้นยิงแพรพลอยเปรี้ยงๆ
แพรพลอยม้วนหน้าพุ่งหลบทันที อัมพาปลอมกระหน่ำยิงซ้ำ พร้อมกับสมชายและลูกน้องอีกคน แพรพลอยหลบไปทางหลังกลุ่มถังน้ำมันเปล่า

อิศร์และอนุภัทรได้ยินเสียงปืน ทั้งหมดตกใจ อิศร์จะพุ่งเข้าไป
“คุณแพร”
“ไอ้อิศร์ ไม่ได้ แกต้องหลบไป อย่าให้คนร้ายหรือไอศูรย์รู้ว่าแกยังไม่ตาย”
“ฉันฝากคุณแพรด้วย”
อนุภัทรพยักหน้า ก่อนจะนำลูกน้องพร้อมอาวุธครบมือบุกเข้าไป อิศร์ไปซ่อนตัวมุมหนึ่ง ได้แต่กังวล

แพรพลอยหลบหลังถังเปล่า แต่บางถังมีน้ำมัน แพรพลอย ลูกน้องยังยิงถล่มมา แพรพลอยล้มถังลง แล้วถีบถังให้กลิ้งไปทางคนร้าย คนร้ายยิงเปรี้ยงๆ ที่ถัง ในที่สุด ถังระเบิด ตู้ม คนร้ายหงายไป
แพรพลอยได้จังหวะ รีบวิ่งไปทางปืนของตัวเองที่โดนเตะกระเด็น อนุภัทรบุกเข้ามาพร้อมลูกน้อง
“คุณแพร คุณป้าล่ะครับ”
“มันหลอกเรา”
ลูกน้องสมชายโผล่ออกมาจากมุมนั้นมุมนี้ แพรพลอย อนุภัทรและลูกน้องอนุภัทรยิงกระหน่ำพวกลูกน้องสมชายอุตลุด
สมชายเห็นท่าไม่ดี กระชากประตูห้องๆ หนึ่งในโกดัง แพรพลอยผิดสังเกตเหลียวมองตาม
“แก”
สมชายลากตัวอัมพาออกมาจากห้องนั้น
“แม่” แพรพลอยใจหายวับ
สมชายจ่อปืนที่อัมพา ใช้อัมพาเป็นตัวประกัน
“แพรอย่าห่วงแม่...ไม่ต้องช่วยแม่ กลับไปซะ”
“ไม่ค่ะ แพรจะไม่ทิ้งแม่”
“งั้นแกก็เข้ามาหาความตาย”
สมชายยิงมาทางแพรพลอยเปรี้ยง แพรพลอยไม่กล้ายิงสวน
ลูกน้องอนุภัทรจะเล็ง อนุภัทรกดปืนลูกน้องลง
“อย่า ระวังตัวประกัน”

สมชายลากอัมพาไปทางหนึ่ง แพรพลอยรีบตามไป

อีกมุมหนึ่ง ไอศูรย์ปรากฏตัวออกมาสวมหมวกโม่งดำพรางหน้า ยืนอยู่มุมสูงของโกดังอย่างใจเย็น

“วันนี้แกไม่รอดหรอก แพรพลอย”
แพรพลอยเงยหน้าขึ้นมอง ตกใจที่เห็นไอศูรย์เล็งปืนมา แพรพลอยม้วนตัวหนี อนุภัทรและลูกน้องช่วยถล่มไอศูรย์
“ผู้กอง แม่ฉัน”
สมชายลากตัวอัมพาจะหลุดจากไปโกดังแล้ว ไอศูรย์ลงบันไดมาทางหนึ่ง ลูกน้องสมชายกระจายตัวหลบอยู่ตามซอกหลืบโกดัง
แพรพลอยหาช่องยิงไม่ได้ สายตาเหลือบเห็นตะขอเหล็กยักษ์ที่ห้อยอยู่กับสายโซ่บนรอก
“ผู้กองคะ ช่วยฉันที”
แพรพลอยจับตะขอเกี่ยวกับเข็มขัด อนุภัทรสาวรอกลง แพรพลอยลอยตัวสูงขึ้น เห็นลูกน้องสมชายถนัด แพรพลอยเหวี่ยงตัว ยิงจากมุมสูง สุดเท่ แกว่งกลางอากาศเป็นวง ยิง ท่วงท่าสวยงาม ลูกน้องแดดิ้นทีละคนๆๆ

อิศร์ได้ยินเสียงปืนตูมตาม อยากจะเข้าไปช่วยใจจะขาด แต่เห็นสมชายลากอัมพาออกมาพอดี อิศร์นึกหาจังหวะจะช่วยแต่นึกได้ว่ากลัวเห็นหน้าเดี๋ยวจะรู้ว่ายังไม่ตาย เหลียวไปเห็นหน้ากากเด็กเล่นรูปการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ทิ้งอยู่ในกองขยะริมทาง

ไอศูรย์เห็นแพรพลอยจัดการลูกน้องได้ จึงเล็งมาที่แพรพลอย แพรพลอยแกว่งตัวหลบ อนุภัทรผ่อนรอกเชือกลง ให้แพรพลอยหย่อนตัวลงพื้น
ไอศูรย์วิ่งลงมา ไล่ยิงแพรพลอย อนุภัทรและแพรพลอยแตกกระเจิงไปคนละทาง

ฟากสมชายลากอัมพาที่พยายามดิ้นรนขัดขืน
“อย่าทำร้ายลูกแพร อย่า อย่า...”
“โว้ย”
สมชายหงุดหงิดรำคาญ จะตบอัมพา แต่มือหนึ่งกระชากแขนสมชาย อิศร์สวมหน้ากากไอร่อนแมน
“เฮ้ย มึงเป็นใครวะ”
“ผู้พิทักษ์ความดี”
“ไอ้บ้า”
สมชายสะบัดแขน อิศร์ตั้งรับได้ว่องไว กระชากสมชายแย่งปืนมาแล้วบอกอัมพา
“ครูครับรีบหนีไป”
อัมพาหลุดจากการจับตัว คุ้นเสียงที่บอก แต่รีบวิ่งออกไปมุมหนึ่งตามที่เสียงนั้นบอก
ส่วนอิศร์แย่งปืนสมชายมาได้ กำลังจะจับให้ถนัด แต่ไม่ทัน สมชายเตะมืออิศร์ สะบัดแรง ปืนลอยไกลเข้าพงหญ้า
อิศร์และสมชายต่อสู้กันด้วยมือเปล่า อิศร์ดูมีลูกล่อลูกชน คล่องขึ้นมากจนราวกับไม่เหมือนคนอ่อนแอที่หลบหลังบอดี้การ์ดมาตลอด

แพรพลอยกระสุนหมด ยิงไม่ได้อีก เริ่มจวนตัว ไอศูรย์ย่ามใจ ตรงเข้ามาจะยิง
“ถึงเวลาตายของแกแล้วแพรพลอย”
ทันใดนั้น ทิตาปรากฏตัวขึ้น
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ไอ้คนเลวชาติ”
ไอศูรย์หันขวับ ตกใจเมื่อเห็นทิตาเดินอย่างทระนงองอาจ ยิงไอศูรย์เปรี้ยง ไอศูรย์รีบหลบ
“ถอดหน้ากากออกมาสิ ไอศูรย์”
แพรพลอยตกใจ คนที่ใส่โม่งคือไอศูรย์นั่นเอง ไอศูรย์โกรธจัด หลบอยู่มุมหนึ่ง หาทางจะยิงทิตา แพรพลอยเห็น
“กระต่ายระวัง” แพรพลอยพุ่งตัวบังทิตา
ทิตาเห็นไอศูรย์ ยิงสวนไอศูรย์ระหว่างที่แพรพลอยเอาตัวบังทิตาให้พ้นวิถีกระสุนไอศูรย์
“หลบไป คนอย่างไอศูรย์เป็นหน้าที่ของฉัน”
“เธอมาช่วยฉัน”
อีกมุมหนึ่งอัมพาทะเล่อทะล่าเข้ามา โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ด้วยความเป็นห่วงแพรพลอย
“แพร”
“แม่”
“รีบไปดูแลครู....หลบไป”
ทิตาบอกพลางผลักแพรพลอยออกไป แล้วเข้าไปบู๊กับไอศูรย์ แพรพลอยรีบไปหาอัมพา ดึงออกไปจากโกดัง อีกด้านอนุภัทรและลูกน้องจัดการลูกน้องสมชายราบคาบ

แพรพลอยประคองอัมพาออกมาจากโกดัง ส่วนด้านหน้าอิศร์ต่อสู้กับสมชายจนสะบักสะบอม สมชายโดนอิศร์ซัดจนหมอบไปทางหนึ่ง ร่างแน่นิ่ง อิศร์นึกว่าสมชายสลบไปแล้ว จึงหันมาทางแพรพลอย
“คุณโอเคนะ”
สมชายสบโอกาสแอบคลานหนีออกไป
“ค่ะ แล้วคุณล่ะคะ”
“ผมจัดการมันซะราบคาบแล้ว”
พออิศร์มองกลับไปต้องตกใจ เพราะสมชายไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เลิกหน้ากากขึ้น สีหน้าเคร่งเครียดตกใจ รีบบอกอนุภัทรที่วิ่งเข้ามา
“ไอ้สมชายมันหนีไปแล้ว”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะให้ลูกน้องตามล่ามันมาลงโทษให้ได้”
“คุณช่วยแม่ฉันไว้” แพรพลอยซึ้ง
“ตามสัญญา ผมจะปกป้องคุณ และผมจะต้องดูแลคนที่คุณรักด้วยทุกคน”
อิศร์มองมาที่อัมพาอย่างมาดหมาย เขาหมายถึงคนที่แพรพลอยรักและยอมแลกชีวิต อัมพาซึ้งใจทั้งแพรพลอยทั้งอิศร์
“เมื่อกี๊มีคนมาช่วยคุณแพร” อนุภัทรบอก
“ใครหรือลูก”
“กระต่ายค่ะแม่”
อัมพาตกใจ “กระต่าย!”

ทิตาตามไอศูรย์มาอีกมุมหนึ่งใกล้โกดังร้าง แต่หาไม่เจอ ไอศูรย์แอบอยู่มุมหนึ่ง
“นังทิตา กูต้องเก็บมึงให้ได้”
พอได้จังหวะ เหวี่ยงไม้ฟาดเข้าแสกหน้าทิตาจนหงายเงิบ
ทิตาเสียหลัก หน้าหงาย ล้ม ไอศูรย์ปรากฏตัว ยิง เปรี้ยง ทิตาม้วนตัวหลบ กระสุนเฉี่ยวแขน ทิตากัดฟันทนเจ็บ ยิงสวน ไอศูรย์รีบหลบไป
ทิตากัดฟันลุกขึ้นตาม แต่หาไอศูรย์ไม่เจอแล้ว

“ไอ้ไอศูรย์”

เช้าวันนี้ทุกคนรวมตัวอยู่ที่เซฟเฮาส์ แพรพลอยคุยอยู่กับกรณ์ อัมพา อนุภัทร และมายาวี

อัมพารู้เรื่องก็ตกใจมาก
“กระต่าย กระต่ายอยู่ที่นั่นจริงเหรอลูก”
“ค่ะ เขาตามมาช่วยแม่”
“นี่หมายความว่าผู้หญิงคนที่บุกเข้ามาที่บ้านเราเมื่อคืนก่อนก็คือกระต่าย แล้วที่แพรบอกว่าพบกระต่ายแล้ว ก็แปลว่า...”
แพรพลอยตอบคลายข้อสงสัยให้กรณ์ “ใช่กรณ์ ตอนนี้กระต่ายไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว”
มายาวีออกความเห็น “แสดงว่าถ้าเรากล่อมให้ยายกระต่ายอะไรนี่มอบตัวได้ คุณแพรก็จะพ้นข้อหาใช่ไหม”
“ถ้าเขายอมรับสารภาพแล้วก็เปิดเผยรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” อนุภัทรว่า
“แต่แพรไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมหรอกค่ะ บางทีกระต่ายอาจจะทำไปเพราะต้องการช่วยแม่คนเดียวเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับแพร”
“ทำไมแพรถึงคิดอย่างนั้นล่ะลูก”
“เพราะเขารู้ว่าแพรเป็นใครตั้งแต่แรกค่ะ แต่เขาก็ยังพยายามจะฆ่าแพร”
ทุกคนนิ่ง กังวลไปกับแพรพลอยด้วย จู่ๆ โทรศัพท์อนุภัทรก็ดังขึ้น
อนุภัทรรีบกดรับ “ครับคุณริณ”
มายาวีหันขวับทันที แต่อนุภัทรไม่ได้สนใจใคร รีบคุยกับมายาวีแล้วเดินออกจากกลุ่มไป

ไอริณเดินเข้าไปค้นลิ้นชักในห้องไอศูรย์แต่ละชั้นอย่างเร่งร้อน
“ฮัลโหล ผู้กองเหรอคะ ตอนนี้ริณอยู่ในห้องพี่ศูรย์แล้วค่ะ ผู้กองจะให้ริณหาอะไรเหรอคะ”
อนุภัทรรีบเดินเลี่ยงออกมา
“คุณริณลองหาปืนตามลิ้นชักต่างๆ ในห้องดูนะครับ เผื่อคุณไอศูรย์จะซ่อนไว้”
“ค่ะๆ”
ไอริณค้นไปมาอย่างร้อนใจ แต่ไม่พบอะไรเลย
“ไม่มีนะคะ” ไอริณเดินไปเปิดหมอน ตบตามที่นอน “ไม่เจอเลยค่ะ พี่ศูรย์จะเอาติดตัวไปด้วยหรือเปล่า”
อนุภัทรทำท่าครุ่นคิด “ถ้างั้น...ลองดูในตะกร้าผ้า หาเสื้อผ้าที่คุณไอศูรย์ใส่เมื่อวานนี้”
ไอริณงง “ทำไมคะ”
“เมื่อวานคุณไอศูรย์อยู่ในที่เกิดเหตุที่มีการยิงกัน ผมอยากได้เสื้อผ้าชุดนั้นมาตรวจหาเขม่าปืนเพื่อมัดตัวว่าเขาเกี่ยวข้องกับแก๊งคนร้ายที่ก่อเหตุ”
ไอริณวิ่งไปเปิดดูตะกร้าผ้าทันที คุ้ยๆ ในตะกร้า
“ไม่มีค่ะผู้กอง มีแต่ชุดนอน”
ไอริณหยิบขึ้นมาดมกลิ่นเขม่ากระสุน อริสราเปิดประตูเข้ามาพอดี
“คุณไอริณ ทำอะไรคะ”
ไอริณตกใจ ทำโทรศัพท์หลุดมือ สัญญาณขาดหายไป
อนุภัทรตกใจ “คุณริณ! คุณไอริณครับ!”
“พี่อริส ตกใจหมดเลย”
“คุณริณทำอะไรอยู่คะ”
“เปล่านี่คะ ริณมาเอาเสื้อผ้าพี่ศูรย์ จะเอาไปให้คนงานซัก”
ไอริณเอาโทรศัพท์ใส่ตะกร้าผ้า แล้วรีบยกออกไป อริสรามองตามอย่างสงสัย พอหันกลับมาก็เห็นปืนอยู่ที่พื้น ตรงบริเวณที่ตะกร้าผ้าวางอยู่ แต่ไอริณไม่ทันเห็น
อริสรามองอย่างแปลกใจแล้วเก็บปืนขึ้นมา

ธำรงเดินนำ มีอำนวยตามเข้ามา
“แกจะมาที่นี่ทำไมวะธำรง กลับบ้านเถอะน่า”
“เดี๋ยวสิพ่อ ผมระเห็จจากอาณาจักรเดชโชดมไปตั้งนาน ได้กลับมาทั้งที่ก็ต้องขอมาทักทายญาติผู้ใหญ่หน่อย”
ธำรงเดินเข้ามาที่รูปเดช ยกมือไหว้ท่วมหัวกวนๆ
“สวัสดีคร้าบคุณปู่ หลานชายคนเก่งของคุณปู่กลับมาแล้วนะครับ กลับมาอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีมลทิน ฮ่ะๆๆๆ”
ไอศูรย์เดินออกมามองธำรงอย่างไม่พอใจ
“อ้าว พี่ศูรย์ เดี๋ยวนี้ย้ายมาสิงที่บ้านนี้แล้วหรือไงครับ แหม ไวไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ ผมได้ข่าวว่าศพไอ้อิศร์ยังไม่ทันโผล่เลย รีบมาจองซะแล้ว”
“ไม่เอาน่า” อำนวยปราม
“แกกลับมาได้ยังไง”
“ก็ต้องกลับมาได้สิ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย ศาลตัดสินแล้วว่าผมถูกใส่ความเรื่องที่สมรู้ร่วมคิดกับมิสเตอร์ลี ต่อไปก็เป็นหน้าที่กฎหมายต้องลากคนชั่วตัวจริงเข้าคุก” ธำรงพูดใส่หน้า “แต่ไม่รู้จะทันหรือเปล่านะ เพราะม่องเท่งไปแล้วหนึ่ง อีกสองคนก็ระวังให้ดีแล้วกัน กรรมสมัยนี้มันติดจรวด”
ธำรงเหล่อมองไอศูรย์อย่างยียวน
“แกหมายถึงใคร”
“ใครก็ได้ที่มันคิดแทงข้างหลังผม” ธำรงจ้องหน้าไอศูรย์อย่างท้าทาย แล้วหันไปหาอำนวย “ไปเถอะพ่อ ไปฉลองอิสรภาพให้ผมกันดีกว่า”
ธำรงเดินโอบอำนวยออกไป ไอศูรย์ข่มความโกรธอย่างมาก การมาของธำรง ทำให้เขาเริ่มไม่วางใจ

ทิตานอนซมเพราะอาการบาดเจ็บ ฟกช้ำไปทั้งตัว หัวมีผ้าพันแผลอยู่ เสียงเรียกดังขึ้น
“กระต่าย กระต่าย”
ทิตาสะดุ้ง ลุกขึ้นจากที่นอนทันที ท่าทางระแวดระวัง

แพรพลอยเดินเข้ามา มองเห็นประตูแง้มๆ ก็ผลักเข้ามาทันที
“กระต่าย เธออยู่ที่นี่ใช่ไหม ฉันรู้นะว่าเธออยู่”

แพรพลอยเดินเข้ามาในบ้าน มองหาทิตา
“ออกมาเถอะกระต่าย ฉันมาดีนะ มีเรื่องจะคุยกับเธอ”
แพรพลอยเดินลึกเข้ามาด้านใน สอดตามองหา แต่ไม่เห็นทิตาที่แอบอยู่ใต้โต๊ะ
แพรพลอยเห็นทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงัด ก็ถอนใจ หันหลังเดินออกไป แพรพลอยออกมานอกบ้าน ท่าทีลังเล แต่คิดว่าทิตาคงไม่อยู่ที่นี่ เลยขับมอเตอร์ไซค์ออกไป

ทิตาค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากโต๊ะ หายใจหอบเหนื่อย ได้ยินเสียงคนเดินก็หันไปมอง แต่ต้องตกใจ
“แก”
สมชายกับลูกน้อง 3 คนยืนผงาดอยู่ ทิตารีบพุ่งไปคว้าปืน ยิงใส่ทั้งสี่ สมชายกับพวกหลบแล้วยิงสู้กันสนั่น

ทิตาประเมินแล้วพบว่าตัวเองเสียเปรียบเป็นฝ่ายโดนรุมก็รีบวิ่งออกไป พวกสมชายรีบตามไป

ทิตาวิ่งหนีออกมาจากบ้าน แล้วล้มลงเพราะร่างกายยังไม่สมบูรณ์ สมชายกับพวกตามไล่ยิงมา ทิตารีบหลบเข้าที่ซ่อน

สมชายสั่งลูกน้อง “แยกย้ายกันหามันให้เจอ”
พวกลูกน้องกระจายกันหา สมชายไปอีกทาง แต่ใกล้ๆ กับที่ทิตาหลบอยู่ ทิตา ค่อยๆ ขยับตัวหนี ลุ้นๆ ว่าสมชายจะเจอหรือไม่
สมชายหาไม่เจอคิดว่าทิตาคงไม่อยู่ จะออกไปหาที่อื่นแล้ว แต่สังเกตจากรอยฝุ่นเหมือนมีอะไรบางอย่างลากไปกับพื้น จึงกระชากที่บังทิตาออกอย่างแรง
“แกหนีไม่พ้นหรอก วันนี้เป็นวันตายของแก”
ทิตาจนมุม หนีไม่รอด สมชายจะยิง แต่แพรพลอยโผล่มา
“หยุดนะ”
สมชายเห็นดังนั้น รีบกระโดดหลบ จังหวะเดียวกับแพรพลอยยิงเปรี้ยงใส่ ลูกน้องได้ยินเสียงปืน กรูกันมา แพรพลอยหันไปยิงสู้พวกลูกน้อง ล้มลงไปบ้าง หาที่กำบังบ้าง
ทิตาคลานไปตามพื้น หาที่กำบังไปเรื่อยๆ พวกลูกน้องรีบตามไป
แพรพลอยมองทิตาแล้วยิงสู้กับสมชายจนกระสุนหมด สมชายยิ้มร้าย แกจากที่ซ่อนย่างสามขุมเข้ามา
“ไม่มีทางชนะฉันได้ รนหาที่ตายเอง”
สมชายจะยิง แต่แพรพลอยคว้าร่มได้ ใช้ที่จับร่มที่เป็นรูปขอ ตวัดเกี่ยวข้อมือสมชายแล้วหัก ทำให้ข้อมือบิด ปืนหลุดมือ แพรพลอยกระโดดเตะเสยคาง สมชายล้มลง แพรพลอยตามไปจะกระทืบซ้ำ แต่สมชายกลิ้งหลบ แล้วเตะขาแพรพลอยล้ม สองคนลุกขึ้น พุ่งเข้าหา เตะต่อยสู้กันพัลวัน อย่างสูสี

ทิตากระเสือกกระสนหนี โดนลูกน้องไล่ยิง วิ่งหลบไปเรื่อยๆ รีบพุ่งเข้าหน้าต่างบ้าน
สมชายเตะร่มลอยขึ้นมา คว้าไว้อย่างคล่องแคล่ว แล้วใช้คันร่มล็อคคอแพรพลอยจากด้านหลัง
แพรพลอยหายใจไม่ออก ทำท่าจะขาดใจ ออกแรงดันสมชายไปกระแทกกำแพงอย่างแรงหลายครั้ง และดิ้นหลุดมาได้ แพรพลอยหอบหายใจไม่ออก สมชายได้จังหวะจิกผมหมับ จับศีรษะแพรพลอยกระแทกกำแพงหลายครั้ง

พวกลูกน้องวิ่งตามทิตาเข้ามาในบ้าน ทิตาโผล่ขึ้นมา พร้อมมีดปอกผลไม้สามอัน ปาเข้าใส่ลูกน้องทั้งสามคน ฉัวะๆ ล้มตายไปตามๆ กัน มีเสียงโครมดังมาจากด้านนอก ทิตาหันไปมอง

สมชายคว้าเก้าอี้ฟาดใส่แพรพลอย แพรพลอยยกแขนป้อง จนเจ็บ สมชายถือโอกาสถีบแพรพลอยล้มลงใกล้ๆ กับอ่างบัว จิกหัวแพรพลอยไปที่อ่างบัว จับกดน้ำ
แพรพลอยดิ้นรน แต่อ่อนแรงเต็มทีสู้ไม่ได้ สมชายจับกดน้ำแล้วกระชากขึ้นอีก แล้วทำซ้ำๆๆ
“ดูซิว่าแกจะทนได้อีกนานไหม”
สมชายจับแพรพลอยกดน้ำอีก แพรพลอยเริ่มไม่ไหว หายใจไม่ทัน สมชายกระชากหัวแพรพลอยเงยขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจับกดยาวลงไป
แพรพลอยดิ้นๆๆ ใกล้จะหมดแรง เห็นแต่น้ำเต็มหูเต็มตา หูอื้อ สรรพเสียงทุกอย่างดับสนิท
ร่างแพรพลอยดิ้นๆ แต่อยู่ๆ ตัวเองก็โผล่พรวดขึ้นมาได้อีกครั้ง และรู้สึกว่ามือที่สมชายจับอยู่หลุดไปแพรพลอยหันกลับไปมอง เห็นสมชายยืนตาค้างอยู่เบื้องหลัง เสียงกระสุนดังอีก 3 นัดซ้อน เปรี้ยงๆๆ ทะลุอกสมชายทุกนัด
สมชายตาลอยคว้าง ค่อยๆ ทรุดลงขาดใจตาย เห็นทิตายืนเล็งปืนอยู่ด้านหลัง แพรพลอยได้สติ เหลียวดูศพสมชาย แล้วหันมามองทิตาอึ้งๆ
“กระต่าย...”
“ฉันจะไว้ชีวิตเธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว” ทิตาบอก
“แต่ฉัน...”
ทิตาสวนขึ้นมา “ถ้าเธอยังตามหาฉันอีก เธอจะต้องตายเหมือนมัน”
“กระต่าย ฉันอยากให้เธอมอบตัว ถ้าเธอรับผิดตอนนี้ โทษหนักจะได้เบาลง”
ทิตาแค่นหัวเราะ “ส่วนเธอก็จะได้แฮปปี้เอนดิ้งมีความสุข เหมือนที่เธอเคยเป็นมาตลอดชีวิตสินะ ขอโทษ ฉันไม่มีน้ำใจขนาดนั้นหรอก ฉันเดินมาไกลเกินกว่าที่จะถอยกลับไปทำความดีแล้ว”
“แต่เธอช่วยแม่ไว้”
“เพราะครูมีบุญคุณกับฉัน ครูพยายามชุบชีวิตใหม่ให้ฉัน ถึงฉันจะไม่ต้องการชีวิตแบบนั้น แต่ฉันก็ไม่เคยลืมความหวังดีของครู ตอนนี้ฉันเลือกเส้นทางของฉันได้แล้ว แล้วฉันก็เต็มใจที่จะเดินไปบนเส้นทางสายนี้ต่อไป สิ่งเดียวที่จะหยุดฉันได้ก็คือความตายแบบที่ฉันมอบให้คนอื่น”
“ไม่นะกระต่าย”
แพรพลอยทำท่าจะลุกขึ้น ทิตาขึ้นนกปืน
“ไปจากที่นี่ซะ ! กลับไปสู้ในแบบของเธอ ถ้าเธอเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ในที่สุดแล้วเธอก็จะพ้นจากปัญหาทั้งหมดนี้ได้ เพราะโลกนี้มันอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ใครทำดีก็จะได้ดี ทำชั่วก็จะได้ชั่ว ลาก่อน”
ทิตายิ้มเศร้ามีเลศนัย ถดตัวถอยออกไปทั้งที่ยังเล็งปืนใส่แพรพลอยอยู่ แล้ววิ่งหนีหายไป

แพรพลอยถอนใจอย่างเศร้าสร้อย ทั้งเป็นห่วงและเสียใจที่หว่านล้อมทิตาไม่สำเร็จ

อ่านต่อตอนที่ 15 อวสาน
กำลังโหลดความคิดเห็น