ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ในที่สุดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ “เอ็กซ์-จักษ์กฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม” อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ที่ถูกมือปืนระดับพระกาฬ 2 คนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จ่อยิงในขณะที่เจ้าตัวกำลังขับรถปอร์เช่ อยู่บริเวณปากซอยรามคำแหง 166 ก็ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมมือปืนและสามารถเชื่อมโยงไปจนถึงคนว่าจ้างได้สำเร็จ นั่นก็คือ “นางสุรางค์ ดวงจินดา” ผู้เป็นแม่ของ “หมอนิ่ม-พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ” ภรรยาของเอ็กซ์
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ปิดคดี เรื่องราวปมสังหารที่เกิดขึ้นกับนักแม่นปืนครั้งนี้ ถือว่าเป็นที่น่าสนใจของประชาชนอย่างมาก และทำให้สงสัยว่า ใครกันแน่ที่เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารโหดในครั้งนี้
ด้วยนิสัยที่โผงผาง ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ก็มีการคาดการณ์ไปต่างๆนานาว่า เอ็กซ์ได้สร้างศัตรูไว้รอบตัวไปหมด จนนำไปสู่การชำระสะสาง ในวันที่เอ็กซ์ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2556ที่ผ่านมา อีกทั้งเอ็กซ์ยังเป็นบุคคลสาธารณะ คนในสังคมจึงจับตามองดูความเคลื่อนไหวของคดี เพราะใครๆต่างก็อยากรู้ถึงผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง
ใครกันแน่ที่ฆ่าเอ็กซ์-จักรกฤษ์ ?
และกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในสังคมว่า เอ็กซ์-จักษณ์กฤษณ์ถูกลอบสังหารด้วยเหตุผลประการใด ?
โดยก่อนหน้านี้ทางตำรวจได้ตั้งประเด็นถึงสาเหตุการเสียชีวิตไว้ด้วย 4ปมด้วยกันคือ 1.ขัดแย้งในธุรกิจพระเครื่อง 2.ขัดแย้งเรื่องธุรกิจค้ายา 3.ขัดแย้งกับสมาคมยิงปืน 4. ขัดแย้งเรื่องครอบครัว
และสุดท้ายทางตำรวจก็ไขคดีความได้ว่า สาเหตุปมสังหารครั้งนี้มาจากประเด็นความขัดแย้งภายในครอบครัว!
การแกะรอยของตำรวจในครั้งนี้ เกิดจากการสอบปากคำพยานแวดล้อม ที่ทำให้น้ำหนักของคดีความชัดเจนขึ้นว่าสาเหตุที่เกิดขึ้น มาจากความขัดแย้งภายในครอบครัว
สืบเนื่องจากวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่เอ็กซ์จะถูกยิงเสียชีวิตก่อน 3วัน มีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เอ็กซ์กับหมอนิ่มได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกาย ฉุดกระชากลากถูขึ้นรถยนต์ ก่อนที่จะบึ่งรถออกไปจากจุดเกิดเหตุ
ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ตำรวจสะกิดใจว่า ก่อนหน้านี้ทั้งคู่มีข่าวออกมาว่า ได้คืนดีกันแล้ว แต่เหตุใดยังมีพยานพบเห็นทั้งสองคนทะเลาะมีปากเสียงกันอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่เอ็กซ์จะเสียชีวิตได้ไม่นาน
จึงมีความเป็นไปได้ว่า คนในครอบครัวของหมอนิ่มสุดจะทนกับพฤติกรรมการชอบใช้ความรุนแรง ใช้กำลังทำร้าย ตบตีลูกเมีย จึงเป็นที่มาของวิธี 'ชิงลงมือสังหาร' ก่อน เพราะเอ็กซ์นั้นมีนิสัยเชื่อมั่นในตัวเองสูง ก้าวร้าว และข่มขู่คนรอบข้างให้เกิดความหวาดกลัวอยู่เสมอ
ส่วนทีมสังหารโหดเอ็กซ์-จักษ์กฤษณ์นั้น ตำรวจแกะรอยได้จากการติดต่อที่มีพิรุธ ที่นางสุรางค์ ดวงจินดา มารดาของหมอนิ่ม ได้ติดต่อกับนายจิรศักดิ์ กลิ่นคล้าย อยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ทั้งสองคนนั้นไม่รู้จักกับครอบครัวหมอนิ่มมาก่อน ตำรวจจึงทำการเช็คประวัตินายจิรศักดิ์ จึงทำให้สาวถึงมือปืนคนนี้ที่หลบหนีกบดานอยู่ที่ จ.กระบี่ ตำรวจจึงควบคุมตัวและสอบเค้นจนรับสารภาพในที่สุด โดยมีนายธวัชชัย เพชรโชติ หรืออ้น เป็นผู้ทำหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์ให้ในวันก่อเหตุ
การพลิกคดีความในครั้งนี้ จึงเปิดโปงโฉมหน้าผู้สั่งการ ว่าแท้จริงแล้วเป็นนางสุรางค์ ดวงจินดา มารดาของพญ. นิธิวดี ภู่เจริญยศ ซึ่งก็มีทั้งคนเห็นใจ และต่อต้านไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจที่สวนทางกับวิธีขาวสะอาดที่คนในสังคมจะยอมรับได้ หรืออีกแง่มุมหนึ่งก็มีคนเห็นใจ เพราะกฎหมายบ้านเมืองไม่สามารถเอาผิดกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัว จับเข้าคุก ประเดี๋ยวก็ปล่อยออกมา และผู้ถูกกระทำก็ได้รับเคราะห์ซ้ำอยู่ร่ำไป
และนี่ก็คือที่มาของชนวนความขัดแย้ง ที่ทำให้แม่ของหมอนิ่มตัดสินใจวางแผนปลิดชีวิตในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลส่วนตัวอันมีสายสัมพันธ์ความรักระหว่างแม่และลูกผลักดันอยู่ ซึ่งเธอบอกว่า ทนไม่ได้ที่ลูกตนเองต้องถูกกระทำรุนแรงมาตลอด 6 ปี !
จากการวางแผนก่อเหตุในครั้งนี้ เริ่มต้นจากการจ้างวาน น.ส.วรพรรณภูรี มนตรีอารีกุล หรือแหม่ม ทำหน้าที่เป็นผู้จัดหากลุ่มมือปืนในการลงมือก่อเหตุสังหาร โดยวันที่ตำรวจเข้าจับกุมเธอก็ได้รับสารภาพว่า เป็นเพื่อนรู้จัก สนิทสนมกับครอบครัวของพญ. นิธิวดี ภู่เจริญยศ ภรรยาของนายจักรกฤษณ์ เป็นอย่างดี และยังเป็นคนที่ติดต่อกับนายสันติ ทองแสม หรือทนายอี๊ด ซึ่งเป็นคนจัดหามือปืน ทำการสังหารโหดในครั้งนี้
ด้วยความรักที่มีให้กับลูกสาวของตน ทำให้นางสุรางค์ตัดสินใจพรากชีวิตคนอื่นด้วยวิธีการ'ศาลเตี้ย' และดูจะไม่ถูกไม่ควรนักหากมองในแง่กฎหมายที่นึกจะฆ่าใครก็ได้ เพราะเอ็กซ์นั้นก็เป็นมนุษย์ที่มีกฎหมายคุ้มครองด้านสิทธิในความเป็นอยู่เฉกเช่นคนทั่วไป ทว่า ปมขัดแย้งเริ่มเขม็งเกลียวขึ้นทุกที เมื่อแม่ของเอ็กซ์ได้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีให้ถูกต้องตามกฎหมาย นางสุรางค์ก็คิดว่าเมื่อหลุดคดีแล้วเอ็กซ์จะทำตัวดีขึ้น แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรดีขึ้นเลย หมอนิ่มก็ยังถูกทำร้ายอยู่เหมือนเดิม
จนกระทั่งก่อนที่จะเข้ามาแจ้งความ ให้ดำเนินคดีกับเอ็กซ์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 13ก.ค.ที่ผ่านมา เอ็กซ์ได้ทำร้ายร่างกาย จนหมอนิ่มแท้งลูกคนที่ 3 นางสุรางค์ให้การว่า ตนเองทำใจไม่ได้จริงๆ และเมื่อเป็นแบบนี้คงไม่รอให้ลูกสาวตายก่อน ทั้งยังยืนยันว่าหมอนิ่มไม่ทราบเรื่องที่ตนเองจ้างฆ่านายเอ็กซ์แต่อย่างใด
นางสุรางค์ มารดาของหมอนิ่มได้ให้เหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจจ้างวานฆ่าลูกเขยว่า เธอมีหมอนิ่มเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ที่ผ่านมาเธอต้องทนเห็นลูกสาวถูกทุบตีและทำร้ายร่างกายนับครั้งไม่ถ้วน และไม่สามารถช่วยอะไรลูกสาวได้เลย เคยพยายามห้ามปราม แม้แต่ขอร้อง ยังถูกเอ็กซ์เอาปืนมาขู่ รวมทั้งยังดูถูกเหยียดหยามลูกสาวต่อหน้าต่อตา แต่ลูกสาวก็ขอให้แม่อดทนและให้อภัยสามี
“แม่ทราบมาตลอด เราทนไม่ไหวที่เห็นลูกสาวโดนทำร้าย แม่เจ็บมากกว่าลูกหลายเท่า แม้ว่าอาจไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับหมอนิ่ม แต่บ่อยครั้งที่ไปหานิ่มที่บ้าน ก็จะได้ยินตลอดว่า น้องนิ่มโดนทำร้ายอีกแล้ว ที่ผ่านมาเคยให้เวลาเอ็กซ์มามากแล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลย”
และความอดทนจึงหมดลงในวันที่แม่รู้ข่าวว่าหมอนิ่มท้องคนที่ 3 แต่เอ็กซ์ก็ทำร้ายร่างกายจนกระทั่งแท้งลูก เธอจึงคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ลูกสาวพ้นจากความทุกข์ทรมานได้ แม้ว่าเธอจะตักเตือนลูกสาวด้วยความเป็นห่วงหลายครั้ง แต่ด้วยความรักที่ลูกสาวมีให้สามีนั้นมากเกินกว่าจะห้ามปรามได้ ยังให้อภัยและคิดว่าจะกลับไปใช้ชีวิตด้วยกันใหม่
แต่ระหว่างที่สามีออกจากคุกมาเพื่อง้อขอคืนดี และได้ให้นาง ปวีณา หงสกุล รมว. การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นกาวใจ ช่วยผสานรอยร้าวในครอบครัวให้กลับมาคืนดีเหมือนเดิม แต่ก็ไม่วายมีเรื่องเกิดขึ้นอีกซ้ำซาก ลูกสาวของเธอก็ยังถูกข่มขู่ กระทำย่ำยีให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ จน กลายเป็นที่มาของการลงมือจ้างวานในครั้งนี้
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวหมอนิ่มกับเจ๊แหม่มนั้นทั้ง 2 ฝ่ายได้รู้จักกันมาประมาณ7ปี มีจุดเริ่มต้นโดยเจ๊แหม่มเป็นลูกค้าคลินิคเสริมความงามของหมอนิ่ม และเข้ารับการรักษาเป็นประจำทุก 3เดือน ประกอบกับชักชวนหมอนิ่มให้ร่วมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยกันเมื่อ3-4เดือนก่อน
กระทั่งชนวนเหตุความขัดแย้งในครอบครัวรู้ถึงหูเจ๊แหม่มเมื่อนางสุรางค์ แม่ของพญ.นิธิวดี ได้เข้ามาพูดคุยระบายความในใจให้ฟัง ถึงพฤติกรรมเอ็กซ์-จักษ์กฤษณ์ ที่ทำร้ายร่างกายลูกสาวอย่างรุนแรงอยู่เป็นประจำ ประกอบกับการใช้สารเสพติดที่เป็นบ่อเกิดของภาวะความไม่ปกติ ก้าวร้าว และควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่ เกรงว่าพญ.นิธิวดีและหลานจะไม่ได้รับความปลอดภัย
นางสุรางค์ได้พยายามคิดหาทางออกเพื่อช่วยเหลือลูกสาวให้พ้นจากวงจรชีวิตที่ประสบกับความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเจ๊แหม่มก็ตบปากรับคำดำเนินการให้ด้วยเหตุผลของคน'หัวอกเดียวกัน' ที่นางต่างก็เคยประสบปัญหาเช่นนี้มาก่อน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้พูดคุยเกี่ยวกับแผนการครั้งนี้ ในขณะที่พญ.นิธิวดี กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เสรีรักษ์ จากอาการแท้งลูก โดยเจ๊แหม่มได้ว่าจ้างทนายประจำตัว ขอให้ช่วยจัดหามือปืนและพาไปทำความรู้จักกับนางสุรางค์
จนกระทั่งในวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นางสุรางค์ ได้นัดเจอเจ๊แหม่มและทนายอี๊ดเพื่อนำเงินก้อนแรกไปให้จำนวน 600,000 บาท เพื่อใช้ในการจัดหามือปืน โดยตอนนั้นทนายอี๊ดก็ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไป และรับปากว่าจะดำเนินการให้ แต่ผ่านไปสักระยะเรื่องก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ทนายอี๊ดจึงเรียกเงินเพิ่มอีกจำนวน600,000 บาท
โดยหลังจากที่จ่ายเงินไปทั้งหมด 1.2ล้านแล้ว เจ๊แหม่มอ้างว่าไม่ได้ติดต่อกับทนายอี๊ดอีกเลย และก็ไม่ได้รับส่วนแบ่งใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเหตุผลที่ทำไปก็เพราะเห็นอกเห็นใจที่หมอนิ่มถูกทำร้ายจึงคิดอยากจะช่วยเหลือเท่านั้น
“ดิฉันรู้จักกับหมอ คุณแม่และน้องเอ็กซ์มานานกว่า 7ปีแล้ว ที่ผ่านมาได้ยินเรื่องเอ็กซ์ทำร้ายหมอนิ่มมาโดยตลอด ตอนนั้นน้องนิ่มแท้งลูก รักษาตัวอยู่ที่ รพ.เสรีรักษ์ คุณแม่ได้เรียกแหม่มไปพบที่รพ. ขอความช่วยเหลือให้ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้หน่อย จึงพาทนายอี๊ดที่รู้จักกับกลุ่มมือปืนไปพบและคุยกับคุณแม่ แอบคุยตอนหมอนิ่มนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ตอนแรกทนายอี๊ดขอค่าเหนื่อยให้ทีมสังหาร 6แสน และตอนหลังขอเพิ่มอีก6แสน จนกระทั่งมือปืนทำงานสำเร็จ และหลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อทนายอี๊ดได้อีกเลย”
อีกทั้งเจ๊แหม่มยังระบุเพิ่มเติมว่า กฎหมายบ้านเราบางทีก็ทำอะไรไม่ค่อยได้ แก้ไม่ถูกทาง และช่วงหลังนายจักรกฤษณ์ก็อาการหนัก ทำร้ายร่างกายเมีย เอาสายไฟมาพันตัวแล้วก็เอาเครื่องช็อตไฟฟ้าช็อต จึงทำให้รู้สึกเห็นใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อพญ.นิธิวดี เล่าว่า ขณะที่ลูกนอนอยู่ นายจักรกฤษฺถึงขนาดหยิบปืนที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมาขู่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว
นอกจากนี้สังคมยังตั้งคำถามต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า พญ.นิธิวดี มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับแม่ของตัวเองเพื่อสังหารเอ็กศฺ-จักรกฤษณ์หรือไม่ ซึ่งทางเจ๊แหม่มได้ให้ข้อมูลว่า ตนเองและนางสุรางค์เป็นคนสั่งการเมื่อระหว่างจัดงานศพ โดยก่อนหน้านี้ พญ.นิธิวดี ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน ไม่เคยเล่าเรื่องความขัดแย้งในครอบครัวให้ฟัง
กระทั่งวันที่ 11 พ.ย. พญ.นิธิวดีกับนางสุรางค์ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ พร้อมทั้งชี้แจงว่า ในเรื่องที่มีหลายคนตั้งคำถามในประเด็นชู้สาวนั้น ยืนยันว่าตนเองไม่เคยคบชู้และหวังสมบัติของสามีที่เคยปรากฏเป็นข่าว ส่วนการที่มารดากระทำเรื่องนี้ก็ไม่เคยเล่าให้ฟังมาก่อน แต่มาวันนี้หากสามารถรับผิดแทนมารดาได้ ก็พร้อมที่จะรับโทษแทน เพราะทำให้รู้แล้วความรักของแม่ยิ่งใหญ่แค่ไหน และอยากฝากถึงผู้ชายทุกคนที่มีครอบครัวว่าไม่ควรใช้ความรุนแรงเพราะที่ครอบครัวต้องจบลงในวันนี้ก็มีสาเหตุมาจากความรุนแรงทั้งหมด ทั้งนี้ภายหลังการแถลงข่าวเปิดใจ พญ.นิธิวดี ได้ก้มกราบมารดาพร้อมกับกล่าวขอโทษ
“ในช่วงบั้นปลายชีวิตถ้าแม่ต้องไปอยู่ในคุกตนคงไม่สบายใจ เพราะแม่มีโรคประจำตัวมากมาย ขึ้นอยู่กับศาลและความยุติธรรมที่แม่จะได้รับ ซึ่งก็จะรู้คำตอบอีกไม่นาน ส่วนสาเหตุที่แม่ต้องทำแบบนี้นั้นเป็นเพราะสามีใช้ความรุนแรงกับตนมาโดยตลอดและมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย แม่เลยทนไม่ได้ แม่เจ็บกว่าเรามากเพราะเห็นเป็นประจำ ยิ่งโดยเฉพาะตอนท้องลูกคนที่ 3 เอ็กซ์ก็ทราบว่าตนท้องอยู่ แต่ก็ยังทำร้าย คนเป็นแม่จะรู้สึกอย่างไร เอ็กซ์ได้ชกที่ท้องตนหลายครั้งตอนที่ท้องอยู่ เป็นสาเหตุที่ทำให้แท้งร่วมกับสาเหตุอื่น ๆ ด้วย ตอนนี้ลูกสาวคนโตก็ยังถามหาพ่ออยู่ ตนก็บอกว่าป๊าไปอยู่บนสวรรค์เป็นเพื่อนน้องแล้ว น้องอยู่คนเดียวน้องเหงา และตนเพิ่งทราบไม่นานว่าแม่เป็นคนบงการ ตอนงานศพก็ยังไม่ทราบ เรื่องคดีตนจึงไม่ขอพูด เพราะพูดได้แค่นี้จริง ๆ”
อีกทั้งหมอนิ่มยังให้การถึงพ่อเอ็กซ์-จักษ์กฤษณ์ว่า ไม่เคยกีดกันไม่ให้ลูกไปเจอบ้านพ่อแม่สามี แต่ตามปกติน้องไม่ค่อยได้ไปอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก เคยไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงไม่แปลกที่ไม่ได้พาลูกไปหาปู่กับย่า เพราะปู่กับย่ามาหาตลอด
“ทางคุณมาณพ พ่อสามีต่างหากที่ไม่เคยโทรมาถามเลยว่าตนรู้สึกยังไง ไม่เคยถามถึงหลานเลยสักครั้ง บอกว่ารักหลานแต่ไม่เคยซื้อขนม ของเล่นให้สักอย่าง และที่มีกระแสข่าวว่าต้องการสมบัติของเอ็กซ์นั้น จริง ๆ แล้วเป็นสมบัติที่ทำร่วมกันมา ตนมีกิจการทำคลินิก เงินทุกบาททุกสตางค์ได้มาจากตน ผู้ตายเป็นนักกีฬายิงปืน เป็นข้าราชการ ลองคิดดูว่าทรัพย์สินที่ได้มาใครเป็นคนหา”
ด้านนายมาณพ พ่อของเอ็กษ์-จักษ์กฤษ์ พณิชย์ผาติกรรม เมื่อทราบข่าวว่าคนที่จ้างวานฆ่าลูกชายตนนั้นคือคนใกล้ตัว ก็ได้ให้ความเห็นไว้ว่า
“ เรื่องแบบนี้คนมีลูก ถ้าลูกโดนฆ่าจะให้อภัยได้หรือ แต่ลึก ๆ ตนให้อภัย แต่เขาเองก็คงไม่ได้เห็นพวกเราไปอีกนาน ตนรู้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่า 2 คนนี้เป็นคนสั่งฆ่า ก่อนเอ็กซ์จะออกจากเรือนจำเขาก็วางมัดจำสั่งยิงเอ็กซ์แล้ว 6 แสนบาท อีกทั้งยังมีข้อตกลงให้มากราบเท้าแม่หมอนิ่มหลังจากออกจากเรือนจำด้วยคิดดูซิว่าเป็นการบังคับคนให้ไปกราบเท้าคนที่สั่งเชือดคอเขา ฝากบอกหมอด้วยว่าเป็นเรื่องที่โหดร้ายที่สุด และไม่ทราบเลยว่าต่อจากนี้ใครจะเป็นคนดูแลหลาน”
“ไม่ผิดขนาดสั่งฆ่า เรื่องตบตีเมียอะไรพวกนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่ซาดิสต์ด้วยกันมันอยู่กันไม่ได้หรอกถึง 6 ปี”
ล่าสุด นางสุรางค์ ดวงจินดา ได้ยื่นขอประกันตัว เนื่องจากป่วยเป็นโรคหัวใจ ทางตำรวจตั้งวงเงินประกันไว้ที่ 5แสนบาท ส่วนพญ.นิธิวดีก็ได้ใช้โฉนดที่ดินวงเงิน 1ล้านบาทและนางวรพรรณภูรีใช้เงินสด 5แสนบาท ซึ่งทางตำรวจได้ดูจากความเหมาะสม ว่าผู้กระทำความผิดนั้นไม่มีทีท่าจะหลบหนีหรือทำการข่มขู่ คุกคามพยาน ประกอบกับมีหลักทรัพย์ยื่นประกันที่เพียงพอ อีกทั้งได้เข้ามอบตัวที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมีนางปวีณา หงสกุลเป็นผู้รับเรื่อง แต่หากมีการเดินทางออกนอกประเทศจะต้องมีการขออนุญาตพนักงานสอบสวนก่อน
คดีนี้ดูเหมือนแม่หมอนิ่มอาจเป็น'ผู้พิทักษ์'สำหรับครอบครัวของตัวเอง แต่สำหรับในแง่ของกฎหมายบ้านเมืองนั้น คือผู้ร้ายมือเปื้อนเลือดที่ต้องว่าไปตามผิด อุทาหรณ์ครั้งนี้น่าจะทำให้เรื่องความรุนแรงในครอบครัวถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นที่สังคมจะให้ความสำคัญ