xs
xsm
sm
md
lg

ภาพอาถรรพณ์ ตอนที่ 15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภาพอาถรรพณ์ ตอนที่ 15

ค่ำคืนนั้นสองคนอยู่บนเรือนแม่อร เจ้าคุณเห็นท่าทีเกดรู้ว่าต้องมีอะไรแน่

“ถ้าให้อิฉันขอท่านผู้หญิงมาฟังอิฉัน ท่านไม่ฟังหรอกเจ้าค่ะ ต้องเป็นเจ้าคุณขอท่าน
“เรื่องอะไรเอ็งต้องบอกข้าก่อน”
“อิฉันไม่บอก....แต่อิฉันรับรองว่าท่านไม่เสียหายหรอกเจ้าค่ะ”

เช้าวันต่อมา เจ้าคุณ ท่านผู้หญิง คุณประยงค์ คุณน้อย คุณปั้น คุณมณี รวมทั้งพวกบ่าว อีทิ้ง อีบัว อีย้อย ไอ้รอด และอีอุ่น ทุกคนทยอยเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ ตามลำดับ ไอ้กลับแอบดูเหตุการณ์อยู่ตรงประตู
ท่านผู้หญิงแย้มเอ่ยขึ้น
“ฉันเป็นตัวแทนของท่าน เจ้าคุณอักษรว่ามีอะไรหรือ”
เจ้าคุณมองคุณประยงค์นิ่งๆ
“กระผมเองก็ยังไม่ทราบขอรับ”
ท่านผู้หญิงงง “อ้าว...ยังไง เจ้าคุณบอกว่าให้ฉันมาฟังเรื่องสำคัญ”
“เกดขอรับ เขามีความสำคัญจะเรียนท่าน” เจ้าคุณบอก
คุณประยงค์สวนทันที “ลูกไม่ฟังมัน”
ท่านผู้หญิงปราม “แม่ประยงค์แม่อยู่ทั้งคน”
“มันพูดเรื่องเก่าลูกไม่ขอฟัง พิรี้พิไร เจ้าเรื่องเจ้าราวไสหัวเอ็งออกไปจากบ้านของข้าเจ้านายตายไปนานแล้วมาอยู่เป็นเสนียดทำไม”
เสียงเกดดังขึ้น “อิฉันจะลากลับบ้านในไม่ช้านี้แหละเจ้าค่ะ”
“ก็ไปเลยไม่ต้องลา เอ็งไม่เกี่ยวข้องกับใครที่นี่ที่ให้อยู่เพราะเป็นบ่าวรับใช้ ตอนนี้ไม่ต้องรับใช้ใครก็กลับไปได้” คุณประยงค์ประชดส่ง
เกดแดกดัน “เจ้าค่ะ เป็นพระคุณ
ท่านผู้หญิงหันมาทางเจ้าคุณ “เจ้าคุณ ขอฉันพูดหน่อยเรื่องแค่นี้ทำไมถึงต้องให้ฉันเสียเวลา”
“นั่นสิเจ้าคุณอักษร ฉันกำลังจะไปทำงานต้องมาเสียเวลาฟังว่าบ่าวของเจ้าคุณจะลากลับบ้าน เจ้าคุณกรึกกรองดีแล้วรึจึงทำเช่นนี้” คุณปั้นว่า
“กระผมขอประทานโทษอีกครั้ง เกดบอกผมว่าเรื่องสำคัญมากเกี่ยวข้องกับคุณประยงค์ กระผมจึงต้องรบกวนท่าน คุณพระด้วยขอรับ”
คุณปั้นชักฉุน “ก็แล้วมันเรื่องอะไร นี่นังเกด มึงทำเรื่องยุ่งหลายครั้งแล้วนะ นี่คนบ้านกูต้องมานั่งเป็นพระอันดับคอยฟังมึงพูด มึงเป็นใหญ่มาจากไหน”
คุณน้อยขัดขึ้น “คุณพ่อเจ้าขา ฟังก่อนนะคะ”
คุณปั้นเอ็ด “แม่น้อยไม่ใช่เรื่องของเด็ก ไม่มีธรรมเนียมผู้ใหญ่กำลังพูดกันเด็กจะมาสอดแทรกคุณแม่ขอรับ ผมขอไปทำงานก่อนนะครับ มีอะไรจะมาฟังเย็นนี้”
เกดบอกเสียงเข้ม “อิฉันมีหลักฐานว่าคุณประยงค์เป็นคนผลักคุณอรตกกะได”
ทุกคนตื่นตะลึงไปตามอารมณ์ใครมัน
คุณประยงค์แหวใส่ “มึงเอาอีกแล้ว อีเกด ไสหัวมึงไปเดี๋ยวนี้ อีทิ้ง อีอุ่น เอาตัวอีไพร่คนนี้ออกไปให้พ้นหน้ากู เร็วสิมึง อีทิ้ง”
อีทิ้งนั่งเฉย
คุณประยงค์เดือดดาล “มึงรีรอทำไมอีทิ้ง ไอ้กลับ เมียมึงเป็นอะไร”
ไอ้กลับและอีทิ้งเหลียวมองหน้ากัน
อีทิ้งบอก “พี่กลับ ดูหน้าอีเกดสิ”
เกดมองตอบ “ใช่ มึงดูหน้าดูไว้อีทิ้ง กูกำลังจะบอกเดี๋ยวนี้ว่า....ว่าอิฉันมีพยานอีก 3 คนเจ้าค่ะที่ได้ยินอีทิ้งพูดกะหูว่าคุณประยงค์ผลักคุณอรตกกะไดแล้งบังคับให้อีทิ้งเป็นคนรับสมอ้าง”
ทุกคนตกใจ
“พยานอีก 3 คนนั่นเจ้าค่ะ บัว ย้อย กะพี่รอดเจ้าค่ะ” เกดว่า
ท่านผู้หญิงหันมาทางลูกชาย “พ่อปั้น ลองไต่ถามมันดูซิ”
คุณประยงค์สอดขึ้นอีก “ไม่ต้องคุณพี่ปั้น ถามมันทำไมแค่ไพร่สถุล คำพูดเชื่อไม่ได้ อีเกดมันต้องซักซ้อม
กันมาเพราะมันพวกเดียวกัน”
อีย้อยขัดขึ้น “อิฉันเป็นพวกคุณท่านคนใหญ่”
คุณปั้นซัก “เอ็งเงยหน้าพูด อี.....ชื่ออะไรเอ็ง”
“ชื่อย้อยเจ้าค่ะ เป็นบ่าวเรือนท่านเจ้าคุณ”
คุณปั้นงง “เอ็งว่ากระไรนะ เมื่อกี้เป็นบ่าวเรือนเจ้าคุณแต่เป็นพวกคุณท่านคนใหญ่”
“เจ้าค่ะ อีทิ้งให้เงินอิฉัน” อีย้อยบอกอีก
“ให้ทำไม” คุณปั้นซักต่อ
“ให้เล่าเรื่องในเรือนท่านเจ้าคุณค่ะ” อีย้อยตอบ
“ก็ชัดเจนว่า อีทิ้งไม่ได้อยากรู้ด้วยตัวเอง...คุณแม่เห็นด้วยมั้ยครับ”
คุณประยงค์ตึงเปรี๊ยะ
ท่านผู้หญิงบอก “ถามมันคำถามเดียว พ่อปั้น”
“ขอรับ พยานของเอ็งทั้งสามคนนี้หรือนังเกด”
“เจ้าค่ะ”
“เอ้า พูดไป” คุณปั้นบอก
คุณประยงค์ขยับตัวจะลุกหนี
ท่านผู้หญิงถาม “แม่ประยงค์ จะไปไหน”
“ลูกไม่อยู่ฟังอีเกดกับพวกของมันแต่งเรื่องกล่าวหาลูก”
ท่านผู้หญิงเตือน “คนเรา...ทำอะไรไว้ต้องยอมรับผลที่เราทำ”
คุณประยงค์โต้ “ลูกไม่ได้ทำ”
ท่านผู้หญิงเสียงเข้ม “ไม่ได้ทำก็ต้องอยู่”
คุณประยงค์โมโหมากหันมาทางพวกบ่าว “มึงพูดมา...ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะกูไม่ได้ทำ อีทิ้งมันทำ”
เจอโยนข้อหาจังๆ อีทิ้ง มองหน้าไอ้กลับกันสองคน

เล่าถึงตอนนี้ ปู่กลับนิ่งงันไป
โสนพนมมือพึมพำสวดมนต์ บทแผ่เมตตา “ สัพเพสัตตา......”

คุณประยงค์เริ่มมีสีหน้าเจ็บปวดจากบทสวดมนต์นั้น
ย่าน้อยดูออก “คุณอาขา...คุณอา”
คุณสวาสดิ์สงสาร “คุณอาน้อยขา จะช่วยคุณย่าได้ยังไงคะ”
ย่าน้อยหน้าหมองลง “ยากเหลือเกินลูกสวาสดิ์ กรรมที่ทำไว้มีเวลาของมัน ต้องมาถึงซักวัน”

ปู่กลับมองหน้าทุกคน อนงค์วดีเงยหน้ามองไปที่ระเบียง
อนงค์วดีเรียก “นิ่ม”
“คะ คุณอนงค์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ไม่สบายรึเปล่าคะ นิ่มไปเอายาให้มั้ยคะ”
“ไม่ใช่ฉัน” ชี้มืออนงค์วดีไป

เป็นเกษลดาที่ร้องไห้ออกมา นิ่มวิ่งขึ้นบันไดมาเร็วรี่ สีหน้ากิริยาตื่นเต้น จนมาถึงเกษลดา
“คุณเกษลดา ไม่สบายรึเปล่าคะ คุณอนงค์ให้นิ่มขึ้นมาดูคุณค่ะ”
เกษลดาส่ายหน้า
“คุณหน้าซีดมากค่ะ มาค่ะนิ่มจะพาคุณไปพัก”
เกษลดาส่ายหน้า โบกมือว่าไม่ต้อง
“พักเถอะค่ะ” นิ่มเซ้าซี้
เกษลดาหันมามอง สีหน้าเข้ม
นิ่มหน้าเสีย จ๋อยสนิท ค่อยๆ เดินก้มหน้าลงบันไดไปจนไปนั่งที่เดิม
อนงค์วดีมองเป็นคำถาม
“ไม่ยอมพักค่ะ นิ่มก็บอกแล้วว่าคุณอนงค์ให้นิ่มมาพาคุณเกษลดาไปพักแต่เธอไม่ยอมค่ะ จะให้ลองอีกครั้งมั้ยคะคุณอนงค์”
อนงค์วดีพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร
จู่ๆ ปู่กลับก็เอ่ยขึ้น “อีทิ้ง จำต้องยอมรับว่ามันเป็นคนผลัก”
ทุกคนได้ฟังแล้วหันมาจ้องชายชราในอาการตกใจ

ปู่กลับเล่าเหตุการณ์ต่อมา ทุกคนอยู่ประจำที่ของตน
เกดเอ่ยขึ้น “อิฉันสาบาน อิฉันได้ยินอีทิ้งพูดว่า คุณท่านคนใหญ่เป็นคนผลักคุณอร”
อีทิ้งสวนขึ้นมาตอนนี้ “อิฉันผลักเจ้าค่ะ ไม่ใช่คุณท่านคนใหญ่”
เกดหันมา “อีทิ้ง เจ้านายใจไม่มีเมตตากะเอ็งใยเอ็งต้องซื่อสัตย์ยอมเธอทุกอย่าง”
อีบัวบอก “อิฉันก็สาบานเจ้าค่ะ”
อีย้อยว่า “อิฉันด้วยเจ้าค่ะ สาบาน”
ไอ้รอดเอาด้วย “กระผมก็สาบานขอรับ”
นิ่งเงียบไปทั้งกอง
คุณประยงค์แหวใส่ “อีทิ้ง อีคนเลว มึงใส่ความกู ตัวมึงนั่นแหละทำ”
อีทิ้งย้อน “ทิ้งจะทำทำไมเจ้าคะ”
“กูไม่รู้ ตัวของมึง มึงทำ มึงยังไม่รู้แล้วมึงจะให้ใครรู้ นี่แน่ะ”
คุณประยงค์พรวดไปเอาเรื่องอีทิ้ง ทุบตีพัลวัน “อย่าเจ้าค่ะ อย่า โอ๊ย ทิ้งเจ็บนะเจ้าคะ”
ท่านผู้หญิงอึ้ง ทำท่าจะลุก คุณปั้นเรียกไว้
“คุณแม่จะไปไหนครับ”
ท่านผู้หญิงบอก “แม่อยู่ตรงนี้ไม่ได้ พ่อปั้นห้ามแม่ประยงค์ด้วยกำลังคลั่งใหญ่แล้ว” ท่านเดินหนีขึ้นบันไดไปเลย
คุณประยงค์คำรามลั่น เดิอดดาลสุดขีด “อีทิ้ง” แล้วตบซ้าย ตบขวา “มึง...เนรคุณ ข้าวกูไม่มียางหรือมึงถึงมาใส่ความกู”
ไอ้กลับสงสารเมียจับจิต
คุณประยงค์เกรี้ยวกราด “มึงสารภาพ...สารภาพกับคุณพระท่านเดี๋ยวนี้ว่ามึงเป็นคนผลักมัน บอกไปสิว่ามึง
ไม่ได้ตั้งใจมึงแค่จะทำให้มันเจ็บตัว มึงแค่สั่งสอนแต่มันเกิดตายขึ้นมา มึงก็เสียใจมึงบอกไป บอกไปเดี๋ยวนี้” ถึงตอนนี้คุณท่านคนใหญ่พูดไปร้องไห้ไป แล้วลงไปนั่งกับพื้น
สีหน้าทุกคนรับรู้ทั่วกันแล้วว่าคุณประยงค์นั่นแหละเป็นคนทำ!
เกดสมใจแล้ว ลุกขึ้นเดินออกไปก่อน คนอื่นเดินออกตามกันไป
เหลืออีทิ้งที่หมอบอยู่ เจ้าคุณกับคุณประยงค์ ต่อว่ากันด้วยสายตา

ไอ้กลับโผล่หน้าที่ประตูแอบดูอยู่ และเดินเข้าไปประคองอีทิ้งออกไป

ต่อจากตอนที่แล้ว

อนงค์วดี ละมุน และชัยชนะยังคุยกันอยู่ในสวน

“เกดตายยังไงคะป้ามุน คุณชวดฆ่าใช่มั้ยคะ”
“ท่านไม่ได้พูดอย่างนั้น ท่านหลงๆ นิดๆ แล้วค่ะ ท่านพูดแค่นั้นค่ะคุณอนงค์ว่าบ่าวคนนั้นถูกฆ่าตาย”
ชัยชนะบอก “ถูกฆ่าตายจะมีใครฆ่าล่ะแทบจะไม่ต้องสงสัยเลย”

เหตุการณ์ตามคำบอกเล่าของคุณหญิงสร้อยผุดขึ้นมา
คุณประยงค์อยู่ในชุดไว้ทุกข์ให้บิดาอยู่ที่เรือนพักร้อนในสวนกับอีทิ้ง
“อีทิ้ง เอ็งเดินไปเรียกนังเกดมาหาข้า บอกมันว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะพูดกะมัน
ครู่ต่อมาอีทิ้งเดินมาตามเจอเกดที่หน้าเรือนแม่อร แต่เกดปฏิเสธ
“ข้าไม่มีอะไรจะพูดด้วยหรอกอีทิ้ง”
“เธอมีเรื่องสำคัญจะพูดกะเอ็ง เอ็งก็ไปหน่อยไม่ได้เหรออีเกด”
“ไม่ได้”
อีทิ้งครวญ “โธ่เอ๊ย เอ็งไม่ไปข้าก็โดนอีก”
“เอ็งก็โดนจนชินแล้วนี่อีทิ้งเอ๊ย เฮ้อ เกิดมามีกรรมจริงๆนะเอ็ง”
อีทิ้งเบ้หน้าจะร้องไห้
“เออ...ไม่ต้องร้องไห้เสียน้ำตาเว้ย บีบเท่าไหร่ๆ ข้าก็ไม่ไป เจ้านายเอ็งไล่ข้าเหมือนหมูเหมือนหมามากี่หนแล้วล่ะ จำไม่ได้เหรอเอ็งอีทิ้งเธอไม่ให้ข้าเหยียบบนตึกใหญ่เธอว่าเป็นเสนียด”
“จะพูดให้ตัวเองเจ็บช้ำน้ำใจทำไมวะอีเกด”
“มันก็จริงของเอ็ง....เหอ ไปบอกเธอว่าข้าไม่ไป”

เมื่อเกดไม่ยอมไปพบ คุณประยงค์จึงเป็นฝ่ายมาหา หล่อนเดินไปหน้าเครียดจัด บ่าวชายสองคนเดินตาม สบตากัน เดินช้าลง
“เร่งฝีเท้าหน่อย...รีรออะไรอยู่”

คุณประยงค์อยู่หน้าเรือนแล้ว มีอีทิ้ง อีอุ่น อีบัว อีย้อย และไอ้รอด อยู่ด้วย
“คุณมาทำไม บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรวะพูด” เกดบอก
คุณประยงค์สั่งดีๆ “ออกมากรงนี้ ข้ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับเอ็ง”
เกดออกมา “อิฉันคนไม่สำคัญเป็นไพร่สถุล มีอะไรที่พวกผู้ดีจะอยากพูดด้วย”
“อย่าเล่นลิ้นอีเกดถ้าข้าไม่มีข้าจะมาถึงนี้ทำไม”
“อิฉันไม่ทราบที่นี่บ้านของคุณแผ่นดินของคุณ คุณจะไปกรงไหนก็ได้ คุณเคยพูดใส่หน้าอิฉัน ใส่หน้าคุณอรว่ะแม้แต่เรือนนี้ก็อยู่ในแผ่นดินของคุณ”
คุณประยงค์เก็บอารมณ์เต็มที่
“เธออยู่เจียมตัวทุกอย่างไม่เคยเผยอหน้าไปทัดเทียมแทนจะเป็นเมียบ่าวอยู่แล้ว”
“เกด เอ็งหยุดเถอะ ข้ารู้แล้วว่าข้าผิด”
เกดชะงัก จ้องหน้า ไม่เชื่อ
“เอ็งไม่ต้องมองข้าอย่างนั้น ข้าพูดจริงใจ ข้าเห็นแล้วว่าเอ็งเป็นคนดีซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย”
เกดเย็นลง “คุณพูดธุระที่ว่าสำคัญมาเถอะเจ้าค่ะ”
คุณประยงค์เข้าธุระ “เจ้าคุณกำลังเจริญรุ่งเรืองหน้าที่ราชการ ท่านเป็นคนเก่งเป็นคนฉลาดเป็นคนขยันอนาคตท่านจะเป็นขุนนางใหญ่ แต่ถ้าท่านจะลาออกกลางคัน ราชการจะขาดคนดีทำงาน”
เกดร้อง “อ๋อ...” ลากเสียงยาวกวนโทสะสุดๆ
ทุกคนคอยฟัง
“ก็ช่างราชการ...” เกดเอ่ยขึ้นไม่แยแส
คุณประยงค์เสียงขุ่น “เกด”
“ข้าราชการดีๆ มีอีกถมถืด ขาดเจ้าคุณไปคนเดียว สยามก็ไม่เป็นเมืองขึ้นเขาหรอก”
“ทำไมเอ็งพูดอย่างนั้นวะอีเกด....พูดจาชอบกล”
“เจ้าคุณท่านเป็นคนพูดอิฉันจำมา คุณหมดธุระแล้วใช่มั้ยเจ้าคะ”
“ยัง ข้ายังไม่ได้พูด เป็นธุระเกี่ยวกับเอ็ง”
“อ๋อ จะให้อิฉันพูดกับท่านอิฉันไม่พูด”
“เอ็งไม่เห็นแก่อนาคตท่านรึ”
“ท่านมีอนาคตของท่านอยู่แล้ว อิฉันไม่ต้องไปเห็นหรอก”
“อีเกด เอ็งนี่มันเจ้าคารี้สีคารม รู้จักฟังแล้วไกร่กรองบ้างมั้ย”
“ไกร่กรองตั้งแต่ก่อนคุณมา เพราะอิฉันรู้ว่าอิฉันไม่ไป คุณก็ต้องมา”
คุณประยงค์ของขึ้น “แล้วไง ข้าก็มาแล้วนี่ไง มาขอร้องเอ็งถึงเรือน คุณท่านคนใหญ่ไม่เคยลดตัวไปอ้อนวอนใคร โดยเฉพาะบ่าวในเรือน”
“อ้าว...ไม่เคย แล้วนี่ใครล่ะ กำลังอ้อนวอนอีเกดอยู่เนี่ย...อิฉันบ่าวในเรือนนะเจ้าคะ”
คุณประยงค์ตบเปรี้ยง
เกดสะบัดหน้ากลับมาหา “ไม่ตอบก็ไม่ใช่อีเกดสิวะ”
เสียงดังฉาดใหญ่ หน้าคุณประยงค์สะบัดไปตามแรงตบของเกด เพราะเกดมันตัวโตกว่า
คุณประยงค์ ตะลึง อ้าปากมองหน้าเกดแทบจะฉีกเนื้อมัน
“มึง....มึงตบกูอีเกด อีกำเริบ อีสันดาน อีไพร่ อีคางคก อีทิ้ง มึงไปเรียกไอ้พวกบ่าวผู้ชายมาที่นี่...เร็วสิวะ ยืนอ้าปากค้างทำไม”
“เรียกมาทำไมเจ้าคะ” อีทิ้งงงอยู่นั่น
“ใครสั่งสอนให้มึงถามกู มึงไปเดี๋ยวนี้นะ”

อีทิ้งวิ่งกระเจิงมาตามทางไปบ้านเพื่อหารือไอ้กลับ
“โอ้ย กูจะทำยังไงดี....จะทำไงดีวะ”
อีทิ้งพรวดเข้ามา เรียก พี่กลับ พี่กลับ ดังก้องเรือน
“พี่กลับ...พี่กลับไปไหนโว้ย พี่กลับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วไปอยู่เสียที่ไหนมาช่วยกันหน่อยสิโว้ย เออ...ไม่อยู่ไม่อยู่เงี้ย กูจะมีชู้ซะให้เข็ดเชียวมึง”
ต่อมาไม่นานอีทิ้งเดินทำหน้าบ่าวชาย 2 คน มุ่งไปทางเรือนแม่อร บ่นบ้าอย่างขัดใจ
“ไอ้พี่กลับ...ไอ้บ้าเอ้ย”

คุณประยงค์ประจันหน้ากับเกดอยู่หน้าเรือนแม่อร พร้อมอีทิ้ง บ่าวชาย 3 คน รวมทั้ง อีบัว อีย้อย ไอ้รอด
“อีบัว อีย้อย ไอ้รอด” คุณประยงค์เรียกเสียงดัง
สามคนรับ “เจ้าค่ะ” / “ขอรับ” พร้อมเพรียง
“ข้าจะทำโทษอีเกด พวกเอ็งออกไปจากตรงนี้ให้หมด เพราะถ้าเอ็งอยู่เอ็งอาจจะขัดหูขัดตาข้าแล้วเอ็งจะเจ็บตัวไปด้วย”
อีบัวอิดออดลังเล “แต่...”
ก็แค่ลงโทษกันเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เอ็งจะอยู่ดูก็ได้แต่ถ้าไม่อยู่
คุณประยงค์โยนถุงเงินลงดิน
“แบ่งกัน”
สามคนมองหน้ากัน
คุณประยงค์บอกอีก “เอาเงินไปคนละส่วนถ้าเอ็งกลับบ้านนอก เอ็งจะกลายเป็นคนรวยที่ทันที”“อีบัว...ท่านเจ้าคุณมีให้เอ็งมากกว่านั้นอีก” เกดบอก
คุณประยงค์เยาะ “เอ็งคิดว่าเงินเดือนข้าราชการของเจ้าคุณหากี่เดือนจะเท่าเงินในถุง เจ้าคุณของเอ็งเป็นเด็กในบ้านข้าไม่มีทรัพย์ศฤงคารใดๆ มีแต่เงินเดือน”
เกดบอก “อีบัว อีย้อย ไอ้รอด อย่าเข้าข้างคนผิด”
ขาดคำ สามคนหยิบถุงเงิน แล้วหายไปในพริบตา
คุณประยงค์ฮะ......ฮะ.....ฮะ อีเกด มึงมองคนผิดไปจริงๆ สันดานคนนะเว้ย เงินแค่นี้ก็ขุด
ออกง่ายๆ
“คุณจะทำอะไรอิฉัน”
“มึงอยากรู้ใช่มั้ย ฮะ มึงอยากรู้ล่ะก็มึงไม่ผิดหวังหรอก คนอย่างมึงไม่มีอะไรเหมาะสมเหมือนที่กูกำลังจะให้มึงหรอกอีเกด”
อีทิ้งมาพร้อมบ่าวชาย 2 คน คุณประยงค์จ้องหน้าเกดอย่างสะใจ
เกดตัวสั่น รู้แล้วว่าจะโดนอะไร ระแวดระวังตัว สายตาเหลือบซ้าย แลขวา หาทางหนีทีไล่
คุณประยงค์ โยนเงินอีกถุงลงไปตรงหน้าบ่าวชาย มันเก็บทันที เกดใช้เวลาตอนนั้นกระโจนหนี
คุณประยงค์คำราม “จับมันให้ได้”
บ่าวชายกระโจนตาม

เกดหนีสุดชีวิต มาถึงบริเวณสวนรกๆ หลังบ้าน บ่าวชาย 2 คนที่ออกตามล่าตัวเกดไล่มาติดๆ จนจับตัวได้ แต่เกดสู้ยิบตา สู้แบบคนจนตรอก และพ่ายแพ้ในที่สุด

ส่วนอีทิ้งพยายามขอร้องคุณประยงค์ “คุณท่านคนใหญ่เจ้าขา อย่าทำเลยนะเจ้าคะ มันบาปนะเจ้าคะ”
“อีทิ้ง เอ็งไม่เคยรู้เลยรึว่าข้าเจ็บปวดแค่ไหน เอ็งเห็นมิใช่รึว่าข้าทุ่มเททุกอย่างให้ท่านแต่ข้าจะได้อะไรตอบแทน ท่านกำลังจะทิ้งข้าไป ไปพร้อมมัน พร้อมอีเกดคนที่ข้าเกลียดเข้าไส้ ข้าเกลียดอีเกดมากกว่าแม่อรเสียอีก”
“แต่...มันบาป คุณท่านบาป...บาปมากแล้ว”
คุณประยงค์ไม่สน “ทำบาปอีกทำอย่างคงไม่ทำให้ตกนรกลึกไปกว่านี้หรอก เพราะถ้าข้าเสียท่านไปข้าก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น”
“อย่า....อย่าร้องไห้เจ้าค่ะคุณท่าน”
คุณประยงค์ปาดน้ำตา “อย่าห้ามข้าเลยอีทิ้ง”
อีทิ้งนิ่ง
“อีกหลายครั้งนักอีทิ้ง อีกหลายครั้งที่ข้าต้องร้องไห้”
บ่าวสองคนลากเกดมาโยนไปกลางลาน คุณประยงค์จ้องนิ่งหน้าตาโหดเหี้ยมมาก
คุณประยงค์สั่ง “โทรมมัน”
เกดหวีดร้องสุดเสียงขณะถูกลากขึ้นไปบนเรือน ยินเสียงต่อสู้ขัดขืน ตามด้วยเสียงกรีดร้อง เสียงตบ ตี
เป็นระยะๆ และเสียงร้องหวีดยาวครั้งแรก
คุณประยงค์หน้านิ่ง อีทิ้งผวาจะวิ่ง คุณประยงค์จิกผมอีทิ้งเหวี่ยงไป
เสียงบนเรือนเงียบไป มันเงียบงันจนน่ากลัว
บ่าวชายคนหนึ่ง ออกมาจากเรือนกระโจนหายตัวไป
สีหน้าคุณประยงค์นิ่งสนิท เสียงเกดร้องหวีดดังมาก ครั้งที่สอง อีทิ้งจะร้องไห้หดหู่สุดประมาณ ส่วนคุณประยงค์ยังนิ่งสีหน้าโหดเหี้ยมเหลือแสน
พอบ่าวชายอีกคนออกมา คุณประยงค์โยนถุงเงินไปกองตรงหน้าทันควัน บ่าวหยุดกึกหยิบถุงเงินในอาการงุนงง
“เอ็งเอาตัวมันไปทิ้งในป่าไกลๆ อย่าให้กลับมาอีก”
ได้ฟังคำนี้อีทิ้งแทบสิ้นสติ ลนลานไม่รู้จะไปทางไหน
คุณประยงค์ ออกเดินตัวตรง หน้านิ่งสนิทจะออกไปจากตรงนั้น
“ทำไม....ทำไมต้องเอามันไปทิ้งเจ้าคะ มันจะตายนะเจ้าคะ” อีทิ้งทักท้วง
“ถ้าไม่ ท่านเจ้าคุณรู้อะไรจะเกิดขึ้น”
เสียงเกดดังขึ้น “อีประยงค์”
คุณประยงค์หันขวับไปทางเสียงตาขวาง “อีเกด”
“กู....ขอ สาปแช่งมึง ขอให้มึงตายทรมาน...ตายแล้วอย่าได้ผุด อย่า...ได้...เกิดเป็นผีนรกไปชั่วกัปชั่วกัลป์...”
คุณประยงค์ตะโกนก้อง “ไอ้บ่าว”
บ่าวชายหันมามอง
“ฆ่ามัน” คุณประยงค์สั่งแล้วเดินหนีออกไปทันที
อีทิ้งตกใจยืนเป็นหิน
คุณประยงค์เรียก “อี...ทิ้ง”

เกษลดานั่งคิด ไตร่ตรองอยู่ในเรื่องเดียวกันนี้ เสียงปู่กลับดังก้องในหู
“คุณคือ อีเกดมันไม่ยอมให้นายมันตายเปล่าๆ มันเอาเรื่องกับท่านเจ้าคุณก่อน”
เกษลดาพึมพำ “อีเกด...เกษลดา เรื่องบ้าแท้ๆ นายมัน....นาย ใครเป็นนาย”
คำพูดเกดเมื่ออดีตดังก้อง “ห่วงอิฉันทำไม นายอิฉันตายแล้ว อิฉันก็เหมือนตายตาม ท่านไม่ต้องมาห่วงคนตายมันไม่มีหัวใจอยู่แล้ว”
“นาย...นายคือใคร นายของอีเกด” เกษลดาค้างคาใจนัก
เหตุการณ์ตอนเกดทั้งหนี ทั้งสู้ที่ถูกบ่าวชายไล่ล่าผุดขึ้นมา
เกษลดา ห่อตัวเหมือนรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย

อนงค์วดี ปิ่นสุดา ละมุน โสน และ ชัยชนะที่ใบหน้ายังมีร่อยรอยถูกตบให้เห็นคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น
“คุณท่านฝากสร้อยพระให้คุณอนงค์ค่ะ ให้พระท่านคุ้มครอง ท่านเป็นห่วงคุณอนงค์มาก”
“อนงค์ฝากป้ามุนขอบพระคุณท่านนะคะ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยอนงค์จะไปกราบท่าน”
“คุณย่าว่าถ้าคุณชวดประยงค์จะทำอันตรายใคร น้องอนงค์เป็นเป้าแรก เพราะ...คุณประยงค์ไม่คิดว่าน้องอนงค์เป็นสิงหมนตรี ท่านฝังใจว่าน้องอนงค์คือ แม่อรที่ท่านเกลียดชัง” ชัยชนะบอก
“อาคิดตามเหตุผลแล้วเห็นใจคุณชวดประยงค์ เจ้าคุณเชษฐาก็เหลือเกิ๊นจริงๆ รักทางนี้สัญญิงสัญญาขนาดจะตบจะแต่งยังเอาเมียกลับมาแล้วทำไมต้องมาอยู่บ้านนี้ก็ไม่รู้ ทำไมไม่หาบ้านที่อื่นอยู่” ปิ่นสุดาสงสัย
“คุณสร้อยท่านคุยๆ อยู่ว่าที่อยู่ที่นี่เพราะรอปลูกเรือนค่ะ” ละมุนว่า
ชัยชนะอธิบาย “ท่านว่า...เป็นเพราะเจ้าคุณไม่มีเงินด้วยครับ ท่านเป็นข้าราชการยากจนไม่มีทรัพย์สมบัติเดิม คุณปู่ทวดสงสารยกเรือนหลังนั้นให้อยู่”
ปิ่นสุดาเอ่ยขึ้น “คุณปู่ทวดของชนะเห็นใจลูกสาว อาฟันธง รู้ว่าคุณประยงค์เธอรักหลงใหลเจ้าคุณขนาดยอมเป็นน้อย”
“สมัยก่อนธรรมเนียมประเพณีเปิดทางให้ไงคะ ข้อแรกผู้ชายมีภรรยาหลายคนเรื่องธรรมดา” โสนบอก
“สมัยนี้ก็ธรรมดาค่ะ” ละมุนว่า
“เรียกร้องสิทธิสตรีตัวแม่” ชัยชนะสัพยอก
“คือฉันว่าพูดไม่ได้นะคะว่ามันไม่ดีแล้วก็ไม่พูดว่ามันดี มันคือกติกาที่เขายอมรับกันทำไมท่านเจ้าพระยาท่านยอมให้ลูกสาวเป็นเมียสอง หรือเมียสามด้วยซ้ำ เพราะท่านรู้ว่าถ้าเจ้าคุณขอพระราชทานตราตั้งให้คุณประยงค์ คุณประยงค์ก็เป็นคุณหญิงรับตรา เมียก่อนไม่สำคัญเมียหลังยิ่งไม่สำคัญ” โสนบอก
“ใช่ ได้ยินว่าตัวท่านเจ้าพระยามีภรรยาเล็กๆ ก่อนมีท่านผู้หญิงด้วยซ้ำ”
“แม่พลอยสี่แผ่นดินไงคะ คุณเปรมมีเมียบ่าวอยู่ก่อนคนหนึ่งไงคะก่อนแต่งแม่พลอย”
“จริงด้วยค่ะ แม่พลอยไม่เห็นว่าอะไร” ละมุนว่า
โสนหันซ้ายขวามองหา “เอ้ะ ใครเห็นคุณหนึ่งมั่งคะ ข้างล่างไม่มี”
อนงค์วดีบอก “คุณนัสก็หายไปด้วย”

สองหนุ่มอยู่ที่ท่าน้ำ คุยกันเรื่องย่าน้อย และเรื่องในอดีต
มนัสวีร์เอ่ยขึ้น “เธอมาให้ฉันพบสองสามครั้งแล้ว ฉัน...ไม่สบายใจเลยหนึ่ง”
“ทำไมเพิ่งมาทีคุณประยงค์มาทุกวัน”
“เธอบอกว่า คุณประยงค์ช่วยปลุกสัญญาของเธอกับฉันเพราะเราไม่มีสัญญาต่อกันฉันจึงไม่เห็นเธอ”
“แกเห็นเธอแล้ว”
“ใช่ เหมือนในรูปภาพ ฉันเป็นหลวงขจรด้วยนะ ฉันเห็นด้วยฉันแต่งตัวเป็นหลวงขจรอยู่ในสถานที่บางแห่ง พบกับเธอ กอดเธอ....เธอมีเลือดเนื้อมีตัวตนจริงๆ”
“ฉันรู้....นัส มันเหมือนกันมาก เหมือนฉันกับคุณประยงค์”
“แกกับฉันมาเป็นเพื่อนกันวันนี้ เหมือนที่แกเป็นเจ้าคุณฉันเป็นหลวงขจรเมื่อก่อนโน้น มีคนกำหนดมางั้นเหรอหนึ่ง”
“ฉันว่าเรื่องนี้มันไม่มีคำตอบ เราก็อย่าไปหาคำตอบที่เขาเรียกว่าเป็นอจินไตย”
“แต่ฉันรู้ว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง”
“เรื่องจริงสิ ปู่กลับยืนยัน แกมีหลักฐานด้วยนี่”
“แกไม่มีรูปของฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องเชื่อแกว่าตัวฉัน นายมนัสวีร์ คือ หลวงขจร”
สีหน้าเชษฐาครุ่นคิด
มนัสวีร์ย้ำ “แต่ฉันเชื่อ...ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย”
“เพราะอะไร”
“วันหนึ่งคุณน้อยพูดว่าหลวงขจรจะแต่งงานกับผู้หญิงชื่อ จริน”
เชษฐานึกออก “เอ๊ะ ชื่อคุณย่าทวดของแก”
มนัสวีร์พยักหน้า “ใช่”
“อ้าว ตอนแกได้ยินชื่อหลวงขจร แกไม่รู้เหรอว่าเป็นยศคุณปู่ทวด”
“คุณปู่ทวดยศสุดท้ายคือพระอินทรเทพ ฉันไม่เคยรู้ว่าคุณปู่เคยมียศหลวงขจร”
สีหน้ามนัสวีร์ เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ
“ฉัน...หลวงขจร นัดจะไปพาคุณน้อยหนีคืนวันหนึ่ง...เพราะเราแต่งงานกันไม่ได้ฉันมีคู่หมั้นแล้วชื่อ จริน ที่ฉันไม่ได้รักแต่ฉันไม่ได้ไปตามนัด เธอจึงลงเรือมาตามฉัน”
ภาพอดีตตามคำบอกเล่าของมนัสวีร์ผุดซ้อนขึ้นมา

ริมท่าน้ำวันหนึ่ง เวลาเย็นๆ คุณน้อย และอีช้อย นั่งอยู่ตรงนี้ เห็นมีห่อผ้าเตรียมหนีตามหลวงขจรมาด้วย
คุณน้อยนั่งคอยหลวงขจร หน้าตาสดใสมีความหวัง
เวลาผ่านไปคุณน้อยยังคงคอย แต่ท่าทางเริ่มผิดหวังเล็กๆ
ในที่สุดคุณน้อย หมดหวังแล้ว นั่งคอตก
“คุณน้อยเจ้าขา ตะวันใกล้ตกแล้วเจ้าค่ะ ขึ้นตึกเถิดเจ้าค่ะ”
คุณน้อยตัดสินใจฉับพลัน “อีช้อย ไปเอาเรือมา”
“จะไปไหนเจ้าคะ”
“ถ้ามึงถามอีกคำเดียว กูจะให้เจ้าคุณปู่ไล่มึงออก”

คุณน้อยอยู่ในเรือแล้ว อีช้อยเก้ๆ กังๆ ส่งห่อผ้า
“ส่งมาอีช้อย มัวแต่เก้กังเดี๋ยวมีคนมาหรอก”
อีช้อยโยนห่อเสื้อผ้าลงไปให้
“มึงกลับไปรอท่าคุณพ่อ บอกอะไรก็ได้ อย่าให้ท่านไปตาม” คุณน้อยกำชับ

คุณน้อยพายเรือออกไปกลางแม่น้ำ พายซ้าย พายขวา เปะปะ เก้ๆ กังๆ เพราะพายไม่ค่อยเป็น
“คุณหลวง ยังไงฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมคุณหลวงไม่มาตามที่นัดกัน”
ฝนยังคงตกหนัก เรือโยกโยน มีคลื่นลมแรง คุณน้อยกลัว แต่ใจแข็ง พยายามคัดท้ายเรือ น้ำฝนปนน้ำตาเต็มใบหน้า
“คุณหลวงไม่มาที่เขาว่าคุณหลวงจะแต่งงาน จริงหรือ คุณหลวงไม่ได้รักแม่จริน ไม่ได้รักจะแต่งกับหล่อนได้ยังไง” คุณน้อยจ้องพาย กิริยาหอบเหนื่อย “คุณหลวงรักฉัน...จะพาฉันไปอยู่ด้วยไง ฉันมาแล้วคุณหลวง”
เรือลำน้อยลอยวนอยู่กลางน้ำ คุณน้อยพายท่ามกลางสายฝน ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆๆ
คุณน้อยนอนนิ่งใบหน้าสวยขาวซีดเผือดไร้สีเลือด สิ้นลมอยู่ริมตลิ่งแห่งหนึ่งอย่างโดดเดียว และเดียวดาย

มนัสวีร์หยุด เมื่อเล่าถึงตอนนี้ “ฉันเห็นภาพนี้ทั้งหมด...เธอทำให้เห็นคุณชวดประยงค์ ช่วยด้วย”
“คุณพ่อคุณแม่แกไม่รู้ประวัติของคุณปู่ทวดเลยหรือ”
“ไม่รู้ว่ารู้หรือเปล่า เรื่องมันนานนมเนมาแล้ว...น่าจะไม่รู้ หนึ่ง...” น้ำเสียงมนัสวร์สั่นพร่า
เชษฐารอฟัง “ฮื่อ”
มนัสวีร์ก้มหน้าหายใจติดขัด “เธอไม่ได้ไปเกิดเพราะเธอยังติดข้องอยู่ว่าทำไมฉันถึงไม่มาตามที่นัดกัน”
“ที่ไม่มาหลวงขจร ไม่ใช่แก”
“ก็ฉันนั่นแหละ ฉันหลอกเธอรึเปล่าไม่รู้”
“แก....เอ๊ย หลวงขจรได้เธอเป็นเมียรึเปล่า”
“ไม่รู้....ไม่เห็นข้อนั้น คงไม่ได้หรอก ไม่งั้นเธอคงเหมือนคุณประยงค์ตามอาฆาตพยาบาท”
“นัส...” เชษฐาตบไหล่เบาๆ “อีกไม่ช้าเราก็จะไปจากที่นี่กันหมด ตึกจะปิดตาย ฉันไม่คิดจะขายด้วย ให้อยู่จนพังไป วิญญาณทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ไม่ว่าใครก็ตาม ต้องหาทางไปเกิด ถ้าไม่อยากถูกขังอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้น ฉันว่าเราลืมเสียเถอะ”

ตรงบริเวณสวนสวยนอกตึกสิงหมนตรี ในคืนนั้น
“อนงค์วดี ร้องไห้ทำไม” เชษฐาแตะแก้มเช็ดน้ำตาให้
อนงค์วดีน้ำตาเต็มตา “สงสารค่ะ สงสารทุกดวงวิญญาณ เธออยู่มืดๆ เวิ้งว้าง ไม่มีขอบเขตล่องลอยอยู่ไปมา คุณเชษฐาคะมันทรมานมากนะคะ”
“เราช่วยอะไรไม่ได้”
“ถ้าสโมสรยังอยู่ ยังสว่างไสว มีเสียงเพลงเสียงพูดคุย เธอจะได้ไม่เหงา”
“โธ่” เชษฐากอดอนงค์วดีไว้กับอก “เด็กน้อย เธอฆ่าคุณนะ”
“อนงค์ไม่ใช่แม่อร อนงค์ไม่รับรู้ความรู้สึกของแม่อรหรอกค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้วอนงค์อโหสิไปแล้วค่ะ”
เชษฐากอดอย่างนุ่มนวลรักใคร่ มือทั้งสองประคองหน้าอนงค์วดี
“ถึงยังไงผมก็ห่วงคุณ...ห่วงที่สุด คุณเกือบตายมาครั้งหนึ่ง ถ้าไม่มี...คุณสวาสดิ์มาช่วยไว้”
อนงค์วดียังคาใจ “คุณสวาสดิ์ เธอเป็นลูกของเจ้าคุณกับแม่อรจริงๆ หรือคะแล้วมาเกิดเป็นลูกคุณย่าสร้อยอีก”
“ถ้าดูตามเหตุผล น่าจะใช่...ผมไม่อยากพูดว่าใช่หรือไม่ใช่ผมไม่อยากรู้ด้วย มันไม่มีข้อพิสูจน์ อีกไม่ช้านะ...อนงค์วดีเราทั้งหมดจะไปจากที่นี่ ที่นี่ต้องปิดตายอยู่ในความมืดอย่างเดิม”

ในที่อันดำมืดแห่งนั้นซึ่งเปรียบเหมือนขุมนรก มีแสงสว่างเพียงลางๆ และเห็นผีคุณประยงค์ ดิ้น กลิ้งเกลือกไปมา ร้องไห้ไม่สมปฤดี
คุณประยงค์ร้องร่ำคร่ำครวญ “ลืมได้ลงคอหรือเจ้าคุณ อิฉันรักท่านขาดท่านไม่ได้”
ย่าน้อย นั่งนิ่ง นัยน์ตาแห้งผาก ไม่มีน้ำตา เศร้าหมองลึกๆ ล้ำในสีหน้า
สุดท้ายคุณประยงค์สะบัดหน้าขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุร้าย นัยน์ตาวาวโรจน์ มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“ไปให้หมดทุกคน แต่เจ้าคุณ...ต้องอยู่กับฉัน เจ้าคุณไปไหนไม่ได้”

วันนี้ เชษฐา อนงค์วดี โสน มนัสวีร์ และปิ่นสุดา รวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถง พนักงานทยอยเดินออกไปในมือถือถุง หิ้วข้าวของส่วนตัว และขนของส่วนที่ได้รับแบ่ง ทุกคนไหว้ลาเจ้านายแล้วไป
พอพนักงานทุกคนเดินออกไปหมดแล้ว พวกเจ้านายขึ้นข้างบน จึงเห็นคุณประยงค์ยืนอยู่อย่างเดียวดาย กลางห้อง สีหน้าทั้งโศก ทั้งแค้น ทั้งเสียใจ กวาดสายตามองไปทั่วๆ ห้อง แล้วเดิน ขึ้นบันไดช้าๆ สีหน้าโศกศัลย์ เดินขึ้นไปตามระเบียง จนถึงหน้าห้อง

ภาพอดีตผุดขึ้นมาในตอนนี้
เป็นเหตุการณ์ที่คุณประยงค์ เปิดประตูห้องเข้ามา อีทิ้งหันขวับมา น้ำตาเต็มตา
“อีทิ้ง เป็นอะไร”
“ทำไมคุณท่านต้องฆ่าอีเกดด้วย”
“ก็มันแช่งข้าได้ยินรึไม่ล่ะอีทิ้ง”
“แต่ไม่น่าถึงกะฆ่า...ฆ่าทำไมเจ้าคะ”
คุณประยงค์ตวาด “หยุด อีทิ้ง อย่าพิรี้พิไร มันตายไปแล้วเอ็งมาพร่ำอย่างนี้มันจะฟื้นมั้ย”
“คุณท่านฆ่ามัน มันไม่ฟื้นหรอกเจ้าค่ะ ฮือ...ฮือ”
“ไม่ต้องเสียงดัง เอ็งเสียงดังทำไม”
“ฮือ...ฮือ ไม่อยากอยู่แล้ว อยากตายตามอีเกดไป”
“อีทิ้ง”
“ฆ่าบ่าวอีกคนสิเจ้าคะ ฆ่าเลย...อยากตายไม่อยากอยู่แล้ว”
คุณประยงค์ตบหน้าฉาดใหญ่ อีทิ้งฟุบคว่ำไป ร้องไห้หนักมากขึ้น
“ถ้าเอ็งไม่เห็นกะข้า เอ็งก็ไป จะไปไหนก็ไป”
อีทิ้งคลานมากอดขา “คุณท่านคนใหญ่เจ้าขา บ่าวรักคุณท่านบ่าวไม่อยากให้คุณท่านทำผิด คุณท่านทำผิดมามากแล้วนะเจ้าคะ”
คุณประยงค์นิ่งขึง อึดอัด อั้นอั้น ปั่นป่วนในใจ
“พอแล้วนะเจ้าคะ....อย่าฆ่าใครอีก” อีทิ้งกราบเท้า
คุณประยงค์ยังไม่พูดอะไร อีทิ้งคลานออก เปิดประตู เห็นเจ้าคุณยืนอยู่ อีทิ้งตกใจ สบตาเจ้าคุณ
สีหน้าเจ้าคุณอึดอัดและอัดอั้นไม่ต่างกัน สบตาอีทิ้งเต็มๆ อีทิ้งมองเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายคลานออกไป
“คุณประยงค์”
คุณประยงค์นิ่ง
“ผมถามอะไรอย่าง คุณตอบผมตามตรงนะ”
คุณประยงค์คอยฟัง
“คุณประยงค์เห็นเกดมั้ยครับ มันหายไป”
“ไม่เห็น”
“ผมก็ไม่หวังหรอกว่าคุณจะเห็น” เจ้าคุณประชด
คุณประยงค์ย้อน “แล้วถามอิฉันทำไม”
“คุณสาบานนะว่าไม่ได้ทำอะไรเกด”
“ค่ะ อิฉันสาบาน อิฉันจะทำอะไรมันได้ มันเก่งออกปานนั้น”
“ใช่สิ ก็มีแต่อรเท่านั้นที่คุณ...รังแกได้”
“เจ้าคุณ...ซ้ำเติมอิฉันทำไม”
“ผมขอพูดแค่นั้น ผมขอโทษ” สายตาเจ้าคุณทั้งรังเกียจ ทั้งเสียใจ
คุณประยงค์ร้องกรี๊ด แล้วร้องไห้โฮออกมา
“คุณเอาเกดไปไว้ที่ไหน”
“บอกแล้วไม่ได้ทำอะไรมันเลย”
“ผมจะรู้ให้ได้” เจ้าคุณหันตัวออกไป
คุณประยงค์ผวาตัวเข้ายื้อยุด เจ้าคุณไม่ยอมอยู่ออกไปจนได้ คุณประยงค์ตามพรวดออกไป

เจ้าคุณเดินพรวดๆ ไปตามระเบียงหน้าห้อง คุณประยงค์ตามมา แล้วตะลึงเมื่อพบว่าเจ้าคุณยืนมาพูดกับอีทิ้ง อีทิ้งตอบ คุณประยงค์พยายามฟัง แต่ได้ยินไม่ถนัด
เจ้าคุณถามอีทิ้ง “คุณท่านทำอะไรเกด”
“ไม่ได้ทำ...ไม่ได้ทำอะไรจริงๆ เจ้าค่ะ บ่าวสาบาน”
เจ้าคุณหันมาทางคุณประยงค์ ด้วยใบหน้าถมึงทึง แล้วเดินหายไป
คุณประยงค์วิ่งตาม อีทิ้งรีบกระโจนหนีมาอีกทาง
คุณประยงค์ตามมาจิกหัว แล้วตบซ้ายขวา
อีทิ้งพนมมือ “แค่ตบทำไม ฆ่าบ่าวเลยดีกว่า”
คุณประยงค์คำราม “มึง...อีทิ้ง มึงบอกท่านใช่มั้ยเรื่องอีเกด”
“บ่าวไม่ได้บอก ไม่ได้บอกจริงๆ”
“กูไม่เชื่อ...มึงบอก” คุณประยงค์ตบอีกเปรี้ยง
“บ่าวสาบาน ไม่ได้บอก บ่าวไม่ทรยศคุณท่าน”
“มึงอย่ามาตอแหล” คุณประยงค์ฟาดฟันไม่ยั้ง ด้วยอารมณ์พาล “กูเห็นสายตาท่าน ท่านด่ากูทางสายตา...ฮือ ฮือ ท่านด่ากู...เพราะมึง อีอิ้ง”
คุณประยงค์อาละวาดกับอีทิ้ง อีทิ้งอึดอัดเต็มที่จนทนไม่ได้
“โว้ย....บอกว่าเปล่า...เปล่า ทำไมไม่เชื่อกัน”
“มึงกล้าขึ้นเสียงกับกูเรอะ...อีทิ้ง”
“กล้า...กล้าแล้ว...เชื่อกันมั่งสิโว้ย”
“นี่แนะ” คุณประยงค์ฟาดไปสุดแรงเกิด “อีไพร่ บังอาจนัก”
อีทิ้งผงาดขึ้นมาสู้ชนิดเลือดเข้าตา สองคนฟาดฟันกันไป อีทิ้งสู้แบบกล้าๆ กลัวๆ สุดท้ายถูกคุณประยงค์ ซัดลงไปหมอบ
และถูกไล่ตะเพิด “ไสหัวมึงไปจากเรือนกู ไม่ต้องอยู่ กูอยู่คนเดียวได้”
คุณประยงค์เดินพรวดเข้าห้อง อีทิ้งคลานไปตามทาง

เกษลดาเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงแว่วๆ มา ตัดสินใจลุกขึ้นออกไป

เกษลดาออกมาจากห้อง มองดู พยายามฟัง
อีทิ้งคลานไปเรื่อยๆ สวนทางกันกับเกษลดา มิติซ้อนทับกันพอดี สองเหตุการณ์เกิดพร้อมกัน แต่ต่างคนต่างไม่เห็นกัน
ต่อจากนั้นเกษลดาเดินไปช้าๆ ตามทางในสวน ด้วยสีหน้าครุ่นคิดตรึกตรอง

ขณะเดียวกันเชษฐานั่งอยู่กับอนงค์วดีตรงมุมหนึ่ง กิริยาอาการคล้ายพูดกันเรื่องสำคัญ อนงค์วดีไม่ค่อยสบายใจเชษฐาปลอบ สองคนใกล้ชิดกัน รักกัน เกษลดาเฝ้ามอง...คิด...ไตร่ตรอง แล้วรู้สึกนัยน์ตาพร่า ภาพตรงหน้าพร่าเลือน เห็นเรื่องราวในอดีตแจ่มชัดขึ้นมาแทน

เกดอยู่กับแม่อร สองคนคุยกันอยู่บนเรือน
“พี่เกดจ๋า”
“คุณอร”
“น้องรู้แล้วว่าพี่เป็นเมียท่านเจ้าคุณ พี่ไม่ต้องเกรงว่าน้องจะโกรธพี่”
“พี่....ผิดไปแล้วคุณอร”
“พี่เกดรักท่านหรือ”
เกดก้มหน้านิ่ง
“น้องดีใจที่พี่มาช่วยดูแลท่าน แต่ดีใจมากกว่าที่เห็นพี่เกดมีความสุข พี่เกดรักท่านเถิด พี่ไม่ต้องห้ามใจของพี่หรอกจ้ะ”
“คุณอรทูนหัวของพี่”
“พี่เกดเลี้ยงน้องมาตั้งแต่น้องเกิด พี่ยังเป็นเด็กด้วยซ้ำแต่พี่ดูแลเด็กอีกคนอย่างดีน้องไม่เคยว้าเหว่เลยตั้งแต่เล็กจนโต”
เกดมองด้วยแววตาซาบซึ้ง
“น้องรักท่าน แต่เทียบท่านเจ้าคุณกับพี่ น้องรักพี่มากกว่า”

สีหน้าเกษลดาหมองเศร้า คิดถึงแม่อร พยายามตรึกตรองว่าคือเรื่องอะไรดี
“เป็นบ่าวเขาเหรอเนี่ย...เจ้านายชื่อ คุณอร คุณอรอีกแระ..”

อีกเหตุการณ์ในอดีต อีกวันหนึ่ง
“คุณประยงค์เป็นเมียท่านเจ้าคุณแล้ว คุณอรเฉยอยู่ใย”
“คุณประยงค์ไม่ผิด เขารักกันมาก่อน”
เกดมองหน้าแปลกใจ
“น้องอาจเป็นเมียน้อยของเธอก็ได้”
“ไม่เสียใจหรือคุณอร”
แม่อรกลั้นน้ำตา “เสียใจจ้ะ แต่ยินดีมากกว่าที่ท่านเจ้าคุณเป็นสุข”

เกษลดายังคงนั่งครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ เชษฐาเคาะประตูแล้วเดินตรงเข้ามาหา
“หนึ่ง”
“เกษ หายดีแล้วหรือ”
“ก็....คงหายดีแล้วมั้ง”
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเงียบๆ เกษไม่เคยเป็นอย่างนี้”
เกษลดาสัพยอก “คนอกหักจะให้ร่าเริงหรือหนึ่ง”
“เกษ...” เชษฐานิ่งไปอึดใจหนึ่ง “ผมเสียใจ”
“เกษก็เสียใจ เกษเคยคิด.....คิดว่า...” หล่อนสะเทือนใจจนพูดไม่ออก
“เกษ.....อย่าร้องไห้นะเกษ ผมขอโทษจริงๆ”
“เกษคิดว่าจะหยุดชีวิตที่ไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายสนุกสนานกับเพื่อนๆ เฮฮา...ร่าเริงหัวเราะ เพื่อจะกลับบ้านนอนคนเดียว เหงาคนเดียว ว้าเหว่คนเดียว”
เชษฐานิ่งฟัง
“มีคนหลายคนเข้ามา บางคนน่ารัก...รักได้ ถ้าไม่ใช่วันหนึ่งเรารู้ว่าเขาไม่ได้มีเราคนเดียว บางคนดีมาก สุภาพบุรุษเทคแคร์ทุกอย่างเพื่อที่จะขอนอนกับเราเฉยๆ ไม่เคยพูดเรื่องแต่งงาน บางคน...” เกษลดาหัวเราะนิดๆ “ขอยืมเงินเรายังมี บางหัวใจหยาบกระด้างเหมือนเม็ดทราย ไม่เคยรู้เลยว่าวันนี้ฉันเศร้า วันนี้ฉันเสียใจ วันนี้ฉันมีปัญหาจะเอาแต่ความสุขของตัว”
ความเห็นใจพลุ่งเต็มอก เชษฐาโอบไหล่เกษลดามาชิดตัว
“หนึ่ง...หนึ่งทำให้เกษรักหนึ่งมากที่สุด หมดหัวใจนะที่ให้หนึ่งไป ให้แล้วไม่เอาคืนด้วยให้แล้วให้เลย...รักแล้วรักเลย”
เชษฐาโอบเข้ามาชิดตัวมากขึ้นอีก ตบไหล่ปลอบใจ
“หนึ่งไม่มีข้อเสียอย่างที่เกษพูดสักอย่างยกเว้นข้อเดียว ข้อเดียวเท่านั้นที่เกษต้องถอย เกษสู้ไม่ได้และไม่คิดจะสู้ด้วย”
เชษฐานิ่ง รอฟัง
“เกษไม่สู้กับคนที่เป็นเจ้าของหนึ่งตั้งแต่ชาติก่อน”
เชษฐาครางเบาๆ “เกษ...”
“ถ้านิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เกษก็แพ้เขาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว”

อนงค์วดีนั่งหันหลังจดบันทึกใส่สมุดโน้ตเล็กๆ อยู่ที่โต๊ะสนามในสวน
เหมือนมีใครคนหนึ่ง เข้าไปใกล้จนถึงไหล่อนงค์วดี อนงค์วดีตกใจหันขวับมา แต่ทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีใคร
“คุณชวดหรือคะ” ทุกอย่างเงียบกริบ
“คุณชวดคะ หลานไม่ได้อยากให้ปิดตายที่นี่เลยค่ะ” เงียบอยู่อย่างเดิม
“หลานเสียใจ” อนงค์วดีมองเก้าอี้นั่งข้างตัว รู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างอยู่ตรงนั้น “แต่หลานจะพยายามนะคะจะพยายามพุดกับ...เอ้อ...ท่านเจ้าคุณให้ท่านเปลี่ยนใจ”
แลเห็นเป็นร่างย่าน้อยที่เดินเข้าตึกไป และรีบมาเล่าให้คุณประยงค์ฟัง
“แม่อรสัญญาว่าจะพูดกับท่านเจ้าคุณให้ท่านเปลี่ยนใจค่ะ คุณอาขา” น้ำเสียงย่าน้อยร่าเริงสุดขีด
“เปลี่ยนใจเรื่องอะไร”
“ไม่ปิดตึกค่ะ...ดีใจสิคะ”

ที่ห้องโถงอีกวันหนึ่ง เชษฐาเดินหนี อนงค์วดีตาม แต่ก็ตรวจตราตู้ต่างๆ ตลอดจนข้าวของที่วางไว้ไปด้วย เตรียมปิดตึก
“คุณเชษฐาคะ”
เชษฐาหยุด หันมาแตะแก้มเบาๆ “ครับผม” แล้วเดินต่อ
“เราทำกิจการอื่นได้นี่คะ เป็นโรงเรียน” อนงค์วดีเดินตาม “เป็น...”
เชษฐาเฉไฉหันไปทางชายชราอายุยืน “ปู่กลับ...ปู่เตรียมตัวฉันจะพาปู่ไปอยู่บ้านฉัน ที่นี่ปิดตายไม่มีใครอยู่เลย ตกลงมั้ยครับปู่”
“มีคนมาหาคุณครับ”
“อ๋อ คนมาขนเฟอร์นิเจอร์ไปเก็บที่อื่น เชิญเขามาเลยปู่”
อนงค์วดีหันมาทางมนัสวีร์ “คุณนัส ช่วยพูดหน่อยสิคะ”
“ปิดตายที่นี่ คุณอนงค์วดีห่วงใคร” มนัสวีร์ถาม
“ห่วงคุณชวดค่ะ”
“ผมก็ห่วง...ห่วงคุณย่าน้อยของคุณ”
สีหน้าคุณประยงค์ พอใจ สีหน้าคุณย่าน้อย ก็พอใจเช่นกัน

วิเชียรชายอายุ 60 กว่าเข้ามาพอดี
“สวัสดีครับ คุณเชษฐา”
“คุณลุงวิเชียร สวัสดีครับ...ดูทั้งหมดแล้วตีราคาด้วยนะครับ ทั้งค่าขนย้ายกับค่าเช่าโกดังของคุณลุงนะครับ”
วิเชียรมองไปรอบๆ “ผมเคยอยากเข้ามาที่นี่มาก”
เชษฐาฉงน “ทำไมหรือครับ”
“ผมได้ยินว่าตึกสวย ของเก่าเยอะอยากเข้ามาดูครับ และผมเคยรู้ประวัติของคนที่นี่เหมือนกัน”
ทุกคนหันขวับมาจ้อง
“อ๋อ รู้แค่ว่าลูกหลานบ้านนี้คนหนึ่งถึงกับฆ่าตัวตายเพราะไม่ได้แต่งกับคู่รัก” วิเชียรว่า
มนัสวีร์ถามเสียงแข็ง “คุณทราบได้ยังไงครับคุณวิเชียร”
“เพื่อนผมเป็นหลานผู้หญิงที่แต่งกับคุณหลวงขจรยศตอนนั้นนะครับชื่อแม่จริน คนที่โดดน้ำตายเป็นลูกหลานบ้านนี้คู่รักของหลวงขจรไงครับ”
คำพูดนั้นกระแทกหน้าย่าน้อยเต็มแรง
มนัสวีร์บอก “ผมนี่แหละหลานคุณย่าทวดจริน”
ย่าน้อยตกใจมาก จ้องหน้ามนัสวีร์เขม็ง

เวลาผ่านไป คนงานขนของสุดท้ายออกจากห้องไป ห้องโถงโล่งเตียนไม่เหลืออะไร
เชษฐาเดินมาพร้อมอนงค์วดีตามวิเชียรออกไป ผ่านรูปคุณประยงค์
อนงค์วดีเรียกไว้ “คุณเชษฐา”
“อีก 7 วัน ผมจะปิดตายที่นี่” เชษฐาเดินลับตัวไป

มนัสวีร์เดินตามสองคนกำลังจะผ่านรูปคุณย่าน้อย
เสียงย่าน้อยเรียก “คุณหลวง”
“ผมกำลังจะบอกคุณ”
“คุณหลอกฉันไปมาตามนัด เพราะคุณแต่งงานกับแม่จริน”
มนัสวีร์พยายามบอก “ผมคือมนัสวีร์นะครับ เป็นหลานของคุณหลวงขจร”
ย่าน้อยแผดเสียงดังสนั่น โผนเข้ามาด้วยสภาพหน้าตาเป็นผีร้ายเต็มขั้น ขยุ้มคอมนัสวีร์
“แกหลอกฉัน ตายเสียเถอะ”

ใบหน้าผีย่าน้อยลอยพรวดเข้ามาประชิดหน้ามนัสวีร์เต็มๆ มนัสวีร์แผดเสียงร้องดังกึกก้อง

อ่านต่อตอนที่ 16 (อวสาน)
กำลังโหลดความคิดเห็น