เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 7
ปานตะวันเดินจ้ำอ้าวมาหานารถนรินทร์ที่นั่งเล่น โดยมีใบตองคอยเข็นรถเข็นให้
นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่ง "ทานข้าวเสร็จแล้วเหรอคะพี่ตะวัน..เร็วจัง"
ใบตองทำตาวิบวับ "นั่นสิคะ น่าจะทานกันให้นาน ๆ กว่านี้..อุ๊บส์!" ใบตองสะดุ้งก่อนจะเอามือปิดปากตัวเอง
ปานตะวันมองใบตองคล้ายจะถามว่ารู้ด้วยเหรอ
นารถนรินทร์รีบช่วย "ไปเลย..พี่ใบตอง ตะกี้บอกจะรีบไปนวดให้คุณแม่ไม่ใช่เหรอ?”
ใบตองซื่อ "นวด นวดอะไรคะ?? นวดไปแล้ว"
นารถนรินทร์อ่อนใจ เธอขยิบตาส่งซิกให้แต่ใบตองก็ซื่ออีก เธอปราดเข้าจับตานารถนรินทร์แหกดู
"เอ๊า! อยู่ดี ๆ อะไรเข้าตาซะล่ะคะ..คุณน้องนารถ ไหนให้ใบตองดูซิคะ"
นารถนรินทร์ไม่รู้จะทำไงเลยเอานิ้วจิ้มตาใบตองซะเลย "นี่แน่ะ!!”
ใบตองร้องลั่นแล้วก็เอามือกุมลูกตา "โอย ๆๆ"
"รีบไปเลยค่ะ นารถจะอยู่กับพี่ตะวัน 2 คน"
ใบตองกุมตา "ค่ะ ๆๆ..โอย!..แหม..บอกกันดี ๆ ก็ได้"
ใบตองเอามือกุมตาแล้วก็เดินบ่นออกไป นารถนรินทร์ลอบมองปานตะวัน
นารถนรินทร์อมยิ้ม "ทานสปาเก็ตตี้ฝีมือพี่คินอร่อยมั้ยคะ?”
ปานตะวันหันขวับมาอย่างอึ้งๆ เพราะรู้กันทั้งบ้าน “..เอ่อ..”
นารถนรินทร์ยิ้ม "พี่ตะวันโชคดีมากนะคะ เพราะน้อยคนมากที่จะมีโอกาสได้ทานอาหารฝีมือพี่คิน"
ปานตะวันทำหน้าไม่ถูก
"โดยเฉพาะ ‘ผู้หญิง’...ที่ผ่านมา นอกจากคุณแม่ นารถ แล้วก็น่าจะมีแค่พี่กนกที่พี่คินยอมทำอาหารให้ทาน"
ปานตะวันสงสัย "กนก?”
"ค่ะ..พี่กนก.." นารถนรินทร์ยิ้มน้อย ๆ แล้วก็จับมือปานตะวัน "พี่ตะวันคะ พี่ตะวันต้องสงสาร ต้องเห็นใจพี่คินให้มาก ๆ นะคะ"
ปานตะวันงง "ทำไมล่ะคะ? ทำไมพี่ถึงต้องสงสารเห็นใจคุณนาคินทร์ด้วย"
นารถนรินทร์ถอนใจเฮือกแล้วก็จะเล่า “..ก็เพราะว่าพี่คินทร์เค้า..”
นาคินทร์เสียงแข็ง "ยัยนารถ!”
ทั้งสองคนสะดุ้งแล้วก็หันขวับไปมองก็เห็น ‘นาคินทร์’ ก้าวเข้ามายืนทำหน้านิ่ง
นาคินทร์ยิ้มสดใสพร้อมกับเดินเข้ามาหา "คุยอะไรกันอยู่" นาคินทร์แซว "มัวแต่คุยกันอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่จะหายซะทีล่ะเรา" นาคินทร์ขยี้ผมนารถนรินทร์
"อะไรกันคะพี่คิน เมื่อเช้าก็เพิ่งจะทำกายภาพไปเอง ใจคอจะให้ทำทั้งวันเลยเหรอคะ" นารถนรินทร์ฟ้องปานตะวัน "พี่ตะวันดูหน้าไว้นะคะ..พี่ชายใจโหด"
ปานตะวันหันไปมองหน้านาคินทร์ นาคินทร์ทำหน้านิ่งแววตาโหดออกมานิดนึง ปานตะวันอึ้งตกใจก่อนที่นาคินทร์จะยิ้มขำ
"อะไรกัน..แค่นี้ก็ตกใจกลัวซะแล้ว" นาคินทร์พูดกับนารถนรินทร์ "ก็เราอยากมาว่าพี่โหดทำไมล่ะ ก็เลยโชว์โหดให้พี่ตะวันเค้าดูซะเลย"
นารถนรินทร์ค้อน "พี่คินอ่ะ.." นารถนรินทร์พูดกับปานตะวัน "พี่ตะวันไม่ต้องกลัวนะคะ พี่คินใจดีจะตาย"
นาคินทร์ยิ้ม "รู้ได้ยังไง?? จริง ๆ พี่อาจจะ" นาคินทร์มองปานตะวัน "ใจร้ายมากก็ได้"
"ไม่-มี-ทาง!! พี่ชายนารถน่ารักที่สุดในโลก" นารถนรินทร์พูดกับนาคินทร์ "นี่!! พูดอย่างนี้เดี๋ยวพี่ตะวันเค้าหนีไปแล้วอย่ามาร้องไห้แง ๆ นะคะ"
นารถนรินทร์มองปานตะวันแล้วส่ายหน้าช้า ๆ "พี่ไม่มีทางปล่อยให้พี่ตะวันของนารถหนีพี่ไปไหนได้หรอก"
ปานตะวันอึ้ง
"ว้าว!! จีบกันสด ๆ ต่อหน้าน้องเนี่ยนะ" นารถนรินทร์ชอบใจจึงชูนิ้วโป้งให้พี่ชาย "สุดยอด!!”
นาคินทร์จ้องปานตะวันยิ้ม ๆ ปานตะวันหลบตาแล้วทำหน้าไม่ถูก เธอเผลอคิดว่าโดนจีบจริง ๆ นาคินทร์มองปานตะวันด้วยใบหน้าร้ายพร้อมคิดในใจว่าไม่ปล่อยเธอแน่
"เออ..จริงสิ!! ตารางทำกายภาพของยัยนารถเป็นยังไงครับ? วันนี้ต้องทำอะไรอีกมั้ย?” นาคินทร์ถาม
"ถ้าน้องนารถไหว ก็อยากจะขอทำอีกซักเซ็ทนึง ก่อนนอนก็ได้ค่ะ" ปานตะวันบอก
นารถนรินทร์ไม่อยากทำ "ว้าาา!!”
"ถ้างั้นตอนนี้คุณตะวันก็ว่าง?”
ปานตะวันรีบบอก "ไม่ว่างหรอกค่ะ ดิฉันตั้งใจจะพาคุณนารถสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกห้องนอนบ้างน่ะค่ะ"
นารถนรินทร์พูดทันทีเพราะรู้ใจพี่ชาย "แต่นารถไม่อยากค่ะ!!”
นาคินทร์หลิ่วตาขอบคุณน้องสาว
"ทำไมล่ะคะ?” ปานตะวันถาม
นารถนรินทร์ยิ้ม "แดดมันร้อน นารถอยากนอนอ่านหนังสือในห้องมากกว่า" นารถนรินทร์ทำเจ้าเล่ห์ "เออ..จริงสิ..ร้อน ๆ อย่างนี้ ถ้าได้ลอดช่องน้ำกะทิเจ้าโปรดของน้องซักถ้วยล่ะก้อ" นารถนรินทร์ทำท่าชื่นใจ "น้องจะต้องมีกำลังใจทำกายภาพอย่างแรงเลยล่ะค่ะพี่คิน"
นาคินทร์ยิ้ม "ได้สิ..เดี่ยวพี่ไปซื้อให้" นาคินทร์พูดกับปานตะวัน "ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ"
"เอ่อ..แต่ดิฉันต้อง..”
"ไม่ต้องเลยครับ" นาคินทร์ตะโกนเรียก "ใบตองง"
ราวกับมีคนปล่อยคิวเพราะใบตองโผล่พรวดเข้ามาทันที
"ขาา..มาทันทีค่าา"
"ดูแลคุณนารถด้วย ฉันจะพาคุณตะวันไปธุระข้างนอก" นาคินทร์บอก
ใบตองทำตาวิบวับ "รับทราบ..ปฏิบัติค่ะ" ใบตองเข็นรถเข็นออกไปทันที
นารถนรินทร์โบกไม้โบกมือให้นาคินทร์ ทำให้เหลือนาคินทร์กับปานตะวันแค่ 2 คน
"รีบไปกันเถอะครับ เดี๋ยวของโปรดยัยนารถจะหมดซะก่อน"
ปานตะวันอิดออดเพราะไม่อยากไป "ของโปรดของคุณนารถ...ต้องไปซื้อที่ไหนเหรอคะ?”
นาคินทร์ยิ้มแทนคำตอบ
รถนาคินทร์วิ่งฉิวอยู่กลางถนนนอกเมือง นาคินทร์ขับรถอย่างอารมณ์ดีตรงข้ามกับปานตะวันที่มองซ้าย-ขวา
"คุณนาคินทร์คะ..อีกนานมั้ยคะ..นี่เราออกมานอกเมืองแล้วนะคะ"
นาคินทร์ยิ้ม ๆ แล้วก็ตอบโดยไม่มอง "อีกแป๊บเดียว" นาคินทร์เพิ่มวอลลุ่มเพลงในรถเล็กน้อยแล้วก็เพลิดเพลินต่อ ปานตะวันเคืองนิด ๆ เธออดทนนิ่งต่อได้นิดเดียวแล้วก็ถามใหม่
ปานตะวันพูดเสียงดังขึ้นนิดนึงแข่งกับเสียงเพลง "ตกลงขนมของโปรดของคุณนารถนี่มันอยู่ที่ไหนเหรอคะ? ขนมอะไรทำไมมันอยู่ไกลขนาดนี้?”
นาคินทร์ฮัมเพลงก่อนจะตอบโดยไม่มอง "ไม่ไกลหรอกครับ อย่าใจร้อนสิ อีกแป็บเดียวก็ถึง"
พูดจบนาคินทร์ก็เพิ่มวอลลุ่มเพลงดังลั่น ปานตะวันค้อนเพราะคิดว่านาคินทร์เพิ่มวอลลุ่มเพราะรำคาญเธอ ซักพักปานตะวันก็ตะเบ็งเสียงลั่น
"นี่คุณ!! หรี่เสียงลงก่อนได้มั้ย"
เพลงดันจบพอดีรถเงียบกริบทำให้ปานตะวันตะเบ็งเสียงขึ้นมาลั่นรถ
“..ฉันอยากรู้ว่าลอดช่องน้ำกะทิ"
นาคินทร์เบรครถเอี๊ยดหน้าทิ่มเพราะตกใจ ปานตะวันทั้งหน้าทิ่มทั้งหน้าเหวอที่ตัวเองแหกปากดัง นาคินทร์เอานิ้วอุดหูหันมาทำตาโตมองหน้าตะวัน
"โห..คุณ..จะดังไปไหน?? หูผมจะแตก!!”
ปานตะวันหน้าเหย "เอ่อ..ฉัน.." ปานตะวันจ๋อยและอาย "ขอโทษค่ะ..ก็..ฉันอยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะ..”
เสียงเพลงรักหวานซึ้งดังขึ้น นาคินทร์รีบทำท่าชู่ว์ให้ปานตะวันหยุดพูด
"ชู่ว์ว์"
ปานตะวันอ้าปากจะพูด "ฉัน..”
นาคินทร์เอานิ้วที่แตะปากตัวเองไปแตะปากปานตะวันให้หยุดพูด
"ชู่ว์ว"
ปานตะวันตาโตแป๋วแล้วก็ยอมเงียบแต่โดยดีเพราะงง ๆ
"ฟังเพลงนี้.." นาคินทร์มองหน้าปานตะวัน
ปานตะวันฟังเนื้อเพลงหวานเยิ้มที่ร้องว่ารักเธอที่สุดรักเธอเหลือเกิน ฯลฯ
นาคินทร์เอ่ยออกมา “..ผมให้คุณ..”
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ค่อย ๆ เอามือข้างที่แตะปากตะวันโน้มคอเธอเข้ามาใกล้ๆ แล้วจะจุ๊บปาก ปานตะวันเกือบจะเคลิ้มแต่แล้วก็สะดุ้งผลักนาคินทร์ออกมาซะก่อน นาคินทร์ยิ้มขำ ๆ ปานตะวันค้อนขวับแล้วก้มหน้างุดๆ เพราะอายที่สุด นาคินทร์ยิ้มแล้วค่อย ๆ ออกรถปล่อยให้ปานตะวันที่ใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ด้วยความเคลิ้มอยู่อย่างนั้น นาคินทร์แทคแคร์ห่วงใยปานตะวันขณะอยู่ในรถมาตลอดทาง
นาคินทร์ขับรถเบี่ยงเข้ามาจอดเทียบหน้าร้าน เขารีบลงมาเปิดประตูให้ปานตะวันก้าวลงมา ทั้งสองยืนคุยกันอยู่ข้าง ๆ รถ
ปานตะวันมอง "ร้านนี้น่ะเหรอคะ?”
"ใช่..เห็นเป็นเพิงอย่างนี้อร่อยมากเลยนะ ตอนพวกเราเด็ก ๆ คุณพ่อคุณแม่จะพาไปเที่ยวทะเลทีไรต้องแวะทานลอดช่องน้ำกะทิที่ร้านนี้ก่อน ยัยนารถถึงได้ติดใจตั้งแต่เล็กจนโต"
ปานตะวันฟังแล้วพยักหน้าตามหงึก ๆ
"ทำไมครับ? คุณรังเกียจเหรอครับ?” นาคินทร์ถาม
"อะไรกันคะ? คนอย่างฉันน่ะเหรอคะจะรังเกียจ" ปานตะวันยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ "ชาตินี้ไม่มีปัญญาจะขับรถเป็น ชม. เพื่อมาทานลอดช่องน้ำกะทิถึงนี่ซะด้วยซ้ำ"
นาคินทร์ยิ้ม "แต่วันนี้ผมพาคุณมาแล้ว"
ปานตะวันหลบตาหวานของนาคินทร์ที่มองมา
"มาถึงแล้ว คุณต้องชิม แล้วจะติดใจ..ไป !!”
นาคินทร์ถือโอกาสดึงมือปานตะวันไปที่เพิงซึ่งมีหม้อขนมอยู่ 3-4 หม้อ
"ขอลอดช่องทานที่นี่ 2 ถ้วย เอากลับบ้าน 10 ถุงครับ"
"ลอดช่องหมดแล้วจ้า" ยายคนขายบอก
นาคินทร์กับปานตะวันร้องพร้อมกัน "ห๊า?" ทั้งสองหันมองหน้ากัน
ปานตะวันพูดกับป้า "โห..คุณยายคะ..เราอุตส่าห์มาตั้งไกลตั้งใจจะมาซื้อลอดช่องอย่างเดียวเลยนะคะเนี่ย" ปานตะวันนึกถึงนารถนรินทร์ "มีเหลือซักถุงมั้ยคะ ถุงเดียวก็ยังดี"
นาคินทร์มองปานตะวันด้วยความสงสัยว่าเธอเป็นห่วงน้องสาวของเขาใช่ไหม
"หมดเกลี้ยงเลยจ๊ะแม่หนู" ยายคนขายมองปานตะวันแล้วมองนาคินทร์ยิ้ม ๆ "มีแฟนใหม่แล้วเรอะพ่อหนุ่ม?”
นาคินทร์อึ้ง
ปานตะวันรีบบอก "ไม่ใช่นะคะ คุณเค้าเป็นเจ้านายหนูค่ะ"
นาคินทร์วูบ ๆ เพราะคิดถึงกนกวลีขึ้นมาจับใจ
"อ้าว!! โทษที" ยายคนขายหยิบขนมอื่นใส่ถุงให้ 3 ห่อ "งั้นเอาขนมไปนะ ยายให้ อุตส่าห์เป็นลูกค้าประจำมาแต่ไหนแต่ไรอ่ะ ! แม่หนูห่อนึง พ่อหนุ่มห่อนึง อีกห่อฝากไปให้แฟนพ่อหนุ่มด้วยนะ—จริงสิ วันนี้ไปไหนซะล่ะ ทำไมไม่พามาด้วย?”
นาคินทร์อึ้งจนจุก
ปานตะวันอึ้ง ๆ เพราะเพิ่งจะได้ยินว่านาคินทร์มีแฟนแล้ว
นาคินทร์จุกจนพูดอย่างลำบากยากเย็น "ขอบคุณครับ..ผมเกรงใจ..ไม่ดีกว่า"
พูดจบนาคินทร์ก็รีบเดินกลับไปขึ้นรถเลย
ปานตะวันงง "คุณนาคินทร์.." ปานตะวันรีบพูดกับยาย "ขอบคุณนะคะ..หนูไปก่อนนะคะ"
พูดจบปานตะวันก็วิ่งจู๊ดไปขึ้นรถทันที นาคินทร์ออกรถเอี๊ยดไปอย่างรวดเร็ว
นาคินทร์ขับรถเร็วมาด้วยสีหน้านิ่ง ปานตะวันหวาดเสียว
"คุณนาคินทร์คะ..ขับเร็วเกินไปแล้วนะคะ"
นาคินทร์ไม่พูดไม่จาแต่ยังขับรถเร็วอยู่
ปานตะวันมองถนน "นี่คุณจะไปไหนคะ ทำไมไม่..”
ไม่ทันได้ถามต่อเพราะนาคินทร์เหยียบคันเร่งซะจนปานตะวันตัวแข็งหลังติดเบาะทำให้เธอพูดไม่ออก
นาคินทร์เดินดุ่ม ๆ อย่างเร็วไปหยุดที่ริมทะเล เขาจ้องมองออกไปไกลสุดสายตา ปานตะวันวิ่งตามเข้ามาหยุดยืนมองอยู่ห่าง ๆ ไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี? นาคินทร์ยังยืนมองทะเลอยู่อย่างนั้น
ภาพในอดีตย้อนกลับมา ภาพตอนที่นาคินทร์กับกนกวลีกอดรัดยิ้มแย้มกันริมทะเล
ภาพตอนที่คุณยายคนขายขนมพูด “ฝากไปให้แฟนพ่อหนุ่มด้วยนะ..ไปไหนซะล่ะ ทำไมไม่พามาด้วย”
ภาพตอนที่กนกหักรถหลบในคืนอุบัติเหตุ
ตอนที่นาคินทร์ช็อค "ไม่!! กนกวลีต้องไม่ตาย!! กนกวลีต้องไม่ตาย!!"
ตอนที่นาคินทร์พุ่งเข้าไปกอดศพกนกวลีแน่น “มัน!! ไอ้คนที่มันวิ่งตัดหน้ารถเมียผม..มันอยู่ที่ไหน??”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นาคินทร์ก็โกรธจัด เขาหันหลังขวับไปเจอหน้าปานตะวันทืยืนอยู่ใกล้ๆ ด้านหลังเต็มๆ
ปานตะวันสะดุ้งเมื่อเห็นสีหน้านาคินทร์ "เอ่อ..คุณ..เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
นาคินทร์จ้องมองปานตะวันแล้วก็คิดก่อนจะดับอารมณ์ ถอนใจเฮือก จ้องมองหน้าปานตะวันแล้วพูดเสียงเรียบ ๆ "เมื่อ 2ปีก่อน ผมแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรักที่สุด..แต่แล้วเค้าก็ต้องมาจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ" น้ำเสียงนาคินทร์สั่นเครือ
ปานตะวันฟังแล้วรู้สึกสงสารจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปบีบต้นแขนของนาคินทร์เบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ
"เสียใจด้วยนะคะ ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี"
นาคินทร์เลิกคิ้วแล้วถาม "คุณเข้าใจดี?”
ปานตะวันพยักหน้าหงึกๆ "ค่ะ..การสูญเสียคนที่เรารักมันเจ็บปวด ทรมาน และอ้างว้างแค่ไหนฉันเข้าใจดี"
นาคินทร์มองแล้วก็รอฟังต่อ
ปานตะวันถอนหายใจเฮือก "ฉันเองก็สูญเสียคุณพ่อคุณแม่ไปพร้อม ๆ กันเพราะอุบัติเหตุ ตั้งแต่ฉันยังเรียนไม่จบ"
นาคินทร์ตาวาวกับคำว่าอุบัติเหตุ
"ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของฉันมันก็เปลี่ยนไป"
นาคินทร์พยักหน้าหงึก ๆ "ผมเองก็เหมือนกัน..ชีวิตของผมมันก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน" นาคินทร์มองหน้าแล้วก็นึกในใจว่าเพราะคุณ
ปานตะวันที่ไม่รู้เรื่องมองหน้านาคินทร์ตาแป๋ว นาคินทร์มองหน้าปานตะวันแล้วก็พยายามข่มอารมณ์ไว้ก่อนจะบอก "ช่างเถอะ..ถึงยังไง เขาก็ไม่มีวันจะกลับมาหาผมได้อีกแล้ว อีกอย่าง..ถ้าผมไม่เสียเขาไปผมก็คงไม่มีโอกาสได้พบคุณ"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ค่อย ๆ ยกมือขึ้นลูบแก้มปานตะวัน
"รู้มั้ยครับ..ปานตะวัน? คุณคือดวงตะวันที่ชุบชีวิตและหัวใจที่เจ็บปวดอ้างว้างของผมให้กลับมาสดใสได้อีกครั้ง"
นาคินทร์กลืนเลือดในทุกคำพูดซึ่งก็คุ้มแสนคุ้มเพราะดวงตากลมโตของปานตะวันมองหน้าเขาอย่างตื่นตะลึง
นาคินทร์พูดด้วยแววตาจริงใจสุดฤทธิ์ "จากใจครับ" นาคินทร์เอามืออีกข้างจับมือปานตะวันมาแตะไว้ที่อกซ้ายของเขา "ผมพูดจากหัวใจ"
ปานตะวันเคลิ้มจนรู้สึกเบาหวิว "คุณนาคินทร์...”
นาคินทร์ใช้มือข้างที่จับแก้มปานตะวันอยู่ค่อย ๆ โน้มคอปานตะวันเข้ามาใกล้แล้วก็ค่อย ๆ จูบหน้าผาก จมูก และปาก คราวนี้ปานตะวันเคลิ้มตามเพราะว่าเธอเริ่มมีใจให้กับนาคินทร์แล้ว ทั้งสองค่อยๆ ผละออกมาจ้องมองตากันหวาน
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 7 (ต่อ)
อัครินทร์ยังยืนบรรยายอยู่ที่เดิมในห้องสัมมนา เขาหันไปเห็นพราวพรรณรายนอนฟุบอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมแล้วก็ถอนใจเฮือก เขาเดินไปยืนมองใกล้ ๆ
"คุณ..ตื่น..”
พราวพรรณรายขยับเล็กน้อย
อัครินทร์สะกิด "คุณ..มานอนอะไรตรงนี้?”
พราวพรรณรายหลับหูหลับตาแล้วก็เอามือโบกปัดไปมา
พราวพรรณรายงัวเงีย "อย่ามายุ่ง!”
"จะตื่นไม่ตื่น?” อัครินทร์ถาม
พราวพรรณรายเงยหน้าขึ้นพูดทั้งที่ยังหลับตา "หึ้ย!! หนวกหู"
อัครินทร์เคือง "หนวกหูใช่มั้ย?!!”
พูดจบอัครินทร์ก็ใช้ 2มือช้อนหน้าพราวพรรณรายขึ้นมาจูบอย่างรุนแรง พราวพรรณรายตาเบิกตาโพลงร้องอู้อี้ ๆ แต่อัครินทร์ยังคงจูบอยู่อย่างนั้น
ในความจริงพราวพรรณรายกำลังละเมอทำปากจู๋เหมือนกำลังโดนจูบแล้วก็ส่ายหน้าไปมาทำขัดขืน เธอส่งเสียงอู้อี้ว่าอย่านะ ๆ
เสียงอัครินทร์ดังขึ้น "คุณ!! คุณ!!”
พราวพรรณรายสะดุ้งเฮือกจากความฝันโดยยังทำปากยังจู๋อยู่ เธอลืมตามองแล้วก็ตกใจที่เห็นอัครินทร์ก้มลงไปจ้องอยู่ใกล้ ๆ
"เป็นไรเนี่ย?”
พราวพรรณรายตกใจสุดขีด "ว้าย!" พราวพรรณรายหันไปมองรอบ ๆ ทุกคนมองเป็นตาเดียว ขำ ๆ ซุบซิบ พราวพรรณรายอายมากจึงยกกระเป๋าขึ้นมาบังหน้า "ว้าย!! มองไร? เป็นอะไรมากป่ะ"
"คุณนั่นแหละ เป็นไรเยอะ นอนหลับในห้องบรรยายไม่พอ ยังฝันบ้า ๆ บอ ๆ อีก ฝันอะไรของคุณครับ?”
พราวพรรณรายสะดุ้ง "ฝัน?" พราวพรรณรายคิดในใจว่ารู้ได้ยังไงวะ? "ฝันอะไรของคุณหมอคะ? ใครฝันคะ? รู้ได้ไงคะ?”
อัครินทร์ถามเลย "ฝันว่าจูบกับใคร?”
พราวพรรณรายเผลอ "ก็จูบกับ...ว๊าย" พราวพรรณรายแก้ตัวจนปากคอสั่น "จูบเจิบอะไรกับใครคะ? ไม่มี๊!! บ้าแล้ว"
อัครินทร์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจก่อนจะเดินกลับไปที่เดิม "เอาล่ะครับทุกคน..ตกลงว่าไม่มีใครสงสัยอะไรนะครับ ถ้างั้นผมขอจบการบรรยายในวันนี้แต่เพียงเท่านี้" อัครินทร์ทำหน้าตาย "เพราะถ้าผมยังไม่ยอมจบ อาจจะหลับกันหมดทั้งห้องเหมือนกับคุณคนนั้น" อัครินทร์มองไปที่พราวพรรณราย
ทุกคนขำกันครืน พราวพรรณรายอายมาก
"โอเค.ครับ สวัสดีครับทุกคน"
ทุกคนลุกขึ้นแยกย้ายกันทันที อัครินทร์ก้มหน้าก้มตาเก็บของพอเงยหน้ามองไปที่พราวพรรณรายก็ไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงเก้าอี้นั้นแล้ว
อัครินทร์ส่ายหน้า "ง่วงมากสิเจ๊"
อัครินทร์ส่ายหน้าขำ ๆ แล้วเก็บของเดินออกไป
พราวพรรณรายที่นั่งซุ่มอยู่ในรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ เธอซุ่มมองอัครินทร์ที่กำลังเดินมาไกล ๆ พราวพรรณรายที่กำลังซุ่มอยู่ทำตาโตก่อนจะรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากด สายตาของเธอจ้องมองอัครินทร์ที่กำลังเดินอยู่ไกลๆ ตลอดเวลานาคินทร์ขับรถกลับกรุงเทพฯ ปานตะวันสะดุ้งพอมือถือดังเขาก็หยิบมารับแล้วพูดเบา ๆ
"ว่าไงพิงค์"
"ให้ทาย!! ตอนนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?" พราวพรรณรายยังจ้องอัครินทร์ตลอดเวลา
ปานตะวันคุยงุบงิบ "ใครจะไปรู้?”
พราวพรรณรายชะเง้อมองอัครินทร์ที่เดินมาถึงรถและกำลังจะขึ้นรถ
พราวพรรณรายขยับตัวเตรียมพร้อม "เรากำลังจะขับรถสะกดรอยตามคุณหมอหล่อโฮกที่เล่าให้ตะวันฟังไง"
"อะไรนะ?? เป็นเอามากแล้ว อย่าไปยุ่งเลยพิงค์"
พราวพรรณรายไม่สน เธอเห็นอัครินทร์ออกรถก็รีบบอก "ไม่ทันแล้ว แค่นี้ก่อนนะจ๊ะเพื่อนเลิฟ..เลิฟยูว์" พราวพรรณรายวางหูแล้วขับรถพุ่งตามรถอัครินทร์ทันที
"พิงค์!! พิงค์!!" ปานตะวันวางสาย
"มีอะไรรึเปล่าครับ? ใครโทรมา?”
"เอ่อ..ไม่มีอะไรค่ะ เพื่อนฉันเอง"
นาคินทร์เก็กเสียงเข้ม "เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง?”
ปานตะวันแอบค้อน "พิงค์ค่ะ..พิงค์ สีชมพู..ผู้ชายหรือผู้หญิงดีคะ?”
นาคินทร์พูดกวนหน้าตาย "ไม่รู้..ผู้อะไรไม่รู้..หึงไว้ก่อน"
ปานตะวันเลิกคิ้ว "คุณมีสิทธิ์อะไรมาหึงฉันคะ?”
"อยากให้มีมั้ยละ?”
ปานตะวันค้อนและพูดไม่ออก นาคินทร์อมยิ้มก่อนจะขับรถต่อไป ปานตะวันมีสายตาเปี่ยมสุข
พราวพรรณรายขับรถสะกดรอยตามอัครินทร์มาเรื่อย ๆ สักพักรถของเธฮก็ติดไฟแดงจ่ออยู่หลังรถอัครินทร์
พราวพรรณรายหดคอและเอาหน้าหลบเพราะกลัวว่าอัครินทร์จะมองเห็นจากกระจกหลัง ส่วนปากก็บ่นไปด้วย "ก็ถามดี ๆ ว่ามีแฟนรึยัง? ทำเป็นเล่นตัวไม่ยอมบอกนี่ยะ ก็เลยต้องตามดูถึงบ้านว่ามีเมียแล้วรึยัง?" พราวพรรณรายชะเง้อมองไปข้างหน้าแล้วเบะปาก "หนอย..คิดว่าเจ๋งนักเหรอ ถึงได้กล้าหือกับสาวสวยรวยและเก่งมว๊ากอย่างพิงกี้-พราวพรรณรายคนนี้"
พูดจบพราวพรรณรายก็ทุบโครมลงบนแตรรถเสียงดังลั่นสนั่นจนอัครินทร์สะดุ้งเฮือก เขามองกระจกหลังก็ยิ่งตกใจเมื่อเห็นเป็นพราวพรรณรายเขาก็หันขวับไปมองด้านหลัง
อัครินทร์ตกใจ "เฮ้ย!! อย่าบอกนะว่ายัยเจ๊นั่นขับรถตามเรามา"
ทันใดนั้นก็เป็นไฟเขียว อัครินทร์เลยออกรถเอี้ยดอย่างรวดเร็ว
พราวพรรณรายขับรถพุ่งตาม "แย่แล้ว!! สงสัยเป้าหมายจะรู้ตัวซะแล้ว โธ่เอ๊ย!! ยัยพิ้งนะยัยพิ้ง"
ทั้งสองขับรถตามกันมาติด ๆ
อัครินทร์นึกสนุก "นี่เอาจริง ๆ เหรอเจ๊? ได้เลย..จัดให้"
อัครินทร์พุ่งเร็วแถมซิกแซกซ้ายขวากะจะมุดหนี
พราวพรรณรายเหล่ "แน่ะ!! เล่นกะใครไม่เล่น ไม่รู้ล่ะสิว่ากำลังเล่นอยู่กะเจ้าแม่ฟอร์มูล่าวัน? ได้สิจ๊ะ จัดให้"
พราวพรรณรายพุ่งจี้ตามมาติดๆ รถทั้งสองคันไล่จี้ไล่ตามกันมาอย่างระทึก
"โห..ผู้หญิงอะไรวะ..ตีนผีที่สุด"
พราวพรรณรายสะใจ "ไงล่ะ..อึ้ง ๆๆ..ไม่รู้จักซะแล้ว"
รถของอัครินทร์ซิ่งมาติดไฟแดง พราวพรรณรายแถออกข้างมาจอดเทียบแถมยักคิ้วให้
อัครินทร์กดกระจกลงแล้วตะโกนถาม "นี่คุณ!! จะตามผมไปถึงไหน?? สะกดรอยตามผมอย่างนี้มีเจตนาไม่ดีอะไรรึเปล่าเนี่ย"
"พูดอะไรของคุณ? ฉันก็ขับรถของฉันอยู่ดี ๆ พูดอย่างนี้มันกล่าวหา หมิ่นประมาท" พราวพรรณราย
อัครินทร์พึมพำ "โห..แซบนะเนี่ย" อัครินทร์ตะโกนถามต่อ "เอายังไง ตกลงจะเอายังไง? คุณจะไปทางไหน? บ้านคุณอยู่แถวไหน? ผมจะได้ไม่ไปทางนั้น"
"แน่ะ!!! หลอกถามทางไปบ้านผู้หญิง? เนียนนะคะคุณหมอ"
อัครินทร์ตกใจ "เฮ้ย"
พราวพรรณรายต่อทันที "อยากรู้ก็ถามตรง ๆ ก็ได้ค่ะ..ไม่ต้องหลอก แหม..พิงค์เองก็อยากบอกจะแย่คิกๆ"
อัครินทร์บ่นกับตัวเอง "โห..เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น" อัครินทร์ตะโกนคุย "นี่!! ใครจะอยากรู้จักบ้านคุณเกิดมาผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนหลงตัวเองแบบคุณมาก่อนเลย" อัครินทร์ดุ "อย่าขับตามผมมาอีกเป็นอันขาด ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน"
พูดจบก็ไฟเขียวพอดี อัครินทร์จึงกระชากรถออกทันที
พราวพรรณรายมองตามโดยยังไม่ออกรถ "หนอย.. เกิดมาฉันก็ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนโง่วิ่งหนีผู้หญิงสวย ๆ มาก่อนเหมือนกันย่ะ" พราวพรรณรายนึกได้ "เฮ้ย! หรือว่าเป็นเกย์? ว๊าย!! ไม่นะ!! เสียของ ฮึ่ม..อย่างนี้ต้องตามไปเคลียร์"
พูดจบพราวพรรณรายก็ขับรถพุ่งออกไปทันที
จามจุรี มอลลี่ ลูกกอล์ฟกำลังจะกลับบ้านพอเห็นปาริฉัตรที่หน้าผากแดง ๆ ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะก็ชะงักเดินปรี่ไปหา
"ยังไม่กลับเหรอ?? กลับด้วยกันมั้ยปาริฉัตร?!” จามจุรีถาม
ปาริฉัตรยกมือไหว้ "ขอบคุณค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉัตรยังไม่กลับ"
มอลลี่กับลูกกอล์ฟมองหน้ากันพลางคิดในใจว่าเอาล่ะ เริ่มเลย
มอลลี่พูด "จะอยู่รออะไรเหรอจ๊ะ ป่านนี้ท่านประธานคงไม่มาทำงานแล้วล่ะจ๊ะ เอ๊ะ! รึว่าจะไปรอที่ท่าน้ำดีจ๊ะ เผื่อท่านประธานจะกลับมาแบบใครห๊า..นังลูกกอล์ฟ?!”
"อ๋อ ๆๆ" ลูกกอล์ฟวิ่งไปทำท่าแม่นาคอุ้มลูกยืนรอพี่มากที่ท่าน้ำ "พี่มากขาา"
ปาริฉัตรกลัวที่ไหน เธอพูด "ต้องตายทั้งแม่" ปาริฉัตรพูดใส่มอลลี่ "ทั้งลูก" ปาริฉัตรพูดใส่ลูกกอล์ฟ "ก่อนมั้ยคะ..จะได้เหมือนจริง?”
มอลลี่กับลูกกอล์ฟสะดุ้งโหยง "ว้าย..แรง"
มอลลี่เกาะแขนจามจุรีทันที "แรงมากเลยค่ะคุณเจเจ..โห..จะเอาถึงตายอ่ะ"
"เออ..จริงสิ!! ตกลงวันนี้ทั้งวัน ติดต่อท่านประธานไมได้เลยเหรอ?” จามจุรีว่า
ปาริฉัตรจ๋อยและเป็นห่วง "ค่ะ โทร.ไปที่บ้านท่าน แม่บ้านบอกแค่ว่าออกไปข้างนอก"
ลูกกอล์ฟฟันธง "ติดหญิงแน่นอน!”
"ตบปาก!! พูดอะไรระวังจะกระทบใจน้องนุ่งบ้าง--จริงมั้ยจ๊ะ..น้องฉัตร"
ปาริฉัตรเคือง เธอลุกพรวดกะจะลุยแต่นัครินทร์ส่งเสียงดังมาเสียก่อน
"อ้าว..สาวน้อย สาวใหญ่ ยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอฮะ?”
ปาริฉัตรชะงัก นัครินทร์เดินมาโดยมีประกายเดือนที่หน้าผากแดง ๆ เดินตามมาด้วย ประกายเดือนกับปาริฉัตรจิกตาใส่กัน
มอลลี่พูดแทรก "ยังค่ะ ก็รอบุญหล่นทับเผื่อจะมีวาสนา" มอลลี่กัดประกายเดือน "มีเจ้านายใจดีพาไปกินข้าวแล้วส่งถึงบ้านอ่ะค่ะ"
นัครินทร์ทำหน้าตาเฉย "อ๋อ..เหรอ..งั้นก็รอไปเหอะ"
"แอร๊ย! ท่านรองฯอ่ะ" มอลลี่งอนตุ๊บป่อง
ประกายเดือน จามจุรี และลูกกอล์ฟขำกิ๊ก
นัครินทร์นึกได้ "เออนี่..คุณจามจุรีฮะ สรุปยังไงฮะ? หาตัวท่านประธานเจอกันรึยัง"
"เอ่อ." จามจุรีดมยาดมปี้ด "ยังเลยค่ะ ติดต่อไม่ได้เลย แม่บ้านที่บ้านบอกแค่ว่าออกไปข้างนอกน่ะค่ะ คุณนัคลองช่วยอีกแรงสิคะ"
ประกายเดือนชักสงสัย
"เอ๊ะ! พี่คินนี่ชักจะยังไง เดี๋ยวนี้หัดหนีเที่ยว" นัครินทร์ว่า ปาริฉัตรหน้าบึ้ง "มาดีแตกเอาตอนนี้เนี่ยนะ ฮ่า ๆๆ..สู้ผมก็ไม่ได้..จริงมั้ย"
จามจุรีเผลอพยักหน้า "จริงค่ะ..ท่านรอง ฯ แตกมาตล๊อด"
"ว่าไงนะฮะ?”
"อ๋อ ๆๆ..เอ่อ..เปล่าค่ะ" จามจุรีสูดยาดมปี๊ด "ถ้าไม่มีอะไรก็ลาก่อนนะคะ จะแวะไปซื้อของใส่บาตรพรุ่งนี้เช้าน่ะค่ะ”
จามจุรี มอลลี่ และลูกกอล์ฟร่ำลาไป
นัครินทร์พูดกับประกายเดือน "แล้วคุณ...”
ประกายเดือนรีบพูดทันที "ดิฉันก็จะกลับแล้วค่ะ" ประกายเดือนย้ำ "กลับเองค่ะ..สวัสดีค่ะท่านรองฯ"
พูดจบประกายเดือนก็เผ่นทันทีพร้อมทั้งจิกตาใส่ปาริฉัตรอีกที
"อ้าว..เฮ๊ย..เดี๋ยวสิฮะ!!...ว้า" นัครินทร์เกาหัวยิกๆ "ไงวะเนี่ย?”
นัครินทร์หันมาเห็นปาริฉัตรก็เอะใจ เขาชะโงกไปดูหน้าผากแดงๆ ของเธอ
"หน้าผากคุณไปโดนอะไรมาฮะคุณฉัตร" นัครนิทร์ขำ "แดงแป๊ดเหมือนเลขาฯผมเลย—แฟชั่นใหม่เหรอฮะ? สาว ๆ เค้าฮิตกันเหรอ?”
ปาริฉัตรแอบอาย เธอเอามือกุมหน้าผาก "ป่ะ..เปล่าค่ะ..ท่านรองฯ"
นัครินทร์ไม่ใส่ใจอะไร "โอเค.ผมกลับละ อ้อ! รีบตามพี่ชายผมกลับมาทำงานเร็ว ๆ นะฮะ ผมขี้เกียจเดือดร้อน ต้องมารับงานแทนท่านประธาน..เข้าใจ๋?”
พูดจบปาริฉัตรก็เดินออกไป ปาริฉัตรคิดในใจว่าท่านประธานของฉันหายไปไหน?
รถของอัครินทร์กับรถของแพรวพรรณรายยังไล่ล่ากันเมามันบนถนน
"โห..ยัยนี่..น่าจับไปเล่นหนังบู๊" อัครินทร์ว่า
"หึ ๆ หนีได้หนีไป" แพรวพรรณรายทำหน้ากวน "แต่ขอบอกว่า..หนีไม่รอด ฮ่า ๆ"
ทั้ง 2 ไล่ล่ากันจนเริ่มเข้าถนนเล็กที่จะเข้าบ้าน
อัครินทร์มองกระจกหลัง "เฮ้ย..ผู้หญิงอะไร หน้าไม่อายจะไล่ตามผู้ชายถึงบ้านจริง ๆ เหรอวะเนี่ย?" อัครินทร์คิดแผนแล้วก็ยิ้ม "ฝันไปเถอะเจ๊!”
ทันใดนั้น อัครินทร์ก็กระทืบเบรคอย่างแรง แพรวพรรณรายแตะเบรคไม่ทันจึงตกใจมาก รถของแพรวพรรณรายพุ่งชนท้ายรถอัครินทร์อย่างจัง
"ว๊าย!! อีตาบ้า!! อีตาบ้า!!แกล้งกันชัด ๆ"
แพรวพรรณรายยัวะ เธอเปิดประตูก้าวพรวด ๆ ลงมาปะทะกับอัครินทร์ที่เปิดประตูก้าวชิว ๆ ลงมา
"เล่นแรงไปรึเปล่าคุณ?” แพรวพรรณรายไม่พอใจ
"ใครเค้าเล่นกับคุณไม่ทราบ?? ผมขับรถของผมอยู่ดี ๆ คุณต่างหากขับรถไล่ชนท้ายรถผม..สนุกมากใช่มั้ย?”
แพรวพรรณรายลืมตัวจึงแว๊ดเสียงดัง "ชั้นแค่ไล่ตาม!! ไม่ได้ไล่ชน"
อัครินทร์เลิกคิ้วตาโต
แพรวพรรณรายรีบเอามือตะปบปากตัวเองแล้วแถ "ชั้นก็แค่ขับไล่ไปตามถนนไม่ได้ขับไล่ชนคุณซักกะหน่อย แต่..”
อัครินทร์สวน "พอละ ๆ คุณจะอะไรยังไงก็ช่างคุณ ผมไม่สนแต่ที่แน่ ๆ คุณชนท้ายผม คุณต้องซ่อมรถให้ผม เพราะคุณผิด!”
แพรวพรรณรายโวยลั่น "ชั้นผิด?? คุณตะหากที่ผิด จู่ ๆ ก็เบรคซะหัวทิ่มอย่างนี้ ผิด!! ผิดเต็ม ๆ"
รถของนาคินทร์แล่นมาทางด้านหลังอัครินทร์
นาคินทร์มอง "นั่นมันนายอัคนี่?”
นาคินทร์จอดรถต่อท้ายแล้วก็ก้าวลงกันมาทั้งคู่ ปานตะวันยังไม่เห็นแพรวพรรณรายที่หันหลังอยู่
"อัค!! เกิดอะไรขึ้น"
อัครินทร์มองพี่ชายที่มากับปานตะวันแว่บนึงก่อนจะตอบอย่างเซ็ง ๆ "โดนผู้หญิงคนนี้ขับรถไล่ชนน่ะพี่คิน"
แพรวพรรณรายพูดพร้อมกับหันมาหานาคินทร์ "ไม่จริงนะคะ..ชั้น.." แพรวพรรณรายชะงักเมื่อเห็นปานตะวัน "ตะวัน?”
"พิงค์??” ปานตะวันตกใจ
สองสาวกระโดดกอดกันแน่น ทั้งสองหนุ่มมองกันเหวอ ๆ
แพรวพรรณรายดีใจ "ตะวันมาอยู่ตรงนี้ได้ไง?”
"พิงค์นั่นแหละ..มาอยู่ได้ไง?..แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?” ปานตะวันถาม
แพรวพรรณรายนึกได้ก็วี๊ดทันที "ก็ผู้ชายคนนี้น่ะสิ ขับรถงี่เง่าแล้วมาหาว่าเราขับรถไล่ชน"
"เอ๊า! คู้ณ!! อุตส่าห์ บอกว่าขับรถไล่ชนรึจะให้บอกว่าคุณขับรถไล่ตามผม ห๊า?”
แพรวพรรณรายสะดุ้ง "ว้าย!! หยาบคาย!! ไม่สุภาพ"
"เอาจริง ๆ ยิ่งกว่านั้นก็คือ..ไล่จับผม!” อัครินทร์บอก
"อร๊าย!! ใครไล่จับคุณ?? หลงตัวเอง หน้ายังกะปลาบู่แป๊ะซะ ใครจะเค้าจะอยากไล่จับยะ?” แพรวพรรณรายว่า
"อ่ะ!! ตกลงจะจ่ายค่าเสียหายรึเปล่า? ถ้าไม่..ผมจะได้โทร.เรียกทนาย" อัครินทร์หยิบโทรศัพท์
"อร๊าย!! มีคนเดียวเหรอทนาย ชั้นก็มีทนายเหมือนกันย่ะ" แพรวพรรณรายหยิบโทรศัพท์บ้าง
นาคินทร์ห้ามทัพ "อ่ะ! เดี๋ยว ๆๆ..ใจเย็นก่อน..เราไปคุยกันต่อที่บ้านจะดีกว่ามั้ยครับ?”
อัครินทร์กับแพรวพรรณรายเชิดใส่กัน
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 7 (ค่อ)
ณ บ้านไกรตระกูลยามค่ำ แพรวพรรณรายรีบดึงปานตะวันเข้ามาคุยในมุม
"อะไรเนี่ย??..คุณอัคจะคุยกับเธอทางนู้น" ปานตะวันว่า
"ช่างเค้า..เอาไว้ทีหลัง เอาเรื่องตะวันก่อน สำคัญกว่า" แพรวพรรณรายจ้องตา "นี่!! อะไรยังไงเล่ามาเซะ?!”
"อะไร? ยังไง?”
"ยังจะมาถาม?? ไม่เจอกัน 2-3 ปี เจออีกทีก็มาอยู่บ้านเดียวกันกับผู้ชายซะแระ" แพรวพรรณรายตาวิบวับ "แถมหล่อมากซะด้วย" แพรวพรรณรายคาดคั้นเพื่อน "ว่ามา!”
ปานตะวันถอนหายใจเฮือก
ทุกคนนั่งคอยกันอยู่ที่ห้องรับแขกบ้านไกรตระกูล
สาวิตรีชะเง้อ "เอ้า! ไหนล่ะจ๊ะลูกหมอของแม่..คู่กรณีของลูกไปไหนซะล่ะ?!”
อัครินทร์ส่ายหน้า "นั่นสิครับแม่..แย่จัง..ไม่มีมารยาท"
"รึจะชนแล้วหนีคะ?! งั้นเดี๋ยวใบตองไปตามล่านะคะ" ใบตองบอก
"ไม่ต้อง เห็นเดินไปกับตะวัน เดี๋ยวผมไปตามให้เอง"
นาคินทร์พูดจบก็ลุกออกไป
"หืมมม..จะไปตามคู่กรณีคุณอัค หรืออยากไปตามคุณตะวันกันแน่ คิกๆ ๆ" ใบตองหัวเราะคิกคัก
สาวิตรีเอ็ด "ใบตอง!" สาวิตรีหัวเราะคิกคัก "รู้ดีนักนะเรา"
ทั้งสองคนหัวเราะคิกคัก อัครินทร์มองตามพี่ชายไป
ปานตะวันเล่าเรื่องจบแล้ว แพรวพรรณรายนั่งฟังอย่างตั้งใจด้วยสายตาเห็นใจ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ
"ไม่น่าเลย…"
ปานตะวันพยักหน้า "มันคงเป็นเวรกรรมอะไรซักอย่างที่เราต้องชดใช้เค้า"
แพรวพรรณรายเปลี่ยน feel ทันที "เวรกรรมที่ไหนล่ะตะวัน!! เรายังอยากรู้เลยว่าชาติที่แล้วตะวันทำบุญด้วยอะไร"
ปานตะวันงง "ว่าไงนะ?”
"ชาติที่แล้ว ตะวันต้องทำบุญใหญ่แน่ ๆ ชาตินี้ถึงได้มาอยู่บ้านเดียวกันกับผู้ชายหล่อขั้นเทพขนาดนี้ ฮิฮิ"
ปานตะวันเหวอ "บ้าแล้วยัยพิงค์"
"จริ้ง!! ดูเราดิ๊ ต้องลงทุนขับรถไล่ตามแทบตาย แต่นี่ตะวันอยู่เฉย ๆ ก็มีผู้ชายมายื่นข้อเสนอถึงที่ ที่เริ่ดยิ่งกว่าก็คือ..ได้ตังค์แล้วยังจะได้ตัวด้วยนะจ๊าา"
นาคินทร์เดินมาชะงักแล้วก็แอบฟัง
"บ้า!" ปานตะวันตีเพื่อนดังเพียะ "กี่ปี ๆ ก็ไม่เลิกพูดจาแบบนี้ซะทีนะยัยพิงค์"
"เอ๊า!!ชั้น..พิงค์ พูดจริง จากใจ ไม่แอ๊บ" แพรวพรรณรายว่า
ปานตะวันค้อน "ไม่แอ๊บ?? ตะกี้ทำเป็นโกรธคุณอัค?”
"อันนั้นไม่ได้แอ๊บ เค้าเรียกว่าหยิ่ง รักศักดิ์ศรี กุลสตรี"
ปานตะวันนึกถึงตัวเอง "ใช่..เราก็ต้องรักศักดิ์ศรีของเรา" ปานตะวันมองเพื่อนแล้วยิ้มน้อย ๆ "เราทำให้คุณนารถเดินได้เมื่อไหร่ เราจะรีบไปจากที่นี่ทันที"
นาคินทร์หน้าตึงแล้วก็โผล่มาทันที
"จะรีบไปไหนกันเหรอครับ?”
ปานตะวันอึ้ง แพรวพรรณรายดี๊ด๊าแล้วก็ตอบมั่วๆ
"ไม่รีบเลยค่ะ อยู่ยาวได้ค่ะ ไม่มีธุระ"
"ถ้างั้นเชิญที่ห้องรับแขกดีกว่าครับ คุณพ่อคุณแม่ผมรอพบคุณอยู่ด้วย" นาคินทร์บอก
"ยินดีค่ะ ได้เลยค่ะ" แพรวพรรณรายตอบรับ
แพรวพรรณรายรีบกระตุกมือเพื่อน ปานตะวันจูงมือแพรวพรรณรายแล้วเดินไป นาคินทร์มองตามแล้วคิดในใจว่าอย่านึกว่าจะได้ไปเร็วเลยปานตะวัน
ทุกคนนั่งอยู่หลังจากเคลียร์ปัญหาทุกอย่างจบแล้ว
"สรุปว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันดีกว่านะหนูนะ" ทวยเทพบอก
แพรวพรรณรายอึ้ง "เอ่อ..”
"เข้าใจผิดตรงไหนครับพ่อ?” อัครินทร์ถาม
ทวยเทพปราม "นายอัค!”
อัครินทร์เงียบ แพรวพรรณรายยิ้มสะใจ
"นั่นสิ..เราเองก็เบรคกะทันหัน หนูพิงค์เองก็คงไม่ตั้งใจจะชน..ใช่มั้ยจ๊ะ" สาวิตรีถาม
อัครินทร์อ้าปากจะเถียง แต่แพรวพรรณรายชิงตอบ
"จริงค่ะ..จากใจ" แพรวพรรณรายทำตาปริบๆ
อัครินทร์ส่ายหน้า แพรวพรรณรายแอบยิ้มเยาะใส่
แพรวพรรณรายดราม่าต่อ "แต่ถึงยังไงหนูก็ยินดีชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดนะคะ"
"ม่าย..ไม่ต้องหรอก..ซ่อมรถแค่นี้ไม่กี่สตางค์" ทวยเทพบอก
อัครินทร์ทำตาโต "คุณพ่อ?”
"อีกอย่างนึง..หนูพิงค์ก็เป็นเพื่อนรักกับหนูตะวัน..เพราะฉนั้นจากนี้ไปต้องถือว่าเราเป็นคนกันเองนะจ๊ะหนู" สาวิตรีบอก
อัครินทร์เซ็งเป็ด
แพรวพรรณรายรีบกราบขอบคุณ "กราบขอบพระคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากนะคะ"
อัครินทร์เหวอ "คุณพ่อคุณแม่?”
"ค่ะ..ขออนุญาติเรียกคุณพ่อคุณแม่นะคะ เพราะท่านทั้ง 2 ใจดีมีเมตตา หนูอยู่ใกล้ ๆ แล้วรู้สึกอบอุ่นม๊ากมาก คิดถึงคุณพ่อคุณแม่หนูเลยอ่ะคะ" แพรวพรรณรายบอก
"อ้าว..โถ..คุณพ่อคุณแม่ ไม่น่าอายุสั้นเลย" สาวิตรีเวทนา "เสียใจด้วยนะจ๊ะ"
ปานตะวันอมยิ้ม
"เอ่อ..คุณพ่อคุณแม่หนูยังไม่ตายค่ะ"
สาวิตรีงง "อ้าว"
"ที่บ้านพิงค์อยู่เชียงใหม่น่ะค่ะ แต่พิงค์จะลงมากรุงเทพฯบ่อย ๆ บางทีก็มาอยู่นาน ๆ" ปานตะวันบอก
"ตายจริง..ขอโทษทีนะจ๊ะ" สาวิตรีว่า
"เอาล่ะ..เอาเป็นว่าไม่มีอะไรกัน เลิกแล้วต่อกันนะ" ทวยเทพสรุป
อัครินทร์เซ็ง
แพรวพรรณรายยกมือไหว้ "งั้นหนูขอลากลับก่อนนะคะ"
"อ้าว! นายอัค นั่งเฉยอยู่ได้ไง..ไปส่งหนูพิงค์" ทวยเทพสั่ง
อัครินทร์เสียงดังลั่น "อะไรนะครับพ่อ?”
"ก็มืดค่ำอย่างนี้ รถก็ชนซะเละ เราเป็นผู้ชายจะปล่อยให้ผู้หญิงเค้ากลับบ้านเองได้ยังไง"
"โห.." อัครินทร์พูดไม่ออกจึงส่ายหน้า
แพรวพรรณรายอมยิ้มอย่างผู้ชนะ ปานตะวันแอบขำเพื่อน นาคินทร์มองอย่างดีใจที่มีตัวละครตัวใหม่มาดึงอัครินทร์ให้ออกห่างจากปานตะวัน
"เอารถพี่ไปได้เลยนายอัค"
นาคินทร์โยนกุญแจให้อัครินทร์รับไว้ อัครินทร์มองหน้าพี่ชาย นาคินทร์มองตอบยิ้ม ๆ ปานตะวันมองสองพี่น้องแล้วก็พอจะเข้าใจอะไรได้อยู่
ปานตะวันเดินมาเพราะส่งเพื่อนแล้ว นาคินทร์ออกมาดักไว้
"มีอะไรเหรอคะ?” ปานตะวันถาม
"ทำไมต้องมีอะไร? ก็แค่อยากจะมองหน้าคุณเฉย ๆ ไม่ได้รึไง?”
ปานตะวันหลบตา "คุณนาคินทร์..”
ปานตะวันจะเดินออก นาคินทร์ล็อคตัวไว้
ปานตะวันไม่พอใจ "คุณนาคินทร์คะ..”
"ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า เพื่อนคุณน่ารักดีนะครับ ชวนเค้ามาบ้านบ่อย ๆ ก็ได้นะ คุณจะได้ไม่เหงา" นาคินทร์ว่า
ปานตะวันจ้องตา "แน่ใจเหรอคะว่าอยากให้เพื่อนฉันมาบ้านเพราะกลัวฉันจะเหงา?”
นาคินทร์งงที่ปานตะวันรู้ทัน "ใช่..ผมว่าดู ๆ ไปเพื่อนคุณก็เหมาะกับนายอัคดีนะ..คุณว่ามั้ย?”
ปานตะวันจ้องตาแล้วพูดจริงจัง "เรื่องของหัวใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะบังคับจับคู่หรือกะเกณฑ์กันได้หรอกค่ะ..คุณนาคินทร์"
นาคินทร์จ้องหน้ายิ้มๆ "จริงเหรอ?!”
ปานตะวันเริ่มไม่กล้าสู้ตา
นาคินทร์จ้องด้วยสายตาหวานฉ่ำ "คุณจะลองดูมั้ย..ปานตะวัน?”
นาคินทร์เริ่มขยับหน้าใกล้ ปานตะวันรีบมุดออกจากการล็อค
"ฉันขอไปดูคุณนารถก่อนค่ะ" ปานตะวันบอก
ปานตะวันพูดจบก็เผ่นทันที
นาคินทร์มองตามแล้วพูดจริงจัง "แล้วผมจะทำให้คุณดู..ปานตะวัน!!
นาคินทร์ตั้งใจจะทำให้ปานตะวันหลงรักเขาให้ได้ตามแผน
ปานตะวันยื่นจานใส่ขนมวุ้นรูปหัวใจสีชมพูของฝากจากแม่ค้าให้นารถนรินทร์
"ขอโทษจริง ๆ นะคะน้องนารถ ไปถึงช้าลอดช่องหมดแล้ว แม่ค้าฝากขนมนี่มาให้แทน" ปานตะวันบอก
นารถนรินทร์อมยิ้ม "ไม่เป็นไรค่ะ พี่ตะวันจะได้ไปซื้อให้นารถใหม่อีก ไปหลาย ๆ รอบก็ได้นะคะ"
ปานตะวันเฉไฉ "ลองชิมสิคะ อร่อยมั้ย?”
นารถนรินทร์อมยิ้มก่อนจะตักชิม "อืมม์.." นารถนรินทร์เย้า "หวานค่ะ..หวานเจี๊ยบเลย ปกติขนมเจ้านี้เค้าจะไม่หวานขนาดนี้นะคะ คราวนี้ไม่รู้ใครทำน้ำตาลหกใส่"
ปานตะวันก้มหน้างุดๆ นาคินทร์เดินเข้ามา
"อุตส่าห์เอามาให้ทานแล้วยังจะบ่น" นาคินทร์ว่า
นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่ง "บ่นที่ไหนคะ ชมต่างหาก ชมว่าขนมอะไรไม่รู๊..หวานหอมอร่อยเหลือเกิน"
สองพี่น้องอมยิ้มใส่กัน ปานตะวันไม่รู้จะอยู่ตรงไหนดีก็เลยลุกขึ้น
"อ้าว! จะรีบไปไหนล่ะครับ ไหนว่าจะทำกายภาพให้ยัยนารถก่อนนอน"
"เอ่อ..รอให้คุณคุยธุระกันเสร็จก่อนก็ได้ค่ะ" ปานตะวันบอก
นาคินทร์ยิ้ม "ธุระอะไรกัน?”
นารถนรินทร์ชงทันที "มีแต่ ‘ธุระหัวใจ’ อ่ะสิ"
นาคินทร์พูดทันที "ถ้างั้น ‘คุณตะวัน’ ก็ต้องอยู่ด้วย"
"ฉันเกี่ยวอะไรด้วยคะ?”
"เกี่ยวสิครับ..เกี่ยวเต็ม ๆ"
ปานตะวันคิดในใจว่าเอาไงดี จะมุดไปไหนดี
"เอ่อ.." ปานตะวันฉกจานขนมออกจากมือนารถนรินทร์ทันที "อย่าเพิ่งทานเลยนะคะ เรามาทำกายภาพกันก่อนดีกว่า รบกวนคุณนาคินทร์ออกไปก่อนนะคะ"
นาคินทร์งอแง "ทำไมต้องไล่ด้วยล่ะ..เกะกะเหรอ?”
ปานตะวันทำหน้าตาย "ค่ะ"
นาคินทร์เหวอ นารถนรินทร์ขำก๊ากเพราะถูกใจ
"เรื่องอะไร? นี่บ้านผม นี่น้องผม ผมจะอยู่"
ปานตะวันงง นารถนรินทร์ขำใหญ่ ปานตะวันค้อนนาคินทร์ นาคินทร์จ้องแล้วทำหน้าอ้อนพร้อมทั้งยิ้มให้ ปานตะวันอ่อนใจ
ทวยเทพสำลักกาแฟพรวด สาวิตรีกับใบตองตกใจ
"ร้อนไปเหรอจ๊ะพ่อ?" สาวิตรีเอ็ดใบตอง "บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าให้น้ำร้อนเกินไป"
"ไอ้ร้อนน่ะไม่เท่าไรหรอก ว่าแต่ใครเป็นคนใส่น้ำตาล?” ทวยเทพถาม
สาวิตรีตาโต เธอมองหน้ากันกับใบตอง ๆ แล้วก็ส่ายหน้าพรึ่ด
สาวิตรีค่อย ๆ สารภาพ "แหะๆ.. แม่เองจ๊ะ..หวานไปหน่อยเหรอจ๊ะพ่อ?”
"ไม่หน่อยล่ะ..หวานมากเลยล่ะ" ทวยเทพบอก
"แหม..ก็ช่วงนี้คนมัน Happy” สาวิตรีบอก
ทวยเทพขำ "แฮปปี้เรื่องอะไร กาแฟพ่อถึงต้องหวานขนาดนี้?”
"จะแฮปปี้เรื่องอะไรล่ะคะคุณผู้ชาย ก็เรื่อง..” ใบตองจะพูด
"ใครถาม?” ทวยเทพว่า
"แฮ่.." ใบตองหดคอ
"อะไรกันจ๊ะพ่อ?? นี่พ่อถามจริงหรือแกล้งถาม?? พ่อไม่เห็นเลยเหรอจ๊ะว่ามันเกิดอะไรขึ้นในบ้านของเรา"
ทวยเทพถาม "เกิดอะไร?”
"อูย..จะ 3 ปีแล้วนะที่พี่คินไม่ยอมพาผู้หญิงคนไหนมาบ้าน..แล้วหนูตะวันก็มา ส่วนลูกหมอของเรานั่นยิ่งแล้วใหญ่ ร้อยวันพันปีไม่เคยเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนไหน..แล้ววันนี้หนูพิงค์ก็.." สาวิตรีทำตาวิบวับ
"ก็อะไรกันแม่ คิดมากไปรึเปล่า ไม่เห็นเรอะ..เค้ามองตากันอย่างกับจะฆ่ากัน"
"แต่ในละครทีวีเป็นแบบนี้เป๊ะเลยนะคะคุณผู้ชายตอนแรกก็ทะเลาะกัน ตอนหลังก็ได้กัน" ใบตองบอก
ทวยเทพถามอีก "ใครถาม?!”
"แฮ่.." ใบตองหดคอ
"แต่ก็จริงอย่างที่ใบตองมันพูดนะจ๊ะพ่อ" สาวิตรีอมยิ้ม "จำคู่เราไม่ได้เหรอ ตอนแรกก็ทะเลาะกัน..ตอนหลังก็...“
ใบตองตอบทันที "ได้กัน!!”
ทวยเทพหันขวับ ใบตองรีบพูดต่อเลย
"พูดเองค่ะ ไม่มีใครถาม"
ทวยเทพส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ
สาวิตรีทำหน้าปลื้ม "สงสัยปีนี้จะเป็นปีทองของเราซะแล้วล่ะจ๊ะพ่อจ๋า จู่ ๆ ลูกชายก็จะมีคู่พร้อมกันทีเดียว 2 คน..ฮิ ๆ ๆ"
"เฮ้อ! ขอให้มันจริงเหอะ" ทวยเทพว่า
สาวิตรีฝันหวานต่อ
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 7 (ต่อ)
อัครินทร์ขับรถของนาคินทร์เข้ามาจอดนิ่งซักพัก อัครินทร์กับแพรวพรรณรายต่างก็นั่งนิ่งจนอัครินทร์เอะใจหันไปมองแพรวพรรณราย
"เอ๊า!! ถึงแล้ว..จะนั่งอยู่ทำไม..รีบลงสิครับคุณ" อัครินทร์ว่า
"ประตูไม่เปิด จะลงได้ไง?”
"เอ๊า!! ประตูไม่เปิด? คุณก็เปิดสิครับ รึจะรอให้ประตูมันเปิดเอง?” อัครินทร์ว่า
"ประตูมันเปิดเองไม่ได้หรอก คุณนั่นแหละมาเปิดให้ฉัน" แพรวพรรณรายบอก
อัครินทร์ตกใจ "หา? ขับรถตามผม / ขับรถไล่ชนท้ายรถผม / ไม่จ่ายค่าซ่อมให้ผม / ให้ผมมาส่งถึงบ้าน / แล้วยังจะต้องให้ผมเปิดประตูรถให้ เฮอะ!! คุณคิดว่าคุณเป็นใคร?”
"แล้วคุณล่ะ..เป็นตุ๊ดละป่าว?!”
อัครินทร์ตกใจ "หา?”
"รึเป็นเกย์?”
อัครินทร์ตกใจ "เฮ้ย"
"ถ้าไม่ตุ๊ด ไม่เกย์ ก็จงยืนยันความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการลงไปเปิดประตูรถให้สุภาพสตรี"
"สุภาพสตรี?" อัครินทร์ว่าแดก "สุภาพมาก"
"จะเปิดรึไม่เปิด?! ถ้าไม่เปิดก็ไม่ลง!! นั่งอยู่ด้วยกันมันถึงเช้านี่แหละ"
อัครินทร์หันขวับไปมองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา "บ้า!! ใครเค้าอยากนั่งกับคุณ?”
พูดจบอัครินทร์ก็รีบเปิดประตูลงไปแล้วบ่นอุบ “อะไรนักหนาวะ..ซวยจริง ๆ”
แพรวพรรณรายเชิด "เออ..อย่ามาคุกเข่าใส่พราวพรรณรายละกั๊น!!”
อัครินทร์กระชากประตูเปิดอย่างแรง "เอ้า!! ลงมา!!”
แพรวพรรณรายเดินนวยนาดลงมายืน
"ขอบใจ!" แพรวพรรณรายนึกได้ "อ้อ!" แพรวพรรณรายแบมือ "ขอเบอร์หน่อยสิ"
"อะไรนะ?” อัครินทร์ตกใจ
"ก็ขอเบอร์มือถือ แค่นี้ทำไมต้องตกใจ?”
"ไม่ให้!”
"นี่!! ถามจริง!! ทำไมคุณถึงเล่นตัวจั๊ง หรือว่าเป็นเกย์จริง ๆ"
"นี่!! คุณไม่รู้จักผม อย่ามาพูดมั่ว ๆ ได้มั้ย?”
"แน่ะ!! โกรธ?? พูดแทงใจดำใช่ม้า?? แหม..นี่ถ้ายอมรับว่าเป็นซะตั้งแต่แรกซะก็หมดเรื่องจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถตามให้..อื๊อ"
อัครินทร์กระชากแพรวพรรณรายมาจูบอย่างรุนแรงทำให้พูดต่อไม่ได้อีก แพรวพรรณรายตาโตเพราะตกใจมากเธอรู้สึกตัวก็ดิ้น ๆ ทุบ ๆ อัครินทร์แต่ยิ่งดิ้นอัครินทร์ก็ยิ่งจูบแรงจนแพรวพรรณรายเริ่มเข่าอ่อน ทันใดนั้นอัครินทร์ก็กระชากตัวแพรวพรรณรายออกอย่างแรงแล้วจ้องหน้าถาม
"ซึ้งมะ? เกย์ & ไม่เกย์?? ซึ้งยัง?”
พูดจบอัครินทร์ก็ทิ้งแพรวพรรณรายให้ยืนเซ่ออยู่ตรงนั้นก่อนที่เขาจะขึ้นรถขับออกไปอย่างแรง
แพรวพรรณรายเหวอก่อนจะเอื้อมมือกุมปากตัวเอง "บ้า!! ไอ้บ้า" แพรวพรรณรายทำหน้าเหยเกและจะร้องไห้ เธอตะโกนด่าไล่หลัง "ไอ้บ้า"
นาคินทร์ที่อยู่ในชุดนอนนั่งเหงา ๆ ด้วยอาการเมาๆ กึ่มๆ
เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่กนกวลีนั่งวาดภาพอยู่ริมทะเลเป็นภาพร่างสเก็ตคร่าว ๆ ซึ่งเธอตั้งใจจะให้เป็นของขวัญวันแต่งงานซึ่งเป็นภาพร่างผู้ชายแต่นาคินทร์มาเรียกไว้ก่อน
นาคินทร์ตรงเข้ามากอด "มาแอบทำอะไรอยู่ครับกนก"
กนกวลีรีบซ่อนภาพไว้ด้านหลัง
"หื้มม์?? เดี๋ยวนี้มีความลับกับพี่คินด้วยเหรอครับ?” นาคินทร์ถาม
"ปะ..เปล่านะคะ..กนกไม่ได้มีความลับ..แต่ว่า..”
"เสียใจนะเนี่ย"
"พี่คิน..อย่าโกรธกนกนะคะ..อย่าเพิ่งเสียใจ" กนกวลีจำใจบอก "เอาเป็นว่า..อีกไม่นานพี่คินก็จะได้เห็นนะคะ..อย่าโกรธกนกน้า"
นาคินทร์อมยิ้ม "ก็ได้..แต่ต้องปลอบใจพี่คินก่อน"
"ปลอบใจ? ยังไงคะ?” กนกวลีถาม
นาคินทร์รวบตัวกนกวลีมาหอมฟ่อดทันที
"พี่คินนน"
"โอเค...ไม่โกรธแล้ว"
กนกวลียิ้มแฉ่งก่อนจะส่ายหน้า "พี่คินอ่ะ"
นาคินทร์โอบกอดกนกวลีไว้อย่างมีความสุข
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต นาคินทร์ก็น้ำตาซึม ๆ อัครินทร์ที่กลับมาพอดีมองแล้วเดินมาทัก
"พี่คิน.." อัครินทร์มองแก้วเหล้าเปล่า ๆ ที่วางอยู่ "โอเค.รึเปล่าพี่?”
นาคินทร์มอง "จะโอเค.มาก ถ้าแกจะสนใจคุณพิงค์แทนที่จะเป็นปานตะวัน"
อัครินทร์งง "พี่คิน..”
นาคินทร์ชี้นิ้วสั่ง "เชื่อพี่..ทำตามที่พี่บอก"
นาคินทร์เปลี่ยนจากชี้หน้ามาเป็นตบไหล่น้องชายแล้วเดินออกไป อัครินทร์เหนื่อยใจ
ปานตะวันไหว้พระก่อนนอน นาคินทร์กำลังจะเดินผ่านไปแต่แล้วก็ชะงัก เขาหันไปมองที่ห้องปานตะวัน ปานตะวันที่อยู่ในห้องกำลังจะเอนตัวลงนอน นาคินทร์เดินกึ่ม ๆ มายืนตัดสินใจอยู่หน้าห้อง ปานตะวันนอนตาแป๋วเพราะไม่หลับ
นาคินทร์ที่อยู่หน้าห้องตัดสินใจหันหลังจะเดินกลับ ปานตะวันค่อย ๆ หลับตาลง ทันใดนั้นเธอก็สะดุ้งเฮือกเพราะมีเสียงดังเหมือนคนล้มอยู่ที่หน้าประตูห้อง ปานตะวันตกใจจึงรีบลุกไปเปิดประตูผลัวะแต่แล้วก็สะดุ้งเฮือกเพราะเห็นเป็น นาคินทร์ยืนจ้องหน้าเธออยู่ที่ประตู
"คุณนาคินทร์!!”
ปานตะวันจะรีบปิดประตูทันที แต่นาคินทร์ดันไว้แล้วพุ่งตัวเข้ามารวบตัวปานตะวันไว้แน่นก่อนจะปิดประตูแล้วล็อค
"คุณนาคินทร์!! คุณจะทำอะไร?" ปานตะวันตกใจมาก "นี่.. คุณเมาด้วยเหรอคะ?”
นาคินทร์ไม่พูดอะไร เขารวบตัวปานตะวันไปทิ้งตัวโครมลงบนเตียงพร้อมกันกับตัวเอง
นาคินทร์ซุกไซร้ซอกคอ "ตัวคุณหอมมาก..”
ปานตะวันเสียงแข็ง "ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ..ไม่งั้น"
ปานตะวันพูดต่อไม่ได้ เพราะนาคินทร์จูบเธอแล้ว ปานตะวันพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงนาคินทร์ไม่ได้ นาคินทร์ได้ใจ ก็กำลังจะเอามือปลดกระดุมชุดนอนปานตะวันแต่ทันใดนั้นเขาก็ชะงักเพราะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ จากปานตะวัน นาคินทร์เงยหน้าขึ้นมองเห็นปานตะวันน้ำตาหยดก็อึ้งไป
นาคินทร์ถามเสียงแข็ง "ร้องไห้ทำไม?”
ปานตะวันไม่ตอบ
นาคินทร์เสียงแข็ง "ผมถามว่าร้องไห้ทำไม?”
ปานตะวันไม่ตอบ เธอทำสายตาแข็งไม่อ่อนแอเหมือนอาการ นาคินทร์ยันตัวคร่อมตัวปานตะวันแล้วจ้องหน้าเธอก่อนที่จะอารมณ์เสียที่ไม่เห็นปานตะวันแสดงอาการอ่อนแอโวยวายร้องอ้อนวอน นาคินทร์ยัวะจึงตะปบมือทั้ง 2 ข้างลงบนที่นอนข้างตัวปานตะวันอย่างแรง "เว๊ย!!”
ปานตะวันยังนิ่งและไม่สะดุ้งสะเทือน นาคินทร์ยิ่งเคืองจึงลุกพรวดออกจากห้องไปทันทีโดยปล่อยให้ปานตะวันนอนนิ่งอย่างนั้นก่อนจะรีบวิ่งไปล็อคประตูแล้วทรุดตัวลงปล่อยโฮอย่างสับสน หวาดกลัว และเสียใจ
นาคินทร์วางแก้วเครื่องดื่มที่ดื่มหมดแล้วลง นาคินทร์มีสีหน้าเจ็บปวด หงุดหงิด และสับสน เขาเอามือปิดหน้า แล้วพยายามตั้งสติก่อนจะพูด
"กนก..ทำไมพี่ถึงเป็นคนอ่อนแอแบบนี้..พี่ขอโทษ..กนกต้องช่วยให้พี่เข้มแข็งนะ..พี่จะได้แก้แค้นผู้หญิงที่พรากกนกไปจากพี่..กนกต้องช่วยพี่"
นาคินทร์ฟุบหน้าลงกับเคาท์เตอร์
การจราจรในเมืองหลวงยามเช้าเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ปาริฉัตรนั่งประจำตำแหน่งอย่างใจลอยคอยนาย จามจุรีเดินมาเห็นก็ชะงักก่อนจะเดินเข้ามาทัก
"หนูฉัตร.." จามจุรีเรียก ปาริฉัตรยังนิ่งเธอเลยเพิ่มวอลลุ่ม "ปาริฉัตร!!”
ปาริฉัตรสะดุ้งโหยง "คะ..คะ.." ปาริฉัตรพนมมือไหว้ด้วยความตกใจ "สวัสดีค่ะคุณจามจุรี"
จามจุรีรับไหว้อย่างอ่อนใจ "ไหว้พระจ๊ะ..เป็นอะไรรึเปล่า? เฮ้อ! เดี๋ยวนี้คนแถวนี้เป็นอะไรแปลก ๆ กันไปหมด สงสัยต้องนิมนต์หลวงพ่อมารดน้ำมนต์ซะหน่อยละมั้ง"
มอลลี่กับลูกกอล์ฟแจ๋มาทันทีเพราะเพิ่งจะมาทำงาน
"แหม ๆๆ..เสียงว่าจะรดน้ำมนต์กันเลยทีเดียวเหรอค้าคุณเจเจ" มอลลี่พูดกับลูกกอล์ฟ "อย่างนี้แกก็เดือดร้อนล่ะสิ..นังลูกกอล์ฟ?" มอลลี่ทำท่าพรมน้ำมนต์ใส่
ลูกกอล์ฟทำท่าเหมือนผีโดนน้ำมนต์ "กรี๊ด ๆๆ"
"ดื้อเหรอ? ดื้อเหรอ? งั้นเอาข้าวสารเสก" มอลลี่ทำท่าเสกข้าวสารแล้วสาด "นี่แน่ะ!”
ลูกกอล์ฟดิ้นหนัก "กริ๊ดๆๆ..ยอมแล้ว..ชั้นยอมแล้ว"
เสียงนาคินทร์ดังขึ้น "เสียงดังอะไรกันแต่เช้า?”
ทุกคนทำตาโตแล้วหันพรึ่บ
นาคินทร์เดินหล่อเข้ามา รปภ.ยิ้มกุลีกุจอถือกระเป๋าเอกสารตามมา
ปาริฉัตรดีใจจนโอเว่อร์แล้วลุกพรึ่บขึ้นทันที "ท่านประธาน!" ปาริฉัตรรีบวิ่งโผมาอย่างลืมตัวก่อนจะชะงักแล้วกระชากกระเป๋าเอกสารจาก รปภ.ยิ้ม มาถือแทน
ทุกคนสวัสดีทักทายจ๊ะจ๋าท่านประธานกันสุดฤทธิ์ นาคินทร์ยิ้ม ๆ แล้วก็เดินเข้าห้องไปโดยมีปาริฉัตรเดินตามติดเข้าไปจากนั้น ทุกคนก็รวมตัวเม้าท์กันทันที
"แหม ๆๆ..ระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำเลยนะยะ..แม่เลขาฯ คนละอารมณ์กับเมื่อวานเลย หน้าตางี้ยังกะปลาสลิดตากแห้ง เชอะ!" มอลลี่ตอกใส่หน้าลูกกอล์ฟ
"โห!! แต่กลิ่นปากเจ๊นี่ปลาร้ารึปลาเค็มจ๊ะ?”
รปภ.ยิ้มทำจมูกฟุดฟิด "แต่กระผมว่าน่าจะ ‘สะตอ’ นะครับ"
มอลลี่ตะปบปากตัวเอง "บ้า!" มอลลี่เทสต์กลิ่นปากตัวเอง "ออกจะหอมชื่นใจ"
"เอ้า!! มัวแต่เม้าท์..เจ้านายมาทำงานแล้ว บ่าว ๆ อย่างเราก็รีบไปทำงานเร็ว" จามจุรี
ทุกคนเตรียมจะแตกตัว แต่มอลลี่ชะงัก
"ช้าก่อนค่ะ..คุณเจเจ..มอลลี่ยังข้องใจสงสัยมากเลยนะคะว่าเมื่อวานนี้ท่านประธานหายตัวไปไหนมา ถ้าคุณเจเจได้ข้อมูลเมื่อไหร่ขอให้รีบแชร์ด่วนนะคะ..ขอร้อง"
จามจุรีเผลอพยักหน้า "ได้เลย..เดี๋ยวจะสืบให้" จามจุรีสะดุ้ง "ว้าย!!! ไปทำง๊าน"
มอลลี่กับลูกกอล์ฟเผ่น
จามจุรียืนมองไปทางห้องทำงานแล้วก็คิดๆ "จริงด้วยสิ.. หายไปไหนมาทั้งวันนะท่านประธาน"
จามจุรีคิดพลางหันมาปะหน้า รปภ.ยิ้มที่ยังยืนเจ๋ออยู่
"ว๊าย!!" จามจุรีเอาแฟ้มตีรัว ๆๆ เพราะตกใจ "อีตาบ้า!! มายืนหน้าแหลมเป็นลิงอยู่ทำไม ไปทำง๊าน"
"ครับผม" รปภ. ยิ้มรีบเดินไป
จามจุรีส่ายหน้า
นาคินทร์เซ็นเอกสาร ปาริฉัตรยืนมองด้วยสายตาแสนรักอยู่ใกล้ ๆ แล้วคอยเปิดแฟ้มให้ท่านประธานทีละแผ่น ๆ อย่างตั้งอกตั้งใจและภูมิใจมากอย่างเพลิดเพลินและลืมตัว
นาคินทร์มองแล้วเรียก "คุณฉัตร..”
ปาริฉัตรสะดุ้ง "อุ้ย!! คะ..ท่านประธาน?”
"เซ็นต์ครบแล้วครับ"
ปาริฉัตรสะดุ้ง "ค่ะ ๆ..ครบแล้วค่ะ"
นาคินทร์มอง "เป็นอะไรรึเปล่าครับ"
"ปะ..เปล่าค่ะ..ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ"
นาคินทร์พูดไปตามปกติ "ถ้าไม่สบายก็ต้องไปหาหมอนะครับ"
ปาริฉัตรซึ้งมาก "ค่ะ..ขอบคุณค่ะ" ปาริฉัตรตัดสินใจก่อนจะแย็บ "เอ่อ..ท่านประธานคะ" ปาริฉัตรชั่งใจ
"มีอะไรครับ?” นาคินทร์ถาม
"คือ..เมื่อวานนี้..ท่านประธานไม่สบายเหรอคะ?” ปาริฉัตร
นาคินทร์พูดก่อนจะตอบเรียบ ๆ สั้น ๆ "เปล่าครับ"
ปาริฉัตรจ๋อยแล้วก็ยิ่งสงสัย "เอ่อ..แล้วทำไมท่านประธานถึง..”
นาคินทร์ตัดบทเรียบ ๆ "บ่ายนี้ช่วยขยับประชุมมาเร็วขึ้นนะครับ ผมอยากกลับบ้านตรงเวลาเลิกงาน"
ปาริฉัตรอึ้ง "เอ่อ..รับทราบค่ะ"
นาคินทร์พยักหน้าเหมือนว่าหมดธุระแล้ว ปาริฉัตรมองอย่างน้อยใจก่อนจะหันหลังเดินออกไป
นาคินทร์เรียกไว้ "คุณฉัตร"
ปาริฉัตรยิ้มแล้วรีบหันขวับมาทันที "คะ..ท่านประธาน?”
"บ้านที่เขาใหญ่ของผมเรียบร้อยดีมั้ย?” นาคินทร์ถาม
ปาริฉัตรงง "ค่ะ..เรียบร้อยดีค่ะ"
นาคินทร์พยักหน้าแล้วก็คิดเล็กน้อย "ยังไงช่วยให้คนทำความสะอาดให้เรียบร้อยอีกครั้งนะครับ"
ปาริฉัตรอยากรู้ "ท่านประธานจะไปพักเหรอคะ"
"ช่วยบอกให้ด้วยนะครับ..ขอบคุณครับ" นาคินทร์บอก
ปาริฉัตรที่โดนตัดบทและโดนไล่อย่างสุภาพทั้งอึ้งและน้อยใจ
"ค่ะ..ท่านประธาน"
ปาริฉัตรเดินออกไป นาคินทร์มีแพลนใหม่ในหัวแล้ว
อ่านต่อตอนที่ 8