เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 3
ประกายเดือนเดินเอามือแตะแผลที่หน้าผากไปก็ทำหน้าหวั่น ๆ ไป โดยมีนาคินทร์เดินประกบมาใกล้จะถึงหน้าห้องปานตะวันแล้ว
ประกายเดือนตัดสินใจหยุดเดิน "เอ่อ..เดือนว่าท่านประธานส่งแค่นี้ก็พอค่ะ"
นาคินทร์งง "อ้าว..ทำไมล่ะครับ?”
ประกายเดือนนิ่งเพราะพูดไม่ออก "เอ่อ..”
ประกายเดือนนึกถึงตอนที่ปานตะวันพูด “เชื่อพี่เถอะ..ท่านประธานของเดือนเค้าดีเกินไป ดีผิดปกติ"
“ พี่รู้สึกเหมือนเค้ากำลังเล่นละครอยู่" ปานตะวันบอก
"ต่อไปนี้อย่าพาคุณนาคินทร์มาที่นี่อีก" ปานตะวันประกาศลั่น
นาคินทร์เรียก "คุณเดือน!!”
ประกายเดือนสะดุ้งแล้วก็หลุดปาก "เอ่อ..ตะวันเค้าไม่ค่อยชอบ..อุ๊บส์!" ประกายเดือนเอามือปิดปาก
"ไม่ค่อยชอบ? คุณตะวันไม่ค่อยชอบอะไรครับ? หรือว่าไม่ชอบผม?" นาคินทร์ถามซื่อๆ
ประกายเดือนรีบ "โอ๊ย!! มะ..ไม่ใช่ค่ะ..ไม่จริงเลย..คือ..ตะวันเค้าไม่ค่อยชอบให้คนอื่นมาบ้านน่ะค่ะ เค้าโลกส่วนตัวสูง"
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "โห..เห็นผมเป็นคนอื่น"
ประกายเดือนแทบทรุดเมื่อเจอมุกนี้ของท่านประธาน "โอย..ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ..คือ..ตะวันเค้า"
เสียงปานตะวันดังขึ้น "ช่วยด้วย!!”
ทั้งสองคนหันขวับ
ประกายเดือนตกใจ "ตะวัน!”
ประกายเดือนวิ่งพรวดออกไป นาคินทร์นิ่งอยู่นิดนึงก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามไป
ปานตะวันกองอยู่กับพื้น ผู้ร้ายชายฉกรรจ์ปราดเข้าไปกระชากตัวขึ้นมา
"พวกแกเป็นใคร? ฉันไปทำอะไรให้พวกแก" ปานตะวันถาม
"หนวกหูเว๊ย!!”
พูดจบผู้ร้ายก็ตบเปรี้ยงจนปานตะวันกระเด็นไปกองอีก
ผู้ร้ายคนแรกสั่ง "พังมันให้เละ"
ผู้ร้ายอีกคนรับคำ "จัดไป"
ผู้ร้ายคนนั้นพังข้าวของพังห้องเช่าเละ
ปานตะวันวิ่งวุ่นเพื่อห้าม "หยุด!! ฉันบอกให้หยุด"
"หึ้ย! นังนี่!! บอกว่าหนวกหู"
ผู้ร้ายคนแรกผลักปานตะวันไปกองที่ประตูจังหวะเดียวกับที่ประกายเดือนพรวดเข้ามา
ประกายเดือนตกใจมาก เธอรีบกอดพี่สาว "ตะวัน!! นี่มันอะไร?" ประกายเดือนมองผู้ร้าย "พวกแกเป็นใคร? หยุดนะ บอกให้หยุด!”
"อ้าว! มีอีกคน?? ขาวซะด้วยนังนี่!”
พูดจบผู้ร้านก็ย่างสามขุมมาที่สองพี่น้อง
ปานตะวันผลักน้องออก "ไป..หนีไปเดือน..หนีไป"
ประกายเดือนไม่หนีแถมยังกอดพี่สาวแล้วร้องลั่น "ช่วยด้วย!!”
"แหกปากอีกคนแล้ว ก็บอกว่าหนวกหู!!!”
ผู้ร้ายคนแรกวิ่งปรี่เข้ามาจะตะปบประกายเดือน แต่ก็หน้าหงายไปเพราะโดนหมัดของนาคินทร์ซัดเต็มแรง
ปานตะวันหันขวับ "คุณ...”
นาคินทร์สั่ง "โทร.แจ้งตำรวจ"
ประกายเดือนรีบเปิดกระเป๋ามือไม้สั่นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทร. ออก ผู้ร้ายอีกคนพุ่งมาคว้าโทรศัพท์โยนทิ้งแล้วเหวี่ยงประกายเดือนกระเด็นไป
ปานตะวันร้องดังลั่น "เดือน!”
ปานตะวันจะพุ่งไปหาน้องสาว แต่ก็โดนผู้ร้ายอีกคนจะรวบตัวไว้ นาคินทร์ปล่อยหมัดใส่ให้เต็ม ๆ จนผู้ร้ายหมอบ เขากำลังจะตามไปซ้ำ ผู้ร้ายอีกคนชักมีดมาขู่แล้วตวัดใส่อากาศไปมา นาคินทร์สู้ซักพักแต่ก็เสียท่าโดนตวัดมีดใส่ท้องจนเลือดซึม ผู้ร้ายอีกคนกำลังจะซ้ำแต่ก็มี “ผลัวะ!!” แล้วผู้ร้ายก็ร่วงผล็อยสลบเหมือดไป นาคินทร์อึ้ง ปานตะวันเป็นคนตีหัวผู้ร้ายคนนั้นร่วงสลบไป ปานตะวันหน้าซีดเพราะตกใจที่ตัวเองทำร้ายคนอื่น
ผู้ร้ายอีกคนลุกขึ้นและกำลังพุ่งเข้ามาหาปานตะวันที่ยืนสั่นอยู่ ประกายเดือนรีบวิ่งมาดึงไม้ในมือปานตะวันมาถือขู่ผู้ร้ายคนนั้น
"มาสิ!! แน่จริง เข้ามาสิ!! อยากเป็นเหมือนไอ้นี่" ประกายเดือนชี้ผู้ร้าย "ก็เข้ามา"
ผู้ร้ายทำหน้าถมึงทึง นาคินทร์ปราดเข้ามาจะลุย ผู้ร้ายคนนั้นรีบลากเพื่อนที่สลบเหมือดออกไป สองพี่น้องวิ่งมากอดกัน
"เดือน!! ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ปานตะวันถาม
"ไม่!! ตะวันล่ะ?” ประกายเดือนถามกลับ
"พี่ไม่เป็นไร"
ประกายเดือนหันไปมองแล้วถามนาคินทร์ "ท่านประธานล่ะคะ" ประกายเดือนชะงักเมื่อเห็นรอยเลือดซึมที่หน้าท้องจึงส่งเสียงสูงลั่น "ท่านประธ๊าน!”
นาคินทร์ค่อย ๆ ก้มมองที่แผลตัวเอง ปานตะวันมองแล้วก็ตกใจ
ปานตะวันกำลังทำแผลที่ท้องให้นาคินทร์ที่แสดงอาการเจ็บน้อยมาก นาคินทร์ได้แต่มองปานตะวันทำแผลจนเสร็จ
"โชคดีนะคะ แผลไม่ลึก" ปานตะวันบอก
ปานตะวันชะงักเมื่อเห็นนาคินทร์มองอยู่ ทั้งสองมองตากันก่อนนาคินทร์จะพูดขึ้น
นาคินทร์พูดด้วยสีหน้าเรียบ ๆ "ผมเคยเจ็บลึกกว่านี้มาก"
ปานตะวันมอง ๆ แต่ไม่ Get
"ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณต้องมาเจ็บตัวแบบนี้"
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "ผมยินดี..ทำเพื่อคุณ.." นาคินทร์มองตา "ผมไม่ยอมปล่อยให้ใครทำร้ายคุณเด็ดขาด"
ปานตะวันรู้สึกทะแม่ง ๆ นาคินทร์ยังมองตา
ประกายเดือนเดินเข้ามาพร้อมอุปกรณ์ยาเล็ก ๆ อีกชุด "ปลาสเตอร์แผ่นใหญ่ไม่มีอ่ะตะวัน.." ประกายเดือนเห็นทั้งคู่อยู่ใกล้กันก็ชะงัก “..อุ๊ย!!”
ปานตะวันรีบผละออกจากนาคินทร์
"ไม่เป็นไรแล้วเดือน พี่ทำแผลให้คุณนาคินทร์เสร็จแล้ว (มองน้อง) เดือนเหอะ มีแผลที่ หัวด้วย พี่ทำแผลให้นะ"
ประกายเดือนจับแผลตัวเอง "โอ๊ย..อันนี้เล็กน้อย" ประกายเดือนกัดปาริฉัตร "ฝีมือสมัครเล่น" ประกายเดือนเบ้หน้า "นังโจรกระจอก"
"นังโจร?? นังโจรที่ไหนกัน?” ปานตะวันงง
ประกายเดือนตัดบท "ไม่มีอะไรหรอก" แล้วประกายเดือนก็เข้าเรื่อง "นี่!! ว่าแต่ไอ้โจร 2 คนนั่นมันเป็นใคร? แล้วมันต้องการอะไร..ตะวัน"
นาคินทร์สนใจ
ปานตะวันคิดแล้วก็งง "พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน"
นาคินทร์มีแววตาวูบวาบก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ "ลองนึกดูดี ๆ ซิครับว่าคุณตะวันเคยไปทำอะไรให้ใครโกรธแค้น บ้างรึเปล่า"
ปานตะวันชะงักมองนาคินทร์แล้วก็ทวนคำเขา "โกรธแค้น"
นาคินทร์ตาใสแล้วก็พยักหน้า "ครับ..โกรธแค้น"
ปานตะวันมองนาคินทร์อึ้ง ๆ นาคินทร์เลิกคิ้วมองปานตะวันแบบรอคำตอบ
ประกายเดือนโพล่งขึ้น "คนอย่างตะวันเนี่ยนะจะเคยไปทำอะไรให้ใครโกรธแค้น? ไม่มีทางเลยค่ะท่านประธาน ให้ลิงออกลูกเป็นควายยังจะง่ายซะกว่า"
ปานตะวันปราม "เดือน..”
"ก็มันจริงอ่ะ ตั้งแต่เกิดมาเค้าก็เห็นแต่ตะวันยอมให้คนโน้นคนนี้รังแกมั่งล่ะ เอาเปรียบมั่งล่ะ เออ..ถ้าเป็นเค้าสิยังจะน่าเชื่อซะกว่า" ประกายเดือนพูดกับนาคินทร์ "จริง ๆ นะคะท่านประธาน"
นาคินทร์ถามพร้อมกับยิ้มเย็นๆ "จริงเหรอครับ?”
ประกายเดือนสวน "จริงค่ะ" ประกายเดือนมั่นใจ "พันเปอร์เซนต์"
"แต่ผมว่าคุณเดือนไม่น่าจะมั่นใจขนาดนั้น"
ปานตะวันมองขวับ "คุณหมายความว่ายังไง"
นาคินทร์มองตาตอบก่อนจะบอก "ผมหมายความว่าลองถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น คุณเดือนกับคุณตะวันไม่น่าจะมั่นใจหรือวางใจอะไรมากเกินไป"
สองพี่น้องมองนาคินทร์
"ผมคิดว่าคุณ 2 คนควรจะย้ายออกจากที่นี่"
สองพี่น้องพูดพร้อมกัน "ย้ายออกจากที่นี่?”
นาคินทร์พยักหน้า "ที่นี่ไม่ใช่ที่ ๆ ปลอดภัยสำหรับคุณทั้ง 2 คน อีกต่อไป คนร้ายอาจจะหวนกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่แน่ ๆ ไม่มีเพื่อนบ้านคนไหนคิดจะช่วยเหลือคุณทั้ง 2 คน เลยซักนิด"
ทั้งสองคนอึ้งแล้วมองหน้ากันก่อนจะมองนาคินทร์
ประกายเดือนเสียงอ่อย "ไม่อยู่ที่นี่แล้วจะให้เราไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ..ท่านประธาน"
นาคินทร์เข้าล็อค "เรื่องนั้น..ขอให้ผมเป็นคนจัดการก็แล้วกัน"
ทั้งสองอึ้ง
ประกายเดือนถาม "อะไรนะคะ?!”
นาคินทร์พยักหน้าน้อย ๆ ประกายเดือนงง ๆ ก่อนจะหันไปมองปานตะวันที่มองนาคินทร์อย่างจับผิดนาคินทร์ยิ้มน้อย ๆ อย่างจริงใจ ปานตะวันเบือนหน้าไปแล้วคิด
รถนาคินทร์วิ่งฉิว นาคินทร์ที่กำลังขับรถค่อย ๆ ยิ้มน้อย ๆ แล้วเร่งเครื่องไปจนรถวิ่งฉิว
ปานตะวัน ประกายเดือนอยู่ในชุดนอน ปานตะวันนั่งอยู่บนที่นอน ส่วนประกายเดือนกระโดดทิ้งตัวลงมาบนเตียง
"วู้ว!! หลังพายุร้ายผ่านไปมักจะมีโชคดีเสมอวู้ๆๆ" ประกายเดือนกระโดดไปมา
"โชคดีอะไรของเดือน??” ปานตะวันถาม
"เอ๊า!! ไม่โชคดีเหรอ? โดนขโมยเข้าบ้านปุ๊บก็ได้คอนโดฯฟรีปั๊บ แหม..ยังงี้มันไม่เรียกว่าโชคดีธรรมดา มันต้องเรียกว่า “โชคดีฟ้าผ่า”--เปรี้ยงๆ"
"แต่พี่ว่า..”
ประกายเดือนทันที "มันแปลก ๆ !”
“..ก็มันจริง..”
ประกายเดือนสวนด้วยเสียงหน่ายๆ "ตะวัน..เมื่อไหร่ตะวันจะเลิกเป็นคนคิดมากซะที โดยเฉพาะกับท่านประธาน นี่ถ้าเรารวยล้นฟ้าไฮโซสุดฤทธิ์ แล้วท่านประธานเป็นนายกระจอกคิดจะมาปอกลอกเราก็อีกเรื่องนึง แต่นี่มันกลับกันนะตะวัน ท่านประธานทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งไฮโซและแสนดี ส่วนเรา..ก็ดูเอา..ไม่ต้องให้พูด"
"ยังไงเราก็ไม่ควรรับข้อเสนอนั้น" ปานตะวันบอก
"มันไม่ใช่ข้อเสนอ ต้องเรียกว่าความช่วยเหลือถึงจะถูก..น้ำใจน่ะ น้ำใจ"
"ของฟรีไม่มีในโลก พี่ไม่เชื่อว่าเค้าจะช่วยเราโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน"
"โห..ยังกะเรามีอะไรจะตอบแทนเค้าแน่ะ ก็เหลือแต่ตัวแล้ว.." ประกายเดือนชะงักแล้วค่อย ๆ หันไปมองหน้าพี่สาว
ปานตะวันมองหน้าน้องสาว
ประกายเดือนส่ายหน้าจริงจัง "ไม่มีทาง ไม่ใช่เค้าแน่ ๆ" ประกายเดือนอมยิ้ม "แต่เป็นตะวันล่ะก็ไม่แน่น้า เค้าแอบเห็นท่านประธานชอบมองตะวันตลอดเลย"
ปานตะวันสวน "เราไม่ได้เหลือแต่ตัวนะเดือน เรายังเหลือ ‘ศักดิ์ศรี’ อยู่ด้วย"
ประกายเดือนอึ้งเพราะคิดว่าจริง
"พี่จะไม่รับความช่วยเหลือจากคุณนาคินทร์ เรา 2 คนจะไม่ย้ายไปอยู่คอนโดฯ ของคุณนาคินทร์เด็ดขาด"
ประกายเดือนอึ้ง ปานตะวันหยิ่ง
มิลค์โมโห
"ไอ้บ้า!! แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ พวกแกยังจัดการมันไม่ได้--อ่อน!!”
"ถ้าไอ้บ้านั่นมันไม่โผล่มา ป่านนี้...” ผู้ร้ายว่า
มิลค์ขัดขึ้น "หยุดเลย!! ไม่ต้องมาแก้ตัว!! แล้วก็ไม่ต้องมาทวงค่าเหนื่อยกับฉันด้วย"
"อ้าว..พูดงี้ก็สวยสิ"
ทั้งสองขยับทันที มิลค์ชะงักแล้วเปลี่ยนท่าที
มิลค์รีบควักเงินยื่นให้ "ฉันให้ครึ่งนึงก่อน"
ทั้งสองชะงัก
"ถ้าจัดการนังนั่นได้เมื่อไหร่ แล้วฉันจะให้ที่เหลือ" มิลค์บอก
"อย่างนี้ค่อยคุยกันได้" ผู้ร้ายกระชากเงินไป "กลับเว๊ย!”
ทั้งสองเดินออกจนเหลือแค่มิลค์
มิลค์ยิ้ม "นังตะวัน"
ปานตะวันนอนไม่หลับขณะที่ประกายเดือนหลับแล้ว ปานตะวันลุกขึ้นนั่งกอดเข่า ปานตะวันคิดตอนที่มอเตอร์ไซต์พุ่งเพื่อจะชนเธอ นึกถึงตอนที่เธอเปิดประตูแล้วถูกตบผลัวะ นึกถึงตอนที่เธอกับประกายเดือนโดนทำร้าย นาคินทร์โดนมีด ปานตะวันถอนหายใจเฮือก ปานตะวันยังนั่งคิดอยู่อย่างนั้น
เช้าวันใหม่ นาคินทร์หมุนเก้าอี้กลับมามองปาริฉัตรที่ยืนถือซองเอกสารอยู่ด้วยสีหน้ามึนๆ
"เรียบร้อยมั้ย..เอกสาร?” นาคินทร์ถาม
ปาริฉัตรมีสีหน้าไม่เต็มใจ "เรียบร้อยค่ะ" ปาริฉัตรค่อยๆ ยื่นซองเอกสารให้
นาคินทร์รีบรับมาแล้วเปิดซองดึงโบร์ชัวร์ตัวอย่างคอนโดมีเนียมหลายแห่งออกดู แต่ก็ชะงักมองปาริฉัตร "ขอบคุณมากครับคุณฉัตร"
ปาริฉัตรเหวอเพราะน้อยใจที่โดนไล่ "ท่านประธานจะให้ฉัตรดำเนินการต่อยังไงดีคะ?" ปาริฉัตรอยากรู้
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "ไม่ต้อง...ขอบคุณมาก"
ปาริฉัตรยิ่งน้อยใจเพราะขาดความสำคัญซะแล้ว "แต่ฉัตร.." ปาริฉัตรชะงัก
เสียงนัครินทร์ดังขึ้น "พี่คินทร์!!”
ทั้งสองหันขวับ นัครินทร์เดินฉับๆ เข้ามาโวยวายและงอแง
"ยังไงฮะเนี่ยพี่คินทร์ เมื่อคืนพี่คินทร์ไปส่งเลขาฯของผมที่บ้านอีกแล้ว จริงรึเปล่าฮะ?”
นาคินทร์พูดเฉยๆ "ใครบอกแก?”
ปาริฉัตรสะดุ้งวาบ
นัครินทร์พูดต่อ "โหย...ไม่ต้องใครหรอก เค้าเม้าท์กันทั้งบริษัทแล้วฮะ"
นาคินทร์ยังไม่ใส่ใจ
นัครินทร์พูดเสียงยานย้วย "พี่คินทร์ร...คนนี้ผมเล็งไว้แต่แรกแล้วนะฮะ อย่าแย่งน้องเลย"
"แกพูดอะไรของแก..ไอ้นัค?” นาคินทร์บอก
"ไม่ต้องเลย ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยจะปิ๊งใครตั้งแต่กนกตาย แล้วจู่ๆ....”
นาคินทร์ขัดเสียงเขียว "หยุดพูดถึงกนก"
นัครินทร์ชะงัก ปาริฉัตรมองนาคินทร์
นัครินทร์พูดดด้วยเสียงจริงจัง "โอเค.งั้นเข้าประเด็นเลยนะฮะ" นัครินทร์เกาะเข่าพี่แล้วทำเสียงอ้อน "คนนี้ผมขอ - - นะๆ"
นาคินทร์เซ็ง เขาเบือนหน้าแล้วก็ชะงักเพราะเพิ่งเห็นว่าปาริฉัตรยังยืนอยู่ "คุณฉัตรเชิญไปทำงานเถอะครับ"
ปาริฉัตรสะดุ้ง เธอไม่พอใจแต่เก็บ "ค่ะ"
ปาริฉัตรเดินออกไป
นัครินทร์พูดต่อเลย "นะพี่นะ ผมรู้ว่าสเป็คพี่ไม่ใช่แนวนี้ซะหน่อย เอางี้...เดี๋ยวผมหาให้พี่เอง จะเอาแบบ...”
นาคินทร์สวน "แกอยากจะทำอะไรก็ตามใจแก"
นัครินทร์ชะงักเพราะฟังไม่ถนัด "อะไรนะ?! พี่คินทร์ว่าไงนะฮะ?”
นาคินทร์พูดชัด "ฉันบอกว่า แกอยากจะเอาเลขาฯของแกไปทำอะไรก็เชิญ ฉันไม่สน"
นัครินทร์ดีใจจนโอเว่อร์ "จริงนะ..พี่คินทร์ไม่ยุ่งจริงนะ" นัครินทร์กระโดดกอดแน่น "รักที่สุด!! โห..โล่งอกเลย" นัครินทร์ย้ำ "แต่ชัวร์นะพี่ พี่ไม่ยุ่งอาหมวยอึ๋มของผมจริงๆ นะฮะ?”
นาคินทร์เสียงเข้ม "ถ้าแกจะออกไปตั้งใจทำงานซะที - - เดี๋ยวนี้!”
นัครินทร์ยิ้มแฉ่ง "รับทราบ!! จัดไปครับท่านประธาน"
นัครินทร์ลั้นลาออกจากห้องไป นาคินทร์มีสายตาวาวนิดนึงเพราะรู้ว่าปานตะวันรักประกายเดือนมาก หากประกายเดือนทุกข์ ปานตะวันก็จะต้องทุกข์หนักด้วย แล้วเขาก็เปิดดูโบร์ชัวร์คอนโดแต่ละอันอย่างลวกๆ แล้วเหมือนจะถูกใจอันสุดท้าย เขาพลิกไปมาเหมือนหาชื่อบริษัทเจ้าของคอนโดก่อนจะยิ้มแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดรอสาย นาคินทร์ยิ้มมองโบร์ชัวร์ในมือตาวิบวับ
ประกายเดือนตกใจ
"อะไรนะคะ?! เมื่อกี๊คุณว่าอะไรนะคะ?”
นัครินทร์นอนจุ๊ยอยู่ที่โซฟา
"อะไร?! แค่นี้ทำไมต้องตกใจเว่อร์ขนาดนั้นด้วย"
"ฉันไม่ได้เว่อร์ แต่คุณนั่นแหละเว่อร์ ฉันมาทำงานเลขาฯนะคะ ไม่ใช่แม่บ้าน"
นัครินทร์เลิกคิ้วแล้วกระเด้งลุกขึ้นยืนประจันหน้า "ถูก!!! ก็เลขาฯ ไงฮะ เลขาฯส่วนตัวของท่านรองประธาน KTK อ้าว!! นี่คุณไม่รู้หรอกเหรอฮะว่า เลขาฯ ของท่านรองฯ ที่นี่ต้องทำงานทุกอย่างตามที่ท่านรองฯ มอบหมายให้ทำ"
"รวมทั้งทำความสะอาดห้องท่านรองฯ ด้วยอ่ะนะ?” ประกายเดือนถาม
นัครินทร์พยักหน้า "รวมด้วย!! แน่นอนที่สุด" นัครินทร์ยิ้ม
ประกายเดือนอยากจะกัดหัว
"รึคุณอยากจะสละหน้าที่นี้ให้กับคนอื่นที่ยังรอคิวอยู่อีกเพียบ ผมก็ไม่ขัดข้อง"
ประกายเดือนนึกถึงตอนที่บอกจะเลี้ยงดูปานตะวันเอง
เมื่อนึกถึงตอนนั้นประกายเดือนก็อารมณ์เสีย นัครินทร์ยิ้มแล้วเลิกคิ้วคล้ายต้องการถามว่าจบป๊ะ?ประกายเดือนเคืองมาก
ปานตะวันในชุดยูนิฟอร์มกำลังทำกายภาพให้คนไข้หญิงวัยรุ่นหัดเดินซักพัก
"วันนี้พอแค่นี้นะคะ กลับบ้านอาจใช้ประคบร้อนตรงที่ปวดจะบรรเทาอาการปวดนะคะ"
"ขอบคุณค่ะพี่" คนไข้หญิงพูด
ปานตะวันยิ้มให้ก่อนจะหันหลังกลับมาตกใจที่เห็นเป็น ‘อาร์ต’ ปานตะวันรีบเดินจ้ำอ้าวออกไปทันที อาร์ตจ้ำตาม
"เดี๋ยวสิตะวัน" อาร์ตรีบคว้าแขนปานตะวันไว้ "จะหนีพี่ไปถึงไหนตะวัน"
ปานตะวันขัดขืน "ปล่อย!! ปล่อยตะวัน"
"ตะวัน!! ให้โอกาสพี่เถอะนะ ที่ผ่านมาพี่ขอโทษ พี่ผิดไปแล้ว เรากลับมาเป็นแฟนกันนะ ไม่สิ...แต่งงานกันเลย พี่จะดูแลตะวันไม่ให้ตะวันต้องมาทำงานลำบากแบบนี้"
ปานตะวันสวน "ตะวันไม่ได้ลำบาก" ปานตะวันมองผู้คนที่เริ่มมองๆ เธอ "พี่อาร์ตไปได้แล้ว ออกไปจากชีวิตตะวันซะที"
พูดจบจะเดินออกไป อาร์ตรวบตัวกอดปานตะวันจากทางด้านหลัง
"ไม่นะ!! พี่รักตะวัน ได้ยินมั๊ย พี่รักตะวัน" อาร์ตเสียงดัง
เสียงมิลค์ดังขึ้น "รักมากมั้ย?”
ทั้งสองคนตะลึงที่เห็นมิลค์ก้าวมายืนหน้ายักษ์อยู่ตรงหน้า
"มิลค์ถามว่าพี่อาร์ตรักนังนี่มากมั๊ย?!”
ปานตะวันจะเถียง "ฉันไม่ได้...”
เพียะ! ปานตะวันหน้าหันเพราะโดนมิลค์พุ่งมาตบ แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้น มิลค์ลุยตะวันโดยมีอาร์ตคอยห้ามไทยมุงเริ่มมา สักพัก รปภ. ก็เป่านกหวีดปรี๊ดเข้ามาพร้อม ผจก.หน้าเฮี้ยบ
"นี่มันอะไรกัน?" ผจก. มองปานตะวัน "เกิดอะไรขึ้นมิทราบ"
ปานตะวันเครียดทันที “...เอ่อ...”
มิลค์ไม่กลัว อาร์ตกังวล
ผจก. มองป้ายชื่อ "ปานตะวัน เชิญที่ฝ่ายบุคคล"
ปานตะวันตกใจจนหน้าเสีย "คะ?”
มิลค์ยิ้มสะใจ ปานตะวันคิดในใจว่ายุ่งแล้ว
อ่านต่อหน้า 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 3 (ต่อ)
ประกายเดือนถูพื้นหน้ามุ่ยอย่างอารมณ์เสีย นัครินทร์นอนจุ๊ยอยู่บนโซฟาโดยแอบเหล่เวลาประกายเดือนก้มลงถูพื้น พอประกายเดือนรู้ตัวเขาก็ทำฟอร์ม
"หน่วยก้านไม่เลวนี่!! พี่ชายผมเคยสอนไว้ว่า ถ้าจะทำงานใน KTK นี่ต้องอดทน ต้องแกร่ง และเก่งทุกอย่าง รู้งานทุกขั้นตอน เพราะฉะนั้นคนที่จะเป็นเลขาฯ ท่านรองฯ ก็ต้อง - - ตามนั้นด้วย" นัครินทร์บอก
ประกายเดือนค้อนขวับแล้วก็บ่นงุบงิบ "ยังกะตัวเองเป็นอย่างนั้นนักนี่...แหวะ!!”
"อ้าวๆๆ...เป็นไรคลื่นไส้เหรอฮะ?”
"เปล่า!" ประกายเดือนปาดเหงื่อแล้วพูดเสียงกระแทก "อ่ะ!! เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะท่านรองฯ!”
"ใครบอกเรียบร้อย?”
ประกายเดือนเหวอคิดในใจว่าอะไรวะ
นัครินทร์ทำเป็นงานเป็นการจนโอเว่อร์ "คุณทำงานเรียบร้อยแต่ไม่เบ็ดเสร็จ"
"หมายความว่าไงไม่ทราบคะ?” ประกายเดือนถาม
"ก็หมายความว่า" นัครินทร์ชี้ไปที่ชั้นโชว์ที่วางติดโซฟา "คุณยังทำความสะอาดไม่ครบถ้วน"
ประกายเดือนโวย "อะไรกันคะ? ตู้มันสู้งสูงแล้วตัวฉันก็แค่เนี้ยนะ?? ถ้าจะให้เช็ดก็คงต้องปีนขึ้นไปแหละ"
"ก็ปีนสิครับ"
ประกายเดือนตกใจ "หา?!”
นัครินทร์ยิ้มก่อนจะพยักหน้าคอนเฟิร์ม ประกายเดือนแค้นสุดๆ
ประกายเดือนเอาบันได 3-4 ขั้นมาพาดแล้วหันไปค้อนนัครินทร์ที่ทำเป็นนอนจุ๊ยอ่านนิตยสารรถยนต์อยู่
ประกายเดือนค่อยๆ ปีนขึ้นไปทำความสะอาดแล้วก็บ่น
"นี่ถ้าไม่ใช่เพราะรับปากตะวันไว้ว่าจะหาเงินผ่อนคอนโดฯ ให้ได้ล่ะก้อ..แกตายแน่ไอ้ท่านรองฯ"
นัครินทร์ปิดหนังสือทันที "เรียกผมทำไมฮะ?”
"ใครเรียก? ไม่ได้เรียกซะหน่อย!!”
"อ๋อ" นัครินทร์เปิดหนังสือมาบังหน้าแล้วอ่านต่อ
ประกายเดือนบ่นต่อทันที "ฉันด่าแกเว๊ย..ไอ้เบื๊อก!”
ประกายเดือนพยายามเอื้อมสุดแขนเพื่อจะเช็ดด้านบนสุดของตู้แต่ก็ไม่ถึง ประกายเดือนพยายามต่อ
นัครินทร์ค่อยๆ เบนหนังสือที่ทำเป็นอ่านออกจนเห็นขาอ่อนประกายเดือนวับๆ แวมๆ เขาพยายามเบี่ยงตัวทิ้งตัวให้ต่ำลงเพื่อจะช้อนสายตามองใต้กระโปรงของประกายเดือนให้มากที่สุด
ประกายเดือนพยายามจะเอื้อมเช็ดอีก นัครินทร์เอี้ยวตัวต่ำสุดฤทธิ์ ประกายเดือนเอื้อม นัครินทร์เอี้ยวจนหนังสือหล่นพื้นโครม
ประกายเดือนหันขวับ
ประกายเดือนแว้ดลั่น "ทำอะไรอ่ะ!!”
นัครินทร์ร่วงจากโซฟามากองกับพื้น
"ไอ้บ้า!!! ไอ้ลามก!!! ฉันจะฟ้องท่านประธาน!!”
นัครินทร์ตกใจ "เฮ้ย"
นาคินทร์ช้อนสายตามองประกายเดือนที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่เหล่ไปที่นัครินทร์ที่นั่งจ๋อยๆ อยู่ตรงข้ามนาคินทร์
"ว่าไง...ท่านรองฯ" นาคินทร์ถาม
นัครินทร์โวยทันที "โห..พี่คินทร์ฮะ ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมก้มลงไปเก็บหนังสือ หนังสือมันตก"
ประกายเดือนพูดทันที "ไม่จริงค่ะ ดิฉันได้ยินเสียงคนตกก่อนหนังสือ"
นัครินทร์สวน "บ้า..หูฝาดแล้ว หนังสือตกก่อน"
ประกายเดือนเถียง "คนตกก่อน"
"หนังสือ…"
นาคินทร์ขัด "เอาล่ะ..พอ ๆ" นาคินทร์หันไปพูดกับจามจุรีที่ยืนอยู่ไกลออกไป "คุณจามจุรี จริง ๆ แล้วเรื่องแบบนี้ต้องเป็นหน้าที่ของคุณ ไม่น่าที่จะมาถึงผม"
จามจุรีสะดุ้งมองนัครินทร์ "แต่..เอ่อ..”
"ต่อให้เป็นนายนัค คุณก็ต้องจัดการ" นาคินทร์บอก
นัครินทร์โวย "อะไรนะพี่คินทร์ ผมเป็นรองประธานฯ เป็นน้องชายพี่นะฮะ"
นาคินทร์สวน "คนผิดก็ต้องรับผิด" นาคินทร์นึกถึงปานตะวัน "ไม่ว่าเค้าคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม"
นัครินทร์เสียงหลง "พี่คินทร์"
จามจุรีกลืนน้ำลายเอื้อกอย่างลำบากใจ "ท่านประธานคะ…"
นาคินทร์พูดสวนเรียบๆ "ช่วยจัดการเรื่องนี้ต่อนะครับ ผมมีธุระที่สำคัญกว่าต้องทำ" พูดจบนาคินทร์ก็ลุกไปทันที
"พี่คินทร์!!”
จามจุรีกลืนน้ำลายเอื้อก ประกายเดือนสะใจจึงหันไปจ้องนัครินทร์ นัครินทร์หันมาป๊ะสายตาประกายเดือน ประกายเดือนยิ้มเยาะให้นัครินทร์ที่ทั้งเคืองทั้งขัดใจ
นาคินทร์เดินพรวดผ่านโต๊ะปาริฉัตรที่ลุกขึ้นด้วยความตกใจ
"ท่านประธานคะ..”
นาคินทร์หันมาบอก "ผมจะไปข้างนอก แล้วคงไม่กลับเข้ามา"
ปาริฉัตรตกใจและงง "แต่ท่านมีนัด..”
นาคินทร์พูดสวนเรียบๆ "เลื่อนไปก่อน ขอบคุณนะครับ"
นาคินทร์พูดจบก็เดินต่อ ทิ้งให้ปาริฉัตรยืนอึ้ง มอลลี่กับลูกกอล์ฟรีบปรี่มาทันที
"แหม ๆๆ ไอ้ลูกกอล์ฟ" มอลลี่ทำจมูกฟุดฟิด "แกได้กลิ่นอะไรแถวนี้มั้ยอ่ะ?”
ลูกกอล์ฟดมๆ "กลิ่นอะไร? แหวะ!! กลิ่นขี้เต่าเจ๊เหม็นมาก"
"ไอ้บ้า!!" มอลลี่มองปาริฉัตรแล้วทำจมูกฟุดฟิดใกล้ๆ "ฉันหมายถึงกลิ่นตุ ๆ เน่า ๆ น่ะ ..คล้าย ๆ กลิ่นหัวเน่า ฮ่า ๆๆ"
ปาริฉัตรหันหน้าไปมองเขม็ง "กลิ่นปากพี่เน่ามากกว่ามั้งคะ..พี่สมรศรี"
มอลลี่อ้าปากค้าง แล้วก็ชะงักก่อนจะรีบหุบ "ว๊าย!! ก้าวร้าวมากนะคะน้องฉัตร"
"รุนแรงด้วยค่ะ ถ้าพี่อยากจะลอง"
ปาริฉัตรขยับมือกำแฟ้มเอกสารปึ๊งใหญ่เตรียมฟาด
มอลลี่ฉากออก "แอร๊ยย!! อะไรเนี่ย ก็คนเค้าแค่เป็นห่วงในฐานะพี่เชื้อเพื่อนร่วมงานว่าเดี๋ยวนี้ท่านประธานดูไม่ค่อยจะสนใจน้อง เอ๊ย! ตารางที่น้องฉัตรจัดให้ซักเท่าไรเลย นะจ๊ะ..จริงมั้ยไอ้ลูกกอล์ฟ"
ปาริฉัตรตาวาว
ลูกกอล์ฟพูด "เออว่ะ..มันก็จริงอยู่นะเจ๊ ตะก่อนไม่เห็นเคยออกจากที่ทำงานก่อนเวลาเลิกงานแต่เดี๋ยวนี้ นี่ไง..แหมบ ๆ เลย ..ออกไปแหมบ ๆ ตะกี้"
ปาริฉัตรคิดในใจว่าเออว่ะ
"ที่แปลกไปกว่านั้น เมื่อก่อนท่านประธานไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน แต่หมู่นี้ไปส่งยัยเลขาฯเดือนตล๊อด ๆ" มอลลี่ว่า
"ถูกต้อง!!” ลูกกอล์ฟเห็นด้วย "เอ๊ะ!! แต่วันนี้..ไม่นี่?? ออกไปคนเดียวเห็น ๆ"
ปาริฉัตรคิดตาม
"เออ..จริงด้วยวะ" มอลลี่นึกได้ "เฮ้ย ๆๆ ยัยเลขาฯเดือนยังอยู่ในห้องกะท่านรองฯ กะคุณเจเจ" มอลลี่ตาวาว "แกว่าเรื่องไหนน่าสนใจกว่ากันวะไอ้ลูกกอล์ฟ??”
"ณ จุดนี้นะ..ลูกกอล์ฟว่า" ลูกกอล์ฟเหลือบตามองในห้อง
มอลลี่ตาโต "แฟลช นิวส์!!”
ทั้งสองพุ่งปริ๊ดไปเกาะประตูท่านประธานฯ เพื่อแอบฟังยังกะตุ๊กแก
ปาริฉัตรคิด "นังประกายเดือนยังอยู่ที่นี่ แล้วท่านประธานไปไหน? ไปหาใคร?”
ปานตะวันที่อยู่ในชุดธรรมดาเดินหมดอาลัยตายอยากมาเพราะตกงานอีกจ็อบ
ผู้จัดการซึ่งเป็นผู้หญิงสูงวัยท่าทางเฮี๊ยบพูดกับปานตะวัน
"เพิ่งจะเข้ามาทดลองงานก็ก่อเรื่องซะแล้ว"
"ตะวันไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง ตะวันไม่ทราบจริงๆ นะคะ"
"มีคนมาสมัครมากมาย ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสเธอ น่าเสียดาย..เธอไม่น่าตัดโอกาสตัวเองแบบนี้เลย"
ปานตะวันแทบร้องไห้โฮ "ไม่นะคะ มันไม่ใช่ความผิดของตะวันจริงๆ นะคะ"
ผู้จัดการยื่นซองให้ "ค่าจ้างครึ่งวันของเธอ...วันนี้..วันสุดท้าย"
ปานตะวันอึ้ง
ปานตะวันน้ำตาไหลขณะจะข้ามถนน เธอเดินไปเรื่อยๆ ปานตะวันยกมือปาดน้ำตาแล้วก็สะดุ้งเฮือกเพราะได้ยินเสียงแตรรถดังลั่น ปานตะวันตกใจสุดขีดจึงร้องกรี๊ดแล้วเอามือบังหน้า รถนาคินทร์เบรคเอี๊ยดในระยะที่เกือบชนปานตะวันเต็มๆ นาคินทร์รีบลงจากรถแล้วปรี่มาหาปานตะวันก่อนจะประคองไว้
"คุณครับ...บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ?”
ปานตะวันยังตกใจจึงค่อยๆ ลดมือลง "มะ..ไม่ค่ะ..ดิฉันไม่เป็นไร"
ต่างฝ่ายต่างเห็นว่าเป็นใครก็อึ้ง
นาคินทร์อึ้ง "คุณ...”
ปานตะวันก็อึ้งด้วย "คุณ....”
ถ้วยกาแฟร้อนควันฉุยถูกเสิร์ฟลงตรงหน้าปานตะวันที่กำลังนั่งทำหน้าอึดอัดอยู่ตรงข้ามนาคินทร์ บริกรเสิร์ฟกาแฟร้อนให้นาคินทร์เช่นกัน
"ไม่ถูกใจอะไรครับ? ร้าน? กาแฟ? หรือว่า..ผม?!”
"เอ่อ.." ปานตะวันตอบไม่ถูก “..คือ..ฉันไม่เคยเข้าร้านหรูๆ แบบนี้น่ะค่ะ แล้ว..กาแฟนี่..ก็..แพงมากแก้วละตั้งเกือบสองร้อย"
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "แล้วผมล่ะครับ?”
ปานตะวันนิ่งไปและเบือนหน้าหนีเพราะไม่รู้จะตอบยังไง
นาคินทร์ยังยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง "น้ำตาลกี่ก้อนดีครับ?" นาคินทร์จะคีบให้
"ไม่ต้อง..คือ..ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก ฉันไม่ค่อยทานอะไรหวานๆ" ปานตะวันบอก
นาคินทร์ชะงัก "ดีครับ หวานมากไป ไม่ดีต่อสุขภาพ เมื่อก่อนผมก็ชอบดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาลเหมือนคุณ แต่เดี๋ยวนี้ต้องขอเติมหวานซักนิด" นาคินทร์คีบน้ำตาลใส่กาแฟตัวเอง 1 ก้อน "เพราะที่ผ่านมามันขมเหลือเกิน"
ปานตะวันมองนาคินทร์
นาคินทร์ยิ้มปกติ "ดื่มเถอะครับ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย"
ปานตะวันค่อยๆ ยกกาแฟขึ้นจิบด้วยความเกรงใจ
"ชอบมั้ยครับ?” นาคินทร์ถาม
ปานตะวันตอบสั้นๆ "ค่ะ...”
นาคินทร์เริ่มเรื่อง "เมื่อกี๊นี้ผมตกใจมาก จู่ๆ คุณก็จะเดินตัดหน้ารถผม"
"เอ่อ..ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉัน..." ปานตะวันเงียบดีกว่า
"คุณตะวันมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ?”
ปานตะวันน้ำเสียงจริงใจของนาคินทร์ทำให้ปานตะวันรู้สึกอบอุ่นจนแอบน้ำตารื้น แต่พยายามเข้มแข็ง “... เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร"
นาคินทร์ลอบมอง “...ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็ขอให้บอกเถอะนะครับ ผมยินดี"
ปานตะวันกลืนน้ำตาแล้วก็พยายามเปลี่ยนเรื่อง "ว่าแต่คุณนาคินทร์มีธุระสำคัญแถวนี้รึเปล่าคะ? ฉันทำให้คุณเสียเวลารึเปล่า"
นาคินทร์ยิ้มสบาย "เปล่าเลยครับ คุณไม่ได้ทำให้ผมเสียเวลาเลย ผมต้องดีใจมากๆ ด้วยซ้ำที่ได้เจอคุณ"
ปานตะวันงง "หมายความว่ายังไงคะ?”
"ก็หมายความว่า ‘ธุระสำคัญ’ ของผมก็คือ ‘คุณ’"
ปานตะวันเลิกคิ้วมอง
นาคินทร์ยิ้ม "ผมตั้งใจมาหาคุณครับ"
ปานตะวันอึ้ง "มาหาฉัน? คุณมีธุระสำคัญกับฉันเหรอคะ?”
นาคินทร์ยิ้ม "คุณลืมไปแล้ว?? ธุระสำคัญของผม...เรื่องยัยนารถ น้องสาวผมไงครับ"
ปานตะวันลืมจริงๆ "ตายจริง...ต้องขอโทษด้วยค่ะ"
นาคินทร์ส่ายหน้าแล้วยิ้มน้อยๆ "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจดีว่าธุระสำคัญของผมอาจจะไม่ใช่ธุระสำคัญสำหรับคุณ"
ปานตะวันรีบบอก "ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือว่า....”
"คุณคงไม่ปฎิเสธที่จะไปดูแลยัยนารถใช่มั้ยครับ?” นาคินทร์ว่า
"คือ..." ปานตะวันหนักใจ “...ฉัน...”
"ผมต้องขอโทษนะครับที่ต้องมาเร่งรัดคุณแบบนี้ แต่อย่างที่เคยบอกไว้ว่าพยาบาลคนเก่าจะทำงานถึงแค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้น และนี่ก็เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว"
"ค่ะ..ฉันจำได้ที่คุณเคยบอก เพียงแต่ว่า...”
"คุณไม่อยากรับงานนี้เหรอครับ..คุณตะวัน"
ปานตะวันนิ่งคิดโดยไม่ตอบรับและไม่ปฎิเสธ
นาคินทร์ใจเย็น "ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณลำบากใจที่จะตอบตอนนี้ เก็บไว้คิดก่อนก็ได้ ยังพอมีเวลา"
ปานตะวันพูดทันที "ฉันคิดว่าฉันคงไม่เหมาะกับงานของคุณหรอกค่ะคุณนาคินทร์"
นาคินทร์อึ้ง "ทำไมล่ะครับ ทำไมคุณถึงคิดว่าคุณไม่เหมาะที่จะดูแลยัยนารถ?”
"ก็..บอกตรงๆ ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าทำไม?” ปานตะวันบอก
นาคินทร์มองอย่างใจเย็น "คุณดูเพลียๆ นะครับ กลับบ้านพักผ่อนมั้ยครับ ผมจะพาไปส่ง"
ปานตะวันตกใจ "ไม่ค่ะ..ไม่ต้อง..ฉันกลับเองได้ ถ้างั้นฉันขอตัวเลยนะคะ ขอบคุณมากสำหรับกาแฟ"
ปานตะวันลุกขึ้นแล้วก็วูบเพราะหน้ามืด นาคินทร์พุ่งรับไว้ในอ้อมกอดได้ทัน
"คุณตะวัน...เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
ปานตะวันมึน "ฉัน...”
"ไม่ต้องดื้อเลย ผมจะพาคุณกลับบ้าน"
ปานตะวันในอ้อมแขนของนาคินทร์แล้วมองนาคินทร์แบบปฎิเสธไม่ออก
นาคินทร์เอาผ้าขนหนูวางบนหน้าผากปานตะวันที่ไม่ค่อยเต็มใจ เกรงใจ และอึดอัด
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่เป็นไร"
"ถึงผมจะไม่ได้เป็นพยาบาลอย่างคุณ แต่ผมก็พอจะรู้นะครับว่าคุณตัวอุ่นๆ เหมือนจะมีไข้"
"ฉันทำเองได้ค่ะ" ปานตะวันจะลุก
นาคินทร์จับตะวันให้เอนนอนลงอย่างเดิมก่อนจะก้มหน้าเข้ามาใกล้ "และผมก็รู้ว่าคุณเป็นคนเก่งมาก แต่ตอนนี้..ให้ผมดูแลคุณนะครับ"
ปานตะวันอึ้ง ทั้งสองคนจ้องตากันใกล้ๆ ในบรรยากาศชวนเคลิ้ม
อ่านต่อหน้า 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 3 (ต่อ)
ทันใดนั้น ประกายเดือนก็เปิดประตูผลัวะเข้ามา ทั้งสองหันไปมอง ประกายเดือนตะลึง แล้วทั้งสองก็ผละออกจากกัน
"แฮ่!...ขอโทษค่ะท่านประธาน" ประกายเดือนจะหมุนตัวออก
ปานตะวันอาย แต่ก็ต้องทำเสียงแข็ง "จะไปไหนเดือน?”
“..เอ่อ..ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะตะวัน" ประกายเดือนบอก
นาคินทร์ลุกขึ้นยืน "พี่สาวคุณไม่สบาย"
“..อ๋อ?" ประกายเดือนพยักหน้าหงึกๆ "ค่ะ"
"คุณนาคินทร์ก็เลยพาพี่มาส่งบ้าน" ปานตะวันบอก
“...อ๋อ?" ประกายเดือนพยักหน้าหงึกๆ "หรอ?”
"เมื่อกี้..ผมประคบเย็นให้"
“..อ๋อ?" ประกายเดือนพยักหน้าหงึก ๆ "ค่ะ"
"มันไม่ใช่อย่างที่เดือนคิด"
ประกายเดือนเพลิน "อ๋อ..." ประกายเดือนพยักหน้าหงึกๆ "หรอ..เอ๊ย!! ไม่ใช่!! คือ..ม่ายย..เค้าไม่ได้คิดอะไร" ประกายเดือนส่ายหน้า "ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ"
"เอ่อ..คุณเดือนกลับมาแล้ว ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ" นาคินทร์นึกได้ "หรือจะให้ผมพาไป รพ.มั้ยครับ?”
ปานตะวันพูดทันที "ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวคงดีขึ้น ขอบคุณมากนะคะ เชิญคุณนาคินทร์กลับเถอะค่ะ"
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันไว้นะครับคุณตะวัน"
ประกายเดือนหันขวับมามองพี่สาวทันทีแล้วอมยิ้ม
ปานตะวันพยักหน้าหงึกๆ แล้วไล่ "เชิญเถอะค่ะ"
นาคินทร์ก้มศีรษะให้นิดนึงแล้วเดินออกไป ประกายเดือนวิ่งไปส่งที่ประตู
ประกายเดือนยกมือไหว้ "สวัสดีค่ะท่านประธาน" ประกายเดือนปิดประตูแล้วหันหลังกลับมาจ้องหน้าพี่สาว "อาราย ยังงาย" ประกายเดือนปรี่มาหาพี่สาว "เล่ามาด่วนเลย..ตะวัน"
ปานตะวันเซ็งถึงกับถอนหายใจเฮือก
ประกายเดือนทิ้งตัวลงนั่งอย่างเซ็งๆ
"เค้าไม่เข้าใจตะวันเลย ท่านประธานแสนดีกับตะวันซะขนาดนี้ทำไมยังเล่นตัวอยู่ได้ เป็นเค้านะ..หึ้ย!! ไปตั้งแต่ยังไม่ชวนแล้ว" ประกายเดือนบอก
"นี่!! เว่อร์หนักขึ้นทุกวันนะเรา" ปานตะวันบอก
"เค้าพูดจริง!! เกิดมาไม่เคยเจอ คนอะไรหล่อเทพ แถมสุภาพอ่อนหวานใจดีที่สุด" ประกายเดือนนึกได้ ก็ทำหน้าเบ้ "ผิดกับน้องชายราวฟ้ากับเหว"
"จริงเหรอ?”
"จริ้งง!! ขี้หลีกะล่อนลามกปากหม(า) เอ๊ย! ปากจัดน่ะ - - เหวชัดๆ"
"เดี๋ยว!! ลามกด้วยเหรอ?? เค้าทำอะไรเดือนรึเปล่า?” ปานตะวันเป็นห่วงน้องสาว
ประกายเดือนปิดพี่เพราะกลัวไม่ได้ทำงาน "เปล่าาาา...แค่ดูหน้าตาน่ะ ดูโหงวเฮ้งจะออกไปทางลามก"
"เดือนดูโหงวเฮ้งคนเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
"โอย..ตะวัน ก็อ่านหนังสือเอา ในเว็ปก็มีเยอะแยะ"
"เดือน!! ถ้าเค้าไม่ดีต่อเดือน เดือนลาออกเลยนะ น้องคนเดียวพี่หาเลี้ยงได้"
"ก็บอกแล้วว่าเปล่า"
ทันใดนั้นสองคนก็สะดุ้งเฮือกเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูรัวปังๆๆๆๆ
อาเจ๊พูดสำเนียงจีนๆ แบบไม่ชัด "เปิดประตู...รู้นะว่าอยู่..เปิดประตู..."
สองสาวมองหน้ากันงงๆ
"อะไรอ่ะ..นี่ยังไม่สิ้นเดือนเลย" ประกายเดือนว่า
อาเจ๊ทุบประตูลั่น "จะเปิดไม่เปิด"
"เค้าเอง" ประกายเดือนเดินไปเปิดประตู อาเจ๊ยืนจังก้าพร้อมลูกน้อง
"อะไรกันเจ้ จำวันผิดละป่าว นี่ยังไม่สิ้นเดือนเลยนะ"
"จำไม่ผิด อีก 2 วัน แต่อั๊วจะมาเก็บค่าเช่าวันนี้ เพราะพรุ่งนี้อั๊วจะไปเที่ยวมาเก๊า 7 วัน พวกลื้อมีปัญหาละป่าว?”
"เฮ่ย..มีสิ..ก็วันนี้เงินเดือนอั๊วยังไม่ออกอ่ะ" ประกายเดือนบอก
"เงินเดือนลื้อก็เรื่องของลื้อ ไม่เกี่ยวกับค่าเช่าของอั๊ว ขี้เกียจพูดแล้วเปลืองน้ำลาย" เจ๊หันไปบอกลูกน้อง "อาก้ามปู...”
"ครับเจ้!!!” ลูกน้องผลักประกายเดือนจนกระเด็น
"จะจ่าย? ไม่จ่าย?”
ปานตะวันพุ่งเข้ามาประคองน้องสาว "นี่!! พูดกันดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องทำร้ายร่างกายกันด้วย"
ลูกน้องขู่ "จะจ่าย? ไม่จ่าย?”
ประกายเดือนตะคอก "จ่ายก็ได้เว้ย!"ประกายเดือนพูดเสียงรู้สึกผิดกับพี่สาว "ตะวัน..ขอโทษนะ..เงินเดือนเค้ายังไม่ออก ตะวันจ่ายไปก่อนได้มั้ยแล้วเค้าจะคืนให้"
ปานตะวันอึ้งแล้วหลบตา "เดือน...”
"อะไร? ทำไมเหรอตะวัน?”
"พี่คงมีเงินไม่พอจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนนี้หรอก" ปานตะวันบอก
อาเจ้สวน "ใครบอกเดือนนี้เดือนเดียว 3เดือนแล้วนะเว๊ย"
ประกายเดือนตกใจ "อะไรนะ?? 3เดือน?”
ปานตะวันหนักใจ ประกายเดือนงงก่อนจะหันไปมองเจ๊กับลูกน้องก้ามปูที่ยืนจ้องอยู่ก่อนจะหันกลับมามองหน้าพี่สาว ปานตะวันกลุ้มสุดๆ
เสื้อผ้าโดนโยนมากองที่เท้าปานตะวัน ประกายเดือนยืนถือกระเป๋าหอบของพะรุงพะรังอยู่
"เอ้า! เอาไป เสื้อผ้าพวกลื้ออั๊วไม่เอา เอาไปก็ใส่ไม่ได้" อาเจ๊ไล่
ประกายเดือนสวน "ใช่สิ..ตัวยังกะช้างน้ำ"
"เฮ่ย..ลื้อว่าอะไร? ลื้อว่าใคร?" อาเจ๊ตะโกนสั่งลูกน้องที่อยู่ในห้อง "อะไรขายได้ยึดไว้ให้หมดนะอาก้ามปู"
"ครับเจ้!!”
ปานตะวันเสียงอ่อน "อะไรกันคะเจ้ เอาไว้เจ้ไปเที่ยวเมืองจีนกลับมาแล้วค่อยมาเก็บค่าเช่าได้มั้ยคะ?”
"ไม่ได้!! อั๊วจะเอาเงินไปทำทุนที่มาเก๊า อีกอย่างนึง ถ้าอั๊วกลับมาแล้วไม่เจอพวกลื้อ พวกลื้อหนีไป อั๊วก็อดได้ค่าเช่าสิวะ คนสมัยนี้ หน้าตาดีๆ ไว้ใจได้ที่ไหน - - ขี้โกง!!" อาเจ๊พูดภาษาจีน
"พวกเราไม่โกงหรอกค่ะเจ้ ฉันสัญญา" ปานตะวันบอก
"หึ้ย!! สัญญา?? สัญญาอะไรของลื้อ อั๊วไม่สนใจ"
ลูกน้องออกมาพยักหน้าให้อาเจ้ "คุ้มครับเจ้"
"โอเค ใส่กุญแจ - - ล็อคเลย" อาเจ๊สั่ง
ลูกน้องใส่กุญแจตัวใหญ่ล็อคทันที
ประกายเดือนตกใจ "เฮ่ย!!”
ปานตะวันพยายามพูด "เจ้คะ"
อาเจ๊ไม่สนใจ "กลับ"
อาเจ๊เดินออกไป ลูกน้องเดินตาม
"โธ่! นังช้างน้ำ นังผีเสื้อสมุทร นังยักษ์ นัง..หึ้ย"
ประกายเดือนทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง
"เดือน..พี่ขอโทษ"
ประกายเดือนถอนใจเฮือกแล้วก็นึกได้ "เกิดอะไรขึ้นน่ะตะวัน ทำไมตะวันถึงได้ช็อตเงินขนาดนี้"
ปานตะวันอึกอัก "พี่..พี่ถูกเลิกจ้างไปหลายงาน"
ประกายเดือนทั้งอึ้งทั้งสงสาร "ตะวัน...”
ปานตะวันโผเข้าไปกอดน้องสาว "พี่ขอโทษจริงๆ นะเดือน"
ประกายเดือนกอดปลอบ "ไม่เป็นไรๆ ใจเย็นๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรา 2 คนเจอไม่ใช่เหรอ"
ปานตะวันผละออกมามองน้องสาว "พี่นี่เป็นพี่สาวที่แย่ที่สุดเลย"
ประกายเดือนส่ายหน้าแล้วยิ้มน้อยๆ "ดีที่สุดในโลกต่างหาก เฮ้อ! ว่าแต่คืนนี้จะไปนอนไหนกันล่ะนี่"
ปานตะวันถอนหายใจเฮือก
ประกายเดือนนึกจนนึกได้ "นึกออกแล้ว!! เค้าคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเราได้"
"ใครเหรอเดือน?”
ประกายเดือนยิ้มแฉ่ง ปานตะวันมองด้วยความสงสัย
ประตูห้องคอนโดมีเนียมสุดหรูเปิดออก ประกายเดือนพุ่งเข้ามากวาดตามองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แล้วก็กระชากปานตะวันให้เข้ามายืนใกล้ๆ
"ตะวัน!! หยิกเค้าหน่อยซิ หยิกเค้าหน่อย นี่เค้าฝันไปรึเปล่า?”
ปานตะวันปราม "เดือน...”
นาคินทร์ก้าวเข้ามา "พออยู่ได้มั้ยครับ?”
"ไม่ใช่พออยู่ได้ค่ะ อย่างนี้ต้องบอกว่า ใครไม่อยู่ก็บ้าแล้วตะหาก อ้อ! โง่ด้วย วู้ๆ" ประกายดาวบอก
พูดจบประกายดาวก็วิ่งไปกระโดดทิ้งตัวลงบนที่นอน ก่อนจะวิ่งมาลากปานตะวันไปดูนู่นดูนี่
"ครัว!! ตะวัน!! นี่มันครัวไฮโซมั่กๆ คราวนี้ตะวันจะได้ทำกับข้าวสนุกไปเลย ไม่ต้องตะโกนด่ากับนังป้านั่นอีกแล้ว" ประกายดาวทิ้งปานตะวันไว้แล้ววิ่งไปดูห้องน้ำ "พระเจ้า!! สาบานได้ว่านี่คือห้องน้ำ ไม่จริ้งง!! นี่มันเริ่ดยิ่งกว่าห้องนอนรังหนูของนังเจ้ช้างน้ำนั่นร้อยล้านเท่าเลยตะวั๊น - - กรีส"
ปานตะวันส่ายหน้าเพราะน้องสาวไม่ไหวจะเคลียร์ นาคินทร์ก้าวมายืนประกบ
"ดูท่าทางคุณเดือนจะถูกใจมาก แล้วคุณตะวันล่ะครับ..ชอบมั้ย?”
"มัน...ดีเกินไปสำหรับเรา 2 คนน่ะค่ะ แล้วเราจะหาค่าเช่าที่ไหนมาจ่าย" ปานตะวันถาม
นาคินทร์ยิ้ม "ที่ผมไงครับ"
ปานตะวันงง
นาคินทร์พูดขึ้นว่า "เพิ่มเข้าไปในข้อเสนอ นอกจากเงินเดือนๆ ละ 1 แสนบาท และเงินพิเศษ 5 ล้านบาท ถ้าคุณสามารถทำให้น้องสาวผมเดินได้ภายใน 1 ปีแล้ว ผมยังจะรวมคอนโดฯ นี้เข้าไปให้อีกด้วย"
ปานตะวันแทบช็อค "อะไรนะคะ?”
ประกายเดือนพุ่งมาจากไหนไม่รู้
"กรี๊ดด ตะวัน! รับเลยๆๆ !! ถ้าขนาดนี้แล้วตะวันยังไม่รับนะ ตะวันต้องบ้าแน่ๆ"
ปานตะวันยังงงอยู่ เธอมองหน้านาคินทร์อย่างไม่เข้าใจ
"คุณต้องการอะไรคะคุณนาคินทร์ ทำไมคุณถึงต้องทำขนาดนี้?”
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "ผมต้องการให้คุณมาดูแลนารถนรินทร์น้องสาวของผมไงครับ"
ปานตะวันมอง
"ผมมีน้องสาวคนเดียว" นาคินทร์พูด "คุณรักและทำทุกอย่างเพื่อคุณเดือนได้ขนาดไหน ผมก็ทำได้ขนาดนั้นเหมือนกัน"
ปานตะวันอึ้งนาคินทร์ยิ้ม "เพื่อคนที่ผมรัก ยิ่งกว่านี้ผมก็ทำได้ - - แล้วผมจะทำให้คุณดู"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ยิ้มให้แล้วก็เลิกคิ้วคล้ายต้องการย้ำว่า "โอเค้?! ให้อีกครั้ง"
ปานตะวันทำหน้าไม่ถูก
ประกายเดือนไม่รู้อะไรจึงยิ้มแฉ่ง
"พี่ชายที่แสนดีกะพี่สาวที่แสนดี เหมาะกันเอ๊ย! เหมือนกันมากๆ ค่ะ"
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์ที่ยิ้มๆ แล้วก็แอบทำตาดุใส่น้องสาว ประกายเดือนทำหน้าทะเล้นใส่
"ดึกแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ หวังว่าคืนนี้คุณทั้ง 2 จะนอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะครับ"
"ราตรีสวัสดิ์ค่ะท่านประธาน"
ประกายเดือนเดินไปส่งที่ประตูก่อนจะหันมา
"ฝันดีแน่ๆ วู้ๆๆ"
ประกายเดือนวิ่งไปกระโดดนอนบนเตียงอย่างมีความสุข ปานตะวันมองที่ประตูแล้วก็คิดๆ ก่อนจะหันมามองน้องสาวที่กำลังมีความสุขที่เตียงด้วยสายตาผ่อนคลาย ปานตะวันเอ็นดูน้องที่แกล้งทำเป็นจะหลับ ปานตะวันตาโตรีบปรี่เข้าไปหา
"เดือน!! ไปอาบน้ำก่อน"
ประกายเดือนทำงุ๊งงิ๊งงอแง "ง่วงแล้วอ่า"
"ฝืนใจนิดนึงน่า อาบน้ำแป๊บเดียว อย่าดื้อพี่สิ...ไม่งั้นตัวเหม็นแย่"
ประกายเดือนงอแง ก่อนจะทำหน้าเจ้าเล่ห์ "ถ้าอยากให้เค้าอาบตะวันก็ต้องไปอาบกับเค้าด้วย"
"บ้าแล้ว" ปานตะวันว่า
ประกายเดือนฉุดพี่สาวเลย "ก็บ้าอ่ะสิ..ไปเร็ว..อาบน้ำกัน!!”
ปานตะวันร้องโวยวาย แต่ประกายเดือนลากพี่สาวเข้าห้องน้ำไป
ประกายเดือนบิดฝักบัวเปิดน้ำซู่ใส่ปานตะวันที่ร้องโวยวาย ประกายเดือนหัวเราะลั่น
"อย่าดื้อเค้าสิตะวัน ชอบอาบน้ำไม่ใช่เหรอ? มาสิ!! เค้าจะอาบน้ำให้ ฮ่าๆๆ"
"เดือน!! เปียกหมดแล้ว!!” ปานตะวันว่า
"เอ๊า! อาบน้ำก็ต้องเปียกสิ" ประกายดาวสาดน้ำใส่สุดฤทธิ์ "นี่แน่ะๆๆ"
ปานตะวันฮึดสู้ "แกล้งพี่เหรอ? นึกว่าเก่งคนเดียวเหรอ?" ปานตะวันกระชากฝักบัวมาสาดน้ำใส่น้องบ้าง "นี่แน่ะๆๆ"
จากนั้นทั้งสองสาวก็เล่นน้ำกันสนุกสนานเหมือนเด็กๆ ที่ดูผ่อนคลาย สะใจ และหายเครียดจากปัญหาที่ถาโถมมาทั้งวัน โดยไม่รู้เลยว่า ‘พายุลูกใหญ่’ กำลังรออยู่ข้างหน้า
เช้าวันใหม่ ปาริฉัตรที่หงุดหงิดเขียนงานผิดก็ขยำกระดาษอย่างอารมณ์เสีย จามจุรีเดินมาเห็นก็ชะงัก ก่อนจะเดินเข้ามาเตือนตามสไตล์
"สติ..สมาธิ..2 สิ่งนี้ตั้งไว้ให้มั่น...”
จามจุรีอ้าปากจะพูดต่อ แต่มอลลี่แหวมาก่อนเลย
"โอยๆๆ..คุณเจเจขาาา ณ จุดๆ นี้ สติหลุด สมาธิแตกซ่านไปหมดแล้วชิมิคะ..น้องฉัตรขาาา?!”
ปาริฉัตรตวัดสายตาขวับ "พูดเรื่องอะไรคะ?”
"เรื่องอะไรคะ?!" มอลลีหันไปถามลูกกอล์ฟ "ไอ้ลูกกอล์ฟ!! แกว่าชั้นพูดเรื่องไรคะ?!”
ลูกกอล์ฟงง "เรื่องอะไร?" ลูกกอล์ฟนึกได้ "อ๋อ..ก็เรื่องที่เมื่อวานท่านประธานทิ้งน้องฉัตร เอ๊ย! ทิ้งงานทิ้งการไปไหน? ไปทำอะไร? ไปกับใคร? ก็ม่ายรู้อ่ะเซ่...ใช่มั๊ย?”
ปาริฉัตรสะบัดหน้าด้วยความโกรธ
มอลลี่ตีมือกับลูกกอล์ฟ "ชัดมั้ยคะ? เคลียร์มั๊ยคะ..น้องฉัตรขา?”
ปาริฉัตรทะลึ่งลุกพรวดเหมือนกับจะมีเรื่อง จามจุรีรีบห้าม
"นี่จะทะเลาะอะไรกันแต่เช้าเนี่ย? เสียฤกษ์ ไม่เป็นมงคลต่อชีวิตเลย" จามจุรีว่า
"อัปมงคลตั้งแต่พี่สมรศรีอ้าปากแล้วล่ะค่ะ" ปาริฉัตรว่า
"นั่นน่ะสิ" ลูกกอล์ฟสะดุ้ง
"แอร๊ย!! น้องฉัตรด่าพี่มอล"
"ใช่!! แล้วไง?”
"แอร๊ย!" มอลลี่ฟ้อง "คุณเจเจคะ..ได้ยินกับหูเลยใช่มั้ยคะ ว่าน้องฉัตรมันด่ามอลลี่ มันด่าว่ามอลลี่ปากเหม็น" มอลลี่เต้นเร่าๆ
ลูกกอล์ฟช่วยพูด "ปากเน่าปากหนอน..มีหมาอยู่ในปาก...”
"พอ!! ไอ้ลูกกอล์ฟ!" มอลลี่ฟ้อง "คุณเจเจต้องจัดการให้มอลลี่นะคะ"
"เฮ้อ! สมรศรี เธอนี่ก็ปล่อยให้โมหะโทสะครอบงำ ฉันไม่เห็นจะได้ยินปาริฉัตรเค้าว่าอะไรเธออย่างนั้นเลย" จามจุรีบอก
"ว่าสิคะ!! ไม่ว่าตรงๆ แต่ ‘ตีความ’ ได้ว่าอย่างนั้นเป๊ะเลยจริงมั๊ยไอ้ลูกกอล์ฟ?!”
ลูกกอล์ฟอึกอัก "ก็...”
จามจุรีเอ็ดออกมาก่อน "ลูกกอล์ฟ!”
"ก็..อันนี้ก็ต้องใช้สติพิจารณาซักนิ้ดส์นึงก่อนนะ"
มอลลี่ร้องออกมา "แอร๊ย!!....”
ทันใดนั้นเสียงนาคินทร์สั่งผ่านอินเตอร์คอมฯ ก็ดังขึ้น
"คุณฉัตร..ช่วยตามคุณประกายเดือนมาพบผมด้วยครับ"
ทุกคนตาโตรวมทั้งจามจุรี
ปาริฉัตรหงุดหงิด "ค่ะ"
มอลลี่ยิ้มเยาะทันที "แหมๆๆ เมื่อวานแอบหนีไปซิ่งกะใครไม่รุ๊ วันนี้สงสัยจะคิดถึงเลยต้องเรียกมาหากันแต่เช้า ฮิๆๆ"
ปาริฉัตรจะโวยวายแต่จามจุรีทักไว้
"ปาริฉัตร! ท่านประธานสั่งให้ตามประกายเดือนนะจ๊ะ?”
ปาริฉัตรฮึดฮัดก่อนจะกดสายภายในแล้วพูดกระแทกเสียง "ท่านประธานเรียก!! เร็วๆ"
มอลลี่กับลูกกอล์ฟหัวเราะคิกคัก ปาริฉัตรโกรธจนกระแทกหูดังปัง
อ่านต่อหน้า 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 3 (ต่อ)
นาคินทร์ยืนมองรูปวาดบนผนังห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปาริฉัตรเปิดประตูแล้วพาประกายเดือนเข้ามา
นาคินทร์ยิ้ม "ไงครับ..คุณเดือน..เมื่อคืนนอนหลับสบายดีมั้ย?”
ปาริฉัตรหันขวับไปมองประกายเดือน
ประกายเดือนได้ทีก็ทำหน้าแบ๊ว "ที่สุดเลยค่ะท่านประธาน...เดือนนอนสลบเหมือดเลยค่ะ"
ปาริฉัตรแทบช็อค!!
นาคินทร์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี "ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?" นาคินทร์มองเห็นปาริฉัตร "คุณฉัตร...ขอบคุณมากครับ"
ปาริฉัตรเหวอที่โดนไล่ "เอ่อ...ค่ะ"
ปาริฉัตรสะบัดสายตาใส่ประกายเดือนก่อนจะเดินออกไป
นาคินทร์ชวนคุยต่ออย่างอารมณ์ดี "ถึงกับสลบจริงๆ เหรอครับ?”
"จริงค่ะ!" ประกายเดือนเผลอเม้าท์ "ก็โห..เล่นน้ำกับตะวันซะเหนื่อย..อุ๊บส์"
นาคินทร์ขำ "อะไรนะครับ? เล่นน้ำกันด้วย"
ประกายเดือนอาย "ก็...แหม...ห้องน้ำมันหรูน่าเล่นซะขนาดนั้นนี่คะท่านประธาน"
"เหนื่อยขนาดนี้ คุณตะวันไม่ไปทำงานสายแย่หรอครับ" นาคินทร์ว่า
"ใครว่าล่ะคะ? เดือนตะหากเกือบมาทำงานไม่ทัน ตะวันสิสบายบรื๋อ" ประกายเดือนบอก
"อ้าว..ทำไมล่ะครับ? คุณตะวันสบายยังไง?” นาคินทร์ถาม
"ก็วันนี้ตะวันไม่ต้องไปทำงานน่ะสิคะ หลุดไปพร้อมกันทีเดียว 3 จ็อบรวด" ประกายเดือนบอก
นาคินทร์เพิ่งรู้ข่าวใหม่ "เหรอครับ?”
ประกายเดือนแอบจ๋อย "ค่ะ..เฮ้อ! สงสารตะวันนะคะ"
นาคินทร์มอง คิด แล้วพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะพูดลอยๆ "ครับ...”
นาคินทร์คิด
ปานตะวันปิดน้ำฝักบัวก่อนจะหยิบผ้ามาซับหน้า ปานตะวันดูสดใสและสวยงามตามธรรมชาติ ทันใดนั้นเสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น ปานตะวันสะดุ้งก่อนจะรีบคว้าชุดคลุมมาใส่
ปานตะวันบ่น "ใครนะ?! ยัยเดือน!! ต้องลืมอะไรแน่ๆ เลย"
ปานตะวันส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเดินออกจากห้องน้ำจะมาเปิดประตูให้
"มาแล้วจ้า..มาแล้ว" ปานตะวันเปิดประตู "ลืมอะไรอีก" ปานตะวันชะงักกึก "คุณ?”
นาคินทร์ที่ยืนยิ้มอยู่ค่อยๆ ชูช่อดอกไม้ขึ้นมา
ปานตะวันยังอึ้ง "คุณนาคินทร์...”
นาคินทร์ยิ้มให้ "ครับ..ผมเอง"
ปานตะวันงงๆ อึ้งๆ แล้วก็นึกได้จึงก้มมองชุดของตัวเอง "ว๊าย!!”
ปานตะวันจะปิดประตูใส่ แต่นาคินทร์ดันไว้ได้แล้วเข้ามาอยู่ในห้องหน้าตาเฉย
นาคินทร์ยิ้มๆ "รังเกียจผมขนาดนั้นเลยเหรอครับเนี่ย"
ปานตะวันตะปบแล้วกอดอกไว้ "เอ่อ..ปะ..เปล่าค่ะ..คุณมีธุระอะไรคะ? คือ..ไม่ใช่ค่ะ..คุณออกไปก่อนดีกว่านะคะ"
นาคินทร์ยิ้มขำที่ปานตะวันพูดผิดพูดถูก "ใจเย็นๆ ครับ..ค่อยๆ พูดก็ได้" นาคินทร์มองชุด "คุณตะวันเพิ่งตื่นเหรอครับ?”
ปานตะวันตะปบแน่นกว่าเก่าก่อนจะรีบพูด "แต่เดือนตื่นนานแล้วนะคะ ไปทำงานตั้งนานแล้วด้วย" ปานตะวันตกใจ "นี่เดือนยังไม่ถึงบริษัทเหรอคะ?”
นาคินทร์ยิ้ม "ถึงนานแล้วครับ แต่ผมไม่ได้มาหาคุณเดือน..ผมมาหาคุณ"
ปานตะวันอึ้ง
นาคินทร์เดินไปหาแจกันดอกไม้แล้วก็พูดไปจัดไป "เมื่อคืนผมเห็นห้องคุณไม่มีดอกไม้ ผมเลยเอาดอกไม้มาให้ ตื่นขึ้นมาคุณจะได้สดชื่น"
ปานตะวันมองงงๆ
นาคินทร์จัดเสร็จ "สดชื่นขึ้นมั้ยครับ?”
ปานตะวันงง "เอ่อ..ค่ะ"
"หิวมั้ยครับ?”
"คะ?”
"เพิ่งตื่น..ตื่นสายด้วย..จะต้องหิวแน่ๆ"
นาคินทร์พูดจบก็เดินไปที่แพนทรีเลย
ปานตะวันยืนงงอยู่ "เดี๋ยวค่ะ..ไม่ใช่นะคะ..เดี๋ยว!" นาคินทร์วิ่งตามไปที่แพนทรี
นาคินทร์กำลังก้มๆ เงยๆ เปิดลิ้นชักหาอุปกรณ์ ปานตะวันวิ่งเข้ามาพูดไป นาคินทร์ก็ทำธุระตัวเองไป
"เดี๋ยวนะคะ..ฟังฉันก่อน..ปกติฉันไม่ใช่คนนอนตื่นสายนะคะ"
นาคินทร์หยิบไข่มาชูขึ้น 2 ใบ "ไข่ดาว หรือ ออมเล็ตดีครับ?”
"เพียงแต่เมื่อคืนฉัน..ฉันเหนื่อย ก็เลยเพลียแล้วก็เลยเผลอหลับ...” ปานตะวันพยายามอธิบายต่อ
"ออมเล็ตนะครับ?" นาคินทร์ตีไข่ใส่ถ้วยทันที
ปานตะวันพยายามชี้แจง "ปกติฉันตื่นเช้านะคะ ตี5 ฉันก็ต้องตื่นแล้ว"
นาคินทร์ยื่นถ้วยให้ "ช่วยคน..เบาๆ นะครับ.." นาคินทร์หันไปเปิดเตา
ปานตะวันเผลอรับมาแล้วก็คนไปพูดไป "คุณคะ..ฟังฉันก่อนสิคะ ปกติฉันตื่นตี 5..." ปานตะวันตีไข่แรงสุดแรง
นาคินทร์หันมาเห็นก็ตกใจ "โอย..ต้องคนเบาๆ ครับ"
นาคินทร์เอามือคว้าถ้วยหมับทำให้ไปจับมือปานตะวันเข้าเต็มๆ เขากุมไว้ ปานตะวันอึ้งมองแล้วหยุดพูด นาคินทร์ก็มอง สองคนมองกันไป-มา แล้วปานตะวันก็เป็นฝ่ายดึงมือออก
นาคินทร์ยิ้มๆ "ออมเล็ตคงไม่ได้แล้ว ไข่เจียวเลยมั๊ยครับ?”
ปานตะวันเสียงแข็งขึ้นมาทันที "ฉันยังไม่หิวค่ะ"
เสียงท้องปานตะวันร้องดังมากๆ ปานตะวันสะดุ้งและอายมาก
นาคินทร์ยิ้ม "ตอนนี้คุณหิวแล้วแน่ๆ"
นาคินทร์หันไปเทไข่ใส่กะทะ ปานตะวันแอบกลืนน้ำลาย นาคินทร์หันมามองยิ้มๆ ปานตะวันเผลอค้อน
นาคินทร์ยิ้มแล้วหันไปเจียวไข่ต่อ
ปานตะวันได้กลิ่นหอมหวลชวนห้ามใจแต่ก็แจกค้อนนาคินทร์ลับหลังอีกหนึ่งขวับ
นาคินทร์วางจานข้าวไข่เจียวลงตรงหน้าปานตะวันที่ยังวางฟอร์ม
"ทานซะหน่อยเถอะครับ เมื่อกี๊ท้องร้องดังมาก เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะ"
ปานตะวันอายมาก "ฉันยังไม่หิวจริงๆ ค่ะ"
นาคินทร์ยิ้ม "ถ้างั้นก็ช่วยชิมซักนิด ให้ผมชื่นใจที่อุตส่าห์ทำข้าวไข่เจียวให้คุณทาน..นะครับ?”
ปานตะวันอึ้งไปก่อนจะค่อยๆ ตักขึ้นมากินคำนึง
นาคินทร์เอ่ยถาม "พอใช้ได้มั้ยครับ?”
ปานตะวันพยักหน้ารักษามารยาท
นาคินทร์ยิ้มแล้วมอง
"ต้องขอโทษนะคะ..คุณนาคินทร์..คุณมาที่นี่ คงไม่ได้ตั้งใจจะมาเพื่อจัดดอกไม้และทำข้าวไข่เจียวให้ฉันทานแน่ๆ" ปานตะวันว่า
"ผมตั้งใจครับ"
ปานตะวันอึ้ง
นาคินทร์ยิ้ม "ผมตั้งใจจริงๆ พอทราบจากคุณเดือนว่าคุณไม่ได้ไปทำงาน ผมก็เป็นห่วง...”
ปานตะวันชะงัก
“....เพราะเมื่อวาน คุณก็ตัวอุ่นๆ เหมือนจะไม่สบาย...”
ปานตะวันรู้สึกนิดๆ "มีคนห่วงใย?? จำได้?”
“...ผมเห็นคุณอยู่คนเดียว เพิ่งจะย้ายมาด้วย เลยกลัวว่าจะลำบาก"
ปานตะวันเสียงเบาลง "ขอบคุณมากค่ะ..แต่ฉันไม่เป็นอะไร"
นาคินทร์ยิ้ม "ได้เห็นอย่างนี้ ผมก็ดีใจครับ"
น้ำเสียงและสายตานาคินทร์จริงใจจนปานตะวันรู้สึกได้
"ยิ่งถ้าคุณทานข้าวไข่เจียวของผมหมดจาน ผมจะยิ่งดีใจมากเลย" นาคินทร์ลุกขึ้น "ผมไม่รบกวนคุณแล้ว"
ปานตะวันงง เธอลุกขึ้นเหมือนจะไปส่ง นาคินทร์แตะไหล่ทั้ง 2 ข้างให้นั่งลง
"ไม่เป็นไร..ทานข้าวเถอะครับ"
ปานตะวันงงตัวเองที่ว่าง่ายยังกับเด็กนักเรียน นาคินทร์ก้มมาพูดใกล้ๆ หูมือทั้งสองข้างยังจับไหล่ปานตะวันอยู่
"อย่าลืม..ว่าผมเป็นห่วงคุณ"
ปานตะวันมองจ้องตา ทั้งสองคนหน้าใกล้กันมาก
“..เพราะถ้าคุณเป็นอะไรไป..คงจะไม่มีใครดีพอที่จะมาดูแลยัยนารถน้องสาวของผมได้"
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์ นาคินทร์สายตาจริงใจแล้วยิ้มให้ก่อนจะค่อยๆ เดินจากไป ปานตะวันนั่งอึ้งคิดอยู่ตรงนั้นก่อนจะตัดสินใจหันไปเรียกนาคินทร์
"เดี๋ยวก่อนค่ะ"
นาคินทร์ชะงักแล้วก็ยิ้มส่งสายตาวิบวับอย่างพึงพอใจที่สุด ก่อนจะค่อยๆ หันกลับมาด้วยสีหน้ายิ้ม แต่สายตาซื่อใส
นาคินทร์จ้องตาแป๋ว "ครับ?”
ปานตะวันอึกอัก "เอ่อ..คือว่า...”
นาคินทร์เดินกลับมามองตาใกล้ๆ "มีอะไรเหรอครับคุณตะวัน?”
ปานตะวันโดนจ้องตาจนต้องหลบตา "เอ่อ..คือ..ฉันรู้สึกเกรงใจมากที่ต้องมารบกวนคุณแบบนี้"
นาคินทร์ยิ้มแล้วมองตาไม่กะพริบ "ผมเต็มใจให้คุณรบกวนครับ"
ปานตะวันตวัดสายตาขึ้นมองอย่างพยายามจับพิรุธแต่สายตานาคินทร์ใสซื่อและจริงใจสุดๆ
นาคินทร์พูดอย่างเข้าใจ "ถ้าผมเป็นคุณ ผมก็คงจะต้องคิดเหมือนที่คุณกำลังคิดอยู่ล่ะครับ"
"คุณทราบเหรอคะว่าฉันคิดอะไรอยู่?”
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "คุณกำลังสงสัย ไม่ไว้วางใจ ไม่แน่ใจว่าที่ผมทำดีกับคุณต่างๆ นานานี่ จริงๆ แล้วผมมีแผนร้ายอะไรซ่อนอยู่รึเปล่า"
ปานตะวันแอบสะดุ้งนิดนึงว่าเขารู้ได้ยังไง
นาคินทร์ยิ้มกว้าง "ผมทายถูกมั้ยครับ"
ปานตะวันกล้าคิดก็กล้ารับ "มันก็น่าคิดไม่ใช่เหรอคะ?”
นาคินทร์พยักหน้ารับ "แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า..คุณคิดผิด"
ปานตะวันมอง
"ผมไม่มีแผนร้ายอะไรทั้งนั้น ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอครับว่า ผมมีน้องสาวคนเดียว" นาคินทร์นึกถึงกนกวลี "อะไรที่ผมสามารถทำเพื่อ “คนที่ผมรัก” ได้ ผมก็อยากจะทำให้ก่อนที่ไม่มีโอกาสจะได้ทำ"
ปานตะวันตกใจเล็กๆ "ทำไมคุณพูดอย่างนั้นล่ะคะ?”
นาคินทร์รู้สึกตัว "อ๋อ...ผมก็แค่ไม่อยากประมาท ไม่มีใครรู้นี่ครับว่าพรุ่งนี้ชีวิตของเราจะเป็นยังไง"
ปานตะวันอึ้งไป "ก็จริงค่ะ" ปานตะวันนึกถึงตัวเอง "ฉันเองก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ฉันกับน้องจะต้องกลายเป็นลูกกำพร้า ต้องตกระกำลำบากกัน 2 คนพี่น้อง"
นาคินทร์มอง
ปานตะวันรู้สึกตัวจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง "เอ่อ..คุณรักน้องสาวของคุณมากเลยนะคะ...คุณนาคินทร์"
นาคินทร์ยิ้ม "คุณก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับคุณตะวัน?”
ปานตะวันถอนใจ "คุณกรุณาต่อเดือนและฉันมาก" ปานตะวันตัดสินใจ "ฉันไม่อยากเอาเปรียบคุณค่ะ"
นาคินทร์เลิกคิ้วมองแล้วก็เริ่มดีใจ ตาของเขาเป็นประกาย
"ขอพบน้องสาวคุณก่อนได้มั้ยคะ แล้วฉันจะตัดสินใจอีกที"
นาคินทร์ยิ้มอย่างดีใจ
"ได้สิครับ!! ได้เลย...คุณตะวัน"
พูดจบนาคินทร์ก็พุ่งเข้ารวบตัวปานตะวันมากอดแน่นด้วยความดีใจ ปานตะวันอึ้งเพราะตั้งตัวไม่ทัน ทั้งสองหน้าอยู่ใกล้กันมากจนที่สุดปานตะวันก็ผละออก
นาคินทร์พูดเหมือนจริงใจมาก "ขอโทษครับ..อย่าโกรธผมนะครับ ผมดีใจมากจนลืมตัว" นาคินทร์ยิ้มแฉ่ง "ขอบคุณนะครับคุณตะวัน ขอบคุณมาก"
ปานตะวันทั้งโกรธทั้งเขิน แต่ความใสของนาคินทร์ทำให้เธอโกรธไม่ลงจึงได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
"ถ้างั้นไปกันเลยนะครับ"
"ไปไหนคะ?”
"ก็ไปหายัยนารถน้องสาวผมไงครับ"
ปานตะวันตกใจ "อะไรนะคะ จะไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอคะ"
นาคินทร์ยิ้ม "ครับ"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ยิ้มแต่แววตาสุดท้ายมีความร้ายกาจซ่อนอยู่
อ่านต่อตอนที่ 4