เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 25
ปานตะวันวิ่งเข้ามาหยุดยืนแล้วทรุดลงไปนั่ง แพรวพรรณรายเอื้อมมาแตะไหล่ปานตะวัน ปานตะวันหันไปมอง
“พิ้งค์..เรา..” ปานตะวันพูดไม่ออก
แพรวพรรณรายปลอบเพื่อน “เพื่อนเข้าใจ..”
“เรางงไปหมดแล้วพิ้งค์ นี่มันอะไรกัน? มันเป็นแผนการแก้แค้นของคุณนาคินทร์ใช่มั้ยพิ้งค์?”
แพรวพรรณรายพูดอย่างเรียบๆ มีสติ “ไม่ใช่หรอกตะวัน ดูก็รู้ว่าคุณนัคเค้ารักยัยเดือนจริงๆ ..รักมากด้วย” แพรวพรรณรายถอนหายใจเฮือก “มากอย่างไม่น่าเชื่อ”
ประกายเดือนเข้ามาชะงักฟังอยู่ห่างๆ
“ก็นั่นไงล่ะพิ้งค์ ถ้ามันเชื่อไม่ได้ล่ะ?? เรากลัวเหลือเกินพิ้งค์ ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาจะเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานแค่ไหน เราทนได้ แต่ถ้าจากนี้ไป..เดือนจะต้องกลายเป็นเหยื่อแค้นแทนเรา เรายอมไม่ได้เด็ดขาด”
“ถ้ามันเป็นแผนของคุณนาคินทร์จริง เมื่อกี้คุณนาคินทร์คงไม่โกรธคุณนัคขนาดจะชกหน้ากันหรอกนะ อีกอย่าง..ได้ยินที่คุณนัคพูดมั้ย? หัวใจของเค้า เค้าต้องสั่งเอง ไม่ใช่คุณนาคินทร์”
ปานตะวันอึ้งไป
“หัวใจของยัยเดือน ก็ให้ยัยเดือนเค้าดูแลเองเถอะ..ตะวัน” แพรวพรรณรายว่า
ปานตะวันอึ้งแล้วก็กอดแพรวพรรณรายแน่น
ประกายเดือนยืนปาดน้ำตาป้อยๆ อยู่ตรงนั้น
นาคินทร์ทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง อัครินทร์เข้ามายืนมอง
“ถึงกับหมดแรงเลยเหรอครับ?”
นาคินทร์พูดเสียงเรียบๆ อย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะหลับตาลง “ออกไป ฉันอยากอยู่คนเดียว”
อัครินทร์เดินเข้ามานั่งมอง “ผมว่าพี่คินอยู่คนเดียวมากเกินไป”
นาคินทร์ลืมตามอง
“..และก็นานเกินไปแล้วด้วย” อัครินทร์บอก
นาคินทร์พูดเรียบๆ “เลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันซะที”
“ผมคงไม่ยุ่ง ถ้าพี่ไม่ใช่พี่ชายผมและคุณตะวัน..ไม่ใช่คนที่ผม...”
นาคินทร์มองหน้าอัครินทร์
อัครินทร์พูดต่อ “ไม่ใช่คนที่ผมเป็นห่วง”
นาคินทร์ขึ้นเพราะทั้งโกรธ ทั้งแอบหึง “เป็นห่วง?? แกไม่ต้องพยายามปั้นคำพูดสวยๆ เลยนายอัค พูดเลยง่ายๆ ‘หลง’!! แกหลงผู้หญิงคนนั้น เหมือนไอ้นัคที่มันหลงน้องสาวเค้าจนโงหัวไม่ขึ้น”
“ทำไมพี่คินถึงดูถูกความรู้สึกของพี่นัคขนาดนี้”
นาคินทร์อึ้ง
“พี่นัคเค้าแน่จริง..ผมนับถือ..รักก็บอกว่ารัก ไม่เหมือนพี่คิน ปากบอกว่าเกลียดทั้งที่หัวใจของพี่มีแต่คุณตะวัน”
“ไม่จริง!! หุบปากเลยนายอัค”
อัครินทร์ยิ้มน้อยๆ “แถมหูยังทนฟังความจริงยังไม่ได้”
“ฉันบอกให้หุบปาก” นาคินทร์สั่ง
อัครินทร์ลุกขึ้น “ฟังผมพูดให้จบแล้วผมจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว” อัครินทร์มองนาคินทร์ “ภายในเวลาอีกไม่กี่วันที่เหลืออยู่ ถ้าพี่คินยังไม่ยอมรับความจริง ถ้าพี่คินยังคิดจะเอาความแค้นมาอยู่เหนือความรัก พี่คินจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
นาคินทร์มองหน้าอัครินทร์
“เชื่อผมเถอะครับพี่”
อัครินทร์เดินออกไปโดยปล่อยให้นาคินทร์นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น
นัครินทร์กุมมือประกายเดือนแน่น นัครินทร์นั่งอยู่ต่อหน้าปานตะวันโดยที่เขาดูเกร็งๆ และพยายามจะพูดเป็นทางการ
“ผม..เอ่อ..คือ..” นัครินทร์ถอนหายใจเฮือก “เฮ้อ!” นัครินทร์พูดเป็นปกติ “คือ..ผมก็พูดอะไรสวยๆ ไม่เป็นอ่ะฮะ คือคุณพยาบาล เอ้ย! คุณพี่ปานตะวัน เชื่อใจผมได้มั้ยฮะว่าผมรักน้องสาวคุณจริงๆ”
ปานตะวันจ้องหน้านัครินทร์นิ่ง นัครินทร์เสียววาบเพราะว่ากลัว
“เอ่อ..คือ” นัครินทร์ท้อใจ “จะให้ผมทำไงดีล่ะฮะ ที่ผ่านมาผมก็พิสูจน์ให้เดือนเค้าเห็นทุกอย่างแล้วทั้งพาไปจดทะเบียน ทั้งนอนจับมือมองตากันทุกคืน”
อัครินทร์กับแพรวพรรณรายตกใจ “อะไรนะ?”
“ฮะ!!! นอนจับมือมองตากันมาตั้งน้านนาน”
ปานตะวันอึ้งก่อนจะหันไปมองประกายเดือนที่นั่งก้มหน้าอยู่
“จริงเหรอเดือน?”
ประกายเดือนอ้อมแอ้ม “จริง..เค้าไม่ลืมคำที่ตะวันสอนเค้า” ประกายเดือนหลบตา “เค้าไม่อยากทำให้ตะวันผิดหวัง”
ปานตะวันอึ้งเพราะรู้สึกว่าตัวเองแย่กว่าน้องสาวอีก
“ผมเป็นพยานให้พี่นัคอีกคนนะครับ พี่นัครักคุณเดือนจริงๆ เค้าปรึกษาผมมาตลอด” อัครินทร์บอก
แพรวพรรณรายช่วยพูด “ตะวัน..คนเค้ารักกันน่ะ”
ปานตะวันเสียงเข้ม “พอได้แล้ว!”
นัครินทร์โวย “โธ่! คุณพี่ตะวันฮะ..ผม”
ปานตะวันเสียงเข้ม “แล้วก็หยุดเรียกฉันว่าคุณพี่ตะวันด้วย”
นัครินทร์กับประกายเดือนอึ้งและจ๋อยจนหน้าจืด
ปานตะวันพูดเสียงปกติ “เรียกฉันว่าตะวันเหมือนเดิม”
นัครินทร์กับประกายเดือนเหวอและดีใจสุดๆ
ประกายเดือนโดดกอดปานตะวันแน่น “ตะวัน!!”
สองพี่น้องกอดกันแน่นและน้ำตาคลอ
“ตะวัน!! เค้ารักตะวันที่สุด!! เค้ารักตะวันที่สุด”
“พี่ก็รักเดือนที่สุด!! พี่รักเดือน”
แพรวพรรณรายโผเข้ากอดเพื่อนแน่น นัครินทร์เฮก่อนจะกระโดดกอดอัครินทร์
“คุณนัค..คุณต้องรักเดือนให้ได้อย่างที่ฉันรัก ที่สำคัญอย่าให้ใครมาแตะต้องเดือนเด็ดขาดถ้าคุณปล่อยให้น้องสาวฉันเจ็บปวด เสียใจแม้แต่นิดเดียวล่ะก้อ..” ปานตะวันเอาจริง
นัครินทร์สวน “คุณตะวันเอาผมตายแน่ ‘ตะวันเดือด’ น่ากลัวขนาดไหน เดือนเคยบอกผมแล้วครับ”
ปานตะวันหันไปมองประกายเดือน “ยัยเดือน?”
“แฮ่!!” ประกายเดือนตีนัครินทร์ดังเพียะ “พูดทำไม?” ประกายเดือนกอดพี่สาวแล้วออดอ้อน “น่ากลัวที่ไหน ตะวันของเค้าน่ารักออกจะตาย”
ปานตะวันค้อนประกายเดือน ทุกคนขำ
“ขอบคุณมากนะครับคุณตะวัน”
ปานตะวันยิ้มให้นัครินทร์ ทุกคนยิ้มแย้มในบรรยากาศชื่นมื่น
ทุกคนยิงพลุกระดาษกันปังๆๆ แล้วเฮกันลั่นเพื่อฉลองให้นัครินทร์กับประกายเดือนที่ยืนอยู่ในวงล้อม
“ขอบคุณฮะ ขอบคุณทุกคนฮะ” นัครินทร์บอก
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะคุณนัค หนูเดือน เอ๊ย! คุณประกายเดือน”
“อุ่ย..เรียกเหมือนเดิมดีกว่าค่ะคุณจามจุรี” ประกายเดือนบอก
มอลลี่เสียงแหลมทันที “ได้ไงคะ?” มอลลี่ทรุดลงกอดขาประกายเดือน “คุณนายท่านรองฯ ต้องเรียกว่าคุณนายท่านรองฯ เท่านั้นถึงจะคู่ควร เห็นมั๊ยคะ..มอลลี่ทำนายอะไรไม่มีพลาด มอลลี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าคุณน้องเดือนจะต้องกลายเป็น ‘คุณนายท่านรองฯ’ แล้วก็เป็นอย่างปากพูดจริงๆ จริงมั้ย ไอ้ลูกกอล์ฟ”
ลูกกอล์ฟแอบแหวะ “จริง” ลูกกอล์ฟกระซิบกับจามจุรี “ทำนายที่ไหน? ตะก่อนนี้เม้าท์เค้าซะเละ”
“ว่าแต่..จะไม่จัดงานแต่งงานจริงๆ เหรอคะคุณนัค?”
“ก็เมียผมเค้าไม่ยอมนี่ฮะ” นัครินทร์บอก
“ว้าย!! ทำไมอย่างนั้นละคะคุณนาย?? คุณนายต้องจัดนะคะ จัดฉลองมัน 3 วัน 3 คืนไฮโซระดับนี้น้อยกว่านี้ไม่ได้จริงๆ ค่า”
ประกายเดือนยิ้มๆ แล้วส่ายหน้า “ไม่ล่ะค่ะ..เสียดายเงิน..เสียดายเวลา..อีกอย่างนึง เดือนก็ไม่ได้เป็นไฮโซค่ะพี่มอลลี่”
มอลลี่รู้สึกขัดใจ “โหย..มอลลี่ก็อดได้ไปงานแต่งไฮโซน่ะเซ่”
“หิวโซต่อไปเหอะเจ๊..โซซัดโซเซ!” ลูกกอล์ฟว่า
“แกสิ..ไอ้ลูกกอล์ฟ”
เสียงกนกรัตน์ดังขึ้น “อาจจะได้ไปเร็วๆ นี้ก็ได้นะคะ”
ทุกคนหันขวับไปมองเห็น ‘กนกรัตน์’ ทาปากแดงยืนอยู่
กนกรัตน์ยิ้ม “เคทหมายถึง ‘งานแต่งไฮโซ’ น่ะค่ะ ถ้าไม่ใช่งานคุณนัค ก็อาจจะเป็นงานของคุณนาคินทร์ก็ได้” กนกรัตน์มองไปทั่วแล้วหยุดตรงประกายเดือน “จริงมั้ยคะ?”
ประกายเดือนจ้องหน้ากนกรัตน์ “จริง!” ประกายเดือนพูด กนกรัตน์ยิ้มเลิกคิ้วมอง ประกายเดือนยิ้ม “เพราะท่านประธานจะต้องแต่งงานแน่ๆ เร็วๆนี้”
กนกรัตน์ยิ้ม ทุกคนฮือฮา
ประกายเดือนเสียงเข้ม “กับพี่สาวฉัน ปานตะวัน!”
กนกรัตน์อึ้ง ทุกคนก็อึ้ง ว่าเกิดอะไร ยังไง
ประกายเดือนยิ้มเยาะ กนกรัตน์โกรธมาก
กนกรัตน์ขว้างกระเป๋า ขว้างแจกัน ฯลฯ แถวหน้ากระจกจนเหนื่อย
“ฝันไปเถอะ..นังเดือน! นังตะวันพี่สาวแกไม่มีทางจะได้แต่งงานกับพี่คิน ไม่มีทาง!”
กนกรัตน์ขว้างจนหอบ เธอยืนก้มหน้าอยู่หน้ากระจก พอเงยขึ้นมาก็แทบช็อคเมื่อเห็น ‘ปาริฉัตร’ ยืนอยู่ข้างหลัง
กนกรัตน์ร้องลั่น “กรี๊ด!”
ปาริฉัตรบีบคอกนกรัตน์หมับ กนกรัตน์ร้องและดิ้นสุดชีวิต
“ปล่อยๆๆ ฉัน”
“แกฆ่าฉันทำไม? ฆ่าฉันทำไม?”
“แกรนหาที่เองนะ แกรนหาที่เอง!!”
“แกฆ่าฉันทำไม?” ปาริฉัตรบีบหนักขึ้น
กนกรัตน์ตาเหลือก “ปล่อย ฉันไม่ได้ฆ่า! ฉันไม่ได้ฆ่าา”
“ฉันจะเอาแกไปอยู่ด้วย!! แกต้องไปอยู่กับฉัน”
กนกรัตน์ร้อง “ไม่!! ไม่!! ไม่!”
กนกรัตน์ผลักออกได้ พอหันหลังก็ไปป๊ะกับใครคนหนึ่งยืนอยู่ เธอกรี๊ดลั่น
“ฉันไม่ได้ฆ่า” กนกรัตน์ชะงักกึก
ประกายเดือนอึ้ง “คุณว่าอะไรนะคะคุณเคท?”
กนกรัตน์อึ้งแล้วก็อึกอัก “เอ่อ..”
ประกายเดือนถาม “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ”
กนกรัตน์อึกอักก่อนจะผลักประกายเดือนแล้ววิ่งออกไป ประกายเดือนมองตามโดยยังอึ้งและสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน
ปานตะวันพูดโทรศัพท์ไป เก็บข้าวของไปด้วย โดยเริ่มทะยอยเก็บและจัดของ
“เดือนหูฝาดไปรึเปล่า? คุณเคทเนี่ยนะจะพูดอะไรแบบนั้น” ปานตะวันว่า
“ยัยเคทเนี่ยแหละ เค้าได้ยินเต็มๆ ตะวัน!! ตะวันต้องบอกเรื่องนี้กับท่านประธานนะ” ประกายเดือนบอก
ปานตะวันหน้าบึ้ง “ทำไม? คุณนาคินทร์เค้าเกี่ยวอะไรด้วย?”
“ตะวัน? ทำไมจะไม่เกี่ยว เด็กในท้องตะวันน่ะลูกท่านประธานนะ แล้วถ้าขืนยังปล่อยให้ผู้หญิงอันตรายอย่างยัยเคทวนเวียนวุ่นวายกับท่านประธานอยู่ล่ะก้อ”
“ล่ะก้ออะไร?” ปานตะวันถาม
ประกายเดือนพูดจริงจัง “ตะวันกับลูก..ไม่ปลอดภัยแน่ๆ”
ปานตะวันอึ้งก่อนจะพูด “ดูละครมากไปแล้ว”
ประกายเดือนพูดจริงจัง “บางทีชีวิตก็ยิ่งกว่าละครนะตะวัน”
ปานตะวันอึ้ง
“ผู้หญิงคนนี้..อันตรายกว่าที่ตะวันคิด” ประกายเดือนบอก
“เดือนก็คิดมากไป” ปานตะวันว่า
“ที่เค้าคิด..มันอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ” ประกายเดือนบอก
ปานตะวันอึ้ง
“ถ้าตะวันไม่บอก เค้าจะไปบอกท่านประธานเอง” ประกายเดือนบอก
ปานตะวันเสียงดังลั่น “เดือน!! เดือนจะบอกคุณนาคินทร์เรื่องอะไร? ถ้าเรื่องคุณเคท.จะบอกว่าอะไร? บอกว่าคุณเคทเค้าฆ่าคน?? ฆ่าใครเหรอ” ปานตะวันเสียงอ่อนลง “พี่กำลังจะไปจากที่นี่ พี่กำลังจะเป็นอิสระ พี่จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับใครทั้งนั้นแล้ว”
“แล้วลูกในท้องตะวันล่ะ..หลานเค้าทั้งคนนะ” ประกายเดือนถาม
“เดือน..ถ้าคุณนาคินทร์รู้เรื่องนี้ พี่อาจจะต้องเสียลูกไปก็ได้ พี่เจ็บปวดมามากพอแล้วนะเดือน”
“ไม่จริงอ่ะตะวัน ท่านประธานเค้ารักตะวัน” ประกายเดือนว่า
ปานตะวันสวน “จบ!! ให้มันจบแบบนี้เถอะ มันดีที่สุดแล้วล่ะเดือน แค่นี้ก่อนนะ” ปานตะวันวางหู
“ตะวันๆๆ!” ประกายเดือนเป็นกังวล
ปานตะวันทรุดนั่งลงบนเตียงอย่างตัดสินใจแล้ว
นาคินทร์คุยกับกนกรัตน์อยู่ในห้องทำงานของนาคินทร์
“จะไปจริงๆ เหรอครับ..กนก”
“ก็พี่คินไม่อยากให้เคทอยู่นี่คะ”
นาคินทร์อึ้งไป “คือ..พี่..” นาคินทร์เมินหน้าไปแล้วสายตาก็ป๊ะกับภาพวาดริมทะเลพอดี
กนกรัตน์มองตามสายตาไปแล้วก็ตาวาว “ลืมเค้าไม่ได้เหรอคะ?”
“อะไรนะครับ?”
“คุณกนกวลีน่ะค่ะ..พี่คินยังลืมไม่ได้เหรอคะ?”
นาคินทร์อึ้ง “อย่าพูดถึงกนกวลีเลยนะครับ”
“งั้นพูดถึงปานตะวันได้มั้ยคะ?”
นาคินทร์อึ้ง
“ที่พี่คินไม่ขอร้องให้เคทอยู่ต่อ เป็นเพราะปานตะวันใช่มั้ยคะ?” กนกรัตน์ถาม
นาคินทร์นิ่ง
“พี่คินกล้ารักคนที่ทำให้เจ้าสาวของพี่คินต้องตายได้ยังไงคะ?” กนกรัตน์จี้
“กนก?”
“ใช่ค่ะ..กนก” กนกรัตน์ชี้หน้าตัวเอง “ทีคนที่เหมือนคุณกนกวลีเจ้าสาวของพี่คินขนาดนี้ พี่คินกลับไม่รัก ทำไมล่ะคะ?”
นาคินทร์ถอนหายใจเฮือก “ใจเย็นๆ ก่อนครับ”
“เคทอุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อพี่คิน แต่ดูพี่คินทำกับเคทสิคะ”
นาคินทร์ใจอ่อนเพราะรู้สึกผิด “พี่..”
“เคทขอให้พี่คินคิดใหม่อีกที คิดดีๆ ถ้าพี่คินไม่อยากเสียใจภายหลัง พี่คินก็ไม่ควรทำให้เคทเสียใจ เคทจะรอคำตอบจากพี่คิน..ภายในคืนนี้..ก่อนที่เคทจะกลับอเมริกา”
กนกรัตน์ทิ้งท้ายไว้แล้วเดินออกไป นาคินทร์สับสนและคิดไม่ตก
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 25 (ต่อ)
กนกรัตน์เดินเชิดๆ ออกมา ทันใดนั้นเธอก็ชะงักกึกแล้วหลบเพื่อแอบดู รปภ. ยิ้มเดินนำตำรวจ 3 นายเข้ามา ทุกคนฮือฮา
ยิ้มแนะนำ “นี่คือคุณประกายเดือน เลขาฯของท่านรองฯ อ่อ..ตอนนี้มีตำแหน่งเพิ่มเป็นภรรยาของท่านรองฯด้วยอีกหนึ่งตำแหน่งครับผ้ม!”
“สวัสดีครับ ทราบว่าคุณประกายเดือนเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับคุณปาริฉัตร” ตำรวจพูด
ประกายเดือนรับคำ “อ๋อ..ค่ะ”
กนกรัตน์สะดุ้ง
“ทางเราอยากขอทราบข้อมูลเพิ่มเติม เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้น่ะครับ”
ประกายเดือนมองอึ้งๆ
แต่กนกรัตน์อึ้งยิ่งกว่า
นารถนรินทร์โผมากอดปานตะวันแน่น
“ไม่นะคะ นารถไม่ยอม นารถไม่ยอมให้พี่ตะวันของนารถไปไหนทั้งนั้น..นารถรักพี่ตะวัน”
“พี่ก็รักน้องนารถค่ะ” ปานตะวันบอก
“รักแล้วจะไปทำไมล่ะคะ พี่ตะวันต้องอยู่กับนารถสิคะ”
ปานตะวันฝืนยิ้ม “น้องนารถมีคุณวิทย์อยู่ทั้งคน”
“แล้วพี่คินละคะ..พี่คินไม่มีใครซักคน”
ปานตะวันเงียบไป
นารถนรินทร์พูดต่อ “ไม่อยู่เพื่อนารถ ก็อยู่เพื่อพี่คินสิคะ พี่คินรักพี่ตะวัน และพี่ตะวันก็รักพี่คิน”
“น้องนารถคะ..”
“พี่ตะวันอาจจะงอนพี่คินเรื่องยัยเคทค๊อกแค๊กนั่น โอเค.นารถจะคุยเรื่องนี้กับพี่คินเอง”
“พี่ขอร้องล่ะค่ะน้องนารถ พี่ตัดสินใจแล้ว” ปานตะวันฝืนยิ้ม “เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ”
“พี่ตะวัน...”
ปานตะวันตัดสินใจแล้วจริงๆ
กนกรัตน์ยืนจ้องตาเขียวอยู่อยู่หน้าโกฏิของกนกวลี
กนกรัตน์พูดด้วยความแค้น “เธอตายไปแล้วกนกวลี!”
ภาพ ‘กนกวลี’ ติดอยู่บริเวณโกฏิ
กนกรัตน์ปรี๊ดแตก “ตายไปแล้ว แล้วทำไมไม่ไปให้พ้นๆ” กนกรัตน์ตวาดลั่น “ยังจะมาวนเวียนอยู่ได้ในความทรงจำของพี่คินทำไม” กนกรัตน์หยิบดอกไม้แห้งหน้าโกฏิมาฉีก ตี ฟาด แล้วขว้างใส่รูป“ทำไมๆๆ ทำไม๊?”
กนกรัตน์เหนื่อยหอบด้วยความโกรธ
มอลลี่เกาะประตูห้องประชุมแบบตะกาย
จามจุรีเข้ามาตีเพียะ “ยัยจิ้งจก!!”
“ว้าย!! มอลลี่ค่ะ ไม่จิ้งจก!!”
“ไม่ใช่จิ้งจกก็ตุ๊กแก!! แหม..จะตะกายเกาะฝาหาอะไรมิทราบ?” จามจุรีถาม
“หืมม์..ก็หาคุณผู้กองรูปหล่ออ่ะสิคะ ตำรวจอะไรล้อหล่อ อยากเป็นผู้ร้ายอ่ะ อยากโดนตำรวจจับ เผื่อชาตินี้จะมีวาสนาได้เป็น “คุณนายผู้กอง” คริๆ” มอลลี่ว่า
“ต๊าย!! เป็นผู้หญิงยิงเรือ ไม่รู้จักสำรวม” จามจุรีว่า
“ใครจะสำรวมซะโหนคานจนแก่อย่างคุณเจเจล่ะคะ” มอลลี่บอก
“ว่าอะไรนะ?”
“อ๋อ..ตะกี้เจ๊มอลเค้าว่า..” ลูกกอล์ฟพูด
มอลลี่แว๊ดสวนทันที “ไม่ต้องเลยไอ้ลูกกอล์ฟ” มอลลี่ชะเง้อ “แหม.. หายกันไปตั้งนาน เค้าขอข้อมูลอะไรกันอ่ะ มอลลี่อยากให้ข้อมูลมั่งจัง มอลลี่ก็ทำงานใกล้ชิดคุณเลขาฯ ฉัตรเหมือนกันนะ”
“อ๋อ..หรา?!! ระวังเถอะ คืนนี้คุณเลขาฯฉัตรจะไปหา” ลูกกอล์ฟว่า
มอลลี่ตีลูกกอล์ฟรัวๆ “อร้าย!! ไอ้บ้า!! ปากๆๆ”
ทั้งสองนัวเนียกัน
จามจุรีสนใจแต่ในห้อง “เฮ้อ! คุยอะไรกันนานจัง?”
ผู้กองที่อยู่ในห้องประชุมพูด
“ขอบคุณมากนะครับ ข้อมูลที่คุณประกายเดือนให้กับเรามีประโยชน์ต่อรูปคดีมาก”
ประกายเดือนรับคำ “ค่ะ”
“สุดท้ายนะครับ” ผู้กองหยิบซองพลาสติกใส่เสื้อสีขาวของปาริฉัตรขึ้นมา “นี่เป็นเสื้อที่ผู้ตายใส่ในวันเกิดเหตุ”
ประกายเดือนมองอย่างสลดๆ
“เราพบว่านอกจากคราบเลือดแล้วยังมีร่องรอยเปื้อนเครื่องสำอาง ทั้งรอยแป้งและลิปสติก”
ประกายเดือนอึ้ง ผู้กองหยิบเสื้อออกมา
“คุณประกายเดือนพอจะนึกออกมั้ยครับว่าเคยเห็นใครใช้ลิปสติกสีนี้บ้าง?”
ผู้กองค่อยๆ ยื่นเสื้อที่เลอะรอยลิปสติกให้ประกายเดือนดู ประกายเดือนจ้องสักพักแล้วก็อึ้ง
ภาพปาริฉัตรทาปากสีแดงที่ในห้องน้ำแวบเข้ามา
ประกายเดือนโพล่ง “นึกออกค่ะ !! คุณฉัตรค่ะ..ฉันเคยเห็นคุณฉัตรใช้ลิปสติกสีนี้”
ผู้กองคิด “เหรอครับ แต่ที่น่าสนใจก็คือสีของลิปสติกที่เปื้อนเสื้อผู้ตายนั้น เป็นคนละสีกันกับที่ผู้ตายใช้ในวันเกิดเหตุน่ะสิครับ”
ประกายเดือนอึ้ง
“เป็นไปได้มั้ยครับว่านอกจากคุณปาริฉัตรแล้ว คุณประกายเดือนจะเคยเห็นใครที่ใช้ลิปสติกสีแดงแบบนี้อีกบ้าง”
ประกายเดือนอึ้ง เธอนึกแล้วก็ตาโต
ภาพกนกรัตน์ที่ทาลิปสติกสีแดงในห้องน้ำแวบขึ้นมา
ประกายเดือนตกใจมาก
ประกายเดือนพึมพำ “ใช่..ใช่แล้ว!!ใช่จริงๆ ด้วย!”
กนกรัตน์ที่ทาปากแดง ใส่แว่นดำ เดินลากกระเป๋าเดินทางออกมามองซ้ายขวาอย่างระแวดระวังเป็นระยะๆ
ปานตะวันกราบทวยเทพกับสาวิตรีที่นั่งหน้าเศร้า
“ไม่ไปไม่ได้หรอจ๊ะ?? แม่อยากให้หนูอยู่ด้วยกันที่นี่ อยู่เป็นลูกสาวแม่อีกคน” สาวิตรีบอก
“ตะวันซาบซึ้งในความรักและความเมตตาที่คุณแม่ คุณพ่อและทุกๆ ท่านที่มีให้ตะวันค่ะ แต่...”
นารถนรินทร์สะอื้น “พี่ตะวันใจร้าย”
วิทย์โอบกอดนารถนรินทร์เพื่อปลอบใจ
“ถึงจะไม่ต้องดูแลยัยนารถแล้ว แต่ที่ KTK ของเราก็มีอะไรให้ทำเยอะนะ หนูตัดสินใจอยากทำงานด้านไหนล่ะ?” ทวยเทพถาม
ปานตะวันยิ้มน้อยๆ “ตะวันตั้งใจจะกลับไปอยู่เชียงใหม่น่ะค่ะ ต่อไป..ก็อาจจะไปช่วยงานพิ้งค์ที่คลีนิคก็ได้ ยังไงคงต้องรอดูอีกที ตะวันขอบคุณคุณพ่อมากนะคะ”
ทุกคนรู้ว่ารั้งปานตะวันไม่อยู่แล้ว
“เปิดคลีนิคเลยค่ะคุณหมออัคจะได้ชวนให้คุณตะวันช่วยงานที่คลีนิค” ใบตองเสนอ
สาวิตรีทำตาโต “จริงด้วยสิ!! แหม..ฉันรักเธอจริงๆ ใบตอง” สาวิตรีพูดกับอัครินทร์ “เอานะลูกหมอ เปิดคลีนิคเลยจ้ะ..แม่เห็นด้วย”
“โห..” อัครินทร์มองปานตะวันอย่างเข้าใจ “ให้คุณตะวันเค้าได้ทำตามที่ตั้งใจดีกว่าครับ”
ปานตะวันยิ้มขอบคุณอัครินทร์
อัครินทร์พูดต่อ “ว่าแต่..แน่ใจเหรอครับว่าจะไม่รอพี่คินกลับมาก่อน?? เค้าไม่รู้นะครับว่าคุณจะไปคืนนี้เลย”
ปานตะวันอึ้ง
ทุกคนรอฟังคำตอบจากปานตะวัน
ปานตะวันถอนใจ กระเป๋าเดินทางของตะวันที่ตั้งอยู่อีกมุม มีทั้งกระเป๋าสะพาย และมือถือวางอยู่ด้วยกัน ทันใดนั้นก็มีสายเข้ามือถือของประกายเดือนแต่เธอเปิดเป็นระบบสั่นแถมยัง Low battery อีกด้วย
นาคินทร์นั่งเศร้าอยู่ ทันใดนั้นมือถือก็ดังโดยหน้าจอขึ้นชื่อ ‘กนกรัตน์’ นาคินทร์ตัดสินใจรับ
“ครับ?”
กนกรัตน์พูด
“เคทอยู่สนามบินแล้วนะคะ”
นาคินทร์อึ้ง
“ตกลงพี่คินตัดสินใจยังไงคะ?”
“พี่..”
กนกรัตน์รอฟัง
ประกายเดือนพยายามโทร.หานาคินทร์
“โอ้ย!! คุยกับใครอยู่ท่านประธาน?” ประกายเดือนวางสาย “เฮ้ย!! ตะวันก็ไม่รับโทรศัพท์ แย่แล้ว”
นาคินทร์ยังนิ่ง
กนกรัตน์พูด “แล้วพี่คินจะต้องเสียใจ”
นาคินทร์หนักใจจึงถอนหายใจเฮือก กนกรัตน์ทำหน้าน่ากลัว
อัครินทร์ขับรถแล่นไปบนถนน
อัครินทร์พูดกับปานตะวัน “ถึงผมจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณ แต่ก็ต้องขอยอมรับว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวมาก มากว่าพี่ชายผมที่ยังจมอยู่กับความแค้น” อัครินทร์ส่ายหน้า “พี่คินนะพี่คิน”
“ฉันอโหสิทุกอย่างให้กับเค้าค่ะ เราจบสิ้นกันแล้ว จากนี้..ฉันจะได้เริ่มชีวิตใหม่ซะที” ปานตะวันบอก
“ที่เลื่อนเดินทางจากพรุ่งนี้เป็นคืนนี้ เพราะไม่อยากเจอพี่คินใช่มั้ยครับ”
ปานตะวันนิ่ง
อัครินทร์พูดต่อ “กลัวเจอแล้วจะใจอ่อน?”
ปานตะวันหลบตาไป
“สรุป..ผมว่าคุณ 2 คนพอกัน...ปากแข็งทั้งคู่ ทำไมครับ..ในเมื่อต่างคนต่างรักกันแล้ว ทำไมต้องทำร้ายหัวใจตัวเองกันแบบนี้” อัครินทร์นึกถึงตัวเอง “ถ้ารักเค้าแล้วเค้าไม่รักเราก็ว่าไปอย่าง สมควรเจ็บ”
ปานตะวันหันไปมองอัครินทร์
“คุณอัค” ปานตะวันเห็นใจจึงเอื้อมมือไปกุมมืออัครินทร์ “คุณเป็นเพียงคนเดียวในไกรตระกูลที่ฉันคุยด้วยได้ทุกเรื่อง ขอบคุณนะคะ..สำหรับทุกอย่าง”
อัครินทร์ได้แต่ฝืนๆยิ้มไป
ประตูคอนโดมีเนียมของกนกรัตน์เปิดผัวะ ตำรวจกรูกันเข้ามาแล้วแยกย้ายออกค้นหาทั้งกนกรัตน์และหลักฐาน ตำรวจนายหนึ่งเปิดประตูตู้ออกเห็นภาพนาคินทร์มากมายหลาย Action ทั้งจากนิตยสาร จากภาพนิ่งที่มาจาก Website ฯลฯ แปะอยู่เต็มตู้ มีภาพคู่จากงานแต่งนาคินทร์กับกนกวลีมากมาย มีข่าวพาดหัวนสพ. เกี่ยวกับอุบัติเหตุ “กนกวลี” เมื่อ 3 ปีกว่าที่ผ่านมา ข่าวพาดหัว “ไฮโซนาคินทร์ “ช็อค!! “เจ้าสาว” ซิ่งดับสยอง และภาพอุบัติเหตุกับภาพ กนกวลี บางภาพถูกปากกาสีแดงขีดฆ่าบนใบหน้า
ตำรวจชะงักเมื่อเห็นภาพ “ปานตะวัน” คู่นาคินทร์ที่ใส่ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวจาก IG ร้านชุดวิวาห์ ภาพนั้นมีรอยปากแดงขีดฆ่าลงบนหน้าของปานตะวัน
ประกายเดือนตกใจ
“อะไรนะคะคุณนารถ ตะวันไปแอร์พอร์ตแล้ว?” มีสายซ้อน ประกายเดือนมองแล้วทำตาโตก่อนจะพูดสาย “ขอโทษนะคะ เดี่ยวเดือนโทร.ไปใหม่ค่ะ” ประกายเดือนรับสายซ้อน “สวัสดีค่ะคุณผู้กอง” ประกายเดือนฟังแล้วก็ตกใจมาก “หา ว่าไงนะคะ แทบช็อค คุณกนกรัตน์...” ประกายเดือนพูดไม่ออก
นาคินทร์เคลียร์บิลเรียบร้อยแล้วก็ลุกจะกลับ ทันใดนั้นมือถือของเขาก็ดัง นาคินทร์มองอย่างงงๆ
“มีอะไรครับคุณเดือน?” นาคินทร์ถาม
“ท่านประธานมัวทำอะไรอยู่ที่ไหนคะ? ตอนนี้ตะวันกำลังไปแอร์พอร์ต” ประกายเดือนว่า
นาคินทร์อึ้งก่อนจะโกรธ “นี่เค้าตั้งใจจะหนีผมงั้นเหรอ?”
“เรื่องนั้นยังไม่สำคัญเท่าเรื่องนี้ค่ะ เรื่องของคุณกนกรัตน์!!” ประกายเดือนว่า
นาคินทร์งง “กนกรัตน์?”
ปานตะวันเดินเข้ามาที่สนามบิน โดยที่อัครินทร์ลากกระเป๋ามาให้
“ส่งแค่นี้ก็พอค่ะคุณอัค”
“ผมพาคุณไปเช็คอินก่อนครับ”
ปานตะวันจำยอม ทั้งสองเดินออกไป
กนกรัตน์แอบมองทั้งสองอยู่ เธอจ้องด้วยสายตาวาวและอำมหิต
“แกนี่มันรนหาที่จริงๆ นังปานตะวัน”
นาคินทร์อึ้งเพราะไม่อยากจะเชื่อหู
“กนกรัตน์..คือ..ฆาตกร?”
“ค่ะ!! แต่ที่สำคัญที่สุด ยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้นก็คือ..ตะวัน!” ประกายเดือนบอก
นาคินทร์เป็นห่วงขึ้นมาทันที “ตะวัน..ทำไมครับ?”
“ตะวันกำลังตั้งท้อง..ลูกของคุณค่ะ..คุณนาคินทร์”
นาคินทร์ช็อคหนัก “ตะวัน..”
นาคินทร์ได้สติก็รีบวิ่งพรวดออกไปทันที
อัครินทร์ยื่นบอร์ดิ้งพาสให้ปานตะวัน
“สัญญานะครับว่าจะติดต่อผมตลอด”
ปานตะวันพูดแบบไม่สัญญา “อืมม์..จะพยายามนะคะ”
อัครินทร์รู้ทัน “ผมก็เป็นห่วงหลานผมนะครับ” อัครินทร์นึกได้ “เฮ่ย!! ผมลืม”
“ลืมอะไรคะ?” ปานตะวันถาม
“รอผมอยู่ตรงนี้ แป๊บเดียว เดี๋ยวผมกลับมา”
อัครินทร์พูดจบก็วิ่งพรวดออกไปทันที
ปานตะวันเรียก “คุณอัค”
ปานตะวันได้แต่ถอนใจเฮือก
นาคินทร์ขับรถฉิวปลิวลมมาอย่างเร็ว
นาคินทร์ลุ้นสุดตัว “ตะวันๆ”
ปานตะวันนั่งรอ กนกรัตน์ยังคงมองปานตะวันอยู่ ปานตะวันลุกแล้วเดินออกไป
นาคินทร์ตั้งใจขับรถซิ่งสุดฤทธิ์
ปานตะวันเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วก็ตกใจจนตาโต
“คุณ!!!”
ทันใดนั้น ภาพที่เธอมองเห็นก็ดับวูบเป็นสีดำ
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 25 (ต่อ)
อัครินทร์เปิดประตูรถเบาะหลังแล้วหยิบตุ๊กตาหมีที่เคยซื้อไว้จะให้ปานตะวันขึ้นมามองแล้วยิ้ม
“แหม..เกือบแล้ว...ของหลานรัก”
อัครินทร์ปิดประตู ล็อค แล้วหันกลับไปมองไกลๆ เห็นกนกรัตน์กำลังผลักปานตะวันลงไปนั่งข้างๆ คนขับ แล้วกนกรัตน์ก็รีบวิ่งขึ้นไปที่คนขับ
“คุณตะวัน คุณเคท”
อัครินทร์รีบวิ่งไปหาทันที แต่กนกรัตน์ออกรถไปแล้ว
อัครินทร์ตะโกนลั่น “คุณตะวัน!”
อัครินทร์รีบวิ่งกลับมาที่รถแล้วขับตามออกไปทันที
นาคินทร์วิ่งเข้ามาหยุดยืนหอบหน้าประตูสนามบินอย่างเหน็ดเหนื่อยก่อนจะวิ่งไปตามหาปานตะวันทางนู้นทางนี้ พอวิ่งไปก็เริ่มใจเสียจนเคว้งคว้าง
นาคินทร์อ่อนแรง “ตะวัน...อย่าทิ้งผมไป”
นาคินทร์ทรุดลงอยู่ตรงนั้น
นาคินทร์ขับรถซิ่งมาตามทาง
“ตะวัน…รอผมก่อน…ตะวัน!”
กนกรัตน์ขับมาเลนตรงข้ามกัน
รถสองคันขับสวนกันโดยที่ต่างคนต่างไม่เห็นกัน
อัครินทร์ซิ่งรถตามมาอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าเครียด
“คุณเคท!! คุณจะทำอะไรของคุณ?”
อัครินทร์ซิ่งอย่างเร็ว ทันใดนั้นมีแม่จูงมือเด็กข้ามถนน อัครินทร์หักพวงมาลัยหลบเอี๊ยด แม่และเด็กร้องวี๊ด อัครินทร์เบรกหัวทิ่มอยู่ข้างถนนทำให้รถชนเสยนิ่งสนิทอยู่ข้างทาง
แม่เด็กตะโกนด่า “ไอ้บ้า!!ไอ้ตีนผี จะรีบซิ่งไปลงนรกที่ไหน เด็กตาดำๆ มันข้ามถนนทั้งคน ไม่เห็นเรอะ ตาบอดรึไงวะ”
แม่เด็กจูงเด็กวิ่งไป อัครินทร์ไม่สน เขารีบสตาร์ทรถต่อแต่ก็ยกมือไม่ขึ้น เขารู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวไหล่
“โอ้ย!” อัครินทร์กุมหัวไหล่เพราะรู้ตัวว่าไหล่หักแน่ “โอย..” อัครินทร์ยัวะ “โธ่เว้ย!!”
อัครินทร์รีบลงจากรถทันที เขามายืนชะเง้อเตรียมโบกรถที่ผ่านไปผ่านมาแต่ไม่มีใครรับ ทันใดนั้น นาคินทร์ก็ขับรถสวนมาฝั่งตรงข้าม นาคินทร์มองเห็นอัครินทร์ก็รีบจอดแล้วลงมายืนตะโกนลั่น
“อัค!!! ไอ้หมอ!!”
อัครินทร์หันมาเห็นนาคินทร์ก็รีบตะโกนเรียก
“พี่คิน!” อัครินทร์ตะโกน “ตามไป!!!ตามไป!!”
นาคินทร์ได้ยินไม่ชัด “ว่าไงนะ?!”
“คุณเคทเอาตัวคุณตะวันไปแล้ว!” อัครินทร์ตะโกนดังอีก “คุณเคทเอาตัวคุณตะวันไป”
นาคินทร์อึ้ง
อัครินทร์กัดฟันทนเจ็บก่อนจะแหกปากลั่น “คุณตะวันกำลังตกอยู่ในอันตราย”
นาคินทร์อึ้ง “ตะวัน!”
นาคินทร์รีบขึ้นรถหักพวงมาลัยยูเทิร์นโดยไม่สนกฏจราจรใดๆ เขาขับย้อนศรไปเพื่อไล่ตามรถกนกรัตน์
ให้ทัน
อัครินทร์มองตามอย่างเป็นห่วง “ต้องช่วยคุณตะวันให้ได้นะพี่คิน”
ปานตะวันสลบอยู่ กนกรัตน์ขับรถและมองตรงไปข้างหน้า โดยปากก็พูดพร่ำ
“แกนี่มันร้าย..นังตะวัน!!! กล้าดียังไงคิดจะมาแย่งพี่คินของฉัน?” กนกรัตน์เหลือบมองหน้าปานตะวันแล้วเบะปาก “ไม่เห็นจะสวย!” กนกรัตน์แตะหน้าตัวเองอย่างภูมิใจก่อนจะยิ้ม “ฉันสิ…สวยกว่าแกตั้งเยอะ” กนกรัตน์หันกลับมาหน้าหงิก “พี่คินต้องรักฉัน!” กนกรัตน์ตะโกนลั่น “รักฉันคนเดียว” กนกรัตน์เอามือจิกหัวปานตะวันเขย่า “ได้ยินมั้ย...พี่คินต้องรักฉันคนดียว”
กนกรัตน์ผลักหัวปานตะวันอย่างแรงจนปานตะวันเริ่มรู้สึกตัว
กนกรัตน์ไม่ได้สนใจ เธอมองถนนแล้วพูดต่อ “มิน่า…พี่คินถึงได้ บ่ายเบี่ยงฉัน” กนกรัตน์กัดฟันด้วยความโกรธ “เพราะแกคนเดียว!”
ปานตะวันเริ่มมองกนกรัตน์โดยเห็นแบบเบลอนิดๆ
“ถ้าไม่ใช่เพราะแกมันแผนสูง ป่านนี้พี่คินคงคุกเข่าขอฉันแต่งงานไปแล้ว”
ปานตะวันมึน “คุณ…คุณเคท…”
กนกรัตน์มองจิกอย่างไม่พอใจ “แกจะรีบฟื้นขึ้นมาทำไมห๊ะ?”
ปานตะวันมองไปรอบๆ “นี่…อะไรคะ…เกิดอะไรขึ้น?”
กนกรัตน์พูดเยาะๆ “แกอยากจะหนีพี่คินไม่ใช่เหรอ? ฉันก็จะช่วยสงเคราะห์พาแกไปส่งให้ไง?”
ปานตะวันมึนๆ “คุณ…คุณจะพาฉันไปไหน”
“อย่างแกน่ะเหรอ” กนกรัตน์จิกตามอง “คงต้อง’นรก’ เท่านั้น!”
ปานตะวันตกใจ “คุณเคทคุณพูดอะไรของคุณ? ฉันงงไปหมดแล้ว”
กนกรัตน์ตวาดแว้ด “ไม่ต้องมาแกล้งโง่!!! แกน่ะมันร้ายลึก คิดจะแย่งพี่คินไปจากฉัน”
“คุณเคท…ฉันไม่เคยคิดจะแย่งคุณนาคินทร์ไปจากคุณเลยนะคะ”
“หุบปาก!! ใครเชื่อแกก็โง่แล้ว!” กนกรัตน์ยิ้มเยาะ “ไม่เคยคิดจะแย่ง” กนกรัตน์ปรีีดแตก “แต่ปล่อยท้องเพื่อจับพี่คินเนี่ยนะ”
ปานตะวันช็อคที่กนกรัตน์รู้เรื่องนี้
“ไง? อึ้งไปเลยสิ?? นึกเหรอว่าฉันจะไม่รู้ทันแผนการตื้นๆ โง่ๆ ของแก”
ปานตะวันเริ่มรู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงพยายามประวิงเวลา “คุณเคทคะ…ฟังฉันก่อนนะคะ”
กนกรัตน์สวน “แกนั่นแหละ!!ฟังฉัน!”
ปานตะวันสะดุ้ง
“แกต้องฟังฉัน!” กนกรัตน์เริ่มพร่ำเพ้อ “ถ้าแกฟังแล้วแกจะรู้ว่าแกไม่ควรจะมาแย่งพี่คินของฉันเพราะคนอย่างแก คงไม่มีวันทำเพื่อพี่คิน ได้เท่ากับที่ฉันทำ”
ปานตะวันตั้งสติรอฟัง กนกรัตน์นึกถึงความหลังแล้วก็ยิ้มฝัน
ภาพในอดีตย้อนกลับมา กนกรัตน์ที่ยังไม่ได้ศัลยกรรมเป็นพนักงานทำความสะอาดฐานะต้อยต่ำหน้าตาน่าเกลียดอยู่ที่ KTK. เธอโดนพนักงานยี้ใส่ ถูกย่ำยีหัวใจทั้งจากการถูโดนเท้าพนักงานแล้วโดนชี้หน้าด่า ถูกการกระทำและคำพูดของคนใจร้ายมาตลอดเกือบทั้งชีวิต
นาคินทร์เดินเข้ามาขณะที่กนกรัตนจะลื่นล้มขณะที่เธอถูพื้นไปชนนาคินทร์ เสียงกนกรัตน์เล่า “แล้ววันหนึ่งเทพบุตรของฉันก็ก้าวเข้ามา เขาช่างหล่อเหลาราวกับรูปปั้น” นาคินทร์โอบรับไว้และยิ้มให้ก่อนจะถามไถ่กนกรัตน์ “จิตใจของเขาช่างอ่อนโนและมีเมตตา” กนกรัตน์จ้องหน้านาคินทร์ค้างอยู่อย่างนั้น “เขาทำให้ฉันได้รู้แล้วว่า.. จากนี้ไป ฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่อใคร”
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปานตะวันจ้องหน้าฟังกนกรัตน์อย่างเหลือเชื่อ
นาคินทร์ขับรถมาอย่างเร็ว สัญญาณไฟเป็นสีเหลืองก่อนจะแดง แต่นาคินทร์ไม่สนใจ เขาฝ่าไฟแดงแบบไม่ต้องคิด รถอีกฝั่งที่ออกตัวมาแล้วเบรกเอี๊ยดแล้วบีบแตรลั่น
ปานตะวันมองกนกรัตน์ แล้วพูด
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณเคท ฉันเข้าใจคุณ…”
กนกรัตน์สวนทันที “หุบปาก!!แกน่ะเหรอจะมาเข้าใจฉันไม่มีใครหน้าไหนจะมาเข้าใจฉันทั้งนั้น” กนกรัตน์ยิ้มหวานก่อนจะพูดเสียงหวาน “นอกจากคุณนาคินทร์”
ปานตะวันมองอย่างหวาดระแวงว่ากนกรัตน์บ้ารึเปล่า?
กนกรัตน์เปลี่ยนสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ “แต่พระเจ้าก็รังแกฉัน”
ภาพอดีตย้อนกลับมา กนกรัตน์จ้องนาคินทร์ค้างอยู่
“ทำไมส่งคุณนาคินทร์มาให้ ฉันแล้วถึงต้องส่งนังกนกวลีมาด้วย”
กนกรัตน์ชะงักเมื่อ ‘กนกวลี’ ก้าวเข้ามาหานาคินทร์ แล้วทั้งคู่ก็พากันโอบเดินออกไป
กนกรัตน์มองตามอย่างริษยา กนกวลียิ้มสวย
“ฉันจดจำใบหน้าของนังมารหัวใจฉันได้แม่นยำ หัวใจฉันได้แม่นยำ!! จำลึกไปถึงขั้วหัวใจ ทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้ามัน ฉันจะแช่งอยู่ในใจ “ขอให้มันตาย!! ขอให้มันตาย!!” กนกรัตน์ระเบิดหัวเราะ “ฮ่าๆๆ”
กนกรัตน์หัวเราะลั่นด้วยความชอบใจ
ปานตะวันมองแล้วคิดว่ากนกรัตน์บ้าแน่ๆ
กนกรัตน์หันขวับมามองตาโตแล้วพูดดังลั่น “แล้วมันก็ตาย!!”
ปานตะวันสะดุ้ง
กนกรัตน์ยิ้มอย่างสะใจ “เห็นมั้ย?? ฉันไม่ใช่คนธรรมดา!! ฉันเป็นนางฟ้า ฉันมีคาถาวิเศษ ฉันอยากได้อะไร ฉันต้องได้!” กนกรัตน์ตาวาว “ฉันสั่งให้นังกนกวลีตาย มันก็ตาย!” กนกรัตน์หันขวับมาจ้องปานตะวัน “แกก็ด้วยเหมือนกัน นังปานตะวัน!!”
ปานตะวันตะลึง
นัครินทร์ ประกายเดือน และแพรวพรรณรายวิ่งเข้ามามองหาอัครินทร์ที่กำลังนั่งอยู่ อัครินทร์เรียกไว้
“พี่นัค!!!
ทุกคนกรูกันเข้ามาถามกันจ้าละหวั่นพร้อมกันเสียงดังเซ็งแซ่
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้หมอ? ทำไมเป็นงี้? ฯลฯ” นัครินทร์ถาม
“ตะวันล่ะคะ? ตะวันอยู่ไหน? ตะวันเป็นอะไรมั้ย? ฯลฯ” ประกายเดือนถาม
“บอกมาเดี๋ยวนี้สิ!! ตะวันเป็นอะไรรึเปล่า? นั่งบื้ออยู่ได้ทำไมไม่ตอบ? ฯลฯ” แพรวพรรณรายว่า
อัครินทร์เวียนหัว “พอก่อน!!”
ทุกคนเงียบกริบ
อัครินทร์ถอนใจ “คุณตะวันถูกคุณเคทพาตัวไป”
“หา?!! / เฮ้ย?”
ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายถามดังเซ็งแซ่ “พาไปไหน? เกิดอะไรขึ้น? แล้วทำไมคุณถึงทิ้งตะวัน? ทำไมไม่ช่วยตะวัน”
อัครินทร์ตะโกนดังลั่น “หยุด!!”
ทุกคนเงียบกริบ
ประกายเดือนจะร้องไห้ แพรวพรรณรายก็เหมือนกัน ทั้งสองกลั้นสะอื้นกริบเพื่อรอฟัง
“คนเดียวที่จะช่วยคุณตะวันได้ตอนนี้ ก็คือพี่คินเท่านั้น” อัครินทร์บอก
ประกายเดือนปล่อยโฮกอดนัครินทร์แน่น แพรวพรรณรายทรุดลงนั่งร้องไห้โฮๆ อยู่ข้างๆ อัครินทร์ นัครินทร์กับอัครินทร์มองหน้ากันด้วยความกังวลสุดๆ
นาคินทร์ขับรถเร็วจนแทบจะเหาะ นาคินทร์ตั้งใจสุดขีด
“ตะวัน..คุณต้องไม่เป็นอะไร? คุณต้องไม่เป็นอะไร” นาคินทร์แหกปากดังลั่น “คุณต้องไม่เป็นอะไร!”
นาคินทร์ซิ่งรถอย่างกับพายุ
ปานตะวันมีสีหน้าหวั่นๆ แต่สูดลมหายใจลึกพร้อมกับคิดหาหนทาง
“คุณเคทคะ..เรื่องระหว่างฉันกับคุณนาคินทร์มันเป็นอุบัติเหตุนะคะ เราทั้งคู่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น”
กนกรัตน์ผลักตะวันหัวโขกกระจกทันทีก่อนจะแว๊ดลั่น “เราทั้งคู่?? นี่แกบังอาจใช้คำว่า “เราทั้งคู่” เหรอนังปานตะวัน”
ปานตะวันแตะที่หัวพบว่ามีเลือดซึมออกมา
“จำใส่กระโหลกไว้ ในโลกนี้มีแค่ฉันคนเดียวที่จะใช้คำว่า “เราทั้งคู่” กับพี่คินได้เข้าใจมั้ย” กนกรัตน์ตะคอก “ถามว่าเข้าใจมั้ย?”
ปานตะวันพยักหน้า “เข้าใจค่ะ”
กนกรัตน์ค้อนก่อนจะขับรถต่อ “เมื่อกี้แกบอกว่าอะไรนะ? เรื่องของแกกับพี่คินเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอ?” กนกรัตน์ตวาด “นังสตอเบอรี่!” กนกรัตน์ส่ายหน้า “โกหกซ้ำซาก” กนกรัตน์ถอนใจ “แต่เอาเถอะ..สมมติว่าถ้าฉันเชื่อแก แกก็ยิ่งไม่คู่ควรกับพี่คินเลยซักนิด ไม่เหมือนฉัน!! ฉันที่ตั้งใจทำ ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพี่คินคนเดียว”
“คุณทำอะไร?” ปานตะวันถาม
“หึๆ...คุณทำอะไรนะเหรอ? ฉันทำทุกอย่างทุกทางที่จะสามารถหาเงินมาให้ได้มากที่สุดเพื่อเอาไปผ่าตัดหน้าให้เหมือน ‘นังกนกวลี’ ที่ตายไปยังไงล่ะ”
ปานตะวันตกใจ “อะไรนะ?”
กนกรัตน์หัวเราะขื่นๆ “ความเจ็บปวดแสนสาหัส จากการผ่าตัดเป็นสิบๆครั้ง มันก็ยังไม่เท่ากับที่ฉันต้องยอมนอนกับผู้ชายเป็นร้อย” ภาพกนกรัตน์ยอมนอนกับผู้ชายที่เป็นอาเสี่ยแวบขึ้นมา “ฉันต้องหลอกเอาเงินจากทุกคนที่รู้จัก จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนอย่างกะหมาข้างถนน”
ปานตะวันฟังแล้วเศร้า “ทำไมคุณถึงต้องทำขนาดนี้คะ? เพียงเพื่อคุณนาคินทร์เท่านั้นเหรอคะ?”
กนกรัตน์คิด “นั่นสินะ... เพียงเพื่อพี่คิน?? มันก็ส่วนนึง” กนกรัตน์ตาวาว “ฉันก็ทำเพื่อตัวฉันเองด้วย ถ้าฉันสวย ถ้าฉันรวย ดูซิ..จะมีไอ้อีหน้าไหนกล้ามาดูถูกเหยียดหยาม”
“นี่คุณทำทุกอย่างเพราะความแค้น ใช่มั้ยคะ?” ปานตะวันถาม
กนกรัตน์หันขวับ “ใช่!! แค้น!! ฉันแค้นมาก! แกไม่รู้หรอกว่าหัวอกคนที่เกิดมาหน้าตาหน้าเกลียดอย่างฉันน่ะมันเป็นยังไง?? มันเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจแค่ไหน”
ปานตะวันอึ้ง เธอรู้สึกเวทนากนกรัตน์
“แล้วดูซิ !! แกจะไม่ให้ฉันแค้นแกได้ยังไง..นังปานตะวัน?? ฉันอุตส่าห์ทุ่มเท ขนาดนี้ ฝันไปเถอะว่าแกกับไอ้เด็กในท้องของแกมันจะได้มีชีวิตอยู่แย่งพี่คินไปจากฉัน”
ปานตะวันตาโตทันที “ไม่นะคะ..คุณเคท!! เด็กไม่เกี่ยวอะไรด้วยนะคะ”
กนกรัตน์แว๊ดลั่น “เกี่ยวสิ!! ฉันจะพาแกกับลูกแกไปส่งให้ ส่งลงนรกทั้งคู่เลย..ดีมั้ย..ฮ่าๆๆ”
กนกรัตน์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ปานตะวันหวาดกลัว
ทันใดนั้นก็มีรถฝั่งตรงข้ามแซงซ้ายสวนมากระทันหัน กนกรัตน์หวีดร้องพร้อมกับเหยียบเบรคเอี๊ยดจนหัวทิ่ม รถจอดสนิท ปานตะวันได้โอกาสเปิดประตูรถวิ่งหนีลงข้างทางทันที
“นังตะวัน!” กนกรัตน์เปิดประตูรถแล้ววิ่งตามทันที “จะหนีไปไหน?”
ปานตะวันวิ่งหนีสุดชีวิต กนกรัตน์วิ่งตามจนสุดท้ายปานตะวันก็หกล้ม กนกรัตน์ตามมาจิกผมจนหน้าหงาย
“ฤทธิ์เยอะนักนะแก!”
กนกรัตน์ตบปานตะวันหลายทีก่อนจะชกหน้าปานตะวันเต็มแรงจนมึน
กนกรัตน์กระชากหน้าปานตะวันที่เลือดโชกมาดู “ตายสวยๆ ไม่ชอบนะนังนี่?”
กนกรัตน์พูดจบก็ลากปานตะวันกลับไปที่รถแล้วคาดเบลท์ล็อคไว้ด้วย ก่อนจะชี้หน้า
“นั่งนิ่งๆ อย่าคิดหนีอีกล่ะ อีกแป็บเดียวฉันก็จะพาแกไปส่งแล้ว ฮ่าๆ”
กนกรัตน์เดินกลับไปขึ้นรถ
ปานตะวันหลับตาพึมพำโดยยังมึนและเจ็บ “คุณนาคินทร์..ช่วยด้วย..ช่วยฉันด้วย”
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 25 (ต่อ)
นาคินทร์ที่กำลังขับรถอยู่มองไปข้างหน้าแล้วทำตาโต เขาเห็นรถกนกรัตน์กำลังออกจากที่จอดข้างทางเปิดไฟเลี้ยวขอทาง
นาคินทร์ตาโต “รถกนก!!” นาคินทร์ลั่น “ตะวัน!!”
นาคินทร์รีบบึ่งตามไปทันที เขาทั้งบีบแตรและเปิดไฟสูงใส่ กนกรัตน์มองกระจกหลังเห็นเป็นรถนาคินทร์
กนกรัตน์ตกใจ “พี่คิน!!”
กนกรัตน์หันไปมองปานตะวันที่ยังนอนมึนอยู่
“เห็นมั้ย?? แกวางแผนเอาเด็กในท้องแกมาแย่งพี่คิน พี่คินเค้าใจอ่อน เค้าแค่สงสารเด็ก” กนกรัตน์ตวาด “เค้าไม่ได้รักแก!!”
นาคินทร์ขับรถตามอย่างเป็นกังวล
“อย่าทำอะไรตะวัน!! อย่าทำอะไรลูกผม!! ได้โปรด!!”
กนกรัตน์ตวาดลั่น “ฉันจะฆ่าแก!! ถ้าไม่มีแกกับลูกแก พี่คินก็ต้องรักฉันคนเดียวเท่านั้น”
กนกรัตน์เร่งเครื่องให้เร็วขึ้น นาคินทร์เร่งเครื่องตาม
บนถนนเส้นที่กนกวลีเคยเกิดอุบัติเหตุ รถกนกรัตน์แล่นมาบนถนนเส้นนั้นอย่างเร็ว ปานตะวันมองถนนด้วยความตกใจก่อนจะพึมพำ “ถนนนี้...”
ภาพในอดีตย้อนกลับมา ปานตะวันเดินตุปัดตุเป๋ กนกวลีหักหลบจนเกิดอุบัติเหตุ
ปานตะวันตกใจ “ระวังค่ะ!! อย่าขับเร็วค่ะคุณเคท!!”
กนกรัตน์หันขวับมาตวาดแว้ด “ฉันไม่โง่!! ถ้าฉันขับช้าพี่คินก็ขับตามฉันมาทันน่ะสิ”
“คุณเคทคะ..ถนนเส้นนี้..มันเคยมีอุบัติเหตุ”
กนกรัตน์ตวาด “แล้วไง?” กนกรัตน์ทำหน้าแสยะ “ยังกะกลัวตายนี่?” กนกรัตน์ขำแล้วก็นึกได้จึงทำตาวาว “อุบัติเหตุเหรอ?? ก็ดีสิ..แกน่ะสิที่ต้องกลัว ไม่ใช่ฉัน!!!”
ปานตะวันตกใจ “หมายความว่ายังไงคะ?”
“ก็หมายความว่า..เดี๋ยวฉันจะทำให้แกร่วงลงจากรถไปตายพร้อมลูกแกน่ะสิ ฮ่าๆๆ ให้มันเป็นอุบัติเหตุ”
ปานตะวันตกใจ “ไม่นะคะ!! อย่านะคะคุณเคท!! ฉันขอร้อง”
กนกรัตน์ตาวาว “แกไม่ต้องกลัวเหงาหรอกนะ เพราะคงจะมีทั้งนังกนกวลี นังเลขาฉัตร แล้วก็นังแตงโม ไปคอยอยู่เป็นเพื่อนช่วยเลี้ยงลูกให้แกในนรกแล้ว ฮ่าๆ”
ปานตะวันจวนตัวจึงรีบตะปบเพื่อจะปลดเบ้ลท์ กนกรัตน์รีบผลักหัวปานตะวันไปโขกกระจกอีกที ปานตะวันนิ่งเงียบในขณะที่หน้าติดกระจก
“นังนี่!! ร้ายจริงๆ”
กนกรัตน์เหลือบมองกระจกมองหลังแล้วก็สะดุ้งเฮือกเมื่อเห็น ‘ผีแตงโม’ นั่งจ้องอยู่ กนกรัตน์หันขวับทั้งๆ ที่ขับรถ เธอเห็นว่าเบาะหลังว่างเปล่า
“บ้า!!! อีผีบ้า!! แน่จริงก็มาสิ!! โธ่”
กนกรัตน์แสยะยิ้ม แล้วหันไปจิกหัวปานตะวันเพื่อจะให้หน้าปานตะวันหันมา
“นังตะวัน!! อย่าเพิ่งรีบตายสิ”
กนกรัตน์ผงะเงิบ เมื่อหน้าที่หันมากลายเป็นหน้า ‘ผีปาริฉัตร’ ที่มองมาที่เธออย่างโกรธแค้น
กนกรัตน์ร้องลั่น “กรี๊ดด!!!”
กนกรัตน์ตกใจจนรถเสียหลัก เธอพยายามคอนโทรลพวงมาลัย
กนกรัตน์มองไปข้างหน้าแล้วก็ตาโตเมื่อเห็น ‘กนกวลี’ ยืนอยู่ตรงจุดเกิดอุบัติเหตุ โดยกนกวลีมองตรงมา
กนกรัตน์ตาเหลือกเพราะตกใจจนช็อค
“กรี๊ด!!!”
กนกรัตน์หวีดร้องแล้วหักพวงมาลัยเหมือนจะหลบกนกวลีที่ยืนอยู่ ทำให้รถเสียหลัก กนกรัตน์หวีดร้องดังลั่น
นาคินทร์เห็นเหตุการณ์ก็แทบช็อค
นาคินทร์ตะโกนลั่น “ตะวัน!!!”
รถเข็นมีร่างปานตะวันนอนอยู่ถูกเข็นมาตามทางในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว นาคินทร์วิ่งประกบมาอย่างตกใจและเสียใจ
นาคินทร์ตะโกนลั่น “ช่วยด้วยนะครับ!! ช่วยตะวันด้วย” นาคินทร์เสียงสั่นเครือ “ช่วยตะวันด้วย!”
รถเข็นมาถึงกลุ่มนัคครินทร์ ประกายเดือน อัคครินทร์ แพรวพรรณรายที่ยืนรออยู่กรูกันเข้ามาวิ่งประกบ
ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายปล่อยโฮ “ตะวัน!!”
“อัค!! แกต้องช่วยตะวัน!! แกต้องช่วยตะวัน!!”
อัครินทร์พูดกับบุรุษพยาบาล “รีบเลยครับ คุณหมอวิชัยรออยู่แล้ว”
บุรุษพยาบาลรีบเข็นไปอย่างรวดเร็ว
นาคินทร์ร้องลั่น “ตะวัน”
นาคินทร์จะวิ่งตามแต่อัครินทร์ดึงไว้
“พี่คิน...”
นาคินทร์พร่ำพูด “ฉันจะไปช่วยตะวัน!! ตะวันต้องไม่ตาย!! ตะวันต้องไม่ตาย!!”
นาคินทร์ปล่อยโฮแล้วทรุดลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายร้องไห้โฮกอดกันกลม อัครินทร์กับนัครินทร์อึ้งเพราะใจเสียเหมือนกัน นาคินทร์แทบขาดใจ
หมอกำลังช่วยปานตะวันอย่างสุดความสามารถ นาคินทร์รอคอยแทบขาดใจ ปานตะวันนอนนิ่ง หมอพยายามช่วย นาคินทร์ร้องไห้สะอึกสะอื้น
พระอาทิตย์ยามเช้าขึ้นพ้นยอดตึก ทุกคนยังนั่งอ่อนแรงรออยู่หน้าห้องผ่าตัด ทันใดนั้นหมอก็เดินออกมา ทุกคนกรูกันเข้าไปหา
“คุณหมอครับ..ตะวันไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?” นาคินทร์เขย่าตัวหมอ “ตะวันต้องไม่เป็นอะไรนะครับ”
หมอหน้าเสีย
นัครินทร์รีบปรามนาคินทร์ “พี่คิน..ใจเย็น..”
นาคินทร์พูดแบบยังแรงอยู่ “ตอบผมสิครับ..ตะวันไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
หมอนิ่ง
อัครินทร์ยกมือไหว้ “ขอโทษแทนพี่ชายผมด้วยครับอาจารย์..คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ?”
หมอถอนหายใจเฮือก “เราก็ยื้อกันเต็มที่นะ..หมออัค”
ทุกคนแทบช็อคแล้วจ้องหมอเป็นตาเดียว
“ไม่อยากเชื่อ..” หมอพูด ทุกคนหน้าเสีย หมอพูดต่อ “ว่าคนไข้ใจสู้มาก..ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก”
ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายปล่อยโฮลั่นพร้อมทั้งกอดกันด้วยความดีใจจนร้องไห้แงๆ อัครินทร์กับนัครินทร์โล่งอก นาคินทร์เซทรุดหลังพิงฝาแบบโล่งอก หมดแรง เขามีสายตาดีใจอย่างบอกไม่ถูก
ปานตะวันนอนหน้าซีดอยู่บนเตียง นาคินทร์นั่งจ้องกุมมือปานตะวันอยู่ข้างเตียง นาคินทร์น้ำตาหยด
“ที่ผ่านมา...ผมทำอะไรลงไป”
นาคินทร์ฟุบหน้าลงกับเตียง สาวิตรีเข้ามาลูบหัวลูกชาย ทุกคนยืนรายล้อมเตียงปานตะวันอยู่
“เรื่องที่ผ่านมา..ก็ให้มันผ่านไปนะพี่คินนะ จากนี้..พี่คินเริ่มต้นใหม่นะคะ อดีต..เราเก็บไว้เป็นครู ไม่ใช่เก็บไว้เป็นความแค้น” สาวิตรีว่า
นาคินทร์จ้องปานตะวัน “ผมทำเลวร้ายกับตะวันขนาดนั้น..ตะวันคงจะไม่ยอมยกโทษให้ผม”
ประกายเดือนปลอบ “ตะวันเค้ารักท่านประธานมากค่ะ”
นาคินทร์มองประกายเดือนอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
อัครินทร์ย้ำ “จริง..พี่คิน คุณตะวันเค้ารักพี่คินมากจริงๆ”
นาคินทร์มองอัครินทร์ อัครินทร์พยักหน้าย้ำ
“ไม่รู้ล่ะ..ใครจะอะไรยังไงพ่อไม่รู้ รู้แต่ในท้องของหนูตะวันน่ะมีหลานปู่คนแรกของไกรตระกูลอยู่ทั้งคน” ทวยเทพพูดเด็ดขาด “ยังไงพี่คินก็จะปล่อยให้หนูตะวันพาหลานปู่ไปจากปู่ไม่ได้เด็ดขาด”
ทุกคนอึ้งที่จู่ๆ “ทวยเทพ” เอาจริง ทวยเทพทำหน้าคอนเฟิร์มว่าเอาจริง ทุกคนอมยิ้ม บรรยากาศทั่วไปเริ่มดีขึ้น นาคินทร์หันไปจับมือมองหน้าปานตะวันที่ยังหลับอยู่
นาคินทร์พูดพึมพำ “ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไป..จะไม่ยอมปล่อยให้คุณกับลูกไปจากผม..ได้โปรดอยู่กับผมเถอะนะ.ปานตะวัน”
ปานตะวันยังนอนนิ่ง
นาคินทร์เฝ้าไข้ดูแลปานตะวันที่ยังสลบไสลอยู่ตลอดระยะเวลา 2 คืน โดยเขาทั้งเช็ดตัว นั่งเฝ้า เผลอฟุบหลับอยู่ข้างเตียงบ้าง นาคินทร์นั่งจับมือปานตะวันแล้วจ้องมอง
นาคินทร์เรียกเบาๆ “ตะวัน..ตะวัน..” นาคินทร์มองนิ่ง “ตื่นเถอะครับ..ถึงคุณหมอจะบอกว่า คุณปลอดภัยแล้ว..แต่..” นาคินทร์ส่ายหน้า “ผมกลัว..ผมเคยสูญเสียคนที่ผมรักมาครั้งนึงแล้ว” นาคินทร์เสียงเครือ “ผมกลัวเหลือเกิน รีบตื่นได้มั้ยครับตะวัน?”
ปานตะวันยังนิ่ง
นาคินทร์ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบท้องตะวันด้วยสายตาอ่อนโยน เขาดูผ่อนคลายลงบ้างก่อนจะยิ้มน้อยๆ “พ่อนี่มันโง่ มันบ้า” นาคินทร์สำนึกผิด “ถ้าลูกกับแม่ของลูกเป็นอะไรไปพ่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง”
นาคินทร์ฟุบหน้าลงกับมือปานตะวัน
ปานตะวันที่หลับตาอยู่น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองนาคินทร์ นาคินทร์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูด
“ตื่นเถอะครับ..” ยังพูดไม่จบนาคินทร์ก็อึ้งที่เห็นปานตะวันฟื้น เขาหลุดปากออกมาเบาๆ “.. ตะวัน..”
นาคินทร์เห็นปานตะวันมองอยู่
นาคินทร์ดีใจมาก “ตะวัน..” นาคินทร์โผกอดปานตะวันแน่นพูดเสียงดังลั่น “ตะวัน!!”
ทั้งสองคนหน้าใกล้กัน
นาคินทร์ประคองหน้าปานตะวันไว้ “อยู่กับผม..อย่าทิ้งผมไป..ได้โปรด..อย่าทิ้งผมไป”
นาคินทร์ไม่รอคำตอบ เขาสวมกอดปานตะวันแน่น
ปานตะวันยังไม่ได้ตอบอะไร ทั้งสองต่างก็น้ำตาไหลด้วยความรู้สึกที่ผ่านเรื่องราวเจ็บปวดมามากมาย และหมดทุกข์หมดแค้นกันสักที
หลายวันผ่านไป ณ หาดทรายชายทะเล ประกายเดือนขี่หลังนัครินทร์ แพรวพรรณรายขี่หลังอัครินทร์ตั้งท่าจะวิ่งแข่งกัน สาวๆ ที่ขี่หลังหนุ่มๆ อยู่ดี๊ด๊ากรี๊ดกร๊าดสุดฤทธิ์
“พร้อมนะ!! 1-2-3!!!”
ทั้งคู่แข่งวิ่งสุดฤทธิ์ สาวๆ ลุ้นกรี๊ดกันสนุก สุดท้ายก็หกล้มกองกลิ้งกับพื้นทรายกันทั้งคู่ ฝ่ายชายขำกัน แต่ฝ่ายหญิงโวยวาย
“อะไรเนี่ย?? แค่นี้ก็เข่าอ่อน” ประกายเดือนว่า
“แน้ะ!! มาโทษสามีได้ไงฮะ ตัวเองเหอะ..เมื่อคืนบอกแล้วให้นอน.. ให้นอน!! ก็ไม่เชื่อ.หมดแรงเลยเห็นมะ?” นัครินทร์สวน
ประกายเดือนตีเพียะ “บ้า!!!” ประกายเดือนอาย “ทะลึ่ง!”
“โห่ย..ป่านนี้แล้ว ไม่ต้องอายแล้ว” นัครินทร์พูดกับอัครินทร์และแพรวพรรณราย “จริงมั้ยฮะ?”
แพรวพรรณรายอมยิ้มทั้งอายทั้งขำ
“นึกแล้วก็แปลกดีนะฮะ จำได้มั๊ยฮะ เมื่อก่อนเรายังแข่งบอลกันเอาเป็นเอาตายที่ชายหาดตรงนี้อยู่เลย” อัครินทร์ว่า
ภาพตอนที่ทุกคนแข่งวอลเล่ย์ชายหาดแวบเข้ามาในหัวของทุกคน
แพรวพรรณรายยิ้มๆ “จริงด้วย แกล้งกันแทบตาย”
อัครินทร์มองนัครินทร์กับประกายเดือน “แต่ตอนนี้” อัครินทร์ยิ้ม “รักกันซะและ”
ประกายเดือนมองจิกอัครินทร์กับแพรวพรรณรายทันที “อัลไลค้า..ใครรักใครค้า?? กรุณาระบุให้ชัดๆด้วยนะค้า..คุณหมอ?”
อัครินทร์สะดุ้ง “เอ่ย” อัครินทร์หันมองแพรวพรรณราย
แพรวพรรณรายมองอัครินทร์แบบทำไม่รู้ไม่ชี้แต่แอบทำตาวุ้งวิ๊งใส่แบบหญิงไทยใจสู้
“น่าา..คุณหมอ..พี่พิ้งค์ด้วย..จะใช้ชีวิตหงอยเหงาอยู่คนเดียวแบบนี้กันไปทำไมคะ?” ประกายเดือนบอก
นัครินทร์พูดทันที “ถูก..รีบมีคู่แล้วจะรู้ว่า..มันดีมาก!!”
“บ้า!! ยัยเดือน & คุณนัค” แพรวพรรณรายขวยเขิน “พูดอะไรก็ไม่รุ๊!!”
อัครินทร์อมยิ้มเพราะแอบเขินอยู่เหมือนกัน
“รักๆ กันซะเถอะฮะ รักกันแล้วมันดีจริงๆ ถ้าไม่เชื่อ..ก็ขอให้ดูคู่โน้น...”
นัครินทร์ผายมือไปอีกทาง ทุกคนหันตามไปมองก็เห็นนาคินทร์กับปานตะวันเดินจูงมือกันอยู่ริมทะเลไกลๆ นาคินทร์หยุดเดิน ปานตะวันก็หยุดตาม
นาคินทร์มองปานตะวัน
ปานตะวันแตะหน้าตัวเอง “ทำไมคะ? อะไรติดหน้าฉันเหรอคะ?”
นาคินทร์มองอย่างแสนรักก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
“งั้น..มองอะไรคะ?”
“มองผู้หญิงที่ผม..รักมากที่สุด”
ปานตะวันตะลึงและอึ้งจนน้ำตารื้น เพราะตลอดเวลาเธอคิดเสมอว่าในหัวใจนาคินทร์มีแต่กนกวลี เท่านั้น “คุณนาคินทร์” ปานตะวันเบือนหน้า “ไม่จริงหรอกค่ะ”
นาคินทร์ประคองหน้าปานตะวันให้หันมาก่อนจะค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้ “ผมยอมรับว่าเมื่อก่อน..ในหัวใจผมมีแต่กนกวลี และตอนนี้..คุณคงไม่ว่า ถ้าผมจะขอมีกนกวลีอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป”
ปานตะวันมองนาคินทร์แบบไม่รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง
“แต่ในหัวใจของผม..จากนี้ไปจนตายจะมีแต่ปานตะวัน” นาคินทร์เหลือบตามองท้องปานตะวันก่อนจะค่อยๆ เอามือแตะ “และปานนภา ด.ญ.นางฟ้าของเราสองคน..เท่านั้น”
ปานตะวันดีใจอย่างสุดซึ้ง “คุณนาคินทร์” ปานตะวันโผกอดนาคินทร์แน่น
นาคินทร์กอดปานตะวันไว้อย่างรู้สึกผิด “ที่ผ่านมา..ผมเสียใจ ที่เข้าใจผิดและคิดแค้นคุณมาตลอด” นาคินทร์ค่อยๆ ผละออกมามองหน้าปานตะวัน แล้วค่อยๆ คุกเข่าลงตรงหน้าเธอ
ปานตะวันทั้งงง ทั้งตกใจ “คุณนาคินทร์..”
“ยกโทษให้ผมนะครับ ผมสัญญา..ว่าจะเป็นสามีและพ่อที่ดีเท่าที่ลูกผู้ชายคนนึงจะทำได้” นาคินทร์ที่ยังคุกเข่าอยู่ เขาค่อยๆ ดึงตัวปานตะวันมาหอมที่ท้อง
ปานตะวันร้องไห้โฮด้วยความตื้นตันใจและดีใจ เธอกอดนาคินทร์ที่ยังคุกเข่าและเอาหน้าแนบท้องปานตะวันอยู่ทันที
นาคินทร์เงยหน้ามอง “คุณไม่โกรธผม..ใช่มั้ยครับ?”
ปานตะวันยังร้องไห้และส่ายหน้า
นาคินทร์ลุกขึ้นมอง “ผมรักคุณมากนะครับ..ปานตะวัน”
ปานตะวันพยักหน้าหงึกๆ ทั้งที่ยังสะอื้นอยู่ “ฉันก็รักคุณ..รักคุณมากค่ะ.. คุณนาคินทร์”
ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุขก่อนจะโผกอดกันแน่น ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก
จบบริบูรณ์