เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 22
ปานตะวันนั่งลงพูดกับประกายเดือน
"มาได้ไง? เลิกงานแล้วเหรอ? เดี๋ยวเจ้านายก็ว่าเอา?”
ประกายเดือนลืมตัวจึงทำเชิดๆ "กล้าเรอะ?”
"ว่าไงนะ?”
ประกายเดือนสะดุ้ง "อ่อ..ปะ..เปล่า..เค้าว่าจะกล้าว่าได้ไง เลิกงาน 5 โมงครึ่งเป๊งเค้าถึงออกมาตามเวลาเป๊ะ" ประกายเดือนชูถุงน้ำเต้าหู้ "ซื้อน้ำเต้าหู้ของโปรดมาฝากตะวันด้วยน้า"
ปานตะวันยิ้มชื่นใจแต่ก็ไม่วายบ่น "วันหลังไม่ต้อง..เปลืองเงิน..มีเงินก็หัดเก็บๆ ไว้อีกหน่อยเราจะได้ไม่ลำบาก"
ประกายเดือนค้อน "คุณแม่คะ..ถุงละ 20 เองนะคะคุณแม่?”
"นั่นแหละ" ปานตะวันเข้าเรื่อง "ว่าแต่มาหาพี่มีอะไรรึเปล่า?”
"มีสิ.." ประกายเดือนทำหน้าตาซีเรียส "ก็พี่พิ้งค์เล่าให้ฟังเรื่องตะวัน"
ปานตะวันโพล่งแบบร้อนตัวทันที "อะไร? พิ้งค์เล่าอะไรให้ฟัง"
ประกายเดือนเหวอ "ก็..ก็..ทำไมต้องตกใจขนาดน้าน?? พี่พิ้งค์ก็เล่าแค่ตะวันไม่ค่อยสบาย ถ้าเค้าว่างก็ให้มาหาตะวันบ่อยๆ"
ปานตะวันโล่งอก "แค่นั้นเหรอ? เล่าอะไรอีกรึเปล่า?”
ประกายเดือนมอง "ทำไมล่ะ? มีอะไรอีกรึเปล่าที่เค้าไม่รู้?”
ปานตะวันทำเนียน "ไม่นี่..ไม่มี" ปานตะวันรีบรวบตึงทันที "โอเค.ขอบใจมากนะเดือน พี่คุยได้แป๊บเดียว เดี๋ยวต้องไปดูคุณนารถแล้ว"
"โห่..เดี๋ยวสิ"
"ไม่เดี๋ยวล่ะ..มีอะไรต้องทำอีกเยอะแยะ ใกล้จะถึงวันแต่งงานของคุณนารถแล้ว"
ปานตะวันตาโต "จริงเหรอ?”
ปานตะวันยิ้ม "ไม่น่าเชื่อนะ พี่ดูแลคุณนารถมาจะครบปีแล้ว"
"ครบปี อย่างนี้สัญญาที่ตะวันเซ็นต์กับท่านประธานก็ใกล้จะหมดแล้วน่ะสิ"
ปานตะวันอึ้งไป “..ใช่..”
ประกายเดือนมองปานตะวันอย่างจับความรู้สึกได้ "ตะวัน..ตะวันรักท่านประธานรึเปล่า?”
"เด็กบ้า!! พูดอะไร?”
"เค้าถามจริงๆ"
"เลิกถามอะไรไร้สาระ ท่านประธานของเดือนเค้ามีคนรักชื่อคุณกนกรัตน์"
ประกายเดือนอึ้งไปก่อนจะพูดออกมา "ตะวัน..เค้าว่ายัยกนกรัตน์เนี่ยแปลกๆ นะ"
ปานตะวันมอง "แปลกยังไง?”
ประกายเดือนทำท่าเหมือนกำลังจะเล่า ปานตะวันรอฟัง
สาวิตรีกำลังเข้าคอร์สทำขนมซึ่งเป็นคอร์สเล็กๆ ที่พวกคุณหญิงคุณนายกำลังจัดกันเองในบ้านแค่ 3-4 คน โดยมีเชฟมาคอยสอนเป็นส่วนตัว สาวิตรีและคุณหญิงรัตนาวดีกำลังช่วยกันทำขนมอย่างตั้งใจสุดขีด
สาวิตรีกับคุณหญิงรัตนาวดีร้องวี้ดว้าย "เสร็จแล้ว..เสร็จแล้วค่า"
"คุณครูเชฟให้กี่คะแนนคะ?” สาวิตรีถาม
ครูเชฟอวย "อย่างนี้ต้อง 10 คะแนนเต็มครับ"
ทุกคนกริ้ดกร๊าดด้วยความดีใจ
"น้องสาจัดคอร์สแบบนี้บ่อยๆ นะคะ พี่หญิงช้อบชอบ อยู่บ้านคนเดียวมันเหงา สามีก็ด่วนตายจาก ลูกเต้าก็ไม่มีกับเค้าซักคน" คุณหญิงรัตนาวดีว่า
"นั่นสิคะ..เดี๋ยวนี้ลูกๆ โตแล้ว ไปทำงานกันหมด น้องก็ชักจะเริ่มเหงาๆ เหมือนกันค่ะ"
คุณหญิงรัตนาวดีถาม "จริงเร้อ อีกไม่นานก็คงจะมีหลานให้อุ้มแก้เหงาแล้วนี่คะ"
"โถ..ยัยนารถยังไม่แต่งซะหน่อยคะ?” สาวิตรีว่า
"หืมม์..พี่คุณหญิงหมายถึงหลานนาคินทร์ตะหากคะ" รัตนาวดีกระซิบกระซาบ "กับหนูเคทน่ะ..ดีไม่ดีจะมีหลานให้น้องสาอุ้มก่อนหลานนารถอีกมั้ง คริๆๆ"
สาวิตรีทำตาปริบๆ "เหรอคะ? เอ่อ.." สาวิตรีถามซื่อๆ "เค้า..เค้าลึกซึ้งกันขนาดนั้นเชียวเหรอคะ"
"ว้าย!! พี่คุณหญิงจะไปทราบได้ยังไง? น้องสาน่าจะทราบดีกว่าพี่คุณหญิงนะคะ"
สาวิตรีจ๋อยๆ "เอ่อ..น้องก็..ไม่ค่อยทราบอะไรเท่าไหร่หรอกค่ะ..เรื่องของเด็กๆ เค้าเราก็ไม่ค่อยอยากไปยุ่ง"
"อู๊ย..ต้องยุ่งสิคะ..เรื่องแบบนี้!!" รัตนาวดีเม้าท์ "นี่!! พูดเลยนะคะ พี่คุณหญิงนี่ล่ะค่ะเป็นกามเทพเป็นแม่สื่อให้หลานนาคินทร์กับหนูเคท"
สาวิตรีตาโตกับข้อมูลใหม่ "อ่อ..จริงเหรอคะ?”
รัตนาวดีภูมิใจจึงลากเสียงยาว "จริงค่า!! ไงคะ? พี่คุณหญิงตาแหลมมั้ย?”
สาวิตรีเออออแล้วพยักหน้าหงึกๆ ไปงั้น ก่อนจะถามแบบอ้อมแอ้มเพราะเกรงใจ "เอ่อ..ว่าแต่ประทานโทษนะคะ..หนูเคทเนี่ยเธอลูกเต้าเหล่าใครคะคุณพี่? เป็นคนที่น้องพอจะรู้จักมั้ยคะ?”
รัตนาวดียิ้มๆ อยู่แล้วก็ชะงัก "เออ..นั่นสิ..ลูกใครหว่า?”
สาวิตรีอึ้ง "อ้าว?”
ประกายเดือนพูดกับปานตะวัน
"แปลกมั้ยล่ะ..ตะวันว่า?”
ปานตะวันอึ้งแล้วตัดบท "ก็เรื่องของเค้า เราไม่เกี่ยว"
"ทำไมจะไม่เกี่ยว เกี่ยวเต็มๆ ใจคอนตะวันจะปล่อยให้ผู้หญิงแปลกๆ แบบยัยเคทนั่นมายุ่งกับท่านประธานได้ไง?”
"ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่"
ประกายเดือนลากเสียงยาว "ตะวัน.จนป่านนี้แล้วนะ จะปีนึงแล้ว ถ้าตะวันไม่เกี่ยวอะไรกับท่านประธาน ตะวันคงไม่อยู่ที่นี่มาจนครบปีหรอก"
"ที่พี่อดทนอยู่ก็เพราะ ‘สัญญา’ นั่นต่างหาก"
"เหรอ? คนอย่างตะวันเนี่ยนะ จะอดทนอยู่เพราะ ‘สัญญา" ประกายเดือนยิ้ม "เดือนเดือด’ รู้ดีว่า ‘ตะวันเดือด’ บ้าดีเดือดพอที่จะลุกขึ้นมาฉีกสัญญาให้กระจุยได้ทุกเมื่อ" ประกายเดือนเหล่ "แต่ที่ไม่ยอมฉีกนี่ก็เพราะ...”
ปานตะวันตัดบท "เพ้อเจ้อจบยัง? พี่จะไปทำงาน" ปานตะวันลุกทันที
ประกายเดือนคว้าไว้ทันที "เดี๋ยวตะวัน" ประกายเดือนทำสีหน้าจริงจัง "อันนี้เค้าพูดจริงนะ เค้าเป็นห่วงท่านประธาน"
ประกายเดือนพูดต่อ "ยิ่งกว่านั้น ตะวันนั่นแหละที่น่าเป็นห่วงที่สุด ถ้ายัยเคทนั่นมัน..มันบังเอิญไม่ธรรมดาขึ้นมาจริงๆ"
ปานตะวันมองแบบไม่ปักใจ
กนกรัตน์ผุดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ กนกรัตน์กำลังว่ายน้ำจะถึงขอบสระ เธอเงยขึ้นเมื่อถึงขอบสระพอดีกับที่เห็นขาใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาอยู่ตรงหน้า กนกรัตน์ชะงักนิดนึงก่อนจะพูดหน้าเซ็งๆ
"มีอะไร"
‘มิ้ลค์’ ยืนหน้าบึ้งก่อนจะย่อลงนั่งคุย
"ยังจะมาใจเย็นเล่นน้ำเป็นนางเงือกอยู่ได้ จะปล่อยให้นังชาละวันมันงาบผู้ชายแกไปเฉยๆ เลยใช่มั้ย”
"นังชาละวันไหน?" กนกรัตน์ลอยคออย่างชิวๆ
มิ้ลค์รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ "ก็นังปานตะวัน นังงามไส้นั่นไง"
กนกรัตน์ชะงักทันที
"วันก่อนฉันตบมันคว่ำไปละนะ โทษฐานที่มันหน้าด้านไล่กอดพี่อาร์ตที่หน้าโรงหนังต่อหน้าต่อตาฉัน หืมม์ม์..ไม่รู้จักคุณมิ้ลค์ซะแระ เล่นกะใครไม่เล่น ว่าแต่แกเหอะ เช็คบิล มันรึยังที่มันออเซาะยืนซบพี่คินของแกในร้านเวดดิ้งน่ะ" มิ้ลค์พูด
กนกรัตน์นิ่ง
มิ้ลค์วี๊ด "อะไรกันเนี่ยนังเคท อย่าบอกนะว่าแม่พระ?? แกจะปล่อยให้มันลอยนวลไม่ได้นะ นังนี่มันร้ายไม่รู้จะเอาใครกันแน่? พี่คินของแกหรือว่าพี่อาร์ตของฉัน ดีไม่ดี..มันจะเอาทั้ง 2 คน!”
กนกรัตน์นิ่ง
"ขนาดพี่อาร์ตมีลูกกะฉัน มันยังเล่นซะพี่อาร์ตขอหย่า แล้วนี่พี่คินกับแก" มิ้ลค์ย่นจมูก "แค่กิ๊กกัน เสร็จนังชาละวันนั่นแน่ๆ นังเงือก!”
กนกรัตน์สายตาพิฆาต
นาคินทร์ทิ้งตัวลงนั่งหน้าตาเบื่อโลก
"จะพาวิทย์มาลองชุดก็มากันเองสิ ทำไมจะต้องลากพี่มาด้วย"
"ใครบอกล่ะคะว่าพี่วิทย์จะมาลองชุด? ชุดพี่วิทย์น่ะ..น้องจัดการให้เรียบร้อยไปแล้ว" นารถนรินทร์บอก
นาคินทร์งง "อ้าว..ไงเนี่ยยัยนารถ?”
"น้องจะพาพี่คินมาลองชุดต่างหากล่ะคะ"
"ลองชุด? นี่! ไม่สนุกนะ พี่ไม่ได้มีเวลาว่างจะมาเล่นสนุกกับเรานะยัยต๊อง"
"สนุกบ้างไรบ้างก็ดีเหมือนกันนะคะพี่คิน จะเครียดไปไหน?” นารถนรินทร์ว่า
วิทย์ยิ้มๆ "พี่คินคงไม่รังเกียจ ถ้าน้องนารถกับผมจะขอเชิญพี่คินเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เรา 2 คน"
"เฮ่ย..บ้า..ไม่เอาอ่ะ"
"ปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เพราะเพื่อนเจ้าสาวเค้ารับปากแล้ว จะมีแต่เพื่อนเจ้าสาว ไม่มีเพื่อนเจ้าบ่าวได้ยังไงละคะ?”
"ไหนล่ะ เพื่อนเจ้าสาว?” นาคินทร์ถาม
นารถนรินทร์มองหน้าวิทย์แล้วก็ยิ้มให้กัน
"นี่ไงคะ...” นารถนรินทร์บอก
นารถนรินทร์ผายมือไปอีกทาง นาคินทร์หันมองตามแล้วก็อึ้งปานตะวันใส่ชุดเพื่อนเจ้าสาวสีหวานสวยมากๆ เดินออกมายืนสวยๆ
นาคินทร์อึ้งทึ่งและตกตะลึง
เจ้าของร้านโผล่ตามออกมาถาม "ถูกใจมั้ยคะ..คุณนารถ?”
นารถนรินทร์หันไปถามนาคินทร์ "พี่คินว่าไงคะ..ถูกใจมั้ย"
นาคินทร์ยังอึ้งๆ อยู่ ปานตะวันทำหน้าไม่ถูก
นารถนรินทร์เตือน "พี่คิน!!”
นาคินทร์สะดุ้ง "เอ่อ.." นาคินทร์รู้ตัวก็ทำฟอร์มต่อ "ก็.." นาคินทร์เปลี่ยนเรื่อง "พี่ต้องไปทำงานแล้วยัยนารถ"
นาคินทร์จะเดินออก นารถนรินทร์คว้าข้อมือไว้
"ไปไมได้ค่ะ!! นารถให้ที่ร้านเค้าเตรียมชุดเพื่อนเจ้าบ่าวให้พี่คินแล้ว พี่คินต้องลอง!”
นาคินทร์อึ้งแล้วเหลือบมองปานตะวันที่ทั้งอึ้งและตกใจ แต่ก็รีบเมินหน้าไปอีกทาง นาคินทร์เซ็ง
ปานตะวันทรุดลงนั่งแล้วถามนารถนรินทร์
"น้องนารถคะ..ทำไมไม่บอกพี่ตะวันก่อนว่าคุณนาคินทร์"
นารถนรินทร์ตัดบท "ทำไมล่ะคะ? พี่ตะวันรังเกียจอะไรพี่คินเหรอคะ? แหม..งานแต่งนารถทั้งที นารถก็อยากให้พี่ชายสุดที่รักกับพี่สาวสุดที่รักของนารถเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อนเจ้าสาวให้นี่คะ"
"แต่ว่า..”
วิทย์สวน "ถ้าคุณตะวันหรือพี่คินจะปฏิเสธคงจะต้องไปปฏิเสธกับคุณแม่ล่ะครับ เพราะท่านเป็นคนร่วมออกไอเดียนี้กับน้องนารถ"
ปานตะวันอึ้งไปเลย
นารถนรินทร์ชะงัก "โห..พี่คิน!! หล่อที่สุดเลย!!”
ปานตะวันหันไปมองตามนารถนรินทร์ทันที
นาคินทร์ในชุดเพื่อนเจ้าบ่าว สีโทนเดียวกับชุดเพื่อนเจ้าสาวเดินออกมา นาคินทร์ดูหล่อและอ่อนโยนกว่าที่เราเคยเห็นมา ปานตะวันมองนาคินทร์ นาคินทร์มองปานตะวัน
"แอร้ย!! ยืนซะห่างอะไรอย่างนั้นคะ?? เชิญค่ะ" เจ้าของร้านวิ่งไปจับทั้งสองมาชิดกัน "เชิญเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวมายืนคู่กันค่ะ ชิ้ดดดกันหน่อยค่าา" เจ้าของร้านมีท่าทางแจ๋มาก "แอร้ย!! ประทานโทษนะคะคุณนารถนรินทร์ นี่ถ้าไม่บอก..เผลอๆ จะคิดว่าคุณนาคินทร์กับคุณปานตะวันเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้นะคะเนี่ย คิกๆ"
นาคินทร์กับปานตะวันมองกันแล้วก็ทำหน้าไม่ถูก
นารถนรินทร์กับวิทย์อมยิ้มขำกิ๊ก
"เป็นจริงๆ ก็ดีสิคะ" นารถนรินทร์ว่า
นาคินทร์กับปานตะวันหันขวับมาพร้อมกัน "ยัยนารถ / น้องนารถ!!”
"ถ้าไม่รังเกียจ" เจ้าของร้านควักมือถือมา "ขอถ่ายไว้ลงไอจีไว้ซักรูปนะคะ"
นารถนรินทร์รีบเลย "ดีค่ะ..ดีค่ะ..นารถเอาด้วย" นารถนรินทร์ควักมือถือออกมาทันที
นาคินทร์กับปานตะวันทำท่าจะปฏิเสธ
วิทย์ยิ้ม "คุณแม่บอกว่าให้ถ่ายไปให้ท่านดูด้วยครับว่าชุดโอเค.รึเปล่า"
ทั้งสองคนอึ้งและพูดไม่ออก
"เร็วค่ะ" นารถนรินทร์ทำมือทำไม้ "ชิดเลยค่า..ชิดๆ กันเลยค่า"
เจ้าของร้านรีบวิ่งไปดันให้ทั้งสองชิดกันแล้วถ่ายรูปกันยกใหญ่ แชะๆๆ ทั้งสองทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เจ้าของร้านบังคับให้ยิ้ม ทั้งคู่ก็ฝืนยิ้ม แล้วก็ถ่าย 4 คนด้วยกัน
ภาพคู่นาคินทร์กับปานตะวันปรากฎอยู่ในมือถือของกนกรัตน์ เพราะกนกรัตน์กำลังดูไอจีของร้านชุดวิวาห์ที่เขียนว่า “คู่หวานคุณปานตะวัน & คุณนาคินทร์ KTK” กนกรัตน์มองอย่างโกรธจนแทบระเบิดแล้วก็ลุกพรวดไปทันที
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 22 (ต่อ)
ปาริฉัตรนั่งทำงานอยู่ พอเงยหน้าขึ้นเธอก็ชะงักที่เห็นกนกรัตน์เดินพรวดๆ เข้ามาอย่างพายุเพื่อจะเข้าประตูห้องนาคินทร์ ปาริฉัตรรีบขวางไว้
"จะไปไหน? หยุดนะ"
กนกรัตน์ผลักอย่างแรง "อย่ายุ่ง!!”
ปาริฉัตรกระเด็นไปกองกับพื้นในสภาพหัวโขกโต๊ะ
นาคินทร์ทำงานอยู่ กนกรัตน์เปิดประตูผัวะแล้วก็จ้ำพรวดมาที่โต๊ะ
นาคินทร์งง "กนก?”
ปาริฉัตรกุมหัวแล้วก็พรวดพราดเข้ามา "ฉัตรห้ามแล้วนะคะ คุณกนกไม่ยอมฟัง"
"ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณฉัตรทำงานต่อเถอะครับ"
ปาริฉัตรอึกอักเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูออกไป
นาคินทร์งง "กนก..เกิดอะไรขึ้นครับ?”
กนกรัตน์วางมือถือโครม "เคทต้องถามพี่คินต่างหาก ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
นาคินทร์มองภาพคู่ในไอจีบนมือถือกนกรัตน์โดยยังไม่ทันพูดอะไร กนกรัตน์ก็ใส่เป็นชุด
"นี่ใช่มั้ยคะ? เพราะแบบนี้ใช่มั้ยคะ? พี่คินถึงไม่ยอมแต่งงานกับเคท?”
นาคินทร์อึ้ง เขามองกนกรัตน์ที่ไม่เคยมีอารมณ์นี้
"พี่คินควงเคทไปไหนมาไหน ทั้งที่ซุกผู้หญิงคนนี้ไว้ในบ้าน แล้วจู่ๆ ก็จะแต่งงานกับมัน"
นาคินทร์อึ้งเพราะไม่อยากเชื่อว่าจะเห็นกนกรัตน์เป็นแบบนี้ ก่อนจะอธิบายเรียบๆ "คุณแม่กับยัยนารถอยากให้พี่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งงานยัยนารถ ส่วนปานตะวันตะวันก็เป็นเพื่อนเจ้าสาว"
กนกรัตน์ชะงัก อึ้ง เพราะพลาดไปแล้วจึงกลับลำไม่ถูก นาคินทร์ยังมองกนกรัตน์อย่างอึ้งๆ
กนกรัตน์ตัดสินใจปล่อยโฮก่อนจะโผเข้ากอดนาคินทร์แน่น "พี่คิน..เคทขอโทษ!" กนกรัตน์สะอื้น "อย่าโกรธเคทนะคะ ช่วงนี้เคทเครียดมาก ไหนจะถูกกดดันจากคุณพ่อคุณแม่ให้กลับอเมริกา ไหนจะมาเห็นพี่คินกับผู้หญิงคนนี้ -- เคทเลยเครียดหนัก..สงสารเคท..ให้อภัยเคทนะคะ"
นาคินทร์อึ้งๆ
กนกรัตน์สะอื้น เธอช้อนสายตามองนาคินทร์ในสภาพน้ำตาเปื้อนหน้า "ที่เคทเป็นอย่างนี้ก็เพราะเคทรักพี่คินมาก..มากที่สุด..พี่คินอย่าโกรธเคทนะคะ..เคทจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว..อย่าโกรธเคท.. รับปากเคทสิคะ..นะคะ"
นาคินทร์เจอลูกตื้อก็พยักหน้าน้อยๆ
กนกรัตน์ยิ้มแฉ่งแล้วโผกอดแน่น "ขอบคุณค่ะพี่คิน พี่คินของเคท"
นาคินทร์ยังอึ้งๆ
กนกรัตน์เดินมา
เสียงปาริฉัตรดังขึ้น "ถึงหน้าตาเหมือนกันยังกะโขกจากบล็อคแต่นิสัยช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวนรก"
กนกรัตน์หันขวับมาเห็นปาริฉัตรยืนอยู่
"เคยเตือนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าริกำเริบ?” กนกรัตน์ว่า
"เตือนตัวเองดีกว่ามั้ยคะ..คุณกนกรัตน์?” ปาริฉัตรสวน
กนกรัตน์พุ่งเข้ามา
ปาริฉัตรทำเฉยมาก "เมื่อกี้ยังไม่เข็ดอีกเหรอ?”
กนกรัตน์ชะงักกึก
"พูดอะไรไม่คิด แล้วนี่ยังจะทำอะไรไม่คิดอีก"
กนกรัตน์อึ้ง
"คุณกนกนวลีเค้าทั้งสวยและก็เป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เค้าถึงอยู่ในใจท่านประธานตลอดเวลา แม้ว่าจะตายไปแล้ว"
กนกรัตน์ทำตาวาว
ปาริฉัตรเดินมาจ้องหน้า "ต่อให้พยายามทำแค่ไหน ก็ไม่มีวันเหมือน!!”
กนกรัตน์อึ้ง
ปาริฉัตรเยาะๆ "อย่างที่ฉันเคยบอกไง" ปาริฉัตรพูดใส่หน้า "ว่าพวกของก็อปเนี่ย..มันแย่!!”
กนกรัตน์ตบเพียะจนปาริฉัตรหน้าหัน แล้วกนกรัตน์ก็ตบซ้ำเพียะๆๆ แล้วก็ผลักปาริฉัตรกระแทกลงไปกดลงกับรถแถวนั้นอย่างแรง
"ฉันเตือนแกแล้วใช่มั้ย" กนกรัตน์ว่า
ปาริฉัตรจ้องหน้า "เอาสิ!! ท่านประธานจะได้รู้จัก ‘ตัวจริง’ แกซักที"
"แกขู่ฉันเหรอ?" กนกรัตน์เงื้อมือจะตบ
ปาริฉัตรสวนอย่างไม่กลัว "จากนั้น..ก็จะได้เห็น ‘หน้าจริง’!”
กนกรัตน์ชะงักกึกแล้วเงื้อค้างทันที
กนกรัตน์อึ้ง "แกพูดอะไรนะ?”
ปาริฉัตรยิ้มเยาะ "ฉัน ‘พูดจริง’!!”
กนกรัตน์อึ้งก่อนจะผละออกแบบเซๆ ปาริฉัตรยืนขึ้นแล้วเอามือแตะเลือดที่มุมปากมาดู
ปาริฉัตรมองกนกรัตน์ "ฉันไม่ตบแกคืนหรอกนะ เพราะ ไอ้ที่ฉันจะเอาคืนแกน่ะ รับรอง..ว่าแกต้องเจ็บกว่าที่ฉันเจ็บหลายร้อยเท่า"
ปาริฉัตรตาวาวใส่ก่อนจะยิ้มเยาะ แล้วเดินออกไป กนกรัตน์มองตามอย่างหวั่นๆ แล้วค่อยๆ ตาวาว
"ฉันบอกแกแล้วนะ ว่าฉันเตือนแกแล้ว?”
นารถนรินทร์กำลังปลื้มปริ่มกับรูปคู่ของนาคินทร์กับปานตะวันที่อยู่ในมือถือ
นารถนรินทร์เหล่มองปานตะวันที่จัดเก็บอุปกรณ์กายภาพบำบัดอยู่ "นารถเห็นด้วยกับพี่โจอี้เจ้าของร้าน พันเปอร์เซ็นต์เลยนะคะพี่ตะวัน"
ปานตะวันยิ้ม "ค่ะ..เค้าเลือกผ้าตัดชุดแต่งงานให้น้องนารถได้สวยมากๆ"
"ม่ายช่ายค่า..ไม่ใช่เรื่องนั้น"
ปานตะวันมอง
นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่ง "แต่นารถเห็นด้วยที่เค้าบอกว่าพี่คินกับพี่ตะวันเหมือนเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลย"
ปานตะวันอึ้งก่อนจะเฉไฉแล้วส่ายหน้า "น้องนารถ..”
"จนถึงวันนี้..นารถก็ยังยืนยันนะคะ ว่าพี่คินกับพี่ตะวันควรจะเป็นคู่รักกันเพราะเหมาะสมกันมากๆ เหมาะยิ่งกว่ายัยค๊อกแค๊กนั่นเยอะ"
ปานตะวันถอนใจเฮือก "น้องนารถคะ..อย่าพูดอย่างนี้อีกเลยนะคะ มันไม่มีทางเป็นไปได้"
อัครินทร์เดินมาหน้าห้องแล้วจะเคาะประตู แต่ก็ชะงักฟัง
เสียงนารถนรินทร์ดัง "ทำไมละคะ พี่ตะวันไม่รักพี่คินเหรอคะ?”
ปานตะวันตกใจ "น้องนารถ!!”
อัครินทร์ยืนฟัง
"ชอบก็ได้ค่ะ..แค่ชอบ??” นารถนรินทร์บอก
ปานตะวันจะพูด "น้องนารถคะ..พี่ว่า..”
นารถนรินทร์สวน "ปิ๊งก็ได้ค่ะ ต้องมีมั่งล่ะ..ใช่มั้ย?”
ปานตะวันพูดเสียงเขียว "ถ้าน้องนารถไม่เลิกถามเรื่องนี้ พรุ่งนี้พี่ไม่ทำกายภาพให้แล้ว"
ปานตะวันคว้าอุปกรณ์จะเดินออก อัครินทร์ที่อยู่หน้าห้องตัดสินใจเปิดประตูเข้ามา
ปานตะวันชะงัก "คุณอัค..”
อัครินทร์ยิ้ม "อยู่นี่จริงๆ ด้วย"
นารถนรินทร์แอบหวงแทนนาคินทร์ "มีธุระอะไรถึงกับต้องมาตามหากันในห้องน้องคะ"
อัครินทร์ชูกระเป๋าใส่กุญแจเล็กๆ ขึ้นมา "ของคุณลืมไว้รึเปล่าครับ ผมเจอที่เก้าอี้ในสวน"
ปานตะวันมองแล้วก็นึกได้ "ของยัยเดือน!! ของยัยเดือนจริงๆ ด้วยค่ะ"
อัครินทร์ยิ้มๆ ส่งให้
ปานตะวันรับมา "ขอบคุณมากนะคะคุณอัค ยัยเดือนนี่ตลอดเลยป้ำๆ เป๋อๆ ชอบลืมนู่นลืมนี่" ปานตะวันมองกระเป๋ากุญแจ "กุญแจอะไรสำคัญรึเปล่าก็ไม่รู้? ป่านนี้หาแย่แล้ว"
มือถือปานตะวันดัง อัครินทร์ทำหน้าเหมือนประกายเดือนโทร.มา
ปานตะวันรับสาย "ฮัลโหลเดือน" ปานตะวันฟังปลายสายพูด "ใช่เดือน!! คุณอัค อุตส่าห์เก็บไว้ให้"
ประกายเดือนตีเพียะลงที่มือนัครินทร์ที่กำลังทำปูไต่ไปมาอยู่บนตัวเธอที่กำลังโดนนัครินทร์กอดไว้แน่นให้นั่งอยู่บนตักตัวเองบนเก้าอี้ทำงาน นัครินทร์ที่ดูซุกซนมากสะดุ้งโหยงที่โดนตี ประกายเดือนทำหน้าดุใส่แล้วหูก็ฟังปานตะวันพูดโทรศัพท์ไป นัครินทร์ทำหน้าทะเล้นใส่แถมยังไม่หยุดทำปูไต่ ประกายเดือนเงื้อมือจะตีนัครินทร์แต่แล้วก็ชะงักตาโตร้องลั่น นัครินทร์ตกใจโอเว่อร์
"ว่าไงนะ?" ประกายเดือนเสียงสูง "ไม่ต้อง!! ไม่ต้องม๊า!! เดี๋ยวเค้าไปเอาเอง" ประกายเดือนชะงัก ปลายสายวางหูไปแล้ว "ตะวัน!! โหลๆๆ!! ตะวัน" ประกายเดือนหน้าจ๋อย
นัครินทร์กุมอก "อูย..ตกใจหมดเลย มีอะไรเหรอฮะเมียฮะ?!”
"มีสิยะ!! ตะวันจะเอากุญแจโต๊ะทำงานมาให้ฉันที่ KTK”
นัครินทร์ทำหน้าแบ๊ว "อ้าว..ก็ดีสิฮะ เมียจะได้ไม่ต้องไปเอา" นัครินทร์ยิ้ม "เราจะได้ปูไต่กันต่อ" นัครินทร์จะทำปูไต่ต่อ
ประกายเดือนตีมือเพียะ "โอ่ย!! นี่ก็" ประกายเดือนเงื้อมือ "เดี่ยวแม่ทุบปูหัวแตก!" ประกายเดือนถอนใจเฮือกแล้วบ่น "ตะวันนะ ตะวัน..จะมาทำไม๊?! เดี๋ยวก็เจอหมาบ้ากัด!! แหวะ..นั่งเฝ้าท่านประธานทั้งวันไม่ยอม ไปไหน"
นัครินทร์งงๆ "ว่าไงนะฮะ?" นัครินทรืไม่รู้จริงๆ "พี่คินซื้อหมามาเลี้ยงที่ KTK ตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ?”
ประกายเดือนกลอกตาเพราะเบื่ออีตานี่จริงๆ
นาคินทร์นั่งเซ็นต์เอกสาร ปิดแฟ้ม แล้วลุกขึ้น กนกรัตน์นั่งไขว่ห่างอ่านนิตยสารไฮโซอยู่อีกมุมหนึ่ง เธอรีบปิดหนังสือ ลุกขึ้น แล้วคว้ากระเป๋ามาสะพาย
กนกรัตน์ยิ้มแฉ่ง "เสร็จงานแล้ว!" กนกรัตน์วิ่งไปควง "ไปดินเนอร์ที่ไหนกันดีคะพี่คิน?”
นาคินทร์พูดเรียบๆ "พี่ยังมีประชุมต่ออีกครับ"
กนกรัตน์เหวอ "อะไรกันคะ?? ประชุม?? นี่มันเลิกงานแล้วนะคะ?! จะประชุมอะไรอีก?”
"พี่เป็นเจ้าของบริษัทต้องทำงานได้ตลอดเวลาครับ ไม่มีเวลาเลิกงาน"
กนกรัตน์เห็นนาคินทร์พูดเสียงเรียบๆ และรู้ตัวว่าไม่ควรงอแงเวลานี้ เพราะเพิ่งก่อเรื่องไปหนึ่งคดีก็เปลี่ยนอารมณ์ทำหน้าจ๋อย "จริงค่ะ.. เคทเข้าใจและเห็นใจพี่คิน..กลัวจะหิว งั้นพี่คินไปประชุมเถอะนะคะ เคทนั่งรอ" กนกรัตน์ยิ้ม "ประชุมเสร็จแล้ว เราไปดินเนอร์กันนะคะ"
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ แล้วพยักหน้า "ครับ"
นาคินทร์เดินออกไป กนกรัตน์เปลี่ยนเป็นเซ็งเป็ด
"โอ่ย!! ประชุมๆๆ!! น่าเบื่อ!!”
กนกรัตน์ทิ้งตัวลงนั่งแล้วก็นึกได้ เธอเปิดกระเป๋าหยิบลิปสติกสีแดงออกมาทาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเตรียมไปดินเนอร์จากนั้นเธอก็เปิดๆ นิตยสารดูแป๊บนึงแล้วก็ปิดก่อนจะโยนทิ้ง กนกรัตน์นึกได้ก็หันไปมองที่โต๊ะทำงานนาคินทร์แล้วมองไปที่ประตูพอดูว่าไม่มีใครแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะทำงานนาคินทร์ กนกรัตน์มองกวาดแบบพิจารณาเผื่อมีอะไรน่าสนใจ เธอเห็นลูกเหล็กก็ชะงักนิดนึงแล้วมองพร้อมกับเบะๆ ปากเพราะคิดว่าไร้สาระ?! กนกรัตน์หยิบลูกเหล็กปล่อยกระทบกันไป-มา แล้วก็ตกใจกลัวเสียงดังจึงรีบตะปบหมับให้มันหยุดทันที
กนกรัตน์ค้อนและด่าลูกเหล็ก "บ้า!! จะเด้งไปไหนห๊า?”
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 22 (ต่อ)
กนกรัตน์ถอนใจเฮือกก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมองไปที่บนโต๊ะซึ่งมีแต่แฟ้มทำงาน เธอทำหน้าเบื่อๆ แต่ก็เปิดดูเล่นพอเห็นเป็นใบสั่งสินค้าจากเมืองนอกมูลค่า 150 ล้านก็ตาโต
“150 ล้าน!!" กนกรัตน์เปิดอีกใบก็เห็นว่าเป็น 120 ล้าน “120ล้าน!!" กนกรัตน์เปิดอีกใบ “200 ล้าน!!" กนกรัตน์แทบช็อค เธอปากคอสั่น ก่อนจะยิ้ม "คิดไม่ผิดเลยเรา"
จากนั้นเธอก็มองไปที่ลิ้นชักเพื่อจะเปิดแต่ก็ล็อคหมด
"ชิ!! จะล็อคทำไม?”
กนกรัตน์เบะปากแล้วตวัดสายตาไปที่รูปวาดของกนกวลี แล้วก็ตาวาว กนกรัตน์ค่อยๆ เดินไปจ้องมองอย่างชื่นชมก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์
"คอยดูเถอะ!! ซักวัน..ฉันจะปลดแกออก แล้วโยนทิ้งถังขยะ"
ทันใดนั้นเสียงเครื่องปริ้นเตอร์ก็ดังโอเว่อร์ กนกรัตน์สะดุ้งเฮือกสุดตัว
"ว้าย!" กนกรัตน์กุมอก "บ้า!! จะมาดังอะไรตอนนี้?”
กนกรัตน์ค้อนขวับเพราะจะไม่สนใจแล้ว แต่ก็ต้องชะงักมองเมื่อมีแผ่นกระดาษกำลังปริ้นต์ออกมา
แผ่นกระดาษกำลังออกมาครึ่งนึงเป็นรูป Before ของกนกรัตน์โดยเป็นใบเดียวกับคลีนิคหมอโก้ แต่ถูกสีดำปิดทับไว้ครึ่งซีก
กนกรัตน์ตาโตและอึ้ง ในที่สุดแผ่นกระดาษทั้งหมดก็ออกมา กนกรัตน์ช็อคแล้ววิ่งไปตะปบเอารูปมาจ้องดู ในสภาพหน้าซีด มือสั่น เธออ่านข้อความที่พิมพ์ไว้บนภาพ
"ถ้ายังไม่เลิกซ่า..อีกครึ่งนึงมาแน่!!”
กนกรัตน์ช็อคจนเซ
ลิปสติกสีนู้ดส้มอมชมพูซีดๆ ซึ่งเป็นสีเดิมของปาริฉัตรอยู่ในมือปาริฉัตร
ปาริฉัตรยิ้มเยาะแล้วพูดกับกระจก "ชาติหน้าเหอะ!! ฉันไม่มีวันใช้ผู้ชายร่วมกับแกหรือร่วมกับใครหน้าไหนทั้งนั้น!”
ปาริฉัตรพูดจบก็ยิ้มแล้วจะทาลิปสติก
เสียงประกายเดือนดังขึ้น "สวยเสร็จหรือยัง?”
ปาริฉัตรหันมาเห็นเป็นประกายเดือนก็ค้อนขวับแล้วหันไปทาลิปสติกไปพูดไป "เข้าส้วมดีๆ ไม่ชอบ ชอบจะโดนตบให้ฉี่ราด"
"ฉันไม่ได้มาเข้าส้วมย่ะ ฉันมาตามเอกสารของท่านรองฯ ที่ให้ท่านประธานเซ็นต์เมื่อเช้าเธอยังไม่ได้ส่งคืนฉัน" ประกายเดือนบอก
ปาริฉัตรหยิบกุญแจตู้มาโยนให้ "ไปเปิดตู้เอาเอง ฉันต้องเข้าประชุมกับ" ปาริฉัตรพูดใส่หน้า "ท่านประธาน!”
ประกายเดือนเซ็งก่อนจะมองปากปาริฉัตรขำๆ "ไม่ทาปากแดงแล้วเหรอ?”
ปาริฉัตรว่า "ยุ่งอะไรด้วย?”
ประกายเดือนยักไหล่ "ก็แค่จะบอกว่าดีแล้ว!! ทาสีนี้ดูดีกว่า"
ปาริฉัตรมองงงๆ
"ทาสีแดงแล้วเหมือน" ประกายเดือนพูดใส่หน้า "อีกาคาบพริก"
ประกายเดือนพูดจบก็วิ่งจู๊ดออกไป ปล่อยให้ปาริฉัตรโกรธกรี๊ดตามหลัง
"อึ๊ย!! อี..อี..อีบ้าาา!!! จำไว้เลยนังเดือนดับ"
ปาริฉัตรค้อนขวับแล้วหันมาบรรจงทาลิปสติกต่อจนเสร็จ เธอยิ้มเอียงไปมาชื่นชมความงามของตัวเองในกระจก พอจะเดินออกก็ผงะเพราะป๊ะหน้ากับ ‘กนกรัตน์’ แบบแทบจะชนกัน ปาริฉัตรตกใจก่อนจะยิ้มเยาะใส่ กนกรัตน์ตาวาวแล้วยิ้มมุมปาก
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจากมุมดาดฟ้าบริษัท KTK ปาริฉัตรเดินเชิดๆ นำกนกรัตน์เข้ามายืนคุยกัน
ปาริฉัตรทำหน้าตาเหนือมาก "มีธุระอะไรไม่ทราบคะ..คุณกนกรัตน์?" ปาริฉัตรหันมามองเยาะ "จะคุยอะไรก็รีบคุย ฉันให้เวลาแค่ 5 นาที" ปาริฉัตรยิ้มเย้ย "ฉันมีประชุมกับ" ปาริฉัตรเน้น "ท่านประธาน!”
กนกรัตน์ตาวาว "แป๊บเดียวค่ะ..รับรอง ไม่นาน!!”
ปาริฉัตรมองหน้าเชิ่ดๆ คล้ายจะพูดว่ามีอะไรว่ามา
กนกรัตน์ชูภาพจากปริ้นเตอร์ขึ้นมา "ฝีมือคุณใช่มั้ย?”
ปาริฉัตรมองภาพแล้วทำเป็นตะปบปิดตาตัวเองอย่างหวาดกลัว แต่เป็นอารมณ์กวนตีนสุดๆ "อร้าย!! รูปใครน่ะ?! น่ากลัว!! ผีหลอก!”
พูดยังไม่ทันขาดคำ กนกรัตน์ก็เข้าตะปบบคอเสื้อกระชากปาริฉัตรดันไปกระแทกระเบียงดาดฟ้าทันที
กนกรัตน์ตะคอกลั่น "อย่ามาแอ๊ป!!! ตอบมา!" กนกรัตน์เสียงดังลั่น "ฝีมือแกใช่มั้ย? แกไปเอามาจากไหน"
ปาริฉัตรสวน "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก? ทำไมจะต้องโมโหขนาดนี้?? นี่มันรูปแกรึไง?”
กนกรัตน์ถึงกับอึ้งแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
ปาริฉัตรผลักมือออก กนกรัตน์กระเด็นออกแต่ยังอึ้งอยู่ "ใช่!! ฝีมือฉันเอง!! ฉันมันคนกล้าทำก็กล้ารับ!! ไม่เหมือนคนอย่างแก" ปาริฉัตรเยาะ "ไม่ยอมรับความจริง กล้าทำไม่กล้ารับ!”
กนกรัตน์สั่นๆ "แก..แก..แกไปเอามาจากไหน? แกไปเอามาได้ยังไง?”
"เอาอะไร? อ๋อ.." ปาริฉัตรกระชากรูปมาจากมือกนกรัตน์ "รูปแกเนี่ยเหรอ?" ปาริฉัตรยิ้มเยาะ "ก็ไม่เห็นจะยากนี่"
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา มิ้ลค์พูด “ชิ!! สวยด้วยแพทย์น่ะสิ!! ทุบหน้ามาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ หมอโก้นี่เก่งมาก”
ปาริฉัตรทวนคำ “หมอโก้??”
กนกรัตน์ตาโตเพราะช็อคสุดขีด "หมอโก้?”
"ใช่!! หมอโก้!!” ปาริฉัตรบอก
"แก .." กนกรัตน์เสียงสั่น "หมอโก้เล่าอะไรให้แกฟัง?”
"คงจะเล่าหรอก!" ปาริฉัตรยักไหล่ "แล้วฉันก็ไม่ถามให้โง่ด้วย คนฉลาดๆ อย่างฉันมันลึกล้ำกว่านั้น"
ภาพในอดีตย้อนกลับมา รองเท้าบู้ทก้าวเข้าคลีนิคหมอโก้ แล้วรื้อค้นเอกสาร สุดท้ายรูป Before ของกนกรัตน์ก็ร่วงหล่นลงพื้น มือปริศนานั้นหยิบขึ้นมา
ปาริฉัตรเล่า "ก็แค่แอบเข้าไปในคลีนิค / ค้นหาหลักฐาน / สุดท้าย..ฉันก็ได้มา"
กนกรัตน์ทั้งช็อคทั้งโกรธ
กนกรัตน์กระชากรูปคืนมา "เอามา!" กนกรัตน์กระชากคอปาริฉัตรผลักกลับไปหลังชนระเบียงอีกที "แกทำอย่างนี้ทำไม?? แกมายุ่งกับชีวิตฉันทำไม๊?”
ปาริฉัตรสวนอย่างไม่กลัว "ก็แกอยากมายุ่งกับท่านประธานของฉันทำไม?? ฉันรักของฉันมาตั้งนาน ฉันรอของฉันมาตั้งนาน รอจนเมียท่านประธานตาย แต่แกก็ยังเสนอหน้าเข้ามาอีก แกนั่นแหละ มายุ่งกับชีวิตฉันทำไม๊?”
กนกรัตน์ดูถูก "นังเลขาฯ น้ำหน้าอย่างแกเนี่ยนะ..ฝันสูงเกินไปรึเปล่า?”
"แล้วน้ำหน้าอย่างแกล่ะ..ไม่ฝันสูงเหรอ..นังหน้าผี?” ปาริฉัตรว่า
กนกรัตน์กรี๊ดแล้วบีบคอปาริฉัตร แล้วสองสาวก็สู้กันฟัดเหวี่ยงกันชุลมุน จนสุดท้ายปาริฉัตรพลาดท่าร่วงหล่นจากระเบียง กนกรัตน์ยืนอึ้งเพราะช็อค
ปานตะวันเดินแบบเร่งรีบโดยในมือถือกระเป๋ากุญแจที่ประกายเดือนลืมไว้มาด้วย ทันใดนั้นร่างของปาริฉัตรก็ลอยระลิ่วร่วงลงมาผ่านหน้าปานตะวันแบบเส้นยาแดงผ่าแปดก่อนจะกระแทกพื้นดังตุบ ปานตะวันช็อคจนแทบทรุด
ปาริฉัตรนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ปานตะวันได้สติก็รีบปราดไปดูตามสัญชาติญาณพยาบาลก่อนจะร้องเรียกลั่น
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย เรียกรถพยาบาลด้วย เรียกรถพยาบาลเร็ว!!”
ไม่ทันจะมีใครมา กนกรัตน์แอบชะโงกมองลงมาจากสายตาที่ช็อคก็เริ่มเปลี่ยนไป
"แกก็ด้วยแหละนังปานตะวัน!! ถ้าขืนยังไม่เลิกยุ่งกับพี่คิน ก็ไม่มีใครจะช่วยแกได้เหมือนกัน"
ปานตะวันยังประคองปาริฉัตรอยู่โดยยังไม่มีใครมาสักคนเพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว
ปานตะวันตะโกนดังลั่น "ช่วยด้วย!!”
ตำรวจปิดแฟ้มหลังจากคุยกับนาคินทร์เสร็จ นาคินทร์ดูซึมๆ เหนื่อยๆ ผ่านเหตุการณ์มาหลายชั่วโมง
"เวลาขณะเกิดเหตุเป็นเวลาหลังเลิกงาน พนักงานส่วนใหญ่กลับบ้านกันหมดแล้ว ถึงแม้คืนนี้เราสอบปากคำทุกคนที่ยังอยู่ในอาคารนี้ครบ แต่เราคงจะต้องขอเรียกพนักงานเพื่อนร่วมงานบางคนไปให้ปากคำภายหลังเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีนะครับ"
"ครับ..ยินดีครับ..ผมหวังว่าจะสรุปคดีได้โดยเร็วนะครับ"
"เราจะทำเต็มที่ครับ เราจะต้องสรุปให้ได้ว่าผู้ตายฆ่าตัวตาย อุบัติเหตุ? หรือว่าเป็นการฆาตกรรม?”
กนกรัตน์ที่นั่งอยู่ที่โซฟา ตำรวจขอตัวกลับ นาคินทร์ลุกขึ้นเดินออกไปส่งตำรวจที่หน้าประตู นาคินทร์ปิดประตูแล้วยืนพิงอย่างเศร้าสร้อย
กนกรัตน์เดินมาหาด้วยสีหน้าเศร้า "ใจเย็นๆ นะคะพี่คิน"
"คุณฉัตรเป็นคนดี..ทำงานกับพี่มานาน..อายุก็ยังน้อย" นาคินทร์ถอนใจ "ไม่น่าจากไปเร็วอย่างนี้"
กนกรัตน์เผลอ "ก็รนหาที่!”
นาคินทร์มองกนกรัตน์เพราะได้ยินไม่ถนัด
กนกรัตน์ตีหน้าเศร้า "คนเราเมื่อถึงที่ตายก็ต้องตายกันทุกคนล่ะค่ะพี่คิน"
นาคินทร์อึ้ง เขานึกถึงกนกวลีแล้วก็บ่นพึมพำ "ใช่..”
นาคินทร์พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เบือนหน้าไปมองภาพวาดริมทะเลแล้วก็คิดถึงกนกวลี กนกรัตน์ทำหน้าเฉยไม่สะทกสะท้าน
ปานตะวันยังนั่งเศร้าเพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกายเดือนสวมกอดปานตะวัน โดยมีนัครินทร์นั่งซึมๆ อยู่ใกล้ๆ
"น่ากลัวจังเลยนะตะวัน" ประกายเดือนว่า
ปานตะวันกอดน้องสาว "ใช่เดือน..ภาพยังติดตาพี่อยู่เลย..น่าสงสารคุณฉัตรจริงๆ"
"เค้าเพิ่งเจอในห้องน้ำ..ยัง..ยังกัดกันอยู่เลย..ไม่อยากจะเชื่อ..ตอนนี้..จะ..จะ.."
ประกายเดือนสะอื้น แล้วสองพี่น้องก็กอดกันร้องไห้
"เห็นมั้ยเดือน ชีวิตคนเรา..ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เดือนเองก็ต้องระวังนะทำอะไรก็ต้องระวัง อย่าทำอะไรเสี่ยงๆ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
ประกายเดือนมองปานตะวัน "ตะวันว่ามันเป็นอุบัติเหตุเหรอ?”
"ก็..ไม่รู้สิ..พี่ไม่ได้รู้จักกับคุณฉัตร ไม่รู้ว่าเค้าจะมีปัญหาอะไรถึงกับต้อง..ต้องคิดสั้นรึเปล่า? เดือนอาจจะรู้ดีกว่าพี่ด้วยซ้ำ แต่ช่างเถอะ คุณฉัตรเค้าจากไปแล้ว เราอธิษฐานให้เค้าไปสู่สุขติจะดีกว่า"
กนกรัตน์เกาะแขนนาคินทร์เดินเข้ามา
"จริงค่ะ คุณตะวันพูดถูก"
ทุกคนหันไปมองปานตะวันมองทั้งสองเกาะแขนกัน
นาคินทร์มองปานตะวันแล้วพูด "ดึกแล้ว..ทำไมยังไม่กลับบ้าน?!”
ปานตะวันมองอึ้งๆ กนกรัตน์หันขวับไปมองนาคินทร์ตาเขียว
ประกายเดือนพูดกับปานตะวัน "เอ่อ..ดึกแล้ว ตะวันอย่ากลับบ้านเลย มันไกล นอนคอนโดฯกับเค้าดีกว่า"
นาคินทร์กับนัครินทร์พูดพร้อมกันเลย "ไม่ได้!! / ไม่ดีฮะ!!”
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์อึกอัก กนกรัตน์ไม่พอใจ
ประกายเดือนตาโตใส่นัครินทร์ที่แอบทำหน้าตาไม่พอใจ ไม่ยอม
นัครินทร์หาเรื่อง "คือ..งี้ฮะ..คุณเดือนยังเตรียมเอกสารให้ผมค้างอยู่นี่ฮะ"
ประกายเดือน "อะไร..”
นาคินทร์สวน "คุณเดือนไม่ต้องห่วงนะครับ" นาคินทร์พูดกับปานตะวัน "กลับพร้อมผมเลยก็แล้วกัน"
ปานตะวันอึ้ง กนกรัตน์แทบช็อค
นาคินทร์ขับรถมาด้วยสีหน้าที่ยังซึมๆ กนกรัตน์ที่นั่งคู่มาแอบหน้าหงิก ส่วนปานตะวันที่นั่งหลังนั่งเงียบ
กนกรัตน์นึกได้ก็เอื้อมมือมากุมมือนาคินทร์โดยจงใจให้ปานตะวันเห็น "ไหวมั้ยคะพี่คิน ถ้าไม่ไหวให้เคทช่วยขับให้มั้ยคะ?”
นาคินทร์ฝืนยิ้มน้อยๆ "ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณมาก"
พูดจบนาคินทร์ก็เหลือบดูกระจกมองหลัง ปานตะวันรู้สึกมีคนมองก็เหลือบไปมอง สองสายตาปะสานกัน ปานตะวันรีบเบือนหน้าหนี
กนกรัตน์เห็นนาคินทร์มองกระจกก็ไม่พอใจจึงรีบเอนศรีษะซบไหล่ทำสำออย "เคทกลัวจังเลยค่ะพี่คิน คืนนี้อยากให้พี่คินอยู่เป็นเพื่อนจังเลย"
ปานตะวันแอบวูบ
"กลัวอะไรเหรอครับ?”
กนกรัตน์อึ้งนิดนึง "เอ่อ..ก็..แหม..เคทอดนึกถึงคุณฉัตรไม่ได้น่ะค่ะ คนเราเห็นหน้าค่าตากันบ่อยๆ"
"ไม่มีอะไรหรอกนะครับ" นาคินทร์มองข้างทาง "ถึงแล้ว"
นาคินทร์เลี้ยวรถ
-
นาคินทร์จอดรถเทียบที่หน้าคอนโดมีเนียม
"ดึกมากแล้ว พี่คินขอส่งแค่นี้นะครับ"
กนกรัตน์เหวอ "พี่คิน?”
"วันนี้เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว กนกพักผ่อนเยอะๆ นะครับ พี่เองก็จะได้รีบกลับบ้านพักผ่อนด้วยเหมือนกัน"
กนกรัตน์อึ้งก่อนจะจำใจ "ค่ะ..ขอให้พี่คินพักผักผ่อนมากๆ นะคะ" กนกรัตน์หันไปพูดหวานกับปานตะวัน "คุณตะวันก็ด้วย" กนกรัตน์ทำน้ำเสียงแอบจิก "หวังว่าจะรีบพักผ่อนนะคะ..ดึกแล้ว!!”
ปานตะวันมองหน้ากนกรัตน์แบบงงๆ
กนกรัตน์โชว์จุ๊บนาคินทร์เลย "กู้ดไนท์ค่ะพี่คิน"
ปานตะวันรู้สึกจุกอกทันที
กนกรัตน์เอียงแก้มให้ "มั่งสิคะ?”
นาคินทร์อดมองกระจกหลังแว๊บนึงไม่ได้ก่อนจะจุ๊บทีนึงแล้วพูด
"กู้ดไนท์ครับ"
กนกรัตน์จำใจลงรถไปยืนเอามือยันประตูตัวเองไว้เป็นการบังคับไม่ให้ปานตะวันย้ายมานั่งหน้า เธอโบกมือบ๊ายบาย
"บ๊ายบาย!! กู้ดไนท์!! ขับรถดีๆ นะคะ"
นาคินทร์เหลือบมองกระจกหลัง ปานตะวันไม่สนใจ สุดท้ายนาคินทร์ก็ขับรถออกไป กนกรัตน์ยังยืนบ๊ายบายอยู่ตรงนั้นก่อนจะพูดกับตัวเอง
“..ยังเหลือแกอีกคนสินะ..นังปานตะวัน?!”
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 22 (ต่อ)
ประกายเดือนนอนหันข้างแต่ก็นอนไม่หลับ เธอหันไปป๊ะนัครินทร์ที่นอนลืมตาโพลงจ้องตาแป๋วอยู่
ประกายเดือนกริ๊ด "ว๊าย!!" เธอตีนัครินทร์จนหน้าหงาย
นัครินทร์หน้าหงายเงิบ ก่อนจะกุมหน้าเพราะเจ็บมาก "โอ๊ย! อะไรฮะเมียจ๋า?? เมียจ๋ามือหนักมากเลยฮะ?" นัครินทร์กุมป้อยๆ "อยู่ดีๆ มาตีสามีทำไมฮะ?”
"ก็จะบ้าเหรอ? มานอนจ้องอยู่เนี่ย ตกใจหมด!”
"เอ๊า!! ไม่ให้จ้องตาแล้วจะให้ทำอย่างอื่นมั๊ยล่ะฮะ? ก็เมียจ๋าเป็นคนสั่งเองไม่ใช่เหรอฮะว่าให้สามีนอนจ้องตาอย่างเดียวไม่ให้ทำอย่างอื่น"
ประกายเดือนเซ็งจึงถอนใจเฮือก "ก็ทำไมต้องจ้องขนาดนี้?!" ประกายเดือนลุกขึ้นนั่งกอดหมอน "คนยิ่งกลัวๆ อยู่"
"กลัว? กลัวอะไรฮะ?" นัครินทร์นึกได้ "อ๋ออ..กลัวผี"
ประกายเดือนสะดุ้งแล้วก็กระโดดกอดแน่นทันที "บ้า!!! บ้าๆๆๆ จะพูดทำไม๊??”
นัครินทร์อมยิ้มที่ประกายเดือนกอดแน่นเลยกอดตอบ "โอ๋ๆๆ..ไม่ต้องกลัวนะฮะ"
ประกายเดือนมอง นัครินทร์ค่อยๆ คลายอ้อมกอดเพราะกลัวเมีย "เฮ้อ! นึกๆ ก็สงสารคุณฉัตรเนอะ ตอนอยู่.. เราก็ตบตีกันตลอด"
นัครินทร์มองด้วยความเข้าใจก่อนจะเข้าตัว "ม๊ะ?? เค้าถึงว่า คนเราตอนยังอยู่ด้วยกันก็ให้ดีๆ ต่อกันไว้" นัครินทร์มองเหล่ "อย่าร้าย"
ประกายเดือนเอนหลังแล้วก็เผลอฟังเพลินจึงพยักหน้าหงึกๆ "จริง.." ประกายเดือนนึกได้ "ว่าใคร?”
นัครินทร์เหวอไป "ปล่าวฮะ..คนอื่นเค้าพูดมาฮะ จำเค้ามาพูด"
ประกายเดือนค้อนขวับ แล้วก็นึกได้ "นี่!!" ประกายเดือนตีนัครินทร์จนสะดุ้งโหยงแล้วก็ร้องโอ๊ย! "คราวหน้าคราวหลัง อย่าหลุดอีกนะ วันนี้ก็เผลอหลุดไปทีนึงนะ ดีนะตะวันไม่ทันได้ยิน ถ้าตะวันรู้ว่าคุณกับฉันอยู่ด้วยกันแบบนี้ล่ะก้อ.." ประกายเดือนถอนใจเฮือก
"แล้วเมื่อไหร่จะบอกให้พี่สาวคุณรู้ได้เนี่ย?”
"ไม่รู้!! รู้แต่ไม่ใช่ตอนนี้"
นัครินทร์ล้มตัวลงนอน "โอเค้!!! งั้นก็นอนมองตากันต่อไปนะฮะ" นัครินทร์นอนจ้องประกายเดือน
ประกายเดือนที่ยังนั่งอยู่เป็นห่วงปานตะวัน
"ว่าแต่ตะวัน..ป่านนี้เป็นไงมั่งไม่รู้?”
รถนาคินทร์จอดเอี้ยดข้างทางทันที ปานตะวันแทบจะหัวทิ่ม
ปานตะวันกุมท้องโดยอัตโนมัติจึงแว้ดออกมา "โอ้ย!! ขับรถระวังหน่อยสิคุณ!! เดี๋ยวลู.." ปานตะวันจะพูดว่าลูกแต่ก็ชะงักก่อน "เดี๋ยวฉันก็หัวทิ่มหรอก"
นาคินทร์มองกระจกหลังแล้วพูดเสียงเข้ม "ผมไม่ใช่คนขับรถ"
ปานตะวันเบือนหน้า ไม่สน
"แล้วคุณก็ไม่ใช่คุณนาย"
ปานตะวันหันขวับ
นาคินทร์พูดต่อเลย "จะนั่งเชิดอีกนานมั้ย"
ปานตะวันมองงงๆ
นาคินทร์สั่งเสียงเข้ม "มานั่งข้างหน้า!!”
ปานตะวันไม่พอใจจึงยังนั่งนิ่ง
"เร็ว!!" นาคินทร์เร่ง ปานตะวันยังเฉย นาคินทร์จึงพูดเสียงเข้ม "หรือจะต้องให้ผมไปอุ้ม?”
นาคินทร์ปลดเบลท์ทันที ปานตะวันสะดุ้งโหยงจึงรีบลงจากด้านหลังมานั่งด้านหน้า นาคินทร์มอง ปานตะวันรีบขึ้นนั่งแล้วคาดเบลท์พร้อม แต่นาคินทร์ยังนั่งนิ่งไม่ยอมออกรถ
"อ้าว!! จะเอายังไงอีก? ทำไมไม่รีบไปล่ะคะ? ไหนว่าจะรีบกลับไปพักผ่อน?” ปานตะวันถาม
นาคินทร์หันขวับมามองคล้ายจะบอกว่าเดี๋ยวเหอะ ปานตะวันทำเฉไฉเบือนหน้าหลบไป นาคินทร์เอนเบาะนอนสบายหน้าตาเฉย
ปานตะวันหันขวับ "คุณ!! ทำอะไรเนี่ย?”
นาคินทร์ถอนใจเฮือกก่อนจะหลับตาพูด "พักผ่อน!!”
ปานตะวันเหวอ "พักผ่อนอะไรของคุณ?? นี่คุณ..”
นาคินทร์ทำท่าให้เงียบ "ชู่ว์"
ปานตะวันชะงัก พอเห็นนาคินทร์หลับตาเธอก็นั่งนิ่ง
นาคินทร์หลับตาพูดเสียงเบาๆ นุ่มๆ "วันนี้ผมเหนื่อยมาก...อยากพักผ่อน..จริงๆ"
ปานตะวันอึ้งไป เธอมองนาคินทร์ที่หลับตานิ่งแล้วก็งงมาก เธอคิดว่าฉันจะยังไงเนี่ย? ปานตะวันมองนาคินทร์นอนหลับตาด้วยสายตาที่เริ่มอ่อนลง
นาคินทร์ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมามองๆ หันมาเห็นปานตะวันนั่งคุดคู้หลับอยู่โดยไม่เอนเบาะ นาคินทร์หันมามองปานตะวันอยู่อย่างนั้น สายตานาคินทร์คล้ายจะรักก็ไม่กล้ารัก เพราะทั้งรักทั้งน้อยใจ เขางงว่าทำไมถึงรักคุณไม่ได้?? และทำไมคุณต้องเป็นคนทำให้กนกวลีตายฯลฯ ซักพักผมของปานตะวันก็หล่นมาปรกหน้า นาคินทร์ค่อยๆ เอื้อมมือไปปัดอย่างแผ่วเบา ปานตะวันค่อยๆ รู้สึกตัวเหมือนมีมือใครมาแตะหน้าก็จะลืมตา นาคินทร์รีบหลับตา ปานตะวันตื่นขึ้นมามองๆ นาคินทร์แล้วก็เอามือแตะหน้าตัวเองเหมือนรู้สึก เธอหันมองนอกรถก็เห็นว่าเช้าแล้ว
ตะวันปลุกอย่างเกรงใจ "คุณคะ!! คุณนาคินทร์"
นาคินทร์ทำเป็นเพิ่งตื่น "ว่าไง?”
"นี่มันเช้าแล้วค่ะ..กลับบ้านเถอะ"
นาคินทร์ลุกขึ้นมาปรับเบาะ พอเห็นมีคนใส่บาตรอยู่แถวนั้นก็คิด "ผมยังไม่อยากกลับ"
ปานตะวันตาโต "อะไรกัน? คุณจะไปไหนของคุณอีกคะ?”
นาคินทร์ไม่ตอบ
นาคินทร์กำลังนิมนต์พระ แล้วก็ใส่บาตรกับกับข้าว ดอกไม้ ปานตะวันลอบมองความอ่อนโยนของนาคินทร์ พร้อมกับหยิบของส่งให้บ้าง ถวายดอกไม้บ้าง สุดท้ายทั้งสองก็ช่วยกันใส่บาตรพระทั้ง 3 รูป
นาคินทร์บอกกับพระรูปสุดท้าย "ผมขออุทิศบุญกุศลให้ผู้ล่วงลับ ชื่อ นางสาวปาริฉัตร สมุทรวงศ์ ครับ"
ปานตะวันหันไปมองนาคินทร์ด้วยแววตาอ่อนโยน พระสวดจนเสร็จ ปานตะวันมองนาคินทร์
นาคินทร์พึมพำ "คงเป็นทางเดียวที่ผมจะตอบแทนคุณ..คุณฉัตร"
ปานตะวันยิ่งมองนาคินทร์ด้วยสายตาอ่อนโยนมากขึ้น เธอคิดในใจว่าเขาก็ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่ นาคินทร์หันมองปานตะวันแบบเกือบจะเคลิ้มในสายตาของปานตะวัน แต่ก็ฮึดขึ้นมาเฉยเลย
"ใครดีกับผมๆ ก็ดีด้วย แต่ถ้าใครร้ายกับผม ผมก็จะร้ายตอบ" นาคินทร์ว่า
พูดจบนาคินทร์ก็เดินช้าๆ ไปขึ้นรถ ปล่อยให้ปานตะวันอึ้งอีกแล้ว
สาวิตรีตกใจ
"คุณพระช่วย!! ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้กับ KTK?? KTK ของเราอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขมาตลอดตั้งแต่คุณพ่อบุกเบิกมา จริงมั้ยคะ?”
ทวยเทพถอนหายใจเฮือก "นาคินทร์..ตำรวจเค้าว่ายังไงบ้าง?”
"ยังไม่สรุปครับ มองไว้กว้างๆ 3 ประเด็น อุบัติเหตุ, ฆ่าตัวตาย แล้วก็..ฆาตกรรม" นาคินทร์บอก "ตายจริง!! ตายแล้วๆ!! ทำไมอะไรมันจะฟังดูน่ากลัวแบบนี้" สาวิตรีพนมมือ "สาธุ!! ไม่จริงๆ ขอให้ไม่ใช่อะไรร้ายแรงด้วยเถิ้ด"
"สงสัยต้องทำบุญใหญ่ล้างซวยซะหน่อยมั้งคะ?” ใบตองเสนอ
สาวิตรีตีดังเพียะ "พูดจาอะไรใบตอง บ้านเราไม่เคยทำร้ายคิดพยาบาทอาฆาตแค้นอะไรใคร จะมาซวยเซยอะไรอย่างเธอพูดได้ยังไงกัน?”
นาคินทร์เหลือบมองปานตะวันแบบร้อนตัว ปานตะวันมองตอบ
"ยังไงนาคินทร์ก็ต้องดูแลให้ดีนะลูก เกิดเรื่องแบบนี้ ยังไงก็ไม่ส่งผลดีต่อ KTK ของเรา" ทวยเทพว่า
"ผมทราบครับ" นาคินทร์บอก
"ยังไงพี่คินก็ดูแลช่วยเหลือครอบครัวหนูฉัตรเธอให้ดีด้วยนะคะ" สาวิตรีพูด
"ครับ..ไม่ต้องห่วง"
"น่าสงสารคุณปาริฉัตรนะคะ ทำงานกับพี่คินมาตั้งหลายปี" นารถนรินทร์บอก
"แล้วอย่างนี้ใครจะช่วยงานพี่คินล่ะครับ? พี่คิน" วิทย์ถาม
นาคินทร์นิ่ง
"น้องนึกออกแล้วค่ะ"
"ใครเหรอคะลูกนารถ?”
นารถนรินทร์มองปานตะวัน "พี่ตะวันไงคะ"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์หันขวับ อัครินทร์ก็หันขวับ ปานตะวันคิดว่าแย่แล้ว!!
อัครินทร์ปลอบใจปานตะวัน
"อย่าเพิ่งกังวัลไปเลยน่า..ยัยนารถก็พูดไปเรื่อย..อีกอย่าง..พี่คินก็คงจะไม่เอาคุณไปช่วยงานหรอก ในเมื่อคุณต้องดูแลยัยนารถ"
ปานตะวันยังกลุ้ม "โธ่!! คุณนารถนะคุณนารถ..ไม่น่าเลย"
"เครียดมากๆ เดี๋ยวหลานผมออกมาคิ้วผูกโบว์ ผมไม่ยอมรับนะครับ"
"คุณอัค..ยังจะมาพูดเล่น ตะวันเครียดจริงๆ นะคะ"
"นี่คุณ..คุณจะเครียดเพื่อ?? ก็ถ้าคุณไม่ยอมซะอย่าง พี่คินจะทำอะไรคุณได้? ในเมื่อสัญญาว่าจ้างที่คุณทำไว้กับพี่คินก็ระบุไว้แค่ว่าจ้างคุณมาดูแลยัยนารถ ไม่ได้ให้มาเป็นเลขาฯพี่คินซะหน่อย"
นาคินทร์เดินมามุมหนึ่งแล้วก็ชะงักฟัง
ปานตะวันนึกได้ "เออ..จริงด้วยสิ" ปานตะวันยิ้มแฉ่ง "ฉันลืมไปเลยอ่ะค่ะ มัวแต่กลัวว่าจะต้องไปอยู่ใกล้เค้าทำเอาเครียดเลย"
นาคินทร์อึ้งจ๋อยด้วยความน้อยใจ
ปานตะวันยิ้มอย่างแฮปปี้ "ขอบคุณมากนะคะคุณอัค..โชคดีของฉันจริงๆนะคะที่มีคุณคอยอยู่ข้างๆ"
นาคินทร์อึ้ง
อัครินทร์อึ้งเพราะแอบดีใจ "เอ่อ..”
ปานตะวันรีบบอก "คอยเตือนสติน่ะค่ะ"
อัครินทร์จ๋อยไป แต่คิดว่าก็ยังดี "ครับ ยินดีครับ"
นาคินทร์ทั้งเคือง ทั้งน้อยใจ
มิ้ลค์กับกนกรัตน์นอนอาบแดดคุยกันอยู่ที่เก้าอี้ริมสระ กนกรัตน์หยิบแก้วเครื่องดื่มมาจิบ
"เออ..จริงสินังเคท ตกลงใครเป็นคนผลักยัยเลขาฯ คุณนาคินทร์ตกตึกลงมาตายห๊ะ.แกว่า?!” มิ้ลค์ว่า
กนกรัตน์สำลักเครื่องดื่มพรวด
"เอ้า..เฮ๊ย!! ใจเย็น..ถามแค่นี้..ช้าๆ ก็ได้..ไม่ต้องรีบตอบ"
กนกรัตน์ทำเฉไฉ "ตะกี้แกว่าอะไรนะ?”
"ก็อยากรู้ว่ายัยเลขาฯ พี่คินของแกน่ะ เป็นอะไรตายกันแน่? เซ่อซ่าตกลงมา รึว่าโดดตึกประชดรัก รึว่าโดนผลักลงมาตาย"
"อยากโดนมั่งมั้ยล่ะ"
มิ้ลค์สำลักบ้าง "อะไรนะ? ตะกี้แกว่าอะไรนะ?”
กนกรัตน์เชิด "ฉันก็บอกว่าฉันจะไปรู้มั๊ยล่ะ?! เรื่องของเค้า ฉันจะไปเกี่ยวอะไรด้วย"
"เอ่า!! ก็นึกว่าจะเกี่ยว?”
กนกรัตน์แว้ด "เกี่ยวอะไร? ฉันจะเกี่ยวตรงไหน?”
"เอ๊า? แค่นี้ก็ต้องปี๊ด ก็แกเป็นถึงแฟนท่านประธาน KTK ไม่ใช่เหรอ? ฉันก็นึกว่าแกจะต้องมีข้อมูลเชิงลึกมาเม้าท์ให้ฟังมั่งน่ะสิ!! เชอะ!! ไม่ได้ดั่งใจ เสียแรง"
กนกรัตน์ค่อยยังชั่ว เธอค้อนมิ้ลค์ที่สวมแว่นนอนไปแล้ว กนกรัตน์เบะปากก่อนจะยิ้มเยาะที่มุมปาก
ปานตะวันเดินมา นาคินทร์เดินมาขวางทางแล้วมองหน้า ปานตะวันจะหลบแต่นาคินทร์ก็ขวางทางไว้อีก
"รังเกียจผมมาก?” นาคินทร์ถาม
"ก็มันสมควรมั้ยล่ะ?” ปานตะวันย้อน
"แล้วคิดว่าจะหนีผมได้"
"ไม่ได้ยินที่คุณแม่คุณพูดเหรอ? บ้านคุณไม่เคยทำร้าย คิดร้าย คิดพยาบาทอาฆาตแค้นใครแล้วจะซวยได้ยังไง"
"แล้ว?”
"แล้วไอ้เรื่องร้ายๆ ที่มันเกิดขึ้นกับคุณ มันก็อาจจะเป็นเพราะความคิดพยาบาทอาฆาตแค้นของคุณก็ได้ ใครจะไปรู้"
"เรื่องร้ายๆ ไม่ได้เกิดขึ้นกับผม"
"แต่คุณปาริฉัตรก็เกี่ยวข้องกับคุณ ไม่ใช่เหรอ?”
นาคินทร์อึ้ง
"ถ้าคุณไม่หยุด มันก็อาจจะเกิดเรื่องร้ายๆ ตามมาอีก" ปานตะวันว่า
นาคินทร์อึ้งก่อนจะแค่นหัวเราะ "เก็บไว้หลอกเด็ก หรือหลอกผู้ชายเด็กๆ ผู้ชายโง่ๆ ดีกว่ามั้ง? คุณนี่มันใจร้ายถึงขนาดเอาเรื่องคุณฉัตรมาใช้พูดให้ประโยชน์กับตัวเองเชียวเหรอ ใจร้ายจริงๆ..ผู้หญิงคนนี้ งั้นคุณก็น่าจะรู้ไว้ด้วยว่าอะไรร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณน่ะ เป็นเพราะคุณ..ที่ทำให้กนกวลีต้องตาย"
ปานตะวันอึ้งทันที "คุณ..คุณนาคินทร์"
นาคินทร์มองอย่างงงๆ
"คุณ..ใจร้าย" ปานตะวันจุกจนน้ำตารื้น "ใจร้ายที่สุด"
ปานตะวันเสียใจแล้วก็สะบัดออกไป นาคินทร์มองตามอย่างสะใจที่ได้ด่า
อ่านต่อตอนที่ 23