นางกลางไฟ ตอนที่ 7
บริเวณหน้าบ้านสวน ธวัชกับตะวันฉายมองดวงสุดาอย่างตกใจ วัลลภาลงรถมา พร้อมสาลี่และถนอม สาลี่เข้ามาจับตัวธวัช ถนอมควักเชือกที่ซ่อนอยู่ข้างหลังมามัดตัวธวัชทันที
ธวัชดิ้น
"มัดฉันทำไม ปล่อย..!"
ทันใดนั้น วัลลภาจับตะวันฉายไพล่หลัง สาลี่เอาเชือกมัดมือตะวัน ธวัชตกใจ เป็นห่วงตะวัน
"อย่าทำอะไรตะวันนะ !"
ดวงสุดาจ้องธวัชอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"ผมกับตะวันอโหสิกรรมให้กัน เราไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวต่อกันอีกแล้ว ตะวันจะไปอยู่เมืองนอก"
ทันใดนั้น ดวงสุดาตบหน้าธวัชเสียงดังฉาด ตะวันตกใจ เป็นห่วงธวัชมาก
"โกหกหลอกลวงทั้งเพ !!" ดวงสุดาตบธวัชอีก "สารเลว !"
"นายกล้าแต่งเรื่องโกหกหลานฉันได้ยังไง เลวที่สุด !"
"คิดว่าจะเล่นละครตบตาฉันได้งั้นเหรอ ฉันมีสมองแล้วก็ไม่ได้หูหนวกตาบอด พอที่จะไม่รู้ว่าคุณแอบหนีมากกกอดกับนังตะวันที่นี่ !"
ธวัชกับตะวันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
"อยากรู้ไหม..ว่ายัยดารู้เรื่องนี้ได้ยังไง"
เมื่อดวงสุดาปรึกษาวัลลภา
"ดารู้สึกว่าช่วงนี้วัชมีพฤติกรรมแปลกๆ ดาโทร.หาก็ไม่ค่อยรับสาย ตกกลางคืนก็แอบคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ ที่สำคัญ..วัชกลับบ้านดึกๆดื่นๆ วันหยุดก็ไม่อยู่ติดบ้าน ดาสังหรณ์ใจว่าวัชจะนอกใจดาอีก"
"งั้นก็รีบตามสืบให้รู้ดำรู้แดง อย่ารอช้า" วัลลภาแนะนำ
ธวัชขับรถเลี้ยวออกจากซอยบ้านดวงสุดา ใกล้กันนั้น นักสืบคนหนึ่งใส่หมวกกันน็อก แต่งตัวมิดชิด จอดมอเตอร์ไซค์อยู่ริมถนน แอบขับรถตามธวัชไป
นักสืบแอบถ่ายรูปที่ธวัชกับตะวันฉายปลูกดอกไม้ด้วยกันที่บ้านสวน เมื่อดวงสุดาดูภาพนั้นก็เจ็บแค้นใจมาก
ธวัชกับตะวันฉายตกใจ หน้าถอดสี หลังจากฟังเรื่องราวจากวัลลภา
"เลวระยำทั้งคู่" ดวงสุดาบอก
"ชั่วช้าขนาดนี้ นรกเปิดทางต้อนรับให้พวกแกได้ไปปีนต้นงิ้วเล่นกันในนั้นแน่" วัลลภาบอก
ดวงสุดาสีหน้าอำมหิตจิกหัวตะวัน
"แกจะเอาผัวฉัน มาเป็นผัวแกให้ได้ใช่ไหม ! โดนตบปากฉีกมาตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่แกก็ไม่เคยจะหลาบจำ แสดงว่าแกมีความอดทนเป็นเลิศ ถึงได้ทนมือทนตีนฉันมาได้จนถึงทุกวันนี้ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าแกจะทนมือทนตีนฉันได้สักกี่น้ำ"
ดวงสุดาตบตะวันฉายซ้ายขวาสุดแรง
ธวัชตกใจ
"ตะวัน"
ตะวันฉายเลือดกลบปาก ดวงสุดาง้างมือจะตบอีก ธวัชร้องห้าม
"พอ..พอได้แล้ว ถ้าคุณคิดจะเอาตะวันให้ถึงตาย งั้นคุณก็ฆ่าผมอีกคนได้เลย เพราะถ้าไม่มีตะวัน ผมก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน"
ดวงสุดาตวาดเสียงดังลั่น
"รักมันมาก...ถึงขนาดจะยอมตายพร้อมมันงั้นเหรอ ! ฉันไม่ยอมให้คุณตายพร้อมมันหรอก มันง่ายเกินไป" ดวงสุดาจิกหัวตะวันฉาย "มันต้องตายก่อน คุณ คุณจะได้เจ็บปวดทรมานแดดิ้นเสมือนถูกควักหัวใจออกมา หลังจากที่เห็นมันดิ้นพล่านตายต่อหน้าต่อตา"
ธวัชอึ้ง พูดไม่ออก
ดวงสุดากับตะวัน
"ตอนแรกฉันคิดจะตบแกให้ตายคามือ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว"
ดวงสุดาควักมีดพกในกระเป๋าขึ้นมา ธวัชกับตะวันฉายต่างตกใจ
"คุณจะทำอะไร..ดวงสุดา !"
ดวงสุดาบีบคางตะวันฉาย
"ผู้ชายคนไหนๆ ต่างก็พากันรัก พากันหลงแก เพราะแกมันสวยหยาดเยิ้มราวกับนางฟ้านางสวรรค์ แต่ถ้าแกหน้าเละเป็นผี ดูซิว่าผู้ชายหน้าไหนมันจะกล้าขึ้นเตียงสมสู่กับแก"
ธวัชกับตะวันฉายตกใจ วัลลภาจับตัวตะวันฉายไว้ จังหวะที่ดวงสุดาเงื้อมีดขึ้นกลางอากาศ ธวัชเอาหัวโขกถนอมที่อยู่ด้านหลัง แล้วเอาตัวกระแทกสาลี่ จนถนอมกับสาลี่เซไปคนละทาง
ธวัชรีบวิ่งมาบังตะวันฉาย ทำให้ดวงสุดาฟันมีดเข้าที่หัวไหล่ธวัชจนเจ็บปวดร้องดังลั่น ทุกคนตกใจ !!
"วัช"
กล้วยวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
"เกิดอะไรขึ้นคะ" กล้วยเห็นเลือดอาบแขนธวัช ก็ตกใจร้อง "ว๊าย"
ตะวันฉายรีบเข้าไปดู
"ธวัช..คุณเจ็บมากไหมคะ"
ดวงสุดาผลักตะวันฉายออก
"ไม่ต้องมายุ่ง ผัวฉัน ฉันดูแลได้ !! จำไว้เลยนะ...วัชรับเคราะห์แทนแก วัชเจ็บตัวก็เพราะแก"
"แกมันตัวกาลกิณี ตัวอัปรีย์ !! เกิดมาเพื่อทำลายความสุขคน" วัลลภาว่า
"ไสหัวไปให้พ้น อย่าเอาเสนียดจัญไรในตัวแกมาแปดเปื้อนผัวฉัน"
ดวงสุดาพูดพร้อมผลักหัว จนตะวันเซไป กล้วยเข้ามาประคอง
ดวงสุดาตวาดถนอม
"ยืนโง่อยู่ทำไม พาผัวฉันไปโรงพยาบาลสิ"
ถนอมกับสาลี่รีบพาธวัชไปขึ้นรถ ดวงสุดากับวัลลภาตามไป ตะวันฉายมองตามธวัชอย่างเป็นห่วง ถนอมขับรถออกไป สวนกับซูซี่ที่ขับรถเข้ามา มะปรางนั่งมาด้วย ซูซี่กับมะปรางพุ่งมาหาตะวัน
"เกิดอะไรขึ้นเนี่ย"
เย็นต่อเนื่องมา ธวัชที่ใส่ผ้าคล้องแขนลงนั่งที่โซฟา ดวงสุดาและวัลลภายืนมอง สาลี่วางถุงยาที่โต๊ะ สายป่าน สุนทรีย์ นิคมปรี่เข้ามาหาธวัชด้วยความเป็นห่วง
"วัชเป็นยังไงบ้างลูก"
"ตอนนี้ยังไม่ตาย แต่ต่อไปถ้าลูกชายเธอไม่ยอมเลิกยุ่งกับนังตะวัน เธอเตรียมเผาศพมันได้เลย" วัลลภาบอก
สุนทรีย์ถึงกับหน้าชากับคำเสียดสีเหน็บแนมของวัลลภา ธวัชทำเป็นนิ่ง ไม่ใส่ใจ
"ผมไม่เป็นไรครับแม่ แผลแค่ถากๆน่ะครับ"
" รักกันปานจะกลืนกิน รักนักรักหนา ถึงขนาดยอมตายแทนกัน ถ้าวัชไม่เอาตัวเองไปปกป้องนังตะวัน วัชก็ไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้หรอก"
"ผมว่าตอนนี้ให้ไอ้วัชพักผ่อน จะดีกว่านะครับ" นิคมบอก
ดวงสุดาแดกดันนิคมทันที
"รักเพื่อนห่วงเพื่อนเหลือเกินนะ มิน่า ถึงได้กล้ารวมหัวกันเล่นละครหลอกฉัน คุณคมนี่ช่างเป็นเพื่อนที่ประเสริฐซะจริงๆนะคะ"
นิคมถึงกับหน้าเจื่อน พูดไม่ออก
"ไอ้คมมันไม่เกี่ยว ถ้าดาจะเอาเรื่อง ก็เอาเรื่องผมคนเดียวเถอะครับ ผมยินดีจะรับผิดทุกอย่าง"
"แหม...ช่างเป็นสุภาพบุรุษซะเหลือเกินนะ พ่อพระเอก"
ธวัชนิ่งไม่อยากตอบโต้
ดวงสุดาผลักธวัชเซไปที่เตียงด้วยอารมณ์โกรธ
"ตั้งแต่นังตะวันเข้ามาในชีวิตคุณ คุณก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่เคยซื่อสัตย์จริงใจก็กลายเป็นตลบตะแลง กล้าแต่งเรื่องเล่นละครหลอกฉัน"
ดวงสุดาคว้าหมอนมาฟาดธวัชอย่างฉุนเฉียว
"ฉันอยากจะฆ่าคุณให้ตายนัก ฉันจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์เจ็บปวดทรมานเพราะผู้ชายหน้าไหว้หลังหลอกอย่างคุณ"
ธวัชนิ่งไม่ตอบโต้
"ฆ่าผมให้ตายไปเลยครับ ผมเองก็ไม่อยากจะเห็นดาเจ็บปวด เสียใจเพราะผมเหมือนกัน"
ดวงสุดาตวาด
"ไม่ต้องมาประชดประชัน ! รู้ไว้นะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเพราะคุณไม่ยอมเลิกยุ่งกับนังตะวัน ไม่ใช่ความผิดของฉัน"
"ครับ...เป็นความผิดของผมเอง"
"ทำไมไม่แก้ตัวเหมือนคราวที่แล้วล่ะ ไอ้เรื่องโกหกตลบตะแลง เก่งนักไม่ใช่เหรอ"
"ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว ดาจะลงโทษผมยังไงก็ได้..แล้วแต่ดา"
"ถ้าฉันสั่งให้คุณสาบานต่อหน้าพระว่าจะเลิกยุ่งกับนังตะวันตลอดชีวิต คุณจะทำได้ไหม" ธวัชชะงัก "ในเมื่อคุณไม่ยอมเลิกกับมัน งั้นก็อย่าหวังเลยว่า ชาตินี้นังตะวันจะได้อยู่อย่างสงบสุข ตราบใดที่ฉันยังยืนอยู่บนโลกใบนี้ ฉันจะตามจองล้างจองผลาญ จนกว่ามันจะไปจากชีวิตคุณ หรือไม่ก็ตายกันไปข้าง..จำไว้"
ดวงสุดาฟาดหมอนใส่หน้าธวัช ก่อนจะเดินออกไปอย่างเจ็บแค้นใจ ธวัชถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
เย็นต่อเนื่อง สุนทรีย์กับสายป่านจ้องธวัชอย่างไม่พอใจ
"แม่ไม่คิดเลยวัชจะก่อเรื่องก่อราวขึ้นมาอีก ทั้งๆที่รู้ว่าปัญหามากมายรออยู่ข้างหน้า แทนที่จะหลีกเลี่ยง แต่วัชกลับเลือกกระโจนลงไปหามัน"
"ปัญหาทุกปัญหาต้องใช้เวลาในการแก้ไข ผมกำลังหาทางแก้อยู่ครับแม่"
"เนี่ยเหรอวิธีแก้ปัญหาของวัช สิ่งที่วัชทำ มันไม่ต่างอะไรกับการเอาเชือกมามัดตัวเอง คนที่จะเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากกว่าใครก็คือตัววัชเอง ถ้าวัชไม่อยากเจ็บ ไม่อยากทุกข์ วัชก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการตัดเชือกเส้นนั้นให้ขาด"
"ที่จริงพี่วัชทำได้ แต่พี่วัชเลือกที่จะไม่ทำ ถ้าพี่วัชไม่ยอมตัดผู้หญิงคนนั้นออกไปจากชีวิต ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้พบกับความสงบสุข"
"การที่เรารักใครสักคน รักจนหมดหัวใจ รักถึงขั้นยอมเจ็บ ยอมตายแทนได้ ถ้าวันหนึ่งจะต้องตัดเค้าออกไปจากหัวใจ มันไม่ใช่เรื่องง่าย...ผมขอเวลาหน่อยนะครับแม่ เมื่อวันนั้นมาถึง ผมจะจบปัญหาด้วยตัวของผมเอง"
ธวัชบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ขณะที่สุนทรีย์กับสายป่านมองธวัชอย่างไม่กล้าที่จะเชื่อมั่น
มุมหนึ่งบ้านดวงสุดา นิคมคุยมือถือกับตะวันฉาย
"ครับคุณตะวัน"
ที่บ้านสวน ตะวันฉายคุยมือถือกับนิคม
"คุณคมคะ คุณธวัชเป็นยังไงบ้างคะ"
"คุณตะวันไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ไอ้วัชไปหาหมอกลับมาแล้ว มันไม่เป็นอะไรมาก แผลแค่ถากๆเท่านั้นเอง"
"ฝากคุณคมบอกคุณธวัชด้วยนะคะว่าฉันเป็นห่วง"
"ครับ..ไอ้วัชมันรู้ดีครับว่าคุณตะวันเป็นห่วงมันแค่ไหน"
"รบกวนคุณคมช่วยส่งข่าวอาการคุณธวัชให้ฉันทราบเป็นระยะๆ ได้ไหมคะ"
"ได้ครับ..ไม่มีปัญหา"
"ขอบคุณนะคะ"
ตะวันฉายวางสาย ซูซี่กับมะปรางอยู่ด้วย
"คุณธวัชไม่เป็นอะไรมาก แผลแค่ถากๆน่ะค่ะ"
"นึกไม่ถึงเลยว่าคุณดวงสุดาจะจิตใจอำมหิตขนาดนี้" มะปรางบอก
ซูซี่แค้น
"ถึงขนาดจะเอามีดฟันหน้ากัน ยัยดวงสุดามันชักจะอำมหิตเลือดเย็นเกินมนุษย์มนาเข้าไปทุกทีแล้ว"
"ต่อไปนี้เธอต้องระวังให้มากนะตะวัน อย่าอยู่คนเดียวเด็ดขาด"
"จะไปไหนก็ต้องบอกคุณธวัช พี่แล้วก็มะปราง หรือไม่ก็เอากล้วยติดสอยห้อยตามไปด้วย ยัยดวงสุดามันไม่ปล่อยให้เธอได้อยู่อย่างสงบสุขแน่"ซูซี่บอก
ตะวันฉายนิ่งไป หนักใจกับอันตรายที่อยู่ข้างหน้า
เวลากลางคืน ต่อเนื่อง วาทินกับสายป่านเดินเที่ยวตลาดด้วยกัน สายป่านท่าทางตื่นเต้น มีความสุข
"เป็นไงครับป่าน นานๆได้ออกมาเดินเที่ยวกลางคืนแบบนี้ที สนุกไหมครับ"
"ยิ่งกว่าสนุกอีกค่ะ ตอนนี้ป่านรู้สึกมีความสุขเหมือนตอนที่ตัวเองเป็นเด็ก ได้เที่ยว ได้วิ่งเล่นสนุกสนาน เหมือนได้ย้อนวันวานยังไงยังงั้นเลยค่ะ"
"ขนาดนั้นเลยเหรอครับ"
"ค่ะ แม่ป่านค่อนข้างจะเข้มงวดเคร่งครัด ท่านไม่ค่อยยอมให้ป่านเที่ยวกลางคืนสักเท่าไหร่ แล้วก็ห้ามกลับบ้านเกิน 3 ทุ่มด้วย ยังไงขอบคุณคุณทินมากนะคะ ที่พาป่านออกมาสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนสวยๆแบบนี้"
"ด้วยความยินดีครับ"
ทั้งสองเดินมาถึงร้านขายเครื่องประดับเก๋ๆ วาทินซื้อกิ๊บสวยๆคู่หนึ่งจากแม่ค้า แล้วยื่นให้สายป่าน
"ผมซื้อให้ป่านครับ เห็นว่าน่ารักดี น่าจะเหมาะกับป่าน"
สายป่านยิ้ม
"ขอบคุณค่ะ"
วาทินผมใส่ให้นะครับ
วาทินใส่กิ๊บให้ พร้อมส่งสายตาหวานฉ่ำ สายป่านหลบตาเขินๆ
"สวยมากเลยครับ"
"คุณทินพูดเอาใจป่านรึเปล่าคะ"
แม่ค้ามองยิ้มๆ
"อุ้ย..สวยจริงๆค่ะน้อง ไม่เชื่อลองส่องกระจกดูสิคะ"
แม่ค้าส่งกระจกให้ สายป่านมองตัวเองในกระจก แล้วเห็นสายตาหวานเยิ้มที่วาทินมองมา
แม่ค้าบอกสายป่าน
"แฟนน้องนี่ตาถึงนะคะ เลือกกิ๊บได้เหมาะกับน้องมากๆเลย"
วาทินขำ สายป่านรีบปฏิเสธกับแม่ค้า
"อุ้ย...เราไม่ใช่แฟนกันหรอกค่ะพี่ เป็นเพื่อนกันน่ะค่ะ"
วาทินมองสายป่านที่ยิ้มเขิน
อ่านต่อหน้า 2
นางกลางไฟ ตอนที่ 7 (ต่อ)
วาทินกับสายป่านเดินเข้ามา สายป่านมองเงาจันทร์ที่อยู่ในน้ำ
"สวยจังเลย..พระจันทร์ที่อยู่ในน้ำ สวยไม่แพ้ดวงที่อยู่ข้างบนเลย"
"แต่ผมว่าพระจันทร์ดวงที่ยืนอยู่ข้างๆผมตอนนี้ ก็สวยไม่แพ้กันหรอกนะครับ"
สายป่านทำหน้างง วาทินส่งสายตาหวานฉ่ำให้สายป่าน
"ใบหน้าของป่านสวยสดใส อ่อนละมุน ไม่แพ้พระจันทร์ที่ลอยอยู่ท่ามกลางปุยเมฆบางเบา แววตาของป่านเปล่งประกายเจิดจ้า สาดแสงอ่อนหวานไม่แพ้พระจันทร์ดวงนั้น แล้วรอยยิ้มของป่านก็เป็นเหมือนแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา ทำให้หัวใจของผมสว่างไสวไม่แพ้กัน"
"คุณทินอย่าเอาป่านไปเปรียบเทียบกับพระจันทร์เลยค่ะ เพราะป่านไม่ได้สูงส่ง ไม่ได้สวยสง่า แล้วก็ไม่ได้มีคุณค่ามากขนาดนั้น"
"ป่านอาจจะไม่รู้ตัว แต่เชื่อเถอะครับว่าไม่มีกระจกบานไหนที่จะสะท้อนความสวยของป่านได้เท่ากับแววตาของผมในเวลานี้อีกแล้ว"
สายป่านเขินจนต้องหันหน้าหนี วาทินมองด้วยแววตาจริงจัง
"ป่านครับ ผมมีบางอย่างจะถาม แต่ป่านต้องสัญญาก่อนนะครับ ว่าจะตอบตามความจริง ห้ามโกหกแม้แต่คำเดียว"
"ทำไมคุณทินดูจริงจังจังเลยคะ"
"เพราะผมไม่แน่ใจว่าคำถามของผม จะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของป่านรึเปล่า"
"ถ้าไม่ละลาบละล้วงจนเกินไป ป่านก็ยินดีจะตอบคุณทินตามความจริงค่ะ"
"ป่านมีแฟนรึยังครับ" สายป่านชะงัก "ถ้าป่านคิดว่าเป็นการละลาบละล้วงมากเกินไป ก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ"
"ป่านยังโสด ยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ"
วาทินยิ้มดีใจ
"ป่านพูดจริงนะครับ"
"ป่านบอกแล้วไงคะว่าจะพูดความจริง"
"งั้นป่านฟังผมให้ดีนะครับ ผมรู้สึกพิเศษกับป่านตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน หลังจากวันนั้น สายตาของผมก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลย นอกจากป่าน"
"คุณวาทิน"
วาทินจับมือสายป่าน
"ถ้าหัวใจของป่านยังว่างอยู่" วาทินส่งสายตามีความหมาย "จะเป็นไปได้ไหมครับ ถ้าผมจะขออนุญาตเสนอตัวเองให้ป่านพิจารณา"
สายป่านยิ้มเขิน สงวนท่าที
"เอ่อ...ป่านยังไม่พร้อมที่จะมีความรักตอนนี้หรอกค่ะ ป่านอยากทำงานให้เต็มที่ก่อน คุณทินเข้าใจป่านนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากให้ป่านรู้ไว้ว่า ผมรู้สึกยังไงกับป่าน แต่ป่านสัญญาได้ไหมครับว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ป่านพร้อมจะมีความรัก ป่านจะให้โอกาสผมเป็นคนแรก"
สายป่านดีใจจนพูดไม่ออก ได้แต่หลบตาวาทินอย่างเขินๆ
"ว่าไงครับป่าน"
สายป่านอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง วาทินรอฟังลุ้นๆ ทันใดนั้น ฝนตกเทลงมา วาทินถอดเสื้อแจ็กเก็ตบังฝนให้สายป่าน
"หาที่หลบฝนดีกว่าครับ"
ทั้งสองวิ่งเคียงคู่กันไปท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ สายป่านลอบมองวาทินอย่างประทับใจ
วาทินพาสายป่านมาหลบฝนในตู้โทรศัพท์ ทั้งสองเปียกปอนตามกัน วาทินห่มเสื้อให้
"ขอบคุณค่ะ"
"ฝนตกไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยนะครับ"
"นั่นสิคะ อากาศแปรปรวนแบบนี้ มนุษย์ที่ไหนจะปรับตัวทัน ... ฮัดเช้ย!"
วาทินขำๆ
"นี่ไง.. โดนฝนทำพิษซะแล้ว"
สายป่านขำๆ ทันใดนั้นฟ้าร้องดังลั่น
"ว๊าย!"
สายป่านตกใจ ผวากอดวาทินแน่น วาทินยิ้มชอบใจ ครู่หนึ่ง... สายป่านรู้สึกตัวก็รีบผละออกจาก
สายป่านหน้าแหย
"ขอโทษค่ะ"
วาทินยิ้ม
"ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีให้คุณกอด ตลอดชีวิตเลยก็ได้"
สายป่านเขิน ตีวาทิน
"กะล่อนใหญ่เลยนะคะ"
ทันใดนั้น ฟ้าร้องอีก สายป่านตกใจ ผวากอดวาทินอีก จนหน้าผากชนกับจมูกวาทิน ทั้งคู่สบตากันหวานซึ้ง สายป่านหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ พยายามควบคุมตัวเอง ทั้งสองใกล้ชิดกันมากแค่ลมหายใจ
วาทินขับรถเข้ามา สายป่านนั่งข้างๆ
" วันนี้ป่านมีความสุขมาก ขอบคุณคุณทินอีกครั้งนะคะ"
"ผมจะรอนะครับ รอจนกว่าหัวใจของป่าน พร้อมที่จะเปิดประตูต้อนรับผม"
สายป่านมอง พยายามค้นหาความจริงใจ ก่อนจะยิ้มเขิน
"ป่านเข้าบ้านเถอะครับ ป่านนี้คุณป้าคงคอยแย่แล้ว"
วาทินลงมาเปิดประตูรถให้สายป่าน ทั้งสองยิ้มให้กัน วาทินขึ้นรถแล้วขับรถออกไป สุนทรีย์ยืนมองสายป่านอยู่บนระเบียงบ้าน สีหน้าไม่ชอบใจนัก
สายป่านเดินเข้าบ้านมา เห็นว่าสุนทรีย์นั่งรออยู่ที่โถงชั้นล่างก็ชะงัก
"ป่านกลับบ้านผิดเวลาอีกแล้วนะ"
"ป่านขอโทษค่ะแม่ คราวหลังป่านจะไม่กลับผิดเวลาแบบนี้อีกแล้ว"
"ป่านไปกับคุณวาทินมาใช่ไหม"
"คุณทินชวนป่านไปทานข้าว หลังจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นกันนิดหน่อยค่ะ"
"ป่านไม่ควรจะไปไหนมาไหนกับคุณทินสองต่อสอง แล้วก็กลับมาด้วยกันดึกๆดื่นๆแบบนี้บ่อยๆนะ เพราะถ้าใครมาเห็นเข้า เค้าจะมองป่านในทางเสียหาย แล้วแม่ก็ไม่อยากให้ป่านสนิทสนมกับคุณวาทินจนเกินงาม"
สายป่านชะงัก ก่อนจะโกหกกลบเกลื่อน
"แม่จ๋า..ป่านกับคุณทินเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นนะคะ"
"ถ้าไม่มีอะไรมากกว่านั้น แม่ก็สบายใจ บอกตามตรงนะ แม่ยังไม่อยากให้ป่านมีแฟนตอนนี้ แม่อยากให้ป่านศึกษาผู้ชายให้มากๆ ก่อนที่จะตัดสินใจคบหาใครเป็นแฟน"
สุนทรีย์บอกสายป่านด้วยน้ำเสียงห่วงใยจริงจัง
"ความรักเป็นสิ่งสวยงามก็จริง แต่ถ้าเราใจร้อน ไม่ศึกษา ไม่ไตร่ตรองให้มากๆ ความรักก็ทำร้ายเราได้เหมือนกัน อย่าเพิ่งรีบร้อนนะลูก"
"ค่ะแม่..ป่านเข้าใจคำสอนของแม่ ป่านจะไม่ทำให้แม่ต้องเป็นห่วงนะคะ"
สายป่านกอดกอดสุนทรีย์อย่างให้สัญญา
วันใหม่ ธวัชยืนอยู่ที่บ้านสวน ตะวันฉายเข้ามา
"ธวัช" ตะวันฉายโผกอดธวัชด้วยความห่วงใย "คุณเป็นยังไงบ้างคะ"
"ผมไม่เป็นไรครับ แผลใกล้จะหายดีแล้ว"
ตะวันสะเทือนใจ น้ำตาริน
"ถ้าวันนั้นคุณไม่เสี่ยงชีวิตเข้ามาปกป้องฉัน คุณก็คงไม่เจ็บตัวแบบนี้ คุณต้องมาเจ็บตัวเพราะฉัน ฉันขอโทษนะคะ"
ธวัชเช็ดน้ำตาให้ตะวัน
"ไม่นะครับ...ไม่ใช่ความผิดของคุณ"
"คุณน่าจะปล่อยให้คุณดวงสุดาฆ่าฉันให้ตายไปซะ จะได้หมดเรื่องหมดราวสักที"
"อย่าคิดแบบนี้ คุณคือหัวใจของผม...ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมจะอยู่ได้ยังไง"
ตะวันซบอกธวัช สะอื้นไห้โฮอย่างเจ็บปวดสะเทือนใจ
"จากนี้ไป...คุณดวงสุดาคงไม่ปล่อยให้เราได้อยู่อย่างสงบสุข"
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะไม่ทิ้งคุณ ต่อให้ต้องตาย ผมก็จะตายพร้อมคุณ"
ทั้งสองกอดกันแน่นด้วยความรัก
วันใหม่ ตะวันฉายยืนคุยกับวาทิน
"คุณดวงสุดาคงจะป่าวประกาศไปทั่วสินะว่าฉันอยู่ที่นี่ คุณมาที่นี่ทำไม..วาทิน"
"ผัวจะมาเยี่ยมเมีย ผิดตรงไหน"
"ผิดที่ฉันไม่เคยคิดว่าคุณเป็นอะไรกับฉัน แล้วคุณก็ไม่มีเกียรติพอที่ฉันจะยกย่องคุณเป็นสามี"
"คุณไม่ยกย่องผมก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงคุณก็เป็นเมียผมอยู่วันยังค่ำ ต่อให้คุณขัดล้างตัวเองยังไง คราบไคลความเป็นผัวของผมที่อยู่ในตัวคุณ ก็ไม่มีวันสิ้นคราบหมดคาวได้หรอก ... ดูคุณหน้าตาอิ่มเอิบสดใสดีนี่ คงจะมีความสุขกับผัวใหม่มากสิท่า"
"ใช่...ธวัชเค้าทำให้ฉันมีความสุขมาก มากจนฉันรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่แยกทางกับคุณ เพราะผู้ชายอย่างคุณ ไม่มีทางให้ความสุขกับฉันได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียวของธวัช"
วาทินมองตะวันอย่างเจ็บใจ ชั่วครู่หนึ่ง กล้วยเดินเข้ามา
"คุณตะวันคะ มีคนมาขอพบคุณตะวันค่ะ กล้วยบอกว่าคุณตะวันมีแขก เค้าก็ไม่ฟัง จะพบคุณตะวันให้ได้ท่าเดียวค่ะ"
ดำรงเดินเข้ามา ตะวันทำหน้าเอือมระอา สองพ่อลูกมองหน้ากัน สีหน้าไม่พอใจ
"คุณพ่อมาทำอะไรที่นี่"
"ถ้าแกมาหาตะวันได้ ฉันก็มาได้เหมือนกัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะมาที่นี่พอๆกับแก"
"พวกคุณมีสิทธิ์ที่จะมาที่นี่ แต่ฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่ต้อนรับพวกคุณ ไม่ว่าพวกคุณจะมาด้วยจุดประสงค์อะไรก็ตาม กรุณาออกไปจากบ้านฉัน ทั้งคู่"
"คุณจะดื้อแพ่งไปถึงไหนตะวัน คุณก็น่าจะรู้ดีว่า ถ้าคุณไม่ยอมเลิกยุ่งกับนายธวัช ชีวิตของคุณจะไม่มีทางหาความสุขได้เลย" ดำรงบอก
"ตอนนี้คุณทำตัวไม่ต่างกับแมงเม่าที่กำลังบินเข้ากองไฟ คุณรู้ตัวบ้างไหม..ตะวัน" วาทินบอก
"ชีวิตเป็นของฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินให้ตัวเอง และพวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉัน เลิกยุ่งกับฉันซักที !"
ตะวันฉายบอกกับกล้วย "ส่งแขก"
ตะวันฉายเดินเข้าบ้านพร้อมปิดประตูทันที วาทินกับดำรงมองตามอย่างเจ็บใจ
"พวกคุณมาทางไหนก็เชิญกลับไปทางนั้น เชิญค่ะ"
กล้วยพูดพลางชี้ไปที่ประตู สองพ่อลูกมองกล้วยอย่างไม่พอใจ
ดวงสุดาตีสีหน้าไม่สบายใจ นั่งคุยกับสายป่าน
"พี่ดามีเรื่องไม่สบายใจเกี่ยวกับคุณทินเหรอคะ"
"ป่าน... พี่รู้นะว่าตาทินเค้าคิดยังไงกับป่าน ตาทินบอกพี่ว่าเค้าชอบป่านมาก" สายป่านยิ้มเขิน "พี่สนับสนุนให้ป่านกับตาทินคบกันนะ เพราะพี่เห็นว่าป่านเป็นเด็กดี แล้วพี่ก็เชื่อว่า ป่านคงจะมีใจให้ตาทินไม่น้อย"
"ทำไมพี่ดาคิดอย่างงั้นล่ะคะ"
"ถ้าป่านไม่มีใจให้ตาทิน ป่านคงไม่ไปไหนมาไหนกับตาทินบ่อยๆหรอก..ใช่ไหม" สายป่านเขิน ทำหน้าไม่ถูก "พี่ยินดีจะรับป่านเป็นน้องสะใภ้ แต่ติดปัญหาที่นังตะวัน"
"ผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวอะไรด้วยคะ"
"ก่อนที่ตาทินจะคบกับป่าน ตาทินเคยคบหากับนังตะวันมาก่อน" สายป่านชะงัก "แต่ที่ตาทินเลิกกับมัน เพราะจับได้ว่ามันแอบมีผู้ชายอื่น"
"ป่านไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย"
"ตาทินคงจะเศร้าสะเทือนใจจนไม่อยากจะพูดถึงน่ะจ๊ะ แต่นังตะวันหลงคนอื่นได้ไม่นาน มันก็คิดจะเบนเข็มกลับมาหาตาทินอีก ตอนนี้มันตามวอแวตาทินไม่เลิก ทั้งๆที่ตาทินหมดเยื่อใยกับมันแล้ว มันต้องการจะล่าแต้มสะสมผู้ชาย มันคิดจะเก็บผู้ชายทุกคนไว้ในสต็อกของมัน"
สายป่านนิ่งไป สีหน้าไม่พอใจ ดวงสุดาตีสีหน้าเจ็บแค้น
"นอกจากจะเข้ามาเป็นมารชีวิตพี่แล้ว มันยังจะเข้ามาทำลายความรักของป่านกับตาทินอีก.. พี่ไม่อยากให้ผู้หญิงต่ำๆเลวๆอย่างมันเข้ามาทำลายความสุขของน้องชายพี่ พี่ยอมไม่ได้"
ดวงสุดาลอบมองปฏิกิริยาสายป่าน แล้วจับมือ
"เราต้องช่วยกันปกป้องคนรักของเรานะป่าน จะยอมให้มันมาพรากเอาหัวใจของเราไปไม่ได้ เราต้องกีดกันขัดขวางทุกวิถีทาง ไม่ให้มันมายุ่งกับคนของเรา"
สายป่านสีหน้าคล้อยตาม ดวงสุดายิ้มพอใจที่โน้มน้าวสายป่านสำเร็จ
หลางวันต่อเนื่องมา ธวัชคุยกับสุนทรีย์ที่บ้าน
"แม่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอครับ"
"แม่รู้สึกว่ายัยป่านสนิทสนมกับคุณวาทินมากเกินไป"
"ยังไงครับ"
"ก็ตั้งแต่รู้จักกับคุณวาทิน ยัยป่านไปไหนมาไหนกับเค้าแทบทุกวัน แล้วก็กลับบ้านดึกๆดื่นๆ ถึงยัยป่านจะบอกว่าคบกับคุณวาทินแบบเพื่อน แต่แม่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี แม่กลัวว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเกินเลยมากกว่านั้น"
"แม่คิดมากเกินไปรึเปล่าครับ"
"แม่ยอมรับว่าแม่คิดมาก ยัยป่านเป็นลูกสาวคนเดียว แม่รักแล้วก็หวงยัยป่านมาก จนไม่อยากให้ยัยป่านมีแฟนตอนนี้"
"แต่ป่านโตแล้วนะครับแม่ ถ้าป่านจะมีความรัก ก็ไม่ใช่เรื่องผิดไม่ใช่เหรอครับ"
"แม่รู้...การมีความรักไม่ใช่เรื่องผิด แต่ยัยป่านเพิ่งจะรู้จักกับคุณวาทินได้ไม่นาน คุณวาทินนิสัยใจคอเป็นยังไงก็ไม่รู้"
ธวัชชะงัก นึกถึงตอนที่คุยกับตะวันฉาย และวาทิน
"เลิกยุ่งกับตะวัน เมียฉัน... ไม่อย่างงั้นนายจะเดือดร้อน ตราบใดที่ฉันยังต้องการตะวัน ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เอาตะวันไปจากฉันทั้งนั้น"
ตะวันฉายบอกว่า "ฉันบอกเลิกวาทิน เพราะเค้าแอบมีผู้หญิงอื่น"
สุนทรีย์สีหน้าเป็นกังวล
"แม่ใจคอไม่ดีเลย กลัวว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะเตลิดไปไกล จนถึงขั้นชิงสุกก่อนห่าม วัชต้องช่วยเตือนน้อง ต้องช่วยเป็นหูเป็นตาให้แม่ด้วยนะลูก"
ธวัชเป็นกังวลเหมือนกัน แต่พยายามปลอบใจแม่
"แม่ใจเย็นๆนะครับ อย่าเพิ่งคิดไปไกล บางทีอาจจะไม่มีอะไรมากกว่านั้นก็ได้"
สุนทรีย์นิ่งไป ธวัชครุ่นคิดอย่างเป็นกังวล
อ่านต่อหน้า 3
นางกลางไฟ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในบ้านสวน ธวัชนั่งอยู่ ตะวันฉายยกกาแฟมาให้
"กาแฟค่ะ"
"ตะวันครับ คุณวาทินเค้าเป็นคนยังไงเหรอครับ"
เธอชะงัก
"ทำไมอยู่ๆคุณถึงถามถึงวาทิน หรือว่าคุณยังคาใจเรื่องระหว่างฉันกับเค้าอยู่คะ"
"ไม่ครับ..ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้น ที่ผมอยากรู้ว่าคุณวาทินเป็นคนยังไง เพราะผมห่วงป่าน"
"แล้วป่านมาเกี่ยวอะไรด้วยคะ"
"ตอนนี้ป่านกับคุณวาทินสนิทสนมกับมาก มากจนผมกับแม่ไม่สบายใจ"
ตะวันฉายตกใจ
"คุณกำลังจะบอกฉันว่า วาทินกับป่านคบกันเหรอคะ"
"เรากลัวว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะเลยเถิด ถึงขั้นลึกซึ้ง ผมจำได้ว่า คุณเคยบอกว่าคุณวาทินแอบมีผู้หญิงอื่น ระหว่างที่คบกับคุณ"
"ใช่ค่ะ..วาทินเป็นคนเจ้าชู้ เค้าแอบคบผู้หญิงอื่นลับหลังฉันเป็นว่าเล่น ไม่แน่..ป่านอาจจะเป็นแค่ทางผ่าน หรือของเล่นสำหรับเค้า ผู้ชายอย่างวาทินไม่รู้จักคำว่าพอ ในสายตาของเค้า ผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น พอเล่นจนเบื่อแล้ว เค้าก็จะมองหาของเล่นชิ้นใหม่ไปเรื่อยๆ"
"ถ้าอย่างงั้น คุณวาทินก็เป็นผู้ชายอันตรายที่ป่านไม่ควรเข้าใกล้ ป่านไม่ควรจะเป็นของเล่นให้เค้า ป่านขาวสะอาดและบริสุทธิ์เกินกว่าที่คุณวาทินจะเอาโคลนตมที่สกปรกดำเหม็นมาแปดเปื้อน"
"คุณต้องรีบเตือนให้ป่านถอยห่างจากผู้ชายเลวๆอย่างวาทินนะคะ ฉันไม่อยากให้ป่านต้องตกนรกทั้งเป็น เหมือนที่ฉันเคยเจอ..."
ธวัชนิ่งไปอย่างเป็นห่วงสายป่าน
ภายในร้านอาหาร ธวัชยืนคุยกับน้องสาว
"ป่านไม่เชื่อว่าคุณทินจะเป็นคนแบบนั้น พี่วัชเข้าใจคุณทินผิด"
"ตะวันเค้าคบกับคุณวาทิน นานพอที่จะรู้ว่าคุณวาทินเป็นผู้ชายที่ไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีความจริงใจ เค้าเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น วันไหนที่เค้าเห็นว่าป่านหมดค่า หมดความหมาย เค้าก็จะทำกับป่าน เหมือนกับที่เค้าทำกับตะวัน"
"ไม่จริง...คุณทินไม่มีทางทำแบบนั้นกับป่านแน่"
"ป่านถอยออกมาจากคุณวาทินตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ พี่ไม่อยากให้ป่านต้องเจ็บปวดเสียใจเพราะผู้ชายที่ไม่เคยเห็นค่าของผู้หญิงแบบนั้น"
"ป่านนึกไม่ถึงเลยว่าพี่วัชจะหลงแม่นางแบบตะวันฉายนั่นจนหน้ามืดตามัว ขนาดโดนเค้าเป่าหูมาผิดๆ ยังไม่รู้ตัวอีก"
"ป่านไม่ควรจะเรียกตะวันเค้าแบบนั้นนะ"
"ป่านขอโทษค่ะที่เสียมารยาท แต่ความจริงก็คือ คุณตะวันฉายเค้าตามเกาะแกะคุณทินไม่เลิก เพื่อหวังจะเก็บคุณทินไว้ในสต๊อก พอคุณทินไม่เล่นด้วย เค้าเลยปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อที่จะแยกป่านออกจากคุณทิน"
"ป่าน...ทำไมป่านคิดได้ขนาดนี้ ตะวันเค้าไม่ได้เป็นอย่างที่ป่านกล่าวหานะ"
"ก็เพราะว่าพี่วัชถูกคุณตะวันฉายครอบงำ จนมองไม่เห็นว่าความจริงเป็นยังไงน่ะสิคะ ป่านว่าพี่วัชห่วงตัวเองเถอะค่ะ วันไหนที่คุณตะวันฉายเห็นว่าพี่วัชหมดค่า หมดความหมาย เค้าก็จะเขี่ยพี่วัชทิ้ง เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่เคยคิดที่จะหยุดตัวเองที่ผู้ชายคนไหน สนุกไปเรื่อย เท่าที่ตัวเองพอใจ"
ธวัชอึ้ง คิดไม่ถึงว่าสายป่านจะอคติกับตะวันฉายขนาดนี้
มะปรางวางท่าเย็นชานั่งคุยกับดำรง
"คุณให้พี่ซูซี่นัดฉันมาพบทำไม"
"ฉันอยากจะขอโทษอีกครั้งที่ล่วงเกินเธอ ไม่ว่าเธอจะคิดยังไง แต่ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ"
มะปรางสะเทือนใจ น้ำตาคลอ
"ไม่ได้ตั้งใจ...ทั้งๆที่คุณใช้กำลังขืนใจฉันนี่นะคะ"
"ที่เป็นแบบนั้นเพราะฉันคิดว่า..." ดำรงจะหลุดปากบอกว่าคิดว่า มะปรางเป็นตะวันฉาย แต่ยั้งปากทัน "เอ่อ...เพราะฉันเมา ฉันขาดสติ"
มะปรางแค่นยิ้มเยาะไม่เชื่อ
"ใช้กำลังข่มเหงผู้หญิงแล้วอ้างว่าเมา คุณคงใช้แผนนี้กับผู้หญิงคนอื่นมานักต่อนักสินะคะ ถึงฉันจะดูซื่อ ดูอ่อนต่อโลก แต่ฉันไม่ได้โง่ ถึงขนาดจะไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมผู้ชายมักมากอย่างคุณหรอกนะคะ"
"ฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินเธอ"
มะปรางหันหน้าหนี ไม่เชื่อ ยื่นมือถือให้มะปราง
"วันนั้นเธอลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องฉัน ขอบคุณเธอมากนะที่มีน้ำใจดูแลฉัน"
"ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์เอาของมาคืน คุณมีธุระแค่นี้ใช่ไหมคะ..งั้นฉันขอตัว"
มะปรางจะลุกออกไป ดำรงดึงมือไว้
"ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอมากกว่านั้น ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อเธอมาก ฉันยินดีจะรับผิดชอบเลี้ยงดูเธอเพื่อชดเชยกับสิ่งที่เธอสูญเสียไป"
"ไม่จำเป็นหรอกค่ะ..เพราะฉันไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียน้อย เมียเก็บ หรือว่านางบำเรอของคุณ"
"ที่เธอปฏิเสธเพราะเธอกำลังโกรธ แต่ลึกๆแล้วฉันเชื่อว่า เธอต้องการความรับผิดชอบ..ฉันเป็นลูกผู้ชายพอ ฉันยินดีที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ฉันทำลงไป"
มะปรางมองดำรงอย่างไม่อยากเชื่อ
"ฉันรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันโหดร้ายสำหรับเธอแค่ไหน ฉันไม่อยากจะเอาเปรียบเธอ ฉันต้องการให้ความยุติธรรมกับเธอ ขอให้ฉันได้ไถ่บาป อย่าให้ฉันต้องรู้สึกผิดต่อเธอไปตลอดชีวิตเลยนะ"
"ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าจะได้ยินคำนี้จากปากผู้ชายอย่างคุณ"
"คนอย่างฉันทำทุกอย่างตามความพอใจของตัวเอง ไม่มีคำว่าจำใจ หรือว่าฝืนทำ" ดำรงโอบไหล่มะปราง "ถ้าฉันพอใจที่จะเลี้ยงดูเธอ นั่นก็หมายความว่า ฉันพึงพอใจในตัวเธอ..มะปราง"
มะปรางชะงัก
"คุณดำรง"
เวลากลางคืน ที่คอนโดฯ ดำรง มะปรางเปลือยท่อนบน ท่อนล่างมีผ้าห่มคลุม นอนครุ่นคิดอย่างสับสนอยู่บนเตียง ดำรงที่เปลือยท่อนบน นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เข้ามาจูบแก้มเธอ
"คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบฉันก็ได้นะคะ เพราะฉันไม่ได้อยากจะผูกมัดคุณ"
ดำรงเสียงหวาน
"ถึงขนาดนี้แล้ว เธอยังจะไม่เชื่อใจฉันอีกเหรอ"
"ฉันเป็นคนตัวเปล่า ไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องที่ไหน ไม่มีใครมารับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีใครมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากคุณแทนฉันหรอกค่ะ คุณสบายใจได้"
"ยิ่งเธอไม่มีใคร ฉันยิ่งต้องให้ความยุติธรรมกับเธอ ฉันเต็มใจที่จะรับผิดชอบเธอ ฉันพึงพอใจในตัวเธอจริงๆนะ...มะปราง"
มะปรางมองดำรง พยายามค้นหาความจริงใจ ดำรงกอดเธอ
"คืนก่อน...เธอทำให้ฉันมีความสุขมาก ถึงแม้จะแค่คืนเดียว แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันประทับใจในตัวเธอ แล้วเมื่อกี้... เธอก็ทำได้ดีไม่แพ้คืนนั้น"
มะปรางไม่พอใจ
"นี่คุณกำลังหาว่าฉันเป็นผู้หญิงไฟแรง ถนัดเรื่องอย่างว่าอยู่นะคะ"
"ฉันหมายความว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากสำหรับฉันต่างหาก ที่ผ่านมาไม่รู้ฉันมองข้ามเธอไปได้ยังไง"
"ที่คุณมองข้ามฉัน เพราะว่าสายตาของคุณไม่เคยมองใคร นอกจากตะวัน ยังไงล่ะคะ"
ดำรงชะงัก รีบแถ
"จะพูดถึงคนอื่นทำไม ในเมื่อตอนนี้สายตาและหัวใจของฉันกำลังจับจ้องมองเธอ ร่ำร้องหาเธอ" มะปรางชะงัก มองตาดำรง "ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะตอบแทน จะชดเชยทุกสิ่งทุกอย่างให้คุ้มค่ากับสิ่งที่เธอเสียไป"
"คุณจะให้อะไรฉันคะ"
"ฉันจะให้เงินเดือนเธอ ซื้อรถหรูๆให้สักคัน แล้วก็โอนคอนโดนี้เป็นชื่อเธอ"
มะปรางจะพูด ดำรงเอามือแตะปากมะปรางไม่ให้พูด
"ฉันให้เธอได้ทุกอย่าง ขอแค่เธอไม่ปฏิเสธฉัน"
มะปรางนิ่งไป ดำรงส่งสายตาหวานเยิ้ม ก่อนจะตักตวงความสุขจากมะปรางอีกครั้ง
ภายในบ้านสวน ของวันใหม่ ตะวันฉายคุยกับธวัช
"คุณจะไปทำงานต่างจังหวัดเหรอคะ"
"ครับ...ลูกค้าจ้างผมไปออกแบบสปอร์ตคลับให้โรงแรม ผมต้องอยู่ทำงานที่นู่นเป็นอาทิตย์เลยครับ"
"เป็นอาทิตย์เลยเหรอคะ" เธอสีหน้าเศร้าๆ " คุณไม่อยู่...ฉันคงเหงา"
"ใครว่าผมจะปล่อยให้คุณเหงาล่ะครับ ผมจะพาคุณไปด้วย"
"จริงนะคะ" เธอยิ้มดีใจได้ครู่เดียวก็หน้าเหี่ยว "แต่ถ้าพาฉันไปด้วย คุณจะสะดวกทำงานเหรอคะ ฉันกลัวว่าฉันจะไปเป็นภาระให้คุณ"
"ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นภาระเลยนะครับ ตรงกันข้าม..ถ้ามีคุณอยู่ใกล้ๆ ผมจะได้มีกำลังใจทำงานไงครับ"
ตะวันยิ้ม
"แล้วคุณจะไปทำงานจังหวัดไหนคะ"
"กาญจนบุรีครับ เพราะผมรู้ว่าคุณชอบภูเขา"
ตะวันฉายยิ้มดีใจ ธวัชจับมือธวัช
"ผมรู้ว่าคุณอึดอัดใจแค่ไหนที่เราต้องอยู่ด้วยกันแบบหลบๆซ่อนๆ อยู่แบบหวาดระแวง ผมจะถือโอกาสนี้พาคุณเที่ยวฮันนีมูนไปในตัว ผมคงทำได้ดีที่สุดเท่านี้"
ตะวันจับมือธวัช
"คุณทำได้ขนาดนี้ก็มากพอสำหรับฉันแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่ได้หวังอะไรมากมายไปกว่านี้ ขอแค่มีคุณอยู่ข้างๆแค่นี้ ฉันก็มีความสุขแล้วค่ะ"
"ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม"
ทั้งสองยิ้ม แล้วสวมกอดกันด้วยความรักและเข้าใจ
ดวงสุดาเดินมาส่งธวัชที่รถ ธวัชหิ้วกระเป๋ามาด้วย สาลี่ถือตะกร้าอาหารตามมา
"วัชดูแลตัวเองให้ดีนะคะ อย่าหักโหมทำงานจนเกินไป เดี๋ยวจะไม่สบาย"
"ครับ ดาไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ"
ดวงสุดาหันไปดึงตะกร้าอาหารจากสาลี่
"ดาเตรียมเสบียงให้วัชด้วยค่ะ ถ้าวัชหิวระหว่างทาง ก็ทานได้เลยนะคะ"
"ขอบคุณมากครับ ... ผมต้องไปแล้วครับ ออกช้าเดี๋ยวจะรถติด"
"ค่ะ.." ดวงสุดาจูบแก้มธวัช "เดินทางปลอดภัยนะคะ แล้วดาจะโทรหา"
ธวัชยิ้มให้ ขึ้นรถขับออกไป วัลลภาเดินเข้ามา
"ทำไมดาไม่ตามไปด้วยล่ะ เกิดมีสาวๆมาปิ๊งปั๊งนายธวัชเข้า ไม่แย่หรอกเหรอ อย่าลืมสิว่าผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้สักคน สำส่อน มักมากเหมือนกันหมด"
"อย่างเช่น..คุณผู้ชายเป็นต้น ใช่ไหมคะ"
วัลลภาตีปากสาลี่
"สาระแน..!"
"สาลี่ค่ะ ไม่ใช่สาระแน"
วัลลภาดุ
"ยังไม่สลด !"
สาลี่ยิ้มแหย แล้วจริงจัง
"แต่สาลี่เห็นด้วยกับคุณผู้หญิงนะคะคุณดา...คุณวัชน่ะหล่อเหลาปานเทพบุตรขนาดนั้น ผู้หญิงที่ไหนก็อยากจะเข้าใกล้ทั้งนั้นล่ะค่ะ"
"ใครว่าดาไม่อยากไปล่ะค่ะน้าวัล ดาน่ะอยากจะตามไปคุมวัชใจจะขาด แต่วัชไม่ยอมค่ะ วัชบอกว่าถ้าดาไปด้วย วัชจะห่วงดาจนไม่เป็นอันทำงาน อีกอย่างดาก็ไม่อยากจะทำให้วัชไม่สบายใจด้วยค่ะ"
"ดารู้ตัวไหมว่าดาหัวอ่อนเชื่อผัวมากเกินไป ยังไงก็ต้องกันไว้ดีกว่าแก้ เรามีสิทธิ์ตามไปคุมผัวได้ทุกที่นั่นแหล่ะเพราะเราเป็นเมีย จำไว้นะดา..ผู้ชายจะเป็นของเรา ก็เฉพาะเวลาที่อยู่กับเราบนเตียง แต่ถ้ามันได้ก้าวลงจากเตียง แล้วออกไปนอกบ้านเมื่อไหร่ มันก็ไม่ใช่คนของเราอีกต่อไป"
วัลลภาสีหน้าแววตาเจ็บช้ำเมื่อนึกถึงดำรง ดวงสุดานิ่งไปอย่างเห็นด้วย
"น้าวัลพูดถูกทุกอย่าง"
ดวงสุดากับวัลลภาต่างเศร้าตามกัน อย่างคนมีบาดแผลในใจ
บริเวณระเบียงห้องพักในรีสอร์ตเวลากลางวัน ธวัชกับตะวันฉายยืนมองภูเขาเขียวที่ทอดตัวยาวสลับซับซ้อน อยู่ท่ามกลางสายหมอกสวยนวลตา
"เวลาที่ได้สูดอากาศที่เย็นบริสุทธิ์ ได้อยู่ท่ามกลางขุนเขาที่มีกับสายหมอกโอบล้อมแบบนี้ ฉันรู้สึกสดชื่น มีพลัง แล้วก็มีความสุขทุกครั้งเลยค่ะ"
ธวัชกอดตะวันฉาย
"ผมจะทำให้การเที่ยวฮันนีมูนของเราครั้งนี้ เป็นช่วงเวลาที่คุณมีความสุขที่สุด เพื่อชดเชยกับเวลาที่ผมให้คุณได้ไม่เต็มที่"
ตะวันยิ้ม
"ไม่ใช่แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นหรอกนะคะ แต่เราจะเติมความรัก เติมความสุขให้กันและกันทุกวัน และตลอดไป"
ธวัชดึงตะวันฉายมากอดอย่างรักสุดหัวใจ
อ่านต่อหน้า 4
นางกลางไฟ ตอนที่ 7 (ต่อ)
พระอาทิตย์ยามเช้า ที่หน้าห้องพักในรีสอร์ต ธวัชกับตะวันฉายจูงมือกันเข้ามาที่รถ ธวัชหิ้วกระเป๋าทำงานมาด้วย
"สัญญานะครับว่าจะรอผม จะไม่ไปไหนเด็ดขาด"
"นี่ขนาดห้ามไม่ให้ฉันไปไหนมาไหน เผด็จการเกินไปรึเปล่าคะ"
"ผมหมายถึงห้ามไปไหนไกลๆคนเดียว อย่าลืมนะครับว่าคุณกำลังท้องอยู่"
"เข้าใจแล้วค่ะ คุณไปทำงานเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันดูแลตัวเองได้"
"ผมจะรีบทำงานให้เสร็จ แล้วรีบกลับมาหาคุณนะครับ" ตะวันฉายพยักหน้า "ตะวันไม่โกรธนะครับที่ผมปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว"
ตะวันฉายแกล้งทำหน้าบึ้ง
"โกรธ"
"ไหนคุณบอกว่าไม่อยากเป็นภาระให้ผมไงครับ"
" ฉันล้อเล่นน่ะค่ะ คุณรีบไปทำงานเถอะค่ะ ขืนชักช้าไปถึงโรงแรมสาย โดนลูกค้าเอ็ด อย่ามาโทษฉันนะคะ"
"ครับ.." ธวัชจูบหน้าผากตะวัน "รักนะ..แต่ต้องทำมาหากิน" ตะวันขำๆ
มุมหนึ่ง ใครบางคนถือโทรศัพท์ถ่ายภาพตะวันกับธวัช
ธวัชเดินไปขึ้นรถ ตะวันโบกมือลายิ้มๆ ธวัชขับรถออกไป
ดวงสุดาเดินคุยมือถือกับธวัช น้ำเสียงออดอ้อน
"วัชคะ...แค่ไม่เห็นหน้าวัชไม่กี่วัน ดาก็คิดถึงวัชจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับแล้ว ให้ดาไปหาวัชนะคะ"
ห้องพักในรีสอร์ต ธวัชคุยมือถือกับดวงสุดา
"ผมบอกแล้วไงว่าถ้าดามาด้วย ผมจะห่วงหน้าพะวงหลัง จนไม่เป็นอันทำงานเรื่องนี้เราตกลงกันแล้วนะครับดา"
"ดาไม่ไปเป็นภาระให้วัชหรอกค่ะ ดาจะรอวัชที่ห้องพัก"
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ งานโปรเจ๊กท์นี้ค่อนข้างยาก ผมต้องใช้สมาธิสูงและต้องทุ่มเทเวลาให้กับงานชิ้นนี้เป็นพิเศษ ดาอย่าทำให้ผมพะวักพะวงเป็นห่วงดา จนมีผลกระทบกับงานเลยนะครับ"
ดวงสุดาถอนใจอย่างเซ็งๆ
"ก็ได้ค่ะ.. ดาก็ไม่ได้อยากจะเป็นตัวถ่วงความเจริญของวัชนักหรอกค่ะ แค่นี้นะคะ"
ดวงสุดาวางสายงอนๆ ธวัชวางสายพร้อมส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
หน้าห้องพัก ตะวันฉายยืนมองวิวทิวทัศน์ ธวัชเข้ามากอดจากด้านหลัง
"ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ"
"ครับ..งานราบรื่นกว่าที่ผมคิด เพราะฉะนั้น วันนี้ผมชิลๆ สามารถพาคุณไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ ที่คุณอยากจะไป"
"คุณพาฉันไปได้ทุกที่จริงนะคะ"
ธวัชพาตะวันพายเรือเล่นในทะเลสาบสวยๆ ทั้งสองผลัดกันถ่ายรูปให้กัน แล้วถ่ายรูปคู่กัน, เขาพาเธอขี่ม้าเที่ยว ท่ามกลางวิวทิวทัศน์สวยๆ เธอนั่งหน้า ธวัชนั่งโอบเธออยู่ข้างหลัง, เขาขับรถเอวีพาเธอเที่ยวตามเส้นทางต่างๆ ทั้งสองชี้ชวนกันดูนั่นนี่ , ทั้งคู่นอนฟังเพลงจาก ipod ด้วยกันบนเปล ใส่หูฟังคนละข้าง ธวัชกอดตะวันฉายแนบอก
ตะวันฉายยืนดูวิวทิวทัศน์อยู่บนเนินเขาสวยๆ ในบรรยากาศพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน เขาถือผ้าคลุมไหล่เข้ามาห่มผ้าให้ แล้วโอบเธอไว้ในอ้อมกอด
"ทีหลังอย่ามายืนตากลมแบบนี้อีกนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย ผมเป็นห่วงคุณกับลูกนะครับ... ผมไม่อยากกลับกรุงเทพเลย อยากอยู่กับคุณ อยากกอดคุณไว้แบบนี้ทั้งวันทั้งคืนเลย"
"ไม่รู้นะคะว่า ชีวิตของเราในวันข้างหน้าจะเป็นยังไงต่อไป"
ธวัชชะงักเศร้า
"เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าชีวิตในวันข้างหน้า จะต้องเจอกับอะไร และจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
"แต่เราจะเดินไปบนเส้นทางสายเดียวกันใช่ไหมคะ"
"ครับ...จะไม่มีคำว่าเส้นทางของผม หรือเส้นทางของคุณ เพราะทางที่เราเดินจะเป็นเส้นทางสายเดียวกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะจับมือคุณไว้แบบนี้ เราจะเดินไปด้วยกัน ไม่ว่าจะขึ้นเขาลงห้วย ผมก็จะไม่มีวันปล่อยมือคุณ"
ตะวันยิ้มซาบซึ้ง
"ฉันสัญญานะคะว่าจะทำให้ทุกวันของเรา เป็นวันที่มีความสุข ทุกวินาทีจะผ่านไปอย่างมีคุณค่าและมีความหมาย"
"และทุกลมหายใจของเรา จะมีกันและกันตลอดไป"
ทั้งสองสวมกอดกันด้วยความรักและเข้าใจ
"ผมมีอะไรจะอวดคุณ" ธวัชหยิบแหวนรูปดอกทานตะวันขึ้นมา 2 วง "ผมสั่งทำแหวนรูปดอกทานตะวันนี้ขึ้นมาเพื่อเราโดยเฉพาะ แหวน 2 วงนี้ จะเป็นตัวแทนของความรัก ความหวัง ความเข้าใจและลมหายใจของเราทั้งสองคน ผมตั้งชื่อให้มันว่า “แหวนตะวัน” คุณชอบไหมครับ"
"ชอบค่ะ สวยเก๋...แล้วก็มีความหมาย"
"งั้นผมสวมให้นะครับ"
ทั้งสองต่างสวมแหวนให้แก่กัน สบตากันอย่างหวานซึ้ง ธวัชจูบหน้าผากตะวัน แล้วไล่เรื่อยลงมาที่ริมฝีปากตะวัน ... เวลาต่อมา เขาประคองกอดตะวันลงบนเตียงในห้องพัก ทั้งสองสบตากันหวานซึ้ง
ธวัชก้มลงจูบตะวัน
ดวงสุดาขับรถเข้ามา วัลลภาและสาลี่นั่งมาด้วย ทั้งหมดลงจากรถ
ดวงสุดาสั่งสาลี่
"กดกริ่งเรียกมันออกมา ฉันไม่อยากเข้าไปเหยียบบ้านมันให้เสนียดจัญไรติดเท้าฉัน"
สาลี่กดกริ่งที่ประตูรั้ว กล้วยเดินออกมา พร้อมทำหน้าตึงใส่
"พวกคุณจะมาหาเรื่องอะไรเจ้านายฉันอีก"
"ไม่ใช่เรื่องของขี้ข้า อย่าสะเออะ" สาลี่บอก
"แกมันก็ขี้ข้าเหมือนๆกับฉันนี่แหล่ะ อย่ามาทำชูคอ กระดิกหางทำเป็นกร่างไปหน่อยเลย"
"แกว่าฉันเป็นหมาเหรอ ฉันจะเอาเลือดปากแกออก"
สาลี่โมโห จะพุ่งเข้าหากล้วย ดวงสุดาดึงไว้
"อย่าลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับพวกเสนียด"
"ใช่... นังนี่มันก็ต่ำพอๆกับเจ้านายมัน แกจะไปเสวนากับมันให้เสนียดจัญไรติดปากทำไม" วัลลภาว่า
"เจ้านายแกไปไหน เรียกมันออกมาหาฉัน"
"เสียใจด้วยนะคะ คุณตะวันไม่อยู่"
"ไม่อยู่...ไปไหน"
"ไม่ทราบ คุณตะวันไม่ได้บอกไว้"
"ตอแหล เจ้านายแกหดหัวอยู่ในบ้านนั่นแหล่ะ พังประตูเข้าไปเลยค่ะ...คุณดา"
"ไม่ต้อง... ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าฉันเห็นเจ้านายแกเดินเพ่นพ่านอยู่ในบ้านเมื่อไหร่ ฉันจะบุกเข้าไปตบมันให้หน้าแหก ชดเชยกับคราวที่แล้ว ที่มันไม่ทันได้ตายคามือฉัน"
"ก็ตามใจคุณสิคะ"
กล้วยเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่สนใจ สาลี่มองกล้วยอย่างหมั่นไส้
วัลลภาถามดวงสุดา
"เอาไง..จะยืนตากแดดอยู่อย่างงี้เหรอ"
ดวงสุดาคิดๆ ครู่หนึ่งมือถือดวงสุดามีเสียงข้อความเข้า เธอเปิดดูแล้วชะงัก วัลลภาชะโงกหน้าไปดู แล้วอ่านข้อความ “ตะวันอยู่กับธวัชที่กาญจนบุรี..จากผู้หวังดี”
"ผู้หวังดีอีกแล้วเหรอคะ" สาลี่ถาม
ทันใดนั้นมือถือดวงสุดามีเสียงข้อความภาพ MMS เข้า ดวงสุดารีบเปิดดู เป็นภาพที่ธวัชอยู่กับตะวัน ดวงสุดาตกใจมาก
ดวงสุดายืนกำมือแน่น สีหน้าเจ็บแค้นใจมาก วัลลภาบอก
"น้าว่าดารีบบุกไปตบนังตะวันให้แหลกคามือตอนนี้เลยดีกว่า"
"ไม่ค่ะ...ทำแบบนั้นมันง่ายเกินไป แล้วคนนังหนาหน้าด้านอย่างนังตะวัน ไม่มีทางหลาบจำง่ายๆหรอกค่ะ ผู้หญิงชั่วๆเลวๆอย่างมัน ต้องได้รับบทเรียนที่สาสมมากกว่านั้น"
"คุณดาจะทำอะไรคะ"
"ทำให้มันตกนรกทั้งเป็น เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจในคราวเดียวกัน มันจะไม่มีทางกลับมาสู้หน้าใครได้อีก แม้แต่วัช...!"
ธวัชขับรถเข้ามา มองแหวนรูปดอกทานตะวันที่สวมอยู่แล้วยิ้มๆ ครู่หนึ่ง มือถือธวัชดัง ธวัชควักมารับ ดวงสุดาอยู่ที่บ้านคุยมือถือกับธวัช
"วัชเป็นยังไงบ้างคะ ทำงานใกล้จะเสร็จรึยัง"
"ใกล้แล้วล่ะครับ เหลือแค่สรุปงานอีกนิดหน่อย ถ้าไม่มีปัญหาอะไร คิดว่าอีก 2 วันก็คงจะกลับกรุงเทพได้ครับ"
"ดาคิดถึงวัชมาก วัชต้องรีบกลับมาหาดา ห้ามไปเถลไถลที่ไหนเด็ดขาดนะคะ"
"ครับ...ผมไม่ไปไหนหรอกครับ"
ธวัชวางสาย แล้วหยิบกระเป๋าทำงานลงจากรถ ดวงสุดายิ้มร้าย วัลลภากับสาลี่นั่งอยู่ด้วย
"ฉันจะรอดูความหายนะของแก...นังตะวันฉาย"
"หายนะครั้งนี้จะทำให้มันไม่มีสิทธิ์กลับมายุ่งกับนายธวัชอีกจนชั่วชีวิต"
สองน้าหลานหัวเราะร้าย
บนเนินสวยๆ เวลากลางคืน ตะวันฉายจุดไฟที่เทียนหอม แล้ววางลงบนพื้น เทียนหอมที่จุดไฟแล้วถูกวางเรียงรายกันบนพื้นหญ้าเป็นรูปหัวใจ สว่างไสวสวยงามมาก
มีเสื่อปูอยู่ตรงกลาง พร้อมหมอนน่ารักๆ 2 ใบ
เมื่อวานนี้ ทั้งคู่สัญญากัน
"ดาวที่นี่คงจะสวยน่าดู พรุ่งนี้เราไปนอนดูดาวบนเนินด้วยกันนะคะ"
"ได้สิครับ ตะวันอยู่ที่ไหน ผมก็อยากจะอยู่ที่นั่น ผมจะรีบคุยงานกับลูกค้าให้เสร็จ แล้วรีบกลับมาดูดาวกับตะวันนะครับ"
ตะวันฉายยิ้มมีความสุข แล้วจะเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ ทันใดนั้นชาย 1 เข้ามาขวาง เธอชะงักจะเดินเลี่ยง แต่ชาย 1 ขวางตะวันไว้
"คุณเป็นใคร ต้องการอะไร"
ชาย 1มองตะวันฉายด้วยสายตาโลมเลีย
"ต้องการจะเป็นผัวนางแบบดังซะหน่อย ทรวดทรงองค์เอวน่าขยี้ขยำขนาดนี้ ถ้าได้ปู้ยี่ปู้ยำสักครั้ง คงจะสุขเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ฮ่าๆ"
ตะวันตกใจ เห็นท่าไม่ดี จะวิ่งหนี แต่ชายอีก 2 คนโผล่มาดักข้างหลัง ทั้งสองรวบตัวตะวันที่ดิ้นขัดขืนไว้
" ปล่อยฉันนะ ปล่อย !"
ชาย 2 คนมัดมือมัดปากตะวัน แล้วอุ้มตะวันฉายออกไป
อ่านต่อตอนที่ 8