คีตโลกา ตอนที่ 2
ทางด้านภควัตพอกลับมาถึงบ้าน ก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า อยู่บนเตียงในห้องแอร์เย็นฉ่ำ เวลาผ่านไปสักระยะ ภควัตฝันร้ายถึงเหตุการณ์ตอนครอบครัวถูกยิงอีกครั้ง เขาดิ้นกระสับกระส่ายไปมา แล้วฝันถึงตอนหลวงพ่อบอกว่าจะเจอเรื่องไม่คาดฝัน
“คนเราทุกคนเกิดมาพร้อมกรรมติดตัว ต่อไปโยมจะต้องเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝัน เพราะกรรมที่ผูกพันกันมา”
พอฝันถึงตอนกระโดดน้ำลงไปช่วยอัญมาขึ้นมา ภควัตลุกพรวดขึ้น
“ไอ้อัญ... เรื่องไม่คาดฝัน...กรรมที่ผูกพัน...คือเธอหรือเปล่า...ไอ้อัญ”
เสียงมือถือดังพอดี ภควัตรีบรับสาย
“ครับ นาย...ประชุมด่วน เดี๋ยวนี้”
ภควัตพรวดลงจากเตียงทันที
ภควัตเดินเร็วรี่ตรงมาที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างดัง เห็นจ่าเดชในชุดนอกเครื่องแบบยืนหันรีหันขวางรออยู่ พอจ่าเดชหันไปเห็นหน้าภควัตก็บ่นบ้าตามประสา
“อ้าว น้อง อะไรกันเนี่ย ไหนนายสั่งให้มาประชุมด่วน บอกให้มารอน้อง แต่ไหงนัดกันที่ห้าง”
“ยังไม่ต้องถามหรอกจ่า ตามผมมา”
ภควัตเดินนำไปอีกทางทันที จ่าเดชตามไปแบบงงๆ
ภควัตเดินนำจ่าเดชผ่านชั้นของเล่นเด็ก แล้วเดินทะลุเข้าไปด้านใน ส่วนห้องเก็บของพนักงานของห้าง
ภควัตเดินมาหยุดหน้าห้องที่ติดป้าย เฉพาะพนักงาน บุคคลภายนอกห้ามเข้า
จ่าเดชท้วง “เอ้ย น้อง เค้าเขียนว่าเฉพาะพนักงาน”
ภควัตไม่สนใจ ผลักประตูเข้าไป จ่าเดชเดินตาม ประตูปิดลง
ที่แท้ที่นี่ฐานลับของกองบัญชาการปรามปรามยาเสพติด สภาพเป็นห้องโถงกว้าง มีตำรวจนอกเครื่องแบบ และเจ้าหน้าที่ทำงานกันอยู่ในนั้น ภควัตเดินนำจ่าเดชที่ยังมัวอึ้งๆ งงๆ กวาดตามองไปรอบๆ อย่างไม่เคยเห็น
“ไอ้น้องๆ เดี๋ยวก่อน เกริ่นอะไรกับพี่สักนิดได้มั้ย ว่าพี่มาที่ไหน”
ตำรวจคนหนึ่ง เดินผ่านภควัตแล้วทำท่าตะเบ๊ จ่าเดชมองฉงน
“แล้วที่สำคัญ น้องเป็นใคร”
ภควัตยิ้มก่อนบอก “ผมร้อยตำรวจเอกภควัต แต่พี่เรียกผม ไอ้น้องเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว”
จ่าเดชหน้าซีด พึมพำ “ซวยแล้วกู...เอ่อ ผู้กองอย่าโกรธผมเลยนะครับ ไอ้เดชมันแก่แล้ว ก็อาจจะงงๆ หลงๆ ลืมๆ บ้าง”
ภควัตปลอบ “ไม่มีอะไรหรอกจ่าเดช อย่าคิดมาก ผมไม่ถือ ที่นี่จะเป็นที่ที่เราจะทำงานด้วยกัน”
จ่าเดชงง “ทำงานด้วยกัน”
“ผมกับจ่าต้องทำงานเป็นคู่หูกัน เราถึงต้องมาที่นี่ ไป ไปฟังข้อมูลพร้อมๆ กัน”
ภควัตเดินนำจ่าเดชไปทางห้องประชุม
ภายในห้องประชุมหน่วยลับ ภาพบนจอโปรเจ็คเตอร์แช่นิ่งอยู่ที่ภาพเสี่ยวินิจ หรือ ฉายา พี่บัง
ป้ายบนโต๊ะของตำแหน่งประธานในที่ประชุมบอกชื่อ “พล.ต.ต. จักรภพ อภิดิเรก”
ผู้การจักรภพเอ่ยขึ้นต่อหน้าทุกคน ที่นั่งเรียงลดหลั่นตามยศ ภควัตกับจ่าเดชนั่งติดกัน
“นี่คือเสี่ยวินิจ หรือพี่บัง พ่อค้ายารายใหญ่ในท้องที่นี้ ทางเราคิดว่ามีความเป็นไปได้ว่าเขาเปิดกิจการค่ายมวยบังหน้า เอาไว้ลักลอบขายยาเสพติด”
จักรภพมองมาทางภควัต
“วันนี้ที่ผม ผู้การสิทธิชัย แล้วก็ผู้กำกับประพจน์เรียกประชุมทุกคน ก็เพื่อจะแนะนำสมาชิกใหม่ในทีมหน่วยลับของเรา...ผู้กองภควัต”
ภควัตลุกขึ้นยืน ทำความเคารพค้อมหัวให้ทุกคน สีหน้าจริงจัง ตั้งใจ
ผู้การสิทธิชัยที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับผู้การจักรภพ ป้ายบนโต๊ะบอกชื่อ “พ.ต.อ สิทธิชัย โชคชัยสถิต” ถัดไปคือผู้กำกับประพจน์ ป้ายบนโต๊ะคือ “พ.ต.ท ประพจน์ อติพัฒน์”
“ผมดีใจที่เราได้ตำรวจดีๆ อย่างคุณมาช่วย ภควัต คดีที่คุณจับลูกชายรัฐมนตรีติดยาโด่งดังใน สตช.มาก” สิทธิชัยว่า
ประพจน์เสริม “ผมได้ยินมาว่าคุณเคยจับนายอธิคม ลูกชายนายวินิจเข้าคุกด้วยใช่ไหม”
“ครับ อธิคมเป็นหนึ่งในแก๊ง”
สายตาตำรวจในห้องมองมาอย่างชื่นชม
จ่าเดชมองภควัต ทึ่งอึ้งไปเลยเมื่อรู้ว่าเขาคือใคร มีผลงานอะไรมา
ฝ่ายอธิคมกำลังชกกระสอบทราย เหงื่อโทรมกาย วินิจเดินเข้ามามอง
“แกพูดใหม่ซิ อธิคม จะให้พ่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับแก”
อธิคมหยุดหันมาทางพ่อ “พ่อไม่เชื่อใจแผนผมเหรอ”
“ทำแบบนั้น มันไม่เสี่ยงไปเหรอไอ้ลูกชาย”
“พ่อช่วยผมจนออกจากคุกมาได้ ก็เอาให้ไอ้ตำรวจหน้าโง่พวกนั้นมันเห็นว่าเสี่ยวินิจกับลูกชายไม่ใช่หมูให้มันเชือดง่าย ๆ อีก”
วินิจจ้องหน้าอธิคม แล้วยิ้มเหี้ยมออกมา
“ได้ ฉันจะเตรียมให้แก จะบอกนังว่านคัดสาวๆ สวยๆ มาให้แกโดยเฉพาะ
“เราต้องเริ่มเคลื่อนไหวเอาคืนพวกตำรวจ วันนี้ฉันว่าจะแวะไปดูแถวร้านเจ๊ว่านที่เราปล่อยของ”
“ระวังตัวด้วยแล้วกัน ถึงเสี่ยใหญ่จะช่วยให้แกหลุดจากคุกได้ แต่ท่านก็ช่วยเราไม่ได้ทุกครั้ง”
อธิคมพยักหน้า สีหน้าจริงจัง เหี้ยมเกรียม
ในฐานลับหน่วยพิเศษปราบปรามยาเสพติด
ภควัตมองผู้การจักรภพ เจ้านายโดยตรง แล้วถามขึ้น ด้านหลังตำรวจคนอื่นๆ พูดคุย ปรึกษางานกันอยู่
“อธิคมมันออกจากคุกแล้วหรือครับ ออกไปได้ยังไง”
“เราได้รายงานว่า แพ้ยาจนเสียชีวิต”
อธิคมอยู่ในห้องนอน หยิบปืนคู่ใจขึ้นมอง
“ปีนึงที่กูต้องอยู่ในคุก กูจะกลับมาเอาคืนทุกคน คนอย่างอธิคมไม่ตายง่ายๆ”
อธิคมหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่โรงอาหารในคุกค่ำคืนหนึ่ง
ขณะนั้นอธิคมกำลังกินอาหารในจานอยู่ จู่ๆ เขาก็ชักล้มตึงไปต่อหน้าทุกคน
เจ้าหน้าที่ ผู้คุม วิ่งมาดู อีกส่วนห้ามนักโทษที่เหลือไม่ให้วุ่นวาย อธิคมมือเท้าเกร็ง ตาเหลือกลาน ชักกะตุกบนพื้นอยู่สามสี่ครั้งแล้วแน่นิ่งไป
ในคืนถัดมาหลังจากนั้น โลงในโกดังเก็บศพของวัดแห่งหนึ่ง ถูกงัดออกด้วยฝีมือชายชุดดำ 2 คนของเสี่ยใหญ่ ร่างนอนแน่นิ่งของอธิคมถูกดึงออกจากโลง คนของเสี่ยใหญ่ 1 คนหยิบเข็มฉีดยามีน้ำยาเคมีสีฟ้า ปักลงที่คออธิคม อีก 2 คนยกศพอีกศพที่เน่าเปื่อย ใส่โลงลงไปแทน แล้วรีบตอกโลง ปิดเหมือนเดิม
สักครู่เห็นอธิคมลืมตาขึ้นจากความตายที่ชีพจรเหมือนหยุดไปเพราะยาที่เสี่ยใหญ่ลอบวางไปในอาหารเพื่อหลอกเอาตัวอธิคมออกมาจากในคุก
อธิคมลุกขึ้นยืนยิ้มต่อหน้าชายชุด 3 คน ที่ถูกส่งมาชุบชีวิตเขา
ภายในห้องทำงานผู้การจักรภพ ที่ฐานลับ ภควัตอยู่ในนั้นฟังแล้วมองผู้การจักรภพ ก่อนจะส่ายหน้าไม่เชื่อ
“ผมไม่เชื่อว่า อธิคมจะตาย รายงานของหมอ ไม่เคยบอกว่ามันแพ้ยา หรือแพ้อะไรที่จะทำให้ตายได้”
“ผมก็ไม่เชื่อ แต่เรื่องนี้สอบสวนไป ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเจอตอ”
“ไม่ต้องห่วงครับหัวหน้า ผมเคยลากไอ้อธิคมมันเข้าคุกมาแล้ว ผมไม่มีวันปล่อยให้มันรอดไปได้ ผมจะจองเวรไอ้พวกค้ายาไปตลอดชีวิตผม”
“คราวนี้เราต้องวางแผนให้รัดกุม” ผู้การบอก
ภตวัตนึกถึงไอ้อัญ “ผมมีแผนนึงจะเสนอครับ...ผมเพิ่งเจอคนๆ นึงที่จะช่วยเราได้”
“ใคร?” จักรภพซัก
“ผู้หญิงคนนึงครับ ผมเจอโดยบังเอิญ บังเอิญจนเหลือเชื่อ เรื่องมันประหลาดๆ ไปหน่อย แต่ผมมั่นใจว่า ไอ้อัญจะช่วยให้เราเข้าใกล้ขบวนการค้ายาของนายวินิจกับอธิคม”
สายตาภควัตมองนายด้วยความเชื่อมั่นในแผนการตัวเอง
ฝ่ายอัญมาเดินออกมาจากห้อง เห็นอุบลกำลังสับไก่สด เตรียมหมักไว้ทอดขายพรุ่งนี้ อัญมามองเบ้หน้ากับความสกปรกเลอะเทอะ อุบลหันมาเห็น
“ตื่นแล้วเหรอ หิวหรือเปล่า กับข้าวอยู่ในตู้น่ะ ไอ้อัญ แม่ซื้อแกงจืดที่เอ็งชอบไว้ให้”
“ฉันไม่หิว”
“ไม่หิวก็กินรองท้องซะหน่อย แล้วที่ตกน้ำตกท่า มันยังไง เล่าให้แม่ฟังสิ”
อัญมาตอบส่งๆ ไม่อยากอธิบาย “ฉัน...เป็นลม”
“นั่นไง ข้าวปลาไม่กิน เอาแต่ใช้ไอ้พวกยานรก”
อัญมาตัดบท “มีเงินมั้ย ฉันยืมหน่อย”
“เอ็งจะเอาไปซื้อยาบ้าอีกใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ ฉันจะเอาไปซื้อของใช้” อัญมาคิดหาคำ “...ผ้าอนามัย”
“หยิบในกระป๋องนั่นน่ะ เอาไปซื้ออะไรกินก็ได้ แต่อย่าเอาไปซื้อไอ้ยานรกอีกนะอัญ แม่ขอร้อง”
อัญมามองเห็นแววตาเจ็บปวดของอุบล แล้วไม่อยากมอง เดินไปเทกระป๋องเก่าๆ บนโต๊ะออกมาเห็นเหรียญเต็มกระป๋อง แบงก์ยี่สิบ ห้าสิบยับย่นหลายใบ มีแบงก์ร้อยอยู่ใบเดียว อัญมาตัดสินใจหยิบแบงก์ร้อยมากำไว้ แล้วหันไปบอกอุบล
“ฉันไม่มีวันใช้ยาพวกนั้น” อัญมาบอก
“ข้าไม่เชื่อ สภาพเอ็งที่เป็นแบบนี้ เพราะเอ็ง..เอ็งบอกว่าจะเลิก แต่เอ็งก็ไม่เคยทำได้”
น้ำเสียงอุบลฟังดูเจ็บปวด จนอัญมาใจหายไปด้วย
“ไปซะ เอ็งอยากไปไหนก็ไป ขออย่างเดียวอย่าไปติดยาบ้าอีก”
อุบลหันหลังปาดน้ำตา อัญมามองแล้วนึกสงสาร แต่ไม่ได้รู้สึกผูกพัน หยิบแบงก์ร้อยบนโต๊ะตรงหน้าเดินออกไป อุบลหันมามองตามลูก แววตาหมองเศร้า
อัญมากำเงินร้อยหนึ่งในมือ เดินออกมาหน้าชุมชน บอกกับตัวเองอย่างมาดหมาย
“ฉันจะไม่กลับมาที่นี่อีก เงินร้อยนี้ฉันจะเอามาคืนวันหลัง”
อัญมามาหยุดยืน ไอ้นวยขับรถมอเตอร์ไซค์ปาดมาตรงหน้า
“ไปไหนเจ๊ ไอ้นวยไปส่งฟรี ขึ้นมาเลย”
อัญมาเห็นนวยประชิดก็รีบถอยห่าง โบกแท็กซี่มาจอด รีบเปิดประตูขึ้นรถออกไป นวยมองตามงงๆ
“เจ๊อัญ เค้าเป็นอะไรของเค้าวะ”
ไม่นานต่อมานวยวางเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ร้านสะดวกซื้อที่จิ๊บเป็นพนักงานคิดเงิน บ่นอย่างงงๆ
“จริงๆจะ พี่จิ๊บ พี่อัญแกขยะแขยงผมยังกะเห็นขี้หมา”
“เออ เอ็งก็ดูๆ มันไว้หน่อย มันเพิ่งตกน้ำมา อาจจะป่วยๆ มึนๆ”
จิ๊บคิดเงินเสร็จ นวยจะเดินออก แต่แอบหยิบหมากฝรั่งติดมือ จิ๊บตาไวเห็น
“วางลง ไอ้นวย อย่าริเป็นขโมย”
“แหม ก็หยิบเล่นๆ”
“เอ็งหยิบเล่นๆ เดี๋ยวก็ได้ติดคุกจริงๆ นั่นเห็นกล้องวงจรปิดมั้ย”
นวยมองไปเห็นกล้องก็ยิ้มชูสองนิ้วให้ หยิบเงินค่าหมากฝรั่งวางลงให้จิ๊บคิดเงิน
“คนเรา เกิดมาเป็นคนจนได้ แต่เราต้องไม่อยู่อย่างคนเลว”
อธิคมขับมอเตอร์ไซค์มาตามทางสายหนึ่ง ใส่หมวกกันน็อก รถแล่นมาด้วยความเร็วสูง มีแท็กซี่คันหนึ่ง ขับมาปาดหน้ามอเตอร์ไซค์ของอธิคม แล้วจอดกึกลงส่งผู้โดยสารริมถนน
อธิคมเบรกแทบไม่ทันจอดปาดหน้าแท็กซี่ไปหน่อยแล้วถอดหมวกออก เดินปรี่มาที่แท็กซี่ อัญมาลงจากรถคั้นนี้มาพอดี
“เฮ้ย มึงขับดีๆ ไม่เป็นเหรอ ถึงต้องมาปาดหน้าคนอื่น”
อัญมาตกใจ อธิคมพุ่งมาตบหน้ารถ ชี้หน้าด่าคนขับแท็กซี่
“อะไรเนี่ย อันธพาล” อัญมาว่า
อธิคมมองอัญมา เห็นแววตากลมโตในระยะประชิดแล้วถึงกับนิ่งอึ้ง ถูกใจและถูกชะตาโดยประหลาด
“เธอใช่มั้ย สั่งให้รถจอดไม่ดูคันอื่น”
“เปล่า ฉันแค่เถียงกับคนขับ ชั้นบอกว่าขึ้นทางด่วน เค้าไม่ยอมขึ้น ชั้นรู้ทันว่ามันจะโกงค่ามิเตอร์ หลอกพาฉันไปทางอ้อมๆ มันเลยไล่ชั้นลง”
อธิคมหันไป พบว่าแท็กซี่ขับออกไปแล้ว อธิคมมองอัญมาปราดเดียว พอเห็นรอยที่แขนก็หรี่ตามอง
“จะไปไหน ฉันไปส่งมั้ย”
อัญมาบอกอย่างถือตัว “ไม่ต้อง ฉันขอความช่วยเหลือนายหรือยัง มองอะไร”
“แขนไปโดนอะไรมา”
อัญมารีบเอาแขนไพล่หลัง “ไม่มีอะไร เป็นตำรวจเหรอ ถึงได้เที่ยวมาสอดส่องชาวบ้าน”
“ตำรวจเหรอ” อธิคมขำ
“ไม่ใช่ก็อย่าเที่ยวมาละเมิดสิทธิ์คนอื่น หรือนายคิดไม่ดีกับชั้น บอกไว้ก่อนนะจะหลอกคนอย่างชั้นไม่ง่ายหรอก”
อัญมาเห็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างวิ่งผ่านมา เลยวิ่งไปโบกแล้วขึ้นมอเตอร์ไซค์ออกไป อธิคมมองตามอึ้งๆ ประทับใจโดยบอกไม่ถูก
ขณะเดียวกัน อุบลยืนอยู่หน้าบ้าน บอกจ่าเดชเรื่องลูกสาว
“ไอ้อัญมันไม่อยู่หรอก ออกไปซื้อของ จ่ามีอะไรกับมันเหรอ”
“ก็แวะมาแถวนี้ ผ่านๆมา”
“ไอ้อัญมันไปทำอะไรผิดหรือเปล่า จ่าเดช“อุบลมีสีหน้ากังวลมาก “จ่าอย่าจับลูกฉันเข้าคุกเลยนะ”
อุบล ยกมือไหว้ขอจ่าเดชปลกๆ
“ฉันมีลูกของฉันอยู่คนเดียว จ่าจะเอาเงินเท่าไหร่ ฉันจะหามาให้”
“เฮ้ยๆ อย่ามาติดสินบนกับข้า ข้าเป็นตำรวจน้ำดี ไม่โกง ไม่กิน ไม่คอร์รัปชั่นแล้วอย่ามาเที่ยวไปติดสิบบนกับตำรวจล่ะ ทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ไม่ใช่เอาเงินล้างผิด”
“ขอโทษเถอะจ่า ฉันกลัวๆ จริง จ่าอย่าจับไอ้อัญ ลูกสาวฉันเลยนะ”
จ่าเดชมองอย่างสงสารอุบลที่ห่วงลูกจับใจ
ที่หน้าค่ายมวยนายวินิจ ภควัตซึ่งปลอมตัวเป็นพ่อค้าขายไข่ปิ้ง กำลังยืนปิ้งไข่ให้เด็กๆ ที่วิ่งมาซื้อ แต่สายตาภควัตมองเข้าไปด้านใน เพื่อจับความเคลื่อนไหวในค่ายมวยตลอด จังหวะนี้มือถือที่ผู้กองเอาผ้าบังไว้ วาบแสงขึ้น
ภควัตค่อยๆ แง้มผ้าออก กดดู มองเห็นข้อความจากจ่าเดชส่งมาว่า
“ไอ้อัญหายออกไปจากบ้าน”
ภควัตนิ่วหน้า “ไอ้อัญ หายไปไหนของเธอ”
อัญมาในร่างไอ้อัญบุกมาที่ออฟฟิศจิรายุ เปิดประตูเข้าห้องมา เห็นจิรายุกำลังเซ็นเอกสารอยู่ มีอนุรุทยืนอยู่ใกล้ๆ สองคนเงยหน้ามอง ด้วยสีหน้าตกใจ เพราะไอ้อัญหน้าตาคล้ายอัญมาเอามากๆ
“เธอเป็นใคร” จิรายุแปลกใจ
อนุรุทจ้องเขม็ง “ใครปล่อยแกขึ้นมา เอ๊ะ ทำไมหน้าคล้าย...คุณหนูอัญมา”
“อย่ามาเรียกชั้นแกนะ อนุรุท ก็ชั้นนี่แหละ อัญมา” อัญมาบอกวางมาดเย่อหยิ่ง
อนุรุทมองอัญมาแล้วเหยียดยิ้มร้องเยาะเสียงสูง “คุณหนูอัญมา...สารรูปยังกับตกบ่อเกรอะกทม.เนี่ยะนะ คุณหนูอัญมา”
“ชั้นไม่ได้มาหาแก ไม่ต้องมาสะเออะตอบ แล้วก็ไปห่างๆ แฟนชั้น”
อนุรุทตกใจ จิรายุลุกขึ้นทันที
“นี่...พูดบ้าอะไร ใครแฟนเธอ”
อนุรุทมองจิรายุค้อนขวับ
“ใช่สิ คุณมีรสนิยมที่บอกใครไม่ได้ ต้องปิดเป็นความลับเพราะกลัวคนในสังคมจะไม่ยอมรับ”
จิรายุคาใจ “เธอเป็นใครกันแน่”
“ชั้นก็เป็นคนที่เคยโง่เพราะหลงรักผู้ชายอย่างคุณ แต่ที่มาเนี่ยะ ไม่ได้มาขอความรักคืนหรอกนะ จะมาขอให้ช่วยในฐานะเพื่อน”
จิรายุไม่เชื่อ “ชั้นไม่เคยมีเพื่อนอย่างเธอ”
อัญมาโกรธจัด ฉะไม่ไว้หน้า “คุณกับมัน...บอกมานะ จิรายุ คุณเป็นผัวหรือเป็นเมียมัน”
จิรายุโมโห “เธอพูดบ้าอะไร”
คู่ขาเกย์ตกใจมาก อนุรุทถามทันที
“แกรู้ได้ยังไง”
ประตูเปิดออกก่อน เป็นสุคนธรสเดินนวยนาดเข้ามา อัญมาหันขวับไปมอง
“ใครน่ะ จิรายุ คนที่ไหนมารับบริจาคเหรอ” สุธนธรสยังเห็นหน้าอัญมาไม่ชัด
อัญมาฉุนกึก “ฉันไม่ได้มาขอทาน ตาต่ำไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ สุคนธรส”
สุคนธรสปรี๊ด “แก...แกเป็นใคร ว้าย...หน้าคล้ายยายอัญมา เจ้าหญิงนิทรา”
“จำฉันไม่ได้หรือไง คุณหนูอัญมา คนที่เธออิจฉา อยากดี อยากเด่นกว่าแต่ก็ทำไม่ได้ ไม่เคยชนะชั้นไงล่ะ”
สุคนธรสมองอัญมาหัวจรดเท้าอย่างดูแคลน “มันพูดบ้าอะไร สภาพผ้าขี้ริ้วอย่างแกน่ะเหรอ ที่ฉันจะอิจฉา”
“ฉันรู้จักเธอดี เพราะชั้นคืออัญมา เพื่อนคนเดียวที่เธอมี”
สุคนธรสไม่เชื่อสักนิด “ตายแล้ว โจรเดี๋ยวนี้มันร้ายจริงๆ นี่คงไปทำศัลยกรรมหน้าเลียนแบบพวกไฮโซ หวังสวมรอย เที่ยวตกทองชาวบ้านล่ะสิ จะบอกให้นะ นังคุณหนูอัญมาที่แกอุตส่าห์ไปทำหน้ามาให้เหมือนน่ะ มันนอนเป็นผักเน่า ไม่รู้จะตื่นมาชาติไหน เชอะ ฆ่าตัวตายประชดความรัก พ่อขัดขวางไม่ให้แต่งงาน...สมน้ำหน้า”
สามคนหัวเราะหยันกันสนุกปาก อัญมามองปราดด้วยสายตาเจ็บใจ
“โชคดีจริงๆ ที่ฉันได้เห็นความคิดทุเรศๆ ของเธอ สุคนธรส แต่มันเป็นโชคร้ายของสารวัตรกฤษณ์ที่กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงกับเธอ”
“หยุดนะ นี่แกคงเที่ยวเสิร์ชข่าวฉันมาจากกูเกิ้ล เซเลบอย่างชั้นดังใครๆ ก็รู้จัก นักข่าวตามสัมภาษณ์ ลงข่าวทุกวัน”
อัญมาเหยียดยิ้ม “ตามสัมภาษณ์ หรือว่าจ่ายเงินซื้อสื่อ ให้เค้ามาทำข่าวกันแน่ พยายามโปรโมทตัวเอง ทั้งๆที่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง เรียนก็ไม่จบ ทำงานก็ไม่เป็น ความสามารถพิเศษอย่างเดียว คือสอดส่ายสายตา ควานหาผู้ชายรวยๆ แต่ฉลาดน้อย แล้วก็จิกมาเป็นสามี”
“แก...นังนี่”
สุคนธรสโกรธถึงขีดสุด พุ่งเข้าตบผัวะ จนอัญมาหน้าหัน
อัญมาเหลียวขวับ โผนเข้าหาสุคนธรส แต่จิรายุ และ อนุรุทเข้าขวาง
สุคนธรสบอกเสียงกร้าว “โยนมันออกไป”
อัญมาถูกจิรายุเหวี่ยงออกจากห้องทำงานจิรายุ ล้มลงไปกองกับพื้นหน้าห้อง พนักงานกับเลขาตกใจ รปภ.ตัวใหญ่ 2 คน วิ่งเข้ามากระชาก ล็อกแขนอัญมาไว้
“เอามันไปโยนหน้าตึก อย่าให้เข้ามาอีก” จิรายุสั่ง
จิรายุ อนุรุท และสุคนธรสมองอัญมาด้วยสายตาสมเพช รังเกียจ
“เรียกตำรวจมาจับมันเลย” อนุรุทบอก
“ที่นี่มันที่ของคนมีการศึกษา มีเงิน สภาพทุเรศอย่างแก อย่าเสนอหน้าโผล่เข้ามาอีก” สุคนธรสด่า
รปภ.ลากอัญมาออกไปท่ามกลางสายตารังเกียจของคนทั้งหมดในออฟฟิศ อัญมาเหลียวมองเพื่อนสนิทสามคน ด้วยสายตาเจ็บแค้น ที่ได้เห็นธาตุแท้ของคนทั้งสามคน
“นี่สินะธาตุแท้ของพวกเธอ ไม่มีเพื่อนแท้ มีแต่ความริษยา พร้อมจะเหยียบย่ำกันตลอดเวลา”
ด้านภควัตทำทีเป็นยืนเลือกเสื้ออยู่ในห้าง จ่าเดชทำเป็นเดินมาเลือกใกล้ๆ เอ่ยขึ้นก่อนว่า
“ยังหาตัวไอ้อัญไม่เจอเลยครับ”
“ผมไปที่ค่ายมวยมาแล้ว ยังไม่เห็นอะไรน่าสงสัย”
“เอาไงต่อดีครับ”
“หาตัวไอ้อัญให้เจอ เราต้องใช้มัน”
จ่าเดชวางเสื้อ ทำเป็นเดินออกไปดูอย่างอื่น ภควัตคิดถึงไอ้อัญแล้วมีสีหน้าเป็นกังวล
ฝ่ายอัญมาเดินมาถึงกลางสะพานไม้ นึกถึงตนตอนที่เป็นคุณหนูอัญมาปรากฏกายเฉิดฉายในวงสังคม มีสุคนธรสยิ้มเยือนอยู่ข้างๆ เห็นชัดว่ารัศมีของอัญมากลบสุคนธรสจนหมอง คนในงานโดยเฉพาะหนุ่มๆ ต่างพากันมองอัญมาอย่างชื่นชมจนสุคนธรสรู้สึก รอยยิ้มจึงค่อยๆ หุบลงต่างจากอัญมาที่ยิ้มกว้างอย่างสมใจ
อัญมามองลงไป เห็นผืนน้ำกว้าง
“ฉันไม่ใช่คุณหนูอัญมา ที่นี่ชั้นคือ ไอ้อัญ เด็กติดยา มีแม่ขายไก่ทอด บ้านอยู่ในชุมชนแออัด... วิญญาณเธออยู่ไหน ไอ้อัญ...”
อัญมาเหลียวมองไปรอบๆ บริเวณนั้น
“กลับมาสิ กลับมาร่างของเธอ เธอต่างหากที่อยากตาย ไม่ใช่ฉัน”
ลมแรงพัดมาวูบหนึ่ง อัญมารู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่าง จนต้องกอดตัวเอง
“หรือว่าเธอตายไปแล้ว วิญญาณเธอจะไม่กลับมาแล้ว ไม่นะ แล้วฉันล่ะ...ฉันจะกลับไปร่างของฉันยังไง ฉันตกน้ำ”
อัญมามองความลึกของน้ำ แล้วตัดสินใจ อยากจะโดดลงไป แต่ภาพและคำพูดของภควัตที่พูดเตือนสติย้อนมากระตุกใจอัญมา
“ไม่ว่าร่างไหน ไอ้อัญ หรือคุณหนูอัญมา ตอนนี้เธอก็มีชีวิต...จำไว้ เราต้องทำชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุด... ในเวลาที่เรายังมีลมหายใจ”
สุดท้ายอัญมาได้คิด ถอยห่างจากราวสะพาน
“ไม่ ฉันจะไม่ยอมตาย ฉันจะต้องหาทางกลับไปใช้ชีวิตคุณหนูอัญมาของชั้น ฉันไม่ได้เกิดมาเป็นไอ้อัญ”
อัญมาวิ่งเร็วรี่ออกไปจากตรงนั้น โดยไม่ยอมแพ้โชคชะตา
อ่านต่อหน้า 2
คีตโลกา ตอนที่ 2 (ต่อ)
เย็นนั้น อธิคมนอนอยู่บนเตียงในห้องพักที่เจ๊ว่านเปิดไว้บริการลูกค้าพิเศษ แอนนี่กับเด็กสาวอีกคนนอนซบอยู่บนอกเขา เจ๊ว่านเปิดประตูเข้ามา อธิคมปรายตามอง เจ๊ว่านเปิดปากถาม ท่าทีนอบน้อมเกรงใจเต็มที่
“เด็กเจ๊ว่าน บริการถูกใจมั้ยคะ คุณอธิคม”
อธิคมลุกขึ้น ใส่เสื้อ แอนนี่รีบลุกมาช่วยใส่ให้
“ก็ดี วันหลังให้ไปที่บ้านฉันแล้วกัน”
เจ๊ว่านยิ้มย่อง “ได้เลยค่ะ เจ๊ว่านจะคัดสรรเด็กใหม่ๆ ส่งไปให้นะคะ”
อธิคมหยิบแบงค์พันจากกระเป๋าเสื้อ โยนให้แอนนี่กับเด็กสาวอีกคน แอนนี่กับเด็กสาวทั้งสองรีบคว้าไว้ อธิคมส่งแบงก์พันให้เจ๊ว่านอีกปึก เจ๊ว่านรับมาแล้วไหว้อย่างสวยงาม
เจ๊ว่านมอง แอนนี่กับเด็กสาว 2 คนรีบออกไป เจ๊ว่านเดินมาใกล้อธิคม จีบปากจีบคอเสนอสินค้า
“เจ๊มีเด็กใหม่ซิงๆอยู่คนนึง อยากให้คุณอธิคมได้เจอ”
“ใคร”
“ไอ้อัญค่ะ”
“เด็กแถวนี้เหรอ”
“คุณอธิคมไม่อยู่ที่นี่ปีนึง คงจะไม่เคยเห็น มันก็ป้วนเปี้ยนทำงานให้พ่อคุณ...พี่บังน่ะค่ะ”
อธิคมคาใจ “ทำงานให้พ่อ...จะเหลือดีเรอะ อย่ามาย้อมแมวหลอกเงินชั้นดีกว่า เจ๊ว่าน เดี๋ยวจะไม่ได้เปิดร้านทำมาหากินต่อ”
“คนนี้เจ๊รับรองค่ะ ถามมาหมดแล้ว ไม่เคยมีใครได้แอ้มเลย มันหวงตัวนะคะ เล่นของหนักแค่ไหน มันก็ไม่ยอมเสียตัวง่ายๆ”
อธิคมหันมามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่มีหรอก เด็กแบบที่เจ๊ว่า แล้วผู้หญิงแถวนี้ ถ้าจะหาดีเหลือ ก็ยิ่งกว่างมเข็มในทะเล”
อธิคมเดินออกไปจากห้อง เจ๊ว่านมองตาขวางหมั่นไส้เต็มทน
“ก็ไอ้ที่มันพากันลงนรก ก็เพราะยาของมึงสองพ่อลูกทั้งนั้นแหละ ถุย”
อธิคมจอดรถลงหน้าค่ายมวยตอนเย็น เก้า ลูกน้องบังเดินเข้ามาใกล้ อธิคมมองฉงน
“ผมชื่อ เก้า...พี่บังให้คอยมารับใช้คุณ”
อธิคมโยนกุญแจให้ “ล้างรถให้ฉันด้วย”
ขณะที่อธิคมกำลังจะเดินเข้าไปทางตัวบ้านที่อยู่ด้านหลัง เขารู้สึกแปลกๆ หันไปมองโดยรอบแต่กลับไม่เห็นใคร
ภควัตหลบวูบด้านหลังพุ่มไม้
อธิคมขยับมอง เก้าชักปืน
“ผมไปดูให้เอง”
เก้าเดินนำ ภควัตลอบมอง เห็นเก้าเดินออกมา อธิคมเดินตาม
ภควัตตัดสินใจ เดินหลบออกไปอีกทาง แต่เด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งมา ภควัตฉากหลบ แต่เก้ามองเห็นร่างภควัตวูบหลังพุ่มไม้
อธิคมร้องขึ้น “นั่น มัน...”
ภควัตออกวิ่ง เก้ากับอธิคมวิ่งตามทันที
“หยุดนะมึง” เก้าร้อง
อธิคมกร้าว “จับให้ได้”
พวกนักมวยพากันกระจายวิ่งตามไปเป็นพรวน
ภควัตวิ่งหลบหลีก เข้ามาตามซอกซอยต่างๆ มีเก้ากับอธิคมวิ่งตามมาติดๆ นักมวยแยกกันไปดัก
ภควัตวิ่งหนี อธิคม และ เก้ามองเห็นหลังไวๆ
อธิคมหยิบปืนออกจากเอว เตรียมพร้อม ชาวบ้านผ่านมาเห็นเหตุการณ์แตกกระเจิง
ส่วนภควัตวิ่งมาจนสุดซอย มองไปเห็นบึงอยู่ทางหนึ่ง เขามองด้วยแววตาตัดสินใจบางประการ อธิคมวิ่งตามมาหยุดมองหา
ภควัตหลบต่ำซุ่มมองอยู่ตรงที่ทิ้งขยะติดริมบึง กระชับปืนเตรียมพร้อมยิงเช่นกัน
อธิคมเล็งปืนเตรียมพร้อมเช่นกัน สืบเท้าเดินตรงไปทางบึงท่าทีระแวดระวัง
เวลานั้นผู้กองภควัตหลบต่ำตัวติดอยู่ที่พื้นบริเวณทิ้งขยะติดบึง มือจับปืนมั่นเตรียมพร้อม อธิคมสืบเท้าเดินใกล้เข้ามา เล็งปืนพร้อมเช่นกันขณะเดินไปยังจุดที่ภควัตซ่อนตัวอยู่
จังหวะนี้ เก้าวิ่งมาจากอีกทาง
“เจอตัวแล้ว มันวิ่งไปทางโน้น”
อธิคมหันหลัง วิ่งตามไปทางที่เก้าบอกทันที
ภควัตลอบมองผ่านรูสังกะสี สายตาวาววับจ้องจับไปที่อธิคม ด้วยความแค้นใจ
“อธิคม...แกยังไม่ตายจริงๆ
ภควัตหยิบมือถือมากดโทร.ออก
“จ่าเดช เจอตัวไอ้อัญหรือยัง”
เสียงปลายสายจ่าเดชตอบมาว่า “ยังเลยครับ”
ภควัตสั่ง “รีบหาตัวไอ้อัญให้เจอ”
อัญมาที่ภตวัตกำลังตามหา เปิดประตูกลับเข้าบ้านมา โดยไม่ทันสังเกตเห็นสัญชัย พ่อเลี้ยงที่นั่งอยู่หน้ากับแกล้มและขวดเหล้าขาวอยู่สุดมุมบ้าน
อัญมาเดินเข้าไปทางห้องนอน สัญชัยลดขวดเหล้าในมือลง มองตามอัญมาไป สีหน้าเมากรึ่มๆ ยิ้มเจ้าเล่ห์
อัญมาทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกเก่าๆ ในห้องนอนที่หล่อนเคยมองว่าโสโครก เหนื่อยจนหมดความรังเกียจ สัญชัยผลักประตู เดินเซเข้ามาในห้อง
อัญมาหันไปเห็นก็ตกใจ “แก แกเป็นใคร”
สัญชัยยิ้มหื่น “ได้ข่าวว่าเอ็งตกน้ำตกท่าจนเพี้ยน ท่าจะจริง”
“แกเป็นใคร เข้ามาทำไม”
สัญชัยยิ้มขำ “โธ่ เอ็งลืมพ่อเลี้ยงสุดที่รักของเอ็งซะแล้วเหรอไอ้อัญ ให้ข้าช่วยเตือนความจำนะว่าเราพ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยงรักกันขนาดไหน”
สัญชัยเดินไม่ตรงทางเพราะเมาหนัก เข้ามาหาอัญมา พยายามลูบ แตะเนื้อต้องตัว
“ตกน้ำไป เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ให้พ่อช่วยดูนะ”
อัญมาร้องกรี๊ด ขยะแขยงสุดจะประมาณ ปัดป้องพัลวันอย่างรังเกียจ
“ออกไปนะ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
อัญมาสะบัดตัวหนี แต่โดนสัญชัยคว้าแขนไว้แน่นแล้วดึงเข้ามา อัญมาหน้ามืด หายใจไม่ออก อยู่ๆเกิดอาการลงแดงอยากยา ตัวสั่น สัญชัยกลับเข้าใจไปอีกทาง
“โถ...โถ ไอ้อัญ ไม่เคยต้องมือชายล่ะสิ สั่นเป็นลูกนกเลย”
สัญชัยดึงอัญมาที่กำลังตัวสั่น อยากยาเข้ามาใกล้ อัญมามองอย่างรังเกียจ แต่หมดเรี่ยวแรงจะขัดขืนได้แต่ร้อง
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
สัญชัยก้มลงจะจูบอยู่รอมร่อ
“มามะ ไม่ต้องกลัว ข้าจะสอนให้ว่าคนเราหาความสุขกันได้ยังไง”
อัญมาขยะแขยงสุดๆ รวบรวมแรงที่มีผลักสัญชัยเต็มที่ ร่างสัญชัยกระเด็นไปชนตู้เสื้อผ้า ของหล่นลงมาใส่หัวดังโครมคราม
ขณะเดียวกัน อุบลเข็นรถขายไก่ทอดกลับมาพอดี ได้ยินเสียงตึงตังมาจากห้องลูกสาว
“ไอ้อัญ”
อุบลใจหาย ทิ้งของรีบเข้าบ้านไปทันที
แอร๊ย....”
เสียงอัญมาร้องกรี๊ดดังลั่นบ้าน สัญชัยที่กำลังลุกขึ้น ตกใจ
“เฮ้ย...ไอ้อัญ แกเป็นอะไรวะ ผีเข้าหรือเปล่า”
อัญมาตัวสั่นเทา เสี้ยนยาจนหยุดตัวเองไม่ได้
“ช่วยด้วย ฉัน...ปวดท้อง”
อัญมาทรุดลงกับพื้น ตัวงอเป็นกุ้ง
“ปวดท้องได้ยังไง ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย”
สัญชัยยืนเง็ง ท่าทีละล้าละลัง เห็นอัญมาดิ้นทุรนทุราย ทำอะไรไม่ถูก
อุบลผลักประตูพรวดเข้ามา เห็นอัญมานอนดิ้นกับพื้นก็แว้ดใส่ผัว
“ไอ้สัญชัย แกทำอะไรลูกฉัน”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรนะเว้ย ไอ้อัญต่างหาก เป็นบ้า ชักดิ้นชักงอของมันเอง”
“ไอ้ตอแหล ไอ้หน้าด้าน เอ็งไม่ทำ แล้วลูกข้าจะเป็นอย่างนี้ได้ยังไง”
อุบลเข้าไปใกล้ จับไหล่อัญมา แต่อัญมาปัด ผลักไสออกเท่าที่แรงจะมี
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“อัญ นี่แม่เอ็งนะ
อัญมาโซเซลุกขึ้น “ไม่ใช่...ไม่ใช่แม่ฉัน”
สัญชัยบุ้ยใบ้ “เห็นมั้ย ลูกเอ็งมันตกน้ำจนเป็นบ้า”
อัญมาสั่นไปทั้งร่าง ตาขวาง จิ๊บที่ตั้งใจแวะมาหา วิ่งเข้ามาเห็นสภาพเพื่อนก็รู้ทันที
“ป้าอุบล ไอ้อัญมันลงแดง”
“อะไรนะ ลงแดง โธ่ ไอ้อัญ ลูกแม่”
อุบลใจหล่นวูบ เข้าไปกอดประคองอัญมาไว้ สงสารลูกจนน้ำตาซึม
“ลงแดง...ไม่จริง ฉันไม่ได้ติดยา ฉันไม่ได้ติดยา”
อัญมาสุดจะรับไหว หล่อนกรีดร้อง ผลักอุบลออก แล้ววิ่งสะเปะสะปะโซเซออกไป
อุบล กะ จิ๊บ ร้องตาม “ไอ้อัญ”
อัญมาในร่างไอ้อัญวิ่งพรวดออกจากบ้าน จิ๊บวิ่งตาม
“ไอ้อัญ กลับมา ไอ้อัญ”
อุบล สัญชัยวิ่งออกมามอง
อัญมาวิ่งชนคนเปะปะออกไปเพราะฤทธิ์อยากยา จิ๊บวิ่งตามไป อุบลมองสภาพลูกแล้วสงสารจับจิต ร้องไห้ออกมา
“ไอ้อัญ ลูกแม่...ทำไม ทำไมต้องไปลองไอ้ยานรกพวกนั้นด้วย”
อัญมาวิ่งกระเซอะกระเซิงมาตามทางในซอย จิ๊บวิ่งตามมา
“ไม่จริง ฉันไม่ได้ลงแดง ฉันไม่ได้ติดยา ฉันจะกลับบ้าน บ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ คุณพ่อ คุณแม่ ช่วยอัญด้วย”
“ไอ้อัญ กลับมา”
ไอ้นวยที่เดินกินไอติมมาจากอีกทาง ตกใจเห็นอัญมาวิ่งผ่านหน้าไป
จิ๊บตะโกนนบอก “ไอ้นวย จับไอ้อัญ”
นวยวิ่งไปทางอัญมา แต่อัญมาคว้าเข่งขยะปาใส่
“พวกแกอย่ามายุ่งกับชั้น ไป ไป้ให้พ้น”
อัญมาปาเข่งใส่ โดนนวย กับ จิ๊บ สองคนหงายหลัง ล้มกันไป จ่าเดชวิ่งมาเห็น
“เฮ้ย นั่นไอ้อัญ ต้องบอกผู้กอง”
ผู้กองภควัตกลับฐานลับแล้วตอนนี้ รีบกรอกเสียงสั่งจ่าเดชทางโทรศัพท์
“จ่าเดชตามจับตัวไอ้อัญให้ได้ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ภควัตวิ่งพุ่งออกไปจากฐานลับทันที
อัญมาเดินมาทรุด เกาะสะพาน ลงแดงเต็มที่ เนื้อตัวสั่น อัญมาปวดท้องหนัก ทุกข์ทรมานสุดขีด น้ำตาไหลพราก ร้องครวญคร่ำน่าเวทนา
“ฉันเป็นอะไร ปวดท้องเหลือเกิน ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันทำอะไรผิด ทำไมฉันต้องมาเป็นไอ้อัญ เอาชีวิตฉันกลับมา”
อัญมามองลงไปในสายน้ำ ข้างล่างเป็นผืนน้ำสีดำมืดมิด
“ฉันคือคุณหนูอัญมา ฉันไม่เคยหนีปัญหา ฉันจะไม่ฆ่าตัวตาย”
อัญมาลงแดง ตัวสั่น ยืนโงนเงน พร่ำเพ้อ
“ฉันคือคุณหนูอัญมา ไม่ใช่...ไอ้อัญ...”
อัญมาหมดแรง ทรงตัวไม่ไหว ร่างโงนเงนจนตกไปจากราวสะพาน ร่วงลงน้ำเบื้องล่างอย่างเร็ว
ฟากภควัตในชุดนอกเครื่องแบบ เร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์คันสวยของตัวเองมาอย่างเร็วและแรงราวกับจะบิน
ร่างอัญมากำลังดำดิ่งลงไปในสายน้ำลึกลงไปๆ สติอัญมาย้อนนึก เห็นภาพตอนตัวเป็นคุณหนูหรูไฮ ฉากแล้วฉากเล่า
“ชั้นกำลังจะได้กลับไปโลกของชั้น คุณหนูอัญมา”
ภควัตขับรถเร็วมา เห็นที่ราวสะพานชาวบ้านพากันมุงดูบางอย่างราว 5-6 คน
ภควัตมองแล้วตัดสินใจหยุดรถ วิ่งทะยานลงมาหยุดดู ชาวบ้านกำลังจับกลุ่มเมาท์เซ่งแซ่
ชาวบ้าน 1 บอก “ผู้หญิงมาโดดน้ำตาย”
ชาวบ้าน2 ว่า “อกหัก แฟนทิ้งหรือเปล่า”
ชาวบ้าน 1ท้วง “ไม่หรอก ท่าทางมันขี้ยา”
ภควัตได้ยิน แล้วฉุกคิด “ไอ้อัญ”
ภควัตหันไปมอง สังหรณ์ใจ ข้ามราวสะพาน พุ่งตัวกระโจนลงไปทันที ชาวบ้านเอะอะ
“ผัวมัน ผัวมันตามลงไปช่วยแล้ว”
อัญมากำลังจะหมดสติ หมดแรง มือเริ่มตกลง สำนึกสุดท้ายอัญมาคิดถึงแต่ ภรณี กับอรรณพ ผู้เป็นพ่อแม่
“ฉันจะกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่”
มืออัญมาตกลงอย่างคนหมดสติ อัญมากำลังดำดิ่งลงสู่ด้านล่าง
จังหวะนี้เองร่างภควัตพุ่งเข้ามาช้อนร่างอัญมาขึ้นไว้อย่างทันเวลา
เวลาเดียวกัน ไอ้อัญในร่างอัญมา นอนใช้เครื่องช่วยหายใจ ไม่ได้สติ อยู่บนเตียงภายในห้องพักวีไอพี ของโรงพยาบาลเอกชน
ภรณีกุมมือลูกสาวมากุมไว้แนบแก้ม อรรณพมองด้วยสายตาหมองเศร้า
“ฟื้นขึ้นมาเถอะนะ ลูกแม่ แม่กับพ่อคิดถึงลูกที่สุด อัญมา”
ภรณีร้องไห้โฮ อรรณพเข้ามากอดเมียรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันด้วยความเศร้า
ไอ้อัญยังนอนเป็นผักไม่ได้สติตามเคย
ชาวบ้านชะเง้อมองลุ้นอยู่บนสะพานไม้ละแวกชุมชน
สักครู่นั้นเอง ภควัตลากอัญมาขึ้นมานอนแผ่ที่ริมน้ำ ชาวบ้านยิ้ม เฮ ปรบมือ
ภควัตเนื้อตัวเปียกปอน มอง อัญมาที่นอนสลบ อยู่ริมฝั่งแล้วหอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อย
“จะโดดน้ำตายอีกกี่รอบห๊า ไอ้อัญ แล้วทำไมฉันต้องช่วยแกไว้ทุกรอบด้วยเนี่ยะ”
ภควัตมองอัญมาด้วยสายตาทั้งเคืองทั้งเป็นห่วง โดยไม่รู้ตัว
ฟากจ่าเดชเตร็ดเตร่หาข่าวอยู่ในชุมชน และตอนนี้กำลังคุยมือถือกับภควัต
“เจอไอ้อัญแล้วเหรอครับ ผู้กอง”
ภควัตอยู่ตรงสะพานไม้ กำลังคุยมือถือกับจ่าเดช สายตามองไปยังอัญมาที่ยังนอนสลบอยู่
“เจอตัวแล้ว แต่ผมยังพาไอ้อัญกลับไปที่บ้านไม่ได้ มีธุระสำคัญต้องคุยกับมัน จ่าบอกแม่ของไอ้อัญไปก่อนแล้วกันนะ บอกอะไรก็ได้ที่เค้าจะไม่เป็นห่วงลูกสาว”
จ่าเดชดำเนินการตามคำสั่งผู้กอง ตอนนี้ยืนคุยอยู่หน้าอุบล จิ๊บ และนวย อยู่หน้าบ้าน
“ไม่ต้องห่วง ไอ้อัญมันไม่ได้โดนจับ”
“แล้วมันหายไปไหน จ่าเอาตัวลูกสาวชั้นไปไหน”
“เจ๊อัญโดนอุ้มฆ่าหรือเปล่า”
“ไอ้นวย ปากไอ้ด่างนะ เดี๋ยวคนโดนอุ้มจะเป็นเอ็ง ข้าไม่ได้เอาตัวไอ้อัญไปไหนโว๊ย”
“แล้วมันอยู่ไหน” จิ๊บสงสัย
สัญชัยเดินออกมาเยี่ยมหน้ามอง จ่าเดชหันไปทางสัญชัย ทุกคนมองตาม สัญชัยร้อนตัว
“ข้ายังไม่ได้ทำอะไรไอ้อัญมันเลยนะ เห็นไอ้อัญมันส่งเสียงตึงตัง ก็เป็นห่วง เลยเข้าไปดู เห็นมันชักดิ้นชักงอ พอจะเข้าไปช่วย นังอุบลมันก็เข้ามาพอดี”
จ่าเดชตัดบท “ไม่ต้องเล่าเท้าความมาตั้งแต่ปากซอยหรอก สัญชัย ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว ไม่ต้องห่วงกันนะ ตอนนี้ไอ้อัญมันอยู่ในที่ปลอดภัย”
อุบลร้อนใจไม่หาย “ก้อที่ไหนล่ะ จ่า”
“เออ น่า ไม่ต้องเซ้าซี้ บอกว่าปลอดภัย ก็คือปลอดภัย”
“ก็ทำไมบอกไม่ได้เล่า ป้าอุบลแกก็เป็นแม่เจ๊เค้า”
จ่าเดชวางมาดบอกว่า “ฟามลับ”
จิ๊บหงุดหงิด “ลับเลิบอะไร ฉันไม่สนแล้ว จ่าจับไอ้อัญไปที่โรงพักใช่มั้ย ไป น้าอุบล ไอ้นวย ไปเอาตัวไอ้อัญออกมา”
จิ๊บนำขบวนนวยกับ อุบลจะออกไป จ่าเดชเอ่ยสั่งเสียงเข้ม
“หยุด หยุดแล้วถอยกลับไป อย่าให้จ่าเดชเดชาอารมณ์เสียกว่านี้ ฟังกันมั่งสิวะ”
อุบล จิ๊บ นวย สัญชัยพากันมองจ่าเดชเป็นตาเดียวกัน
“ใครไม่ฟัง ข้าจับยัดให้นอนคุกหมดทั้งบ้านวันนี้แหละ”
จ่าเดชทำหน้าตาถมึงทึง เอาเรื่องสุดชีวิต
ค่ำคืนนั้น ภควัตอุ้มอัญมาเข้าบ้านมานอนลงที่โซฟาในบ้านหลังเล็กของเขา ภควัตมองร่างแบบบางผอมเกร็งที่ยังไม่ได้สติ แล้วเดินไปปิดม่าน
ภควัตเห็นมาลี เด็กรับใช้จากบ้านคุณหญิงวรจันทร์ด้อมๆ มองอยู่ห่างตัวบ้านจึงรีบดึงม่านปิดลง หันมามองทางอัญมาด้วยสีหน้ากังวล
ขวัญอนงค์อยู่ในห้องโถงกลางลุกพรวดขึ้นจากโซฟา มองมาลีที่มารายงานข่าวจากบ้านเล็ก
“แน่ใจนะว่าพี่วัตพาผู้หญิงเข้าบ้าน
“พอหนูเห็นไฟในบ้านเปิดก็รีบไปแอบดู คุณวัตเหมือนจะเห็นหนู เลยรีบปิดม่านค่ะ”
“พี่วัต พาผู้หญิงที่ไหนมาค้าง”
ขวัญอนงค์เดินเร็วรี่ออกไปด้วยความสงสัยและห่วงพี่ชาย
คุณหญิงวรจันทร์เดินลงมาจากด้านบน มองเห็นหลังขวัญอนงค์เดินเร็วออกไป ก็ถามมาลีทันที
“มาลี...คุณน้องออกไปไหนกลางดึก”
ขวัญอนงค์เดินดิ่งเข้าบ้านมาในส่วนรับแขก ภควัตหันมาเห็นก็มองตกใจ
“คุณน้อง นี่มันดึกแล้ว มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ขวัญอนงค์ยิ้มแล้วทำมองเลยไปด้านใน
“น้องดีใจ เห็นพี่วัตกลับบ้าน เลยอยากมาถามว่าทานอะไรมาหรือยังน่ะค่ะ”
“ทานแล้วครับ ขอบคุณมากครับ”
ขวัญอนงค์ขยับกายมอง ภควัตเอาตัวบังขยับตาม
“ผมว่าคุณน้องขึ้นตึกใหญ่ไปพักผ่อนเถอะครับ”
ขวัญอนงค์ยังไม่ยอมไป พยายามจะหาให้เจอว่าภควัตซ่อนใครอยู่
“พี่วัตทำงานอีกหรือเปล่าคะ น้องไปชงกาแฟให้นะคะ”
ขวัญอนงค์พรวดเข้าไปในครัวเลย ภควัตมีสีหน้ากังวลกลัวถูกจับได้ รีบหันหลังตามไป
“คุณน้องครับ”
พอเข้ามาในครัว ขวัญอนงค์รีบตักกาแฟชงอย่างไวว่อง ภควัตพยายามห้าม
“พี่ทำเองได้ครับคุณน้อง”
ขวัญอนงค์รีบกดน้ำร้อน
“เสร็จพอดีค่ะ กาแฟหอมๆ”
ภควัตยื่นมือไปจะรับแก้วกาแฟ แต่ขวัญอนงค์ยังไม่ยอมเท่านี้
“พี่วัตทำงานในห้องนอนใช่มั้ยคะ น้องเอาขึ้นไปให้เองค่ะ”
ขวัญอนงค์ถือแก้วกาแฟ เดินนำออกไปเลย ภควัตมองตกใจ รีบวิ่งตาม
“คุณน้อง”
ขวัญอนงค์เปิดประตูห้องนอนภควัตเข้ามา รีบวางแก้วกาแฟที่โต๊ะ ตรงมามองที่เตียง ภควัตตามเข้ามา
“คุณน้อง อย่าเข้ามาในห้องนอนผมเลยครับ”
ขวัญอนงค์สอดตามองไปรอบๆ
“มันไม่เหมาะนะครับ”
“ไม่เหมาะอะไรคะ น้องแค่เอากาแฟมาให้พี่ชายของน้อง”
ภควัตถามยิ้มๆ “คุณน้องมองหาใครเหรอครับ”
“ไม่ค่ะ ไม่ได้หาใคร เอ่อ...พี่วัตอยู่คนเดียวหรือเปล่าคะ”
ภควัตหัวเราะทำเป็นขัน “คุณน้องเห็นใครอีกคนในห้องพี่เหรอครับ”
ภควัตยิ้มทำใจดีสู้เสือ ขวัญอนงค์มองอย่างสงสัย
“ไม่มีแน่นะคะ”
“แน่ครับ ไม่มี”
ภควัตยิ้มกว้างไร้พิรุธ ขวัญอนงค์มองอย่างจำใจต้องถอย
ไม่นานต่อมาคุณหญิงวรจันทร์มองลูกสาวที่รีบมาฟ้องเรื่องภควัต
“พี่วัตต้องซ่อนผู้หญิงไว้ในบ้านแน่ๆ ค่ะ คุณแม่ น้องมั่นใจ”
คุณหญิงตกใจ “ตายจริง พากันมาดึกๆ ดื่นๆ ผู้หญิงแบบไหนกัน”
“เสียดาย น้องหาไม่เจอ”
“ใจเย็นๆ ลูก ดึกแบบนี้พี่วัตเค้าอาจจะคิดว่าเราไปยุ่มย่าม แต่ถ้าพรุ่งนี้เช้า ผู้หญิง คนนั้นยังอยู่ เราต้องได้เห็นหน้าแน่ๆ”
สีหน้าคุณหญิงวรจันทร์เต็มไปด้วยความสงสัยไม่ต่างจากบุตรี
อ่านต่อหน้า 3
คีตโลกา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ด้านภควัตเปิดตู้เสื้อผ้าออก อัญมานั่งสลบอยู่ในนั้น ภควัตแบกอัญมาออกมาวางบนเตียง จากนั้นภควัตเอาผ้าเย็นชับน้ำพอหมาด เช็ดตามแขน ให้อัญมา แต่อัญมายังไม่ได้สติ
“อย่าสลบจนฟื้นไปเป็นคุณหนูอัญมาอย่างที่แกโม้นะ ไอ้อัญ”
ภควัตพูดยิ้มๆ แล้วเอาผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดหน้าให้
สักครู่หนึ่งอัญมาค่อยๆ ได้สติ ลืมตามองเห็นภควัต ทั้งตกใจและแปลกใจ
“นาย”
อัญมากุมหัว มองไปรอบๆ เห็นเป็นห้องนอนสวย เรียบ แต่ดูหรู
“เดี๋ยวนะ ฉันไม่ได้ฟื้นมาในชุมชน แสดงว่าฉันกลับมาที่ไหนสักแห่งโลกของฉันแล้ว แต่ทำไมฉันยังเห็นหน้านายอยู่”
ภควัตยิ้มกวน “มันก็แสดงว่า แกยังอยู่ที่โลกใบเดิมของแกไง ไอ้อัญ”
อัญมาลุกพรวดมายืนข้างเตียง มองไปรอบๆ
“แล้วนี่ที่ไหน”
“บ้านฉัน”
“คิดอะไรกับฉันใช่มั้ย ถึงพามาบ้าน อย่าคิดว่าทำมิดีมิร้ายกับคนอย่างชั้นได้ง่ายๆ นะ”
ภตวัตหมั่นไส้ “จะร้องให้คนช่วยใช่มั้ย หรือจะแจ้ง 191 เลือกเอา...ฉันจะได้เตะแกพ้นรั้วเดี๋ยวนี้เลย”
อัญมาคิดปราดเดียว “อย่าเพิ่ง ฉันยังไม่อยากกลับไปนอนในบ้านโกโรโกโสนั่น ยังไงบ้านนายก็ดีกว่าตั้งเยอะ เออ แล้วนายพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ชั้นชื่อภควัต”
“อ้อ ใช่ เพื่อนจ่าเดช นายเป็นจ่าเหรอ”
“ผู้กอง” ภควัตบอก
“เจ้าค่ะ” อัญมาพูดน้ำเสียงประชด “ผู้กองภควัต มีอะไรก็พูดมา”
“วันหลังอย่าคิดฆ่าตัวตาย”
“ฉันไม่ได้โดดน้ำฆ่าตัวตาย ฉันปวดท้อง มันปวดจนแทบตาย แล้วฉันก็ร่วงลงไป”
“แล้วยังปวดอยู่หรือเปล่า”
“หายแล้ว”
อัญมาหันมองมา เห็นสายตาห่วงใยของภควัตมองตรงมาที่ตัวเอง
เวลาเดียวกันนั้น ทางฝ่ายสัญชัยนอนดูทีวี มีขวดเหล้ากองที่พื้นบ้าน อุบลเหลือบตามอง แล้วสับไก่ด้วยอีโต้เสียงดัง
“ถ้าไอ้อัญเป็นอะไร ข้าจะไม่ไว้หน้า ไม่ไว้ชีวิตคนที่มันทำร้ายลูกข้า”
อุบลสับอีโต้ลงที่โครงไก่แรงๆ
สัญชัยสะดุ้งเฮือก มองไก่ที่ขาดสองท่อนด้วยความหวาดเสียว
อัญมามองไปไกล ภควัตมองอัญมาที่พูดไปเรื่อยๆ
“มีผู้หญิงที่หน้าเหมือนฉัน...เค้านอนเป็นคุณหนูอัญมาอยู่ที่โรงพยาบาล”
ภควัตเบื่อจะฟัง เบือนหน้าหนี ทำท่าจะลุกขึ้น
“ฉันไม่ได้โกหก ฉันไปเห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว ถ้าฉันมีฝาแฝดล่ะ”
“พลัดพรากจากกันตั้งแต่เด็ก ไหนล่ะ เปิดก้นสิ ฉันจะดูให้ว่าเธอมีปานแดงที่จะเป็นหลักฐานให้เจ้าคุณปู่ตรงไหน”
อัญมาเซ็ง “บ้า คุณนี่มันบ้ากว่าฉันอีก”
“ทำใจได้แล้วไอ้อัญ ถ้าแกตกน้ำอีกครั้ง ฉันอาจจะไปช่วยไว้ไม่ทันเหมือนสองครั้งที่ผ่านมา”
อัญมาถามโดยไม่คิดอะไรว่า “ทำไมต้องเป็นผู้กองที่ช่วยฉัน”
“โชคชะตา กรรม หรือไม่ก็...พรหมลิขิตมั้ง” ผู้กองว่าส่งๆ
“ถ้าพรหมลิขิตคือฉันต้องอยู่บ้านของป้าอุบล ขายไก่ทอด ติดยา ต้องทนอยู่กับไอ้พ่อเลี้ยงคนนั้นจริงๆใช่มั้ย เฮ้อ...ชั้นขอตายดีกว่า”
ภควัตจ้องหน้าอบรมชุดใหญ่ “แล้วยังไง นี่คือชีวิตที่เธอกำลังมีลมหายใจอยู่นะ ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด มีคนตั้งกี่คนที่เค้าไม่อยากตาย ต่อให้เจอเรื่องร้ายแรงแค่ไหน เขาก็พร้อมจะสู้ต่อ บางคนต่อสู้แค่ไหนกลับต้องตาย แต่นี่เธอมีมือ มีสมอง มีอวัยวะครบสามสิบสอง มีชีวิต มีลมหายใจ แล้วเธอได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างหรือยัง หรือคิดถึงแต่ความสุขสบายของตัวเอง”
“ทำไมต้องมาว่าฉันด้วย จะเป็นหรือตาย มันก็สิทธิ์ของฉัน”
ภควัตชักฉุน “นี่ที่ฉันพูดขนาดนี้ เธอก็ยังไม่รักร่างกายนี้ใช่มั้ย”
“ไอ้อัญ” อัญมาชี้ตัวเอง “ผู้หญิงคนนี้ติดยา ลงแดง เรียนไม่จบ มีแม่ขายไก่ทอด ทั้งจนทั้งลำบาก แต่ฉันคือคุณหนูอัญมา ทำไมฉันต้องมารักร่างกายที่ไม่ใช่ของฉันด้วย”
“ก็ต้องมีเหตุผลสักอย่างที่แยกให้ไอ้อัญคนนี้ให้ต่างกับคุณหนูอัญมา แต่ไม่ว่าเหตุผลไหน เธอคือเจ้าของร่างนี้ เอายังงี้เพื่อความสบายของเธอต่อไปนี้ฉันจะเรียกเธอว่า อัญมา”
ภควัตเดินเข้ามาจ้องอัญมาใกล้ๆ อย่างเตือนสติ
“เธออาจจะไม่เชื่อนะ อัญมา ครั้งหนึ่งฉันก็เคยคิดสั้นเหมือนเธอ แต่คนที่ตายไป...ครอบครัวฉัน...คงไม่ยอมให้ฉันคิดแบบนั้น ฉันถึงต้องมีชีวิตอยู่ แล้วก็เป็นตำรวจ เพราะว่าสักวันหนึ่งฉันจะทำให้โลกนี้ สังคมนี้ดีขึ้น”
ภควัตมองจ้องอัญมา แล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้อัญมาคิดทบทวนทุกอย่าง
“ทำเพื่อคนอื่น...ทำให้สังคมนี้ดีขึ้น”
ในยามนี้ สีหน้าอัญมาสับสนเหลือแสน
ภควัตเดินลงมาทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาห้องรับแขก
“ไอ้อัญ อัญมา... ทำไมฉันถึงต้องเจอกับเธอด้วย”
ภควัตรำพึงด้วยความสงสัยก่อนจะหลับไปด้วยความเพลีย
รุ่วเช้า ขวัญอนงค์เดินไปเดินมา ชะเง้อไปทางบ้านภควัต มาลีวิ่งกลับมารายงาน
“คุณวัตยังไม่ออกจากบ้านเลยค่ะ”
คุณหญิงวรจันทร์เดินออกมากับท่านอภิกานต์ที่กำลังจะไปทำงาน ขวัญอนงค์รีบหันไปบอกพ่อกับแม่
“ผู้หญิงที่พี่วัตพามา ยังอยู่ในบ้านค่ะคุณแม่”
ท่านอภิกานต์แปลกใจ “ผู้หญิงที่ไหนกัน ยายน้อง”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณพ่อ”
คุณหญิงวรจันทร์บอกสามีว่า “ฉันกับลูกจะไปดูให้เห็นหน้าเช้านี้ค่ะ”
“วัตจะหาว่าเรายุ่งเรื่องส่วนตัวหรือเปล่า” ท่านรัฐมนตรีติง
“ก็ไหนวันก่อนยังบอกว่าไม่สนใจเรื่องแต่งงาน” คุณหญิงบ่น
“ถ้าเป็นคนที่จะแต่งงานด้วย คงไม่แอบพามากลางดึกแบบนี้หรอก”
ท่านอภิกานต์ยิ้มเป็นนัย เพราะรู้นิสัยผู้ชายด้วยกัน ขวัญอนงค์ค้อนพ่อ พอดูน่ารัก
“ไม่รู้ละ น้องขอเลือกพี่สะใภ้เอง”
“ใช่ค่ะ ตาวัตน่ะเก่งแต่เรื่องจับผู้ร้าย เรื่องผู้หญิงน่ะ ไม่เป็นสัปปะรด ดูแฟนคนก่อนสิคะ ยายสุคนธรส อะไรนั่น พอเห็นตาวัตไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่เว่อ ให้สมฐานะหลานรัฐมนตรี ก็ทิ้งไปซะเฉยๆ ตาวัตเสียใจจนไม่พูดไม่จากับใครเป็นเดือน ฉันไม่ยอมให้หลานต้องเจ็บอีกแน่”
คุณหญิงวรจันทร์มองไปทางบ้านเล็กของภควัตที่อยู่ในรั้วเดียวกัน
“ไม่รู้ละ ใครจะเรียกว่าจุ้นจ้าน แต่ฉันเรียกว่า ความหวังดี ฉันจะเลือกสะใภ้ให้หลานชายของฉันเอง”
ท่านอภิกานต์ยิ้มขำๆ “โอเคครับ คุณวรจันทร์ผู้มีสายตาหลักแหลม ยังไงก็อย่าเอาเรื่องจนบ้านแตก ผู้หญิงวิ่งหนีแทบไม่ทันนะ”
“ก็เอาตัวรอดให้ได้แล้วกันค่ะ ไป ยายน้องไปกับแม่”
คุณหญิงคว้ามือขวัญอนงค์ออกไปทันที ท่านอภิกานต์ได้แต่มองยิ้มๆ อย่างรู้นิสัยเมีย
อัญมาตื่นนอนแล้ว หล่อนออกจากในห้อง เดินลงบันไดมาชั้นล่าง เห็นบ้านปิดม่านทั้งหลัง ภควัตกำลังดื่มกาแฟ ดูข่าวเช้าช่อง 7 HD อยู่
“ปิดบ้านซะยังกับเป็นแวมไพร์”
อัญมาจะเปิดม่านออก ภควัตพุ่งเข้ามาดึงมืออัญมาไว้
“อย่าเปิด”
อัญมาหันไปมอง สองร่างมองกันในระยะประชิด สองสายตาสบกันจังๆ ภควัตมองแววตากลมโตของอัญมาแล้วชะงัก มองนิ่งเนิ่นนาน ความรู้สึกใกล้ชิดเกิดขึ้นแปลกๆ
“ทำไมเปิดไม่ได้”
“ฉันแพ้แสง”
“ตลกละ ตำรวจแพ้แสง แพ้แดด แพ้เหงื่อตัวเองด้วยหรือเปล่า เปราะบางจริงๆ นะ คุณผู้กอง”
อัญมาลอยหน้าถาม ภควัตได้ยินเสียงเปิดประตูหน้าบ้าน ก็สังหรณ์ใจ
“คุณป้า”
ภควัตรีบหันมาทางอัญมา
“ขึ้นไปในห้อง เร็ว”
ภควัตดันหลัง อัญมาก้าวกลับไปทางห้องนอน ภควัตรีบลงไปหน้าบ้าน
คุณหญิงวรจันทร์กับขวัญอนงค์เข้ามามอง ภควัตลงจากด้านบนมาพอดี คุณหญิงที่สอดตามองหา รีบทำเป็นยิ้มกับหลาน
“ทานอะไรหรือยัง วัต ป้าจะมาชวนไปทานข้าวเช้าด้วยกัน”
“ผมทานกาแฟแล้วครับ”
“ไม่ได้นะ วัต อาหารเช้าสำคัญกับร่างกาย ต้องทานให้ครบ”
“หรือว่า...เรามาทานบ้านพี่วัตกันดีคะ” ขวัญอนงค์ว่า
“ไปทานที่บ้านโน้นดีกว่าครับ บ้านพี่ไม่มีอะไรกิน แต่จริงๆ พี่ก็กำลังจะออกไปทำงานแล้ว”
คุณหญิงวรจันทร์ และขวัญอนงค์ รู้ทันพูดพร้อมกัน “ประชุมด่วน”
ภควัตหน้าจ๋อยที่เจอคุณหญิงวรจันทร์ กับขวัญอนงค์ดักทางไว้
ฝ่ายอัญมายืนอยู่ในห้อง แง้มประตู ฟังเหตุการณ์
“เสียงผู้หญิง... มิน่าถึงไม่ยอมให้เราออกไป ช่างเถอะ เรื่องของนาย จัดการเอาเองละกัน”
อัญมาปิดประตู
“อาบน้ำดีกว่า”
อัญมาเดินไปทางห้องน้ำอย่างสบายใจเฉิบ
ที่ห้องรับแขกเวลานี้ ภควัต มองสองคน ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“วันนี้ผมจะรีบไปทำงาน แล้วเดี๋ยวค่ำๆผมมาขอข้าวคุณป้าทานนะครับ”
ภควัตรีบอ้อน
“กับข้าวฝีมือคุณป้าอร่อยที่สุด”
“ไม่ต้องมาประจบ กลัวว่าจะติดใจกินข้าวกับผู้หญิงอื่น จนลืมป้า”
ภควัตเข้ามากอดประจบคุณหญิงวรจันทร์
“ผมจะลืมแม่คนที่สองของผมได้ยังไงครับ”
คุณหญิงวรจันทร์มองภควัตด้วยสายตาอ่อนลง
“วัต...แล้วถ้าแม่คนนี้ของวัตจะขอให้เห็นแก่แม่ ทำให้แม่สมหวัง”
“ผมทราบว่าคุณป้าจะขออะไร และเพราะอะไร”
คุณหญิงวรจันทร์มองภควัต เห็นแววตาอ่อนโยนของเขา
“เพราะคุณป้ารักผม เป็นห่วงผม ความรักของคุณลุง คุณป้าทำให้ผมมีชีวิตมาได้ถึงวันนี้”
ภควัตกอดคุณหญิงวรจันทร์ไว้แน่นด้วยความรัก
“ตอนเด็กๆ ทุกครั้งที่ผมฝันร้าย คุณป้าจะกอดผมไว้ ให้ผมหายกลัว ให้ผมอบอุ่นใจ ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน คุณป้าก็ไม่เคยทิ้งผม...พอผมต้องเจ็บแทบไม่อยากหายใจเพราะคนรักอีกครั้ง คุณป้าก็คอยเป็นผู้ปลอบประโลมผม เฝ้ามองผมด้วยความห่วงใย.....ขอบคุณมากครับคุณป้า”
คุณหญิงโอบภควัต ขวัญอนงค์มองภาพความรักของภควัตกับแม่ด้วยรอยยิ้ม
“ตอนนี้วัตคงไม่อยากให้ผู้หญิงแก่ๆ กอดแล้วล่ะมั้ง” คุณหญิงสัพยอก
“ไม่เลยครับ อ้อมกอดนี้จะเป็นที่อบอุ่นของผมตลอดไป”
ภควัตมองคุณหญิงวรจันทร์ สลับกับขวัญอนงค์ด้วยสายตาจริงจัง
“เจ็บคราวนั้นทำให้ผมระวัง และรอบคอบมากขึ้น เชื่อใจผมนะครับคุณป้า คุณน้อง ผมคิดอย่างดีก่อนจะทำทุกอย่าง ผมรับรองว่าจะไม่ทำให้ชื่อเสียงครอบครัวคุณลุง คุณป้าเสื่อมเสีย จะไม่ทำตัวให้คุณลุง คุณป้าผิดหวัง จะไม่ทำคุณน้องเสียใจที่มีผมเป็นพี่ชาย”
ขวัญอนงค์ยิ้มชื่น “น้องรักพี่วัตนะคะ”
ภควัตยิ้มหวาน สีหน้าอ่อนโยนให้สองคน จนขวัญอนงค์กับคุณหญิงวรจันทร์ลืมเรื่องจะมาตามหาผู้หญิงที่ภควัตซ่อนไว้เสียสนิท
พอกลับเข้าคฤหาสน์ ขวัญอนงค์กับคุณหญิงวรจันทร์นั่งลงพร้อมๆ กัน ในโถงกลาง
“เราเลยไม่ได้เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นเลย” ขวัญอนงค์ไม่วายบ่น
“ช่างเถอะลูก พี่วัตเค้าก็รับปากแล้วว่ารอบคอบ ระมัดระวัง”
“แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ในบ้าน พี่วัตถึงไม่ยอมมากับเรา”
“ให้มะลิคอยดูไว้ ถ้าพามาอีก คราวหน้าเราต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา”
“จริงเหรอคะ” ขวัญอนงค์ ตื่นเต้นทำหน้าล้อมารดา “เดี๋ยวพอพี่วัตกอดอ้อนเข้าหน่อย คุณแม่ก็ลืมหมด”
คุณหญิงวรจันทร์ตีแขนลูกสาวเบาๆ อย่างเขินๆ
ภควัตกำลังจะขึ้นไปบนบ้าน อัญมาที่อาบน้ำใส่เสื้อยืดของภควัต กางเกงตัวเก่าเดินลงมา
“ทำอาหารเช้าหรือยัง ฉันหิว”
“นี่ ฉันไม่ใช่คนใช้ของใคร หิวก็ดูแลตัวเอง”
อัญมาเสียงอ่อย “ฉันไม่เคยทำ”
ภควัตมอง อัญมาหน้าจ๋อยจริง
“จะบอกว่าในโลกของคุณหนูมีแต่คนทำให้ล่ะสิ เธอนี่มันเยอะจริงๆ สบายเชียวนะ อาบน้ำ แล้วก็ลงมาหาของกิน”
ภควัตเดินไปชงกาแฟให้ อัญมามองอมยิ้ม
“ใครมาน่ะคุณ ฉันได้ยินเสียงผู้หญิง”
“คุณป้ากับน้องสาวผม”
“แล้วทำไมฉันถึงเจอไม่ได้”
“ผมไม่อยากให้ป้าผมช็อก”
“จะช็อกทำไม ก็ฉันไม่ใช่แฟนคุณสักหน่อย แค่คนรู้จักกัน”
อัญมายักไหล่ไม่สนใจ ภควัตยื่นขนมปังให้หล่อน
“ปิ้งด้วยสิ” อัญมาสั่งเฉย
ภควัตหมั่นไส้ “มากไป ทำเองบ้าง”
“เอาน่า แล้วฉันจะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ก่อนจะกลับไปเป็นคุณหนูเหมือนเดิม”
ภควัตเซ็ง “ตกลงที่ฉันพูดไปเมื่อคืนนี่ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา”
อัญมาลอยหน้า กวน “นายบ่นหลายเรื่อง ฉันเลยจำไม่ได้”
ภควัตวางช้อนกาแฟ เดินเข้ามามองหน้าอัญมาใกล้ๆ
“นี่คงไม่คิดว่าฉันพาเธอมาบ้าน เพราะแค่อยากจะช่วยเธอ”
“นาย...นายอย่าคิดทุเรศๆ กับฉันนะ อย่ามาฉวยโอกาส”
อัญมาเริ่มถดตัวถอยหนี ภควัตสืบเท้าเดินเข้าใกล้
“อย่างเธอน่ะนะ กระดานเรียกแม่ มองแล้วไม่เกิดอารมณ์ใดใด นอกจากน่า...”
“น่าอะไร”
อัญมาถอยไปจนล้มลงไปนั่งกับโซฟา ภควัตตามมาเท้าแขนมองประชิด
“เธอว่าน่าอะไรล่ะ”
อัญมาเงื้อมือ “ก็ลองดูสิ คิดว่ามือฉันซุกกระเป๋าหรือไง”
ภควัตรวบมืออัญมากำไว้ทันที อัญมายกมืออีกข้าง ภควัตก็รวบไว้ ดันอัญมาหลังติดโซฟา
“ไหน...มีอะไรจะมาสู้อีก”
อัญมามองภควัตที่ยื่นหน้ามาใกล้ แล้วตัดสินใจ ชันเข่ายกขึ้นสองข้าง ยันร่างภควัตออกอย่างแรง
ภควัตกระเด็น เซถอยหลัง อัญมารีบลุกขึ้นตั้งการ์ดในท่าป้องกันตัว
“เห็นว่าเป็นผู้หญิงแล้วอย่าคิดรังแกกันได้ง่ายๆ ฉันเคยเรียนวิชาป้องกันตัว”
ภควัตมองอัญมาแล้วยิ้มขำ
“ดีแล้วที่เธอไม่อ่อนแอ เห็นแบบนี้ ฉันก็รู้แล้วว่าเลือกคนไม่ผิด”
อัญมางง ซักเป็นการใหญ่
“เลือกคนไม่ผิด นายเลือกฉัน เลือกอะไร เลือกทำไม”
เวลาเดียวกัน ที่ค่ายมวย ส.วินิจ ของนายวินิจ อธิคมกำลังลงนวมซ้อมกับนักมวยในค่าย เหงื่ออธิคมเปียกทั้งร่าง เก้ายืนอยู่อีกด้าน วินิจมองลูกชายพลางเอ่ยขึ้น
“พ่อจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับแก”
อธิคมชกคู่ซ้อมลงไปนอนเหยียดยาว เก้ารีบขึ้นมาถอดนวมให้
“แต่ก่อนหน้างานเลี้ยง พ่อมีงานของเราให้แกซ้อมๆ มือก่อน” วินิจบอก
อธิคมรู้ทัน “มีของล็อตใหม่เข้ามา”
“ใช่ จากชายแดน แล้วเราก็ต้องรีบระบาย”
“ได้ ผมก็อยากหยามน้ำหน้าไอ้ตำรวจพวกนั้น มันส่งคนเข้ามาดูความเคลื่อนไหวเรา แต่ผมยังลากตัวมันมาไม่ได้”
วินิจเตือน “ระวังหน่อย ของคราวนี้ หลายสิบล้าน”
“เชื่อใจผมเถอะ พ่อ ผมไม่มีวันยอมให้ตำรวจหน้าไหนลากเข้าคุกอีกแล้ว”
อธิคมแววตากร้าวอย่างถือดี และไม่กลัวใคร
ด้านภควัตบอกเหตุผลเสร็จ มองอัญมาที่กำลังโวยขึ้นเสียงดังลั่นบ้าน
“ให้ฉันเสี่ยงตายเป็นสายให้ตำรวจ”
“ทำ หรือ ไม่ทำ”
“นี่คุณผู้กองภควัต ชวนเหมือนไปเดินชอปปิ้งเลยนะ นี่มันเรื่องคอขาดบาดตาย ชีวิตฉันยังซวยไม่พอใช่มั้ย ผู้กองถึงต้องลากฉันไปยุ่งกับพวกค้ายาอะไรนั่น แล้วถ้าฉันโดนมันจับได้ขึ้นมา... ถ้าฉันตาย...”
ภควัตสวนคำกวนๆ “เธอก็อาจจะได้กลับไปโลกของคุณหนูอัญมา”
“บ้า เกิดตายจริง แล้วไม่ได้กลับ นี่! อย่ามาพูดล้อเล่นเรื่องเป็นเรื่องตายนะ”
“ใครเกิดมาแล้วไม่ตายบ้าง แต่เธอเลือกได้ว่าจะตายแบบคนไร้ค่า หรือว่าคนที่ช่วยรักษาความดีให้สังคม”
น้ำเสียงภควัตจริงจัง อัญมามองแล้วนิ่งคิด
ภควัตโน้มน้าวต่อ “ฉันชวนเพราะเธอคือไอ้อัญ เล่นยาอยู่ในกลุ่มของนายบัง ตอนนี้เธอก็ยังอยู่ในกลุ่มนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเธอมาที่นี่ รู้จักฉัน ไม่มีใครในชุมชน นอกจากจ่าเดชกับเธอที่รู้ว่าฉันคือผู้กองภควัต”
“โจรไม่โง่หรอกนะ คนอย่างนายวินิจ พี่บังอะไรนั่น ถ้ายิ่งใหญ่ขนาดเป็นมาเฟียค้ายากลางเมืองได้ เค้าต้องมีเส้นสาย มีอิทธิพลนำหน้าตำรวจไปหลายก้าวเลยล่ะ” อัญมาย้อนแย้ง
“ฉันถึงต้องการความช่วยเหลือ ความเสียสละของเธอ”
อัญมามองจ้องแววตาขอร้องจริงจังของภควัต
“ปฏิบัติการนี้ เรา...ตำรวจทุกคนวางแผนกันหลายชั้น เราจะกวาดล้างเครือข่ายของนายวินิจหรือพี่บังให้หมด อัญมา เธอช่วยเราได้ดีที่สุด”
ภายในโกดังร้างริมน้ำแห่งนั้น อธิคม เสี่ยวินิจ และ บอดี้การ์ด 2 คน อยู่ที่นี่แล้ว
อธิคมเดินมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณ กับผู้เป็นพ่อ มีบอดี้การ์ด 2 คนตามหลังอยู่ห่างๆ
“เอาของมาเก็บไว้ที่โกดังนี้” อธิคมถาม
“แต่มันเป็นโกดังเก่า ทางเข้าออกมันมีแค่ 2 ทาง เคยโดนตำรวจค้นแล้วด้วย” วินิจว่า
“มันดูไม่ปลอดภัยใช่มั้ย พ่อ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “นั่นแหละ พวกมันจะไม่คิดว่าเรากล้าใช้ที่ๆ มันเคยเหยียบแล้ว”
“ของล็อตนี้ เสี่ยงไม่ได้นะ คม” วินิจกำชับ
“ไม่เสี่ยงแล้วชีวิตมันจะสนุกเหรอ พ่อ”
อธิคมยิ้ม มั่นใจในตัวเองเต็มที่
แยกจากภตวัต อัญมากลับบ้านในซอยชุมชน หล่อนเดินมาในซอยด้วยสีหน้าหมกมุ่นครุ่นคิด ตอนที่คุยกับภควัตในบ้าน ผู้กองมองอัญมาใกล้ๆ ให้คำสัญญา
“ผมสัญญา อัญมา ผมจะช่วยรักษาอาการลงแดงของคุณ ผมจะดูแลความปลอดภัยให้คุณด้วยตัวผมเอง”
อัญมาเดินคิดมาตลอดทาง จนได้ยินเสียงเรียกของอุบล
“ไอ้อัญ...ไอ้อัญ”
อัญมามองไปเห็นอุบลที่ทิ้งไก่ทอดในเตา วิ่งออกมาจับเนื้อจับตัว ถามไถ่ด้วยความดีใจ
“หายไปไหนมา ลูก”
อัญมายังไม่ทันตอบ เสียงสมใจที่นั่งตบยุงอยู่ร้านข้างๆ ก็แหลมปรี๊ดทะลวงรูหูมาทันที
“มันจะหายไปไหน ก็มัวเมายา นอนเกะกะตามถนน ตามป้ายรถเมล์น่ะซี้”
“อีสมใจ ลูกข้าไม่เคยนอนกลางถนน” อุบลแว้ดกลับ
“ไม่เคยนอน หรือแกไม่เคยเห็นฮ้า นังอุบล” สมใจไม่ยอม
“ปากเอ็งนี่ จะแกว่งหาอีโต้ข้าตลอดเลยใช่มั้ย”
“เออ...วันนี้กูไม่กลัวหรอก”
สมใจชูอีโต้ด้ามใหญ่กว่าคราวก่อนออกมาขู่ ไม่ให้น้อยหน้า
แอนนี่ที่นั่งตะไบเล็บหน้าร้านเจ๊ว่าน บ่นขึ้นด้วยความรำคาญ
“จะแหกปากด่ากันไปทำไมนักหนา กี่วันๆ ก็ด่าซ้ำซากกันอยู่แบบเนี้ยะ ไม่เจริญหูเจริญตา”
“เอ็งเจริญตามากเลยนะ นังแอนนี่ นั่งกลิ่นโชย ให้แมงวันตอมอยู่นั่นน่ะ” อุบลด่ากลับ
แอนนี่ฉุน “เอ๊ะ! นังป้าอุบล อยากจะหาคนถอนหงอกให้หมดหัวนักใช่มั้ย”
เจ๊ว่านเดินนวยนาด ถือพัดออกมายืนมอง พูดแดกดัน
“เบาๆ หน่อย ลูกแอนนี่ เดี๋ยวใครได้ยินจะหาว่าเราพวกเดียวกับแม่ค้าปากตลาด”
“ค่ะ คุณแม่ขา”
สมใจหมั่นไส้ ค้อนควัก เหน็บกลับ “เอ็งสูงมากเลยนะ อีเจ๊ว่าน มันก็อีแม่ค้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ แต่เอ็งน่ะ ขายของเน่าคาวๆ กลิ่นโฉ่ คาวไปทั้งซอย”
“นังสมใจ เดี๋ยวข้าจะเฉดหัวไปพ้นหน้าร้านข้า”
“ไม่ไปโว๊ย ทางเท้าสาธารณะ ข้ามีสิทธิ์ขายของตรงนี้”
“ตบมันเลยมั้ยคะ คุณแม่”
แอนนี่ไปโวยสมใจ อัญมาเบือนหน้า ไม่อยากอยู่ฟังต่อ
“ทะเลาะกันทุกวัน ไม่เบื่อหรือไง”
อุบลบอกลูก “กลับบ้านก่อนไป ไอ้อัญ แม่ซื้อกับข้าวไว้ในตู้ กินซะแล้วนอนพัก เดี๋ยวแม่ขายของเสร็จจะรีบกลับไป”
อัญมามองอุบลเห็นสายตาเป็นห่วงก็อดสงสารไม่ได้
ไม่นานนักอัญมาเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกในห้องนอน พอเหลียวมองสภาพห้องแล้วยิ่งหดหู่ สัญชัยเปิดประตูเข้ามา ยิ้มหวาน หน้าตายังไม่สร่างเมา
“จ๊ะเอ๋ ลูกอัญของพ่อ หายไปไหนมาทั้งคืน พ่อเป็นห้วง เป็นห่วง”
อัญมาโกรธปนตกใจ “แก ไปนะ ออกไป อี๋ กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งเลย ไป อย่ามาใกล้ฉัน”
“ไม่ใกล้ได้ยังไง พ่อห่วงลูกสาวของพ่อมากนะ มามะ มาให้พ่อจูบรับขวัญสักฟอดสองฟอด”
อัญมามองแล้วหาทางหนี สัญชัยกางแขนพุ่งเข้ามา อัญมาวิ่งหลบวูบ จนติดฝาบ้าน
“จะเล่นตัวไปถึงไหน แล้ววันนี้มุขลงแดงใช้กับพ่อไม่ได้แล้วนะ พ่อไม่โง่ พ่อก้อเลยม่ายเชื่อ...”
สัญชัยลากเสียงล้อๆ หน้าตาหื่นกาม พุ่งเข้าหาอีกที อัญมายกเท้าถีบเข้าเต็มอก ร่างสัญชัยกระเด็น
“อีอัญ มึง กูขอดีๆ มึงยังท่ามาก อยากโดนตบนักใช่มั้ย”
สัญชัยพุ่งเข้าจะคว้าตัว อัญมาไม่รอ หมุนตัวแล้วปีนขอบหน้าต่างอย่างว่องไว สัญชัยตะลึง
“เฮ้ย
อัญมากระโดดออกจากหน้าต่างทันที สัญชัยตกใจ พุ่งมาดู มองลงไป เห็นอัญมาที่ล้มลงก้นจ้ำเบ้าจากความสูงไม่มาก
อัญมามองขึ้นมา สัญชัยมองตามอย่างเจ็บใจ
“ไอ้อัญ”
“ไอ้ทุเรศ”
อัญมาด่าแล้วหันตัววิ่งหนีออกไปทันที
อัญมาเดินเร็วรี่หลบหลีกผู้คนมาตามทางในชุมชน ชาวบ้านไม่มีใครสนใจ อัญมาเกิดอาการลงแดง หนาวสั่นจนต้องกอดตัวเอง
“ไม่นะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
อัญมาเริ่มปากแห้ง ตาพร่า มองเห็นภาพคนที่สวนไปมาไม่ชัดเจน หมดแรง เดินเซด้วยอาการอยากยา
“ฉันไม่ได้ลงแดง”
อัญมาเดินสะเปะสะปะไปอย่างเร็ว
อัญมาเดินมาที่หน้าค่ายมวย สีหน้าท่าทางยังไม่ดีขึ้น อัญมามองไปเห็นป้ายชื่อค่ายมวย ส.วินิจ ก็นึกถึงคำที่ภควัตบอก
“เครือข่ายค้ายาของนายวินิจคือเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด มีค่ายมวยบังหน้า”
อัญมาทรุดลงอย่างหมดเรี่ยวแรง
เสี่ยวินิจกำลังเดินกลับเข้าค่ายพร้อมบอดี้การ์ด 2 คน มองเห็นร่างอัญมาที่ทรุดลง ออกอาการหนาวสะท้าน หน้าค่ายมวยพอดี
“อ้าว ไอ้อัญ หนีไปไม่รอดสินะ”
อัญมาในร่างไอ้อัญเหลียวขวับมองนายวินิจเต็มตา ด้วยไม่เคยเห็นมาก่อน
วินิจยิ้มกับอัญมาอย่างใจเย็น แต่อัญมายังตกตะลึง
“ทำไม มองข้ายังกับไม่เคยเห็นหน้า”
“ฉัน…”
“ไม่ต้องบอก ข้ารู้ว่าเอ็งเป็นอะไร หวังว่าคราวนี้เอ็งจะคิดได้สักที อย่าให้ต้องลงไม้ลงมือกันอีก... ลุกขึ้น...เข้าไปสิ”
อัญมาหมดแรงจะยืน “ฉัน...ฉันลุกไม่ไหว”
อธิคมที่ตามหลังพ่อ เข้ามาดึงแขนอัญมาขึ้น อัญมามองแล้วจำได้ ว่าเคยเจออธิคมบนถนนครั้งแรก
“นาย”
อธิคมดึงแขนอัญมาขึ้นมามองใกล้
“เจอกันอีกจนได้”
“รู้จักกันแล้วเหรอ” วินิจถาม
“รู้จัก”
อธิคมลากอัญมาตัวปลิวเดินเข้าไปด้านหลังค่ายมวย เสี่ยวินิจกับบอดี้การ์ดมองตามไปอย่างใจเย็น
อ่านต่อหน้า 4
คีตโลกา ตอนที่ 2 (ต่อ)
อธิคมลากอัญมาเดินไปตามทางที่เชื่อมต่อระหว่างค่ายมวยกับตัวบ้าน อัญมามองอธิคม
“จะพาฉันไปไหน”
“ถามโง่ๆ ก็เห็นอยู่ว่าเธอรู้จักที่นี่ดีขนาดที่พ่อฉันทัก”
อัญมาอึกอัก “ฉัน…”
“ฉันก็จะพาเธอไปที่ๆ เธอจะขึ้นสวรรค์ไงล่ะ”
อธิคมลากอัญมาไปอย่างเร็ว
ภควัติยืนอยู่หน้าเจ้านายโดยตรง ผู้การจักรภพ ในฐานลับ
“เรามีทางที่จะเข้าถึงตัวอธิคมแล้วครับ”
“รีบหน่อยภควัต เราได้รายงานความเคลื่อนไหว ล็อตใหญ่กำลังจะส่งผ่านด่านจากชายแดนลงมากรุงเทพฯ เราต้องได้ข่าวที่แน่นอนว่าพวกนายวินิจมันจะรับส่งของเมื่อไหร่ ที่ไหน”
“ครับ นาย”
“ผมมีคนมาร่วมทีมเราอีกคน”
อธิคมหันไปมอง เห็นสารวัตรกฤษณ์เดินเข้ามารายงานตัวต่อหน้าผู้การจักรภพ
“สารวัตรกฤษณ์ ชุ่มฤทธิ์ ขอเสนอตัวมาทำงานกับเรา”
“หวังว่าฉันกับนายจะร่วมงานกันได้เต็มที่นะ วัต”
ภควัตกับกฤษณ์มองสบตากันอย่างคนที่กินแหนงแคลงใจกันมาก่อน
อัญมามองสภาพรอบๆ ที่ถูกอธิคมลากตัวออกมาทะลุทางเชื่อม เห็นตึกหลายชั้นที่อยู่เป็นที่พักของวินิจและอธิคม
อธิคมลากอัญมาเข้ามาด้านใน ชั้นล่างสุดแบ่งเป็นห้องๆ อธิคมปล่อยร่างอัญมาลง อัญมามองเห็นเก้า เมษ ต้น และ ป๊อบ เด็กเดินยาทั้งหมดของวินิจที่กำลังรวมกันอยู่ บางคนก็ตาลอย เพราะฤทธิ์ยา
อัญมามองเห็นอีกว่ามีวัยรุ่นหลายคนที่เดินเข้าออกห้องด้านใน
“ไอ้อัญ เอ็งหายหัวไปไหนมา” เก้าทัก ตาลอย
อัญมามองเก้าที่ทักเป็นคนแรก
อธิคมสั่ง “มันยังไม่อยากตอบอะไรหรอก ไอ้เก้า พามันเข้าห้องไปก่อน”
เก้าเดินเข้ามาใกล้ อัญมาไม่ยอมให้เก้าจับตัว สะบัดแขนจากอธิคม เก้าเดินนำไปทางห้อง อัญมาเดินตามไปอย่างอยากรู้ อธิคมมองตามอัญมาสายตาคมกริบ ต้นเดินมาใกล้อธิคม
“ไม่มีใครรู้ว่าไอ้อัญมันหายไปนะพี่”
“ข้าเจอมันวันก่อน แต่ไม่รู้ว่ามันทำงานให้พ่อ”
“พี่บังเอ็นดูไอ้อัญมาก” ต้นบอก
“ทำไม”
อธิคมถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้
ควันลอยคละคลุ้งทั่วห้องเสพ จากการเผายาบ้า อัญมามองเห็นสภาพวัยรุ่นเมายาที่นอนไม่ได้สติ
เก้าผลักอัญมาไปที่โต๊ะกลางห้อง อันเต็มไปด้วยยาเสพติดหลากหลายพร้อมอุปกรณ์เสพครบครัน
“เต็มที่ ตามสบายเลย เอ็งจะได้สบายตัว หัวโล่ง”
อัญมาตกตะลึงกับสภาพห้องเสพยา เหลียวมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก เก้าผลักแรงอีกที
“เลือกเลยเอ็ง ไอ้อัญ ไม่ต้องยืนบื้อ ทำหน้าเหมือนไม่เคยอยู่ได้”
อัญมาแววตาสับสนเต็มที เดินไปใกล้โต๊ะ ได้แต่บอกตัวเองในใจ
“ฉันคือไอ้อัญ ฉันติดยา ฉันเคยใช้ยาพวกนี้ ฉันกำลังลงแดง”
อัญมาแกล้งก้มลงใกล้ เอาตัวบังไม่ให้เก้าเห็น เก้ามองจากด้านหลัง เห็นแต่ด้านหลังอัญมาที่เนื้อตัวสั่น อัญมาทำเป็นหยิบฟอยล์ มองเห็นเก้าหันไปดูคนอื่นๆ
อัญมารีบสูดควันที่ลอยจากคนอื่นเข้าไป แต่ไม่แตะต้องยาบ้าหรือยาใดใด
อธิคมมองพ่อที่นั่งเอนบนเก้าอี้ทำงาน ท่าทางสบายใจ
“ไอ้อัญ มันฉลาด เก่ง คล่อง มันเป็นเด็กวิ่งยอดที่ทำรายได้ให้เรามหาศาล ถึงพักหลังมันจะงอแงไปบ้าง แต่มันก็ยังฝีมือดีอยู่” วินิจคลายความข้องใจของลูกชาย
“มันไว้ใจได้เหรอ พ่อ”
“ไว้ใจได้สิ มันทำงานให้พ่อมาตลอดปีนึงเต็มๆที่แกไปติดคุก”
“งั้นกระจายของล็อตนี้ ผมขอทดสอบฝีมือไอ้อัญคนเก่งของพ่อหน่อยแล้วกัน”
แววตาอธิคมวาววาม อยากลองทดสอบอัญมา
อัญมาเดินออกมาจากในห้องเสพยา มีเก้าตามประกบด้านหลัง เมษ ต้น และป๊อบมองอัญมาเป็นตาเดียว อัญมาพยายามทำท่าเหมือนคนเมายา ยืนสะลึมสะลือ เก้าทักขึ้น
“เอ็งหายหัวไปไหนมาวะ ไอ้อัญ ข้านึกว่าเอ็งเลิก หรือไม่ก็ลงแดงตายไปแล้ว”
อัญมามองสามคนด้วยสายตางุนงง เก้าเอ่ยขึ้น
“นั่นไอ้เมษ ไอ้ต้น ไอ้ป๊อบ อย่าบอกว่าเอ็งลืมชื่อ ลืมหน้าพวกเดียวกันนะไอ้อัญ”
“ฉัน...จำได้สิ แค่ช่วงนี้มันเบลอๆ ไปหน่อย”
เก้าตบไหล่อย่างคุ้ยเคย อัญมามองแปลกๆ แต่ก็พยายามอดทนเต็มที่
“สงสัยอย่างที่เค้าว่าเอ็งตกน้ำ”
อัญมารีบสมอ้าง “ใช่ๆ นั่นแหละ ฉันตกน้ำเลยเบลอๆ”
ต้นบอกว่า “เอ็งคิดสั้นทำไม ไม่มีเงินเอ็งก็มาที่นี่ พี่บังเค้ารักเอ็งเหมือนลูกเหมือนหลาน”
เก้าเสริม “ไอ้ต้นมันพูดถูก มีอะไรเดือดร้อน เอ็งก็มาขอพึ่งบารมีพี่บังเค้า”
“พี่บังช่วยเหลือ ดูแลพวกเราทุกคน ไอ้เก้า ข้า ไอ้ต้น ไอ้ป๊อบ เอ็ง แล้วก็พี่คม พวกเราเหมือนครอบครัวเดียวกัน” ไอ้เมษพูดชวนซึ้ง
อัญมายิ้มแหยๆ “ครอบครัวเดียวกัน”
อธิคมเดินออกมาจากห้องทำงานของพ่อ มองอัญมา ด้วยสายตาคมกริบ อัญมาหนาวๆ ร้อน ไม่อยากเผชิญหน้าอธิคม ก็หลบสายตา หันไปทางเก้า
“ฉันกลับบ้านก่อนนะ...เก้า”
อธิคมบอกเสียงเข้ม “ไปกับฉัน”
อัญมาหันขวับไปมอง
“ฉันจะออกไปข้างนอก”
อัญมามองหน้าอธิคม เห็นสายตาบังคับชนิดห้ามปฏิเสธ
อัญมาเดินมาในห้างกับอธิคม หล่อนหยุดมอง สงสัยอธิคมที่เดินหน้าตาใจเย็นไม่รีบเร่งสักนิด
“ไหนว่าจะพาฉันกลับบ้าน”
“ฉันหิว แวะกินข้าวก่อน”
“มาเดินแบบนี้ไม่กลัวเหรอ”
อธิคมหยุดมองอัญมาทันที “หมายถึงอะไรที่ฉันต้องกลัว ตำรวจเหรอ”
อัญมารู้ตัวว่าพลาดที่ถาม กลัวอธิคมสงสัย ก็รีบแก้ด้วยไหวพริบของคุณหนูอัญมา
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ตำรวจ...ฉันหมายถึง...กลัวคนหาว่าพาคนอย่างฉันมาเดินด้วยคือสภาพอย่างฉัน...มันมอม...มันไม่น่าดู ไม่น่ามาเดินกับ...ลูกชายพี่บัง”
อัญมาหัวไว พยายามพูดเลียนแบบที่พวกเก้าพูด
“วันก่อน ตอนเจอกันไม่เห็นพูดแบบนี้เลย”
“ก้อตอนนั้นฉันไม่รู้จักพี่คม” อัญมาตีซี้
“แกนี่กะล่อนมากนะ ไอ้อัญ”
อัญมาพูดราวกับบอกตัวเอง “คนเรามันก็ต้องหาทางอยู่รอดใช่มั้ย ว่าแต่พี่คมจะไปกินร้านไหนล่ะ”
“แกอยากกินอะไร”
อัญมายิ้มร่า “พี่คมเลี้ยงนะ งั้นฉันขอกินร้านอร่อยๆ ดีๆ”
อัญมาพูดตามความเคยชินสำนึกคุณหนูหรูไฮ อธิคมมอง
“เลือกมากซะด้วย”
“แหม ก็คนระดับพี่คมเลี้ยง ฉันก็ต้องเลือกให้สมฐานะ อาหารญี่ปุ่นนะพี่”
อัญมาทำเป็นเสียงอ่อนอ้อน เพราะอยากให้อธิคมเลี้ยงอาหารดีๆ
อธิคมเดินนำไปทางร้านอาหารญี่ปุ่น อัญมารีบเดินตาม
อีกด้าน ภควัตเดินออกมาจากแผนกหนึ่งของห้าง เขามองเห็นอัญมาเดินตามอธิคม ก็นิ่วหน้า ฉงน
“ไอ้อัญ อธิคม”
ภควัตรีบเดินตามไป
อ่านต่อตอนต่อไป / 09.30 น.
ภควัตเดินมองหาอัญมากับอธิคมมาตามทางในห้าง แต่มาเจอกับสุคนธรส จิรายุ และอนุรุทที่เดินกันมาจากอีกด้าน สุคนธรสเห็นภควัตก่อนก็รีบเดินมาทัก
“วัต”
ภควัตทักตอบ “สุคนธรส มาทำอะไรที่นี่”
“กฤษณ์เค้านัดรสกินข้าว จิรายุ อนุรุท เพื่อนรสค่ะ”
ภควัตมอง จิรายุยิ้มให้ภควัต อนุรุทส่งสายตาเข้ม ไม่พอใจ
“ผมขอตัวก่อนนะ”
“รีบไปหาแฟนเหรอคะ”
ภควัตทวนคำสีหน้าฉงน “แฟน”
“นัดแฟนมาทานข้าวเหมือนกันเหรอ” สุคนธรสซัก
“ผมขอตัวก่อนนะ”
ภควัตไม่ตอบรีบออกไปหาอัญมากับอธิคมต่อ จิรายุมองสุคนธรส
“ใครน่ะ รส”
“แฟนเก่าชั้นเอง”
อนุรุทเสริมให้ “คนก่อนสารวัตรกฤษณ์”
“ใช่ ผู้กองภควัต หล่อ รวย แต่บ้างาน”
จิรายุกัด “สารวัตรกฤษณ์ก็บ้างาน แต่คงรวยกว่า”
“แน่นอน วัตน่ะเค้ารักชั้น หลงชั้นมากเลยนะ ตอนชั้นบอกเลิก เค้าแทบเป็นบ้า” สุคนธรสคุยโว
อนุรุทพูดเบาลงอย่างหมั่นไส้ “ดีใจจนเป็นบ้า”
สารวัตรกฤษณ์เดินมาสมทบ สุคนธรสรีบหัน เดินเข้าไปควงแขนแฟนหนุ่ม
“กฤษณ์ขา รสรอตั้งนาน”
“เราต้องรีบทานน่ะ รส เดี๋ยวมีประชุมงานต่อ”
สุคนธรสกระเง้ากระงอด “รีบได้ยังไงคะ รสพาจิรายุกับอนุรุทมาด้วย บอกแล้วว่ากฤษณ์จะเป็นเจ้ามือ เอ่อ...ทายสิคะ เมื่อกี้รสเจอใคร วัตค่ะ เค้ามาทานข้าวกับแฟน”
กฤษณ์งง “แฟนวัต”
“ค่ะ อยากเห็นหน้าแฟนวัตนะคะ ว่าสวยเท่ารสหรือเปล่า”
สุคนธรสพูดไม่กระดากปาก แต่จิรายุกับอนุรุททำหน้าเอือม
ภายในร้านอาหารญี่ปุ่นของห้าง อัญมานั่งอยู่ตรงโต๊ะมุมหนึ่งกับอธิคม หล่อนกำลังคีบปลาดิบกินอย่างเอร็ดอร่อย อธิคมมองจับอาการ
“ท่าทางแกจะชอบปลาดิบมาก ฉันนึกว่าแกเพิ่งได้กินครั้งแรก”
อัญมารีบกลืนแล้วหาทางตอบ
“กินครั้งแรก ก็ชอบเลยจ้ะพี่”
ด้านนอกร้าน ภควัตเดินมองหาสองคน สุดท้ายสอดสายตามองผ่านกระจกร้าน เห็นอธิคมนั่งอยู่กับอัญมา
“อัญมา”
อธิคมหันไปมองนอกร้านพอดี เขารู้สึกแปลกๆ เพราะมั่นใจว่าต้องมีใครมองอยู่ แต่กลับไม่เห็นใคร
สุคนธรสควงกฤษณ์ อนุรุท จิรายุเดินเข้าร้านมา อัญมาเงยหน้าขึ้นไปเห็น ก็ชักสีหน้า สุคนธรสกำลังจะเลือกที่นั่ง แต่เห็นอัญมาเข้า จึงหันไปทางจิรายุ
“จิรายุ จำผู้หญิงคนนั้นได้มั้ย”
จิรายุมอง สบตากับอัญมาที่จ้องมาจังๆ
“คนที่มาหาว่าตัวเองเป็นคุณหนูอัญมา”
“โลกกลม” สุคนธรสทำหน้าเซ็ง
กฤษณ์งง “ใครกันครับ”
อนุรุทตัดบท “อย่าสนใจเลยครับ หาที่นั่งดีกว่า”
สุคนธรสเชิดใส่อัญมา ลากแฟนไปหาที่นั่ง สารวัตรกฤษณ์เลยไม่ทันเห็นอัญมาชัดๆ
อัญมาวางตะเกียบ อธิคมมอง สีหน้าแปลกใจ
“อ้าว อิ่มแล้ว”
“อิ่ม กินไม่ลงแล้ว”
อัญมาว่าแล้วนั่งเฉย อธิคมมองฉงน แปลกใจกับท่าทางอัญมาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
อธิคมเดินออกจากร้านมากับอัญมา
จู่ๆ อัญมาก็บอกขึ้นว่า “ฉันอยากกลับบ้าน”
“แต่ฉันยังไม่อยากกลับ ไปเป็นเพื่อนฉันซื้อของก่อน”
“อ๋อ เรียกฉันมาช่วยถือของเหรอ”
“ตัวเท่าลูกหมา จะแบกอะไรไหว”
“แบกไม่ไหว ก็ให้ฉันกลับสิ”
“ยังกลับไม่ได้ ต้องทำงานให้คุ้มค่าปลาดิบ”
“งก”
อัญมาแซวจนอธิคมเผลอหัวเราะออกมา อัญมามองอธิคมแล้วยิ้ม
“นึกว่ายิ้มไม่เป็น”
อธิคมรีบกลับไปเก๊กขรึม เดินนำไป อัญมาเดินตาม
ภควัตหลบมุมลอบมองตามอธิคมกับอัญมาที่เดินไปด้วยกัน ผู้กองหนุ่มเพ่งสายตามองจ้องไปที่รอยยิ้มอัญมา หงุดหงิดโดยประหลาด
“เธอสนิทกับอธิคม ขนาดไปไหนมาไหนด้วยเลยเหรอ ไอ้อัญ”
สักครู่ต่อมา เห็นอธิคมเดินออกจากร้านขายมือถือ แล้วยื่นมือถือใหม่เอี่ยมให้อัญมา
“เอาไว้ใช้ทำงาน”
อัญมารับมา แล้วยิ้ม
“ขอบใจนะ พี่คม”
อัญมายิ้มให้อธิคม ไม่ได้รู้สึกกลัวอธิคมมากเท่าไหร่ อธิคมมองอัญมา
“ยิ้มอะไร”
“ดีใจแล้วจะให้ร้องไห้เหรอ”
“แกนี่ มันกวน”
“อย่านะ รังแกผู้หญิงกลางห้าง โดนรุมยำไม่รู้ด้วย”
อธิคมชักสนุกตาม “งั้นนอกห้าง ทำได้ใช่มั้ย”
อธิคมจ้องอัญมาด้วยแววตาลึกซึ้งคมกริบ จนอัญมาหนาวๆ ร้อนๆ
“ไม่ได้ ที่ไหนก็รังแกชั้นไม่ได้”
อัญมาเดินเร็วนำออกไป อธิคมมองตาม เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
ส่วนอีกทาง ภควัตที่สะกดรอยตามมา ลอบมองอยู่ ด้วยสายตาไม่สบายใจ ที่เห็นอัญมาสนิทกับอธิคมมาก
ผ่านไปอีกสักระยะ ทั้ง 4 คน ออกมาจากร้านอาหารญี่ปุ่น สารวัตรกฤษณ์มองนาฬิกาพลางบอกแฟนสาว
“ผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ รส”
สุคนธรสอ้อน “ไปส่งรสก่อนสิคะ”
“คือ...ผมมีประชุม”
“ที่ไหนคะ แวะไปส่งรสก่อนสิ”
“ผมประชุมแถวๆ นี้ ใกล้ถึงเวลาแล้วด้วย”
“ที่ไหนคะ แถวนี้” สุคนธรสซักไซ้
“ตึกข้างๆ นี่น่ะครับ”
กฤษณ์โกหกไปส่งๆ ท่าทางพะวักพะวง จิรายุมองแล้วบอกขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปส่งรสให้เอง สารวัตรไปทำงานเถอะครับ ท่าทางรีบ”
กฤษณ์สบโอกาสรีบปล่อยแขนสุคนธรส
“ฝากด้วยนะครับ คุณจิรายุ”
กฤษณ์มองไปทางสุคนธรส
“แล้วค่ำๆ ผมโทร.หานะ รส”
จากนั้นกฤษณ์ก็เดินออกไปเลย สุคนธรสมองงง ท่าทีหงุดหงิดไม่น้อย
“รีบอะไรนักหนา นี่มันวันอะไร เจอแฟนเก่า แฟนใหม่ ท่าทางประหลาดๆ รีบร้อนอะไรกันทั้งคู่”
“สารวัตรกฤษณ์กับผู้กองภควัต แฟนใหม่กับแฟนเก่าเธออาจจะนัดมาจับผู้ร้ายแถวนี้ก็ได้” อนุรุทว่า
สุคนธรสหน้าง้ำ เซ็ง “ผู้ร้าย...ผู้ร้าย ฉันอุตส่าห์ทิ้งผู้กองบ้างาน ดันเจอสารวัตรบ้างานอีกเหรอเนี่ยะ”
“เป็นผู้หญิง อย่าหยิ่งเยอะ”
สุคนธรสหันขวับมองอนุรุทด้วยสายตาหมั่นไส้ อนุรุททำหน้าเฉยๆ ไม่สนใจ
จิรายุลอบมองสุคนธรสด้วยแววตาเยาะหยัน
สารวัตรกฤษณ์อยู่ที่ฐานลับในห้างแล้ว เขาคว้าแฟ้ม เตรียมจะเดินเข้าประชุมตามจักรภพกับตำรวจคนอื่น
“ภควัตล่ะครับ ผู้การ”
“ลงพื้นที่ไปแล้ว ไม่ต้องประชุมกับเรา”
“ผมอยากลงพื้นที่ไปจับพวกมันบ้างครับ”
“ยังไม่ถึงเวลา ภควัตเค้าชำนาญเรื่องนี้มากกว่าคุณ”
จักรภพตอบสั้นๆ แล้วเดินเข้าห้องประชุมไป ทิ้งให้กฤษณ์กำแฟ้มแน่น สีหน้าดูออกว่าไม่พอใจ
อัญมาเดินเข้ามาในซอย มองโทรศัพท์ที่เพิ่งได้จากอธิคม พอผ่านหน้าร้านเจ๊ว่าน เห็นอุบลกำลังเก็บของมอง เตรียมกลับบ้าน
“ไอ้อัญ”
อัญมามองอุบลที่จ้องมาที่มือถือแล้วถาม
“โทรศัพท์ของเอ็งเหรอ”
“ใช่”
สมใจกำลังเก็บร้านโผล่หน้ามาเจ๋อเปิดฉากแดกดันทันที
“แหม...หายไปครึ่งวัน ได้มือถือใหม่ซิง ไปทำอะไรมานะ”
อัญมาโมโหนิดๆ “จะทำอะไรมันก็เรื่องของชั้น”
“ชะ ไอ้อัญ น้ำหน้าอย่างเอ็ง จะหาเงินได้จากไหน นอกจากไปขายยา”
เจ๊ว่าน กะ แอนนี่ได้ยินเสียงแปดหลอดของสมใจก็รีบออกมาดู
“ก้อแล้วถ้าฉันทำ มันไปหนักส่วนไหนของป้า” อัญมาย้อนแสบ
สมใจเหยียดยิ้มดูแคลน “นั่นไง ข้าว่าแล้ว เอ็งต้องไปขายยามา แหม นังอุบล ดีเหลือเกินนะ ลูกสาวเอ็ง ทำให้ลูกคนอื่นเค้าติดยาไปด้วย สอนกันมาดีจริงๆ”
แอนนี่สาระแน สอดขึ้นว่า “เชื้อมันจะทิ้งแถวหรือ น้าสมใจ”
อัญมามองเห็นอุบลหน้าเสีย ท่าทางอับอาย
“ชั้นไม่ได้ขายยา” อัญมาเสียงแข็ง
“อ๋อเหรอ... ไม่เคยเลยนะ เด็กแถวนี้ที่มันติดยาเพิ่มทุกวัน มันก็ไม่ใช่ฝีมือแกสินะ” แอนนี่แขวะ
ทุกคนยิ่งหัวเราะ อุบลยิ่งหน้าเสียด้วยความอับอาย
“อยากเลิกขายยา ก็มาหาเจ๊ได้นะ ไอ้อัญ”
อัญมามองเจ๊ว่านที่จีบปากจีบคอชวน
“ขายอย่างอื่น...ไม่ต้องวิ่งหนีตำรวจให้เหนื่อย นอนเฉยๆ สบายกว่าเยอะ”
เจ๊ว่านกับแอนนี่หัวเราะ อัญมาหน้าแดงด้วยความอาย
“เจ๊กับลูกสาวขายกันจนยานไปเองเถอะ ไม่ต้องมาชวนคนอื่นให้คาวไปด้วยหรอก”
อัญมาบอกแล้วเดินหนี เสียงเจ๊วานหัวเราะเยาะไล่หลัง
“ข้าจะดู เอ็งจะรอดตำรวจไปได้สักกี่น้ำ”
อุบลมองตามลูกสาว หน้าหมอง ใจคอไม่ดี
อัญมานั่งลงในบ้าน อุบลตามเข้ามาซักอย่างเร็ว
“แกเอาเงินที่ไหน ไปซื้อมือถือ”
อัญมาเอามือถือใส่กระเป๋ากางเกง “คิดว่าฉันขายยามาเหรอ”
“ไอ้อัญ แม่ขอร้อง แค่เอ็งติดยานรกพวกนั้น แม่ก็ทุกข์มากแล้ว อย่าทำให้แม่คนอื่นๆทุกข์เพราะมีลูกติดยานรกอย่างเอ็งอีก มันบาปกรรม”
อัญมานึกฉุนที่อุบลไม่ฟังตน “ชั้นบอกว่าชั้นไม่ได้ขายยา”
“แล้วเอ็งได้เงินมาจากไหน” อุบลจ้องหน้า
อัญมาอึกอัก “ชั้น...”
“ทำไมเอ็งไม่ทำงานสุจริตอย่างนังจิ๊บ ไอ้นวย เงินน้อยแต่ไม่ทำบาป ไม่ได้ทำร้ายใคร หรือช่วยแม่ขายไก่ทอดก็ได้ อย่าทำตัวเป็นลูกเทวดา ไม่หยิบจับอะไร”
“ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่เคยทำ” อัญมาเสียงแข็ง
“ไม่เคยก็หัดสิ เอ็งจะขายยาไปจนเมื่อไหร่ แค่เอ็งไปยุ่งกับยาพวกนั้น ไปยุ่งกับพวกไอ้บัง รู้มั้ยหัวอกข้าเป็นยังไง ข้าไม่เคยนอนหลับ ไม่เคยสบายใจเลย เอ็งทำงานสุจริต เหมือนลูกคนอื่นเค้าได้มั้ย แม่ขอร้อง หรือถ้าทนไม่ได้เอ็งก็ไม่ต้องออกไปไหน อยู่แต่ในบ้าน”
อัญมาบอกตามที่คิด “ชั้นไม่อยากอยู่ที่นี่”
อุบลโมโห “ไอ้อัญ...นี่บ้านเอ็งนะ”
อัญมาโต้ทันที “ไม่ใช่ บ้านฉันไม่ใช่ที่นี่ ป้าก็ไม่ใช่แม่ชั้”
“ไอ้อัญ”
อุบลตะลึง อัญมาวิ่งหนีเข้าห้อง อุบลทรุดลงนั่งอย่างเศร้าใจ
อัญมาเข้ามากอดเข่าอยู่ในห้อง สีหน้าหงุดหงิด เสียงมือถือในกระเป๋าดังขึ้น อัญมาตกใจ เข้าไปเปิดถุง เห็นเบอร์โทร.เข้ามา อัญมารีบกดรับ
“ฮัลโหล”
เป็นอธิคมที่โทร.มา เวลานี้เขาอยู่ที่บ้าน และกำลังคุยสาย ด้านหลังเป็นลูกน้องที่กลังตรวจนับห่อยาเล็กๆ ในหลอดเตรียมส่งขายให้ในชุมชน
“ออกมาทำงานของแกได้แล้ว ไอ้อัญ”
อัญมาวางสาย สีหน้าวิตก
“ฉันต้องไปส่งยา”
อัญมาหวนนึกถึงคำพูดของภควัตอีกครา
“ปฏิบัติการนี้ เรา...ตำรวจทุกคนวางแผนกันหลายชั้น เราจะกวาดล้างเครือข่ายของนายวินิจหรือพี่บังให้หมด อัญมา เธอช่วยเราได้ดีที่สุด”
อัญมามองมือถือ สีหน้าเครียดจัด ต้องตัดสินใจอย่างหนักหน่วง
ตอนเย็นวันเดียวกัน ไอ้อัญในร่างอัญมานอนหลับ ใช้เครื่องหายใจอยู่ มีอรรณพ กับ ภรณีมองทอดสายตาสุดแสนรักไปที่ร่างไอ้อัญที่เห็นเป็นร่างเดียวกับลูกสาว
“ผมจะพาลูกไปรักษาที่เมืองนอก ดีกว่านอนรอความหวังลมๆ แล้งๆ” อรรณพบอก
ฝ่ายอัญมาเดินออกมาจากในห้อง อุบลที่ทำงานเตรียมของอยู่หันไปมอง
“จะไปไหน ไอ้อัญ”
“ธุระ”
“ธุระอะไร”
เสียงมือถือในกระเป๋าอัญมาดังขึ้น อุบลได้ยินคิดว่าต้องเป็นพวกค้ายาโทร.มา ก็รีบดึงอัญมาไว้
“อย่าไป ไอ้อัญ อย่าไป”
อัญมามองอุบลด้วยสายตาไม่มีความผูกพัน สะบัดออกอย่างแรง จนอุบลเซ เสียงมือถือดังเร่งกระชั้น อัญมารีบเดินออกไป
อุบลมองตามด้วยสายตาเศร้ามาก ร้องห้ามอย่างเจ็บปวดใจ
“ไอ้อัญ อย่าไปขายยาให้คนอื่น ไอ้อัญ อย่าทำ มันบาป
อัญมาเดินเร็วรี่มา พอเลี้ยวไปทางค่ายมวย ส.วินิจ ภควัตที่หลบมุมซุ่มรออยู่นานแล้ว พุ่งเข้ามากระชากอัญมา ปิดปาก อัญมาดิ้นด้วยความตกใจ
“เงียบ”
ภควัตก้มลงสั่ง ปากใกล้จนจะถึงแก้มอัญมาอยู่แล้ว อัญมามองตาโต
ภควัตกระชากอัญมาออกไปอย่างแรงและเร็ว
ทางด้านอธิคมรอสายอัญมาจนสายตัดไป หันมามองห่อของที่แบ่งไว้ในหลอด พร้อมส่ง ลูกน้องทุกคนรอรับคำสั่งจากอธิคม
“ไอ้อัญยังไม่รับสาย”
เก้าบอก “มันคิดจะเบี้ยวหรือเปล่า”
ป๊อบว่า “หรือว่า...มันถูกตำรวจซิวไปแล้ว”
อธิคมสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
มุมหนึ่ง ลับตาคนในชุมชน อัญมาถูกภควัตเหวี่ยงลงมาตรงนั้น ภควัตบีบไหล่ คาดคั้นอัญมา
“เธอสนิทกับอธิคมแค่ไหน”
“ก็เพิ่งได้คุยกันนี่แหละ”
เสียงสายเรียกเข้าจากอธิคมดังขึ้นอีก อัญมาตกใจ
“ช่วยฉันด้วย ผู้กอง อธิคมมันโทร.มา...ฉันไม่อยากขายยา”
เสียงมือถืออัญมาดังไม่หยุด ภควัตนิ่วหน้า เครียดมากเอาการ
อธิคมรอสายอัญมาอยู่ที่ห้องแพ็คของในตึก จนสายตัดไปอีกรอบ
“ไอ้อัญ มันไม่รับ”
เก้าถาม “เอาไงพี่ เก็บมันเลยมั้ย”
“จับมันมา จับเป็น ห้ามใครแตะต้องไอ้อัญ...ข้าอยากเห็นมันตายต่อหน้าข้าเอง”
อธิคมสั่งเสียงเหี้ยม
ส่วนอัญมามองภควัต ด้วยสายตาหวาดหวั่น
“มันโทร.เรียกฉันไปทำงาน ฉันไม่อยากทำ ผู้กอง”
“อัญมาไม่ต้องกลัว”
ภควัตทอดเสียงนุ่ม ปลอบประโลม จนอัญมารู้สึกดีขึ้น
“เธอทำได้ อัญมา เธอเข้มแข็ง เธอทำงานนี้ได้”
อัญมาตาโตตกใจมาก “ฮ้า... ผู้กองภควัต นี่ผู้กองจะให้ฉันไปทำงานส่งยากับอธิคมจริงๆเหรอ”
“ถ้าเธอไม่ทำ มันจะสงสัยเธอ เธอไปเที่ยว ไปกินข้าวกับมัน แล้วอยู่ๆ พอให้ทำงาน เธอก็หายไป”
อัญมาสะดุดหู “เอ๊ะ เดี๋ยว นี่ผู้กองสะกดรอยตามชั้น”
ภควัตรีบแก้ตัว “บังเอิญเห็น ไม่ได้สะกดรอยตาม”
อัญมาส่ายหัวดิก “ไม่อ่ะ ฉันกลัว”
“ทีตอนนี้มากลัว ตอนกลางวัน กินอาหารญี่ปุ่น ยังเห็นยิ้มหน้าระรื่น” ภตวัตไม่รู้ตัวว่าเขาออกอาการหมั่นไส้เว่อร์
“อย่ามาหาว่าฉันเห็นแก่กินนะ”
“หรือไม่จริง”
“ไม่จริง ขืนฉันไม่ยิ้มกับอธิคม เอาแต่กลัว เค้าก็จับพิรุธชั้นได้น่ะสิ”
ภควัตออกเสียงประชด “สัญชาติญาณเอาตัวรอดเป็นเลิศ”
“ยังไงฉันก็ไม่ส่งยา มันผิดกฏหมาย”
“แต่เธอต้องทำ ไม่อย่างนั้น เธอก็ตายเหมือนกัน เธอเข้าถ้ำเสือ รู้จักลูกเสือ แล้วคิดจะเดินออกมาง่ายๆ ไม่ได้หรอก”
“ไม่ๆๆ ไม่ทำ ฉันไม่ส่งยา มันผิดกฎหมาย”
อัญมาดิ้นจะหนี ภควัตจับอัญมาแรง ยื่นหน้าไปกำชับ สองใบหน้าใกล้ประชิดกันแค่ลมหายใจรด
“เธอส่งครั้งนี้เพื่อช่วยให้แผนของตำรวจคืบหน้านะอัญมา...ฟังฉัน”
ภควัตมองจ้องอัญมา
“ทำตัวเป็นเด็กวิ่งยอดเหมือนเดิม สืบข่าวจากพวกนายวินิจมาให้ตำรวจ ไม่ต้องกลัว ฉันจะคุ้มกันเธอเอง อัญมา ฉันสัญญา ฉันจะปกป้องเธอด้วยชีวิตของฉัน”
อัญมาสบตากับภควัตที่มองมาด้วยสายตาจริงจัง
เก้ากับต้นเอาปืนเคาะประตูบ้าน อุบลเปิดออกมา
“ไอ้อัญอยู่ไหน” เก้าถามอย่างเอาเรื่อง
“มันไม่อยู่” อุบลบอก
ต้นกับเก้าไม่ฟัง ผลักอุบลพ้นทาง พุ่งเข้าไปค้นในบ้าน
อุบลมองตัวสั่น ตกใจกลัว
“พวกแกมาหาไอ้อัญทำไม ไอ้อัญมันไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกแกจะทำอะไรไอ้อัญ อย่านะ อย่าทำอะไรลูกชั้น”
เก้ากับต้นที่แยกกันค้น แต่ไม่เจออัญมา เลยออกมาเจออุบลที่ยืนขวางอยู่
“ไอ้อัญอยู่ที่ไหน” เก้าคาดคั้น
“ข้าไม่รู้”
ต้นเอาปืนตบหน้า อุบลล้มคว่ำไปกองคาพื้น
“บอกไอ้อัญให้รีบไปหาพี่คม”
ต้นถีบข้าวของล้มระเนะระนาด แล้วออกไปกับเก้า อุบลพยายามลุกขึ้น
ที่หน้าบ้านสมใจกับชาวบ้านพากันกรูมามอง พอเห็นสภาพอุบลกับข้าวของที่ล้ม สมใจก็เยาะทันที
“ไงล่ะ ลูกสาวสุดที่รักของเอ็ง ติดยา ขายยา สุดท้ายข้าว่าก็ไม่พ้นขายนาผืนน้อย ในซ่องเจ๊ว่าน”
อุบลโมโหถึงขีดสุด พุ่งออกมาคว้ากาละมังซักผ้าเขวี้ยงโดนสมใจจังๆ สมใจร้องกรี๊ด ชาวบ้านพากันวิ่งหนีกระเจิง
“ไปเลยนะ ไม่ต้องมาคอยดู คอยสะใจความฉิบหายของชาวบ้าน ลูกกูจะเป็นยังไง มันก็เรื่องของกู”
สมใจถอยไปซะห่าง แต่ยังปากดีตะโกนด่าไป
“เรื่องของมึงคนเดียวที่ไหน ลูกสาวมึงมันเลว ขายยาให้ลูกชาวบ้าน เลี้ยงลูกยังไงให้เป็นคนเลว”
อุบลมีสีหน้าเจ็บปวดสุดจะประมาณ กับคำที่ได้ยิน อดคิดไม่ได้ว่าลูกสาวอาจจะเป็นจริงอย่างที่สมใจประณาม
อัญมาเดินเข้ามาในตึกบ้านนายวินิจ อธิคมหันมามองจ้องอย่างไม่เชื่อ
“หายไปไหนมา ไอ้อัญ ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
อธิคมพรวดเข้ามาใกล้ อัญมาพยายามระงับความกลัว โต้ตอบไป
“ฉันปิดเสียงไว้ เพิ่งเห็นมิสคอล”
อธิคมบีบคางอัญมา สายตาดุกร้าว และกระด้าง
“รู้ใช่มั้ยโทษคนโกหก คือตาย”
อัญมาสู้สายตา “ถ้าฉันกลัวตาย ก็คงหนีไปแล้ว ไม่เดินเข้ามาที่นี่อีก”
อธิคมมองอัญมาที่สายตาแกร่ง สู้คน ไม่กลัว
“เธอนี่มันแกร่งดี”
“จะให้ฉันทำงานได้หรือยัง”
อธิคมปล่อยมือจากอัญมา มองไปของบนโต๊ะ ที่ยังมีวัยรุ่นเฝ้าอยู่
“ไปจัดการให้เรียบร้อย”
อัญมามองอธิคมที่สั่งด้วยสายตาคมกริบ หล่อนพยายามบังคับตัวเองไม่ให้แสดงความกลัว จนแสดงพิรุธออกไป
สองคนยังอยู่ในซอย เก้าฟังสายมือถือ กดปิดสาย แล้วหันไปบอกต้น
“พี่คมบอกว่าเจอตัวไอ้อัญแล้ว มันกำลังไปส่งของ ให้เราคอยตามดู”
อัญมาเดินมาตามซอยในชุมชน มีวัยรุ่นยืนอยู่ อัญมามองกลุ่มวัยรุ่นสบตาพวกมัน ในกลุ่มยิ้มให้อัญมา อัญมาบีบมือตัวเองแน่น ล้วงมือลงไปในกางเกง
อัญมามองเห็นวัยรุ่น 2 คนเดินเลี้ยวนำเข้าไปในซอกมืด อัญมามองแล้วเดินตาม จากนั้นส่งหลอดบรรจุยาบ้าให้ วัยรุ่นส่งเงินให้
ระหว่างนี้เก้ากับต้นแอบมองจากอีกด้าน
อัญมาเอาเงินใส่กางเกงเดินเลี้ยวออกจากซอย สีหน้าอัญมาเต็มไปด้วยความเครียด นึกทวนหวนย้อนถึงเหตุการณ์ที่เคยเป็นคุณหนูอัญมาผู้เริดหรู
ในตอนนั้นอัญมากำลังชอปปิ้งกับสุคนธรสในห้างหรู เลือกชี้กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง พนักงานขายนอบน้อมเต็มที่ อัญมารูดเครดิตการ์ด ด้วยท่าทางเพลิดเพลินใจ กับกระเป๋าราคาแพงระยับ 4-5 ใบ ที่ตั้งอยู่
อัญมาเดินสีหน้าเจ็บปวดกับการกระทำของตัวเอง เมื่อย้อนนึกเทียบกับอดีต
“ใครจะเชื่อ ชั้น...คุณหนูอัญมาต้องกลายมาเป็นคนส่งยาบ้า
อัญมายุดเดิน กำมือแน่น ไม่อยากจะทำ เก้ากับต้นโผล่ออกมามอง
อัญมาสีหน้าเครียดมาก ย้อนนึกถึงความสุขก่อนที่จะหลุดมาในโลกอันเจ็บปวดนี้
คืนนั้น อัญมาอยู่ท่ามกลางพ่อแม่ จิรายุ สุคนธรส และเพื่อนที่ล้วนเป็นไฮโซสาวมากมาย ในบรรยากาศงานวันเกิด ถึงเวลา อัญมาก้มลงเป่าเค้กก้อนใหญ่ สีหน้าทุกคนมีแต่ความสุขสดชื่น
อัญมาบีบมือที่เปียกชื้น ด้วยความเครียด
“ชั้นอยากกลับไปโลกของชั้น ชั้นไม่อยากอยู่ที่นี่ ชั้นไม่ไปอยากส่งยาบ้า”
มีมือยื่นมาแตะบ่าอัญมาหมับ อัญมาสะดุ้งเฮือก หันไปมอง เห็นเด็กวัยรุ่นติดยายื่นมือมา อัญมามองสภาพผอมเกร็งของวัยรุ่นแล้วนึกกลัว
เก้ากับต้นจับตามอง อัญมายื่นยาในหลอดให้อย่างเร็ว วัยรุ่นยื่นเงินให้ อัญมากับวัยรุ่นแยกย้าย
แยกกันเดินอย่างเร็ว เก้ากับต้นมองตามอัญมา
อัญมาคิดถึงตอนที่ภควัตสอน
“พวกมันที่เคยซื้อของจากเธอ มันจะมารอ ส่งของให้เร็ว รับเงินแล้วเดินหนี ไม่ต้องคุยกับใคร พวกอธิคมจะส่งคนดูเธอแน่ อย่ามีพิรุธ”
อัญมาเดินจ้ำไปจากแถวนั้นอย่างเร็ว
อัญมาเดินมากำลังจะกลับไปที่ค่ายมวย แต่บังเอิญที่ทางแยก มีชายวัยกลางคนซึ่งเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ คนหนึ่งเดินมาดักหน้า อัญมามองเห็นท่าทางที่ชายคนนั้นจ้องมา ก็หันหลังกลับ และเห็นผู้ชายอีกคนเดินมาดักข้างหลัง
“ตำรวจ”
อัญมารู้ด้วยสัญชาติญาณ สีหน้าเครียด กำมือแน่นด้วยความกลัวปนแค้น ด่าภตวัตในใจ
“ผู้กองบ้า ไหนว่าจะไม่มีตำรวจมาจับฉันไง”
อีกมุมหนึ่งในซอย ภควัตใส่หมวก หรุบลงปิดหน้า ปลอมตัวเป็นคนลับมีด กำลังก้มลับมีด จ่าเดชเดินมานั่งตรงหน้า ยื่นมีดให้
“ท้องที่ส่งตำรวจไปจับไอ้อัญแล้ว”
ภควัตตกใจ “ใครสั่ง”
“ไม่รู้ พอสารวัตรได้ข่าวจากสายอีกคน ก็ส่งคนออกไป”
“บ้าชิบ จับไอ้อัญไม่ได้ จ่า แยกกันคุ้มกันไอ้อัญ อย่าให้ถูกจับเด็ดขาด”
ภควัตลุกขึ้นมองจ่าเดชลอดใต้หมวก บอกด้วยสีหน้าเคร่งและจริงจังว่า
“ไอ้อัญยอมเป็นสายให้เราแล้ว”
อ่านต่อตอนที่ 3