xs
xsm
sm
md
lg

คีตโลกา ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“คีตโลกา”
บทประพันธ์ : รอมแพง
บทโทรทัศน์ : แกมบรรจง
กำกับการแสดง : ประวิทย์ ชุ่มฤทธิ์
แนวละคร : เมโลดราม่า แอ็คชั่น สืบสวน
ผลิต : บริษัทมีเดีย สตูดิโอ จำกัด
วันเวลาออกอากาศ : ศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7 สี
ระยะเวลา ออกอากาศ : 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557
จำนวนตอนออกอากาศ : 15 /+/-

คีตโลกา ตอนที่ 1

เหตุการณ์ในอดีตครั้งนั้น เกิดขึ้นรวดเร็วมาก มีกลุ่มมือปืน 3 คน ที่รับจ้างจากกลุ่มพ่อค้ายาเสพติด บุกเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งอย่างอุกอาจ ตอนกลางวันแสกๆ พวกมันตรงมายังโต๊ะอาหารตรงมุมหนึ่งในร้าน ผู้ร้าย 2 ใน 3 จ่อยิงชาย หญิง วัยกลางคน ผู้เป็นพ่อ และ แม่ ขณะที่กำลังทานอาหารกันอยู่

เสียงปืนดังเปรี้ยงๆ ติดๆ กัน เด็กชายภควัตในวัยเพียง 6 ขวบ ซึ่งหลบไปอยู่ใต้โต๊ะ มองเหตุการณ์อย่างตกตะลึงพรึงเพริด
รัตน์ เรืองเดช ชายหนุ่มคนส่งน้ำแข็งเห็น รีบเอาตัวเข้าบังร่างเด็กสาวผู้เป็นพี่สาววัยเพียง 10 ปี แต่มือปืน อีกคน หันปืนมาจ่อยิงทั้งรัตน์ และ เด็กสาวล้มลงตายคาที่อย่างโหดเหี้ยม
เด็กชายภควัตตาเบิกโพลง เมื่อพบว่ามือปืนคนนั้นหันปลายกระบอกปืนจ่อมาทางเขา เด็กชายหลับตาปี๋กลัวถึงขีดสุด เสียงปืนดังเปรี้ยงขึ้นติดๆ กันอีกหลายนัด

“อย่า.....”
เสียงร้องดังก้องขึ้นในห้องนอนนี้กลางดึก ท่ามกลางความเงียบสงัด ร้อยตำรวจเอก ภควัต อริยะวงศ์ ลุกพรวดขึ้นจากที่นอนนุ่มบนเตียง เหงื่อกาฬแตกเต็มหน้า ผู้กองหนุ่มรูปงามนึกทบทวนเรื่องราว ที่แท้เขาฝันร้าย ฝันถึงตอนเด็กที่เห็นครอบครัว พ่อ แม่ พี่สาว ถูกฆาตกรรมต่อหน้าต่อตา
ภควัตหอบหายใจแรง เสียงดังท่ามกลางความสงัดเงียบในห้อง แววตาตื่นตระหนกกับภาพความโหดเหี้ยมที่ติดตามาตั้งแต่เด็ก และผุดขึ้นมาหลอกหลอนเขาจวบจนวันนี้

รุ่งเช้า คุณหญิงวรจันทร์ พร้อมกับสามี ท่านรัฐมนตรีอภิกานต์ และ ขวัญอนงค์ ลูกสาววัยรุ่น หน้าตาท่าทางเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กำลังใส่บาตรพระ 3 รูป อยู่ด้านหน้าคฤหาสน์อภิกานต์ มีมะลิ เด็กรับใช้ในบ้าน คอยรับถาดไปเก็บตรงโต๊ะด้านหลัง
ภควัตก้าวออกมาจากบ้านเล็กของตัวเอง ที่อยู่ในอาณาบริเวณรั้วเดียวกัน ผู้กองวัย 29 ปี ตรงมายังบริเวณหน้าคฤหาสน์ เขายกมือไหว้พระสงฆ์ที่กำลังเดินไปอย่างสงบ คุณหญิงวรจันทร์ใส่บาตรเสร็จ หันมองมา เห็นสีหน้าภควัตไม่ค่อยดีนัก ก็ทักขึ้น
“ตาวัต ทำไมหน้าตาเหมือนคนอดนอนอย่างงั้นล่ะจ๊ะ”
ท่านอภิกานต์เย้า “สงสัยเมื่อคืนจะไปไล่จับผู้ร้ายมาอีกนั่นแหละคุณ”
ขวัญอนงค์ ยิ้มทัก “ทานอะไรหรือยัง พี่วัต ผู้กองคนเก่ง”
ภควัตยิ้มแห้งๆ แทนคำตอบ คุณหญิงวรจันทร์ และท่านอภิกานต์มองเขาด้วยสายตาเอ็นดู
ขวัญอนงค์ยิ้มหวานล้อเลียนพี่ชายผู้เป็นญาติห่างๆ

ไม่นานต่อมา ทุกคนอยู่ที่โต๊ะอาหารตัวยาว ในห้องทานอาหาร ภควัตนั่งใกล้กับขวัญอนงค์ ท่านอภิกานต์ กับคุณหญิงวรจันทร์นั่งตรงข้ามสองหนุ่มสาว มะลิกับเด็กรับใช้อีกคน รอเติมข้าวอยู่ด้านหลัง ขวัญอนงค์ตักอาหารให้พี่ชาย
ภควัตยิ้ม “ขอบคุณครับ คุณน้อง”
“เมื่อไหร่จะเลิกเรียกน้องว่าคุณน้องสักทีคะ เรียกน้องเฉยๆ ก็ได้” ขวัญอนงค์ค่อนขอด
“อย่าเลยครับ คุณลุงกับคุณป้ามีพระคุณกับพี่ ถ้าท่านไม่รับเด็กกำพร้าอย่างพี่มาเลี้ยง พี่คงไม่มีอนาคตดีๆอย่างวันนี้”
ภควัตมองท่านอภิกานต์กับคุณหญิงวรจันทร์อย่างซาบซึ้ง
“เอาอีกแล้ว วัต ลุงบอกแล้วว่าอย่าถือเป็นบุญคุณอะไร พ่อของเธอก็เป็นญาติคนหนึ่งในตระกูลเรา”
“วัต...ลุงกับป้ารับวัตมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะเห็นว่าวัตเป็นหลานนะ เราอยากให้วัตรู้ว่าเรารักวัตเหมือนลูกคนหนึ่ง วัตเป็นพี่ชายของยายน้อง”
ภควัตมองแล้ววางช้อนลง ยกมือไหว้ทั้งสองท่าน
“ผมขอบพระคุณคุณลุงคุณป้าที่เมตตาผม” ชายหนุ่มหันไปทางขวัญอนงค์ “ขอบคุณคุณน้องด้วยนะครับ ที่เป็นห่วงพี่”
“ก็พี่วัตเป็นพี่ชายน้องนี่คะ” ขวัญอนงค์ยิ้มแย้มกับภควัต
“ป้าอยากให้วัตลืมเรื่องเก่าๆ ไปนะ ความแค้นไม่ได้ช่วยให้คนเราเดินไปข้างหน้าได้มันเป็นหลุมบ่อ เป็นกับดักที่คอยจะฉุดรั้งเราให้ตกต่ำ ทำสิ่งผิดๆ”
คุณหญิงวรจันทร์มองภควัตอย่างหยั่งใจ ด้วยสีหน้าลึกล้ำ
“วัตต้องปล่อยวางอดีต ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด...ทุกวัน แล้วอนาคตของวัตก็จะมีแต่ความสุข
“ครับ คุณป้า”
ภควัตตอบไม่เต็มเสียงนัก เพราะรู้ว่าในใจยังอยากจะแก้แค้นคนที่ฆ่าครอบครัวตัวเอง

ภควัตพาตัวเองมาอยู่ที่โบสถ์หลังงามวัดที่มาเป็นประจำ ผู้กองหนุ่มถวายสังฆทานและกราบหลวงพ่อที่เคารพเงยหน้าขึ้น หลวงพ่อมองภควัตนิ่ง
“วันนี้เป็นวันครบรอบที่พ่อ แม่ แล้วก็พี่สาว” ภควัตพนมมือหยุดทำใจ “จากผมไป ผมไม่เคยลืม ใจผมอยากจะแก้แค้นพวกมัน... ไอ้พวกค้ายาเสพติด”
“ทำใจให้สงบนะ โยมภควัต พ่อแม่และพี่สาวของโยม หมดกรรมแล้ว”
“ผมทำไม่ได้จริงๆครับ หลวงพ่อ เมื่อคืนผมยังฝันถึงวันนั้น...วันที่พวกค้ายามันเอาชีวิตทุกคนในครอบครัวผมไป”
หลวงพ่อเพ่งมองไปที่ภควัตด้วยสีหน้าเคร่ง และเห็นอนาคตที่ภควัตกำลังจะต้องเจอ
“คนเราทุกคนเกิดมาพร้อมกรรมติดตัว ต่อไปโยมจะต้องเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝัน เพราะกรรมที่ผูกพันกันมา”
ภควัตฉงน “เรื่องไม่คาดฝันอะไรหรือครับ”
ลมพัดเข้ามาวูบใหญ่ในโบสถ์ เทียนดับทุกดวง ภควัตมองไปรอบๆ หลวงพ่อหลับตาลง ท่าทางนิ่งสงบ ภควัตอยากซักต่อ หลวงพ่อพูดเพียงว่า
“จำไว้นะโยม สุขทุกข์สิ่งใด ย่อมเกิดจากใจ”
“สุขทุกข์สิ่งใด ย่อมเกิดจากใจ”
ภควัตทวนคำแล้วก้มลงกราบ พอเงยขึ้นมา เขาไม่เห็นหลวงพ่อนั่งอยู่ตรงหน้าแล้ว หน้าตาผู้กองหนุ่ม เต็มไปด้วยความสงสัย มองหาไปรอบๆ จนหันไปเห็นหลวงพ่อยืนอยู่นอกโบสถ์ มองตรงมาที่เขา
ภควัตขนลุกซู่ หันกลับมาสีหน้ากังวล ทวนคำที่หลวงพ่อบอก
“เรื่องที่ไม่คาดฝัน...กรรมผูกพัน...ใคร ผูกพันกับใคร”
เสียงมือถือภควัตดังขึ้น เขารีบกดรับสาย
“พวกมันเคลื่อนไหวแล้วใช่มั้ย...จับตาดูไว้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

ร้อยตำรวจเอกภควัต ที่เป็นนายตำรวจหัวหน้าชุดปฏิบัติการจับยาเสพติด ก้มลงกราบพระประธานแล้วรีบลุกออกไป

รถตู้คันหรูแล่นมาจอดหน้าโรงแรมแห่งนั้นในตอนค่ำ คนขับรถรีบกุลีกุจอลงมาเปิดประตูให้ มีรถอีกคันตามมาจอดสมทบด้านหลัง

แลเห็นขาเรียวขาว ยาว ของ อัญมา พิบูลย์สุวรรณ ก้าวลงมา อัญมาอยู่ในชุดลำลอง เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น แต่แบรนด์เนมทุกชิ้น ทำให้หล่อนดูเปรี้ยว เก๋และนำสมัย
นักคนนักที่จะไม่รู้จักเธอ คุณหนูอัญมา ทายาทของ คุณอรรณพ พิบูลย์สุวรรณ นักธุรกิจใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองไทยที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงระดับโลก และ คุณภรณี ผู้ดีเก่าตระกูลดังของเมืองไทย
คนรับใช้ 3 คน ตามลงมาจากรถคันหลัง คนแรกลากกระเป๋าเดินทางที่มีเครื่องสำอางแน่น
อีกมือถือชุดราตรียาวสวยหลายชุด คนรับใช้อีก 1 เป็นคนถ่ายภาพนิ่ง อีกคนถ่ายภาพวิดีโอทุกอิริยาบถ
อัญมาหน้าเชิด เริด ระเหิด ระหง เข้ามา และกำลังจะเดินเข้าล็อบบี้โรงแรม
ออแกนไนเซ่อร์สาว อายุราว 30 ใส่เสื้อยืด ยีนส์ขาด ผู้เป็นคนจัดงานอีเว้นท์แฟชั่นการกุศล Glamour Charity Night ในค่ำคืนนี้ ที่ยืนรออยู่ด้านหน้า รีบเดินมาต้อนรับ
“เชิญเลยค่ะ คุณอัญมา ห้องแต่งตัวอยู่ชั้น 5”
อัญมาไม่ปรายตามองออแกนไนเซ่อร์สักนิด หล่อนเดินเชิดหน้าผ่านไปทางลิฟต์ คนรับใช้ทั้ง 3 พากันเดินตามอัญมามาติดๆ ออแกนไนเซ่อร์เดินเร็วรี่ตามไป
ที่หน้าลิฟต์ อัญมาตวัดสายตามองออแกนไนเซ่อร์ ที่รีบกดลิฟต์ให้ พอลิฟต์เปิด อัญมาเดินเข้าไป ออแกนไนเซ่อร์กำลังจะตามเข้าลิฟต์
“ไม่ต้องเข้ามา ชั้นไม่อยากใช้อากาศหายใจร่วมกับเธอ”
ออแกนไนเซ่อร์นึกหมั่นไส้ “แล้วจะให้ฉันไปหายใจที่ไหนละคะ”
“คิดไม่ออก ก็ไม่ต้องหายใจสิ เธอต้องไปขึ้นลิฟต์ตัวอื่น”
ออแกนไนเซ่อร์ อึ้งอึ้ง เซ่อ เมื่อเจออัญมาหมิ่น เหล่าคนใช้รีบขึ้นลิฟต์อีกตัวไป
ประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิดลง แลเห็นอัญมาที่มีสีหน้าเชิด ถือตัว อยู่ในนั้นลำพัง

บรรยากาศในห้องแต่งตัว กำลังวุ่นวายได้ที่เพราะนางแบบแต่งตัว แต่งหน้า และกำลังจะขึ้นโชว์แนนนี่ เจ้าของห้องเสื้อกะเทยไฮโซกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่
“ตายๆๆๆ ตายแล้ว งานจะเริ่มแล้ว นางแบบชุดฟินาเล่ของชั้นทำไมป่านนี้ยังไม่โผล่หัวมา ไม่ทราบว่ากำลังมุดหัวอยู่รูไหน”
ระหว่างนี้ สุคนธรส สาวรูปร่างสูง ใบหน้าสวยที่ใส่ชุดพร้อมเดิน ก้าวออกมา เธอคนนี้ถือเป็นเพื่อนที่เกือบสนิทของคุณหนูอัญมา แนนนี่หันไปหาท่าทีฉุนเฉียว และบ่นกระปอดกระแปดว่า
“ยังไงคะ น้องสุคนธรส คุณหนูอัญมาเพื่อนรักของคุณน้อง จะมาเดินแบบชุดฟินาเล่ของพี่แน่หรือเปล่า ซ้อมก็ไม่มาซ้อม นี่โชว์กำลังจะเริ่มแล้ว”
“คุณหนูอัญมาเค้าก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ชอบทำตัวให้มีปัญหา” สุคนธรสว่า
“แต่พี่ไม่ชอบคนมีปัญหา ถ้าเบี้ยว พี่จะให้น้องสุคนธรสใส่ชุดฟินาเล่แทนไปเลย”
สุคนธรสดีใจ แต่แสร้งปฏิเสธ “จะดีเหรอคะ เดี๋ยวอัญมารู้เข้า เค้าจะเสียใจนะคะ”
เสียงอัญมาแหลมเข้ามา “คนอย่างอัญมาไม่เคยเสียใจกับเรื่องเล็กๆ เหมือนฝุ่นติดส้นสูงหรอกค่ะ”
ทุกคนหันไปมองทางหน้าประตู สยองไปทั้งแถบ สุคนธรสเหลียวขวับตามไป เห็นอัญมาก้าวเข้ามา ด้านหลังคือคนใช้ 3 คนที่ถือของและคนติดตามที่คอยถ่ายภาพนิ่ง ภาพวิดีโอ
สุคนธรสเปลี่ยนสีหน้า ทำเป็นดีใจทันที
“มาแล้วค่ะ อัญมา นางเอกของงาน”
อัญมาเดินมาเผชิญหน้ากับแนนนี่ สุคนธรสรีบเข้าไปยืนใกล้อัญมา
“ไหนคะ ชุดที่จะให้อัญมาใส่”
สไตลิสต์รีบหยิบชุดมาให้ แนนนี่เจ้าของห้องเสื้อรีบปั้นสีหน้า ยิ้มหวานกับอัญมาทันควัน
“พี่ปลื้มสุดๆ เลยค่ะที่คุณหนูอัญมาให้เกียรติมาเดินชุดฟินาเล่ แต่ยังไงพี่ขอเร็วนีส...นะคะ ใกล้ถึงเวลาโชว์แล้ว”
“อัญมายังไม่พร้อม ก็ยังเริ่มงานไม่ได้” อัญมาบอก
ทุกคนฟังด้วยสีหน้าตกตะลึง
อัญมายิ้มเชิด “เลื่อนเวลาเปิดออกไปก่อนสิคะ ยังไงงานนี้ สื่อก็มาดูอัญมามากกว่าอยู่แล้ว”

อัญมามองทุกคนด้วยสีหน้า หยิ่ง เชิด ถือดี สุดๆ ด้วยหล่อนไม่เคยแคร์ใคร!

บรรยากาศในห้องบอลรูมสถานที่จัดงานแฟชั่นโชว์การกุศล ผู้คน ทยอยมานั่งตามเก้าอี้หน้าเวที ตัวหนังสือเด่นหราว่า Glamour Charity Night
จิรายุเดินมากับอนุรุท สายตาสาวๆ ในห้องพากันเหลียวมองมายังจิรายุ กับอนุรุทที่หน้าตาดี มาดดี
สาวไฮโซคนหนึ่งรีบเข้ามาทัก
“ดีใจจังเลยค่ะที่ได้เจอคุณจิรายุ ชอบดูแฟชั่นโชว์เหมือนกันเลยค่ะ”
จิรายุยิ้ม ยังไม่ทันตอบ อนุรุทตอบขึ้นแทน
“คุณจิรายุมาให้กำลังใจนางแบบชุดฟินาเล่น่ะครับ”
ไฮโซสาวได้ยินก็อารมณ์ขุ่น ทันที หันหน้าเชิดไปนั่งที่ของตัวเอง จิรายุอมยิ้มหันมาทาง อนุรุทที่เป็นเลขา
“ผมต้องให้รางวัลเลขายอดเยี่ยมกับคุณซะแล้ว อนุรุท รู้ใจผมไปทุกอย่าง”
“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ทำเป็นทักเพราะหวังจะจิกคุณทั้งนั้น” อนุรุทว่า
จิรายุหัวเราะเบาๆ ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ แล้วเดินมานั่งที่ตัวเอง เขาแลเห็นนายตำรวจยศพันตำรวจโท เดินตามมา และที่นั่งใกล้ๆ กัน
“อ้าว สารวัตรกฤษณ์ หนีราชการจับผู้ร้าย มาดูนางแบบเหมือนกันเหรอครับ”
ที่แท้เป็น พันตำรวจโท กฤษณ์ แฟนหนุ่มของไฮโซสาว สุคนธรส ยิ้มหล่อ ขณะลงนั่ง
“ขืนไม่มา คุณรสเอาเรื่องแน่ครับ”

สุคนธรสแต่งตัวเสร็จแล้ว ก้มลงใกล้หน้าอัญมาที่กำลังแต่งหน้า
“เธอสวยมาก อัญมา สมเป็นดาวเด่นของงานวันนี้เลยนะ”
อัญมามองเงาตัวเองกับสุคนธรสที่หน้าใกล้กัน
“ถ้าฉันไม่สวย ไม่เริด ฉันจะได้ใส่ชุดฟินาเล่เหรอ รส”
อัญมาตอบปกติก่อนจะหลับตาลงให้ช่างกรีดอายไลเนอร์ให้ต่อ สุคนธรสชักสีหน้า อดกลั้น ความหมั่นไส้อัญมาไว้เต็มที่

แขกในงานพากันขยับกระสับกระส่ายเพราะถึงเวลาตามที่แจ้งไว้นานแล้ว จิรายุมองนาฬิกาบ่นออกมาว่า
“นี่มันเลยเวลาเริ่มโชว์แล้ว”
อนุรุท และ กฤษณ์มีหน้าตาสงสัยเหมือนกัน

ในห้องแต่งตัวนางแบบ แนนนี่เดินเป็นหนูติดจั่น ออแกนไนเซ่อร์เข้ามาหา แนนนี่บุ้ยหน้ามาทางโต๊ะแต่งตัวของอัญมา
สองคนเห็นอัญมายังแต่งหน้าสบายใจไม่ทุกข์ร้อนใดๆ แนนนี่รีบเดินไปทางสุคนธรส
“ต้องเริ่มโชว์แล้วนะคะ”
อัญมาที่ได้ยิน ลุกขึ้น หันมอง หน้าตาไม่เดือดร้อนอะไร
“ไหนขอดูหน่อยสิคะว่าจะให้อัญมาใส่เครื่องประดับอะไร”
สไตลิสต์กับแนนนี่รีบหยิบกล่องสร้อยมาเปิดให้ดู อัญมามองด้วยหางตา
“จะให้อัญใส่ของก๊อปเนี่ยเหรอคะ” หล่อนจิกตาใส่แนนนี่และสไตลิสต์ “ไม่ใส่ค่ะ อัญไม่ใส่ของก๊อปแบบนี้ ถึงจะเกรดเอก็ตาม”
ทุกคนที่ได้ยินมีสีหน้าหมั่นไส้กันทั้งแถบ แต่ต้องข่มกลั้นอารมณ์ไว้
คนรับใช้ของอัญมาเดินมาพร้อมกล่องเปิดออก อัญมาหยิบสร้อยเพชรเส้นใหญ่น้ำงามเล่นไฟระยับออกมา
“คนอย่างอัญมา พิบูลย์สุวรรณ ต้องใส่แต่ของมีระดับเท่านั้น”
แนนนี่กระแทกเสียงใส่ “ค่ะ อยากใส่อะไร ก็ใส่เลยค่ะ ไม่ขัดข้อง โชว์จะได้เริ่มสักที”
แนนนี่สะบัดหน้าพรึ่ดเดินหนีไป สุคนธรสมองอัญมาอย่างหมั่นไส้

อัญมาเหยียดยิ้มไม่แคร์ แล้วหันมามองเงาสวยของตัวเองในกระจกอย่างมั่นใจ

ขณะเดียวกัน รถเข็นอาหารมาหยุดหน้าห้องพักห้องหนึ่ง ร้อยตำรวจเอกภควัตที่ปลอมตัวเป็นบริกร กดกริ่งหน้าห้อง

“รูมเซอร์วิสครับ”

แฟชั่นโชว์เริ่มแล้ว บนเวที เสียงเพลงเปิดดังกระหึ่ม แสงไฟส่องวูบวาบทั่วเวที นางแบบคนแรกเดินออกมา ทุกคนปรบมือ นักข่าวถ่ายรูป นางแบบทยอยเดินออกมาในชุดสวย
จิรายุ อนุรุท สารวัตรกฤษณ์มองตามอย่างตื่นตา จนกระทั่งถึงคิว สุคนธรส เธอออกมายืนโพสท่าสวยสง่า กฤษณ์ยิ้มกว้าง ตบมือซะดัง
“เห่อแฟนเหมือนกันนะครับ สารวัตรกฤษณ์”
จิรายุแซว กฤษณ์ยิ้ม มองตามสุคนธรสที่มาโพสหยุดกลางเวที

อีกฟากหนึ่ง ประตูห้องพักเปิดออก ภควัตมองไป เห็นผู้หญิง 1 หัวหูยุ่ง หน้าตาคล้ายคนเมายา โผล่หน้ามามองอย่างเอาเรื่อง
“ไม่ได้สั่งอาหารโว้ย ส่งผิดห้องแล้ว”
ผู้หญิง 1 จะปิดประตู แต่ภควัตเข็นรถกระแทกประตูอย่างแรง ประตูเปิดเข้าไป ภควัตสะบัดเสื้อกั๊กบริกรออก กระชากปืนที่เอวพุ่งเข้าไป
ภายในห้องปาร์ตี้เต็มไปด้วยหนุ่มสาว ลูกหลานไฮโซ ราว 6-7 คน กำลังเมายา อาการหลุดได้ที่ อุปกรณ์เสพยาทั้งโคเคน ยาเลิฟ ยาอี เหล้า บุหรี่กองเต็มโต๊ะ ทุกคนตกใจ ผู้หญิงร้องวี้ด
“อย่าหนี อย่าขัดขืนการจับกุม มอบตัวซะ” ภควัตร้องตะโกนขึ้น
ร้อยตำรวจโทพลภัทรในชุดนอกเครื่องแบบ กับตำรวจอีก 2 คนพุ่งสวนตามเข้ามา
ภควัต กับพลภัทรเข้าไปจะจับกุม แต่หนุ่มไฮโซเมายาคนหนึ่งคว้าปืนเหน็บเอวแล้วฉวยโอกาส วิ่งหลบวูบหนีออกไปทาปงระตู ผู้หญิงอีกคนรีบโดดคว้าคอภควัตไม่ให้ตาม
ภควัตสะบัดผู้หญิงหลุดลงไปกองกับพื้น แล้วสั่งคู่หู
“พลภัทร จัดการต่อด้วย”
“ครับ ผู้กอง”
ภควัตวิ่งตามไฮโซที่หนีออกไปอย่างเร็ว

นางแบบเดินกลับเข้าไปหลังเวที ไฟบนเวทีมืดลง เสียงเพลงเปลี่ยน สักครู่หนึ่งแลเห็นอัญมาก้าวออกมายืนโพสกลางเวที ไฟสปอตไลท์สาดส่อง อัญมา ในชุดราตรีสีขาวสวยสคราญ สร้อยเพชร แหวนเพชร และ ต่างหูเพชร ส่องประกายระยิบระยับ หล่อนเดินนายนาดอยู่บนรันเวย์ท่ามกลางแสงไฟ ทุกคนปรบมือ จิรายุยิ้มกว้าง กฤษณ์แซวจิรายุกลับ
“คุณจิรายุก็เห่อแฟนเหมือนกันนะครับ”
จิรายุยิ้มเขิน สายตามองไปที่อัญมาที่โพสท่าโดดเด่น อยู่ท่ามกลางแสงไฟ

ด้านภควัตวิ่งเร็วรี่มาตามทางเดินในโรงแรม หนุ่มไฮโซหันมายิงปืนใส่ ภควัตหลบวูบ กระสุนเฉียดไป หนุ่มไฮโซวิ่งเลี้ยวไปทางห้องจัดเลี้ยง ภควัตวิ่งตามไม่ลดละ

อัญมายืนโพสเด่นกลางเวที จิรายุปรบมือ ยิ้มชื่นจนออกนอกหน้า
จังหวะนี้หนุ่มไฮโซพุ่งเข้ามาในห้อง ทุกคนตกใจ หันไปมอง เห็นภควัตวิ่งตามเข้ามา หนุ่มไฮโซหันมายิงสวน คนในห้องร้องกรี๊ด บรรยากาศอลหม่าน กฤษณ์ลุกพรวดด้วยสัญชาติญาณตำรวจ
“ก้มลง ทุกคน ก้มลง”
หนุ่มไฮโซพุ่งขึ้นเวที อัญมาตกใจยืนตะลึง หนุ่มไฮโซพุ่งเข้ามา จะจับอัญมาเป็นตัวประกัน อัญมาเห็นท่าไม่ดี จะวิ่ง หนุ่มไฮโซคว้าตัวอัญมาไว้ อัญมาสะบัดไม่ยอมให้ถูกจับล็อก
“อย่ามาแตะต้องตัวชั้นนะ ไอ้บ้า”
ภควัตพุ่งขึ้นเวทีเข้ามา หนุ่มไฮโซเหวี่ยงอัญมากระเด็นไปทางภควัต
“ว้าย”
อัญมาเซไปชนภควัต ผู้กองรับร่างหล่อนไว้ทันพอดี ชั่วขณะสองคนมองสบตากัน หนุ่มไฮโซฉวยจังหวะ กระโดดหนีลงด้านล่าง
กฤษณ์ร้องขึ้น “หยุด อย่าขัดขืนการจับกุม”
ภควัตพอได้ยินเสียงกฤษณ์ก็ได้สติ ดันร่างอัญมาออกอย่างแรง
“โอ๊ย”
ภควัตไม่สนใจอัญมา เขากระโดดลงเวทีทันที พุ่งเข้าชาร์จหนุ่มไฮโซไว้จนได้ จิรายุวิ่งขึ้นเวทีมาประคองอัญมา
บรรดานักข่าวพากันมาถ่ายรูปภควัตกับไฮโซเมายาพรึ่บพรับ กฤษณ์เข้ามา พอเห็นภควัตก็ชะงัก
“ภควัต นี่นายเองเหรอ”
ภควัตพอเห็นเป็นกฤษณ์ ที่เคยเป็นเพื่อนกันก็ชักสีหน้า
“ใช่ ผมเองครับ สารวัตรกฤษณ์ ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่อีก”
นักข่าวพากันกดถ่ายรูประรัว ภควัตก้มหน้า ตวาด
“ไม่ต้องถ่าย พอแล้ว”
ภควัตรีบกระชากหนุ่มไฮโซออกไป นักข่าวตามเป็นพรวน กฤษณ์สีหน้าไม่ดีนักเหลียวมองตาม เพราะเคยมีเรื่องกินใจกับภควัตมาก่อน
อัญมายืนอยู่บนเวที เต้นเร่าๆ มีจิรายุยืนข้างๆ
“มันเป็นใคร ไอ้บ้ากับตำรวจนั่นมันเป็นใคร กล้าดียังไงถึงมาทำลายโชว์ของอัญมา ดูสิคะ จิรายุ นักข่าวสนใจมันมากกว่าอัญมา”
จิรายุตอบไม่ถูก อัญมาสีหน้าโมโหมาก

ค่ำคืนนั้น ภายในโถงคฤหาสน์หรู คุณอรรณพ และ คุณภรณี เจ้าของบ้าน พ่อแม่ของอัญมา มีสีหน้ากังวลเมื่อรู้เรื่องตำรวจไล่จับยาเสพติด
“ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือเปล่า เที่ยวมาได้ไล่จับยาเสพติดกลางโรงแรมขนาดนี้” ภรณีถามทันที
“นั่นน่ะสิครับ ถ้าแขกในงานโดนลูกหลงขึ้นมา ไม่รู้จะจ่ายค่าทำขวัญไหวมั้ย” จิรายุว่า
อรรณพมองจิรายุอย่างไม่ชอบขี้หน้า “ตำรวจเค้าก็ต้องทำหน้าที่ของเค้า เราสมควรจะโทษพวกลูกเศรษฐีเสเพลมากกว่า หาเรื่องเดือดร้อนมาให้พ่อแม่อับอาย”
“ลูกอัญคงจะขวัญเสียแย่”
ภรณีโอบกอดลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
“อัญไม่กลัวมันหรอกค่ะ เพราะถ้ามันแตะอัญ อัญจะให้ทนายส่งมันไปติดคุกตลอดชีวิต”
สุคนธรสเสริม “จริงค่ะ ใครกล้าทำคุณหนูอัญมา รสจะให้สารวัตรกฤษณ์ แฟนรสขังลืมมันซะเลย”
“น้าว่าอโหสิกันแค่นี้เถอะ เค้าถูกตำรวจจับ ก็ต้องรับโทษของเค้าอยู่แล้ว” ภรณีหันไปทางทุกคน “ขอบใจหนูรสกับจิรายุมากนะที่มาส่งหนูอัญ”
“อัญคงเหนื่อยแย่แล้ว เรากลับกันเถอะค่ะ จิรายุ”
สุคนธรสรีบตัดบท จิรายุ สุคนธรสไหว้ลาอรรณพกับภรณีแล้วเดินออกไป อัญมาหันไปทางพ่อ
“ทำไมพ่อไม่ชอบจิรายุ แฟนอัญ เค้าเป็นคนดีนะคะ”
อรรณพไม่ตอบหันหลังเดินขึ้นบ้านไป ภรณีมองลำบากใจ

จิรายุ เดินออกมาหน้าคฤหาสน์อรรณพ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ สุคนธรสที่เดินมาด้วยมองแล้วเตือน
“จะเอาชนะใจคุณอรรรณพ ว่าที่พ่อตาเศรษฐีพันล้าน มันก็ลำบากหน่อยนะ จิรายุ”
“เราเป็นญาติกันนะ สุคนธรส เธอต้องช่วยฉัน”
“ชั้นไม่อยากได้ยัยคุณหนูอัญมาหัวสูง มาร่วมเป็นวงศาคณาญาติหรอกนะ”
จิรายุประชดส่ง “อ้าว! เห็นสนิทยังกับเพื่อนรัก ตายแทนกันได้”
“จำใจหรอกย่ะ ไม่มีชั้น ยัยอัญมาก็ไม่มีใครคบหรอก หัวสูงทะลุเพดานอย่างงั้น วันนึงตกสวรรค์ลงมา คอยดูเถอะ มีแต่คนจะบี้ให้จมดิน”

สุคนธรสเดินเชิดออกไป จิรายุมองตามอย่างเซ็งๆ กับความคิดของญาติอย่างสุคนธรส

อัญมาใส่เสื้อคลุม เดินออกมาจากห้องน้ำในห้องนอนของหล่อน ฤดี แม่บ้านใหญ่ถือน้ำส้มเข้ามาเสิร์ฟ

“ใครบอกว่าวันนี้ฉันจะกินน้ำส้ม”
“ฤดีเห็นเมื่อวานคุณหนูก็ทาน”
“แต่วันนี้ชั้นไม่อยากกิน เอาออกไป วันหลังถ้าฉันไม่สั่ง ไม่ต้องคิดเองเพราะเธอจะคิดผิด เข้าใจมั้ย”
“ค่ะๆ คุณหนูอัญมา”
ฤดีรีบยกถาดออกไป อัญมาเดินไปหยุดมองออกไปนอกหน้าต่าง แวบหนึ่งอัญมาคิดถึงแหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา
โดยเฉพาะตอนที่หล่อนตกอยู่ในอ้อมกอดภควัต สองคนสบสายตากัน ก่อนที่ภควัตจะปล่อยร่างอัญมาลง
เมื่อคิดถึงตอนนี้แล้ว อัญมาอดนึกฉุนภควัตขึ้นมาไม่ได้
“ตำรวจบ้า แทนที่จะปกป้องประชาชน ดันห่วงจับผู้ร้าย อย่าให้ชั้นเจออีกนะ”

ส่วนที่ห้องโถง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด คืนเดียวกัน ภควัตอยู่ในนั้น เขาโยนแฟ้มลงบนโต๊ะ มองกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกจับได้ กำลังเดินเข้าห้องสอบสวน
ทนายเดินตามติด กลุ่มวัยรุ่นหันมามองภควัตอย่างเจ็บแค้น หนุ่มไฮโซคนที่ภควัตไล่ตามตะโกนลั่น
“พวกมึงยังไม่รู้ใช่มั้ยว่าพ่อกูเป็นใคร”
“ต่อให้พ่อแกใหญ่แค่ไหน เราก็จะลากแกเข้าคุก” ภตวัตโต้เสียงดัง
พวกกลุ่มวัยรุ่นถูกตำรวจพาเข้าไปห้องสอบสวนด้านใน ผู้หมวดพลภัทร ลูกน้องภควัตหันมามอง
“ดีนะครับที่จับได้คาหนังคาเขา ทั้งอุปกรณ์ ทั้งของ ไม่งั้นทนายต้องช่วย จนพวกมันดิ้นหลุดแน่ๆ”
“เราต้องได้ชื่อคนที่ขายยาให้พวกมัน ถึงจะกวาดล้างไอ้พวกเดนนรกค้ายาให้สิ้นซาก”
“ผู้กองนี่เกลียดพวกค้ายามากนะครับ” พลภัทรว่า
“ใช่ ผมเกลียดยาเสพติด มันทำลายคน ทำลายสังคม เราปล่อยให้มันระบาดไปทุกพื้นที่ไม่ได้ สังคมเราต้องไม่อ่อนแอเพราะมีแต่คนติดยา”
ภควัตพูดด้วยแววตามุ่งมั่น มีอุดมการณ์อย่างตำรวจที่ดี

เช้าวันนี้ คุณหญิงวรจันทร์กับรัฐมนตรีอภิกานต์ มีหน้าตาไม่สบายใจ มองภควัตที่ยืนอยู่ตรงหน้า ขวัญอนงค์หรือคุณน้อง ลูกสาวคุณหญิงวรจันทร์มองภควัตสายตาเห็นใจ
“ลุงรู้ว่าไม่ควรจะพูดเรื่องนี้ แต่ที่เราจับเมื่อวานน่ะ เป็นกลุ่มลูกชายรัฐมนตรีพรรคเดียวกับลุงนะ วัต” น้ำเสียงท่านอภิกานต์เป็นเชิงตำหนิ
“ผมไม่ทราบหรอกครับ ว่าพ่อเค้าจะใหญ่แค่ไหน แต่เราตามเค้ามานาน แล้วก็เชื่อได้ว่าเค้าตั้งตัวเป็นเอเย่นต์ ขายยาในกลุ่มลูกหลานเศรษฐีไฮโซ ดารา นางแบบ” ภควัตย้อนแย้ง
“แล้วจะให้คุณลุงทำยังไงล่ะ วัต เมื่อคืนพ่อแม่เค้าโทร.มาขอกับคุณลุง”
“คุณป้าครับ ผมขอยืนยันครับว่าผมทำตามหน้าที่ เราต้องเห็นแก่ประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ก่อนนะครับ”
“ป้ารู้ แต่ที่ขอ เพราะอยากให้เห็นแก่คุณลุงสักครั้ง หลานชายรัฐมนตรีอภิกานต์ จับลูกชายรัฐมนตรีพรรคเดียวกัน แล้วจะมองหน้ากันยังไง”
ภควัตดูจะไม่สนใจ “ถ้ามีเวลาสั่งสอนลูกบ้าง ไม่ได้เอาแต่เลี้ยงลูกด้วยเงิน เหตุการณ์นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
“เรื่องนั้นป้าก็รู้ แต่ในเมื่อพ่อแม่เค้าโทร.มาขอร้อง เค้ารับปากว่าจะใส่ใจลูกให้มากกว่านี้ เราจะไม่ให้โอกาศเค้าเลยเหรอ เรื่องแค่นี้วัตทำให้คุณลุงไม่ได้ใช่มั้ย”
ภควัตสีหน้าหนักใจ
“ผมรู้ ผมจดจำเสมอครับ บุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของคุณลุง คุณป้าที่ช่วยเลี้ยงผมมา”
ผู้กองหนุ่มชะงักนิ่งงันไป เขาหวนนึกถึงความหลังที่เห็นพ่อแม่และพี่สาวถูกมือปืนฆ่าตายต่อหน้า -ขึ้นมาอีกครา

ในตอนนั้น มือปืน 3 คนกำลังจ่อยิงเผาขนพ่อแม่ภควัตที่กำลังทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ ในร้านอาหารแห่งนั้น
เสียงลูกค้า ผู้คนในร้าน พนักงาน กรีดร้องดังระงม ด้วยความตกใจ จ๋า พี่สาวภควัตในวัย 6 ขวบ จูงเขาออกมาจากห้องน้ำ จ๋าตกใจ ปล่อยมือน้องวิ่งไปทางโต๊ะพ่อแม่ เด็กชายภควัตจะวิ่งตาม
“พี่จ๋า พี่จ๋า”
รัตน์ เรืองเดช สามีของ อุบล ที่มาส่งน้ำแข็งในร้าน เห็นเหตุการณ์ก็กระชากแขนภควัต ผลักให้หลบ
ใต้โต๊ะ แล้วเอาผ้าคลุมโต๊ะปิดไว้
มือปืนหันมา เห็นเด็กสาวยืนตะลึง
“คุณพ่อ คุณแม่” จ๋ากรีดร้อง
รัตน์พุ่งเข้าไปดึงพี่สาวของภควัต แต่มือปืนเหนี่ยวไกเปรี้ยง
ภควัตที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ เห็นรัตน์เอาตัวบังพี่สาว แต่มือปืนก็กระหน่ำยิงจนรัตน์ล้มลงเลือดนอง ขาดใจตายคาที่

ภควัตดึงตัวเองกลับมา ด้วยสีหน้าแววตาอันเจ็บปวด
“พ่อผมเป็นตำรวจปราบปราม พวกค้ายาเสพติดมันเสียผลประโยชน์ ถึงหมายหัวแล้วก็ฆ่าเราทั้งครอบครัว”
ภควัตนิ่งอั้นไป ทุกคนมองด้วยสายตาเห็นใจ
“ใครที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผมจะไม่ละเว้น”
“ป้ารู้ว่าเธออุทิศชีวิตตำรวจ เพื่อปราบพวกค้ายา แล้วป้าก็ไม่ได้จะลำเลิกบุญคุณ แค่ขอให้ครั้งนี้วัตเห็นแก่คุณลุงบ้าง”
ท่านอภิกานต์เสียงเข้ม “พอแล้ว คุณวรจันทร์”
คุณหญิงวรจันทร์มองหน้าสามี
“ผมเป็นรัฐมนตรี... รัฐมนตรีอภิกานต์มีหน้าที่ทำงานรับใช้ประชาชนเหมือนตำรวจอย่างวัต ผมก็ควรจะนึกถึงผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ก่อนพรรคพวก”
ภควัตยกมือไหว้ท่านอภิกานต์
“ขอบคุณครับ คุณลุง” แล้วหันไปไหว้คุณหญิง “ผมขอโทษครับคุณป้า”
ภควัตยิ้มหันหลังเดินออกไป ขวัญอนงค์มองแล้วรีบเดินตามไปอย่างเร็ว คุณหญิงวรจันทร์มองตามไป
“ชั้นห่วงเหลือเกินค่ะคุณ ห่วงว่าสักวัน ตาวัตจะต้องเดือดร้อนเพราะอุดมการณ์ที่ดีของเค้า ที่ชั้นขอเค้าก็เพราะกลัวแทนเค้าจริงๆ”
สีหน้าคุณหญิงเต็มไปด้วยความทุกข์

ภควัตเดินเร็วรี่ออกมาด้านหน้าคฤหาสน์อภิกานต์ มีวัญอนงค์วิ่งตามมาเรียก
“พี่วัตคะ”
“คุณน้องจะให้พี่ทำอะไรหรือครับ”
ขวัญอนงค์จับแขนพี่ชาย “วันนี้เพื่อนน้องเปิดร้านอาหาร พี่วัตพาน้องไปหน่อยนะคะ”
เสียงมือภควัตดังขัดขึ้นพอดี ภควัตรีบกดรับ
“โอเค รับทราบ...เรียกกำลังเสริมเลย จับเป็นเท่านั้น...ผมจะรีบไป”
ภควัตค่อยๆ ดึงมือออกจากขวัญอนงค์อย่างเกรงใจ
“สายบอกว่าพ่อค้ายาตัวใหญ่มันโผล่ออกมาแล้ว พี่ขออนุญาตไปทำงานก่อนนะครับ คุณน้อง”
“พี่วัต ระวังตัวด้วยนะคะ”
คุณหญิงวรจันทร์กับท่านอภิกานต์เดินออกมามอง ภควัตพุ่งไปที่ชอปเปอร์คันงามที่จอดอยู่ สตาร์ทแล้วขับออกไปทันที ขวัญอนงค์มองตามแล้วหันตัวเดินมาทางพ่อแม่
“พี่วัตตั้งใจจะปราบพวกค้ายาให้หมด ขวัญกลัวจังเลยค่ะ มันเสี่ยงมาก”
คุณหญิงวรจันทร์หันไปทางท่านอภิกานต์ “คุณคะ มีทางไหนที่จะดึงตาวัตให้ห่างพวกค้ายาได้บ้างมั้ยคะ”
“ตาวัตเค้าเลือกเป็นตำรวจนะคุณวรจันทร์”
“ฉันรู้ว่าเค้าบ้าระห่ำเพราะฝังใจที่ครอบครัวถูกพวกค้ายาฆ่า ฉันถึงกลัวว่าตาวัตจะไม่เสียดายชีวิต ฉันไม่อยากเสียหลานชายดีๆ อย่างตาวัตไป
“คุณพ่อขอตัวพี่วัตไปทำงานด้วยสิคะ” ขวัญอนงค์ออกไอเดีย
“ก็ต้องถามความสมัครใจของเค้าก่อนนะ ตาวัตน่ะ บังคับไม่ได้ เราก็รู้กันอยู่”

คุณหญิงวรจันทร์ฟังแล้วยิ่งทุกข์หนัก เป็นห่วงหลานชายจับใจ

อ่านต่อหน้า 2

คีตโลกา ตอนที่ 1 (ต่อ)

ภายในห้างสรพสินค้าเวลานี้ อัญมาเดินเข้าออกจากร้านแบรนด์เนมหลายร้าน มีจิรายุคอยถือถุงชอปปิ้งให้เต็มสองมือ สองคนเลือกเสื้อผ้า เครื่องประดับ ด้วยกัน สีหน้าสดชื่นอย่างคู่รัก

ภายในในร้านกาแฟตอนนี้ สุคนธรสกดสายมือถือลง หน้าบูดบึ้ง ท่าทางหงุดหงิด
“ไม่ว่าง...ไม่ว่าง ตามนายเข้าประชุม”
แคท กับ วีวี่เพื่อนสาวในกลุ่ม 2 คน ที่นั่งมองอยู่หัวเราะขึ้นทันที
“ไงจ๊ะ สารวัตรกฤษณ์ไม่ว่างมาคอยเดินตามต้อยๆ ล่ะสิ” แคทว่า
สุคนธรสบอก “น่าเบื่อ”
“เบื่อก็เปลี่ยนแฟนสิยะ ยัยรส เอาแบบหล่อแมนแฮนด์ซั่มเร้าใจแบบแฟนยายคุณหนูอัญมา” วีวี่ว่า
สุคนธรสหงุดหงิด “หยุด อย่าพูดถึงชื่อนี้”
“ไหนว่าเพื่อนเลิฟ เดินแบบด้วยกัน” แคทแขวะ
สุคนธรสเบ้ปาก “เจ้าของงานเค้าอยากได้สื่อมางานเยอะๆ หรอก ถึงได้ให้คุณหนูอัญมาขี้วีนมาเดินชุดฟินาเล่ แต่สุดท้าย เชอะ...งานเละ ล่มไม่เป็นท่า”
อัญมา และ จิรายุเดินผ่านมา สุคนธรสหันไปมองเห็น ก็รีบปั้นหน้ายิ้มแย้ม โบกมือทักทาย
“อัญมา”
อัญมากับจิรายุเห็นก็เดินตรงมาหา
“พวกเรากำลังคุยเรื่องงานเมื่อวาน บอกว่าเธอสวยมาก”
“แล้วก็ทายกันว่า จะได้แย่งช่อดอกไม้เจ้าสาวจากงานใครก่อน ระหว่างเธอกับยายรส” แคทบอก
จิรายุหันไปยิ้ม ส่งสายตาหวานๆ กุมมืออัญมาไว้
“ต้องงานของคุณอัญก่อนใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ งานของเรา” อัญมาว่า
แคทกับวีวี่ทำท่ากรี๊ดกร๊าด อิจฉาความหวาน เห็นแววตาสุคนธรสที่มองอย่างหมั่นไส้เต็มที

ตอนเดียวกันนี้ ภควัตเดินมองหน้าร้านภายในห้างสรรพสินค้า แต่ปากพูดลงสมอล์ทอล์คเหน็บหู เพื่อสั่งงานลูกน้อง
“ตามห่างๆ อย่าใช้อาวุธ ระวังเด็กด้วย”
ผู้หมวดพลภัทรกับตำรวจนอกเครื่องแบบหลายคน กระจายกันเดินตามจุดต่างๆ เพื่อล้อมและเข้าจับพ่อค้ายาที่กำลังจูงมือลูกสาววัย 4 ขวบเดินดูของเล่นอยู่

อัญมาเดินกุมมือเดินเกี่ยวแขนจิรายุมาอีกด้านในห้างสรรพสินค้า สุคนธรสเดินตามมากับแคท วีวี่
“เลือกร้านอาหารแพงๆ ก็ได้นะ ชั้นเป็นเจ้ามือเอง”
แคท วีวี่ดี๊ด๊า มองหาร้าน สุคนธรสทำสีหน้าเบื่อหน่าย อัญมาเดินมาใกล้พ่อค้ายาที่กุมมือลูกสาวทำทีเป็นดูดิสเพลย์หน้าร้าน
ภควัตเดินมาใกล้เข้ามาจากอีกด้าน พ่อค้ายามองแวบด้วยสายตาและเล็งไปเห็นตำรวจนอกเครื่องแบบหลายคนกำลังเดินเข้ามา พ่อค้ายารู้สึกผิดปกติ จูงมือลูกจะเดินหนี แต่เห็นภควัตกับพวกที่ล้อมกรอบเข้ามาอีกด้าน
พ่อค้ายาตัดสินใจชักปืน กลุ่มอัญมา และจิรายุที่อยู่ใกล้สุด เห็นก่อนก็ตกใจ ทุกคนวิ่งหนีกันคนละทางสองทาง พ่อค้ายากระชากแขนลูกสาวจะวิ่ง
อัญมาคว้าถุงชอปปิ้งจากมือจิรายุ ฟาดเข้าหน้าพ่อค้ายาจนเซ เสียหลัก มือหลุดจากลูก ลูกสาวพ่อค้ายาตกใจยืนร้องไห้ เรียกหาพ่อ ตำรวจนอกเครื่องแบบคนหนึ่งเข้ามากันเด็กออกไป
ภควัตกับพลภัทรพุ่งเข้าหาพ่อค้ายาที่เห็นท่าไม่ดีออกวิ่งหนี ภควัตและพลภัทรแยกกันไปดักพ่อค้ายา ลูกสาวพ่อค้ายาสะบัดหลุดจากมือตำรวจวิ่งร้องไห้ตามพ่อไป
พลภัทรออกมาขวางหน้า พ่อค้ายาเห็นจวนตัวยกปืนเล็ง ภควัตที่วิ่งมาอีกทาง เห็นลูกสาวพ่อค้ายากำลังวิ่งเข้ามาระหว่างหมวดพลภัทรกับพ่อค้ายา โดยที่พลภัทรและพ่อค้ายาไม่เห็น ภควัตพุ่งเข้าผลักเด็กให้พ้นวิถีกระสุน ตะโกนก้อง
“อย่ายิง!!!”
ไม่ทันแล้วพ่อค้ายายิงเปรี้ยง กระสุนเจาะเข้าท้องภควัต เสียงกรี๊ดดังตามมา เด็กล้มลงร้องไห้จ้า
พลภัทรกับตำรวจรีบพุ่งเข้าชาร์จพ่อค้ายาที่ยืนตะลึงหน้าซีดเมื่อรู้ตัวว่าเกือบยิงลูกตัวเอง
ร่างภควัตล้มลง อัญมาที่อยู่ใกล้จะวิ่งเข้าไปช่วยภควัต จิรายุคว้าร่างอัญมารวบไว้
“อย่าเข้าไปครับ คุณอัญ”
จิรายุรีบดึงอัญมาออกห่าง อัญมาเหลียวไปมองเห็นภควัตนอนแน่นิ่งจมกองเลือด
“ตำรวจคนนั้น ..ฉันเคยเจอเค้า”
พ่อค้ายาถูกจับได้ พลภัทรกับตำรวจเข้ามาดูอาการภควัต
จิรายุลากอัญมาออกห่างจากที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว

สองหนุ่มสาวกลับมาที่คฤหาสน์พิบูลย์สุวรรณแล้ว จิรายุจับไหล่อัญมานั่งลง ฤดีเอาน้ำมาเสิร์ฟแล้วถอยออกไป
“คุณอัญคงตกใจมาก”
“ตำรวจคนนั้นอีกแล้ว” อัญมาบ่น
“คนไหนครับ”
“คนที่งานแฟชั่นโชว์ เค้าช่วยอัญไว้ค่ะ”
อัญมาฉงน แววตาแปลกใจ จิรายุประคองหน้าอัญมาหันมาสบตากัน
“ห้ามคิดถึงผู้ชายคนไหน นอกจากผมนะครับ”

จิรายุยิ้มหวานจนอัญมายิ้มตอบ ลืมเรื่องเจอภควัตสองครั้งไปเลย

ด้านภควัตนอนให้เลือดอยู่ในห้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล ขวัญอนงค์กับพลภัทรเข้ามาข้างเตียง

“โธ่ พี่วัต ทำไมต้องมาเสี่ยงตายขนาดนี้”
“ผู้กองช่วยชีวตเด็กคนนั้นไว้ ไม่งั้นคงต้องตาย” หมวดพลภัทรว่า
“รวมทั้งคุณด้วยใช่มั้ยคะ”
พลภัทรได้ยินแล้วหน้าเจื่อน ภควัตลืมตาฟื้นขึ้นมา ขวัญอนงค์รีบเข้าไปหา
“พี่วัต...เจ็บมากมั้ยคะ”
“พี่ไม่เป็นอะไรครับ คุณน้อง”
ภควัตมองเลยไปที่พลภัทร “เด็กเป็นยังไง”
“ปลอดภัยครับ อยู่กับแม่แล้ว”
“จับตัวพ่อเด็กได้ใช่มั้ย”
“ครับ ผู้กอง เราสอบสวนแล้วตอนที่ผู้กองสลบไป มันอยู่กลุ่มไอ้อธิคม”
“อธิคม ผมเพิ่งส่งมันเข้าคุกไปเมื่อปีที่แล้ว”
ภควัตทวนชื่อที่เขาจดจำได้ไม่มีวันลืม
เหตุการณ์ในชุมชนแออัด ตอนกลางวัน เมื่อ 1 ปีก่อน ผุดขึ้นมาในความคิดภควัต
เวลานั้นภควัตวิ่งไล่ล่า ยิงอธิคมที่กำลังวิ่งหนีพร้อมกับลูกน้องที่ยิงปะทะ อธิคมโดดขึ้นรถที่ลูกน้องเลี้ยวมาจอดรอรับ ภควัตตัดสินใจยิงไปที่ยางรถ รถที่วิ่งอย่างเร็ว หมุนคว้างก่อนพุ่งชนต้นไม้ ภควัตกับตำรวจกรูเข้าไป ภควัตกระชากอธิคมที่เลือดอาบหน้าออกมานอกรถ อธิคมที่กำลังจะหมดสติจ้องหน้าภควัตอย่างอาฆาตแค้น ภควัตใส่กุญแจมืออธิคมทันที

ที่เรือนจำแห่งนั้น ผู้ต้องขังคนหนึ่งนอนอ่านนวนิยายจีนเล่มหนาเรื่องสามก๊กอยู่ ผู้คุมเรือนจำเดินถือกระบองเคาะมาที่กรงเหล็ก ชายคนที่นอนอ่านหนังสืออยู่ลดหนังสือลง ที่แท้เป็นอธิคม หนุ่มใบหน้าหล่อ คมสัน เขาลุกขึ้นมาที่ลูกกรง ผู้คุมเรือนจำหน้าตาขี้โกงบอกเบาๆ
“ตำรวจมันกวนพวกนายหนักข้อ วันนี้เพิ่งจับตัวใหญ่ได้อีกคน”
อธิคมปิดหนังสือ แววตาแข็งกร้าว
“ถึงเวลาที่ฉันจะต้องออกไปแล้ว บอกพ่อทำตามแผนต่อไป ครบปีแล้ว”
ผู้คุมฟังแล้วแล้วทำเป็นเดินเคาะลูกกรงไปที่ห้องขังอื่น
อธิคมมีสีหน้าแววตาเจ็บแค้น เอาเรื่องเต็มที่

ฝ่ายฟากภควัตพยายามลุกจากเตียง ขวัญอนงค์ที่มาเยี่ยมดึงไว้ไม่ยอมให้ไป พลภัทรได้แต่ยืนห่างๆ
“ปล่อยพี่ครับ คุณน้อง พี่ต้องออกไปทำงาน”
“ไม่ค่ะ พี่วัต น้องไม่ยอมให้พี่วัตออกไปไล่จับผู้ร้ายจนปางตายอีก”
“ใครก็ห้ามพี่ไม่ได้ เราปล่อยให้พวกค้ายามันลอยนวล ทำลายประเทศมากกว่านี้ไม่ได้ ทุกนาทีที่ผ่านไป มันหมายถึงเด็กที่อาจจะติดยาเพิ่มขึ้น”
ภควัตทำท่าจะดึงสายเลือดออก ขวัญอนงค์กดกริ่งเรียกพยาบาลทันที
“พยาบาลมาที่ห้องเร็ว”
ภควัตไม่สน ขวัญอนงค์ห้ามเสียงดัง
“อย่านะคะ พี่วัต อย่าออกไป”
ภควัตหันมาทางคู่หู “พลภัทร ช่วยผมหน่อย”
“ห้ามใครช่วยพี่วัตออกจากโรงพยาบาลเด็ดขาด” ขวัญอนงค์เสียงเข้ม
หมวดพลภัทรชะงัก พยาบาล 2 คนเข้ามา ขวัญอนงค์รีบสั่ง
“รีบฉีดยานอนหลับสิ อย่าให้พี่วัตออกไปได้”
พยาบาลทำอะไรไม่ถูก ภควัตจะลุกให้ได้ ขวัญอนงค์กดไหล่ภควัต
“ถ้าพี่วัตดื้อ น้องจะให้คุณพ่อบอกท่าน ผบ. ตร. ไล่พี่วัตออกจากราชการ ไม่ให้พี่วัตเป็นตำรวจอีก”
ภควัตหงุดหงิด “คุณน้อง”
ขวัญอนงค์ย้ำ “น้องทำจริงค่ะ ไม่ได้ขู่”
ภควัตมองขวัญอนงค์แล้วจำใจนอนลงไปอย่างสุดเซ็ง

ทางด้านอัญมากำลังเดินกุมมือกับจิรายุดูดอกไม้ในสวนสวยบ้านพิบูลย์สุวรรณ จิรายุมองอัญมาตาหวานฉ่ำ
“วันนี้ไม่ต้องไปทำงานเหรอคะ”
“ไม่ทำครับ อยู่กับคุณอัญ ผมก็ไม่สนใจอะไรแล้ว”
อัญมาเย้า “หวานจังนะคะ”
“ผมพูดจากใจจริงนะครับ”
จิรายุกุมมืออัญมาจูบเบาๆ อย่างสุภาพ
อรรณพกับภรณีเพิ่งกลับมาจากข้างนอก เข้ามามองเห็น จิรายุรีบลดมือแล้วไหว้ อัญมาหันไปทางพ่อกับแม่
อรรณพเดินขึ้นบ้านไป ภรณียิ้มทักตามมารยาทแล้วตามสามีไป อัญมาหันมาจับมือจิรายุให้กำลังใจ จิรายุยิ้มหน้าเศร้า

ในร้านอาหารริมน้ำ คืนนั้น จิรายุนั่งกุมมืออัญมาอยู่ตรงโต๊ะสวยสุดของร้าน
“ผมจะทำให้พ่อคุณยอมรับผมให้ได้ ผมรักคุณ ผมจะแต่งงานกับคุณอัญคนเดียว”
อัญมามองซาบซึ้งใจมาก สุคนธรส แคท และวีวี่ เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ
จิรายุกับอัญมาหันไปมอง
“โทษทีนะ” สุคนธรสว่า
อัญมาถาม “สารวัตรกฤษณ์ล่ะ ไหนบอกว่าจะชวนมาปาร์ตี้ด้วย”
“เค้าบอกว่าติดงานด่วน”
“สงสัยกลัวจะหวานสู้คุณจิรายุไม่ได้” แคทเหน็บ
อัญมาสบตากับจิรายุหวานฉ่ำ สุคนธรสเห็นแล้วยิ่งเซ็ง อยู่ๆ ไฟในร้านดับวูบ ทุกคนตกใจ
บริเวณด้านนอกระเบียง มีพลุจุดขึ้นสว่างไสว ทุกคนพากันมองตื่นเต้น ดอกไม้ไฟจุดเป็นคำว่า “แต่งงานกับผมนะครับ”
แคทกรี๊ดกร๊าด “ว้าย ผู้ชายที่ไหนเนี่ยะ ขอแต่งงาน โรแมนติกสุดๆ”
วีวี่งงไม่ต่างกัน “เค้าขอใครแต่งงาน”
มีแสงไฟเปิดขึ้นสว่างน้อยๆ ทุกคนหันไปมองข้างโต๊ะ
เป็นสารวัตรกฤษณ์ยืนหล่ออยู่พร้อมช่อดอกไม้ แล้วคุกเข่าลงขอแต่งงานสุคนธรส
“แต่งงานกับผมนะครับ รส”
สุคนธรสแทบกรี๊ด อัญมามองตาวาวด้วยความอิจฉา
สุคนธรสยื่นมือไป กฤษณ์จูบมือสุคนธรส คนทั้งร้านตบมือเฮดีใจ แคท วีวี่กรี๊ดกร๊าด
กฤษณ์ลุกขึ้น กอดสุคนธรส ผู้คนในร้านถ่ายคลิปกันใหญ่
“ตายแล้ว สุคนธรสได้แต่งงานก่อนคุณหนูอัญมา” แคทว่า

อัญมาฟังแล้วยิ่งโกรธที่ถูกเพื่อนหวานตัดหน้า

ภควัตออกจากโรงพยาบาลอาการดีขึ้นแล้ว เช้านี้เขายืนอยู่ต่อหน้าท่านอภิกานต์ กับคุณหญิงวรจันทร์ ในโถงกลางคฤหาสน์

“ท่านที่ปรึกษาพรรคกำลังอยากได้คนไปช่วยงานด้านนโยบาย”
ขวัญอนงค์เสริม “พี่วัตช่วยงานคุณพ่อเถอะนะคะ”
ภควัตยังนิ่ง ไม่ตอบรับ คุณหญิงวรจันทร์บีบไหล่หลานชาย
“ถ้าป้าให้เธอลาออกจากตำรวจ เธอก็คงไม่ยอมใช่มั้ย วัต”
“ครับ คุณป้ารู้จักผมดีที่สุดแล้วครับ ผมไม่ยอมลาออก”
“ป้าเลี้ยงเธอมา ถึงไม่ใช่แม่ ก็เหมือนแม่ ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา วัต ป้าจะทำยังไง”
คุณหญิงวรจันทร์จับไหล่หลานชาย มองด้วยสายตาเป็นห่วง
“ถ้าผมตาย ขอให้คุณลุงกับคุณป้าภูมิใจนะครับว่าผมตายเพื่อรักษาความดีให้เกิดขึ้นในสังคม”
“ไม่ ป้าทำใจไม่ได้ วัต อย่าไปยุ่ง อย่าไปตามจับพวกค้ายาได้มั้ย ทำงานที่ไม่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แล้วก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝากับผู้หญิงดีๆที่เหมาะสมกัน”
“ผมยังไม่อยากแต่งงานครับ ยังไม่อยากพาผู้หญิงคนไหนมาลำบากด้วย”
คุณหญิงฉงน “ลำบาก! จะลำบากได้ยังไง เธอคือหลานท่านรัฐมนตรีอภิกานต์ กับคุณหญิงวรจันทร์นะ”
“ผมรู้ตัวครับว่าเป็นหลาน แค่คุณลุงคุณป้าอุ้มชูเลี้ยงดูผมมาขนาดนี้ ก็ดีมากแล้วอย่าให้ผมต้องอาศัยชื่อของคุณลุง คุณป้า เพื่อความสุขสบายของตัวเองมากไปกว่านี้เลยครับ”
ภควัตขยับถอยมาแล้วยกมือไหว้ แววตามุ่งมั่น
“ผมกราบละครับ ผมขอทำงานที่ผมรัก ถึงผมจะตาย ก็ขอให้ผมได้ตายในหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์”
คุณหญิงวรจันทร์เอ่ยออกมาว่า “หรือว่าเธอยังลืมแฟนเก่าไม่ได้”
ภควัตสีหน้าเครียดลง คุณหญิงมองจับอาการ
“ป้าจำได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นทำเธอเกือบเสียคน”
ขวัญอนงค์แทรกขึ้น “สุคนธรส...น้องจำได้ น้องเกลียดเค้า น้องไม่อยากเห็นพี่วัตต้องเจ็บปวดอีก”
“ผมไม่ได้คิดถึงสุคนธรสอีกแล้วครับ ผมไม่อยากแต่งงานจริงๆ เพราะถ้าผมเป็นอะไรไป คนข้างหลังจะได้ไม่ต้องเสียใจ”
ภควัตหันหลังเดินออกไป คุณหญิงวรจันทร์มองอย่างขัดใจ
“ยังไง ฉันก็ไม่ยอมเสียตาวัต ฉันจะหาผู้หญิงดีๆ ให้ตาวัตเอง ความรักอาจจะทำให้ตาวัตเปลี่ยนใจ คิดหน้าคิดหลัง ห่วงชีวิตมากขึ้น”
“น้องจะช่วยคุณแม่ดูผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนพี่วัตอีกคน น้องจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนมาทำให้พี่ชายของน้องเจ็บช้ำอีกแล้วค่ะ”
สามพ่อแม่ลูกมีสีหน้ามุ่งมั่น แม้ไม่ค่อยแน่ใจว่าภควัตจะเห็นด้วย

อีกฟากหนึ่ง ในโถงกลางคฤหาสน์พิบูลย์สุวรรณ อัญมาเอ่ยกับพ่อแม่อย่างมีอารมณ์
“อัญอยากแต่งงานกับจิรายุ”
ภรณีตกใจ “ยายอัญ แต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เราต้องใจเย็น ตัดสินใจให้รอบคอบ”
“อัญรู้จักจิรายุดีค่ะ เราเป็นแฟนกันมาตั้งแต่เรียนที่อเมริกาแล้ว จิรายุเค้าไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลย นอกจากอัญ”
อรรณพบอกเสียงเรียบเข้ม “เพราะลูกคือเป้าหมายของเค้า”
อัญมาค้อนควักขัดใจ “คุณพ่อ”
“พ่อให้คนสืบมาหมดแล้ว ครอบครัวเค้ากำลังจะล้มละลายเพราะทำธุรกิจผิดพลาด” อรรณพบอก
“คุณพ่อก็เลยคิดว่าเค้าจะมาจับอัญ มายก็อด นี่มันพอศอไหนแล้วคะ จิรายุเค้ามีบริษัทของเค้า มีหน้าตาทางสังคม ใครๆก็ยอมรับ ทำธุรกิจผิดพลาด เดี๋ยวก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ แล้วคุณพ่อก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินคนรักของอัญด้วยการแอบไปสืบเรื่องของเค้าด้วย”
ภรณีใช้น้ำเย็นเข้าลูบ “อัญมา แม่กับพ่อรักลูกมากนะ”
“อัญทราบคะ อัญก็รักคุณพ่อ คุณแม่มากเหมือนกัน ถึงเลือกคนที่จะมาเป็นลูกเขยคุณพ่อ คุณแม่ให้สมฐานะ หน้าตาของเรา จิรายุมีอะไรไม่ดีคะ”
“อัญมา ลูกกำลังตาบอดเพราะความรัก”
“ไม่ค่ะ อัญไม่ได้ตาบอด อัญเห็นจิรายุมากกว่าที่คุณพ่อ คุณแม่เห็นอัญเชื่อใจ เชื่อสายตาตัวเองว่าเลือกคนรักไม่ผิด ยังไงอัญก็จะแต่งงานกับจิรายุถึงคุณพ่อคุณแม่จะไม่เห็นด้วย แต่วันนึงคุณพ่อจะรู้ว่าจิรายุเป็นคนดีที่สุด” หญิงสาวบอกอย่างดื้อรั้น
“ยังไงพ่อก็ไม่อนุญาตให้ลูกแต่งงานกับจิรายุ” อรรณพเสียงเข้ม
“ทำไมคะ ทำไม”
“พ่อมีเหตุผล ถ้าลูกเชื่อพ่อ วันนึงลูกจะเห็น จะรู้ความจริงด้วยตาตัวเอง”
“ไม่ค่ะ คุณพ่อไม่มีเหตุผล จิรายุคือผู้ชายที่อัญเลือก เค้าเป็นคนเดียวที่อัญจะแต่งงานด้วย”
อัญมาหันหลังเดินเร็วรี่ออกไปทันที ภรณี และอรรณพมองตามอย่างหนักใจ

“ผมไม่มีวันให้ลูกสาวเราแต่งงานกับผู้ชายอย่างจิรายุ”

ภควัตอยู่ในบ้านหลังเล็กของเขา กำลังนั่งหลับตา พักเหนื่อย มีแฟ้มคดีวางอยู่บนอก

ภควัตกำลังฝันถึงเหตุการณ์ครอบครัวถูกฆ่า พ่อ แม่ พี่สาวถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา
ภควัตสะดุ้งเฮือกขึ้นจากเก้าอี้ แฟ้มหล่นลง ภควัตหายใจแรง ลุกขึ้น เดินสะบัดหัว
เสียงหลวงพ่อดังขึ้นในห้วงคิด “คนเราทุกคนเกิดมาพร้อมกรรมติดตัว”
ภควัตนึกถึงวันที่หลวงพ่อเตือนเขา
“ต่อไปโยมจะต้องเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝัน...เพราะกรรมที่ผูกพันกันมา”
สีหน้าภควัตเต็มไปด้วยความสงสัย
“กรรม...เรื่องไม่คาดฝัน...เรื่องอะไร”
ภควัตหยิบแฟ้มคดีขึ้นมา เสียงมือถือดัง ผู้กองหนุ่มกดรับสาย
“ครับ นาย ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ภควัตลุกขึ้น ก้าวเร็วออกจากบ้านไปทำงานทันที

ด้านอัญมาเดินฉับๆ เข้ามาในบริษัทส่งออกของจิรายุ พนักงานหลายคนหลบให้
“คุณจิรายุอยู่ที่ห้องใช่มั้ย”
อัญมาถามแต่พนักงานยังไม่ทันตอบ อัญมาเดินเร็วไปอย่างคนร้อนใจ

ส่วนที่สำนักงานกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
ภควัตเดินหน้าเครียดออกมาจากห้องนาย พลภัทรที่รออยู่ รีบเดินเข้าไปหา
“นายเรียกผู้กองพบเรื่องอะไรครับ”
“ผมถูกย้าย”
“ย้ายไปไหน ผู้กองโดนกลั่นแกล้งเพราะไปจับไอ้ลูกชายรัฐมนตรีที่ติดยาคนนั้นใช่มั้ย”
เสียงสารวัตรกฤษณ์ดังเข้ามา “อย่าพูดมั่วๆ ไม่งั้นนายจะติดคุกซะเอง”
ภควัตหันไปมอง เห็นกฤษณ์เดินมา พลภัทรถอยออกไป เหลือแค่กฤษณ์กับภควัต
“ฉันเพิ่งรู้เรื่องนายถูกย้าย”
“ครับ สารวัตร”
“นายเรียกชื่อชั้นเหมือนเดิมดีกว่า วัต”
ที่แท้สองคนเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน
“ไม่ได้หรอกครับ ท่านเป็นสารวัตร ยศก็ใหญ่กว่าผู้กองอย่างผม”
“แต่แกกับฉัน เคยเป็นเพื่อนกัน”
ภควัตบอกเสียงเรียบ “เคยเป็นครับ”
“วัต ถ้าแกยังโกรธชั้นเรื่องสุคนธรส...”
ภควัตสวนออกมาว่า “ตอนนี้สุคนธรสคือแฟนสารวัตร ผมไม่เอาเรื่องเก่าๆมาคิดเล็กคิดน้อย คนอย่างผม แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้”
ภตวัตหันไป จะเดินออก สุคนธรสเดินมาพอดี
“วัต”
ภควัตหน้าตานิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับ สุคนธรส แฟนเก่า ที่หันไปคบกับกฤษณ์ในวันนี้ และกำลังจะแต่งงานกัน
“ทำไมไม่โทร.มาก่อนครับ รส” กฤษณ์หันไปทักแฟนสาว
“เห็นคุณบอกว่าวันนี้ไม่ต้องออกไปไหน รสเลยมาคุยเรื่องของชำร่วยน่ะค่ะ”
ภควัตมองสุคนธรสที่คล้องแขนกฤษณ์ เจ็บลึกๆ
“เชิญวัตไปงานแต่งของรสกับสารวัตรกฤษณ์ด้วยนะคะ”
“ดีใจล่วงหน้าด้วยนะครับ ผมคงไม่ได้ไปร่วมงาน”
“วัต ฉันอยากให้แกไป”
“สารวัตรก็ทราบว่าผมกำลังจะจับพ่อค้ายารายใหญ่ เวลาทำงานไม่แน่นอนมีความสุขมากๆ ในชีวิตคู่นะครับ”
ภควัตหันหลังเดินออกไปเลย ทิ้งให้กฤษณ์มองตามเหมือนเสียดายความเป็นเพื่อน

อัญมากำลังจะเปิดประตูห้องทำงาน แต่มีเสียงดังจิรายุมาจากด้านใน
“อย่าเพิ่งโกรธผมได้มั้ย ฟังผมอธิบายก่อน”
อัญมาแง้มประตู ลอบมองเข้าไป เห็นจิรายุกำลังยืนคุยอยู่กับใครคนหนึ่ง
“ผมต้องแต่งงานกับอัญมา แต่ผมไม่ได้รักเค้าเลย”
อัญมาได้ยินเข้าก็ตาวาวด้วยความโกรธ
“ผู้หญิงอย่างคุณหนูอัญมามีอะไรดี ใครๆ ก็รู้ หัวสูง ดูถูกคน ผู้ชายโง่ๆ สติไม่ดี เท่านั้นแหละที่จะรักผู้หญิงอย่างนั้นได้”
อัญมายืนตะลึง นึกไม่ถึง
“คุณก็รู้ ผมรักใคร ชีวิตผมเป็นของใคร”
อัญมาค่อยๆ เลื่อนประตู เพื่อมองให้เห็นชัดว่าจิรายุกำลังพูดกับใคร จนมองเห็นว่าจิรายุกำลังดึงอนุรุทเข้ามาใกล้
“ผมรักคุณนะ อาร์ต คุณคนเดียวที่ได้หัวใจผมไป”
อัญมาช็อคคาที่ เห็นจิรายุกอดกับอนุรุทเต็มตา
“ถ้านังคุณหนูอัญมามันรู้ว่าคุณแต่งเพราะหวังมรดก มันคงคลั่ง อาร์ตอยากเห็นมันเป็นบ้า” อนุรุทว่า
“อดทนหน่อยนะ ที่รัก” จิรายุบอก
“ใช่สิ คนทนมันก็ต้องเป็นอาร์ตวันยังค่ำ ทนเห็นคุณหวานกับนังชะนีนั่น”
อนุรุทสะบัดหน้า จิรายุประคองหน้าอนุรุทไว้อย่างเอาใจ
อัญมาหน้าชา นึกถึงคำเตือนของพ่อ
“พ่อมีเหตุผล ถ้าลูกเชื่อพ่อ วันนึงลูกจะเห็น จะรู้ความจริงด้วยตาตัวเอง”
อัญมาหมดแรงจะเหวี่ยงวีน ถอยห่างจากประตู น้ำตาหยดรินออกมา มองจ้องภาพจิรายุกับอนุรุทกอดกัน น้ำตาท่วมตา
“งั้นวันนี้คุณไปค้างคอนโดผมนะ ผมจะได้ปลอบใจคุณทั้งคืน”

อัญมาปิดปากไม่ให้กรี๊ดออกมา แล้วพาตัวเองวิ่งออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้

อ่านต่อหน้า 3

คีตโลกา ตอนที่ 1 (ต่อ)

ในขณะที่ผู้กองภควัตเก็บของใช้ลงกล่องกระดาษเพื่อย้ายที่ทำงาน หมวดพลภัทรเดินเข้ามาสีหน้ากังวล

“ผมอยากตามไปช่วยงานผู้กอง ผมเป็นหนี้ชีวิตผู้กอง”
“อย่าคิดมาก ตำรวจอย่างเราอยู่ตรงไหนก็ได้ ขอให้ทำงานเต็มที่ ซื่อสัตย์ ไม่โกง ไม่หาผลประโยชน์ใส่ตัว ทำงานด้วยความยุติธรรม” ภตวัตให้สติคู่หูที่กลายเป็นอดีตในวันนี้
“ครับ ผู้กอง”
“แต่จริงๆ ที่ๆผมจะย้ายไปช่วยงาน มันก็ไม่เลวร้ายอะไรเลยนะพลภัทร ผมถูกย้ายไปหน่วยลับ กำจัดขบวนการขายยานรกให้สิ้นซาก”
ภควัตรบอกพลภัทรด้วยแววตาอันมุ่งมั่น

บ้านไม้หลังนี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางความเสื่อมโทรมในชุมชนบัวสวรรค์ มุมหนึ่งของเมืองฟ้าอมรแห่งนี้
ขาวเรียวยาวคู่หนึ่งของก้าวลงจากเตียงอย่างรีบร้อน กางเกงยีนส์ขาสั้นถูกใส่ขึ้นจากด้านล่าง ก่อนที่มือผอมเกร็งจะหยิบเสื้อยืดเก่าๆ บนพื้นขึ้นมาใส่
เธอคือ ไอ้อัญ เด็กสาวชาวสลัมที่แต่งตัวคล้ายผู้ชาย ไอ้อัญแต่งตัวเสร็จมองหน้าตัวเองในกระจก แล้วหันมา ที่น่าประหลาดใจก็คือ ไอ้อัญ มีหน้าตาเหมือนคุณหนูอัญมาราวกับพิมพ์เดียวกัน แต่สภาพทรุดโทรมไร้ราศีต่างกันราวฟ้ากับเหว
ไอ้อัญ กำลังเดินไปเปิดประตู แขนของมันที่โผล่พ้นเสื้อยืดออกมา มีร่องรอยเข็มฉีดยาอยู่เต็ม ประตูเปิดออก และไอ้อัญกำลังจะก้าวออกไป อุบล ผู้เป็นแม่เดินมาหยุดหน้าห้องมองจ้องหน้าตาเอาเรื่อง
“จะไปไหน ไอ้อัญ”
อุบลมองลูกสาวอย่างสำรวจ ไอ้อัญเบียดตัวผ่านอุบลจะออกไป โดยไม่สนใจ
“เรื่องของชั้นน่ะ แม่”
อุบลคว้าแขนไอ้อัญไม่ให้ไป
“แกจะไปทำชั่วๆอีกใช่มั้ย แม่ขอแล้วว่าอย่า ทำไมไม่เชื่อกันบ้างเลย เป็นตายยังไง วันนี้แม่ก็ไม่ให้แกไป”
อุบลยื้อไม่ปล่อย ไอ้อัญหน้าตาหงุดหงิดไว้สะบัดตัวออก แต่อุบลไม่ยอมเข้ามาขวางทางดึงแขนลูก ไว้ ไอ้อัญปัดแขนออกอย่างแรง
“แม่อย่ามายุ่งกับชั้น”
อุบลเซ แต่ไม่ยอมถอย ไอ้อัญวิ่งกลับเข้าไปในห้อง หาทางจะออกไปให้ได้ อุบลวิ่งตามทันที
ไอ้อัญวิ่งมาที่หน้าต่าง อุบลร้องห้าม
“ไอ้อัญ แม่ไม่เคยสอนให้แกทำบาปนะ”
ไอ้อัญหันมาย้อนแม่ทันที
“แม่ไม่เคยสอนฉันเลยต่างหาก ว่าทำดีเค้าทำกันยังไง”
อุบลสะอึกอึ้ง ไอ้อัญฉวยโอกาสพุ่งตัวกระโดดข้ามหน้าต่างลงไปทันที อุบลตกใจ รีบวิ่งมาเกาะหน้าต่างดู เห็นไอ้อัญลงมายืนบนพื้น แล้ววิ่งพรวดออกไป อุบลตะโกนไล่หลัง
“ไอ้อัญ อย่าไป...กลับมา อย่าไปทำร้ายคนอื่น”

บรรยากาศในชุมชนบัวสวรรค์ยามนี้ ผู้คนพลุกพล่าน มีวัยรุ่นหลายคนยืนอยู่ตามซอยแคบ ไอ้อัญ กำลังส่งยาให้เด็กๆ เด็กรับยา แล้วส่งเงิน ทั้งหมดพากันแยกย้าย สลายตัวไป ไอ้อัญรีบยัดเงินใส่กางเกง มองซ้ายมองขวา เดินก้มหน้าไม่สู้ตาใตร เมษกับป๊อบ ลูกน้องพี่ค้ายา ก้าวมายืนดักหน้า
“ไอ้อัญ... มึงจะเม้มเงินค่ายาของพี่บัง” ไอ้ป๊อบจ้องหน้า
“ฉันไม่ได้เม้ม อย่าหาเรื่องฉันนะไอ้ป๊อบ ไอ้เมษ”
“มึงเม้ม ไอ้อัญ”
เมษกับป๊อบพุ่งเข้าล็อคตัวไอ้อัญ
“ปล่อยกู”
เมษขู่ “มึงต้องไปหาพี่บัง”
ไอ้อัญโดนสองคนลากออกไปอย่างเร็ว

ไม่นานต่อมา ภายในห้องทำงานของ นายวินิจ หรือ พี่บัง พ่อค้ายายาเสพติดชื่อดังระดับประเทศ นายวินิจยืนมองไอ้อัญที่ถูกเมษกับป๊อบโยนลงมาตรงปลายเท้า ไอ้อัญมองวินิจด้วยสายตาหวาดเกรง
“ฉันไม่ได้โกงเงินค่ายาพี่นะ พี่บัง”
“แต่ช่วงหลังนี่เอ็งส่งของได้น้อย ยอดตกลงนะไอ้อัญ”
“ฉัน...” ไอ้อัญก้มหน้า
เมษจิกผมไอ้อัญให้เงยหน้าขึ้น
“ฉันไม่อยากเป็นเด็กเดินยาแล้ว ฉันไม่อยากขายยาบ้าให้พี่แล้ว”
วินิจหัวเราะ มองไอ้อัญอย่างเวทนา
“เอ็งไม่ทำงานให้ข้า แล้วเอ็งจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อของ ดูสภาพเอ็งสิ โทรมยังกับผีตายซาก ถ้าไม่ได้เล่นสักวัน ข้ารับรอง เอ็งขาดใจตายแน่”
“แต่ฉันไม่อยากทำ ฉันไม่อยากขายยาให้เด็กๆ”
วินิจตบไอ้อัญหน้าคว่ำ เมษจิกหัวไอ้อัญขึ้นมาอีก
“งั้นเอ็งก็ต้องหาเงินมาคืนค่ายาที่เอาไปจากข้าทั้งหมด” วินิจสั่งเมษ “เอาตัวมันไปที่ซ่องนังว่าน”
ไอ้อัญตาเหลือก “ไม่...อย่าขายฉันเลย ฉันจะหาเงินมาให้ พี่บัง อย่าขายฉันเลย ฉันขอร้อง อย่าขายฉันเลย”
ไอ้อัญอ้อนวอนขอร้อง ดิ้นรนสุดกำลัง แต่เมษกับป๊อบกระชากออกไป
วินิจหรือพี่บังของลูกน้องมองตามด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีความสงสารใดๆ ในแววตาคู่นั้น

ไอ้อัญถูกหิ้วปีกมาหน้าร้านเสริมสวย เจ๊ว่านบิวตี้ ที่คนแถวนี้รู้ดีว่ามันคือซ่องประจำซอย มีเจ๊ว่าน เจ้าของซ่องยืนรออยู่
“ถ้าพี่บังไม่โทรมาขอ ฉันไม่รับหรอกนะ นังแห้งเนี่ย”
ป๊อบกับเมษผลักไอ้อัญเข้าไปในร้าน ไอ้อัญเงยหน้ามองไปเห็นแอนนี่นั่งอยู่บนตัก เอาใจชายแก่ในมุมมืดของร้าน ป๊อบกับเมษเดินออกไป เจ๊ว่านดึงแขนไอ้อัญขึ้นมา
“ไปหลังร้าน อาบน้ำขัดเนื้อขัดตัวก่อน ฉันนัดแขกเปิดซิงแกไว้แล้ว”
“ไม่” ไอ้อัญไม่ยอม
“ไม่อะไร อีก 15 นาทีเสี่ยเค้าก็จะมาถึงแล้ว”
“อย่า...” ไอ้อัญยกมือไหว้ปลกๆ “ฉันไม่อยากขายตัว”
“ไม่ขายตัวแล้วแกจะเอาเงินที่ไหนไปคืนค่ายาพี่บัง หรือแกจะยอมเป็นศพ”
เจ๊ว่านบีบคางไอ้อัญ แล้วจับหันซ้ายหันขวามองใบหน้าโทรมตรงหน้า
“ว่าไป แกก็สวยคมดี แต่งเนื้อแต่งตัวเสียหน่อย ก็สวยจัดเหมือนกันรับแขกสักสองสามปี แล้วค่อยส่งลงใต้”
ไอ้อัญได้ยินแล้วยิ่งกลัว เจ๊ว่านผลักไอ้อัญออกห่าง
“ไป ห้องน้ำอยู่ด้านหลัง เดินอ้อมๆ ไปละ ลูกแอนนี่กำลังหลอกดูดเงินแขกหน้าโง่ กระเป๋าหนักอยู่”
ไอ้อัญมองไปทางแอนนี่ที่นัวเนียกับแขกในมุมมืดอีกทีด้วยสายตาหวาดกลัว เจ๊ว่านเดินแยกไปทางห้องส่วนตัว ไอ้อัญตัดสินใจ รวบรวมกำลังที่มีวิ่งออกจากร้านทันที
เจ๊ว่านหันมา ตกใจร้องเรียกไว้

“ไอ้อัญ ไอ้อัญ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ มึงอยากตายนักใช่มั้ย”

เวลาเดียวกันนั้น ภควัตกำลังเดินสำรวจไปรอบๆ ตลาดในละแวกชุมชนบัวสวรรค์ มีเสียงเอะอะดังขึ้นมา ภควัตเห็นจ่าเดชกำลังวิ่งไล่กวดคนขายซีดีเถื่อนที่หอบถุงซีดีติดตัวเสียงดังลั่น

“จับที ใครก็ได้ช่วยจับมันทีโว้ย”
ชาวบ้านพากันหลบไม่ยอมช่วย ภควัตยื่นขาแหย่ไป คนขายสะดุดล้ม กลิ้ง ซีดีเถื่อนจากกระเป๋ากระจายเต็มพื้น ชาวบ้านจะเข้ามาเก็บ จ่าเดชตะโกนห้าม
“เฮ้ย ใครเก็บไป ของโจรนะ ของโจร”
ชาวบ้านพากันวงแตก ภควัตก้มลงไปจับคนขายซีดีเถื่อนกดหน้ากับพื้น มือไพล่หลัง จ่าเดชวิ่งตามมาหอบแฮ่ก
“ขอบใจมาก ไอ้น้อง ถ้าไม่ได้พลเมืองดีอย่างน้อง วันนี้พี่วิ่งตับหลุด ลิ้นลากพื้นเพราะไอ้เวรนี่แน่ๆ”
จ่าเดชมองเห็นภควัตดึงกุญแจมือออกมา สับใส่มือคนขาย
“อ้าว...ไม่ใช่พลเมืองดีนี่...น้องเป็นตำรวจ”
ภควัตยิ้มทักอย่างหล่อ ขำหน้าตาตลกของจ่าเดชจอมโม้

บรรยากาศที่ค่ายมวยแห่งนั้น บรรดานักมวยกำลังซ้อมกันคึกคัก อธิคมเดินมาหยุดมอง นักมวย 2 คนหันมา มองอธิคมที่แปลกหน้า นักมวย 2 คนเดินอาดๆ เข้ามา อธิคมยังยืนนิ่ง
นักมวย 1 ถามเข้ม “มาหาใคร”
“มาหาพ่อ” อธิคมบอก
นักมวย 2 ฉุน “ไอ้นี่กวน อยากเจอของหนักใช่มั้ย”
นักมวย 2 กำหมัด อธิคมยังนิ่ง
“ไปบอกคนข้างใน ฉันมาหาพ่อ”
“พ่อมึงยืนอยู่ตรงนี้ไง”
นักมวย 1ยิงหมัดออกไปกะให้ถูกหน้าอธิคม แต่อธิคมตาไวหลบวูบ นักมวยอีก 2 คนเดินมาเห็นตาเหลือกตกใจ
“เฮ้ย! พี่คม ไอ้พวกนั้นมันไม่รู้จักพี่คม ไปห้ามเร็ว”
ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไป
“ไอ้ปิ๊กหยุด”
นักมวย 2 ได้ยินหันมามองแล้วเริ่มเอะใจละล้าละลัง
นักมวย 1 ไม่ทันฟังตามจะชก อธิคมหันไปคว้าท่อนไม้ หักสองท่อนด้วยเข่า แล้วเอาปลายแหลมจ่อไปที่อกนักมวย 1
“เข้ามาใกล้กูอีกนิดเดียว อกมึงทะลุแน่”
มีเสียงปรบมือดัง ทุกคนหันมอง เห็นเป็น นายวินิจ หรือ พี่บัง ของลูกสมุน เดินตรงเข้าสวมกอดอธิคมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอต้อนรับกลับบ้าน ไอ้ลูกชาย”
นักมวย 1 และ 2 หน้าซีดพากันถอยเมื่อรู้แล้วว่าอธิคมคือลูกชายพี่บัง
อธิคมมองพ่อ ยิ้มหล่อด้วยแววตาดีใจ

ไอ้อัญเดินกระเซอะกระเซิงมาเกาะราวสะพานไว้ พยุงร่าง น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัว
“ฉันอยากตาย...อยู่ไปก็ไม่มีอะไรดี...ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้ว”
ไอ้อัญโงนเงน เกาะราวสะพาน มองลงไปเบื้องล่างผืนน้ำ

ฝ่ายอัญมายืนอยู่ข้างรถ มองเหม่อไปรอบๆ ภาพจิรายุกอดกับอนุรุทผุดขึ้นมาหลอกหลอน อัญมาเกาะราวสะพานสะอื้นไห้อย่างคนที่เจ็บปวดกับความจริง

ด้านภควัตนั่งมาในรถตำรวจเก่าๆ ของจ่าเดช ที่แล่นมาตามทาง
“น้องนี่หน้าใหม่ อยู่ที่ไหนมาก่อนล่ะ หรือว่าเพิ่งจบนายร้อย หน้าเอ๊าะใสกิ๊งมากเลย”
ภควัตหัวเราะ จ่าเดชยังโม้ต่อ
“แถวนี้พี่คุมนะ ถามดูได้ ใครไม่รู้จัก จ่าเดช เดชา”
ภควัตหันไปมองทาง สายตาแลเห็นไอ้อัญมากำลังเกาะราวสะพานไม้ ยืนโงนเงน
“จอดก่อน จอดก่อน จ่าเดช มีคนจะโดดน้ำ”
จ่าเดชจอดรถพรึ่ด ภควัตเปิดประตูรถพุ่งออกไปที่สะพาน วิ่งเร็วรี่ตรงไปทีไอ้อัญ
“เธอ อย่า... อย่าโดด”

ฟากอัญมาที่เกาะราวสะพานปูน สายตาพร่าพราย น้ำตากบตา หล่อนยืนโงนเงน ตัวยื่นออกไปนอกราวสะพาน
“คนอย่างคุณหนูอัญมา ไม่เคยหนีปัญหา”
อัญมายื่นตัวออกไป
“ชั้นต้องไม่แพ้ ชั้นต้องเป็นที่หนึ่ง”
อัญมามองลงไปที่สายน้ำเบื้องล่าง แล้วเกิดอาการหน้ามืด
จังหวะนี้เอง มีจักรยานคันหนึ่ง ขับขี่ผ่านมา กระแทกชนหลังอัญมาเต็มแรง อัญมาเสียหลัก พุ่งตัวออกไปจากสะพาน
“ว้าย.....”
คนขับจักรยานตกใจ รีบปั่นหนี ร่างอัญมาตกลงน้ำทันที

ไอ้อัญอยู่บนสะพานไม้ มันสะอื้นคร่ำครวญทั้งน้ำตาเป็นครั้งสุดท้าย
“ฉันมันลูกเลว ถ้าฉันตายไปสักคน แม่ก็จะสบาย ..แม่จ๋า ฉันขอโทษ”
ไอ้อัญตัดสินใจพุ่งร่างลงไปจากราวสะพานหวังจบชีวิตอันแสนขมขื่น ภควัตเข้ามาดึงไว้ไม่ทัน
เห็นร่างไอ้อัญดำดิ่งตกลงไปในน้ำต่อหน้าต่อตา จ่าเดชมองหน้าตื่น ตกใจ
“เวรล่ะ”
ภควัตตัดสินใจกระโจนตามลงไปช่วยชีวิตไอ้อัญทันที

วันเวลาเดียวกัน ร่างอัญมาตกลงในน้ำ กำลังดิ้นรนจะตะกายขึ้นมาเพราะว่ายน้ำเป็น ส่วนไอ้อัญที่ตกลงไปในน้ำ ทิ้งตัว หลับตา ยินดีรับความตายตรงหน้า
อัญมาจะทะลึ่งขึ้นเหนือน้ำ แต่ขาไปเกี่ยวกับเชือกเก่าๆ ที่พันอยู่กับตอไม้แห้ง ร่างไอ้อัญกำลังจมลงเรื่อยๆ
อัญมาพยายามดิ้นรนแกะขาออกจากเชือก ก้มลงไปกระชากเชือกออก แต่เชือกรัดแน่นมาก อัญมาเริ่มจะ หมดอากาศ
เช่นเดียวกันไอ้อัญกำลังจะหมดอากาศ ภควัตพุ่งเข้ามาช้อนร่างดึงไอ้อัญขึ้นเหนือน้ำ
อัญมาพยายามงับอากาศหายใจ แต่เชือกรัดแน่น อัญมาตีน้ำ ดิ้นรนสุดแรงเกิดเป็นเฮือกสุดท้าย
ภควัตพาไอ้อัญทะลึ่งขึ้นเหนือน้ำ
อัญมาหมดแรง หมดอากาศ แขนตก ร่างร่วงลงน้ำ เห็นเชือกหลุดจากข้อเท้าอัญมา

ร่างอัญมากำลังดำดิ่งลงไปในน้ำ ลึกลงไปๆ

ณ อนันตกาล สถานที่แห่งหนึ่ง

อัญมาเหมือนโดนผลักลงมาตกลงกลางหว่างสถานที่อันมืดดำ เงียบ นิ่งสนิท แห่งนี้ หล่อนมองไปรอบๆ ไม่เห็นคนหรือสิ่งใดเลย
“นี่ฉันอยู่ที่ไหน หรือว่า...ฉันขึ้นสวรรค์ สวรรค์แล้วทำไมไม่มีนางฟ้า เทวดา”
อัญมาลุกขึ้นโดยเร็ว
“ไม่นะ ฉันยังไม่ตาย ไม่เอา ฉันยังไม่ตาย ฉันยังไม่อยากตาย ฉันคุณหนูอัญมาต้องไม่ตายสภาพตกน้ำ ขึ้นอืด ดูไม่ได้ ไม่นะ ฉันไม่ยอมตาย”
อัญมาหันไปทางหนึ่ง เห็น ไอ้อัญ ยืนหน้าเศร้า หมดอาลัยตายอยากอยู่ ก็งง
“นี่เธอ เธอเป็นใคร”
ไอ้อัญเงยหน้ามองมา อัญมาตกใจที่พบว่าหน้าตาเหมือนตน
“เธอหน้าเหมือนฉัน เธอเป็นใคร”
ไอ้อัญไม่สนใจใครเลย นอกจากอยู่ในภวังค์ของตัวเอง
“ฉันอยากตาย”
อัญมาฉุน “แต่ฉันไม่อยากตาย ฉันอยากแต่งงาน”
“ฉันอยากตาย...”
ไอ้อัญเอาแต่คร่ำครวญซ้ำๆ อัญมามองแล้วโมโหมาก
“จะบ้าเหรอ เกิดมาเป็นคน ยากแสนยาก มีปัญหาอะไรในชีวิตเราก็ต้องสู้สิ ผิดหวังแค่ไหน ก็ห้ามคิดสั้น ดูชั้นสิ แฟนที่จะแต่งงานกัน ดันเป็นเกย์ ชั้นยังไม่คิดจะตายเลย ถ้าไม่เพราะมีคนชนฉันตกสะพาน” อัญมานึกได้ “นี่ฉันตกน้ำ”
อัญมาวิ่งวนไปรอบๆ อย่างวุ่นวายใจ
“ไม่นะ...ฉันไม่อยากตาย ไม่....อย่าเอาชีวิตฉันไป ฉันไม่อยากตาย”
อัญมาตะโกนก้อง ร้องเสียงดัง
เกิดแสงสีขาวสว่างวาบ ร่างอัญมาเหมือนถูกดูดลอยสูงขึ้นไป

วิญญาณอัญมาลอยวูบเข้าร่าง “ไอ้อัญ” ที่ภควัตกำลังดึงขึ้นมาบนสะพานไม้ เขาก้มลงฟังเสียงหัวใจพบว่ายังเต้นอยู่
“ยังหายใจ”
ภควัตตัดสินใจก้มลงจะเป่าปาก ช่วยหายใจให้อัญมา ภควัตก้มลงมาใกล้ ริมฝีปากใกล้ริมฝีปากอัญมา
ทันทีที่ริมฝีปากแตะกัน อัญมาก็กะพริบตาถี่ๆ ฟื้นขึ้นมา แต่เมื่อเห็นภควัตที่หน้าอยู่ใกล้มาก แถมปากยังแตะกันอีกด้วย ท่าทางเหมือนกำลังจูบเธออยู่ อัญมาตาโตด้วยความตกใจ สำลักน้ำพรวดใส่หน้าภควัตเต็ม ๆ
“เฮ้ย”
ภควัตผงะออก ลูบหน้าที่เปียกน้ำ อัญมาที่สำลักน้ำก็ไอออกมา
อีกฟากหนึ่ง เห็นชายคนหนึ่งลากร่างไร้สติของคุณหนูอัญมาขึ้นมาที่ฝั่ง ชาวบ้านพากันมุงร่างอัญมาที่ไม่ได้สติ ส่งเสียงเม้าท์เซ็งแซ่

ฟากอัญมาในร่างไอ้อัญหยุดหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอยู่บนสะพานไม้ ภควัตซึ่งเป็นคนช่วยมองลุ้น จ่าเดชวิ่งเข้ามา สีหน้าตกใจเมื่อเห็นหน้าชัดๆ
“อ้าว เฮ้ย! นี่มันไอ้อัญนี่”
อัญมาอยู่ในร่างไอ้อัญ เด็กสลัม เสื้อผ้าขะมุกขะมอม มองมาอย่างงุนงง
“พวกแกเป็นใคร”
อัญมาได้สติพยายามจะลุก ภควัตร้องห้าม
“อย่าเพิ่งลุก เดี๋ยวจะหน้ามืด”
ภควัตพูดไม่ทันขาดคำ อัญมาหมดสติ จะร่วงลงกับพื้น ภควัตถลาเข้าไปช้อนรับร่างอัญมาไว้ในอ้อมแขนแทบไม่ทัน
“เธอ...เธอ”
ภควัตโอบตัวอัญมาไว้ หันไปบอกจ่าเดช
“ไปโรงพยาบาลก่อน”

ขณะเดียวกันวิญญาณไอ้อัญซึ่งเวลานี้อยู่ในร่างคุณหนูอัญมา หน้าตา ผม เผ้า เสื้อผ้าเปียกน้ำ นอนอยู่บนเตียงที่กำลังถูกเข็นเข้าห้อง ฉุกเฉินไปอย่างเร็ว
ร่างคุณหนูอัญมาที่มีวิญญาณของไอ้อัญเข้าไปอยู่ในนั้นยังนอนไม่ได้สติ หมอเอาเครื่องช่วยหายใจครอบปาก ถือเครื่องปั๊มหัวใจ ถูเข้าด้วยกัน พยายาลเตรียมพร้อม หมอกดเครื่องปั๊มหัวใจลงไปที่หน้าอกของอัญมา
ร่างของอัญมากระตุกขึ้น 2-3 ครั้ง ได้ยินเสียงเครื่องช่วยหายใจดังยาว คุณหนูไฮโซไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น

ฝ่ายอัญนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ลืมตามองเห็นเพดานชัดขึ้นๆ โดยยังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในร่างของไอ้อัญ เด็กจากชุมชนแออัด เบ้าตามีรอยคล้ำและตาซีดลึกโหลจากฤทธิ์ยาเสพติด
“ที่นี่...ที่ไหน”
อัญมาค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง สายตามองไปรอบๆ เห็นผู้ป่วยคนอื่นสภาพยากจน นอนเตียงใกล้ๆ เรียงกันไปจนสุดห้อง บางคนร้องโอดโอยเรียกหาญาติ มีนางพยาบาลที่เดินวุ่นดูแลคนไข้เหล่านั้น อัญมารับไม่ได้
“ฉันมานอนอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง คนอย่างคุณหนูอัญมาต้องนอนในห้องวีไอพีเท่านั้นสิ...โอย” อัญมาเจ็บแปลบยกมือกุมหัว “ปวดหัวเป็นบ้า”
อัญมาจับขมับ ปวดหัวแปลบ ๆ พอลดมือลงก็เห็นมือที่กระดำกระด่างและมีรอยไหม้จากการเสพยา
“ไม่จริง มือชั้น ทำไมเป็นแบบนี้ ชั้นเพิ่งทำสปามือมา แต่นี่มันมือศพชัดๆ”
อัญมาก้มลงสำรวจตัวเอง เห็นเสื้อมอมแมม จับผม ผมก็สั้นลง อัญมายิ่งช็อก
“ไม่จริง...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
อัญมาหันรีหันขวาง เห็นคนไข้เตียงข้างๆ เป็นผู้หญิงคราวป้า ท่าทางเป็นเจ๊ นั่งส่องกระจกถอนผมหงอกอยู่ ก็โผนเข้าไปคว้ากระจกมาส่องทันที
“ยืมก่อนนะ”
อัญมายกกระจกของป้าส่อง แล้วอ้าปากค้าง ที่เห็นตัวเองในสภาพทรุดโทรม ไม่มีเค้าความสดชื่น สวยงามหรูหราอยู่เลย
อัญมาถึงกับเขวี้ยงกระจกทิ้ง ไม่สนใจเสียงโวยของป้า
“เอ๊ะ อีนี่ ยืมแล้วมาโยนคืน เดี๋ยวปั้ดตบไม่นับแผล”

อัญมาลุกพรวด ลงจากเตียง วิ่งออกไปทันที

ภควัตกับจ่าเดชยืนคุยกันอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องผู้ป่วยรวมของโรงพยาบาล จ่าเดชทำเท่ ยืนล้วงกระเป๋า พิงประตูทางออกของห้องผู้ป่วยรวม

“จ่าบอกว่าเขาชื่ออะไรนะ”
“มันชื่อไอ้อัญ ชื่อจริงๆ อัญมา แต่แถวชุมชนบัวสวรรค์น่ะใครๆ ก็เรียกมันไอ้อัญไอ้นี่มันแสบ บ้านก็อยู่ในชุมชนที่เราจะเข้าไปนั่นแหละ จนขนาดแกลบยังไม่มีเงินซื้อกิน แม่ไอ้อัญ มันขายไก่ทอด แต่ไอ้อัญเนี่ยะมันกระแดะไถเงินแม่ไปซื้อยาซะหมด”
ภควัตฟังแล้วหน้าเครียด “ยา”
“ทำหน้าแบ๊วอีกละ ก็ยาเสพติดไง ไอ้น้อง” จ่าเดชเบาเสียงลง “ทางเราคิดว่ามันเป็นเด็กวิ่งยอด คอยเอายาไปขายแต่จับไม่ได้แบบจังๆสักที ทำได้แค่เรียกมันไปคุยนิดๆหน่อยๆ โอย...เห็นตัวเล็กๆ อย่างงี้นะ พิษสงเยอะ ปากจัดจะตาย กวนส้นอีกตังหาก…”
จ่าเดชพูดไม่ทันจบ อัญมาวิ่งพุ่งออกมาจากห้อง ชนจ่าเดชที่ยืนเก๊กหล่ออย่างแรงจนถลาไป
“โอ๊ย ไอ้หน้าไหนมันกล้าชนจ่าเดชวะ”
อัญมาไม่สนใจ วิ่งพุ่งออกไป ภควัตตกใจ
“เฮ้ย ไอ้อัญของจ่า มันหนีไปแล้ว”
ภควัตกะจ่าเดชวิ่งตามอัญมาไปทันที

อัญมาวิ่งมาอย่างรวดเร็วว่องไว ภควัต กับจ่าเดชไล่ตามหลังมาติดๆ
“หยุดนะ จับผู้หญิงคนนั้นทีครับ ช่วยจับที”
ภควัตร้องบอก จนท.ทำความสะอาดของโรงพยาบาลเข็นรถผ่านมา
อัญมาเห็นก็ผลักรถพ้นทางตัวเอง แต่ภควัต จ่าเดชเบรกไม่ทัน ชนเข้ากับรถที่หมุนมาอย่างแรง
อัญมาไม่สนใจใคร เลี้ยวลงบันได
ภควัต และจ่าเดชล้มไป รีบลุกขึ้น มองหา ไม่เห็นอัญมาแล้ว
ภควัตบ่นเซ็งๆ “ไวยังกับลิง หายไปไหนแล้ว”

ไอ้อัญในร่างอัญมานอนนิ่งมีเครื่องช่วยหายใจระโยงระยาง อรรณพ ภรณียืนข้างเตียง ภรณีร้องไห้ไม่หยุด
“สมองขาดออกซิเจนไปหลายนาที...เราต้องหวังปาฏิหาริย์ที่จะทำให้คุณอัญมาฟื้นขึ้นมาครับ” หมอรายงานอาการ
“โธ่ ลูกอัญของแม่ ทำไมถึงคิดสั้นอย่างนี้ รู้มั้ยพ่อแม่ใจจะขาดอยู่แล้ว”
อรรณพหันไปบอกหมอด้วยแววตาขอร้องแกมคาดคั้น
“หมอต้องช่วยลูกอัญของผมนะครับ ช่วยให้ลูกอัญฟื้นกลับมาเหมือนเดิม”
หมอสีหน้าลำบากใจ อรรณพกับภรณีมองร่างอัญมาที่นอนไม่ได้สติเป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างทุกข์ใจ

อัญมาพุ่งพรวดเข้าในห้องน้ำ แล้วตรงไปที่กระจกทันที ยืนจ้องตัวเองในกระจกเงาขนาดครึ่งตัว เห็นสภาพตัวเองอยู่ในหน้าตาโทรม ๆ ของ ไอ้อัญ
อัญมารับไม่ได้ ร้องกรี๊ดออกมาดังลั่น แม่ กะลูกสาวที่กำลังล้างมือตกใจ ลูกสาวตัวเล็กยกมือปิดหูทันที
“แม่จ๋า พี่เค้าเป็นคนบ้าเหรอจ๊ะ”
“ไม่ใช่บ้าหรอก เปรตน่ะลูก เอะอะก็กรี๊ด”
อัญมาหันขวับไปจ้อง แม่ลูกตาเขียวปั๊ด
“เปรตบ้านเธอสวยขนาดนี้เหรอยะ”
แม่ตกใจ รีบอุ้มลูกสาวออกจากห้องน้ำไป
อัญมาหันมามองตัวเองในกระจก ทึ้งผมด้วยความสับสน
“หรือฉันจะบ้าไปแล้วจริงๆ นี่มันไม่ใช่ตัวฉัน นี่มันผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันเจอในความฝัน ตอนตกน้ำ”
อัญมาหันมาสีหน้า วุ่นวายใจมาก
“หรือฉันสมองเสื่อม ไม่จริง” หล่อนตบหน้าตัวเองเรียกสติเบาๆ “ฉันคือคุณหนูอัญมาฉันยังจำได้ แล้วนี่มันที่ไหน มันเกิดอะไรขึ้น ตกน้ำแล้วทำไมฉันถึงฟื้นมาอยู่ที่นี่ หรือว่าฉันนั่งยานแม่ หลุดมาอีกมิติ เป็นไปไม่ได้ นี่มันจริงซะยิ่งกว่าจริง” อัญมาหยิกแขนตัวเองอย่างว้าวุ่น “โอ๊ย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย”

ภควัตที่วิ่งตามหาอัญมาที่ทางเดินหน้าห้องน้ำ มองหาไปรอบๆ ภควัตได้ยินเสียงหลวงพ่อในหัวอีกครั้ง
“คนเราทุกคนเกิดมาพร้อมกรรมติดตัว ต่อไปโยมจะต้องเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝันเพราะกรรมที่ผูกพันกันมา”
“นี่เหรอ เรื่องไม่คาดฝัน” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
แม่เด็กอุ้มลูกสาวเดินออกมา เสียงเด็กถามแม่แจ้วๆ ผ่านภควัตที่ยืนอยู่
“พี่คนตะกี้อยู่ดีๆ ก็กรี๊ด เขาบ้าใช่มั้ยจ้ะ แม่”
ภควัตได้ยินก็หันขวับไปมอง เห็นป้ายห้องน้ำหญิงเด่นหรา จ่าเดชวิ่งตามมา
“เจอไอ้อัญมันหรือยัง”
“เจอแล้ว” ภควัตบอก
“ที่ไหน มา...พี่พาไปลุยเอง”
ภควัตชี้ไปที่ห้องน้ำหญิง จ่าเดชเบรกเอี๊ยด
“ลุยเลยมั้ย แต่พี่ว่า เรารอมันอยู่ด้านหน้าก่อนดีกว่า”
“จ่ารอตรงนี้แหละ ผมไปลากตัวออกมาเอง”
“เฮ้ย เอาแน่นะน้อง”
ภควัตไม่สน กำลังจะเปิดประตูเข้าไป อัญมาเปิดประตูออกมาเอง
ภควัต และ จ่าเดชกระเด้งถอย อัญมาตาขวาง มองจ้องภควัต จำเข้าได้แม่นว่าเคยเจอภควัต 2 ครั้ง
“นาย ..ที่เป็นตำรวจ ตำรวจเลือดร้อนคนนั้น ที่จับยาบ้าในงานแฟชั่นกับที่ห้าง”
ภควัตมองอัญมาโดยไม่ได้ทันใส่ใจว่าเคยเจอที่ไหน
“นี่เธอคิดยังไงเนี่ย ถึงจะโดดสะพาน ฆ่าตัวตาย”
อัญมาแว้ดใส่ภควัต “ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตายซะหน่อย ฉันกำลังยืนคิดอะไรของชั้นอยู่ แล้วฉันก็โดนชนจนตกน้ำ”
“โดนชนอะไร ฉันเห็นเธอโดดลงไปกับตา”
“บอกว่าชั้นไม่ได้โดด ชั้นไม่ได้อยากตาย”

ภควัตกับจ่าเดชมองด้วยความตกใจ ที่เห็นท่าทีอัญมาทั้งเอาเรื่อง และไม่ยอมคน

อ่านต่อหน้า 4

คีตโลกา ตอนที่ 1 (ต่อ)

เย็นวันนั้น สุคนธรส จิรายุ และอนุรุท รู้ข่าวอัญมาประสบอุบัติเหตุรีบพากันมาที่โรงพยาบาล สามคนเข้ามาในห้องวีไอพีตรงไปยังเตียงอัญมา ทุกคนไม่มีใครรู้ว่าไอ้อัญอยู่ในร่างนี้

“ตายแล้ว อัญมา เพื่อนรัก...ทำไมกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปได้” สุคนธรสเอ่ยขึ้น
จิรายุโมโห ส่งเสียงปราม “คุณอัญ”
อรรณพที่อยู่ในนั้นกับภรณี พอเห็นหน้าจิรายุก็บันดาลโทสะ
“ออกไป จิรายุ เพราะแกทำให้ลูกสาวฉันต้องมานอนสภาพแบบนี้”
“เพราะผมเหรอครับ ผมเกี่ยวอะไร” จิรายุงุนงง
สุคนธรสแปลกใจ “นั่นสิคะ ก็อัญมาโดดน้ำฆ่าตัวตายเอง รสได้ข่าวยังงเลยนะคะ อัญมาบอกว่าจะแต่งงานกับจิรายุ แล้วทำไมอยู่ๆ คิดสั้น”
อรรณพแดกดัน “ลูกฉันคงรู้เช่นเห็นชาติผู้ชายบางคน”
จิรายุเห็นสายตาอรรณพแล้วหนาวๆ ร้อนๆ แต่ก็ยังฝืนเถียง
“ใครเหรอครับ”
ภรณีเข้าห้าม “ใจเย็นๆก่อนค่ะคุณ โทษกันไปโทษกันมา ก็ไม่มีประโยชน์ รอให้ลูกอัญฟื้นขึ้นมาก่อนเถอะค่ะ”
อนุรุทปากดี “จะฟื้นเมื่อไหร่เหรอครับ ท่าทางยังกับเจ้าหญิงนิทรา”
อรรณพตะเพิด “ออกไป”
สามคนสะดุ้ง มองอรรณพที่หน้าตาดุดันเอาเรื่อง ดูออกว่าโกรธสุดขีด

สุคนธรสเดินหน้าเริ่ดมาตามทางในโรงพยาบาล กับ จิรายุ และอนุรุท
“วันหลังถ้าพูดแล้วหนอนจะร่วงออกมา ก็หุบปากซะนะ อนุรุท เป็นเลขาก็อยู่ส่วนเลขา”
สุคนธรสสะบัดหน้าใส่เดินออกไป อนุรุทหันมาทางจิรายุ
“ยังไง อยากแต่งงานกับนังชะนีคู่ควงเก่า ที่กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานั่นอยู่อีกมั้ย”
“บ้าที่สุด ทำไมไม่แต่งงาน จดทะเบียน แล้วค่อยโดดน้ำตายนะ อัญมา”
สามคนเดินออกไปอย่างหัวเสียสุดๆ ไม่ได้มีความสงสารให้คุณหนูอัญมาเลย

ขณะเดียวกัน อัญมาเดินฉับๆ จะออกจากโรงพยาบาล ภควัตกับจ่าเดชเดินตามมาข้างๆ
“นายต้องเชื่อฉันนะ ฉันฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างนี้แล้ว นี่มันไม่ใช่ฉัน”
จ่าเดชหมั่นไส้ “นี่ไอ้อัญ เอาเวลาพล่ามบ้าบอของแก มาขอบคุณพวกฉันดีกว่า ถ้าไม่ได้พวกฉันแกได้เป็นผีใต้น้ำไปแล้ว เป็นบ้าอะไรถึงต้องมาฆ่าตัวตายด้วยวะเนี่ย”
อัญมาฉุน หยุดเดิน หันมาเชิดใส่ด้วยมาดนางพญา
“ดูปากชั้น ชั้นไม่ได้ฆ่าตัวตาย คนอย่างคุณหนูอัญมา พิบูลย์สุวรรณ ต่อให้เสียใจแค่ไหน ฉันก็รู้ว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออก เกิดมาแค่ชีวิตเดียว จะคิดสั้น ฆ่าตัวตายไปทำไม”
จ่าเดชเริ่มรำคาญ “คุณหนู ฟังแล้วอยากจะถุย ดูซีรีย์เกาหลีมากไปหรือเปล่าเอ็ง”
อัญมาฉุน “ไอ้บ้า ไอ้จ่าเฮงซวย”
“อ้าว เฮ้ยว่าใครเฮงซวย ไอ้นี่ อยากโดนซิวข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานใช่มั้ย”
“เอาซี้ กล้าแตะต้องตัวฉันแม้แต่นิดเดียว ฉันจะให้ทนายจับพวกนายเข้าคุกให้หมด”
“เดี๋ยวก่อนนะ ใจเย็นๆ เธอบอกว่าเธอไม่ใช่อัญมาที่เป็นเด็กติดยา แต่เป็น…”
ภตวัตพูดไม่ทันจบอัญมาสวนขึ้น “ชั้นคุณหนูอัญมา พิบูลย์สุวรรณ ลูกสาวคนเดียวของคุณอรรณพนักธุรกิจพันล้าน กับคุณ ภรณี ผู้ดีเก่า เจ้าของที่ดินย่านสุขุมวิทไม่รู้กี่ร้อยไร่ แล้วชั้นก็เพิ่งเรียนด้าน Business Administration มาจากอเมริกา”
ภควัตอึ้ง จ่าเดชตาค้าง มองอัญมาตาถลน
“แกว่าแกเรียนจบอะไรมานะ บิ๊วๆ ชั่นๆ”
“Business Administration มันคือคณะบริหารธุรกิจน่ะจ่า เป็นชื่อภาษาอังกฤษ”
จ่าเดชขำไม่ออก “ตลกละ ไอ้อัญมันยังเรียนไม่จบม.3 ด้วยซ้ำ”
อัญมาเชิดหน้ากอดอก ถือดี
“ระดับคุณหนูอัญมา ไม่มีทางเรียนอะไรไก่กาหรอกย่ะ”
“ไม่ไก่กา แต่เอ็งน่ะไก่เขี่ยชัดๆ ข้าล่ะอยากจะดีดเอ็งจริงๆ ไม่ไหวแล้ว” จ่าเดชมองภควัต “ไอ้น้องเอ็งอยากบ้า ก็บ้าไปกับมันเถอะ พี่ไปก่อนล่ะ เมียบังเกิดเกล้าโทรมาสั่งให้ซื้อน้ำเต้าหู้กลับบ้าน มัวมาเสียเวลากับ” ก่อนไปหันมาล้อเลียน “คุณหนูอัญมาป่านนี้นังยักษ์ขมูขีมันถือขวานรอจามหัวแบะแล้ว”
จ่าเดชเดินหนีออกไปเลย ภควัตมองอัญมาสีหน้าเบื่อๆ
“ฉันว่าเธอนี่ไม่บ้า ก็เพี้ยน”
ภควัตจะเดินหนีไปอีกคน อัญมามองแล้ว นึกหวั่น รีบคว้าข้อมือภควัตไว้
“ไม่ได้นะ นายทิ้งชั้นไม่ได้นะ”
“เราไม่รู้จักกัน ทำไมฉันจะทิ้งเธอไม่ได้”
อัญมานึกหาเหตุผล “ก็นายบอกว่าโดดลงไปช่วยชั้น เพราะฉะนั้นนายต้องรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบอะไร ไม่ใช่ว่าฉันต้องดูแล รับผิดชอบผู้หญิงเพี้ยนอย่างเธอไปตลอดชีวิตนะ”
“บ้าหรือไง กระจอกระดับนายดูแลชั้นไม่ได้หรอก ยังไงตอนนี้ นายก็ห้ามทิ้งฉันไปไหนทั้งนั้น นายต้องช่วยฉัน เป็นตำรวจใช่มั้ย ตำรวจก็ต้องรับใช้ประชาชน”
อัญมาออกเสียงสั่ง ภควัตจะดึงแขนกลับ อัญมาไม่ยอม รั้งไว้แน่น จ้องด้วยสายตาเอาเรื่อง
“นายมีมือถือมั้ย เอามา เดี๋ยวฉันจะพิสูจน์ให้ดูเองว่าเรื่องจริงมันคืออะไร ฉันจะโทร.หาคุณพ่อคุณแม่”
อัญมากดเบอร์มือถือพ่อ และเปิดสปีคเกอร์ แววตาเชิดมองภควัต มั่นใจเต็มที่ว่าจะอรรณพจะต้องรับ ภควัตมอง ได้ยินเสียง...หมายเลขที่ท่านเรียก ติดต่อไม่ได้
อัญมาหน้าเสีย ภควัตหัวเราะเยาะออกมาดังๆ อัญมารีบกดใหม่
“คุณพ่อฉันไม่ชอบรับโทรศัพท์ อาจจะประชุมอยู่ แต่คุณแม่ฉันรับแน่นอน”
ภควัตกอดอกมอง เตรียมหัวเราะ ได้ยินเสียง หมายเลขที่ท่านเรียก ติดต่อไม่ได้
ภควัตระเบิดหัวเราะเยาะสะใจ อัญมาหันขวับ ตาเขียว
“โทรศัพท์บ้าอะไรเนี่ยะ โทร.เบอร์ไหนๆ ก็ไม่ติด โทรศัพท์คุณน่ะเจ๊งแล้ว”

อัญมายัดมือถือคืนใส่มือภควัต แล้วเดินออกไป ภควัตเดินตามอย่างอ่อนใจ

อัญมาเดินลิ่วๆมาในโรงพยาบาล ภควัตวิ่งตามมาด้านหลัง

“นี่เธอ ยอมรับความจริงซะ ตกน้ำ สมองกระทบกระเทือน คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนู ฉันไม่มีเวลามาล้อเล่นกับเธอ เพราะฉันมีงานสำคัญต้องทำ หวังว่าคงไม่คิดสั้นจะโดดน้ำรอบสอง”
ภควัตเก็บมือถือ หันหลังให้อัญมาทันที อัญมามองคว้างไปรอบๆ มองตามภควัตอย่างไม่ยอมแพ้
“นี่นาย...อย่ามาทิ้งฉันไว้ตรงนี้นะ”
ภควัตไม่ฟัง แถมเดินเร็วขึ้น
อัญมาวิ่งตามด้วยรองเท้าแตะที่ใส่ออกมาจากโรงพยาบาลแต่ไม่ถนัด ล้มลง ร้องโอ๊ย ภควัตหยุดหันกลับมามอง เห็นอัญมาที่ล้มลงกับพื้น เงยขึ้นมามอง แววตาอัญมาสับสน จนภควัตทนใจแข็งไม่ไหว เดินเข้ามายืนหน้าอัญมา
“ลุกเองไหวใช่มั้ย”
“เป็นสุภาพบุรุษหรือเปล่าล่ะ”
“จะให้ผมแบกคุณขึ้นหลังแบบพระเอกเกาหลีเหรอ”
“นายควรจะภูมิใจที่ฉันยอมลดตัวให้นาย”
“เหรอ คุณหนูอัญมาสินะ...คุณหนูหัวสูงไฮโซมาก งั้นก็ลุกเอง”
ภควัตหันหลัง ไม่สน อัญมามองโมโห กัดฟันลุกขึ้น ภควัตหันมามอง สายตานึกชม
“เธอนี่อึดดี”
“การเป็นคุณหนู ไม่ได้หมายความว่าจะต้องโง่ ทำอะไรไม่เป็น ยืนด้วยขาตัวเองไม่ได้ เราถูกสอนมาให้เลือกเป็นต่างหากว่าควรจะคบหากับคนระดับเดียวกัน”
ภควัตชักเซ็ง “เฮ้อ..วันซวยอะไร นี่สินะ เรื่องไม่คาดฝันที่หลวงพ่อบอก ต้องมาเจอผู้หญิงเพี้ยนประหลาดอย่างเธอ”
ภควัตหันมาเจอสายตาออดออ้นของอัญมาแล้วก็ใจอ่อนลง
“ช่วยฉันหน่อยนะ คุณตำรวจใจดี พาฉันไปส่งที่บ้านหน่อยนะ”

อัญมาพุ่งไปที่หน้าประตูบ้านพิบูลย์สุวรรณ ภควัตอยู่ด้านหลัง ยามกับฤดียืนอยู่ด้านใน มองมายังอัญมาในร่างไอ้อัญ
“ใครน่ะ แก หน้าคล้ายๆคุณหนู”
“เปิดประตูสิ ฉันบอกให้เปิด ไม่เปิดฉันไล่แกออกหมดทุกคนเลยนะ”
ฤดีหันไปบอกยาม “โทร.เรียกตำรวจเร็ว”
“ไม่ต้องเรียก ตำรวจยืนอยู่ตรงนี้แล้ว” อัญมาว่า
ฤดีกับยามมองทางภควัตอย่างไม่แน่ใจ
“พวก 18 มงกุฎหรือเปล่า”
อัญมาจิกกบาลตามนิสัย “นี่แก เปิดให้ชั้นเข้าไปหาคุณพ่อ คุณแม่เดี๋ยวนี้นะ”
“ให้เข้าไม่ได้เด็ดขาด ไล่ไปเร็วๆ” ฤดีเร่งยาม
อัญมาเขย่ารั้ว “เปิด ฉันสั่งให้เปิดประตู”
“นี่คุณใจเย็นๆ” ภควัตมองฤดี “เอ่อ เธอ...” ผู้กองหนุ่มไม่รู้จะเรียกชื่ออะไร หันไปถามอัญมา “คนใช้คุณ เค้าชื่ออะไร”
อัญมายังปากดี “ฉันไม่รู้หรอกว่าคนใช้ในบ้านชื่ออะไรกันมั่ง ไม่เคยสนใจ”
ฤดีกับยามมองจ้อง สีหน้ายิ่งรังเกียจอัญมาเป็นทวี
“18 มงกุฏชัวร์ ทั้งสองคนนั้นแหละ ผัวเมียกันแกล้งมาเล่นละครหลอกเราหรือเปล่า” ฤดีว่า
ภควัตเห็นท่าไม่ดี รีบดึงอัญมา
“งั้นคุณมานี่เลย”
ภควัตลากอัญมาออกมา แต่อัญมาไม่ยอม เอามือเกาะประตูข้างนึงไว้แน่น
“ผมจะบ้าไปกับคุณแล้วนะเนี่ยะ มาเลย ออกมาก่อนที่เค้าจะแจ้งตำรวจว่าคุณก่อกวน บุกรุกบ้านเค้า”
“ไม่ไป ฉันชื่อคุณหนูอัญมา บอกว่าฉันไม่ไป ฉันอยู่บ้านหลังนี้”
อัญมาร้องโวยลั่น ภควัตกระชากอัญมาออกไปอย่างเร็ว ฤดีกับยามมองอย่างงๆ เพราะไม่เคยเห็นไอ้อัญ มาก่อนในชีวิต
“คนสมัยนี้ หน้าตาก็ดี ทำไมหากินหลอกชาวบ้านเค้าง่ายๆ”

อัญมานั่งทรุดลงอย่างอ่อนล้าบริเวณริมน้ำ ภควัตมองอย่างหงุดหงิด
“ผมหมดความอดทนกับคุณแล้วนะ อ้างว่าเป็นคุณหนู มีรถ มีคฤหาสน์ แล้วยังไงไม่เห็นมีใครรู้จักคุณสักคน ความจริงก็คือคุณชื่อ ไอ้อัญ บ้านคุณอยู่ชุมชนบัวสวรรค์” ภควัตประชด “ชุมชนสีขาว ปลอดยาเสพติด”
“ไม่ ฉันไม่มีบ้านที่นั่น บ้านพักตากอากาศฉันอยู่หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ อเมริกา อังกฤษ แต่รับรองฉันไม่ได้อยู่ชุมชนบัวสวรรค์อะไรของนาย”
“ผมไม่คุยกับคุณแล้ว แยกกันตรงนี้ กลับบ้านไปซะ จะเพ้ออะไรก็กลับไปเพ้อที่บ้าน มืดกว่านี้ เดี๋ยวจะพาตัวเองเดือดร้อนอีกรอบ”
ภควัตมอง อัญมายั่งกอดเข่านิ่งไม่ขยับ
ภควัตมอง แล้วนึกถึงที่จ่าเดชเล่าเรื่องไอ้อัญให้ฟัง
“มันชื่อไอ้อัญ...ทางเราคิดว่ามันเป็นเด็กวิ่งยอดของแก๊งนายวินิจ หรือพี่บัง มันเป็นคนปล่อยยา แต่จับไม่ได้แบบจังๆ สักที ทำได้แค่เรียกมันไปคุย”
ภควัตคิดแผนที่จะปราบปรามยาเสพติดได้ ก็เสียงอ่อนลง ชวนอัญมา
“เอางี้ ถ้าวันนี้คุณยังไม่อยากกลับบ้าน ผมพาไปหาที่พักก่อนมั้ยล่ะ”
อัญมามองภควัต เอ่ยปากสั่งด้วยความเคยชินทันที
“ชั้นขอเป็นโรงแรม 5 ดาวนะ”

ภควัตมองแล้วอึ้ง นิ่งงันไปกับความเอาแต่ใจของอัญมา

ภควัตกำลังอ่านแฟ้มงานหลายแฟ้ม ดูคดีในท้องที่ มีจ่าแก่ๆ นั่งรับแจ้งความอยู่ตรงโถงโรงพัก ผัวเมียคู่หนึ่งตีกันขึ้นโรงพักมาโวยวายลั่น จ่าอีกคนจับนักพนันทั้งขโยง เข้าห้องขัง

อัญมามองภาพทั้งหมดด้วยสายตารังเกียจ ภควัตหันไปมอง อัญมาหนีไปนั่งห่างทุกคน ภควัตหันกลับมาอ่านแฟ้ม
ภควัตปิดแฟ้มลง หันกลับไปมอง เห็นอัญมาสภาพหมดแรง นอนหลับคุดคู้อยู่ที่เก้าอี้ยาวด้านหลัง มือก็คอยตบยุง ภควัตวางแฟ้ม เดินมามองแล้วถอดแจ๊กเก๊ตคลุมให้อัญมา
“หน้าตาก็ดี ไม่น่าเพี้ยน บ้าๆ บอๆ เล”
ภควัตเดินห่างออกไปทำงาน ปล่อยให้อัญมานอนต่อ อัญมานอนหลับไป ฝันถึงเหตุการณ์ที่เจอกับไอ้อัญ อัญมาสะดุ้งเฮืกลุกขึ้น
“ฉันอยู่ที่นี่ แล้วผู้หญิงคนนั้น...ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน...ไม่ใช่บ้าน หรือว่าโรงพยาบาล”
อัญมาคิดแวบเดียว ก็ลุกพรวด วิ่งออกไปทันที

อัญมาเปิดประตูห้องเข้ามาในห้องพักคนไข้ มองเห็น ไอ้อัญ ที่นอนใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่บนเตียง
“ทำไม...ทำไมร่างฉันมานอนอยู่แบบนี้”
อัญมาเข้ามาใกล้เตียง มองไอ้อัญ
“เธอสินะ ไอ้อัญ เธอต่างหากที่อยากตาย ไม่ใช่ชั้น เอาร่างฉันคืนมา เอาร่างคุณหนูอัญมาของฉันคืนมา” อัญมาทุบลงที่อกไอ้อัญที่ตัวเองใช้อยู่ “นี่ ร่างแก ไอ้อัญใช่มั้ย เอาไปสิ เอาคืนไป เอาชีวิตคุณหนูอัญมาของฉันคืนมา”
อัญมาโวยวายด้วยความเสียใจ พยาบาล 2 คนวิ่งกันเข้ามา
“คุณคะ หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ออกไปก่อนค่ะ”
“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันคือคุณหนูอัญมา นั่น ฉัน...ฉันคือคนที่นอนบนเตียงนั้น”
พยาบาลลากอัญมาที่ดิ้นรนขัดขืนออกจากห้องไปทันที

อัญมาในร่างไอ้อัญถูกพยาบาลลากออกมาตามทางเดิน อัญมาดิ้นหนีสุดแรงจนหลุดจากมือพยาบาล
“ปล่อยฉันนะ ฉันบอกว่านี่ชั้นคุณหนูอัญมา บนเตียงนั่นน่ะ ไอ้อัญ”
อัญมากำลังจะวิ่งกลับเข้าไปในห้อง รปภ.2 คน เข้ามาดึงไว้ทัน แล้วลากตัวอัญมาออกไป
อีกทางอรรณพ ภรณีกำลังเดินมากับหมอ อัญมาเห็นก็เรียก
“คุณพ่อ คุณแม่ อัญอยู่นี่...อัญมา ลูกคุณพ่อ คุณแม่อยู่นี่คะ”
ภรณี อรรณพมองอัญมาที่ถูกรปภ.ลากห่างออกไป โดยมองเห็นหน้าไม่ชัด
ภรณีฉงน “ใครกัน”
พยาบาลบอก “ไม่ทราบคะ มาถึงก็โวยวาย พูดจาไม่รู้เรื่อง”
ภรณีเพ่งมอง อัญมามองเห็นพ่อกับแม่ชัดเต็มตา แต่กลับถูกลากไป
“คุณพ่อ คุณแม่ขา...อัญมาอยู่นี่”
อัญมาโดน รปภ.ลากออกไปจนได้ อรรณพหันไปทางหมอ
“ผมจะจ้างตำรวจคนของผมมาเฝ้าชั้นนี้ไว้ตลอด 24 ชั่วโมง อย่าให้นักข่าวหรือคนอื่นที่ไม่ใช่ผมกับคุณภรณีหลุดรอดเข้ามาได้ ผมต้องการให้เรื่องอาการป่วยของ อัญมา ลูกสาวผมเงียบที่สุด”
“ครับ คุณอรรณพ”
ภรณีหันกลับมามองอรรณพ สองคนสายตาเศร้าหม่นหมอง

อัญมาเดินคอตกกลับเข้ามานั่งในโรงพักอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ภควัตเดินเข้ามาหาทันที
“หายไปไหนมา ไอ้อัญ นึกว่ากลับบ้านไปแล้ว”
อัญมาทอดสายตามองไกลออกไป สีหน้าเศร้ามาก
“ฉันไม่มีบ้าน ไม่มีคุณพ่อ ไม่มีคุณแม่ ไม่มี...ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
ภควัตมองอัญมานิ่งๆ อัญมาล้มลงลงนอนบนเก้าอี้ตัวยาว หันหลังให้ภควัตทันที
ภควัตได้แต่มองด้วยความสงสาร หยิบแจ๊กแก๊ตที่ยังวางอยู่บนเก้าอี้มาคลุมให้ แต่อัญมาหลับตาลง โดยไม่รับรู้อะไร

รุ่งเช้า ขวัญอนงค์ถือแก้วน้ำทับทิม ใบหน้ายิ้มแย้ม เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนภควัต
“พี่วัตขา ดื่มน้ำทับทิมของโปรด ฝีมือน้องหน่อยนะคะ”
ในห้องนอนว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ ขวัญอนงค์ถือแก้วน้ำค้าง สีหน้าขัดใจ
ไม่นานต่อมาคุณหญิงวรจันทร์อยู่ในโถงคฤหาสน์ มองขวัญอนงค์ที่สีหน้าไม่สบายเรื่องภควัต
“วัตก็คงไปทำงานจับผู้ร้ายอีก”
“ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาพักผ่อน หนูไม่เคยเห็นพี่วัตมานอนบ้านเลยนะคะคุณแม่ ไฟที่บ้านเล็กของพี่วัต ปิดมืดทั้งวันทั้งคืน”
“เฮ้อ...ตาวัตนะ ตาวัต ทำไมไม่ห่วงตัวเองเลยน้า เราต้องช่วยกันนะลูก ต้องช่วยดึงพี่เค้าให้เปลี่ยนใจ”
“พี่วัตใจแข็งจะตายค่ะ คุณแม่”
“มันต้องมีวิธีสิน่า มันต้องมีวิธีทำให้ตาวัตเปลี่ยนใจ”
คุณหญิงวรจันทร์มีสีหน้ามุ่งมั่น อยากจะดึงหลานชายให้พ้นอันตรายจากพวกค้ายาเสพติด

บนโรงพักที่ภตวัตถูกย้ายตัวมาเช้าเดียวกัน ผู้กองภควัตกำลังเก็บแฟ้มทั้งหมด เตรียมกลับบ้าน หน้าตาอิดโรย หาวหวอดๆ เดินมาเขย่าร่างอัญมา
“นี่ ตื่น ตื่นได้แล้ว”
อัญมางัวเงียตื่นมา บิดตัว สวยงามนึกว่าตัวเองอยู่ในห้องนอน แต่พอลืมตา เห็นเป็นโรงพัก ก็นึกขึ้นได้ลุกพรวด
“โรงพัก นี่ฉันนอนอยู่โรงพักทั้งคืน”
“อืม เธอเหนื่อยมาก หลับสนิท กรนสนั่น”
“ตลกละ”
อัญมามองแจ๊กเก็ตที่คลุมอยู่ แล้วส่งคืนภควัต
“ผมทำงานมาทั้งคืน จะกลับไปนอนแล้ว แยกกันตรงนี้แล้วกัน ค่อยเจอกันใหม่”
จ่าเดชเดินร้องเพลงเข้ามาอย่างอารมณ์ดี มองเห็นอัญมาก็ทัก
“ไง ไอ้อัญ ไปไหนไม่พ้น ก็โรงพักเหมือนเดิม”
“ชั้นไม่ได้อยากมานอนที่นี่”
“อยากจะด่าว่ากระแดะเหลือเกิน เอ็งน่ะ เคยมาที่นี่ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”
“ชั้นเคยโดนจับด้วยเหรอ”
จ่าเดชยัวะ “เออสิวะ โรงพักนะเอ็ง ไม่ใช่ห้าง ที่เอ็งจะมาเดินเล่น ตากแอร์ สบายใจ”
อัญมาหน้าแหยเมื่อนึกถึงสภาพตัวเองในแบบไอ้อัญ จ่าเดชหันไปทางภควัต
“อ้าวน้อง ได้นอนมั้ยนะ ตาดำแข่งกะหลินปิงหยั่งงั้น ขอต้อนรับสู่โรงพักดีเด่นของพี่”
“กำลังจะกลับไปนอนแล้วล่ะ จ่า”
“เออ พี่ก็จะไปเข้าเวรละ”
อัญมาแหวขึ้นมา “ไม่ได้นะ”
จ่าเดช กะ ภควัตสะดุ้ง มองอัญมา
“ใครจะทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น พาฉันไปส่งที่บ้านก่อน ถ้าไม่พาไป ฉันจะร้องเรียนว่าตำรวจไม่บริการประชาชน”

จ่าเดชขับรถเก่ามาตามทาง ภควัตนั่งข้างๆ คนขับ ส่วนอัญมานั่งคอตั้งอยู่เบาะหลัง
“รถเก่าขนาดนี้ยังทนขับอยู่ได้ไง เศษเหล็กชัดๆ เบาะก็สกปรก อี๋”
จ่าเดชรำคาญ “เรื่องมากขนาดนี้ ลงไปเลยมั้ยไอ้คุณหนูอัญมา พาไปส่งบ้านก็บุญแค่ไหนแล้วหรือไงจะลงตรงนี้เลยมั้ย ไม่กลัวหรอกโว้ย เรื่องร้องเรียนน่ะ ที่ทนรำคาญอยู่เนี่ยะ เพราะคำว่ามนุษยธรรม รู้จักมั้ย จ่าเดชน่ะคนมีน้ำใจ”
อัญมาฟังแล้วเงียบ ภควัตหัวเราะสะใจที่อัญมาหมดฤทธิ์ลงบ้าง

รถจ่าเดชจอดที่หน้าปากซอยชุมชนบัวสวรรค์
“ไหนบอกว่าจะพาฉันไปส่งบ้านไง บ้านฉันเป็นคฤหาสน์แถวสุขุมวิท ไม่ใช่เศษไม้เอามาต่อกันมั่วๆแบบนี้”
ภควัตเหลืออด ลงจากรถมาเปิดประตู แล้วลากอัญมาออกมา
“ปล่อย ปล่อยชั้น อย่าแตะตัวฉันนะ”
“ก็ไม่ได้อยากจะแตะนักหรอก เลิกเพ้อ เลิกฝัน อยู่กับความจริงให้ได้ เธอชื่อไอ้อัญบ้านอยู่ที่นี่ สงบสติอารมณ์ เข้าบ้านไปซะ”
ภควัตสั่งสอนแล้วเดินขึ้นรถไป อัญมาเกิดความหวาดหวั่น กระชากข้อมือภควัตเอาไว้
“นี่ไม่ใช่ตัวฉัน เชื่อฉันเถอะนะ ฉันไม่เคยอยู่ที่นี่ นี่ไม่ใช่โลกที่ฉันเคยอยู่ คุณต้องช่วยฉันให้กลับไปที่โลกเดิมให้ได้ นี่ไม่ใช่ร่างของฉัน ไอ้อัญต่างหากที่อยากตาย แต่ไม่ใช่ฉัน”
อัญมาอ้อนวอน มองหน้าภควัต ต้องการที่พึ่ง
“ไม่ว่าร่างไหน ไอ้อัญ หรือคุณหนูอัญมา ตอนนี้เธอก็มีชีวิต...จำไว้ เราต้องทำชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุด... ในเวลาที่เรายังมีลมหายใจ”
ภควัตเตือนสติแล้วขึ้นรถจ่าเดชออกไป
อัญมายืนเคว้ง มองรถของจ่าเดชที่ขับออกไป แล้วหันไปมองทางเข้าชุมชนอย่างตัดสินใจ
“ทำชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุด...ในเวลาที่เรายังมีลมหายใจ ไหนๆ ฉันก็ยังกลับไปร่างของชั้นไม่ได้” อัญมาสูดลมหายใจฮึดสู้ “เป็นไงเป็นกัน คนอย่างคุณหนูอัญมาไม่เคยหนีปัญหาอยู่แล้ว”
อัญมาตัดสินใจเดินตรงเข้าไปในชุมชน

บรรยากาศชุมชนผู้คนขวักไขว่เช่นทุกวัน อัญมาเดินท่าทีตื่นๆ เข้ามา สวนกับชาวบ้าน อัญมาเบี่ยงตัวหนี
ที่วินมอเตอร์ไซค์บริเวณหน้าปากทางเข้าซอย แลเห็นนวยกับเพื่อนวินคุยเฮฮากันอยู่ พอนวยเห็นอัญมาก็ทักขึ้น แซวอย่างสนิทสนม
“อ้าว เจ๊อัญเป็นไรหน้าไม่ชิลล์เลย ปวดท้องเมนส์ป่ะเนี่ย”
เพื่อนวิน 1 แซวแทรก “เดี๋ยวไอ้นวย ข้าว่าเจ๊อัญของเอ็งไม่ได้ปวดท้องเมนส์หรอกว่ะ”
“อ้าว แล้วปวดอะไรวะ” นวยแกล้งโง่
วิน 1 บอก ”ตรงนี้เว้ย ปวดใจ”
วินทั้งหมดโห่ฮา นวยหัวเราะเฮฮาตาม อัญมาฟังแล้วสวนกลับไป
“ฉันไม่ใช่ไอ้อัญเพื่อนเล่นของพวกแก อย่ามาสะเออะ รู้จักที่ต่ำที่สูงซะบ้าง”
อัญมาตาขวาง ตวาดใส่ เดินเชิดออกไป นวยกับเพื่อนวินพากันอึ้ง
“หรือจะเป็นวันมามากจริงๆ วะ ปกติเจ๊แกไม่เคยคอตั้ง ด่าอะไรแบบนี้”

นวยมองตามอัญมาไปอย่างสงสัยกับท่าทีที่แปลกไป

อัญมาเดินเข้ามาถึงบริเวณกลางซอย พบว่าที่หน้าร้านเสริมสวย เจ๊ว่านบิวตี้ มีรถเข็นขายไก่ทอดของอุบล แม่อัญจอดขายอยู่ด้านข้าง ร้าน รถเข็นขายไก่คนเข้าแถวซื้อเต็มไปหมดจนมองไม่เห็นแม่ค้า

ใกล้รถเข็นขายไก่ทอด เป็นรถเข็นขายขนมจีน ไม่มีคนซื้อ สมใจ แม่ค้าขายขนมจีน นั่งไขว่ห้างอ่าน
หนังสือ ซุบซิบดารา พอสมใจหันมาเห็นอัญมา ก็วางหนังสือ จีบปากจีบคอทัก
“อุ้ย! ต๊ายตาย วันนี้ข้าคงจะถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง” น้ำเสียงสมใจประชดเต็มที่ “ไอ้อัญมันกลับบ้านตั้งแต่หัววัน”
อัญมาหันขวับไปมองสมใจ สมใจกรีดหัวเราะ หีนมาทางรถขายไก่ทอด
“จริงมั้ยจ๊ะ นังอุบล”
“จริงไม่จริง เรื่องของข้า หรือใครหนัก”
เสียงอุบลดังขึ้น ตามด้วยเสียงสับอีโต้ลงเขียงดังหลายที คนที่มาซื้อไก่พากันถอยออกห่าง
อัญมามองไป เห็นอุบล แม่ค้าขายไก่ ถืออีโต้สับไก่ จ้องไปที่สมใจอย่างไม่ถูกชะตา
“ว่าไง นังสมใจ อยากกินไก่ หรือ อีโต้ข้า”
สมใจสะบัดหน้าพรึ่ด ไม่กล้าต่อความเพราะกลัวอีโต้ กับแววตาสู้คนของอุบล
อุบลหันมาทางอัญมา
“ไอ้อัญ แหมไอ้ลูกเทวดา หายไปไหนมา มานี่ มาช่วยข้าขายไก่ทอดเร็วๆ”
อัญมาชะงัก หันมามองหน้าอุบลเต็มตา
“แม่? ป้าบอกว่าป้าเป็นแม่ฉันเหรอ ฉันมีแม่เป็นแม่ค้าขายไก่ทอด”
สมใจเยาะ “ไม่ใช่หร้อก ไอ้อัญ ดูซี้...แม่เอ็งน่ะสวยยังกะนางงาม...เจ็ดป่าช้า ฮ่าฮ่าฮ่า ตกเวทีต้องมาเป็นนางงามสับไก่”
อุบลหันไปทางอัญมา “ไอ้อัญ มานี่ มาช่วยข้าสับไก่ ข้าจะได้เอาอีโต้ไปเลาะปากคน”
“ฉันคุณหนูอัญมานะ สับไก่บ้าอะไร ทำไม่เป็นหรอก ไก่ทอดนี่ก็ดูสกปรกจะตาย อี๋ กินไปต้องท้องเสียแน่ๆ”
อุบลมองลูกงงๆ “ไอ้อัญ แกเป็นอะไรของแก”
“ข้าอยากจะหัวร่อ สับไก่ไม่เป็น? มีมือมีเท้ามั้ยล่ะไอ้อัญ แกก็ใช้เท้ายืนแล้วใช้มือสับไก่” สมใจทำท่าให้ดูด้วย “เห็นมะ ง่ายจะตาย”
อุบลโมโห “นังสมใจ หุบปากที ข้าจะคุยกับลูกข้า ไอ้อัญ แกเป็นอะไร”
“ฉันคือคุณหนูอัญมา ไม่ใช่ไอ้อัญลูกป้า แล้วก็ไม่ใช่คนที่ใครจะมาจิกเรียกไอ้อี” อัญมาบอกในท่าทางถือตัว
อุบลขำ “ต๊าย...ไอ้อัญมันเกิดสะดีดสะดิ้งเป็นคุณหนูขึ้นมาว่ะ คุณหนูที่วันๆ นั่งๆนอน ๆ เมายาบ้า แล้วขอเงินแม่มันกิน”
อุบลโกรธ ชูอีโต้ใส่ “นังสมใจ หุบปากหมาๆ ซะ ไม่งั้นแกโดนแน่”
“คิดว่ามีอีโต้คนเดียวหรือไงนังอุบล ข้าก็มีโว้ย” สมใจคว้ามีดขึ้นมา แต่อันเล็กกว่า “หมั่นไส้มานานแล้ว ขายเอาขายเอา ร้านข้าลูกค้ามีแต่ยุง”
อุบลถืออีโต้ รี่จะเข้าหาสมใจอย่างคนเลือดร้อน ชาวบ้านพากันแบ่งฝ่ายเชียร์ อัญมามองอย่างตกใจ
“แหก...ปากอะไรกันหน้าร้านข้าวะ คนจะหลับจะนอน”
เสียงเจ๊ว่าน สาวใหญ่ เจ้าของร้านเจ๊ว่านบิวตี้ ดังนำ ขณะหล่อนเดินนวยนาดออกมา
“จะกัดกันแข่งกับหมาเหรอไงวะ นังอุบล นังสมใจ ตั้งร้านติดกัน แต่กัดกันทุกวัน”
“เอ็งไม่เกี่ยว นังว่าน เข้าร้านเอ็งไปซะ” อุบลไม่สน
“ไม่เกี่ยวอะไรวะ เอ็งสองคนแผดเสียงกันลั่นซอย ลูกค้าร้านข้าหนีหมดแล้ว นี่ร้านเสริมสวยเจ๊ว่านบิวตี้นะเว้ย ถ้าไม่มีคนเข้าร้าน จะให้ข้าเสริมสวยให้หมาเรอะ”
สมใจของขึ้น “เจ๊ก็เปลี่ยนเป็นร้านเสริมสวยสัตว์เลี้ยงแทนสิวะ”
เจ๊ว่านหันมาทางสมใจ “นังสมใจ จะไม่หยุดใช่มั้ย ได้ นังแอนนี่ ไปเอาน้ำร้อนมา ข้าจะเอาราดนังแม่ค้าหนมจีนนี่ให้สุกเหมือนนังด่างริมถนนเลย”
แอนนี่ ลูกน้องสาววัย 18 แต่งตัววาบหวิว ถือถังใส่น้ำโผล่ออกมา
“แอนนี่มาแล้วค่ะ คุณแม่”
แอนนี่สาดน้ำตูมไปทางถนน ชาวบ้านกองเชียร์วงแตก อุบลกับสมใจกระเด็นหนีไปคนละทิศ อัญมาวิ่งหลบแทบไม่ทัน
เจ๊ว่าน ด่ากราด "เอาสิ กัดกันอีก เดี๋ยวข้าจะได้เปลี่ยนเป็นน้ำกรด" 
อุบล กะ สมใจต้องหยุด เจ๊ว่านจะกลับเข้าร้าน หันมาเห็นอัญมาที่ยืนมองหน้าตื่น
“ยังไง ไอ้อัญ หายหัวหนีไปไหนมา มามะ เข้ามานั่งกินน้ำกินท่าในร้านเจ๊ก่อน เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาว ไป แอนนี่ไปพาพี่เค้ามา”
แอนนี่เดินเข้าไปดึงแขน อัญมาสะบัดสุดแรงจนแอนนี่ตกใจ
“สะบัดสะบิ้งให้ตลอดนะเอ็ง ถ้าพี่บังไม่เอามาให้ ข้าก็ไม่รับหรอก แล้ววันหลังอย่าซมซานมาแทบเท้าขอพึ่งบารมีเจ๊ว่านก็แล้วกัน” เจ๊ว่านด่า
แอนนี่มองเชิดใส่อัญมา “ชิ แบนราบเป็นกระดาน นึกว่าสวย เร้าใจกว่าชั้นแค่ไหน”
แอนนี่มองอัญมาแบบไม่ถูกชะตาเต็มที่ เดินเชิดกลับเข้าร้านเจ๊ว่านไป
อัญมายังยืนงง อุบลเสียงดัง
“ไอ้อัญ มานี่ วันนี้หมดอารมณ์ขายแล้ว กลับบ้าน”
อัญมาหันไปมองอุบลที่สั่งอย่างตัดสินใจ

อัญมาเดินตามอุบล มาหยุดหน้าบ้านไม้เก่าสภาพทรุดโทรม อุบลจอดรถเข็นหน้าบ้าน แล้วเดินนำเข้าไปด้านใน อัญมายังไม่ยอมเข้าบ้าน ยืนมองด้วยสีหน้า กระอักกระอ่วน
“เอ้า จะยืนตากแดดอีกนานมั้ย ไอ้อัญ เข้ามาในบ้านสิ”
อัญมาจำต้องเดินเข้าไป ยืนมองสภาพรอบๆ อย่างรังเกียจ
ส่วนที่หน้าบ้าน จริยา หรือ จิ๊บ เพื่อนของไอ้อัญ ที่ใส่ชุดพนักงานร้านสะดวกซื้อ วิ่งตะโกนมาเสียงดังลั่น
“ป้าอุบล ไอ้อัญมันตกน้ำ”
จิ๊บวิ่งมาเข้ามาในบ้าน เห็นอัญมาที่ยืนอยู่พอดี
“อ้าว ไอ้อัญ เห็นจ่าเดชบอกว่าแกตกน้ำ เป็นอะไรมากมั้ย”
“ไอ้อัญ แกตกน้ำมาเหรอ แล้วนี่ไปหาหมอมาหรือยัง”
อุบลเข้ามาจับเนื้อตัวลูกสาวด้วยความเป็นห่วง อัญมาผลักอุบลออกทันที อุบลกับจิ๊บมองฉงน สีหน้าแปลกใจ
“อย่ามากอดฉัน สกปรก” อัญมาว่า
“ไอ้อัญ ตกน้ำจนเพี้ยนเลยเหรอวะ นี่แม่แกนะ” จิ๊บงง
“สมองมันคงกระทบกระเทือนล่ะมั้ง จิ๊บ พามันไปพักก่อนเถอะ” อุบลบอกพลางมองอัญมา “ไปนอนซะก่อนไป ไอ้อัญ”
จิ๊บสัพยอก “ไปสิ ไปห้องแก หรือว่าจำไม่ได้อีก ห้องอยู่ไหน”
อัญมาทำหน้าไม่รู้จริงๆ
“เป็นหนักนะแก...มานี่”
จิ๊บเดินนำไป อัญมาเดินตาม อุบลสั่งตามหลัง
“แล้วออกมากินข้าวกินปลาซะมั่งนะ”
อุบลมองตามลูกสาวด้วยสายตาห่วงใยของคนเป็นแม่

อัญมาเดินตามจิ๊บเข้ามาในห้องนอนไอ้อัญ หล่อนมองไปรอบๆ ตัวด้วยสายตารังเกียจเต็มที่
“เศษไม้เนี่ยน่ะเหรอ ห้องนอนฉัน”
จิ๊บเย้าขำๆ “แล้วคิดว่าบ้านแกอยู่ไหนไอ้อัญ หอคอยงาช้างเหรอ เมื่อคืนแกไปนอนโรงพักมาพวกตำรวจมันทำอะไรแกหรือเปล่า”
อัญมางง “ตำรวจจะทำอะไรชั้น”
“ท่าทางแกต้องนอนเยอะๆ พักเยอะๆ แล้วว่ะ งั้นฉันไปทำงานก่อนนะสายแล้ว เดี๋ยวโดนหักค่าแรง เย็นๆ จะมาหาใหม่”
จิ๊บออกไป ทิ้งอัญมายืนคว้างอยู่เพียงลำพัง
อัญมามองรอบๆ ห้องนอน แลเห็นฟูกเก่าๆ วางกับพื้นห้อง ผ้าห่มก็ขาดเป็นรู ชามข้าวในห้องมีคราบอาหารติดอยู่ มดไต่ แมลงวันตอม ส่วนที่มุมหนึ่งของห้องมีถังขยะวางกลิ้งอยู่ ขยะข้างในกระจายออกมา
อัญมาเดินมามองใกล้ๆ เห็นก็ให้รู้ทันทีว่ามันเป็นอุปกรณ์เสพยา เศษกระดาษ ห่อฟอยล์ เข็มฉีดยา
อัญมาผงะ ยกแขนของตัวเองขึ้นมามองอย่างหวดหวั่น หล่อนเห็นรอยกรีดที่แขน รอยเข็มฉีดเต็ม อัญมาถึงกับรับไม่ได้
“นี่ชั้น... ชั้นติดยานรกพวกนี้เหรอ”
อัญมาแทบจะทรุดนั่งบนพื้นแต่ก็ไม่กล้า
“คนอย่างคุณหนูอัญมาต้องมาอยู่ในบ้านรูหนู ติดยา ไม่จริง นี่มันอะไร ชีวิตฉันทำไมต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย”

อัญมายืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้อง สับสนไปหมดสิ้น หล่อนกลั้นก้อนสะอื้น น้ำตาคลอ คุณหนูผู้แสนไฮโซ เหวี่ยง วีนทุกอณู และไม่เคยเห็นหัวใคร รู้สึกกดดันมากที่สุดในชีวิต

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น