รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 5
มายูมินอนคุดคู้หลับอยู่กับพื้นอย่างหนาวๆ ริวชะโงกหน้าขึ้นมามองเห็นอย่างนั้นก็สงสาร เรียกเบาๆ
“คุณ...คุณ...”
มายูมิยังหลับอยู่ ริวตัดสินใจข้ามไปอีกฝั่ง ค่อย ๆ ช้อนศีรษะเธอขึ้นอย่างแผ่วเบา และสอดหมอนไว้ใต้ศีรษะให้หนุน แล้วเอาผ้าห่ม ห่มให้อย่างเบามือมาก ริวมองมายูมิด้วยสายตารักมาก ยิ้มเอ็นดู โน้มตัวลงใกล้ใบหน้า จนริมฝีปากเกือบจะสัมผัสกัน แต่แล้วก็คิดได้ว่าไม่ควรล่วงเกินจึงถอยออกมา เอานิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเอง แล้วไปแตะที่ริมฝีปากของมายูมิอย่างแผ่วเบาไม่ให้เธอตื่น มายูมิขยับตัวเล็กน้อยเหมือนรู้สึกได้ แต่ยังไม่ตื่น ริวยิ้มหันกลับไปฝั่งตัวเอง ทิ้งตัวลงนอนอมยิ้มที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับมายูมิ สองคนนอนหลับอยู่คนละด้าน โดยมีบังเกอร์เบาะคั่นอยู่ตรงกลาง
]
พระอาทิตย์ขึ้นเช้าวันใหม่...ริวนั่งอยู่ข้างมายูมิ กำลังมองหญิงสาวที่นอนหลับ เผลอจะเอื้อมมือไปลูบผมของเธอแต่ชะงักนึกขึ้นได้ กลัวเธอตื่น เขาพูดเบา ๆ คนเดียว
“โอะฮะโยโกะไซมัส...อรุณสวัสดิ์ มายูมิที่รัก”
ริวยิ้มสุขใจ ห่มผ้าให้อีกครั้ง ก่อนจะลุกออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ มายูมิลืมตาขึ้นรับรู้ทุกอย่าง เพราะตื่นนานแล้ว เธอลุกขึ้น มองหมอนกับผ้าห่มที่เขาเอามาให้
“ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณ”
มายูมิผลักหมอนและผ้าห่มห่างจากตัวด้วยความสับสน
ริวยืนเหม่อมองบรรยากาศยามเช้าเบื้องหน้าอยู่ที่ระเบียงสวน เขาครุ่นคิดเรื่องราวระหว่างตัวเองกับมายูมิ โคจิเข้ามา สังเกตสีหน้าและท่าทางของริวอย่างรู้ทัน
“เมื่อคืนโซเรียวคงนอนไม่ค่อยจะหลับ เพราะมีเรื่องให้ต้องคิด”
“ขอแค่มายูมิยอมอยู่ที่นี่ เหนื่อยกว่านี้ ผมก็ต้องเอาชนะใจเธอให้ได้”
“สู้ไม่ถอย สมเป็นโอะนิซึกะโซเรียว”
“อาโคจิมาหาผมแต่เช้าอย่างนี้ คงมีเรื่องสำคัญ”
โคจิหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น
“สายในสำนักงานตำรวจส่งข่าวมาว่า มาซารุกำลังจะปิดคดีค้ายาเสพติดของมิอุระภายในอาทิตย์นี้”
“ทำไมเร็วขนาดนั้น”
“ตำรวจอาจจะได้หลักฐานครบหมดแล้ว”
“หรือไม่ก็ต้องการจับแพะ”
ริวครุ่นคิดอย่างอดทนรอไม่ได้อีกต่อไป
“เราต้องรีบหาพยานมายืนยันความบริสุทธิ์ของ ฮารุ มิอุระ ถ้าฮารุถูกดำเนินคดีทั้งที่ไม่มีความผิด เมืองนี้ต้องไม่สงบสุขแน่ๆ”
“โซเรียวคิดจะทำอะไรครับ”
ริวเครียด ครุ่นคิด
อายะโกะ เลื่อนเปิดประตูห้องนอนริวเข้ามา เห็นมายูมิกำลังเก็บที่นอนอยู่ จึงรีบเข้าไปห้าม
“เดี๋ยวป้าจัดการเอง มันเป็นหน้าที่ของป้าค่ะ”
“ให้ฉันได้ทำเถอะค่ะ”
อายะโกะดึงมือทั้งสองของมายูมิมากุมไว้ ค้อนเหนื่อยใจ
“ดื้อเหมือนคุณเซโกะไม่มีไม่ผิด”
มายูมิชะงัก
“พี่เซโกะน่ะเหรอคะ”
อายะโกะพยักหน้ารับ คิดถึงแพรวดาว
“เช้าวันแรกในบ้านโอะนิซึกะ...คุณเซโกะก็มาช่วยป้าเก็บที่นอนเหมือนคุณมายูมินี่แหละค่ะ เธอคงไม่ชิน...ทำตัวไม่ถูก”
มายูมิ นึกถึงคำพูดของแพรวดาวที่ระบายความอึดอัดใจให้ฟัง
“ทาเคชิกับริวช่วยฉันออกมาได้ เขาพาฉันกลับไปที่โอะนิซึกะ ประกาศให้เป็นโอคุซังเพื่อคุ้มครองไม่ให้ใครทำร้ายฉันอีก จนกว่าฉันจะเรียนจบกลับเมืองไทย”
มายูมิจดจำวันที่คุยกับแพรวดาวได้เป็นอย่างดี
“พี่เซโกะต้องทนอยู่บ้านโอะนิซึกะด้วยความไม่เต็มใจเหมือนฉันตอนนี้...ฉันเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของพี่เซโกะ”
“แต่พอเวลาผ่านไปคุณมายูมิก็จะมีความสุขในบ้านหลังนี้...เหมือนอย่างที่คุณเซโกะรู้สึกค่ะ”
อายะโกะยิ้มให้กำลังใจ มายูมิฝืนยิ้มรับ ไม่คิดว่าจะมีวันแห่งความสุขนั้น
ทางเดินหน้าห้องขังในสำนักงานตำรวจ...จ่าเรียวตะผายมือเชิญให้ริวกับโคจิเดินเข้าไปด้านใน ก่อนหันมาสบตาโคจิแวบหนึ่งอย่างรู้จักกันดี แล้วจึงเลี่ยงออกไป ริวเห็นสายตาของจ่าเรียวตะกับโคจิ จึงมองโคจิอย่างสงสัยว่าจ่าไว้ใจได้มั้ย
“จ่าเรียวตะเป็นพ่อของเพื่อนสนิททาโร่...เขายินดีช่วยเรา”
ริวพยักหน้ารับรู้ โคจิจับแขนริว พูดเตือน
“โซเรียวมีเวลาสิบนาที...ก่อนที่ผู้หมวดเคนจะมาสอบปากคำฮารุตามเวลาปกติทุกวัน”
“สิบนาทีก็เกินพอ” ริวมั่นใจ
ในห้องขัง...ริวนั่งมองฮารุผ่านลูกกรงห้องขังอย่างรอเวลา ฮารุครุ่นคิดสีหน้าเคร่งเครียด
“ผมไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่ลักษณะไม่เหมือนผู้หญิงธรรมดา”
“ไม่เหมือนยังไง”
“เจนจัด...เต็มไปด้วยจริตมารยา”
“ผู้หญิงคนนั้นถือกระเป๋าที่ใส่ยาเสพติดมาหาท่านฮารุ ท่าทางเสนอตัวอย่าง โจ่งแจ้ง” ชุนบอก
โคจิคิดตาม
“เหมือนพวกผู้หญิงไนต์คลับใช่มั้ย”
โถงในสำนักงานตำรวจ...เคนอ่านเอกสารแล้วยื่นคืนให้ตำรวจลูกน้อง
“ใช่ เอาเอกสารหลักฐานทั้งหมดนี้ไปวางที่โต๊ะ สอบปากคำฮารุเสร็จ ฉันจะกลับไปสรุปสำนวนให้ท่านมาซารุ”
เคนเดินแยกจากลูกน้องไป
ริวมองฮารุอย่างครุ่นคิด
“เมืองนี้มีกิจการไนท์คลับขนาดใหญ่อยู่แค่สองเขต ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนของมิอุระก็ต้องเป็นคนของมิซาว่า”
“มันใช้วิธีสกปรกไร้ศักดิ์ศรี ให้ผู้หญิงของมันมาเป็นนางนกต่อจัดฉากใส่ร้ายมิอุระ”
ฮารุบีบลูกกรงด้วยความแค้น โกรธมาก
“ในฐานะโอะนิซึกะโซเรียว...ผมทำได้แค่เอาใจช่วยให้ท่านฮารุ รอดพ้นจากกระบวนการทางกฎหมาย”
ริวแตะไหล่ฮารุ เสียงหนักแน่น จริงจัง
“แต่ฐานะเพื่อน...ผมจะหาทางช่วยท่านฮารุให้พ้นมลทินให้ได้”
ฮารุจ้องมองริว ซึ้งใจในมิตรภาพที่เขามีให้
เคนเดินเข้ามาบริเวณหน้าห้องขัง กำลังจะเดินเข้าไปด้านในอย่างเร่งรีบ จ่าเรียวตะถือถ้วยชายืนอยู่ หันไปเห็นพอดี
“หมวดเคนมาก่อนเวลา” จ่าเรียวหันขวับเข้าไปทางห้องขัง “แย่แล้ว”
จ่าเรียวตะคิดหาทางรั้งเคน ก่อนตัดสินใจปล่อยถ้วยชาหลุดจากมือ เสียงถ้วยชาตกแตกดัง...เพล้ง เคนชะงัก หันกลับไปดู เห็นจ่าเรียวตะกำลังเก็บเศษแก้วชาบนพื้นอย่างร้อนรน
“จ่าเรียวตะ...จ่าต้องเฝ้าผู้ต้องหาหน้าห้องขังไม่ใช่เหรอ ออกมาทำไม”
จ่าเรียวตะชะงักงัน อึกอัก เหมือนกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง เคนนึกสังหรณ์ใจ รีบเข้าไปด้านในห้องขังทันที
“เดี๋ยวครับหมวด”
เคนเข้ามาถึง เห็นชายใส่สูทสีดำเหมือนริว นั่งหันหลังคุยกับฮารุอยู่ จ่าเรียวตะตามเข้ามา เห็นเคนกำลังปรี่เข้าไปดึงตัวชายใส่สูทสีดำให้หันหน้ามาพอดี
“แกเป็นใคร”
ชายใส่สูทสีดำหันหน้ามา แต่กลับไม่ใช่ริว เคนชะงัก
“หมู่ทามะ”
หมู่ทามะรีบลุกขึ้นทำความเคารพ เคนรับความเคารพ ทั้งสงสัยและไม่พอใจ
“หมู่ไม่มีหน้าที่...เข้ามาทำไม”
จ่าเรียวตะรีบตอบแทน
“เมื่อกี้ผมเวียนหัวเลยออกไปจิบชาอุ่น ๆ ขอให้หมู่ทามะมาเฝ้าแทนครับ”
เคนจ้องจ่าเรียวตะกับหมู่ทามะด้วยสายตาระแวง ไม่ค่อยเชื่อ ฮารุถีบกรงห้องขังโครมใหญ่เรียกความสนใจจากเคน
“ห้องขังแข็งแรงขนาดนี้ ต่อให้มีปีกก็บินหนีไม่ได้” ฮารุถามแหย่ “หมวดเคนจะกลัวอะไร”
“เสือในกรงอย่างมิอุระ ไม่มีอะไรที่ผมต้องกลัว”
“อย่าชะล่าใจกับเสือ อยู่ที่ไหน...เสือก็ยังคงเป็นเสือ”
“ฮึ ๆ แต่เสือที่กำลังจำนนต่อหลักฐานจนดิ้นไม่หลุด...มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากลูกแมว”
ฮารุกับเคนจ้องเขม็งมองกัน แววตาร้ายทั้งคู่
ริวกับโคจิเปิดประตูด้านหลังสำนักงานตำรวจ รีบก้าวพรวดพราดออกมาจนเกือบชนคัตสึกับเซกิ ที่ยืนรออยู่
“เรากำลังเป็นห่วงโซเรียวกับท่านโคจิอยู่พอดี” คัตสึบอก
“โชคดีที่จ่าเรียวตะบอกทางออกด้านหลังสำนักงานตำรวจไว้” โคจิถอนใจ
“ได้ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีมิอุระบ้างมั้ยครับ” เซกิถาม
ริวสบตาโคจิเริ่มมั่นใจ
“ทาคาโอะ มิซาว่า อยู่เบื้องหลังคดียาเสพติดของมิอุระแน่ๆ...วิถีซามูไร ต้องกล้าเผชิญหน้ากับศัตรูและความจริง ผมจะไปพบทาคาโอะด้วยตัวเอง”
“แต่มันเสี่ยงเกินไป”
“มิอุระก็เคยเสี่ยงช่วยโอะนิซึกะจนรอดพ้นคดีมาแล้ว”
“บุญคุณต้องทดแทน แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย”
“ช่วยมิอุระ...ไม่ใช่เรื่องของการตอบแทนบุญคุณอย่างเดียว แต่หมายถึงการเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกใส่ร้าย ในฐานะโซเรียวแห่งโอะนิซึกะ...สายเลือดแห่งซามูไรของพระจักรพรรดิ ผมจะไม่ยอมให้เมืองนี้ตกอยู่ใต้อำนาจมืดของใครเด็ดขาด”
ริวยืนยันด้วยท่าทางมุ่งมั่น โคจิ คัตสึ เซกิ สบตากันเครียด
ไทชิยืนดูแลความเรียบร้อยอยู่หน้าบ้าน มายูมิเดินออกมาในชุดทำงาน โดยมีอายะโกะ
ฟุมิโกะ เดินตามมา
“คุณมายูมิคะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“อย่าเพิ่งไปทำงานเลยนะคะ” ฟุมิโกะขอร้อง
“พี่เซโกะอาจจะยอมทำตามคำสั่งของคุณทาเคชิ โอะนิซึกะโซเรียวคนก่อน แต่คนอย่าง มายูมิ ทากาฮาชิ ไม่มีวันยอมใครค่ะ”
ไทชิเห็นท่าไม่ดี จึงเข้าไปช่วยอธิบาย
“โซเรียวให้คนไปลางานที่โรงพยาบาลแล้วครับ”
“การที่ฉันยอมอยู่ที่นี่ ไม่ได้หมายความว่า ริว โอะนิซึกะ จะมีสิทธิ์บงการชีวิตฉัน”
“โซเรียวทำเพราะเป็นห่วง”
“คนที่นี่คงทำตามคำสั่งกันเป็นอย่างเดียว ถ้างั้น...ฉันขอสั่งให้ไทชิขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
“แต่ว่า...” ไทชิอึ้งๆ
“ถ้าไม่ไป ฉันจะเดินไปเอง”
มายูมิยื่นคำขาด เอาจริง ไทชิลำบากใจ แต่สุดท้ายก็จำยอมก้มศีรษะรับคำสั่งมายูมิ แล้วเดินนำมายูมิไปที่รถ ฟุมิโกะกับอายะโกะมองมายูมิขึ้นรถไปกับไทชิ ฟุมิโกะถอนใจ
“ดื้อเหมือนโซเรียวเลยนะป้า”
อายะโกะมองตามอย่างเหนื่อยใจ
ไนต์คลับมิซาว่า...จุนโกะยืนมองทาคาโอะที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทาคาโอะลุกขึ้น เดินไปข้าง ๆ จุนโกะ มองเรือนร่างจุนโกะอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“ฉันจะส่งเธอไปปรนนิบัติไอ้มาซารุที่บ้านทุกอาทิตย์ เธอต้องทำให้มันหลงใหลไว้ใจ แล้วสืบข่าวสำนักงานตำรวจมาให้ฉัน”
“ทำไมต้องเป็นฉัน”
“เพราะไอ้มาซารุมันหลงใหลเธอ”
“ให้ฉันทำงานอื่นเถอะค่ะ ฉันไม่อยากไป”
“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก”
ทาคาโอะสะบัดมีดพกส่วนตัวออกมา จุนโกะสะดุ้งตกใจ หันหลังจะหนี แต่ถูกนาบุจิกกระชากผมจนหน้าแหงน
“โอ๊ย...”
ทาคาโอะควงมีดพกแกว่งไปมาต่อหน้าจุนโกะ
“ถึงขนาดนี้แล้ว...ยังกล้าปฏิเสธคำสั่งของฉันอีกเหรอ”
ทาคาโอะหันไปพยักหน้า นาบุยิ้มร้ายก้มศีรษะรับรู้ จุนโกะหน้าตื่นตกใจ เริ่มดิ้นรนขัดขืนอีกครั้ง
“ไม่นะ...อย่าทำอะไรฉันนะ ท่านทาคาโอะ...อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันขอร้อง...”
“ฉันจะให้แกร้องจนสมใจเลยนังจุนโกะ” นาบุยิ้มเหี้ยม
จุนโกะดิ้นเต็มแรง แต่โดนนาบุตบจนหน้าหัน ลูกน้องมิซาว่าอีกคนวิ่งเข้ามารายงานทาคาโอะอย่างร้อนรน
“โอะนิซึกะโซเรียวมาครับ”
“ไอ้ริว” ทาคาโอะไม่พอใจ
โถงใหญ่ในไนต์คลับมิซาว่า...ริวกับโคจิยืนนิ่งมองรูปริกิกับซาโตชิที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางโถงใหญ่ ริวหันมองไปยังหน้าต่างบานต่างๆ ทีละบาน ภายในโถงใหญ่ไนท์คลับนั้น หน้าต่างทุกบานมีลูกน้องมิซาว่าถือปืนจ้องเขาอยู่หลายคน ริวจ้องไปที่หน้าต่างทุกบาน สังเกตมองอะไรบางอย่าง เสียงทาคาโอะดังขึ้น
“นึกไม่ถึงว่าโอะนิซึกะโซเรียวจะกล้ามาเหยียบถิ่นมิซาว่า”
ทาคาโอะและลูกน้องมิซาว่าเข้ามาทางด้านหลัง ริวกับโคจิหันหลังกลับไปพร้อมกัน ริวก้าวเข้าไปยืนประจันหน้ากับทาคาโอะ นิ่ง มีมาด ไม่เกรงกลัว
“มิซาว่าไม่มีอะไรที่คนอย่างฉันต้องกลัว”
ทาคาโอะจ้องริวเขม็ง สายตาดุ
จุนโกะถูกนาบุและลูกน้องฉุดกระชากลากตัวเข้ามาในห้องลับ
“อย่าทำอะไรฉันเลย...ฉันกลัวแล้ว”
“กลัวแล้วยังกล้าขัดคำสั่ง”
นาบุฟาดฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าจุนโกะจนกระเด็นไปทางหนึ่ง
“โอ๊ย”
“ถ้าแกไม่มีประโยชน์กับมิซาว่า ป่านนี้ฉันเชือดคอแกไปแล้ว”
จุนโกะนอนกองหมดแรงอยู่กับพื้น น้ำตานองหน้า ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ทาคาโอะตวาดถามริวอย่างไม่รีรอ
“อย่าอ้อมค้อม ต้องการอะไรก็ว่ามา”
“เลิกยุ่งกับผู้หญิงของฉัน เลิกสร้างความวุ่นวายให้เมืองนี้ซะที”
ทาคาโอะหัวเราะร่วน ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
“จู่ๆ ก็บุกเข้ามากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน ไม่สมศักดิ์ศรีโซเรียวผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอะนิซึกะเลย”
“กล้าเผชิญหน้ากับศัตรู ถือเป็นการให้เกียรติของนักรบซามุไร โอะนิซึกะไม่ใช้วิธีลอบกัดอย่างไร้ยางอายเหมือนใครบางคน”
สายตาทาคาโอะกระตุกไม่พอใจ โคจิพูดขึ้น
“โอะนิซึกะกับมิซาว่าต่างก็เป็นนักรบแห่งจักรพรรดิ เราควรต่างคนต่างอยู่ ดำเนินธุรกิจโดยไม่ก่อกวนกัน”
“ความสัมพันธ์ระหว่างโอะนิซึกะกับมิซาว่า ตายไปพร้อมกับพ่อริกิเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ฉันไม่มีวันอ่อนข้อให้โอะนิซึกะเหมือนที่พ่อฉันเคยทำ”
“เพียงเพราะต้องการอำนาจและความยิ่งใหญ่ ริกิบงการฆ่าทุกคนในครอบครัวโอะนิซึกะ สิ่งที่เกิดกับมิซาว่าเมื่อเจ็ดปีที่แล้วเหมาะสมแล้ว เราต่างก็สูญเสียเหมือนกัน ทำไมไม่หยุดซะที”
“ไม่ ฉันจะไม่หยุด จนกว่าจะได้เลือดของโอะนิซึกะโซเรียวคนปัจจุบันมาล้างป้ายวิญญาณของพ่อฉัน กล้าบ้าบิ่นมากที่กล้าเข้ามาเหยียบถึงรังมิซาว่า ลาก่อน...ความกล้าทำให้แกต้องตาย”
ทาคาโอะสบตาลูกน้องมิซาว่าพยักหน้าส่งสัญญาณให้รุมเข้ามา ริวหันขวับเห็น
“ถ้าคิดจะใช้วิธีสกปรกกับโอะนิซึกะ...มันไม่ง่ายอย่างที่แกคิด”
คัตสึกับเซกิ ซุ่มเล็งปืนไรเฟิลเก็บเสียง ติดกล้องอยู่บนตึกด้านตรงข้ามไนท์คลับเล็งปืนทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามาในไนท์คลับมิซาว่า เตรียมพร้อม
ริวกำมือแล้วตวัดแขนยกขึ้นเหมือนส่งสัญญาณ ทันทีที่ได้สัญญาณจากริว คัตสึกับเซกิ กระแทกนิ้วลงที่ไกปืนไรเฟิลเก็บเสียงส่งกระสุนออกไปทันที...ลูกน้องมิซาว่าที่กำลังจะบุกเข้าหาริวกับโคจิ ต่างโดนยิงใส่ขาบ้างแขนบ้าง ล้มกันระนาวเข้ามาทำอันตรายริวกับโคจิไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว แต่ละคนไม่ถึงกับตาย แต่บาดเจ็บจนทำอะไรไม่ได้ ลูกน้องคนหนึ่งหลุดออกมาได้ ตรงเข้ามาหา ริววาดลวดลายต่อสู้ด้วยมือเปล่า ลูกน้องคว่ำไป สลบเหมือด ลูกน้องอีกคนหนึ่งบุกรอดเข้ามาได้ โคจิซัดด้วยมือเปล่าครั้งเดียว ลูกน้องคนนั้นตัวลอยคว้างไปชนกำแพงสลบไปเช่นกัน
“โอะนิซึกะไม่เคยประมาทศัตรู และไม่เคยทำร้ายใครก่อน ถ้าไม่จำเป็น” โคจิคำราม
“มิซาว่าไม่เคยด้อยกว่าโอะนิซึกะ...วันนี้คือวันตายของแกไอ้ริว” ทาคาโอะโกรธ
“ถ้าไม่หยุดก้าวร้าว...แกโดนหนักแบบไม่คาดไม่ถึงแน่ๆ” ริวจ้องหน้า
ลูกน้องโอะนิซึกะพร้อมอาวุธครบมือรายล้อมอยู่โดยรอบไนต์คลับ ตรงเข้าเล่นงานลูกน้องมิซาว่าที่อยู่รอบๆ ไนท์คลับ หมอบราบไปทั้งหมด ไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียว ลูกน้องโอะนิซึกะกระชับปืนในมือ เตรียมพร้อมจะบุกเข้ามาภายในทุกเมื่อ
“คนของโอะนิซึกะพร้อมอาวุธครบมือ เตรียมจะถล่มไนต์คลับนี้...ทันทีที่ได้รับสัญญาณจากฉัน” ริวพูดนิ่งๆ
ทาคาโอะพยักเพยิดให้ลูกน้องวิ่งไปตรวจดูเพื่อความแน่ใจ ลูกน้อง วิ่งไปมองเปิดหน้าต่าง เปิดประตูมองออกไปตกใจ รีบกลับมารายงานทาคาโอะ
“คนของโอะนิซึกะปิดล้อมอยู่ด้านนอกเต็มไปหมดเลยครับ”
ทาคาโอะยังนิ่งรักษามาด ขบกรามแน่นเป็นสันนูน จ้องมองริวที่หน้าตาจริงจังมาก
“ฉันมั่นใจ...แกอยู่เบื้องหลังในทุกๆ เรื่อง ทั้งทำร้ายฉันกับผู้หญิงของฉัน ใส่ร้ายให้ฉันเป็นฆาตกรฆ่าท่านโอะซะมุ จัดฉากให้มิอุระค้ายาเสพติด”
“พูดจาเลื่อนลอย ระวังจะโดนข้อหาหมิ่นประมาท” ทาคาโอะยังเถียง
“มิซาว่าโซเรียวมีสิทธิเลือกด้วยตัวเอง หยุดการกระทำชั่วทุกอย่าง ต่างคนต่างอยู่หรือจะจบสิ้นวันนี้”
ริวกับทาคาโอะจ้องมองกันด้วยสายตาเชือดเฉือน ไม่ยอมแพ้กัน
ในห้องลับ...นาบุปรี่เข้าไปกระชากตัวจุนโกะกองอยู่กับพื้นขึ้นมา
“คราวนี้...ฉันจะทำให้แกเจ็บปวดจนไม่กล้าขัดคำสั่งนายอีก”
นาบุหัวเราะก่อนจะหันไปพยักหน้ากับลูกน้องซึ่งยืนอยู่ไม่ห่าง จุนโกะตื่นตระหนก รับรู้ถึงภัยที่กำลังจะมาถึงตัว
“อย่านะ ไม่เอาแล้ว...ฉันไม่อยากได้มันอีกแล้ว”
ลูกน้องถือเข็มฉีดยาเข้ามาหา จุนโกะหวาดกลัวมาก ตัดสินใจรวบรวมความกล้า กัดเข้าที่แขนนาบุอย่างแรง นาบุร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
“อ๊าก”
จุนโกะยกขาถีบลูกน้องสุดแรงจนเสียหลักล้มลง อาศัยจังหวะนั้น รีบหนีออกไปจากห้องทันที
“นังจุนโกะ...หยุดนะ”
นาบุพยายามลุกตามไปอย่างทุลักทุเล
ริวกับโคจิ ท่าทางนิ่งขรึม เดินออกจากไนต์คลับมิซาว่า ทาคาโอะจ้องมองด้วยสายตาไม่พอใจแต่ทำอะไรริวไม่ได้ จุนโกะวิ่งหน้าตื่นหนีนาบุออกมาอีกทาง จู่ ๆ ก็สะดุดขาตัวเองล้มลงตรงหน้าริวพอดี
“โอ๊ย...”
ริวรีบเข้าไปช่วยประคองจุนโกะลุกขึ้นมา
“เป็นอะไรรึเปล่า”
จุนโกะเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าริวชัดเจน ตกใจ
“โอะนิซึกะโซเรียว”
ทาคาโอะเข้ามากระชากข้อมือจุนโกะออกจากริวอย่างรวดเร็ว
“รีบกลับไปซะ อย่ายุ่งกับคนของฉัน”
ทาคาโอะหน้าตาเย็นยะเยือก แต่สายตาหลุกหลิกเหมือนปิดบังอะไรบางอย่าง จนริวสังเกตเห็น นาบุกับลูกน้องตามมาถึง
“นังตัวแสบ” นาบุจึงเงื้อมือตบจุนโกะจนล้มคว่ำ
“ว้าย...” จุนโกะร้องลั่น
“ทำไมต้องทำร้ายผู้หญิง” ริวไม่พอใจ
“ไม่ใช่ธุระของโอะนิซึกะ” ทาคาโอะสั่งนาบุเสียงเขียว “ลากตัวนังจุนโกะกลับเข้าไปเร็ว”
“ครับ”
นาบุกับลูกน้องมิซาว่าฉุดกระชากลากตัวจุนโกะออกไป
“ปล่อยฉัน...ปล่อย”
จุนโกะมองริว แววตาของเธอเหมือนความลับบางอย่างซ่อนอยู่ จนริวรู้สึกแปลกใจ ทาคาโอะก้าวมายืนขวางระยะสายตาของริวกับจุนโกะท่าทางมีพิรุธ โคจิพยักเพยิดเตือนให้ริวรีบออกไป ริวจำต้องเดินตามโคจิออกไปด้วยความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ ทาคาโอะผ่อนลมหายใจแรง เครียดเรื่องที่ริวเจอจุนโกะเมื่อครู่
จุนโกะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และทรมานมาก
“อ๊าย...”
นาบุดึงเข็มฉีดยาออกจากแขนจุนโกะ ยิ้มเหี้ยม สะใจ จุนโกะเมายา หมดสติลงไปกองกับพื้น
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 5 (ต่อ)
บริเวณหน้าไนต์คลับมิซาว่า...ริวหันมาสั่งการโคจิทันที
“สั่งให้คนของเราสืบหาที่อยู่ของผู้หญิงที่ชื่อจุนโกะ ว่าพักอยู่ที่ไหน ผู้หญิงคนนี้เกี่ยวข้องกับทาคาโอะยังไง จากสายตาและท่าทางของทาคาโอะ จุนโกะมีความสำคัญอะไรบางอย่างกับมิซาว่าแน่ๆ”
โคจิสั่งเซกิ
“ส่งคนคอยติดตามความเคลื่อนไหวที่นี่ พวกมันเอาตัวจุนโกะออกมาเมื่อไหร่ ตามไปให้รู้ว่าจุนโกะอยู่ที่ไหน”
“ครับ” เซกิรับคำ
ห้องพักแพทย์ในโรงพยาบาล...มายูมิเดินเข้ามาทอดถอนใจหน้าเครียดและไม่สบายใจมาก นานะเห็นท่าทางมายูมิ พลอยเหนื่อยใจไปด้วย
“ท่าทางเธอยังเพลีย ๆ น่าจะนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านก่อน”
“ฉันไม่อยากอยู่บ้านโอะนิซึกะ”
“ก็เลยหาข้ออ้างมาทำงาน ทั้งที่ร่างกายยังไม่พร้อมเนี่ยนะ”
นานะมองมายูมิอย่างเหนื่อยใจ
“มายูมิ...เธอควรจะเปิดใจ ยอมรับสิ่งดี ๆ ที่คุณริวทำให้เธอได้แล้ว”
“หายไป 7 ปี จู่ ๆ ก็กลับมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ วางแผนรวบรัดให้อยู่ด้วยโดยที่ฉันไม่เต็มใจ นี่เหรอ...สิ่งดี ๆ ที่ ริว โอะนิซึกะ ทำให้ฉัน”
“อดีต 7 ปีที่เจ็บปวดมันผ่านไปแล้ว มีแต่ปัจจุบันที่คุณริวพยายามทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิดพลาด ทำไมเธอไม่มองความสุขในปัจจุบันบ้างล่ะ”
“ฉันไม่มีความสุข ฉันไม่อยากอยู่กับ ริว โอะนิซึกะ”
นานะจ้องหน้ามายูมิแล้วเน้นย้ำ
“ฉันรู้จักเธอดีมายูมิ มันไม่ใช่เพราะหน้าที่ของว่าที่คู่หมั้นที่ทำให้เธอปฏิเสธคุณริวไม่ได้...แต่เป็นเพราะ หัวใจ ใจเธอ...มีแค่ ริว โอะนิซึกะ”
นานะพูดตรงรู้ใจ มายูมิไม่พอใจ จะลุกหนี แต่ถูกนานะคว้าแขนรั้งไว้
“คนเราถ้าไม่มีรู้สึกดีๆ...ก็คงไม่เจ็บปวด ยอมรับเถอะมายูมิ เธอรักคุณริว”
มายูมิสะบัดแขนหลุดจากนานะ แล้วรีบเดินออกไปทันที
สวนสวยบริเวณโรงพยาบาล...มายูมิมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้วยความสับสน ภาพใบหน้ายิ้มแย้ม ทะลึ่งทะเล้น กวน ๆ ของริวหลายเหตุการณ์ ผุดขึ้นในความคิดมายูมิ มายูมิ ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นภายใจออกมา
“ไม่จริง ฉันเกลียดริว โอะนิซึกะ...ฉันเกลียดผู้ชายหลอกลวง ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเค้าเด็ดขาด”
มายูมิยังคงเจ็บปวด ไม่ยอมให้อภัยริว
อาคิโกะนั่งจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่นอยู่ตามลำพังอยู่ที่ห้องโถง ท่าทางของเธอนิ่ง สง่างาม และมีสมาธิ อาคิโกะปักดอกไม้ กิ่งก้าน ใบไม้ ลงไปในแจกันอย่างประณีต ดอกไม้ในแจกันสวยงามและเป็นธรรมชาติมาก
อาคิโกะหันไปหยิบดอกกุหลาบสีแดงสดขึ้นมาหนึ่งดอก กำลังจะปักลงในแจกัน แต่บังเอิญถูกหนามกุหลาบตำนิ้วเสียก่อน เธอมองเลือดที่ซึมออกมาจากนิ้ว นึกถึงอดีต
ในอดีต...อาคิโกะจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น โดยมีไทชิคอยตัดแต่งกิ่ง ก้าน ใบ ดอกไม้ ยื่นให้ ไทชิหยิบดอกกุหลาบสีแดงสดขึ้นมา ยิ้มให้
“กุหลาบแดง...หมายถึงรักที่อมตะไม่มีวันตาย แต่หนามแหลมคมของมันสามารถทำร้ายเราให้เจ็บปวด”
“เพ้อเจ้ออะไรของเธอ...ไทชิ”
“ในหนังสือนิทานดอกไม้ เปรียบกุหลาบเหมือนความรัก...นอกจากเราจะมีความสุขที่ได้รักหรือถูกรักแล้ว เราอาจจะเจ็บปวดจากรักที่ไม่สมหวังได้เช่นกัน”
อาคิโกะมองกุหลาบในมือไทชิอย่างครุ่นคิดตาม โดยไม่รู้ตัวว่าคนที่ถือดอกกุหลาบนั้น กำลังลอบมองเธออย่างหลงรัก
อาคิโกะยังคงนิ่งมองเลือดที่ซึมจากนิ้วตัวเอง ก่อนบีบนิ้วที่ถูกหนามกุหลาบตำจนมือสั่น เห็นเลือดซึมออกมามากกว่าเดิม
“เจ็บปวดจากรักที่ไม่สมหวัง”
จู่ ๆ อาคิโกะก็ปัดดอกไม้ แจกัน และอุปกรณ์ทุกอย่างตรงหน้ากระจัดกระจาย อารมณ์ที่เดือดพล่านภายในถูกระบายออกมาทันที
“ฉันจะฝึกงานบ้านงานเรือนไปทำไม ฉันทำทุกอย่างนี้เพื่อใคร ในเมื่อริว โอะนิซึกะ ผู้ชายที่ฉันรักกำลังจะแต่งงานกับคนอื่น”
อาคิโกะเหวี่ยงข้าวของตรงหน้าจนเหนื่อยหอบ
“นังมายูมิ...แกแย่งริวไปจากฉัน”
อาคิโกะแววตาแค้น อาฆาต
สวนสาธารณะร่มรื่น...มายูมิเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ มองบรรยากาศรอบตัว พยายามผ่อนคลายให้มากยิ่งขึ้น เสียงอาคิโกะดังขึ้น
“คุณหมอมายูมิคะ”
มายูมิชะงัก หันไปเห็นอาคิโกะเข้ามา
“คุณอาคิโกะ”
อาคิโกะยิ้มแย้มก้มศีรษะทักทาย มายูมิก้มศีรษะรับนิ่ง ๆ
“ฉันไปหาคุณหมอมายูมิที่โรงพยาบาล แต่พยาบาลบอกว่าคุณหมอออกมาเดินเล่นแถวนี้”
“มีธุระกับฉันเหรอคะ”
อาคิโกะยิ้มใส ยังไม่ยอมบอกมายูมิ
ม้านั่งในสวนสาธารณะอีกมุมหนึ่ง อาคิโกะนั่งรอมายูมิแล้วภาพในสำนึกของเธอก็ปรากฏขึ้นในห้วงคำนึง...มายูมินั่งลง
“ริว โอะนิซึกะ เป็นคนรักของฉัน แกไม่มีสิทธิมาแย่งเขาไปจากฉัน”
มายูมิอึ้ง ตกใจมาก
“ไม่จริง...ฉันไม่ได้แย่ง”
“นี่ไงความจริง”
อาคิโกะเงื้อมือตบหน้ามายูมิอย่างแรง ก่อนจะพุ่งเข้าไปจิกกระชากผมมายูมิอย่างเกรี้ยวกราด มายูมิตกใจพยายามปัดป้องตัวเองให้หลุด อาคิโกะยังคงตบตีทำร้ายมายูมิ
“นังหน้าด้าน แกแย่งผู้ชายของฉัน”
“ฉันไม่เคยแย่งริวมาจากใคร ริวมาหาฉันเอง”
“หน้าด้าน ฉันจะฆ่าแก นังมายูมิ”
อาคิโกะตบมายูมิ แล้วเข้าไปบีบคอ เขย่าด้วยความโมโห หมายจะเอาให้ตาย
“จำไว้...ริวเป็นของฉัน แกไม่มีสิทธิมาแย่ง”
อาคิโกะเหวี่ยงมายูมิเต็มแรง ตบลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
“คุณอาคิโกะคะ” เสียงมายูมิดังขึ้น
มายูมินั่งลงเรียกสติอาคิโกะที่นั่งคิดอะไรบางอย่าง สีหน้าอาคิโกะเครียดมาก
“คุณอาคิโกะ”
“คะ”
อาคิโกะรู้สึกตัว สีหน้าเหรอหรามองมายูมิ
“ฉันเรียกคุณตั้งนาน เป็นอะไรรึเปล่า”
“ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ พอดีฉันเผลอคิดเรื่องงาน”
“คุณบอกว่าจะคุยกับฉัน”
“อ๋อ ค่ะ ๆ”
อาคิโกะรีบเอาถุงผ้ากำมะหยี่สีสวยหวานยื่นให้มายูมิ
“ของขวัญสำหรับคุณหมอมายูมิค่ะ”
“ให้ฉัน”
มายูมิมองถุงผ้ากำมะหยี่อย่างแปลกใจ ยังไม่รับ
“วันก่อนคุณหมอช่วยสั่งยาแก้ปวดให้ริว และยังแนะนำเรื่องอาหารสำหรับริวอีกตั้งหลายเรื่อง ฉันเลยอยากมอบของขวัญชิ้นนี้เพื่อเป็นการขอบคุณ คุณหมอ”
อาคิโกะวางถุงผ้ากำมะหยี่ในมือ มายูมิอิดออดเกรงใจ
“แต่ฉัน...”
“ถ้าคุณหมอไม่รับ ฉันคงไม่สบายใจที่ไม่ได้ตอบแทนคุณหมอบ้าง” อาคิโกะก้มศีรษะขอร้อง “กรุณารับไว้เถอะนะคะ”
มายูมิมองถุงผ้ากำมะหยี่ในมืออย่างชั่งใจ ก่อนพยักหน้ายินยอมรับไว้ และเปิดถุงผ้ากำมะหยี่ หยิบเข็มกลัดรูปผีเสื้อ สวย หรู ที่อยู่ข้างในออกมาดู
“เข็มกลัดรูปผีเสื้อ”
“คุณหมอมายูมิงดงาม...เบิกบานเหมือนดอกไม้ น่าจะมีผีเสื้อสักตัวมาเป็นคู่ ผีเสื้อ...ที่คู่ควรกับดอกไม้”
“สวยมาก...ขอบคุณมากนะคะ”
อาคิโกะเน้นย้ำ
“ริวช่วยเลือกให้ค่ะ ฉันจะไปบอกริวให้นะคะ...ว่าคุณหมอชอบ”
มายูมิแทบสะอึก อึ้งไปทันที อาคิโกะทำเป็นไม่เห็นท่าทางมายูมิแสร้งยิ้มแย้มเอาใจ
“ฉันช่วยติดเข็มกลัดให้คุณหมอนะคะ”
อาคิโกะเอาเข็มกลัดรูปผีเสื้อมาเปิดปลาย จัดแจงจะติดเสื้อให้มายูมิ อาคิโกะสายตาร้ายลึก เจ้าเล่ห์
หน้าห้องพักแพทย์...นานะนิ่งคิด ก่อนบอกไทชิ
“หมอมายูมิไปเดินเล่นที่สวนหลังโรงพยาบาลค่ะ คุณไทชิมีอะไรเหรอคะ”
“ผมต้องคอยดูแลความปลอดภัยให้คุณมายูมิตามหน้าที่ครับ”
ไทชิก้มศีรษะขอบคุณนานะ แล้วรีบผละออกไป
อาคิโกะลอบมองมายูมิด้วยแววตาเจ็บแค้นใจ โดยที่มายูมิไม่รู้ตัว ปลายเข็มกลัดถูกทิ่มเข้าเสื้อมายูมิ อาคิโกะจงใจใช้ปลายแหลมของเข็มกลัดแทงเข้าที่นิ้วตัวเองเต็ม ๆ
“อุ๊ย”
มายูมิตกใจ เห็นนิ้วอาคิโกะมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย
“เลือด...เจ็บมากมั้ยคะ”
“ฉันชินแล้วค่ะ”
มายูมิรู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดของอาคิโกะ แต่ก็รีบเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาช่วยซับเลือดที่นิ้วให้ อาคิโกะยังคงปั้นหน้ายิ้ม วางเข็มกลัดไว้ในมือมายูมิ
“ภายใต้ความสวยงาม มักแอบซ่อนอันตรายที่คาดไม่ถึงไว้เสมอ ฉันลืมนึกถึงอันตรายจากของสวยงาม ก็เลยเจ็บตัวอย่างนี้”
“กลับไปล้างแผลเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเป็นบาดทะยัก”
มายูมิแนะนำด้วยความเป็นห่วง แต่อาคิโกะกลับนิ่งเงียบไปมายูมิแปลกใจ
“คุณอาคิโกะเป็นอะไรคะ”
อาคิโกะเงยหน้าขึ้นมองมายูมิ หน้าตาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ไม่สบายใจ
“มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยค่ะ”
“อะไรเหรอคะ”
“ริวสั่งห้ามไม่ให้ฉันไปบ้านโอะนิซึกะ แต่กลับมาหาฉันที่บ้านตอนดึก ๆ เหมือนแอบหลบใครมา”
มายูมิหยั่งเชิงถาม
“ใครที่คุณอาคิโกะพูดถึง หมายถึงใครคะ”
“เอ้อ...ฉันแค่พูดเดาค่ะเพราะไม่กล้าถาม กลัวเขาจะไม่สบายใจ ถ้าเป็นผู้ชายอื่น ฉันคงคิดว่าตัวเองถูกนอกใจ แต่นี่เป็นริว คนที่รักเดียวใจเดียว เอ่ยปากว่า รัก ฉันอยู่ทุกวัน เขาต้องไม่ทำร้ายจิตใจฉันแน่ๆ”
มายูมิอึกอักเหมือนคนน้ำท่วมปาก ละอายใจต่ออาคิโกะ
“บางทีช่วงนี้บ้านโอะนิซึกะอาจจะไม่ปลอดภัย ริวก็เลยเป็นห่วงฉัน ไม่อยากให้ฉันได้รับอันตรายก็ได้”
อาคิโกะแสร้งตื่นตระหนกเอง
“ถ้าเป็นอย่างที่ฉันคิด...แสดงว่าริวก็กำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันเป็นห่วงริวจังเลยค่ะคุณหมอ ฉันควรทำยังไงดี หรือฉันจะขอให้ริวย้ายมาอยู่ที่กับฉันที่บ้านสักพัก”
“อาจไม่มีเรื่องร้ายแรงอย่างที่คุณคิดก็ได้”
“ฉันก็หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” อาคิโกะตั้งใจบอกมายูมิ “ฉันรักริวมากนะคะ เราเป็นเหมือนเลือดเนื้อและวิญญาณซึ่งกันและกัน ฉันคงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีริว”
มายูมินิ่งงัน พูดไม่ออก รู้สึกผิดต่ออาคิโกะเป็นอย่างมาก
อาคิโกะมองผ้าเช็ดหน้าของมายูมิที่พันนิ้วตัวเอง ขณะเดินมาด้วยกัน
“ฉันนี่แย่จริง ๆ ตั้งใจเอาของขวัญมาขอบคุณ แต่กลับเอาเรื่องไม่สบายใจมาเล่าให้คุณหมอฟัง”
“ฉันยินดีรับฟังความทุกข์ของคุณทุกเรื่องค่ะ”
จู่ ๆ อาคิโกะก็โผเข้ากอด โดยที่มายูมิไม่ทันตั้งตัว พูดเสียงซาบซึ้ง
“ขอบคุณสำหรับำใจที่งดงามของคุณหมอยิ่งรู้จัก ฉันยิ่งสบายใจที่ได้คุยกับคุณหมอ คุณหมอคือเพื่อนแท้ของฉันค่ะ”
อาคิโกะคลายกอดจากมายูมิ ยิ้มหวานให้
“ถ้ามีโอกาส ไปทานข้าวที่บ้านฉันบ้างสิคะ ฉันจะทำอาหารเมนูโปรดของริวให้คุณหมอทาน”
มายูมิยิ้มเจื่อน ไม่ได้รับปาก อาคิโกะหันไปเห็นไทชิเดินมองหาใครอยู่ ไกลจากมุมที่เธออยู่กับมายูมิเล็กน้อย อาคิโกะทำเหมือนเพิ่งนึกได้
“ฉันมีคิวงานตอนเย็น คงต้องขอตัวกลับก่อน”
“ขอบคุณสำหรับของขวัญอีกครั้งค่ะ”
“มันเล็กน้อยมาก ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณหมอทำให้ฉัน”
อาคิโกะโค้งตัวลามายูมิ แล้วรีบไปทันที ไทชิเดินเข้ามาทำความเคารพมายูมิคลาดกันกับอาคิโกะเพียงเสี้ยววินาที ไทชิไม่เห็นอาคิโกะ
“ออกเวรแล้ว...จะกลับบ้านเลยมั้ยครับ”
มายูมิพยักหน้านิ่ง ๆ เดินนำไทชิไปพร้อมกับความคิดที่สับสน ว้าวุ่นใจ อาคิโกะก้าวออกมาจากหลังต้นไม้ที่ซ่อนตัว มองตามมายูมิเขม็ง
“สงครามของเรากำลังเริ่มต้น...นังมายูมิ”
อาคิโกะทิ้งผ้าเช็ดหน้าของมายูมิลงกับพื้น ใช้เท้าเหยียบ บดขยี้ผ้าเช็ดหน้า เน้น ๆ ด้วยความแค้นและเกลียดชัง
มายูมิเดินตามไทชิมาที่รถ มายูมิก้มมองเข็มกลัดรูปผีเสื้อในมือ นึกถึงคำพูดของอาคิโกะ
“ริวช่วยเลือกให้ค่ะ ฉันจะไปบอกริวให้นะคะว่าคุณหมอชอบ”
มายูมิมองเข็มกลัดด้วยความสับสน
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 5 (ต่อ)
ริว โคจิ คัตสึ เซกิ ซุ่มมองลูกน้องมิซาว่าที่เฝ้าอยู่หน้าห้องพักจุนโกะ
“ผมกับเซกิแอบสะกดรอยตามพวกมิซาว่า จนรู้ว่าจุนโกะถูกพาตัวมาไว้ที่นี่” คัตสึกระซิบบอก
“พวกมิซาว่าไม่อยู่แล้ว เราบุกเข้าไปเลยมั้ยครับ” เซกิหันมาถามริว
“ทุกคนรอฉันอยู่แถวนี้แหละ ฉันจะเข้าไปคนเดียว” ริวบอกน้ำเสียงจริงจัง
“แน่ใจเหรอครับ” โคจิขัดขึ้น
“ความจริงใจของโอะนิซึกะเท่านั้น ที่จะเอาชนะความกลัวมิซาว่าในจิตใจของจุนโกะ ผมต้องการให้ผู้หญิงคนนี้รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ข้างเรา”
ริวพยักหน้ายืนยัน ก่อนกำชับทุกคน
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ต้องบุกเข้าไปช่วย ผมไม่ต้องการให้มิซาว่าไหวตัวทัน”
โคจิ คัตสึ เซกิ ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่จำต้องก้มศีรษะรับคำ ริวมองรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ก่อนแยกตัวไป
ริวเข้ามาในห้องจุนโกะ และปิดล็อกประตูด้านในอย่างรวดเร็ว เงียบมาก จุนโกะนอนคว่ำไม่ได้สติอยู่มุมหนึ่งของห้อง ริวรีบเดินเข้าไปหา ค่อย ๆ พลิกร่างเธอขึ้นมาเผยให้เห็นสภาพร่างกายของเธอเขียวช้ำ มีบาดแผลเต็มไปหมดทั้งตัว
“พวกมิซาว่าทำร้ายเธอขนาดนี้เลยเหรอ”
ริวมองจุนโกะด้วยความสงสาร ใช้มือข้างหนึ่งแตะใบหน้าเรียกจุนโกะเบา ๆ หลายครั้ง
“จุนโกะ...”
จุนโกะยังคงนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว ริวหันมองรอบห้อง คิดหาวิธีทำให้เธอฟื้น
คัตสึกับเซกิ คอยมองเข้าไปในห้องพักจุนโกะ เป็นห่วงริว
“เงียบกริบ...โซเรียวจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” คัตสึบ่นอย่างเป็นห่วง
“ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องด้วยกันสองคน ฉันว่า...”
เซกิเอานิ้วชี้ตัวเองมาจิ้มกันจึ๋ง ๆ เขินเองไม่กล้าพูด เสียงกระแอมของโคจิดังขึ้น คัตสึกับเซกิ หันไปเห็นสีหน้าถมึงทึงของโคจิ แล้วชะงัก
“แหะ ๆ นิสัยไม่ดีครับ นี่แน่ะ”
คัตสึหันไปตบปากเซกิเพี้ยะ จนเซกิสะดุ้ง
“ตบปากฉันทำไม”
“ก็ปากแกเสีย ปากไม่มีหูรูด พูดให้โซเรียวเสียเกียรติอยากโดนฉันตบปากหรืออยากคว้านท้องตัวเองก็เลือกเอา”
“จะเงียบได้รึยัง” โคจิดุเสียงเย็น
คัตสึกับเซกิ จึงค่อย ๆ ย่อตัวนั่งลง เหมือนจะสลด แต่ก็แอบซุบซิบคุยกันจุ๊กจิ๊ก จนโคจิส่ายหน้าระอา
ริวบิดน้ำจากผ้าขนหนูผืนเล็กลงในชามกระเบื้องใช้ผ้าผ้าขนหนูเปียกหมาด ๆ เช็ดหน้า คอ และแขนให้จุนโกะอย่างแผ่วเบา เขามองร่องรอยบอบช้ำตามใบหน้า คอ แขน ของเธอด้วยความสงสาร
“อะไรทำให้มิซาว่าต้องโหดร้ายกับเธออย่างนี้”
สักพักจุนโกะเริ่มรู้สึกตัว พยายามลืมตาอย่างยากลำบาก ผวายันตัวเองลุกขึ้น หวาดกลัว ไม่ทันมองว่าริวเป็นใคร
“อย่านะ...อย่าทำอะไรฉัน ฉันกลัวแล้ว”
“ไม่ต้องกลัวฉันไม่ทำร้ายเธอหรอก”
จุนโกะถอยกรูด...ริวเข้าไปหาพยายามอธิบาย แต่จุนโกะอยู่ในอาการผวา เพราะยังเบลอยา
“อย่าเข้ามา...อย่าทำร้ายฉัน...อย่า”
จุนโกะเริ่มกรีดร้อง ยกมือปัดป้องพัลวัน ริวตัดสินใจเข้าไปกอดไว้แน่น แม้จเธอจะพยายามดิ้นรนขัดขืน
“ใจเย็น ๆ ตั้งสติฟังฉัน...ฉันมาช่วยเธอ”
“ฮือ...ฉันกลัวแล้ว ฉันกลัวแล้ว...”
ริวสงสารจุนโกะจับใจ จึงกอดไว้แน่น หวังให้ความปรารถนาดีของเขาส่งผ่านไปยังผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้
“ไม่ต้องกลัว...ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายเธอ”
ริวพูดอย่างนิ่มนวล ลูบหลังจุนโกะแผ่วเบา หวังให้เธอคลายความกลัวลง จุนโกะสะอื้นไห้ ร้องไห้จนตัวโยนในอ้อมกอดริวท่าทางเริ่มอ่อนลง
ในซอยแห่งหนึ่ง ลูกน้องมิซาว่าเดินกลับมาที่รถ พร้อมอาหารเบนโตะกล่องหนึ่งท่าทางหัวเสีย คุยกับลูกน้องอีกคน
“ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเอาใจนังจุนโกะด้วย”
“ท่านทาคาโอะไม่ต้องการให้มันตาย เราต้องใช้มันอีกเยอะ รีบเอาอาหารไปให้มันเถอะ”
รถมิซาว่าแล่นออกไป
จุนโกะเริ่มมีสติดีขึ้น ไม่หวาดผวาแล้ว เธอขยับตัวอย่างงุนงง ที่เห็นตัวเองอยู่ในอ้อมกอดริว
“ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
ริวคลายกอด ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร จุนโกะมองริวอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ มีท่าทางระแวงเล็กน้อย
“ขอบคุณค่ะ...โอะนิซึกะโซเรียว”
“เธอรู้จักฉันได้ยังไง”
“ไม่มีใครไม่รู้จักศัตรูของมิซาว่า”
“แล้วพันธมิตรของมิซาว่าล่ะ เธอรู้จักมั้ย”
จุนโกะชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนเลี่ยงสายตาริว ไม่ยอมพูดอะไร ริวสังเกตเห็นท่าทางพิรุธของเธอ
“ความจริงเธอก็ภักดีกับมิซาว่ามาก แล้วทำไมทาคาโอะถึงลงโทษเธอรุนแรงขนาดนี้”
“ผู้หญิงอย่างฉัน ไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนักหรอกค่ะ”
“ทุกคนมีทางเลือกทั้งนั้น เลือกจะทำสิ่งที่ผิดหรือสิ่งที่ถูกต้องให้กับชีวิตตัวเอง”
“คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
“ความลับของมิซาว่าที่เธอรู้ ความลับที่จะช่วยคลี่คลายอะไรหลายอย่างให้กับเมืองนี้”
จุนโกะพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าตกใจของตัวเองให้เป็นปกติ
“ฉันเป็นแค่ลูกจ้าง ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“ทำไมต้องหลบสายตาฉันตลอดเวลา เธอโกหกฉันไม่ได้หรอกจุนโกะ”
จุนโกะกลบอาการตื่นกลัวบนสีหน้าไม่ได้ แต่ยังเงียบไปเอ่ยปากพูดอะไร
ลูกน้องมิซาว่าขับรถเข้ามาจอด บริเวณหน้าห้องพักจุนโกะ คัตสึเห็นรีบบอกโคจิ
“พวกมันกลับมาแล้ว”
“เอาไงดีครับท่านโคจิ” เซกิกังวลใจ
“ก็แค่ลูกน้องสองคน...ให้เวลาอีกสักนิด ฉันมั่นใจว่าโซเรียวเอาตัวรอดได้”
โคจิบอกอย่างเชื่อมั่น ลูกน้องมิซาว่ากำลังขึ้นมายังห้องพักจุนโกะ
ริวพยายามหว่านล้อม
“ถ้าเป็นคนของโอะนิซึกะ เธอจะไม่ได้เป็นแค่ลูกจ้าง แต่เธอจะเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวโอะนิซึกะ จะไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีก”
“คุณกำลังจะบอกอะไรฉัน”
“ฉันคิดว่าเธอฉลาดพอที่จะเข้าใจ”
จุนโกะมองริวด้วยความสับสน กลัวทาคาโอะ และยังไม่ไว้ใจริว เธอตัดบท
“ฉันต้องเดือดร้อนแน่ ถ้ามิซาว่าเห็นฉันอยู่กับคุณ กรุณากลับไปเถอะค่ะ”
“เธอกลัวมิซาว่า หรือกลัวฉันจะรู้ความจริงกันแน่”
“บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น อย่าคาดคั้นถามฉันอีกเลยค่ะ ฉันขอร้อง”
“ฉันไม่ชอบบังคับใจใคร ฉันจะรอให้เธอพร้อมที่จะบอกฉันเอง โอะนิซึกะยินดีต้อนรับเธอเสมอ”
เสียงทุบประตูดังขึ้นจากนอกห้อง
“จุนโกะ...เปิดประตู”
จุนโกะหันขวับมองไปยังประตูห้องด้วยความตกใจ
“แย่แล้ว”
ลูกน้องมิซาว่าสองคนช่วยกันเขย่าและทุบประตูห้องปัง ๆ เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
“เปิดประตู”
โคจิ คัตสึ เซกิ แอบซุ่มมองลูกน้องมิซาว่าอยู่ เซกิเป็นห่วงริว
“โซเรียวยังอยู่ในห้องนั้น เราต้องรีบไปช่วย”
เซกิจะปรี่ออกไป แต่โคจิขวางไว้
“จำที่โซเรียวสั่งไม่ได้เหรอ...ถ้าพวกเราเข้าไปช่วย พวกมิซาว่าจะต้องไหวตัวทันจนทำให้แผนของเราพัง”
โคจิหันมองไปห้องพักจุนโกะ เครียดอยู่ไม่น้อย
จุนโกะคิดหาหนทางให้ริวออกไปได้ สายตาหยุดอยู่ตรงประตูห้องน้ำในห้อง
“ไปหลบที่หลังประตูห้องน้ำก่อน ฉันจะหาทางยื้อพวกมันให้คุณแอบหนีออกไป”
“ฉันไม่มีทางทำตัวไร้ศักดิ์ศรี ทิ้งผู้หญิงแล้วหนีเอาตัวรอดคนเดียว”
ลูกน้องตะโกนลั่น
“ฉันบอกให้เปิดประตู”
เสียงกระแทกประตูดังถี่ขึ้น เหมือนลูกน้องมิซาว่ากำลังพังเข้ามา
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงศักดิ์ศรี ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันถูกมิซาว่าฆ่าตาย คุณก็ต้องทำตามที่ฉันบอก เร็วสิคะ”
จุนโกะเร่งริว ในขณะที่เสียงกระแทกประตู ดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
“เปิด...”
“ได้โปรดเถอะค่ะ” จุนโกะอ้อนวอน
สีหน้าและแววตาขอร้องของจุนโกะ ทำให้ริวจำใจวิ่งไปหลบอยู่หลังประตูห้องน้ำทันที โครม ประตูหน้าห้องถูกลูกน้องมิซาว่าพังเข้ามาจนได้
“ทำไมไม่เปิดประตู”
จุนโกะตะกุกตะกักตอบ
“ฉะ...ฉันกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ว้าย...”
ลูกน้องคนหนึ่งใช้หมัดต่อยท้องจนจุนโกะทรุด ตัวงอ
“พวกฉันเห็นแกมาหมดทั้งตัวแล้ว เกิดอายอะไรขึ้นมาตอนนี้ หา”
ลูกน้อง จิกกระชากผมจุนโกะขึ้น จุนโกะตื่นกลัว
“อย่า...”
ลูกน้องทั้งสองไม่สนใจเสียงร้องของจุนโกะ พากันลากตัวจุนโกะเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่ทันสังเกตเห็นริวที่หลบอยู่หลังประตู
“จะทำอะไรฉัน...อย่านะ”
“นังตัวแสบอย่างแก ยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งเชื่อง”
ลูกน้องมิซาว่าจับหัวจุนโกะกดน้ำในถังน้ำอย่างโหดเหี้ยม จุนโกะดิ้นอย่างทุรนทุราย หายใจไม่ออก ก่อนถูกดึงขึ้นมาในสภาพหายใจหอบเกือบตาย
“ได้โปรด...อย่าทำอะไรฉัน ฉันกลัวแล้ว”
ริวแอบมองอยู่ตรงหลังประตู จะออกไปช่วย จุนโกะส่งสายตาห้ามริวไม่ให้ช่วย และอ้อนวอนเขาทางสายตาให้หนีออกไป
“ได้โปรดเถอะนะคะ...” จุนโกะขอร้องให้ริวรีบออกไป
ลูกน้องอีกคนจะหันมองตาม จุนโกะกลัวลูกน้องเห็นริว จึงรีบสะบัดตัวแสร้งจะหนี ทำให้ลูกน้องมิซาว่าต้องช่วยกันล็อกตัวจุนโกะชุลมุน
“ยังกล้าจะหนีอีกเหรอ...”
“ปล่อยฉัน”
จุนโกะดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง แม้จะโดนทุบตี แต่ยังคงส่งสายตาให้ริวรีบหนีออกไป จุนโกะตะโกนสุดเสียง บอกริวเป็นนัย
“ได้โปรด...”
ริวสองจิตสองใจ สุดท้าย...จำต้องตัดสินใจหนีออกไป ลูกน้องตวาด
“ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย”
“โอ๊ย”
ลูกน้อง ฟาดฝ่ามือลงบนหน้าเต็ม ๆ จนจุนโกะล้มคว่ำไปตามแรงตบ ร่างของเธอสั่นกองอยู่กับพื้น แอบมองหาริวในห้องไม่เห็นแล้ว เธอเจ็บตัวแต่ก็โล่งใจที่ริวหนีออกไปได้
โถงบ้านโอะนิซึกะยามเย็น...ริวทุบโต๊ะอย่างเจ็บใจตัวเอง
“ผมน่าจะช่วยจุนโกะออกมาด้วยกัน ไม่รู้ป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง”
“โซเรียวยอมหนีออกมา ก็เท่ากับช่วยชีวิตเธอแล้ว”
ริวมองโคจิอย่างไม่เข้าใจ
“จุนโกะเป็นคนของมิซาว่า...ต่อให้โซเรียวช่วยเธอออกมาได้ มิซาว่าก็ต้องตามล่า ตามฆ่าเธออยู่ดี...”
“สภาพจุนโกะตอนนี้...ก็ไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารมาก”
ริวรู้สึกหดหู่ เป็นห่วงจุนโกะ คาซูมะพูดขึ้น
“ศพพูดไม่ได้ แต่คนตายทั้งเป็นยังมีทางช่วยเราได้”
“ถ้าโซเรียวมั่นใจว่าจุนโกะรู้ความลับของมิซาว่าก็ต้องหาทางดึงตัวผู้หญิงคนนี้มาเป็นพวกเดียวกับเรา” มาซาโตะแนะ
ริวหน้าเคร่งเครียดใช้ความคิด
ห้องทำงานยูจิ สำนักงานตำรวจ...ยูจิกำลังเปิดแฟ้มเอกสารอ่านอยู่อย่างตั้งใจ แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดอาการปวดหัวจี๊ดขึ้นมาเป็นอาการเครียดประจำตัวของยูจิ ที่ต้องพึ่งยาระงับประสาทเป็นประจำ
“โอ๊ย...”
ยูจิพยายามอดทนแต่ทนไม่ไหว เปิดลิ้นชักออกหายาระงับอย่างหงุดหงิด เขาหยิบขวดยาออกมา เปิดฝาจะเทยาออกมา แต่ยาหมดแล้ว ยูจิออกอาการหงุดหงิดมากขึ้น
“โว๊ย”
ยูจิพลุ่งพล่าน เดินค้นหายาไปตามตู้ต่างๆ ค้นกระจุยกระจาย จนมาพบยาอีกขวดหนึ่งที่อยู่ในซอกตู้ เขาเปิดฝาเทยาจำนวนหนึ่งใส่มือ ตบเข้าปาก อาการพลุ่งพล่านของเขาดูลดลง เขาทิ้งตัวลงนั่งพิงโซฟา ต้องการผ่อนคลายความเครียด
มาซารุเดินมาตามทางเดิน เคนเดินสวนมา
“เห็นผู้กองยูจิมั้ย” มาซารุหันไปถาม
“อยู่ในห้องทำงานตั้งแต่บ่าย ท่าทางหงุดหงิดครับ”
มาซารุนิ่งคิดตามเคน นึกถึงอาการของยูจิที่ไม่มีใครรู้
“เรื่องสั่งฟ้องฮารุไปถึงไหนแล้ว”
“กำลังดำเนินการอยู่ครับ ไม่เกินสองวันน่าจะเรียบร้อย”
มาซารุพยักหน้ารับรู้ เดินตรงไปยังห้องยูจิ
มาซารุเดินมาเคาะประตูห้องทำงานยูจิ
“ยูจิ...ยูจิ...เปิดประตูหน่อย”
ยูจิที่อยู่ภายในห้อง อาการคลุ้มคลั่งยังไม่ทุเลานัก ลืมตาขึ้นอย่างรำคาญคุมอารมณ์ไม่ได้
“ไม่...”
“เปิดประตู”
“กูบอกว่าไม่ ไม่มีใครบังคับกูได้” ยูจิตะคอก
“นี่พ่อแกนะ”
“ผมยังยุ่ง...ไม่พร้อมจะคุยกับใคร” ยูจิยังเสียงแข็ง
“อะไรนะ” มาซารุอึ้ง
“ผมยังยุ่งและไม่พร้อมจะคุย จะไปไหนก็ไป หายยุ่งแล้วจะไปหาเอง”
มาซารุไม่พอใจ นิ่งคิด นึกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับยูจิ
โถงบ้านโอะนิซึกะ...ฟุมิโกะช่วยมายูมิรื้อของใช้ส่วนตัวจากกล่องหลายกล่องออกมา
“ของใช้ส่วนตัวคุณมายูมิที่บ้านทากาฮาชิส่งมาให้คราวนี้ เยอะกว่ารอบแรกอีกนะคะ”ฟุมิโกะถาม
มายูมิจัดของไปเงียบ ๆ ไม่อยากพูดอะไร
“อุ๊ย มีโคโตะด้วย คุณมายูมิชอบเล่นโคโตะเหมือนโซเรียวเลยค่ะ”
“ฉันเลิกเล่นไปนานแล้ว ไม่รู้แม่จะส่งมาให้ทำไม”
มายูมิละสายตาจากโคโตะ หันไปเห็นกล่องใส่จี้ดอกเดซี่ปะปนมากับกล่องเครื่องประดับอื่น มายูมิหยิบกล่องจี้ดอกเดซี่ขึ้นมาเปิดดู มองจี้อย่างไม่ค่อยพอใจ
“นี่ก็ซ่อนไว้แล้ว ยังจะค้นเจออีก”
มายูมิรีบปิดกล่องจี้ดอกเดซี่ วางกลับไว้อย่างเดิม เซกิเดินเข้ามา
“โซเรียวต้องการพบคุณมายูมิครับ”
“ทำไมฉันต้องไป”
เซกิก้มหัวขอร้อง
“ได้โปรดเถอะครับ ไม่งั้นผมโดนเล่นงานแน่ๆ”
มายูมิแม้ว่าจะขัดใจตัวเอง แต่จำต้องเดินออกไปเพราะเห็นใจเซกิ
ห้องหนึ่งในบ้านโอะนิซึกะยามเย็น...ประตูเปิดออก มายูมิเดินเข้ามาในห้องหันไปถามเซกิ
“พาฉันมาที่นี่ทำไม”
เซกิปิดประตู มายูมิชะงัก เมื่อหันกลับมาเห็นทั้งห้องประดับประดาด้วยดอกไม้มากมายหลายชนิด เหมือนย่อสวนดอกไม้มาไว้ในห้อง มายูมิหันมองรอบๆ ห้อง เพลินกับความสวยงามและความสดชื่นของดอกไม้ตรงหน้า เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงโคโตะที่ถูกตั้งไว้มุมหนึ่งของห้อง ริวเดินตามเข้ามา
“นี่เป็นโคโตะของผม”
“แล้วไง”
มายูมิทำน้ำเสียงเหมือนไม่สนใจ แต่สายตาก็มองโคโตะของริวอย่างพิจารณา ริวยิ้ม เดินไปยืนอยู่ตรงโคโตะ แล้วเริ่มไล่เสียงดนตรีโคโตะทีละตัว
“7 ปีที่แล้ว...ผมเห็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งเล่นโคโตะอยู่ในสวน เสียงดนตรีจากโคโตะของเธอทำให้ผมเดินตามไป เหมือนตกอยู่ในความฝัน”
มายูมิมองการกระทำของริว และฟังเรื่องที่เขาเล่าขณะที่เล่นโคโตะไปด้วย
“ผมไม่เคยลืมเสียงดนตรีจากโคโตะที่ผู้หญิงคนนั้นเล่นเลย”
ริวเริ่มบรรเลงโคโตะเป็นจังหวะดนตรีเพลงญี่ปุ่นที่นุ่มนวลเพลงเดียวกันกับที่มายูมิเคยเล่น เขาเล่นอย่างไพเราะ มายูมินิ่งงัน จำเพลงโคโตะที่ริวกำลังบรรเลงได้
“เพลงนี้...”
“โคโตะเพลงแรกที่สะกดหัวใจผมจนแทบหยุดเต้น ไม่ว่าหลับหรือตื่น สุขหรือทุกข์...ผมจะมีเพลงนี้เป็นเพื่อนเสมอ คุณคือนางฟ้าของผม...จำได้มั้ยมายูมิ”
ริวบรรเลงเพลงโคโตะให้มายูมิฟังไปเรื่อย ๆ มีความสุขมาก มายูมิฟังไปด้วยท่าทางเหมือนจะเริ่มเคลิ้ม แต่จู่ ๆ ก็เสียงดังขึ้น
“พอแล้ว ฉันไม่อยากฟัง”
ริวชะงัก หยุดเล่นโคโตะ มายูมิกำลังจะหันหลังกลับ แต่ริวรีบถลาเข้ามายืนขวาง
“หลีกไปเดี๋ยวนี้”
ริวเอาดอกเดซี่สีเหลืองที่ซ่อนอยู่ด้านหลังออกมายื่นให้มายูมิ ยิ้มหวาน
“ดอกเดซี่...แทนความภักดีและความรักที่บริสุทธิ์แต่ละสีจะมีความหมายต่างกัน”
มายูมิพูดเสียงประชด
“ความภักดีงั้นเหรอ”
“เดซี่สีเหลือง หมายถึงผมจะพยายามเอาชนะใจคุณให้ได้...มายูมิ”
“ฉันอาจจะห้ามความพยายามของคุณไม่ได้ แต่ฉันห้ามใจตัวเองได้ค่ะ ฉันจะไม่มีวันใจอ่อนกับคุณ”
มายูมิทำใจแข็ง เดินสะบัดออกไปจากห้อง ริวรีบตามไป
“มายูมิ”
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 5 (ต่อ)
ริวรีบตามมายูมิมาด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณเป็นอะไรไป”
“ฉันไม่มีทางหลงปลื้มกับการเอาใจที่จอมปลอมหลอกลวง”
มายูมิหันไปต่อว่าริวอย่างหมดความอดทน
“ผมทำทุกอย่างให้คุณด้วยความจริงใจ ไม่เคยหลอกลวง”
“ถ้าไม่หลอกฉัน ก็คงจะหลอกคนอื่น”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“จะเป็นการดีมากถ้าคุณอยู่เฉย ๆ และเลิกยุ่งกับฉันซะที เพราะฉันจะไม่มีวันอภัยให้กับความเห็นแก่ตัวของคุณ”
มายูมิผลักริวที่ยืนขวางทาง แล้วเดินหนีไป ริวยืนอึ้งงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
มายูมิยืนนิ่งอยู่ในสวน คิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เธอนึกถึงคำพูดของพ่อ
“ไม่มีอะไรจะล้างความเสื่อมเสียให้ตระกูลทากาฮาชิได้อีกแล้ว เกียรติและศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง...ลูกสาวของพระอาทิตย์ถูกทำลายไปหมดแล้ว ตั้งแต่ลูกนอนกอดกับผู้ชายในชุดนอน”
มายูมินึกถึงคำพูดอาคิโกะ
“ฉันก็หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ฉันรักริวมากนะคะ เราเป็นเหมือนเลือดเนื้อและวิญญาณซึ่งกันและกัน ฉันคงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีริว”
มายูมิหน้าเครียด
“ฉันจะหลุดพ้นจากเรื่องพวกนี้ได้ยังไง...ฉันควรทำยังไง”
มายูมิเศร้า คิดไม่ตก
ริวอยู่ในห้องทำงานนั่งมองรูปของมายูมิมากมาย หลายรูป ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน เขาครุ่นคิดถึงเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ
“จะเป็นการดีมากถ้าคุณอยู่เฉย ๆ และเลิกยุ่งกับฉันซะที เพราะฉันจะไม่มีวันอภัยให้ความเห็นแก่ตัวของคุณ”
ริวหยิบรูปมายูมิรูปหนึ่งขึ้นมา ใช้นิ้วไล่ฝุ่นที่ติดอยู่บริเวณหนึ่งออกจากทะนุถนอมรูปมาก
“ถึงคุณจะไม่มีวันให้อภัย ผมก็จะไม่มีวันยอมแพ้ ผมจะเอาชนะใจคุณให้ได้...มายูมิ”
ริวเอารูปมายูมิมาแนบอกตัวเอง อย่างเรียกกำลังใจให้ตัวเองมีแรงสู้ต่อ
โถงบ้านทากาฮาชิยามค่ำคืน...ทามาโกะละมือจากการปักผ้า ทอดถอนใจ คิดไม่ตกกับเรื่องของมายูมิ ทากาฮาชินั่งอยู่ข้าง ๆ วางหนังสือที่อ่านลง ยื่นมือไปกุมมือทามาโกะอย่างปลอบใจ
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงมายูมิ...แต่ลูกสาวคนโตของเรากำลังจะออกเรือน เราก็ควรยินดีกับลูก”
“ฉันคงมีความสุขมาก ถ้าเราไม่ได้ฝืนใจลูกให้แต่งงานกับโอะนิซึกะโซเรียว”
“เราทำในสิ่งที่ลูกไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเองต่างหาก”
ทามาโกะสบตาทากาฮาชิไม่เข้าใจ
“ยังไงคะ”
“การประชดประชัน คือการแกล้งทำตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงในใจ มายูมิประชดประชันโอะนิซึกะโซเรียว ก็เพราะต้องการปิดบังความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจ”
ทามาโกะครุ่นคิดตาม
“มายูมิรักริว”
“โอะนิซึกะคือสายเลือดซามูไรที่ถูกปลูกฝังในเรื่องเกียรติและหน้าที่มาตั้งแต่บรรพบุรุษ มายูมิยังไม่เคยรับรู้และสัมผัสหน้าที่อันยิ่งใหญ่ จึงไม่เข้าใจสิ่งที่โอะนิซึกะโซเรียวทำ แต่สักวัน...ลูกจะต้องเข้าใจ”
ทากาฮาชิยิ้มให้ทามาโกะด้วยความมั่นใจในเจตนาของตัวเอง ทามาโกะยิ้มตอบ เริ่มสบายใจ
บ้านโอะนิซึกะยามค่ำคืน...มายูมิเลื่อนประตู ก้าวเข้ามาในห้อง แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นริวนอนอยู่บนที่นอนที่ปูไว้คู่กัน อย่างสบายอารมณ์ ริวหันมายิ้มระรื่น ตบที่นอนข้าง ๆ เรียก
“อาบน้ำทาแป้งเสร็จแล้วเหรอจ้ะฮันนี๊มามะ...มา เอ่เอ๊ กัน”
“คุณผิดสัญญา”
“ผิดสัญญาอะไร ผมยังไม่ได้แตะต้องตัวคุณสักหน่อย เอ๊ะ...หรือว่าอยากให้แตะแต๊ะ ๆ อั๋ง”
ริวลุกจากที่นอน ยิ้มกะล่อน ขยับมือยุบยับเข้าหา มายูมิขยับตัวหนีอย่างไม่ไว้ใจ
“อย่ามาทะลึ่งนะ ฉันหมายถึงที่กั้นเขตในห้องหายไปไหน”
“ป้าอายะโกะคงกลัวเราจะมีทายาทให้เลี้ยงช้าไป ก็เลยจัดที่นอนคู่ชู้ชื่นให้เราสองคนกระชับความสัมพันธ์ไงจ้ะ”
“ฝากขอโทษป้าอายะโกะด้วยที่ต้องผิดหวังตลอดชีวิต”
มายูมิผลักริวอย่างหมั่นไส้ แล้วรีบไปรื้อที่นอน หมอน ผ้าห่มมาทำบังเกอร์เอง ริวทำมึน ตามไปช่วยพูดลอย ๆ
“น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แต่หัวใจอ่อน ๆ จะแข็งได้สักเท่าไหร่น้อ...”
“คอยดูก็แล้วกัน”
“นอกจากดู...ขอสัมผัสแบบปู่ไต่ด้วยได้มั้ย”
ริวทำมือปูไต่ มายูมิตีมือเขาดังเพี๊ยะ ด้วยความหมั่นไส้
“ถ้าไม่หยุดกะล่อน ฉันจะทุบให้น่วมเลย”
“ผมไม่ใช่กะท้อน ไม่ต้องทุบก็หวานจ้ะ”
มายูมิตัดบท
“อยากช่วยก็รีบทำให้เสร็จเร็ว ๆ ฉันง่วงแล้ว”
“ฮู้ย...ถ้าผมจะทำอะไรคุณจริง ๆ บังเกอร์แค่นี้จะกั้นอะไรได้”
มายูมิคว้าหวีแปรงใกล้มือเขวี้ยงหัวเขาทันที ริวเอี้ยวตัวหลบ หวีแปรงเฉี่ยวหัวไปอย่างหวุดหวิด
“โห...ร้ายกาจ ชอบความรุนแรงแบบนี้ เดี๋ยวพี่จัดให้เต็มรักเลย”
“จะทำอะไร”
ริวปรี่เข้าหาอย่างหมั่นเขี้ยว แกล้ง มายูมิคว้าผ้าห่มใกล้ตัวมาสะบัดบังตัวเขาไว้ ไม่ให้เข้าใกล้
“อย่าเข้ามานะ”
“ไม่ต้องกลัวจ้ะฮันนี๊ ผมจะถนอมคุณอย่างดี”
ริวคว้าชายผ้าห่มอีกด้านได้ มายูมิไม่ยอมแพ้ ยื้อแย่งผ้าห่มจากเขา ริวกับมายูมิยื้อแย่งผ้าห่มกันไปมา เริ่มออกแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ปล่อยนะ”
“ไม่”
“ฉันบอกให้ปล่อย”
ริวไม่ยอมปล่อย มายูมิจึงกระชากผ้าห่มสุดแรงจนผ้าห่มตวัดตัวริวถลาเข้ามาหา ทั้งสองม้วนตัวเข้ามาอยู่ในผ้าห่มด้วยกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ริวยิ้มชอบใจแต่มายูมิตกใจพยายามผลักเขาออกจากผ้าห่ม แต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
“ออกไปนะ”
“อย่าดิ้นสิจ้ะ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งแนบแน่น แนบเนื้อนะ”
“คนบ้า คนผีทะเล”
“ตอนนี้คนบ้าคนผีทะเลกำลังจะแปลงร่างเป็น ผีผ้าห่ม แล้ว เหอ ๆ อยากโดนหลอกมั้ย”
“อ๊าย...ไอ้โรคจิต”
เสียงร้องของมายูมิดังขึ้น พร้อมกับเสียงทุบตีกันตุ้บตั้บ ขณะที่คัตสึกับเซกิ เงี่ยหูฟังอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน...
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ ออกไป”
“โอ๊ย...เจ็บ”
“ได้เวลาหรรษาแล้วว่ะ” คัตสึยิ้ม
คัตสึกับเซกิ แย่งกันปีนต้นไม้อย่างคึกคัก สนุกสนาน หวังชะเง้อแอบดูเจ้านาย เสียงดังโครมครามยังคงดังออกมาจากห้องนอนริวเป็นระยะ
“แน่จริงอย่าหยิกสิ”
“ไม่หยิกหรอก แต่จะกัดให้จมเขี้ยวเลย”
“เฮ้ย...อย่านะ อย่า”
เซกิหัวเราะคิกคัก
“แรงเยอะทั้งพ่อทั้งแม่อย่างนี้ ลูกคนแรกของโซเรียวต้องเป็นผู้ชายแน่”
“ลักษณะโซเรียวตกเป็นรอง ฉันว่าน่าจะได้ลูกผู้หญิง”
“ต้องไปดูเวลาตกฟาก ว่ามีลุ้นลูกแฝดบ้างรึเปล่า”
เสียงกระแอมของโคจิดังขึ้น คัตสึกับเซกิ สะดุ้งตกใจ จนเสียหลัก ตกจากกิ่งไม้ที่เกาะอยู่
“เหวอ...”
คัตสึกับเซกิ ตกลงมากองทับกันพื้นเสียงดังอั่ก จุกทั้งคู่ โคจิก้าวเข้ามายืนมองอย่างเอือมระอา
“มัวแต่ดูเวลาตกฟาก ไม่ดูเวลาตกต้นไม้...สมน้ำหน้า”
โคจิมองไปยังห้องนอนของริวเหนื่อยใจแทน
ในห้องที่ปิดไฟมืดแล้ว มีเพียงแสงสลัวลอดมาจากหน้าต่าง ริวกับมายูมินอนเงียบอยู่คนละฝั่ง โดยมีบังเกอร์กั้นเขตห้องนอน ริวลืมตาขึ้น ก่อนลุกขึ้นจากที่นอนชะเง้อมองมายูมิที่นอนอยู่อีก คิดว่าเธอหลับไปแล้ว ริวค่อย ๆ ลากเบาะนอนของตัวเองเข้าไปใกล้มายูมิ เสียงครืด...คราด...พยายามทำให้เบาที่สุด เสียงมายูมิดังขึ้น
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ”
ริวชะงัก ยิ้มแหะ ๆ ที่ถูกจับได้
“อ้าว นึกว่าหลับไปแล้ว”
มายูมิลุกขึ้นมานั่งจ้องอย่างไม่ไว้ใจ
“อยู่กับคนเจ้าเล่ห์อย่างคุณ ฉันไม่มีทางหลับสนิทหรอก”
“คำก็เจ้าเล่ห์ สองคำก็ห้ามเข้าใกล้ แหม...ใครจะอบอุ่น น่าซบน่ากอดเท่าไอ้ผู้กองหน้าเต้าเจี้ยวนั่นล่ะ”
“อย่ามาดูถูกฉัน”
“ผมพูดผิดตรงไหน เดี๋ยวก็ผู้กองคะ ผู้กองขา” ริวหมั่นไส้มาก “โลกนี้คงไม่สีชมพูเท่ากับหัวใจของคุณหมอมายูมิและผู้กองยูจิหรอก”
“ก็ผู้กองไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ไม่จับปลาสองมือใครบางคน”
“ผมไม่ใช่คนอย่างที่คุณคิด”
“ฉันไม่ได้คิด แต่พูดไปตามที่เห็น”
“ในสายตาคุณ...ผมคงเป็นได้แค่ผู้ชายป่าเถื่อน เจ้าเล่ห์ เห็นแก่ตัว ไม่ใช่สุภาพบุรุษอย่างผู้กองยูจิสินะ”
“อีกข้อที่สำคัญมาก...ผู้กองยูจิมีแค่ฉันคนเดียวในหัวใจ”
ริวโกรธและน้อยใจที่มายูมิชื่นชมยูจิจนออกนอกหน้า มายูมิมองท่าทางของเขาอย่างระแวดระวังตัว กลัวอารมณ์เขา ริวพยายามยับยั้งอารมณ์คุกรุ่น ลากที่นอนกลับมุมเดิม แล้วล้มตัวลงนอนด้วยความน้อยใจ มายูมิเชิดใส่ ไม่สนใจก่อนล้มตัวลงนอนบ้าง
ริวกับมายูมิ ต่างนอนหันหลังให้กันอย่างไม่สนใจกัน
ทางเดินในสำนักงานตำรวจ...ยูจิเดินถือแก้วกาแฟมาอย่างผ่อนคลายเหมือนไม่เคยเครียด มาซารุยืนจ้องอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ออกมาจากห้องได้แล้วรึ”
ยูจิเห็นมาซารุ จำไม่ได้เรื่องที่ตัวเองคลั่ง
“คุณพ่อ...กาแฟสักแก้วมั้ยครับ”
“หมกตัวในห้องทำงานอยู่ครึ่งค่อนวัน แกทำอะไร”
ยูจิชะงักเหมือนกลัวมาซารุจะรู้เรื่องยาระงับประสาท
“เอ้อ...ผมทำงาน”
“งานคงยุ่งมากสินะ ถึงขนาดเปิดประตูให้ฉันเข้าไปไม่ได้”
“ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อตามหา”
“แกรู้...นอกจากจะรู้แล้ว แกยังตวาดฉันลั่นสำนักงาน” มาซารุชี้หน้าจับผิด “อย่าบอกนะว่าแกจำไม่ได้”
“เอ้อ...ผม...”
มาซารุกระชากคอเสื้อยูจิขึ้น มองซ้ายมองขวา ลากมาพูดที่ซอกตึกข้างหนึ่งไม่ให้ใครเห็น
“ฉันเคยเตือนแล้วใช่มั้ย ให้เลิกใช้ไอ้ยาระงับประสาทนั่น แกจะหมดอนาคตเพราะมัน”
“ผม...ผมพยายามแล้ว”
“ไม่ใช่แค่พยายาม แต่แกต้องทำให้ได้ ไม่อย่างนั้นแม้แต่ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้”
มาซารุโยนตัวยูจิโครมไปที่กำแพง
“ปรับปรุงตัวซะใหม่ ทำตัวให้เหมาะสมกับที่เป็นลูกชายของผู้บัญชาการที่นี่”
มาซารุจ้องยูจิด้วยสายตาเครียด แล้วเดินออกไปอย่างไม่พอใจ ยูจิมองตามมาซารุออกไป สีหน้าไม่ค่อยพอใจนักที่พ่อทำแบบนี้
เช้าวันใหม่...ริวกับมายูมินอนหลับอยู่ จู่ ๆ บังเกอร์กั้นเขตในห้องก็ถล่มครืนลงมา เสียงดังมาก จนริวกับมายูมิสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
ริวฉวยโอกาสนั้น ปรี่เข้าไปกอดมายูมิ หอมเนียน ๆ อย่างรวดเร็ว
“โอ๋ ๆ ขวัญเอ๊ย ขวัญมา...ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ แค่บังเกอร์มันพังลงมา”
ริวกำลังจะโน้มหน้าจูบเนียน ๆ แต่ถูกมายูมิใช้นิ้วคู่จิ้มเข้าเบ้าตาด้วยความโมโห
“คนฉวยโอกาส”
“โอ๊ย...ทิ่มตากันอย่างนี้ จะฟ้องยายนะ”
มายูมิไม่ขำด้วย ทำท่าจะจิ้มเบ้าตาริวอีกรอบ ทำให้ริวต้องผละออกห่างจากมายูมิ
“ผมตาบอดเพราะรักคุณอยู่แล้ว อยากให้พิการซ้ำซ้อนเหรอ”
มายูมิโมโห
“ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับคนกะล่อนอย่างคุณดี”
“จะหอม จะจุ๊บ จะลูบคลำผมก็ได้นะ ผมยอมคุณทุกอย่าง”
ริวยื่นหน้าทะเล้นเข้าหา แต่ถูกมายูมิดันออกอย่างหมั่นไส้
“ฉันจะไปอาบน้ำ และไปทำงาน”
“ผมจะอาบให้ และจะไปส่งคุณที่ทำงาน”
มายูมิจะปฏิเสธ แต่ถูกริวแทรกขึ้นทันควัน
“ไม่ต้องปฏิเสธ เพราะมันเป็นหน้าที่ของสามีที่แสนดี”
“เรายังไม่ได้แต่งงานกัน...คุณไม่ใช่สามีฉัน”
“แสดงว่าอยากให้ผมเป็นสามีเร็ว ๆ ใช่มั้ยจ้ะ แม๊...ก็ไม่บอกตั้งแต่แรกจะได้รีบจัดให้”
“หยุดพูดจาน่าเกลียดได้แล้วค่ะ”
“ก็คุณน่ารักอ่ะ”
“ฉันเกลียดคุณ”
“แต่ผมรักคุณ ผมร๊าก...รัก ๆคุณหมอมายูมิ”
“คุณมันบ้าที่สุด”
มายูมิโมโหที่ทำอะไรริวไม่ได้ จึงเดินสะบัดหนีไปจากห้อง ริวขำ คิดหาทางแกล้งมายูมิต่อ
ในห้องแต่งตัว...มายูมิเพิ่งแต่งตัวเสร็จ กำลังจะสำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนออกจากห้องบานเลื่อนประตูถูกเปิดออก ริวก้าวเข้ามาในห้อง เขาในชุดยูกาตะ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ มายูมิมองชุดยูกาตะบาง ๆ ของริวทำตัวไม่ถูก
“เข้ามาทำไม”
“อาบน้ำเสร็จแล้วก็ต้องแต่งตัวสิจ้ะที่รักจ๋า”
“งั้นก็เชิญตามสบายค่ะ”
มายูมิจะเดินหนีออกจากห้อง แต่ถูกริวคว้าแขน รั้งไว้
“อย่าเพิ่งไปสิ คุณต้องช่วยแต่งตัวให้ผมก่อน”
“เป็นง่อยเหรอคะ ถึงทำเองไม่ได้”
“เป็นหน้าที่ของศรีภรรยา ที่ต้องปรนนิบัติดูแลสามีอย่างดี ถ้างานบ้านคุณบกพร่อง ก็จะเสียถึงตระกูลทากาฮาชิ...คุณพ่อตากับคุณแม่ยายคงไม่สบายใจ”
มายูมิสะบัดแขนหลุดจากมือริวด้วยความไม่พอใจ
“จำไว้...ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาเกียรติของตระกูลทากาฮาชิ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมคุณ”
ริวยิ้มลอยหน้าลอยตา หันไปเปิดตู้เสื้อผ้า ทำเป็นไม่สนใจท่าทางจริงจังของมายูมิ
“วันนี้ผมควรใส่เสื้อตัวไหนดีจ้ะที่รัก”
ในครัวบ้านโอะนิซึกะ...ฟุมิโกะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ขณะช่วยอายะโกะยกถ้วยจานอาหารใส่ถาด เตรียมยกออกไปข้างนอก
“ให้ไปเก็บที่นอนห้องโซเรียว แล้วทำไมยิ้มไม่หุบกลับมา”
ฟุมิโกะพูดเอง เขินเอง
“คุณมายูมิอยู่กับโซเรียวในห้องแต่งตัวค่ะป้า”
“ภรรยาแต่งตัวให้สามีมันแปลกตรงไหน รีบออกไปตั้งโต๊ะอาหารเช้าให้โซเรียวกับคุณมายูมิได้แล้ว ไป ๆ”
ฟุมิโกะจ๋อย ๆ รีบยกถาดอาหารออกไป อายะโกะมองอาหารที่กำลังจัดอยู่ตรงหน้าอมยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องริวกับมายูมิในห้องแต่งตัว
มายูมิช่วยผูกเนคไทให้ริว เธอหลบสายตาเขาตลอดเวลาที่อยู่ตรงหน้าเขา ริวมองครุ่นคิด ก่อนนึกขึ้นได้
“คุณติดกระดุมเสื้อให้ผมผิด”
มายูมิหันกลับมาไล่สายตามองกระดุมเสื้อทุกเม็ด ก่อนเงยหน้าบอกเขา
“ก็เรียบร้อยทุกอย่าง”
ริวอมยิ้ม ขำ มายูมิรู้ทัน
“คุณแกล้งฉันอีกแล้วใช่มั้ย”
“ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ คุณก็ไม่หันหน้าหวาน ๆ มาให้ผมมองน่ะสิ”
มายูมิจะผละหนี แต่ถูกริวคว้าตัวเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยฉันนะ” มายูมิขัดขืน
“เวลาเราอยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้กันอย่างนี้ คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอมายูมิ”
มายูมิชะงักมองริวนิดหนึ่ง ตอบประชด
“รู้สึกอึดอัดมาก”
“ผมอยากให้คุณอบอุ่น ก็เลยต้องกอดแน่น ๆ”
“ฉันหมายถึงอึดอัดใจที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับคนอย่างคุณ ผู้หญิงทั้งเมืองอาจปลื้มและสนใจ ริว โอะนิซึกะ แต่ฉันไม่เคยสนใจคุณ”
“ถ้าไม่สนใจกัน เขาไม่ประชดประชันกันหรอก”
มายูมิชะงักอีก ยังไม่ยอมรับ
“ฉันไม่เคยประชดคุณ”
“ยอมรับเถอะที่รัก...คุณรักผมมาก ก็เลยเสียใจมาก”
“คุณมันพูดไม่รู้เรื่อง”
มายูมิคว้าเนคไทของริว แล้วเลื่อนเงื่อนเนคไทรัดคอเขา โมโหที่เขายั่วยุไม่หยุด ริวดิ้นพล่าน หายไจไม่ออก
“อ๊อก...ว่าที่ภรรยาจะฆ่าผม”
“ฉันอยากให้คุณทรมานมากกว่า” มายูมิยิ่งรัดแน่น
ริวทั้งอ้อน ทั้งหายใจไม่ออก
“โอ๊ย...แค่นี้ผมก็ทรมานจะแย่แล้ว ความรักทำให้ผมตาบอด เพราะผมยอมเป็นคนพิการดวงตาเพื่อให้คุณมา อยู่ในดวงใจ”
มายูมิทั้งเขิน ทั้งโมโห จึงเปลี่ยนมาบีบคอริวแทนที่จะเอาเทคไนรัดคอ
“คนกะล่อนปลิ้นปล้อน...ฉันเปลี่ยนใจฆ่าคุณให้ตายตอนนี้เลยดีกว่า”
“อย๊า ผมไม่อยากให้คุณเป็นหม้ายก่อนแต่ง” ริวหายใจไม่ออก “อ๊อก...”
ไนต์คลับมิซาว่า...นาบุคุมสมุนซ่อมแซมหน้าต่าง และกระจกที่แตกจากที่โดนกระสุนลูกน้องริวยิงทะลุเข้ามา
ทาคาโอะเดินเข้ามาหน้าเครียด มองสภาพไนต์คลับที่เสียหายโดยรอบ ทาคาโอะมองไปที่ภาพของริกิที่ตั้งอยู่ด้านบน หน้าเครียดมากขึ้น
“นาบุ...”
“ครับ...”
“ถึงเวลาที่ไอ้ริวต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำไว้กับเราแล้ว”
“ท่านทาคาโอะจะทำอะไรครับ”
ทาคาโอะไม่ตอบ แต่แววตานิ่ง เต็มไปด้วยความเกลียดชังริว
มุมรับประทานอาหารบ้านโอะนิซึกะ...มายูมินั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร สักพักริวก็เดินเข้ามา คอยเอามือลูบคอตัวเองเพราะยังเจ็บระบมตลอดเวลา อายะโกะกับฟุมิโกะมองท่าทางริวด้วยความสงสัย อายะโกะถามขึ้น
“คอโซเรียวเป็นอะไรคะ”
มายูมิกับริวหันขวับมองกันโดยไม่ได้นัดหมาย มายูมิจ้องริวตาเขม็ง ขู่ไม่ให้บอกความจริง
“อ๋อ...นอนตกหมอนครับ คอเคล็ดนิดหน่อย” จู่ ๆ ริวก็สะดุ้งเจ็บแปลบ “โอ๊ย”
อายะโกะกับฟุมิโกะพลอยสะดุ้งตามไปด้วย อายะโกะบอกกับริว
“เดี๋ยวป้าไปเอายาทามาให้นะคะ”
“ไม่ต้องครับ ผมไม่เป็นอะไรมาก”
ริวพูดพลางคีบกับข้าวใส่ถ้วยให้มายูมิอย่างเอาใจ มายูมิทำเมิน คีบกับข้าวอย่างอื่นมาทานเอง ฟุมิโกะสะกิดอายะโกะให้สังเกตสงครามเย็นบนโต๊ะอาหาร ริวไม่ยอมแพ้ คีบกับข้าวอีกหลายอย่างใส่ถ้วยให้มายูมิจนเต็มถ้วย
“ป้าอายะโกะทำกับข้าวที่คุณชอบทั้งนั้นเลย ทานเยอะ ๆ นะจ๊ะที่รัก”
มายูมิหันไปเห็นอายะโกะยิ้มหวานมองอยู่ เกรงใจอายะโกะจำต้องคีบกับข้าวที่ริวตักให้ขึ้นมาทาน ริวทานไป ยิ้มไป เมื่อเป็นฝ่ายได้ที
“ปกติโซเรียวไม่ค่อยทานมื้อเช้า...แต่วันนี้คงเป็นวันพิเศษที่ป้าได้เห็นโซเรียวทานอย่างมีความสุข” อายาโกะพูดอย่างปลื้มใจ
“เพราะมีคนรู้ใจทานด้วยไงป้า” ฟุมิโกะเสริม
“ฉันไม่ใช่คนรู้ใจของโอะนิซึกะโซเรียวหรอกค่ะ” มายูมิค้อนตามองริว “แค่รู้ทัน”
“เลิกประชดแล้วหันมา ย.ยิ้มหวานให้ผมดีกว่าน๊า”
ริวทำยิ้มหวานให้ แต่มายูมิกลับทำหน้าบึ้งตอบ
“ถ้าไม่ชอบ ย.ยิ้มหวาน งั้นเปลี่ยนเป็น ย.ยอม...ยอมผมทู้กอย่างก็ได้”
“ไม่มีทาง”
“เวลาคุณจะพูดกับผม ช่วยหันหน้าไปทางซ้ายของคุณหน่อยสิ”
“ทำไมคะ”
“ผมอยากให้ปากกับใจคุณตรงกัน”
อายะโกะกับฟุมิโกะแทบจะหลุดเสียงเชียร์ออกมา ได้แต่แอบขำในความน่ารักของทั้งสองคน มายูมิฮึดฮัด หงุดหงิดที่ต่อปากต่อคำกับริวไม่ได้ ริวยิ้มระรื่น ไม่สะท้านกับอารมณ์เหวี่ยงน่ารัก ๆ ของมายูมิ
ไทชิรายงานตารางงานของริวอย่างเตรียมพร้อม
“เช้ามีประชุมใหญ่กับคณะกรรมการบริษัท นัดทานมื้อเที่ยงกับนายกเทศมนตรีเรื่องแผนปรับปรุงที่ดิน ช่วงบ่ายมิสเตอร์แฟรงก์จะนำแบบร่างอพาร์ทเม้นท์รูปแบบใหม่มาเสนอ”
“ฉันจะไปส่งมายูมิก่อน”
ริวสรุปทั้งหมด สั้น ๆ มายูมิแย้ง
“ไม่จำเป็นค่ะ ฉันมีไทชิคอยดูแลอยู่แล้ว”
“ผมต้องไปส่งว่าที่ภรรยาของผมเอง ไทชิเป็นตัวแทนเวลาที่ผมไม่ว่างเท่านั้น”
“วันนี้คุณก็ไม่ว่างนี่คะ ต่างคนต่างไปทำงานดีกว่า โอะนิซึกะโซเรียวตำแหน่งนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยนะคะ เกียรติและหน้าที่สำคัญกับคุณมาก อย่าลืมสิ”
“ถูกต้องที่สุดครับ” คัตสึสอดขึ้นมา
คัตสึกับเซกิ เผลอปรบมือเห็นด้วยกับมายูมิ ริวหมั่นไส้ ถองศอกใส่คัตสึกับเซกิ ไปคนละที จนทั้งสองจุก ๆ บิด ๆ ริวหันมาหามายูมิ
“งั้นถ้าผมเสร็จธุระแล้วจะไปรับคุณกลับบ้าน”
มายูมิทำหูทวนลม เดินผ่านริวไปที่รถอย่างไม่สนใจ ไทชิรีบวิ่งนำไปเปิดประตูรถให้มายูมิก้าวขึ้นรถไป ก่อนปิดประตูรถ แล้ววิ่งอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ ริวมองตามรถที่ไทชิขับออกไปอย่างอารมณ์เสีย ที่มายูมิไม่ได้ดั่งใจ เซกิแซว
“สงสัยโซเรียวจะเริ่มเข้าสมาคมกลัวภรรยาตั้งแต่ยังไม่แต่ง”
“รักมาก กลัวมาก ต้องได้ตำแหน่งประธานสมาคมด้วยนะ” คัตสึเสริม
คัตสึกับเซกิ หัวเราะกันครึกครื้น แล้วต้องชะงัก เมื่อหันไปเจอริวยืนจ้องทั้งคู่ตาเขียว คัตสึกับเซกิ ยิ้มแหย รีบก้มศีรษะขอโทษริวแล้วพากันเลี่ยงไป แต่พอลับหลังริวก็แอบขำกันอีก
ไทชิเดินตามมายูมิเข้ามาในโรงพยาบาล จู่ ๆ มายูมิก็หยุดเดิน หันมาบอกไทชิ
“เฝ้าอยู่แถวนี้แหละ ไม่ต้องตามฉันเข้าไป”
“แต่ผมต้องทำหน้าที่ครับ”
“หน้าที่ของไทชิคือดูแลฉัน เพราะฉะนั้นไทชิก็ต้องฟังฉันใช่มั้ย”
ไทชิเถียงเหตุผลที่มายูมิหยิบยกมาไม่ได้
“ฉันอยากทำงานอย่างสบายใจ โดยไม่ต้องรู้สึกว่ากำลังถูกควบคุม”
“ผมรับรองว่าจะไม่เข้าไปก้าวก่ายการทำงานของคุณมายูมิครับ”
“เหมือนกันหมด...ทั้งเจ้านายและลูกน้อง”
มายูมิรำพึงอย่างเหนื่อยใจ ก่อนเดินเข้าตึกไป โดยมีไทชิตามไปไม่ห่าง ทาคาโอะก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงมุมลับตา มองตามมายูมิไปอย่างไม่วางตา
ทาคาโอะจ้องด้วยแววตาเครียด
จบตอนที่ 5