xs
xsm
sm
md
lg

พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 11 ตอน ตื่นกรุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 11 ตอน ตื่นกรุง

พุทธศักราช 2482

ภายในห้องนั่งเล่น ชั้นสอง บ้านพัชราภรณ์ เจ้าคุณประสิทธิ์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ เจ้าแห้วเดินถือถาดใส่จดหมายเข้ามา เจ้าคุณเงยหน้ามอง เจ้าแห้วชะงัก
"อุ๊ย รับประทานลืมขอรับ"
แห้ว รีบโดดออกไปหน้าห้อง เคาะประตู
"เข้ามาซี ไอ้เปรต"
แห้วเข้ามา
"ข้าบอกเอ็งกี่ครั้งแล้วว่า การพรวดพราดเข้าไปก่อนเคาะประตูน่ะ เสียมารยาทมาก เจ้าของห้องเค้าอาจจะนั่งตากลมเย็นๆไม่นุ่งผ้าผ่อนก็ได้"
แห้วสะดุ้ง
"แต่ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลโรคจิตนี่ขอรับ"
ประสิทธิ์ตวาดแว้ด
"ไม่ต้องพูดมาก เอาจดหมายมาให้ข้า แล้วไสหัวออกไปเร็วๆ"
แห้วส่งจดหมายให้ แล้วยกมือไหว้ประหลกๆ
"ง่า...ใต้เท้าครับ"
"อะไรอีกละ ไอ้เวร"
"รับประทาน ง่า กระผมไม่มีรับประทานแล้วครับ"
"นี่จะมาขอเบิกเงินล่วงหน้าอีกละซี"
"มิได้เลยขอรับ"
"อ้าว แล้วงั้นจะเอาอะไรละ"
"รับประทานขอเบิกเงินล่วงหน้าขอรับ"
เจ้าคุณลุกขึ้น ปราดเข้ามาเตะแห้วดังป้าบ
"หนอย ไอ้นี่ สำบัดสำนวนนัก"
"รับประทาน ขอเบิกเพียงแปดสลึงเท่านั้นละขอรับ"
"เต็มทีจริงๆ มึงนี่เบิกเงินล่วงหน้าทุกเดือน เอาไปใช้ทำอะไร เจ้าพล เจ้ากร เค้าก็ทิปให้แกทุกวัน กิมหงวนก็ให้ แต่ก็ยังเที่ยวไปขอเงินเค้าอีก หน้าด้านระยำเชียว"
เจ้าคุณเปิดลิ้นชักหยิบธนบัตรออกมาให้
"เอ้า เอาไปสองบาท"
แห้วเข้ามานวดแข้งขา
"ขอบพระคุณขอรับ"
เจ้าคุณดีดลูกแปให้หนึ่งที
"ไม่ต้องมาประจบ ข้าจะอ่านจดหมาย"
เจ้าคุณหยิบจดหมายมาดู เห็นจ่าหน้าซองตัวเบ้อเร่อว่า นำไปส่ง ท่านพระยาประสิตนิติสาด บ้านถนนพระยาไทย จังหวัดบางกอก จาก นายเชย พัดชราพอน จังหวัดนะคอนซาหวัน

คุณหญิงกำลังดูสาวใช้ขัดระเบียงบริเวณเฉลียงหลังบ้านอยู่ เจ้าคุณประสิทธิ์เดินเข้ามา ในมือถือจดหมาย
"คุณหญิงจ๋า คุณหญิง"
"มีอะไรหรือคะท่าน เสียงเอ็ดตะโรทีเดียว"
"จดหมายจากพี่เชย"
"พี่เชย..พี่ชายของท่านน่ะเหรอคะ"
"พี่เชยจะลงจากนครสวรรค์มากรุงเทพ วันที่ 24 นี้"
"วันที่ 24 นี้ ...ก็วันนี้สิคะ"
ประสิทธิ์สะดุ้งเฮือก
"หา วันนี้วันพฤหัสนี่นา"
"วันศุกร์ค่ะ"
"พฤหัส"
"ศุกร์"
"พฤหัส"
คุณหญิงวาดขึ้นเสียง
"เอ๊ะ บอกว่าวันศุกร์ๆ ให้ตายโหงตายห่าสิคะท่าน"
ประสิทธิ์สะดุ้ง
"เอ้อ ... วันศุกร์จริงๆ ด้วย อ้าว งั้นพี่เชยก็มาวันนี้น่ะสิ หา!"

เวลาต่อมา ภายในชานชลา หัวลำโพง พล และ นันทานั่งรอลุงเชยอยู่
"ลุงเชยจะมากรุงเทพ ถ้ามันโลกจะแตกแน่ พลไม่เชื่อหรอก"
"ทำไมละคะ"
"ก็แกเป็นเศรษฐีขี้เหนียวขนาดหนัก พลรู้นิสัยแกดี เงินค่ารถไฟไปกลับน่ะ แกไม่ยอมจ่ายหรอกจ้างก็ไม่มา"
"ต้องมาสิคะ คุณลุงเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่มะกอกสามตะกร้าอย่างพลหรอก"
"แน่ะ ในที่สุดก็วกมาที่พลอีกแล้วนะ ประเดี๋ยวก็" พลยื่นหน้าไปหา ทำท่าจะจูบนันทา
"เอ๊ะ อย่านะ นี่สถานีรถไฟนะ ดูสิ หน้าด๊านหน้าด้าน"
"พลน่ะเหรอ"
"ก็ใช่ซี"
"ถึงด้านก็ด้านกับเมียหรอกนะ"
"ก็แน่ละซีคะ ขืนไปตะกรุมตะกรามกับคนอื่น จะได้โดนตบปะไร"
"นันไม่รักพลแล้วเหรอ"
"ไม่รักแล้ว!"
"พลรักนันคนดียวนะ ขนาดนั้นตบพลผัวะๆ พลก็ยังรักนันนะ"

"ไม่รู้ไม่ชี้"

เพลง "ใคร" (คำร้อง สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)

พล "ใครเล่าที่เขารอ เฝ้าแอบพะนอคลออยู่ไม่รู้วาย ใครเล่าที่เหงากาย ใครปล่อยเขาเดียวดาย ใครหน่าย ใครรักเดียว ใครเล่าที่เขาตรอม ถูกเหยียดเขายอม เธอย่อมซาบซึ้งเทียว ใครเล่าที่เขาเปรียว ใครปราบเสียซึมเซียวคนเดียวมอบรักพลี คิดดูบ้างก่อนร้างหลงลืม ใครเคยปลื้มดื่มรักภักดี ใครเป็นทาสแทบเท้า คล้ายเถ้าธุลี รักแล้วมีแต่เทิดเทิน ใครเล่าที่เขาคอย เมื่อฝากริ้วรอยละห้อยแล้วหมางเมิน ใครเล่าเศร้าเหลือเกิน เธอสุขแล้วเชิญๆ เมื่อเมินอย่าหวนมา"
นันทา "ใครเล่าที่เขารอ เฝ้าแอบพะนอคลออยู่ไม่รู้วาย ใครเล่าที่เหงากาย ใครปล่อยเขาเดียวดาย ใครหน่าย ใครรักเดียว ใครเล่าที่เขาตรอม ถูกเหยียดเขายอม เธอย่อมซาบซึ้งเทียว
ใครเล่าที่เขาเปรียว ใครปราบเสียซึมเซียวคนเดียวมอบรักพลี"
พล - นันทา "คิดดูบ้างก่อนร้างหลงลืม ใครเคยปลื้มดื่มรักภักดี ใครเป็นทาสแทบเท้า คล้ายเถ้าธุลี รักแล้วมีแต่เทิดเทิน ใครเล่าที่เขาคอย เมื่อฝากริ้วรอยละห้อยแล้วหมางเมิน ใครเล่าเศร้าเหลือเกิน เธอสุขแล้วเชิญๆ เมื่อเมินอย่าหวนมา สองคนสบตาหวานกัน"
เสียงเป่าปากวี้ดวิ้ว พลและนันทาสะดุ้ง เด็กกุ๊ยสองคนเป่าปากล้อเลียนอยู่
"หนังสดเว้ย ไม่ต้องไปดูเฉลิมกรุงแล้ว ดูที่นี่ละ"
นันทาอาย
"เด็กเปรต"
"ไปกันเถอะจ้ะ อย่าสนใจเลย" พลบอก
สองคนรีบเดินไป เด็กกุ๊ยโห่ตามหลังมา
เสียงหวูดรถไฟดัง
"รถไฟมาพอดีเลย" พลบอก
รถไฟแล่นมาจอด
"อุ๊ย จริงด้วย ไปรอคุณลุงกันเถอะค่ะ"

พลและนันทาเดินมา
"ไปทางท้ายขบวนสิคะ ตอนหน้านีมีแต่รถชั้นสาม"
"เชื่อพลเถอะ ลุงเชยน่ะ ถึงแกจะเป็นพ่อค้าที่รวยมากแต่แกขี้เหนียว จนกระทั่งเวลาจะเข้าส้วมต้องเอาคีมคีบถ่านไปด้วย"
"อุ๊ย บ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ เหลวไหล"
"จะมาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เผลอๆอาจมาถึงพรุ่งนี้"
"อ้าว ทำไมละคะ"
"แกคงเดินนับไม้หมอนมาจากนครสวรรค์นั่นละ ป่านนี้คงยังสลบอยู่ระหว่างทาง"
นันทาถองดังปั้ก
"พูดถึงคุณลุงดีๆหน่อย"
พลมองซ้ายขวาหาลุงเชย เห็นลุงเชยกำลังเดินเก้ๆกังๆ
"อ้าว ลุงเชยมาจริงๆด้วย"
"นั่นน่ะเหรอคะ ลุงเชย"
"นั่นละจ้ะ ลุงเชยละ"
ลุงเชยเดินมาท่าทางกะเล่อกะร่า แต่งตัวด้วยผ้าพื้นเก่าๆ สวมเสื้อกุยเฮง มีผ้าขาวม้าคาดพุง มือหนึ่งถือชะลอม มือหนึ่งถือกระเป๋าเดินทาง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แกมาเหยียบบางกอก พอลุงเชยมองเห็นพลก็ตะโกนลั่น
"อ้ายหมา! กูอยู่ทางนี้"
นันทาสะดุ้งเฮือก
เชยวิ่งเข้ามาหาพล กอด แล้วเอามือตบหัวด้วยความรัก หัวเราะจนน้ำหมากไหลย้อย
"ฮ่ะๆ กูจำมึงเกือบไม่ได้เลยว้อย แหม มึงแต่งตัวอย่างนี้ ดีฉิบหายเลย พ่อมึงสบายดีหรือวะ"เชยบ้วนน้ำหมากปิ๊ด
นันทาและคนแถวนั้นกระโดดหลบ คนค้อนให้แล้วเดินไป
"จุ๊ๆ ลุงที่นี่เอ็ดตะโรเหมือนที่บ้านไม่ได้นะ เดี่ยวโปลิศจับ" พลบอก
"หา จริงเรอะ"
"จ้ะ ที่บางกอกนี่การพูดจาเสียงดังทำลายสุขภาพของประชาชน ลุงจะต้องรู้วิเทโศบายแห่งการครองตนให้เหมาะสมกับกาละเทศะอันควรปฎิบัติตามกาลสมัย"
"มึงพูดภาษาห่าอะไรวะไอ้หมา"
พลสะดุ้ง
"ภาษาไทยจ้ะ แต่เป็นคำพูดที่แพร่สะพัดในวงการผู้มีความรู้ชั้นสูง"
"ข้าฟังไม่ออก พูดภาษาพ่อแม่มึงเถอะ" เชยพูดแล้วบ้วนน้ำหมากอีกรอบ
นันทากระโดดโหยง
เชยมองไปทางนันทา
"ผู้หญิงคนนี้มากับมึงรึ ไอ้หมา"
พลนึกขึ้นได้
"จ้ะ นี่นันทา ภรรยาชั้นเองจ้ะ นันจ๋านี่ลุงของพี่"
นันทาไหว้ลุงเชยอย่างอ่อนน้อม เชยรีบทรุดตัวนั่งยองๆ
"คุณเป็นภรรยาไอ้หมาหรือครับ"
"ค่ะ คุณลุงลุกขึ้นเถอะค่ะ"
เชยลุกขึ้น
"ภรรยาแปลว่าเมียใช่มั้ยไอ้หมา"
"จ้ะ ..ไป ไปกันเถอะลุง คุณพ่อรออยู่ที่บ้าน"

สามคนเดินออกมาจากชานชาลา เชยเห็นผู้หญิงเกือบทุกคนดัดผม
"แหม ผู้หญิงเมืองบางกอกนี่ทำไมผมมันหยิกกันหมด อีหมานันทาก็ด้วย"
นันทาสะดุ้ง
"อย่าแปลกใจจ้ะ ที่บางกอกนี่อุณหภูมิของอากาศทำให้ผมหยิกเอง" พลบอก
"อ๋อ อย่างนั้นเองเรอะ ปากก็แดงแจ๋เหมือนไปกินเลือดมาทุกคนเลย"
"ไม่ใช่หรอกค่ะคุณลุง ที่ปากแดงนี่เพราะใช้เครื่องสำอางทาน่ะค่ะ"
"อ๋อ เหรอ" เชยว่าแล้วบ้วนน้ำหมากปี๊ด
นันทาและพลกระโดด
ทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่การรถไฟเดินเข้ามาหาทันที คว้าแขนลุงเชยไว้
"ลุง ทำไมบ้วนน้ำหมากลงบนพื้น"
เชยหน้าซีด
"กระผม ไม่ได้เอากระโถนติดมาจากนครสวรรค์ด้วยขอรับ"
"รู้มั้ยว่าจะต้องโดนปรับหนึ่งบาทตามระเบียบ"
"เอ้อ คุณครับ คุณลุงผมแกไม่เคยมากรุงเทพน่ะครับ เลยไม่รู้เรื่อง อย่าปรับแกเลย" พลบอก
"เอาเถอะครับ ผมจะยกให้ครั้งหนึ่งแล้วกัน วันหลังทำแบบนี้ไม่ได้นะลุง"
"ครับๆ" เชยนั่งยองๆ ยกมือไหว้ประหลกๆ "กระผมไม่รู้จริงๆว่าที่บางกอกทำแบบนี้ไม่ได้"
"มาเถอะค่ะ"
สามคนเดินไป เชยมองไปทั่วแบบตื่นๆ

"เสียงดังก็โปลิศจับ บ้วนน้ำหมากก็โปลิศจับ บางกอกนี่มันอยู่ยากจริงว้อย ไอ้หมาอีหมาเอ๊ย"
 
อ่านต่อหน้า 2

พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 11 ตอน ตื่นกรุง (ต่อ)

เจ้าคุณประสิทธิ์และคุณหญิงยืนรอรับเชยอยู่หน้าบ้าน เวลาต่อมา เชยในมือถือชะลอมและกระเป๋าเดินมาพร้อมกับพลและนันทา

"พี่เชย" เจ้าคุณประสิทธิ์ทักทาย
คุณหญิงไหว้
"เจ้าคุณสบายดีเหรอ ไม่เจอตั้งสองปี กบาลเหน่งขึ้นเป็นกองเชียวนิ"
เจ้าคุณสะดุ้งยกมือคลำหัว คุณหญิงหัวเราะดังลั่น
"สบายดีจ้ะ พี่ละ"
"เต็มทีเจ้าคุณ ปีนี้ขายฟืนไม่ค่อยมีกำรี้กำไร"
"ชั้นถามว่าพี่สบายดีหรือ"
"ก็นั่นละ ถ้าข้ากำไรมากข้าก็สบายไงละ แหมบ้านเอ็งใหญ่โตยังกะวังเจ้าเลยนะเว้ย เอ้า นี่ข้าเอาของมาฝากจากนครสวรรค์ ของมันน้ำหนักมากนัก ถ้าข้าไม่รักจริงเจ้าคุณจริงข้าไม่แบกเอามาหรอก"
"อะไรละพี่"
เชยหยิบชะลอมมาเปิด
เจ้าคุณโพล่ง "ฟืน"
พล - นันทา "ฟืน"
"อ้าว ก็ข้าเป็นพ่อค้าฟืน ข้าก็เอาฟืนมาฝากซีวะ จะไปเสียเงินซื้ออย่างอื่นมาฝากทำไม เงินทองมันหายาก จริงมั้ยไอ้หมาพล"
"ก็จริงของลุงจ้ะ"
"เออ ว่าแต่ยาที่ข้าจดหมายมาบอกน่ะ เจ้าคุณทดลองดูหรือเปล่า"
"เปล่า"
"ยาอะไรหรือคะพี่เชย" คุณหญิงวาดถาม
"ยาแก้กบาลเหน่ง เขาว่ากันว่าดีนัก เอาขี้แมวแห้งละลายกับน้ำปูนใสทาหัวเช้าเย็น ลองดูสิเจ้าคุณ กบาลเหน่งอย่างนี้น่าเกลียดจะตาย ฮ่ะๆ"
คุณหญิงหัวเราะกิ๊ก เจ้าคุณนึกอยากเตะสักป้าบ ประสิทธิ์กัดฟันพูด
"ให้คนอื่นเค้าลองเถอะ ไปๆ เข้าบ้านเถอะพี่เชย"
"พี่เชยทิ้งกระเป๋าไว้ที่นี่ละ เดี๋ยวดิชั้นให้คนมายกไปให้เอง" วาดบอก
"จ้ะ คุณหญิงหมา"
คุณหญิงวาดสะดุ้งเฮือก
"คุณหญิงเฉยๆก็ได้ค่ะ เชย"
"อ้อ ขอโทษๆ ข้าเรียกติดปาก คนบ้านนอกก็อย่างนี้ละ"
เจ้าคุณและเชยเดินไป
"เอ๊ะ ไอ้แห้วไปไหน" เจ้าคุณตะโกน "แห้ว แห้ว ไอ้แห้ว ไอ้เปรตแห้ว"
"อยู่หลังบ้านมังคะ คุณอา" นันทาบอก
"ไอ้นี่ชอบหายไปนัก" คุณหญิงวาดบอก
"เดี๋ยวผมยกไปเองครับคุณแม่" พลว่า
"แม่นัน อาวานไปดูห้องให้คุณลุงอีกทีนะ ว่าขาดเหลืออะไรหรือเปล่า"
"ค่ะ คุณอา"

คุณหญิงวาดเดินตามหาแห้ว
"เอ๊ะ มันหายไปไหนนะ ไอ้แห้ว ๆ"

บริเวณแคร่ใต้ต้นไม้ หน้ากระท่อม แห้วกำลังนอนกอดบ้องกัญชาอยู่

เพลง "กระท่อมกัญชา" (คำร้อง - ทำนอง ชาญชัย บัวบังศร)
แห้ว "แดนนี้มีต้นกัญชา ปกคลุมแน่นหนา ใบกัญชาป่านี้สะพรั่ง เวียงวังทอง ก็รองกระท่อมพังพัง ดีกว่าเวียงราชวัง ไม่หวังจะแรมไกล ฟังเสียงไฟ ไหม้บ้องกัญชา ช่างชวนสุขา เป็นเพลงพา กล่อมฝันเราให้"
คุณหญิงเดินเติมหาแห้วในสวน
แห้ว" ฟังเพลินดี ดั่งปี่พระอภัย มือป้องจับบ้องคู่ใจ จะเป็นหรือตาย ไม่ห่วงกังวล เวียงวังทองหรือจะมาสู้ กระท่อมฉันอยู่ พธูไม่หวังสักคน มีกัญชา สุขกว่ามีคู่กมล ถึงหากฉันจน ก็ยังสุขล้น ไม่หวังใครปอง"
เจ้าแห้วไม่ได้รู้ตัวเลยว่า มัจจุราชมาถึงแล้ว คุณหญิงวาดยืนมองตาถลนด้วยความโมโห มองเห็นไฟไหม้บ้องเป็นควัน
แห้ว "ดั่งหนึ่งเมฆสวรรค์ มีตะเกียง นั่นเหมือนจันทร์ส่อง ยามจะนอน ก่ายกอดประคอง มีคู่สุดรักคือบ้อง ชวนให้ฉันปอง คือบ้องกัญชา"
"ไอ้แห้ว!" คุณหญิงวาดตวาดเรียก
แห้วสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นมัจจุราชกำลังยืนอยู่ตรงหน้า รีบเอาบ้องซ่อนทันที
"ทำอะไร หา"
"รับประทานกระผมกำลังทำงานครับ"
"งานอะไร"
"รับประทานกระผมหัดนอนบนพื้นโดยไม่มีเสื่อปูครับ"
คุณหญิงตบหน้าฉาด
"ตอแหล ชั้นเห็นนะว่าแกทำอะไร ไหนบอกเลิกแล้วไงละ มิน่าละงานการไม่ทำ เดี๋ยวหายๆ ที่แท้แอบมาที่นี่เอง อุ๊ย คันมือ นี่แน่ะ"
คุณหญิงตบอีกเผียะ
"รับประทาน ฟังผมก่อน"
"อะไร อย่าโกหกนะ แม่จะตบลูกตาพลัดเลย"
"คือ คือว่า คือ .. ไม่มีอะไรแล้วขอรับ"
"เงินทองหมดไปเพราะไอ้นี่ใช่มั้ย เอาบ้องมาเดี๋ยวนี้"
แห้วเอาส่งให้
วาดแค้นคำราม "ฮึ่ม"
คุณหญิงเงื้อมือจะขว้างบ้อง
"รับประทาน อย่า!"
คุณหญิงชะงักแต่แล้วเปลี่ยนใจ
"ข้าเปลี่ยนใจ ไม่ขว้างของแกแล้ว"
"ขอบพระคุณขอรับ คุณหญิง"
"จุดไฟเดี๋ยวนี้"
"จุดไฟ คุณหญิงอยากลองบ้างหรือขอรับ"
คุณหญิงวาดตบอีกฉาด
"คนอย่างข้าน่ะเหรอจะดูดกัญชา ข้าจะเผาบ้องของเอ็งตะหาก" แล้วคุณหญิงก็หัวเราะเสียงเหี้ยม

"ค...คุณหญิง"

ผ่านเวลาเล็กน้อย คุณหญิงสะใจยืนเท้าสะเอวมองกองไฟที่กำลังลุกไหม้บ้องกัญชา แห้วน้ำตาไหลพราก

"เป็นยังไง สมน้ำหน้า"
แห้วมองไฟที่กำลังลุกไหม้บ้องจนเป็นควัน
"ดั่งหนึ่งเมฆสวรรค์ มีตะเกียง นั่นเหมือนจันทร์ส่อง ยามจะนอน ก่ายกอดประคอง มีคู่สุดรักคือบ้อง ชวนให้ฉันปอง คือบ้องกัญชา"

ภายใน ห้องกินข้าว บ้านศิริสวัสดิ์ ประภา ประไพ เจ้าคุณปัจจนึก นิกร และดิเรก นั่งกินข้าวกันอยู่ สาวใช้พากิมหงวนและนวลลออเข้ามาสมทบ
"คุณหงวนกับคุณนวลลออมาค่ะ คุณภา" พิศบอก
กิมหงวนและนวลลออยกมือไหว้เจ้าคุณ
"นั่งสิ"
"เอ้า มาพอดีตอนกินข้าวเที่ยงเลย ไหนดูสิ มีอะไรกินบ้าง โอ้โห ไข่ยัดไส้ หมูทอด ปลาทอด ไก่ผัดขิง สลัดปู แกงเขียวหวาน หมูมะนาว ปลาทอด แหม เฮียน่าจะถ่ายยามาก่อนนะจ๊ะนวล"
นวลลออเอาศอกกระทุ้งปั้ก
"นี่ไว้หน้านวลบ้าง"
สาวใช้คดข้าวให้นวลลออและกิมหงวน
นิกรเอาหมูทอดเข้าปาก
"เฮ่ย หมูทอดนี่ก็ไม่เลวนะ นี่ปลากุเลากินกับแกงเผ็ดเข้าทีมาก นี่ก็ไข่ยัดไส้"
"พอได้แล้วกร กินเข้าไปตั้งเยอะแล้ว ดูคุณดิเรกสิ เค้าไม่เห็นตะกละอย่างกรกับคุณหงวนเลย" ประไพบอก
"คืออาหารไทยมันเป็นเผ็ดมาก ผมกินได้ไม่กี่อย่างหรอกครับ" ดิเรกบอก
"วันหลังก็ไม่ต้องมากินข้าวที่นี่สิคะ หรือไม่ก็ห่อปิ่นโตมาเอง จะได้ถูกปาก"
ดิเรกหน้าจ๋อยเมื่อถูกประภาค่อนขอด
"ครับ วันหลังผมจะห่อแซนวิชมาครับ"
"คุณดิเรกคะ เมื่อกี้ พี่ภาเค้าประชดให้น่ะค่ะ" ประไพบอก
"ไม่ต้องอธิบายหรอกน้องไพ เซ่อนักก็"
"อ๋อ ประชดเหรอครับ" ดิเรกหัวเราะ "ประชด ประชดแปลว่าอะไรครับ"
"ประชดแปลว่าชื่นชมมาก รู้ไว้สิ"
ดิเรกพยักหน้าหงึกๆ นวลลออมองดิเรกแบบสงสาร ระหว่างนี้กิมหงวนค่อยๆแอบหยิบพริกขี้หนูที่ใส่ถ้วยเล็กวางไว้บนโต๊ะ ใส่ลงไปในจานข้าวเจ้าคุณ
"อ้าว แล้วไอ้พลกับหนูนันไปไหนละ"
"สองคนนั่นไปรับคุณลุงที่มาจากบ้านนอกครับ มันชวนผมกับกรให้พาคุณลุงไปเที่ยวคืนนี้"
ปัจจนึกตักแกงใส่จานและตักข้าวเข้าปากโดยไม่รู้ว่าตักพริกขี้หนูเข้าไปด้วย
"คุณอากับเจ้าด็อกจะไปด้วยมั้ยละครับ"
"ไปไม่ได้ อามีงานสำคัญจะต้องทำและเจ้าดิเรกก็ต้องช่วยอา"
"งานอะไรหรือคะ"
"งาน..." ปัจจนึกสะดุ้งเฮือก สำลัก
"ทำไมแกงมันเผ็ดอย่างนี้ล่ะยายภา แกเป็นคนควบคุมแม่ครัว ทำไมมันเผ็ดอย่างนี้ โอ๊ย" เจ้าคุณรีบกินน้ำตามทันที
"ไม่ได้ใส่พริกขี้หนูนี่คะ คุณพ่อ" ประภาหยิบถ้วยใส่พริกขี้หนูมาดู เห็นพริกขี้หนูในถ้วยหมดไป "นี่ดูสิคะ ใครแกล้งคุณพ่อแน่ๆ"
ปัจจนึกคว้าคออาเสี่ย
"ไอ้หงวน เอ็งแน่ๆ"
"เปล่า ไม่ใช่ผมนะ"
"งั้นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้ ไม่ ชั้นจะตบหน้าแก"
"บอกแล้วอย่าทำผมนะครับ"
"เออ ไอ้กรใช่มั้ย"
"ไม่ใช่ครับ"
"งั้นใคร บอกมา"
"ผมเองครับ"
เจ้าคุณตบหน้ากิมหงวนสองทีซ้อน
"เฮียนี่ ทำไมลามปามอย่างนี้ หา ท่านเป็นเพื่อนเล่นของเฮียเหรอ เดี๋ยวแม่ขว้างด้วยจานหน้าแหกเลย" นวลลออว่า
"เมื่อกี้คุณอาบอกว่ากับข้าวเผ็ดมากใช่มั้ยครับ"
"เออ ทำไมละ"
"เผ็ดมาก รับประทานไม่ได้ วันหลังก็ไม่ต้องมากินข้าวที่นี่หรือไม่ก็ห่อปิ่นโตมาเองสิครับ
จะได้ถูกปาก" ดิเรกพูดพลางหัวเราะ
ทุกคนนั่งอึ้ง
"ประชดครับ" ดิเรกหัวเราะอีก
ประภามองตาเขียวแล้วลุกขึ้นสะบัดไป
"คนบ้า"
"ผมเป็นพูดอะไรผิดหรือครับ คุณนวล ก็ประชดแปลว่าชื่นชมมากไม่ใช่หรือครับ"
"แดกข้าวเถอะวะ ดิเรก แกอย่าพูดอะไรอีกเลย" กิมหงวนบอก

ประภากำลังเดินคุยกับนวลลออและประไพ บริเวณน้ำพุและกาเซโบภายในสวน
"คุณภาคะ ดิชั้นว่า คุณดิเรกแกก็น่ารักดีนะคะ ท่าทางซื่อดีออก" นวลลออบอก
"คนผีอะไร นึกจะพูดอะไรก็พูด ไม่รู้จักกาลเทศะ"
"ก็แกมาจากเมืองนอกนี่คะ อย่าไปถือเลยค่ะ คุณภา"
"ไพว่านึกๆดูเซ่อๆอย่างนี้ก็ยังดีกว่ามะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูกนะ"
"จริง ดูผัวของพวกเราสิคะ คุณนิกรอย่างนี้ คุณพลอย่างนี้ เฮียหงวนอย่างนี้ กะล่อนเป็นที่สุด นึกแล้วอยากตบให้ดิ้นตาย" นวลลออบอก
ประภาสะดุ้ง
"น้องพูดจริงๆ ถ้าพี่ภาแต่งงานกับคุณดิเรก พี่ภาก็สบายไปตลอดชีวิตนะ"
"ไหนตอนแรกบอกเกลียดขี้หน้าที่สุดไง น้องไพ"
"เปลี่ยนใจแล้ว เอานะ พี่ภา เอาเหอะ"
"เอ๊ะ มายัดเยียดอีกคนแล้ว ทำเป็นคุณพ่อไปได้ ไม่ละ พี่ยังไม่พร้อมจะรักใครหรอก"
"แล้วจะขึ้นคานอยู่อย่างนี้น่ะเหรอ หา พี่ภา"
"นั่นน่ะสิคะ คุณภา"

ประภาถอนใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 11 ตอน ตื่นกรุง (ต่อ)

เพลง "จะเป็นอย่างไรถ้าหญิงชายไม่รักกัน" (คำร้อง ธาตรี ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)

ประภา "เบื่อความรักเสียแล้วสิเออ มิอยากจะเจอะจะเจอ"
นวลลออ "คิดเพ้อเพ้อจนเกินไป แม้รักร้อนเหมือนไฟ จะหนีรักพ้นหรือไร หนียิ่งใกล้พันพัว"
ประไพ "จริงซิเธอ เผลอเผลอรักเข้าถึงตัว แม้ใจยิ่งเกลียดกลัว ความรักยิ่งยั่วยวน"
นวลลออ "รักรักรัก พิกลมันคิดคอยกวน มันเหมือนจะยิ่งชวน จนปั่นป่วนหัวใจ"
ประภา "อยากจะรู้แม้หญิงและชาย คิดตัดสวาทมาดหมาย มันจะกลายเป็นยังไง"
นวลลออ "แม้รักร้างโลกไป โลกคงว้าวุ่นกันใหญ่ และคงไม่น่ามอง"
ประไพ "คงเป็นจริง หญิงชายต้องใฝ่รักครอง ถึงมันจะหม่นหมอง ก็ยังต้องผูกพัน"
นวลลออ "ธรรมดาหญิงชายสร้างไว้คู่กัน อาทิตย์ยังคู่จันทร์ ล้วนสร้างสรรค์เหมาะสม"
นวลลออ ประไพ "ถ้าหากความรักสิ้นไป โลกจะทรามทันใดไม่อำไพชวนชม โลกคงหมองสิ้นปองรื่นรมย์ ทุกชีวาจะพาเศร้าตรมโลกล่มลับพลัน"
ประภา "เรื่องความรักนี้มีอำนาจ แสนแปลกประหลาดไฉน"
นวลลออ "คิดหนีรักกันทำไม กังวลใจไยนั่น ความรักชโลมชีวัน รักสรรค์สร้างโลกา"
ประภา "คงจะจริง หญิงชายจึงได้หันมา รักใคร่กันหนักหนา ใฝ่หารักร่ำไป"
ประไพ นวลลออ "รักรักรัก ชักพาโลกสวยอำไพ ดินฟ้างามสดใส รักกล่อมใจสุขสันต์"
เจ้าคุณปัจจนึกตบมือเดินออกมา
"แหม ยัยไพกับหนูนวลพูดถูกใจพ่อมาก ประภา เอาเป็นอันว่าแกตกลงปลงใจแล้วใช่มั้ย พ่อจะได้ไปสู่ขอดิเรกให้"
ดิเรกพยักหน้ายิ้มแป้นรับคำ
"เยส เยส ออลไรท์"
"คุณพ่อพูดอะไรน่ะ!"
"เอ๊ย พ่อพูดผิดไปหน่อย ให้คุณพ่อของดิเรกมาสู่ขอแก"
ประภาค้อนให้แล้วเดินไป
"อ้าวเดินไปเลย เนี่ยเพราะคุณพ่อนี่ละ ทำเสียเรื่องหมด" ประไพบอก
กิมหงวนส่ายหน้าทำปากจึ๊กจั๊ก
"อะไร้ แก่เสียเปล่า ไม่รู้จักควรไม่ควร"
นวลลออฮุกเข้าที่คาง
"เฮียนั่นละ ไม่รู้จักควรไม่ควร"
"อู๊ย"
"กรกับคุณหงวนจะไปหาคุณพลไม่ใช่หรือคะ บ่ายมากแล้ว รีบๆไปสิ จะได้ไม่กลับบ้านดึกดื่น" ประไพบอก
"จ้ะ ไม่ดึกหรอก พาคนแก่เที่ยว จะดึกได้ยังไง งั้นกรไปก่อนนะจ๊ะ ไพ ไป ไอ้เสี่ยไป"
สองคนทำท่าจะเดินไป
"เฮียหงวน!"
กิมหงวนสะดุ้งเฮือก
"อย่าดึกนะ"
"จ้ะ ไม่ดึกแน่ๆ สาบานเลย"

เวลาต่อมา แห้วกำลังยืนเตรียมต้อนรับ กิมหงวนและนิกรอยู่หน้าบ้าน ทั้งสองเดินเข้ามา ถอดรองเท้า
"เชิญเลยขอรับ คุณพลกำลังรออยู่พอดี"
"รออยู่ที่ไหนละ" นิกรถาม
"รออยู่ในห้องขอรับ กำลังแต่งตัวให้คุณลุงเชยอยู่"

ลุงเชยยืนอยู่หน้ากระจกในชุดผ้าม่วง ผูกไท ใส่เสื้อนอก ถุงเท้าสีเขียวเหลืองของพลสมัยเรียนเทพศิรินทร์ ใส่รองเท้าบู๊ทสีดำ พล นันทา กิมหงวนและนิกร ยืนยิ้มมองอยู่
"โอ้โห เข้าท่าเว้ยไอ้หมา ข้าแต่งอย่างนี้คล้ายท่านนายอำเภอเชียวเว้ย ไหนหมวกของลุงละ อีหมา"
"นี่ค่ะ"
นันทาหยิบหมวกฟางส่งให้ หมวกนี้เป็นหมวกนักเรียนเทพศิรินทร์ ยังมีตรา ท.ศ.อยู่ที่หมวก
"นี่มันหมวกเทพศิรินทร์นี่"
"เออ หมวกเก่าของกันเองละ ถุงเท้าด้วย ลุงแกชอบ"
ลุงเชยมองตัวเองด้วยความภูมิใจ
"คนอะไรทำไมมันหล่ออย่างนี้"
กิมหงวนเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบแป้งเม็ดมา
"ผัดหน้าซะหน่อยซีครับ คุณลุง"
ลุงเชยขยี้แป้งเม็ดแล้วเอาผัดหน้า
"แม่โว้ย ข้าแต่งตัวอย่างนี้ดูเป็นหนุ่มแน่นขึ้นเป็นกองเลยเชียว นี่ละเค้าว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง”
ทุกคนฮาครืน
“ไม่เลวครับคุณลุง แต่งอย่างนี้ไปเล่นลำตัดได้เลย” นิกรว่าแล้วร้องลำตัด “รักกันต้องเอาฟันเลี่ยมทอง เอ๊าว่ารักน้องต้องเอาทองเลี่ยมฟัน เป๊กพ่อ”
พล กิมหงวนร้องรับ
“รักกันต้องเอาฟันเลี่ยมทอง เอ๊าว่ารักน้องต้องเอาทองเลี่ยมฟัน”
กิมหงวนร่าย
“บ้านนอกเข้ากรุงคือคุณลุงของเรา แต่งตัวเข้าเค้าเพราะพวกเราช่วยกัน เหมือนพระสังข์ถอดเงาะ งามเหมาะไม่หยอก ต้ำมะปล็อกช้าปล็อก มะล่อกท่อกบ้องตัน ชดโช้ว”
“โอ๊ย คุณหงวนละ อะไรก็ไม่รู้ ไปกันได้แล้วค่ะ ว่าแต่ว่าอย่าทิ้งคุณลุงแล้วกัน เดี๋ยวหลง” นันทาว่า
เชยหน้าเสีย

“เออ จริงอย่าให้หลงแล้วกัน”

ทั้งหมดเดินลงบันไดมา

“ตกลงพวกแกจะพาข้าไปเที่ยวไหน” เชยถาม
“เดี๋ยวก่อน เรามาตกลงกันก่อนว่า ค่าเที่ยวนี่ใครจะเป็นคนจ่าย” นิกรว่า
“ก็มึงสามคนน่ะซี”
มันไม่ยุติธรรมน่ะจ้ะลุง ชั้นสามคนต้องเสียเวลาพาลุงไปแล้ว ลุงต้องออกเงินค่าเที่ยวให้สิ อะไร มากรุงเทพทั้งทีทำเป็นขี้เหนียวไปได้” พลบอก
เชยเม้มริมฝีปาก
“เอา ตกลง ยอมชิบหายสักเจ็ดสลึง”
“เจ็ดสลึงเองเหรอครับ” นิกรถาม
“ไม่พอเหรอ งั้นข้าให้สิบสลึงเอ้า”
“นี่คุณลุง บางกอกน่ะ เค้าไม่พูดกันเรื่องสลึงหรอก คืนนี้ถ้าเราจะเที่ยวกันอย่างน้อยก็ต้องจ่ายเงินราวห้าหกสิบบาท”
“ห้าหกสิบบาท ตายห่า บ้านข้าปีหนึ่งๆใช้เพียงสี่สิบบาทเท่านั้น”
กิมหงวนยิ้ม ล้วงกระเป๋าหยิบแบงค์ยี่สิบออกมา
“นี่อะไรครับคุณลุง”
“แบงค์ยี่สิบ”
“ผมจะแสดงให้คุณลุงเห็นว่า เงินยี่สิบบาทนี้มีค่าเท่ากับกระดาษฟางเท่านั้น”
กิมหงวนฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลุงเชยร้องลั่น วิ่งไปเก็บเงิน
“อ้ายหมา! มึง มึงกล้าฉีกแบงค์ แบงค์เก๊หรือเปล่านี่”
กิมหงวนส่งแบ๊งค์ให้อีกใบ
“เอ้า คุณลุงเอาอีกใบไปเทียบสิครับว่าเก๊หรือดี”
ลุงเชยก้มหน้าดูอย่างถี่ถ้วน
“เออ แบงค์ดีจริงๆแฮะ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ข้าเพิ่งเคยเห็นคนบ้าวันนี้แหละ ไอ้ชาติหมาเอ๊ย”
ลุงเชยถือโอกาสพับแบ๊งค์แล้วเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง กิมหงวนมองแล้วเอามือเขี่ยสะโพกลุงเชย
“เอ้อ คุณลุงครับ แบ๊งค์ของผมนะครับ แหะๆ คุณลุงท่าจะลืม”
ลุงเชยค้อนขวับ
“จำแม่นจริงเว้ย ว่ากันตามจริงข้าก็มั่งมีพอจะแสดงฉีกแบงค์เหมือนกัน”
“เอาเลยครับคุณลุง อย่าให้เสียชื่อเศรษฐีนครสวรรค์”
“ได้ ได้”
ลุงเชยถลกผ้าถุงขึ้น เอามือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงใน หยิบเงินมาปึกหนึ่ง
“ไอ้หมาเอ๋ย ข้าจะฉีกเงินให้เอ็งดูเดี๋ยวนี้”
“ฉีกเลย ฉีกเลยจ้ะลุง” พบบอก
“ฉีกเลยครับ ๆ” นิกรยุ
เชยชูขึ้นสูง ทำท่าจะฉีก แล้วไม่ฉีก
“ไม่อ่ะ มันไม่มีเหตุผลพอเพียงที่ข้าจะฉีกเงินของข้า”
ทุกคนหัวเราะ ลุงเชยเก็บเงินคืนไป
"เอาอย่างนี้ไอ้ทิด แน่จริงแกต้องทำอย่างข้านี่สิ" เชยหยิบสตางค์แดงขึ้นมา
"อะไรครับ" กิมหงวนถาม
ลุงเชยเงยหน้าอ้าปากเอาสตางค์หยอดใส่แล้วกลืนลงไปเอื๊อก ทุกคนตะลึง
"คุณลุง!" นันทาร้องเสียงหลง
"เอ้อ ไม่ทราบตอนนี้คุณลุงรู้สึกยังไงบ้างครับ" กิมหงวนถาม
"จะรู้สึกยังไง ตอนนี้ข้าก็แค่รอ"
"รออะไรครับ" นิกรถาม
"รอเวลาไปส้วมน่ะสิแล้วจะได้เก็บมันมาล้างน้ำใสให้ดีอีก"
กิมหงวนหลับตาปี๋ ทุกคนหัวเราะแบบไม่อั้น

บรรยากาศกรุงเทพเวลาเย็น รถพลแล่นไปแล้วหยุดให้รถรางผ่าน
"เฮ่ย รถไฟนั่นไม่มีปล่องทำไมแล่นได้ ร้องเสียงดังซะด้วย แก๊งๆๆ ฮ่ะๆๆ สนุกจังเว้ย" เชยว่า
พลหลับตาทำคอย่น
"ลุง นั่นเค้าเรียกรถราง ไม่ใช่รถไฟ"
ทันใดนั้น ลุงเชยมองไปทางตำรวจจราจรที่ยืนอยู่บนแป้น กำลังยกมือทั้งสองห้ามรถ ตำรวจหมุนป้ายแล้วโบกให้รถทางป้ายเขียวแล่นได้ รถจักรยาน รถสามล้อ วิ่งผ่านไป
"ไอ้หมา นั่นตัวอะไรยืนรำยู่"
"ตำรวจจราจรครับ คุณลุง" นิกรบอก
"หา บางกอกนี่มันศิวิไลจนกระทังมีโปลิศยืนรำละครให้ดูเชียวเรอะ สำคัญมากๆ" เชยหัวเราะดังลั่น

บริเวณถนนโค้ง พลยื่นมือออกไปทำสัญญาณเลี้ยว แล้วผ่อนรถให้ช้าลง
"แหม อันที่จริง ไอ้รถยนต์นี่มันขับง่ายนิ เวลาจะให้วิ่งช้าก็ยื่นมือออกไปโบกลมนิดเดียวเท่านั้น
ยอดเยี่ยมจริงๆดีกว่าเกวียนเยอะเลย"
ลุงเชยหยิบหมากมาใส่ปากอีกคำ จักรยานคันหนึ่งตัดหน้า พลหักหลบ ทุกคนร้องลั่น
"ไอ้หมา ถือท้ายดีๆสิเว้ย ข้าจะเป็นลม"
"รถนะลุง ไม่ใช่เรือ" นิกรบอก
"เออ มันก็เหมือนกันละวะ"

ลุงเชยตื่นเต้นมากที่มองเห็นภูเขาทอง
"ไอ้ภูเขาทองๆลูกนั้นมันอะไรวะ ไอ้หมากร"
"ก็ภูเขาทองไงลุง"
"แม่เว้ย นี่น่ะเหรอภูเขาทอง เหอๆๆๆ ยังกะภูเขาทองเชียวนิไอ้หมา สูงชิบหายเลยเว้ย"
"พวกชั้นจะพาลุงมาเที่ยวที่นี่ละ"
"ไม่ไหวละ ข้ากลัวคนแน่นแล้วหลงกับพวกเอ็ง ข้าจะลำบาก"
"ไม่เป็นไรครับลุง ผมหาวิธีไว้แล้ว" นิกรว่า

มีคนเดินอยู่ค่อนข้างแน่น มีตำรวจอยู่ด้วย นิกรส่งลูกโป่งใบใหญ่เบ้อเริ่มให้ลุงเชย
"เอ้า ลุงถือไว้ให้ดีนะ หากหลงไปจะได้หาลุงได้ง่ายๆ"
เชยกระตุกลูกโป่ง
"เข้าทีเว้ย เอ๊ะ ทำไมมันลอยได้ มันคงไม่พาข้าลอยขึ้นฟ้านะ ไอ้หมา"
ลุงเชยหันไปถามพล แล้วหัวเราะเสียงดัง น้ำหมากกระเด็นใส่พล
"โอ๊ย ลุง เวลาหัวเราะหันไปทางอาเสี่ยโน่น"
"ทางนี้เหรอ"
"อย่า!"
ช้าไปแล้ว ลุงเชยหันไปทางเสี่ย อ้าปากหัวเราะ กิมหงวนกระโดดหลบ แต่ไม่ทันน้ำหมากกระเด็นใส่ นิกรและคนแถวนั้นหัวเราะดังลั่น
พลเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ด
"โอ๊ย เลอะเทอะไม่ไหวเลย กินเข้าไปทำไมหมากเนี่ย ดูสิ ปากยังกะถ้ำขุนตาล"
"พูดถึงน้ำหมาก ข้าไม่ไหวแล้วเว้ย เมื่อกี้กินหมากไปหลายคำ ยังไม่ได้บ้วนเลย"
เชยถอนใจ
"นั่นโปลิศใช่มั้ย"

"ใช่ครับ ลุงจะทำไม" นิกรถาม
 
อ่านต่อหน้า 4

พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 11 ตอน ตื่นกรุง (ต่อ)

เชยเดินตรงไปหาตำรวจ ถลกผ้าม่วงขึ้นหยิบธนบัตรใบละบาทในกระเป๋าออกมาสองบาท ส่งเงินให้ตำรวจแล้วบ้วนน้ำหมากสองปรี๊ด ตำรวจร้องลั่น

"คุณตำรวจครับ ผมยอมให้ปรับครับ ทนไม่ไหวแล้ว เอาไปเหอะคุณสองบาท สองปรี๊ด"
เชยเดินกลับไปหาสามเกลอ ตำรวจมองเงินแบบงงๆ แล้วเดินมา ตำรวจยิ้มถาม
"อะไรกันครับลุง"
"ก็ค่าปรับที่ผมบ้วนน้ำหมากน่ะซี"
ตำรวจสะดุ้ง แล้วหัวเราะ
"ค่าปรับ ใครบอกลุงว่าบ้วนน้ำหมากบนถนนแล้วถูกปรับ"
"ก็ผมโดนมาแล้วนี่ครับ ที่สะเตชั่น บ้วนปรี๊ด เค้าจะจับผมเลย"
"เค้าห้ามเฉพาะในสถานีรถไฟเท่านั้นละครับ"
"หา จริงเหรอ"
ตำรวจหัวเราะ
"จริงครับ"
เชยหันไปว่าพวกพล
"ไอ้หมา ทำไมไม่บอกข้าวะ ปล่อยให้อมอยู่ตั้งนาน"
สามเกลอหัวเราะลั่น
"ก็คุณลุงอยากเซ่อเองนี่ ฮิๆๆ" กิมหงวนบอก
"คุณตำรวจผมขอถามอีกครั้งเพื่อความอินชัวร์ บ้วนได้แน่นะ"
"แน่ครับ บ้วนได้"
ลุงเชยบ้วนน้ำหมากลงพื้นทันที
"ลุง! ทำไมบ้วนน้ำหมากอย่างนี้ หา!"
เชยหน้าซีดทันที
"อ้าว ก็คุณบอกผมเองนี่ครับว่า ให้ผมบ้วนน้ำหมากบนถนนได้"
"ก็แล้วคุณลุงบ้วนลงบนถนนเมื่อไรละ ดูนี่สิ"
ตำรวจชี้ให้ดูขากางเกงที่แดงเถือกไปด้วยน้ำหมาก
"เห็นมั้ยขาแข้งผมแดงเถือกไปหมด"
ทุกคนสะดุ้ง
"เดี๋ยวปั๊ด จับซะเลยนี่"
สี่คนรีบเดินหนีไป

ลุงเชยและสามเกลอเดินดูร้านในงานวัดต่างๆ ลุงเชยตื่นเต้นมาก วิพากษ์วิจารณ์คนที่ผ่านไปมา
"ฮ่ะๆๆ สนุกอะไรอย่างนี้เว้ย เขียวๆแดงๆลายตาไปหมด"
สาวสวยแต่งตัวโป๊เดินผ่านมา
"อีหมาคนนั้น เออแน่ะ ทำไมใส่เสื้อโบ๋เข้าไปข้างในเห็นหน้าอกขาวจั๊วะเลย"
ผู้หญิงหันมาค้อน
"ไอ้แก่บ้ากาม"
เชยสะดุ้ง
"ลุงพูดเบาๆหน่อย เดี๋ยวโปลิศจับ"
"หา พูดดังก็ไม่ได้เหรอ"
"ครับ ผิดพรบ.ป้องกันการอึกทึกครึกโครมอันเป็นภัยต่อสังคม" กิมหงวนบอก
"ตายห่า อย่างนี้คนแถวบ้านข้ามาไม่ได้เลย ติดคุกกันระนาว"

ของที่ขายส่วนใหญ่เป็นพวกตุ๊กตาของเล่นสังกะสีต่างๆ อาแปะที่ขายกำลังทดลองไขลานให้ดู
พล นิกร กิมหงวนและลุงเชยยืนอยู่หน้าร้าน
"ข้าเอาตุ๊กตา ชิงช้าเหาะ รถราง สามอย่างนี้ จะเอาไปฝากหลานๆที่นาคอนซาหวัน เท่าไร"
"ตุ๊กตาสามบาท" อาแปะบอก
"สามบาท แพงตายโหง หกสลึงเถอะวะ"
"ไม่ล่ายๆสองบาก"
"หนึ่งบาท"
"อาไรวะ เมื่อกี้ต่อหกสลึงตอนนี้มาเหลือหนึ่งบาท"
"จะให้หรือไม่ให้ว่ามา แป๊ะ"
"สองบาทน่อ"
"หนึ่งบาท"
"สิบซาหลึง"
"ห้าสลึง"
"ทำไมลุงต่อคึ่งๆทุกทีเลย"
"อ้าวก็ข้าหารสองไงวะ สองหนึ่งสอง สองสองสี่"
"อ๋อ หางสองเหรอ อย่างงั้น ห้าบาท"
"สิบสลึง"
"ได้ๆ เอาไปเลย"
ทุกคนหัวเราะ
พลพูดกับลุงเชย
"เอ้า ลุง ทำไมเสียทีเขาละ เมื่อกี้เค้าบอกสิบสลึง ลุงต่อห้าสลึงแล้วพอ เค้าบอกห้าบาทลุงดันจ่ายเค้าสิบสลึงเฉยเลย"
"เออ จริงว่ะ ชะช้า มันเห็นข้าเป็นหมูเรอะ เฮอะ ชิงช้าเหาะนี้เท่าไร"
แปะคิดๆ
"หกบาท"
"สองบาท"
แปะสะดุ้ง
"เอ้า ทำไมไม่เอาสองหารละ ลุง"
"แกคิดจะโก่งราคาข้าเผื่อให้ข้าเอาสองหาร ข้ารู้ทันก็เลยเอาสามหารละซี จะให้มั้ยละ"
"ก็ได้ๆ เอาอะไรอีก"
"รถรางนี่เท่าไร"
"สิบบาท"
"เอาสิบหาร สิบหนึ่งสิบ สิบหารหกไม่ได้ขาดอีกสี่ เอ็งเอารถนี่มาให้ข้าแล้ว เอาเงินมาให้ข้าอีกสี่บาท"
"หยวนๆน่อ"
แปะเปิดกำปั่นหยิบแบงค์บาทสี่ใบออกมาให้ลุงเชย แต่แล้วคิดขึ้นมาได้รีบแย่งกลับ
" ไอ้หยา ไม่ล่ายๆ อั๊วเผอไป เอาใหม่ๆ ลดให้แล้วเหลือหกบาท ต่อใหม่สิคุณลุง"
"หกหนึ่งหก .. บาทนึง ขาดตัว"
"ก้อได้ วันนี้ขาดทุนย่อยยับ ทั้งหมดรวมกัน สิบหลึงสองบาทหนึ่งบาท รวมห้าบาทห้าสิบตังค์"
ลุงเชยถลกผ้านุ่งจะล้วงกางเกงใน
"โอ๊ย ไม่ต้องแล้ว ผมฟังแล้วทุเรศเหลือเกิน ผมออกให้เอง" กิมหงวนบอก
ลุงเชยยิ้มแป้น กิมหงวนควักแบงค์บาทออกมาหกใบ
"หกบาททอนห้าสิบสตางค์"
แปะส่งเงินทอนให้ ลุงเชยรีบตัดหน้ารับมาและเอาใส่กระเป๋าตัวเอง
สามเกลอมองหน้ากัน
"แหม สนุกจริงเว้ย ไป ไปกันต่อเหอะ"
เชยเดินนำหน้า สามคนซุบซิบกัน
"ลุงแกนี่ขี้เหนียวซะจริงๆเลยพล เราน่าจะแกล้งหลอกต้มให้แกจ่ายเงินบ้างนะ" นิกรบอก
"อือม์ จริงว่ะ" พลว่า

สามคนหัวเราะกัน

ภายใน ทางเดินเข้าแฮปปี้ฮอลล์ สี่คนเดินมา สาวเสิร์ฟยกมือไหว้

"ว้าย อาเสียมา ดิดถึงจังเลย แล้วนี่ใคร" สาวเสิร์ฟหันไปหาเชย "คุณพี่รูปหล่อคนนี้"
เชยสะดุ้ง
"ข้าเหรออีหมา"
สาวเสิร์ฟสะดุ้ง
"เอ้อ อย่าไปถือเลย นี่คือลุงของชั้นเองจ้ะ แกเพิ่งมาจากบ้านนอก ชื่อลุงเชย"
"คุณลุง ต๊าย ทำไมดูไม่แก่เลยซักกะนิด ขอเรียกคุณพี่ได้มั้ยคะ พี่เชย"
สามเกลอหัวเราะกันกิ๊กกั๊ก
เชยยืด
"ตามสบายจ้ะน้องสาว"
"เชิญเลยค่ะ เชิญข้างในเลย"
สาวเสิร์ฟเดินนำไป
"ที่นี่มันที่ไหนวะไอ้หมา ทำไมมันศิวิไลย์อย่างนี้ ตายห่ะ เห็นผู้หญิงแต่ละคนแล้วหัวใจจะวาย"
"แฮปปี้ ฮอลล์ครับคุณลุง ที่นี่มีเหล้าขาย มีผู้หญิงสาวๆสวยๆ ให้กอด หรือจะจูบเล่นบ้างก็ได้" กิมหงวนบอก
"หา จริงเหรอ"
"จริงครับ"
"ชดโช้ว ถ้าจริง ลุงเลี้ยงเต็มที่เลยวะไอ้หมาหงวนเอ๋ย"
ลุงเชยกับกิมหงวนเดินนำหน้าไป พลกับนิกรเดินตามหลังแล้งซุบซิบกัน
"เดี๋ยวสั่งอาหารให้เต็มโต๊ะเลยนะ มอมเหล้าเลย แล้วให้แกจ่ายเงินเลี้ยงเรา"
"เหนียวขนาดนี้ต้องโดนสั่งสอนบ้าง เอาให้ชิบหายเยอะๆเลยนิ"
ลุงเชยแอบได้ยินสองคนพูด สองคนหัวเราะกัน

เสียงนาฬิกาตี สองยามแล้ว ห้องรับแขกบ้านพัชราภรณ์ นันทาเดินด้วยความหงุดหงิดไปมา มีคุณหญิงและเจ้าคุณนั่งอยู่บนเก้าอี้
"ดูสิคะ สองยามแล้วยังไม่กลับอีก"
"นั่นนะซี นี่พวกมันพาพี่เชยไปหัวหกก้นขวิดที่ไหนไม่รู้" เจ้าคุณประสิทธิ์ว่า
"คงจะพาไปซปอ.อะไรสักแห่งล่ะค่ะ" คุณหญิงว่า
"ซปอ.มันเป็นคำย่อของวันซ้อมป้องกันภัยทางอากาศไม่ใช่เหรอ"
"อุ๊ย ไม่ใช่นี่คะ ดิชั้นเคยได้ยินตากรแกบอกว่า ซปอ.น่ะ หมายถึงซ่องป้าอบ"
ประสิทธิ์และนันทาร้องลั่น
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคุณหญิง"
"จะไปรู้หรือคะ ไว้ใจไม่ได้หรอก สงสารแต่พี่เชยละซี ยิ่งซื่อๆเซ่อๆอยู่ ป่านนี้คงโดนไอ้สามคนนั่นหลอกต้มไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้" วาดว่า
นันทาเห็นลุงเชยเดินเข้ามาพอดี ในมือถือของพะรุงพะรัง
"อุ๊ย คุณลุง"
"พี่เชยมายังไงเนี่ย ไอ้สามตัวละ"
"ข้านั่งรถสามล้อมาเจ้าคุณ"
"แล้วพี่เชยบอกสามล้อถูกหรือคะ ว่าจะให้พามาที่ไหน"
"อ้อ ง่ายมาก ข้าบอกว่าให้พาข้ามาส่งที่บ้านเจ้าคุณประสิทธิ์หัวล้านที่ถนนเพชรบุรี แค่นั้นละ มาถึงที่เลย"
"แล้วพล นิกรกับคุณหงวนละคะ" นันทาถาม
"ชิชะ ผัวเอ็งมันร้ายนัก พาข้าไปแฮปปี้ฮอลล์กะจะต้มหมูข้า สั่งเหล้ายาปลาปิ้งมาเต็มโต๊ะ กะมอมให้ข้าเมาแล้วจะให้ข้าจ่ายเงิน ฮะฮ้า ไม่รู้จักไอ้เชยนักเลงนาคอนซาหวันซะแล้ว ข้าเลยแก้เผ็ดด้วยการมอมมันมั่ง จนมันไม่ได้สติเมาเละเทะเป็นหมูเป็นหมาเลย"

ย้อนคิด ที่แฮปปี้ฮอลล์ก่อนหน้านี้ บนโต๊ะมีเหล้ายาอาหารกองเต็ม พล นิกร กิมหงวนโดนลุงเชยกรอกเหล้าจนเมาไม่ได้สติเป็นหมูเป็นหมา
สามคนฟังลุงเชย นันทาโมโหผัวมาก
"แล้วข้าก็หนีมานี่ละ ให้มันจ่ายเงินซะให้เข็ด ฮ่ะๆๆ หากไม่เชื่อข้า อีหมานันทาเอ็งชวนเมียไอ้กรกับไอ้หงวนไปดูสิ จะได้เห็นกับตา ฮ่ะๆๆ"
ลุงเชยเดินลอยชายออกไป
"ฮึ่ม หนูไปแน่ค่ะ ลุง"

ในเวลาต่อมา เสียงตุ้บตั้บดังโอดโอยดังจากภายในแฮปปี้ ฮอลล์ สาวเสริฟข้างนอกยืนชะเง้อมองอย่างตกใจ สาวเสิร์ฟอีกคนวิ่งออกมา
สาวเสิร์ฟ1ถาม
"เอะอะอะไรกัน"
สาว2บอก
"ศึกภรรเมีย หลบเร็ว"
สองคนหลบอยู่แถวนั้น
พล นิกร กิมหงวน วิ่งออกมาหน้าตายับเยิน ตาเขียวปูด
สามคนต่างร้อง
"ช่วยด้วยๆ พอแล้วจ้ะ พอแล้ว"
นันทา ประไพ นวลลออ ถือถาดบ้าง ถือขวดบ้าง ตามไล่ตีมาติดๆ

"อย่าหนีนะพล - นี่แน่ะๆ - เฮียหงวน ตาย!"
 
อ่านต่อตอนที่ 12 ตอน เขยใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น