หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 11
เอเดินยิ้มเข้ามาในครัว หน้าตาสดใส เพราะวินโทรศัพท์มาร้องเพลงหวานๆ ให้ฟังตั้งแต่เมื่อคืน แม่บ้านเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่ม
“คุณวินล่ะ”
“ออกไปแต่เช้าเลยค่ะ สั่งให้เอาจดหมายให้คุณ”
แม่บ้านส่งจดหมายให้
“ขอบใจนะ”
เอ เปิดจดหมายอ่าน
“ผมไปธุระแป๊บเดียว จะรีบกลับนะครับ ป.ล. ขอบคุณที่หายโกรธครับ”
เอ แกล้งทำหน้างอน “ใครบอกว่าหายยะ”
จากนั้น ก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องครัว
“ฉันจะออกไปข้างนอก ถ้าคุณวินกลับก่อนก็ให้โทรไปหาฉัน”
แม่บ้าน พยักหน้ารับคำ “ค่ะ”
“คุณวินมาขอพบค่ะ”
เลขาเข้ามารานงานนายสมภพในห้อง
“ผมไม่ว่าง ไม่ได้นัดมา”
นายสมภพพูดจบ วินก็พรวดเข้ามา พร้อมมือปืน 2 คน
“ผมขอเวลานิดเดียว ผมรู้ว่าสินค้าเถื่อนของคุณถูกยึด”
สมภพตกใจ “ที่แท้คุณ”.
“อย่าเข้าใจผิด ถ้าผมทำ ผมไม่มาคุยกับคุณหรอก”
“คุณต้องการอะไร”
“ผมอยากเปิดโอกาสให้คุณร่วมมือกับผม”
สมภพ มองวินอย่างคาดไม่ถึง
“ยัยเอ ชักจะเลอะเทอะใหญ่แล้ว ไปร่วมงานกับนายเกื้อพร”
พิ้งค์บ่นกับแก๊ง 4 สาว ในขณะที่กำลังเดินอยู่บนสายพานในฟิตเนส วุ้นพยักหน้าเห็นด้วย“นั่นนะซิ ใครๆก็รู้ว่านายนี่ มาเฟียตัวเบ้ง”
“ไงจ๊ะสาวๆ”
ทั้งหมดหันไป ก็เห็นเอยืนอยู่ในชุดออกกำลังกาย ทุกคนรีบลงมาทักทาย
“มาได้ยังไงจ๊ะยัยเอ”
พิ้งค์ทักทาย สีหน้ายิ้มแย้ม
“ลืมแล้วเหรอจ๊ะ ว่าฉันเป็นเมมเบอร์ วีไอพีที่นี่ตลอดชีวิต เหมือนพวกเธอ”
“ดีใจที่สุดเลย นึกว่าเมื่อไหร่เธอจะมาหาพวกเรา” เมย์รีบพูดอย่างเอาใจ
“ใช่ มาหาแต่โมคนเดียว ไม่แฟร์เลยเราทุกคนมีส่วนร่วมในกองทุนหลบหนีของเธอนะจะบอกให้”วุ้นบ่นแบบน้อยใจ โมแอบทำหน้าเบื่อ ในขณะที่เอปั้นหน้ายิ้มให้
“ก็ถึงได้มานี่ไงล่ะ ฉันขอบใจทุกคนมากนะจ๊ะ ฉันมาวันนี้อยากจะบอกว่า เงินที่ฉันใช้ไป ฉันได้รวบรวมตัวเลขครบทุกบาททุกสตางค์”
พิ้งค์รีบพูดเอาหน้า
“แหม คิดมากน่า จิ๊บจ้อย”
“ฉันรู้ ฉันเลยเอาไปทำบุญในนามของพวกเธอทุกคนทุกบาททุกสตางค์ หมดเลย”
โมเกือบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ในขณะที่อีกสามสาว หันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ขอบใจจ้ะ เอ พวกนี้อิ่มบุญจนพูดอะไรไม่ออก”
“ขอตัวก่อนนะจ๊ะ แล้วว่างๆทานข้าวกัน โอเค. บาย”
เอ ขยิบตาให้โมอย่างรู้กัน ก่อนที่จะเดินออกไป
“ตกลงแปลว่าอะไรจ๊ะ โม ฉันงงหมดแล้ว”
วุ้นยังไม่หายงง
“แปลว่าเราไม่ได้เงินคืนนะซิ”
พิ้งค์หน้าเครียด
“คุณมีแผนอะไร คุณก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมยิงนายสุชาติ แล้วคุณจะมาทำธุรกิจกับผมมันฟังไม่ขึ้น”
นายสมภพจ้องวินอย่างไม่ไว้ใจ
“เรื่องคุณยิงนายสุชาติ ผมไม่สน นายสุชาติไม่ได้เป็นเพื่อนผม เรื่องคดี ผมเชื่อว่าผมหลุด ถ้าคุณเปลี่ยนคำให้การ”
สมภพพยักหน้า “ที่แท้เป็นแบบนี้เอง”
“ใช่ ลองคิดดู คุณจะยัดคดีฆ่าคนตายให้ผม หรือจะทำธุรกิจกับผม รวยด้วยกันทั้งคู่”
“เกิดอะไรขึ้น อยู่ๆคุณก็จะเสี่ยงอยากรวยขึ้นมา”
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อีกอย่าง สาวที่ผมจีบอยู่รวยล้นฟ้า ผมต้องการยกระดับตัวเอง”
สมภพยิ้มอย่างคิดว่าตัวเองได้เปรียบ
“ถ้าผมไม่สน”
“คุณคงเคยได้ยินชื่อคุณเกื้อพร”
สมภพอึ้ง รีบพยักหน้ารับไม่รู้ตัว “งั้นก็ ตกลงตามนั้น”
วินยิ้ม แล้วเดินนำมือปืนออกไป นายสมภพจ้องตามด้วยความแค้น
“ตากูเมื่อไหร่ เอ็งดับแน่ ไอ้วิน”
“นายสมภพมันไม่สงสัยเลยเหรอว่าอยู่ๆทำไมคุณถึงชวนมัน”
ผู้กองวันชาติอดสงสัยไม่ได้
“ผมแกล้งบอกให้มันเปลี่ยนคำให้การ”
“มันนึกว่าคุณจนตรอก”
วิน พยักหน้า “ครับทีนี้ผมก็ไปบอกนายเกื้อพร ว่าผมยินดีร่วมงานด้วย เท่านี้ก็จบ”
เอ ที่นั่งฟังอยู่ด้วย รีบท้วงขึ้น
“ฟังดูดี ฉันขอบอกไม่ใช่จบ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นมากว่า จุดเริ่มต้นของความเดือดร้อน”
วินกับเอ เดินทางมาพบนายเกื้อพรกับคณะกรรมการองค์กร ที่ห้องอาหารในแรงแรมหรู
“ผมยินดีมากที่คุณตัดสินใจร่วมงานกับเรา”
“แค่ลองดูก่อน ในเมื่อคุณเชิญ ผมคิดว่าผมควรให้เกียรติ”
เอรีบเสริม “แต่ถ้ามีปัญหาค่อยว่ากัน ต่างคนต่างไป”
นายเกื้อพรยิ้มพยักหน้าอย่างพอใจ “ส่วนแบ่ง 65 กับ 35”
วินยิ้มหันมามองเอ “คุณเอ ว่ายังไงครับ”
“65 กับ 35 ดิฉันคิดว่าคุณวินเอาเปรียบคุณเกื้อพรเกินไป เอาเป็นว่า 50 กับ 50 ดีกว่า”
“คุณนี่นิสัยดีจริงๆ โอเค 50..50”
วินยื่นมือให้ นายเกื้อพรยิ้มเยือกเย็น ที่เสียท่า แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นมือให้จับ
“ผมอิจฉาคุณจริงๆคุณวิน คุณมีผู้หญิงที่ทั้งเก่งและสวยอยู่เคียงข้าง คอยระวังหลังให้คุณ”
“ครับโชคดีที่สุดในโลก”
เอยิ้ม “จริงๆแล้วฉันเป็นคนตัดสินใจว่าใครจะมีโชคหรือไม่มีโชคมากกว่า”
“เราขอตัวก่อนนะครับ”
วินกับเอลุกขึ้น นายเกื้อพรกับคณะกรรมการองค์กรลุกตาม เมื่อวินกับเอเดินออกไป คณะกรรมการก็หันมาถาม
“นี่คุณเกื้อพร คุณจะยอมเหรอ 50 50 ไม่ได้นะ”
นายเกื้อพรตอบยิ้มๆ “ให้พวกนั้นตายใจก่อน ถึงเวลาค่อยว่ากันอีกที”
“ขณะนี้ ผู้ต้องหายิงนายสุชาติตายซึ่งได้รับการประกันตัวรอการพิจารณาคดีอยู่ ได้เข้าบริหาร บริษัทส่งออกเปิดใหม่ โดยมีนายเกื้อพรเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นายเกื้อพรเคยสนับสนุนนายสุชาติผู้ตายมาแล้ว และกำลังจะยุบบริษัทเก่าที่เคยมีนายสุชาติดูแลอยู่ มาหนุนหลัง บริษัทใหม่อย่างเต็มตัว ขณะนี้นักข่าวของเราพร้อมจะสัมภาษคุณเกื้อพรแล้ว”
ผู้สื่อข่าวรางานสถานการณ์สด พลางยื่นไมค์มาสัมภาษณ์นายเกื้อพร“คุณเกื้อพรมั่นใจหรือคะว่าผู้ต้องหาบริสุทธิ์ ถึงได้สนับสนุนเต็มร้อยแบบนี้”
“คุณวิน คุณเอ เป็นเพียงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่อยู่ผิดที่และผิดเวลาเท่านั้นเอง”
“แต่มีพยานเห็นชัดให้การมัดตัวชัดเจน” นักข่าวซักต่อ
“ผมว่าพยานอาจสับสนก็ได้ ผมว่าเวลาผ่านไปพยานอาจจะได้คิด” ตอบพลางมองจ้องกล้อง เหมือนตั้งใจขู่นายสมภพ “และออกมาให้การตามความจริงอย่างแน่นอน”
ผู้กองวันชาติ กดรีโมทปิดทีวี ก่อนจะวางลงบนโต๊ะกลางในห้องรับแขก
“นายเกื้อพรนี่ร้ายจริงๆ บิดเบือนได้เนียนมาก”
วินยิ้มรับ “แต่ก็เข้าแผนอย่างที่เราต้องการ”
“ครับ คราวนี้ก็รอเวลาว่าเหยื่อจะติดเบ็ดเท่านั้นเอง”
“หวังว่าเราสองคนไม่แก่ตายหรือไม่ก็ถูกฆ่าตายซะก่อน” เอพูดประชด
“อันนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณสองคนแล้วครับ”
ในขณะที่ที่หน้าศาล นักข่าวสาวกำลังรายงานข่าว
“ในเวลาเดียวกันเป็นการบังเอิญอย่างยิ่งมีการแถลงข่าวของนายสมภพ ว่าตามที่ตนเคยให้การว่า
นายวินและสาวไฮโซเอ ร่วมกันฆ่านายสุชาตินั้น อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ เพราะตอนนั้นเกิดความสับสน และตนอาจจะเมา คาดว่าคดีนี้ศาลต้องตัดสินยกฟ้องอย่างแน่นอน”
นายสุรชัยเดินไปมาอยู่ในห้องทำงานด้วยความโกรธ เมื่อไอ้อ๊อดมารายงาน
“มันเปิดตัวบิดเบือนกันซึ่งๆหน้า ข้าไม่ยอมให้ลูกข้าตายฟรีหรอก ไอ้อ๊อดเอ็งเตรียมคน ข้าจะเล่นงานมัน”
“แต่ท่าน นายเกื้อพรมีอิทธิพลมาก”
“ข้าไม่ได้เล่นงานนายเกื้อพร ข้าจะเล่นงานไอ้วินกับนังนั่น มันพรากชีวิตลูกข้าทั้งคน”
“แต่ว่า คือ “ ไอ้อ๊อดน้ำท่วมปาก เพราะรู้ดีว่านายสมภพเป็นคนยิง
“ไอ้อ๊อด เอ็งเลือกเอา เอ็งจะทำตามคำสั่งหรือออกไปให้พ้นหน้าข้า”
ไอ้อ๊อดถอนใจ แล้วรีบเดินออกไป
จากนั้นไอ้อ๊อด ก็มาเข้าพบนายสมภพในห้องทำงาน มีไอ้เม่นยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ
“เอ็งมีเรื่องด่วนอะไรนักหรือวะ ถึงต้องรีบมาหาข้าตอนนี้ ข้ากำลังยุ่ง”
“ขอโทษครับคุณสมภพ แต่ผมมีเรื่องสำคัญ”
“เอ้า ว่ามา”
ไอ้อ๊อดชำเลืองมองไอ้เม่น สมภพสังเกตเห็น ก็รีบออกป่าก
“ไอ้เม่น เอ็งออกไปก่อน”
ไอ้เม่นเหล่มองไอ้อ๊อดอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดี
“ผมอยากจะขอมาทำงานกับพี่ครับ”
“อ้าว แล้วนายสุรชัย”
ไอ้อ๊อดหน้าเครียด “ท่านสุรชัยจะให้ผมเล่นงานไอ้วิน ขืนผมลงมือ นายเกื้อพรเล่นผมตายแน่”
“นายสุรชัยบ้าเลือดไม่ยอมหยุด นี่ถ้ามันรู้ว่าข้าเป็นคนยิง ไอ้สุชาติมันคงตามเล่นงานข้าไม่เลิกรา”
“แน่นอนที่สุด”
ไอ้อ๊อดทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ว่ามันรู้ความลับ นายสมภพรู้ทันแต่แกล้งทำเฉย
“เอางี้ เอ็งทำตามที่นายสุรชัยสั่ง”
“อ้าว ผมก็ไม่รอดน่ะซิ”
“เอ็งก็บอกไปซิว่า นายสุรชัยสั่ง เอ็งไม่มีทางเลือก แล้วเอ็งก็มาทำงานกับข้าได้”
ไอ้อ๊อดนิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้าตกลง
“นี่ลูกคิดอะไรอยู่ ถึงได้ไปร่วมมือกับนายเกื้อพรมันเป็นมาเฟีย มันเป็นคนโกง รู้ๆอยู่แล้ว”
นายประสิทธิ์ถามเอทางโทรศัพท์ด้วยความแปลกใจ
“คุณพ่ออยู่เฉยๆดีกว่า คุณพ่อทำตัวให้ดีก่อนค่อยมาสอนลูก”
เอวางสาย วินถึงกับส่ายหน้า
“ผมว่าคุณจะโหดกับคุณพ่อคุณมากไปหน่อยแล้ว”
“นี่นายอุดมการณ์ นายมีอุดมการณ์เป็นคนดี ขนาดไม่ยอมรับลูกสาวคนโกง ฉันก็มีอุดมการณ์เหมือนกัน ในเมื่อคุณพ่อฉันเป็นคนโกง ฉันก็ไม่จำเป็นต้องนับถือ ฉันไม่ฟ้องก็ดีแล้ว”
วิน ตกใจ “หา ฟ้องคุณพ่อคุณเนี่ยนะ”
“ใช่ ฟ้องที่เป็นบุคคลโกงกิน ทำให้ลูกเสียหาย เป็นที่รังเกียจของสังคม นายรังเกียจที่ฉันเป็นลูกคนโกงลืมแล้วเหรอ”
“แต่คุณ คือ ผม” วินพูดไม่ออก
“นั่นไง ฉันถึงต้องฟ้อง ถ้าฉันโกงเหมือนพ่อฉัน ฉันก็ช้อปปิ้งสบายอารมณ์ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวไปแล้วซิ”
“ครับ คุณทำถูกแล้วครับ”
“แน่นอน”
พูดจบเอ ก็เดินออกไป
“เดี๋ยวครับ คุณจะไปไหน”
“ไม่รู้ ไปจากคุณ”
“แต่เรากำลังจะไปทานข้าวกับคุณพ่อแล้วก็น้องแนนนะครับ”
เอ สะดุดกึก “เพราะคุณนั่นแหละทำให้ฉันลืม”
“พ่อรู้ว่าเป็นแผน แต่ก็ต้องขอเตือนว่าระวังตัวหน่อย”
ทอมเตือนด้วยความเป็นห่วง เมื่อทั้งหมดนั่งร่วมวงกันที่ร้านอาหาร
“ครับ” วินรับคำ
“ดูแลคุณเอ ให้ดีล่ะ”
“เอ้อ ครับ”
เอ มองค้อนวิน “ไม่ค่อยจะดูแลหนูหรอกค่ะ คุณพ่อ”
“อ้าว ไม่ได้นะลูก เราเป็นลูกผู้ชาย ยังไงก็ต้องเป็นสุภาพบุรุษ ป่านนี้โจ กับ แนน ยังไม่มาอีก”
“มาโน่นแล้วค่ะ”
โจกับแนน เดินเข้ามา แนนเข้ามากอดเอ ในขณะที่โจเดินไปทักวิน
“โห พี่เอ สวยเหมือนมาเฟียตัวแม่เลยค่ะ”
เอยิ้มรับ “แท้งกิ้ว”
“คุณเอ สบายดีนะครับ”
“ก็สบายดีค่ะ แค่เบื่อหน้าคนใกล้ตัว”
“อ้าว นายวิน”
ทอม รีบตัดบท “เอาล่ะ สั่งข้าวทานกันดีกว่า พ่อหิวแล้ว”
“ระวังตัวให้ดีนะเพื่อน นายเกื้อพรมีพิษสงร้ายกาจ” โจเตือนวินด้วยความเป็นห่วง
“ฉันรู้ แต่อย่างน้อยการร่วมงานกับนายเกื้อพร ก็ทำให้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับฉัน ไม่กล้ายุ่งกับพวกเราทุกคนด้วย ถือว่าเป็นผลดี มากกว่าเสีย”
ทอม ถอนหายใจเบาๆ “พ่อก็หวังว่าอย่างนั้น”
“ก็อาจจะจริงครับ หลังจากที่ข่าวออกมาก็ไม่มีพวกมันโผล่มาให้เห็น”
วินหันมาแหย่แนน “งั้นยัยแนน ก็ไม่ต้องกวนให้พี่โจเทียวรับเทียวส่งอีกแล้วซิ”
“พี่โจไม่ว่าซักกะหน่อย”
“เอาล่ะ แยกย้าย กันได้แล้ว”
ทอมสรุป ก่อนที่โจ จะเดินนำทอมกับแนนขึ้นรถ วินกับเอ ยืนมอง จนรถของโจเคลื่อนตัวออกไป
“ทุกคนดูเหมือนว่าจะปลอดภัยพ้นจากพวกมัน”
“ก็เหลือฉันเนี่ยล่ะ ที่ไม่ปลอดภัยเพราะอยู่ใกล้คุณ”
วินยิ้ม “ถ้าผมพาคุณไปช้อปปิ้งอารมณ์จะดีขึ้นมั้ยครับ”
“โอ เยส ดีขึ้นแน่นอน”
เอเดินช้อปปิ้งอยู่ในศูนย์การค้า พลางเหลือบสายตาไปเห็นพอลกับนุจรี จึงเดินเข้าไปทัก
“สวัสดีค่ะคุณพอล”
“คุณเอ เอ้อ”
เอยิ้มให้นุจรี แล้วแนะนำตัวเอง “พี่ชื่อเอ ค่ะ”
“ชื่อนุจรี” นุจรีตอบเชิดๆ
“เรียนอยู่ที่ไหนคะ”
นุจรีไม่ตอบ พอลรีบตอบแทน
“ที่มหาวิทยาลัยของคุณนุจรีจัดละครการกุศลผมร่วมแสดงอยู่ด้วยกับคุณนุจรี”
“อ้อ ดีค่ะ”
“เอ้อ คุณเอ สบายดีนะครับ”
“เอ สบายดีค่ะ แค่อยากจะขอบคุณที่คุณพอลพยายามจะช่วยเอ ตอนนี้คุณพอล ก็ไม่ต้องห่วงเอ แล้วนะคะ บ๋าย บาย ค่ะ”
เอ ยิ้มให้พอลแล้วเดินออกไป โดยไม่สนใจนุจรี
“ทำไม่คุณพอลไม่แนะนำว่าคุณนุจรีเป็นแฟนคุณพอล” นุจรีโวยวายอย่างหงุดหงิด
“คุณเอรู้น่า เขาถึงได้รีบเปิดไปเลยไง ไม่กล้าอยู่คุย ไม่เห็นเหรอ ผมอยู่กับคุณนุจรี ใครๆก็รู้ว่าคุณ นุจรีเป็นแฟนผมอยู่แล้ว”
นุจรียิ้มออกมาได้
เอเดินหาวิน ที่ยืนดูทีวีอยู่ที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า
“หาตั้งนาน มายืนแอบดูทีวีอยู่นี่เอง”
วินหันมาสีหน้าเคร่งเครียด เอสงสัย รีบหันมามองที่ทีวี ในขณะที่นักข่าวกำลังรายงานข่าวอยู่ในจอ
“ค่ะ ย้ำอีกครั้งนะคะ รถเก๋ง หมายเลขทะเบียน... ถูกคนร้ายลอบยิง เสียหลักชนเสาไฟฟ้า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ คนร้ายหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจที่เกิดเหตุอย่างเข้มข้น”
เอหน้าซีดด้วยความตกใจ
“ รถคุณโจ”
วินวิ่งนำเอเข้ามาในโรงพยาบาล จนมาถึงหน้าห้องผู้ป่วย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกันไว้
“ตอนนี้ยังห้ามเยี่ยมครับ”
“แต่ผม”
วินกำลังจะอธิบาย แต่หมอโจ๊กที่เดินเข้ามา พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ ไม่เป็นไรครับสองคนนี้เป็นญาติของผู้เจ็บ คุณวิน คุณเอ”
“เป็นยังไงบ้างคะ” เอถามด้วยความเป็นห่วง
“ทุกคนปลอดภัยครับ..แต่ยังต้องพักดูอาการซักระยะหนึ่ง ไม่ต้องห่วงครับ”
วินถอนใจโล่งอก “ขอบคุณครับ”
เอเข้ามาจับมือวินกุมแน่นให้กำลังใจ
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
วินกับเอ เดินเข้ามาในห้องพักของโจ ในขณะที่พยาบาลทำแผลที่ศีรษะเสร็จพอดี
“เชิญค่ะ ครึ่งชั่วโมงนะคะ”
วินกับเอ พยักหน้า พยาบาลเดินออกไป
“แนนกับคุณพ่อล่ะ”
โจถามวินทันที ที่เห็นหน้าเพื่อน
“หมอโจ๊กบอกว่าปลอดภัยแล้ว ดีที่นายบอกให้พาทุกคนมาที่นี่”
“ฉันเห็นมันขี่มอเตอร์ไซด์เข้ามาประกบ แต่ช้าไป ฉันหลบทัน แต่”
วิน ยิ้มให้โจ “เฮ้ย อย่าคิดมาก ไม่ใช่ความผิดนาย ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันทั้งหมด”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เป็นความผิดของไอ้พวกลอบกัดนั่นต่างหาก”
เมื่อวินกับเอ ออกจากห้องพักของโจ ก็พบนายเกื้อพรกับมือปืนสองคน ยืนรออยู่
“ผมเสียใจด้วย ผมจะจัดการพวกมันเองคุณไม่ต้องห่วง”
วินกับเอมองหน้านายเกื้อพรนิ่ง ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงของหมอโจ๊กก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน
“คุณวิน คุณเอ เชิญทางนี้ครับ”
วินกับเอ เดินผละไปหาหมอโจ๊ก นายเกื้อพรมองตาม สีหน้าเครรียด
“เอ็งทำไมต้องให้ข้าหนีพวกมันด้วย ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ทำ ไม่ได้สั่งซะอย่าง ตามกฏหมาย มันทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
นายสุรชัยโวยวายเสียงดัง หลังจากขึ้นมานั่งในรถตู้ ที่เคลื่อนออกจากที่ทำงาน
“นายเกื้อพรไม่สนข้ออ้างทางกฏหมายของท่านหรอกครับ มันยิงก่อนถามที่หลัง ถ้าท่านมัวแต่เจ๋อหน้า ทำเป็นอินโนเซนท์อยู่แถวนี้ท่านไม่รอดแน่”
ไอ้อ๊อดรีบอธิบาย
“ก็ได้ เงินข้ามีเยอะแยะ ข้าอยู่เซฟเฮาส์กกนังอีหนูสักพักคงไม่เป็นไร”
ไอ้อ๊อดไม่ตอบ แต่สายตาแอบมีพิรุธ
หมอโจ๊กพาวินกับเอเข้ามาในห้องคนป่วยอีกห้องหนึ่ง ซึ่งแนน ที่ถูกกระสุนที่หัวไหล่ และ
มีรอยฟกช้ำกระจกบาดเล็กน้อย นอนรักษาตัวอยู่
“กระสุนที่หัวไหล่ นอกนั้นก็เล็กๆน้อย ปลอดภัยแล้วครับ ให้ยานอนหลับไว้”
วินพยักหน้ารับ พลางมองน้องสาวด้วยความสงสาร
“ขอบคุณค่ะคุณโจ๊ก”
“ครับ ผมว่าเราไปหาคุณพ่อกันดีกว่า”
หมอโจกเดินพาวินกับเอ เข้ามาในห้องคนป่วยของทอม ซึ่งมีผ้าโพกที่ศีรษะอยู่
“ศีรษะกระแทกกับเบาะหน้าเท่านั้นเองครับ ผมเอ็กซเรย์ทั้งตัว ทุกอย่างปกติ แค่ฟกช้ำเล็กน้อย”
ทอมลืมตาขึ้นมา “วินเหรอลูก”
“คุณพ่อ”
วินกับหมอโจ๊กเข้าไปประคองให้ทอมขึ้นนั่ง
“แนนกับโจ” ทอมถามด้วยความเป็นห่วง เอรีบตอบ
“ปลอดภัยค่ะคุณพ่อ”
ทอมพยักหน้า แล้วหันมายิ้มให้วิน
“นานๆได้เจอเรื่องตื่นเต้น เลือดสูบฉีดหัวใจดี พ่อว่าหัวใจพ่ออาการดีกว่าเดิมซะอีก”
“ผมเสียใจครับคุณพ่อ”
“ไม่เป็นไร แบบนี้พ่อว่ายิ่งทำให้แผนของลูกสมจริงขึ้น ว่ามั้ย”
วินกับเอฝืนยิ้มทอมพูดต่ออย่างอารมณ์ดี
“พ่อกระดูกแข็ง ไม่เป็นไรหรอกน่า ใช่มั้ยหมอโจ๊ก”
“ครับคุณพ่อ”
“นี่ถ้ามีกีต้าร์ละก็ ร้องเพลงสบายใจไปแล้ว”
วินกับเอถึงกับยิ้มออก รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อเห็นทอมไม่เป็นอะไร
ไอ้อ๊อดถูกโยนเข้ามาตรงหน้าของนายเกื้อพร
“ข้าเตือนเอ็งแล้ว ว่าห้ามยุ่งกับคุณวินกับคุณเอ แต่ที่ไหนได้เอ็งทำเกินเลยไปถึงคนรอบตัว”
“แต่ผม ผม ต้องทำตามคำสั่ง ผมไม่มีทางเลือก”
“เอ็งนี่เลวมาก คิดโยนความผิดให้นายสุรชัย”
ไอ้อ๊อดพูดเอาตัวรอด “ท่านเป็นคนสั่งจริงๆ”
“ก็ได้ พาข้าไปหานายสุรชัย ข้าต้องฟังทั้งสองฝ่าย”
ไอ้อ๊อดพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว นายเกื้อพรจ้องจับพิรุธ
วินกับเอ กลัมาถึงที่เซฟเฮ้าส์ พลางทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา
“โล่งอกไปที ทุกคนปลอดภัย”
“คุณพ่อนี่ร้ายจริงๆ ยังไม่ทันไรคิดจีบพยาบาลซะแล้ว”
เอ มองค้อนวิน “เจ้าชู้เหมือนลูก”
“มีด้วยเหรอครับ มีแต่ลูกเจ้าชู้เหมือนพ่อ”
“นั่นแหละ เหมือนกัน ฉันหวังว่าเรื่องนี้จะจบ ก่อนที่จะมีใครเป็นอะไรไปมากกว่านี้ สงสารคุณพ่อ แล้วก็น้องแนน”
“ผมจะรีบเร่งแผนของเราให้เร็วที่สุด”
วินพูดจบ พร้อมๆ กับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินรับสาย
“ครับผู้กอง”
“สายรายงานว่าเป็นฝีมือของนายสุรชัย ไอ้อ๊อดเป็นคนลงมือ”
“นายสุรชัยนี่ไม่ยอมเลิกรา”
“ได้ข่าวว่าไอ้อ๊อดถูกคนของนายเกื้อพรลากตัวไปแล้ว คราวนี้นายสุรชัยไม่รอดแน่”
“ขอบคุณที่แจ้งข่าวให้ทราบครับ”
วินวางสาย สีหน้าเครียด จนเอสงสัย “มีอะไรเหรอคะ”
“ฝีมือนายสุรชัย นายเกื้อพรกำลังตามล่านายสุรชัยอยู่”
“ก็ดีแล้วนี่คะ”
“ไม่ดีหรอก คุณพ่อเจ็บ ผมยังแค้นใจ นายสุรชัยลูกตายทั้งคนก็ต้องแค้นเป็นธรรมดา”
“แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ”
“ยังไม่รู้เหมือนกันครับ”
วินเดินไปเดินมา อย่างใช้ความคิด เอมองด้วยความรู้สึกชื่นชม ที่เห็นวินมีอุดมการณ์จริงๆในทุกๆเรื่อง
รถไอ้อ๊อดเข้ามาจอดหน้าประตูเซฟเฮ้าส์ของนายสุรชัย ก่อนที่จะรีบลงมากดกริ่ง อึดใจเดียวมือปืนสามคนก็โผล่ออกมา พร้อมปืนครบมือ
“ข้าเองเว้ย เปิดประตูหน่อย”
มือปืนสองคนเปิดประตู อีกคนหนึ่งถือปืนคอยระวัง พอประตูเปิด รถตู้ก็พรวดเข้ามา มือปืนพรวดลงจากรถ เอาปืนจ่อที่ไอ้อ๊อด
“ขยับ ลูกพี่มึงตาย”
มือปืนของนายสุรชัยมองไอ้อ๊อดอย่างลังเล
“มึงจะให้กูตายก่อนหรือไงวะ”
มือปืนของนายสุรชัยค่อยๆ ลดปืนลง พร้อมๆ กับที่มือปืนของนายเกื้อพร เข้ามายึดปืน พลางหันไปส่งสัญญาณ ให้รถตู้เคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทันทีที่ประตูรถเปิด นายเกื้อพรก้าวลงมาสีหน้าเยือกเย็น ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านใน
“ผมเตือนคุณแล้วแต่คุณไม่ฟัง”
นายเกื้อพรเสียงเข้มใส่นายสุรชัย
“ผมไม่ได้ทำอะไร คุณจะมาปรักปรำผมได้ยังไง”
“เอาตัวมันเข้ามา”
ร่างของไอ้อ๊อดถูกคุมตัวเข้ามา ก่อนจะถูกผลักโครมตรงหน้านายสุรชัย นายสุรชัยจ้องนิ่ง แต่ยังวางท่าเยือกเย็น
“ผมเสียใจจริงๆครับท่าน”
มือปืนนายเกื้อพร ดึงร่างไอ้อ๊อดขึ้นมายืนข้างๆ นายเกื้อพรก้าวเข้าไปตรงหน้านายสุรชัย
“ผมเสียใจด้วยคุณสุรชัย”
“แล้วเจอกันคุณเกื้อพร ในนรก”
นายเกื้อพร ยิ้มเหยียด “คุณไปก่อน”
พูดพลางถอยออก แล้วพยักหน้า มือปืนสองคนก้าวเข้าไปตวัดปืนขึ้นจ้องไปที่นายสุรชัย แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดจังหวะ นายเกื้อพรยกมือให้มือปืนหยุด นายสุรชัยถอนหายใจเฮือก ในขณะที่ไอ้อ๊อดยืนลุ้น
นายเกื้อพรหยิบโทรศัพท์ออกมาจากอกเสื้อ
“ผมเองครับคุณเกื้อพร”
วินพูดมาทางปลายสาย
“คุณวิน ได้เวลาพอดี ผมกำลังจะจัดการกับนายสุรชัยให้คุณ”
“ปล่อยคุณสุรชัยไปเถอะครับ แกทำไปเพราะแค้น ที่ผมเอ้อ ฆ่านายสุชาติ” วินจำเป็นต้องพูดไปตามแผน เพื่อไม่ให้เกื้อพรสงสัย “ลูกของแก อีกอย่างทุกคนปลอดภัยดี ผมอยากจะให้โอกาสแกอีกครั้ง”
เอมองวิน พลางยิ้มนิดๆอย่างพอใจ
“คุณวินคุณใจอ่อนแบบนี้ งานใหญ่จะไม่สำเร็จ”
วินฉุกคิดขึ้นมาได้ รีบแก้ตัว “ผมไม่ได้ใจอ่อนคุณเกื้อพร เพราะผมจะให้โอกาสนายสุรชัยเป็นครั้งสุดท้าย”
“ได้ ผมให้คุณตามนี้ ครั้งสุดท้าย”
“ขอบคุณ”
วินวางสาย พลางหันมา เห็นเอจ้องมองอยู่ “อะไรเหรอครับ”
“คุณเป็นมาเฟียที่ใจดีที่สุดในโลก”
“แล้วก็มีแฟนที่สวยที่สุดในโลกด้วย”
“พูดแบบนี้ น่า kiss ที่สุด”
วินพยักหน้า พลางเอียงแก้มให้ เ อยิ้มขยับใบหน้าใกล้เข้าไป แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของเอก็ดังขึ้น
ขัดจังหวะ
“สวัสดีค่ะ คุณแม่ กลับมาจากยุโรปแล้วเหรอคะ”
นายเกื้อพร ปรายตามองนายสุรชัย พลางทำหน้านิ่ง
“ชะตาคุณยังไม่ถึงคาด คุณวินให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย”
สุรชัยถอนใจเฮือก แต่ยังวางมาด ในขณะที่ไอ้อ๊อดแอบผิดหวัง
“แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นอีก ไม่ว่าใครก็ช่วยคุณไม่ได้”
นายเกื้อพรโบกมือ มือปืนผลักไอ้อ๊อดไปทรุดอยู่ตรงหน้านายสุรชัยอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินตามนายเกื้อพรออกไป
“ผมบอกแล้วว่าเป็นฝีมือผม แต่พวกมันไม่ฟังเลยครับท่าน มันถือว่าคนสั่งการเป็นคนผิด”
ไอ้อ๊อดโกหกหน้าตาเฉย
“เอ็งรีบออกไปให้พ้นหน้าข้า”
ไอ้อ๊อดรีบเผ่นออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอกค่ะคุณแม่” เอตอบมารดาเสียงหวาน
“ลูกกำลังทำธุรกิจกับนายเกื้อพรซึ่งมีประวัติไม่ค่อยดีเนี่ยนะ”
“แค่ชั่วคราวเท่านั้นเองค่ะ แล้วเอจะแวะไปเล่าให้คุณแม่ฟังค่ะ”
คุณหญิงอัญชลี ถอนหายใจ
“ได้ แต่ต้องพาคุณวินมาด้วย ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ได้ค่ะ คุณแม่พักผ่อนนะคะ บ๋าย บาย”
เอ วางสาย แล้วรีบหันมาทางวิน
“ยุ่งละซิ คุณแม่ได้ข่าวเรื่องทีเราจะร่วมงานกับนายเกื้อพร ต้องการคุยกับเราสองคน”
“หา ผมด้วยเหรอครับ”
“อ๊ะ แน่ซิ คุณเป็นแฟนมาเฟียของฉันไม่ใช่เหรอ”
“เอ้อ ครับ”
“แล้วมีปัญหาอะไร” เอแกล้งตีหน้าดุ
“ไปก็ได้ครับ”
วินกับเอ มาที่โรงพยาบาลแต่เช้า พลางทักทายกับพยาบาล ที่เคาน์เตอร์
“สวัสดีค่ะ”
“น้องแนนเป็นยังไงบ้างครับ”
พยาบาล ยิ้มรับ
“อาการดีขึ้นมากแล้วค่ะ แต่ให้ยานอนหลับไว้ เพราะอยากให้พักผ่อนมากๆ”
เอ รีบหันมาทางวิน “งั้นเราไปเยี่ยมคุณพ่อกันก่อนดีกว่า”
“เอ ตอนนี้พยาบาลกำลังเช็ดตัวคนไข้อยู่รอซักครู่นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเยี่ยมคุณโจก่อนก็ได้”
วินกับเอ เดินเข้ามาในห้องของโจ พบแต่เตียงว่างเปล่า
“ไอ้หมอนี่อึดแฮะ ไม่รู้ไปไหน”
“งั้นเราไปหาน้องแนนกันเถอะค่ะ”
ทั้งสองออกมาจากห้องก็พบกับพยาบาลพอดี
“คนไข้ไปไหนเหรอครับ”
“อ๋อ แกไปเฝ้าไข้ห้องน้องผู้หญิงอีกคนน่ะค่ะ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง”
“ขอบคุณครับ”
พยาบาล ยิ้มรับ “ค่ะ”
ในขณะที่แนนตื่นขึ้นมา ก็เห็น โจ นั่งกึ่งหลับอยู่ที่โซฟา
“พี่โจ”
โจรู้ตัว รีบเข้าไปที่เตียง
“แนน พี่”
“พี่โจ”
ทั้งคู่ต่างสบตากัน ด้วยความรู้สึกในใจ ที่ไม่อาจฝืน ก่อนที่จะโผเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันโดยไม่รู้ตัว
“อะแฮ้ม”
โจกับแนนหันไป เห็นวินกับเอ ยืนยิ้มล้อๆ อยู่ ต่างยิ้มเขินด้วยกันทั้งคู่
น้ำหวาน เมจิ เทป เดินมาที่ลานจอดรถ กำลังจะขึ้นรถน้ำหวาน แต่แล้วรถของนุจรีก็แล่นมาจอดข้างๆ
“ไง จะไปเยี่ยมแนนหรือจ๊ะ”
“ไปไหนใครก็ไม่ต้องเกี่ยว” เมจิตอบเชิดๆ
“ถูกยิงจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“เธอจะพูดอะไรน่ะหลิน” น้ำหวานหันขวับมาทางหลิน
“ถูกยิงหรือว่าป่วยอย่างอื่นล่ะจ๊ะ”
“แบบว่ามีอาการคลื่นใส้น่ะ” บิวลอยหน้าลอยตา
“พูดแบบนี้ลงมาเลย”
เมจิ พูดพลางคว้าประตูรถ ก๊วนนุจรีร้องกรี๊ดกร๊าด
“ เร็วเข้านุจรี ไปเร็ว”
นุจรีออกรถพรวดไปอย่างรวดเร็ว เมจิยืนชูกำปั้นตามหลัง
“พวกนี้เกิดมาเป็นตัวอิจฉาจริงๆ”
น้ำหวานส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
วินกับเอ เดินออกมาที่หน้าอาคารในโรงพยาบาล รถตู้แล่นเข้ามารับ แล้วเคลื่อนตัวออกไป
“ผมจะส่งคุณไปช้อปปิ้ง แล้วผมจะมารับ”
“คุณจะไปไหน”
“ผมจะไปคุยกับนายสุรชัย”
เอ ทำหน้างง “นายสุรชัยหนีไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ แต่กลับมาแล้วหลังจากที่คุณเกื้อพรยืนยันคำตอบสุดท้าย”
เอพยักหน้ายิ้มๆ “ก็ได้ค่ะ”
นายสุรชัย เผชิญหน้ากับวิน และมือปืนสองคน ที่เข้ามาหาในห้องทำงาน
“คุณ คุณ ต้องการอะไรอีก”
วินจ้องหน้านายสุรชัยเขม็ง
“ผมเพียงแต่อยากจะบอกให้คุณรู้ไว้อีกครั้งว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกกับคนใกล้ตัวผม นอกจากที่ผมจะไม่ห้ามนายเกื้อพรอย่างคราวนี้แล้ว ผมจะจัดการคุณเอง”
“คุณถือว่ามีอำนาจอยู่ในมือ อย่าลืมนะว่าคุณฆ่าลูกชายผมทั้งคน 20 ปียังไม่สาย ผมจะต้องเล่นงานคุณให้ได้”
“ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ได้ฆ่าลูกชายคุณ และวันหนึ่งผมจะพิสูจน์ให้คุณได้รู้ความจริง”
วินพูดจบแล้วเดินนำมือปืนออกไป นายสุรชัยได้แต่มองตาม ด้วยความแค้นใจ ที่ทำอะไรไม่ได้
น้ำหวาน เมจิ และ เทป เข้ามาเยี่ยมแนนในห้องพัก
“เจ็บมั้ย ถูกยิงเนี่ย”
น้ำหวานถามเป็นคนแรก ตามด้วยเมจิ
“ลองเล่าซิว่ารู้สึกยังไง”
เทป รีบเสริม“ใช่ ตอนที่ลูกกระสุนค่อยๆ วิ่งผ่านเนื้อตรงแขนแล้ววิ่งผ่านออกไป แบบโสลว์โมชั่นน่ะ”
“นี่ ไม่ต้องบรรยายถึงขนาดนั้น ฟังแล้วจะเป็นลม”
น้ำหวานทำท่าเหมือจะเป็นลมจริงๆ แนนถึงกับยิ้มขำชอบใจ เมจิถอนหายใจเป็นห่วงเพื่อน“เฮ้อ อยู่ๆก็มาเจ็บตัวแท้ๆ”
“เจ็บก็คุ้มจ้ะ”
แนนตอบยิ้มๆ ทำเอาเพื่อนๆ แปลกใจ
“สงสัยมันเจ็บจนบ้าไปแล้ว”
เมจิเอียงหน้ามากระซิบ น้ำหวานพยักหน้า “นั่นน่ะซิ”
แนนยิ้มเขินๆ พลางกวักมือเรียกน้ำหวานเข้าไปใกล้ แล้วกระซิบให้ฟัง น้ำหวานตาโต
“เยส สุดยอดเล้ย เย้”
“นี่ จะไม่บอกฉันเหรอไง ฉันกลับก็ได้นะ” เมจิแกล้งงอน
“มานี่”
เมจิขยับเข้ามาใกล้น้ำหวาน น้ำหวานกระซิบที่ข้างหู เมจิตาโต
“เยส เยส เยส”
เมจิกับน้ำหวานต่างพรวดเข้าไปหาแนน ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันวุ่นวาย เทปยืนกอดอกเหล่ทุกคน “นี่ ตกลงจะไม่บอกกันใช่มั้ย”
สามสาวหันมา ”ยุ่ง นายไม่ต้องรู้หรอก”
แล้วก็คิกคักกันต่อ จนเสียงเคาะประตู ทุกคนต่างหันไป โจโผล่เข้ามา เห็นคนเต็มห้อง ก็ทำ
หน้าเหรอ
“ขอโทษจ้ะ เฮ่ คนเพียบ”
“เอ้อ ค่ะ”
โจ ยิ้มเขิน “แล้วพี่มาใหม่นะคะ”
“ค่ะ”
เมจิ กับน้ำหวาน ส่งเสียงแซว “อู๊ว์”
โจยิ้มเพราะไม่รู้ว่าแนนเล่าให้เพื่อนฟังหมดแล้ว “บายๆ”
แนนหน้าบาน เมจิกับน้ำหวาน ยิ้มให้โจ “บ๊าย บาย ค่ะพี่โจ”
“อุ๊ย อิจฉา” เมจิแกล้งแหย่
“ใช่อิจฉา”
เทปทนไม่ไหว แกล้งพูดเหมือนน้อยใจ “นี่ จะให้ฉันออกไปก่อนมั้ย”
สามสาวหันมาพร้อมกัน “ออกไป”
เทปสะดุ้ง แล้วรีบพรวดออกประตูไป สามสาวหัวเราะกันใหญ่
“เออ พูดถึงอิจฉา ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ”
เมจิเปิดประเด็น น้ำหวาน รีบเสริม
“ใช่ เรื่องพวกยัยนุจรีมันนินทา”
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ในขณะที่นุจรี กำลังขับรถเข้ามาจอดในโรงพยาบาล
“นี่เธอ ฉันว่าไม่จำเป็นเลยต้องมาเยี่ยมยายแนน”
หลินมองหน้านุจรีอย่างแปลกใจ
“นี่ ฉันกำลังสมัครเป็นประธานนักศึกษานะจ๊ะ มันต้องสร้างภาพกันหน่อย”
พีชพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ เดี๋ยวชาวประชานักศึกษาไม่ลงคะแนนให้”
“นึกว่าเธอจะมาดูว่ายายแนนถูกยิงจริงหรือเปล่า”
“ฉันก็แกล้งพูดหาเรื่องไปยังงั้นเองล่ะน่า ไปเถอะ”
ครู่เดียวนุจรีและก๊วน ก็เดินเข้ามาในห้องพักของแนน
“เสียใจด้วยนะ ที่ฉันยังอยู่เห็นแล้วก็รีบกลับไปซะ”
แนนพูดประชด นุจรีเชิดหน้ายิ้มๆ
“ฉันแวะมาหาเพราะอยากจะฝากบอกไปถึงพี่เอของเธอด้วยว่า อย่ามายุ่งกับคุณพอลอีก”
“ด้วยความยินดี แต่ระวังคุณพอลจะแอบไปยุ่งกับพี่เอของฉันก็แล้วกัน”
นุจรีแค้นใจ “เชอะ คุณพ่อของฉันก็ไม่ด้อยไปกว่าพ่อของพี่เอของเธอหรอกย่ะ”
“ใช่ โกงเหมือนกันเด๊ะ” แนนยิ้มเยาะ
“นี่”
ยังไม่ทันที่นุจรีจะโวยวายอะไรต่อ พยาบาลสองคน ก็เดินเข้ามาในห้อง
“ขอโทษนะคะ ขอคนไข้พักผ่อนก่อนนะคะ”
นุจรีกับก๊วนสะบัดหน้าออกไป แนนยิ้มชอบใจ ครู่หนึ่งโจก็เข้ามา
“ขอบคุณนะครับคุณพยาบาล”
“ยินดีค่ะ”
พยาบาลยิ้มรับ แล้วเดินออกไป โจหันมายิ้มให้แนน
“พี่จำได้ว่าเป็นคู่แข่งของแนนเลยให้พยาบาลมาจัดการ”
“สุดยอดเลยค่ะพี่โจ”
สมภพกับไอ้อ๊อด นั่งคุยกันอยู่ในร้านกาแฟในศูนย์การค้า
“คุณจะให้ผมจัดคนไปเล่นงานนายวินเหรอครับ”
“ใช่ ผมตัดสินใจร่วมมือกับนายวินแล้ว มันไม่มีทางคิดได้ว่าเป็นข้า”
“กลายเป็นฝีมือของนายสุรชัย”
นายสมภพ ยิ้มอย่างใจเย็น “หรือใครก็ได้ ข้าไม่สน อะไรจะบังเอิญเช่นนี้” พลางโบ้ยหน้าไปที่เอ ที่กำลังเดินดูของอยู่
“จะให้ผมจัดการมั้ยครับ” ไอ้อ๊อดเสนอตัวเอาหน้า
“อย่าให้เดือดร้อนมาถึงข้า”
ไอ้อ๊อด รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา สั่งการ
“เฮ้ย เอ็งสองคนขึ้นมาบนนี้หน่อย ข้ามีอะไรจะให้ทำ”
ในขณะที่เอกำลังเดินดูของอย่างสบายใจ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงหญิงสาวร้องให้ช่วย
“ ช่วยด้วยค่ะ วิ่งราว”
คนร้ายสองคนวิ่งถือกระเป๋าวิ่งมาทางด้านของเอ แล้ววิ่งผ่านไป
“ช่วยด้วย กระเป๋าฉัน”
หญิงสาววิ่งมาถึงเอ พอดี รปภ. วิ่งเข้ามา
“มีอะไรครับ”
“เอ้า ฝากของไว้ก่อน”
เอ ส่งถุงช้อปปิ้งให้ รปภ. พลางขยับกระเป๋าสะพายเฉียงให้รัดกุม แล้วตัดสินใจวิ่งตามชายสองคนไป
ชายสองคนวิ่งเข้าไปในซอยข้างศูนย์การค้า เอวิ่งตามไปไปติดๆ ชายสองคนหยุด หันมาเผชิญหน้า
“ส่งกระเป๋ามาแล้วฉันจะปล่อยพวกแก”
“ได้ คืนก็ได้”
พูดพลางพร้อมจะยื่นส่งกระเป๋าให้ เอยื่นมือมารับกระเป๋าไว้
“ดีมาก”
แต่แล้วมันกลับพรวดเข้ามา จะรวบตัวเอ ไว้ เอหลบ แล้วจับมันทุ่มข้ามหัวไป อีกคนหนึ่งเข้ามาช่วยรุมเ เอใช้ชั้นเชิงที่ฝึกมา เอาชนะพวกมันมาได้ แต่ทันใดนั้นก็มีรถตู้วิ่งเข้ามาในซอย เฉี่ยวเอไป ชายสองคน ลงมาดึงร่างของเอขึ้นรถไป ประตูรถตู้ปิดโครม แล้วขับพรวดออกไปทันที
ภายในรถ เอนั่งมองพวกมัน ที่สวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า คนหนึ่งถือปืนจ้องมาทางเอ
“พ่อฉันรวยนะ จะเอาเท่าไหร่”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเอ ก็ดังขึ้น
“ส่งกระเป๋ามา”
เอดึงเอากระเป๋าของตนที่สะพายเฉียงออกมาส่งให้ มันรื้อกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโยนลงพื้น ก่อนที่จะกระทืบจนแตกกระจาย เอตาโตตกใจ แล้วก็ร้องให้
“โธ่ โทรศัพท์ของฉัน ไม่เหลือชิ้นดี”
เอ ก้มลงไปหยิบเศษเล็กเศษน้อยไปร้องให้ไป
ในขณะที่วินโทรศัพท์อยู่ในรถตู้ที่จอดอยู่หน้าศูนย์ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“ช้อปเพลินไม่ได้ฟังเสียงโทรศัพท์เลย ฉันจะลงไปดูคุณเอซะหน่อย”
มือปืนลงมาจากด้านหน้าเปิดประตูให้ วินลงจากรถเดินเข้าไปในศูนย์
“ไหนว่ารวยไง โทรศัพท์แค่นี้ ร้องไปได้”
คนร้ายตวาดใส่เอ
“ทำไม ฉันรักของฉันนี่”
เอพูดจบก็ร้องไห้อีก พร้อมกัยฉวยโอกาสหยิบซิมขึ้นมาซ่อนไว้ในมือของตน เสร็จแล้วแกล้งทำโมโห กระทืบโทรศัพท์ขยี้อย่างไม่มีชิ้นดี
“เชิญอาละวาดให้เต็มที่ แกกำลังจะโกอินเตอร์”
เอจ้องหน้าพวกมัน “แก”
“ใช่ ขายให้พวกพ่อค้าแถบเอเซียนี่แหละ”
“ฉันให้สองเท่า บอกแล้วว่าพ่อฉันรวย”
“นายสั่งให้ขายทิ้ง ไม่ได้ให้ขายเอาเงิน”
เอตาโต ด้วยความตกใจ
วินเดินเข้ามาเห็นรปภ.กับหญิงสาวและคนมุงกันอยู่ ก็เดินเข้าไปหา
“ตำรวจกำลังมาครับ” รปภ. หันมาบอก
“บอกว่าด่วนหรือเปล่า มันจับผู้หญิงไปแล้ว”
วินเดินมาถึงพอดี ”เกิดอะไรขึ้นครับ”
“มีคนร้ายฉุดผู้หญิงไปค่ะ แกวิ่งไล่ตามคนร้ายกระชากกระเป๋าของฉันค่ะ เลยถูกพวกมันฉุดขึ้นรถ”
“ของยังอยู่ที่นี่เลยครับ”
วินเฉลียวใจ รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พลางเปิดรูปเอแล้วยื่นให้หทุกคนดู
“ช่วยดูรูปหน่อยครับ”
“ใช่แล้วค่ะ”
วินหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ผู้กองวันชาติ และเจ้าหน้าที่สองนาย กำลังตรวจสถานที่เกิดเหตุ วินกวาดสายตามองรอบๆ
“มีอะไรคืบหน้ามั้ยครับ”
“พยานยืนยันว่าเป็นพวกแก๊งฉกชิงวิ่งราวที่หากินอยู่แถวนี้ แต่ผมคิดว่ามันมากกว่านั้น”
“ยังไงครับ”
ผู้กองวันชาติ รีบอธิบาย
“มันมีแก๊งลักพาตัวผู้หญิง ใช้วิธีวิ่งราวกระเป๋าผู้หญิงที่หน้าตาดี ล่อให้ตามแล้วเอารถมาจับตัวไป”
“แก๊งค้ามนุษย์เหรอครับ”
ผู้กองวันชาติพยักหน้า “ครับ ผมว่างานนี้ไม่ใช่ฝีมือของนายสุรชัย หรือศัตรูของคุณหรอกครับ แต่เป็นพวกค้ามนุษย์ เป็นความบังเอิญน่ะครับ คุณเอโชคร้ายพอดี”
ที่ห้องปฏิบัติการ ผู้กองวันชาติ วิน และเจ้าหน้าที่ กำลังดูภาพที่รวบรวมได้จากกล้องวงจรปิดของศูนย์การค้า และใกล้เคียง
“ตอนนี้ผมสั่งให้ด่านทุกด่านตรวจอย่างเข้มข้น ทุกด่านมีรูปคุณเอชัดเจน”
วินเพ่งสายตามองภาพในวงจรปิด
“ผมว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ คนร้ายเอากระเป๋าของผู้หญิงคนนั้น มันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณเอ จะตามมันไป”
ผู้กองวันชาติพยักหน้า “อืม จริงของคุณ แต่อีกนั่นแหละ ถ้าคุณเอไม่ตาม เดี๋ยวมันก็อาจจะส่งคนมากระชากกระเป๋าคุณเอ ก็ได้”
วินพูดไม่ออก ก่อนที่จะเดินหน้าเครียดออกจากห้อง
ในขณะที่นายประสิทธิ์นั่งทำงานอยู่ในห้อง เลขาก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา
“มีข่าวคุณเอ ค่ะ”
“แน่อยู่แล้ว รายนี้ชอบสร้างวีรกรรมเป็นเรื่องปกติ”
“แต่ว่า คือข่าวคุณเอ ถูกจับตัวไป”
นายประสิทธิ์ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
นักข่าวกำลังเกาะติดสถานการณ์รายงานข่าวสดๆ
“อีกครั้งนะคะ ข่าวดังวันนี้ คุณเอ ไฮโซชื่อดัง ที่มีข่าวเป็นผู้ต้องหาและอยู่ในระหว่างประกันตัว
ถูกคนร้ายจับตัวไปกลางวันแสกๆ ที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง”
กล้องแพนมาที่นายประสิทธิ์สีหน้าเคร่งเครียด นักข่าวส่งสัญญาณ
“พร้อม 4 3 2 1 แอ็คชั่น”
“ผม นายประสิทธิ์ ขอเสนอให้รางวัล 3 ล้านบาทกับผู้ที่นำลูกสาวของผมกลับมาได้โดยปลอดภัย
พร้อมอีก 2 ล้านบาทถ้าจับตัวคนร้ายได้ ไม่ว่าเป็นหรือตาย”
นายสมภพเดินไปมาอยู่ในห้อง ขณะที่พูดสายโทรศัพท์กับไอ้อ๊อดไปด้วย
“เอ็งแน่ใจนะว่า จะไม่มีเรื่องสาวมาถึงข้า”
“มั่นใจอยู่แล้ว ไอ้พวกนี้มันเป็นพวกค้ามนุษย์ ทำงานของมันเป็นประจำอยู่แล้ว ผมแค่ชี้เป้า
ให้มันเฉยๆ พวกมันไม่กล้าเล่นกับผมหรอกครับ”
สมภพยิ้มอย่างสะใจ “ดีมาก นับว่าแผนของเอ็งใช้ได้ทีเดียว”
รถตู้ขับมาตามเส้นทาง เสียงคนขับดังมาจากด้านหน้า
“พี่จะถึงด่านแล้ว”
“เออ”
พูดพลางดึงหน้ากากที่คลุมหน้าออก พวกมันอีกคนหนึ่งทำตาม เอจ้องหน้าพวกมันตาไม่กระพริบ
“ไม่ต้องจ้องหรอก อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ออกจากประเทศไทย”
“ไปแล้วไปลับ ถึงจำหน้าพวกข้าได้ก็ไม่มีประโยชน์”
พูดพลางปรายตามองขาอ่อนของเอ ภายใต้กระโปรงสั้น เสียงคนขับดังมาอีก
“พี่ ท่าทางไม่สู้ดีพี่ มีตำรวจมากกว่าเดิมตรวจเข้มน่าดู”
พวกมันขยับปืนจ้องที่เอ อีกคนหนึ่งหันไปดูทางด้านหน้า เห็นรถทางด้านหน้าซึ่งห่างจากรถตู้ของพวกมันสองสามคันเป็นรถตู้เหมือนกัน
“เอาไงพี่”
“กลับรถก่อนเว้ย”
เอ จ้องคนที่ถือปืนอยู่ตาไม่กระพริบ
“พ่อฉันรวยพาฉันไปส่งได้เงินเหนาะๆ สองสามล้าน”
คนแรกสั่งการเสียงเข้ม “กลับรถซิวะ เอ็งรออะไรอยู่”
คนขับหักรถกลับทันที ก่อนที่จะถึงด่าน
ตำรวจเห็นพวกมันกลับรถ ก็รีบวิ่งมาทันที
“พี่ ตำรวจมา”
“ยิงสกัดไว้”
คนนั่งข้างคนขับกดหน้าต่าง เปิดแล้วยิงกราดใส่เจ้าหน้าที่
“ไม่โดนซักกะนัด” เอพูดเยาะๆ
“อยากโดนซักนัดมั้ย”
คนขับพยายามกลับรถสุดชีวิต เจ้าหน้าที่วิ่งตามยิงกราดกระสุนใส่ไม่ยั้ง
“เร็วเว้ย ชักช้า ข้ายิงเอ็งดับตรงนี้เลย”
“เดี๋ยวพี่ เดี๋ยว”
ในที่สุดมันก็กลับรถจนได้ พลางหันมามองหน้ากัน แล้วถอนใจ ก่อนที่จะหันมายิ้มเยาะใส่เอ จากนั้นรถตู้ของพวกมัน ก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโกดังเก็บของ คนนั่งข้างหน้า รีบลงไปเปิดประตู ให้พวกมันขับรถเข้าไป
เอถูกพวกมันจับนั่งเก้าอี้ มัดแขนติดกับแขนเก้าอี้
“เอ็งสองคนเฝ้านังนี่ไว้ให้ดี พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
“พี่ ให้ไอ้ยง มันเฝ้าคนเดียวก็พอ นังนี่ ไม่มีปัญญาหนีไปให้หรอก ฉันขับรถมาทั้งวัน”
คนขับต่อรอง ไอ้ยงที่ถูกพูดถึง รีบเสนอตัว
“ฉันเฝ้าคนเดียวก็ได้พี่”
เอ มองอย่างมีความหวัง เพราะเหลือคนเฝ้าแค่คนเดียว
“ข้าจะไปเลื่อนรถ อย่าคิดหนี” ไอ้ยงหันมาทำเสียงเข้มใส่เอ
“นายไม่เห็นเหรอว่าฉันถูกมัดอยู่”
ไอ้ยงยิ้มแล้วเดินออกไป เอปรายตามองตาม เมื่อมันพ้นไป ก็ขยับแขนที่ถูกมัดอยู่ เลื่อนมาที่ต้นขาของตนอย่างลำบากอยากเย็น พลางขยับกระโปรงขึ้นมา พยายามเอื้อมมือลงไปจะดึงปืน ที่รัดไว้ที่ต้นขา ทันใดนั้นเสียงคนเดินเข้ามา เอรีบใช้มือเขี่ยกระโปรงของตนให้ปิดต้นขา แล้วนั่งไขว่ห้างอย่างรวดเร็ว
“ไอ้ยง ไอ้ยง”
เมื่อไอ้ยงเดินเข้ามา มันก็ตะคอกใส่
“เอ็งหายไปไหนมา”
“ไปเลื่อนรถ”
เมื่อสำรวจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด มันหันมากำชับไอ้ยง
“อย่าเสือกไปไหนอีก”
พูดพลาง ก็เดินออกไป เอถอนใจโล่งอก
ทอมนั่งอยู่บนรถเข็น ใกล้ๆเตียงของแนน โจยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง วินยืนอยู่ตรงหน้าของแนน
“หนูเอ เคราะห์ร้ายจริงๆ” ทอมพูดอย่างเป็นห่วง
“พี่วินต้องรีบไปตามพี่เอ กลับมาเร็วๆนะคะ”
โจพยักหน้าเห็นด้วย “ต้องรีบด้วย ลองได้พ้นชายแดนไปแล้วล่ะก็ จะยาก”
“ผู้กองวันชาติ ตั้งด่านสกัดไว้หมดแล้ว มันไม่น่าจะพ้นไปได้ง่ายๆ”
ทันทีที่วินพูดจบ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาทันที วินรีบกดรับสาย
“ครับ เหรอครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
วินวางสาย แล้วหันมาบอกกับทุกคน “มีรถตู้หนีด่านแถวปราจีนบุรี ตำรวจกำลังตามรอยอยู่”
“แสดงว่ามันจะออกเขมร” ทอมวิเคราะห์
“ผมไปก่อนนะครับทุกคน”
วินพรวดออกไป ทอม แนน และโจ ถอนหายใจออกมาเกือบจะพร้อมกัน
“ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องมันจะวุ่นวายซับซ้อนแบบนี้” ทอมส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
“คิดในแง่ดี ทำให้พี่วินกับพี่เอรักกันก็ได้นะคะ”
แนนพยายามคิดบวก จนโจถึงกับขำ
“โห ไปโน่นเลย ดีเกินไปหรือเปล่า”
“ดีนะซิ ถ้าไม่มีเรื่อง แนน เอ้อ”
แนนหยุดพูดเอาดื้อๆ พลางยิ้มเขิน โจรู้ว่าแนนหมายถึงเรื่องของตัวเองกับแนน ก็แอบอมยิ้ม
“ถ้าไม่มีเรื่องแนนทำไมเหรอลูก”
“เอ้อ คือ แนนก็ไม่รู้น่ะซิคะ ว่าแนนรักคุณพ่อแค่ไหน”
ทอมยิ้ม พลางจับมือแนน แล้วตบเบาๆ
“ขอบใจมากลูก จริงด้วย เวลามีเรื่อง มักจะทำให้คนเรา อยากจะบอกความรู้สึกกับคนรอบด้าน เพราะกลัวว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้บอก”
“จริงครับ”
แนนกับโจลอบถอนใจ ในขณะที่ทอมยิ้มสบายใจ
ผู้กองวันชาติ กับ วิน และเจ้าหน้าที่อีกสองสามคน กำลังประชุมเครียดอยู่ในห้องปฏิบัติการ
“เจ้าหน้าที่กำลังตามรอย หาแหล่งกบดานของพวกมัน เช่นพวกโกดังเก็บของ ตึกเก่า รอบๆรัศมีที่เกิดเหตุ”
“ผมว่าเราไปอยู่ใกล้ๆกับพื้นที่จะดีกว่านะครับ เผื่อได้ร่องรอยจะได้ไม่เสียเวลา”
วินเสนอ ผู้กองวันชาติ พยักหน้าเห็นด้วย
“ได้เลยครับ”
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
วินกับผู้กองวันชาตินั่งอยู่ในรถตู้ คนขับและคนที่อยู่ด้านหน้า เป็นเจ้าหน้าที่แฝงตัวในคราบมือปืน
ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้น ผู้กองวันชาติรีบรับสาย
“ดีมาก ดำเนินการต่อไป”
จากนั้นก็วางสาย แล้วหันมาบอกวิน
“พบโกดังเก็บของในพื้นที่ สองสามแห่ง ผมสั่งให้ตรวจค้นต่อไปเผื่อว่าจะมีอีก”
“งั้นเราลุยกันเลย”
วินหน้าเครียด ในขณะที่รถตู้วิ่งผ่านถนนไปยังจุดหมายทันที
ไอ้ยงเดินไปเดินมา พลางจ้องเอตาเป็นมัน เอแกล้งขยับขาไปมา ให้ไอ้ยงสะดุ้งเล่น ครู่หนึ่งมันก็เดินเข้ามาใกล้ เอเตรียมพร้อม รอจังหวะ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ไอ้ยงสะดุ้ง รีบดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ครับพี่ เรียบร้อยดีพี่”
ไอ้ยงวางสาย ก่อนที่จะยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างเดิม พลางมองเอ แล้วถอยห่างออกไป
“หิวน้ำ”
เอแกล้งบ่นดังๆ เมื่อเห็นไอ้ยงทำเฉย ก็รีบพูดซ้ำ “นี่ หิวน้ำ”
ไอ้ยงจ้องเอตาเป็นมัน ก่อนที่จะหันเดินออกไป เอรออยู่ชั่วอึดใจ จึงรีบขยับแขนไปที่ต้นขาของตน ซึ่งซ่อนปืนไว้ แต่เชือกติดแน่น จึงพยายามขยับสุดฤทธิ์
รถตู้ที่วินกับผู้กองวันชาตินั่งมา แล่นเข้ามาจอด ที่หน้าโกดังเก็บของ ที่มีเจ้าหน้าที่ในคราบมือปืนสองคนรออยู่แล้ว
“ผมเห็นรถพวกมันจอดอยู่ทางด้านหลังครับ”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบรายงาน ผู้กองวันชาติสั่งการทันที “บุกเลย”
เจ้าหน้าที่พยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนที่จะเดินกลับไปที่หลังรถแล้วกลับมาพร้อมกับค้อนหัวโตหนึ่งอัน
วินกับผู้กองวันชาติถอยออกมา เจ้าหน้าที่เอาค้อนฟาดลงไปที่โซ่ จนแตกกระจาย ประตูเปิดออก ทุกคนต่างลุยเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ผมจะเข้าไปด้านในกับผู้กอง ที่เหลือรอสกัดพวกมันอยู่ด้านนอก”
วินหันไปบอกกับทุกคน ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปตามแผน
วินกับผู้กองวันชาติ เข้าไปในโกดัง พร้อมกระชับปืนในมืออย่างอย่างระมัดระวัง ในขณะที่ได้ยินเสียงคนสองคนเดินคุยกันออกมา
“โห ผู้หญิงสวยจริงๆ”
“งานนี้ต้องรับเละ เหนาะๆ”
พูดได้แค่นั้น มันก็ต้องหยุดกึก เพราะวินกับผู้กองวันชาติ ส่องปืนเข้ามาจ่อที่พวกมันคนละด้าน “ผู้หญิงอยู่ที่ไหน” วินตะคอกถาม
“อยู่ข้างใน”
“พาเข้าไป”
“ตุกติกใส้แตกแน่” ผู้กองวันชาติขู่
มันสองคนรีบพยักหน้า พลางเดินนำหน้า วินกับผู้กองวันชาติ เกาะบ่าพวกมันถือปืนจ่อหลบอยู่ข้างหลัง เดินมาถึงด้านหนึ่งของโกดัง ก็เห็นชายห้าคนยืนหันหลังมุงดูอะไรอยู่ซักอย่างหนึ่ง
“พวกมันทำอะไรกัน” วินถามมันเบาๆ
“ดู เอ้อ ผู้หญิง”
วินใช้ด้ามปืนตบมันโครม จนมันล้มคว่ำ จากนั้นก็รีบพรวดออกไป
“ทุกคนถอยออกมา ไม่ยังงั้นดับ”
ทั้งหมดหันกลับมาสีหน้าตกใจ ผู้กองวันชาติออกคำสั่งเสียงเข้ม
“ยกมือขึ้นให้หมด”
จากนั้นก็กรอกเสียงใส่วิทยุสื่อสาร “หน่วยเสริมเข้ามาได้”
ชั่วอึดใจ มือปืนสี่คนก็พรวดกันเข้ามา พร้อมกับถือปืนส่องพวกมันไว้ วินหน้าเครียด เดินเข้าไปหาพวกมันแล้วดันให้พวกมันกระจายออกไป แล้วรีบพรวดเข้าไป แต่กลายเป็นว่าเห็นช่างภาพกำลังถ่ายภาพนางแบบโป๊อยู่
วินกับผู้กองวันชาติ เดินย้อนกลับออกมาที่รถตู้
“ไปโกดังจุดที่สองเร็วที่สุด”
คนขับออกรถพรวดออกไปตามคำสั่ง วินสีหน้าเคร่ง เสียงโทรศํพท์ดังขึ้น วินรีบกดรับสาย
“คุณเกื้อพรมีอะไรครับ”
“ผมได้ข่าวคุณเอแล้ว ต้องการให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ต้องครับ ผมจัดการเองได้ ขอบคุณ”
นายเกื้อพรวางสาย ทำหน้าไม่พอใจ
“นายวิน คิดว่าตัวเองแน่”
ทางด้านเอก็พยายามขยับแขนให้เชือกคลาย แล้วลองเอื้อมมือมาทางต้นขาของตัวเอง แต่ยังไม่ถึง พอดีกับที่ไอ้ยงเดินกลับเข้ามา พร้อมขันน้ำบุบๆเบี้ยวๆ ใบหนึ่ง
“นี่จะบ้าหรือไง เอาน้ำอะไรมาให้ฉันกิน”
“มีแค่เนี้ยะ”
“แกกินให้ฉันดูก่อนดิ”
ไอ้ยงยกขันกินน้ำให้ดู เอทำหน้าสะอิดสะเอียน
“แหวะ กินเข้าไปได้ยังไง”
“จะกินหรือเปล่า”
เอเบ้หน้า อย่างไม่พอใจ “น้ำขวดไม่มีมั่งเหรอ”
“ไม่มี ไม่กินก็อย่ากิน”
พูดพลางจะหันหลังกลับ เอรีบท้วงไว้
“อ๊ะๆ กินก็ได้”
ไอ้ยงหันกลับมา พลางเดินเข้ามาใกล้ เอจ้องตาไม่กระพริบ ไอ้ยงหยุดเดิน พลางมองเออย่างสงสัย
“อยู่ตรงนั้นฉันจะกินได้ยังไง”
“ขยับแขนก่อน”
“บ้า ที่สุด” เอหน้าสีหน้ารำคาญ “ก็ได้”
จากนั้นก็ขยับแขนทั้งสองข้าง ที่ยังถูกยึดอยู่กับแขนเก้าอี้แน่นหนา
“พอใจหรือยัง”
ไอ้ยงยิ้มพยักหน้า แล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ พลางยื่นขันเข้ามา พร้อมกับก้มตัวลงต่ำ เออาศัยจังหวะนั้น ตวัดขาเตะเข้าที่เป้ากางเกงของมัน จนตัวงอ ก่อนที่จะตวัดขาอีกครั้งเข้าปลายคางของมัน ไอ้ยงหงายทรุดไป เอ ถอนหายใจเฮือก
“เก่งเหมือนกันแฮะ เรา”
เอรีบขยับแขนให้เชือกหลวมแล้วเอื้อมมายังปืนของตนที่ซ่อนไว้ตรงต้นขา แต่เอื้อมไม่ถึง พลางปรายตามองไปที่ไอ้ยง ที่สลบอยู่ พยายามเอื้อมมือไปที่ปืน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ไอ้ยงดังขึ้น เอสะดุ้งเฮือก
เอรีบขยับมือไปที่ปืนซึ่งซ่อนไว้ตรงต้นขาของตัวเอง พร้อมๆ กับที่มีเสียงคนตะโกนเข้ามา
“ไอ้ยง มึงหายไปไหน”
เอรีบขยับตัวกลับเข้านั่งที่เดิม พลางกวาดสายตามอง ก็เห็นพวกมัน 2 คน พร้อมทั้งคนขับเดินเข้ามา
พอมันเห็นไอ้ยงนอนแผ่หรา ก็พากันวิ่งพรวดเข้ามา แล้วก็จ้องหน้าเอ
“สงสัยเป็นลมมั้ง”
เอรีบตอบ
“ลวดลายเยอะเหรอ”
หนึ่งในนั้น ตวาดลั่นพลางเงื้อมือสูง แต่แล้วเสียงของไอ้อ๊อดก็ดังแทรกขึ้นมา
“หยุดเว้ย”
พวกมันหันไปเห็นไอ้อ๊อดเดินเข้ามา พร้อมถือปืนในมือ
“เฮ้ย พี่”
ขาดคำของพวกมัน ไอ้อ๊อดก็สาดกระสุนปืนใส่จนพวกมันล้มดิ้นไปทั้งสามคน พลางเข้ามาตวัดมีด มาจากด้านหลัง ทำเอาเอตาเหลือก
“ใจเย็นครับ ผมจะตัดเชือกให้คุณ”
“มาช่วยฉัน ทำไม”
เอถามอย่างประหลาดใจ พลางมองไอ้อ๊อดอย่างระแวดระวัง
“หนึ่ง คุณพ่อคุณให้เงินรางวัลห้าล้านบาท”
ไอ้อ๊อดพูดจบ ก็พอดีกับที่ตัดเชือกที่มัดเอไว้หลุดออกทั้งสองข้าง
“รีบตามผมมาเร็วที่สุด”
จากนั้นไอ้อ๊อดก็วิ่งนำเอออกไป เอวิ่งตามไป ในขณะที่สายตาจ้องระวังอยู่ตลอดเวลา
ไอ้อ๊อดวิ่งมาถึงรถยนต์คันหนึ่ง พลางรีบเปิดประตูทางด้านหลัง พร้อมส่งปืนให้
“คุณนั่งข้างหลัง ถ้าผมตุกติกคุณเล่นงานผมได้”
เอจ้องมองไอ้อ๊อดอย่างจับพิรุธ พลางมองปืนในมือของมัน แล้วก็สังเกตเห็นมันใส่ถุงมืออยู่
“ไม่ต้อง”
เอตอบเสียงสะบัดๆ ไอ้อ๊อดรีบเก็บปืน แล้วขับรถพรวดออกไป
“ผมขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ คุณเอใจเย็นๆฟังก่อนอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมชื่ออ๊อด ทำงาน ให้ท่านสุรชัย”
ไอ้อ๊อดพูดจบ เอก็ตวัดปืนขึ้นมาถือ
“โอ้ ใจเย็นๆครับ” ไอ้อ๊อดรีบอธิบาย “เหตุผลข้อที่หนึ่ง พ่อคุณให้รางวัล 5 ล้าน เหตุผลข้อที่สอง
ถ้าคุณเป็นอะไรไป คุณเกื้อพรต้องมาเล่นงานคุณสุรชัยกับผม โดยเฉพาะผมอาจจะโดนหนัก”
เอพยักหน้ารับเข้าใจ
“นายก็เลยป้องกันตัวเองไว้ก่อน ได้เงินห้าล้านอีกต่างหาก”
“น่าเสียดายที่ผมคงไม่ได้เงินห้าล้าน ขืนผมไปรับเงินห้าล้าน นายสุรชัยรู้เข้า ผมคือตายกับตาย”
“นายเลยอยากให้ฉันเป็นคนเอาเงินมาให้นาย” เอพอจะเดาเกมออก
“ถ้าคุณเอจะกรุณา แค่สามล้านก็พอ เพราะถือว่าจับคนร้ายไม่ได้”
เอรับคำยิ้มๆ ในขณะที่สายตายังคงครุ่นคิด และไม่ไว้ใจ
“เชือกมีรอยตัด มีคนมาชิงตัวก่อนเราแค่ครึ่งชั่วโมง”
วินที่เข้ามาถึงจุดที่เอถูกจับตัวไว้ เงยหน้าขึ้นบอกกับผู้กองวันชาติ
“มันไม่ชิงตัวเปล่า มันฆ่าปิดปากหมดเลย”
วินหน้าเครียด ผู้กองวันชาติ รีบพูดปลอบใจ “อาจจะไม่ใช่คุณเอก็ได้ครับ”
“หวังว่าเป็นยังงั้น”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ ก็เดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าของเอ
“เราพบรถตู้จอดหลบอยู่ทางด้านหลัง แล้วพบกระเป๋าใบนี้ครับ”
วินรีบคว้ามาดู “กระเป๋าของคุณเอ”
“เราไปกันเถอะครับ พวกมันอาจจะยังไปไม่ไกล”
ผู้กองวันชาติหันมาสั่งการ ก่อนที่จะนำทุกคนรีบเดินออกไป
“แล้วฉันจะให้เงินนายได้ยังไง โทรนัดเหรอ”
เอถามย้ำ ท่าทางยังไม่ค่อยวางใจนัก
“ผมจะหาทางติดต่อคุณเอครับ รอให้เรื่องเงียบก่อนก็น่าจะดี”
เอพยักหน้า “ได้ งั้นส่งฉันที่ศูนย์การค้าข้างหน้า”
ไอ้อ๊อดรับคำ พลางรีบขับรถพรวดเข้าไป
เมื่อเข้ามาในศูนย์การค้า เอก็จ้ำอ้าวมาที่ร้านขายโทรศัพท์ทันที
“น้องเอาเครื่องนี้ แล้วใส่ซิมนี่”
“เออ พี่ต้องจ่ายเงินก่อนค่ะ”
เอมองหน้าพนักงานขายยิ้มๆ “พี่จะโทรเรียกให้แฟนพี่มาจ่ายเงินไงจ๊ะ”
“คงไม่ได้ค่ะ”
“เข้าใจ 18 มงกฏมันเยอะ”
พนักงานขายยิ้มให้เอ “เอางี้ค่ะ ใช้โทรศัพท์ของหนูก็ได้”
“สังคมยังมีคนดีอย่างน้องอีกเหรอเนี่ย”
ขณะที่วิน ผู้กองวันชาติ และมือปืนสองคนนั่งอยู่บนรถตู้ กำลังวิ่งไปถามทาง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น วินหยิบโทรศัพท์ออกมามองดู
“คุณเอ”
“เอ ไม่เป็นไรค่ะ อยู่ที่ศูนย์การค้า”
“เราบุกมาที่โกดังเก็บของ พบกระเป๋าคุณในรถตู้”
“งั้นคุณก็ต้องเจอพวกสามคนนั่น”
วินพยักหน้า “ครับ ดับสนิท เกิดอะไรขึ้นครับ”
“รีบมาซิคะ จะเล่าให้ฟัง “
วินรับคำ ก่อนจะวางสาย แล้วหันไปบอกผู้กองวันชาติ “คุณเอปลอดภัย”
จากนั้นวิน ก็มารับเอ แล้วพากลับไปที่เซฟเฮาส์
“ไม่น่าเชื่อ ไอ้อ๊อดคนของนายสุรชัยจะช่วยคุณเอ”
วินเอ่ยขึ้น หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากเออย่างละเอียด
“อาจจะกลัวนายเกื้อพรอย่างที่บอกคุณเอก็ได้”
ผู้กองวันชาติสรุป แต่วินยังไม่ปักใจเชื่อ
“หรือไม่ก็มาปิดปากทุกคน เพระพวกมันข้ามด่านตรวจไม่ได้ เสี่ยงเกินไป”
เอรีบพูดเสริม
“ฉันก็สงสัยเหมือนกัน ขนาดเสนอเงินให้หลายล้าน มันก็ไม่ยอมรับ แต่อยู่ๆ นายอ๊อด ก็โผล่มา เพื่อเอาเงินรางวัลของคุณพ่อ”
ผู้กองวันชาติครุ่นคิดอยู่ชั่วอึดใจ“ผมเกรงว่านายสุรชัยกับนายอ๊อดจะทำให้แผนเราเสียน่ะซิ”
“ผมไปพบนายสุรชัยมาแล้ว นายสุรชัยคงไม่กล้าทำอะไรตอนนี้ นายอ๊อดมากกว่าที่เราต้องระวัง”
เอเห็นด้วยกับวิน
“ใช่ค่ะ นายอ๊อดพยายามให้ฉันจับปืนที่ยิงคนร้ายสามคนนั่น ทั้งๆ ที่ตัวเองใส่ถุงมืออยู่ หรือฉันอาจ จะคิดมากก็ได้”
“กันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าคุณเอไม่ระวัง อาจมีเรื่องภายหลัง”
ผู้กองวันชาติ ถอนหายใจ “เท่ากับตอนนี้ มีนายอ๊อด กับนายสมภพ ที่ต้องจับตามอง”
“โยนเงินรางวัลให้นายอ๊อด ช้าหรือเร็วก็รู้ว่าใครหนุนหลังนายอ๊อด”
เอพูดจบ พร้อมๆ กับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินรีบรับสาย
“สวัสดีครับคุณเกื้อพร ครับ ได้ครับ ขอบคุณครับ”
วินวางสาย แล้วหันมาบอกกับทุกคน “คุณเกื้อพรขอเลี้ยงฉลองที่คุณเอปลอดภัย แต่ผมว่าคงจะ หยั่งเชิงมากกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เอมองหน้าวิน“ถ้าเราปฏิเสธเรื่องจะยาว งั้นได้ค่ะ อีกชั่วโมงเจอกันฉันมีธุระที่จะต้องจัดการ”
ขณะเดียวกันไอ้อ๊อด ก็ขับรถมาจอดที่สะพานข้ามแม่น้ำ ก่อนที่จะลงจากรถ พลางกวาดสายตาไปมา จากนั้นก็รีบดึงปืนออกมาแล้วหย่อนโครมลงน้ำไป
“เสียดาย นังเอมันรู้ทัน ไม่ยอมจับปืนถ้าได้ลายนิ้วมือบนปืนละก็ รวยแน่”
ทางด้านซินดี้ ก็กำลังพูดโทรศัพท์อยู่กับบอย ที่ยังคงซุ่มอยู่ที่โรงแรม
“สมน้ำหน้านังเอ มันโดนจับไปอีกแล้ว”
“เรียกค่าไถ่อีกเหรอ”
“ไม่ใช่ โดนจับไปขายมั้ง แต่นายประสิทธิ์ประกาศให้เงินรางวัล เดี๋ยวก็คงมีคนพามาประเคนถึงบ้าน”
บอยตาวาว
“แบบนี้ วันหลังเราหาทางจับนังเอไปมั่งดีกว่า”
“พี่ทำได้เหรอ” ซินดี้ย้อนถาม
“ได้ซิ”
“จับไปแล้วไปลับเลยได้มั้ย”
บอยทำหน้าเหี้ยม “เรียกเงินจากไอ้แก่ก่อน แล้วค่อยกำจัดมัน”
“ดีจังเลย อุ๊ย แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ ตาแก่มาแล้ว
จบตอนที่ 11