เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 11
ลำดวนเดินนำกำนันปราบกับไอ้เชิดและลูกน้องเข้ามาในป่าลึก แต่กลับจำทางไปถ้ำไม่ได้ พาเดินหลงไปหลงมาจนกำนันปราบหงุดหงิด
“ถ้าเธอยังพาฉันไม่ไปเจอถ้ำนั่นล่ะก็ เธอจะต้องอยู่ในป่านี้กับฉันจนกว่าจะหาเจอ”
ลำดวนตกใจ
“ จ้ะพี่ ทางนี้แหละ ฉันจำได้แล้ว แถวนี้มันคุ้นๆว่าใกล้จะถึงแล้ว แต่ว่าไม่แน่ใจว่าไปต่อทางซ้าย หรือขวา”
“งั้นไอ้เชิด เอ็งแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่มแยกกันไปค้นดูแล้วกลับมารายงานฉัน”
ไอ้เชิดรับคำ แล้วเข้าไปสั่งลูกน้องให้แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มนึงที่เชิดไม่ได้เป็นคนนำเดินแยก ออกไปก่อน จากนั้นมันจึงพาอีกกลุ่มเดินออกไปอีกทาง แต่เพียงชั่วครู่เสียงระเบิดก็ดังสนั่น กำนันปราบกับลำดวนรีบกระโจนหลบรัศมีระเบิด ไอ้เชิดกับพวกต่างล้มลงไปหมอบ พอควัน เริ่มจาง ก็รีบเข้ามาดูเจ้านาย
“ฉันไม่เป็นอะไร”
พูดพลางเข้าไปพยุงลำดวนที่ล้มลงไปจนเนื้อตัวเปรอะ
“พี่กำนัน ระเบิดจากไหนเนี่ย หรือว่าเราโดนโจมตี”
ไอ้เชิดกับพวก รีบชักปืนออกมาล้อมกำนันกับลำดวนเอาไว้ ขณะที่กำนันปราบกวาดตามองรอบๆ
“ไม่มีใครลอบโจมตีพวกเราหรอก แต่พวกเรากำลังยืนอยู่กลางดงกับระเบิดตั้งแต่สมัยสงคราม โลก”
ลำดวนตกใจ “ดงกับระเบิด”
“วันนี้ยังไม่ใช่โอกาสของเรา แต่ฉันจะกลับมาอีกแน่”
กำนันปราบพูดด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
ชาติเดินตามกำนันปราบ ที่เดินหน้าเครียดออกมายืนอยู่ที่ระเบียง
“ฉันรู้เรื่องจากไอ้เชิดหมดแล้ว น่าเสียดายนะพ่อ เหมือนจะเห็นอยู่แค่เอื้อมแต่กลับคว้าไปไม่ถึง”
“ใช่ น่าเสียดาย แต่ก็ยังดีที่พอจะรู้ว่ามันมีขุมทรัพย์มหาศาลรอให้ฉันไปเอาอยู่ โดยที่ไม่มีใครรู้ นอกจากลำดวนคนเดียว”
“แต่เราก็ควรส่งคนเข้าไปเฝ้าแถวนั้นเอาไว้ป้องกันไม่ให้มีใครบังเอิญเข้าไปเจอที่นั่นอีก”
กำนันปราบยิ้มรับ พลางตบบ่าลูกชาย
“เอ็งคิดถูกแล้วไอ้ชาติ พ่อจะส่งลูกน้องเข้าไปเฝ้าแถวนั้นเอาไว้ ถ้ามีใครสงสัย เอ็งก็บอกพวก ชาวบ้านว่า มีพวกโจรมากบดานอยู่ในป่า เอ็งต้องส่งคนไปดูแลความปลอดภัยให้ชาวบ้าน”
ชาติรับคำ ระหว่างนั้นเนื้อทองยกถาดแก้วน้ำเข้ามาให้กำนันปราบ ครู่หนึ่งไอ้เชิดก็ตามเข้ามารายงาน
“นายครับ มีปัญหาเรื่องของที่จะส่งเข้ามาครับ”
“เข้าไปคุยข้างในดีกว่า ขอบใจนะเนื้อทอง”
กำนันปราบหันมายิ้มให้เนื้อทอง ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับชาติและเชิด เนื้อทองมอง ตาม ด้วยความสงสัย
กำนันปราบฟังรายงานแล้ว ก็หน้าเครียด
“ข้าก็พอได้ข่าวมาอยู่ว่าค่ายของไอ้ลายเสือมันโดนทหารไทยเล่นงานเอาหนัก แต่คิดไม่ถึงว่า ระดับเจ้าพ่อค้ายาเพสติด 3 แผ่นดินจะต้านเอาไว้ไม่อยู่”
ไอ้เชิดรีบรายงานต่อ
“ข่าวว่าไร่ฝิ่นของพวกมันถูกเผาทำลายหมดด้วยครับนาย”
“น่าเสียดายนะครับพ่อ เฮโรอีนของพวกนั้นคุณภาพดีที่สุด ดีกว่าของคนอื่นที่เราสั่งมาขายต่ออีก แล้วเราก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของมันด้วย แบบนี้คงกระทบกับรายได้เรา”
ชาติบ่นด้วยความเสียดาย ระหว่างนั้นเนื้อทอง ก็มาแอบฟังอยู่หน้าห้อง
“อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะทำให้รายได้เราเสียหายเลยไอ้ชาติ ในวิกฤติย่อมจะมีโอกาสดีๆ เสมอๆ ขอเพียงแต่แกรู้จักพลิก แกพูดถูกว่าเฮโรอีนของไอ้ลายเสือเป็นสินค้าชั้นหนึ่ง ราคาก็เลยแพง เพราะลูกค้าติดใจ และตลอดมาที่เรารับซื้อมาจากมัน เราก็มีของอยู่ในโรงงานเพียบ นั่นหมายความว่า”
ชาติคิดตาม แล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“พ่อฉลาดจริงๆ ของดีแต่ขาดตลาดแบบนี้ ปั่นราคาให้สูงขนาดไหนก็ มีแต่คนอยากซื้อ”
เนื้อทองได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง
ขณะที่เชน ที่ตามตื๊อให้วัลภาบอกเรื่องที่เนื้อทองกระซิบกับเธอ แต่กลับโดนวัลภาแกล้งใช้งานเป็นข้อแลกเปลี่ยนจนหนำใจ
วัลภาเดินลงมาจากเรือน เชนรีบเดินตามแล้วเข้าไปช้อนตัวอุ้มวัลภาทันที
“ร้อนนักไม่ใช่เหรอ ก็ช่วยดับร้อนให้ไง”
เชนอุ้มวัลภาตรงดิ่งไปที่ศาลาริมคลองแล้วจับวัลภาโยนลงไปในคลองทันที
วัลภาเจ็บใจ
“ไอ้บ้าเชน นิสัยอย่างนายแบบนี้น่ะเหรอที่เนื้อทองบอกฉัน ฉันว่าเนื้อทองต้องเสียสติไปแล้ว แน่ๆ”
“เนื้อทองบอกอะไรเธอ”
วัลภายักท่า “ไม่บอก”
เชนหันไปคว้าไม้ที่ใช้สอยมะม่วงที่พากับศาลามาใช้แหย่ไม่ให้วัลภาขึ้นจากคลอง
“ไอ้บ้าเชน ฉันเป็นเมียแกนะ ไม่ใช่เพื่อนเล่น อย่ามาทำกับฉันแบบนี้”
“ทีอย่างนี้ล่ะบอกเป็นเมีย เวลาเสียบเปรียบทำสำออย เวลาได้เปรียบล่ะเล่นงานฉันจัง วันนี้ต้อง เอาให้เข็ด”
แต่จู่ๆ วัลภาก็โวยวายเสียงดัง เจ็บจนน้ำตาเล็ด เชนหันไป ก็เห็นงูเลื้อยขึ้นจากน้ำไปตามตลิ่ง
“วัลภา เธอโดนงูเหรอ”
“ฉันไม่รู้ ฉันเจ็บ โอ๊ย”
วัลภาพูดไปก็อ่อนแรง ค่อยๆหงายหลังลงไปในคลอง เชนตกใจเป็นห่วงรีบกระโดดลงไปคว้าตัว เอาไว้ทันที
เนื้อทองอยู่ในร้านกาแฟของสำรวย กับไอ้ตุ่นกับพวกลูกน้องชาติ พวกมันกำลังคุยโวให้ชาวบ้าน ฟัง
“ไอ้เสือกับนางสิงห์มันเป็นพวกหมาลอบกัด มันคงแอบซุ่มดูความเคลื่อนไหวของพี่ชาติ กับเมีย มานาน พอได้โอกาสพี่ชาติเผลอมันก็โผล่มาเล่นงาน จนเมียของพี่ชาติเกือบจะถูกมันทำร้ายให้เสียโฉม ถ้าพี่ชาติ ตามไปช่วยไม่ทันนะ ผู้หญิงที่ไร้ทางสู้อย่างคุณเนื้อทอง คงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว”
ชาวบ้านได้ฟังก็คล้อยตาม
“แบบนี้มันเรียกว่าโคตรขุนโจร ทั้งลอบกัดทั้งเล่นงานผู้หญิงไม่มีทางสู้ ถ้าใครเข้าข้างพวกมันให้ ข้าเห็นล่ะก็ ไม่ต้องมาเดินถนนใกล้ข้าเลย”
ไอ้ตุ่นกระหยิ่มยิ้มพอใจแล้วหันไปที่น้ำค้างที่อยู่ตรงโต๊ะชงกาแฟ
“น้ำค้างคนสวยจ๊ะ ช่วยเอากาแฟมาเลี้ยงพวกชาวบ้านหน่อยสิจ๊ะ ลงบัญชีพี่ชาติเอาไว้เลย เดี๋ยว พี่ชาติมาจัดการทบต้นยทบดอกให้น้ำค้างเองจ้ะ”
น้ำค้างชะงัก
“ฉันไม่ว่างทำให้หรอก ฉันต้องไปซ้อมรำวงที่บ้านครู”
น้ำค้างรีบเดินออกไป สำรวยโวยวายใส่ลูก
“อ้าว นังน้ำค้าง ไหนเอ็งบอกว่าไม่ไปซ้อมแล้วไง อะไรของมันนังนี่”
ไอ้ตุ่นมองตามน้ำค้าง แล้วหันไปสั่งลุกน้อง
“พวกเอ็งดูแลคุณเนื้อทองด้วยนะ เดี๋ยวข้ามา”
ไอ้ตุ่นเดินตามน้ำค้างออกไป เนื้อทองมองตาม พลางครุ่นคิด
น้ำค้างเดินออกมาที่หลังร้านจะไปเอาจักรยานขี่ออกไป แต่เจอไอ้ตุ่นตามมาประกบ น้ำค้างรีบ เข็นจักรยานเดินหนี ไอ้ตุ่นโมโหเลยเข้าไปกระชากจักรยานจากมือแล้วถีบจนล้ม
น้ำค้างตกใจ หน้าเสีย
“ไปให้พ้นเลยนะไอ้ตุ่น ไปบอกเจ้านายแกด้วยว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”
ไอ้ตุ่นกระชากแขนมาบีบข่มขู่
“ปากดีแบบนี้ รู้มั้ยว่าถ้าพี่ชาติมาได้ยินเองแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จะบอกให้ก็ได้นะ ระวังไอ้สำรวยจะ เดินถนนไม่ได้ ระวังวันดีคืนดีร้านกาแฟของแกกับพ่อจะโดนโจรบุกมาเผา ระวังแกจะก้าวขาผิดข้าง ออกจากบ้าน แล้วมีความผิดต้องไปนอนเล่นในห้องขัง และระวัง”
“พอได้แล้ว” น้ำค้างน้ำตาเล็ด “มันต้องการอะไรจากฉันอีก”
“ดีมาก ทำตัวเป็นทาสที่ซื่อสัตย์กับพี่ชาติแบบนี้ รับรองถ้าพี่ชาติพอใจ แกจะได้ค่าตอบแทนอย่าง สมน้ำสมเนื้อ เพราะพี่ชาติเขาติดใจอยากเจอแกอีก เข้าใจมั้ย”
น้ำค้างพยักหน้ารับหงึกๆ ทั้งน้ำตาคลอ
เนื้อทองเดินดูของที่สองข้างทาง โดยมีลูกน้องชาติเดินประกบตลอดทาง ระหว่างนั้นจิกกับแสน ก็เดินผ่านเข้ามา ทั้งคู่แอบสบตากับเนื้อทอง โดยที่ลูกน้องชาติไม่ทันสังเกต
“เดี๋ยวฉันจะแวะที่ร้านตัดเสื้อ ไม่ต้องรอฉันก็ได้ กลับไปทำงานเถอะ ฉันกลับเองได้”
“งานของพวกเราคือพี่ชาติสั่งมาให้ดูแลคุณเนื้อทอง เพราะไม่ไว้ใจกลัวว่าไอ้เสือกับนาง สิงห์จะ เล่นงานเอาอีก”
“แต่ฉันจะไปลองเสื้อ” เนื้อทองพยายามเลี่ยง
“งั้นพวกเราจะเฝ้าอยู่แถวหน้าร้านรอจนกว่าจะเสร็จ”
เนื้อทองชะงัก พลางครุ่นคิดแล้วหันไปที่จิกกับแสน ที่แอบฟังอยู่ใกล้ๆ
“ ก็ได้ แต่นานหน่อยนะ ฉันสั่งตัดหลายชุด”
พูดจบก็เดินนำพวกลูกน้องไป จิกกับแสนหันมามองหน้าอย่างรู้กัน
“โชคดีนะที่เชนพาวัลภามาที่นี่เร็ว เพราะถ้าให้เซรุ่มไม่ทัน วัลภาคงแย่แน่ๆ”
เอื้อมเดือนบอกกับเชน ภายหลังที่ทำการรักษาวัลภาจนปลอดภัยแล้ว
“ผมผิดเองที่ดูแลเธอไม่ดี”
“แต่ที่บ้านเธอกับที่นี่ไม่ใช่ใกล้ๆ กันเลยนะเชน ถ้าเป็นคนอื่น ฉันว่าคงมาไม่ถึงแน่ แต่นี่เธอกลับ อุ้มวัลภามาถึงที่นี่ได้ด้วยตัวคนเดียว ฉันว่าไม่มีใครรักวัลภาได้มากกว่าไปเธอแล้วล่ะเชน”
ระหว่างนั้นแสนก็เข้ามาถามถึงอาการของวัลภา เมื่อรู้จากเชนว่าวัลภาปลอดภัย ก็ยิ้มออก
“ค่อยโล่งอกหน่อย เอ็งจะได้แวะไปคุยธุระสำคัญแล้วค่อยกลับมาเฝ้าเมีย”
แสนพยักหน้าให้เชนรู้ว่าหมายถึงอะไร เชนพอจะเดาได้เลยหันไปที่เอื้อมเดือน
“ผมฝากวัลภาไว้กับคุณหมอก่อนแล้วกันนะครับ”
เชนหันไปมองวัลภาอีกครั้งแล้วเดินออกไปพร้อมกับแสน
แสนพาเชนเดินเข้ามาเจอเนื้อทอง ที่รออยู่ที่อู่ร้าง พร้อมกับจิก
“เนื้อทอง เธอมีเวลาไม่ค่อยมากเท่าไหร่ เดี๋ยวพวกลูกน้องไอ้ชาติจะรู้ตัว ฉันขอคุยกับเธอเลย ดีกว่า”
จากนั้นเชนก็พาเนื้อทองเข้าไปข้างใน
“หึ ความร่ำรวย อำนาจที่แผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วทั้งผาปืนแตก ที่แท้ก็มาจากการค้าขายยานรก ร่วมกับพวกไอ้ลายเสือนี่เอง”
เชนกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจเมื่อรู้เรื่องการค้าขายเฮโรอีนของพวกมันจากเนื้อทอง
“ฉันเคยอ่านจดหมายที่เธอส่งมาตอนเป็นทหาร พวกลายเสือพวกนี้ใช่มั้ยที่เธอพยายามไป กวาดล้าง แต่กรรมก็ตามทันพวกนั้นไปแล้วนะเชน ค่ายของพวกมันถูกตีแตก เฮโรอีนของพวกมัน ถูกกวาดล้าง ตอนนี้ก็เหลือแค่ที่พวกกำนันมีอยู่ในครอบครอง ถ้าเธอกำจัดพวกมันทิ้งหมดได้ เธอก็จะได้ช่วยชาวบ้านที่ต้องตก เป็นทาสยาได้อีกไม่รู้เท่าไหร่”
“ฉันจะจัดการทำลายยานรกพวกนั้นไม่ให้เหลือซากแน่นอนเนื้อทอง”
เชนพูดอย่างมั่นใจ
“เดี๋ยวก่อนเนื้อทอง ฉันขอถามเธออีกเรื่อง”
เชนรีบวิ่งเข้ามาแล้วขึ้นไปบนเรือนหอ พลางเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียกหาวัลภา แต่ไม่เจอ จึงรีบเดินออกมาหาข้างล่าง จังหวะเดียวกับที่วัลภาเดินกลับมาพอดี
“วัลภา เธอหายไปไหนมา ฉันกลับไปหาเธอที่สุขศาลา คุณหมอบอกว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว แต่ไม่ยอม นอนพักอยู่ที่นั่น”
“ก็แค่งูกัด ไม่ได้โดนยิงกระสุนฝังในซะหน่อย นอนอยู่เฉยๆมันน่าเบื่อ”
วัลภาพูดพลาง กำลังจะเข้าไปในห้อง เชนก็ตัดสินใจตะโกนบอก
“ฉันไปเจอเนื้อทองมาแล้ว และฉันก็รู้แล้วด้วยว่าเนื้อทองบอกอะไรเธอ”
วัลภาชะงัก
“เนื้อทองบอกเธอด้วยงั้นเหรอ”
“ใช่ บอกเหมือนกับที่บอกเธอทุกคำพูดด้วย”
ขาดคำ วัลภาก็รีบเข้าไปในห้องนอน แล้วปิดประตูทันที เชนมองตามแล้วมีรอยยิ้มผุดขึ้นบน ใบหน้า พลางนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่คุยกับเนื้อทอง
“บอกฉันมาเถอะเนื้อทอง เธอพูดอะไรกับวัลภา”
“ฉันก็แค่บอกเนื้อทองในสิ่งที่เธอรู้ตัวดีแต่กลับไม่ยอมพูดออกมา เพราะนิสัยของเธอไง”
เชนมองหน้าเนื้อทอง
“อย่าพูดอะไรที่มันกำกวมแบบนี้สิเนื้อทอง”
“ฉันไม่ได้กำกวม แต่เธอนั่นแหละที่ชอบทำแบบนี้จนติดเป็นนิสัย เชน ถ้าแค่เธอพูดออกมา ไม่มีทิฐิ ไม่ปากแข็ง เธอก็จะทำให้ผู้หญิงคนนึงที่รักเธอ มีความสุขมากขึ้นทุกๆวัน เพราะได้อยู่ใกล้คนที่กล้า บอกว่ารักเธอจริงๆ”
เชนถึงกับชะงัก “เนื้อทอง นี่เธอ”
“มันจริงใช่มั้ยเชน ฉันรู้จักเธอมาตลอดชีวิต สายตาเธอ การกระทำของเธอ ฉันดูไม่ผิดแน่นอน ว่าเธอกำลังตกหลุมรักวัลภา”
เชนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ใช่หรอกเนื้อทอง เธอดูฉันผิดไปแล้ว”
เนื้อทองเข้าไปแตะแขนเชนเบาๆ
“หยุดโกหกตัวเอง หยุดหลอกหัวใจตัวเอง และหยุดขังตัวเองไว้ในกรงที่เธอสร้างขึ้นมาซะที เถอะเชน ไม่มีใครกักขังเธอเอาไว้ และฉันก็ไม่ได้เป็นคนถือกุญแจที่จะปลดปล่อยเธอ เพราะเธอมีอิสระที่จะรักใคร ก็ได้ ตั้งแต่วันที่ฉันตัดสินใจยอมเป็นเมียของชาติ
วัลภาเองก็รักเธอเหมือนกัน แล้วทำไมเธอจะต้องมาทนปกปิดความรู้สึกแบบนี้ด้วย”
“วัลภาน่ะเหรอรักฉัน” เชนถามย้ำ “ฉันว่าเธอดูวัลภาผิดไปแล้วล่ะ”
“งั้นเธอก็ต้องลองไปพิสูจน์เองแล้วล่ะ หมดเวลาของฉันแล้ว ฉันไปล่ะ”
เนื้อทองเดินออกไป เชนมองตาม พลางครุ่นคิดในสิ่งที่เนื้อทองพูด
ขณะที่ที่วัลภา ที่ยืนอยู่หลังประตูห้องนอน ก็ใจเต้นตึกตัก เมื่อนึกถึงคำพูดของเนื้อทอง
“เพราะรู้จักเชนมาทั้งชีวิตและเฝ้าดูพวกเธอมาตลอด ฉันถึงกล้าเอาชีวิตมาเดิมพันด้วย และมั่นใจ ว่า เชนรักเธอนะวัลภา รักมากกว่าที่เขารักฉันด้วย เขาถึงอยากเปลี่ยนนรกใน ผาปืนแตกเพื่อให้เป็นสวรรค์สำหรับ เธอ”
พลันเสียงเคาะประตูของเชน ก็ทำเอาวัลภาถึงกับสะดุ้ง
“เปิดประตูให้ฉันเถอะวัลภา เราต้องคุยกันนะวัลภา”
“ไม่คุย ไม่มีอะไรจะคุย”
“แต่เนื้อทองบอกว่าเธอรักฉัน”
วัลภาสะดุ้ง
“ฉันไม่ได้รักนายซะหน่อย ไปเลยนะไอ้บ้าเชน อย่ามามั่ว ไป ฉันไม่อยากเจอหน้านาย”
เชนถอยห่างออกมา ขณะที่แววตาครุ่นคิด
“วันนี้ฉันรู้ใจตัวเองแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสรู้ใจเธอเสียไปแน่ๆ วัลภา เตรียมตัวให้พร้อมเถอะ”
เชนยิ้มเจ้าเล่ห์
ขณะที่วัลภาอยู่ในห้องนอน และเดินออกไปชะโงกที่หน้าต่าง เห็นเชนที่อยู่ด้านล่าง กำลังร้องเพลง แล้วก็เต้นท่ายั่วยวนกวนประสาท ก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่น
“เนื้อทองบอกว่าเธอรักฉัน ฉันต้องการคำยืนยันจากเธอนะวัลภา ถ้าเธอไม่โกหกหัวใจตัวเอง และฉันก็ไม่โกหกหัวใจตัวเอง คืนนี้เราก็จะได้ขึ้นสวรรค์ด้วยกัน”
“ขึ้นสวรรค์ !!?? ไอ้บ้าเชน ไอ้ลามกจกเปรต”
เชนตกใจ
“เฮ้ย ไม่ใช่หมายความแบบนั้น ขึ้นสวรรค์ที่ว่าหมายถึงฉันรักเธอ เธอรักฉัน เรารักกัน แล้วเราก็ ชวนกันมีความสุข เหมือนเวลาที่เราได้ชวนกันขึ้นสวรรค์แบบนั้นแหละ เฮ้ย ไม่ใช่”
“ไอ้อุบาทว์ ก่อนอยากจะขึ้นสวรรค์เชิญไปลงนรกก่อนเถอะ ไอ้บ้าเชน”
พลางรีบเดินไปคว้าปืนในห้องออกมายกเล็ง เชนหลับตาปี๋ แต่วัลภายิงขู่ไปที่พื้น เชนค่อยๆลืมตา โล่งอก
“เห็นมั้ยว่าเธอรักฉัน เธอถึงไม่กล้ายิงฉัน”
วัลภาเบ้ปากใส่
“อย่ามามั่วนะไอ้บ้าเชน ที่ไม่ได้ยิงนายไม่ได้หมายความว่า ฉันจะยอมรับว่าฉันรักนาย”
“งั้นถ้าฉันปีนขึ้นไปหาเธอ แล้วเธอไม่กล้ายิงฉัน ฉันจะถือว่าเธอรักฉันนะวัลภา”
พูดพลางยักคิ้วยิ้มท้าทาย วัลภาถึงกับชะงัก
เชนเอาบันไดมาพาดเข้ากับขอบหน้าต่าง วัลภาอึ้ง มือยังกำปืนแน่น
“เชน ฉันบอกแล้วไงอย่าทำแบบนี้”
“ชีวิตฉันอยู่ในมือเธอแล้ววัลภา ความรักของเราจะลงเอยกันแบบไหนก็อยู่ที่เธอคนเดียว แล้ว เท่านั้น”
เชนพูดด้วยย้ำเสียงจริงจัง พลางค่อยๆ ปีนบันไดขึ้นไปหาวัลภาช้าๆ
“ลงไปนะเชน ไม่ต้องขึ้นมา”
“อยากไล่ฉัน ไม่อยากรับรักฉัน อยากปฏิเสธหัวใจตัวเอง เธอก็มีทางเลือกอยู่ในมือแล้วนี่ วัลภา สิทธิ์นั้นเป็นของเธอ ยิงฉันได้เลย”
วัลภาชะงักมองปืนในมือ “อย่าท้าฉันนะเชน”
“เนื้อทองพูดถูก ฉันขังหัวใจตัวเองมานานเกินไป ทั้งๆ ที่ไม่มีใครใส่กุญแจขังหัวใจฉันเลย ยกเว้น ก็แต่ตัวฉันเองเท่านั้น วันนี้แหละวัลภาที่ฉันจะเปิดกรงแล้วยก 4 ห้องหัวใจให้เธอคนเดียว”
เชน พูดพลางปีนขึ้นไปถึงขอบหน้าต่าง เสมอระดับเดียวกับวัลภาที่ปืนจ่อหน้าพอดี
“นี่เป็นวินาทีสุดท้ายที่เธอหนีหัวใจไม่ได้อีกแล้วนะวัลภา”
เชนรอลุ้น ขณะที่วัลภาน้ำตาคลอ มือยังกำปืนแน่น ก่อนจะค่อยๆ ลดปืนในมือลง สายตาจับจ้อง ที่ใบหน้าเชนอย่างหวานซึ้ง เชนดีใจจนหน้าบาน
“พูดไม่ออกแต่บอกด้วยการกระทำ ฉันก็ดีใจแล้ววัลภา”
วัลภาน้ำตาเอ่อยิ้มมีความสุข แล้วหลับตาพริ้ม พลางเผยอปากเล็กน้อยแทนคำตอบ เชนดีใจ ยื่นหน้ายื่นริมฝีปากเข้าไปใกล้ จนเกือบจะจูบกันอยู่แล้ว ทันใดนั้นบันไดที่เชนเหยียบ ก็หักเป๊าะ เชนร่วงลงจาก บันได ลงไปนอนเอ้งเม้งข้างล่าง
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 11 (ต่อ)
วัลภาประคองเชน ที่มีอาการเคล็ดขัดยอกระบมไปทั้งตัว มานอนที่เตียง
“สมน้ำหน้า ที่จริงน่าจะปล่อยให้นอนเจ็บอยู่ข้างนอกนั่นแหละ”
เชนทำหน้าทะเล้น
“ใจแข็งกล้าปล่อยให้ฉันนอนเจ็บระบมตายอยู่ข้างนอกจริงเหรอจ๊ะที่รัก”
“หยุดเลยนะเชน ฉันยังไม่ได้พูดยอมรับสักคำ”
เชนมองจ้องหน้าวัลภา แววตาซึ้ง
“แต่การกระทำคือคำตอบ”
พลางจับไหล่วัลภา แล้วสบตากัน วัลภาใจเต้นตึกๆ
“ฉันรักเธอนะวัลภา ต่อไปนี้ฉันจะไม่หนีหัวใจตัวเอง”
“ฉันก็รักเธอ”
เชนเลยจับคางเธอเชยหน้ากลับมาแล้วสายตาจริงจัง วัลภาหลับตาพริ้ม
“งั้นเราจะได้เป็นผัวเมียกันจริงๆ ทั้งพฤติกรรมและพฤตินัยแล้วใช่มั้ย”
เชนยิ้มมีความสุข แต่วัลภากลับลุกพรวด จนเชนหน้าคะมำ
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
เชนมองวัลภาอย่างงงๆ
“เปลี่ยนใจ ? เปลี่ยนใจไม่รักฉันแล้วเหรอ”
“ยอมรับแล้วว่ารักก็คงไม่เปลี่ยนใจ แต่เพราะยังฝังใจ ก็นายเคยหลอกฉันให้มาแต่งงาน เพราะฉะนั้น ฉันยังไม่พร้อมเป็นเมียนายจริงๆตอนนี้”
“อะไรเนี่ยวัลภา” เชนโวยวาย “แต่เราแต่งงานกันแล้ว เรารักกันแล้ว”
“แล้วอะไร ก็ในเมื่อรักกัน ได้เห็นหน้าด้วยกันทุกวัน ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน แล้วทำไมจะรอให้ฉันพร้อมไม่ได้ล่ะ ที่รักขา นะจ๊ะ ฉันอยากให้นายพิสูจน์จนฉันแน่ใจก่อน ว่าความรักของเราจะเป็นความรัก แบบชั่วฟ้าดินสลาย ฉันถึงจะยอมเป็นของนายทั้งตัวและหัวใจนะจ๊ะเชนที่รัก นะ นะ”
วัลภาเข้าไปแกล้งหยิกแก้ม แล้วจุ๊บที่หน้าผากเบาๆ เชนใจอ่อนยิ้มรับพอใจตามนั้น
เพลิงนั่งพิงเสาอยู่ที่หน้ากระท่อมในมือกำสร้อยคอล็อกเก็ตที่ได้มาจากเอื้อมเดือน พลางเปิด ออกมานั่งดูภาพเอื้อมเดือน แล้วยิ้มมีความสุขก่อนจะได้ยินเสียงเรียกเบาๆ
เพลิงเห็นผู้หญิงใส่ชุดสีขาวเหมือนชุดเจ้าสาวยืนหันหลังให้เดินผ่านไปแวบๆ ก็รีบลุกตามไปทันที
หญิงสาวในชุดสีขาวเหมือนชุดเจ้าสาว เดินนำเพลิง เข้ามาในป่าช้าที่รายล้อมไปด้วยหลุมศพ มากมาย ก่อนจะเดินตรงไปที่หลุมศพหนึ่ง และหายวับไปต่อหน้าต่อตา
เพลิงตกใจรีบวิ่งเข้าไปดู แล้วพบว่าที่หลุมศพ มีป้ายชื่อและภาพถ่ายของ “ฟ้างาม” เพลิงผงะตกใจถอยหลังล้มลงแล้วมือก็คลำไป เจอบางอย่างตกอยู่ที่พื้น เมื่อหยิบมันขึ้นมา จึงเห็นว่าเป็นมู่ลี่ผีเสื้อที่อยู่ในมือของฟ้างามตอนตายนั่นเอง
เพลิงสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับเรียกชื่ออดีตคนรัก
“ฟ้างาม”
ก่อนจะพบว่า ที่แท้ภาพที่เห็นคือความฝัน แต่ทว่าระหว่างนั้น ผีเสื้อกลางคืนสีดำสนิทตัวหนึ่งบินเข้ามาทางหน้าต่าง แล้วเกาะที่ขอบหน้าต่างอยู่นิ่งๆ
พลิงหันไปมองมันด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่พอจะเอื้อมมือไปจับมัน ผีเสื้อราตรีตัวนั้นก็บินหายไป
“ผู้การเตรียมเรียกผมไปสั่งให้พักราชการ แต่จ่าไม่บอกผมสักคำ”
ผู้กองสมานโวยวายใส่หน้าจ่าลูกน้อง ที่ได้แต่ก้มหน้าหงอ
“ผมว่าจะบอกผู้กองตั้งแต่ระหว่างทางกลับมาที่กรุงเทพฯแล้วครับ แต่เห็นผู้กองกำลังอารมณ์ดี รอน้องสาวกลับมา ผมเลยคิดว่าเอาไว้หาจังหวะที่เหมาะกว่านี้ แต่ไม่คิดเลยว่าผู้กองจะใจร้อน อยากกลับไป ทำงานจนเกิดเรื่อง”
ผู้กองสมานหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมามองนิ่งด้วยสีหน้าหงุดหงิด เพราะที่หน้าหนังสือพิมพ์ มีพาดหัวข่าวตัวใหญ่
“ผู้กองปืนโหดยิงโจรไม่มีอาวุธ สั่งปลดฟ้าผ่า”
จ่าลูกน้อง รีบวิ่งตามผู้กองสมานออกมา พร้อมกับขวางทางไม่ให้ออกจากบ้าน
“ผมขอล่ะครับผู้กอง ที่ท่านผู้การมีคำสั่งให้พักราชการ เพราะสภาพร่างกายของผู้กอง ตอนนี้มัน ไม่เอื้อต่อการทำงานเหมือนเมื่อก่อน”
ผู้กองสมานกำหมัดแน่น
“อย่ามาดูถูกผมแบบนี้นะจ่า ถึงตาผมจะบอดไปข้างนึง แต่ผมก็ยังทำงานได้ดีกว่าคนอื่นๆที่คอย เลียแข้งเลียขา นั่งอยู่ในห้องแอร์แล้วได้เลื่อนขั้นทุกปี”
“พวกผมที่ลุยมากับผู้กองตลอดเวลาไม่มีใครเถียงหรอกครับ ผู้กองเป็นตำรวจที่มีผลงาน กวาดล้างเยอะที่สุดแล้ว”
“งั้นถ้าผลงานผมดีแล้วทำไมเขาถึงอยากจะสั่งพักราชการผม เพราะเรื่องที่ผมไปช่วยกวาดล้าง ขบวนการค้ายาเสพติดของไอ้ลายเสือใช่มั้ย มันเลยไปกระทบกับพวกเหลือบไรที่ได้รับผลประโยชน์จากยานรก นั่นใช่มั้ย ผมต้องเสียตาข้างนี้ของผมไปเพราะทุ่มเทเพื่อประเทศชาติ แล้วเรื่องอะไรผมจะอยู่เฉยให้พวกมัน มาทำลายชีวิตผม”
ขาดคำ ก็หุนหันออกจากบ้านไปด้วสีหน้าเอาจริงเอาจังดุดัน จ่าลูกน้องมองตามด้วยความเป็นห่วง
ขณะที่เพลิงกำลังกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับฟ้างาม ยอดที่รู้เรื่องความฝันของเพลิงจากหลวงพ่อสิน ก็เดินเข้ามา
“อุทิศส่วนกุศลให้ตายมันก็เป็นเรื่องดี แต่ข้าว่าที่เอ็งฝันไม่ดี เป็นเพราะเอ็งกำลังจะแต่ง งานกับคุณหมอ แต่เอ็งยังติดใจเรื่องฟ้างามอยู่เลยเอาไปคิดเป็นตุเป็นตะมากกว่า”
เพลิงหน้าเศร้า
“แต่ที่ข้าเห็นฟ้างามในฝัน ข้ารู้สึกว่าฟ้างามยังมีทุกข์ วิญญาณของเธอยังไม่ถูกปลดปล่อย เพราะไอ้ฆาตกรตัวจริงยังไม่ถูกจับกุม”
ยอดถอนใจแล้วเข้าไปตบบ่าเพลิง
“แต่ทุกวันนี้เอ็งเดินมาไกลจากความคิดแก้แค้นมากแล้วนะไอ้เพลิง แล้วตอนนี้เอ็งก็มีคุณหมอ เป็นคนให้โอกาสใหม่กับชีวิตเอ็งอีก เย็นลงเถอะ อย่าให้ความแค้นมาเผาชีวิตเอ็งให้ไหม้เป็นจุณเหมือนอย่างที่ ผ่านมาเลย
คุณหมอมานั่นแล้ว เห็นมั้ย นั่นคือผู้หญิงที่ทิ้งทุกอย่างในชีวิตมาเพื่อเอ็ง แล้วเอ็งจะเอาอดีตของ คนที่ตายไปแล้วมาทำให้เธอเสียใจเนี่ยนะ อย่าโง่หน่อยเลยเพื่อน ผู้หญิงไม่ได้ใจกว้างเป็นแม่น้ำไปหมดทุกคน หรอก”
เพลิง ที่มาช่วยยืนจัดคิวชาวบ้านที่มารอตรวจสุภาพอยู่ที่หน้าร้านกาแฟของสำรวย เข้ามาถาม เอื้อมเดือนด้วยความเป็นห่วง
“เหนื่อยหน่อยนะครับวันนี้ ชาวบ้านที่ตลาดรู้ข่าวว่าคุณหมอมาออกตรวจเลยพากันมา รอต่อคิว เยอะแยะ”
เอื้อมเดือนยิ้มให้คนรัก
“เรื่องเหนื่อยฉันไม่รู้สึกหรอกจ้ะเพลิง แต่ฉันว่าที่ชาวบ้านแห่กันมาต่อแถวกันเยอะ สงสัยจะมา เป็นแม่ยกเพลิง พญาไฟ นักร้องคนใหม่ขวัญใจผาปืนแตกซะล่ะมั้ง”
บรรดาสาวแก่แม่หม้าย ที่ถือพวงมาลัยมายืนมุงที่หน้าร้าน พอเห็นเพลิง ก็กรี๊ดกร๊าดกันเสียงดัง จนเพลิงต้องรีบเดินหลบออกไปที่หลังร้าน
เอื้อมเดือนเอื้อมมือไปรับกาแฟเย็นจากสำรวยมาดื่ม แต่ระหว่างวางแก้วไปบนโต๊ะ ไม่ทันระวัง เลยเผลอทำกาแฟหกเลอะเต็มโต๊ะ จนไปเปรอะหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่
“ขอโทษด้วยจ้ะสำรวย เดี๋ยวฉันเช็ดให้”
“ไม่ต้องครับคุณหมอ เดี๋ยวผมจัดการเอง เชิญคุณหมอเก็บข้าวของคุณหมอเถอะครับ เดี๋ยวจะ เลอะกาแฟไปด้วย”
สำรวยรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดโต๊ะ ระหว่างนั้นเอื้อมเดือนเห็นหนังสือพิมพ์ที่เลอะกาแฟ เลยหยิบ ขึ้นมาอ่าน
ภาพข่าวพาดหัวเป็นข่าวของสมาน พร้อมพาดหัวตัวใหญ่
“ผู้กองปืนโหดยิงโจรไม่มีอาวุธ สั่งปลดฟ้าผ่า”
เอื้อมเดือนเห็นภาพข่าวเป็นรูปพี่ชายตัวเองก็ตกใจชะงักไป
“พี่สมาน”
ผู้กองสมาน กับจ่าลูกน้องเข้ามานั่งในร้านอาหารข้างทางด้วยอามณ์หงุดหงิด“ใจเย็นเถอะครับผู้กอง ผมเตือนผู้กองแล้วว่าไม่มีประโยชน์ที่จะไปทำอะไรพวกเขา ยังไงก็ เข้าไม่ถึงตัว”
“จ่าจะให้ผมก้มหน้ายอมรับคำสั่งปลดงั้นเหรอ ผมเสียตาข้างนึงไปเพื่อประเทศชาติ แล้วนี่เหรอ ที่ประเทศชาติ กำลังตอบแทนผม”
ผู้กองสมานยังพูดไม่ทันขาดคำ เสียงปืนก็ดังขึ้นจากหน้าร้าน ทั้งคู่กระโจนหลบแทบไม่ทัน มือปืนสวมไอ้โม่ง 2 คนขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดแล้วลงมากราดยิงใส่ ชาวบ้านที่กำลังกินข้าวหลบกันจ้าละหวั่น
ผู้กองสมานวิ่งเข้ามาหลบกระสุนจากมือปืนไอ้โม่งที่ไล่ตามยิง มาหลบมุมรอจนมันโผล่มาใกล้ ก็กระโจนออกมาเตะปืนในมือมันกระเด็น แล้วเปิดฉากประเคนหมัดเข่าศอกใส่ไม่ยั้ง จนที่สุดก็สามารถเล่น งานจับมันมาใช้แขนล็อกแน่น จนกระทั่งมันแน่นิ่งไป พลางมองไปทางที่จ่าลูกน้องวิ่งแยกไป ด้วยความเป็นห่วง
ขณะที่จ่าลูกน้อง ที่วิ่งแยกมาอีกทาง พลาดท่าถูกมันยิงเข้าที่ไหล่ จนปืนกระเด็นหลุดมือ ไอ้โม่ง มือปืนถือปืนเดินเข้ามาจ่อเตรียมจะยิงทิ้ง แต่ก็ช้ากว่าผู้กองสมาน ที่ยิงมันจากข้างหลัง จนมันตายคาที่ แต่พอหมวกไอ้โม่งของมัน ถูกเปิดออก ผู้กองสมาน ก็ถึงกับชะงัก
“พวกเดียวกับเรา”
จ่าลูกน้องพยักหน้า“ครับ เรากำลังถูกพรรคพวกสีเดียวกันตามล่าแล้ว เราอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้วล่ะครับผู้กอง”
เอื้อมเดือนเข้ามาค้นดูจดหมายที่โต๊ะทำงานอย่างร้อนใจ พลางหันไปถามติ๋ม
“ติ๋ม เธอเห็นโทรเลขหรือว่าจดหมายที่มาถึงฉันบ้างมั้ย”
“ไม่เห็นเลยค่ะ ไม่เห็นมีจดหมายถึงคุณหมอมาตั้งนานแล้วนะคะ”
เอื้อมเดือนขมวดคิ้ว
“เป็นไปไม่ได้ เรื่องสำคัญขนาดนั้น ยังไงพี่ชายฉันเขาก็ต้องส่งข่าวมาบอกแน่”
“พี่ชายคุณหมอ ? ที่ตายไปแล้วน่ะเหรอคะ” ติ๋มถามย้ำ
“ไม่ พี่สมานยังไม่ตาย ฉันเห็นรูปเขาในข่าวหนังสือพิมพ์ ฉัน อยากจะรู้ความจริง ถึงต้องมาหา จดหมายของพี่ชายฉันอยู่นี่ไง พี่สมานต้องเขียนจดหมายมาหาฉันแน่นอน แต่จดหมายมันอยู่ที่ไหน”
ระหว่างนั้นบุรุษไปรษณีย์ก็เดินเข้ามา เพื่อให้เอื้อมเดือนดูอาการป่วยพอดี
“ติ๋มรู้แล้วค่ะว่าคุณหมอจะแน่ใจเรื่องจดหมายได้ยังไง”
หลังจากที่ซ้อมมวยให้บรรดาเด็กวัดเสร็จ จนเด็กแยกย้ายกันออกไปแล้ว ยอดก็หันมาเห็นเอื้อมเดือน ที่ยืนมองอยู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“คุณหมอ มาทำอะไรที่นี่ครับ อ๋อ เห็นไอ้เพลิงพูดอยู่เรื่องจะให้หลวงพ่อช่วยดูฤกษ์แต่งงานให้ งั้นคุณหมอต้องรอหน่อยนะครับ หลวงพ่อไปรับกิจนิมนต์ยังไม่กลับเลย แต่ถ้าใจร้อน ผมแนะนำให้ดูฤกษ์สะดวก”
“พอได้แล้วนายยอด” เอื้อมเดือนเสียงแข็ง “ฉันรู้เรื่องจดหมายของพี่ชายฉันแล้ว”
ยอดหน้าเสีย “จดหมายอะไรเหรอครับ”
“นายไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่องทำไมนายต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย หรือว่าเพลิงเป็นคนสั่งให้ทำ ถ้าเพลิงสั่งให้นายทำแบบนี้ ฉันก็ต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”
ยอดไม่ทันได้อธิบาย เอื้อมเดือนก็หุนหันออกไป
เอื้อมเดือนจะเดินไปที่หลังวัดแต่ยอดรีบเข้ามาขวางทาง
“ไม่ได้นะครับ คุณหมอจะให้ไอ้เพลิงรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
เอื้อมเดือนส่ายหน้า
“อย่ามาขวางฉันนะนายยอด เพลิงทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้ ถึงเขากับพี่ชายฉันจะไม่ถูกกัน แต่พี่ฉันรอดตายมาได้ เขาก็ควรต้องบอกความจริง ไม่ใช่ปิดบังไม่ให้ฉันรู้แบบนี้”
ยอดตัดสินใจสารภาพ
“ไม่ใช่ครับ ไอ้เพลิงไม่ได้เป็นคนสั่งผม มันไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย แต่ผมต่างหากที่ทำเอง ผมขอโทษ ครับคุณหมอ แต่เพราะผมรู้จักนิสัยของไอ้เพลิงดี ถ้ามันรู้ว่าพี่ชายคุณหมอยังมีชีวิตอยู่ มันจะต้องตัดใจ ล้มเลิกการแต่งงาน แล้วกลับไปมีชีวิตเป็นไอ้เพลิงคนเดิม ที่จมอยู่แต่กับอดีตและความแค้น”
เอื้อมเดือนได้ฟัง ก็ถึงกับอึ้งไป
ขณะที่เพลิงกำลังซ้อมร้องเพลงอย่างตั้งอกตั้งใจ จู่ๆ เชนก็โผล่แทรกเข้ามา พร้อมคว้าไมค์อีกตัว ขึ้นมาร้องต่อจากเพลิง
จากนั้นเชนก็ชวนเพลิงกินเบียร์ด้วยกัน ขณะที่เพลิงมองเชนอย่างสงสัย
“ฉันนับถือพี่บึ้กเป็นมิตร เป็นมิตรก็ต้องดีกว่าศัตรู ทำไมต้องมาระแวงฉันด้วย”
เพลิงส่ายหน้า
“ไม่ได้อยากระแวง แต่ทุกทีเอ็งไม่ค่อยชอบหน้าพี่เท่าไหร่ ยกเว้นซะแต่ว่า เรามันหัวอกผู้ชาย รักเดียวใจเดียวเหมือนกันไอ้น้องชาย ไม่มีเรื่องไหนจะทำให้อารมณ์ดีเท่ากับเวลาความรักมันล้นอยู่ในนี้หรอก ใช่มั้ย เชน พนัญเชิง “
เชนยิ้มเขิน
“ฉันดูออกขนาดนั้นเลยเหรอพี่บึ้ก”
“พี่ดูเอ็งออกมานานแล้วไอ้น้อง เห็นเอ็งชอบทะเลาะกันตีกันอยู่บ่อยๆ ก็แอบคอยลุ้นมาตลอด ว่าเมื่อไหร่เอ็งกับวัลภาจะรักกันจริงๆจังๆซะที พอได้มาเห็นแบบนี้พี่ก็ยินดีด้วย เพราะวัลภาน่ะ เป็นน้องสาว ที่พี่รักเหมือนกัน”
ระหว่างนั้นวัลภาเดินเข้ามา
“ฉันยืมตัวผัวฉันไปก่อนนะจ๊ะพี่เพลิง ปลอดโซ่ออกจากคอให้เดินออกมาเพ่นพ่านทีไร แล้วไม่ค่อย น่าไว้ใจเท่าไหร่ ชอบเอาเมียมาเห่า เอ้ยมานินทาอยู่เรื่อย ไป”
วัลภาดึงติ่งหูเชน แล้วลากตัวออกไป เพลิงมองตามแล้วยิ้ม
วัลภาดึงหูเชนพาเดินออกมาที่ทุ่งนาใกล้ๆ บ้าน
“อารมณ์ดีนักเหรอไง ได้ยินพวกน้าจิกบอกว่านายไปร้องเพลงเต้นสนุกอยู่กับพี่เพลิง”
เชนขำท่าทีของวัลภา
“ฉันอารมณ์ดีแล้วเธอไม่ชอบเหรอ หรือว่าชอบให้ฉันปั้นหน้าหงิก แยกเขี้ยวยิงฟัน ใครเดินขวางหู ขวางตาผ่านก็ไล่งับ มีเรื่องกับเขาไปทั่ว”
“อย่ามาต่อล้อต่อเถียงกับฉันนะ เดี๋ยวก็โดน”
วัลภาไม่ทันจะพูดจบเชนก็เข้าไปสวมกอดดื้อๆ
“ก็สาเหตุที่ฉันอารมณ์ดีไง ชื่นใจที่ต่อไปนี้เราไม่ต้องมาหาเรื่องปากแข็งใส่กันอีก”
วัลภามองค้อน
“บ้า เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมอยู่ได้ ดูสิฉันเกือบลืมไปเลยว่าจะคุยธุระสำคัญกับนาย”
“ธุระสำคัญอะไรของเธอ”
เชนกับวัลภาเดินเข้ามาที่บ้านกำนันปราบ ท่ามกลางไอ้เชิดกับไอ้ตุ่นและพวกลูกน้อง
ที่ลุกขึ้นมาจ้องเขม็ง พร้อมกับแตะที่เอวที่มีปืนเหน็บอยู่ เชนก็เปิดเอวให้เห็นว่าตัวเองก็พกปืนมาเหมือนกัน
ระหว่างนั้นชาติกับปราบเดินออกมา
“เฮ้ย พอได้แล้วไอ้ตุ่น เก็บปืนพวกเอ็งไปซะ”
ไอ้ตุ่นยอมเก็บปืน ชาติเดินไปที่จ้องหน้าเชน พลางทำหน้ายียวน
“ตอนที่ข้ารู้ว่าวัลภาจะมาเยี่ยมแม่ ข้าพนันกับลูกน้องไว้ว่าเอ็งจะกล้ามาเยี่ยมแม่ยายถึง ที่นี่ รึเปล่า”
“แล้วเอ็งพนันว่าอะไร
เชนย้อนถาม ชาติยิ้มเยาะ
“ข้าได้พนันจากพวกมัน เพราะคิดว่าเอ็งต้องกล้ามาให้พวกข้ากระทืบถึงบ้าน”
วัลภารีบเข้ามาขวางทั้งคู่
“เชน พี่ชาติ พอเถอะ ฉันมาเยี่ยมแม่”
วัลภารีบดึงเชนออกมาให้ห่างจากชาติแล้วเดินไปที่กำนันปราบ
“แม่ฉันอยู่ไหนจ้ะ”
“ในห้อง”
กำนันปราบบอก พลางเดินนำเข้าไป วัลภาพาเชนรีบเดินตาม
ลำดวนนอนซมอยู่บนเตียงในห้องนอน มีเนื้อทองคอยเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้ วัลภาเห็นสภาพ แม่ก็รีบเข้าไปหา
“หนูรู้จากเนื้อทองว่าแม่ป่วย หนูก็เลยมาเยี่ยม นึกว่าแม่จะเป็นไข้ธรรมดา แต่นี่ ดูท่าทางแม่ ไม่ค่อยดีเลย ทำไมยังให้แม่นอนอยู่ที่นี่”
“ตอนแรกฉันก็คิดว่าเป็นไข้ตัวร้อนธรรมดา แต่มารู้ทีหลังว่าลำดวนติดไข้มาจากในป่า”
กำนันปราบบอกกับวัลภา พลางย้ำ
“ไม่ต้องตกใจไปหรอกวัลภา ฉันพาหมอมือดีจากจังหวัดมาฉีดยารักษาไปแล้ว ตอนนี้ก็แค่ต้อง นอนพักผ่อนเยอะๆ หมอว่ายังไงก็รอด และที่สำคัญลำดวน มีค่าสำหรับฉันที่สุด ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยให้ตายหรอก”
ลำดวนนิ่งมอง รู้ว่าที่กำนันปราบพูด หมายถึงเธอคือคนเดียวที่รู้ว่าถ้ำทองอยู่ที่ไหน
“พี่กำนันเขาดูแลแม่เป็นอย่างดี แกไม่ต้องห่วงแม่หรอกวัลภา”
เนื้อทองหันมาบอกวัลภา“ฉันเองก็คอยช่วยดูแลเรื่องกินยาตามที่หมอสั่งให้อยู่ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะวัลภา เดี๋ยววัลภา เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้น้าลำดวนดีกว่า พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ”
พูดพลางมองที่เชน แล้วพยักหน้าส่งสัญญาณกับเชน ที่พยักหน้ารับแบบรู้กัน
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 11 (ต่อ)
เนื้อทองเดินนำเชนออกมาที่ระเบียงบ้าน พลางมองซ้ายขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ
“ฉันบอกวัลภาให้มาเยี่ยมน้าลำดวนคนเดียว แล้วทำไมเธอถึงตามมาด้วย รู้มั้ยว่ามันอันตราย มากแค่ไหนน่ะเชน ที่ฉันส่งข่าวให้วัลภามาเยี่ยมน้าลำดวน เพราะฉันไม่อยากให้ชาติผิดสังเกต เวลาที่ฉันออก ไปข้างนอกแล้วหายไปบ่อยๆ เพราะถ้าชาติรู้ว่าฉันแอบนัดเจอกับพวกเธอ ทุกอย่างพังหมดแน่”
“เธอได้ข้อมูลเล่นงานพวกมันมาแล้วเหรอ”
เนื้อทองดึงแขนแล้วขยับเข้าใกล้เชน ก่อนจะกระซิบเบาะ
“ชาติบอกฉันว่าคืนนี้มีงานสำคัญต้องไปจัดการ และจะไม่กลับบ้าน แล้วฉันก็ยังเห็นเขาไปนัดแนะ กับลูกน้องอีก”
“แล้วเธอแน่ใจรึเปล่าว่าเกี่ยวกับโรงงานบรรจุเฮโรอีน”
เนื้อทองพยักหน้ารับแต่ระหว่างนั้นเสียงชาติดังขึ้น
“ไอ้เชน อยู่ให้ห่างๆเมียข้านะเว้ย”
วัลภาเอาผ้าชุบน้ำในอ่างบิดแล้วเช็ดแขนให้แม่อย่างเป็นห่วง
“แล้วอยู่ๆแม่ไปติดไข้ป่ามาได้ยังไง ปกติฉันก็ไม่เห็นแม่จะชอบเข้าป่าเลยไม่ใช่เหรอ”
“แม่ตามพี่กำนันเขาเข้าไปสำรวจ” พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ จึงรีบตอบเลี่ยงไป “เข้าไปคุมตัดไม้ในป่า”
“แม่รักเขามากถึงขนาดยอมทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบเพื่อเขาเลยเหรอ”
ลำดวนพยักหน้า “ก็เขาเป็นผัวฉัน”
“แต่เขาเป็นคนไม่ดีนะแม่ ถ้าวันนึงเขาหมดอำนาจหมดอิทธิพล ไม่มีอะไรเหลือติดตัว เขาก็จะ ไม่เห็นหัวแม่”
“พอเลยวัลภา ถ้าแกจะมาเยี่ยมแม่ แล้วมาเทศนาแม่ด้วยล่ะก็ กลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันให้ คนอื่น มาเช็ดตัวให้ก็ได้”
ลำดวนปัดมือวัลภาอย่างหัวเสีย วัลภาหน้าเศร้าๆ
“ก็ได้จ้ะแม่ ฉันจะไม่พูดอีก แต่ให้ฉันเช็ดตัวให้แม่ให้เสร็จก่อนแล้วกัน”
วัลภาจับแขนลำดวนมาเช็ดแขน ลำดวนชำเลืองมองลูกสาวแล้วยอมให้เช็ดตัวให้ต่อ
“เดี๋ยวแกเช็ดหลังให้ฉันด้วย”
ลำดวนเปิดไหล่เสื้อแล้วให้วัลภาเอาผ้าชุบน้ำบิดมาเช็ดหลังให้ เมื่อวัลภาเห็นรอยสักรูปผีเสื้อ ราตรีที่แผ่นหลังของแม่ ก็ถึงกับอึ้ง
เชนถูกลูกน้องชาติล็อกแขนลากตัวออกมาที่สนาม ขณะที่ชาติ กับไอ้เชิดและไอ้ตุ่นตามมา เนื้อทองพยายามห้าม
“ฉันกับเขาแค่คุยกันธรรมดา ไม่ได้มีอะไรอย่างที่เธอคิดเลยนะ”
“คุยธรรมดา เห็นกระซิบกระซาบตัวแทบจะเกยกันเนี่ยนะ”
ชาติจ้องหน้าเนื้อทองอย่างเอาเรื่อง พลางใช้มือบีบปากเนื้อทองด้วยความไม่พอใจ จนเชนทน
ไม่ไหว
“ไอ้ชาติ เอ็งเป็นผัวประสาอะไรวะ ถึงได้ดูถูกเมียตัวเองแบบนี้”
เชนพยายามจะขัดขืน แต่โดนไอ้เชิดปรี่เข้าไปชกเข้าลิ้นปี่จนจุกตัวงอ
“ข้าเชื่อตามที่ข้าเห็นกับตา พวกเอ็งมันเคยมีอะไรกันมาก่อน วัวเคยค้าม้าเคยขี่ พอลับตาคน มันก็ต้องมีอยาก ของเคยๆกัน แต่เอ็งดันเลือกสถานที่ผิด เอ็งได้เป็นไอ้เป๋กลับไปแน่ไอ้เชน”
ชาติพยักหน้าให้ไอ้เชิดกับไอ้ตุ่นเข้าไปรุมกระหน่ำหมัดใส่เชน จนเลือดซิบ“ดูถูกไอ้เชนไม่ว่า แต่ดูถูกเนื้อทอง พวกเอ็งเจ็บตัวแน่”
“แม่ไปได้รอยสักนั่นมาได้ยังไง เล่าให้หนูฟังหน่อยสิแม่”
วัลภาถามอย่างคาดคั้น
“ฉันไม่มีอะไรจะเล่าหรอก มันก็แค่รอยสักสมัยที่ฉันสาวๆ แล้วบ้าจี้สักตามเพื่อนก็แค่นั้น
ทำไม แกเคยเห็นมาก่อนเหรอ”
ลำดวนย้อนถามกลับ ทำเอาวัลภาอึกอักไม่กล้าพูด จังหวะนั้นกำนันปราบก็เข้ามาพอดี
“หมดเวลาเยี่ยมแม่เธอได้แล้วล่ะวัลภา แล้วรีบๆไปพาผัวเธอกลับไปซะ ก่อนที่มันจะทำ ให้ฉันเหลืออด เรียกคนมากระทืบมันให้เละคาบ้านฉัน”
วัลภารีบออกไปทันที กำนันปราบมองตาม พลางยิ้มเยาะ
เชนใช้ชั้นเชิงหมัดที่เหนือกว่า เล่นงานไอ้เชิดจนมันหัวฟาดพื้น ชาติเห็นลูกน้องตัวเองเสียเปรียบ ก็ชักปืน ออกมา
“อย่าหวังว่าจะเดินออกจากบ้านข้าไปง่ายๆเลยไอ้เชน”
เนื้อทองตกใจ รีบตะโกนเรียกเชนเสียงดังร้องเสียงดัง ชาติลั่นไก แต่กลับถูกเนื้อทองดันมือขึ้น กระสุนเลยพลาดพุ่งขึ้นฟ้า
“เธอช่วยมันเหรอเนื้อทอง แสดงว่าเธอยังมีใจให้มันอยู่จริงๆ”
ชาติใช้ด้ามปืนตบหน้าเนื้อทองจนล้ม เชนโกรธจัดชักปืนออกจากเอวเล็งไปที่ชาติ
“ไอ้ชาติชั่ว วันนี้มาตัดสินให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย”
ชาติกับเชนยกปืนขึ้นจ่อหน้ากัน ระหว่างนั้นวัลภารีบวิ่งเข้ามาขวาง
“หลบไปวัลภา ถ้าเธอเห็นที่มันทำกับเนื้อทองแล้ว เธอจะไม่ห้ามฉัน”
วัลภาหันไปที่เนื้อทองเห็นนั่งเลือดที่มุมปาก พลางยันตัวลุกขึ้นทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไร
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกวัลภา เธอรีบพาเชนกลับไปเถอะ พาเขากลับไป ไปสิ”
วัลภาพยักหน้ารับแล้วพยายามจะพาเชนกลับ แต่ชาติไม่ยอม จ่อปืนจะยิงเชน
“ไม่ให้เอ็งไปง่ายๆหรอกไอ้เชน”
เนื้อทองรีบปราดเข้ามาขวางทางปืน พลางจ้องหน้าชาติเขม็ง “เอาสิชาติ ถ้าเธอไม่คิดว่าฉันเป็นเมียเธอ ก็ยิงฉันทิ้งตอนนี้เลย”
ชาติเห็นเนื้อทองที่สีหน้าเอาจริง ก็เลยยอมปล่อยให้วัลภาพาเชนออกไป
“มันทำกับเนื้อทองเหมือนเป็นแค่สัตว์เลี้ยง ไม่เคยให้เกียรติ ไม่เคยเห็นหัว มันก็แค่อยากเอาชนะฉันโดยใช้เนื้อทองเป็นเครื่องมือ”
เชนพูดด้วยความเจ็บแค้น วัลภาพยายามปลอบใจ
“แต่การที่เธอไปลงมือกับพวกนั้น มันไม่ได้เป็นการช่วยเหลือเนื้อทองหรอกนะเชน หน้าที่ของ จอมโจรไอ้เสือต่างหาก ที่จะช่วยปลดปล่อยเนื้อทองได้จริงๆ”
เชนหันมาจับมือวัลภาแล้วพยักหน้ารับ
“ขอบใจนะวัลภา เวลาที่ฉันร้อนเป็นไฟ เธอก็มักจะเป็นน้ำเย็นคอยดับร้อนให้ฉันเสมอ เนื้อทอง บอกฉันเรื่องงานของไอ้ชาติคืนนี้ มั่นใจว่า มันจะไปที่โรงงานบรรจุเฮโรอีน เพราะฉะนั้น คืนนี้เราจะสั่งสอนพวกมัน ให้รู้จักฤทธิ์เดชของไอ้เสือกับนางสิงห์ “
วัลภาพยักหน้ารับ แววตาสีหน้ามุ่งมั่น
จิกกับแสนเข็นมอเตอร์ไซค์ ติดปืนกล ที่มั่นใจว่าผ่านการแก้ไขดัดแปลงเรียบร้อยแล้วออกมา ที่ลานด้านหลังอู่ ที่มีขวดเบียร์วางเรียงเป็นเป้านิ่งพร้อมยิง
จากนั้นจิกก็ขึ้นไปนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์มือกุมแฮนด์รถ ก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องเป็นการกระตุ้นการ ทำงานของปืนกล พลางกดปุ่มลั่นไก แต่ปืนกลชุดไม่ทำงานอย่างที่หวัง
จิกลงจากรถหัวเสีย “ไอ้เฮงซวย พอกันที”
พลางหันมาบอกกับเชน
“ไว้ข้าจะสร้างอย่างอื่นให้เอ็ง เอาให้เจ๋งกว่านี้”
เชนส่ายหน้า “ไม่มีเวลาแล้วล่ะน้าจิก คืนนี้ฉันต้องลุยงานใหญ่”
เชนพูดไป ตาก็เหลือบมองจิกที่มองมอเตอร์ไซค์ติดปืนกลอย่างเสียดาย
“เดี๋ยวข้าตามไป ขอทำใจจับมันแยกชิ้นส่วนก่อน”
เชนเดินออกไป จิกมองมอเตอร์ไซค์ติดปืนกล ด้วยแววตาเสียดาย
เสียงร้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของฟ้าลั่นดังก้องไปทั้งป่า เพราะแผลที่ถูกแทง มีอาการติดเชื้อ อย่างรุนแรง
ลายเสือยืนมองอาการลูกชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะหันไปที่ไอ้ก้าน
“เอามอร์ฟีนมาฉีดให้ฟ้าลั่นอีก”
“นายครับ มอร์ฟีนเหลือแค่หลอดสุดท้ายแล้ว”
ขณะที่ฟ้าลั่นเริ่มร้องครวญคราง“พ่อ ฉันจะไม่ไหวแล้ว ปวดเหลือเกิน โอ๊ย”
ลายเสือเข้าไปเปิดแผลดูแล้วต้องเบือนหน้าหนีเพราะกลิ่นแผลที่ติดเชื้อส่งกลิ่นรุนแรง พลางเข้าไปแย่งมอร์ฟีนมาจากมือไอ้ก้านแล้วจัดการทิ่มเข้าไปที่แขนลูกชาย ฟ้าลั่นสะดุ้งอยู่เฮือก แล้วค่อยๆสงบลง
รถจี๊ปของกำนันปราบ ที่มาพร้อมกับไอ้เชิดและลูกน้อง 3-4 คน แล่นเข้ามาจอดที่ผาหิน กำนันปราบลงจากรถมายืนมองไปรอบๆอยู่ครู่ ไอ้คมกับทหารของลายเสือก็โผล่ออกมาจากที่ซ่อน ไอ้เชิดกับพวกลูกน้อง หันขวับไปชี้ปืนใส่พวกไอ้คม ซึ่งก็ยกปืนจ่อไปที่ไอ้เชิดกับพรรคพวกเหมือนกัน
“ไอ้เชิด พวกเอ็งนั่นแหละวางปืน”
กำนันปราบตะโกนสั่ง ไอ้เชิดจำใจต้องยอมวางปืนลง พรรคพวกของไอ้คม ก็เลยลดปืนลงด้วย
“ทีนี้เราก็มาคุยกันดีๆได้แล้วใช่มั้ย แล้วไหนล่ะเจ้านายของเอ็ง”
กำนันปราบ มองหน้าไอ้คม พลางถามเสียงเข้ม
“นายส่งข้ามาเจรจาคนเดียว ถ้าได้ตามข้อตกลงนายถึงจะออกมาพบ”
กำนันปราบสั่งการให้ไอ้เชิดหยิบเอากระเป๋าใบใหญ่จากท้ายรถจี๊ปมายื่นให้ ไอ้คมรับกระเป๋า มาแล้วให้ลูกน้องเปิดดู ข้างในบรรจุยาสำหรับรักษาฟ้าลั่น
“ สิ่งที่พวกแกขอมาข้าจัดให้ไว้ครบแล้ว แต่ดูจากของที่ขอมาเดาว่าผลจากการปะทะกับพวก ทหารไทย คงทำให้คนของพวกแกบาดเจ็บหนักเอาเรื่อง”
“อยากรู้อะไร คนที่จะตอบคำถามของแกคือนายของฉันเท่านั้น”
“งั้นทำไมถึงส่งแกมาคนเดียว” กำนันปราบย้อนถาม “ไม่ไว้ใจอะไรฉัน ที่นี่ผาปืนแตก ยินดี ต้อนรับเสมอ”
ไอ้คมยิ้มมุมปาก
“สาเหตุที่นายไม่มาด้วยตัวเองก็เพราะว่า”
พูดพลางยกปืนจ่อ แล้วจับกำนันปราบล็อกไว้ ไอ้เชิดรีบชี้ปืนไปที่พวกมันทุกคน
“นายของฉันแค่อยากจะคุยกันตามลำพัง บอกพวกแกหลบไป แล้วทุกอย่างจะยุติด้วยดี”
“ไอ้เชิด ทำตามที่มันสั่ง”
กำนันปราบหันไปสั่งไอ้เชิด พลางปล่อยให้ไอ้คมพาตัวออกไปด้วยกัน คล้อยหลังที่พวกมันออกไป หมดแล้ว ไอ้เชิดก็แสยะยิ้ม พลางหันไปพยักหน้ากับพวกลูกน้องอย่างมีเลศนัย
ขณะที่ลายเสือนั่งเฝ้าอาการของฟ้าลั่นอยู่ด้วยความเป็นห่วง ไอ้ก้านรีบเข้ามารายงาน
“นายครับ ไอ้คมกลับมาแล้วครับ ได้ของมาครบ แล้วยังพาตัวกำนันปราบมาด้วย”
ลายเสือยิ้มร้าย “ดูแลไอ้ฟ้าลั่นด้วย”
กำนันปราบยืนรออยู่ที่ริมลำธาร ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่หวั่นกลัวและสะทกสะท้านอะไร ขณะที่มีไอ้คมใช้ปืนคุมตัวอยู่ ครู่หนึ่งลายเสือเดินเข้ามาพร้อมกับสั่งการ
“เก็บปืนแกไปได้แล้วไอ้คม ถึงเวลาต้องคุยธุรกิจกันดีๆ โดยไม่ต้องมีปืนผาหน้าไม้มาข่มขู่กัน อีกแล้ว”
ไอ้คมเก็บปืนตามคำสั่งลานเสือ แล้วเปิดทางให้ลายเสือเข้าไปคุยกับกำนันปราบ
“ถ้าอยากคุยกันดีๆ เอ็งก็ไม่น่าทำแบบนี้กับข้า เราทำธุรกิจด้วยกันมาตั้งนาน ความไว้ใจ กันมันไม่มีเลยเหรอไงวะไอ้ลายเสือ”
ลายเสือจิกหน้าเหี้ยม
“ตอนนี้ความไว้ใจเป็นสิ่งที่ข้าต้องระวังมากที่สุด เอ็งก็รู้ดีว่าตั้งแต่ค่ายข้าถูกตีแตก ข้าก็มีค่าหัว ไปทั่วประเทศ “
“เอ็งก็เลยกลัวว่าข้าอยากจะหักหลัง จับเอ็งแลกค่าหัวน่ะเหรอ เศษเงินแค่นั้น มันทำลาย มิตรภาพข้าไม่ได้หรอกเว้ย”
กำนันปราบ พูดพลางจ้องหน้าลายเสือเขม็ง
“งั้นข้าก็ต้องขอโทษสหายข้าด้วย และต้องขอบคุณมากที่ช่วยส่งยามารักษาลูกชายข้า”
ลายเสือเข้าไปจับมือปราบอย่างไว้ใจ
“คำขอบคุณ ข้าไม่อยากได้จากราชาค้ายาเสพติด 3 แผ่นดินหรอก”
“งั้นเอ็งอยากได้อะไร” ลายเสือย้อนถาม “บอกข้ามา เท่าที่ข้าจะทำให้ได้”
แววตากำนันปราบดูมีเลศนัยบางอย่าง
ระหว่างที่ไอ้ก้านกำลังห่มผ้าให้ฟ้าลั่น ก็ได้ยินเสียงเหยียบกิ่งไม้ แต่พอหันไปดู กลับไม่เห็นใคร ครั้นพอหันกลับมาอีกครั้’ง ก็ต้องชะงัก เมื่อเจอปากกระบอกปืนจากมือของไอ้เชิด โดยมีพวกลูกน้องกำนันปราบที่ถือปืนเอ็ม 16 ยืนเป็นแผงอยู่ข้างหลัง
กำนันปราบกับลายเสือจับมือกัน
“เรื่องตอบแทนน้ำใจ ยังไม่ต้องรีบร้อนตอนนี้ก็ได้”
กำนันปราบปั้นหน้าอย่างเป็นมิตร
“ข้าไม่ชอบติดค้างใครนานๆ เพราะหลังจากฟ้าลั่นหายดีแล้ว ข้ายังมีภารกิจกอบกู้ชื่อ เสียงของราชาค้ายาเสพติด 3 แผ่นดินให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเก่าอีก”
“แต่ข้าอยากเตือนเอ็งนะ อายุก็ไม่ได้น้อยเหมือนเมื่อก่อน จะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม มันไม่ง่าย”
“แต่เอ็งเพิ่งจะบอกข้าว่า เสือก็ยังเป็นเสือ เขี้ยวเล็บข้ายังมี”
ลายเสือพูดอย่างมั่นใจในตัวเอง ขณะที่กำนันปราบยิ้มเหยียด
“ที่ข้าพูดแบบนั้น ไม่ได้หมายถึงเสือเฒ่าที่เดินไปชะโงกดูเงาในน้ำแล้วเห็นเงาตัวเองกำลั ง คาบเนื้ออยู่ในปากหรอก สหาย”
“หมายความว่าไง”
กำนันปราบไม่ตอบ แต่กลับผิวปากส่งสัญญาณ ทันใดนั้นพวกลูกน้องก็โผล่มาจากทุกทิศ ทุกทาง พร้อมปืนเอ็ม 16 ครบมือ
ไอ้คมกับพวก ชักปืนสู้ แต่เจอลูกน้องของปราบยิงตายคาที่ไปต่อหน้าต่อตา 1ศพ
“สั่งทหารของพวกเอ็งวางอาวุธซะเถอะไอ้ลายเสือ ไม่อย่างนั้น ผาปืนแตกจะเป็นหลุมฝังศพของ พวกเอ็งทุกคน”
ลายเสือกำหมัดแน่นขบกรามเจ็บใจ “ถ้าเอ็งคิดจะลอบกัดคนอย่างข้า เอ็งคิดผิด”
“จุ๊ๆ สหายเอ๋ย ข้ารู้ว่านักรบอย่างเอ็ง ต่อให้เอาปืนจ่อก็คงกดหัวเอาไว้ไม่อยู่ แต่เชื่อข้าเถอะ เอ็งไม่อยากสู้กับข้าหรอก เพราะเอ็งคงไม่อยากเห็นลูกชายเอ็งตายต่อหน้าแน่”
ขาดคำของกำนันปราบ ไอ้เชิดกับพวกก็คุมตัวฟ้าลั่นเข้ามา ส่วนไอ้ก้านถูกถีบเข้าไปแทบเท้า ลายเสือ
“ไอ้ปราบ ไอ้หมาลอบกัด”
กำนันปราบยิ้มเยาะ
“ข้าไม่ใช่หมาลอบกัด แต่เอ็งต่างหากที่เป็นเสือสิ้นลายที่คิดอยากจะกลับไปยิ่งใหญ่ วันนี้เอ็งมา ผาปืนแตกไม่ใช่แค่ใช้เป็นที่หลบภัย แต่เอ็งคิดจะแย่งมันไปจากข้าเมื่อเอ็งพร้อม ใช่มั้ย ไอ้ลายเสือ ข้าเป็น เจ้าของบ้าน เห็นไฟมันกำลังจะไหม้บ้าน ข้าก็ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ยกเว้นเสียแต่ ว่าเอ็งจะยอมทำตามคำสั่งข้า ข้าก็อาจจะเปลี่ยนใจไม่ฝังศพพวกเอ็งทิ้ง”
ลายเสือกำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ
“จะให้ข้าเป็นลูกน้องเอ็งเหรอ ฝันไปเถอะเว้ย”
กำนันปราบยิ้มร้าย พลางเดินเข้าไปที่ฟ้าลั่น ก่อนจะใช้มือจิกลงไปที่แผล ฟ้าลั่นร้องโหยหวน ด้วยความเจ็บปวด
ลายเสือกับไอ้คมจะฮึดฮัดไม่พอใจ เลยโดนลูกน้องกำนันปราบ ใช้พานท้ายปืนกระแทกจนทรุด ทั้งคู่
“ก่อนจะปฏิเสธ คิดให้เยอะๆ แล้วค่อยตอบหลังจากที่ฉันยื่นข้อเสนอให้แก”
พูดพลางพยักหน้าให้พวกลูกน้องคุมตัวลายเสือออกไป
ลายเสือ กับลูกน้องอีกคนถูกไอ้เชิดคุมตัวเอาไว้ ส่วนฟ้าลั่นก็ถูกกำนันปราบยืนประกบ“ปล่อยลูกชายข้าไป แล้วเอ็งมาคุยกับข้าอย่างลูกผู้ชาย”
ลายเสือพยายามต่อรอง
“เอ็งไม่มีอะไรต้องคุยกับข้าหรอกไอ้ลายเสือ เพราะอ็งมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง แค่ทำงานให้ข้า กับตายกันหมด ปิดฉากตำนานราชาค้ายาเสพติด 3 แผ่นดินไว้ที่ผาปืนแตก”
ลายเสือจ้องหน้ากำนันปราบเขม็ง
“ถ้าเอ็งเก่งนัก คิดว่าแน่กว่าข้า เอ็งก็คงไม่จำเป็นต้องใช้ข้าเป็นมือเป็นเท้าให้เอ็งหรอก”
กำนันปราบส่ายหน้า
“ไม่หรอกไอ้ลายเสือ ข้าไม่ได้เก่งไปซะทุกอย่าง ของบางอย่างมันต้องใช้ผู้ชำนาญการ ทำในสิ่ง ที่คุ้นเคย ข้าถึงต้องใช้ให้เอ็งทำงานให้ไง”
“งานอะไรของเอ็ง”
กำนันปราบยิ้มร้าย แล้วพยักหน้าสั่งไอ้เชิด ให้ลากตัวทหารของลายเสือคนหนึ่งออกมา แล้วผลักให้เดินเข้าไปในป่า ทหารหันมามอง ลายเสือพยักหน้าให้ทำตามคำสั่ง ทหารก็เริ่มออกเดิน มุ่งหน้า เข้าไปในป่า
“ดูให้ดีว่าข้าต้องการให้เอ็งกับพวกทำงานอะไรให้”
พูดไม่ทันขาดคำทหารของลายเสือก็เดินไปเหยียบกับระเบิด เสียงดังสนั่น ลายเสืออึ้งไป
“นี่แหละคืองานที่ต้องใช้ความถนัดของเอ็งกับลูกน้อง ที่แถวนี้เต็มไปด้วยกับระเบิด ที่หลงเหลือตั้งแต่สมัยสงครามโลก เอ็งต้องจัดการเคลียร์มันออกไปให้หมด แลกกับชีวิตของไอ้ฟ้าลั่น ระหว่างที่ข้า พามันไปรักษา”
ลายเสือกำหมัดแน่น
“เอ็งสั่งให้ข้าทำแบบนี้ก็เท่ากับสั่งให้ข้าไปตาย”
กำนันปราบหัวเราะลั่น“อันนั้นข้าไม่รู้ รู้แต่ว่า ถ้าเอ็งรอด เอ็งก็ได้ตัวลูกชายกลับไป ว่าไง ลายเสือ คำลือ อดีตราชา ค้ายาเสพติด 3 แผ่นดิน”
ลายเสือจ้องหน้ากำนันปราบ ด้วยความแค้นใจ แต่แล้วเสียงร้องของฟ้าลั่น ก็ย้ำให้ต้องรีบตัดสินใจ
“พ่อ ช่วยฉันด้วย”
ช่วงเวลาพลบค่ำ ที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน เพลิงแวะมาที่สุขศาลา พลางนำถือช่อดอกไม้เล็กๆ ที่เก็บจากข้างทาง ตั้งใจจะมาให้เอื้อมเดือน แต่บังเอิญมาเจอติ๋ม บอกว่าเอื้อมเดือนติดคนไข้บาดเจ็บอาการหนักอยู่ ให้เพลิงกลับไปรอที่บ้าน เพลิงจึงฝากช่อดอกไม้ให้ติ๋มนำไปให้เอื้อมเดือน
ติ๋มรับช่อดอกไม้มาจากเพลิง แล้วยิ้มเจื่อนๆ แต่เพลิงไม่ทันผิดสังเกต จากนั้นจึงเดินออกไป ติ๋มมองตาม ด้วยความสงสาร
ติ๋มเอาช่อดอกไม้จากข้างทางที่เพลิงให้มายื่นให้ เอื้อมเดือนมองช่อดอกไม้พลางทำหน้าเศร้า“คงไม่ต้องให้เล่าให้ฟังแล้วใช่มั้ยคะ ว่านายเพลิงพูดอะไรบ้าง เพราะคุณหมอคงแอบฟัง อยู่จากข้างในนี้ แล้วคุณหมอจะให้ติ๋มทำยังไงกับดอกไม้ของนายเพลิง”
เอื้อมเดือนมองอย่างชั่งใจ พลางครุ่นคิดถึงคำพูดของยอด
“ผมขอโทษครับคุณหมอ แต่เพราะผมรู้จักนิสัยของไอ้เพลิงดี ถ้ามันรู้ว่าพี่ชายคุณหมอยังมีชีวิต อยู่ มันจะต้องตัดใจล้มเลิกการแต่งงาน แล้วกลับไปมีชีวิตเป็นไอ้เพลิงคนเดิม ที่จมอยู่แต่กับอดีตและความแค้น”
เอื้อมเดือนน้ำตาซึม พลางมองช่อดอกไม้ข้างทางในมือติ๋ม มันไม่ใช่ดอกไม้มีค่าอะไร “ติ๋มเองก็ไม่รู้จะสงสารใคร ฟังจากคุณหมอก็เข้าใจความรู้สึกของคุณหมอ แต่ฟังจากนายยอด ก็เข้าใจความรู้สึกของนายเพลิง แต่ถ้าฟังจากติ๋ม ก็รู้สึกอย่างเดียวค่ะว่า คุณหมอกับนายเพลิงรักกันมากเกินกว่า ที่จะแยกจากกันค่ะ”
ติ๋มพูดไปก็น้ำตาคลอด้วยความสงสาร เอื้อมเดือนเองก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้มขณะที่ยื่นมือไปรับช่อดอกไม้มา จากนั้นเธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 11 (ต่อ)
เชนซึ่งแต่งตัวเป็นไอ้เสือพร้อมลุย กำลังจัดเตรียมของ พร้อมตรวจเช็คสภาพใช้งาน ก่อนจะ เหลือบมองไปที่วัลภาซึ่งอยู่ในชุดนางสิงห์พร้อมลุยเหมือนกัน ครู่หนึ่งแสนก็เดินเข้ามา
“พวกเอ็งเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยรึยังวะไอ้เชน วัลภา ข้าได้ข่าวมาว่าพวกไอ้ชาติมัน เริ่ม เคลื่อนไหวแล้ว”
เชนกับวัลภาพยักหน้า พร้อมลุย“ระวังตัวด้วยนะงานนี้ต้องประกาศศักดาให้พวกมันกลัวจนหัวหด สะกดชื่อไอ้เสือ กับนางสิงห์ ไม่ถูกเลย”
แสนไม่วายพูดแบบติดตลก ทั้งที่ในใจแอบเป็นห่วง
“แน่นอนจ้ะน้า โรงงานมันต้องโดนเผาราบเป็นหน้ากลอง”
ไอ้เชิดกับลูกน้อง กำลังช่วยกันแบกฟ้าลั่น ที่อยู่ในอาการหมดสติตามหลังกำนันปราบที่กลับ เข้ามาเจอกับชาติ
ชาติเดินเข้าไปดูสภาพของฟ้าลั่นแล้วยิ้มสมเพช
“นี่นะเหรอพ่อลูกชายของราชาค้ายาเสพติด 3 แผ่นดิน ไม่ต่างอะไรกับซากศพ กลิ่นแผลของมันนี่ เหมือนใกล้จะเป็นศพอยู่แล้ว แบบนี้ฉันว่าน่าจะปล่อยให้มันตายไปดีกว่าเอามารักษานะพ่อ”
กำนันปราบยิ้มเหี้ยม
“ต้องเอามันไว้ใช้ทำประโยชน์ เป็นตัวประกันให้ไอ้ลายเสือเก็บกวาดแผ้วถางเปิดทางให้เราเข้าไป หาขุมทรัพย์ ว่าแต่งานคืนนี้เตรียมตัวไว้ดีแล้วใช่มั้ย”
ชาติยิ้มรับคำพ่อ
“ฉันให้ไอ้ตุ่นพาลูกน้องล่วงหน้าไปก่อนแล้ว นี่ก็จะตามไปคุมพวกมันอยู่”
“งั้นให้ไอ้เชิดตามไปช่วยอีกคน เผื่อเหลือดีกว่าขาด บอกตรงๆเห็นไอ้เสือกับนางสิงห์ มันเงียบๆไป ข้าใจคอไม่ดี”
ชาติไม่เห็นด้วย
“แต่เรื่องโกดังยาของเราไม่มีใครรู้”
“ถ้าไม่มีอะไรก็ดี เอ็งไปเถอะ”
กำนันปราบสั่งลูกชายแล้วเดินเข้าบ้าน ชาติหันไปพยักหน้ากับไอ้เชิดแล้วเดินออกไป
ครู่หนึ่งเนื้อทองก็เดินออกมาจากที่หลบหลังเสา
ที่บริเวณโรงสีร้าง ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้รกครึ้ม เชนกับวัลภาในคราบของไอ้เสือกับนางสิงห์ แอบซุ่มเข้ามาทางแนวต้นไม้ใกล้ๆ ถนนลูกรังที่มุ่งหน้าไปโรงสี พลางมองไปที่รถจี๊ปที่ไอ้ตุ่นนั่งเข้ามาพร้อมลูกน้อง ขณะที่หน้าโรงสีมีลูกน้องของกำนันปราบถือเอ็ม 16 อยู่หลายคน แสดงให้เห็นว่ามีการวางกำลังป้องกันอย่างดี
ไอ้ตุ่นพร้อมพรรคพวกจอดรถจี๊ปที่ทางเข้าแล้วพากันเดินเข้าไปในโรงสี เชนค่อยๆโผล่ออกมา สีหน้าเป็นกังวล
“พวกมันวางกำลังป้องกันไว้เยอะกว่าที่คิด”
“นายกลัว?” วัลภาย้อนถาม
“ถ้ากลัวก็คงไม่กล้า ถ้าไม่บ้าคงไม่มาถึงนี่หรอก”
“งั้นฉันก็เหมือนกัน จะเผายานรกของพวกมันให้เหลือแต่ขี้เถ้าเลย”
วัลภาจะลุกขึ้นแต่เชนดึงตัวไว้ พลางดึงเธอเข้ามากอดแนบอกแน่นทันที
“จากวินาทีนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอกับฉันอีกก็ไม่รู้ บางทีการกอด กันของเราครั้งนี้ อาจเป็น ครั้งสุดท้ายก็ได้”
วัลภาชะงัก เพราะเห็นจริงอย่างที่เชนว่า
“เรื่องสำคัญที่ต้องกำชับเธอก็คือ ฉันรักเธอนะนางสิงห์ของฉัน”
วัลภาสบตาเชน แล้วพูดตอบ
“ฉันก็รักนาย จอมโจรไอ้เสือของฉัน”
นางสิงห์วัลภา เดินเข้ามาหยุดข้างหลังลูกน้องกำนันปราบ 2 คนที่เดินตรวจทางเดินอยู่ด้านหลัง โรงงาน ก่อนจะผิวปากเรียก ลูกน้อง 2 คนหันมา เห็นนางสิงห์ก็ตกใจชักปืนขึ้นมาจะยิง แต่ก็ช้ากว่าวัลภา ที่ปา มีดพกใส่เข้ากลางอก ลูกน้องลงไปแน่นิ่งคนหนึ่ง เหลืออีกคนหนึ่งตกใจจะยิง แต่ไอ้เสือก็โผล่มาซัดมีดพกอีกเล่ม เข้าที่มือทำให้ปืนมันร่วง
เพลิงที่รออยู่ในโบสถ์ แต่ไม่เห็นเอื้อมเดือนมาซะที ก็เริ่มแปลกใจ ครั้นจะเดินออกไป ยอดก็เข้ามาขัดจังหวะก่อน
“เอ็งไม่ต้องไปหรอก คุณหมอเขาสั่งให้ข้ามาบอกเอ็งว่า คืนนี้คงมาให้หลวงพ่อดูฤกษ์แต่ง ไม่ได้แล้ว ที่สุขศาลามีคนป่วยเยอะ ติ๋มก็มีธุระสำคัญที่บ้าน คืนนี้คุณหมอต้องอยู่เวรยามดูแลน่ะสิวะ”
“งั้นข้าจะไปช่วยคุณหมอดูแลคนไข้”
ยอดรีบห้าม
“เอ็งไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวจะติดเชื้อโรคจากคนไข้ กลับบ้านไปนอนเถอะ”
เพลิงไม่ฟังคำห้ามของยอด รีบเดินออกไปจากโบสถ์ ยอดมองตามหน้าเครียดๆ
ขณะที่เอื้อมเดือนนั่งอยู่ที่ระเบียงสุขศาลา สายตาเหม่อมมองเลื่อนลอย ในมือของเธอยังกำ ช่อดอกไม้ริมทางที่ได้มาจากเพลิงเอาไว้ ระหว่างนั้นเพลิงเดินเข้ามาเห็นเอื้อมเดือนนั่งเหม่ออยู่ก็แปลกใจ
“คุณหมอ”
เอื้อมเดือนหันมาเจอเพลิงก็ตกใจ
“เพลิง เธอมาทำอะไร ก็ฉันบอกให้นายยอดไปบอกเธอแล้วนี่”
“ผมเป็นห่วงคุณหมอ เลยอยากมาช่วย แล้วไหนล่ะครับคนไข้ที่คืนนี้คุณหมอต้องอยู่เวร”
เอื้อมเดือนอึกอัก “เอ่อ..เขากลับไปแล้ว”
“งั้นคุณหมอก็ได้พักแล้วสิครับ”
เอื้อมเดือน พยักหน้า
“จ้ะ ว่าจะกลับบ้านพักอยู่พอดี ฉันไปเก็บของก่อนนะเพลิง”
เอื้อมเดือนไม่ค่อยกล้าสบตาเพลิง พลางจะรีบเดินไป แต่เพลิงเลยคว้าแขนเธอเอาไว้
“ผมว่าดูคุณหมอแปลกๆนะครับ ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่าจ้ะ ฉันสบายดี แต่คงเหนื่อยๆ ที่ทำงานมาทั้งวัน เพลิงกลับบ้านไปเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะรีบ กลับบ้านไปนอน”
เพลิงส่ายหน้า
“ผมไม่กลับหรอกครับ ถ้าคุณหมอเหนื่อยงาน ผมจะไปส่งคุณหมอที่บ้าน แล้วจะทำอาหารให้กิน จะดูแลให้คุณหมอได้พักผ่อนได้เต็มที่นะครับ ให้ผมทำหน้าที่ดูแลว่าที่ภรรยาของผม”
เอื้อมเดือน นิ่งไปแล้วตัดสินใจ
“ก็ได้จ้ะ ฉันเองก็มีเรื่องสำคัญอยากคุยกับเธอ”
ไอ้เสือเชนลักลอบเข้ามาด้านใน พลางแอบซุ่มดูเห็นไอ้ตุ่นกับพวกลูกน้องปราบกำลัง สาละวน อยู่กับการดูคนงานเอาเฮโรอีนใส่ลงไปในกระสอบข้าวปลอมปนเพื่อออกจำหน่ายอย่างขมักเขม้น
ระหว่างนั้นลูกน้องคนหนึ่ง ดันทำถุงเฮโรอีนตกพื้น ผงสีขาวของเฮโรอีนแตกกระจาย เสียงชาติ โวยวายเข้ามาทันที
“เฮ้ย รู้มั้ยว่าของที่แกทำตกพื้นราคาเท่าไหร่ ทำไมไม่รู้จักระวัง”
คนงานหน้าซีด ระล่ำระลักขอโทษ พลางรีบก้มลงไปโกยเก็บ แต่โดนเชิดกระชากคอเสื้อขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อน แกยังไม่บอกพี่ชาติเลย รู้มั้ยว่าของที่แกทำตกพื้นไปราคามันเท่าไหร่”
“รู้ครับ แพงมาก”
ชาติจ้องหน้าคนงานเขม็ง
“ใช่ แพงมาก เพราะมันคือของดีที่จะทำกำไรเป็นกอบเป็นกำให้ฉัน แต่แกกลับทำให้ของดีๆ บริสุทธิ์ กลายเป็นของปนเปื้อน ราคาฮวบฮาบทันทีที่แกเก็บมันขึ้นมา ฉันไม่ได้อยากได้เงินของแกมา เป็นค่าชดใช้ แต่ต้องทำอย่างอื่นจ่ายเป็นค่าเสียหาย”
ชาติพยักหน้าให้ไอ้เชิดลากตัวคนงานขึ้นมา เชนที่แอบซุ่มดูอยู่ มองตามด้วยความสงสัย
หลังจากที่นางสิงห์วัลภาเล่นงานลูกน้องเรียบร้อย ก็เป่าปากให้สัญญาณ ครู่หนึ่งแสนที่มีผ้าคาด ครึ่งหน้า ก็ลักลอบเข้ามาพร้อมกับถังน้ำมันในมือ วัลภาเอาแกลลอนน้ำมามาราดที่บริเวณกำแพงโรงสีตามแผนการที่เตรียมไว้
คนงานชะตาขาดถูกจับมัดกับเสาต่อหน้าพวกคนงานคนอื่นๆ และพวกชาติ
“พี่ชาติ ผมขอโทษ ผมจะทำงานทุกอย่างชดใช้หนี้ให้ ทุกบาททุกสตางค์ผมจะคืนให้หมด”
ชาติยิ้มเหี้ยม
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้อยากได้เงินคืน”
พูดพลางก็ชักมีดพกออกมาควงอย่างใจเย็น ขณะที่ไอ้เชิดเดินเข้าไปเอาผ้าไปมัดปากคนงานไม่ให้ ส่งเสียงร้อง แถมยังเอาส้มลูกหนึ่งไปเทินไว้บนหัว
“พวกเอ็งที่เหลือดูเอาไว้เป็นตัวอย่างนะ จะได้มีแรงกระตุ้นให้รู้จักระมัดระวังให้มากขึ้นเวลาที่ ได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญ โดยเฉพาะกับงานที่มีค่ามากกว่าชีวิตของพวกเอ็ง”
ขาดคำชาติก็ปามีดพกใส่ทันที มีดพกปักเข้าที่หัวไหล่ คนงานจะร้องก็ร้องไม่ได้เพราะมี ผ้า ปิดปากอยู่
คนงานคนอื่นๆเห็นเข้าก็ถึงกับสะดุ้งโหยงในความโหดเหี้ยมของชาติ
อีกด้านของโรงสี จิกเอาแท่งดินระเบิดมาผูกติดแล้วลากสายชนวนระเบิดออกมาเป็นทางยาว ระหว่างนั้น วัลภากับแสนเข้ามา วัลภาปราดเข้ามาถามทันที
“งานของน้าจิกเสร็จรึยัง”
“กำลังจะเรียบร้อยนี่แหละ วางระเบิดไว้รอบๆโรงงานของพวกมันแล้ว รอก็แค่ไอ้เชนออกมาให้ สัญญาณ จากนั้นที่นี่ก็จะกลายเป็นทะเลเพลิงไปพร้อมกับยานรก”
“ว่าแต่ป่านนี้ทำไมไอ้เชนยังไม่เสร็จงานของมันอีก หรือว่ามันจะติดลมซัดพวกนั้นซะเพลิน”
แสนชักเป็นห่วง จิกรีบท้วง
“ติดลมบ้าอะไร มันเข้าไปคนเดียว จะรับมือกับพวกโน้นเป็นขโยงได้ไง”
“เอางี้ พวกน้ารออยู่ที่นี่แหละ ทำตามเวลาที่ตกลงกันไว้ ถ้าฉันยังไม่พาเชนออกมาก็จัดการ ระเบิดเผาที่นี่ไปเลย”
วัลภาสั่งการเสียงเข้ม
เชนทนเห็นชาติทำร้ายคนงานไม่ไหว ก็เลยตัดสินใจจะออกไปเอาเรื่อง แต่วัลภาเข้ามาขัดจังหวะ
“ มัวทำอะไรอยู่ ฉันกับพวกน้าๆ รอนายอยู่นานแล้วนะ”
เชนพยักเพยิดให้วัลภาดู“ก็ดูที่ไอ้ชาติมันทำ ตอนแรกว่าจะทำตามแผนเข้ามาวางระเบิด เตรียมเผาที่นี่อย่างเดียว แต่เห็น แบบนี้แล้ว มันเหลืออด”
วัลภาหันไปที่ชาติซึ่งปามีดใส่คนงานดวงซวย คราวนี้มีดปักไปที่แสกหน้าตายคาที่ ขณะที่คนงานอีกคนเผลอทำถุงเฮโรอีนตกอีก ชาติพยักหน้าให้ไอ้เชิดเข้าไปลากตัว คนงานตกใจรีบวิ่งหนี ไอ้เชิดชักปืนออกมา จะยิง แต่เสียงของไอ้เสือเชน ก็ดังก้องแทนที่
“พวกแกมันก็ดีแต่รังแกคนอ่อนแอ แน่จริงมันซัดกันตัวๆกับข้าดีกว่า ไอ้ชาติ”
ชาติหันขวับไป ก็เห็นจอมโจรไอ้เสือ ก้าวออกมา โดยมีนางสิงห์ออกมายืนประกบ
“ไอ้เสือ.นางสิงห์”
“เรื่องดูฤกษ์แต่งงานที่ผมบอกหลวงพ่อไว้ ถ้าคุณหมอยังงานยุ่งไม่ว่างไปดูฤกษ์ ก็ไม่เป็นไร นะครับ เอาไว้คุณหมอสะดวกก่อนก็ได้”
เพลิงพูดพลาง ก็จัดที่นอนไป เอื้อมเดือนมองแล้วน้ำตาคลอเบ้า แล้วก็ตัดสินใจเข้าไปสวมกอด เพลิงจากด้านหลัง เพลิงหันมากอดนตอบ แต่พอเห็นน้ำตาเธอคลอเบ้าก็สงสัย
“ผมว่าแล้ว ว่าวันนี้คุณหมอดูแปลกๆ ถ้ามีอะไรอึดอัดคับข้องใจก็บอกผมได้นะครับ ทุกเรื่องจริงๆ แม้แต่เรื่อง ถ้าคุณหมอจะเปลี่ยนใจกระทันหันไม่อยากแต่งงานกับผมแล้ว ผมก็รับได้ครับ”
เอื้อมเดือน น้ำตาไหลอาบแก้ม
“เพลิง ฉันไม่เคยคิดจะไม่แต่งกับเธอนะ เรื่องที่ฉันคิดอยู่มันคือ...”
เอื้อมเดือนสีหน้าจริงจังแล้วโน้มคอเพลิงมาจูบปากทันที เพลิงถึงกับอึ้ง ตกใจ เพราะไม่ทันตั้งตัว พลางรีบดันตัวเอื้อมเดือนออก
“ฉันรักเธอมากนะเพลิง รักมากที่สุดในชีวิต และฉันก็ไม่อยากเสียเธอไปด้วย งานแต่งของเรา จะจัดขึ้นพรุ่งนี้เลย”
เพลิงตาโต
“หา พรุ่งนี้ จะดีเหรอครับคุณหมอ จัดงานแต่งงานนะครับไม่ใช่พากันไปตักบาตร ถวายเพลพระ”
“ถ้าไม่แต่งกับฉันพรุ่งนี้ ฉันก็จะไม่แต่งกับเธอ ว่าไง”
เอื้อมเดือนยื่นคำขาด แต่ไม่รอคำตอบ กลับเข้าไปดึงเพลิงมาจูบอีก “ตกลงนะเพลิง พรุ่งนี้เราจะแต่งงานกัน สัญญากันนะ”
เพลิงพยักหน้ารับอย่างงงๆ
“ครับ พรุ่งนี้เราจะแต่งงานกัน”
พลางดึงเอื้อมเดือนมากอด
เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วโรงสี พวกคนงานแตกตื่นวิ่งหนีออกไป ชาติกับลูกน้องก็ระดมยิงใส่ไอ้เสือ กับนางสิงห์ ที่ต้องกระโจนหลบและยิงสวนกลับไป ก่อนที่จะวิ่งมาหลบ
“แล้วทีนี้จะเอายังไง ลำพังนายกับฉัน รับมือพวกมันเป็นขโยงแบบนี้ไม่ได้หรอก”
วัลภาเริ่มกังวล
“ขืนหลบอยู่แบบนี้ เป็นเป้ากระสุนพวกมันแน่ ทำอะไรสักอย่างสิเชน”
เชนนิ่งคิด พลางชะโงกหน้าออกไปดู แต่ชาติกับพวก ก็ยิ่งระดมยิงใส่ จนเชนต้องถอยกลับ มาแล้วหยิบหมวกมาสวม ก่อนจะยิงสวนกลับไปยันให้พวกมันไม่รุกเข้ามาใกล้กว่านี้
จากนั้นเชนก็เอาแท่งระเบิดไดนาไมค์ออกจากกระเป๋าสะพายแล้วจัดการจุดไฟ
“หนีไปซะไม่ต้องห่วงฉัน” เชนหันมาบอกวัลภา “ฉันรักเธอนะ นางสิงห์ของไอ้เสือ”
พูดพลางยิงสวนไป พร้อมกำระเบิดไดนาไมค์ที่จุดชนวนแล้ว
“มาเลยไอ้ชาติ โรงงานนรกของเอ็งได้ระเบิดเป็นจุณแน่”
เชนกระโจนออกไปแล้วโยนระเบิดไดนาไมต์ใส่ พวกมันตกใจกระจนหลบจ้าละหวั่น เสียงระเบิดดังตูม ควันคลุ้ง วัลภากัดฟันเจ็บใจ แล้วรีบถอยออกไปทันที
วัลภารีบวิ่งออกมาเจอจิกกับแสน ที่รีบเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้นวัลภา พวกน้าได้ยินเสียงปืนกับระเบิด”
วัลภาหน้าซีด
“เชนพยายามช่วยให้ฉันหนีออกมา เขาก็เลยใช้ระเบิดสู้กับพวกมัน เขาคิดว่าเขาจะไม่ได้ ออกมาอีกแล้วจ้ะน้า ฉันปล่อยให้เชนเสี่ยงคนเดียวไม่ได้ ฉันต้องกลับไปช่วยเขา”
วัลภาจะย้อนกลับไปช่วย แต่ระหว่างนั้นไอ้ตุ่นกับพวกลูกน้องกลุ่มใหญ่ ก็กราดยิงใส่ แสนกับจิก ต้องรีบดึงวัลภากระโจนหลบแล้วเปิดฉากยิงสวนกลับไป
“พวกมันมากันเยอะแบบนี้ เราสามคนรับมือไม่ไหวแน่ว่ะ”
พูดจบ จิกก็รีบวิ่งออกไป ทำเอาแสนกับวัลภาถึงกับอึ้ง
ลูกน้องคนหนึ่งของชาติ กระเด็นไปเพราะแรงระเบิดมานอนตายอยู่ใกล้ๆ ชาติกัดฟันเจ็บใจ
“พิษสงเยอะนักนะไอ้เสือ”
ขณะที่เชนกระโจนหลบ แล้วจะเอาระเบิดจากระเป๋ามาจุดอีก แต่พบว่าระเบิดที่เอามาด้วย หมดแล้ว
ชาติรีบออกมาจากที่ซ่อนพร้อมลูกน้องที่ยังเหลืออีกหลายคน
“ได้เวลาจับเสือมาถลกหนังแล้วเว้ย”
ชาติกับพรรคพวกดาหน้าเดินไป ขณะที่เชน ที่หลบอยู่หลังถังไม้ ยกปืนลำกล้องคู่เขี้ยวไอ้เสือ ขึ้นมา แล้วดูกระสุนที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่นัด พอยิงลูกน้องชาติตายคาที่ไปคนหนึ่ง กระสุนก็หมดพอดี
ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามา เชนหน็บปืนเก็บ ก่อนจะสไลด์ตัวลอดหว่างขาแล้วใช้เชิงมวยเล่นงานมัน สุดท้ายต้องชะงักกึกเพราะเจอไอ้เชิดเอาปืนจ่อ พลางใช้ด้ามปืนทุบเข้าที่ต้นคอจนไอ้เสือทรุดลงคุกเข่า ชาติตาม เข้ามา พลางยิ้มร้ายสะใจ
“ในที่สุดก็ได้เวลาเสือสิ้นลายซะทีแล้วใช่มั้ย ไอ้เสือ”
ชาติเตะเข้าลำตัว เชนจุกตัวงอเจ็บ แต่สายตายังแข็งกร้าว ชาติชกเข้าที่ท้องอีกที เชนฮึดจะเอาเรื่อง แต่ไอ้ชิดเอาปืนจ่อหัวไว้
“อย่าเพิ่งรีบท้าทายร้องขอความตายเลยไอ้เสือ ให้พี่ชาติเขาได้เห็นหน้าที่แท้จริงของแกก่อน แล้วแกจะได้ตายสมใจแน่นอน”
ชาติยิ้มสะใจ พลางเอื้อมมือไปดึงผ้าคาดหน้าไอ้เสือออก แต่ระหว่างนั้น เสียงเครื่องมอเตอร์ไซค์ ก็ดังกระหึ่มเข้ามาทุกคนในนั้นหันไปมอง ก็เห็นจิกที่มีผ้าคาดหน้ามีแว่นกันลมอันใหญ่สวมปิดหน้า กำลังบิด มอเตอร์ไซค์ติดปืนกลวิ่งเข้ามา จนพวกมันแตกฮือ เชนฉวยจังหวะชกหน้าชาติ แล้วหันไปซัดหมัดเข้าหน้าไอ้เชิด จนพวกมันผงะก่อนจะรีบไปสมทบกับจิก
“อาวุธลับของจอมโจรไอ้เสือ ไอ้เสือคำรามใช้การได้แล้วเว้ย” จิกพูดอย่างภูมิใจ ”เชิญเอ็งกดปุ่มปฐมฤกษ์ได้เลย”
เชนเปิดฝาปิดปุ่มยิงปืนกลไอ้เสือคำรามแล้วยิ้มพอใจ
“ได้เวลาไอ้เสือคำรามให้ก้องปฐพีแล้ว”
เชนบิดคันเร่งพร้อมกับกดปุ่มรัวปืนกลที่ติดอยู่หน้ามอเตอร์ไซค์ กระสุนจากปืนกลชุด ยิงติดต่อ ออกมาไม่หยุด ชาติเห็นแล้วถึงกับเหวอ
ไอ้เชิด เห็นท่าไม่ดีรีบลากตัวพาชาติออกไป ปล่อยให้เชนสาดกระสุนจากปืนกลใส่กองเฮโรอีน บนโต๊ะกระจุยอย่างมันมือ
วัลภากับแสน โดนไอ้ตุ่นกับพรรคพวกรุมยิงจนกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ วัลภาตัดสินใจลุกขึ้นด้วยใบหน้าเด็ดเดี่ยว แสนก็ลุกขึ้นด้วยเหมือนกัน
“เป็นไงเป็นกัน ตายเป็นตายวะ ถ้าเป็นผีแล้วจะตามไปหักคอไอ้จิก โทษที่มันหักหลัง”
แสนกับวัลภาพยักหน้าให้กันแล้วเดินเข้าไปหาพวกไอ้ตุ่นที่รอจะยิงอยู่แล้ว แต่เสียงมอเตอร์ไซค์ ดังเข้ามาขัดจังหวะ ไอ้ตุ่นหันขวับไป เห็นไอ้เสือเชนอยู่บนมอเตอร์ไซค์ที่ติดปืนกล
เชนกดปุ่มยิงปืนกลชุดใส่ ลูกน้องไอ้ตุ่นโดนปืนกลไปหลายคน ไอ้ตุ่นตกใจกลัวลนลาน พลางวิ่งหนีเตลิดเอาตัวรอดล้มลุกคลุกคลาน วัลภากับแสนเข้ามาที่เชนอย่างทึ่ง
“นี่ไอ้เสือคำรามมันใช้ได้แล้วเหรอวะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยพับผ่าสิ”
แสนมองอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่จิกยืดอกอย่างภูมิใจ
“ก็เออสิวะ ข้าบอกแล้วไง ความพยายามของข้ามันต้องเป็นผลสักวัน”
ทันใดนั้น เสียงระเบิด ก็ดังสนั่นมาจากข้างในโรงสี พร้อมกับไฟที่ลุกพวยพุ่งออกมาเผาโรงงาน ที่มีแต่ยาเสพติดของพวกกำนันปราบ จนมอดไหม้เป็นจุณ
“ว่าไงนะ เฮโรอีนของฉันฉิบหายวายวอดไม่เหลือเลยเหรอ”
กำนันปราบตะคอกใส่หน้าชาติด้วยความฉุนเฉียว
“เฮโรอีนที่เราเก็บเอาไว้จะไม่เหลือแล้ว โรงงานของเราก็ไม่เหลือ แถมคนของเรายังโดน มันสอย ไปอีกหลายคนด้วยครับพ่อ”
กำนันปราบเข้าไปกระชากคอเสื้อชาติ
“แล้วแกปล่อยให้ไอ้กระจอกอย่างพวกมันลงมือได้ยังไง”
ชาติยังไม่ทันได้ตอบ ไอ้เชิดก็รีบพูดแทรกขึ้นมา
“พี่ชาติพยายามเล่นงานมันแล้วครับนาย แต่พวกเราไม่คิดว่ามันจะงัดอาวุธลับออกมา เล่นงาน จนพวกเราต้องหนีเอาตัวรอด”
กำนันปราบจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง พลางผลักชาติจนเซ แล้วเข้ามาที่ไอ้เชิดกับไอ้ตุ่น
“คำก็หนี สองคำก็หนี ไอ้ที่ฉันเลี้ยงพวกแกเอาไว้ ฉันไม่ได้เลี้ยงไว้เพื่อจะให้พวกแกเก่งแต่หนี นะเว้ย”
ชาติมองพ่ออย่างรู้สึกผิด
“ผมขอโทษครับพ่อ”
ชาติเดินคอตกออกไป กำนันปราบหันมากำหมัดแน่น พร้อมกับขบกรามด้วยความเจ็บใจ
จบตอนที่ 11