หางเครื่อง ตอนที่ 11
สถานที่จัดงานชกมวย มีบรรยากาศคล้ายงานวัด เวทีมวยอลังการยิ่งใหญ่ มีนักมวยหน้าใหม่ๆ กำลังชกอยู่บนเวที
คนที่ซื้อบัตรเริ่มทยอยเข้าที่นั่ง มีการจัดที่พักไว้สำหรับนักมวยต่างหาก รอบๆ งานชาวบ้านเดินกันคึกคัก พ่อค้าแม่ค้า ขายของเต็ม รวิ เดือน ป้อม ขำ เดินเข้ามาในงาน
“งานใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย”
“ก็แน่ล่ะ เฮียเค้าทุ่มทุนสร้าง”
“เดี๋ยวชั้นเข้าไปตรงที่พักก่อนนะ เดือนจะเดินเล่นก่อนก็ได้นะ”
เดือนส่ายหน้า เดินตามติดรวิแจ
“ยัยบ๊องเอ๊ย ตามติดเป็นตังเมเลย เป็นอะไรหาวันนี้”
“ป่าว ก็แค่สังหรณ์ใจแปลกๆ”
รวิส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินไปทางที่พักสำหรับนักมวย เทพ หันมาเห็นพอดีเลยเดินเข้ามาหา
“รวิ เดือน”
“อ้าวคุณเทพ อย่างที่บอกนะ เดี๋ยวผมน็อกมันไว ผมจะไปช่วยเล่นไวๆ”
“เอาแค่ ตัวเองไม่น็อกก็พอแล้วมั้ง เป็นไงเดือน สบายดีนะ”
เดือนยกมือไหว้ทักทายเทพ
“สบายดีค่ะ ไม่เจอกันตั้งนานนะคะ”
เทพยิ้มตอบ หันไปสบตาเตือนความจำกับรวิ
“อ๋อ เกือบลืม เดือน คุณเทพเค้าจะขอให้เดือนช่วยขึ้นไปร้องที่วงซักเพลง 2 เพลงจะได้มั๊ยอ่ะ” เดือนยิ้มแหยๆ
“จริงๆ ทางโน้นเค้าก็ห้ามไว้อยู่หรอก แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ใช่มั๊ยพี่ป้อม”
“เดือนไม่พูด พี่ไม่พูด ใครจะรู้ล่ะ แถมอีตารังเกียรตินั่นก็ไม่ได้มา ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
เดือนหันไปยิ้มรับคำกับเทพ
“งั้นก็ได้ค่ะคุณเทพ แต่ยังไงขอให้พี่รวิชกเสร็จก่อนนะคะ”
เทพสีหน้าดีใจ หันมายิ้มกับรวิ
“จ้ะ ไม่มีปัญหา ขอบใจเดือนมากนะจ๊ะ”
เดือนยิ้มรับก่อนจะพากันเข้าไปที่พักของนักมวย
บรรยากาศในที่พักนักมวย นักมวยบางคนนั่งให้พี่เลี้ยงนวดอยู่ บางคนวอร์มร่างกายอยู่ บางคนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ รวิ เดินนำทุกคนเข้ามาในที่พัก ทุกคนหันขวับมามองที่เดือนเป็นตาเดียว
“อุ๊ย”
เดือนเอามือปิดตาแต่แอบแง้มนิ้วดูกล้าๆ กลัวๆ
“พี่ว่า เดือนออกไปรอข้างนอกดีกว่ามั๊ย ในนี้มีแต่ผู้ชาย”
เดือนส่ายหน้าปฏิเสธ มือยังปิดตาอยู่ แต่แอบแง้มบ้างไรบ้าง
“ไม่เป็นไรจ้าพี่ป้อมก็อยู่”
“พี่ป้อมคงไม่สนใจเดือนแล้วล่ะตอนนี้”
ป้อมเดินกรีดกรายไปแซวนักมวยคนนู้นคนนี้ที่ต่างพากันถอยหนี พิมุกในชุดนักมวยมีเสื้อคลุมเดินยิ้มอย่างยโสเข้ามาหารวิ
“ไง พ่อนักดนตรี คิดว่าจะหนีไปซะแล้ว”
“คิดเหมือนกันเลย”
เตี้ยกับบ่างทำท่าจะเดินเข้ามา พิมุกยกมือกันไว้ ก่อนจะยิ้มอย่างเจ่าเล่ห์ มองเลยมาที่เดือน
“ปากดีไปเหอะ นี่น้องเดือน วันนี้พี่จะยอมให้เดือนมาเกาะแกะอยู่กับมันก่อนนะ เพราะหลังจากคืนนี้ไป เดือนคงไม่มีโอกาสเห็นหน้ามันแล้ว ไปเว้ยไอ้เตี้ยไอ้บ่าง ปล่อยเค้าไว้อาลัยกันให้พอ”
เดือนหน้าเสียมองตามพิมุกที่เดินไป
“อย่าไปสนใจเลยเดือน เดือน” รวิบอกแล้วเรียก เดือนสะดุ้ง “หา อะไรๆ”
รวิหวั่นๆ ใจ เรื่องขึ้นชก เดือนฝืนยิ้ม แต่ยังกังวล คอยเหลือบตาไปมองทางพิมุกตลอดเวลา
บนเวทีมวย กรรมการชูมือให้นักมวยฝ่ายหนึ่งชนะ
“จบกันไปแล้วนะสำหรับมวยคู่นี้ของเรา แชมป์ก็คือ คือใครวะ เดี๋ยวขอพ่อหาแว่นก่อนนะ อ่อๆ แชมป์ของเราก็คือ...”
ขำยืนอยู่ด้านนอกที่พักนักมวย ส่ายหัวไม่พอใจ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านใน
ขำเดินเข้ามายังที่พักนักมวย ทำหน้ารำคาญ เดือนกำลังช่วยใส่นวมให้รวิอยู่ ป้อมยังเดินกรีดกรายจิกนักมวยอยู่
“มันพากย์อะไรของมันวะไอ้คนพากย์เนี่ย” ขำบ่นอย่างหงุดหงิด
“ไปพากย์เองเลยสิ” รวิบอก
“คิดอยู่”
“แหม ขำ ชอบจังเลยนะไอ้งานแบบเนี้ย”
ขำพยักหน้ารับ เดินมาช่วยนวดให้รวิ
“ว่าแต่ รวิชกเป็นคู่ที่เท่าไหร่นะ”
“คู่เอก ปิดท้ายเลย”
ขำยักไหล่ ส่ายหัว
“เฮียพิมุกแกเข้าใจคิด คงอยากเด่นมาก”
“ก็คงงั้นมั้ง”
ช่วงค่ำบนเวทีวงดนตรี นภากาศยืนร้องเพลงอยู่ ผู้คนเดินไปเดินมา สนใจบ้างไม่สนใจบ้าง มีคนมายืนดูจริงๆ จังๆ ไม่กี่คน นภากาศไม่สนใจยังคงร้องเพลงต่อไปเรื่อยๆ ทุกคนในวงหันมามองหน้ากัน พอดีจบเพลง ก้องรีบเดินออกไปรับไมค์ต่อจากนภากาศที่เดินสะบัดเข้าไป
“พี่ๆ น้องๆ แฟนเพลงจ๋ คืนนี้หลังจากมวยคู่เอกแล้ว วงเทพ ฟ้าประทานของเราจะมีเซอร์ไพรส์สุดพิเศษให้กับทุกคน แขกรับเชิญพิเศษ นักร้องดาวรุ่งพุ่งแรง...” คนอื่นๆ ในวงหันมามองทางเทพที่ยืนส่ายหน้า พยายามจะบอกให้ก้องหยุดพูด “เดือน งามพร้อม จะมามอบบทเพลงสุดฮิตให้กับแฟนๆ อดใจรอกันนะจ๊ะ อย่ารีบหนีไปไหนกันซะก่อนล่ะ” ก้องหันมายักคิ้วให้กับทุกคน ก่อนจะเดินเข้ามา เทพหันมามองหน้าก้อง สีหน้าไม่พอใจ “เรียกคนดูไว้ก่อนไง”
“ก้อง นายนี่ใจร้อนจริงๆ ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด เดือนเค้าขึ้นมาร้องไม่ได้ ไม่หน้าแตกกันทั้งวงเหรอ” เทพบอก
ศิริพรรีบพูดแทรกขึ้น
“คุณเทพไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เราก็จะได้ดูน้ำใจของอดีตนักร้องวงเราไงคะ”
เวลาผ่านไป ช่วงกลางคืนที่เวทีมวย กรรมการยืนถือรายชื่อประกาศอยู่บนเวที
“และบัดนี้ ถึงเวลาที่ท่านรอคอยมานานแล้ว กับมวยคู่เอกของเรา มุมน้ำเงิน เจ้าของค่ายมวย พ.พิมุก และเป็นประธานการจัดงานในครั้งนี้ เจ้าของฉายา มังกรแข้งพิฆาต ขอเชิญพบกับ พิมุก เมืองสยาม”
เสียงปรบมือและโห่ร้องเกรียวดังกึกก้อง พิมุกเดินขึ้นบนเวทีพร้อมกับซาวด์เพลงแบบอลังการ พิมุกยืนกำหมัดทำท่าคึกคัก เรียกเสียงให้คนดูปรบมือโห่ร้อง
“ส่วนอีกด้านไม่แพ้กัน มุมแดง เจ้าของฉายา...” รวิเต้นฟุตเวิร์คเหยาะอยู่ในท่าฮึกเหิมเตรียมพร้อม ขำ เดือนกับป้อมช่วยกันโบกพัดให้ “หลับสนิท ศิษย์หามลง”
รวิที่ฮึกเหิมอยู่ทรุดลงไปกอง คนดูต่างโห่ฮา หัวเราะกันคิกคัก
“ใคร ใครเป็นคนตั้งฉายานั้นฟะ” รวิถาม ขำแกล้งเฉไฉทำหน้าไม่รู้เรื่อง ยืนเกาหัว
“เห็นมันน่ารักดี” ขำบอก
“และบัดนี้ ขอเชิญท่านพบกับ รวิ ศ.ศิลป์งาม”
รวิหันมามองค้อนขำทีหนึ่งก่อนจะเดินขึ้นเวทีไปท่ามกลางเสียงปรบมือ โห่ร้อง ปนหัวเราะ
พิมุกเดินเข้ามาหารวิ ยักคิ้วทำหน้ากวนใส่ ก่อนจะแลบลิ้นทำท่าเชือดคอเดินกลับไปถอดเสื้อคลุมออก
จัดแจงให้พี่เลี้ยงถอดมงคล รวิมองพิมุกแล้วส่ายหน้า เดินกลับมาที่มุม ป้อมจัดแจงช่วยรวิถอดเสื้อคลุมพร้อมกับมงคลออก
“มาๆ ในฐานะนักมวยเก่า เดี๋ยวพี่จะเป่าคาถาให้ รับรองไม่ถึงยกสาม”
“มันน็อก”
“แกน็อก”
“ใช่เวลาตลกมั๊ย พี่” ขำต่อว่า ป้อมยิ้มแหยๆ
“เค้าล้อเล่นน่ะตัว เค้ากลัวตะเองเครียดน่ะ”
เสียงระฆังเริ่มยกที่หนึ่ง พิมุกกับรวิเดินเข้าแตะนวมกัน ทั้งคู่ยืนจ้องหน้าดูท่าทีกัน
ด้านข้างเวที เดือนยืนกำมือแน่น ทั้งลุ้นทั้งเป็นห่วงรวิ ป้อมยืนอยู่ คอยลุ้นไปด้วย
“เอาล่ะนะ ยกที่หนึ่งเริ่มกันแล้วนะ มุมน้ำเงินนั่น ใครนะ อ่อ พิพัฒ เอ๊ะหรือว่าพิมุก...”
ขำหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนพากษ์ ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ป้อม
“พี่ป้อม ฝากดูแลรวิที”
“อ้าว แล้วเอ็งจะไปไหนของเอ็งไอ้ขำ”
ขำเดินอาดๆ ไปไม่พูดอะไร เดือนกับป้อมหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ
“ตอนนี้มุมแดงแย็บซ้าย น้ำเงินก้มหลบ มุมแดงต่อยขวา อุ๊บส์ๆ อื้อๆ” เสียงคนพากย์หายไปเปลี่ยนเป็นเสียงชำแทน
“เอาล่ะครับ ตอนนี้รวิฮุกซ้ายนะครับ พิมุกกันได้ทันนะครับ สวนด้วยหมัดขวาตรง รวิหลบได้อีกนะครับ...”
เดือนกับป้อมหันไปมองทางต้นเสียงอย่างแปลกใจ เห็นขำนั่งพากย์แทนอยู่
รวิตกใจเหมือนกันที่ได้ยินเสียงขำไปพากย์แทนเลยเผลอหันไปมอง เปิดช่องให้พิมุกเหวี่ยงหมัดเข้าอย่างจัง รวิล้มลงไปนอน กรรมการถลาเข้ามานับ
“แย่แล้วครับตอนนี้รวิพลาดโดนหมัดของพิมุกเข้าไปเต็มๆ จะลุกไหวมั๊ยนี่ กรรมการเข้ามานับแล้วครับ ลุกสิรวิ ลุก ลุกสิโว้ย”
เดือนกับป้อมที่อยู่ข้างเวที ต่างลุ้นกันจนตัวโก่ง
“ลุกสิรวิ ลุกขึ้น”
“พี่รวิ ลุกขึ้น”
เดือนตะโกน พิมุกเอามืออุดหู เผลอหันมามองเดือน พอดีกับที่รวิลุกขึ้นได้ เลยเหวี่ยงหมัดใส่เต็มๆ คนดูเฮกันลั่น พิมุกเซไปพิงเชือก มือเกาะเชือกไว้ หันมาชี้หน้ารวิ
“ไอ้รวิ จะเอาใช่มั๊ย ได้ เดี๋ยวจัดของจริงให้”
พิมุกถลาเข้าใส่ รวิก้มหลบได้เสยคางกลับไป พิมุกทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น รวิหันมายิ้มกับเดือน พอดีระฆังหมดยกที่หนึ่ง แต่พิมุกถลาเข้ามาต่อยจนรวิคว่ำ
“ว้าย พี่รวิ”
“เฮ้ย ขี้โกงนี่หว่า”
ป้อมรีบขึ้นไปพยุงรวิมาที่มุม
“ระฆังหมดยกไปแล้วนะครับ แต่พิมุกยังเข้ามาใส่แบบนี้ ขี้โกงกันเห็นๆ เลยนะครับ”
คนดูต่างโห่ฮากันขึ้น ที่มุมของรวิ ป้อมตบหน้ารวิให้ได้สติก่อนจะถอดฟันยางให้ เอาน้ำให้จิบ ช่วยนวดตามเนื้อตามตัว เดือนยืนหน้าเสีย น้ำตาคลอเป็นห่วงรวิอยู่ที่มุมข้างล่าง
“พี่รวิ เป็นไงบ้าง”
รวิหันมายิ้มยักคิ้วให้ แต่เลือดกบปาก
“สบายมาก แค่นี้เอง ไอ้ขี้แงเอ๊ย” รวิบอก
“ก็ชั้นเป็นห่วงพี่นี่” เดือนเถียง
“ระวังหน่อยนะรวิ ไม่รู้มันจะขี้โกงอะไรบ้าง แหม ถ้าไม่ติดว่ากลัวไม่สวยนะ พี่จะชกแทนเอง”
มุมของพิมุก พี่เลี้ยงกำลังนวดให้อยู่ แต่พิมุกสะบัด ยืนขึ้นหันหน้าเข้ามุมต่อยที่เสาอย่างโมโห
“ไอ้รวิ ประมาทไปหน่อย เดี๋ยวพ่อจะเอาให้พิการเลย คอยดู”
พิมุกมีสีหน้าโกรธจัด
อ่านต่อหน้า 2
หางเครื่อง ตอนที่ 11 (ต่อ)
บริเวณจัดงาน ชาวบ้านเดินมาพูดคุยกัน ชวนกันให้รีบไปดูมวย ดูดนตรี
ผู้ชายคนหนึ่งใส่แว่นใส่หมวกเดินก้มหน้าเข้ามา ก่อนจะมองไปทางเวทีมวย ค่อยๆ ขยับหมวกขึ้นเห็นเป็นโรจน์ ก่อนจะมองไปทางเวทีดนตรีและเวทีมวย สีหน้าเจ้าเล่ห์
บนเวทีมวย ป้อมตบไหล่รวิเบาๆ รวิเด้งตัวลุกขึ้นสะบัดคอ กระโดดวอร์ม เสียงระฆังดังขึ้นตามด้วยเสียงขำพากย์
“ยกที่ 2 เริ่มแล้วนะครับ หลังจากที่ยกแรกมีการขี้โกงออกแนวพ่อแม่ไม่สั่งสอน ตอนนี้ทั้งคู่เดินเข้าหากันแล้วครับ”
รวิเดินเข้าหาพิมุกกระโดดโยกซ้ายขวาไปมา ทำหน้ายียวนใส่ พิมุกแยปไปมาแต่รวิหลบได้ ทำหน้าล้อเลียนใส่อยู่หลายรอบ
“ไอ้รวิ ไอ้ขี้ขลาด แน่จริงอย่าหลบสิวะ”
รวิมีสมาธิ โฟกัส โยกตัวหลบ หวั่นๆ พิมุกพยายามต่อยสวนมาอีกแต่รวิหลบได้
สีหน้าพิมุกเริ่มโกรธ แต่อยู่ๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ พอดีกับที่รวิเปิดช่อง พิมุกเตะเข้าที่ชายโครงจนรวิเซถลาไปติดเชือก พิมุกเดินตามเข้ามา
“นี่มันมวยไทยนะโว้ย” พิมุกบอก
รวิยืนเกาะเชือกตัวงอหันมามองพิมุก ก่อนจะถลาเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ แต่พิมุกเบี่ยงตัวหลบดึงรวิเข้ามาตีเข่าซ้ำที่เดิมอยู่อีกหลายครั้ง ตามด้วยเหวี่ยงหมัดเข้าเต็มหน้าจนรวิทรุดลงไปกอง กรรมการต้องเข้ามาแยกและเริ่มนับ
“โอว ตอนนี้รวิพลาดนะครับ โดนหมัดขวาเข้าไปเต็มๆ กรรมการเริ่มนับแล้วนะครับ แต่คิดว่าเดี๋ยวก็คงลุกได้แน่ นี่ไม่ได้เข้าข้างอะไรเลยนะเนี่ย นั่นไง ลุกขึ้นมาได้แล้วครับ”
รวิพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เหลือบตาไปมองทางเดือนที่ยืนเชียร์อยู่อย่างกังวล
“พี่รวิ ไหวไหมเนี่ย”
รวิหันไปฝืนยิ้มให้เดือน เดือนถอนหายใจ พิมุกพุ่งเข้ามาซ้ำรวิอย่างต่อเนื่อง รวิพยายามตั้งการ์ดกันแต่ก็โดนพิมุกเข้ากอด คลุกวงในพยายามทั้งตีเข่า ต่อยตัดลำตัว
ที่มุมของพิมุก เตี้ยกับบ่างยืนเกาะเชือกจากด้านล่างดูอยู่ทำหน้าโง่ๆ คุยกัน
“ทำไมพี่เค้าคลุกวงในไอ้ลิเกนั่นตลอดเลยวะ”
“นั่นดิ เอ๊ะ หรือว่ารุ่นพี่เค้าจะ...”
เตี้ยหันมามองหน้าบ่าง ก่อนจะเอามือปิดตูดทำท่าขนลุก
“อึ๋ย พี่เค้าชอบแบนี้ก็ไม่บอก”
“ไอ้โง่” บ่างตบหัวเตี้ย “ข้าหมายถึงว่าพี่เค้าจะมีแผนอะไรหรือเปล่า แหม่คิดไปได้ เสียวเลย”
ที่พิมุกกับรวิ กรรมการเข้ามาแยกทั้งคู่ออก รวิยืนตัวงอมือกุมซี่โครง ปากแตกเลือดอาบ พิมุกเดินวนรอบๆ รอจังหวะ พร้อมกับท้าทายรวิไปด้วย
“อึดมากใช่มั๊ย ดูซิว่าแกจะยืนได้อีกกี่นาที”
“ก็ได้จนกว่าแกจะโดนนับสิบนั่นล่ะ”
“ปากดี งั้นก็เอาไปอีกซักหน่อย”
พิมุกอาศัยความไวพุ่งเข้าหารวิ ก่อนจะเหวี่ยงหมัดซ้ายขวา จนรวิหน้าสะบัด แต่พิมุกก็ยังซ้ำต่อเนื่อง
ที่มุมของรวิ เดือนยืนมองอยู่ ดึงผ้าเช็ดหน้าที่พาดอยู่ที่คอป้อมจนแน่น กระชากเข้ากระชากออกเพราะลุ้นจัด
“ดะ เดือ เดือน ค คอ พี่”
“พี่รวิ สวนกลับไปบ้างสิ โธ่เอ๊ย! โดนอยู่ฝ่ายเดียวเลย เห็นมั๊ยพี่ป้อม อ้าว ว้าย”
“แค่กๆ โอ๊ย ใจเย็นๆ เดือน”
“ขอโทษ ก็เดือนลุ้นนี่ แบบนี้จะอยู่ครบ 5 ยกมั๊ยนี่”
รวิพยายามสวนหมัดกลับไป แต่ก็วืดเพราะพิมุกหลบได้ รวิยืนหอบแฮ่กๆ รวิตัดสินใจรวบรวมพลังง้างหมัดขึ้นอีกที พิมุกง้างมือเตรียมสวน เสียงระฆังดังขึ้นตามด้วยเสียงขำพากย์
“หมดยกที่ 2 ครับ อ่ะๆ ห้ามโกงนะ เดี๊ยะๆ ด่าประจานซะนี่”
พิมุกเดินหันกลับมาชี้ลงไปที่ขำนั่งอยู่ ทำหน้าให้ระวังตัวไว้ก่อนจะเดินกลับเข้ามุมที่เตี้ยกับบ่างเตรียมน้ำขึ้นมาแล้ว รวิเดินโซซัดโซเซกลับมาที่มุม ป้อมรีบเอาเก้าอี้กับผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาให้ เดือนคอยส่งน้ำให้
“โธ่เอ๊ย ถ้าไม่หมดยกนะ พี่ต่อยมันร่วงไปแล้ว เดือน ไว้หนวดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“เดือนอยู่นี่ พี่รวิ”
รวิหันขวับไปตามเสียงเห็นเดือนยืนหน้างออยู่ข้างล่างเลยหันหน้ากลับมามองอีกทีเห็นเป็นพี่เลี้ยงที่มีหนวดแทน
“อ้าว โทษทีพี่ ถึงว่า...”
“ถึงว่าอะไรยะ เฮ้อ ไหวมั๊ยเนี่ย รวิ” ป้อมถอนหายใจเป็นห่วงรวิ
“แค่นี้เอง สบาย ซี๊ด อูย”
“นี่แค่ยก 2 ยังสะบักสะบอมซะขนาดนี้ แล้ว 3 ยกที่เหลือจะเป็นไง” เดือนบอกอย่างเป็นห่วง
“ดูจังหวะหน่อยรวิ ไอ้พิมุกยังไงมันก็เป็นนักมวย หมัด ศอก เข่า มันหนักทั้งนั้น ไม่ใช่ถลาสุ่มสี่สุ่มห้า เอาหน้าไปรับหมัดมันแบบนี้” ป้อมบอก
“หน้าไม่เท่าไหร่ แต่ซี่โครงนี่สิ อูย”
เดือนรีบเปิดกระเป๋าหยิบยาออกมา เดินอ้อมมาใกล้ๆ จัดแจงทาให้รวิ
รวิยิ้มออกมาแล้วจ้องเดือนด้วยสายตาอ่อนโยน รวีฝืนยิ้มอิดโรย
“ยังจะมายิ้มอีกพี่รวิ เจ็บขนาดนี้”
“เจ็บก็คุ้มนะ มีเดือนมาดูแลแบบนี้”
“พูดมากน่า” เดือนเขินหน้าแดง ทำเป็นทายาไปทั่ว “ชั้นว่านะพี่ ถ้าไม่ไหว...”
รวิจับมือเดือน เดือนเงยหน้าขึ้นมามอง
“ถ้าเรายอมแพ้อะไรง่ายๆ เราก็จะไม่รู้ค่าของความสำเร็จหรอกนะเดือน” รวิเอื้อมมือที่ใส่นวมมาเขกหัวเดือนเบาๆ “เดือนเองเป็นคนพิสูจน์ให้พี่เห็นนี่ ถึงคราวพี่ต้องพิสูจน์บ้างแล้วล่ะ”
เดือนพยักหน้ายิ้มรับ
เสียงขำนำบรรดาคนดูเชียร์ออกนอกหน้า
“เอ้า ในระหว่างพักยกเรามาส่งกำลังใจให้นักมวยกันทั้ง 2 ฝ่ายดีกว่านะจ๊ะพี่น้อง เอ้า รวิสู้ๆ รวิสู้ตาย รวิไว้ลายสู้กับควายก้นหมึก”
ป้อม เดือน รวิ หันมามองตามเสียงและส่ายหน้าหัวเราะกับเสียงเชียร์ของขำ
ที่มุมของพิมุก เตี้ยกับบ่างช่วยกันเอายามาบีบนวด เอาน้ำมาให้ เอาผ้ามาซับหน้าพิมุก
“พี่ๆ มันบอกว่าไอ้รวิสู้กับควายก้นหมึก ใครเหรอควายที่มันบอกอ่ะ”
พิมุกยันที่อกจนเตี้ยหงายหลัง พิมุกมองมาทางรวิอย่างไม่พอใจยิ่งเห็นเดือนเอาใจรวิอยู่ ยิ่งโมโห
“เดี๋ยว ข้ามีอะไรสนุกๆ จะเล่นกับมันซะหน่อย” พิมุกหันมาพยักหน้าส่งซิกให้บ่างที่ถือยานวดอยู่ บ่างยังงงๆ อยู่จนพิมุกต้องเบ้หน้าไปทางหลอดยาให้รู้ “บีบออกมาสิไอ้โง่”
บ่างพยักหน้าเข้าใจ หันซ้ายหันขวาบีบยาออกมาหันซ้ายหันขวาก่อนจะทำเนียนถูยาลงที่นวมพิมุก
บนเวทีดนตรี วงดนตรีเล่นเพลงไปเรื่อยๆ ศิริพรร้องเพลงอยู่บนเวที นภากาศยืนโยกไปมาตามจังหวะเพลงด้านล่าง คนดูดนตรีอย่างเซ็งๆ
“อ้าว ไหนล่ะ แขกรับเชิญพิเศษ เดือน งามพร้อม ไม่เห็นโผล่มาเลย แหกตากันนี่หว่า” โรจน์ที่ใส่แว่น ขยับหมวกแกล้งตะโกนหาเรื่องอยู่ “เอ้า พวกเราดูสิ ไอ้วงนี้มันหลอกพวกเรา ไหนบอกเดือนจะขึ้นมาร้องด้วย”
ชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้นเริ่มคล้อยตาม บ่นกันพึมพำ
“เอ๊ะ หรือนักร้องเดือนอะไรนั่น จะไม่ยอมมาร้อง ใช่สิ นี่มันบ้านนอกนี่ คงดูถูกพวกเราเลยไม่ยอมมาเล่น โธ่เอ๊ย ดังแล้วลืมตัว”
โรจน์พยายามกุเรื่อง แต่ชาวบ้านตรงนั้นก็เริ่มเชื่อ เริ่มโห่ไล่ โรจน์ยิ้มอย่างพอใจที่ชาวบ้านเชื่อคำพูด
บนเวทีดนตรี ศิริพรที่ยืนร้องเพลงอยู่ยังคงเชิดหน้าไม่สนใจจนจบเพลงพอดี ทุกคนเริ่มหันมามองหน้ากัน
“เอาไงดีครับคุณเทพ” ก้องถามเทพ
“ก็ชั้นบอกนายแล้วว่าอย่าเพิ่งรีบประกาศออกไป แล้วเป็นไงล่ะทีนี้”
“เดี๋ยวมวยชกเสร็จก็คงมามั้ง จะไปเร่งตอนนี้ก็คงไม่เหมาะ” นภากาศบอก
ศิริพรร้องเพลงจบ เดินสะบัดหันกลับมา
“ของอย่างนี้มันอยู่ที่น้ำใจคนด้วยล่ะค่ะคุณเทพ แต่ก็นะ ถ้าเค้ามาไม่ได้จริงๆ ชั้นก็ร้องแทนได้นะคะ เพลงนั้นน่ะ”
“หึ แต่เสียงจะสู้เค้าได้หรือเปล่าล่ะ”
ศิริพรเดินเข้ามาจ้องหน้านภากาศยิ้มๆ
“ก็ให้พี่นภาช่วยไงคะ” ศิริพรประชดประชัน
ทุกคนหันมามองหน้ากัน ก่อนก้องจะตัดสินใจพูดขึ้น
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมไปตามเดือนก่อนแล้วกัน”
ก้องเดินหันหลังลงจากเวทีไปอย่างเร่งรีบ
บนเวทีมวย รวิพยายามตั้งการ์ดกันไว้ แต่พิมุกก็รัวหมัดเข้ามาตลอด
รวิพยายามโยกหลบ แต่กลายเป็นเปิดช่องให้พิมุกเตะซี่โครงซ้ำที่เดิม จนรวิตัวงอต้องลดแขนลงมากัน พิมุกได้โอกาสจัดการแย็บหมัดไปที่เบ้าตาของรวิ และขยี้อยู่อย่างนั้นไม่ยอมเอาออก รวิหยีตาเพราะแสบตามาก น้ำตาเริ่มไหล พิมุกเดินรอจังหวะอยู่รอบๆ
“โอ๊ย”
“เป็นอะไร ไอ้ลิเก แค่นี้ถึงกับร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยเหรอ ไม่ไหวก็ให้พี่เลี้ยงกระเทยแรงงานของแกโยนผ้ายอมแพ้
มาซะ”
“ไอ้พิมุก ไอ้ขี้โกง”
“อะไรๆ อย่ามากล่าวหา พี่พิไม่ชอบ เอามั๊ยเดี๋ยวจะช่วยบอกให้มันโยนผ้าให้ เอ๊ะหรือจะให้น้องเดือนโยนดี แหม แต่ให้ผู้หญิงออกหน้าแบบนี้ หน้าตัวเมียชัดๆ”
รวิโมโหที่พิมุกพูดจาดูถูก ยกแขนขึ้นจะพุ่งเข้าชกพิมุก แต่รวิเห็นพิมุกไม่ชัดเพราะน้ำตาไหลบังตลอด
ที่มุมของรวิ เดือนเอามือปิดปาก น้ำตาคลอสงสารรวิ ป้อมยืนลุ้นรวิจนตัวเกร็ง
“ไม่ไหวแล้วนะพี่ป้อม” เดือนบอก
“โธ่เอ๊ย รวิ”
เดือนหันไปมองป้อมสีหน้าเป็นกังวล เดือนมองผ้าขนหนูสีขาวที่พาดอยู่บนคอป้อม เดือนตรงเข้าไปคว้าผ้าขนหนูที่คอป้อม
“จะทำอะไรน่ะเดือน”
“พี่ก็เห็นอยู่แล้วนี่ พี่รวิน่ะ ไม่ไหวหรอก”
รวิโดนซัดมาเกาะขอบเชือกพอดี
“อย่านะเดือน พี่รู้นะว่าเดือนจะทำอะไร”
“แต่”
“พี่ไม่ยอมให้เดือน โยนผ้ายอมแพ้เด็ดขาดนะ” เดือนถือผ้าขาวทำท่าลังเล “พี่บอกแล้วไง ยังไม่ถึงที่สุดซะหน่อย”
รวิเกาะเชือกดันตัวเองขึ้น ฝืนยิ้มให้เดือนก่อนจะหันกลับเข้าไป พอดีกับที่พิมุกเดินเข้ามารัวหมัดใส่ รวิได้แต่ตั้งการ์ดรับ เดือนกับป้อม น้ำตาคลอสงสารรวิ เสียงระฆังดังขึ้นตามด้วยเสียงขำพากย์
“หมดยกที่ 3 ครับ ดูท่ารวิจะแย่นะครับ เฮ้อ”
ด้านล่างเวทีมวย ก้องพยายามเดินฝ่าวงล้อมของคนดูเข้ามา
“คนไปเยอะอะไรมาเนี่ย ยิ่งรีบๆ อยู่”
ก้องเห็นเดือนยืนอยู่ที่มุมเวที ก้องยิ้มออกมา ก่อนจะรีบเดินเบียดคนเข้าไป
บนเวทีมวย ที่มุมของรวิ รวิขยี้ตาอยู่ตลอดเวลาน้ำตาก็ไหลไม่หยุด
“รวิ เป็นอะไรน่ะ ตาแดงเชียว” ป้อมถามอย่างสงสัย
“พี่ป้อม ชั้นแสบตามากเลย”
ป้อมรีบเทน้ำล้างตาให้รวิ
“อยู่ๆ แสบตาขนาดนี้ได้ไง หรือว่า...”
ป้อมหันไปมองเดือนที่ยืนเกาะขอบเวทีอยู่ด้านล่าง เดือนมีสีหน้ากังวล หันมองไปทางมุมของพิมุกก่อนจะหันมาเหมือนขอความเห็นกับป้อม
“ไม่รู้สิพี่ป้อม รู้แค่ว่าตอนนี้ชั้นลืมตาไม่ขึ้น” รวิบอก
“เอ้า งั้นเอาน้ำล้างอีก เยอะๆ เลย”
เดือนทำท่าลังเลก่อนจะตัดสินใจเดินไป
อ่านต่อหน้า 3
หางเครื่อง ตอนที่ 11 (ต่อ)
ที่มุมของพิมุก พิมุกนั่งยิ้มสะใจ เตี้ยกับบ่างคอยนวดอยู่เหมือนเดิม
“พี่พิมุก”
พิมุกหันไปตามเสียงเรียก เห็นเดือนยืนอยู่ด้านล่าง
“โอ๊ะโอ เดินมาหาพี่แบบนี้ แสดงว่าเริ่มหลงเสน่ห์ในลีลาของพี่แล้วใช่มั๊ย”
เดือนพยายามสะกดอารมณ์
“ชั้นขอล่ะนะพี่ ทำอะไรช่วยให้อยู่ในกติกาหน่อยเถอะ”
พิมุกแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เดือนหมายถึงอะไรเหรอ พี่ไม่รู้เรื่อง”
“ชั้นรู้นะว่าพี่ทำอะไรน่ะ”
พิมุกหมุนตัวกลับมาเกาะขอบเชือก ยื่นหน้ามาหาเดือน
“พี่ก็แค่หยอกเล่นนิดๆ หน่อยๆ เอง แต่ถ้าเดือนไม่ชอบ พี่ไม่ทำก็ได้” เดือนจ้องหน้าพิมุกอย่างไม่ไว้ใจ “แต่มันก็น่าจะมีอะไรแลกเปลี่ยนกันนิสนึง เป็นกำลังใจให้พี่พอกรุบกริบ”
“พี่จะให้ชั้นทำอะไร”
พิมุกเหลือบตาไปมองทางมุมของรวิก่อนจะหันมายิ้มอย่างแล่ห์
“ตอนนี้พี่อยากได้พี่เลี้ยงดูแลพี่หน่อย ไอ้ 2 ตัวเนี้ย มือมันหนักไม่ไหวเลย”
เดือนหลบสายตาทำท่าครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เดือนแอบควักยาหม่องจากขวดป้ายใส่ผ้า ยื่นไปเช็ดหน้าให้พิมุกที่ยื่นหน้ามารอรับอย่างสะใจ
ที่มุมของรวิ ป้อมเอาน้ำลูบตาให้รวิ รวิกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะหันมาทางด้านล่าง
“โอ๊ย ค่อยดีขึ้นหน่อย เดือนช่วยซับหน้าให้พี่หน่อย”
“ไม่ได้หรอก หยะแหยง”
รวิค่อยๆ ลืมตาขึ้นเห็นเป็นก้อง
“เฮ้ย มาทำอะไร แล้วเดือนล่ะ”
ก้องส่ายหน้า ก่อนจะพยักหน้าไปทางมุมของพิมุก
“เดือนของนายน่ะอยู่นู่น ส่วนชั้นน่ะมาตามเดือนให้ไปช่วยร้องเพลง” รวิกับป้อมหันไปมองทางมุมของพิมุก สายตาของทั้งคู่เห็นเดือนกำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้พิมุกอยู่ รวิตาโต ทั้งโกรธทั้งงง “ตกลงนี่เดือนเค้าเชียร์ใคร คบใครกันอยู่แน่เนี่ย”
“ใจเย็นก่อนนะรวิ พี่ว่าเดือนคงมีเหตุผลอะไรซักอย่าง ถึงแกล้งไปทำแบบนั้น” ป้อมบอก
“เหตุผลก็คือ คงรำคาญไอ้คนอ่อนๆ อย่างชั้นไง” รวิประชด
ป้อมมองรวิส่ายหน้า ไม่รู้จะอธิบายยังไง ส่วนก้องเบะปากยักไหล่ ไม่สนใจ เสียงระฆังดังขึ้น รวิเด้งตัวขึ้นอย่างเร็ว เช็ดเลือดที่มุมปาก มองไปทางพิมุก สีหน้าดุดันโกรธจัด พิมุกเริ่มแสบตา
“เดือน ผ้าอะไรเนี่ย”
“เดือนไม่ได้โง่นะ”
พิมุกพยายามเช็ดๆ ตาตัวเองขณะเดินออกไป
อีกด้านหนึ่งที่คอนโดของชูเกียรติ ชูเกียรตินั่งกดโทรศัพท์อย่างอารมณ์เสีย
“ปิดเครื่อง เดือนนะเดือน แอบไปโดยไม่รอกันเลย ถึงตอนนี้จะเป็นเมียชั้นแล้ว แต่ก็ยังไงก็ต้องทำอะไรตามคำสั่งของชั้นอยู่ดี”
ชูเกียรติยืนขึ้น เดินเซๆ ไปมา พยายามกดโทรศัพท์ต่อ
“สงสัยดูไอ้ลิเกนั่นต่อยมวยอยู่แน่ๆ อูย ยังเบลอไม่หาย นี่เป็นแผนตัดกำลังของเธอสินะ”
ชูเกียรติเดินไม่ไหว เดินเซๆ กลับมานั่งที่เก้าอี้ใหม่
ส่วนที่เวทีมวย เดือนเดินหน้าบึ้งกลับมาที่มุมรวิเจอก้องรอยู่
“พี่ก้อง มีอะไรเหรอ”
“ก็ที่เดือนรับปากว่าจะไปร้องเพลงให้ไง”
“เดือนขอดูพี่รวิชกเสร็จก่อนนะจ๊ะ”
“แต่ตอนนี้คนดูโวยวายใหญ่แล้วนะ”
ป้อมเดินเข้ามาแทรก
“ก็ให้นังงิ้วกับยัยป้านั่นร้องไปก่อนสิ อะไร นักร้องมีตั้ง 2 คน”
ก้องไม่สนใจ อ้อนวอนเดือนต่อ
“นะเดือน พี่ขอร้อง”
“แต่”
เดือนทำท่าลังเล แต่ก้องจัดแจงดึงเอาผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดหน้าให้รวิออก ไปพาดไหล่ป้อมแทน ก่อนจะคว้าข้อมือเดือน เดินออกไปอย่างเร็ว
“อ้าว เดือน ปัดโธ่”
เสียงขำพากย์ยังดังต่อเนื่อง
“ยกที่ 4 แล้วนะครับตอนนี้ มาดูกันว่ารวิจะเอาคืนได้บ้างมั๊ย โอ๊ะๆ แต่ดูจากสีหน้าและแววตาแล้ว ยกนี้อาจมีลุ้นนะครับ งานนี้เจ้ามืออาจมีหนาวนะครับ”
“นึกว่ายาหม่องแค่นี้จะทำอะไรเราได้เหรอ” รวิมองชัดขึ้น เห็นรวิมีสีหน้าดุดัน จ้องหน้าพิมุก ตั้งการ์ดเตรียมพร้อม “จุ๊ๆๆ ทำหน้าน่ากลัวเชียว ใครไปเหยียบหางเข้าเหรอ”
“ไม่ต้องพูดมาก เข้ามา”
พิมุกทำหน้ายั่วยวนก่อนจะหาโอกาสเตะซ้ำเข้าที่เดิม แต่รวิจับขาไว้ได้ ดันพิมุกจนติดเชือก พิมุกเอะใจว่าทำไมรวิถึงฮึดขึ้นมาได้
กรรมการเข้ามาแยก แต่ยังไม่ทันแยกดีพิมุกขี้โกงเปิดหมัดก่อนจนรวิเซไปพาดเชือกตรงมุมตัวเอง
“อัดมันเลยรวิ เอาคืนให้หนัก” ป้อมบอก
รวิมองซ้ายขวาหาเดือนไม่เจอ เลยมองเลยไปเห็นก้องจูงมือเดือนพยายามฝ่าคนออกไปก็ยิ่งโกรธจัดขึ้นอีก
หันกลับมาพุ่งเข้าหาพิมุกใส่ทั้งหมัดทั้งเข่า ระบายอารมณ์เต็มที่ จนพิมุกทรุดลงไปกองให้กรรมการนับ
“เอาล่ะครับ ถึงคราวท่านประธานของเราลงไปนอนให้นับบ้างแล้วครับ นับเลย...1234” ขำแกล้งนับเร็ว
กรรมการบนเวทีแอบเหล่มามองขำอย่างไม่พอใจ แต่ก็นับต่อ พิมุกพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ล้มลง ต้องพยายามอยู่อีกครั้งถึงจะลุกขึ้นมาได้
“ปัดโธ่น่าเสียดายจริง นับช้าไปนะกรรมการ”
พิมุกลุกขึ้นมายืนเซๆ หอบหายใจแรงยืนจ้องหน้ากับรวิที่ตอนนี้สีหน้าดูดุดันมาก เหลียวมองหาเดือน
ที่มุมของพิมุก เตี้ยกับบ่างยืนดูลูกพี่ตัวเองสีหน้าไม่ดี
“เฮ้ย! ข้าว่าลูกพี่ท่าจะแย่แล้วว่ะ” เตี้ยเห็นพิมุกขยี้ตาตัวเอง
“เออ ข้าก็ว่างั้น เอาไงดีวะ”
“แผนสำรองไงไอ้โง่ ที่ลูกพี่ให้แกไว้น่ะ”
บ่างทำท่าคิดออกก่อนจะล้วงกระเป๋าควักขวดแก้วใบเล็กออกมา
“อ้า ไอ้นี่เอง แล้วจะเอามันไปทำอะไรล่ะ”
“แกนี่มันโง่แก้ไม่หายจริงๆ เลยนะ เอามานี่ ลูกพี่เค้าบอกว่ามันใช้ดมใช้ทาในขวดเดียวกัน ก็ต้องเอาไปให้มันดมสิวะ แบบนี้ไง เฮือก”
เตี้ยดึงขวดแก้วเข้ามา ทำท่าดมให้บ่างดู เลยสลบไปจริงๆ
“จั๊ดง่าวแท้ งานนี้ข้าต้องทำคนเดียวแล้วสิ”
รวิบุกหนักต่อเนื่องจนพิมุกปากแตก เลือดกำเดาไหล คนดูส่งเสียงเชียร์กันลั่น
“ไง ไม่ปากดีต่อเหมือนตะกี๊แล้วเหรอ”
“ดีไม่ดีไม่รู้ อันนี้ต้องลองถามเดือนดูนะ”
พิมุกพูดไปด้วยหอบไปด้วย รวิโกรธจัดขึ้นมาทันที พิมุกแสยะยิ้ม ยั่วโมโหรวิได้ รวิเหวี่ยงหมัดเข้าใส่แต่พิมุกกันได้ สวนกลับ
ทั้งคู่สวนกันไปมาอย่างมันส์ คนดูต่างเฮกันลั่น
ที่มุมของรวิ ป้อมยืนเชียร์อย่างเมามันส์ บ่างเดินย่องๆ เข้ามาด้านหลัง พยายามจะดึงผ้าขนหนูที่พาดคอป้อมอยู่
ป้อมกำลังมันส์เลยไม่ได้สนใจ เลยเผลอทำผ้าตกลงพื้น บ่างรีบเก็บขึ้นมาก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วรีบเปิดขวดแก้ว ค่อยๆ เทลงไปที่ผ้าขนหนูนั้น แล้วแกล้งเอาไปวางไว้ที่มุมเวที ก่อนจะค่อยๆ ย่องเดินกลับที่ไป ป้อมยังคงเชียร์อย่างเมามันส์อย่างไม่รู้ตัว
ส่วนที่เวทีดนตรี โรจน์ยังคงแกล้งยุให้ชาวบ้านโวยวายเรื่องนักร้องอยู่
“ตกลงจะเอายังไง จะให้รอนานแค่ไหน เห็นคนดูโง่หรือไงวะ”
พวกชาวบ้านต่างเห็นด้วยพยักหน้ารับ ช่วยกันโวยวายส่งเสียงโห่
“เอายังไงดีคะคุณเทพ เดือนเค้าคงไม่มาร้องให้เราแล้วล่ะ” ศิริพรถามเทพ
“นั่นสิ ก้องก็หายไปด้วยเลย”
เทพมีสีหน้าวิตกกังวล
“เราก็คงต้องบอกคนดูไปตามจริงนั่นล่ะ” นภากาศบอก
“แหม เดือนนะเดือน รับปากแล้วไม่คิดจะรักษาสัญญาบ้างเลย”
นภากาศมองศิริพรแล้วเบะปาก เพราะรู้ว่าศิริพรจงใจพูดให้เดือนเสีย เทพถอนหายใจก่อนจะเดินออกมาหน้าเวที ถือไมค์ประกาศให้ทุกคนรู้
“ทุกคนครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ตอนนี้คุณเดือนติดภารกิจเร่งด่วน เลยมาร้องให้ไม่ได้ แต่ยังไงวงของเราก็ยังเล่นให้ทุกคนอย่างเต็มที่นะครับ”
เสียงโห่ฮาโดยมีโรจน์เป็นคนนำหาเรื่อง
“แหกตากันนี่หว่า ไม่เอา วงก็ขี้โม้ นักร้องก็หยิ่ง ไม่เอาโว้ย”
เทพส่ายหน้า หันหลังกลับพยักหน้าให้ดนตรีเตรียมขึ้น ศิริพรยิ้มเชิดหน้าขึ้นทันที ขยับชุดให้เข้าที่เตรียมตัวโชว์
นภากาศถอนหายใจ ก่อนจะคว้าไมค์มาเตรียมร้องเช่นกัน
ที่เวทีมวย เสียงระฆังดังขึ้น กรรมการเข้ามาแยกรวิกับพิมุกออกจากกัน รวิเดินหอบกลับมาที่มุม ส่วนพิมุกเดินเซกลับไป
ที่มุมของพิมุก พิมุกเอาผ้าขึ้นมาเช็ดเลือด ก่อนจะเหวี่ยงลงกับพื้น
“ไอ้รวิ ไม่เคยมีใครทำกับชั้นแบบนี้”
“ถือว่าโชคดีเนอะ ที่พี่ยังได้เจอ”
พิมุกหยิบน้ำขึ้นมากลั้วปากแล้วบ้วนใส่บ่าง
“ถุย ไอ้นี่ แล้วไอ้เตี้ย มันไปไหน”
บ่างเอามือลูบน้ำออก เอามาดม ทำท่าหยะแหยง
“สลบอยู่ข้างล่างนี่จ้ะ”
“สลบ? สลบได้ไงวะ”
“มันคือผู้เสียสละ ทดลองยาที่พี่ให้ชั้นไปจัดการไงจ๊ะ”
พิมุกยิ้มออกมาทำท่าเข้าใจทันที หันไปมองทางมุมที่รวินั่งอยู่
“พวกเอ็งนี่ฉลาดก็วันนี้ล่ะ”
อ่านต่อหน้า 4
หางเครื่อง ตอนที่ 11 (ต่อ)
ที่มุมของรวิ ป้อมรีบโดดขึ้นมาเอาเก้าอี้ให้รวินั่ง
“เจ๋งมากรวิ อีกยกเดียว ยกสุดท้ายถ้าได้แบบนี้นะ มีลุ้น”
รวิไม่ตอบอะไรหยิบน้ำขึ้นมากิน ก่อนจะหันไปถามป้อม
“เดือนไปไหน พี่ป้อม”
“ก็ไปช่วยคุณเทพเค้าร้องเพลงไง”
“ไหนว่ารอชั้นต่อยเสร็จก่อน”
“เห็นว่าทางโน้นมีเรื่องน่ะคนดูเค้าไม่พอใจ เลยมาตามก่อน นี่คงเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่มั้ง”
“เนื้อหอมจังนะ ใจดีช่วยเค้าไปทั่ว”
รวิกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจ
“เอ๊า ก็แกเองไม่ใช่เหรอ เป็นคนขอให้เดือนมันไปช่วยทางโน้น”
“นั่นล่ะๆ แต่ชั้นอยากพาล ตอนนี้ติสท์อ่ะ เข้าใจป่ะ”
ป้อมมองรวิอย่างงงๆ รวิทำหน้าไม่พอใจ โมโห งอนเดือน เสียงระฆังดัง รวิส่ายหน้าลุกขึ้น เหลือบไปเห็นผ้าขนหนูที่วางอยู่ตรงมุมพอดี เลยเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาเช็ดถูที่หน้า รวิกำลังจะก้าวขาเดินเข้าไป แต่ก็ต้องชะงัก เกิดอาการตาลาย ป้อมกำลังจะลงจากเวที หันมาเห็นท่าของรวิเลยตกใจ
“รวิ รวิ เป็นอะไร”
รวิส่ายหน้า แข็งใจทำฝืนเดินเข้าไป ป้อมมองอย่างสงสัยและกังวล
“ยกสุดท้ายแล้วครับพ่อแม่พี่น้อง อากงอาม่า ใครจะอยู่ ใครจะไป ท่านประธานการจัดงานของเราจะอยู่จนถึงปิดงานได้หรือไม่ มารอดูกัน”
พิมุกยืนจ้องหน้ารวิ และแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รวิยืนโงนเงนเหมือนจะล้ม กรรมการสั่งให้ชกได้ รวิเห็นภาพเริ่มพร่ามัว เบลอไปหมด พยายามกะพริบตาเงยหน้ามองมาอีกทีเห็นหมัดของพิมุกลอยเข้ามา
ส่วนที่เวทีดนตรี ดนตรีขึ้นอินโทร เสียงโห่ฮายังมีแทรกเข้ามาเบาๆ นภากาศก้าวออกมาที่กลางเวที ท่าทีสมกับเป็นนักร้อง สีหน้าอินไปกับเพลง
“สิ่งที่ชั้นคิด สิ่งที่ฉันฝัน สิ่งที่ฉันเฝ้ารอ หรือสิ่งที่ฉันพอใจ”
คนดูเริ่มหยุดโห่ฮา เพราะเสียงร้องเพลงของนภา บางคนหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะชวนกันเขยิบเข้าไปข้างหน้าเพื่อจะได้ดูใกล้ๆ
โรจน์เริ่มทำหน้าไม่พอใจ พยายามจะไซโคคนอื่นอีก
“ดูๆ เห็นมั๊ย เอานักร้องแก่ๆ ที่ไหนมาร้องก็ไม่รู้ ไม่ได้เรื่องเลย อ้าวๆ จะไปฟังทำไมล่ะนั่น”
คนอื่นไม่มีใครสนใจโรจน์ ต่างพากันเดินผ่านเข้าไปดูไปฟังใกล้ๆ เทพและคนอื่นๆ เริ่มยิ้มได้ สีหน้านภากาศยังคงอินไปกับเพลง
“สิ่งที่ฉันเห็น สิ่งที่ฉันสัมผัส...”
เสียงเพลงของนภากาศดังมาถึงเวทีมวย
“สิ่งที่ฉันลิ้มลอง หรือสิ่งที่ฉันทำไป จะต้องเป็นจริงได้”
รวิโดนพิมุกซัดจนน่วม เซไปเซมา บางครั้งล้มลงไปให้กรรมการนับ แต่ก็พยายามลุกขึ้นมา ป้อม ขำ คนดูอื่นๆ มองรวิอย่างเป็นห่วง พิมุกยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม ก่อนจะง้างมือต่อยรวิเต็มเหนี่ยว
รวิล้มลง เลือดกบปาก ก่อนตาจะค่อยๆ ปิดลง
บนเวทีดนตรี นภากาศร้องเพลงอยู่
“ฉันต้องโด่งดังไกล แต่ไฉน...” ศิริพรขยับเสื้อผ้า คว้าไมค์มาถือไว้เตรียมตัวเต็มที่ “ใครใครเห็น เป็นภาพ ลวงตา”
นักดนตรีโซโล่ ศิริพรยิ้มเชิดหน้าเตรียมก้าวออกมา แต่เดือนก้าวผ่านแซงหน้าศิริพรออกไป ยืนโดดเด่นอยู่กลางเวที
“ดนตรีนั้นคือชีวิต จังหวะคอยลิขิตให้ชีวิตก้าวไป”
นภากาศหันมามองหน้าเดือนอย่างแปลกใจ เดือนยิ้มตอบให้และร้องเพลงไปด้วย เทพและนักดนตรีคนอื่นๆ ยิ้มกว้างออกมา เทพหันไปมองก้องที่ชูนิ้วโอเคให้ก่อนจะเข้าประจำที่ เสียงคนดูปรบมือและกรี๊ดกร๊าดกันอย่างพอใจ
ศิริพรอ้าปากค้าง ทั้งโกรธทั้งเจ็บใจกำไมโครโฟนแน่น เดือนร้องเพลงพร้อมกับส่งให้นภากาศร่วมร้องด้วย
คนดูต่างเต้นโยกย้ายกันตามจังหวะเพลงสนุกสนาน โรจน์ทำหน้าเจ็บใจ ถอดหมวกออกก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป
บนเวที เดือนร้องและเต้นโยกย้ายไปมา นักดนตรีก็โยกตัวสนุกสนานไปกับเพลงด้วย เทพมีสีหน้ายิ้มแย้ม พยักหน้ายิ้มขอบคุณเดือน ศิริพรยืนเจ็บใจทำอะไรไม่ถูกอยู่ด้านหลัง
จบเพลงเดือนกับนภากาศยืนโพสต์ท่าอย่างสวยงาม เสียงปรบมือและกรี๊ดสนั่น คนดูแห่ดันเข้ามามาขอจับมือให้ดอกไม้และพวงมาลัยกับเดือน นภากาศหันหลังจะเดินกลับเข้าไปแต่เดือนดึงไว้และลากนภากาศออกไปรับพวงมาลัยด้วย
“เก่งจังเลยพี่เดือน ทั้งเก่งทั้งสวยเลย”
“ใช่ๆ นี่ป้าก็ชอบหนู ว่าจะมาสมัครเป็นแฟนคลับด้วยคน”
เดือนยิ้มกว้าง
“ขอบคุณมากค่ะ เดือนดีใจมากเลยที่ได้เจอทุกคน”
“เออ แล้วนักร้องอีกคน”
เดือนยิ้มหันไปทางนภากาศที่ทำหน้าเก้อๆ
“พี่สาวเดือนเองค่ะ เสียงเพราะไม่แพ้เดือนเลยนะคะ”
“อ๋อๆ ป้าจำได้ เมื่อก่อนก็เป็นนักร้องดังเหมือนกันนี่ เออ เสียงยังไม่ตกเลยแฮะ”
นภากาศยิ้มเขินๆ แต่ยังฟอร์มไว้อยู่ เดือนกับนภากาศถอยกลับมาที่กลางเวที
“วันนี้เดือนต้องขอขอบคุณทุกๆ คนมากเลยนะคะ ที่มารอให้กำลังใจเดือนกันเยอะขนาดนี้ เดือนสัญญานะคะว่าโอกาสหน้าถ้ามีเวลา เดือนจะมาจัดคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบให้ทุกคนได้ชม ยังไงวันนี้ก็ขอบคุณนะคะ”
เดือนโบกไม้โบกมือลาคนดูท่ามกลางเสียงกรี๊ดและปรบมือ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไป
“เดือน ขอบคุณมากนะ อุตส่าห์มาช่วย” เทพบอก เดือนยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเทพเองก็เคยให้โอกาสเดือนมาก่อน เดือนไม่ลืมหรอกค่ะ”
เทพยิ้มอย่างพอใจ มองตามเดือนที่เดินเข้าด้านหลังไป
ด้านหลังเวที เดือนเดินลงมาอย่างเร่งรีบกำลังจะเดินไป เจอศิริพรยืนจ้องหน้า เดือนมองศิริพร พยายามฝืนยิ้ม
“โผล่มาได้จังหวะตลอดนะ”
“อืม เซ้นส์ชั้นดีน่ะ”
“เหรอ ดีให้ตลอดนะ”
“จ้ะ ขอบใจนะ แล้วก็ขอโทษด้วย”
ศิริพรทำหน้าแปลกใจ
“ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไร”
เดือนเดินยิ้มเข้ามาใกล้ศิริพร
“ขอโทษที่ทำให้เธอดับตั้งแต่ยังไม่เกิด”
เดือนยิ้มสะบัดหน้าเดินเชิดออกไป ศิริพรมองตามอย่างโกรธจัด
“ผยองไปให้พอก่อนเหอะ แล้วแกจะรู้ว่าชั้นทำอะไรได้มากกว่าที่แกคิด”
เดือนเดินเชิดอย่างสง่า แต่แล้วก็หยุดเดินมองซ้ายมองขวาว่ามีใครไหม ก่อนจะถอดรองเท้า ถกกระโปรงวิ่งเต็มที่
“พี่รวิ ป่านนี้เป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้ โธ่เอ๊ย”
เดือนวิ่งมาถึงตรงเวทีมวย คนดูเริ่มทยอยออก บนเวที พิมุกถือเข็มขัดแชมป์ ยืนให้ลูกน้องถ่ายรูปอยู่ เดือนกวาดตามมองหารวิ
“เดือน ทางนี้”
ขำเดินเข้ามาหาเดือนพร้อมกับพยักหน้าให้ตามมา เดือนเดินตามขำไปอย่างร้อนรน
“ตกลงพิมุกชนะเหรอ แล้วพี่รวิล่ะ”
“ชนะคะแนนน่ะ ทีแรกคิดว่าจะชนะน็อก แต่รวิน่ะอึดมาก ฝืนลุกขึ้นมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งจนครบยก”
“โธ่ พี่รวิ”
“แต่ชั้นว่ามันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ยกที่ 4 ยังเห็นรวิได้เปรียบอยู่เลย พอยกสุดท้าย ก็อย่างที่บอก”
เดือนน้ำตาคลอเร่งจ้ำเดินตามขำไป
ขำกับเดือนเดินเข้ามาในที่พักนักมวย ที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีคน เพราะทยอยเก็บของออกไปกันบ้างแล้ว
“เดือน อยู่นี่”
ป้อมเรียก เดือนรีบเดินมาหาป้อมที่ปฐมพยาบาลรวิอยู่ รวินอนอยู่ที่เปลผ้าใบ หน้าตาบวมช้ำ ปากแตก เลือดอาบ นอนหลับไม่ได้สติอยู่ เดือนตกใจ รีบถลาเข้าไปหารวิ
“พี่รวิ นี่ นี่โดนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
เดือนหยิบผ้ามาเช็ดเลือดให้รวิ น้ำตาเริ่มไหล
“โถ น่าสงสารจริงๆ นี่ชั้นทำอะไรลงไปเนี่ย”
พิมุกเดินเข้ามามองรวิอย่างเยาะเย้ย มีบ่างที่เดินประคองเตี้ยมาเพราะยังมึนๆ อยู่
“นี่ลูกน้องพี่พิไปโดนอะไรมาเหรอ” ขำแกล้งถาม
“อ๋อ มันเผลอไปดมยาที่ใส่ให้ไอ้ลิ...” บ่างเผลอบอก พิมุกรีบขัด
“เฮ้ย พวกเอ็งออกไปรอข้าข้างนอกโน่น” พิมุกส่งสายตาไปเตือนบ่าง บ่างรีบเอามือปิดปากก่อนจะประคองเตี้ยออกไป ขำมองตามอย่างสงสัย “น่าสงสารจริงๆ จะให้ชั้นช่วยอะไรมั๊ยล่ะ เอาค่ารักษาซะหน่อยมั๊ย”
“ไม่ต้องหรอก ชั้นจัดการกันเอาเองได้” เดือนบอก
พิมุกยักไหล่ไม่สนใจ
“งั้นก็ตามใจ ยังไงก็ดูแลกันดีๆ นะจ๊ะ ไม่รู้จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมหรือเปล่า พี่ไปล่ะ อ้อ เดี๋ยวว่างๆ พี่จะไปหาน้องเดือนนะจ๊ะ ฮ่าๆๆ สะใจโว้ย”
พิมุกเดินออกจากห้องไป เดือนมองตามอย่างโมโห
“ทำกันเกินไปแล้ว ชั้นอุตสาห์ไปขอร้องแล้วแท้ๆ”
“เฮ้อ มันก็เหมือนญาติมันนั่นแหล่ะ ไอ้รังเกียรตินั่นน่ะ ป่านนี้คงนั่งไม่ติดแล้วมั้ง”
“ช่างเค้าก่อนเถอะ แต่ตอนนี้เราคงต้องพาพี่รวิไปโรงพยาบาลก่อนแล้วล่ะ”
“ไป งั้นก็ไปกันเลย”
ทุกคนจะเข้ามาประคองรวิ จู่ๆ มือรวิพรวดขึ้นจับมือเดือน
“ว้าย” เดือนตกใจ
รวิค่อยๆ ลืมตาขึ้น ทั้งๆ ที่บวมจนปิดตาอยู่ข้างหนึ่ง
“โอ๊ย พาพี่กลับบ้านดีกว่า”
“พี่รวิ ฟื้นแล้วเหรอจ๊ะ” รวิทำนิ่ง เดือนทำหน้างอ “กวนประสาทแบบนี้นี่ แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วใช่มั๊ย”
ป้อมกับขำเดินเท้าเอวเข้ามามองรวิยิ้มๆ
“แกนี่มันอึดจริงๆ พับผ่าสิ อึดกว่าสมัยชั้นซะอีก”
“อึดเหมือนควายใช่มั๊ยพี่ป้อม”
ป้อมหันขวับมาจ้องหน้าขำที่รีบเอามือปิดปาก
“ทุกคนมีความสุขกันมากสินะ โอ๊ย” รวิจะลุกแล้วก็เจ็บซี่โครง
“ก็ถ้าเจ็บก็อยู่เฉยๆ สิ เดี๋ยวจะพาไปหาหมอนี่ไง” เดือนบอก
“พากลับบ้านเถอะ พี่ไม่ชอบนอนโรงพยาบาล”
“เฮ้อ พี่นี่ดื้อจริงๆ เอาไงกันดี”
ขำย่อตัวลงมานั่งข้างๆ รวิ
“โอเค ไม่นอนก็ไม่นอน แต่ยังไงก็ต้องไปให้หมอตรวจก่อนอยู่ดีว่ามีอะไรบุบสลายไปบ้างมั๊ย ไม่ต้องเถียง ถ้าแกเถียงชั้นจะให้พี่ป้อมจูบแก ตกลงมั๊ยรวิ”
รวิหันไปเห็นป้อมเผยอปากเซ็กซี่ยื่นหน้ามาหาอยู่
“ไป ไป งั้นรีบไปกันโดยด่วนเลย”
อ่านต่อตอนที่ 12